Reincarnation Of The Strongest Sword God 2792-2797

 ตอนที่ 2792 การเก็บเกี่ยวที่น่าอัศจรรย์


มังกรทองหนุ่มส่งเสียงคำรามออกมาอย่างเจ็บปวดเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ร่างขนาดใหญ่โตของมันจะล้มลงกระแทกกับพื้น และมันก็ทำให้เกิดความเงียบสงัดภายในถ้ำไปชั่วครู่หนึ่ง


“เราทำได้ !!”


“เราทำสำเร็จจริงๆ !!!”


หลังจากช่วงเวลาแห่งความเงียบสงัดครู่หนึ่ง ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา ขณะที่มองไปที่ศพของมังกรทองหนุ่ม ในขณะเดียวกันใบหน้าของพวกเขาก็ปรากฎร่องรอยแห่งความสุข และตื่นเต้นที่ไม่อาจจะพรรณนาได้ออกมา


ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาพึ่งจะสร้างปาฎิหาริย์


การต่อสู้เต็มรูปแบบเพื่อฆ่ามังกร แม้ว่าคู่ต่อสู้ของพวกเขาจะเป็นเพียงมังกรหนุ่มขั้สี่ แต่มันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าพวกเขาสามารถจะฆ่ามังกรจริงๆได้


ในช่วงเวลาต่อมา หลังจากที่ผู้รอดชีวิตในทีมทั้งหมดกำลังเต็มไปด้วยความสุข มันก็มีแสงสว่างที่สดใสเข้าห่อหุ้มร่างกายของพวกเขา ในขณะที่แถบค่า EXP ของพวกเขานั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จำนวน EXP ที่มังกรทองหนุ่มขั้นสี่มอบให้พวกเขานั้น มันสูงกว่ามอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายทั่วไปมากๆ


แม้แต่ซือเฟิงเองก็ยังมีเลเวลเพิ่มขึ้นถึงสามเลเวลจนมาหยุดอยู่ที่แถบ EXP สามสิบสองเปอเซ็นต์ของเลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบ สำหรับคนอื่นๆพวกเขาก็ได้รับเลเวลเพิ่มขึ้นมากกว่าซือเฟิงอยู่นิดหน่อย โดยไลอ้อนฮาร์ทนั้นไปถึงเลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบเอ็ด ยู่หลัวไปถึงเลเวลหนึ่งร้อยสามสิบเก้า ขณะที่ไลฟ์เลสธอร์นกับโซริทารี่ไนน์นั้นก็มีเลเวลเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเลย โดยเลเวลเดิมของพวกเขาคือหนึ่งร้อยยี่สิบเจ็ด อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขามีเลเวลเพิ่มขึ้นมาเป็นเลเวลหนึ่งร้อยสามสิบแปดแล้ว


จำนวน EXP ที่ทุกคนได้รับมันทำให้พวกเขาตกตะลึงมากๆ ไม่มีใครคิดมาก่อนเลยว่าการฆ่ามังกรทองหนุ่มขั้นสี่จะให้ EXP แก่พวกเขามากมายขนาดนี้


ในปัจจุบันมีเพียงซือเฟิง และไลอ้อนฮาร์ทเท่านั้นที่ไม่ได้สนใจในเรื่องเลเวลของพวกเขามากนัก เพราะท้ายที่สุดแล้วในฐานะผู้เล่นขั้นสี่ที่มีประสบการณ์ พวกเขารู้อย่างชัดเจนว่าผู้เล่นขั้นสี่นั้นสามารถจะเก็บเลเวลได้ง่ายแค่ไหน ในความเป็นจริงพวกเขามีแนวโน้มจะไปถึงเลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบได้ภายในสิบวันด้วยซ้ำ ซึ่งที่เลเวลนี้พวกเขาก็สามารถจะเริ่มพยายามทะลวงเข้าสู่ขั้นห้าได้แล้ว


อย่างไรก็ตามการจะทะลวงเข้าสู่ขั้นห้าให้ได้นั้นมันยากมากๆ ผู้เล่นไม่สามารถทำได้ผ่านเควส หรือแค่มีเลเวลถึง เพราะท้ายที่สุดผู้เล่นจำเป็นจะต้องสร้างร่างมานาของตัวเองขึ้นมาใหม่ และจำเป็นต้องมีค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจที่บรรลุมาตราฐานของขั้นห้า


เมื่อเทียบกับเรื่องเลเวลที่เขาได้รับแล้ว ซือเฟิงรู้สึกตื่นเต้นเรื่องไอเทมที่ดรอปออกมาจากมังกรทองหนุ่มขั้นสี่มากกว่า


มังกรทองหนุ่มขั้นสี่ที่พวกเขาฆ่าไปนั้นจัดเป็นมังกรที่แท้จริงมที่ไม่ได้ถูกระบบหลักของ God domain เนิร์ฟให้อ่อนแอลง ซึ่งจุดนี้มันชัดเจนอย่างมากจาก EXP ที่พวกเขาได้รับ มังกรทองหนุ่มขั้นสี่นั้นแตกต่างจากมังกรน้ำแข็งฮีธไวท์ที่ซือเฟิงเคยฆ่ามาก่อนหน้านี้มาก มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง


ไม่นานหลังจากที่มังกรทองหนุ่มขั้นสี่ตายลง แสงศักสิทธิ์ก็ส่องสว่างไปทั่วถ้ำ และมันก็เกิดเสียงสวดมนศักสิทธิ์ที่ไพเราะดังขึ้นตามมา


ดูเหมือนว่าสกิล Divine Providence จะทำงานของมันได้ดี ซือเฟิงถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อเขาได้เห็นปรากฎการณ์ทั้งหมดนี้ แม้ว่าสกิล Divine Providence จะช่วยเพิ่มค่า Luck ของเขาได้อย่างมาก แต่เอฟเฟคที่ส่งผลมันก็จะลดลงเมื่อเขาฆ่ามอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายหรือสูงกว่านั้น ซึ่งแม้ว่ามังกรทองหนุ่มขั้นสี่จะถูกระบุว่าเป็นเพียงมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย แต่มันก็ยังคงถูกจัดว่าเป็นเผ่ามังกรที่แท้จริง และมันก็แข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายทั่วไปมากๆ ดังนั้นความจริงที่ว่าเขาสามารถทำให้เกิดปรากฎการณ์เสียงสวดมนศักสิทธิ์และทั้งหมดนี้ได้ มันจึงนับว่าเขาโชคดีอย่างแท้จริง


แน่นอนว่าส่วนหนึ่งที่เขาสามารถทำให้เกิดปรากฎการณ์ทั้งหมดนี้ได้ มันก็น่าจะเกิดจากการที่ทีมนี้ของเขาเป็นผู้ได้รับเฟิร์สคิลมังกรที่แท้จริงตัวแรกใน God domain ด้วย


ในขณะที่เสียงสวดมนศักสิทธิ์ดังอยู่ เสียงแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้นมาที่หูของทุกคน


ระบบ : ยินดีด้วย ! คุณได้สังหารมังกรทองหนุ่มขั้นสี่ คุณได้รับฉายาดราก้อนสเลเยอร์ และได้รับค่าชื่อเสียงใน God domain เพิ่มขึ้นหนึ่งร้อยแต้ม พร้อมกับหีบสมบัติมรดกระดับทองหนึ่งกล่อง


“อึก !! มันมีประโยชน์แบบนี้ให้ด้วยงั้นหรอ ?!” บัดดี้บลัดประหลาดใจ เมื่อได้เห็นการแจ้งเตือนของระบบ ในตอนแรกเขาคิดว่าพวกเขาจะต้องทำงานนี้ให้กับซือเฟิงฟรีๆแล้ว เขาไม่เคยคิดเลยว่าการสังหารมังกรทองหนุ่มขั้นสี่ได้จะให้รางวัลที่น่าอัศจรรย์แบบนี้ด้วย


ในเวลานี้แม้แต่ไลอ้อนฮาร์ทก็ยังอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจและตกตะลึงกับสถานการณ์นี้


ท้ายที่สุดแล้วผลตอบแทนที่พวกเขาได้นี้มันจัดว่ามหาศาลมาก ประการแรกด้วยฉายาของดราก้อนสเลเยอร์ มันก็ทำให้พวกเขาสามารถจะเพลิดเพลินไปกับสถานะของขุนนางชั้นสูงในเมืองต่างๆของ God domain ได้ ในความเป็นจริงอำนาจของพวกเขาจะมีมากกว่าขุนนางชั้นสูงทั่วไปด้วย อำนาจของพวกเขานั้นแทบจะเทียบเท่ากับลอร์ดผู้ปกครองเมืองนั้นๆด้วยซ้ำ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าเมื่อใช้ฉายาดราก้อนสเลเยอร์แล้ว มันจะช่วยเพิ่มค่าสถานะพื้นฐานและร่างกายทางกายภาพของพวกเขาอีกยี่สิบเปอเซ็นต์ เมื่อต้องการจะจัดการกับมอนสเตอร์ประเภทมังกรในอนาคต


สำหรับหีบสมบัติมรดกระดับทองนั้น มันก็เป็นสิ่งที่ผู้เล่นขั้นสี่ทุกคนล้วนใฝ่ฝันจะได้รับ


หีบสมบัติมรดกระดับทองนั้นมีโอกาสสูงมากที่จะดรอปหนังสือมรดกออกมาให้พวกเขา ซึ่งหนังสือนี้มันจะช่วยมอบคะแนนสกิลมรดกจำนวนมากให้ และหีบสมบัติมรดกนี้ก็ยังมีโอกาสที่จัดว่าสูงในระดับหนึ่งที่จะดรอปหนังสือสกิลหรือไม่ก็เวทย์หายากขั้นสี่ รวมถึงมันยังมีโอกาสอีกเล็กน้อยที่จะดรอปคำแนะนำมรดกที่จะเปนประโยชน์สำหรับผู้เล่นขั้นสี่อย่างพวกเขาในอนาคต ซึ่งรางวัลเหล่านี้มันมีค่ามากกว่าอาวุธและอุปกรณ์ รวมไปถึงคริสตัลเวทย์มนต์อย่างมาก


มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะกล่าวว่ามูลค่าของหีบสมบัติมรดกระดับทองนั้นเทียบเท่ากับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานชั้นยอด สำหรับบางคนหีบสมบัตินี้มันอาจดีกว่าและมีมูลค่ามากกว่าด้วยซ้ำ ในขณะเดียวกันนอกเหนือจากการแจ้งเตือนนี้แล้ว ซือเฟิง ยู่หลัว ไลฟ์เลสธอร์น และโซริทารี่ไนน์ก็ได้รับการแจ้งเตือนที่แตกต่างมาอีกหนึ่งอย่าง


ระบบ : คำเตือน ! โลก God domain ได้สังเกตเห็นถึงการมีอยู่ของคุณแล้ว !!! คุณจะถูกขับไล่ออกจากโลกนี้ในอีกหนึ่งวันตามธรรมชาติ


แน่นอนเลยว่ามันสำเร็จ ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มบางๆออกมา เมื่อได้ยินการแจ้งเตือนล่าสุดของระบบ หากการฆ่ามังกรทองหนุ่มขั้นสี่และปรับเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของ God domain ไปเล็กน้อยยังไม่สามารถจะช่วยให้เขาออกจากโลก God domain ยุคโบราณได้ เขาก็จะต้องเจอกับปัญหาใหญ่แน่นอน เพราะท้ายที่สุดจนถึงตอนนี้เขาบรรลุเป้าหมายในการเดินทางมาที่นี่ทั้งหมดแล้ว และเขาก็ยังมีหลายเรื่องที่ต้องกลับไปจัดการใน God domain ยุคปัจจุบัน เขาไม่สามารถจะเสียเวลาอยู่ที่นี่ได้ สำหรับเรื่องการได้รับทรัพยากรจำนวนมากจากที่นี่ มันถือเป็นโครงการระยะยาว


ยิ่งไปกว่านั้นจำนวนทรัพยากรที่เขาสามารถจะหาได้จากที่นี่มันก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ทั้งหมด ในขณะเดียวกันสกายแฟร์ก็ไม่สามารถพัฒนาไปจนถึงจุดใหม่ได้ทันทีในชั่วข้ามคืน ….


นี่มันเยี่ยมมากๆ !!! ในที่สุดฉันก็จะได้กลับบ้านแล้ว !!! สำหรับยู่หลัว เธอเองก็มีความสุขมากเช่นกัน เมื่อได้ยินการแจ้งเตือนนี้ของระบบ อันที่จริงเธอมีความสุขกับการแจ้งเตือนนี้มากกว่าตอนที่เธอได้รับหีบสมบัติมรดกระดับทองซะอีก


ในขณะที่ทุกคนกำลังรู้สึกชื่นชมยินดีกับหีบสมบัติมรดกระดับทองที่พวกเขาได้รับมา มันก็มีไอเทมมากกว่าหนึ่งร้อยร้อยชิ้นปรากฎขึ้นกลางอากาศ และเริ่มร่วงลงสู่พื้น


ภาพไอเทมที่ดรอปจากมังกรทองหนุ่มขั้นสี่นั้นทำให้ทุกคนลืมเรื่องหีบสมบัติมรดกระดับทองไปชั่วขณะเลย


“นี่ออร่าของไอเทมมันสามารถจะมีความรุนแรงได้ถึงขนาดนี้เลยงั้นหรอ ?” ครีมสันบีโลว์ตกตะลึง เมื่อเธอได้เห็นกองไอเทมทั้งหมดที่ดรอปจากมังกรทองหนุ่ม


“มันมีไอเทมอะไรบ้างที่ดรอปออกมา ?”


“มีไอเทมระดับตำนานดรอปออกมารึปล่าว ?”


คำถามพวกนี้เริ่มเข้าปกคลุมจิตใจของทุกคน


เหตุผลที่ทุกคนเป็นแบบนี้นั่นก็เพราะ ออร่าของกองไอเทมที่ดรอปจากมังกรทองหนุ่มขั้นสี่นั้นมันเทียบได้กับออร่าของมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายเลย และแม้แต่ผู้เล่นขั้นสามก็ยังต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการจะเข้าใกล้กองไอเทมที่ดรอป

ออกมา


ในเวลานี้มีเพียงซือเฟิงเท่านั้นที่พอจะสงบสติอารมณ์ได้ ซึ่งนี่มันเป็นเพราะเขาเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับการฆ่ามังกรจากคนอื่นมาก่อนในชีวิตที่ผ่านมาของเขา และตอนนั้นมังกรที่ถูกฆ่าก็เป็นมังกรขั้นห้าที่โตเต็มวัยด้วย โดยตอนนั้นมันเป็นฝีมือของผู้เชี่ยวชาญขั้นหกจำนวนมากที่รวมทีมกัน


จากสิ่งที่เขาได้ยินมานั้น ในตอนนั้นการฆ่ามังกรโตเต็มวัยขั้นห้ามันทำให้เกิดปรากฎการณ์ครอบคลุมรัศมีกว่าหมื่นหลาเลย และออร่าของกองไอเทมที่ดรอปออกมานั้น แม้แต่ผู้เล่นขั้นสี่ก็ยังไม่สามารถจะเข้าใกล้มันได้ มีเพียงแต่ผู้เล่นขั้นห้าหรือสูงกว่าขึ้นไปเท่านั้นที่สามารถจะเข้าใกล้ได้


ในการเปรียบเทียบปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากเขาฆ่ามังกรทองหนุ่มขั้นสี่ได้นั้น มันครอบคลุมรัศมีแค่หลายร้อยหลาเท่านั้น ดังนั้นซือเฟิงจึงไม่ได้ประหลาดใจใดๆกับเรื่องนี้


อย่างไรก็ตามไอเทมที่ดรอปจากมังกรโตเต็มวัยขั้นห้า กับมังกรหนุ่มขั้นสี่นั้นจะไม่ได้แตกต่างกันมากนักแน่นอนในด้านคุณภาพ แต่มันอาจจะแตกต่างกันในด้านจำนวน เพราะท้ายที่สุดมันก็คือการฆ่ามังกรเหมือนกัน ยิ่งกว่านั้นในตอนนั้นผู้เชี่ยวชาญขั้นหกเป็นผู้รับผิดชอบในการฆ่ามังกรโตเต็มวัยขั้นห้า ดังนั้นรางวัลมันจึงควรจะลดลงด้วย


ในการเปรียบเทียบกันทีมของพวกเขานั้นสามารถจะเอาชนะมังกรหนุ่มขั้นสี่ได้โดยไม่มีผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าอยู่ในทีมเลยแม้แต่คนเดียว ซึ่งหากเปรียบเทียบกัน ความยากในการโจมตีของพวกเขามีสูงกว่าพวกผู้เชี่ยวชาญขั้นหกตอนนั้นมาก ขณะเดียวกันตอนนี้ซือเฟิงที่ค่อยๆเดินเข้าไปใกล้กองไอเทมที่ดรอปก็ภาวนาให้มีมรดกนักบุญดรอป เพราะมันจะช่วยเขาในเรื่องการสร้างร่างมานาได้อย่างมาก


ในเวลานี้เมื่อเทียบกับพวกอาวุธและอุปกรณ์แล้ว สิ่งที่เขาคาดหวังจะได้รับมากกว่าคือคำแนะนำมรดก นี่เป็นเรื่องปกติสำหรับผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ เพราะท้ายที่สุดแม้จะมีเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานติดตัวอยู่หลายชิ้น แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจะสู้กับสิ่งมีชีวิตขั้นห้าได้ง่ายๆ


สำหรับความเป็นไปได้ที่มังกรทองหนุ่มขั้นสี่ตัวนี้จะดรอปไอเทมระดับตำนานนั้น มันไม่น่าจะมีเลย


เท่าที่ซือเฟิงรู้ ผู้เล่นนั้นไม่สามารถจะรับไอเทมระดับตำนานได้ผ่านการฆ่ามอนสเตอร์ ไม่ว่ามอนสเตอร์ตัวนั้นจะเป็นมังกรหรือแข็งแกร่งกว่าหรือไม่ก็ตาม อย่างดีที่สุดมอนสเตอร์จะดรอปแค่เศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานที่สามารถจะซ่อมให้กลายเป็นไอเทมระดับตำนานที่สมบูรณ์ได้ ดังนั้นไอเทมระดับตำนานทุกชิ้นจึงมีค่าอย่างไม่น่าเชื่อ และผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าก็จะนับว่าโชคดีมากแล้ว หากมีมันสักชิ้น


หลังจากซือเฟิงเดินเข้ามาถึงกองไอเทมที่ดรอป เขาก็เริ่มจัดการกับมันทันทีท่ามกลางสายตาของสมาชิกทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ที่เฝ้าดูอย่างอิจฉา


“ครั้งนี้หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมได้รับแจ๊คพอตจริงๆ ฉันสงสัยจังว่ามันจะมีไอเทมระดับตำนานดรอปออกมารึปล่าว ? หากเขาได้รับไอเทมระดับตำนานมา พลังการต่อสู้ของเขาจะพุ่งขึ้นไปใกล้เคียงกับขั้นห้าทันทีเลยแน่นอน” วินเชเซอร์กล่าวพลางถอนหายใจ ขณะที่มองดูซือเฟิงที่กำลังเก็บรวบรวมไอเทมทั้งหมดที่ดรอปออกมาอย่างอิจฉา


ในตอนนี้หลังจากได้ต่อสู้กับมังกรทองหนุ่มขั้นสี่ เขาก็ได้เข้าใจความแตกต่างระหว่างพลังของขั้นสี่กับขั้นห้าแล้ว และมันไม่ใช่อะไรที่จะสามารถชดเชยได้ด้วยอาวุธกับอุปกรณ์ทั่วไปเลย ซึ่งมันคงจะมีเพียงแต่พวกไอเทมระดับตำนานตามข่าวลือเท่านั้นที่จะสามารถชดเชยช่องว่างนี้ได้


ถ้าซือเฟิงได้รับไอเทมที่เป็นอาวุธระดับตำนานมาในตอนนี้ เขาจะจัดเป็นตัวตนที่เป็นอมตะในหมู่ขั้นสี่เลยแน่นอน ….


ในขณะเดียวกันหลังจากเก็บรวบรวมไอเทมที่ดรอปอย่างไม่หยุดพักมาเป็นเวลากว่ายี่สิบนาที และจัดการคัดแยกมัน หัวใจของซือเฟิงก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นมากๆ ไอเทมที่ดรอปออกมาในครั้งนี้มันน่าทึ่งเกินไป !!!


มันเป็นกองไอเทมที่ดรอปออกมาที่น่าทึ่งที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา และมันมีบางสิ่งในหมู่ไอเทมเหล่านี้ที่เป็นของที่เขาเคยได้แต่ฝันถึงในชีวิตที่ผ่านมาด้วย

เพียงแค่ดาบยาวสีทองหนึ่งเล่มที่ดรอปออกมา มันก็แทบจะทำให้ซือเฟิงสำลักความสุขตายแล้ว อาวุธชิ้นนี้เป็นหนึ่งในสิบอาวุธระดับตำนานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ God domain และเป็นหนึ่งในสามสิบหกดาบที่มีชื่อเสียงที่สุดของ God domain ซึ่งมันเป็นต้นแบบของอาวุธ วอยเบรกเกอร์ ที่สามารถตัดทุกสิ่งได้ด้วย


ซึ่งชื่อของมันคือแสงแห่งสองโลก และมันเป็นที่รู้จักกันในอีกชื่อคือดาบทองทลายโลก


ตอนที่ 2793 พลังของดาบ


ดาบแสงแห่งสองโลกในกระเป๋าของเขานั้นมันเป็นสิ่งที่นักดาบทุกคนในชีวิตที่ผ่านมาของเขาล้วนใฝ่ฝันที่จะได้รับ


“ไม่น่าแปลกใจเลยที่มันมีข่าวลือในชีวิตที่ผ่านของเขาออกมาว่า แสงแห่งสองโลกได้หายไปจากทวีปหลักของ God domain และไม่มีแม้แต่เงื่อนงำ และนี่มันก็ทำให้ทุกคนคิดว่าอาวุธนี้ได้ถูกทำลายไปแล้วในสงคราม” ซือเฟิงมองไปที่ดาบแสงแห่งสองโลกในกระเป๋าของเขาด้วยความตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด “ดูเหมือนว่าแสงแห่งสองโลกนี้จะไม่ใช่อาวุธที่มีในโลก God domain ยุคปัจจุบันนี่เอง ….”


(แสงแห่งสองโลก (ดาบทองทลายโลก)) (ดาบมือเดียว เศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนาน)


ความต้องการอุปกรณ์ : ค่า STR 6,000 แต้ม และมีขั้นอย่างน้อยขั้นสาม

พลังโจมตี (คิดเป็น 270 เปอเซ็นต์ของค่า STR)

ค่าสถานะทั้งหมด (เพิ่มขึ้นตามเลเวลของผู้เล่น)


ไม่สนใจเลเวลของมอนสเตอร์ +50 เมื่อทำการโจมตี และเมื่อโจมตีมันก็จะมีเอฟเฟคเวทย์มนต์แห่งการทำลายล้างของตัวเอง ซึ่งจะทำให้เกิดการยุบตัวลงของพื้นที่ในรัศมี 4*100 หลา และมีโอกาสห้าสิบเปอเซ็นต์ที่จะสร้างความเสียหายได้เพิ่มขึ้นสามเท่า เมื่อถูกโจมตี ….


โดยดาบเล่มนี้จะช่วยให้มีค่า STR เพิ่มขึ้นเจ็ดสิบเปอเซ็นต์ ค่า AGI เพิ่มขึ้นหกสิบเปอเซ็นต์ ค่า INT เพิ่มขึ้นสามสิบเปอเซ็นต์ ค่า Endurance เพิ่มขึ้นหกสิบเปอเซ็นต์ ความเร็วในการโจมตีเพิ่มขึ้นสี่สิบเปอเซ็นต์ และพลังทั้งหมดของสกิลดาบจะเพิ่มขึ้นสี่สิบเปอเซ็นต์ รวมไปถึงสกิลดาบทุกสกิลจะมีเลเวลเพิ่มขึ้นหนึ่งเลเวล ขณะที่ผลของการใช้เวทย์มนต์ก็จะเพิ่มขึ้นอีกห้าสิบเปอเซ็นต์


สกิลใช้งานเพิ่มเติม 1 : ทลายขีดจำกัด (ขั้นสี่) เพิ่มค่าสถานะของผู้ใช้ขึ้นสองร้อยเปอเซ็นต์ และเพิ่มขั้นได้สูงสุดสองขั้น (ที่สูงสุดของขั้นห้า) และเพิ่มระยะการโจมตีขึ้นอีกหนึ่งพันหลา


คูลดาวน์ : 40 วินาที


สกิลใช้งานเพิ่มเติม 2 : วิญญาณทอง (ขั้นสี่) การรับรู้ธาตุเวทย์มนต์ทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นสองร้อยเปอเซ็นต์ และการควบคุมมานาจะดีขึ้นสามร้อยเปอเซ็นต์ ขณะที่อัตราการผลาญค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจทั้งหมดจะลดลงเจ็ดสิบเปอเซ็นต์เป็นเวลาหนึ่งนาที


คูลดาวน์ : 6 ชั่วโมง


สกิลใช้งานเพิ่มเติม 3 : แสงทลายโลก (ขั้นสี่) ใช้ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจ และมานาของผู้เล่นครึ่งหนึ่งเพื่อสร้างใบดาบทลายโลกขึ้นมา โดยใบดาบนี้จะมีพลังที่ขั้นห้า (สามารถสร้างได้สูงสุดถึงขั้นสูงของขั้นห้า)


คูลดาวน์ : 1 ชั่วโมง


สิ่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยเทพโบราณซึ่งเป็นเทพแห่งแสง โดยมันมีพลังในการจะตัดผ่านทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ในปัจจุบันนั้นมันมีพลังบางอย่างทำลายแหล่งพลังศักสิทธิ์ของดาบไปมาก อย่างไรก็ตามเนื่องจากดาบอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างสมบูรณ์มากมันจึงสามารถจะถูกซ่อมแซมได้ง่ายๆด้วยการใช้แหล่งพลังศักสิทธิ์ในการซ่อมแซม (จำนวนแหล่งพลังศักสิทธิ์ที่ใช้ในการซ่อมแซม 0/2)


เอฟเฟคอื่นๆมันนั้นไม่ต้องพูดถึงเลย มันเป็นดาบสังหารอย่างแท้จริง และมันก็เป็นดาบมือเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ซือเฟิงเคยเห็นมา ไม่ต้องพูดถึงพวกสกิลต่างๆเลย เพียงแค่ถือมันในมือ เขาก็จะมีความสามารถที่จะต่อกรกับสิ่งมีชีวิตขั้นห้าได้ในระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งนี่มันเป็นสิ่งที่อาวุธที่ยังอยู่ในระดับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานส่วนใหญ่ทำไม่ได้แน่นอน


อย่างไรก็ตามความต้องการอุปกรณ์ของดาบนี้ก็สูงมากเช่นกัน ถ้าหากเขาไม่ได้สวมใส่เศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานอยู่หลายชิ้น เขาคงจะไม่สามารถใช้มันได้


ตอนนี้มันจึงเท่ากับว่าซือเฟิงมีอาวุธหลักและอาวุธรองที่แข็งแกร่งมากๆทั้งคู่แล้ว โดยนี่มันก็จะทำให้พลังในการต่อสู้ของเขาพุ่งขึ้นไปสู่ระดับใหม่ทั้งหมด


สำหรับเรื่องแหล่งพลังศักสิทธิ์ที่ต้องใช้ในการซ่อมนั้นมันมีค่ามากกว่าคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่มาก และทุกๆชิ้นของมันจะมีค่าไม่น้อยกว่าไอเทมระดับตำนานเลย อย่างไรก็ตามดาบนี้กับต้องการแหล่งพลังศักสิทธิ์ถึงสองชิ้นในการซ่อมมัน ….


อย่างไรก็ตาม ซือเฟิงรู้ดีว่าอาวุธระดับตำนานนั้นมันก็หายากมากใน God domain ดังนั้นมันจึงจะเป็นการน่าเสียดายมาก ถ้าเขาไม่ซ่อมมัน และตอนนี้ในใจซือเฟิงก็คิดไว้แล้วว่า แม้ว่าเขาจะต้องทุ่มทุกอย่าง เขาก็จะต้องซ่อมดาบเล่มนี้ให้ได้


หลังจากซือเฟิงจัดการเก็บรวบรวมไอเทมที่ดรอปออกมาเรียบร้อยแล้ว ไลฟ์เลสธอร์นและคนอื่นๆก็ได้ค่อยๆเดินเข้าไปหาซือเฟิงด้วยความอยากรู้อยากเห็น


อย่างไรก็ตามซือเฟิงนั้นเพียงแค่หัวเราะ และยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เท่านั้น เขาไม่ได้คิดจะตอบถึงเรื่องราวใดๆของไอเทมที่ดรอปออกมา เพราะท้ายที่สุดแล้ว แทบทุกชิ้นมันมีค่าอย่างมหาศาล และมันอาจทำให้บางคนในนี้คิดไม่ซื่อกับเขาได้เลย โดยมันมีสองชิ้นที่น่าจะทำให้กองกำลังต่างๆของ God domain บ้าคลั่งแน่นอนเมื่อได้เห็นมัน


หนึ่งคือแบบแปลนวงเวทย์ แม้ว่านี่มันจะเป็นเพียงวงเวทย์ระดับปรมาจารย์ แต่มันก็มีค่ามากกว่าวงเวทย์ระดับปรมาจารย์ทั่วไปมาก


เพราะวงเวทย์นี้ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากสิ่งที่เทพโบราณได้สร้างขึ้นมา


วงเวทย์รูปแบบสิบสองปีศาจ !!!


วงเวทย์นี้สามารถจะเพิ่มความรุนแรงของมานาและเวทย์มนต์ทั้งหมดในระยะได้สองร้อยเปอเซ็นต์ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่ามันยังสามารถเพิ่มการรับรู้ของผู้เล่นได้อีกหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ด้วย


แม้ว่าเอฟเฟคแบบนี้ในยุคโบราณจะไม่จัดว่าดีนัก แต่มันก็มากพอที่จะทำให้มหาอำนาจต่างๆในโลกยุคปัจจุบันของ God domain บ้าคลั่งได้เลย


อย่างที่สองที่มังกรทองหนุ่มขั้นสี่ดรอปก็คือ เปลวไฟลึกลับ !!!


ซึ่งเปลวไฟลึกลับนี้มันคือเปลวไฟลึกลับขั้นสี่ที่แทบจะมีมูลค่าเทียบเท่ากับไอเทมระดับตำนานใน God domain


โดยเปลวไฟลึกลับขั้นสี่นั้นมีเอฟเฟคที่น่าทึ่งมากมาย อย่างเช่นเปลวไฟนี้มันสามารถใช้ทำลายวิญญาณของผู้เล่นได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งแม้แต่ผู้เล่นขั้นห้าก็ยังไม่สามารถจะทำอะไรแบบนี้ได้เลย


แต่เอฟเฟคนี้นั้น มันสามารถใช้ได้แค่กับผู้เล่นที่มีขั้นอยู่ต่ำกว่าตัวเองเท่านั้น …. อย่างไรก็ตามในการเปรียบเทียบกันตรงๆในตอนนี้ผู้ที่มีเปลวไฟลึกลับขั้นสี่ นั้นจะสามารถทำลายวิญญาณของผู้เล่นขั้นสามได้โดยตรงทันที เมื่อผู้เล่นไปถึงขั้นสี่แล้วเท่านั้นจึงจะเริ่มสามารถต้านทานผลของมันได้เล็กน้อย และนี่มันก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้คำสาปจิตวิญญาณที่เขาโดนอยู่ลดลงไปด้วย


ส่วนสิ่งอื่นๆนั้นมันก็จัดว่ามีค่ามากเช่นกัน เพียงแต่ไม่เท่าทั้งสองอย่างนี้ โดยในบรรดาไอเทมมากกว่าหนึ่งร้อยชิ้นนั้น มันมีวัสดุระดับตำนานดรอปออกมามากกว่าสามสิบชิ้น ซึ่งก็เป็นพวกกรงเล็บมังกร ฟันมังกร เกล็ดมังกร แบบแปลนของอาวุธและอุปกรณ์ระดับอีปิค นี่ยังไม่ต้องพูดถึงวัสดุระดับตำนานที่อ่อนแอ และอาวุธกับอุปกรณ์ระดับอีปิคเลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบอีก


อย่างไรก็ตามในวัสดุทั้งหมดนี้มันมีอยู่สองชิ้นที่มีค่าที่สุด Longan (อันนี้แอดนึกภาพไม่ออกจริงมันเป็นส่วนไหนของมังกร แม่งแปลมางี้ คิดออกบอกทีนะ) กับคริสตัลมังกร


ซึ่งมันเป็นสิ่งที่แองเจริก้า เทเรซ่าต้องการ


เมื่อซือเฟิงเลือกจะมีท่าทีแบบนั้น คนอื่นๆทั้งหมดรวมไปถึงไลฟ์เลสธอร์น และโซริทารี่ไนน์ก็เลือกจะไม่ถามอะไรต่อ เพราะท้ายที่สุดพวกเขาเข้าใจดีว่าไอเทมที่ดรอปมาจากมังกรทองหนุ่มนั้นไม่ใช่อะไรที่เล็กน้อยแน่นอน และในเมื่อตัวซือเฟิงไม่คิดจะเปิดเผย พวกเขาก็ไม่ควรจะซักไซร้ใดๆ


“เราจัดการเรื่องมังกรกันเรียบร้อยแล้ว รีบฟื้นคืนชีพพวกที่ตาย แล้วกลับไปที่เมืองอุกกาบาตกัน” ซือเฟิงมองไปที่สมาชิกของทีมนักผจญภัยสกายแฟร์โดยรอบที่ตายลง และออกคำสั่งให้ฟื้นคืนชีพคนเหล่านั้น


หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้ใช้สกิลสปาร์เชี่ยลเกตค่อยๆเทเลพอร์นำทั้งหมดกลับไปที่เมืองอุกกาบาตอย่างรวดเร็ว ซึ่งการเดินทางที่แต่เดิมมาด้วยเรือเหาะและต้องใช้เวลามากกว่าสิบชั่วโมงนั้น ซือเฟิงทำมันเสร็จสิ้นได้ในเวลาไม่ถึงสี่ชั่วโมง สิ่งนี้มันทำให้สมาชิกของทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ประหลาดใจมากๆ และพูดกันตามตรง หากไม่ใช่เพราะสกิลนี้มันมีคูลดาวน์อยู่ ซือเฟิงจะพาทุกคนเดินทางกลับเมืองอุกกาบาตได้เร็วกว่านี้อีก


เมื่อกลับมาถึงเมืองอุกกาบาต ซือเฟิงก็ได้จัดการทำธุรกรรมกับไลอ้อนฮาร์ททันที นอกเหนือจากเรือเหาะมังกรสีเลือดแล้ว ไลอ้อนฮาร์ทยังได้ทำการซื้อคริสตัลแห่งวิญญาณยี่สิบชิ้น พร้อมกับน้ำวิญญาณอีกหนึ่งร้อยหยดเพิ่มเติม ซึ่งนี่ทำให้ซือเฟิงทำกำไรได้เป็นคริสตัลเวทย์มนต์อีกมากกว่าหกล้านชิ้น


หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ซือเฟิงก็ได้มอบคริสตัลแห่งวิญญาณราวสามสิบชิ้นที่เหลือ พร้อมกับน้ำวิญญาณอีกหนึ่งพันหยดไว้ให้หยานย่า ในอนาคตหยานย่าจะสามารถทำการแลกเปลี่ยนกับทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ไปได้อีกพักหนึ่ง แล้วค่อยๆเปลี่ยนมันเป็นไอเทมที่เขาต้องการอย่างช้าๆ


หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้ตรงไปส่ง Longan และคริสตัลมังกรให้กับแองเจริก้า เทเรซ่า เพื่อจบเควส ซึ่งก็แน่นอนว่าแองเจริก้า เทเรซ่าที่กำลังพักฟื้นอยู่นั้นปฎิบัติต่อซือเฟิงอย่างดีมากๆ นอกเหนือจากค่าความชื่นชอบที่เธอมีต่อซือเฟิงจะเพิ่มขึ้นหนึ่งร้อยแต้มแล้ว เธอยังได้มอบคริสตัลมรดกของจั๊กเกอร์น็อต ขั้นห้ามาให้ซือเฟิงด้วย ซึ่งนี่มันคือสิ่งที่ซือเฟิงปราถนาที่สุด และมันก็ทำให้เขาพึงพอใจมากๆ


หลังจากพูดคุยและจัดการทุกอย่างกับแองเจริก้า เทเรซ่าเสร็จสิ้น เสียงแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้นมาที่หูของซือเฟิง


ระบบ : ขอแสดงความยินดีด้วย !! ผู้เล่นทำเควสระดับตำนานที่อ่อนแอเสร็จสิ้นแล้ว ค่าความสัมพันธ์ต่อโลกของผู้เล่นเพิ่มขึ้นสองแต้ม


ระบบ : ผู้เล่นได้รับพลังของโลก ค่าความสัมพันธ์ต่อโลกของผู้เล่นมาถึงระยะแรกแล้ว


หลังจากประกาศของระบบ ซือเฟิงก็รู้สึกว่าโซ่ที่พันธนาการร่างกายของเขาถูกปลดออกเบา และมันก็ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองได้รับการปรับปรุงในทุกๆด้านดีขึ้นราวยี่สิบถึงสามสิบเปอเซ็นต์เลย ซึ่งนี่มันมีค่ามากกว่าการได้รับไอเทมระดับตำนานนับสิบเท่า


หลังจากนั้นซือเฟิงก็ฝึกต่อเท่าที่เขาจะทำได้จนกระทั่งถึงเวลาที่ระบบกำหนด ก่อนที่รอยแยกมิติจะเปิดขึ้น และพาพวกพวกเขาเดินทางกลับไปยังโลกยุคปัจจุบันของ God domain


ตอนที่ 2794 สถานการณ์ในโลกยุคปัจจุบันของ God domain


เมื่อมองไปที่ทะเลที่ดูจะไร้ที่สิ้นสุด ท้องฟ้ามันก็ดูสดใสและไร้ก้อนเมฆ


แต่ทันใดนั้นมันก็บังเกิดลมพัดแรงขึ้นในสถานที่ที่ดูสดใสและเงียบสงบแห่งนี้ ก่อนที่มันจะมีรอยแยกมิติปรากฎขึ้นกลางอากาศ ซึ่งรอยแยกมิตินี้มีกินพื้นที่ไปหลายพันหลาเลย และมันก็ได้ทำลายความสงบของที่นี่โดยตรง


หลังจากนั้นร่างสี่ร่างก็ได้บินออกมาจากรอยแยกมิติ และค่อยๆร่อนลงบนพื้นผิวทะเลโดยตรง ซึ่งสถานการณ์นี้มันทำให้เรือมากกว่าหนึ่งโหลที่แล่นผ่านไปมาในบริเวณนี้นั้นอดไม่ได้ที่จะหยุดดู


“มานาที่นี่ค่อนข้างต่ำเลย !”


“ความรู้สึกของการถูกปฎิเสธหายไปแล้ว ดูเหมือนว่าเราจะกลับมาแล้ว !!”


ไลฟ์เลสธอร์น โซริทารี่ไนน์ และยู่หลัว นั้นรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยที่ได้รู้สึกถึงสภาพบรรยากาศที่คุ้นเคย และความรู้สึกของการที่ไม่ได้ถูกปฎิเสธจากโลก ….


แม้ว่า โลก God domain ยุคโบราณจะมีหลายอย่างที่ดีมากมาย แต่มันก็เทียบไม่ได้เลยกับโลก God domain ยุคปัจจุบัน ซึ่งเป็นสถานที่ที่พวกเขาอาศัยอยู่มาตลอด และมีความคุ้นเคยกับมันมากๆ


ขณะเดียวกันการปรากฎตัวของซือเฟิงและคนอื่นๆนั้นมันก็ทำให้ผู้เล่นที่เฝ้าดูอยู่บนเรือหลายลำตกตะลึงมากๆ


“อึก !! นี่พวกเขาเป็นใครกัน ?! พวกเขาสามารถยืนอยู่บนทะเลได้จริงๆ ?!!”


“พวกเขาน่าจะใช้พวกสกิลหรือไม่ก็เวทย์ลอยตัวนะ ….”


“ไม่ใช่แน่นอน ถ้าพวกเขาใช้สกิลหรือเวทย์ มันจะต้องมีความผันผวนของมานาเกิดขึ้น แต่ทั้งสี่นั้นไม่มีเลย ….”


ในเวลานี้ซือเฟิงและอีกสามคนนั้นสวมเสื้อคลุมสีดำปกปิดข้อมูลของตัวเองเอาไว้ทั้งหมด และมันไม่มีข้อมูลอะไรที่ผู้เล่นคนอื่นๆจะสามารถมองเห็นได้เลย สิ่งเดียวที่ผู้เล่นคนอื่นๆสามารถจะมองเห็นได้ก็คือ ซือเฟิงและอีกสามคนนั้นเป็นผู้เล่นแน่นอน


ซึ่งนี่มันก็ทำให้ทุกคนสงสัยมากๆว่าซือเฟิงและอีกสามคนคือใครกันแน่ ….


“รีบไปดูใกล้ๆกันเถอะ !!!” แรนเจอร์หนุ่มเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบสามที่ขับเรือเร็วขั้นสูงอยู่กล่าวอย่างอยากรู้อยากเห็น ก่อนที่เขาจะพูดต่อว่า “เมื่อเร็วๆนี้ทะเลในบริเวณนี้ก็มีความไม่สงบอยู่บ้าง หากเราต้องได้รับผลกระทบแบบเดียวกันกับที่บรรดาทีมนักผจญภัยต่างๆต่อสู้กันบนเกาะดราก้อนฮาร์ทอีกครั้ง เราจะต้องทนทุกข์ทรมาณมากๆ !!!”


“ก็จริง รีบไปเช็คกันเถอะ !!! ถ้าพวกเขาเป็นคนจากทีมนักผจญภัยวอร์บลัดเราจะได้รีบหนีก่อนที่เราจะถูกฆ่า และถูกปล้น !!!” ชิลวอริเออร์เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบสองที่อยู่ด้านข้างแรนเจอร์หนุ่มพยักหน้าอย่างเห็นด้วย


ในขณะที่ผู้เล่นบนเรือเร็วขั้นสูงกำลังพูดคุยกัน ซือเฟิงและอีกสามคนที่อยู่ห่างไปราวหนึ่งร้อยหลานั้นก็ได้ยินพวกเขาอย่างชัดเจน


“นี่มันหมายความว่าที่นี่อยู่ใกล้กับเกาะดราก้อนฮาร์ทสินะ” ซือเฟิงยิ้มบางๆออกมา เมื่อเขาได้ยินคำพูดของผู้เล่นคนอื่นๆที่อยู่ใกล้ๆ “ดูเหมือนว่าเราจะค่อนข้างโชคดีที่ไม่ได้ถูกส่งไปยังสถานที่ที่ห่างไกลหรืออันตรายบางแห่ง”


รอยแยกมิติที่พวกเขาใช้เทเลพอร์ตเดินทางกลับมานั้นมันเป็นแบบสุ่ม หากพวกเขาต้องถูกส่งไปสถานที่ที่ห่างไกล หรืออันตรายบางแห่ง มันก็จะเป็นการยากสำหรับพวกเขาที่จะกลับไปยังที่ที่พวกเขาต้องการจะไปจริงๆในโลกยุคปัจจุบันของ God domain


ไลฟ์เลสธอร์นพยักหน้าให้กับคำพูดของซือเฟิงและกล่าวว่า “อย่างไรก็ตามวัดจากคำพูดของผู้เล่นเหล่านี้ดูเหมือนว่ามันจะมีการต่อสู้ที่รุนแรงเกิดขึ้นที่บริเวณเกาะดราก้อนฮาร์ท”


“มันก็เป็นเรื่องปกติแหละ เพราะท้ายที่สุดแล้วตอนนี้พวก NPC นั้นเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าที่บริเวณทะเลนั้นจะไม่ได้มีการเพิ่มขึ้นของ NPC มากเท่ากับบนบก และจำนวนของ NPC ก็ยังไม่อาจจะเทียบกับผู้เล่นในบริเวณทะเลได้ แต่ด้วยการเพิ่มขึ้นนี้มันก็มากเพียงพอแล้วที่จะทำให้การแข่งขันเพื่อแย่งชิงทรัพยากรระหว่างกองกำลังต่างๆของผู้เล่นรุนแรงมากยิ่งขึ้น” ซือเฟิงกล่าวอย่างไม่ได้รู้สึกแปลกใจใดๆ


ที่เขาไม่ได้มีความรู้สึกแปลกใจใดๆนั้น เพราะเขาได้รับข่าวจากเหลียงจิงมาก่อนแล้วในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ตอนนี้โลกยุคปัจจุบันของ God domain นั้นเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงอย่างแท้จริง และตอนนี้กองกำลัง NPC จำนวนหนึ่งก็เริ่มทำการโจมตี

เมืองกิลของผู้เล่นแล้วด้วยซ้ำ


แม้ว่าพวกกองกำลัง NPC จะยังไม่สามารถเข้ายึดเมืองกิลได้ แต่พวกกองกำลัง NPC ก็สร้างปัญหาให้กับเมืองกิลต่างๆอย่างมากโดยพวกเขาบังคับให้กองกำลังของผู้เล่นต้องยอมจำนนและจ่ายเงินพร้อมกับทรัพยากรจำนวนมากให้กับกองกำลังของพวกเขา ซึ่งเรื่องแบบนี้มันก็จะดำเนินต่อไปจนกว่ากองกำลังของผู้เล่นจะยอมยกเมืองกิลให้กองกำลังของ NPC หรือไม่ก็ยอมยุบเมืองกิลไป


ในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิง เมืองกิลส่วนใหญ่ของกิลชั้นรองและชั้นสามถูกบังคับให้ต้องจ่ายบรรณาการให้กองกำลัง NPC เกือบทุกเมือง และมันยังมีแม้กระทั่งเมือง

ของกิลชั้นสูง และกิลชั้นยอด รวมไปถึงซุเปอร์กิลด้วยเช่นกัน ซึ่งในชีวิตนี้ซือเฟิงก็ได้คำณวนไว้แล้วด้วยว่ามันจะมีพวกที่ยอมจ่ายแบบนี้มากกว่าชีวิตที่ผ่านมาของเขาอีกมากเพื่อให้ตัวเองพัฒนาต่อไปได้ เพราะท้ายที่สุดแล้วเหตุการณ์แบบนี้มันมาไวกว่าในชีวิตที่ผ่านมาของเขามากๆ และผู้เล่นหลายคนก็ยังไม่สามารถจะเตรียมตัวรับกับเหตุการณ์แบบนี้ได้เลย


พูดกันตามตรง นอกเหนือจากความเป็นอมตะแล้ว เหล่าผู้เล่นนั้นก็จัดว่าอ่อนแอ และด้อยกว่า NPC ใน God domain แทบทุกด้านเลย โดยเรื่องนี้มันจะยังคงเป็นความจริงอยู่แม้จะผ่านไปสิบปีใน God domain ก็ตาม ซึ่งหากให้เปรียบเทียบกันง่ายๆ ในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิงนั้น แม้แต่ผู้เล่นขั้นหก ขอบเขตพระเจ้าก็ยังต้องระวัง NPC ขั้นห้าบางคนเลยด้วยซ้ำ


เมื่อยู่หลัวได้ยินซือเฟิงพูดแบบนี้ ใบหน้าของเธอก็แปรเปลี่ยนเป็นกังวลอย่างมาก ก่อนที่เธอจะก้าวไปข้างหน้าและเร่งความเร็วของตัวเองจนไปหยุดลอยอยู่เหนือเรือเร็วขั้นสูงที่มีผู้เล่นหกคนกำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ทันที ซึ่งนี่มันก็ทำให้ผู้เล่นทั้งหกนั้นตกใจมากๆ และอดไม่ได้ที่จะมองไปยังยู่หลัวอย่างหวาดกลัว


เนื่องจากเรื่องการบินแบบนี้ มันเป็นสิ่งพิเศษที่มีแต่พวกขั้นสี่หรือสูงกว่าขึ้นไปเท่านั้นที่สามารถจะทำได้

สำหรับผู้เล่นขั้นสี่นั้น แม้แต่ NPC ก็ยังต้องกลัวตัวตนของพวกเขา และแม้ว่าผู้เล่นขั้นสี่ใน God domain ตอนนี้จะมีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น แต่พวกเขาก็ล้วนเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถจะเขย่าโลกได้ พวกเขาไม่ใช่ตัวตนที่ผู้เล่นขั้นสามจะสามารถเทียบได้เลย


“เอ่อ พี่สาวมีอะไรรึปล่าวครับ ? …” แรนเจอร์หนุ่ม ซึ่งดูเหมือนจะเป็นผู้นำทีมบนเรือเร็วลำนี้กล่าวถามยู่หลานที่ตอนนี้ลอยอยู่กลางอากาศด้วยความหวาดกลัว


ใน God domain ความแข็งแกร่งนั้นคือทุกสิ่ง และผู้แข็งแกร่งก็จะได้รับความเคารพเสมอๆ นี่มันเป็นสิ่งที่เป็นมาตลอดไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่อย่างไรก็ตามหลังจากการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรก เหล่า NPC จำนวนมากก็ได้ทำให้พวกเขาเห็นแล้วว่า โลก God domain แห่งนี้มันไม่ได้เรียบง่ายเลย พูดกันตามตรงมันโหดร้ายกว่าที่พวกเขาคิดไว้มาก


หากพวกเขาเผลอไปยั่วยุหรือทำให้ตัวตนขั้นสี่ไม่พอใจ พวกเขาก็อาจจะถูกสังหารหมู่ได้ทันทีโดยที่พวกเขาไม่มีเวลาให้หนีเลย


“คุณรู้ถึงสถานการณ์ของทีมนักผจญภัยฮีฟเว่นเบลดในช่วงนี้ไหม ?” ยู่หลัวกล่าวถาม


ทีมนักผจญภัยฮีฟเว่นเบลดนั้นเป็นบ้านของเธอ และเมื่อเธอได้ยินเรื่องราวการต่อสู้ที่รุนแรงบนเกาะดราก้อนฮาร์ท มันจึงทำให้เธออดไม่ได้ที่จะกังวลเกี่ยวกับบ้านของเธอมากๆ


ก่อนที่เธอจะหลุดเข้าไปในโลกยุคโบราณของ God domain การแข่งขันบนเกาะดราก้อนฮาร์ทนั้นก็จัดว่าดุเดือดมากแล้ว และแม้ว่าทีมนักผจญภัยฮีฟเว่นเบลดจะแข็งแกร่งในระดับหนึ่ง แต่พวกเขาก็ยังได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง เมื่อต้องปะทะกับทีมนักผจญภัยวอร์บลัดและพันธมิตรของพวกเขา และนี่มันก็เป็นเหตุผลหลักเลยที่ทำให้เธอเลือกจะนำทีมส่วนหนึ่งออกไปเก็บเลเวล และสำรวจพื้นที่ใหม่ๆเพื่อหวังว่าจะได้พบอะไรบางอย่างที่จะมาช่วยพลิกสถานการณ์ให้กับทีมนักผจญภัยของเธอได้


เวลาแค่หนึ่งเดือนที่เธออยู่ในโลก God domain ยุคโบราณนั้น มันจัดว่านานมากพอเลยที่สถานการณ์ของ God domain ในยุคปัจจุบันทั้งหมดจะเปลี่ยนไป ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงเกาะเล็กๆอย่างเกาะดราก้อนฮาร์ทแห่งเดียว


“ฮีฟเว่นเบลด ?” แรนเจอร์หนุ่มรู้สึกงงงวยเมื่อได้ยินคำถามของยู่หลัว


“ทำไม คุณไม่เคยได้ยินชื่อของฮีฟเว่นเบลดงั้นหรอ ?!” ยู่หลัวขมวดคิ้วเล็กน้อย “หรือว่าคุณไม่อยากจะพูด !!!?”


เมื่อเสียงของยู่หลัวแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชานั้น มันก็ทำให้แรนเจอร์หนุ่มและผู้เล่นคนอื่นๆทั้งหมดบนเรืออดไม่ได้ที่จะตัวสั่น แม้ว่ายู่หลัวจะยังไม่ได้แสดงเจตนาฆ่าฟันออกมา แต่แค่ตัวตนของเธอในฐานะผู้เล่นขั้นสี่มันก็มากเพียงพอแล้วที่จะทำให้พวกเขาหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด


เนื่องจากพวกเขานั้นได้เห็นพลังของผู้เล่นขั้นสี่มาด้วยตาตัวเองแล้ว และพวกเขาก็รู้ดีว่าผู้เล่นขั้นสี่นั้นสามารถจะฆ่าผู้เล่นขั้นสามหลายร้อยคนได้อย่างง่ายดายเลย ไม่ต้องพูดถึงพวกเขาที่มีไม่ถึงหลักสิบด้วยซ้ำ


อย่างไรก็ตามในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาทีหลังจากนั้น แรนเจอร์หนุ่มก็พยายามจะรวบรวมสติของเขา และกล่าวกับยู่หลัวว่า “พี่สาว คุณอย่างพึ่งเข้าใจผิด …. ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากจะพูด แต่เรื่องนี้มันเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปแล้วใน God domain ดังนั้นฉันจึงแค่สงสัยว่าทำไมพี่สาวถึงถามแบบนั้น ….”


“เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปใน God domain ?” ยู่หลัวรู้สึกสับสนเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของแรนเจอร์หนุ่ม


จากที่ซือเฟิงเล่าให้เธอฟังมา ดูเหมือนว่ามันยังไม่ได้มีอะไรที่ยิ่งใหญ่หรือรุนแรงเกิดขึ้นกับฮีฟเว่นเบลดในช่วงก่อนที่เขาจะเข้าสู่โลก God domain ยุคโบราณ และเรื่องนี้ก็เป็นเช่นเดียวกันกับทีมนักผจญภัยขนาดใหญ่อื่นๆบนเกาะดราก้อนฮาร์ท


และท้ายที่สุดแล้วนี่มันก็พึ่งผ่านไปเพียงไม่กี่วันจากที่ซือเฟิงเล่าให้เธอฟังมา ซึ่งหากวัดกันตามเหตุผลแล้ว มันก็ไม่ควรจะมีความเปลี่ยนแปลงใดๆเกิดขึ้นมากนัก


“ใช่แล้ว เหตุการณ์นั้นมันค่อนข้างจะเรียกได้ว่ายุ่งเหยิงและโกลาหล และเหตุการณ์นี้มันก็ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับมหาอำนาจมากกว่าสิบกลุ่มด้วย” แรนเจอร์หนุ่มขั้นสามพยักหน้า ก่อนที่เขาจะกล่าวอธิบายว่า “เมื่อสามวันก่อน ทีมนักผจญภัยวอร์บลัดได้เข้าร่วมกับกองกำลัง NPC ท้องถิ่น ซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าพวกนั้นทำได้ยังไง แถมมันยังมีผู้เล่นจำนวนหนึ่งในทีมนักผจญภัยวอร์บลัดที่สามารถจะทำเควสเลื่อนขั้นไปเป็นขั้นสี่ได้สำเร็จแล้ว นี่มันจึงทำให้พลังของทีมนักผจญภัยวอร์บลัดมีพลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก และแม้แต่สิบสามบัลลังก์ที่เป็นซุเปอร์กิลก็ยังได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง เมื่อปะทะกับทีมนักผจญภัยวอร์บลัด”

“แล้วฮีฟเว่นเบลดล่ะ ?” เมื่อยู่หลัวได้ยินดังนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะถามย้ำจี้จุด


“ฮีฟเว่นเบลด …” แรนเจอร์หนุ่มรู้สึกลังเลและกังวลอยู่นานที่จะตอบ เพราะเขารู้ดีว่าตัวตนขั้นสี่ตรงหน้าของเขาจะต้องเกี่ยวข้องกับทีมนักผจญภัยฮีฟเว่นเบลดแน่นอน หลังจากทำใจอยู่พักหนึ่ง แรนเจอร์ก็สูดหายใจเข้าลึกๆและกล่าวออกมาว่า “ทีมนักผจญภัยฮีฟเว่นเบลดได้ประกาศยุบตัวไปเมื่อสองวันก่อน ….”


“ยุบตัว ?” ยู่หลัวตกตะลึง “เป็นไปได้ยังไงกัน ?!”


เธอได้ติดตามซีเว่ยมาตลอด และซีเว่ยก็เป็นคนที่เธอเคารพมากๆกับเป็นเหมือนครอบครัวของเธอ แต่ตอนนี้ทำไมซีเว่ยถึงเลือกจะประกาศยุบทีมนักผจญภัยฮีฟเว่น

เบลดกัน ?


ไม่ต้องพูดถึงยู่หลัวเลย ในเวลานี้แม้แต่ซือเฟิงที่ฟังอยู่จากระยะไกลออกไปก็ยังรู้สึกตกตะลึง


ทีมนักผจญภัยฮีฟเว่นเบลดนั้นเป็นทีมนักผจญภัยที่แข็งแกร่งที่สุดติดห้าอันดับแรกของเกาะดราก้อนฮาร์ท พวกเขามีผู้เล่นระดับผู้เชี่ยวชาญมากมาย แถมผู้บัญชาการของพวกเขาอย่างซีเว่ย ยังเป็นแท๊งเกอร์ที่แข็งแกร่งที่สุดสามอันดับแรกของเกาะด้วย


แถมในชีวิตที่แล้วของซือเฟิง ซีเว่ยก็เป็นหนึ่งในตัวตนที่ทรงพลังที่ได้รับการยอมรับจากทั่วทั้ง God domain เธอได้พัฒนาทีมนักผจญภัยฮีฟเว่นเบลดจนกลายเป็นหนึ่งในทีมนักผจญภัยที่ทรงพลังอำนาจที่สุดของเกม ….


แต่ตอนนี้กับมีคนบอกว่าทีมนักผจญภัยฮีฟเว่นเบลดประกาศยุบตัวไปแล้ว ใครจะเชื่อเรื่องนี้ได้กัน ?


“หากทีมนักผจญภัยฮีฟเว่นเบลดยุบไปแล้ว พวกระดับสูงของทีมไปอยู่ที่ไหนกัน ?” ยู่หลัวพยายามทำใจให้สงบที่สุดและถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “โดยเฉพาะซีเว่ย กับพวกระดับสูงที่เป็นแกนหลักเลยไปอยู่ที่ไหน ?”


แรนเจอร์หนุ่มขั้นสามส่ายหัว และพูดออกมาอย่างช้าๆว่า “ฉันไม่ได้รู้เรื่องนี้ดีนัก แต่เท่าที่ฉันรู้มานั้นก็คือทีมนักผจญภัยวอร์บลัดที่มีปัญหากับทีมนักผจญภัยฮีฟเว่นเบลดมาก่อนแล้วได้ตามไล่ล่าสมาชิกทุกคนของทีมนักผจญภัยฮีฟเว่นเบลดไปทุกที่อย่างบ้าคลั่ง ซึ่งตอนนี้แม้แต่เกาะดราก้อนฮาร์ทก็ยังถูกพวกเขาปิดกั้นจนผู้เล่นที่อยู่ภายนอกกับภายในนั้นไม่สามารถจะติดต่อกันได้เลย …. มันจึงทำให้ฉันไม่รู้อะไรมากนัก แต่หากให้ฉันคาดเดา พวกเขาอาจจะเลือกจะเดินทางออกจากเกาะดราก้อนฮาร์ทเพื่อไปพัฒนาที่อื่นแล้ว”


“ฉันเข้าใจแล้ว พวกคุณไปได้ !”


เมื่อยู่หลัวได้รับข้อมูลทั้งหมดที่เธอต้องการอยากรู้มาแล้ว เธอก็ได้พยายามจะทำใจให้สงบและโบกมือเป็นสัญญาณให้ผู้เล่นทั้งหกคนไปได้ จากนั้นเธอก็บินไปหาซือเฟิง และอีกสองคน


หลังจากได้ยินคำพูดของยู่หลัว ผู้เล่นทั้งหกคนนี้ก็รีบขับเรือเร็วของพวกเขาออกไปจากพื้นที่บริเวณนี้ทันที พวกเขาไม่กล้าจะอยู่ที่นี่อีกต่อไป เพราะพวกเขากลัวว่า หากยู่หลัวโกรธจากเรื่องที่พวกเขาพูดไป และเปลี่ยนใจกลับมาจัดการพวกเขา พวกเขาคงจะได้เป็นผีเฝ้าทะเลที่นี่แน่นอน


“ยู่หลัว เธอมีแผนยังไง ?” ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะถามยู่หลัวที่ตอนนี้ดูกังวล และหดหู่อย่างเห็นได้ชัด


แผนเดิมคือทั้งสองฝ่ายจะแยกกันหลังจากที่กลับมาโลกยุคปัจจุบันของ God domain แล้ว อย่างไรก็ตามตอนนี้เมื่อทีมนักผจญภัยฮีฟเว่นเบลดถูกยุบไป ยู่หลัวจึงไม่มีที่ให้กลับไปแล้ว


“ฉัน ?” ยู่หลัวไม่รู้จะตอบยังไงกับคำถามที่ซือเฟิงถาม “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน …”


ตอนนี้สิ่งที่เธอคุ้นเคยได้หายไปจาก God domain แล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่รู้เลยจริงๆว่าเธอควรจะทำยังไงต่อไป


“เมื่อเป็นแบบนี้ ทำไมคุณไม่ตรงไปที่เกาะดราก้อนฮาร์ทพร้อมกับเราเพื่อดูสถานการณ์ล่ะ ?” ซือเฟิงกล่าวแนะนำ “ฉันยังมีบางสิ่งที่ต้องไปจัดการบนเกาะดราก้อนฮาร์ท และแม้ว่าทีมนักผจญภัยฮีฟเว่นเบลดจะประกาศยุบไป แต่ผู้บัญชาการซีเว่ยกับพวกระดับสูงคนอื่นๆก็ยังไม่น่าจะตัดสินใจออกจากเกาะไปอย่างรวดเร็ว เพราะท้ายที่สุดสำนักงานใหญ่หลักของฮีฟเว่นเบลดนั้นอยู่บนเกาะดราก้อนฮาร์ท แถมทรัพยากรรวมถึงรากฐานทั้งหมดเองก็เช่นกัน พวกเขาไม่น่าจะรีบออกไปแบบกระทันหัน เมื่อคุณไปะถึงเกาะดราก้อนฮาร์ท คุณน่าจะสามารถติดต่อกับพวกเขาได้ หรืออย่างน้อยก็น่าจะหาร่องรอยของพวกเขาได้ ….”

เมื่อซือเฟิงพูดจบ ดวงตาของยู่หลัวก็สว่างวาบขึ้นด้วยความตระหนักได้ถึงหลายสิ่ง เพราะท้ายที่สุดที่ซือเฟิงพูดมามันถูกทั้งหมด


ท้ายที่สุดแล้วแม้ว่าทีมนักผจญภัยฮีฟเว่นเบลดจะยุบไปแล้ว แต่เธอก็น่าจะยังสามารถติดต่อกับซีเว่ยและพวกระดับสูงคนอื่นๆได้ เนื่องจากที่นี่ไม่ใช่ God domain ยุคโบราณที่การสื่อสารเป็นไปอย่างยากลำบาก


“โอเค ฉันจะไปกับคุณ หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ….” ยู่หลัวพยักหน้า


หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้ใช้สกิลสปาร์เชี่ยลเกตเพื่อพาทุกคนเดินทางไปยังเกาะดราก้อนฮาร์ททันที


ตอนที่ 2795 กบฎแห่งเกาะดราก้อนฮาร์ท


เกาะดราก้อนฮาร์ท น่านน้ำรอบเกาะ :


มันมีเรือหลายพันลำกระจายตัวกันอยู่รอบเกาะดราก้อนฮาร์ท โดยเรือเหล่านี้มีใบเรือและเครื่องหมายของทีมนักผจญภัยวอร์บลัดติดเอาไว้ทุกลำ ซึ่งเรือที่เข้าและออกเกาะดราก้อนฮาร์ทนั้นจะต้องถูกตรวจสอบโดยละเอียดโดยเรือของทีมนักผจญภัยวอร์บลัด ขณะเดียวกันเกาะดราก้อนฮาร์ททั้งหมดก็ถูกห่อหุ้มด้วยวงเวทย์ที่ทำให้ภายนอกกับภายในไม่สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ และในเวลาเดียวกันเวทย์เทเลพอร์ตทุกอย่างก็ไม่สามารถใช้ได้ภายในเช่นกัน


ตอนนี้มันจึงทำให้เกาะดราก้อนฮาร์ทดูเหมือนจะกลายเป็นถิ่นที่ตั้งของทีมนักผจญภัยวอร์บลัดไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว


“แม่งเอ้ย !! พวกทีมนักผจญภัยวอร์บลัดทำเกินไปแล้ว !!! พวกนั้นก็รู้ว่าเราไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆกับทีมนักผจญภัยฮีฟเว่นเบลดเลย แต่เรากับต้องจ่ายยี่สิบเหรียญเงินโบราณ พร้อมกับคริสตัลเวทย์มนต์สามชิ้นให้พวกนั้นเพื่อออกจากเกาะ” เบอเซิกเกอร์ขั้นสอง เลเวลหนึ่งร้อยสิบสี่ที่ทำหน้าที่ขับเรือกล่าวด้วยความไม่พอใจ ขณะที่เขามองไปยังเรือเร็วของทีมนักผจญภัยวอร์บลัดที่ตอนนี้อยู่ไกลออกไปแล้ว


“ลดเสียงลงหน่อยก็ดีนะ พวกเขาไม่ได้อยู่ไกลขนาดจะไม่ได้ยินเราอย่างที่คุณคิดนะ ….” elementalist รุ่นเยาว์เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบกล่าวเตือนเบอเซิกเกอร์ด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ปัจจุบันเกาะดราก้อนฮาร์ททั้งหมดนั้นตกไปอยู่ภายใต้การครอบครองของทีมนักผจญภัยวอร์บลัดแล้วก็ว่าได้ และแม้แต่เหล่ามหาอำนาจก็ยังต้องยอมก้มหัวให้กับวอร์บลัดที่นี่ ขณะที่ในตอนนี้เราจะออกจากเกาะไปเพื่อขายไอเทม หากอยู่ๆเราถูกพวกเขาเล็งเป้ามา เราจะซวยเอาได้”


“ฉันไม่รู้เลยจริงๆว่าทีมนักผจญภัยฮีฟเว่นเบลดไปทำให้ทีมนักผจญภัยวอร์บลัดโกรธแค้นอะไรนักหนา จนถึงตอนนี้ทีมนักผจญภัยวอร์บลัดก็ยังตามล่าสมาชิกของทีมนักผจญภัยฮีฟเว่นเบลดและคอยจับส่งไปให้ NPC เหล่านั้นโดยตรงเพื่อคุมขังอยู่ นี่มันเท่ากับว่าสมาชิกของทีมนักผจญภัยฮีฟเว่นเบลดนั้นแทบจะหมดสิทเข้าสู่เกาะดราก้อนฮาร์ทเลย” ออราเคิลหญิงขั้นสอง เลเวลหนึ่งร้อยสิบเจ็ดมองไปยังเรือเร็วของทีมนักผจญภัยวอร์บลัดที่อยู่ห่างออกไปด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น


“มันจะมีเรื่องอะไรได้อีกล่ะ พวกเขาก็แค่อยากได้ที่ดินรอบๆหอคอยโลกนั่นแหละ” เบอเซิกเกอร์ขั้นสองพูดอย่างเมินเฉย “ตอนนี้มันเริ่มมีสมบัติถูกค้นพบในชั้นใต้ดินของหอคอยโลกมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในชั้นใต้ดินชั้นที่สี่ แต่พลังงานในชั้นสี่นั้นมันรุนแรงและน่ากลัวมากเกินไป และมันก็มีค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูตัวเองสำหรับผู้เล่นหลังจากโดนพลังงานนี้สูงเกินไป ซึ่งมันมีเพียงแค่การพักผ่อนรอบๆพื้นที่พิเศษของหอคอยโลกเท่านั้นที่จะทำให้เหล่าผู้เล่นฟื้นฟูตัวเองได้อย่างรวดเร็ว”


“ฮีฟเว่นเบลดนั้นได้ครอบครองที่ดินห้าผืนใหญ่ทั้งหมดรอบหอคอยโลก ขณะที่ที่ดินที่เหลือล้วนเป็นที่ดินขนาดกลางทั้งหมด ดังนั้นเรื่องนี้มันจะไม่ไปดึงดูดความสนใจของวอร์บลัดได้อย่างไร ? เพราะท้ายที่สุดแล้วนี่มันหมูในอวยที่พวกเขาสามารถจะจัดการและล้อมจับเพื่อแย่งชิงผลประโยชน์มาได้ง่ายๆเลย”


“ที่จริงตอนนี้พื้นที่รอบๆหอคอยโลกทั้งหมดนั้นมันมีการต่อสู้แย่งชิงกันอย่างดุเดือดและรุนแรงมากๆ พื้นที่รอบๆหอคอยโลกมันกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการจะเข้าไปพัฒนาตัวเองในชั้นใต้ดินชั้นที่สี่ของหอคอยโลก ซึ่งมันก็เป็นเรื่องธรรมชาติที่ฮีฟเว่นเบลดตัดสินใจจะสู้ยิบตาและไม่ยอมมอบที่ดินที่พวกเขามีให้ใคร เนื่องจากหากพวกเขามีที่ดินนี้อยู่ พวกเขาก็ยังจะมีโอกาสกลับเข้ามาที่นี่ได้ ดังนั้นตอนนี้มันคงมีแต่การต้องจับผู้บัญชาการของฮีฟเว่นเบลดให้ได้ และบังคับให้ยอมจำนนเท่านั้นแหละ เรื่องมันถึงพอจะจบได้ ….” Elementalist ที่เป็นพวกขั้นสาม บนเรือเร็วลำนี้เพียงคนเดียวกล่าว


ในตอนนี้ทุกคนล้วนเต็มไปด้วยความปราถนาต่อที่ดินรอบๆหอคอยโลก


ในตอนที่เหล่าผู้เล่นยังไม่ก้าวเข้าไปสำรวจชั้นใต้ดินชั้นสี่ของหอคอยโลกนั้น ที่ดินพวกนี้มันมีมูลค่าไม่มากนัก พูดกันตามตรงที่ดินพวกนี้มันแทบไม่มีใครสนใจเลยด้วยซ้ำ


เพราะท้ายที่สุดที่ดินพวกนี้มันมีราคาแพงมากๆ และมันก็ไม่ได้อยู่ในบริเวณถนนการค้าใจกลางเมืองดราก้อนฮาร์ท มันจึงเป็นเรื่องปกติที่จะไม่มีใครต้องการซื้อมัน


มันมีที่ดินว่างเปล่ารอบหอคอยโลกที่เปิดให้ผู้เล่นซื้อได้อยู่สามสิบสี่ผืน โดยจำนวนแค่นี้นั้นแค่แบ่งกันให้พอในหมู่กองกำลังท้องถิ่นของเกาะดราก้อนฮาร์ทมันก็เป็นไปไม่ได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงมหาอำนาจอื่นๆจากภายนอกเลย


พูดกันแค่เรื่องที่ว่าการที่ทีมนักผจญภัยทีมเดียวอย่างฮีฟเว่นเบลดนั้นครอบครองที่ดินไปถึงห้าผืน มันก็เพียงพอที่จะทำให้กองกำลังท้องถิ่นและมหาอำนาจต่างๆบ้าคลั่งแล้ว นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่าที่ดินที่ทีมนักผจญภัยฮีฟเว่นเบลดครอบครองอยู่ทั้งห้าผืนนั้นเป็นที่ดินที่ดีที่สุดทั้งหมด ดังนั้นนี่จะไม่ทำให้กองกำลังท้องถิ่น และมหาอำนาจต่างๆเคลื่อนไหวกันอย่างบ้าคลั่งได้อย่างไร ?


และนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลังจากที่เหล่าผู้เล่นส่วนใหญ่ได้รู้ว่าชั้นใต้ดินชั้นที่สี่ของหอคอยโลกนั้นมันเป็นสถานที่ที่เหมาะจะใช้ฝึกและพัฒนาตัวเองเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ด้วย


อย่างไรก็ตามในขณะที่เหล่าผู้เล่นที่อยู่บนเรือเร็วกำลังพูดคุยกันอยู่ มันก็มีการระเบิดเกิดขึ้นอย่างกระทันหันในบริเวณที่อยู่ไม่ไกลจากพวกเขานัก และเสียงของการระเบิดนี้มันก็ดังก้องไปหลายพันหลา ซึ่งทำให้ผู้เล่นโดยรอบอดไม่ได้ที่จะหันมามอง


ทันใดนั้นพวกเขาก็สังเกตเห็นผู้เล่นที่มีจำนวนไม่ถึงสามสิบคนที่สวมเสื้อคลุมสีดำกำลังทำการอัญเชิญอะเม้าท์บินได้สองตัวออกมา และหลังจากนั้นผู้เชี่ยวชาญขั้นสามสองคนก็ได้เร่งความเร็วของตัวเองตามเข้ามาสมทบ พร้อมกับทำการฆ่าผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของวอร์บลัดไปยี่สิบคนอย่างรวดเร็ว ก่อนที่พวกเขาทั้งหมดจะแบ่งทีมออกเป็นจำนวนเท่าๆกันและกระโดดขึ้นอะเม้าท์บินได้สองตัว และเริ่มพยายามจะตีฝ่าวงเวทย์ที่ปิดผนึกเกาะดราก้อนฮาร์ทออกไป


“พวกเขาเป็นสมาชิกที่เหลือของฮีฟเว่นเบลด !!!”


“รีบจัดรูปแบบโจมตีพวกเขาเร็ว !!! อย่าปล่อยให้พวกเขาหนีไปได้ !!!”


สมาชิกของวอร์บลัดที่เห็นฉากนี้นั้นได้เร่งรีบที่จะเคลื่อนไหวกันทันที


ทันใดนั้นเรือเร็วมากกว่าสิบลำก็ได้เข้ามาล้อมกรอบอะเม้าท์บินได้ทั้งสองไว้ และเริ่มวางวงเวทย์ปิดผนึกพื้นที่รอบอะเม้าท์บินได้ทั้งสองไว้อย่างรวดเร็ว ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาได้เตรียมสิ่งนี้ไว้สำหรับสมาชิกของฮีฟเว่นเบลด


ซึ่งมันทำให้ตอนนี้อะเม้าท์บินได้ทั้งสองตัวนั้นถูกขังไว้ในพื้นที่ของวงเวทย์ปิดผนึกที่ครอบคลุมรัศมีหลายพันหลา ทั้งๆที่ยังไม่สามารถจะบินขึ้นไปสูงได้ถึงสองร้อยหลาเหนือระดับน้ำทะเลเลย โดยเมื่อมองจากผลของวงเวทย์ปิดผนึกนี้ มันก็เห็นได้ชัดเลยว่ามันเป็นวงเวทย์ขั้นสูง

แม้แต่มอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย ขั้นสี่ก็ยังจะต้องใช้เวลาในการจะทำลายมันจากภายในนานมาก ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงผู้เล่นขั้นสามเลย


“แม่งเอ้ย !!” การ์เดี้ยนไนท์หญิงมองไปยังฉากตรงหน้าที่เกิดขึ้นด้วยความโกรธ ก่อนที่เธอจะหันไปหาชายคนหนึ่งและกล่าวว่า “รองผู้บัญชาการดีไวน์ชาโด้ว ตอนนี้เราควรจะทำยังไงกันดี ? เราจะต้องใช้เวลาราวสามถึงห้านาทีเลยในการทำลายวงเวทย์นี้ ซึ่งเวลาราวนี้มันก็เพียงพอแล้วสำหรับวอร์บลัดที่จะระดมพลมาจัดการเรา”


เมื่อได้ยินคำถามดีไวน์ชาโด้วก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้เตรียมมาตราการรับมือสำหรับอะไรแบบนี้มา


“มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางทำอะไรได้เลย เพียงแต่มันจะยากหน่อยก็เท่านั้น เดี๋ยวฉันจะเปิดใช้งานสกิลเบอเซิกร์ของตัวเอง และฉันน่าจะสามารถทำลายวงเวทย์ปิดผนึกนี้ได้ภายในเวลาไม่ถึงนาที หลังจากนั้นฉันจะเข้าไปยื้อเวลาไว้ให้ พวกคุณก็ให้รีบหาทางหนีออกไปจากที่นี่แล้วกัน !!!” ดีไวน์ชาโด้วกล่าวขณะที่เขามองไปยังผู้เชี่ยวชาญของวอร์บลัดที่เข้ามาเสริมกำลังกันมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่เขาจะหันมากล่าวกับการ์เดี้ยนไนท์หญิงว่า “จำไว้เฟรม แม้ว่าเธอจะรอดออกไปจากที่นี่คนเดียว แต่เธอก็ต้องไป ไปทำในสิ่งที่ควรทำ ตอนนี้นี่เป็นความหวังเดียวของฮีฟเว่นเบลดแล้ว !!!”


“เข้าใจแล้ว !!!” การ์เดี้ยนไนท์หญิงที่ชื่อคลีนซิ่งเฟรมพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง


ตอนนี้แม้ว่าฮีฟเว่นเบลดนั้นได้ถูกยุบไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตามพวกทีมนักผจญภัยวอร์บลัดก็ยังตามล่าและกำจัดผู้เล่นทุกคนที่เคยเป็นสมาชิกของฮีฟเว่นเบลดอยู่เรื่อยๆไม่หยุดหย่อน ดังนั้นตอนนี้ความหวังเดียวในการจะเอาชีวิตรอดของพวกเขาคือการไปขอความช่วยเหลือจากโลกภายนอก ซึ่งตอนนี้นั้นเธอมีโฉนดที่ดินมูลค่าสูงลิ่วอยู่กับตัว และมันก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่คนภายนอกจะยอมช่วยเหลือเธอกับสมาชิกฮีฟเว่นเบลดทั้งหมด หากพวกเขาจ่ายค่าตอบแทนการช่วยเหลือด้วยโฉนดที่ดินนี้


อย่างไรก็ตามก่อนที่คลีนซิ่งเฟรมจะทันได้เตรียมการควบคุมให้อะเม้าท์บินหนีออกไปตามแผน มันก็มีเสียงที่ดังสนั่นดังก้องขึ้นมาในของสมาชิกฮีฟเว่นเบลดทุกคน


“อยากจะหนีออกไป ? มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก !!!”


“วันนี้จะไม่มีพวกคุณคนไหนหนีออกไปจากที่นี่ได้ !!!”


ก่อนที่ดีไวน์ชาโด้ว และคลีนซิ่งเฟรมจะทันได้ตอบสนองใดๆ พวกเขาก็เห็นร่างๆหนึ่งมาปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าของพวกเขาแล้ว โดยร่างนี้เป็นชายที่สวมเสื้อคลุมสีแดงเข้ม ขณะที่ดวงตาของเขานั้นก็เป็นดวงตาสีเลือด และเขาก็ได้ถือคทาไม้สีเลือดอยู่ โดยชายคนนี้นั้นแผ่ออร่าที่ดูน่ากลัว และชั่วร้ายอย่างไม่อาจจะพรรณนาได้ออกมา


ซึ่งในขณะที่ชายคนนี้กำลังยืนอยู่กลางอากาศ เขาก็ได้ทำให้ดีไวน์ชาโด้วและคนอื่นๆนั้นรู้สึกอึดอัดราวกับภูเขากดทับ และมันก็ดูเหมือนว่ามานาโดยรอบนั้นมันจะไม่ฟังคำสั่งของดีไวน์ชาโด้วและคนอื่นๆอีกต่อไป


“ออทั่มแพล้น !!!” ดีไวน์ชาโด้วมองไปที่ชายคนนี้ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ “เป็นไปได้ยังไงกัน !! คุณไม่ได้นำทีมไปสำรวจชั้นใต้ดินชั้นที่สี่อยู่งั้นหรอ ?!”


ใช่แล้ว ชายตรงหน้าของพวกเขาก็คือออทั่มแพล้น หนึ่งในรองผู้บัญชาการของทีมนักผจญภัยวอร์บลัด โดยออทั่มแพล้นนั้นเป็น Elementalist ที่เป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่ที่สามารถจะทำลายเกาะครึ่งเกาะได้ด้วยการโจมตีเดียว


ซึ่งออทั่มแพล้นนี่แหละที่เป็นผู้ที่ทำให้สิบสามบัลลังก์ที่เป็นซุเปอร์กิลได้รับความเสียหายครั้งใหญ่จนเลือกจะยอมแพ้ไป


โดยออทั่มแพล้นนั้นได้ฆ่าผู้เชี่ยวชาญหลายหมื่นคนของสิบสามบัลลังก์ไปในการโจมตีด้วยเวทย์ทำลายล้างขั้นสี่ เวทย์เดียว และเวทย์นี้ของเขาก็ได้ทำลายเกาะเล็กไปครึ่งหนึ่งด้วย ขณะเดียวกันจากผู้เชี่ยวชาญหลายหมื่นคนที่เขาฆ่านี้ มันก็มีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่ายี่สิบคนอยู่ในนั้น โดยมีสามคนที่อยู่ในขอบเขตโดเมนที่ถูกฆ่าไปด้วย ซึ่งหลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ ชื่อเสียงของออทั่มแพล้นบนเกาะดราก้อน

ฮาร์ทก็ได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก


และจากการที่ฮีฟเว่นเบลดได้สืบเสาะจนรู้ว่าออทั่มแพล้นพาทีมไปสำรวจชั้นใต้ดินชั้นที่สี่ และไม่น่าจะกลับมาในระยะเวลาอันสั้นนี่แหละ พวกเขาจึงได้เลือกจะใช้โอกาสนี้เพื่อหลบหนีออกจากเกาะดราก้อนฮาร์ท


แต่ตอนนี้ ….


“ฮ่าๆๆๆ !!! ถ้าฉันนำทีมไปสำรวจชั้นใต้ดินชั้นที่ แล้วฉันจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ?” ออทั่มแพล้นกล่าวพลางหัวเราะอย่างเหยียดหยามขณะที่มองไปยังดีไวน์ชาโด้วและคนอื่นๆ


“หึ ! แม่งเอ้ย !!!” ดีไวน์ชาโด้วกำหมัดแน่น เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะถูกหลอกแบบนี้ ก่อนที่ดวงตาของเขาจะแปรเปลี่ยนเย็นชา “งั้นแสดงให้ฉันดูหน่อยว่าคุณแข็งแกร่งแค่ไหนแล้ว หลังจากที่มาถึงขั้นสี่ !!!”


ดีไวน์ชาโด้วได้ใช้โอกาสที่ออทั่มแพล้นยังไม่ทันเตรียมตัวใดๆพุ่งเข้าโจมตีเขาอย่างฉับพลัน


“ไอ้โง่ !!!”


ออทั่มแพล้นมองไปยังดีไวน์ชาโด้วที่กำลังใกล้เข้ามาด้วยท่าทีดูถูก ก่อนที่เขาจะโบกมือของตัวเองสร้างคลื่นแสงขึ้นมา


ทันใดนั้นก่อนที่ดีไวน์ชาโด้วจะทันได้ตอบสนองอะไร มันก็มีโซ่สีเลือดมากกว่าหนึ่งโหลปรากฎขึ้นมาจากความว่างเปล่าและพันธนาการเขาเอาไว้ และไม่ว่าดีไวน์ชาโด้วจะดิ้นรนยังไง เขาก็ไม่สามารถจะหลุดจากโซ่นี้ได้ แถมยิ่งเขาดิ้นรน มันก็ยิ่งทำให้เขาอ่อนแอลงเรื่อยๆด้วย


“เป็นไปได้ยังไง ?!” คลีนซิ่งเฟรมที่ได้เห็นฉากนี้เต็มไปด้วยความตกตะลึง


ดีไวน์ชาโด้วนั้นคือผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนของฮีฟเว่นเบลด และหลังจากเปิดใช้งานสกิลเบอเซิกร์แล้ว แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของผู้เล่นขั้นสี่ได้ แต่เขาก็น่าจะทนได้สักหนึ่งถึงสองการเคลื่อนไหว


อย่างไรก็ตามตอนนี้ดีไวน์ชาโด้วกับถูกพันธนาการทันทีที่คิดจะเคลื่อนไหวโจมตีอย่างฉับพลัน นี่มันได้ทำลายสิ่งที่พวกเขาคิดว่าตัวเองรู้อย่างละเอียดเกี่ยวกับอาชีพขั้นสี่ไปทันที


“เหอะ ! นี่พวกคุณไม่รู้รึไงว่าช่องว่างระหว่างขั้นสามกับขั้นสี่มันยิ่งใหญ่มากแค่ไหน ?! นี่ไม่ต้องพูดถึงกับนักเวทย์ขั้นสี่อย่างฉันเลย คุณคิดจริงๆหรอว่าเมื่อคุณโจมตีอย่างฉับพลันแล้วฉันจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย ?” ออทั่มแพล้นกล่าวพลางมองไปที่ดีไวน์ชาโด้วด้วยความดูถูก “พูดกันตามตรง ต่อให้ผู้เชี่ยวชาญชั้นสาม ขอบเขตโดเมนสิบคนที่เปิดใช้งานสกิลเบอเซิกร์พุ่งเข้ามาโจมตีฉันอย่างฉับพลันแบบที่คุณทำ แต่พวกเขาทั้งหมดก็จะเคลื่อนไหวต่อหน้าฉันได้ไม่เกินสองถึงสามการเคลื่อนไหวแน่นอน”


“แม่งเอ้ย !!! แม่ง !!! ทุกคนรีบแยกกันหนีให้ไวที่สุด พวกคุณจะต้องไม่ถูกเขาจับได้ !!!” ดีไวน์ชาโด้วรีบกล่าว ขณะที่เขามองไปยังคลีนซิ่งเฟรมและคนอื่นๆ


“เฮ้อ เป็นพวกที่ไม่เข้าใจอะไรเลยจริงๆสินะ ….” ออทั่มแพล้นกล่าวพลางโบกคทาของเขา


ทันใดนั้นโซ่สีเลือดก็ปรากฎขึ้นมาพันธนาการคนอื่นๆด้วย และมันก็ทำให้พวกเขาทั้งหมดไม่สามารถขยับได้เลย โดยเมื่อมาถึงตรงนี้มันก็ชัดเจนแล้วว่าพวกเขาเป็นแค่มดปลวกเท่านั้นต่อหน้าออทั่มแพล้น


“อาชีพขั้นสี่แข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไงกัน ?!”


ในเวลานี้ดีไวน์ชาโด้ว คลีนซิ่งเฟรม และคนอื่นๆล้วนมองไปยังออทั่มแพล้นด้วยความไม่อยากจะเชื่อ


พวกเขาได้ดูวีดีโอการต่อสู้ของซือเฟิงมาแล้วในตอนการแข่งขันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งสำรองของสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แม้ว่าขั้นสี่จะแข็งแกร่ง แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถเผชิญหน้าด้วยได้เลย แต่ตอนนี้พวกเขากับไม่สามารถจะต่อต้านออทั่มแพล้นได้เลย ความแข็งแกร่งที่ออทั่มแพล้นแสดงออกมาตอนนี้มันมากกว่าตอนที่ซือเฟิงแสดงออกมาในการแข่งขันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งสำรองของสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดซะอีก


ในระหว่างที่ดีไวน์ชาโด้ว คลีนซิ่งเฟรม และคนอื่นๆกำลังตกตะลึงกับเรื่องนี้ สมาชิกวอร์บลัดที่อยู่ใกล้ๆก็ได้ตรงเข้าไปจับกุมพวกเขาทั้งหมด


“โอเค ส่งพวกนี้ไปให้พวก NPC เลย” ออทั่มแพล้นมองไปยังดีไวน์ชาโด้ว และคนอื่นๆ ซึ่งมันก็ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ “คราวนี้เราจับปลาตัวใหญ่ได้สองตัว มาดูกันว่าซีเว่ยจะยังดื้อรั้นต่อไหม !!!”


“มันจบแล้ว ! จบแล้ว !! เราจบสิ้นแล้ว !!!” ดีไวน์ชาโด้วมองไปที่สมาชิกของฮีฟเว่น

เบลดคนอื่นๆที่ถูกจับกุมด้วยความสิ้นหวัง “ครั้งนี้ฉันพาทุกคนมาตายอย่างแท้จริง !!!”

ทุกอย่างมันเป็นเพราะเขาที่ไม่ตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับมาให้ดี และตอนนี้เขาก็ได้พาทุกคนมาตาย ….


เมื่อถูกจับกุมโดย NPC นั้น แม้ว่าผู้เล่นจะไม่ได้ถูกบังคับให้ออฟไลน์ แต่มันก็ไม่ได้มีประโยชน์ใดๆเลย หากพวกเขาไม่สามารถจะแหกคุกออกมาได้ เพราะท้ายที่สุดพวกเขาจะต้องถูกขังอย่างน้อยสิบห้าวันเลย ….


สิบห้าวันนั้นมันนานเกินพอที่จะทำให้พวกเขาถูกผู้เล่นชั้นแนวหน้าของ God domain คนอื่นๆทิ้งไปไกลมาก


อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ดีไวน์ชาโด้วกำลังสิ้นหวังและตำหนิตัวเองอยู่ มันก็มีอินทรีมีเขาบินเข้ามาอย่างช้าๆจากระยะไกล โดยอินทรีตัวนี้นั้นมีผู้เล่นสี่คนนั่งอยู่บนหลังของมัน และตราบริเวณที่นั่งของมันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามันเป็นอินทรีของฮีฟเว่นเบลด ….


“พวกเศษเหลือเดนของฮีฟเว่นเบลดอีกแล้วงั้นหรอ ? และดูเหมือนว่านี่ก็จะเป็นปลาตัวใหญ่อีกตัวซะด้วย …” ออทั่มแพล้นอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างมีความสุขออกมา เมื่อได้เห็นดังนี้


ฉากนี้ทำให้ดีไวน์ชาโด้ว คลีนซิ่งเฟรม และคนอื่นๆรู้สึกงุนงงมากๆ พวกเขาไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมถึงมีอะเม้าท์บินได้ของฮีฟเว่นเบลดบินมาจากโลกภายนอกได้ อย่างไรก็ตามแม้จะงุนงง แต่พวกเขาก็ได้พยายามจะส่งสัญญาณให้ผู้ขับอะเม้าท์บินได้ผู้นี้หนีไป


แม้ว่าขั้นสี่จะแข็งแกร่ง แต่ความเร็วในการบินของพวกนี้ก็ยังไม่สามารถจะเทียบกับอะเม้าท์บินได้ ได้ …. มันยังคงมีความหวังที่จะหลบหนีอยู่ หากผู้ที่เข้ามาบังคับให้อะเม้าท์บินได้หนีเต็มกำลัง


“หนี ? คุณคิดว่ามันจะเป็นไปได้งั้นหรอ ?!”


ออทั่มแพล้นได้เคลื่อนตัวไปปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าของผู้ที่เข้ามาใหม่นี้ เหมือนกับที่เขาทำกับดีไวน์ชาโด้วและคนอื่นๆทันที


สำหรับจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่ เมื่อใช้ใช้สกิลบลิ้งนั้น พวกเขาจะสามารถเคลื่อนที่ก้าวผ่านระยะได้สูงสุดสามพันหลาทันที ซึ่งนี่มันเป็นสิ่งที่ผู้เล่นนักเวทย์ขั้นสามเทียบไม่ติดเลย


ตอนที่ 2796 การปรากฎตัวของแบล๊คเฟรม


ดีไวน์ชาโด้วและคนอื่นๆมองไปที่ออทั่มแพล้นที่ใช้สกิลบลิ้ง เทเลพอร์ตออกไปด้วยดวงตาที่สิ้นหวังอย่างถึงที่สุด พวกเขานั้นต้องการจะเข้าหยุดออทั่มแพล้น อย่างไรก็ตามไม่ว่าพวกเขาจะดิ้นยังไง พวกเขาก็ไม่สามารถจะหลุดจากพันธนาการของโซ่สีเลือดนี้ได้เลย พวกเขาจึงทำได้เพียงแค่เฝ้าดูเท่านั้น


“บ้าชิบ !!!”


ในตอนนี้ดีไวน์ชาโด้วเต็มไปด้วยความโกรธและความไม่เข้าใจมากๆว่าทำไมออทั่มแพล้นถึงสามารถเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่ได้เร็วขนาดนี้


ในแง่ของพลังการต่อสู้ ออทั่มแพล้นไม่ได้ติดแม้แต่ Top 20 ของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดบนเกาะดราก้อนฮาร์ทด้วยซ้ำ เขามีข้อได้เปรียบเหนือคนอื่นเพียงอย่างเดียวคือเขาเป็นครึ่งเอลฟ์ เขาจึงมีความสัมพันธ์กับเวทย์มนต์มากกว่าคนอื่นๆ แต่อย่างไรก็ตามความยากในการเลื่อนขั้น ขั้นสี่ของพวกครึ่งเอลฟ์ก็สูงกว่ามนุษย์เช่นกัน


ซึ่งหลักๆมันก็เป็นเพราะเรื่องนี้นี่แหละที่ทำให้มีผู้เล่นจำนวนไม่มากนักที่เต็มใจจะเปลี่ยนเผ่าไปเดินในเส้นทางใหม่


อย่างไรก็การที่ออทั่มแพล้นกลายเป็นครึ่งเอลฟ์นั้นมันเป็นอุบัติเหตุ มันไม่ใช่ว่าเขาต้องการจะเปลี่ยนเผ่าด้วยตัวเอง แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวกับการสืบทอดอาชีพลับของเขา


อย่างไรก็ตามในตอนแรกนั้นออทั่มแพล้นทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสามสำเร็จช้ากว่าผู้เชี่ยวชาญระดับเดียวกันค่อนข้างมาก แต่ในเวลานี้เขากับสามารถทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้สำเร็จเร็วกว่าผู้เล่นส่วนใหญ่บนเกาะดราก้อนฮาร์ท ซึ่งไม่ว่าจะมองยังไง เรื่องนี้มันก็ไม่น่าเชื่อเลย


“รองผู้บัญชาการ ทีมนักผจญภัยของเราไม่ได้รับอะเม้าท์บินได้พวกนี้มามากนี่นา นอกเหนือจากรองผู้บัญชาการของเราอีกสองคนที่อยู่บนเกาะดราก้อนฮาร์ทแล้ว ผู้ที่ได้รับมันไปก็คือ หัวหน้ายู่หลัวที่หายตัวไป ….” คลีนซิ่งเฟรมกล่าวขณะที่เธอมองไปยังอะเม้าท์บินได้ที่กำลังบินเข้ามา ซึ่งนี่มันก็ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะกล่าวต่ออย่างเป็นห่วงว่า “คนที่ควบคุมอะเม้าท์บินได้ให้บินเข้ามานั่นคือหัวหน้ายู่หลัวรึปล่าว ?”


“มันก็น่าจะเป็นแบบนั้นแหละ …. แต่ตอนนี้มันไม่มีประโยชน์ที่จะพูดอะไรแล้ว ….” ดีไวน์ชาโด้วยิ้มอย่างขมขื่น “ความแข็งแกร่งของออทั่มแพล้นในตอนนี้ไม่ใช่สิ่งเราจะสามารถสู้ได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงยู่หลัวเลย”


เขาไม่ได้มีความหวังกับเรื่องนี้เลย แม้ว่ายู่หลัวจะบังเอิญกลับมาในฐานะผู้เล่นขั้นสี่ก็ตาม เพราะท้ายที่สุดแล้ว เธอนั้นเป็นเครอลิคซึ่งเป็นอาชีพสายซัพพอร์ท เธอจะไปต่อสู้กับออทั่มแพล้นที่เป็น Elementalist ได้ยังไงกัน ?


“ดีไวน์ชาโด้วพูดถูก พวกเขาไม่มีโอกาสจะต่อต้านรองผู้บัญชาการออทั่มแพล้นได้เลย สิ่งที่พวกคุณควรทำตอนนี้คือยอมกลับไปพร้อมกับเราดีๆ และไปเกลี้ยกล่อมผู้บัญชาการของพวกคุณให้ยอมแพ้ซะ” ในเวลานี้เอง ผู้หญิงในชุดเสื้อคลุมสีน้ำเงินก็ปรากฎตัวขึ้นข้างๆดีไวน์ชาโด้วและคนอื่นๆ ซึ่งเธอก็ทำให้พวกเขาตกใจมากๆ


ซึ่งผู้หญิงคนนี้นั้นมีอาชีพเป็นแรนเจอร์ และเธอก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหนึ่งในสี่รองผู้บัญชาการของวอร์บลัด อิ้งเฟเธอร์


“ไม่คาดคิดเลยนะเนี่ยว่ารองผู้บัญชาการสองคนของวอร์บลัดจะออกมาหยุดพวกเราด้วยตัวเอง นี่มันถือเป็นเกียรติจริงๆ” ดีไวน์ชาโด้วกล่าว พลางมองไปยังอิ้งเฟเธอร์ด้วยสายตาที่ถากถาง


มันไม่มีประโยชน์หรอกนะที่คุณจะมายั่วยุฉัน …” อิ้งเฟเธอร์กล่าวด้วยความดูถูก “แม้ว่าออทั่มแพล้นจะไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่คุณคิดจริงๆหรอว่าคุณจะสามารถหลบหนีออกไปได้ ? และพูดกันตามตรงถ้าเป็นในด้านการตามล่า และพลังดิบ ฉันเก่งกว่าออทั่ม

แพล้นนะ ….”


เมื่อได้ยินคำพูดของอิ้งเฟเธอร์ ดีไวน์ชาโด้วก็ได้หยุดพูดไป ….


ในฐานะผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมน เขานั้นยอมรับเลยว่าอิ้งเฟเธอร์ทรงพลังมากๆ ในตอนที่อิ้งเฟเธอร์ยังไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมน เขาก็ทำได้อย่างมากที่สุดแค่กดดันเธออย่างหนักเท่านั้น แต่ตอนนี้อิ้งเฟเธอร์เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนแล้ว นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เธอได้รับอาวุธคันธนูที่เป็นเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานมาแล้ว พร้อมกับการที่เธอเลื่อนขั้นไปเป็นขั้นสี่ได้สำเร็จ ซึ่งมันทำให้ความแข็งแกร่งของเธอก้าวกระโดดขึ้นไปอย่างมาก


และในการต่อสู้แบบตัวต่อตัวนั้น เขาจะแพ้เธออย่างราบคาบแน่นอน

“อย่างไรก็ตามไม่ต้องกังวลไป ยู่หลัวจะไม่เจ็บปวดใดๆแน่นอน” อิ้งเฟเธอร์กล่าวด้วยรอยยิ้ม ขณะที่มองไปยังดีไวน์ชาโด้วและคนอื่นๆ “เนื่องจากเธอจะเป็นเหมือนกับพวกคุณในไม่ช้า ไม่มีใครสามารถจะหลบหนีจากวิสัยทัศน์ของรองผู้บัญชาการออทั่ม

แพล้นไปได้หรอก”


พูดจบอิ้งเฟเธอร์ก็ได้มองไปยังอินทรีมีเขาที่กำลังบินเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ตอนนี้ออทั่มแพล้นก็ไปปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าอินทรีตัวนี้แล้ว


ซึ่งด้วยความแข็งแกร่งในฐานะผู้เล่นขั้นสี่ของออทั่มแพล้น มันก็ทำให้อินทรีเขาเดียวนั้นอดไม่ได้ที่จะมองมายังเขาอย่างหวาดกลัวแบบเห็นได้ชัด


“นี่คิดว่าทำแบบนี้ฉันจะไม่สังเกตเห็นพวกคุณรึไง ?” ออทั่มแพล้นกล่าวอย่างดูถูก ขณะที่มองไปยังผู้เล่นทั้งหมดที่สวมเสื้อคลุมสีดำสนิทที่นั่งอยู่บนอินทรีตัวนี้ “ตอนนี้เหลือเพียงรองผู้บัญชาการสองคนของฮีฟเว่นเบลดที่อยู่บนเกาะ กับหัวหน้าเครอลิคยู่หลัวที่หายไปเท่านั้นที่มีอะเม้าท์บินได้แบบนี้ ดังนั้นให้ฉันเดาคุณคือยู่หลัวใช่ไหม ?”


ข้อมูลทั้งหมดของผู้เล่นในฮีฟเว่นเบลดนั้นเขาได้ทำการตรวจสอบมาโดยละเอียดแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนก่อนที่จะเริ่มการกวาดล้างฮีฟเว่นเบลด ซึ่งที่เขาต้องทำแบบนี้ก็เพราะเขาต้องการจะให้การกวาดล้างเป็นไปโดยสะดวก


และสำหรับการหายตัวไปของยู่หลัวนั้น มันก็อยู่ในรายงานข้อมูลที่เขาได้รับมาเช่นกัน


ยู่หลัวไม่ได้พยายามจะหักล้างคำพูดของออทั่มแพล้น ตรงกันข้ามเธอกับมองไปยังออทั่มที่ลอยอยู่กลางอากาศ และกล่าวออกมาอย่างชัดเจนว่า “ฉันไม่คาดคิดมาก่อนเลยนะว่าคุณจะมาถึงขั้นสี่ได้เป็นคนแรกๆบนเกาะดราก้อนฮาร์ทน่ะ …”


“ก็นะ แต่มันก็ยังมีอีกสลายสิ่งที่คุณไม่รู้นะเช่นการยุบตัวไปของฮีฟเว่นเบลด และการที่ตอนนี้คุณกลายเป็นเชลยของวอร์บลัดแล้ว !!!” ออทั่มแพล้นไม่ได้รู้สึกโกรธใดๆกับคำพูดของยู่หลัว ตรงกันเขากับหัวเราะเยาะออกมา “ตอนนี้คุณจะให้ฉันลงมือ หรือจะยอมตามฉันมาดีๆ ?”


อย่างไรก็ตามหลังจากออทั่มแพล้นพูดจบ เสียงหัวเราะเบาๆก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังของยู่หลัว


“รองผู้บัญชาการออทั่มแพล้น ไม่ได้เจอกันมาพักหนึ่ง ดูเหมือนว่าคุณจะพูดมากและดังกว่าแต่ก่อนอีกนะ ซึ่งมันน่ารำคาญจริงๆ ….”


เมื่อเสียงนี้ดังขึ้นใบหน้าของออทั่มแพล้นก็ซีดลงไปเล็กน้อย และเขาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านหลังของยู่หลัวซึ่งเป็นต้นกำเนิดเสียง


“คุณคือ …” ออทั่มแพล้นนั้นแทบจะไม่เชื่อหูตัวเองเลย เพราะเขาคุ้นเคยกับเสียงนี้มากๆ ซึ่งเสียงนี้มันก็เป็นของคนที่แข็งแกร่ง แต่เขาก็เกลียดมากที่สุดเช่นกัน “แบล๊คเฟรม !!”


ชายคนนี้นั้นคือคนที่ทีมนักผจญภัยวอร์บลัดทั้งทีมเกลียดมากที่สุด ในครั้งสุดท้ายที่พวกเขาปะทะกัน ชายคนนี้ทำให้วอร์บลัดกลายเป็นที่หัวเราะเยาะของมหาอำนาจต่างๆบนเกาะดราก้อนฮาร์ท และเขาก็ยังทำให้วอร์บลัดแทบจะไม่เหลือที่ยืนบนเกาะ เขาจัดว่าเป็นเบอร์หนึ่งเลยสำหรับคนที่วอร์บลัดต้องการจะฆ่ามากที่สุด


“ใช่แล้ว เราพบกันอีกครั้งแล้วนะ …” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เขาถอดเสื้อคลุมสีดำของตัวเองออกและมองไปยังออทั่มแพล้น


ซึ่งในขณะที่ซือเฟิงทำแบบนี้นั้น สมาชิกทุกคนของทีมนักผจญภัยวอร์บลัดที่เฝ้าดูจากระยะไกลก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระสับกระส่าย สำหรับดีไวน์ชาโด้วและคนอื่นๆจากฮีฟเว่นนั้นพวกเขาก็เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อมากๆ


ปัจจุบันชื่อของแบล๊คเฟรมนั้นเป็นที่รู้จักกันไปทั่ว God domain ทั้งหมด


แม้ว่าเขาจะไม่ได้ปรากฎตัวขึ้นมาสักพักแล้วหลังจากการแข่งขันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งสำรองของสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในครั้งที่หนึ่ง แต่เขาก็ยังคงเป็นหัวข้อพูดคุยของผู้เล่นหลายคนจนถึงทุกวันนี้


“ยอดเยี่ยม !!! มันเป็นหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมจริงๆ !!!” คลีนซิ่งเฟรมรู้สึกตื่นเต้นมากๆ เมื่อได้เห็นซือเฟิง


แม้ว่าฮีฟเว่นเบลดจะไม่ใช่พันธมิตรของสภาสิบแปดปีก แต่ทั้งสองฝ่ายก็มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันในระดับหนึ่ง ซึ่งคราวนี้เป้าหมายที่พวกเขาต้องการจะหลบหนีออกจากเกาะดราก้อนฮาร์ทนั้น มันก็เป็นไปเพราะต้องการจะไปขอความช่วยเหลือจากสภาสิบแปดปีกนี่แหละ

แต่ตอนนี้ซือเฟิงซึ่งเป็นหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีกกับมาปรากฎตัวขึ้นที่นี่แล้ว นี่มันจึงนับเป็นเรื่องที่ดีมากๆ


ยิ่งไปกว่านั้นซือเฟิงยังเป็นผู้เล่นขั้นสี่เหมือนกับออทั่มแพล้น ดังนั้นอย่างน้อยเขาก็น่าจะพอทำให้ออทั่มแพล้นเกรงกลัว และต้องระมัดระวังในการเคลื่อนไหวได้บ้างแน่นอน


ในขณะที่คลีนซิ่งเฟรมและคนอื่นๆกำลังเต็มไปด้วยความตื่นเต้น อิ้งเฟเธอร์ที่เฝ้าดูอยู่ใกล้ๆกับพวกเขาก็กล่าวอย่างเย็นชาออกมาว่า “อย่าพึ่งดีใจเร็วเกินไป !!! ครั้งสุดท้ายที่เขาปรากฎตัวขึ้นมาที่นี่ เขาทำให้ทีมนักผจญภัยวอร์บลัดของเรากลายเป็นที่หัวเราะเยาะบนเกาะดราก้อนฮาร์ท อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาน่าจะรู้ดีว่าทีมนักผจญภัยวอร์บลัดของเราไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถรับมือได้ง่ายๆอีกแล้ว !!!”


เมื่อพูดจบอิ้งเฟเธอร์ก็ได้จัดการยิงลูกธนูขึ้นฟ้า ก่อนที่ลูกธนูนี้จะแตกตัวออก และกระจายไปครอบคลุมรัศมีหมื่นหลา ซึ่งมันทำให้ผู้เล่นโดยรอบสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน


พร้อมกันนั้นพวกสมาชิกของวอร์บลัดที่อยู่บริเวณนี้ทั้งหมดก็ได้จัดการนำเอาหินแปลกๆบางอย่างออกมาจากกระเป๋าของพวกเขา และจัดการใช้มันเพื่อสร้างวงเวทย์บางอย่างทันที


หลังจากนั้นมันก็บังเกิดพายุขึ้นมาปกคลุมพื้นที่โดยรอบ ซึ่งมันก็เป็นการกักขังซือเฟิงและคนอื่นๆอีกสามคนไม่ให้หนีออกไปได้ ในขณะเดียวกันค่าสถานะพื้นฐาน และร่างกายทางกายภาพของพวกเขาทั้งหมดก็ลดลงไปสามสิบเปอเซ็นต์ในเวลาอันสั้น


“มันแข็งแกร่งมาก ….” ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย


หลังจากผู้เล่นมาถึงขั้นสี่แล้ว มันก็มีวงเวทย์จำนวนไม่มากนักที่สามารถจะลดค่าสถานะและร่างกางกายภาพของผู้เล่นขั้นสี่ลงไปได้มากขนาดนี้ และแม้แต่วงเวทย์ระดับปรมาจารย์ส่วนใหญ่ก็ยังจะไม่ให้ผลมากขนาดนี้เลย


นี่มันจึงเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมากๆ


“ฮ่าๆๆๆ !!! หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม คุณมันช่างรนหาที่จริงๆ !!! ตอนแรกคุกเทพแห่งท้องทะเลนั้นถูกเตรียมไว้ให้แค่พวกฮีฟเว่นเบลดเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณปรากฎตัวขึ้นมาแบบนี้ ฉันก็จะให้คุณได้รู้ถึงผลของมันด้วยเช่นกัน !!!” ออทั่มแพล้นกล่าวพลางหัวเราะอย่างเย้ยหยันออกมา


ถ้าเขาไม่ได้มีผลของวงเวทย์นี้คอยช่วย เขาก็จะต้องหวาดกลัวซือเฟิงแน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้ว ซือเฟิงนั้นน่าจะถือว่าเป็นผู้เล่นที่ไปถึงขั้นสี่เป็นคนแรกเลย ซึ่งนี่มันหมายความว่าซือเฟิงก็จะมีความรู้เกี่ยวกับขั้นสี่มากกว่าเขาแน่นอน และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาที่พวกเขาไม่ได้พบกัน ซือเฟิงก็น่าจะพัฒนาไปอีกมาก …..


แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้สถานการณ์มันแตกต่างออกไป เพราะตอนนี้พวกเขาได้จัดการใช้วงเวทย์คุกเทพแห่งท้องทะเลแล้ว ซึ่งแม้แต่ผู้เล่นขั้นสี่ก็ยังจะต้องถูกปราบปรามอย่างหนักภายใต้ผลของวงเวทย์นี้


สำหรับผู้เล่นขั้นสี่ การที่ค่าสถานะพื้นฐานถูกปราบปรามนั้นอาจจะไม่ได้ส่งผลอะไรมากนัก อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องที่แตกต่างกันออกไปสำหรับร่างกายทางกายภาพ เพราะท้ายที่สุดการปราบปรามร่างกายทางกายภาพให้ลดลงสามสิบเปอเซ็นต์นั้นมันจะส่งผลกระทบใหญ่มากต่อผู้เล่นขั้นสี่ และผลกระทบนี้มันก็จะยิ่งมากขึ้นในการต่อสู้ระหว่างผู้เล่นขั้นสี่ด้วยกันเอง ….


ด้วยช่องว่างของร่างกายทางกายภาพนี้ แม้ว่าซือเฟิงจะมีค่าสถานะที่น่าทึ่ง แต่มันก็ยังคงยากมากสำหรับซือเฟิงที่จะต่อกรกับเขาได้


“คุกเทพแห่งท้องทะเลนี้มันก็ไม่เลว แต่น่าเสียดายที่การใช้มันกับฉันนั้นเป็นการสูญเปล่า ….”


ซือเฟิงนั้นรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงผลของวงเวทย์คุกเทพแห่งท้องทะเลนี้ และเขาก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าวงเวทย์โบราณนี้มันยังไม่สมบูรณ์ การที่จะทำให้วงเวทน์โบราณนี้แสดงพลังที่แท้จริงออกมาได้นั้น มันน่าจะต้องใช้ปรมาจารย์นักเวทย์สิบสองคนหรือมากกว่านั้นเล็กน้อย ….


เอฟเฟคที่ซือเฟิงโดนอยู่ตอนนี้มันเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบพลังที่แท้จริงของวงเวทย์นี้ ….


“หยิ่งผยองเหมือนเดิมเลยนะ !!!” ออทั่มแพล้นมองไปที่ซือเฟิงด้วยแววตาเย้ยหยัน ก่อนที่เขาจะโบกคทาของตัวเอง “มาดูกันว่าคุณจะยังรักษาหน้าของตัวเองได้นานแค่ไหน เมื่อความตายเข้ามาอยู่ใกล้คุณขนาดนี้ !!!”

เมื่อออทั่มแพล้นกล่าวจบ โซ่สีเลือดหลาบสิบเส้นก็ปรากฎขึ้นรอบๆตัวซือเฟิงและมันก็เริ่มพุ่งเข้าไปหาซือเฟิง โดยเป้าหมายของมันนั้นก็ชัดเจนเลยคือการต้องการจะพันธนาการซือเฟิงเอาไว้


เวทย์ขั้นสี่ โซ่แห่งเลือด !!!


เมื่อเห็นว่าโซ่สีเลือดหลายสิบเส้นกำลังพุ่งเข้ามาหาเขา ซือเฟิงก็ได้จัดการแผ่ระลอกคลื่นมานาออกมาจากร่างของเขา ซึ่งมันก็ทำให้โซ่สีเลือดทั้งหมดนี้หยุดลงในระยะหนึ่งหลาห่างจากซือเฟิง และไม่สามารถจะเข้าใกล้เขาได้เลย


จากนั้นมันก็เสียงหนึ่งดังเข้ามาที่หูของออทั่มแพล้น


“เวทย์พันธนาการนี้มันก็ค่อนข้างดีนะ แต่น่าเสียดายที่เลือกใช้มันผิดคน !!!”


ตอนที่ 2797 หนึ่งดาบตัดผ่านภูเขาและทะเล


โดยเสียงที่พูดล่าสุดนั้นมันก็ไม่ใช่เสียงใครอื่นนอกจากเสียงของซือเฟิง และนี่มันก็ทำให้เหล่าสมาชิกของทีมนักผจญภัยวอร์บลัดที่เฝ้าดูอยู่จากระยะไกลอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างเมื่อได้เห็นฉากตรงหน้า


ทุกคนนั้นแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสิ่งที่พวกเขาได้เห็นมันเป็นความจริง


ดีไวน์ชาโด้ว คลีนซิ่งเฟรม และสมาชิกคนอื่นๆของฮีฟเว่นเบลดนั้นก็ตกตะลึงมากเช่นกัน ตอนนี้พวกเขารู้สึกได้เลยว่าซือเฟิงได้ทำลายสิ่งที่พวกเขาคิดว่ารู้เกี่ยวกับอาชีพขั้นสี่ลงไปอย่างสิ้นเชิง


สำหรับพลังของโซ่แห่งเลือดนั้น พวกเขาได้เรียนรู้มาด้วยตัวเองเป็นการส่วนตัวแล้ว พลังของเวทย์นี้มันแข็งแกร่งมากๆ และแม้แต่มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายขั้นสี่ที่เลเวลเดียวกันกับผู้ใช้ก็ยังไม่น่าจะดิ้นหลุดไปได้


แต่ตอนนี้โซ่สีเลือดนี้กับหยุดอยู่ห่างจากซือเฟิงราวหนึ่งหลา และไม่สามารถขยับเข้าใกล้ซือเฟิงได้เลยเป็นเวลาราวสามสิบวินาทีแล้ว !!!


พวกเขาไม่ได้เห็นซือเฟิงทำการเคลื่อนไหวใดๆแบบชัดเจนเลย ที่พวกเขาเห็นจริงๆก็คือซือเฟิงยืนอยู่อย่างสงบ ณ จุดเดิมไม่ได้ขยับไปไหนใดๆ แต่โซ่ทั้งหมดนั้นกับดูเหมือนจะกลัวซือเฟิง และมันก็ได้หยุดลงห่างจากซือเฟิงเพียงหนึ่งหลา โดยที่ไม่กล้าจะขยับเข้าไปใกล้ซือเฟิงเพิ่มขึ้นอีกเลยแม้แต่นิดเดียว


“เป็นไปไม่ได้ !!!”


“นี่มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน !!!”


ออทั่มแพล้นมองไปยังซือเฟิงที่ไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง และเมื่อเทียบกับคนอื่นๆแล้ว เขามีความตกตะลึงกับงงงวยในสถานการณ์นี้มากกว่ามาก


เพราะท้ายที่สุดผู้ที่ใช้เวทย์ไปเมื่อครู่นั้นคือตัวเขาเอง และนั่นมันก็เป็นเวทย์พันธนาการที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาแล้ว เขาไม่เหลืออะไรให้ใช้อีกแล้ว


“มันเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะต้านทานเวทย์ขั้นสี่ได้โดยไม่ใช้สกิลหรือเวทย์ใดๆ !!!” ตอนนี้ออทั่มแพล้นนั้นได้แต่มองไปยังซือเฟิงอย่างไม่เข้าใจ “นี่คุณทำบ้าอะไรกัน ?!”


หากซือเฟิงใช้สกิลหรือเวทย์เพื่อต่อต้านเวทย์มนต์ของเขาเมื่อครู่ ทุกอย่างมันก็จะยังอยู่ในขอบเขตที่เขาพอจะเข้าใจได้ แต่นี่ซือเฟิงกับไม่ได้ทำอะไรเลย สิ่งที่เขาทำมันมีเพียงแค่การแผ่ระลอกคลื่นมานาออกมาจากร่างของเขาเท่านั้น ซึ่งนี่มันก็ได้ทำให้โซ่สีเลือดไม่สามารถเข้าใกล้เขาได้เลย ใครมันจะไปเชื่อเรื่องนี้ได้กัน ?


ในตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงออทั่มแพล้นเลย แม้แต่ทั้งสามคนที่มากับซือเฟิงก็ยังรู้สึกตกตะลึงและงงงวยกับเรื่องนี้


พวกเขารู้ดีว่าซือเฟิงนั้นแข็งแกร่งมากๆ และซือเฟิงก็เกือบจะฆ่าไลอ้อนฮาร์ทได้ในการโจมตีเดียว แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเวทย์ขั้นสี่ที่ถูกใช้โดยจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่ พวกเขามีแต่จะต้องเปิดใช้งานสกิลเบอเซิกร์ของตัวเองเท่านั้นจึงจะพอมีสิทดิ้นหลุดได้ แต่ตอนนี้ซือเฟิงกับทำได้ในทุกสิ่งที่มันเหนือความคาดหมายของพวกเขาไปมาก


“นี่คุณยังมองเห็นไม่ชัดอีกงั้นหรอ ?” ซือเฟิงมองไปยังออทั่มแพล้น ก่อนที่เขาจะกล่าวออกมาอย่างเรียบๆว่า “ในฐานะจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่ คุณน่าจะเห็นมันได้ชัดเจนมากกว่าคนอื่นๆนะ มันก็แค่ระดับของมานาเท่านั้น คุณคิดว่าโซ่เล็กๆง่อยๆนี้จะสามารถใช้พันธนาการช้างได้งั้นหรอ ?”


หลังจากที่เขาได้รับคะแนนอำนาจในโลก God domain มาเพิ่มขึ้นสองแต้มจากการทำเควสช่วยเหลือแองเจริก้า เทเรซ่าเสร็จสิ้น มันก็ทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับโลกเพิ่มขึ้นตามคะแนนอำนาจที่เขาได้รับมา ซึ่งนี่มันก็ทำให้เขาสามารถปรับปรุงการควบคุมมานา และรับรู้ถึงกฎการใช้กับหลักการทำงานของมานาได้ดีขึ้นอย่างมาก ดังนั้นมานาที่เขาใช้ตอนนี้มันจึงแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้อย่างเทียบไม่ติด


ทุกวันนี้มานาที่เขาสามารถดึงดูด หรือใช้ออกมาจากร่างของตัวเองได้นั้น มันมากและแข็งแกร่งกว่าตอนที่เขาพึ่งปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาระดับอีปิคของตัวเองได้หนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์ราวห้าสิบเปอเซ็นต์เลย


มันอาจกล่าวได้ว่าซือเฟิงจะมีความเข้าใจถึงเวทย์มนต์ทั้งหมดที่เข้ามาในโดเมนมานาของเขาอย่างชัดเจน ไม่ต้องพูดถึงเวทย์พันธนาการขั้นสี่ที่มีอัตราความสำเร็จในการใช้สกิลต่ำกว่าหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์เลย มันเป็นแค่เรื่องตลกเท่านั้นแหละที่คิดจะใช้เวทย์แบบนี้พันธนาการเขา

และมันสามารถจะกล่าวได้เลยว่าการโจมตีเขาแบบนี้ไม่มีประสิทธิภาพมากเท่ากับการโจมตีเขาโดยตรงด้วยซ้ำ


“คุณหมายความว่ายังไงกัน ?” ออทั่มแพล้นยังคงรู้สึกตกตะลึงกับงงงวย และเขาไม่เข้าใจสิ่งที่ซือเฟิงพูดเลย


เรื่องนี้มันเหมือนกับการเทียบกันในด้านความเข้าใจและพลังของมานาทั้งหมด ซึ่งเขาเป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่ แล้วเขาจะมาแพ้ให้กับจักรพรรดิดาบขั้นสี่ในด้านนี้ได้ยังไง ?


“เฮ้อ …. งั้นคุณก็ลองสัมผัสมันด้วยตัวเองแล้วกัน !!!!” ซือเฟิงกล่าวพลางถอนหายใจออกมา เรื่องนี้มันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและหัวเราะเบาๆ


หลังจากนั้นเมื่อซือเฟิงกล่าวจบ โดยที่มีซือเฟิงเป็นศูนย์กลาง เขาก็จัดการแผ่ระลอกคลื่นมานาออกมาจนครอบคลุมรัศมีหนึ่งพันหลาซึ่งเป็นขีดจำกัดสูงสุดของโดเมนมานาของเขาทันที โดยพื้นที่ภายในโดเมนมานาของซือเฟิงนั้นมืดลง และมีความบิดเบี้ยวเกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้จะมองจากระยะไกลก็ตาม


ในขณะเดียวกันออทั่มแพล้นที่อยู่ภายในโดเมนมานานี้ด้วยนั้นอยู่ๆเขาก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองจมลึกลงไปในโคลนตม และแค่จะทำการขยับ กับเคลื่อนไหวร่างกายเขาก็ยังทำได้อย่างยากลำบากมากๆ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าตอนนี้มานาโดยรอบนั้นไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาอีกต่อไป และมันยังมีแรงกดดันมหาศาลกดลงมายังตัวเขาด้วย ซึ่งเมื่อรวมทั้งหมดนี้แล้ว มันทำให้ตัวเขาแทบจะยืนไม่อยู่ และอยากจะอาเจียนออกมาเลย


“ไม่ ! เป็นไปไม่ได้ !! นี่คุณมีมานาที่ทรงพลังมากขนาดนี้ได้ยังไงกัน ?!!” ออทั่มแพล้นตะโกนพลางมองไปยังซือเฟิง ในเวลานี้ดวงตาของเขามันหลงเหลือเพียงแค่ร่องรอยแห่งความกลัวและบ้าคลั่งเท่านั้น เพราะเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะมีคนแบบนี้อยู่บนโลกด้วย


ที่ระยะไกลออกไป เมื่ออิ้งเฟเธอร์มองไปยังออทั่มแพล้นที่มีท่าทีบ้าคลั่งมากๆเมื่อยืนอยู่ต่อหน้าของซือเฟิงตอนนี้ เธอก็ได้ติดต่อเขาไปโดยตรงทันที


“รองผู้บัญชาการออทั่มแพล้น มันเกิดอะไรขึ้น ?” อิ้งเฟเธอร์กล่าวถามด้วยความประหลาดใจ เมื่อเธอเห็นท่าทีของออทั่มแพล้น “ต้องการให้เราช่วยไหม ?”

มันเห็นได้ชัดเลยว่าเมื่อหนึ่งวินาทีก่อนนั้นออทั่มแพล้นยังเป็นปกติอยู่เลย แต่ในวินาทีต่อมา หลังจากพื้นที่โดยรอบตัวเขามืดลง และบิดเบี้ยว ออทั่มแพล้นก็แสงอาการบ้าคลั่งและผิดปกติออกมาทันที ซึ่งมันสามารถมองเห็นได้ชัดเลยจากระยะไกล


“ไม่ต้อง !! หนี !!! หนีไป !!!” ออทั่มแพล้นกล่าวกับอิ้งเฟเธอร์ด้วยท่าทีบ้าคลั่ง ก่อนที่เขาจะกล่าวต่ออีกว่า “เขาไม่ใช่มนุษย์ เขาไม่ใช่มนุษย์อีกแล้ว !!!”


“ไม่ใช่มนุษย์ ? หมายความว่ายังไง ?” อิ้งเฟเธอร์รู้สึกงุนงง เมื่อได้ยินคำพูดของ

ออทั่มแพล้น เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าออทั่มแพล้นหมายถึงอะไร


“มานาที่เขาสามารถจัดการและควบคุมได้นั้นมันน่ากลัวมากๆ !!! เราไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้แน่นอน !!!” ออทั่มแพล้นกล่าวต่อด้วยความกลัวว่า “คุณต้องรีบหนีไป !! หนีไปแจ้งเรื่องนี้ให้ผู้บัญชาการรู้เพื่อให้เขาติดต่อไปยังหัวหน้ากิลของมือลับ ตอนนี้มันมีเพียงมือลับเท่านั้นที่จะสามารถรับมือกับเขาได้ !!!”


“มีแค่มือลับเท่านั้นที่จะสามารถรับมือกับเขาได้งั้นหรอ ?”


อิ้งเฟเธอร์รู้สึกว่าออทั่มแพล้นบ้าไปแล้ว เมื่อเธอได้ยินคำพูดของเขา ซือเฟิงนั้นเป็นเพียงแค่จักรพรรดิดาบขั้นสี่ และแม้ว่าเขาจะเป็นคนแรกที่ได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่ใน God domain แต่เขาก็ไม่น่าจะสามารถเทียบกับพวกกิลมือลับ ซึ่งเป็นกองกำลัง NPC ที่ใหญ่และทรงพลังที่สุดบนเกาะดราก้อนฮาร์ทได้ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่ายังไงซะซือเฟิงก็ไม่มีทางจะทำลายคุกเทพแห่งท้องทะเลของพวกเขาได้ด้วยซ้ำ


ผลของคุกเทพแห่งท้องทะเลนั้น นอกเหนือจากมันจะลดค่าสถานะพื้นฐาน และร่างกายทางกายภาพของผู้เล่นลงไปสามสิบเปอเซ็นต์ มันจะยังเพิ่มอัตราการผลาญค่าสตามิน่าและค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของผู้เล่นขึ้นอย่างมากด้วย ซึ่งแม้แต่ผู้เล่นขั้นสี่ก็จะต่อสู้ภายในนี้ได้ไม่เกินสิบนาทีเท่านั้น


และเมื่อค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจกับค่าสตามิน่าหมดลง ผู้เล่นก็จะไม่สามารถเคลื่อนไหวใดๆได้เลย และไม่สามารถจะตายได้ด้วยซ้ำ และแม้ว่าพวกเขาจะเลือกไม่ทำอะไรซือเฟิงในตอนนั้น แต่ซือเฟิงก็ยังจะต้องติดอยู่ในคุกเทพแห่งท้องทะเลไปตลอดชีวิตแน่นอน


เมื่อเห็นว่าอิ้งเฟเธอร์มองมายังตัวเขาราวกับมองคนบ้า และเธอดูไม่เชื่อใดๆเลย ออทั่มแพล้นก็รีบกล่าวต่อว่า “ไม่ !! ฟังฉันนะ !! เขาไม่ใช่คนที่คุณเคยรู้จักอีกต่อไปแล้ว !!!”


อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ออทั่มแพล้นกำลังจะพูดอะไรบางอย่างต่อ ในที่สุดซือเฟิงก็เริ่มเคลื่อนไหว


ซือเฟิงชัก Abyssal Blade ของเขาออกมาจากฝัก ก่อนที่เขาจะจับมันด้วยสองมือและชูขึ้นไปบนอากาศ


เทคนิคมานา ไลท์ชาโด้ว !!!


ทันใดนั้นเงาดาบขนาดใหญ่ที่มีความยาวหลายร้อยเมตรก็ปรากฎขึ้น ก่อนที่ซือเฟิงจะใช้มันฟันลงมาโดยตรง ซึ่งทุกสิ่งที่มันเคลื่อนไหวผ่านมานั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นความว่างเปล่าทันที และพื้นที่บริเวณนี้ทั้งหมดมันก็ดูเหมือนจะถูกตัดขาดออกเป็นสองซีกเลย


สำหรับคุกเทพแห่งท้องทะเลที่ล้อมรอบซือเฟิงและอีกสามคนอยู่นั้น มันได้แตกออกเป็นสองส่วนทันที เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีนี้ของซือเฟิง ก่อนที่มันจะบังเกิดรอยแยกในทะเลซึ่งทอดตัวยาวไปหลายพันหลาทันที …. (ทะเลแยกน่ะ)


ซึ่งรอยแยกนี้นั้นมันก็ทำให้เรือรอบๆถูกดูดเข้าไปทั้งหมด ก่อนที่ผู้เล่นบนเรือนั้นจะกลายเป็นขี้เถ้า และตายทันทีภายในรอยแยกนี้


ผลจากการโจมตีนี้ของซือเฟิงมันทำให้เหล่าสมาชิกหลายคนที่ทำหน้าที่ควบคุมคุกเทพแห่งท้องทะเลอยู่กระอักเลือดออกมา และตอนนี้มันก็ทำให้แต่ละคนตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชมากๆ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเจอผลสะท้อนกลับของวงเวทย์คุกเทพแห่งท้องทะเลที่ถูกทำลายไป


ขณะเดียวกันตอนนี้ร่างของออทั่มแพล้นก็หายไปอย่างสมบูรณ์จากจุดที่เขาเคยยืนอยู่


ตอนนี้ในพื้นที่มืดภายในโดเมนมานาของซือเฟิงนั้น มันไม่มีร่องรอยว่าออทั่มแพล้นเคยอยู่หลงเหลือด้วยซ้ำ มันเหลือแต่เพียงซือเฟิง กับอีกสามคนที่มากับเขาเท่านั้นที่ยังคงอยู่ ….

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)