Reincarnation Of The Strongest Sword God 2722-2730
ตอนที่ 2722 ไม่เสียใจ
“ทำให้กิลต่างๆรู้ว่าตำแหน่งที่หกที่เป็นตำแหน่งสุดท้ายเป็นของเรางั้นหรอ ?! จะทำได้ยังไงกัน ?!” มู่ฉินเผยรอยยิ้มที่ขมขื่นออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง
“มันมีตำแหน่งสำรองอยู่หกตำแหน่งให้ไขว่คว้า แต่กิลต่างๆกับเลือกจะยอมแพ้ไปห้าจากหกตำแหน่งสำรองนี้ คุณคิดว่ามันเป็นเพราะอะไรล่ะ ?” ซือเฟิงตอบคำถามของมู่ฉินด้วยคำถาม
“มันไม่ชัดเจนงั้นหรอ ? มันก็เป็นห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นทรงพลังมากเกินไป ซึ่งมันทำให้ไม่มีทางที่กิลอื่นจะแข่งขันกับพวกเขาได้ ….” มู่ฉินตอบอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมซือเฟิงถึงได้ถามเรื่องนี้
ใครที่จะได้เป็นเจ้าของห้าจากหกตำแหน่งสำรองนั้น ทุกคนก็สามารถจะมองออกได้อย่างชัดเจนอยู่แล้ว ไม่งั้นกิลต่างๆคงจะไม่แข่งกันอย่างบ้าคลั่งเพื่อแย่งชิงตำแหน่งที่หกที่เป็นตำแหน่งสุดท้ายที่เหลืออยู่หรอก บางกิลกระทั่งยอมเสี่ยงด้วยทุกอย่างที่พวกเขามีด้วยซ้ำ
“ถูกต้อง มันเป็นเพราะห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นทรงพลังมากเกินไป” ซือเฟิง
กล่าวพลางพยักหน้า “ดังนั้นกิลเหล่านี้จึงไม่กล้าจะแข่งขันและปะทะกับห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดนี้”
“คุณหมายถึงเราต้องทำให้กิลต่างๆเห็นว่าเราแข็งแกร่งเกินกว่าจะยั่วยุได้งั้นหรอ ? นั่นมันไม่น่าจะเป็นไปได้ ….” มู่ฉินพูดพลางส่ายหัว ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนกับว่าซือเฟิงกำลังพยายามจะสร้างปราสาทกลางอากาศ “ฟรอสต์ฮีฟเว่นไม่มีความแข็งแกร่งแบบที่ว่าในตอนนี้นะ ….”
“คุณพูดถูก ….” ซือเฟิงกล่าวอย่างเฉยเมย “นั่นคือเหตุผลที่เราต้องทำตัวบ้าคลั่งให้ถึงที่สุดบ้าคลั่งจนกิลอื่นๆกลัวเรา ซึ่งหากเราทำได้ เราก็จะมีโอกาสได้รับชัยชนะและได้รับตำแหน่งที่หกที่เป็นตำแหน่งสำรองสุดท้ายไปในครั้งนี้ ….”
พวกเขาไม่สามารถที่จะตั้งรับได้ และแม้ว่าพวกเขาจะตัดสินใจตั้งรับจริงๆ พวกเขาก็จะไม่สามารถปกป้องอะไรไว้ได้เลยแน่นอน เพราะตอนนี้กิลต่างๆทั้งหมดนอกเหนือจากห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นถือว่าเป็นศัตรูของฟรอสต์ฮีฟเว่นแล้ว และแม้แต่ซือเฟิงก็ไม่สามารถจะเปลี่ยนกระแสการต่อสู้ในครั้งนี้ได้ เพราะท้ายที่สุดแล้วนี่มันเป็นการแข่งขันเพื่อแย่งชิงพื้นที่ทรัพยากร ไม่ใช่การแข่งขันประชันด้านความแข็งแกร่ง และแม้ว่าเขาจะเข้ายึดพื้นที่ทรัพยากรทั้งหมดบนเกาะที่เขาอยู่ได้ แต่มันก็ยังมีเกาะอื่นๆอีกสิบเจ็ดเกาะที่ฟรอสต์ฮีฟเว่นไม่สามารถจะทำได้
นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าการจะยึดให้ได้ทั้งเกาะนั้นมันเป็นเรื่องท้าทายสำหรับเขามากๆ
ขนาดของเกาะหมายเลขสามนั้นเหมือนกับแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อย หากผู้เล่นของกิลต่างๆซ่อนตัวจากเขา เขาก็จะมีปัญหาอย่างมากในการค้นหาผู้เหล่านี้ แม้ว่าเขาจะมีโดเมนมานาก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้นผู้เล่นที่เข้าร่วมทุกคนยังเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม ซึ่งเมื่อไม่อยู่ภายใต้ดีบัฟใดๆ ผู้เล่นเหล่านี้จะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วมากๆ นอกจากนี้ในขณะที่เขาต้องเข้ายึดพื้นที่ทรัพยากรจำนวนมากบนเกาะ เขาก็ต้องทำให้มั่นใจด้วยว่าเขาและพรรคพวกของเขาจะสามารถรักษามันไว้ได้
“เราจะทำอย่างนั้นได้ยังไง ? แม้ว่าเราเลือกจะบ้าคลั่ง แต่เราก็ยังต้องการเป้าหมาย !!”
มู่ฉินเข้าใจถึงสิ่งที่ซือเฟิงพูด อย่างไรก็ตามเธอคิดว่ามันยากที่จะจินตนาการมากๆว่าพวกเขาจะทำให้กิลต่างๆหวาดกลัว และยอมแพ้ที่จะแข่งขันกับพวกเขาได้อย่างไร
“แน่นอนเรามีอยู่เป้าหนึ่ง ….” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะกล่างเสริมว่า “และมันก็พร้อมให้เราเริ่มเคลื่อนไหวแล้วด้วย”
“คุณกำลังพูดถึงมิราเคิลใช่ไหม ?” มู่ฉินส่ายหัว “แม้ว่ามิราเคิลจะใช้กลอุบายแบบนี้กับเรา แต่ฉันคิดว่าแม้ว่าเราจะกวาดล้างมิราเคิลไปได้ กิลอื่นๆก็จะยังคงไม่ปล่อยเราไปอยู่ดี”
“ไม่ !! ไม่ใช่มิราเคิล !!! มิราเคิลจะไปมีคุณสมบัติเหมาะสำหรับบทดังกล่าวได้ยังไง ?” ซือเฟิงยิ้มขณะส่ายหัว “ก่อนหน้านี้คุณพูดถึงห้ากิลที่คนอื่นๆไม่กล้าจะแข่งขันและปะทะด้วยอยู่ไม่ใช่หรอ ?”
มู่ฉินอ้าปากค้างอย่างไม่ตั้งใจ เมื่อเธอได้ยินคำพูดของซือเฟิง “คุณกำลังจะบอกว่า ….”
“ถูกต้อง ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดนั่นแหละ ….” ซือเฟิงพยักหน้า “แน่นอนว่าเราไม่จำเป็นต้องกำหนดเป้าหมายไปที่ทั้งห้ากิล แค่ไมโทโลจี้มันก็น่าจะเพียงพอแล้ว” ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา มิราเคิลได้อาศัยไมโทโลจี้เพื่อให้ตัวเองได้รับหนึ่งในตำแหน่งสำรองไประหว่างการแข่งขันครั้งแรก และเนื่องจากเขากำลังต่อสู้กับมิราเคิลอยู่ในชีวิตนี้ มันจึงเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่เขาจะต้องปะทะกับไมโทโลจี้ ดังนั้นในกรณีนี้เขาจึงเลือกจะชิงความได้เปรียบด้วยการเข้าตีก่อน
“นี่มันจะไม่บ้าคลั่งเกินไปหน่อยงั้นหรอ ?! นั่นคือหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดเลยนะที่เรากำลังพูดถึง !!!”
มู่ฉินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัว เมื่อเอ่ยถึงการยั่วยุและตั้งตนเป็นศัตรูกับหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด
ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นเป็นเหมือนดวงอาทิตย์ในอุตสาหกรรมเกมเสมือนจริง ในขณะที่กิลส่วนใหญ่ที่ถูกก่อตั้งขึ้นมาทีหลังอาจประกาศเป้าหมายที่อยากจะก้าวข้ามกิลเหล่านี้ แต่มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งไปเลยหากจะต้องต่อสู้กับหนึ่งในนั้น
สำหรับมหาอำนาจต่างๆ ยิ่งพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งกลัวห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดมากขึ้นเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดรากฐานของห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดนั้น มันเป็นสิ่งที่ไม่อาจหยั่งถึงได้เลย
“นี่มันไม่ใช่เรื่องบ้าคลั่งเกินไปเลย ….” ซือเฟิงส่ายหัว ก่อนที่เขาจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังต่อว่า “นี่มันเป็นทางออกเดียวของฟรอสต์ฮีฟเว่น”
“คุณจะได้ตำแหน่งสุดท้ายที่เหลือนี้มาหรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณ”
หลังจากพูดจบ ซือเฟิงก็หยุดการพยายามโน้มน้าวมู่ฉิน และให้เธอถ่ายทอดข้อความนี้ของเขาไปยังเซเว่นวอร์นเดอร์ ไม่ว่าพวกเขาจะทำตามแผนของเขาหรือไม่ มันก็จะขึ้นอยู่กับหัวหน้ากิลของฟรอสต์ฮีฟเว่นผู้นี้
“ประกาศสงครามกับไมโทโลจี้ ? แบล๊คเฟรมบ้าไปแล้วงั้นหรอ ?” บริลเลี่ยนบลูตัวสั่น เมื่อเขาได้ยินเรื่องคำแนะนำจากซือเฟิง ก่อนที่เขาจะรีบติดต่อกับเซเว่นวอร์นเดอร์ และทักท้วงว่า “หัวหน้ากิล นั่นคือหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดเลยนะที่เรากำลังพูดถึง !!! แม้แต่ฟรอสต์ฮีฟเว่นสามกิลก็จะไม่สามารถต่อกรกับพวกเขาได้ !!!”
“ฉันเข้าใจ” เซเว่นวอร์นเดอร์กล่าวด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อแบบหมดหนทางว่า “อย่างไรก็ตามเรามีเพียงสองทางเลือกเท่านั้น หากเราต้องหากตำแหน่งสำรองที่เหลือหนึ่งตำแหน่งนั่น หนึ่งคือการต่อสู้กับกิลต่างๆจำนวนมากที่ร่วมมือกัน และสองคือต่อสู้กับไมโทโลจี้ มันไม่มีทางเลือกอื่น”
แผนของมิราเคิลนั้นโหดเหี้ยมมากเกินไป
หากฟรอสต์ฮีฟเว่นต้องต่อสู้กับมหาอำนาจต่างๆ พวกเขาก็จะไม่มีโอกาสใดๆเลย เพราะท้ายที่สุดแล้วในสถานการณ์แบบนี้ ฟรอสต์ฮีฟเว่นก็จะแทบหมดสิทไปโจมตีคนอื่น และทำได้เต็มที่แค่ป้องกันพื้นที่ของตนเองเท่านั้น อย่างไรก็ตามฟรอสต์ฮีฟเว่นจะป้องกันกิลจำนวนมากที่ถาโถมกันเข้ามาจากทุกด้านได้ยังไง ?
ดังนั้นทางเลือกเดียวที่ฟรอสต์ฮีฟเว่นเหลืออยู่ มันก็คือการโจมตีไมโทโลจี้ หากฟรอสต์ฮีฟเว่นประสบความสำเร็จในการทำให้ไมโทโลจี้ต้องสูญเสียสักประมาณหนึ่ง มันก็จะช่วยพวกเขาได้มากเลยในการแย่งชิงตำแหน่งสำรองที่เหลือตำแหน่งสุดท้าย
ในขณะเดียวกัน หลังจากที่เซเว่นวอร์นเดอร์พูดจบ บริลเลี่ยนบลูก็จมอยู่ในห้วงคิดของเขา
“ตอนนี้พูดกันตรงๆ เรามีทางเลือกเดียวเท่านั้น ….” เมื่อมองไปที่ใบหน้าของบริลเลี่ยนบลูที่ปรากฎขึ้นบนหน้าจอ เซเว่นวอร์นเดอร์ก็ถามว่า “เราจะสู้ไหม ?”
“หัวหน้ากิล แม้ว่าฉันจะต้องการจะสู้ แต่เราจะเคลื่อนไหวกันยังไงต่อไป ? นั่นคือไมโทโลจี้เลยนะที่เรากำลังพูดถึง เราจะไม่มีโอกาสใดๆสำหรับการแก้ตัว หากทำอะไรผิดพลาดไป ….” บริลเลี่ยนบลูกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น
เกาะหมายเลขสิบเอ็ดที่เขาถูกส่งมานั้น มันมีทีมของฟรอสต์ฮีฟเว่นอยู่เพียงสามทีม โดยหนึ่งคือทีมห้าร้อยคนที่นำโดยเขา อีกหนึ่งคือทีมสามร้อยคนที่นำโดยผู้อาวุโสของกิล ขณะที่ทีมสุดท้ายคือทีมหนึ่งร้อยคนที่นำโดยไวโอเล็ตคลาวด์ ซึ่งเมื่อนับรวมแล้ว พวกเขาก็จะมีผู้เล่นทั้งหมดเก้าร้อยคน
ในทางกลับกันไมโทโลจี้นั้นมีสมาชิกทั้งหมดอยู่สองพันหกร้อยคนบนเกาะหมายเลขสิบเอ็ด ยิ่งไปกว่านั้นบุคคลที่ทำทีมของไมโทโลจี้บนเกาะนี้ก็คือผู้มีฉายาว่าหอกศักสิทธิ์ เดมอนเร็ค หนึ่งในผู้บัญชาการกองกำลังหลักของไมโทโลจี้ และเป็นหนึ่งในตัวตนระดับตำนานของกิล
“คุณคิดว่าเกาะอื่นๆจะมีโอกาสชนะสูงงั้นหรอ ?” เซเว่นวอร์นเดอร์กลอกตาพลางมองไปยังบริลเลี่ยนบลู
สมาชิกของไมโทโลจี้นั้นถูกแบ่งออกไปอย่างเท่าเทียมกัน และทุกๆเกาะที่มีสมาชิกของไมโทโลจี้อยู่นั้น จะมีสมาชิกของไมโทโลจี้เป็นจำนวนอย่างน้อยสองพันคน และตามข้อมูลที่ทีมทั้งหมดของฟรอสต์ฮีฟเว่นรายงานมาจากทั้งเจ็ดเกาะ มันมีเพียงเกาะหมายเลขสิบเจ็ดเท่านั้นที่ไม่มีการปรากฎตัวของสมาชิกไมโทโลจี้
“อย่างไรก็ตามคุณไม่จำเป็นต้องรีบร้อนหรอก ไปรวมกลุ่มกับสมาชิกสภาสิบแปดปีกก่อนที่จะดำเนินการ” เซเว่นวอร์นเดอร์กล่าวเสริม
“ฉันเข้าใจแล้ว แม้ว่าฉันจะต้องตาย แต่ฉันก็จะทำให้สมาชิกของไมโทโลจี้ต้องทุกข์ทรมาณอย่างถึงที่สุด !!!” บริลเลี่ยนบลูไม่ได้คัดการตัดสินใจของเซเว่นวอร์นเดอร์ เนื่องจากการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นนี้มันจะเป็นตัวชี้วัดว่าฟรอสต์ฮีฟเว่นจะรุ่งโรจน์ขึ้นไปหรือตกต่ำลง
หลังจากนั้นเซเว่นวอร์นเดอร์ก็ได้เริ่มถ่ายทอดคำสั่งของเขาไปยังสมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่นบนเกาะอื่นๆ ภายในสองชั่วโมง พวกเขาจะเริ่มโจมตีพื้นที่ทรัพยากรของไมโทโลจี้พร้อมกันบนเกาะทั้งหมดที่ฟรอสต์ฮีฟเว่นมีสมาชิกอยู่
ในขณะที่สมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่นกำลังรอคอยช่วงเวลาแห่งการตัดสินชะตากรรมของพวกเขาให้มาถึงอย่างเงียบๆ การต่อสู้ที่เกิดขึ้นบนเกาะต่างๆมันก็เป็นไปอย่างดุเดือดมากๆ ซึ่งการปะทะกันระหว่างมหาอำนาจต่างๆที่เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ มันก็ทำให้กิลขนาดใหญ่หลายกิลที่มาอยู่ที่นี่ในฐานะผู้ชมตกตะลึงอย่างมาก
พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ารากฐานของมหาอำนาจนี้จะน่ากลัวมากๆ
หากไม่ใชเพราะการแข่งขันครั้งนี้ มันก็คงไม่มีใครรู้เลยว่ารุ่นเยาว์ของมหาอำนาจต่างๆได้พัฒนาไปถึงระดับที่น่ากลัวขนาดนี้แล้ว เพราะไม่เพียงแต่รุ่นเยาว์จำนวนมากนี้จะมาถึงขอบเขตอนันต์แล้ว แต่มันยังมีบางส่วนที่มาถึงขอบเขตโดเมนแล้วด้วย
หากได้รับเวลามากเพียงพอ เหล่ารุ่นเยาว์ที่อยู่ในขอบเขตโดเมนตอนนี้ ในอนาคตจะกลายเป็นหนึ่งในผู้นำของ God domain แน่นอน
ไม่นานหลังจากที่การต่อสู้เริ่มขึ้น พื้นที่ทรัพยากรต่างๆก็เริ่มตกไปอยู่ภายใต้การครอบครองของกิลต่างๆที่เข้าร่วม และมันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลย เมื่อเห็นพื้นที่ทรัพยากรต่างๆที่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดได้ครอบครอง ขณะที่พวกกิลที่อยู่รองลงมาจากพวกเขาก็คือมิราเคิล และ Sacred Temple
โดยทั้งมิราเคิล และ Sacred Temple นั้นติดห้าอันดับแรกจากห้าเกาะที่พวกเขามีสมาชิกอยู่ ซึ่งหากสถานการณ์ยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป มันก็จะเป็นหนึ่งในสองกิลนี้แน่นอนที่จะได้ตำแหน่งสำรองที่สุดท้ายที่เหลือ
อย่างไรก็ตามในขณะที่ทุกคนกำลังคาดเดาว่าสองกิลนี้ กิลใดกันจะได้รับตำแหน่งสุดท้ายไป ผู้เข้าชมบางส่วนก็เริ่มสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ
“เกิดอะไขึ้นกับฟรอสต์ฮีฟเว่น พวกเขาไม่ได้พยายามจะต่อสู้เพื่อแย่งชิงพื้นที่ทรัพยากรใดๆเลย ….”
“นั่นสิ นอกเหนือจากเกาะหมายเลขสิบเจ็ดที่พวกเขาได้อันดับห้าแล้ว พวกเขาก็ยังไม่เคลื่อนไหวใดๆเลยบนเกาะอีกหกเกาะ”
“นี่พวกเขายังไม่ได้ยอมแพ้ใช่ไหม ? หรือว่าพวกเขาหวาดกลัวอะไรอยู่ ?”
ผู้เข้าชมหลายคนต่างเริ่มพูดคุยถึงเรื่องของฟรอสต์ฮีฟเว่นกันอย่างเย้ยหยัน ในตอนแรกพวกเขาคิดว่าฟรอสต์ฮีฟเว่นก็น่าจะมีสิทเล็กๆเช่นกันในตำแหน่งสุดท้ายที่เหลือ อันเนื่องมาจากม้ามืดอย่างสภาสิบแปดปีก อย่างไรก็ตามตอนนี้มันก็เป็นเพราะตัวตนของสภาสิบแปดปีกที่ทำให้ฟรอสต์ฮีฟเว่นนั้นไม่กล้าจะเริ่มเคลื่อนไหวเพื่อต่อสู้กับมหาอำนาจอื่นๆในการแย่งชิงพื้นที่ทรัพยากร
“รองหัวหน้า คุณคิดว่าฟรอสต์ฮีฟเว่นจะยอมแพ้ไปทั้งๆแบบนี้ไหม ?” เมื่อไวท์เฟเธอร์อ่านบทสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์การต่อสู้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยเรื่องของ
ฟรอสต์ฮีฟเว่น
“ก็อาจจะนะ แผนการของมิราเคิลนั้นจัดว่าโหดเหี้ยมมากๆ ตราบเท่าที่ฟรอสต์ฮีฟเว่นเริ่มเคลื่อนไหว กิลอื่นๆทุกกิลก็จะกำหนดเป้าหมายมาที่พวกเขาแน่นอน” โคลท์ชาโด้วกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ “ช่างน่าเสียดาย ถ้าฟรอสต์ฮีฟเว่นไม่ได้เชิญสภาสิบแปดปีกมาเข้าร่วมด้วย บางทีกิลอาจยังพอมีสิทชิงตำแหน่งที่เหลืออยู่บ้าง แต่ตอนนี้กิลไม่มีโอกาสเลย”
ในตอนนี้โคลท์ชาโด้วไม่ใช่คนเดียวที่คิดว่าฟรอสต์ฮีฟเว่นยอมแพ้ไปแล้ว มหาอำนาจต่างๆที่เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ก็คิดเช่นกัน เพราะพวกเขาคิดว่ามันเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดที่สุดแล้ว เนื่องจากถ้าฟรอสต์ฮีฟเว่นเลือกจะสู้ ผลที่จบลงมันก็จะเป็นการที่ฟรอสต์ฮีฟเว่นถูกทำลายล้างแน่นอน
การเลือกจะรักษาความแข็งแกร่งของตัวเองไว้ให้มากที่สุด แล้วยอมแพ้ไปเตรียมพร้อมเพื่อการแข่งขันนี้ในปีหน้า มันเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
ในขณะที่กิลต่างๆกำลังเฝ้าดูคะแนนกิลของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้สมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่นก็ได้เข้าประชิดพื้นที่ทรัพยากรของไมโทโลจี้กันแล้ว และตอนนี้หัวใจของสมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่นก็เต็มไปด้วยความกังวลและตื่นเต้นมากๆ
หลังจากมองไปที่พื้นที่ทรัพยากรขั้นสูงที่อยู่ภายใต้การยึดครองของไมโทโลจี้ที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา ซือเฟิงก็ได้เช็คเวลาอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะตะโกนออกคำสั่งผ่านแชททีมว่า “มันถึงเวลาแล้ว !!! มาเริ่มกันได้ !!!”
ตอนที่ 2723 สั่นสะเทือนสนามรบ
ตอนนี้เมื่อดวงอาทิตย์แผดจ้าอยู่บนท้องฟ้า สถานการณ์บนเกาะต่างๆก็เริ่มสงบลง
สงครามบนเกาะต่างๆเริ่มจะเบาบางลงไปแล้ว ณ จุดนี้ นอกเหนือจากการเข้าโจมตีและยึดพื้นที่ทรัพยากรเพิ่มเติมแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับมหาอำนาจต่างๆที่เข้าร่วมในครั้งนี้คือการปกป้องพื้นที่ทรัพยากรของตน ดังนั้นกิลใดก็ตามที่คิดว่าตัวเองมีพื้นที่ทรัพยากรภายใต้การครอบครองมากพอแล้ว พวกเขาก็จะจัดแค่ทีมเล็กๆเท่านั้นออกไปเพื่อโจมตีและยึดพื้นที่ทรัพยากรเพิ่มเติม
ด้วยเหตุนี้ความสมดุลระหว่างกิลต่างๆจึงเริ่มจะมีความเสถียรแล้ว
“ในตอนนี้ตำแหน่งที่หกที่เป็นตำแหน่งสุดท้ายก็คงจะตกเป็นของมิราเคิล หรือไม่ก็ Sacred Temple แน่นอน” ความอิจฉาปรากฎขึ้นในดวงตาของมู่หลิงชา เมื่อเธอเห็นข้อมูลของพื้นที่ทรัพยากรบนเกาะต่างๆที่ถูกยึดครอง แม้ว่าผู้ชนะในการแข่งขันครั้งนี้ทั้งหกตำแหน่งจะยังไม่ได้กลายเป็นสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างแท้จริงที่มีอำนาจควบคุมทั้งจักรวรรดิ แต่ตำแหน่งสำรองนี้ก็ยังคงอนุญาติให้กิลสามารถเข้าควบคุมเมืองต่างๆในจักรวรรดิได้
นอกจากนี้กิลที่ได้ตำแหน่งสำรองไปก็ยังมีสิทสูงมากที่จะควบคุมอาณาจักรได้ทั้งอาณาจักร และพวกเขาก็จะได้รับความเคารพจากอาณาจักรที่พวกเขาอยู่ โดยในเวลานั้นพวกเขาจะสามารถมีอิทธิพลต่อการพัฒนาโดยตรงของอาณาจักรได้ ในความเป็นจริงกิลที่ได้ตำแหน่งสำรองไปสามารถจะเริ่มสงครามระหว่างประเทศเพื่อขยายอาณาเขต และแย่งชิงทรัพยากรของประเทศอื่นมาเป็นของตัวเองได้ด้วย
ในเวลานั้นทรัพยากรที่กิลที่ได้ตำแหน่งสำรองสามารถจะหาได้ มันก็จะเหนือกว่ากิลอื่นๆในอาณาจักรมาก และทำให้กิลอื่นๆตามไม่ทันเลย ซึ่งกิลอื่นๆก็จะทำได้แค่ดูกิลที่ได้ตำแหน่งสำรองนี้แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นในแต่ละวันเท่านั้น
“อย่างไรก็ตามฟรอสต์ฮีฟเว่นนั้นมีการเคลื่อนไหวที่แปลกจริงๆ” อันยีลดิ้งฮาร์ทที่กำลังประเมินสถานการณ์ทั้งหมดของเกาะต่างๆอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัยกับเรื่องนี้เช่นกัน “ฟรอสต์ฮีฟเว่นมีสิทที่จะได้ตำแหน่งที่หกซึ่งเหลือเป็นตำแหน่งสุดท้ายอย่างชัดเจน พวกเขาไม่มีเหตุผลที่จะไม่ต่อสู้ เพราะท้ายที่สุดแล้วการที่กิลต่างๆจะรวมตัวกันต่อต้านพวกเขานั้น มันก็เป็นเพียงแค่มีความเป็นไปได้เท่านั้น ตราบใดที่ฟรอสต์ฮีฟเว่นไม่ทำตัวก้าวร้าวเกินไปในทันที ฉันมั่นใจว่ากิลเหล่านั้นจะไม่ร่วมมือกันในทันทีเพื่อต่อต้านพวกเขาแน่ และโดยส่วนใหญ่ของพวกเขาก็น่าจะยอมให้
ฟรอสต์ฮีฟเว่นบางส่วนด้วยซ้ำ ….”
“ฟรอสต์ฮีฟเว่นนั้นพลาดโอกาสไปแล้ว ต่อให้พวกเขาจะเคลื่อนไหวตอนนี้ มันก็สายเกินไปแล้ว พวกเขาไม่มีโอกาสจะชนะอีกแล้ว ….” มู่หลิงชากล่าวโต้ตอบพลางส่ายหัว ตอนนี้สถานการณ์ระหว่างกิลต่างๆนั้นจัดว่าคงที่แล้ว และหากฟรอสต์ฮีฟเว่นเริ่มเคลื่อนไหวตอนนี้จริงๆ พวกเขาจะโดนกิลต่างๆรวมตัวกันต่อต้านแน่นอน
นี่เป็นเพราะว่า แม้จะไม่ได้พูดคุยกัน แต่กิลต่างๆก็ล้วนเข้าใจตรงกันอยู่สิ่งหนึ่งคือ พวกเขาไม่สามารถจะปล่อยให้ฟรอสต์ฮีฟเว่นมาทำลายสถานการณ์ทั้งหมดนี้ได้ และผลของการคิดแบบนี้ มันก็จะทำให้ต่างคนต่างพุ่งเป้าไปที่ฟรอสต์ฮีฟเว่นโดยไม่ต้องพูดคุยกันเลยด้วยซ้ำ
ดังนั้นฟรอสต์ฮีฟเว่นจึงไม่มีโอกาสจะชนะอีกต่อไป ในระหว่างที่มู่หลิงชากับอันยีลดิ้งฮาร์ทกำลังพูดคุยกัน อินเตอร์เฟซผู้ชมของพวกเขาก็ส่งเสียงแจ้งเตือนมา
“หื้ม ? แบล๊คเฟรมกำลังเริ่มเคลื่อนไหว !!”
มู่หลิงชารีบเปลี่ยนภาพที่เธอดูอยู่ไปยังเกาะหมายเลขสามทันที โดยเธอก็ได้มุ่งเป้าไปที่ซือเฟิงที่เธอเลือกลำดับความสำคัญไว้ล่วงหน้าแล้ว
“แบล๊คเฟรมเคลื่อนไหวในเวลานี้เนี่ยนะ ? เขากำลังคิดอะไรอยู่กัน ?” อันยีลดิ้งฮาร์ทจ้องมองไปที่ซือเฟิงกับทีมของเขาที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าด้วยความสับสน
มันไม่ได้มีประโยชน์ใดๆแล้วที่สภาสิบแปดปีกจะปรากฎตัว และเริ่มการโจมตีแย่งชิงพื้นที่ทรัพยากรตอนนี้
ปัจจุบันจากทั้งหมดสิบแปดเกาะ ฟรอสต์ฮีฟเว่นได้ครอบครองพื้นที่ทรัพยากรทั้งหมดของเกาะหมายเลขสิบเจ็ดเพียงแห่งเดียวเท่านั้น ขณะที่ที่เกาะอื่นๆ พวกเขาไม่ได้มีพื้นที่ทรัพยากรใดๆอยู่ในการครอบครองเลย และแม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะสามารถเข้ายึดพื้นที่ทรัพยากรได้หนึ่งถึงสองแห่งบนเกาะหมายเลขสาม และกลายเป็นกิลห้าอันดับแรกของเกาะได้ แต่มันก็ยังไม่น่าจะเพียงพอที่จะทำให้ฟรอสต์ฮีฟเว่นหลุดออกไปจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดนี้
“เดี๋ยวก่อน !!! นี่มันไม่ถูกต้อง !!!” มู่หลิงชาอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง เมื่อเธอเห็นทีมของซือเฟิงกำลังขยับเข้าใกล้พื้นที่ทรัพยากรขั้นสูงแห่งหนึ่งเรื่อยๆ ก่อนที่เธอจะกล่าวออกมาด้วยดวงตาที่เบิกกว้างว่า “นั่นมันพื้นที่ทรัพยากรขั้นสูงของไมโทโลจี้ !!!”
อันยีลดิ้งฮาร์ทก็รู้สึกตกตะลึงกับสถานการณ์นี้ในทำนองเดียวกัน
“เขากล้าได้ยังไงวะน่ะ ?”
นั่นคือไมโทโลจี้ที่พวกเขากำลังพูดถึง !!!
ไมโทโลจี้นั้นเป็นหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด และเป็นตัวตนที่แม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็ยังหวั่นเกรง แต่ซือเฟิงกับคิดจะยั่วยุกิลๆนี้
อย่างไรก็ตามก่อนที่มู่หลิงชา และอันยีลดิ้งฮาร์ทจะทันได้หายจากอาการตกตะลึง เสียงการแจ้งเตือนก็ดังขึ้นอีกครั้งที่อินเตอร์เฟซผู้ชมของพวกเขา ตามมาด้วยภาพเล็กๆที่ปรากฎขึ้นด้านล่างของหน้าจอ
“นี่ …. สภาสิบแปดปีกวางแผนจะทำสงครามกับไมโทโลจี้จริงๆงั้นหรอ ?”
เสวี่ยเหวินโหรวได้นำทีมหนึ่งร้อยคนของเธอขยับเข้าใกล้พื้นที่ทรัพยากรขั้นกลางของไมโทโลจี้บนเกาะหมายเลขสามเช่นกัน และดูจากท่าทีของเธอแล้ว เป้าหมายของเธอก็น่าจะเหมือนกับซือเฟิง
สมาชิกของอันยีลดิ้งโซลในห้อง VIP ต่างอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง ให้กับสถานการณ์นี้
นี่พวกเขากล้าทำจริงๆงั้นหรอ ?
การกระทำแบบนี้มันเป็นการท้าทายอำนาจของไมโทโลจี้ชัดๆ ยิ่งไปกว่านั้นไม่ว่าสภาสิบแปดปีกจะประสบความสำเร็จหรือไม่ก็ตาม ไมโทโลจี้ก็จะไม่ยอมปล่อยให้สภาสิบแปดปีกหลุดจากเบ็ดไปได้แน่นอน
นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าสภาสิบแปดปีกมีสิทจะไม่ได้รับอะไรเลยจากการกระทำแบบนี้
ในเวลานี้นอกเหนือจากสมาชิกของอันยีลดิ้งโซลแล้ว มหาอำนาจต่างๆที่ให้ความสนใจกับเสวี่ยเหวินโหรวและซือเฟิงก็ตกตะลึงกับการกระทำของทั้งสองคนมากๆ พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะบ้าคลั่งขนาดที่กล้าท้าทายหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดโดยตรง
“เดี๋ยวก่อน !!! มันไม่ใช่แค่แบล๊คเฟรมกับเสวี่ยเหวินโหรว !!! ทีมอื่นๆของสภาสิบแปดปีกก็กำลังเริ่มเคลื่อนไหวโดยเล็งเป้าไปที่พื้นที่ทรัพยากรของไมโทโลจี้เช่นกัน !!!”
“นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด !!! ทีมของฟรอสต์ฮีฟเว่นก็ทำเช่นเดียวกัน !!!”
การเคลื่อนไหวของสภาสิบแปดปีกและฟรอสต์ฮีฟเว่นนั้นสร้างความตกตะลึงให้กับมหาอำนาจต่างๆที่รับชมอยู่ในห้อง VIP อย่างมาก ทุกคนล้วนตกตะลึงมากจริงๆกับการกระทำของทั้งสองกิล
“นั่นคือไมโทโลจี้นะที่เรากำลังพูดถึง พวกเขากล้าได้ยังไง ?”
“ฟรอสต์ฮีฟเว่นและสภาสิบแปดปีกบ้าไปแล้วจริงๆในครั้งนี้ เรื่องพวกเขาจะประสบความสำเร็จไหมในการทำแบบนี้มันไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่สุด แต่ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาไม่กลัวการตอบโต้ของไมโทโลจี้หลังการแข่งขันครั้งนี้งั้นหรอ ?”
“นี่พวกเขาไม่กลัวว่าไมโทโลจี้จะทำการกำจัดพวกเขาทั้งหมดจริงๆงั้นหรอ ?”
มหาอำนาจต่างๆรู้สึกตกตะลึงมากๆกับการกระทำของสภาสิบแปดปีกและฟรอสต์ฮีฟเว่น พวกเขาไม่สามารถจะเข้าใจได้เลยจริงๆว่าทั้งสองกิลกำลังคิดอะไรอยู่ ตำแหน่งห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกเกมเสมือนจริงนั้นมันมั่นคงมานานแล้ว และที่ผ่านมาผู้ที่กล้าท้าทายพวกที่อยู่ในตำแหน่งนี้ก็ล้วนถูกกำจัดจนหมดสิ้น
แต่ตอนนี้สภาสิบแปดปีกกับฟรอสต์ฮีฟเว่นได้เลือกจะยั่วยุไมโทโลจี้อย่างเปิดเผยต่อหน้าของทุกคน ดังนั้นไมโทโลจี้จะไม่ไว้ชีวิตพวกเขาแน่นอน เพื่อรักษาอำนาจของตัวเอง
“นี่เซเว่นวอร์นเดอร์บ้าไปแล้วงั้นหรอ ?!” โคลท์ชาโด้วรู้สึกโกรธมากๆ เมื่อได้รับรายงานว่าพื้นที่ทรัพยากรของไมโทโลจี้บนเกาะหกเกาะถูกโจมตี “นี่พวกเขากล้ายั่วยุเราจริงๆงั้นหรอ ?! พวกเขาไม่รู้รึไงว่าความตายคืออะไร ?!”
เธอไม่เคยคิดเลยว่าสภาสิบแปดปีกและฟรอสต์ฮีฟเว่นจะทำการเคลื่อนไหวที่น่าตกตะลึงแบบนี้หลังจากเงียบไปนาน ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังเลือกจะท้าทายหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างไมโทโลจี้โดยตรง ถ้าไมโทโลจี้ไม่สามารถจัดการสถานการณ์นี้ได้อย่างเหมาะสม พวกเขาจะกลายเป็นที่หัวเราะแน่นอน
“น่าสนใจ !! นี่มันน่าสนใจมากจริงๆ !!! ฉันสงสัยจังว่าตอนนี้ผู้อาวุโสดรังเค่นโกสต์จะโกรธมากขนาดไหนกัน ?” เมื่อชายวัยกลางคนที่มีผมสีน้ำตาลที่อยู่บนเกาะหมายเลขสองได้รับข่าวเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวล่าสุดของฟรอสต์ฮีฟเว่น และสภาสิบแปดปีก เขาก็หัวเราะออกมา
ชายวัยกลางคนผู้นี้นั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหัวหน้ากิลจักรวรรดิโลกใต้พิภพ ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด
“หัวหน้ากิล มันยังเร็วเกินไปที่จะมีความสุขนะ พื้นที่ทรัพยากรของไมโทโลจี้จะถูกยึดได้ง่ายๆได้อย่างไร ? ฉันว่าสภาสิบแปดปีกและฟรอสต์ฮีฟเว่นกำลังจะทำให้ตัวเองอับอายมากกว่า
สภาสิบแปดปีกนั้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นกิลที่พึ่งพาตัวเองแทบทั้งหมดเลยกว่าที่พวกเขาจะมาได้ถึงตำแหน่งปัจจุบัน และแม้ว่าซือเฟิงกับเสวี่ยเหวินโหรวจะมีมาตราฐานการต่อสู้ที่น่ากลัว แต่มันก็ยังคงจัดว่าเล็กน้อยอยู่ดีเมื่ออยู่ต่อหน้าหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด
“ไม่ว่าจะผลจะออกมาแบบไหน การได้เห็นไมโทโลจี้เสียหน้ามันก็เป็นเรื่องดีเสมอ” ชายวัยกลางคนกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ “สภาสิบแปดปีกกับฟรอสต์ฮีฟเว่นจะยืนหยัดอยู่ได้นานแค่ไหน มันไม่ได้สำคัญมากนักหรอก ….”
ไมโทโลจี้นั้นเป็นหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด โดยกิลก็มีไพ่ลับต่างๆเหนือกว่าที่มหาอำนาจทั่วไปจะจินตนาการได้ แถมทีมของพวกเขาที่ประจำการอยู่บนเกาะต่างๆมันก็จัดว่าแข็งแกร่งมากๆ แม้ว่าแบล๊คเฟรมกับเสวี่ยเหวินโหรวจะทำงานร่วมกัน แต่พวกเขาก็ยังจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากๆในการแย่งชิงพื้นที่ทรัพยากรมาจากไมโทโลจี้สักแห่ง นี่ไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่ทั้งคู่ต่างแบ่งกันออกไปโจมตีพื้นที่ทรัพยากรสองแห่งเลย
ในขณะที่มหาอำนาจต่างๆกำลังรู้สึกตกตะลึงและประหลาดใจกับการกระทำของสภาสิบแปดปีก กับฟรอสต์ฮีฟเว่น ทีมหนึ่งร้อยคนของซือเฟิงก็ได้เข้ามาถึงระยะที่พร้อมจะโจมตีพื้นที่ทรัพยากรขั้นสูงของไมโทโลจี้แล้ว ….
ตอนที่ 2724 ช่องว่างที่เหนือจินตนาการ
“จะเริ่มแล้ว !!!”
“ฉันสงสัยจังว่าแบล๊คเฟรมจะสามารถเข้ายึดพื้นที่ทรัพยากรขั้นสูงแห่งนี้ได้ไหม ?!!”
“จากการประเมินของฉัน อย่างน้อยที่สุดแบล๊คเฟรมก็ไม่ได้กลัวการต่อสู้แบบกลุ่มแน่นอน อันเนื่องมาจากโดเมนมานาของเขา อย่างไรก็ตามในด้านของไมโทโลจี้ พวกเขาก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกัน ผู้ที่เป็นผู้นำในการป้องกันพื้นที่ทรัพยากรขั้นสูงแห่งนี้ก็คือ ซิลเวอร์โกสต์ Prosciutto ซึ่งกองกำลังภายใต้การควบคุมของเขาก็น่าทึ่งมากๆ ฉันได้ยินมาว่าพวกเขาพึ่งจะฆ่ามอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยาย เลเวลหนึ่งร้อยสิบไปเมื่อไม่นานมานี้ และความสำเร็จของพวกเขาก็ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทวีปด้านตะวันตกเลย”
“อึก !! พวกเขาแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยงั้นหรอ ?! ในกรณีนี้แบล๊คเฟรมคงจะตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากจริงๆแล้ว ฉันได้ยินมาว่ามอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายล้วนมีโดเมนมานาเป็นของตัวเอง และเมื่อรวมเข้ากับค่าสถานะพื้นฐานที่น่ากลัวของพวกมัน ผู้เล่นไม่ควรจะเอาชนะพวกมันได้เลย”
ตอนนี้เหล่าผู้ชมทั้งหมดล้วนให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดในซือเฟิงและทีมหนึ่งร้อยคนของเขา มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะบอกว่าไม่มีใครในปัจจุบันที่อยากจะพลาดการต่อสู้ครั้งนี้ มหาอำนาจต่างๆที่อยู่ในห้อง VIP เองก็ได้เลิกสนใจสนามรบอื่นๆ และหันมาให้ความสนใจในซือเฟิงและทีมของเขาอย่างเดียวทันทีเช่นกัน
ในเวลานี้ ราวกับว่าได้เตรียมการมานานแล้วสมาชิกของไมโทโลจี้ได้เรียกบาเรียออกมาทันทีที่ทีมของซือเฟิงมาถึง โดยบาเรียนี้นั้นมันครอบคลุมรัศมีห้าร้อยหลาและล้อมรอบพื้นที่ทรัพยากรขั้นสูงรวมถึงทีมของซือเฟิงไว้ทั้งหมด และภายใต้ผลของบาเรียนี้ ไม่เพียงแต่ทุกคนในทีมของซือเฟิงจะรู้สึกว่าร่างกายของพวกเขาหนักขึ้นเท่านั้น แต่แม้แต่ค่าสถานะพื้นฐานของพวกเขาก็ยังเริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว
“นี่คือ …. บาเรียเวทย์มนต์ขั้นสูง ?!” มู่ฉินตกตะลึงอย่างมาก เมื่อได้เห็นว่าค่าสถานะของเธอลดลงไปมากแค่ไหน “เป็นไปได้ยังไงกัน ?!”
บาเรียเวทย์มนต์ขั้นสูงนั้นหาได้ยากมากๆใน God domain และการได้รับม้วนคัมภีร์วงเวทย์หนึ่งชุดสำหรับการเปิดใช้งานบาเรียเวทย์มนต์ขั้นสูงมา มันก็จัดเป็นเรื่องที่น่าดีใจมากแล้ว
อย่างไรก็ตามเนื่องจากการแข่งขันในปัจจุบันห้ามการใช้เครื่องมือเวทย์มนต์ ดังนั้นผู้เล่นจึงสามารถพึ่งพาได้แค่ตัวเองเท่านั้นในการสร้างบาเรียเวทย์มนต์ขึ้น และมันก็มีข้อกำหนดที่เข้มงวดมากๆสำหรับผู้เล่นที่จะใช้บาเรียเวทย์มนต์โดยไม่ใช้เครื่องมือเวทย์มนต์ช่วยเหลือ
เพียงแค่การจะใช้วงเวทย์ขั้นกลาง มันก็ต้องมีผู้เล่นถึงหนึ่งร้อยคนแล้ว และในบรรดาผู้เล่นหนึ่งร้อยคน มันจะต้องมียี่สิบคนอยู่ในมาตราฐานนักเวทย์ขั้นกลาง และห้าคนอยู่ในมาตราฐานนักเวทย์ขั้นสูง ไม่งั้นวงเวทย์จะไม่ทำงาน
ซึ่งหากวงเวทย์ขั้นกลางมีข้อกำหนดในการใช้ที่เข้มงวดขนาดนี้ ดังนั้นเราก็สามารถจะจินตนาการได้ง่ายๆเลยว่าข้อกำหนดในการใช้วงเวทย์ขั้นสูงนั้นมันจะเข้มงวดกว่านี้มากขนาดไหน
อย่างไรก็ตามตอนนี้ทีมของไมโทโลจี้กับใช้มันได้จริงๆ นี่มันไม่น่าเชื่อเลย
ในขณะเดียวกันบาเรียเวทย์มนต์ขั้นสูงแบบนี้มันก็จะสามารถใช้ปราบปรามมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงผู้เล่นขั้นสามเลย
ในเวลานี้สมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่นทุกคนนั้นล้วนหน้าซีดกันหมด พวกเขาไม่ได้เป็นแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดในกิลด้วยซ้ำ และเมื่อเทียบกับทีมของมหาอำนาจต่างๆหลายทีม ทีมของพวกเขาก็ถือว่าผ่านค่าเฉลี่ยมาแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่ตอนนี้เมื่อพวกเขามาโดนบาเรียเวทย์มนต์ขั้นสูงลดค่าสถานะลงไปอีกสามสิบเปอเซ็นต์ มันจะเหลือสิ่งใดที่พวกเขาสามารถทำได้กัน ?
“นี่คือรากฐานของไมโทโลจี้งั้นหรอ ?”
“น่าทึ่งมากๆ !!! ด้วยสิ่งนี้แม้ว่าแบล๊คเฟรมจะใช้โดเมนมานาของเขา แต่เขาก็ยังคงจะมีปัญหาในการต่อต้านการปราบปรามของบาเรียเวทย์มนต์ขั้นสูงนี้แน่นอน !!!”
ผู้ชมล้วนอ้าปากค้างเมื่อได้เห็นบาเรียเวทย์มนต์ขั้นสูงของไมโทโลจี้
ในสนามรบที่ห้ามการใช้เครื่องมือเวทย์ และเครื่องมือช่วยเหลือต่างๆ การมีความสามารถที่จะใช้วงเวทย์ขั้นสูงเพื่อเรียกบาเรียเวทย์มนต์ขั้นสูงออกมานั้นจะทำให้ผู้ที่มีมันแทบเป็นอมตะเลย
แน่นอนบาเรียเวทย์มนต์ที่ถูกเรียกออกมาโดยผู้เล่นนั้น มันก็ยังมีข้อบกพร่องอยู่ข้อหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือมันผลาญมานาของผู้ที่รวมตัวกันเรียกออกมาในปริมาณมหาศาลมากๆ และหากผู้เล่นที่ทำหน้าที่ป้อนมานาให้กับบาเรียไม่ได้เติมมานาของพวกเขา มานาของพวกเขาจะหมดลงในสิบนาที
อย่างไรก็ตามในสนามรบแบบนี้สิบนาทีมันก็นานเกินพอที่จะตัดสินผลของการต่อสู้ทั้งหมด !!!
ในขณะที่ทุกคนกำลังประหลาดใจกับความสามารถของไมโทโลจี้ ผู้เล่นประมาณหนึ่งร้อยคนก็เริ่มเดินมาที่บริเวณหน้าพื้นที่ทรัพยากรสูงซึ่งทีมของซือเฟิงอยู่
โดยบุคคลที่เป็นผู้นำผู้เล่นเหล่านี้มาก็คือ รุ่นเยาว์ผมขาวที่มีใบหน้าน่ารัก อย่างไรก็ตามทุกคนก็รู้ดีว่ารุ่นเยาว์คนนี้นั้นมีอีกฉายาหนึ่งว่าซิลเวอร์โกสต์ และเขาก็เป็นหนึ่งในหัวหน้ารุ่นเยาว์ของไมโทโลจี้
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม เราพบกันอีกครั้งแล้ว ….” Prosciutto กล่าวทักทายซือเฟิงด้วยน้ำเสียงที่สงบมากๆ เขาไม่ได้แสดงความกระตือรือร้นใดๆที่จะต่อสู้ออกมาเลย ตรงกันข้ามมันกับเหมือนว่าเขากำลังทักทายเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานานมากกว่า
เมื่อได้ยินคำพูดของ Prosciutto มู่ฉินก็มองไปยังซือเฟิงด้วยความประหลาดใจ
Prosciutto นั้นเป็นคนดังใน God domain และเขาก็สามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งรองผู้บัญชาการของหนึ่งในกองกำลังหลักของไมโทโลจี้ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย และตอนนี้ต้องพูดว่าเขาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังหลักนี้ด้วยซ้ำ
“คุณรู้จักเขางั้นหรอ ?”
“อืม เราเคยพบกันครั้งหนึ่งในทวีปด้านตะวันตก” ซือเฟิงพยักหน้าตอบสนองต่อความอยากรู้อยากเห็นและความประหลาดใจของมู่ฉิน มันไม่มีเหตุผลใดที่เขาจะต้องปกปิดเรื่องนี้ เพราะท้ายที่สุดเขาก็ได้สร้างฉากใหญ่ไว้ที่ป้อมปราการแสงดาว ซึ่งมหาอำนาจต่างๆในทวีปด้านตะวันตกนั้นก็รู้เรื่องที่เขาปะทะกับไมโทโลจี้อยู่แล้ว
“คุณนี่ช่างพูดได้ใจร้ายจริงๆหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม” Prosciutto ถอนหายใจ ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อว่า “การต่อสู้ที่ป้อมปราการแสงดาวนั้นถือเป็นความอัปยศอดสูเพียงครั้งเดียวที่ฉันได้รับ นับตั้งแต่เข้าร่วมกับไมโทโลจี้ และความทรงจำเกี่ยวกับการต่อสู้ครั้งนั้นของฉันก็ยังคงสดใหม่ แต่คุณไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันเลย”
“ความอัปยศอดสู ?” ซือเฟิงยิ้มและกล่าวว่า “นั่นก็พูดเกินไปหน่อยไหม ? คุณก็แค่เสียชื่อเสียงครั้งแรกเพราะฉันแค่นั้นเองไม่ใช่หรอ ?”
“หึ !!! แค่นั้นงั้นหรอ ?!!” Prosciutto ส่ายหัวก่อนที่เขาจะกล่าวว่า “สำหรับคุณมันอาจจะแค่นั้น แต่สำหรับฉันมันคือความอัปยศอดสูอย่างถึงที่สุด !!!! ก่อนหน้านี้ฉันเคยบอกแล้วว่าเราจะได้พบกันอีกครั้ง เพียงแต่ว่าต้องบอกเลยจริงๆว่าการพบกันอีกครั้งของเรามันเร็วกว่าที่ฉันคาดการณ์ไว้มาก !!! และแม้ว่าฉันจะคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม แต่ฉันก็จะขอชดใช้ความอัปยศอดสูที่ฉันเคยได้รับมาก่อนเลยแล้วกัน !!!”
ทันทีที่ Prosciutto พูดจบ ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามหนึ่งร้อยคนที่อยู่ด้านหลังของเขาก็ปลดปล่อยออร่าของตัวเองออกมาทันที ซึ่งเมื่อออร่าของพวกเขารวมกัน มันก็ทำให้ดูเหมือนกับว่าเทพปีศาจกำลังจะลงมายังสนามรบเลย
ในหมู่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามหนึ่งร้อยคนนี้ มากกว่าสามสิบคนแผ่ออร่าที่เทียบเท่ากับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายออกมา ซึ่งมันทำให้สมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่นแทบจะเข่าอ่อน เมื่อได้สัมผัสถึงออร่านี้
“นี่คือ …. วงเวทย์การต่อสู้ขั้นสูง !!!”
“ผู้เชี่ยวชาญมากกว่าสามสิบคนที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย ?!!”
“ไม่ !! นี่มันจะต้องเป็นภาพลวงตาแน่ๆ !!! มันจะมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างกิลของเราได้อย่างไร ?!!”
ในเวลานี้สมาชิกฟรอสต์ฮีฟเว่น ในทีมซือเฟิงไม่ใช่แค่กลุ่มเดียวที่รู้สึกสิ้นหวังกับเรื่องนี้ แม้แต่มหาอำนาจต่างๆที่เฝ้าดูอยู่ในห้อง VIP ก็มีท่าทีไม่ต่างไปจากพวกเขามากนักเช่นกัน
“แน่นอนเลยว่าช่องว่างนั้นใหญ่กว่าที่เราคิดไว้มาก”
อันยีลดิ้งฮาร์ทยิ้มอย่างขมขื่น ขณะที่เขามองไปยังทีมหนึ่งร้อยคนของไมโทโลจี้ที่กำลังเผชิญหน้ากับทีมของซือเฟิง
ใช่แล้ว !!! นี่มันคือความแข็งแกร่งของห้าซุเปอร์กิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสินะ !!!”
โลกแห่งความจริงนั้นถือว่าการดำรงอยู่ของมหาอำนาจต่างๆนั้นแข็งแกร่งเป็นอันดับสองรองจากห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่ได้คิดว่าเลยว่ามันจะมีช่องว่างระหว่างอันดับสองและอันดับหนึ่งมากขนาดนี้
มันจบแล้ว !! มันจบแล้วจริงๆ !!! ช่องว่างมันใหญ่ขนาดนี้ได้ยังไง ?!!
ความกลัวเริ่มเข้าครอบงำจิตใจของมู่ฉิน เมื่อเธอมองไปยังเหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดที่กำลังใกล้เข้ามา โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีผู้เชี่ยวชาญมากกว่าสามสิบคนที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย ตอนนี้เธอกลัวและไม่กล้าแม้แต่จะต้องหายใจด้วยซ้ำ ….
เธอรู้มานานแล้วว่าไมโทโลจี้นั้นไม่ใช่กิลที่จะรับมือด้วยได้ง่ายๆ และความแข็งแกร่งของพวกเขาในฐานะที่เป็นหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นก็ยังแสดงออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นจนถึงตอนนี้ อย่างไรก็ตามเธอก็คิดเลยว่าส่วนที่พวกเขายังไม่แสดงออกมา มันจะยังคงมีอยู่มาก และน่ากลัวขนาดนี้
“แบล๊คเฟรม !!! ครั้งนั้นที่คุณเอาชนะฉันได้ มันก็เป็นเพราะร่างมานาของคุณ !!!” แซนสตอร์มกล่าว พลางยิ้มอย่างพึงพอใจและมองไปยังซือเฟิง “ในครั้งนี้ฉันจะทำให้คุณรู้ว่าพลังที่แท้จริงคืออะไร !!!”
“ถ้าครั้งที่แล้วคุณยังทำไม่ได้ ฉันก็กลัวว่าครั้งนี้คุณจะยังทำไม่ได้เหมือนเดิมนะ …” ซือเฟิงกล่าวพลางส่ายหัว ในขณะที่แซนสตอร์มพุ่งเข้ามา
“ยังคงทำตัวดื้อรั้นแม้จะเผชิญหน้ากับความตาย ? คราวนี้ฉันอยากเห็นจริงๆว่าคุณจะมีกลอุบายใดอีก !!!” แซนดร์สตอร์มกล่าวพลางเร่งความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขาให้เพิ่มขึ้น
และก่อนที่สมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่นจะทันได้ตอบสนองใดๆ แซนด์สตอร์มก็มาปรา
กฎตัวขึ้นตรงหน้าของซือเฟิงแล้ว โดยกริชที่เขาถืออยู่ในมือก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นเงางูและพุ่งเข้าใส่หัวใจของซือเฟิง
“กลอุบาย ?” ซือเฟิงส่ายหัวเมื่อเห็นฉากนี้ จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไป
ตู้ม !!!
พายุที่รุนแรงปกคลุมไปทั่วสนามรบ ฝุ่นล้วนฟุ้งไปหมดจากการปะทะกันครั้งนี้
“เป็นไปได้ยังไง ?!”
ช่วงเวลาต่อมาทุกคนก็จ้องมองไปยังร่างสองร่างที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝุ่นด้วยความตกตะลึง
ในเวลานี้กริชของแซนสตอร์มนั้นอยู่ห่างจากหัวใจของซือเฟิงเพียงครึ่งนิ้ว แต่ในขณะเดียวกันก่อนที่ใครจะทันได้รู้ซือเฟิงก็จับข้อมือของแซนสตอร์ม และป้องกันการโจมตีจากกริชของแซนสตอร์มไว้ได้แล้ว
เป็นไปได้ยังไง ?!
แซนสตอร์มตกตะลึง เมื่อเห็นว่าซือเฟิงจับข้อมือเขาได้
ตอนที่ 2725 หมดเวลาอุ่นเครื่อง
“เขาทำได้ยังไงกัน ?”
“พลังของชายคนนั้นเทียบเท่ากับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายเลยนะ ?!! แต่แบล๊คเฟรมกับรับการโจมตีของเขาตรงๆได้จริงงั้นหรอ ?”
“นี่แบล๊คเฟรมไม่ได้อยู่ภายใต้การปราบปรามของบาเรียเวทย์มนต์ขั้นสูงหรอ ?”
“นี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของแบล๊คเฟรมงั้นหรอ ?”
หลังจากเงียบไปชั่วครู่หนึ่ง ผู้ชมที่เฝ้าดูอยู่ต่างก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง พวกเขาไม่ได้คาดหวังเลยว่าผลลัพธ์ต่างๆจะพลิกผันเร็วขนาดนี้
ในตอนที่ไมโทโลจี้เปิดเผยพลังการต่อสู้ที่น่ากลัวออกมา เกือบทุกคนนั้นล้วนคิดว่าทีมๆนี้ของสภาสิบแปดปีกและฟรอสต์ฮีฟเว่นนั้นจบสิ้นแล้วแน่นอน
กระนั้นตอนนี้กับปรากฎว่าสภาสิบแปดปีกยังคงมีความแข็งแกร่งในการจะต่อสู้กับไมโทโลจี้ ดังนั้นจะไม่ให้ทุกคนตกตะลึงได้อย่างไร ?
เพราะท้ายที่สุดมันมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นใน God domain ที่กล้าจะท้าทายห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรหลังจากการท้าทายไมโทโลจี้ในครั้งนี้ ชื่อของแบล๊คเฟรมจะกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้ง God domain แน่นอน
อย่างไรก็ตามไม่เหมือนกับเหล่าผู้ชม สมาชิกของไมโทโลจี้ที่พื้นที่ทรัพยากรขั้นสูงไม่ได้แสดงอาการประหลาดใจมากนัก โดยเฉพาะยิ่งสำหรับผู้เล่นหนึ่งร้อยคนที่ใช้วงเวทย์การต่อสู้อยู่
“แซนสตอร์มประมาทเกินไป …”
“ก่อนหน้านี้รองผู้บัญชาการก็เตือนเขาแล้วว่า แบล๊คเฟรมไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ง่าย แต่เขาก็พุ่งเข้าใส่แบล๊คเฟรมเองโดยที่รองผู้บัญชาการยังไม่ออกคำสั่งเลย”
“ไอ้หมอนี่มันโง่จริงๆ !!! โง่สุดๆ !!! เขาไม่ได้ใส่ใจจะรอฟังคำสั่งของรองผู้บัญชาการด้วยซ้ำ !!! แบบนี้เขาจะทำให้พวกเขากลายเป็นตัวตลกในหมู่มหาอำนาจอื่นๆเลยทีเดียว !!!”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์มากกว่าสามสิบคนจากไมโทโลจี้ไม่ได้รู้สึกสงสารแซนด์สตอร์มเลย พวกเขาล้วนเต็มไปด้วยความโกรธล้วนๆที่แซนสตอร์มถูกซือเฟิงจับข้อมือได้ รองผู้บัญชาการของพวกเขา Prosciutto ได้พยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างสถานการณ์ว่าไมโทโลจี้เป็นตัวตนที่ไม่ควรถูกยั่วยุ
แต่ตอนนี้แซนสตอร์มกับทำลายเรื่องนี้ทั้งหมดลงด้วยตัวเอง ….
“แซนด์สตอร์มกลับมา หยุดทำให้ตัวเองอับอายต่อหน้าหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมสักที” Prosciutto กล่าวพลางถอนหายใจ ขณะที่มองไปยังแซนด์สตอร์ม ก่อนที่เขาจะมองไปยังซือเฟิงอย่างประหลาดใจเล็กน้อย
เมื่อได้ยินคำพูดของ Prosciutto แซนสตอร์มก็หายจากอาการตกตะลึง และการแสดงออกของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมและหวาดกลัวอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน ขณะที่มือของเขาก็เริ่มสั่นเล็กน้อย
ไม่ !! ฉันไม่สามารถจะทำให้รองผู้บัญชาการผิดหวังได้ !!!
ตาย !! คุณจะต้องตาย !!! มีเพียงแต่ความตายของคุณเท่านั้นที่ฉันจะใช้ล้างความอัปยศอดสูของฉันได้ !!! แซนด์สตอร์มหันไปหาซือเฟิงด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความกลัวและบ้าคลั่ง อย่างไรก็ตามความกลัวที่ออกมาผ่านดวงตาของเขานั้น ไม่ได้เป็นเพราะเขากลัวซือเฟิง แต่เป็นเพราะเขากลัว Prosciutto
หลังจากนั้นซือเฟิงก็เริ่มรู้สึกได้ถึงพลังที่พยายามจะต่อต้านมือเขา
ก่อนที่ซือเฟิงจะทันได้ตอบสนองอะไร แซนด์สตอร์มก็ได้หายตัวไปจากจุดที่เขาอยู่เดิม และไปปรากฎขึ้นอีกครั้งกลางอากาศ โดยในตอนนี้นั้นมันก็มีอักษรรูนสีแดงเข้มปกคลุมไปทั่วร่างกายของเขา นอกจากนี้ร่างกายทางกายภาพของแซนด์สตอร์มยังเริ่มเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ร่างกายของเขาไม่เพียงแต่จะขยายใหญ่ขึ้นเท่านั้น แต่มันยังมีเขาสีดำสองเขางอกออกมาจากหน้าผากของเขา แถมเขายังได้รับปีกสีดำสนิท และมีหางที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดงอกออกมาด้วย ขณะเดียวกันออร่าที่น่ากลัวที่เขาแผ่ออกมา มันก็ทำให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของฟรอสต์ฮีฟเว่นตัวสั่นอย่งไม่ตั้งใจ
“เขาทำอะไรกัน ? ไม่ใช่สถานที่แข่งขันห้ามใช้สกิลเบอเซิกร์งั้นหรอ ?” ความกลัวปรากฎขึ้นในดวงตาของมู่ฉิน ขณะที่เธอจ้องมองไปยังแซนสตอร์มที่ลอยอยู่กลางอากาศ
เมื่อเทียบกับตัวเขาก่อนหน้านี้แล้ว แซนสตอร์มในปัจจุบันเหมือนคนที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ออร่าของเขาไม่เพียงแต่มันจะทวีความรุนแรงขึ้นมาก แต่คะแนนชนชั้นสิ่งมีชีวิตของเขายังได้รับการปรับปรุงในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
“ไม่ ! มันไม่ใช่สกิลเบอเซิกร์ !! เขาแค่กลับไปใช้ร่างเดิมจริงๆของเขาก็เท่านั้น !!!” ซือเฟิงกล่าวพลางส่ายหัว แม้แต่เขาก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของแซนสตอร์ม “ไมโทโลจี้นี่น่าอัศจรรย์จริงๆ !!! ไม่นึกเลยว่าพวกเขาจะได้รับมรดกสายเลือดครึ่งมังกรมาแล้ว มันมีบางคนในหมู่พวกเขาที่สามารถทนต่อพลังอันรุนแรงของสายเลือดนี้ได้จริงๆ”
ใน God domain นอกจากสายเลือดที่เพิ่มคะแนนชนชั้นสิ่งมีชีวิตของผู้เล่นแล้ว มันยังมีสายเลือดพิเศษอีกหลายแบบที่มีการทำงานแตกต่างกันออกไป
ตัวอย่างหนึ่งคือสายเลือดครึ่งมังกร ซึ่งมันจะสามารถเพิ่มคะแนนชนชั้นสิ่งมีชีวิตของผู้เล่นให้ขึ้นไปอยู่ที่ระดับเดียวกับสายพันธุ์โบราณได้ทันที โดยมันช่วยเพิ่มพลังให้ผู้เล่นได้ดีกว่าสายเลือดทั่วไปมาก อย่างไรก็ตาม มันก็มีข้อเสียเช่นกัน
เนื่องจากพลังที่มันรุนแรงมากเกินไปของสายเลือดครึ่งมังกร ผู้เล่นจึงจะต้องจ่ายเป็นจำนวนสูงมากๆเพื่อเปิดใช้งานมัน
เมื่อใดก็ตามที่ผู้เล่นเปิดใช้งานสายเลือดครึ่งมังกร พวกเขาจะต้องเผชิญกับความเจ็บปวดที่ไม่อาจจินตนาการได้ที่มันเกินกว่ามนุษย์ทั่วไปจะทนได้ ดังนั้นในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิง มันจึงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เต็มใจจะยอมรับสายเลือดนี้ ซึ่งนี่มันทำให้ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเล็กน้อยจริงๆ เพราะเขาไม่นึกเลยว่านอกจากแซนด์สตอร์มจะสามารถดูดซับสายเลือดครึ่งมังกรได้ แต่แซนสตอร์มยังสามารถทนต่อพลังอันรุนแรงของมันได้อีกด้วย
“นี่คุณบ้าไปแล้วรึไง !!!” มู่ฉินรู้สึกโกรธ เมื่อได้ยินคำพูดที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจของซือเฟิง “ความแข็งออร่าของเขานั้นเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าเลย แถมฉันยังเดาว่าเขาน่าจะมาถึงมาตราฐานของขั้นสี่แล้วในแง่ของค่าสถานะขั้นพื้นฐาน และร่างกายทางกายภาพ แต่คุณกับยังมีเวลามาชื่นชมความแข็งแกร่งของเขาเนี่ยนะ ?”
“คุณพูดถูก ตอนนี้เขาได้มาถึงมาตราฐานขั้นสี่แล้วจริงๆในแง่ของค่าสถานะพื้นฐาน และร่างกายทางกายภาพ” ซือเฟิงพยักหน้ายืนยันการคาดเดาของมู่ฉิน
“คุณ …” มู่ฉินนั้นพูดไม่ออกเลยจริงๆ เมื่อได้ฟังคำพูดที่ยังคงดูสงบของซือเฟิง เธอไม่เข้าใจเลยว่าชายคนนี้คิดอะไรอยู่กัน และมันก็ราวกับว่าเขาลืมไปแล้วว่าใครเป็นผู้ผลักดันให้แซนสตอร์มาถึงจุดนี้
“ลีน่า พวกคุณไปช่วยเขาด้วย !!!” Prosciutto ออกคำสั่งกับชิลวอริเออร์หญิงผม
บลอนด์ที่ยืนอยู่ข้างเขาอย่างใจเย็น
เมื่อได้ยินคำสั่งนี้ เหล่าสมาชิกของไมโทโลจี้ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมอง Prosciutto ด้วยความประหลาดใจ
หญิงผมบลอนด์ที่ชื่อลีน่านั้นเป็นมือขวาของ Prosciutto และเธอก็จัดเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนที่แท้จริง แถมความแข็งแกร่งของเธอก็ยังคิดสามอันดับแรกในทีมของพวกเขา แต่ตอนนี้ Prosciutto กับกำลังออกคำสั่งให้เธอเข้าร่วมการต่อสู้ด้วยเช่นกัน
“รับทราบ รองผู้บัญชาการ !!!”
ลีน่ากล่าวพลางโค้งคำนับ Prosciutto ด้วยความเคารพ ก่อนที่เธอจะรีบพุ่งไปช่วย
เหลือแซนสตอร์มพร้อมกับผู้เล่นอีกห้าคนด้านหลังเธอ
“มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?”
“นี่ Prosciutto คิดอะไรอยู่ ? เขาคิดว่าแซนสตอร์มเพียงคนเดียวไม่เพียงพอจะจัดการกับแบล๊คเฟรมงั้นหรอ ?”
“นั่นมันไม่น่าจะเป็นไปได้ดิ ใช่ไหม ? แซนด์สตอร์มนั้นถือได้ว่าเป็นมอนสเตอร์ขั้นสี่อย่างแท้จริง บางทีคนอื่นๆอาจได้รับคำสั่งให้จัดการกับสมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่นรึ
ปล่าว ?”
ในเวลานี้ทุกคนในกลุ่มผู้ชมล้วนจ้องมองไปที่กลุ่มของลีน่าด้วยความอยากรู้อยากเห็น เนื่องจากบัฟของวงเวทย์การต่อสู้ ทั้งหกจึงมีความแข็งแกร่งและพลังป้องกันเทียบเท่ากับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย และทุกคนก็สามารถที่จะทำลายล้างทีมหนึ่งพันคนของมหาอำนาจอื่นๆลงได้อย่างง่ายดาย การที่ให้พวกเขาหกคนเคลื่อนไหวพร้อมกัน มันดูจะเป็นเรื่องที่มากเกินไปหน่อย
“นี่ Prosciutto ประเมินเราสูงเกินไปรึปล่าว ?” มู่ฉินนั้นรู้สึกอยากจะร้องไห้ เมื่อเห็นกลุ่มของลีน่าเข้าร่วมการต่อสู้
เมื่อ Prosciutto ส่งคนเหล่านี้ออกมาจัดการกับพวกเขา มันก็แปลว่า Prosciutto นั้นประเมินพวกเขาไว้สูงมากเลยทีเดียว แต่เธอก็ไม่สามารถพาให้ตัวเองไปชื่นชมในเรื่องนี้ได้ เพราะท้ายที่สุดตอนนี้พวกเขาจะต้องจัดการกับผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดหรือเก่งกาจกว่านั้นทั้งหมดนี้ให้ได้
อย่างไรก็ตามก่อนที่มู่ฉินและสมาชิกคนอื่นๆของฟรอสต์ฮีฟเว่นจะทันได้เตรียมตัวต่อสู้ ออร่าของกลุ่มของลีน่าก็เปลี่ยนไปทันที
ในพริบตาร่างครึ่งมังกรอีกหกร่างก็ปรากฎขึ้นกลางอากาศ
“นี่ …. Prosciutto พยายามจะทำอะไรกัน ?”
“อึก !!! นักสู้ครึ่งมังกรเจ็ดคนเนี่ยนะ ?!! ฉันต้องฝันไปแน่ๆ !!!”
“นี่คือพลังที่แท้จริงของห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดงั้นหรอ ?!!”
เหล่ามหาอำนาจต่างๆและผู้เล่นที่เฝ้าชมอยู่ต่างอ้าปากค้างทันที เมื่อได้เห็นร่างครึ่งมังกรทั้งเจ็ด
“ทีมของไมโทโลจี้จะน่ากลัวเกินไปแล้ว !!!”
ทีมหนึ่งพันคนของไมโทโลจี้ไม่เพียงแต่จะมีผู้เชี่ยวชาญในร่างปกติที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย แต่พวกเขามีนักสู้ครึ่งมังกรอีกเจ็ดคน ซึ่งค่าสถานะพื้นฐานและร่างกายทางกายภาพอยู่ในขั้นสี่ด้วย นี่มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากๆ !!!
ในขณะที่ผู้ชมกำลังรู้สึกหวาดกลัวกับพลังที่แท้จริงที่ไมโทโลจี้ได้แสดงออกมา ลีน่าก็บินไปหาซือเฟิง และหยุดอยู่ใกล้เขา “คุณยอดเยี่ยมมากจริงๆหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม และเราก็ต้องขอโทษอย่างจริงใจสำหรับการโจมตีอย่างกระทันหันของแซนสตอร์ม” ลีน่ากล่าวด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเคารพขณะที่เธอมองไปยังซือเฟิง “ตามความประสงค์ของรองผู้บัญชาการ ฉันจะขอหยุดการอุ่นเครื่องของเราทั้งสองฝ่ายไว้แค่นี้ และขอให้คุณแสดงพลังที่แท้จริงออกมาเพื่อต่อสู้กับเรา ฉันเชื่อว่ามันเป็นความเคารพและมารยาทที่เราสมควรได้รับถูกไหม ?”
“แน่นอน คุณพูดถูก” ซือเฟิงพยักหน้า คำพูดของซือเฟิงดังก้องในใจของทุกคนราวกับเสียงฟ้าร้องที่อึกทึก และทุกคนก็เงียบลงไปทันที
“อะไรนะ ?”
“อุ่นเครื่อง ? นี่เมื่อครู่พวกเขาแค่อุ่นเครื่องกันหรอ ?”
“ฉันได้ยินถูกใช่ไหม ? ผู้หญิงคนนั้นบอกกับแบล๊คเฟรมจริงๆว่าทั้งสองฝ่ายควรจะหยุดการอุ่นเครื่องกันได้แล้ว ….”
“ฉันไม่เชื่อ !! ไม่เชื่อ !!! นี่มันจะต้องเป็นเรื่องโกหก !! โกหกแน่ๆ !!!”
เหล่ามหาอำนาจต่างๆและผู้เล่นที่เฝ้าชมอยู่รู้สึกว่าจิตใจของพวกเขาว่างเปล่าไปเลย เมื่อได้ยินการพูดคุยกันของซือเฟิงกับลีน่า
จากคำพูดของลีน่า มันสามารถบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่าแบล๊คเฟรมยังคงปกปิดพลังบางส่วนเอาไว้ และตอนนี้เธอกำลังร้องขอให้เขาแสดงพลังทั้งหมดของเขาออกมา ในขณะเดียวกันซือเฟิงก็ตกลงที่จะทำตามคำขอของเธอ
หากสิ่งที่ลีน่าพูดเป็นความจริง นี่พวกเขามีพลังในการต่อสู้ที่อ่อนแอกว่าไมโทโลจี้และแบล๊คเฟรมมากแค่ไหนกัน ? ในเวลานี้แม้แต่มู่ฉินเองก็จ้องมองไปยังซือเฟิงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ซือเฟิงเคยหยุดการโจมตีของแซนด์สตอร์มในร่างมนุษย์ที่มีพลังเท่ากับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายได้ทั้งๆที่มีการปราบปรามของบาเรียเวทย์มนต์ขั้นสูง แต่ตอนนั้นเขายังไม่ได้ใช้พลังอย่างเต็มที่อีกงั้นหรอ ?
อย่างไรก็ตามก่อนที่สมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่นจะทันได้ตอบสนองได้ กระแสของมานาจำนวนมหาศาลก็เข้าท่วมท้นสภาพแวดล้อมโดยรอบ โดยที่มีซือเฟิงเป็นศูนย์กลาง และพื้นดินกับท้องฟ้าก็ถึงกับสั่นสะเทือนจากผลของเรื่องนี้
หลังจากนั้นบาเรียเวทย์มนต์ขั้นสูงที่ห่อหุ้มสมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่นอยู่ก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆในไม่ถึงหนึ่งวินาทีต่อมา ก่อนที่มันจะสลายกลายเป็นอนุภาคแสงนับไม่ถ้วนและหายไป
ในขณะเดียวกันโดเมนมานาก็เข้าห่อหุ้มพื้นที่ทรัพยากรขั้นสูงแห่งนี้แทน ซึ่งมันทำให้ทุกคนในปัจจุบันรู้สึกหวาดกลัว และถูกกดขี่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“โดเมน ?”
“นี่ …. นี่คือโดเมนมานาจริงๆงั้นหรอ ?”
ตอนที่ 2726 การต่อสู้ของสัตว์ประหลาด
ด้วยมีซือเฟิงเป็นศูนย์กลาง พื้นที่มืดที่มีรัศมีหนึ่งพันหลาก็เข้าปกคลุมพื้นที่ทรัพยากรขั้นสูงและสภาพแวดล้อมโดยรอบ โดยมานาภายในพื้นที่มืดนี้มันไหลอย่างรวดเร็วจนแม้แต่ผู้เล่นทั่วไปก็ยังสามารถจะสัมผัสได้
ความรู้สึกของการจะถูกทำลายล้างและการถูกกดขี่ในพื้นที่มืดนี้ มันทำให้แม้แต่ผู้ชมที่เฝ้าดูอยู่ก็ยังหวาดกลัวด้วยซ้ำ
“มันมีโดเมนมานาที่ทรงพลังแบบนี้อยู่ด้วยงั้นหรอ ?!”
“แม้แต่โดเมนมานาของมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายก็ยังไม่แข็งแกร่งขนาดนี้เลย !!!”
“บาเรียเวทย์มนต์ขั้นสูงแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ? นี่มันก็แปลว่าโดเมนมานาแข็งแกร่งกว่าบาเรียขั้นสูงอีกสินะ ?”
มหาอำนาจต่างๆที่เฝ้าชมอยู่ในห้อง VIP นั้นล้วนมีความรู้เกี่ยวกับโดเมนมานา และบางคนก็เคยประสบณ์กับมันมาก่อนด้วย อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับประสบการณ์และสิ่งที่พวกเขาเคยเห็นโดเมนมานามาก่อนหน้านี้ โดเมนมานาของซือเฟิงมันอยู่ในระดับที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
นี่คือโดเมนมานาของเขางั้นหรอ ?
มู่ฉินที่ยืนอยู่ใกล้ซือเฟิงตอนนี้เต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ และเมื่อเธอมองไปที่ซือเฟิงอีกครั้งตอนนี้ เธอก็รู้สึกราวกับว่าเธอพึ่งจะได้รู้จักกับเขาเป็นครั้งแรก
เธอนั้นได้ยินมาก่อนแล้วจากทีมช่วยเหลือของฟรอสต์ฮีฟเว่นคนอื่นๆที่เลือกจะยอมแพ้ไปว่าโดเมนมานาของซือเฟิงมันทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ
อย่างไรก็ตามพอเธอได้มาสัมผัสกับโดเมนมานาของซือเฟิงด้วยตัวเธอเอง เธอก็สามารถบอกได้เลยว่ามันไม่เพียงแต่จะเรียกได้ว่าทรงพลัง …. เพราะท้ายที่สุดแล้วโดเมนมานานี้ของซือเฟิง มันทำให้เหมือนกับว่าเขาได้สร้างโลกทั้งโลกของเขาขึ้นมาด้วยตัวเอง และพื้นที่ภายในโดเมนมานาของเขานี้มันก็ดูเหมือนจะอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาทุกอย่าง
ในพื้นที่นี้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจะไม่ต่างจากมดเลยต่อหน้าซือเฟิง !! ในขณะเดียวกันแซนสตอร์มที่ลอยอยู่กลางอากาก็ตกตะลึง เมื่อเขาเห็นโดเมนมานาที่น่าอัศจรรย์ของซือเฟิง โดเมนมานาของผู้เล่นมันสามารถจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้เลยงั้นหรอ ? หัวใจของแซนด์สตอร์มเต็มไปด้วยความสงสัย ในขณะที่เขารู้สึกได้ถึงพลังที่น่ากลัวเข้ามาห้อมล้อมเขาจากทุกทิศทาง
โดเมนมาของซือเฟิงนั้นแข็งแกร่งกว่าโดเมนมานาของมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายมาก และแม้ว่าเขาจะกลายร่างมาใช้ร่างครึ่งมังกร ซึ่งทำให้เขาได้รับค่าสถานะ และร่างกายทางกายภาพของขั้นสี่มา แต่แซนด์สตอร์มก็ยังถูกจำกัดการเคลื่อนไหวอย่างมากภายในโดเมนมานาของซือเฟิง
และจากการประเมินของเขา เขาก็สูญเสียค่าสถานะพื้นฐานไปประมาณยี่สิบเปอเซ็นต์ ขณะที่ความเร็วในการเคลื่อนที่และความเร็วในการตอบสนองของเขาก็ลดลงสาม
สิบเปอเซ็นต์ ตอนนี้พลังต่อสู้โดยรวมของเขาแทบจะไม่ถึงมาตราฐานของขั้นสี่ด้วยซ้ำ
“มาเริ่มกันเลย !” หลังจากมองไปที่ลีน่า และเหล่าผู้เล่นครึ่งมังกรคนอื่นๆ ซือเฟิงก็ชัก Abyssal Blade ออกมาจากฝักของเขา และหายตัวไป
“เขาหายไปไหนกัน ?”
การหายตัวไปอย่างกระทันหันของซือเฟิงทำให้สมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่นสับสน
“เขาหายไป ?”
ในตอนนี้นับประสาอะไรกับสมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่น แม้แต่ผู้ชมที่เฝ้าชมอยู่ก็ยังเต็มไปด้วยความตกตะลึง
มนุษย์ที่มีชีวิตได้หายไปจากสายตาของพวกเขา ราวกับเทพที่หายตัวได้
อย่างไรก็ตามก่อนที่ใครจะทันได้ตอบสนองอะไรได้ มันก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นกลางอากาศ
ตู้ม !!!
ในช่วงเวลาต่อมา ร่างเงาสีดำร่างหนึ่งก็ตกลงมากระแทกพื้นทำให้เกิดรอยแตกบนพื้นที่ขยายออกไปกว่ายี่สิบหลา ซึ่งคลื่นกระแทกจากผลของเรื่องนี้ มันก็ทำให้สมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่นที่อยู่ใกล้ๆเกือบจะยืนไม่อยู่
“เกิดอะไรขึ้น ?”
ทุกคนอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เมื่อเห็นร่างบนพื้น ….
โดยที่ไม่มีใครทันได้รู้ตัว ซือเฟิงก็ได้ไปปรากฎตัวขึ้นท่ามกลางผู้เล่นครึ่งมังกร และตอนนี้ดาบของเขาก็ถูกเคลือบไปด้วยเลือดสดๆ
ในขณะเดียวกันร่างบนพื้นนั้นก็เป็นร่างของผู้เล่นครึ่งมังกรคนหนึ่ง ซึ่งในขณะนี้ชุดเกราะของผู้เล่นคนนี้ไม่เพียงแต่จะได้รับความเสียหายอย่างหนัก แต่เขายังมีบาดแผลลึกลงไปถึงกระดูก แถม HP ของเขายังลดลงไปถึงหนึ่งในแปดด้วย
ความเร็ว และความรุนแรงในการโจมตีของซือเฟิงนั้นมันน่าเหลือเชื่อมากๆ !!!
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับเหล่าผู้ชม และสมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่นแล้ว สมาชิกของไมโทโลจี้ที่เฝ้าดูการต่อสู้อยู่นั้นคือคือผู้ที่ประหลาดใจกับสถานการณ์นี้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแซนสตอร์ม ตอนนี้เขาเต็มไปด้วยความสับสนมากๆ ขณะที่เขาจ้องมองไปยังซือเฟิง
หลังจากกลายร่างมาใช้ร่างมังกร และบวกกับผลของวงเวทย์การต่อสู้ แม้แต่มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายในเลเวลเดียวกันก็ยังไม่สามารถจะลด HP ของพวกเขาลงได้ถึงสามเปอเซ็นต์ในการโจมตีครั้งเดียว แต่ตอนนี้แบล๊คเฟรมกับสามารถทำได้ แบล๊คเฟรมนั้นมีพลังมากขนาดนี้ได้ยังไงกัน ? ความกลัวเริ่มปรากฎขึ้นในดวงตาของแซน
สตอร์ม ขณะที่เขาวิเคราะห์สถานการณ์
ในฐานะผู้เล่นครึ่งมังกรตอนนี้ พวกเขาถือได้ว่าเป็นผู้เล่นขั้นสี่ที่แท้จริง แต่ถึงกระนั้นแม้จะเป็นแบบนี้ พวกเขาก็ยังคงไม่สามารถเทียบกับซือเฟิงได้ ตอนนี้แซนสตอร์มไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าซือเฟิงมีความแข็งแกร่งมากมายขนาดนี้ได้ยังไงกัน ?
ตามที่คาดไว้จากสายเลือดครึ่งมังกร และเมื่อรวมเข้ากับความช่วยเหลือของวงเวทย์การต่อสู้ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะจัดการฆ่าให้ได้สักคนในเวลาอันรวดเร็ว เมื่อซือเฟิงมองไปที่ผู้เล่นครึ่งมังกรบนพื้น เขาก็ประหลาดใจเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้สกิลหรือเวทย์ใดๆในการโจมตี แต่เขาก็ใช้อาวุธที่เป็นเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนาน และเขาก็ยังสวมใส่เศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานอยู่หลายชิ้น ซึ่งในแง่ของความแข็งแกร่งอย่างเดียว เขาสามารถจะเทียบกับมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายในเลเวลเดียวกันได้แล้ว
นี่คือเหตุผลที่ทำให้เขาสามารถจะฆ่าผู้เล่นขั้นสามได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตามแม้จะมีค่าสถานะพื้นฐานแบบนี้ แต่เขาก็สามารถทำให้ HP ของผู้เล่นครึ่งมังกรลดลงไปได้แค่หนึ่งในแปดเท่านั้นด้วยการโจมตีปกติของเขา ตามที่ซือเฟิงคาดเดาพลังป้องกันของผู้เล่นครึ่งมังกรพวกนี้มันน่าจะเทียบได้กับมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายเลย
“ทุกคน อย่าต่อสู้กับเขาแบบชี้เป็นชี้ตาย !! ค่าสถานะและความเร็วของเขาเหนือกว่าเรา !!! สิ่งที่เราต้องทำคือทำให้ค่าสตามิน่าและค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขาหมดลง !!!” ลีน่าสั่งอย่างใจเย็น ก่อนที่เธอจะกล่าวต่ออย่างไม่ลังเลว่า “รักษาระยะห่างของพวกคุณไว้ !!! แจ๊ค ให้จัดลำดับความสำคัญในการปกป้องฮีลเลอร์ของเรามาเป็นอันดับแรก !!! เขาจะทนต่อสู้กับพวกเราได้ไม่นานหรอกในการต่อสู้ยืดเยื้อ !!!”
“เข้าใจแล้ว” คำสั่งของลีน่าได้กระตุ้นจิตวิญญาณการต่อสู้ของเหล่าผู้เล่นครึ่งมังกรทั้งหมด และพวกเขาก็เร่งรีบเข้าประจำตำแหน่งกับทำตามคำสั่งทันที
โดยมีลีน่าเป็นผู้นำ ผู้เล่นครึ่งมังกรห้าคนได้เข้าล้อมกรอบและโจมตีซือเฟิง นอกจากนี้ผู้เล่นครึ่งมังกรที่เป็นออราเคิลที่อยู่แนวหลังก็ยังได้ร่ายเวทย์ช่วยบัฟพลังป้องกันให้กับผู้เล่นครึ่งมังกรคนอื่นๆอีกจำนวนหนึ่งด้วย
ตอนนี้เมื่อไม่ต้องกังวลกับเรื่องการได้รับความเสียหายอีกต่อไป ผู้เล่นครึ่งมังกรทั้งห้า ภายใต้การนำของลีน่าก็ดาหน้ากันเข้าโจมตีซือเฟิงอย่างบ้าคลั่ง ในขณะเดียวกันผู้เล่นครึ่งมังกรทั้งหมดก็ล้วนประสานงานกันได้อย่างไร้ที่ติมากๆ โดยหวังที่จะให้นี่เป็นการต่อสู้ที่ยืดเยื้อและทำให้ค่าสตามิน่ากับค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของซือเฟิงหมดลง
ในช่วงเวลาหนึ่งเสียงระเบิดนั้นดังขึ้นไปทั่ว และมันก็เขย่าพื้นดินกับท้องฟ้าไปทั่วบริเวณ
ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่เฝ้าชมอยู่ต่างเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ พวกเขาแทบจะไม่สามารถบอกได้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น พวกเขาไม่สามารถจะบอกได้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เป็นใครปะทะกับใครอยู่ พวกเขาเห็นเพียงลำแสงเป็นดวงๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปะทะกันแต่ละครั้งเท่านั้น และในบรรดาผู้ชมทั้งหมด มันมีแต่เพียงผู้ที่ชมอยู่ในห้อง VIP เท่านั้นที่สามารถจะเห็นการต่อสู้ได้อย่างชัดเจน เพราะมันมีฟังชั่นสโลว์โมชั่นให้เลือกใช้
ตอนนี้ผู้เล่นครึ่งมังกรภายใต้การนำของลีน่านั้นดูจะเริ่มมีความได้เปรียบอยู่หน่อยๆ เนื่องมาจาก พวกเขามีจำนวนมากกว่า และเมื่อคนๆหนึ่งพลาดนั้น มันก็จะมีอีกคนเข้ามาช่วยอุดช่องโหว่นั้นเพื่อไม่ให้มีใครคนใดคนหนึ่งในหมู่พวกเขาตาย ซึ่งตรงกัน
ข้ามกับซือเฟิงที่ตอนนี้ต้องเรียกว่าต่อสู้แบบหนึ่งต่อเจ็ด ซึ่งในอัตรานี้ค่าสตามิน่าและค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของซือเฟิงก็จะหมดลงก่อนที่จะสามารถฆ่าผู้เล่นครึ่งมังกรพวกนี้ได้ทั้งหมดแน่นอน
“แบล๊คเฟรม ครั้งนี้คุณจะต้องแพ้อย่างแน่นอน แม้ว่าเราจะไม่สามารถเทียบกับคุณได้ในการต่อสู้แบบตัวต่อตัว แต่คุณจะทนต่อสู้กับพวกเราทั้งหมดได้นานแค่ไหนกัน ?” แซนด์สตอร์มนั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นมากขึ้น เมื่อการต่อสู้ดำเนินไปเรื่อยๆ
แม้ว่าเขาจะได้รับการโจมตีอย่างมากมายจากซือเฟิง และสูญเสีย HP ไปจำนวนมาก แต่เขาก็ได้รับการฮีลฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง จากออราเคิลด้านหลังของเขา ดังนั้นเขาจึงสามารถฟื้นคืน HP ที่เสียไปได้อย่างรวดเร็ว
“แบล๊คเฟรม คุณไม่สามารถจะโทษเราได้นะที่กลั่นแกล้งคุณด้วยจำนวนที่มากกว่า !!! มันเป็นความผิดของคุณเองที่มาที่นี่โดยที่ไม่มีใครสามารถจะช่วยซัพพอร์ทคุณได้เลย !!!” ชายร่างสูงข้างแซนด์สตอร์มกล่าวพลางหัวเราะ
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ สมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่นต่างก็ก้มหน้าลงด้วยความอับอาย
เมื่อเทียบกับความแข็งแกร่งของคนเหล่านี้แล้ว ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามอย่างพวกเขานั้จัดว่าไม่มีอะไรเลย พวกเขาไม่มีสิทแม้จะไปเป็นสิ่งรบกวนด้วยซ้ำ เพราะท้ายที่สุด พวกเขาไม่สามารถจะติดตามความเร็วของคนเหล่านี้ได้ทันเลย
“ดูเหมือนว่านี่จะเป็นขีดจำกัดของสภาสิบแปดปีกแล้ว”
“อย่างไรก็ตามมันน่าทึ่งมากๆที่แบล๊คเฟรมสามารถจะทนอยู่ได้นานขนาดนี้ แต่น่าเสียดายที่มันไม่มีผู้เล่นที่มีความสามารถอยู่ในหมู่สมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่นเลย ไม่งั้นพวกเขาก็คงจะสามารถต่อกรกับไมโทโลจี้ได้”
เหล่ามหาอำนาจที่เฝ้าชมอยู่ในห้อง VIP จำนวนมากอดไม่ได้ที่จะชื่นชมและเสียดายแทนซือเฟิง เห็นได้ชัดว่าเขามีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวมากๆซึ่งแม้แต่ไมโทโลจี้ก็ยังต้องระวัง
แต่น่าเสียดายที่ช่องว่างระหว่างห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด และมหาอำนาจต่างๆนั้นมันใหญ่มากเกินไป และแม้ว่าผู้เข้าร่วมการแข่งของฟรอสต์ฮีฟเว่นจะอยู่ที่นี่ทั้งหมดในตอนนี้ แต่พวกเขาก็ยังจะไม่สามารถคุกคามผู้เล่นครึ่งมังกรเจ็ดคนได้แน่นอน
“อย่างไรก็ตามนี่มันก็นับเป็นความพ่ายแพ้ที่น่าภาคภูมิใจของแบล๊คเฟรม นี่มันเท่ากับเขาสามารถจะยืนหยัดต่อกรกับมอนสเตอร์ขั้นสี่ เจ็ดตัวพร้อมกันได้ เขาสมควรแล้วที่จะได้รับฉายา ราชันดาบ !!!”
“ราชันดาบ ? จากที่ฉันเห็นเขาแข็งแกร่งพอที่จะติดหกอันดับแรกของรายชื่อผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดที่ได้รับการจัดอันดับโดยศาลาลับด้วยซ้ำ และมันก็จะมีเพียงแต่สัตว์ประหลาดเก่าแก่ที่แท้จริงของห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นที่จะสามารถต่อกรกับเขาได้ในการต่อสู้แบบตัวต่อตัว” ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามหลายคนกล่าวชื่นชมซือเฟิงในทำนองเดียวกัน และตอนนี้แม้แต่ผู้ที่เคยครหาในฉายาราชันดาบของซือเฟิงก็เริ่มจะยอมรับในตัวเขาทั้งหมดแล้ว
แต่ละนาทีค่อยๆผ่านไป ในขณะที่ทุกคนกำลังรู้สึกไม่มั่นใจว่าซือเฟิงจะยืนหยัดต่อไปได้อีกนานแค่ไหน ซือเฟิงก็กระโดดถอยหลังออกห่างจากแนวหน้าของผู้เล่นครึ่งมังกร
“อย่าว่าจะหนีเราไปได้ !!! เรามีปีก !!! และเราก็ไม่ได้ช้ากว่าคุณเลยเมื่อต้องวัดกันเรื่องการบิน !!!”
เมื่อเห็นซือเฟิงผละออกไปแบบนี้ แซนด์สตอร์มก็รีบไล่ตามซือเฟิงอย่างเร่งรีบทันที
เมื่อผู้เล่นได้รับโดเมนมานาแล้ว พวกเขาก็จะสามารถบินได้ อย่างไรก็ตามการบินด้วยวิธีนี้มันช้ากว่าอะเม้าท์บินได้อย่างมาก และในการเปรียบเทียบกันผู้เล่นครึ่งมังกรแทบจะสามารถบินได้เร็วเกือบเท่าอะเม้าท์บินได้
“หนี ?” ซือเฟิงส่ายหัว “ฉันแค่คิดว่าเวลาใกล้จะหมดแล้ว ดังนั้นฉันจึงวางแผนจะยุติการต่อสู้ครั้งนี้ !!!”
“คุณยังคงหยิ่งผยองมากจริงๆ แม้ว่าจะมีความตายมารออยู่ตรงหน้าแล้ว !!! ฉันอยากจะเห็นจริงๆว่าคุณจะยุติการต่อสู้นี้อย่างไร ?!” แซนด์สตอร์มเต็มไปด้วบยความโกรธมากขึ้น เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง
เวลาใกล้จะหมดแล้ว ? ลีน่ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อเธอเห็นการแสดงออกที่สงบของซือเฟิง เขาหมายถึงอะไรกัน ?
อย่างไรก็ตามก่อนที่ลีน่าจะทันได้ไตร่ตรองเรื่องนี้ ซือเฟิงก็ได้เก็บ Abyssal Blade ของเขาเข้าฝัก
“พวกคุณเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้สินะว่าฉันไม่สามารถจะโทษพวกคุณได้ที่มากลั่นแกล้งฉันด้วยจำนวนที่มากกว่า ฉันเห็นด้วยกับประเด็นนี้มากๆ” ซือเฟิงจ้องมองไปที่แซนด์สตอร์ม และผู้เล่นครึ่งมังกรคนอื่นๆ ก่อนที่เขาจะชักดาบยาวอีกเล่มหนึ่งที่ห้อยอยู่ข้างเอวของเขาออกมาและกล่าวว่า “ดังนั้นตอนนี้พวกคุณก็ไม่ควรโทษฉันเช่นกันที่จะกลั่นแกล้งพวกคุณด้วยจำนวนที่มากกว่า !!!”
หลังจากซือเฟิงพูดจบ ดาบทไวไลท์ในมือของเขาก็มีแสงสว่างไสวขึ้น จนแม้แต่ผู้ที่อยู่ห่างออกไปหลายพันหลาก็ยังสังเกตเห็นได้ชัด
เงาทไวไลท์ !!
ทไวไลท์แห่งเทพ !!
ในช่วงเวลาต่อมาร่างของซือเฟิงก็แยกออกมาอีกแปดร่าง ซึ่งร่างทั้งหมดนี้ก็ดูเหมือนกับเขาแทบจะหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์เลย
ตอนที่ 2727 จักรพรรดิดาบ
เมื่อซือเฟิงแยกร่างออกมาอีกแปดร่าง ทั่วทั้งสนามรบและเหล่าผู้ชมที่ชมอยู่ต่างก็เงียบลงไปทันที
“Doppelgangers ?”
“อึก !!! นี่มันจะไม่เกินไปหน่อยงั้นหรอ ?!!”
หัวใจของผู้ชมเต็มไปด้วยความรู้สึกตกใจที่ไม่อาจจะอธิบายได้ ขณะที่พวกเขามองไปยังร่างทั้งเก้าของซือเฟิงที่ลอยอยู่กลางอากาศ
หากเป็นคนอื่นใช้สกิลเรียก Doppelgangers ของตัวเองออกมา พวกเขาจะไม่คิดมากเลย อย่างไรก็ตามซือเฟิงนั้นเป็นคนที่มีความสามารถในการจะต่อสู้กับผู้เล่นครึ่งมังกรเจ็ดคนที่มีความแข็งแกร่งระดับเดียวกับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายได้ด้วยตัวคนเดียว ….
แต่ตอนนี้ซือเฟิงก็ได้เรียก Doppelgangers อีกแปดคนออกมา ….
ในขณะเดียวกันลีน่าและผู้เล่นครึ่งมังกรคนอื่นๆก็หน้าซีดเมื่อเห็นร่างทั้งเก้าของซือเฟิงตรงหน้าพวกเขา ตอนนี้หัวใจของพวกเขาเริ่มจะจมดิ่งลงสู่ความสิ้นหวังอย่างมาก
พวกเขาต้องใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อจะจัดการกับซือเฟิงแค่คนเดียว อย่างไรก็ตามตอนนี้มันกับมีซือเฟิงอีกแปดคนปรากฎตัวขึ้น แม้ว่า Doppelgangers เหล่านี้จะมีค่าสถานะที่อ่อนแอกว่าร่างหลักของซือเฟิงอย่างเห็นได้ชัด แต่มันก็ยังคงยากอยู่ดีสำหรับพวกเขาที่จะรับมือให้ได้
“มาเริ่มรอบสองกันเลย !!!” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆที่ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขา ขณะที่เขามองไปที่กลุ่มของลีน่า และในช่วงเวลาต่อมา Doppelgangers แปดคนของซือเฟิงก็ได้แยกตัวออก และพุ่งเข้าใส่ผู้เล่นครึ่งมังกรท้งหมดอย่างรวดเร็ว ซึ่งความเร็วของพวก Doppelgangers นั้นมันก็แทบจะไม่ได้ช้าไปกว่าซือเฟิงเลย
“มันก็แค่ Doppelgangers !! คุณคิดว่าแค่นี้จะทำให้ฉันหวาดกลัวได้งั้นหรอ ?!!”
แซนด์สตอร์มได้จัดการใช้กริชแทงเข้าใส่ Doppelgangers ที่กำลังพุ่งเข้ามาหาเขา ซึ่งทันทีที่เขาทำแบบนี้กริชของเขาก็เปลี่ยนเป็นเงางูนับโหล ….
เทคนิคการต่อสู้ขั้นสูง Rampant Bites!
เมื่อเห็นเงางูกำลังใกล้เข้ามา Doppelgangers ก็ชักดาบของตัวเองออกมาและเริ่มฟาดฟัน
Six Extreme Slashes!
วินาทีต่อมาลำแสงดาบหกเส้นก็ตัดผ่านเงางูทั้งหมด และทำให้มันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ขณะเดียวกันลำแสงดาบเส้นหนึ่งก็ผ่านทะลุเงางูไปได้และพุ่งไปโดนที่บริเวณไหล่ของแซนด์สตอร์ม
หลังจากลำแสงดาบผ่านไป ร่องรอยบาดแผลลึกก็ปรากฎขึ้นบริเวณไหล่ของแซนด์สตอร์ม ขณะที่ร่างของแอสซาซินก็ถึงกับปลิวกระเด็นไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ร่างจะตกกระแทกลงบนพื้น และสำหรับเรื่อง HP นั้น HP ของแอสซาซินผู้นี้ก็ลดลงไปมากกว่าหนึ่งในแปดเลยทีเดียว
นอกเหนือจากแซนด์สตอร์มแล้ว ผู้เล่นครึ่งมังกรคนอื่นๆก็มีสภาพไม่ได้ต่างกันมากนักเลย พวกเขาถูก Doppelgangers ของซือเฟิงโจมตี และทำให้ปลิวกระเด็นไปแบบเดียวกันจนมันทำให้ HP ของพวกเขานั้นลดลงอย่างมาก พวกเขาไม่สามารถจะต้านทานหรือโต้ตอบ Doppelgangers ได้เลย และพวกเขาก็ทำได้แค่เฝ้าดู HP ของพวกเขาลดลงอย่างต่อเนื่องเท่านั้น
จากผู้เล่นครึ่งมังกรทั้งเจ็ดคน มีเพียงลีน่าที่เปิดใช้งานสกิลช่วยชีวิตขั้นสามของเธอที่ทำให้ความเสียหายที่เธอได้รับลดลงครึ่งหนึ่งเท่านั้นที่อยู่ในสภาพดีกว่าคนอื่นๆนิดหน่อย อย่างไรก็ตามในขณะที่เธอต้องรับมือกับ Doppelgangers สองคนของซือเฟิงนี้ HP ของเธอก็ยังคงลดลงเรื่อยๆ และมันจะเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่เธอจะถูกฆ่า
“Doppelgangers เหล่านั้นแข็งแกร่งมากๆ !!!”
“นี่ Doppelgangers เหล่านั้นมันจะไม่น่ากลัวเกินไปหน่อยหรอ ? ฉันรู้สึกได้ว่าแค่หนึ่งใน Doppelgangers ของแบล๊คเฟรม มันก็เพียงพอแล้วที่จะใช้ฆ่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยายทั่วไป !!!!”
เหล่าผู้ชมทั้งหมดที่เฝ้าดูอยู่แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง เมื่อพวกเขาเห็น Doppelgangers ทั้งหมดของซือเฟิงกำลังปราบปรามกลุ่มของลีน่า
ทุกคนในปัจจุบันนั้นเคยเห็น Doppelgangers มาก่อน อย่างไรก็ตามนี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่พวกเขาได้เห็นว่ามันมี Doppelgangers ที่สามารถปราบปรามผู้เล่นครึ่งมังกรที่มีค่าสถานะพื้นฐานและร่างกายทางกายภาพเทียบเท่ากับขั้นสี่ได้
“ไม่แปลกใจเลย !!! สาเหตุนี้สินะที่ทำให้แบล๊คเฟรมกล้าที่จะยั่วยุไมโทโลจี้ !!!” อัน
ยีลดิ้งฮาร์ทมองไปยังซือเฟิงอย่างชื่นชม เมื่อเห็นซือเฟิงค่อยๆได้เปรียบกลุ่มของลีน่ามากขึ้นเรื่อยๆ
มันเป็นเวลานานแล้วที่ไม่มีใครกล้าท้าทายห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดในอุตสาหกรรมเกมเสมือนจริง
อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่เพียงแต่ซือเฟิงจะกล้าท้าทาย แต่เขายังมีพลังมากพอที่จะเอาชนะผู้เล่นครึ่งมังกรเจ็ดคนที่มีค่าสถานะพื้นฐานและร่างกายทางกายภาพเทียบเท่ากับขั้นสี่ได้ด้วยตัวคนเดียว …. ซึ่งเรื่องนี้มันก็แทบจะเป็นการการันตีเกือบหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์เลยว่าซือเฟิงจะสามารถแย่งชิงพื้นที่ทรัพยากรขั้นสูงแห่งนี้มาจากไมโทโลจี้ได้แน่นอน
ในสนามรบตอนนี้ ลีน่าและผู้เล่นครึ่งมังกรคนอื่นๆทำได้แค่มอง HP ของพวกเขาลดลงไปเรื่อยๆจนถึงระดับวิกฤตเท่านั้น และด้วยการปะทะกันอีกราวสามถึงสี่ครั้ง พวกเขาก็จะตายลงภายใต้เงื้อมมือ Doppelgangers ของซือเฟิงแน่นอน อย่างไรก็ตามก่อนที่การต่อสู้จะทันได้ไปถึงสถานการณ์แบบนั้น ลำแสงดาบหลายเส้นก็พุ่งเข้าใส่พวก Doppelgangers
ตู้ม ! ตู้ม ! ตู้ม !
เหล่า Doppelgangers ของซือเฟิงรีบป้องกันการโจมตีที่เข้ามาทันที ซึ่งมันก็ส่งผลให้เกิดการระเบิดและความสร้างรอยแตกขนาดใหญ่ไปทั่วพื้นดิน
“รองผู้บัญชาการ ?”
ลีน่าและคนอื่นๆเต็มไปด้วยความสุข เมื่อได้เห็นต้นกำเนิดของลำแสงดาบนี้
ซึ่งคนที่พึ่งใช้ลำแสงดาบออกมานี้ มันก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก Prosciutto รองผู้บัญชาการหนึ่งในกองกำลังหลักของไมโทโลจี้
อย่างไรก็ตามร่างของ Prosciutto ในตอนนี้ก็ดูเปลี่ยนไปอย่างมาก ในเวลานี้มันมีรูนปรากฎขึ้นทั่วชุดเกราะสีดำสนิทของเขา และตอนนี้มันก็มีวงเวทย์ที่ซ้อนทับกันจำนวนหนึ่งปรากฎขึ้นที่บริเวณหน้าผากกับดวงตาของเขา นอกจากนี้เขายังแผ่ออร่าอันรุนแรงที่ชวนให้นึกถึงเทพปีศาจออกมา และแม้แต่โดเมนมานาของซือเฟิงก็ไม่สามารถจะปราบปรามเขาได้
วงเวทย์การต่อสู้ระดับทองแดงงั้นหรอ ? ดวงตาของซือเฟิงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ขณะที่เขามองไปยังการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดของ Prosciutto อย่างไรก็ตามในไม่ช้าเขาก็ส่ายหัวและปฎิเสธความคิดนี้ ไม่ มันไม่น่าจะใช่วงเวทย์การต่อสู้ระดับทองแดง เพราะท้ายที่สุดวงเวทย์การต่อสู้ระดับทองแดงมันไม่ควรจะเป็นสิ่งที่ผู้เล่นขั้นสามสามารถเปิดใช้งานได้ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นไปไม่ได้เลยที่วงเวทย์การต่อสู้ระดับทองแดงจะปรากฎขึ้นในระยะนี้ของเกม
ก่อนที่ซือเฟิงจะทันได้วิเคราะห์สถานการณ์ทั้งหมดโดยละเอียดได้ Prosciutto ก็ได้ยกดาบใหญ่สีม่วงที่เขาถืออยู่ขึ้นมาและมาปรากฎตัวต่อหน้าซือเฟิงทันที โดยออร่าที่ Prosciutto แผ่ออกมานั้น มันสามารถจะทำให้มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายหวาดกลัวได้เลยด้วยซ้ำ
“ไม่ !! เป็นไปไม่ได้ !!! เขาเป็นผู้เล่นขั้นสามจริงๆงั้นหรอ ?!!”
“ออร่าของเขาดูแข็งแกร่งแม้แต่มอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยาย !!!” ทุกคนที่เฝ้าชมอยู่ต่างอ้าปากค้างให้กับการเปลี่ยนแปลงอันน่าอัศจรรย์ของ Prosciutto ขณะเดียวกันมู่ฉินที่ยืนอยู่ในสนามรบก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปที่ Prosciutto ด้วยความหวาดกลัวและตกตะลึง เธอไม่สามารถจะทำให้ตัวเองไปเชื่อได้เลยว่าเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้านั้นมันเป็นเรื่องจริง
ก่อนหน้านี้ลีน่าและคนอื่นๆก็ได้แสดงความแข็งแกร่งที่น่ากลัวมากๆออกมาแล้ว ดังนั้นมู่ฉินจึงไม่เคยคิดเลยว่า Prosciutto จะยังคงมีความแข็งแกร่งที่มากกว่าลูกน้องของเขามาก
ในตอนนี้ Prosciutto ไม่ควรจะถูกพิจารณาว่าเป็นผู้เล่นขั้นสามอีกต่อไป เขาดูเหมือนกับมังกรในคราบมนุษย์มากกว่า ออร่าที่น่ากลัวที่เขาแผ่ออกมานั้นมันทำให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามในปัจจุบันถอยหลังกลับไปอย่างไม่ตั้งใจ และไม่มีใครกล้าสบตาเขาด้วยซ้ำ
ครั้งเดียวที่มู่ฉินรู้สึกได้ถึงออร่าที่น่ากลัวแบบนี้ มันก็เป็นตอนที่เธอเผชิญหน้ากับมังกรขั้นสี่
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม คุณทำให้ฉันประหลาดใจมากจริงๆ ….” Prosciutto กล่าว ขณะที่เขามองไปยังซือเฟิงอย่างพินิจพิเคราะห์ ตอนนี้น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้มากๆ “คุณเป็นคนแรกเลยที่บังคับให้ฉันใช้ร่างนี้ได้ เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ ฉันจะเป็นคู่ต่อสู้คนต่อไปของคุณเอง !!!”
ทันทีที่ Prosciutto พูดจบ เหล่าผู้ชมที่เฝ้าชมอยู่ต่างก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“อึก ! นี่ล้อกันเล่นรึปล่าว ? แม้แต่ Prosciutto ก็ตั้งใจจะเคลื่อนไหวงั้นหรอ ?!”
“การต่อสู้ระหว่าง Prosciutto ที่น่าเกรงขาม กับแบล๊คเฟรมที่ไม่อาจหยั่งถึงได้ …. นี่มันถือเป็นการต่อสู้ระดับสุดยอดมากๆใน God domain เลย !!!”
“นี่มันเป็นมากกว่าการต่อสู้ระดับสุดยอดด้วยซ้ำ !! ถ้าทั้งสองต่อสู้กันแบบเอาจริง มันอาจจะทำให้ทั้งเกาะพินาศได้เลย !!!”
“สัตว์ประหลาด ! สองคนนี้เป็นสัตว์ประหลาดที่แท้จริงเลย !! เพียงแค่ได้รับโอกาสในการชมการต่อสู้ระหว่างพวกเขาทั้งสอง มันก็จัดว่าคุ้มค่าตั๋วมากแล้ว !!!”
ในเวลานี้นอกเหนือจากเหล่าผู้ชมทั่วไปที่ชมอยู่ผ่านที่นั่งปกติแล้ว เหล่ามหาอำนาจต่างๆที่ชมอยู่ในห้อง VIP ต่างก็รู้สึกตกตะลึงและตื่นเต้นกับคำประกาศของ Prosciutto มากๆ และตอนนี้พวกเขาก็รีบให้สมาชิกของพวกเขามุ่งความสนใจไปที่ Prosciutto กับซือเฟิงทันที รวมทั้งพวกเขายังออกคำสั่งให้หลายคนบันทึกการต่อสู้ของทั้งสองคนไว้ด้วย เพราะท้ายที่สุดแล้วมันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรวบรวมข้อมูลนี้ได้ในโลกภายนอก มันมีเพียงแต่เฉพาะในสถานที่จัดการแข่งขันแบบนี้เท่านั้นที่พวกเขาจะมีโอกาสทำเช่นนี้ได้
อย่างไรก็ตามหลังจากได้ยินคำพูดของ Prosciutto ซือเฟิงก็หันไปทันที “คุณสองคนจะไม่เข้ามาพร้อมกันหรอ ?” ซือเฟิงถามเสียงดัง ขณะที่เขามองไปยังท้องฟ้าที่ว่างเปล่า
คำพูดของซือเฟิงทำให้ทุกคนสับสน ….
“เขากำลังพูดกับตัวเองรึปล่าว ?”
“มีอะไรบางอย่างที่ท้องฟ้าบริเวณนั้นงั้นหรอ ?”
“เป็นไปไม่ได้ !!! หน้าจอของฉันไม่ได้แสดงอะไรเลยนะ แบล๊คเฟรมต้องมองเห็นอะไรผิดไปแน่ๆ !!!”
อย่างไรก็ตามก่อนที่ใครจะทันได้บทสรุปจากข้อสงสัยของพวกเขา เสียงที่ทุ้มลึกก็ดังมาจากความว่างเปล่า และมันก็ดังก้องไปทั่วท้องฟ้า
“มหัศจรรย์มากๆ !!! ตามที่คาดไว้จากคนที่ Prosciutto และโคลท์ชาโด้วสนใจ !!!”
วินาทีต่อมาเงาดำก็ค่อยๆปรากฎขึ้นในอากาศ
เมื่อเงาดำนี้เผยตัวออกมา ทุกคนก็เห็นว่าเงานี้เป็ยชายในชุดคลุมสีขาวที่ไม่อาจคาดเดาอายุได้ ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าชายคนนี้จะยืนอยู่กลางอากาศอย่างชัดเจน แต่มันก็เหมือนกับว่าจะไม่มีใครสามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของเขาได้ ทุกคนที่มองเขาไปต่างลืมตัว และละความสนใจจากเขาไปโดยอัตโนมัติ
“อึก !! เขาคือตำนานที่ยังมีลมหายใจของไมโทโลจี้ไม่ใช่หรอ ?!”
“บ้า ! นี่มันบ้าชัดๆ !! ไมโทโลจี้ให้คนๆนี้เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ด้วยจริงๆงั้นหรอ ?! นี่ไมโทโลจี้ต้องการจะทำให้ตัวเองได้อันดับหนึ่งอย่างแน่นอนเลยงั้นหรอ ?!!”
เหล่าผู้ชมที่อยู่ในที่นั่งทั่วไปนั้นต่างไม่คุ้นเคยกับชายในชุดคลุมสีขาวคนนี้ ในทางกลับกันตอนนี้คลื่นแห่งคำอุทานกวาดผ่านไปทั่วห้อง VIP เมื่อเหล่าผู้เล่นในห้อง VIP เห็นชายคนนี้
เพราะท้ายที่สุดแล้วชายในชุดคลุมสีขาวคนนี้เป็นหนึ่งในตัวตนที่น่ากลัวที่สุดของไมโทโลจี้ที่ได้ไปถึงขอบเขตโดเมนขั้นสูงแล้ว มันไม่มีใครรู้อายุที่แท้จริงของเขา สิ่งเดียวที่หลายคนรู้ก็คือชายคนนี้มีชื่อว่าโอดิน และเขาเป็นหนึ่งในสามผู้อาวุโสสูงสุดของไมโทโลจี้ โดยแม้แต่หัวหน้ากิลของไมโทโลก็ยังต้องปฎิบัติกับเขาด้วยความเคารพ
“ท่าน !! ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่ ?!” Prosciutto กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเคารพมากๆทันทีที่เขาเห็นชายในชุดคลุมสีขาวคนนี้ ซึ่งมันราวกับว่าเขาเพิ่งได้เห็นเทพตัวจริง
“ฉันมาที่นี่เพื่อจัดการกับบางเรื่องเท่านั้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะเป็นไปไม่ได้แล้ว” โอดินกล่าวขณะที่เขามองไปยังซือเฟิง จากนั้นเขาก็กล่าวต่ออย่างใจเย็นว่า “เก็บของ เราจะละทิ้งพื้นที่ทรัพยากรขั้นสูงแห่งนี้”
“เราจะละทิ้ง … งั้นหรอ ?” Prosciutto ตกตะลึง “แต่ … ทำไมกัน ?”
นี่เป็นโอกาสที่ดีมากๆสำหรับเขาในการจะกำจัดซือเฟิง เขาจะยอมแพ้ในเวลาแบบนี้ได้ยังไง ?
ในขณะนี้ Prosciutto ไม่ใช่แค่คนเดียวที่ตกตะลึงกับคำสั่งนี้ของโอดิน แม้แต่เหล่าผู้ชม และผู้เล่นที่อยู่ในสนามรบโดยรอบบริเวณก็ตกตะลึงเช่นกัน
ไมโทโลจี้ใจกว้างขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?
“เพราะ ….” เมื่อมองไปที่ซือเฟิงอีกครั้ง โอดินก็หัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “เขาเป็นจักรพรรดิดาบขั้นสี่แล้ว !!”
ตอนที่ 2728 ความเป็นไปได้ของจักรพรรดิดาบ
“จักรพรรดิดาบ ?”
Prosciutto ตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดของโอดิน และตอนนี้ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความสงสัยในขณะที่เขามองไปยังซือเฟิง
แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญบางคนใน God domain จะมาถึงเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบแล้ว แต่การมาถึงเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบ กับการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ให้เสร็จ มันเป็นสองเรื่องที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง การมาถึงเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบนั้นหมายความว่าผู้เล่นมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดขั้นพื้นฐานที่สุดสำหรับการจะทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ และตามเข้าใจของกิลต่างๆ ผู้เล่นจะต้องค้นหาดินแดนมรดกขั้นสี่ของตัวเองหลังจากมาถึงเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบแล้ว ซึ่งมันนับเป็นงานที่ท้าทายอย่างแท้จริง และแม้แต่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังต้องใช้เวลาอย่างมากในการจะค้นหาดินแดนมรดกเพียงแห่งเดียว นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ผู้เล่นจะต้องท้าทายดินแดนมรดกเพื่อรับเอามรดกเลย
ในขณะเดียวกัน ซือเฟิงก็เป็นเพียงหัวหน้ากิลกึ่งมหาอำนาจเท่านั้น แล้วเขาจะค้นหาดินแดนมรดกได้เร็วกว่าซุเปอร์กิลต่างๆได้อย่างไร ?
“จักรพรรดิดาบขั้นสี่ ?”
“ไม่มีทาง มันพึ่งมีผู้เล่นจำนวนหนึ่งมาถึงเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบเมื่อไม่นานมานี้ แต่เขากับได้เลื่อนขั้นเป็นจักรพรรดิดาบขั้นสี่แล้ว ?”
“นี่มันเป็นเรื่องโกหก !! มันต้องเป็นเรื่องโกหกแน่นอน !!! นั่นคือขั้นสี่เลยนะที่เรากำลังพูดถึง !!! แม้แต่กษัตริย์ของอาณาจักรต่างๆก็ยังต้องปฎิบัติต่อตัวตนขั้นสี่ด้วยความเคารพเลย แล้วมันจะมีผู้เล่นที่ได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่เร็วขนาดนี้ได้ยังไง ?!!”
เหล่าผู้เล่นที่เฝ้าชมอยู่ต่างก็ปฎิเสธที่จะเชื่อคำพูดของโอดินโดยสัญชาตญาณ และคลื่นแห่งความวุ่นวายก็แพร่กระจายออกไปในหมู่พวกเขาทันที โดยตอนนี้ทุกคนต่างก็สงสัยว่าสรุปแล้วซือเฟิงได้กลายเป็นจักรพรรดิดาขั้นสี่จริงๆแล้วรึปล่าว ….
แม้ว่าซือเฟิงจะแสดงพลังในการต่อสู้ที่น่ากลัวออกมา แต่พวกเขาก็ยังคิดว่ามันเป็นไปได้ที่ผู้เล่นขั้นสามจะทำแบบนี้ได้เช่นกัน เพราะท้ายที่สุดมันมีสมบัติมากมายใน God domain ที่สามารถทำให้ผู้เล่นแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งกลุ่มเจ็ดคนของลีน่าก็นับเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบ อย่างไรก็ตามการเข้าถึงขั้นสี่ได้นั้นมันเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไป
การดำรงอยู่ของตัวตนขั้นสี่นั้นมันถือว่าเป็นตัวตนที่ทรงพลังที่ได้รับการยอมรับอย่างแท้จริงใน God domain
ยกตัวอย่างเช่น NPC ขั้นสี่ในปัจจุบัน มันไม่มีมหาอำนาจใดๆที่กล้าจะยั่วยุ NPC ขั้นสี่เลย แม้แต่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
นั่นเป็นเพราะขั้นสี่นั้นถือเป็นความน่ากลัวที่ฝังลึกลงไปในกระดูกของผู้เล่นทุกคนใน God domain และ NPC ขั้นสี่ก็เป็นตัวตนที่ผู้เล่นไม่ควรทำให้ขุ่นเคืองเลยไม่ว่าสถานการณ์ใดๆก็ตาม
ในความเป็นจริงจากการประเมินของมหาอำนาจต่างๆ พวกเขาคิดว่าผู้เชี่ยวชาญของตัวเองจะต้องรอจนกว่าจะไปถึงเลเวลหนึ่งร้อยสามสิบด้วยซ้ำจึงจะได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่
ในสนามรบมู่ฉินจ้องมองไปที่ซือเฟิงด้วยความตกตะลึงและคาดหวัง
หากนี่เป็นความจริง … เมื่อมู่ฉินพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่ซือเฟิงจะเป็นจักรพรรดิดาบขั้นสี่ เปลวไฟที่ดูเร่าร้อนก็แผดเผาขึ้นในใจของเธอ
หากคำพูดของโอดินเป็นเรื่องจริง ตำแหน่งของฟรอสต์ฮีฟเว่นบนเกาะหมายเลขสามมันก็จะได้รับการการันตีแล้วแน่นอน นอกจากนี้นี่มันยังหมายความว่าฟรอสต์ฮีฟเว่นจะมีโอกาสได้รับตำแหน่งสำรองตำแหน่งที่หกซึ่งเป็นตำแหน่งสุดท้าย และกลายเป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ที่แท้จริงของ God domain
อย่างไรก็ตามในขณะเดียวกัน มู่ฉินก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัย
ในขณะที่ผู้เล่นอย่างตัวเธอยังคงดิ้นรนอย่างยากลำบากในการพยายามจะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาให้ได้ทั้งหมด และคิดหาวิธีเกี่ยวกับการทำให้ตัวเองได้รับมรดกหลังจากมาถึงเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบ แต่ซือเฟิงกับทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่เสร็จเรียบร้อย และได้มาถึงขั้นสี่แล้ว
ไม่ว่าเธอจะคิดอย่างไรสถานการณ์นี้มันก็ไม่น่าเชื่อเลย ….
“คุณเป็นจักรพรรดิดาบจริงๆงั้นหรอ ?” Prosciutto อดไม่ได้ที่จะหันไปถามซือเฟิง
แม้ว่าโอดินจะพูดไปแล้ว แต่ Prosciutto ก็ยังคงอยากจะขอคำยืนยันเรื่องนี้จากซือเฟิง
เมื่อได้ยินคำถามของ Prosciutto ทุกคนก็มุ่งความสนใจไปที่ซือเฟิง และรอฟังคำยืนยันจากปากของเขา
“ใช่แล้ว ฉันเป็นจักรพรรดิดาบขั้นสี่จริงๆ ….” ซือเฟิงพยักหน้า ในเวลาเดียวกันเขาก็เหลือบไปมองโอดินด้วยความประหลาดใจ
หากผู้เล่นยังไม่ได้ไปลงทะเบียนด้วยตัวเองที่สมาคมนักผจญภัย และแลกรับตราสัญลักษณ์ขั้นสี่ คนอื่นก็แทบจะสังเกตเห็นขั้นที่แท้จริงของพวกเขาไม่ได้เลย นี่เป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้เล่นที่ปกปิดออร่า และตัวตนของพวกเขาเอาไว้โดยใช้เครื่องมือพิเศษ
ในความคิดของซือเฟิง เขาได้ปกปิดเรื่องนี้ของเขาไว้เป็นอย่างดีมาตลอดเวลา และในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ที่ผ่านๆมา เขาก็เลือกจะจำกัดการใช้พลังของเขาให้อยู่ในระดับต่ำ แถมเขายังมีผ้าคลุมไหล่ไนท์วอร์คเกอร์ที่ช่วยปกปิดออร่าแห่งชีวิตของเขาด้วย สำหรับโดเมนมานาของเขานั้น มันก็ไม่สามารถที่จะใช้พิสูจน์ขั้นที่แท้จริงของเขาได้ เพราะการจะได้มาซึ่งโดเมนมานาและการเสริมความแข็งแกร่งให้มัน มันขึ้นอยู่กับการควบคุมมานาของผู้เล่นเป็นหลัก ยิ่งผู้เล่นควบคุมมานาของตัวเองได้ดีเท่าไหร่ โดเมนมานาของพวกเขาก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับขั้นเลย
ในขณะเดียวกันหลังจากได้รับคำยืนยันจากซือเฟิง ความเงียบก็แผ่กระจายไปทั่ว ในระยะนี้ของเกมแม้แต่ผู้เล่นขั้นสามก็ยังหายาก แต่ตอนนี้มันกับมีผู้เล่นขั้นสี่ปรากฎขึ้นแล้วจริงๆ นี่มันเหมือนกับว่าซือเฟิงกำลังเล่นตลกกับความพยายามทั้งหมดที่ผ่านมาของพวกเขาเลย ….
“ไม่ ! เป็นไปไม่ได้ !! ฉันไม่ยอมรับเรื่องนี้ !!!” ดวงตาของแซนสตอร์มกลายเป็นสีแดงก่ำ ขณะที่เขาจ้องมองไปยังซือเฟิง “คุณจะไปถึงขั้นสี่แล้วได้อย่างไร ?! คุณต้องโกหกแน่นอน !!! คุณกำลังพยายามจะหลอกเราเพื่อให้เรามอบพื้นที่ทรัพยากรแห่งนี้ให้คุณโดยไม่มีการต่อสู้ !!!”
“ฉันจะไม่ปล่อยให้คุณทำเสร็จ !!! ฉันจะเปิดเผยคุณ !!!” ในตอนนี้แซนด์สตอร์มได้บ้าคลั่งไปแล้ว
แซนด์สตอร์มคิดว่าเขาแข็งแกร่งขึ้นมากๆ นับตั้งแต่ที่เขาพ่ายแพ้ครั้งสุดท้ายด้วยน้ำมือของซือเฟิง และเขาก็คาดว่าช่องว่างระหว่างพวกเขาได้ลดลงอย่างมากแล้ว แต่ตอนนี้เขากับถูกบอกว่าไม่เพียงแต่ช่องว่างระหว่างพวกเขาจะไม่ลดลงเลย แต่มันยังเพิ่มขึ้นมากด้วย
ในความเห็นของแซนด์สตอร์ม ซือเฟิงนั้นเป็นเพียงหัวหน้ากิลของกิลเล็กๆ แล้วซือเฟิงจะมาเหนือกว่าเขาซึ่งเป็นชนชั้นสูงในหมู่ชนชั้นสูงของหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้ยังไงกัน ?
ช่วงเวลาต่อมา ออร่าที่แซนด์สตอร์มแผ่ออกมาก็เริ่มรุนแรงมากขึ้น และขนาดของร่างกายของเขาก็เริ่มใหญ่มากขึ้นเช่นกัน ขณะที่เกล็ดก็เริ่มเข้าปกคลุมใบหน้าและร่างกายของเขาทั้งหมด ซึ่งมันทำให้ตอนนี้เขาดูเหมือนกับมังกรเด็กขนาดเล็ก
หลังจากนั้นแซนด์สตอร์มก็ได้กระพือปีกอันทรงพลัง และไปปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าของซือเฟิงทันที โดยเขาได้เลือกจะละทิ้งอาวุธ และใช้กรงเล็บโจมตีซือเฟิงแทน
ตอนนี้การโจมตีของแซนด์สตอร์มนั้นดูทรงพลังขึ้นอีกมาก และมันก็แทบจะเทียบเท่ากับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย สายพันธุ์โบราณได้แล้ว ….
“ช่างน่าสงสารจริงๆ ….” ซือเฟิงพึมพำ และเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเห็นใจแซนด์สตอร์ม เมื่อเห็นท่าทีที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งในตอนนี้ของชายผู้นี้ เพราะท้ายที่สุดเขาก็เคยตกอยู่ในความสิ้นหวังแบบนี้มาแล้ว นี่เป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขาได้เห็นเหล่าอัจฉริยะที่เข้าร่วม God domain ช้ากว่าเขาในชีวิตที่ผ่านมาไปได้ไกลกว่าเขา
อย่างไรก็ตามเขาได้ก้าวผ่านความสิ้นหวังนั้นมานานแล้ว และเขาก็ตระหนักว่าตอนนี้สิ่งที่เขาตองทำก็คือใช้ชีวิตของตัวเองให้ดี โดยมันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลยที่จะนำตัวเองไปเทียบกับคนอื่นๆ ….
“ไปทำตัวให้ใจเย็นๆก่อนดีกว่านะ !!!” ซือเฟิงกล่าวพลางโบกมือ จากนั้นระลอกมานาก็แพร่กระจายออกมาจากใต้เท้าของเขา และเข้าปกคลุมรัศมีห้าร้อยหลาทันที
สกิลมรดกขั้นสี่ โดเมนดาบ !!
ทันใดนั้นดาบเวทย์มนต์ก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าของแซนด์สตอร์ม ซึ่งอยู่ห่างจากซือเฟิงไปเพียงครึ่งหลา ก่อนที่ดาบเวทย์มนต์นี้จะพุ่งเข้าโจมตีแซนด์สตอร์มอย่างบ้าคลั่ง
ซึ่งเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีจากดาบเวทย์มนต์นี้ เกล็ดมังกรที่แข็งแกร่งก็ไม่ได้ต่างจากแผ่นกระดาษที่บอบบางเลย “คุณ …”
เมื่อเห็นว่าแขนของเขาถูกตัดไปแล้ว แซนด์สตอร์มก็รีบเปิดใช้งานสกิลป้องกันขั้นสาม เพื่อเพิ่มพลังป้องกันของตัวเอง และเพิ่ม HP สูงสุดของตัวเองเป็นสองเท่า
อย่างไรก็ตามหลังจากแซนด์สตอร์มเปิดใช้งานสกิลป้องกันของเขาได้ไม่นาน ดาบเวทย์มนต์อีกเจ็ดเล่มก็ปรากฎขึ้นกลางอากาศ จากนั้นมันก็กลายเป็นริ้วแสงและพุ่งเข้าตัดแขนขาของเขาที่เหลือทันที ….
และหลังจากถูกตัดแขนขาไปเรียบร้อยแล้ว ซือเฟิงก็ได้ใช้ดาบเวทย์มนต์ระดมโจมตีเข้าใส่แซนด์สตอร์มอย่างต่อเนื่องจน HP ของเขาหมดลง แถมดาบเวทย์มนต์ของเขายังเผาร่างของแซนด์สตอร์มจนกลายเป็นขี้เถ้าทันที
กระบวนการทั้งหมดนี้อาจดูยาวนาน แต่ความจริงซือเฟิงใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น
“เป็นไปได้ยังไงกัน ?!”
ผู้ชมที่เฝ้าดูอยู่ต่างอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงเมื่อได้เห็นฉากนี้ และตอนนี้จิตใจของพวกเขาก็แข็งค้างไปชั่วขณะ
แซนด์สตอร์มนั้นเป็นผู้เล่นครึ่งมังกรที่มีพลังเทียบเท่ากับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายขั้นสี่ สายพันธุ์โบราณ และก่อนหน้านี้เขาก็ยังคงสามารถจะรับมือกับการโจมตีของซือเฟิงได้หลายครั้ง แต่ตอนนี้ซือเฟิงกับโจมตีและฆ่าเขาลงไปในเวลาอันรวดเร็ว โดยไม่ได้ให้โอกาสเขาได้ตอบโต้เลย
ตอนที่ 2729 ซือเฟิงและโอดิน
“ฆ่าได้อย่างรวดเร็วขนาดนั้นเลยงั้นหรอ ?!”
“นี่ช่องว่างระหว่างขั้นสามและขั้นสี่มันยิ่งใหญ่ขนาดนี้เลยงั้นหรอ ?!”
เมื่อมหาอำนาจต่างๆที่เฝ้าดูอยู่ในห้อง VIP เห็นซือเฟิงฆ่าแซนด์สตอร์ม พวกเขาก็อ้าปากค้างอย่างไม่ตั้งใจ
แม้ว่าพวกเขาจะรู้มานานแล้วว่าขั้นสี่ คือหลักสำคัญที่สุดในการแยกผู้แข็งแกร่งจากผู้อ่อนแอใน God domain แต่พวกเขาก็ไม่เคยคาดคิดเลยว่าช่องว่างระหว่างขั้นสามกับขั้นสี่จะยิ่งใหญ่มากขนาดนี้ เมื่อครู่ที่ผ่านมาลีน่า และผู้เล่นครึ่งมังกรอีกหกคนยังสามารถต่อสู้กับซือเฟิงได้อย่างสูสีอยู่เลย แม้ว่าจะเป็นการรุมแบบเจ็ดต่อหนึ่งก็ตาม ….
อย่างไรก็ตามทันทีที่ซือเฟิงเริ่มจะใช้ทุกอย่างที่เขามี ….
“ไอ้เวรนั่น !! เขาเล่นกับเรามาตลอดเลยสินะ !!!” ชายร่างสูงที่เป็นหนึ่งในผู้เล่นครึ่งมังกรอดไม่ได้จะสาปแช่งออกมา ขณะที่เขาจ้องมองไปยังซือเฟิงด้วยความโกรธและหงุดหงิด
“ไม่ มันอาจจะไม่ใช่แบบนั้น ….” ลีน่ากล่าวพลางส่ายหัว
“คุณหมายถึงอะไร ? เขาไม่ได้เล่นกับเรางั้นหรอ ?” ชายร่างสูงถามอย่างประหลาดใจ “นี่มันเป็นเพียงการคาดเดาของฉัน แต่ …” เมื่อมองไปที่ซือเฟิง ลีน่าก็พูดต่อเบาๆว่า “เขาอาจจะเก็บทุกอย่างที่เขามีไว้รอคอยการมาถึงของท่านโอดินตั้งแต่เริ่มการต่อสู้แล้ว”
“เขาระวังตัวเรื่องท่านโอดินขนาดนั้นเลยงั้นหรอ ?” ผู้เล่นครึ่งมังกรคนอื่นๆ เริ่มตระหนักได้ถึงหลายสิ่งทันที เมื่อพวกเขาได้ยินการคาดเดาของลีน่า
โอดินนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าถึงได้ยากมากๆ แม้แต่ในหมู่สมาชิกของไมโทโลจี้ก็ตาม และถ้าเขาไม่คิดริเริ่มที่จะปรากฎตัวออกมาเอง มันก็จะไม่มีใครสังเกตเห็นตัวตนของเขาแน่นอน แต่หลังจากที่ซือเฟิงทำการเปิดเผยตัวตนของโอดินออกมา เขาจึงยอมจะปรากฎตัวออกมา
ชายร่างสูงและคนอื่นๆตัวสั่น ถ้าสิ่งที่ลีน่าพูดเป็นความจริง ซือเฟิงก็น่ากลัวกว่าที่พวกเขาคิดมาก
ในขณะเดียวกันหลังจากฆ่าแซนด์สตอร์มไปแล้ว ซือเฟิงก็หันไปมองโอดินที่อยู่ไกลออกไป
ตั้งแต่ช่วงเวลาที่เขามาถึงพื้นที่ทรัพยากรขั้นสูง เขาก็รู้สึกได้ถึงเจตนาฆ่าฟันอันคลุมเครือที่พุ่งมาทางเขา ถ้าไม่ใช่เพราะเขามาถึงขั้นสี่ และได้การปรับปรุงในด้านร่างกายกับค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจอย่างมากแล้ว เขาก็คงจะไม่สังเกตเห็นเจตนาฆ่าฟันนี้เลย
เนื่องจากเผชิญหน้ากับภัยคุกคามแบบนี้ เขาจึงยังปกปิดความแข็งแกร่งส่วนหนึ่งของตัวเองเอาไว้ และแม้ว่าจะปะทะกับกลุ่มของลีน่า แต่เขาก็ยังคงไม่คิดจะใช้พลังทั้งหมดของตัวเอง เพราะเขาเลือกจะเก็บบางส่วนไว้ตอบโต้เมื่อเจ้าของเจตนาฆ่าฟันนี้ลงมือ
อย่างไรก็ตามในขณะที่แซนด์สตอร์มเริ่มบ้าคลั่งและโจมตีเข้าใส่ซือเฟิง โอดินก็ได้แผ่เจตนาฆ่าฟันที่เข้มข้นและพุ่งเป้ามายังเขาโดยตรงทันที
ความจริงแล้วแม้แต่ซือเฟิงก็ยังต้องระวังโอดิน ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขาทุกคนล้วนเคยได้ยินชื่อของโอดิน โอดินไม่เพียงแต่จะเป็นตัวตนที่เกือบเป็นอมตะ แม้แต่ในหมู่ผู้เล่นขั้นหก ขอบเขตพระเจ้า แต่การต่อสู้กับศัตรูที่มีขั้นสูงกว่าก็เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขาเช่นกัน
ในชีวิตที่ผ่านมาของเขาโอดินเคยต่อสู้กับ NPC ขั้นห้า ในตอนที่เขายังอยู่ในขั้นสี่ และในท้ายที่สุดการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายก็จบลงด้วยผลเสมอกัน โดยที่บริเวณเมืองที่พวกเขาต่อสู้กันถูกทำลายไปมากกว่าครึ่ง
และช่องว่างระหว่างขั้นสี่กับขั้นห้ามันก็ใหญ่กว่าช่องว่างระหว่างขั้นสามกับขั้นสี่มาก ดังนั้นซือเฟิงจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเก็บโดเมนดาบไว้ก่อน เพื่อรอการมาถึงของตัวตนที่ควรระวังแบบนี้
เหตุผลที่ผู้เล่นขั้นสี่ได้รับการยอมรับว่าเป็นตัวตนที่ทรงพลังที่แท้จริงใน God domain นั้น มันไม่ใช่แค่เรื่องร่างกายและการควบคุมมานาที่น่ากลัวเท่านั้น แต่มันยังเกิดจากสกิลและเวทย์ขั้นสี่ที่พวกเขาใช้ด้วย
ใน God domain มันมีความแตกต่างเชิงคุณภาพอย่างมากระหว่างสกิลและเวทย์ขั้นสาม กับสกิลและเวทย์ขั้นสี่ ซึ่งนี่เป็นเพราะสกิลและเวทย์ขั้นสี่อาศัยมานาในธรรมชาติเพื่อเปิดใช้งาน และในการเปรียบกันสกิลและเวทย์ขั้นสามนั้นอาศัยมานาจากผู้เล่นในการเปิดใช้งาน เนื่องจากความแตกต่างนี้ระดับพลังของสกิลและเวทย์ทั้งสองขั้นจึงแตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง
ด้วยความช่วยเหลือของสกิลและเวทย์ขั้นสี่ มันจึงทำให้ซือเฟิงกล้าที่จะต่อสู้กับมังกรเด็กขั้นสามที่แท้จริง ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการฆ่าผู้เล่นครึ่งมังกรอย่างแซนด์
สตอร์มเลย
อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจกับเหตุการณ์ล่าสุด โอดินไม่ได้คิดจะลงมือจริงๆ เขาใช้เพียงเจตนาฆ่าฟันที่เข้มข้นหลอกซือเฟิงให้คิดว่าเขาต้องการจะลงมือเท่านั้น
“พวกเด็กๆในปัจจุบันนั้นมีการพัฒนาที่ดีขึ้นเรื่อยๆจริงๆ ….” รอยยิ้มปรากฎขึ้นบนใบหน้าของโอดิน จากนั้นชายคนนี้ก็มองไปยัง Prosciutto และพูดว่า “ถอยกันได้แล้ว !!!”
“ครับท่าน !!!”
คราวนี้ Prosciutto ไม่ลังเลอีกต่อไป แต่อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะถอยนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะหันหลังกลับไปมองซือเฟิงเช่นกัน แม้ว่าเขาจะไม่พูดอะไร แต่ความตั้งใจที่ดวงตาของเขาถ่ายทอดออกมานั้นมันก็ชัดเจน
เราจะได้พบกันอีก !!!
หลังจากนั้น Prosciutto และสมาชิกทีมที่เหลือของไมโทโลจี้ก็ได้ถอยออกจากพื้นที่ทรัพยากรขั้นสูงแห่งนี้ พวกเขาเลือกจะยอมแพ้ในพื้นที่ทรัพยากรขั้นสูงอย่างเด็ดขาด และออกเดินทางไปยังพื้นที่ทรัพยากรแห่งอื่นร่วมกับโอดินทันที
“พวกเขาจากไปแล้วใช่ไหม ?”
“พวกเขาจากไปทั้งๆอย่างนั้นเลยงั้นหรอ ?”
“โอดินจากไปโดยไม่ได้ดำเนินการอะไร ….”
ผู้ชมต่างตกตะลึงกับสถานการณ์นี้ การต่อสู้ที่ท้าทายสวรรค์ในตอนแรกกับมาจบลงในลักษณะแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นสมาชิกของไมโทโลจี้ยังได้เลือกจะยอมแพ้ในการต่อสู้อย่างเด็ดขาด สิ่งนี้มันแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงกับวิธีการที่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดใช้ดำเนินการตามปกติ
ในขณะนี้แม้แต่มู่ฉินก็ยังรู้สึกตกตะลึงกับสถานการณ์นี้
“นี่คือ … ชัยชนะของเรางั้นหรอ ?” มู่ฉินอดไม่ได้ที่จะถามซือเฟิง
ชื่อของโอดินนั้นมันมีหมายความเหมือนกับการทำลายล้างสำหรับมหาอำนาจต่างๆ ตอนนี้เมื่อไมโทโลจี้ได้ระดมพลแม้กระทั่งโอดินมา ดังนั้นเธอจึงพบว่ามันยากที่จะเชื่อมากๆที่ไมโทโลจี้จะยอมแพ้แค่เพราะผู้เล่นขั้นสี่เพียงคนเดียว
เพราะท้ายที่สุดแล้วในขณะที่ตัวตนขั้นสี่อาจถือว่าเป็นตัวตนที่เป็นอมตะสำหรับมหาอำนาจต่างๆ แต่นั่นอาจไม่ได้หมายถึงกับห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดด้วย ….
“ฉันคิดว่าอย่างนั้น ….” ซือเฟิงพยักหน้าขณะมองไปที่ร่างที่จากไปของโอดิน
ความเด็ดขาดในการตัดสินใจของโอดินนั้นทำให้ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะระมัดระวังตัวมากขึ้น
ในตอนแรกซือเฟิงได้เตรียมจะต่อสู้ครั้งใหญ่กับโอดินแล้ว และเขาก็ได้ตัดสินใจที่จะใช้ไพ่ที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาซ่อนมันไว้ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตามตอนนี้เขารู้สึกราวกับว่าเขาพึ่งชกเข้ากับอากาศที่ว่างเปล่า
“เราสามารถควบคุมพื้นที่ทรัพยากรแห่งนี้ได้แล้วใช่ไหม ?” มู่ฉินถามเชิงขอคำยืนยันจากซือเฟิง
“ใช่แล้ว …” ซือเฟิงตอบอย่างเด็ดขาด “เราพยายามอย่างมากก็เพื่อสิ่งนี้นี่นา ….”
“โอเค ฉันจะให้ทุกคนเริ่มตั้งค่าการควบคุมทันที” เมื่อได้ยินคำตอบของซือเฟิง มู่ฉินก็ได้ให้ลูกน้องของเธอไปประจำการที่พื้นที่รอบๆ และเริ่มตั้งค่าเพื่อป้องกันการขโมยของคนอื่นทันที
หลังจากถอยออกมาจากพื้นที่ทรัพยากรขั้นสูงที่เขาดูแล้ว Prosciutto ก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังโอดินด้วยความสับสน
“ท่านโอดิน เนื่องจากเรายอมมอบพื้นที่ทรัพยากรขั้นสูงของเราให้แก่แบล๊คเฟรมอย่างง่ายๆในครั้งนี้ ฉันก็กลัวว่าอีกสี่กิลจะหัวเราะเยาะเรานะ และมหาอำนาจอื่นๆก็อาจจะเริ่มไม่ให้ความสำคัญกับเราด้วย เราจะไม่ทำอะไรเลยจริงๆงั้นหรอ ?” Prosciutto ถาม
ในความเห็นของ Prosciutto แม้ว่าซือเฟิงจะเป็นผู้เล่นขั้นสี่ แต่ทีมของพวกเขาก็น่าจะยังมีโอกาสต่อกรกับซือเฟิงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขามีโอดินอยู่ด้วย และมันก็อาจจะไม่ใช่เรื่องน่าแปลกเลย หากพวกเขาสามารถจะล้มซือเฟิงลงได้
กระนั้นโอดินกับเลือกจะยอมมอบพื้นที่ทรัพยากรขั้นสูงของพวกเขาให้แก่แบล๊คเฟรม โดยไม่มีการต่อสู้ใดๆ ….
“ตอนนี้มันยังไม่ใช่เวลาที่จะต้องต่อสู้ ….” โอดินตอบพลางส่ายหัว “ยิ่งไปกว่านั้นเรายังรู้น้อยเกินไปเกี่ยวกับกิลที่มีชื่อว่าสภาสิบแปดปีก”
“มันยังไม่ใช่เวลาที่จะต่อสู้ ?” Prosciutto ยิ่งสับสนกับคำพูดของโอดิน “ทำไมกัน ?”
ด้วยความแข็งแกร่งของไมโทโลจี้ พวกเขาไม่กลัวแม้แต่จะต้องต่อสู้กับอีกสี่ซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงสภาสิบแปดปีกเลย ในความเป็นจริง เขามั่นใจว่าไมโทโลจี้จะสามารถมีชัยชนะเหนือซุเปอร์กิลอีกสี่กิลได้แน่นอน
แต่ตอนนี้พวกเขากำลังถอยหนีเพราะสภาสิบแปดปีก หากข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ไมโทโลจี้จะกลายเป็นที่หัวเราะในหมู่มหาอำนาจต่างๆแน่นอน
“ลองดูพวกนี้สิ …” โอดินไม่ได้โกรธต่อความสงสัยของ Prosciutto ตรงกันข้าม เขากับส่งวีดีโอจำนวนหนึ่งไปให้ Prosciutto แทน ก่อนที่จะพูดว่า “คุณจะเข้าใจทุกอย่าง เมื่อดูพวกมันจนจบ”
“เป็นไปได้ยังไงกัน ?”
Prosciutto ตกตะลึง เมื่อได้ดูวีดีโอที่โอดินส่งให้เขา
นี่เป็นเพราะวีดีโอทุกวีดีโอเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการต่อสู้ในพื้นที่ทรัพยากรต่างๆของไมโทโลจี้ ยิ่งไปกว่านั้นการต่อสู้เหล่านี้ยังมีจุดร่วมกัน คือ ผู้เชี่ยวชาญของสภาสิบแปดปีกได้เข้ามามีส่วนร่วมในทุกการต่อสู้
“พวกเขาทั้งหมด …. พ่ายแพ้ ?!!”
ตอนที่ 2730 สภาสิบแปดปีกที่ไม่อาจหยั่งถึงได้
ขณะที่ Prosciutto ได้ดูวีดีโอที่โอดินส่งมาให้เขา อัตราการเต้นของหัวใจของเขาก็เริ่มผิดจังหวะ และแม้แต่ใบหน้าของเขามันก็ยังดูมืดมนลงเล็กน้อย
“รองผู้บัญชาการ ?” ลีน่าถามด้วยความงงงวยเล็กน้อย เมื่อเห็นปฎิกิริยาของ Prosciutto
อย่างไรก็ตาม Prosciutto ไม่ได้ตอบสนองต่อคำถามของลีน่า แต่ทันใดนั้นสายตาของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวอย่างสุดจะพรรณนา
“เป็นไปไม่ได้ !!! ผู้บัญชาการล้มเหลวในการกำจัดผู้หญิงคนนั้นจริงๆงั้นหรอ ?!” อารมณ์ของ Prosciutto แปรเปลี่ยนเป็นผันผวนอย่างรุนแรง หลังจากได้ดูหนึ่งในวีดีโอที่โอดินส่งมาให้
“รองผู้บัญชาการ มันเกิดอะไรขึ้น ?”
“มีอะไรเกิดขึ้นทางฝั่งของผู้บัญชาการงั้นหรอ ?”
“มันจะมีอะไรเกิดขึ้นได้ยังไง ?! แม้แต่กิลอื่นๆอีกสี่กิลก็ไม่กล้าจะต่อสู้กับผู้บัญชาการเลย เว้นแต่ว่าพวกเขาจะเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่ !!”
ท่าทีและคำพูดแปลกๆของ Prosciutto ทำให้ลีน่าและคนอื่นๆประหลาดใจกับงงงวยมากๆ พวกเขาไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าอะไรไปกระตุ้นทำให้รองผู้บัญชาการของพวกเขาอารมณ์แปรปรวนขนาดนี้
หลังจากเห็นปฎิกิริยาของ Prosciutto แล้ว โอดินก็ยิ้มและพูดว่า “ตอนนี้คุณรู้แล้วใช่ไหม ?”
“ต้องยอมรับเลยว่ายุคใหม่ได้มาถึงอย่างแท้จริงแล้ว เมื่อฉันมองไปยังพวกเด็กๆแบบคุณนี่ มันทำให้ฉันอดไม่ได้จริงๆที่จะคิดว่าตัวเองแก่มากแล้ว”
คำพูดของโอดินทำให้ลีน่าและคนอื่นๆสับสนมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามราวกับว่าถูกกระตุ้นโดยคำพูดเหล่านี้ ความรู้สึกตื่นเต้นก็ปรากฎขึ้นในดวงตาของ Prosciutto
“ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณสำหรับคำสอนครับท่าน และฉันก็จะถือว่านี่เป็นคำเตือนด้วย” Prosciutto กล่าวด้วยความจริงใจ
“ดี !! ค่อยสมกับเป็นหนึ่งในคนที่ฉันคาดหวังไว้หน่อย !!!” โอดินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ไมโทโลจี้จะต้องพึ่งพากลุ่มของคุณอย่างมากในอนาคต”
“ท่านโอดิน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?” ลีน่าถามโอดินอย่างประหม่า
เธอรู้ดีว่าด้วยสถานะของเธอนั้น เธอไม่ควรจะสามารถตั้งคำถามกับโอดินได้เลย อย่างไรก็ตามหลังจากได้เห็นปฎิกิริยาของ Prosciutto เธอก็ไม่สามารถจะทนเก็บความอยากรู้อยากเห็นของเธอเอาไว้ได้
“ก็ไม่มีอะไรมาก แค่เรายังมีพื้นที่ทรัพยากรอื่นๆอีกสี่แห่งที่ถูกแย่งชิงไป” โอดินกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ
“เรายังมีพื้นที่ทรัพยากรอื่นๆอีกสี่แห่งที่ถูกแย่งชิงไป ? เป็นไปได้อย่างไร ?” ลีน่าอ้าปากค้างด้วยความตกตกตะลึงอย่างมาก เมื่อได้รู้ข่าวนี้ …. “ใครที่กล้าทำแบบนี้กับเรา ? ซุเปอร์กิลอีกสี่กิลงั้นหรอ ?”
นอกจากลีน่าแล้ว บรรดาผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดของไมโทโลจี้ที่ยืนอยู่ใกล้กับเธอก็ตกตะลึงกับคำพูดของโอดินเช่นกัน ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
การจะแย่งชิงพื้นที่ทรัพยากรสักแห่งไปจากพวกเขานั้นมันก็จัดว่าทำได้ยากอย่างไม่น่าเชื่อแล้ว แต่ตอนนี้พวกเขากับได้ยินข่าวว่ามีพื้นที่ทรัพยากรอีกสี่แห่งที่ถูกแย่งชิงไป สิ่งนี้มันฟังดูเหมือนกับนิยายมากกว่าความจริง
“พวกคุณก็ดูด้วยสิ ….”
เมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของทุกคนจ้องมองมายังเขา โอดินก็หัวเราะเบาๆ ก่อนที่จะเริ่มส่งข้อมูลไปให้คนอื่นๆด้วยเช่นกัน ซึ่งวีดีโอที่โอดินส่งไปให้นั้นมันก็มีสี่วีดีโอ โดยมันคือรายละเอียดของการต่อสู้ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ทรัพยากรอีกสี่แห่ง ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งเหล่านี้ก็เกิดขึ้นในระหว่างที่ทีมของพวกเขากำลังต่อสู้กับแบล๊คเฟรม
ในวีดีโอแรก บุคคลที่นำทีมเข้าโจมตีพื้นที่ทรัพยากรของพวกเขา คือ เสวี่ยเหวินโหรว ผู้หญิงที่มหาอำนาจต่างๆล้วนหวาดกลัวอยู่ในขณะนี้ และตอนนี้เธอก็ได้ฆ่าสมาชิกของไมโทโลจี้ไปมากกว่าสองร้อยคนด้วยการโจมตีเพียงสามครั้ง โดยในหมู่คนเหล่านี้มันมีผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดอยู่มากกว่ายี่สิบคนที่ไม่สามารถจะตอบโต้เธอได้เลย พวกเขาทั้งหมดตายลงในพายุสปาร์เชี่ยลที่เธอสร้างขึ้น
นอกเหนือจากผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดพวกนี้แล้ว มันยังมีผู้อาวุโสขอบเขตโดเมนอีกสามคนที่ทำหน้าที่ปกป้องพื้นที่ทรัพยากรแห่งนี้ และหนึ่งในสามคนนั้นก็ได้ไปถึงระดับสูงสุดของขอบเขตโดเมนแล้ว ถึงกระนั้นแม้ว่าพวกเขาจะเปิดใช้งานสายเลือดครึ่งมังกรของพวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจะเคลื่อนไหวต่อต้านเสวี่ยเหวินโหรวได้เกินสิบการเคลื่อนไหวเลย !!!”
สิบการเคลื่อนไหว !!!
ต่อหน้าการโจมตีของเสวี่ยเหวินโหรว การโจมตีที่รุนแรงและน่ากลัวของผู้อาวุโสทั้งสามนั้นไม่ได้ต่างไปจากเรื่องตลกเลย ผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงแต่จะรับมือกับการโจมตีของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย แต่เธอยังสามารถเบี่ยงเบนมันกลับมาหาพวกเขาได้ด้วย เธอได้เบี่ยงเบนการโจมตีที่ใช้สกิลหลอมรวมของผู้อาวุโสทั้งสามให้พุ่งกลับมาจัดการกับพวกเขาเอง และในการต่อสู้ครั้งนี้ ไมโทโลจี้ สูญเสียผู้เชี่ยวชาญไปมากกว่าสี่ร้อยคน หากไม่ใช่เพราะเสวี่ยเหวินโหรวเลือกจะไม่ไล่ล่าพวกเขาต่อ พวกเขาก็คงจะมียอดสูญเสียมากกว่านี้
ในวีดีโอที่สอง บุคคลที่เป็นผู้นำการโจมตีพื้นที่ทรัพยากรของพวกเขาคือ ไฟเออร์แดนซ์ แม้ว่าไฟเออร์แดนซ์จะไม่ได้มีเทคนิคที่น่ากลัวจนจัดว่าอยู่ในระดับสัตว์ประหลาดแบบเสวี่ยเหวินโหรว แต่ค่าสถานะของเธอก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกขั้นสี่เลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้ความเร็วของเธอยังเร็วจนน่ากลัวมากๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ มันไม่มีผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดคนใดที่สามารถจะแตะต้องตัวเธอได้ ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดเหล่านี้ทำได้แค่มองดูไฟเออร์แดนซ์พุ่งตัดผ่านพวกเขาไป โดยที่เธอโจมตีโดนจุดสำคัญของพวกเขาทุกจุดเท่านั้น และในท้ายที่สุดผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ก็ตายลงทั้งหมด ….
ขณะเดียวกันในบรรดาทีมป้องกันของพื้นที่ทรัพยากรแห่งที่สอง มันมีเพียงแต่ไลท์นิ่งแฮมเมอร์ รองผู้บัญชาการ ฮาวเวิร์ดวอร์ซ ซึ่งเป็นแกนหลักของทีมเท่านั้นที่สามารถจะติดตามความเร็วของไฟเออร์แดนซ์ได้ทัน ในความเป็นจริงต้องบอกว่าพวกเขาทั้งสองค่อนข้างจะก้ำกึ่งกันด้วยซ้ำ มันไม่ได้มีใครที่เร็วไปกว่ากัน อย่างไรก็ตามด้วยความที่ทีมของสภาสิบแปดปีกมี Alluring Summer ที่สามารถใช้เวทย์ขั้นสามได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ มันจึงทำให้ฮาวเวิร์ดวอร์ซไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องป้องกันตัวเองเท่านั้น ไม่งั้นเขาจะถูกลบหายไปด้วยเวทย์ของ Alluring Summer พร้อมกับพื้นที่ทรัพยากรแน่นอน
และในช่วงเวลาสั้นๆ ฮาวเวิร์ดวอซ ก็ได้เปิดเผยช่องว่างในการป้องกันของเขาออกมา ซึ่งมันทำให้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆนี้ได้ฉวยโอกาสโจมตีเขาอย่างรุนแรงจนแขนเขาหักไปหนึ่งข้าง ดังนั้นพลังต่อสู้ของฮาวเวิร์ดวอซจึงได้ลดลงไปมาก ต่อจากนั้นจ้าวเยว่รู่ก็ได้ใช้คำสาปขั้นสาม สามสกิลโจมตีเข้าใส่ฮาวเวิร์ดวอซและฆ่าเขาไป และด้วยการตายของฮาวเวิร์ดวอซ ทีมของสภาสิบแปดปีกและฟรอสต์ฮีฟเว่นที่แต่เดิมเสียเปรียบก็กลับมาอยู่ในตำแหน่งที่เหนือกว่าทันที ก่อนที่พวกเขาจะเข้ายึดพื้นที่ทรัพยากรนี้ไปได้
ในขณะเดียวกัน ในการต่อสู้เพื่อแย่งชิงพื้นที่ทรัพยากรแห่งที่สามนั้นน่าตกตะลึงยิ่งกว่า และลีน่ากับคนอื่นๆก็แทบจะรู้สึกว่าพวกเขาบ้าไปแล้ว เมื่อพวกเขาได้ดูการต่อสู้แย่งชิงพื้นที่ทรัพยากรแห่งที่สาม
เพราะท้ายที่สุดผู้ที่ทำหน้าที่ปกป้องพื้นที่ทรัพยากรแห่งที่สามนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหอกศักสิทธิ์ เดมอนเร็ค ผู้บัญชาการหนึ่งในกองกำลังหลักของไมโทโลจี้ และเป็นหนึ่งในตัวตนระดับตำนานของกิลที่ Prosciutto รองผู้บัญชาการของพวกเขาไม่เคยจะเอาชนะได้เลย
กระนั้นในวีดีโอที่สามนี้มันกับมีเด็กสาวคนหนึ่งที่สามารถต่อสู้กับเขาได้อย่างเท่าเทียม
แม้ว่าค่าสถานะพื้นฐานของเด็กสาวคนนี้จะอยู่ใกล้เคียงกับขั้นสี่ แต่การควบคุมมานาของเธอมันก็จัดว่าน่ากลัวมากๆ เธอสามารถควบคุมใบดาบเวทย์มนต์มากกว่าสามร้อยเล่มได้อย่างอิสระ และสามารถป้องกันไม่ให้เดมอนเร็คเข้าใกล้ตำแหน่งที่ได้เปรียบเธอได้ ในความเป็นจริงเด็กสาวผู้นี้ได้ฆ่าผู้เชี่ยวชาญจากไมโทโลจี้ไปหลายคนด้วยในระหว่างการปะทะกันกับเดมอนเร็ค
หลังจากผ่านไปไม่นาน เดมอนเร็คนั้นก็เต็มไปด้วยความโกรธมากขึ้น และเขาก็ใช้วงเวทย์การต่อสู้ที่เขาเก็บสำรองไว้เพื่อพยายามจะฆ่าไวโอเล็ตคลาวด์ทันที อย่างไรก็ตามก่อนที่การโจมตีของเขาจะโดนเข้ากับไวโอเล็ตคลาวด์ มันก็มีชายร่างสูงที่ถือโล่ขนาดใหญ่โผล่มาป้องกันมันเอาไว้
ต่อจากนั้นการต่อสู้ก็ยังคงดำเนินต่อไปอีกระยะหนึ่ง และด้วยการเคลื่อนไหวที่ว่องไวของเธอ มันก็ทำให้ไวโอเล็ตคลาวด์สามารถหลบอยู่หลังการป้องกันของโคล่าได้สบายๆ โดยที่เดมอนเร็คไม่สามารถจะเข้าถึงตัวเธอได้เลย และแม้ว่าโคล่าจะรับภาระค่อนข้างหนักในการรับการโจมตีของเดมอนเร็ค แต่ไวโอเล็ตคลาวด์ก็สามารถจะใช้สกิลฮีลของเธอช่วยให้ HP ของเขากลับมาเต็มได้ทันที และการประสานงานกันของพวกเขาทำให้พวกเขากลายเป็นซอมบี้ที่ไม่มีวันตายเลย โดยพวกเขาก็สามารถจะต่อสู้ต่อไปได้เรื่อยๆจนกว่าผลของวงเวทย์การต่อสู้ของเดมอนเร็คจะหมดลง
แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะได้รับความสูญเสียอย่างหนักพอๆกัน แต่หลังจากากรต่อสู้อันยาวนาน เนื่องจากเดมอนเร็คไม่ได้รับการสนับสนุนจากทีมของเขาอีกต่อไป เขาจึงไม่สามารถจะทำอะไรกับไวโอเล็ตคลาวด์ได้เลย และเพื่อให้เรื่องแย่ลง ยิ่งความแตกต่างในด้านจำนวนระหว่างทีมของพวกเขาลดลงมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเสียเปรียบมากขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งนี่มันทำให้เดมอนเร็คต้องตัดสินใจที่จะถอยออกไปเพื่อสงวนความแข็งแกร่งของทีมของเขาไว้ให้มากที่สุด และป้องกันไม่ให้กิลอื่นๆใช้ประโยชน์จากจุดนี้
แม้ว่าผลลัพธ์ที่ออกมาแบบนี้จะถือว่าเสมอกันในแง่ของการต่อสู้ แต่พูดกันตรงๆเมื่อพูดถึงผลลัพธ์โดยรวมมันก็นับเป็นความพ่ายแพ้ของไมโทโลจี้ในระดับหนึ่งเลย
“เราสูญเสียพื้นที่ทรัพยากรไปสามแห่งสินะ ?” ลีน่ากล่าว หลังจากที่เธอสงบลงแล้ว เธอก็บ่นเชิงสงสัยว่า “ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะปล่อยให้สภาสิบแปดปีกหลุดไปจากเบ็ดนี่นา !!!”
แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะแสดงพลังการต่อสู้ที่น่าอัศจรรย์ออกมา แต่ไมโทโลจี้ก็น่าจะยึดคืนพื้นที่ทรัพยากรที่ถูกชิงไปอย่างง่ายดาย หลังจากที่พวกเขาปรับกำลังใหม่ และในตอนนี้เมื่อพวกเขารู้ว่าสภาสิบแปดปีกมีความสามารถอะไร มันก็น่าจะง่ายสำหรับพวกเขามากๆที่จะตอบโต้และจัดการกับสภาสิบแปดปีก
“มันเป็นไปไม่ได้หรอก คุณจะเข้าใจทุกอย่างก็ต่อเมื่อได้ดูวีดีโอที่สี่” Prosciutto กล่าว
“วีดีโอที่สี่ ?” ลีน่ารู้สึกงงงวย
วีดีโอที่สี่นี้มันมีอะไรกันถึงทำให้รองผู้บัญชาการ และโอดินคิดว่าพวกเขาจะไม่สามารถจัดการกับสภาสิบแปดปีกได้ ?
แม้ว่าแบล๊คเฟรมจะเป็นจักรพรรดิดาบขั้นสี่ แต่ไมโทโลจี้ก็ยังมีหนทางที่จะจัดการกับเขาได้ และแม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะมีผู้เล่นที่ทรงพลังแบบนี้เพิ่มมาอีกสักคน กิลก็น่าจะยังไม่สามารถเทียบกับไมโทโลจี้ได้
อย่างไรก็ตามลีน่าก็ยังคงฟัง Prosciutto และเริ่มดูวีดีโอที่สี่ทันที
“มันเกิดอะไรขึ้นกัน ? ทำไมที่นี่ไม่มีอะไรเลย ?” ลีน่าถาม เมื่อเธอเห็นเพียงแต่ความว่างเปล่าในวีดีโอ
“ถูกต้องไม่มีอะไรเลย” Prosciutto พยักหน้า ก่อนที่เขาจะกล่าวเสริมอย่างช้าๆว่า “เพราะที่นั่นมันถูกทำลายล้างลงไปอย่างราบคาบเลย”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น