Reincarnation Of The Strongest Sword God 2896-2897

 ตอนที่ 2896 ซากปรักหักพังโบราณของเหล่าทวยเทพ


“ซากปรักหักพังโบราณ ?”


เมื่อซือเฟิงได้ยินคำนี้เขาก็มีท่าทีสนใจอย่างมาก


ซากปรักหักพังโบราณนั้นมักจะปรากฎขึ้นในดินแดนลับแบบนี้แหละ อย่างไรก็ตามในดินแดนลับ ระดับพระเจ้านั้นซากปรักหักพังโบราณมันก็หาได้ยากมากๆ และสิ่งของจากยุคโบราณส่วนใหญ่ที่หลงเหลืออยู่ในซากปรักหักพังโบราณมาจนถึงยุคปัจจุบันของ God domain ในดินแดนลับ ระดับพระเจ้านั้นมันก็จะมีค่าเทียบเท่ากับไอเทมระดับตำนานเลย


ในยุคโบราณนั้นมันเป็นยุคที่มีเหล่าทวยเทพถือกำเนิดขึ้นเป็นจำนวนมาก และมันก็เป็นยุคที่ยังคงมีเหล่าทวยเทพอาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์ด้วย ซึ่งหากผู้เล่นคนหนึ่งโชคดีมากพอนั้น พวกเขาก็มีสิทที่จะค้นพบบางสิ่งที่เหลือไว้โดยเทพโบราณจากซากปรักหักพังโบราณ ….


“ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ?” ซือเฟิงรีบถามผ่านแชททีม


“ฉันอยู่บริเวณหุบเขาทางตอนใต้ที่มีธารน้ำไหล โดยที่นี่มีอสูรเลือดปีศาจมากกว่าสามพันตัวคอยลาดตระเวนไปมาบริเวณรอบๆ ซึ่งดูเหมือนว่าพวกมันคือผู้ที่ทำหน้าที่ปกป้องซากปรักหักพังโบราณแห่งนี้…” ไฟเออร์แดนซ์กล่าวด้วยน้ำเสียงกระซิบ ในขณะที่เธอมองไปยังสภาพแวดล้อมบริเวณรอบๆ “นอกเหนือจากนี้แล้ว ฉันคิดว่าซากปรักหักพังโบราณแห่งนี้น่าจะเป็นที่ที่มอนสเตอร์ทั้งหมดในนี้มาสักการะบูชากัน เพราะฉันเห็นวิญญาณเลือดปีศาจ และมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายชั้นยอดที่มีเลเวลตั้งแต่หนึ่งร้อยหกสิบหรือมากกว่าขึ้นไปได้เดินเข้าไปในนั้น ซึ่งมันดูเหมือนว่ากำลังจะมีพิธีกรรมบางอย่างถูกจัดขึ้น ดังนั้นการป้องกันภายในจึงน่าจะแน่นหนามากๆ และมันก็คงจะเป็นเรื่องยากมากๆสำหรับพวกเขาที่จะตีฝ่าเข้าไป …”


“หื้ม ?” เมื่อซือเฟิงได้ยินดังนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย


หากจำนวนของมอนสเตอร์มีแค่หลายร้อยตัวเขาก็ยังพอจะนำทุกคนเข้าต่อสู้ได้ แต่นี่มันกับมีหลายพันตัว แถมนี่ยังไม่นับรวมพวกมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายชั้นยอดที่มีเลเวลตั้งแต่หนึ่งร้อยหกสิบหรือมากกว่าอีก


โดยหากพวกมันประสานงานกัน และโจมตีพร้อมกันนั้น แม้แต่ซือเฟิงซึ่งเป็นผู้เล่นขั้นห้าก็ยังมีโอกาสที่จะได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงบรรดาผู้เล่นขั้นสี่คนอื่นๆเลย


อาชีพขั้นห้านั้นสามารถหลบหลีกและต้านทานการโจมตีได้โดยอาศัยความเร็วในการตอบสนอง และความเร็วในการเคลื่อนที่ที่อยู่เหนือกว่าขั้นสี่มาก แต่สำหรับอาชีพขั้นสี่นั้นมันแตกต่างออกไป เพราะพลังในทุกๆด้านของอาชีพขั้นสี่นั้นเทียบไม่ได้กับขั้นห้าเลย ดังนั้นหากถูกรุมจากมอนสเตอร์พวกนี้นั้น พวกเขาจะไม่ต่างจากฝูงแกะที่รอให้หมาป่ามารุมกินโต๊ะเลย …..


หากต้องการจะเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ระดับนี้จำนวนมากขนาดนี้จริงๆ ทีมๆหนึ่งจำเป็นจะต้องมีผู้เล่นขั้นห้าสามถึงสี่คนช่วยในการรับมือกับมัน สำหรับการที่ทีมๆหนึ่งมีผู้เล่นขั้นห้าเพียงคนเดียวนั้น อย่างมากที่สุดผู้เล่นขั้นห้าก็จะทำได้แค่ช่วยฆ่ามอนสเตอร์พวกนี้ไปบางส่วน และหลบหลีกการโจมตีของมอนสเตอร์พวกนี้เท่านั้น


หรือจะพูดอย่างตรงไปตรงมาก็คือ แค่การจะเอาชีวิตรอดและฆ่ามอนสเตอร์พวกนี้ไปด้วยนั้นมันก็ตึงมือมากแล้วสำหรับผู้เล่นขั้นห้าหนึ่งคน


“หัวหน้ากิล เราล่อพวกมันออกมาบางส่วน แล้วค่อยๆฆ่าพวกมันไปดีไหม ?” โคลท์ชาโด้วกล่าวแนะนำ “แม้ว่ามอนสเตอร์พวกนี้มันจะมีจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตามแต่ละกลุ่มของพวกมันนั้นก็อยู่กันค่อนข้างกระจัดกระจาย ดังนั้นเราจึงน่าจะสามารถใช้ประโยชน์จากจุดนี้ล่อพวกมอนสเตอร์เท่าที่เราจะรับมือไหวออกมาฆ่าได้ และหากมันมีความสุ่มเสี่ยงที่มอนสเตอร์เหล่านี้จะรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่เราก็แค่ถอยออกมาก่อนแล้วค่อยกลับไปใหม่ ทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา เราน่าจะสามารถกำจัดมอนสเตอร์พวกนี้ทั้งหมดได้”


“วิธีที่คุณว่ามามันก็พอจะเป็นไปได้ แต่ …” ซือเฟิงยิ้มอย่างขมขื่น ก่อนที่เขาจะเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง และกล่าวต่อว่า “แต่มันต้องมีข้อกำหนดเบื้องต้นอยู่อย่างหนึ่งเลยก็คือมอนสเตอร์พวกนั้นจะต้องไม่มีพวกที่สามารถช่วยฮีลให้พวกมันได้ อย่างไรก็ตามจากการไล่ล่าและฆ่ามอนสเตอร์พวกนี้มานั้น คุณก็เห็นว่าพวกมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายชั้นยอดบางส่วนนั้นมันมีสกิลที่ช่วยฮีล ดังนั้นการจะทำตามวิธีนี้มันจึงค่อนข้างจะมีความเสี่ยงมากๆ ….”


“เว้นแต่ว่าพวกเราจะสามารถฆ่าพวกมอนสเตอร์ที่ล่อมาได้ในระยะเวลาอันสั้นเท่านั้น … ไม่งั้นทุกอย่างมันจะกลายเป็นพวกเราที่จะจบสิ้นแทน”


เมื่อโคลท์ชาโด้วได้ยินคำพูดของซือเฟิง เธอก็เงียบลงไป …. เพราะทุกอย่างมันเป็นอย่างที่ซือเฟิงว่ามาจริงๆ …..


“งั้นพวกเราจะต้องยอมแพ้แค่นี้งั้นหรอ ?” ไวท์เฟเธอร์อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาด้วยความดื้อรั้นเล็กน้อย “นั่นคือซากปรักหักพังโบราณในดินแดนลับชั้นยอดเลยนะ !!!”


เธอเคยเข้าไปสำรวจซากปรักหักพังโบราณในดินแดนลับบางแห่งในตอนที่ยังอยู่กับไมโทโลจี้มาก่อน ดังนั้นเธอจึงรู้ดีว่าภายในนั้นมันมีอะไรรออยู่บ้าง ซึ่งแม้ว่ามันจะมีอันตรายอยู่ แต่มันก็มาพร้อมกับผลประโยชน์ที่คุ้มค่ามากๆเช่นกัน แถมที่นี่มันยังเป็นดินแดนลับที่มีระดับสูงกว่าดินแดนลับที่เธอเคยเข้าไปตอนอยู่กับไมโทโลจี้อีก ดังนั้นสิ่งของที่อยู่ภายในซากปรักหักพังโบราณในดินแดนลับแบบนี้นั้นจึงจะมีค่ามากกว่าดินแดนลับของไมโทโลจี้แน่นอน และบางทีมันอาจจะมีคำแนะนำมรดกที่ช่วยให้เลื่อนขั้นเป็นขั้นได้ง่ายขึ้นด้วยก็ได้


“มันก็ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ….” ซือเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะกล่าวตอบขึ้นมาอย่างกระทันหันว่า “เพียงแต่ว่าเรื่องนี้มันนับว่าเสี่ยงมาก และมีสิทที่พวกเราทั้งหมดจะถูกสังหารหมู่ ….”


แม้ว่าดินแดนลับแบบนี้จะไม่ได้จำกัดจำนวนผู้เล่นที่จะเข้าสู่ดินแดนลับ แต่มันก็ยังคงมีคูลดาวน์ในการจะกลับเข้ามาใหม่อยู่ดีสำหรับผู้เล่นแต่ละคนที่ตายลง ซึ่งสำหรับดินแดนลับระดับพระเจ้านั้นมันก็จะมีคูลดาวน์อยู่ที่ประมาณสิบวัน โดยตราบใดที่ผู้เล่นตายลง พวกเขาก็จะไปฟื้นคืนชีพนอกดินแดนลับ และต้องรอคูลดาวน์นี้ทันทีจึงจะสามารถเข้ามาได้ใหม่


ซึ่งทุกอย่างที่กล่าวไปข้างต้นนั้นมันก็นับเป็นการสูญเสียโอกาสของพวกเขาอย่างแท้จริง เพราะท้ายที่สุดแล้วพวกเขาสามารถจะล่าในบริเวณรอบๆและเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองไปเรื่อยๆเท่าที่พอใจได้ พวกเขาไม่ได้จำเป็นที่จะต้องเข้าไปเสี่ยงแบบนี้เลย


เมื่อได้ยินคำพูดล่าสุดของซือเฟิง โคลท์ชาโด้วก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังซือ

เฟิงด้วยความอยากรู้อยากเห็น และถามว่า “หัวหน้ากิล คุณมีแผนงั้นหรอ ?”


“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ แต่มันมีอัตราความสำเร็จแค่ราวสามสิบถึงสี่สิบเปอเซ็นต์นะ …” ซือเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อว่า “และนั่นก็เป็นกรณีที่ต้องไม่มีอะไรเหนือความคาดหมายมากนักในซากปรักหักพังโบราณด้วย”

“สามสิบถึงสี่สิบเปอเซ็นต์ ?” ดวงตาที่สวยงามของโคลท์ชาโด้วนั้นจ้องมองไปยังซือเฟิงอย่างประหลาดใจเมื่อได้ยินอัตราความสำเร็จที่เขาพูดออกมา อัตราความสำเร็จนี้มันอาจกล่าวได่ว่าสูงมาก เพราะท้ายที่สุดแล้วมอนสเตอร์ที่พวกเขาต้องเผชิญนั้นมันมีมากกว่าสามพันตัว แถมมันยังแข็งแกร่งอย่างน่ากลัวด้วย “ฉันคิดว่าเราควรจะลองดูนะ แม้ว่าหากล้มเหลวมันจะน่าเสียดาย แต่ตอนนี้เราก็จำเป็นจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ไวที่สุด และฉันก็คิดว่าตัวเลือกในการล่ารอบๆ หรือเข้าไปลึกขึ้นนั้นมันก็อันตรายพอกัน เพราะเราก็มีสิทที่จะต้องไปเจอกับมอนสเตอร์ระดับโดเมนศักสิทธิ์ขั้นห้าด้วย ซึ่งมอนสเตอร์ระดับนี้นั้นเราก็ไม่รู้ว่าเราจะต่อกรกับมันได้มากน้อยแค่ไหน ดังนั้นมันจึงดีกว่ามากที่เราจะเสี่ยงไปลองในสิ่งที่เราพอรู้อยู่บ้าง ….”


มอนสเตอร์ระดับโดเมนศักสิทธิ์ขั้นห้านั้น หากจ้อกันในโลกภายนอก มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เล่นขั้นห้าจะสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดายเลย ซึ่งมันก็เป็นเช่นเดียวกับที่ผู้เล่นขั้นสี่ยากจะฆ่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยายชั้นยอดที่มีโดเมนในการต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่ง


และเรื่องที่กล่าวไปข้างต้นนั้นมันก็เป็นการได้พบกับมอนสเตอร์ระดับโดเมนศักสิทธิ์ขั้นห้าในโลกภายนอกเท่านั้น ไม่ใช่ในดินแดนลับระดับพระเจ้าที่ผู้เล่นนั้นถูกปราบปรามอยู่ในระดับหนึ่งเมื่ออยู่ภายในด้วย แถมหากในระหว่างที่พวกเขาต่อสู้กับมอนสเตอร์ระดับโดเมนศักสิทธิ์ขั้นห้าอยู่ แล้วมีอีกตัวปรากฎขึ้นมาเพิ่มเติมพวกเขาก็จะตายแน่นอน และมันก็คงจะมีแต่ซือเฟิงเท่านั้นที่จะสามารถหนีไปได้


เมื่อได้ยินคำพูดของโคลท์ชาโด้ว โคล่า และคนอื่นๆก็พยักหน้าเห็นด้วย


ปัจจุบันอาวุธและอุปกรณ์ของพวกเขานั้นได้รับการปรับปรุงไปอย่างมาก และหากพวกเขาต้องการจะก้าวไปให้ไกลกว่านั้นมันก็อาจเป็นเรื่องยากมากที่จะทำให้ได้ในระยะเวลาอันสั้น เนื่องจากการจะเปลี่ยนอุปกรณ์และอาวุธระดับอีปิคทั้งแบบปกติ และเป็นเซ็ทแปดชิ้นที่สามารถใช้ได้จนถึงเลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบ และเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานนั้นมันขึ้นอยู่กับโชค นี่ยังไม่นับรวมเรื่องเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานบางส่วนที่สามารถจะซ่อมแซมได้โดยใช้คริสตัลเทพเจ้าอีก แต่คริสตัลเทพเจ้านี้ก็ไม่ได้หาง่ายๆเลย


“เนื่องจากทุกคนคิดว่าควรลองดู งั้นเราก็มาลองกัน !!!” ซือเฟิงมองไปยังทุกคน ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อว่า “จริงๆแล้วมันง่ายมากที่จะเข้าไปในซากปรักหักพังโบราณ ฉันต้องการให้พวกคุณช่วยลากมอนสเตอร์ส่วนใหญ่ออกไปด้านนอก และตราบใดที่สามารถทำแบบนี้ได้นั้น ฉันก็สามารถจะเข้าไปในซากปรักหักพังโบราณได้ ซึ่งแผนการนี้มันจะต้องไม่มีอะไรเหนือความคาดหมายโผล่ขึ้นมาอย่างที่ฉันได้กล่าวไปแล้ว ไม่งั้นฉันก็จะไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากต้องหนีเพื่อเอาชีวิตรอดเท่านั้น”


“หัวหน้ากิล ปล่อยให้เป็นหน้าที่เราเอง !!!” โคล่ากล่าวพลางตบหน้าอกด้วยความมั่นใจอย่างถึงที่สุด “พวกเราแท๊งเกอร์นั้นแข็งแกร่งขึ้นมากแล้วทั้งในด้านอาวุธ อุปกรณ์ และสกิลกับเวทย์ช่วยชีวิต ดังนั้นการจะลากและตรึงพวกมอนสเตอร์เหล่านี้ไว้สักห้านาทีน่าจะไม่มีปัญหาใดๆ”


“นอกเหนือจากนี้แล้ว พวกฉันอาชีพสายเวทย์มนต์ทั้งหมดก็ยังจะสามารถใช้เวทย์พันธนาการ และขัดขวางการเคลื่อนไหวของพวกมอนสเตอร์เหล่านี้เพื่อช่วยเหลือพวกแท๊งเกอร์ได้อีกทางด้วย” จ้าวเยว่รู่กล่าวพลางพยักหน้า


หลังจากได้ฟังคำสั่งของซือเฟิงทุกคนก็พยักหน้ารับกันอย่างพร้อมเพรียง “โอเค งั้นฉันจะฝากเรื่องนี้ทั้งหมดไว้ให้พวกคุณทุกคน และเดี๋ยวฉันจะรีบเข้าไปสำรวจซากปรักหักพังโบราณนี้โดยเร็วที่สุด !!!”


เริ่มแรกโคลท์ชาโด้ว ไฟเออร์แดนซ์ และหยานเทียนซิงจะเป็นผู้ทำหน้าที่ล่อ กับลากพวกมอนสเตอร์เป้าหมายให้เคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่กำหนดให้มากที่สุด


หลังจากพวกมอนสเตอร์มาถึงตำแหน่งที่กำหนด โคล่า เย่หวูเมี่ยน เทอเทิ้ลโดฟ และไวท์เฟเธอร์ก็จะเข้ารับผิดชอบต่อด้วยการตรึงพวกมันเอาไว้ด้วยทุกอย่างที่มี ในขณะเดียวกันพวกฮีลเลอร์ในแนวหลังก็จะคอยฮีลให้ทั้งสี่คนนี้อย่างบ้าคลั่งเพื่อให้แน่ใจว่าทั้งสี่คนนี้จะตรึงพวกมอนสเตอร์ไว้ได้นานที่สุด ….


ในส่วนของผู้เล่นนักเวทย์นั้น พวกเขาก็เข้าประจำตำแหน่งของตัวเองที่ด้านข้าง และใช้เวทย์พันธนาการ กับเวทย์ขัดขวางการเคลื่อนไหวคอยสนับสนุน ….


ซึ่งเมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนั้น ซือเฟิงที่ปกปิดออร่ากับกลิ่นอายของตัวเองและซ่อนอยู่ไม่ไกลจากซากปรักหักพังโบราณก็เริ่มวิ่งตรงเข้าไปยังซากปรักหักพังโบราณอย่างรวดเร็ว


และด้วยความสามารถของผ้าคลุมไหล่ไนท์วอร์คเกอร์นั้นมันก็ทำให้ซือเฟิงสามารถเดินทางข้ามระยะหลายร้อยหลาได้ในก้าวเดียว


โดยนี่มันก็เหมือนกับการเทเลพอร์ตเลย เพราะภายในเวลาไม่ถึงสองวินาที ซือเฟิงก็สามารถก้าวข้ามระยะหลายพันหลา และไปถึงที่บริเวณประตูของซากปรักหักพังโบราณได้ ก่อนที่เขาจะรีบเปิดประตูและเดินเข้าไปในซากปรักหักพังโบราณโดยที่พวกมอนสเตอร์บริเวณรอบๆไม่ทันได้สังเกตเห็นเลย


อย่างไรก็ตามเมื่อซือเฟิงก้าวเข้ามาภายในซากปรักหักพังโบราณนั้น เหล่ามอนสเตอร์ทั้งหมดที่อยู่ภายในนี้ก็หันมามองเขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยบ้าคลั่ง ก่อนที่พวกมันจะพุ่งเข้าโจมตีซือเฟิงจากทุกทิศทางกันอย่างรวดเร็ว


แต่อย่างไรก็ตามสำหรับซือเฟิงที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นห้านั้น เขาก็สามารถจะหลบการโจมตีพวกนี้ได้อย่างง่ายดายมากๆ


เพียงพริบตาเดียวซือเฟิงก็หายตัวไปจากห้องโถงขนาดใหญ่ และเข้าไปในทางเดินชั้นใต้ดินชั้นที่สองที่อยู่ลึกกว่า โดยแม้ว่าระหว่างทางมันจะมีกับดักต่างๆติดตั้งอยู่ แต่มันก็ไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิงเมื่ออยู่ต่อหน้าซือเฟิง


ท้ายที่สุดแล้วในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ซือเฟิงก็ได้มาถึงส่วนที่ลึกที่สุดของซากปรักหักพังโบราณ


ในส่วนที่ลึกที่สุดของซากปรักหักพังโบราณที่อยู่ใต้ดินนั้นมันเป็นเหมือนพื้นที่ว่างเปล่า และในพื้นที่ว่างเปล่านี้มันก็มีวิหารโบราณอันงดงามตั้งตระหง่านอยู่ และแม้จะผ่านไปหลายร้อยหรือหลายพันปี แต่วิหารโบราณแห่งนี้ก็ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยออร่า Divine Might ที่แข็งแกร่ง


และถ้าไม่ใช่เพราะซือเฟิงเป็นผู้เล่นขั้นห้า รวมไปถึงมีไอเทมระดับตำนาน เขาก็คงจะไม่สามารถต้านทานออร่า Divine Might ที่แผ่ออกมาจากวิหารนี้ได้แน่นอน


“ช่างเป็นวิหารที่ทรงพลังมากจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันเป็นผู้เล่นขั้นห้า และมีผ้าคลุมไหล่ไนท์วอร์คเกอร์ที่เป็นไอเทมระดับตำนานอยู่ ฉันก็คงจะได้รับผลกระทบจากออร่า Divine Might ของมันแน่ๆ …” ซือเฟิงนั้นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเขารับรู้ได้ถึงสภาพแวดล้อมของวิหารตรงหน้าเขา


และเท่าที่ซือเฟิงประเมินพลังออร่า Divine Might ของมันนั้น แม้แต่ผู้เล่นขั้นหกก็ยังจะได้รับผลกระทบแน่นอน หากพวกเขาเข้ามาที่นี่โดยไม่มีไอเทมระดับตำนาน ….


ขณะเดียวกันเมื่อซือเฟิงได้เดินเข้าใกล้วิหารนั้น เหล่ามอนสเตอร์ทั้งหมดที่ไล่ตามเขามาก็ได้หยุดลง และมองอยู่อย่างห่างๆ ซึ่งดูจากท่าทีของพวกมันแล้วดูเหมือนว่าพวกมันจะไม่มีความตั้งใจจะเข้ามาใกล้วิหารมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้เลย


สิ่งนี้มันทำให้ซือเฟิงรู้สึกผ่อนคลายขึ้น เพราะนี่มันทำให้การเดินเข้าสู่วิหารแห่งนี้ของเขาง่ายขึ้นมาก ส่วนเรื่องการจะออกจากวิหารยังไงนั้นซือเฟิงคิดว่าไว้ค่อยคิดอีกทีก็ได้


อย่างไรก็ตามหลังจากที่ซือเฟิงเข้ามาถึงห้องโถงที่สว่างไสวของวิหาร เขาก็ได้เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดเสื้อคลุมสีดำที่มีท่าทีเหมือนนักวิชาการกำลังยืนอยู่อย่างเงียบๆ


โดยในเวลานี้นั้นชายหนุ่มผู้นี้ก็กำลังพยายามรวบรวมวงเวทย์ที่เป็นแผ่นทองคำหลายวงเข้าด้วยกัน ซึ่งความซับซ้อนของวงเวทย์ที่ชายหนุ่มผู้นี้กำลังพยายามรวบรวมนั้น มันก็ทำให้แม้แต่ซือเฟิงยังรู้สึกปวดหัว


และช่วงเวลาที่ซือเฟิงมองไปที่ชายหนุ่มคนนี้ เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่วิญญาณของตัวเอง


“ที่แท้ก็เป็นคุณนี่เอง !!”


ซือเฟิงจ้องมองไปที่ชายหนุ่มตรงหน้าเขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ


เพราะชายหนุ่มผู้นี้นั้นคือผู้ที่เขาได้พบและต่อสู้ด้วยในเมืองแบล๊ควิง และชายหนุ่มผู้นี้ก็คือผู้ที่มอบคำสาปโซ่วิญญาณให้เขา (ขอเปลี่ยนชื่อหน่อยสกิลเป็นอันนี้นะ)


“หื้ม ? เป็นคุณงั้นหรอ ?” ชายหนุ่มจ้องมองไปยังซือเฟิงที่ปรากฎตัวขึ้นข้างหลังเขา และพูดอย่างประหลาดใจเล็กน้อย “การที่ทนอยู่ในคำสาปโซ่วิญญาณของฉันมาได้นานขนาดนี้ และยังไม่ตายหรือกลายเป็นหุ่นเชิดนี่จัดว่ายอดเยี่ยมมากๆ คุณนี่มันเป็นคนที่น่าประหลาดใจจริงๆ …”


“นี่ฉันควรจะรู้สึกเป็นเกียรติไหม ?” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น ขณะที่เขามองไปยังชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความระมัดระวัง


ในตอนที่เขาพบกับชายหนุ่มผู้นี้เป็นครั้งแรกที่เมืองแบล๊ควิงนั้น เขาก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่าชายหนุ่มผู้นี้นั้นเป็น NPC ขั้นห้าที่เหนือกว่า NPC ขั้นห้าทั่วไปมาก ไม่งั้นเขาคงจะไม่สามารถหลบหนีออกจากเมืองแบล๊ควิงได้แน่นอน หลังจากก่อเรื่องใหญ่ซะขนาดนั้น


อย่างไรก็ตามในตอนนี้แม้ว่าเขาจะอยู่ในขั้นห้าแล้ว แต่เขาก็ยังไม่สามารถจะตรวจสอบข้อมูลของชายหนุ่มตรงหน้าได้เลย


สิ่งเดียวที่เขาสามารถตรวจสอบได้ก็คือชายหนุ่มตรงหน้าของเขานั้นยังคงอยู่ในขั้นห้า เพียงแต่ว่าชายผู้นี้นั้นก็ยังคงมีความพิเศษมากๆ เพราะแม้ว่าตัวเขานั้นจะอยู่ในขั้นห้าแล้ว แต่เมื่อจ้องมองไปยังชายผู้นี้ หัวใจของเขามันก็ยังอดไม่ได้ที่จะสั่นไหว


“ก็ควรนะ และในฐานะผู้ที่ได้รับพรจากสวรรค์ในโลก God domain การที่คุณสามารถเลื่อนขั้นเป็นขั้นห้าได้เร็วขนาดนี้นั้นมันก็แปลว่าคุณมีคุณสมบัติที่จะเป็นหุ่นเชิดของฉัน !!!” ชายหนุ่มกล่าวพลางมองไปยังซือเฟิงด้วยรอยยิ้มสนุกสนาน ราวกับเขากำลังมองไปยังของเล่นชิ้นหนึ่ง “แล้วก็ตั้งแต่คุณมาที่นี่ในวันนี้ งั้นเราก็มาจบเรื่องระหว่างเรากันเลยดีกว่า !!!”


ชายหนุ่มกล่าวพลางยกมือขึ้น


หลังจากนั้นไม่นานบอลเวทย์มนต์สีดำก็บินตรงไปยังซือเฟิง และในทุกๆที่ที่บอลเวทย์มนต์นี้เคลื่อนผ่านระหว่างบินไปหาซือเฟิงนั้นมันก็ถูกแปรเปลี่ยนให้กลายเป็นความว่างเปล่ากับมืดมิดทั้งหมด


คำสาปขั้นห้า สวรรค์แห่งความมืด !!!


ตอนที่ 2897 ชายหนุ่มลึกลับที่น่ากลัว


เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำสาปขั้นห้าที่โจมตีเข้ามาอย่างกระทันหัน ซือเฟิงนั้นก็รู้สึกตกตะลึงมากๆ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ได้รีบชักดาบแสงแห่งสองโลกออกจากฝัก และเปิดใช้งานสกิลของมันพร้อมทั้งฟาดฟันมันไปด้านหน้าเพื่อรับมือกับคำสาปขั้นห้าที่เข้ามาทันที


แสงทลายโลก !


เมื่อการโจมตีทั้งสองปะทะกันนั้นมันก็ทำให้เกิดคลื่นกระแทกที่รุนแรงที่เปลี่ยนแปลงภูมิประเทศโดยรอบไปทันที …. และซือเฟิงก็ได้โดนผลจากคลื่นกระแทกที่รุนแรงนี้ผลักดันให้ถอยกลับไปไกลหลายสิบหลา นอกเหนือจากนี้ HP ของซือเฟิงก็ยังลดลงไปมากกว่าเก้าล้านด้วย


ซึ่งในการปะทะกันครั้งแรกนี้ ซือเฟิงไม่เพียงแต่จะสูญเสีย HP ไปมากกว่าหนึ่งในห้า แต่ร่างกายของเขาทั้งหมดก็ยังสั่นสะท้านด้วย และแขนทั้งสองข้างของเขาก็ชาอย่างถึงที่สุด


อย่างไรก็ตามหลังจากการปะทะกันครั้งแรกนั้นชายหนุ่มลึกลับที่โจมตีซือเฟิงก็ยังคงยืนอยู่ที่จุดเดิมของเขาอย่างเงียบๆ ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งของเขานั้นก็ยังพยายามรวบรวมวงเวทย์อยู่ และเขาไม่ได้มีท่าทีที่คิดจะเข้าโจมตีซือเฟิงต่อเลย


“สมกับเป็นคนที่กล้าปล้น และก่อเรื่องอย่างโจ่งแจ้งในเมืองแบล๊ควิงจริงๆ ขนาดหันมาใช้คำสาปขั้นห้าโจมตีฉัน เขาก็ยังจะสามารถพยายามรวบรวมวงเวทย์ที่เขาทำอยู่ไปพร้อมกันได้ด้วย” ซือเฟิงพึมพำ และยิ้มอย่างขมขื่น ขณะที่เขามองไปยังแขนที่สั่นเทาทั้งสองข้างของตัวเอง


และในตอนนี้เขาก็ได้ถูกผลักดันให้มาถึงช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดช่วงหนึ่งใน God domain ของเขาแล้ว


แม้ว่าเขาจะรู้มานานแล้วว่าชายหนุ่มลึกลับคนนี้นั้นทรงพลัง และน่ากลัวมากๆ แต่เขาก็ไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มลึกลับคนนี้จะทรงพลังมากขนาดที่สามารถใช้คำสาปขั้นห้าได้โดยที่ไม่ต้องร่าย แถมชายหนุ่มลึกลับคนนี้ก็ยังใช้คำสาปขั้นห้าไปพร้อมกับการพยายามรวบรวมวงเวทย์ที่ซับซ้อนได้ด้วย …..


ซึ่งถ้าไม่ใช่เพราะพลังของดาบแสงแห่งสองโลก ความตายมันก็จะเป็นสิ่งที่แน่นอนอย่างถึงที่สุดสำหรับเขา


หลังจากนั้นเมื่อแขนของซือเฟิงเริ่มหายจากอาการชา เขาก็สังเกตเห็นว่าด้วยผลจากการปะทะกันในครั้งแรกนั้นมันทำให้พื้นที่บริเวณที่ชายหนุ่มลึกลับพยายามจะรวบรวมวงเวทย์อยู่ได้แตกออก และนี่มันก็ทำให้เขาสังเกตเห็นถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่มีปีกสีดำแปดคู่ โดยในเวลานี้แม้ว่าเธอจะดูอ่อนแอมากๆ และ HP ของเธอก็เหลือไม่ถึงสิบเปอเซ็นต์ แต่เธอก็ยังคงแผ่ออร่าที่ทำให้ซือเฟิงรู้สึกไม่ดีออกมาอยู่เรื่อยๆ


“ได้ยังไงกัน ?!!”


ซือเฟิงมองไปที่ผู้หญิงที่มีปีกสีดำแปดคู่ด้วยความตกตะลึง


เทพีตกสวรรค์ !!!


แถมยังเป็นเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงด้วย !!!


สำหรับเรื่องความทรงพลังนั้น หากเป็นเทพีตกสวรรค์ทั่วไป ตัวตนระดับนี้ก็จะมีความแข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่ามังกรโตเต็มวัยขั้นห้าเลย ขณะที่เทพีตกสวรรค์ขั้นสูงนั้นก็จะไม่ได้อ่อนแอไปกว่ามังกรศักสิทธิ์โตเต็มวัยขั้นห้าเลย


แต่ตอนนี้เทพีตกสวรรค์ขั้นสูงตรงหน้าของเขาซึ่งมีเลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบ และอยู่ในขั้นห้านั้นกับถูกพันธนาการไว้โดยชายหนุ่มลึกลับผู้นี้ แถม HP ของเทพีผู้นี้ก็ยังลดลงไปเรื่อยๆตลอดเวลา ซึ่งทำให้เห็นได้ชัดเลยว่าเธออยู่ไม่ไกลจากความตายแล้ว ….


ในขณะที่ซือเฟิงกำลังรู้สึกตกตะลึงกับเรื่องเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงนั้น ชายหนุ่มลึกลับก็มีท่าทีประหลาดใจเล็กน้อยในขณะที่เขามองไปยังดาบแสงแห่งสองโลกในมือของซือเฟิง


“คุณนี่โชคดีมากจริงๆ !! คุณกระทั่งได้รับดาบแสงแห่งสองโลกมา !!!” ชายหนุ่มลึกลับกล่าวอย่างเย็นชา “แต่น่าเสียดายที่ดาบแสงแห่งสองโลกนั้นมันได้รับความเสียหายมาอย่างหนัก และคุณก็ยังซ่อมมันไม่เสร็จ ไม่งั้นหากคุณซ่อมมันเสร็จแล้ว คุณคงพอจะทำให้ฉันบาดเจ็บได้บ้าง ….”


แม้ว่าคำพูดของชายหนุ่มลึกลับจะฟังดูหยิ่งผยองมากๆ แต่ซือเฟิงก็ไม่ได้คิดจะลบล้างใดๆ เพราะท้ายที่สุดแล้วชายหนุ่มลึกลับคนนี้นั้นพูดถูกมากๆ


เท่าที่ซือเฟิงคาดการณ์ชายหนุ่มลึกลับผู้นี้นั้นน่าจะอยู่ในสถานะร่างครึ่งเทพที่ใกล้เคียงกับการเข้าสู่ขั้นหกแล้วอย่างมาก และแม้ว่าเขาจะซ่อมดาบแสงแห่งสองโลกจนมันกลับมาอยู่ในสถานะสูงสุดได้แล้ว แต่มันก็ยังคงยากอยู่ดีที่จะจัดการชายหนุ่มลึกลับคนนี้ได้ เพราะท้ายที่สุดช่องว่างระหว่างทั้งสองฝ่ายในด้านพลังส่วนตัวนั้นมันมีมากเกินไป


ดังนั้นนี่มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ชายหนุ่มลึกลับจะกล่าวว่าเขาโชคดีมากๆ เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาพึ่งจะก้าวเข้าสู่ขั้นห้า แต่เขากับได้รับอาวุธระดับตำนานมาแล้ว ในขณะที่พวกขั้นหกบางคน รวมไปถึงผู้ที่อยู่ใกล้ขั้นหกมากๆแล้วแบบชายหนุ่มลึกลับนั้นยังไม่มีอาวุธระดับตำนานใช้ด้วยซ้ำ


และหากไม่ใช่เพราะชายหนุ่มลึกลับได้ใช้ความแข็งแกร่งส่วนใหญ่ของตัวเองไปกับการจัดการเทพีตกสวรรค์ขั้นสูง บางทีเขาก็อาจจะโดนโจมตีจนตายไปนานแล้วก็ได้


“แต่อย่างไรก็ตามการละเล่นระหว่างเรานั้นจำเป็นจะต้องจบลงตรงนี้ เพราะฉันจำเป็นจะต้องรีบจัดการกับแม่เทพีตกสวรรค์นี่ ดังนั้นคุณช่วยตายตอนนี้เลยได้ไหม ?”


เมื่อชายหนุ่มลึกลับพูดจบ เขาก็ได้เริ่มทำการร่ายเวทย์ทันที


หลังจากนั้นซือเฟิงก็รู้สึกว่ามานาภายในห้องโถงนั้นได้หายไปทั้งหมด ซึ่งนี่มันก็ทำให้ซือเฟิงรู้สึกหายใจไม่ออกเลย


และต่อจากนั้นอีกไม่กี่วินาที วงเวทย์สีเงินขาวสี่ชั้นก็ก่อตัวขึ้น ก่อนที่มันจะเข้าปกคลุมเกือบทั่วทั้งห้องโถง


“คำสาปขั้นห้า ทลายพื้นที่งั้นหรอ ?!”


ซือเฟิงมองไปที่วงเวทย์สีเงินขาวที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นด้วยรอยยิ้มขมขื่น ….


คำสาปขั้นห้าทลายพื้นที่นั้นจัดเป็นคำสาปขั้นห้าที่อยู่ในระดับที่สูงมากๆ และเมื่อเผชิญกับคำสาปขั้นห้าแบบนี้นั้น แม้แต่เทพขั้นหกก็ยังจะต้องระมัดระวังตัวอย่างมาก


“ตายซะ !!!”


เมื่อชายหนุ่มลึกลับกล่าวจบ เขาก็ผลักวงเวทย์สีเงินขาวนี้ให้พุ่งเข้าใส่ซือเฟิง


และเมื่อซือเฟิงเห็นดังนี้นั้นเขาก็รู้ได้ทันทีว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหลบหนีจากคำสาปขั้นห้าอันนี้ ….


“อยากให้ฉันตายงั้นหรอ ? มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกเว้ย !!!”


ซือเฟิงมองไปยังการโจมตีล่าสุดของชายหนุ่มลึกลับที่กำลังเข้ามาใกล้เขาด้วยรอยยิ้มขมขื่น ก่อนที่เขาจะตัดสินใจหยิบขลุ่ยเรียกมังกรซึ่งเป็นไอเทมระดับตำนานที่เขาได้รับเมื่อนานมาแล้วออกมา และจัดการเปิดใช้งานมันด้วยการจ่ายแกนเวทย์มนต์ขั้นสูงสามพันชิ้นทันที


ซึ่งเมื่อซือเฟิงเปิดใช้งานขลุ่ยเรียกมังกรนั้น พื้นที่เหนือเขาก็เริ่มบิดเบี้ยว ก่อนที่มันจะเกิดเป็นรอยแยกมิติ และหลังจากนั้นไม่นานมันก็มีมังกรห้าตัวบินออกมาจากรอยแยกมิตินี้ โดยพวกมันก็ได้รีบเข้ามาปกป้องซือเฟิงทันที


ตู้ม !!


มังกรขั้นห้า เลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบทั้งห้าตัวที่ถูกอัญเชิญออกมานั้นได้ทำลายคำสาปขั้นห้าอันล่าสุดที่ชายหนุ่มลึกลับใช้โจมตีเข้ามาใส่ซือเฟิงลงไปอย่างสิ้นเชิงและรวดเร็วมากๆ


และด้วยการปรากฎตัวของมังกรขั้นห้า เลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบ ห้าตัวนี้ มันก็ดูเหมือนจะทำให้สถานการณ์ของซือเฟิงนั้นดูดีขึ้นมาในระดับหนึ่ง


แต่อย่างไรก็ตามชายหนุ่มลึกลับนั้นก็ยังคงดูมีท่าทีไม่สนใจใดๆเท่าไหร่นัก แม้ว่าเขาจะเห็นตัวตนของมังกรขั้นห้า ทั้งห้าตัวแล้วก็ตาม


“หื้ม ?”


“ดูเหมือนว่าผู้อัญเชิญของเราจะเจอกับปัญหาใหญ่เลยทีเดียว ….”


“ฉันบอกตั้งแต่ตอนแรกแล้วว่าเราไม่ควรจะขายขลุ่ยเรียกมังกรออกไปเลย !!! แต่ก็ไม่มีใครฟังฉัน …. ทีนี้เป็นยังไงละ ?”


มังกรขั้นห้า ทั้งห้าตัวพูดคุยกัน และหัวเราะอย่างขมขื่นในขณะที่มองไปยังชายหนุ่มลึกลับ ….


ขณะเดียวกันด้านของชายหนุ่มลึกลับนั้นเขาก็มองไปยังมังกรขั้นห้า ทั้งห้าตัวเช่นกัน และเขาก็ได้กล่าวออกมาว่า “นี่พวกแกอยากจะเป็นศัตรูกับฉันงั้นหรอ ?”


“เอางี้เป็นไง ? คุณช่วยปล่อยผู้ที่ได้รับพรจากสวรรค์คนนี้ไปที …. แล้วเดี๋ยวเราจะช่วยคุณทำงานที่คุณทำอยู่ให้สำเร็จลงอย่างรวดเร็ว ….”


หนึ่งในมังกรขั้นห้าที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำกลุ่มมังกรที่ถูกอัญเชิญออกมาได้ยื่นข้อเสนอให้กับชายหนุ่มลึกลับ ซึ่งเมื่อซือเฟิงได้ยินนั้น เขาก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆออกมา และเขาก็ทำเพียงแค่มองไปยังชายหนุ่มลึกลับตรงหน้าอย่างเงียบๆเท่านั้น


“หื้ม ? เขาเป็นหนึ่งในสามตัวละคร และเป็นนักวิชาการที่ฟีนิกซ์เรนเคยเตือนฉันมางั้นหรอ ?” ซือเฟิงที่นึกถึงสิ่งที่ฟีนิกซ์เรนเคยเตือนขึ้นมาได้ก็ได้ลองพยายามตรวจสอบชายหนุ่มลึกลับตรงหน้าของเขาอย่างละเอียดอีกครั้ง และเมื่อมาถึงตรงนี้นั้นเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมฟีนิกซ์เรนถึงได้พูดแบบนั้น


และซือเฟิงก็สามารถบอกได้เลยว่าแม้แต่มังกรขั้นห้า ห้าตัวก็ยังจะต้องรู้สึกปวดหัวมากๆ หากคิดจะต่อกรกับชายหนุ่มลึกลับคนนี้


หลังจากได้ยินข้อเสนอของหนึ่งในมังกรขั้นห้าที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำกลุ่มนั้น ชายหนุ่มลึกลับก็ยิ้มออกมาอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “นี่พวกกิ้งก้าห้าตัวไม่ได้เจียมกะลาหัวตัวเองกันเลยรึไง ? กล้าดียังไงมาต่อรองกับฉันกัน ?”


เมื่อกล่าวจบชายหนุ่มลึกลับก็ได้นำเอาคทาทองคำซึ่งเป็นอาวุธของตัวเองออกมา ….


ซึ่งเมื่อซือเฟิงได้เห็นคทาทองคำนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงอย่างถึงที่สุด


หนึ่งในสิบอาวุธระดับตำนานที่แข็งแกร่งที่สุดใน God domain !


“เวิร์ลโซไซตี้ !!!”

“ดูเหมือนว่ายังไงก็จะต้องสู้เท่านั้นสินะ …” มังกรขั้นห้าที่เป็นผู้นำกลุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น ก่อนที่มันจะหันมามองซือเฟิงและกล่าวว่า “ช่วยรอสักแปปนึงแล้วกัน เดี๋ยวพวกเราจะจัดการตรึงเขาไว้ให้ เพียงแต่ว่าพวกเราก็คงจะตรึงเขาไว้ได้ไม่นานนัก ให้คุณใช้โอกาสนี้รีบหนีออกไปจากที่นี่ และหนีออกจากดินแดนลึกลับซะ ซึ่งหากคุณหนีออกไปได้ ชายหนุ่มคนนี้ก็จะจัดการคุณได้ยากขึ้นมากๆ”


เมื่อมังกรขั้นห้าที่เป็นผู้นำกลุ่มกล่าวจบนั้น มังกรอีกสี่ตัวก็ได้ปลดปล่อยพลังงานทั้งหมดที่ตัวเองมีออกมา ซึ่งมันก็เห็นได้ชัดเลยว่ามังกรทั้งห้าตัวนั้นตั้งใจจะต่อสู้กับชายหนุ่มลึกลับอย่างถึงที่สุด


ซือเฟิงนั้นพยักหน้าให้กับคำพูดของมังกรขั้นห้าที่เป็นผู้นำกลุ่ม ….


อย่างไรก็ตามซือเฟิงยังไม่ทันจะได้คิดอะไรเพิ่มเติม มังกรขั้นห้าทั้งห้าตัวก็ได้พุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มลึกลับแล้ว


ซึ่งเมื่อเห็นดังนี้นั้นชายหนุ่มลึกลับก็ได้กระแทกคทาของเขาลงกับพื้นเพื่อสร้างบาเรียขึ้นมาป้องกัน และตัดขาดตัวเองออกจากมังกรขั้นห้าทั้งห้าตัวทันที


“ช่างรนหาที่ตายจริงๆ !!! ถ้าไม่ใช่เพราะว่าตอนนี้ฉันมีงานสำคัญที่ต้องทำให้เสร็จ ฉันจะฆ่าพวกแกทั้งห้าตัวซะเดี๋ยวนี้เลย !!!” ชายหนุ่มลึกลับกล่าวด้วยความไม่พอใจ ขณะที่เขาเหลือบมองไปยังมังกรทั้งห้าตัว


ขณะเดียวกันนั้น มังกรขั้นห้าที่เป็นผู้นำกลุ่มก็ได้หันไปบอกกับซือเฟิงว่า “ตอนนี้แหละ !! คุณรีบหนีไปได้แล้ว !!!”


มังกรทั้งห้าตัวนั้นพยายามโจมตีเข้าใส่ชายหนุ่มลึกลับอย่างบ้าคลั่ง แต่มันก็เห็นได้ชัดเลยว่าทุกการโจมตีนั้นไม่สามารถจะผ่านบาเรียที่ชายหนุ่มลึกลับสร้างขึ้นมาได้เลย


“หนี ?”


ในตอนนี้ซือเฟิงรู้สึกว่าหากเขาปล่อยให้ชายหนุ่มลึกลับทำงานที่ตัวเองทำอยู่ตอนนี้ให้สำเร็จได้นั้น มันจะต้องเกิดเหตุการณ์ใหญ่บางอย่างขึ้นแน่นอน และเมื่อเวลานั้นมาถึง แม้กระทั่งเขาก็ยังยากที่จะหลบหนีไปจากเงื้อมมือของชายหนุ่มลึกลับผู้นี้ได้แน่นอน ดังนั้นตอนนี้ซือเฟิงจึงเริ่มจะเปลี่ยนความคิด ….


“ดูเหมือนว่าการสู้อยู่ตรงนี้มันจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า !!”


ซือเฟิงกัดฟัน และเลือกจะเรียนรู้สกิลมรดกขั้นห้าที่เป็นสกิลเบอเซิกร์ซึ่งเขายังไม่ได้เรียนรู้ทันที


ใน God domain แม้ว่าผู้เล่นจะเลื่อนขั้นมาเป็นขั้นห้าได้แล้ว แต่พวกเขาก็ยังคงจะต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งในการเก็บสะสมคะแนนสกิลมรดกเพื่อจะเรียนรู้สกิลมรดกขั้นห้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสกิลมรดกขั้นห้าที่เป็นสกิลเบอเซิกเกอร์ด้วย อย่างไรก็ตามซือเฟิงนั้นแตกต่างออกไป เพราะหลังจากเขาจับจักรพรรดิอสูรไปมอบให้กับวิหารเทพสงครามได้ เขาก็ได้รับคะแนนสกิลมรดกมาจำนวนมาก ซึ่งมันก็เพียงพอที่จะใช้ในการเรียนรู้สกิลมรดกขั้นห้าที่เขาต้องการ ….


สำหรับก่อนหน้านี้ที่ซือเฟิงยังไม่ได้เลือกจะเรียนรู้สกิลมรดกขั้นห้า แม้ว่าจะมีคะแนนสกิลมรดกเพียงพอ มันก็เป็นเพราะว่าเขาต้องการจะเก็บมันไว้ตัดสินใจ และเรียนรู้ในตอนที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น ซึ่งตอนนี้นั้นมันก็นับว่าเป็นแบบนี้แล้ว ดังนั้นซือเฟิงจึงได้เลือกจะเรียนรู้สกิลมรดกขั้นห้าโดยไม่ลังเลเลย


หลังจากเรียนรู้สกิลมรดกขั้นห้าที่ตัวเองต้องการเสร็จเรียบร้อย ซือเฟิงก็ได้จัดการเปิดใช้งานมันทันที ซึ่งนี่มันก็ทำให้พลังจำนวนมหาศาลค่อยๆแผ่เข้าสู่ร่างกายของซือเฟิง และมันก็ส่งผลให้ค่าสถานะ กับชนชนชั้นสิ่งมีชีวิตของซือเฟิงนั้นพุ่งสูงขึ้นทันที


โดยในตอนนี้ค่าสถานะพื้นฐานทั้งหมดของซือเฟิงนั้นได้ทะลุสองหมื่นแต้มไปแล้ว และพร้อมกันนั้นเขาก็มี HP มากกว่าหนึ่งร้อยล้าน ซึ่งนี่มันเกือบจะเทียบเท่ากับพวกขั้นหกเลย


“สามสิบวินาที !!! ฉันขอเวลาสามสิบวินาทีเพื่อจะทำลายแผนการของเขา !!! หากฉันทำไม่ได้ ฉันจะรีบหลบหนีออกไปจากที่นี่ทันที !!!” ซือเฟิงกล่าวพลางมองไปยัง สกิลมรดกขั้นห้าที่มีชื่อว่าหัวใจแห่งดาบที่เขาเปิดใช้งาน สกิลนี้นั้นมันมีผลอยู่สี่สิบห้าวินาที และเท่าที่ซือเฟิงคำณวนหากสามสิบวินาทีนี้เขาไม่สามารถจะทำลายการของชายหนุ่มลึกลับได้ เวลาที่เหลือของสกิลอีกสิบห้าวินาทีมันก็น่าจะเพียงพอที่จะทำให้เขาหลบหนีออกไปได้


เมื่อคิดมาถึงจุดนี้นั้น ซือเฟิงก็ได้รีบพุ่งเข้าใส่เทพีตกสวรรค์ที่ถูกพันธนาการไว้ทันที


สำหรับเรื่องการจะไปจัดการกับชายหนุ่มลึกลับนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลย ซือเฟิงรู้ถึงความจริงในข้อนี้ดี เพราะแม้แต่มังกรขั้นห้า ห้าตัวก็ยังยากจะจัดการกับชายหนุ่มคนนี้ได้ ดังนั้นต่อให้เพิ่มเขาเข้าไป ผลลัพธ์มันก็จะไม่ได้แตกต่างจากเดิมมากนัก นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเบนเข็มมาหาเทพีตกสวรรค์แทน เพราะถ้าเขาสามารถจัดการกับเทพีตกสวรรค์ได้ เขาก็จะสามารถทำลายแผนการของชายหนุ่มลึกลับผู้นี้ได้ และเขาก็น่าจะสามารถทำให้ชายหนุ่มลึกลับผู้นี้ตกอยู่ในสถานะอ่อนแอไปสักพักหนึ่งได้


“ช่างรนหาที่ตายกันจริงๆ !!!”


เมื่อชายหนุ่มลึกลับเห็นการเคลื่อนไหวของซือเฟิง เขาก็สามารถเดาความตั้งใจของซือเฟิงออกได้ทันที ซึ่งนี่มันก็ทำให้เขารีบร่ายเวทย์ของตัวเองอย่างรวดเร็ว


คำสาขั้นห้า พื้นที่แห่งความมืด !!!


ทันใดนั้นโซ่จำนวนมากก็ปรากฎขึ้นเหนือห้องโถงนี้ และพวกมันก็ได้พุ่งเข้ามาหาซือเฟิงอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะพันธนาการซือเฟิงเอาไว้ และไม่ให้เข้าใกล้เทพีตกสวรรค์


ซึ่งเมื่อเห็นดังนี้นั้นซือเฟิงก็ได้ใช้สกิลแยกร่างออกมาสามสิบหกร่างทันที ก่อนที่เขาจะทำการสลับตัวไปมากับร่างแยกของเขาทั้งหมดเพื่อหลบหลีกโซ่จำนวนมากนี้ และพยายามขยับเข้าใกล้เทพีตกสวรรค์


หลังจากนั้นสองวินาทีซือเฟิงก็ได้มาปรากฎตัวขึ้นข้างๆเทพีตกสวรรค์ และใช้ดาบที่สอง โฮลี่ดีวอร์โจมตีเข้าใส่เทพีตกสวรรค์ทันที !!!


ในตอนนี้ค่าสถานะและชนชั้นสิ่งมีชีวิตของซือเฟิงนั้นเกือบจะเทียบได้กับพวกขั้นหกแล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถจะใช้โฮลี่ดีวอร์ในแบบฉบับที่สมบูรณ์ออกมาได้


-5,416,541,412!


ความเสียหายมากกว่าห้าพันสี่ร้อยล้านปรากฎขึ้นเหนือหัวของเทพีตกสวรรค์ ซึ่งการโจมตีนี้ของซือเฟิง มันก็ได้ทำให้ HP ของเธอลดลงไปมากกว่าสองเปอเซ็นต์ทันที แต่ถึงกระนั้นเทพีตกสวรรค์ผู้นี้ก็ยังคงเหลือ HP อยู่อีกราวสองเปอเซ็นต์


“ไอ้สารเลว !!! ตอนนี้คุณทำให้ฉันโกรธจริงๆแล้วนะ !!!”


ชายหนุ่มลึกลับตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด เมื่อได้เห็นการกระทำของซือเฟิง แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะอยากโจมตีซือเฟิงแค่ไหน แต่เขาก็ไม่สามารถทำได้ เพราะในตอนนี้นั้นมังกรขั้นห้าทั้งห้าตัวได้ใช้ลมหายใจมังกรเพื่อโจมตีเขาเข้ามาพร้อมกันแล้ว


ซึ่งเมื่อซือเฟิงเห็นดังนี้นั้นเขาก็รู้ดีว่าเขาต้องรีบแล้ว เพราะหากชายหนุ่มลึกลับผละออกมาจากมังกรขั้นห้า ทั้งห้าตัวได้เมื่อไหร่ คิวต่อไปมันก็คงจะเป็นเขาที่จะต้องตาย

อย่างแน่นอน ….


“ขอโทษที แต่ช่วยตายเพื่อฉันหน่อยแล้วกัน !!!”


ซือเฟิงรู้ดีว่าหากเขาปล่อยให้สถานการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น เขาก็จะหมดสิทที่จะทำลายแผนการของชายหนุ่มลึกลับได้ ดังนั้นเขาจึงได้ตัดสินใจที่จะใช้เทคนิคมานาที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างดาบที่สาม การทำลายล้างศักสิทธิ์ทันที !!!


ซึ่งการโจมตีด้วยการใช้ดาบที่สาม การทำลายล้างศักสิทธิ์ของซือเฟิงนั้นมันก็ได้กลืนกิน HP ทั้งหมดที่เหลืออยู่ของเทพีตกสวรรค์ไปในทันที


และเมื่อเทพีตกสวรรค์ผู้นี้ตายลงนั้น ซือเฟิงก็ได้รับ EXP อย่างมหาศาลจนเลเวลของเขาพุ่งทะยายขึ้นไปอย่างมาก พร้อมกันนั้นเทพีตกสวรรค์ก็ได้ดรอปไอเทมออกมาหลายร้อยชิ้น ท่ามกลางสายตาเฝ้ามองของชายหนุ่มลึกลับตอนนี้ที่ดูเหมือนจะบ้าคลั่งอย่างถึงที่สุดแล้ว


ในส่วนของซือเฟิง ตัวเขาเองนั้นรู้ดีว่าสถานการณ์ตอนนี้มันเป็นอย่างไร ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คิดที่จะจับปลาสองมือแต่อย่างใด โดยเขาก็ได้รีบพุ่งเข้าไปหยิบไอเทมที่แข็งแกร่งที่สุดบางส่วน และรีบหนีออกไปจากห้องโถงนี้ในทันที

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)