Reincarnation Of The Strongest Sword God 2915-2916

 ตอนที่ 2915 สถานการณ์ที่แปรเปลี่ยนไปแบบไม่มีใครคาดคิด


จักรวรรดิรัตติกาล เมืองเธ้าซั่นไนท์ :


แม้ว่าตอนนี้ท้องฟ้าจะยังสว่างอยู่ แต่อีกไม่กี่ชั่วโมงนั้นท้องฟ้าที่มืดมิด และเวลากลางคืนก็กำลังจะมาเยือนแล้ว อย่างไรก็ตาม ณ ตอนนี้นั้นทั่วทั้งเมืองยังคงเต็มไปด้วยผู้เล่น และมากกว่าเจ็ดสิบเปอเซ็นต์ของผู้เล่นเหล่านี้ก็ล้วนมีเลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบหรือสูงกว่า และเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสามกันทั้งหมด โดยที่ใบหน้าของผู้เล่นเหล่านี้ทุกคนนั้นก็ล้วนเต็มไปด้วยความจริงจัง และตึงเครียดมากๆ


เนื่องจากตอนนี้กองทัพ NPC จากโลกอื่นนั้นกำลังเริ่มเคลื่อนเข้าประชิดชาย

แดนทั้งหมดของจักรวรรดิรัตติกาลแล้ว ซึ่งมันก็ทำให้ทางจักรวรรดิ และกิลต่างๆในจักรวรรดินั้นต้องจัดกองทัพกระจายตัวกันออกไปรับมือเป็นแนวยาว โดยแค่ที่เมืองเธ้าซั่นไนท์ที่เป็นเมืองชายแดนที่ใหญ่ที่สุดทางภาตใต้ของจักรวรรดิรัตติกาลนั้น มันก็มีผู้เล่นที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสามถูกส่งเข้ามาประจำการมากกว่าแปดล้านคนแล้ว ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ที่เข้ามาที่นี่ก็มีมากกว่าสองร้อยคน ซึ่งนี่มันก็ทำให้หลายคนสามารถจะมองเห็นถึงความรุนแรงของสถานการณ์ได้อย่างชัดเจนเลย


สถานที่พักกิลสตาร์ลิ้ง ออฟฟิศหัวหน้ากิล :


“ชนะ ?”


เมื่อลู่เทียนตี้ได้รับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับอาณาจักรทวินทาวเวอร์นั้นเขาก็เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่ออย่างถึงที่สุด ….


ลู่เทียนตี้นั้นเฝ้ารอให้กองทัพ NPC จากโลกอื่นเข้ารุกรานอาณาจักรทวินทาวเวอร์ และอาณาจักรสตาร์มูนมาตลอด เพราะเขาต้องการจะให้สองประเทศนี้ซึ่งเป็นฐานหลักของสภาสิบแปดปีกนั้นถูกทำลาย แล้วตัวเขาก็จะค่อยเข้าไปหาผลประโยชน์จากสภาสิบแปดปีกในภายหลัง


แถมกองทัพ NPC ของทั้งสองอาณาจักรนี้นั้นก็ยังแทบจะไม่มีพวกขั้นห้าอยู่เลย ขณะที่กองทัพ NPC จากโลกอื่นนั้นประกอบไปด้วย NPC ขั้นห้าจำนวนมาก


ด้วยปัจจัยทั้งหมดนี้เองมันทำให้เขาคิดว่าซือเฟิงนั้นคงจะฝันมากไปหน่อย หากคิดว่าตัวเองจะสามารถป้องกันป้อมปราการ และเมืองในอาณาจักรทวินทาวเวอร์ซึ่งตอนนี้ถูกรุกรานอยู่ไว้ได้โดยปราศจากความช่วยเหลือจากภายนอก เพราะท้ายที่สุดแล้ว

กองทัพ NPC จากโลกอื่นนั้นมี NPC ขั้นห้าอยู่มากมาย ซึ่งตรงกันข้ามกับอาณาจักรทวินทาวเวอร์เลย ดังนั้นอาณาจักรทวินทาวเวอร์จะล่มสลายเมื่อไหร่ มันก็ควรจะขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น ….


ขณะเดียวกัน …. แม้แต่จักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่มากๆในทวีปด้านตะวันออกอย่างจักรวรรดิมังกรไฟนั้นก็ยังทำได้แค่ป้องกันเมือง และป้อมปราการของตัวเองไว้ได้แค่บางส่วนเท่านั้น โดยที่อีกส่วนนั้นพวกเขาก็ทำได้แค่ต้องปล่อยให้กองทัพ NPC จากโลกอื่นเข้ายึดไป เพราะพวกเขามีกำลังพลไม่เพียงพอ


แต่ตอนนี้สภาสิบแปดปีกไม่เพียงแต่จะป้องกันป้อมปราการสิงโตเหล็กเอาไว้ได้เท่านั้น กิลยังป้องกันทั้งเมืองเล่ยเซีย และป้อมปราการหนามแดงไว้ได้พร้อมกัน ซึ่งมันนับเป็นการปิดกั้นเส้นทางเข้าสู่อาณาจักรทวินทาวเวอร์ของกองทัพ NPC จากโลกอื่นอย่างสมบูรณ์เลย


เมื่อหัวหน้ากิลชั้นสูง ห้ากิลที่ได้เข้ามาร่วมมือกับสตาร์ลิ้งได้รับข่าวนี้นั้นพวกเขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงเช่นกัน


พวกเขาไม่คิดเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะสามารถทำมันได้จริงๆโดยปราศจากความช่วยเหลือจากกิลชั้นสูงห้ากิลของพวกเขา แถมนอกเหนือจากการที่สภาสิบแปดปีกสามารถจะป้องกันจุดยุทธศาสตร์สำคัญทั้งสามแห่งไว้ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว สภาสิบแปดปีกยังสามารถจะมอบความเสียหายให้กับกองทัพ NPC จากโลกอื่นไปประมาณหนึ่งด้วย


และนี่มันก็ทำให้กิลกับผู้เล่นอิสระที่เข้าร่วมในการต่อสู้ที่อาณาจักรทวินทาวเวอร์นั้นสามารถทำได้กำไรอย่างมหาศาล เพราะท้ายที่สุดแล้วเมื่อไม่มีการรบกวนจากการโจมตีทางอากาศของฝ่ายกองทัพ NPC จากโลกอื่นนั้น การฆ่า NPC ขั้นสามมันก็จะไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย ….


“หัวหน้ากิล จากที่เราสืบสวนข้อมูลเรื่องนี้มาโดยละเอียด ดูเหมือนว่ารองหัวหน้ากิลสองคนของสภาสิบแปดปีก เสวี่ยเหวินโหรว และอควาโรสจะเลื่อนขั้นเป็นขั้นห้ากันเรียบร้อยแล้ว แต่กระนั้นเหตุผลหลักจริงๆที่ทำให้สภาสิบแปดปีกสามารถป้องกันจุดยุทธศาสตร์ทั้งสามแห่งเอาไว้ได้นั้นก็เป็นเพราะเรือเหาะชางเล่ยนั่นแหละ ซึ่งความแข็งแกร่งของเรือเหาะชางเล่ยเพียงลำเดียวนั้นก็เหนือกว่ากองกำลังทางอากาศของกองทัพจากโลกอื่นทั้งหมดแล้ว ….” อี้กุ้ยกล่าวอย่างค่อนข้างอิจฉา “ถ้าไม่ใช่เพราะเรือเหาะชางเล่ย ต่อให้สภาสิบแปดปีกมีผู้เล่นขั้นห้าเพิ่มขึ้นมาอีกสิบคน พวกเขาก็จะไม่สามารถป้องกันกองทัพจากโลกอื่นได้อย่างเบ็ดเสร็จแบบนี้แน่ !!!”


“เรือเหาะชางเล่ย ?” ลู่เทียนตี้มองไปที่วีดีโอที่ฉายภาพเรือเหาะชางเล่ยกำลังทำการโจมตีด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย “จงไปทำทุกวิถีทางเพื่อให้กิลของเราได้รับเรือเหาะชางเล่ยมา เมื่อกิลของเรามีเรือเหาะแบบนี้เมื่อไหร่ กองทัพ NPC จากโลกอื่นก็จะไม่ใช่ปัญหาของเราอีกต่อไป !!!”


ในตอนนี้จักรวรรดิรัตติกาลนั้นประสบกับความตึงเครียด และปัญหาอย่างมากมาย อันเนื่องมาจากเมืองแล้วเมืองเล่า และป้อมปราการแล้วป้อมปราการเล่าในประเทศนั้นล้วนถูกยึดไปโดยกองทัพ NPC จากโลกอื่น ซึ่งเหตุผลหลักๆของเรื่องนี้มันก็เป็นเพราะวงเวทย์ป้องกันของสถานที่แต่ละแห่งนั้นอ่อนแอเกินไป และเมื่อโดนโจมตีแค่ไม่กี่ทีจากกองกำลังทางอากาศของโลกอื่น มันก็พังทลายลงไปอย่างรวดเร็ว ….


แต่อย่างไรก็ตามกองกำลังทางอากาศจากโลกอื่นที่ทำได้ขนาดนี้นั้นกับดูไร้ค่าไปเลย เมื่อต้องมาเจอกับเรือเหาะชางเล่ย !!!


เรือเหาะชางเล่ยนั้นไม่เพียงแต่จะสามารถรับมือกับมังกรกระดูกโบราณ ซึ่งเป็นมอนสเตอร์ระดับโดเมนศักสิทธิ์ขั้นห้าได้เท่านั้น แต่มันยังรับมือกับกองกำลังทางอากาศของกองทัพจากโลกอื่นทั้งหมดได้ด้วย และหากให้พูดจริงๆความแข็งแกร่งของมันนั้นแทบจะจัดว่าเป็นเจ้าเวหาในตอนนี้เลย


ในเวลาเดียวกันตอนนี้นั้นก็ไม่ใช่แค่ลู่เทียนตี้เท่านั้นที่มีความคิดแบบนี้ มหาอำนาจต่างๆนั้นก็คิดจะพยายามใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองได้รับเรือเหาะชางเล่ยมาเช่นกัน


โดยตอนนี้นั้นมันก็ได้มีสายลับจำนวนมากถูกส่งเข้ามาแทรกซึมในอาณาจักรทวินทาวเวอร์ และอาณาจักรสตาร์มูน รวมไปถึงตัวกิลสภาสิบแปดปีกเอง


ซึ่งในบรรดาผู้ที่ต้องการเรือเหาะชางเล่ยนั้น ลู่เทียนตี้ดูจะเป็นคนที่ทุ่มเทที่สุด เพราะเขาได้เสนอรางวัลหนึ่งร้อยล้านเครดิตให้กับผู้ที่มีข้อมูลที่มีประโยชน์เกี่ยวกับเรือเหาะชางเล่ย และสำหรับผู้ที่สามารถนำเรือเหาะชางเล่ยมาขายให้สตาร์ลิ้งได้นั้น ลู่เทียนตี้ก็เสนอจะซื้อเป็นเงินถึงหนึ่งแสนล้านเครดิตต่อลำเลย


ข้อเสนอนี้ของลู่เทียนตี้ได้ทำให้ผู้เล่นจำนวนมหาศาลใน God domain นั้นต่างรู้สึกเดือดพล่าน


เพราะท้ายที่สุดแล้วด้วยเงินหนึ่งร้อยล้านเครดิตนั้นมันจะทำให้คนทั่วไปคนหนึ่งสามารถเข้าไปตั้งหลัก และอาศัยกับมีชีวิตดีๆอยู่ในเมืองใหญ่ๆได้เลย โดยนี่ยังก็ยังไม่ต้องพูดถึงเงินหนึ่งแสนล้านเครดิต ที่หากคนๆหนึ่งได้รับไปนั้น พวกเขาสามารถจะนำไปต่อยอดและก่อตั้งบริษัทของตัวเองได้สบายๆเลย


อาณาจักรสตาร์มูน เมืองสตาร์มูน :


“หัวหน้ากิล ข้อเสนอของสตาร์ลิ้งคราวนี้นั้นได้ทำให้แกนหลักของบริษัทการค้าแสงเทียนเราหลายคนถึงกับยอมขายข้อมูลของเรือเหาะชางเล่ยให้พวกเขาเลย ….” เมลานโครอิคสไมล์กล่าวพลางส่งมอบข้อมูลให้ซือเฟิงด้วยความรู้สึกอับอาย “บางคนนั้นอยู่มาตั้งแต่ตอนที่เริ่มก่อตั้งบริษัทการค้าแสงเทียนด้วยซ้ำ แต่คราวนี้พวกเขา …”


การสร้างเรือเหาะชางเล่ยมันต้องใช้กำลังคนมากเกินไป และแม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะให้ผู้เข้าร่วมสร้างนั้นเซ็นสัญญาในข้อตกลงปกปิดความลับมากมาย และกิลก็ยังมอบค่าตอบแทนให้มากมายสำหรับงานนี้ แต่มันก็ยังมีบางคนที่เลือกจะขายข้อมูลเรือเหาะชางเล่ยออกไป โดยข้อมูลที่รั่วออกไปนั้นมีกระทั่งเรื่องที่ซือเฟิงมีแบบแปลนเรือเหาะชางเล่ยอยู่กับตัวด้วย


เมื่อได้ยินรายงานของเมลานโครอิคสไมล์ ไฟเออร์แดนซ์ที่ยืนอยู่ข้างๆก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ และกล่าวออกมาตรงๆว่า “มันยังมีสิ่งที่คุณไม่รู้อีกนะ เมลานโครอิค …. ในตอนนี้เรือเหาะชางเล่ยของเราที่จอดอยู่ในเมืองสกายสปริงนั้นตกเป็นเป้าหมายในการขโมยของผู้คนมากมาย ไม่เว้นแม้แต่สมาชิกกิลของเราเอง ถ้าไม่ใช่เพราะแบล๊คกี้ และแกนหลักบางส่วนคอยเฝ้าอยู่นั้น ฉันคิดว่ามันคงจะถูกขโมยไปนานแล้วแน่นอน”


เรือเหาะชางเล่ย ระดับเหล็กลึกลับนั้นไม่ได้มีเอฟเฟคผูกมัดกับผู้เล่นคนใดๆ และแม้ว่ามันจะต้องใช้กุญแจในการเปิดใช้งานมัน แต่หากผู้เล่นคนหนึ่งต้องการจะเก็บเรือเหาะทั้งลำเข้ากระเป๋านั้น พวกเขาก็จะสามารถทำมันได้อย่างรวดเร็วเลย เพียงแต่ว่าข้อกำหนดขั้นต่ำของกระเป๋าที่จะใช้เก็บเรือเหาะนั้นมันจะต้องเป็นระดับอีปิคหรือสูงกว่าก็เท่านั้น


“หนึ่งแสนล้านเครดิต … อย่าว่าแต่พวกเขาเลย ฉันเองเมื่อได้ยินจำนวนเงินขนาดนี้ก็รู้สึกตื่นเต้น และอยากขโมยเรือเหาะชางเล่ยไปขายพวกเขาเหมือนกันนะ ….” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะ “อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ใช่ว่าเราจะไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ เราสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้โดยการส่งองครักษ์ส่วนตัวที่แข็งแกร่งไปป้องกันเรือเหาะเอาไว้”


“ถ้าหัวหน้ากิลว่ามาแบบนั้น เดี๋ยวฉันจะจัดการส่งองครักษ์ส่วนตัวขั้นสี่ ระดับลึกลับขั้นเงินจำนวนหนึ่งไปคอยป้องกันเรือเหาะไว้ตลอดทั้งวัน โดยนอกเหนือจากหัวหน้ากิล และรองหัวหน้ากิลทั้งหมดนั้นก็จะไม่มีใครที่จะสามารถสั่งเคลื่อนย้ายเรือเหาะได้” ฟางฉีหานกล่าวพลางพยักหน้า “และเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าใครบางคนในกิลของเราต้องการจะขโมยเรือเหาะ คนๆนั้นก็จะต้องผ่านกลุ่มองครักษ์ส่วนตัวขั้นสี่ ระดับลึกลับขั้นเงินไปให้ได้ก่อน”


องครักษ์ส่วนตัวขั้นสี่ ระดับลึกลับขั้นเงินนั้นมีพลังเทียบเคียงกับผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดขั้นสี่ หรืออาจจะเหนือกว่าด้วย ดังนั้นเมื่อส่งองครักษ์เหล่านี้ไปป้องกันร่วมกับแกนหลักของสภาสิบแปดปีกคนอื่นๆนั้น ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ทั่วไปก็จะไม่สามารถเข้าใกล้ได้แน่นอน ไม่ต้องพูดถึงผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเลย


“ว่าแต่การสร้างเรือเหาะชางเล่ย กับหุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟไปถึงไหนแล้ว ?” ซือเฟิง

กล่าวถาม เมื่อเขาเห็นว่าปัญหาเรื่องเรือเหาะนั้นได้รับการจัดการเรียบร้อยแล้ว


ณ ตอนนี้นั้น สงครามกับโลกอื่นมันได้ดำเนินมาถึงจุดสูงสุดแล้ว และแม้แต่ผู้เล่นขั้นห้าก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้มากนักในสนามรบ ซึ่งหากพวกเขาต้องการจะกำชัยชนะให้ได้อย่างเบ็ดเสร็จจริงๆ เรือเหาะชางเล่ย และหุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟก็จัดเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ


“หุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟนั้นมีความยากในการสร้างไม่มากนัก ดังนั้นพวกเราจึงสร้างมันได้สามตัวแล้ว ….” เมลานโครอิคสไมล์กล่าวรายงาน “อย่างไรก็ตามสำหรับเรือเหาะชางเล่ยนั้นมันแตกต่างออกไป แม้ว่าเราจะมีวัสดุเพียงพอให้สร้างได้อีกสามลำ แต่มันก็สร้างได้ยากมากๆ และสำหรับการรวบรวมวัสดุที่จำเป็นในการสร้างเรือเหาะเพิ่มเติมนั้นมันก็ทำได้ยากมากๆ เพราะข้อมูลที่รั่วไหลไป มันได้ทำให้มหาอำนาจต่างๆล้วนเก็บสะสมวัสดุที่จำเป็นในการสร้างเรือเหาะชางเล่ยกันอย่างบ้าคลั่ง”


“งั้นก็สร้างให้ได้อีกสามลำ แล้วหลังจากนั้นก็หันมาทุ่มเททั้งหมดให้กับการสร้างหุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟ …” ซือเฟิงกล่าวหลังจากครุ่นคิด


เท่าที่เขาคำณวนหากมีเรือเหาะชางเล่ยสักสี่หรือห้าลำมันก็น่าจะเพียงพอที่จะใช้รับมือกับกองพลที่ 19 ของกองทัพจากโลกอื่นที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่แบบเบ็ดเสร็จแล้ว ….


ขณะเดียวกัน การจะตรึงชายแดนอาณาจักรทวินทาวเวอร์ให้ปลอดภัยนั้นใช้เรือเหาะชางเล่ยประมาณสามลำก็น่าจะเพียงพอ ….


“หัวหน้ากิล ก่อนหน้านี้หัวหน้ากิลของศาลาลับได้ติดต่อเรามาเพื่อขอความช่วยเหลือ โดยเขาหวังว่าเราจะสามารถส่งเรือเหาะชางเล่ยไปช่วยพวกเขาได้ ซึ่งพวกเขาเต็มใจจะจ่ายค่าตอบแทนสำหรับเรื่องนี้เป็นเงินหนึ่งแสนเหรียญทอง และคริสตัลเวทย์มนต์สามแสนชิ้น ….” ฟางฉีหานรายงานเรื่องคำร้องขอความช่วยเหลือจากหัวหน้ากิลของศาลาลับด้วยความตื่นเต้น “หลังจากที่เราได้ตั้งระบบให้รางวัลการฆ่า NPC จากโลกอื่นนั้น มันก็ทำให้รายจ่ายในด้านต่างๆของเราตึงมือมากๆ ดังนั้นหากเราตบปากรับคำออกไปช่วยพวกเขา มันก็จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของเราลงไปได้อย่างมาก”


“เอาตามที่คุณว่าก็แล้วกัน …” ซือเฟิงกล่าวหลังจากครุ่นคิด “แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เราไม่สามารถจะเคลื่อนเรือเหาะชางเล่ยออกจากอาณาจักรทวินทาวเวอร์ได้ เราทำได้อย่างมากที่สุดแค่การส่งหุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟสามตัวไปช่วยเท่านั้น อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากเงิน และคริสตัลเวทย์มนต์แล้ว บอกไปว่าฉันต้องการหินเวทย์เอลฟ์ยี่สิบก้อน แร่ไททันหนึ่งร้อยชิ้น และคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่หนึ่งร้อยชิ้นเพิ่มเติมเข้ามาในเงื่อนไขการเข้าไปช่วยเหลือด้วย ….”


ในตอนนี้เรือเหาะชางเล่ยนั้นมีความสำคัญต่ออาณาจักรทวินทาวเวอร์มาก ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถจะเคลื่อนมันออกไปได้


และพูดกันตามตรงงานการป้องกัน หรือป้อมปราการนั้น แค่หุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟสามตัวที่มีพลังการต่อสู้เทียบเท่ากับขั้นห้านั้นมันก็ควรจะมากเพียงพอแล้ว เพราะท้ายที่สุดนั้นตอนเมืองเล่ยเซีย กับป้อมปราการหนามแดง แค่เสวี่ยเหวินโหรวกับอควาโรสซึ่งเป็นผู้เล่นขั้นห้าก็ยังสามารถป้องกันที่มั่นเอาไว้ได้เลย


“โอเค ฉันจะไปแจ้งพวกเขาทันที …” ฟางฉีหานกล่าวพลางพยักหน้า


แม้ว่าสิ่งที่ซือเฟิงเรียกร้องเพิ่มขึ้นมานั้นมันจะนับว่าค่อนข้างมหาศาล แต่มันก็ยังดีกว่าการเสียเมืองหรือป้อมปราการของตัวเองไปแน่นอน เพราะท้ายที่สุดการที่ต้องเสียสถานที่เหล่านี้ไปนั้นมันหมายความว่าทรัพยากรทุกชนิดที่ได้รับจะลดลง เนื่องจากผู้เล่นไม่กล้าจะเข้าไปยังสถานที่เหล่านี้เพื่อรวบรวมทรัพยากร ดังนั้นนี่ก็ไม่ต้องพูดถึงทรัพยากรที่พวกมหาอำนาจระดับศาลาลับครอบครองอยู่เลย


และท้ายที่สุดนั้นทั้งหมดมันก็เป็นไปตามที่ฟางฉีหานคิดไว้ หัวหน้ากิลของศาลาลับนั้นตอบตกลงรับเงื่อนไขเพิ่มเติมของซือเฟิงอย่างไม่ลังเล และเขาก็หวังว่าสภาสิบแปดปีกนั้นจะรีบเข้าไปช่วยเหลือพวกเขาโดยเร็วที่สุด เพราะท้ายที่สุดกองทัพ NPC จากโลกอื่นจะเริ่มทำการโจมตีเมือง NPC ถัดไปในจักรวรรดิมังกรไฟ ในอีกราวหนึ่งถึงสองวันนี้แล้ว


ซึ่งซือเฟิงนั้นก็ตอบรับกับคำขอนี้แบบไม่มีปัญหาใดๆ โดยเขาได้ให้ฟางฉีหาน กับคนอื่นๆนำหุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟที่มีความสูงมากกว่าห้าสิบเมตรเดินทางไปยัง

เมืองอีสท์เลคในจักรวรรดิมังกรไฟที่ตกเป็นเป้าหมายของกองทัพ NPC จากโลกอื่นทันที


โดยที่เมืองอีสท์เลคนั้นช่องว่างระหว่างทั้งสองฝ่ายนั้นก็มีความแตกต่างกันเท่าตัวหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งที่เมืองนี้นั้นในฝั่งของจักรวรรดิมังกรไฟก็มี NPC ขั้นห้าสองคน และ NPC ขั้นสี่มากกว่าห้าร้อยคนคอยป้องกันอยู่ ขณะที่ด้านของกองทัพ NPC จากโลกอื่นที่เข้าโจมตีเมืองนั้นมี NPC ขั้นห้าอยู่สี่คน และมี NPC ขั้นสี่อยู่มากกว่าหนึ่งพันคน ขณะเดียวกันในส่วนของ NPC ขั้นสามของกองทัพจากโลกอื่นนั้นก็มีอยู่มากกว่าหกล้านคน


สำหรับช่องว่างระหว่างผู้เล่นนั้นก็ไม่ได้แตกต่างจากช่องว่างระหว่าง NPC มากนัก เพราะแม้ว่าศาลาลับจะพยายามรวบรวมหลายกิลเข้ามาช่วยเหลือ แต่พวกเขาก็ยังรวบรวมผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่มาได้มากกว่าสี่ร้อยคนเท่านั้น ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามพวกเขาก็รวบรวมมาได้มากกว่าสิบล้านคนเพียงเล็กน้อย ขณะที่ในด้านของกองทัพผู้เล่นจากโลกอื่นนั้น พวกเขามีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่มากกว่าแปดร้อยคนอยู่ในกองทัพ ขณะที่จำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของพวกเขาก็มีเกือบแตะยี่สิบล้านคน


การต่อสู้ในครั้งนี้นั้นอาจกล่าวได้ว่าโอกาสในการชนะมีเลือนรางมากๆ หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากหุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟ เพราะท้ายที่สุดแล้วกองทัพฝ่ายตั้งรับนั้นเสียเปรียบในทุกๆทางเลยทีเดียว


อย่างไรก็ตามเมื่อได้รับความช่วยเหลือจากหุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟนั้นทุกอย่างมันก็เปลี่ยนไป โดยผลลัพธ์ท้ายที่สุดแล้วนั้นฝ่ายของศาลาลับก็สามารถจะผลักดันให้กองทัพ NPC และกองทัพผู้เล่นจากโลกอื่นต้องถอยออกไปได้ ซึ่งกองทัพจากโลกอื่นนั้นก็ได้รับความสูญเสียไปมากกว่าห้าล้านคน ขณะที่ฝ่ายของศาลาลับนั้นก็สูญเสียไปมากกว่าหกล้าน แต่แม้จะเป็นแบบนั้นชัยชนะนี้ของศาลาลับมันก็ยังทำให้ทั่วทั้งทวีปหลักของ God domain อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นอยู่ดี


เนื่องจากก่อนหน้านี้นั้นในการต่อสู้ป้องกันในจักรวรรดิ มันไม่มีใครเลยที่จะสามารถสร้างความเสียหายให้กับกองทัพจากโลกอื่นได้มากขนาดนี้ ….


ซึ่งหากกองทัพในทวีปหลักของ God domain สามารถมอบความเสียหายอย่างรุนแรงแบบนี้ให้กับกองทัพจากโลกอื่นได้นั้น พวกเขาก็จะมีข้อได้เปรียบมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะท้ายที่สุดแล้วเมื่อผู้เล่นจากโลกอื่นตายนั้น พวกเขาจะต้องไปฟื้นคืนชีพที่ประตูจากโลกอื่นที่พวกเขาเข้ามา และสำหรับ NPC จากโลกอื่นนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงเลย โดยมันก็ตรงกันข้ามกับผู้เล่นของกองทัพในทวีปหลักที่สามารถจะฟื้นคืนชีพได้ในสถานที่ใกล้ๆ และกลับมาเข้าร่วมการต่อสู้ได้


และเมื่อผลลัพธ์ทุกอย่างออกมาเป็นแบบนี้นั้น มหาอำนาจหลายแห่งก็ได้ส่งคำขอความช่วยเหลือมายังสภาสิบแปดปีกแบบไม่ขาดสาย โดยพวกเขาก็หวังว่าสภาสิบแปดปีกจะเข้าไปช่วยเหลือพวกเขาได้ ซึ่งพวกเขาก็ยินดีจะจ่ายในราคาที่ไม่น้อยไปกว่าศาลาลับ


แน่นอนว่าซือเฟิงก็ทยอยตอบรับคำขอทั้งหมดนี้อย่างมีความสุข เพราะมันทำให้เขาได้รับความมั่งคั่งอย่างมากมาย แถมมันยังทำให้เขาได้รับวัสดุที่จะใช้ในการสร้างเรือเหาะชางเล่ย และหุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟเพิ่มเติมด้วย


หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไปกว่าหนึ่งเดือน ซึ่งหุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟตัวแล้วตัวเล่าของสภาสิบแปดปีกก็ได้ถูกส่งเข้าสู่สนามรบต่างๆในทวีปด้านตะวันออกจนมันทำให้สถานการณ์ทั้งหมดของผู้เล่นในทวีปหลักด้านตะวันออกนั้นดีขึ้นมากๆ


สำหรับสภาสิบแปดปีกนั้นในระหว่างนี้พวกเขาก็ทำกำไรได้อย่างมหาศาลมากๆ และนี่มันก็ส่งผลให้พวกเขาสามารถอัดฉีดทั้งทรัพยากร และเม็ดเงินเข้าไปพัฒนาเมืองทั้งหมดของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ไม่เว้แม้แต่เมืองที่สาบสูญ ….


และในเวลากว่าหนึ่งเดือนนี้จำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของสภาสิบแปดปีกก็ทะลุสามล้านคนไปแล้ว ขณะที่จำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ของสภาสิบแปดปีกนั้นก็ทะลุสองร้อยคนไปเรียบร้อย แถมจำนวนเหล่านี้มันก็ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วย เมื่อเวลาผ่านไป ….


ขณะเดียวกันในช่วงเวลานี้ไฟเออร์แดนซ์ ไวโอเล็ตคลาวด์ และหยานเทียนซิงนั้นก็สามารถเลื่อนขั้นเป็นขั้นห้าได้สำเร็จแล้ว ซึ่งมันก็ส่งผลให้พลังการต่อสู้ของสภาสิบแปดปีกนั้นขึ้นไปอยู่เหนือกว่ากิลทุกกิลใน God domain ตอนนี้ทันที


เนื่องจากในเวลานี้นั้น แม้แต่ซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งห้ากิลก็ยังพึ่งจะมีผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าเกิดขึ้นมาเท่านั้น แต่ตอนนี้สภาสิบแปดปีกกับผู้เชี่ยวชาญขั้นห้ามากกว่าสามคนแล้ว ….


ขณะเดียวกันด้วยความช่วยเหลือจากสภาสิบแปดปีกในสนามรบต่างๆนั้น มันก็ทำให้หลายกลุ่มเริ่มจะสามารถตรึงกองทัพจากโลกอื่นให้อยู่กับที่ได้ ซึ่งนี่มันก็ช่วยให้หลายกลุ่มมีเวลามากพอในการพัฒนาคนของตัวเองจนเริ่มจะสามารถลดความแตกต่างของจำนวนผู้เชี่ยวชาญแต่ละขั้นลงมาได้แล้ว


โดยมีเพียงสตาร์ลิ้งที่ไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากสภาสิบแปดปีกเท่านั้นที่สถานการณ์แย่ลงเรื่อยๆ …. ในตอนนี้เมือง และป้อมปราการแห่งแล้วแห่งเล่าในจักรวรรดิรัตติกาลของสตาร์ลิ้งนั้นได้ถูกยึดไปเรื่อยๆ ซึ่งนี่มันก็ส่งผลต่อขอบเขตการปฎิบัติการ และการเก็บรวบรวมทรัพยากรของสตาร์ลิ้งอย่างมากจนมันได้ทำให้สตาร์ลิ้งอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ และมันก็มีคนถอนตัวออกจากกิลสตาร์ลิ้งมากขึ้นเรื่อยๆ


แต่อย่างไรก็ตามในระหว่างนี้นั้นมันก็มีสิ่งที่น่าตกตะลึงเกิดขึ้นมา ซึ่งเมื่อหลายคนได้รับข่าวนั้นพวกเขาก็เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ….


โดยข่าวที่ว่านั้นก็คือชายหนุ่มลึกลับที่เป็นนักวิชาการซึ่งเป็นศัตรูเก่าแก่ของซือเฟิงนั้นได้บุกเดี่ยวเข้าไปสังหารเหล่าองครักษ์ส่วนตัว และจักรพรรดิของจักรวรรดิไฟ กับจักรวรรดิกลอรี่ลงไปได้ ก่อนที่เขาจะจัดการทำลายเมืองหลวงของทั้งสองจักรวรรดิให้หายออกไปจากแผนที่ของ God domain อย่างสมบูรณ์ ….


ซึ่งเมื่อคิดถึงความแข็งแกร่งของเมือง และตัวตนระดับนี้นั้น มันควรจะมีแต่เทพขั้นหกเท่านั้นที่จะสามารถทำแบบนี้ได้ แล้วชายหนุ่มนักวิชาการผู้นี้ทำมันได้ยังไงกัน ?


แถมที่พูดมาทั้งหมดนี้ก็ยังไม่นับรวมความสูญเสียของเหล่าผู้เล่นจำนวนมากที่พยายามจะเข้าขัดขวางชายหนุ่มนักวิชาการผู้นี้ในระหว่างการต่อสู้รอบนี้ด้วย โดยผู้เล่นบางคนที่ถูกฆ่าในการต่อสู้รอบนี้นั้น บางคนถึงขั้นไม่สามารถจะล๊อคอินท์กลับเข้าเกมได้เป็นเวลาหนึ่งเดือนด้วย ….


เมืองหินโบราณ คฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองเมือง :


ในห้องโถงขนาดใหญ่ ตอนนี้มันมีซือเฟิงยืนอยู่เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น โดยซือเฟิงก็ได้เปิดใช้งานสกิลวิญญาณทองที่มันพัฒนาไปอย่างมากในช่วงเวลาที่ผ่านมาเพื่อพยายามจะทำความคุ้นเคยกับกฎของโลก และองค์ประกอบธาตุทั้งหมด จนท้ายที่สุดแล้วเขาก็สามารถทำความคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องใช้สกิลวิญญาณทอง


“ดูเหมือนว่า หากฉันไม่สามารถจะทำให้ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของตัวเองทะลวงเข้าสู่ขั้นหกได้อย่างแท้จริง ฉันก็จะไม่สามารถควบคุมกฎแห่งการทำลายล้างได้เลยสินะ …” ซือเฟิงพึมพำ และอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นออกมา


เขาไม่นึกเลยจริงๆว่า หลังจากใช้ไอเทมทุกอย่างที่เขามีช่วยเหลือในการเพิ่มค่าความแข็งแกร่งทางจิตมาพักหนึ่งนั้น เขาจะมาถึงขีดจำกัดจนไอเทมที่เขามีไม่สามารถจะช่วยเขาได้แล้ว และตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำนั้นมันก็เหลือแค่การที่ต้องพึ่งพาตัวเองเพื่อทะลวงผ่านไปให้ได้เท่านั้น


อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ซือเฟิงกำลังพยายามครุ่นคิด และฝึกอยู่นั้น ฟางฉีหานก็ได้เดินเข้ามาหาเขา “หัวหน้ากิล ฉันได้ตรวจสอบจุดประสงค์ของชายหนุ่มนักวิชาการนั่นมาแล้ว …”


“จุดประสงค์ของเขาคืออะไร ?” ซือเฟิงถามด้วยความกังวล เพราะจากข้อมูลที่เขาได้รับมาเกี่ยวกับการต่อสู้ในเมืองหลวงของจักรวรรดิมังกรไฟ และจักรวรรดิกลอรี่นั้นดูเหมือนว่าคนผู้นี้จะพัฒนาไปอย่างมาก แถมเขายังแผ่มีตราประทับศักสิทธิ์บนหน้าผาก และแผ่ออร่าที่ให้ความรู้สึกศักสิทธิ์ออกมาด้วย


“จุดประสงค์ของเขาน่าจะเป็นสมบัติชั้นยอดเจ็ดชิ้น เพราะจากที่ฉันรวบรวมข้อมูลทั้งหมดในทุกๆด้านมา ทุกอย่างมันชี้ไปในทางนี้ทั้งหมด ….” ฟางฉีหานกล่าวพลางส่งข้อมูลทั้งหมดที่เธอได้รับมาไปให้ซือเฟิง


“หื้ม ?” ซือเฟิงที่ได้ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดที่ฟางฉีหานส่งมาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว


สมบัติชั้นยอดเจ็ดชิ้นนั้นเป็นสิ่งที่เขากำลังมองหาเช่นกัน และตอนนี้เขาก็ค้นพบมันสี่ชิ้นแล้ว ซึ่งเขาก็ไม่นึกเลยว่าชายหนุ่มนักวิชาการผู้นี้จะมองหามันเช่นกัน ….


และนี่มันจัดเป็นข่าวร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย ….

“โอ้ใช่ แล้วก็มีอีกเรื่องหนึ่ง … หัวหน้ากิล อาวุธสองชิ้นที่คุณสั่งให้ฉันไปค้นหานั้น ฉันได้นำคนของฉันไปค้นหาจนได้พวกมันมาครบแล้ว” ฟางฉีหานกล่าวอย่างมีความสุข ขณะที่เธอหยิบดาบยาวสองเล่มออกมาจากกระเป๋าของเธอ


ซึ่งเมื่อซือเฟิงได้เห็นดาบยาวทั้งสองเล่มนี้นั้นเขาก็มีความสุขมากๆ ก่อนที่เขาจะตอบแทนฟางฉีหานด้วยการมอบเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานบางส่วนที่กิลเก็บรวบรวมมาได้ให้เธอ ….


หลังจากที่ได้เห็นพลังที่น่ากลัวของชายหนุ่มนักวิชาการในการต่อสู้ที่เมืองหลวงของจักรวรรดิมังกร และจักรวรรดิกลอรี่นั้น ซือเฟิงก็พยายามคิดหาหนทางเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองให้ไวที่สุด และตอนนี้เขาก็มีโอกาสแล้ว ….


และเมื่อซือเฟิงรับดาบยาวสองเล่มนี้มาจากฟางฉีหานนั้น เสียงแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้นมาที่หูของเขาทันที


ระบบ : ค้นพบเศษชิ้นส่วนของดาบโซโลมอนทั้งหมด คุณต้องการจะหลอมดาบโซโลมอนขึ้นใหม่หรือไม่ ?


“ต้องการ !!!”


ตอนที่ 2916 ดาบโซโลมอน


เมื่อซือเฟิงเลือกจะทำการหลอมดาบโซโลมอนขึ้นใหม่ ชิ้นส่วนของดาบโซโลมอนทั้งห้าชิ้นก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าเขาทีละชิ้นๆ


ชิ้นส่วนทั้งห้าชิ้นจากดาบห้าเล่มนั้นต่างสะท้อนซึ่งกันและกัน และเปล่งแสงที่สว่างไสวออกมา


ไม่กี่วินาทีต่อมาชิ้นส่วทั้งห้าก็หลอมรวมกันกลายเป็นดาบยาวสีแดงเข้มที่มีตราประทับสีดำ พร้อมกันนั้นบริเวณใบดาบมันก็มีสายฟ้าสีดำวนเวียนอยู่รอบๆ และการปรากฎขึ้นของดาบเล่มนี้มันก็ทำให้พื้นบริเวณโดยรอบนั้นเริ่มแตกออกเป็นเสี่ยงๆ


ซึ่งนี่มันก็ทำให้ฟางฉีหานที่เฝ้าดูอยู่นั้นอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง ….


อาวุธระดับตำนาน ? ในตอนนี้ฟางฉีหานนั้นค่อนข้างคุ้นเคยกับออร่าของอาวุธระดับตำนานแล้ว เพราะท้ายที่สุดสภาสิบแปดปีกนั้นมีอาวุธระดับตำนานอยู่ห้าชิ้น โดยผู้ที่ครอบครองอาวุธระดับนี้อยู่นั้นก็มีซือเฟิง หยานเทียนซิง อควาโรส เสวี่ยเหวินโหรว รวมไปถึงไวโอเล็ตที่เธอพึ่งจะอัพเกรดคทาของตัวเองให้กลายเป็นอาวุธระดับตำนานได้ ….


อาวุธระดับตำนานทุกชิ้นนั้นล้วนมอบให้พลังให้ผู้ครอบครองมันสามารถจะต่อสู้แบบข้ามขั้นได้ ซึ่งด้วยอาวุธระดับตำนานนั้นมันก็จะทำให้ผู้เล่นขั้นห้ามีพลังเทียบเคียงกับขั้นหกเลย อาวุธระดับตำนานนั้นมันทรงพลังกว่าอาวุธที่เป็นเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานอย่างมาก


หลังจากเห็นว่าดาบโซโลมอนถูกหลอมรวมขึ้นใหม่จนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซือเฟิงก็ได้รีบคว้ามันมา และจัดการตรวจสอบข้อมูลของมันด้วยความตื่นเต้นทันที


(ดาบโซโลมอน) (ดาบมือเดียว ระดับตำนาน)

ความต้องการอุปกรณ์ : ค่า STR 50,000


พลังโจมตีเพิ่มขึ้น 460 เปอเซ็นต์ของค่า STR , ความเร็วในการโจมตีเพิ่มขึ้น 3 เปอเซ็นต์ของค่า AGI กับ Vitality รวมกัน


ค่าสถานะทั้งหมด (เพิ่มขึ้นตามเลเวลของผู้ใช้)

เมื่อติดตั้ง :


โจมตีโดยไม่สนค่าพลังป้องกัน 100 เปอเซ็นต์


การโจมตีมีโอกาส 15 เปอเซ็นต์ที่จะเพิ่มความเร็วในการโจมตีขึ้น 300 เปอเซ็นต์

การโจมตีมีโอกาส 60 เปอเซ็นต์ที่จะสร้างความเสียหายเพิ่มขึ้น 300 เปอเซ็นต์

การโจมตีมีโอกาส 20 เปอเซ็นต์ที่จะสร้างความเสียหายเพิ่มขึ้น 1,000 เปอเซ็นต์

การโจมตีจะสร้างความเสียหายเพิ่มขึ้นจากปกติ 200 เปอเซ็นต์ ให้แก่ผู้ที่อยู่ต่ำกว่าขั้น 6

หากโดนดาบเล่มนี้โจมตีจะทำให้วิญญาณของเป้าหมายอ่อนแอลง


ค่า STR เพิ่มขึ้น 300 เปอเซ็นต์ ค่า AGI เพิ่มขึ้น 180 เปอเซ็นต์ ค่า INT เพิ่มขึ้น 150 เปอเซ็นต์ ค่า Endurance เพิ่มขึ้น 80 เปอเซ็นต์ ความเร็วในการโจมตีเพิ่มขึ้น 170 เปอเซ็นต์


Ignore Levels +80

สกิลดาบทั้งหมดมีเลเวลเพิ่มขึ้น 2 เลเวล (สูงสุดที่ขั้นสูงสุดของขั้น 6)

พลังของการโจมตีเพิ่มขึ้น 2 ขั้น (สูงสุดที่ขั้นสูงสุดของขั้น 6)


เอฟเฟคของมานาเพิ่มขึ้น 200 เปอเซ็นต์

การใช้ค่าสตามิน่า และค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจลดลง 30 เปอเซ็นต์


สกิลพาสซีฟเพิ่มเติม : วิญญาณนิรันดร์ : ปรับปรุงวิญญาณของผู้ใช้ให้ดีขึ้นอย่างมาก และเพิ่มการรับรู้เกี่ยวกับกฎของโลกขึ้น 1 เลเวล


สกิลใช้งานเพิ่มเติม 1 : สายฟ้าแห่งการทำลายล้าง (ขั้น 6) : สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงแก่ศัตรูทั้งหมดในรัศมี 10,000 หลาเป็นเวลา 10 วินาที โดยที่มีผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง และยิ่งใช้สกิลจนเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ พลังของสกิลก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น (สูงสุดที่ขั้นสูงสุดของขั้น 6)


คูลดาวน์ : 1 นาที


สกิลใช้งานเพิ่มเติม 2 : โลกแห่งดาบ (ขั้น 6) : สร้างดาบเงาขึ้นมา 99 เล่ม โดยดาบที่ถูกสร้างขึ้นนั้นจะมีพลังสูงกว่าผู้ใช้ 2 ขั้น


ระยะเวลา : 30 วินาที

คูลดาวน์ : 1 ชั่วโมง


สกิลใช้งานเพิ่มเติม 3 : ดาบสุดท้าย (ขั้น 6) : เปิดใช้งานพลังทั้งหมดของดาบโซโลมอนเพื่อโจมตีหนึ่งครั้งด้วยการใช้พลังวิญญาณของผู้ใช้ โดยยิ่งค่าความแข็งแกร่งทางจิตของผู้ใช้สูงเท่าไหร่ พลังที่ถูกเปิดใช้งานเพื่อโจมตีนั้นก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น (สูงสุดที่ขั้นสูงสุดของขั้น 6) และการโจมตีนี้ก็จะสามารถทำลายวิญญาณของเป้าหมายได้


คูลดาวน์ : 10 นาที


ดาบเล่มนี้ถูกสร้างโดยเทพโบราณที่เป็นเทพสายฟ้า โดยดาบโซโลมอนนั้นก็ครอบครองพลังของเทพโบราณอยู่ และสามารถจะทำลายได้ทุกสิ่งทุกอย่าง


ตามที่คาดไว้จากหนึ่งในสิบอาวุธระดับตำนานที่แข็งแกร่งที่สุด ค่าสถานะของมันไม่ได้ด้อยไปกว่าแสงแห่งสองโลกเลยแม้แต่น้อย ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กๆ เมื่อเขาได้เห็นข้อมูลทั้งหมดของดาบโซโลมอน


แสงแห่งสองโลกนั้นเป็นอาวุธที่มุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงชนชั้นสิ่งมีชีวิตของผู้ใช้ ขณะที่ดาบของโซโลมอนนั้นก็จะมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงวิญญาณของผู้ใช้มัน ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่าเอฟเฟคของอาวุธทั้งสองนั้นมีความสำคัญเท่าเทียมกัน และเมื่อใช้ร่วมกันนั้น มันก็จะทำให้ผู้ใช้มีพลังที่น่ากลัวอย่างถึงที่สุดแน่นอน ….


แม้ว่าซือเฟิงจะยังไปไม่ถึงอาชีพขั้นหก แต่ทั้งชนชั้นสิ่งมีชีวิต และค่าความแข็งแกร่งทางจิตของเขานั้นก็ใกล้จะถึงมาตราฐานของขั้นหกแล้ว โดยในตอนนี้ถ้าเขาต้องต่อสู้กับ ลอส เฟอไรท์ ผู้บัญชาการกองพลที่สิบเก้าของกองทัพจากโลกอื่นอีกนั้น เขาก็จะสามารถกุมความได้เปรียบทั้งหมดได้โดยที่ไม่ต้องใช้สกิลวิญญาณทองอีกแล้ว


“โอ้ใช่ … หัวหน้ากิล ฉันมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่จะต้องบอกคุณ ….” ฟางฉีหานกล่าว จากนั้นเธอก็หยิบบัตรเชิญที่ทำจากคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ออกมา และส่งมันให้กับซือเฟิง “นี่คือคำเชิญที่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดส่งไปให้กิลชั้นสูงหรือเหนือกว่าทั้งหมดใน God domain พวกเขาจะจัดการประชุมขึ้นที่เมืองแบล๊ควิงในวันพรุ่งนี้เพื่อหารือเกี่ยวกับมาตราการรับมือกองทัพจากโลกอื่น และชายหนุ่มลึกลับที่เป็นนักวิชาการคนนั้น”


“คริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ ? ช่างเป็นการเคลื่อนไหวที่ดีจริงๆ ….” ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเขาได้เห็นบัตรเชิญในมือของเขา


คริสตัลเจ็ดลูมินาลี่นั้นเป็นทรัพยากรที่มหาอำนาจต่างๆล้วนพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะให้ได้รับมันมา ซึ่งสภาสิบแปดปีกนั้นก็เป็นแบบเดียวกัน แต่ตอนนี้กิลก็รวบรวมคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่มาได้แค่หนึ่งแสนหกหมื่นชิ้นเท่านั้น และกิลก็ไม่กล้าจะใช้จ่ายมันแบบมั่วๆเลย แต่ถึงกระนั้นห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดกับใช้คริสตัลเจ็ดลูมินาลี่เพื่อสร้างบัตรเชิญขึ้นมา และส่งไปยังกิลต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้นบัตรเชิญนี้มันก็ไม่ได้เป็นเพียงบัตรเชิญธรรมดาด้วย เพราะมันมีวงเวทย์พิเศษสลักอยู่ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ที่ได้รับมันสามารถเทเลพอร์ตไปยังเมืองแบล๊ควิงได้โดยตรง


เท่าที่ซือเฟิงคาดการณ์ บัตรเชิญแบบนี้หนึ่งใบน่าจะต้องใช้คริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ห้าชิ้นในการสร้างมันขึ้นมา ในขณะเดียวกันมันก็มีกิลชั้นสูง กิลชั้นยอด และซุเปอร์กิลอยู่มากกว่าหนึ่งพันกิลใน God domain หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นจะต้องใช้คริสตัลเจ็ดลูมินาลี่อย่างน้อยห้าพันชิ้นเลยในการสร้างบัตรเชิญแบบนี้ทั้งหมด


“บัตรเชิญคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่นั้นเป็นบัตรเชิญระดับสูงสุด ขณะที่รองลงไปจะเป็นบัตรเชิญที่ทำจากหินมานา และคริสตัลเวทย์มนต์ตามลำดับ ….” ฟางฉีหานกล่าวอธิบาย “ซึ่งบัตรเชิญแต่ละระดับนั้นมันก็จะมีข้อแตกต่างกันตรงที่จำนวนคนที่จะสามารถไปเข้าร่วมการประชุมด้วยได้ โดยบัตรเชิญที่ทำจากคริสตัลเวทย์มนต์นั้นจะอนุญาติให้ผู้ที่เข้าร่วมประชุมนำผู้ติดตามไปได้แค่คนเดียวเท่านั้น ขณะที่บัตรเชิญที่ทำจากหินมานานั้นจะอนุญาติให้ผู้ที่เข้าร่วมประชุมนำผู้ติดตามไปได้สองคน ส่วนบัตรเชิญที่ทำจากคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่นั้นจะอนุญาติให้ผู้ที่เข้าร่วมประชุมนำผู้ติดตามไปได้สี่คน”


“ถึงกระนั้นนี่มันก็ยังจัดว่าน่าทึ่งมากๆ เพราะแค่การสร้างวงเวทย์พิเศษที่สลักอยู่ในบัตรทุกใบนั้นมันก็ต้องเสียเงินไปพอสมควรแล้ว ….” ซือเฟิงกล่าว ถ้ามันขึ้นอยู่กับเขา เขาคงไม่เต็มใจที่จะจ่ายมากขนาดนี้เพื่อจัดงานประชุม


แน่นอนว่าความจริงที่ว่าห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นเต็มใจจะทำแบบนี้ มันก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเลยว่าพวกเขาจัดชายหนุ่มลึกลับที่เป็นนักวิชาการเป็นภัยคุกคามมากแค่ไหน และแม้แต่ในชีวิตที่แล้วของซือเฟิง เขาก็ไม่เคยเห็นการประชุมที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ด้วยซ้ำ


“เราจะไปกันไหม ?” ฟางฉีหานอดไม่ได้ที่จะถาม ในแง่ของพลังการต่อสู้โดยรวมปัจจุบันสภาสิบแปดปีกนั้นนับเป็นกิลอันดับหนึ่งแห่ง God domain อย่างไม่ต้องสงสัย และกิลก็ไม่ได้มีปัญหาใดๆเลยในการจะปกป้องอาณาจักรทวินทาวเวอร์ กับอาณาจักรสตาร์มูนซึ่งเป็นฐานที่มั่นหลักสองแห่งของกิล ดังนั้นมันจึงไม่สำคัญเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะไปเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้หรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้นสภาสิบแปดปีกยังเป็นศัตรูกับสองในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดด้วย


“แน่นอนเราจะไป !!!” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไปบอกไฟเออร์แดนซ์ ไวโอเล็ต

คลาวด์ และหยานเทียนซิงให้เตรียมตัวให้พร้อม !!! พวกคุณสี่คนจะต้องไปกับฉัน !!!”


ในตอนนี้เขาไม่ได้สนใจเรื่องกองทัพจากโลกอื่นอีกต่อไป อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องที่แตกต่างกันออกไปสำหรับชายหนุ่มลึกลับที่เป็นนักวิชาการ


จากการสิบสวนของสภาสิบแปดปีกดูเหมือนว่าชายหนุ่มผู้นี้นั้นจะมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างลึกซึ้งกับเหล่า NPC จากโลกอื่น และมันก็มีความเป็นไปได้สูงมากว่าในครั้งหน้าที่ซือเฟิงเผชิญหน้ากับกองทัพ NPC จากโลกอื่นนั้น เขาก็จะต้องเผชิญหน้ากับชายหนุ่มลึกลับที่เป็นนักวิชาการพร้อมกันด้วย ดังนั้นเขาจึงจำเป็นจะต้องได้รับความช่วยเหลือจากกองกำลังของผู้เล่นอื่นๆในทวีปหลัก เพราะท้ายที่สุดตอนนี้ประเทศต่างๆนั้นได้เปิดคลังสมบัติของตัวเองขึ้นมาแล้ว อันเนื่องมาจากสงครามโลกที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง ซึ่งด้วยสมบัติจากในคลังสมบัติพวกนี้นั้น มันก็จะช่วยให้ผู้เล่นของทวีปหลักพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมากๆ


ในอัตราปัจจุบันผู้เล่นขั้นห้าน่าจะเริ่มมีจำนวนที่มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดภายในหนึ่งหรือสองเดือน และในเวลานั้นความได้เปรียบของมหาอำนาจต่างๆจะเริ่มเพิ่มขึ้นมากกว่าตอนนี้


ที่สำคัญที่สุดคือสภาสิบแปดปีกสามารถใช้ประโยชน์จากการประชุมกิลครั้งนี้เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งของตัวเองใน God domain เพราะท้ายที่สุดแล้วสภาสิบแปดปีกมีอิทธิพลน้อยมากในทวีปด้านตะวันตก ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เนื่องจากทวีปด้านตะวันตกไม่มีสงครามใดๆ ดังนั้นการพัฒนาในทวีปด้านตะวันตกจึงเป็นไปเร็วกว่าทวีปด้านตะวันออกอย่างเห็นได้ชัด


“โอเค งั้นฉันจะไปแจ้งให้พวกเขาทราบทันที ….”


ฟางฉีหานพยักหน้ารับคำสั่งของซือเฟิง ความจริงเธอก็สนใจเรื่องการประชุมในครั้งนี้มากเช่นกัน เพราะท้ายที่สุดเมื่อการประชุมสิ้นสุดลง ผู้เชี่ยวชาญของกิลต่างๆจะเริ่มท้าทาย และต่อสู้วัดฝีมือกัน


ซึ่งเรื่องนี้อาจดูไม่มีอะไรมากนักบนพื้นผิว แต่มันก็จะช่วยผู้เชี่ยวชาญแบบเธอในการเรียนรู้เทคนิคการต่อสู้ที่แตกต่าง และเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับมานาได้อย่างมาก ซึ่งหากเธอโชคดีมันอาจจะทำให้เธอได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างร่างมานาขั้นห้าก็ได้


ขณะนี้เธอสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองไปได้ถึงหนึ่งร้อยยี่สิบเปอเซ็นต์แล้ว และเธอก็ไม่สามารถจะปลดล๊อคได้เพิ่มเติมอีกแล้วไม่ว่าจะพยายามมากขนาดไหนก็ตาม ดังนั้นแทนที่จะมาพยายามฝึกฝนต่อไป มันจะดีกว่ามากที่เธอจะออกไปต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆเพื่อหาแรงบันดาลใจในเรื่องนี้


เช้าวันรุ่งขึ้น ซือเฟิงก็ได้เทเลพอร์ตไปยังเมืองแบล๊ควิงพร้อมกับฟางฉีหาน และคนอื่นๆ สำหรับอควาโรส และเสวี่ยเหวินโหรว พวกเขาได้รับมอบหมายให้ดูแลเมืองกิลของสภาสิบแปดปีกในอาณาจักรทวินทาวเวอร์ กับอาณาจักรสตาร์มูนเพื่อป้องกันการเกิดเหตุไม่คาดคิด


เมืองแบล๊ควิง ห้องเทเลพอร์ต :


พร้อมกับแสงที่สว่างวาบขึ้นนั้น กลุ่มของซือเฟิงห้าคนก็ได้มาถึงใจกลางวงเวทย์เทเลพอร์ตของห้องเทเลพอร์ตเมืองแบล๊ควิง


เมืองแบล๊ควิงในเวลานี้มีผู้คนพลุกพล่านมากกว่าปกติ นอกเหนือจากผู้เชี่ยวชาญของกิลที่ได้รับบัตรเชิญแล้ว ผู้เชี่ยวชาญของกิลอื่นๆที่ไม่ได้รับบัตรเชิญ และผู้เล่นอิสระนั้นก็ล้วนมารวมตัวกันที่นี่เช่นกัน


ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นได้เชิญกิลชั้นสูง หรือเหนือกว่าขึ้นไปทั้งหมดใน God domain มาเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะกล่าวว่าในเวลานี้นั้นผู้เชี่ยวชาญชั้นแนวหน้าในทวีปหลักของ God domain เกือบทั้งหมดนั้นล้วนมารวมตัวกันที่เมืองแบล๊ควิง นี่มันจึงนับเป็นสถานการณ์พิเศษที่หาได้ยากมากๆ


แม้ว่ากิล และผู้เล่นอิสระที่ไม่ได้บัตรเชิญจะไม่สามารถเข้าร่วมการประชุมได้ แต่พวกเขาก็ยังสามารถมาดูข้อมูล และอัตลักษณ์ของผู้เชี่ยวชาญชั้นแนวหน้าได้ และหากพวกเขาโชคดี พวกเขาก็อาจจะได้เห็นผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ประมือกัน


ดังนั้นเมื่อข่าวเรื่องที่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดส่งบัตรเชิญไปยังกิลพวกนี้ให้มาเข้าร่วมประชุมแพร่ออกไป มันจึงทำให้มีผู้เล่นจำนวนมากที่พยายามจะเข้าสู่เมืองแบล๊ควิง


หากไม่ใช่เพราะว่าเมืองแบล๊ควิงนั้นต้องมีบัตรผ่านในการเข้าสู่เมือง ป่านนี้เมืองคงจะมีผู้เล่นล้นทะลักแล้ว อย่างไรก็ตามในปัจจุบันนี้จำนวนผู้เล่นที่มารวมตัวกันที่เมืองแบล๊ควิงนั้นมันก็มีเกินสามสิบล้านคนแล้ว


โดยในตอนนี้ผู้เล่นที่สัญจรไปมาตามท้องถนนของเมืองแบล๊ควิงนั้นก็ล้วนเป็นผู้เล่นขั้นสาม และขั้นสี่ และในปัจจุบันนั้นในเมืองแบล๊ควิง แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตการปรับแต่งก็ยังต้องเคลื่อนไหวอย่างถ่อมตัว และระมัดระวัง ไม่งั้นมันก็มีโอกาสสูงที่พวกเขาจะไปลงเอยด้วยการยั่วยุผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวดเร็วดั่งสายน้ำ หรือสูงกว่านั้น


เมื่อซือเฟิงมาถึงบ้านประมูลเมืองแบล๊ควิงซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุมที่กำหนดไว้ เขาก็พบว่ามันมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่มากกว่าหนึ่งพันคนของห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดกำลังทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยอยู่


แม้แต่ผู้ที่อ่อนแอที่สุดในบรรดาผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่เหล่านี้ก็ยังมีเลเวลหนึ่งร้อยเจ็ดสิบ และสวมใส่อุปกรณ์ระดับดาร์คโกล เลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบครบเซ็ท ขณะเดียวกันมันก็มีผู้เชี่ยวชาญจำนวนไม่น้อยที่มีอาวุธและอุปกรณ์ระดับอีปิคเลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบติดตัวสี่ถึงห้าชิ้น และสำหรับผู้เล่นห้าคนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของผู้เล่นเหล่านี้นั้น ไม่เพียงแต่พวกเขาจะมีเลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบ หรือมากกว่าขึ้นไปกันทั้งหมด แต่ผู้เล่นทั้งห้าคนนี้ยังมีเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานติดตัวกันคนละสองถึงสามชิ้นด้วย ซึ่งความแข็งแกร่งของผู้เล่นทั้งห้าคนนี้นั้นมันก็แสดงให้เห็นถึงพลังของห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างชัดเจน


และเมื่อผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่เหล่านี้มารวมตัวกันอยู่ที่รอบๆบ้านประมูลเมืองแบล๊ควิงนั้น ออร่าทั้งหมดของพวกเขามันก็น่ากลัวมากซะจนบีบให้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ทั่วไปก็ไม่กล้าเข้าใกล้ที่นี่


“บ้าไปแล้ว !!! นี่มันคือความแข็งแกร่งของห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดงั้นหรอ ?!!”

“อึก !! กิลของเราแทบจะไม่มีไอเทมระดับอีปิคเลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบเลย แต่ตอนนี้หนึ่งในห้าของผู้เชี่ยวชาญของห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดที่อยู่ที่นี่นั้นล้วนมีไอ

เทมระดับนี้กันอย่างน้อยคนละชิ้น !!!”


“ฉันคิดว่า แค่หนึ่งในห้าคนที่อยู่ในตำแหน่งหัวหน้าของคนเหล่านี้นั้นก็จะสามารถเอาชนะทั้งกิลของเราได้อย่างง่ายดายแล้ว !!!”


“คุณคิดว่าคุณเป็นใครกัน ? กิลของคุณนั้นเป็นเพียงกิลชั้นสามเท่านั้นนะ !!! ทั้งห้าคนนี้จะไม่มีปัญหาในการกวาดล้างกิลชั้นรองกิลหนึ่งด้วยตัวเองเลยด้วยซ้ำ !!! คุณรู้ไหมว่าคนเหล่านี้เป็นใคร ? พวกเขานั้นเป็นรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดของห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดเลยนะ !!! ฉันได้ยินมาว่าไม่เพียงแต่พวกเขาจะไปถึงขอบเขตโดเมนกันทั้งหมดแล้ว แต่พวกเขายังสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองไปได้มากกว่าหนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์ด้วย พวกเขาทั้งหมดนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง !!!”


“น่าเสียดายที่กิลของเราไม่ใช่กิลชั้นสูง ไม่งั้นเราคงจะมีสิทเข้าร่วมการประชุมนี้ด้วย”


ผู้เล่นที่เบียดเสียดกันอยู่บนถนนด้านนอกของบ้านประมูลเมืองแบล๊ควิงนั้นต่างพูดคุยกันอย่างหวาดกลัว ในขณะที่พวกเขามองไปยังสมาชิกของห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด ในขณะเดียวกันพวกเขาก็รู้สึกอิจฉาผู้ที่ได้เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้เช่นกัน เพราะท้ายที่สุดหากพวกเขาได้เข้าร่วมการประชุมด้วย และได้เรียนรู้บางอย่างจากคนเหล่านี้ พวกเขาก็คงจะสามารถประหยัดเวลาฝึกของตัวเองไปหลายเดือนเลย


ท่ามกลางการพูดคุยเหล่านี้ เหล่าคนที่มาเข้าร่วมการประชุมก็ได้มอบบัตรเชิญให้กับสมาชิกของห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดที่ทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยเพื่อให้คนเหล่านี้นำทางพวกเขาไปยังที่ประชุม


หลังจากนั้นไม่นานมันก็มีหัวหน้ากลุ่มสามคนได้มายื่นบัตรเชิญที่ทำจากคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ให้กับผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อย และมันก็ทำให้ความวุ่นวายนั้นปะทุขึ้นไปทั่ว


ซึ่งมันก็เป็นเพราะชายวัยกลางคนที่เป็นหัวหน้ากลุ่มสามคนนี้นั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าที่ไม่เคยมีใครได้ยินชื่อมาก่อน


“พวกโง่ !!! นี่พวกเขาคิดว่ามีเพียงมหาอำนาจเท่านั้นงั้นหรอที่จะสามารถสร้างผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าขึ้นมาได้ ?!!” หนึ่งในสมาชิกกลุ่มสามคนที่เป็นจอมเวทย์หญิงผู้ยิ่งใหญ่ ขั้นสี่กล่าวอย่างเย้ยหยัน ในขณะที่เธอมองไปยังฝูชนโดยรอบอย่างดูถูก “ไม่ช้าก็เร็วชื่อของชาโด้วเวนเจ้นซ์ของเราจะต้องดังก้องไปทั่ว God domain !!!”


เธอนั้นรู้สึกดูถูกผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนาจต่างๆ เพราะว่าพวกเขานั้นล้วนพึ่งพาทรัพยากรจำนวนมหาศาลที่องค์กรของตัวเองจัดหามาให้ในการพัฒนาตัวเองมาถึงจุดนี้ ซึ่งตรงกันข้ามกับเธอ และผู้เชี่ยวชาญในกิลของเธอที่ล้วนได้รับความแข็งแกร่งในปัจจุบันมาผ่านการต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่า


“ฉันได้ยินมาว่าสภาสิบแปดปีกแห่งทวีปด้านตะวันออกก็จะมาเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย ฉันสงสัยจังว่าระหว่างหัวหน้ากิลของเรากับแบล๊คเฟรมนั้นใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน …” สมาชิกคนที่สามของกลุ่มซึ่งเป็นเด็กหนุ่มผมสีขาวกล่าวอย่างตื่นเต้น


“แน่นอนว่ามันต้องเป็นหัวหน้ากิลของเราสิ !!! ที่แบล๊คเฟรมมีชื่อเสียงอย่างมากนั้นมันก็เป็นเพราะเขาเป็นคนแรกที่ไปถึงขั้นห้าก็เท่านั้น !!!” จอมเวทย์หญิงผู้ยิ่งใหญ่ ขั้นสี่กล่าวพลางหัวเราะเยาะ


เธอนั้นมีความเชื่อมั่นอย่างมากในตัวของไอรอนโซลที่เป็นหัวหน้ากิลของเธอ ซึ่งนั่นมันก็เป็นเพราะไอรอนโซลนั้นสามารถรับการโจมตีจากมอนสเตอร์ระดับโดเมนศักสิทธิ์ขั้นห้า และเอาตัวรอดมาได้ในขณะที่เขายังคงอยู่ในขั้นสี่ และตอนนี้เมื่อไอรอนโซลมาถึงขั้นห้าแล้ว ดังนั้นความแข็งแกร่งของเขาจึงจะต้องเพิ่มขึ้นอีกมากแน่นอน


ไอรอนโซล ชายวัยกลางคนที่เป็นทั้งหัวหน้ากิล และหัวหน้ากลุ่มของจอมเวทย์หญิงผู้ยิ่งใหญ่ ขั้นสี่นั้นไม่ได้หักล้างคำพูดของคนของเขาเช่นกัน เป้าหมายอย่างหนึ่งของเขาในการมาเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้มันก็คือการได้ประมือกับผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าคนอื่นๆของ God domain และใช้โอกาสนี้สร้างชื่อเสียงให้กับชาโด้วเวนเจ้นซ์นั่นแหละ ….


อย่างไรก็ตามไม่นานหลังจากที่จอมเวทย์หญิงผู้ยิ่งใหญ่ ขั้นสี่ ผู้นี้พูดจบ เสียงหัวเราะอย่างเย้ยหยันก็ดังมาเข้าหูของพวกเขาสามคน


“ช่างเป็นคำกล่าวอ้างที่ฟังดูใหญ่โต และกล้าหาญมากจริงๆ !! ฉันชักจะเริ่มสงสัยแล้วว่าหัวหน้ากิลของคุณนั้นแข็งแกร่งอย่างที่คุณบอกหรือปล่าว ?!!”


เมื่อได้ยินคำพูดนี้นั้นทั้งสามคนก็หันไปมองยังต้นตอของเสียงทันที และพวกเขาก็พบว่าต้นตอของเสียงนั้นมันมากจากกลุ่มผู้เล่นห้าคน โดยคนที่พูดนั้นก็คือผู้หญิงตัวสูงที่มีร่างกายที่เย้ายวนในชุดหนังสีแดงเข้ม ซึ่งเธอนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากไฟเออร์

แดนซ์ ผู้บัญชาการกองกำลังหลักของสภาสิบแปดปีก


“ขั้นห้า สี่คน ?”


ปัจจุบันกลุ่มห้าคนของซือเฟิงนั้นไม่ได้ปกปิดข้อมูล หรืออัตลักษณ์ใดๆของพวกเขาเลย ดังนั้นฝูงชนโดยรอบจึงอ้าปากค้าง และตกตะลึงอย่างถึงที่สุดเมื่อได้เห็นขั้นของกลุ่มของซือเฟิง


ผู้เล่นขั้นห้าทุกคนนั้นล้วนจัดเป็นตัวตนระดับตำนานใน God domain ในปัจจุบัน และมหาอำนาจส่วนใหญ่นั้นก็ยังไม่มีผู้เล่นขั้นห้าอยู่ภายใต้คำสั่งเลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้สภาสิบแปดปีกกับมีผู้เล่นขั้นห้าเพิ่มขึ้นมาอีกสามคนแล้ว นอกเหนือจากแบล๊คเฟรม อควาโรส และเสวี่ยเหวินโหรว


ในเวลานี้ผู้เล่นสามคนจากชาโด้วเวนเจ้นซ์นั้นรู้สึกกดดันอย่างหนัก พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะแข็งแกร่งขนาดนี้


ถ้าเป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัวนั้น ไอรอนโซลยังพอมีความมั่นใจอยู่บ้างว่าเขาจะสามารถสู้ได้ อย่างไรก็ตามมันจะเป็นการรนหาที่ตายแน่นอน หากเขาพยายามจะต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าพร้อมกันสี่คน เพราะท้ายที่สุดใครก็ตามที่สามารถไปถึงขั้นห้าได้นั้น แน่นอนว่าไม่ใช่คนที่อ่อนแอเลย และหากผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าทำงานร่วมกัน พลังในการสู้มันก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณเลยทีเดียว


และในระหว่างที่จอมเวทย์หญิงผู้ยิ่งใหญ่ ขั้นสี่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ไฟเออร์แดนซ์ก็ได้หายไปจากสายตาของทุกคน และก่อนที่ผู้เล่นของชาโด้วเวนเจ้นซ์ทั้งหมดจะตอบสนองได้ ไฟเออร์แดนซ์ก็ได้มายืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาสามคนแล้ว การเคลื่อนไหวของไฟเออร์แดนซ์นั้นมันดูเหนือกว่าการเคลื่อนไหวของผู้ที่ใช้สกิล

บลิ้ง หรือสกิลเคลื่อนไหวทันทีด้วยซ้ำ


อย่างน้อยคนที่ใช้สกิลพวกนี้นั้นก็จะทำให้เกิดความผันผวนเชิงพื้นที่ที่คนอื่นสามารถตรวจจับได้ อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวของไฟเออร์แดนซ์นั้นไม่ได้สร้างทั้งเสียง และความผันผวนเลย การเคลื่อนไหวของเธอนั้นมันเงียบเชียบ และไม่สามารถตรวจจับได้อย่างสมบูรณ์ และเมื่อกลุ่มของไอรอนโซลตรวจพบการปรากฎตัวของเธออีกครั้ง เธอก็ได้ก้าวข้ามระยะมากกว่าหนึ่งร้อยหลาระหว่างพวกเขา และมาปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าพวกเขาแล้ว


“ถ้าคุณต้องการจะต่อสู้กับหัวหน้ากิลของเรา คุณจะต้องผ่านฉันไปให้ได้ก่อน !!!” ไฟเออร์แดนซ์กล่าวด้วยรอยยิ้มขณะที่เธอมองไปยังกลุ่มของไอรอนโซล จากนั้นเธอก็หายตัวไป และไปปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งข้างซือเฟิง


และหลังจากกลุ่มของซือเฟิงห้าคนเข้าสู่บ้านประมูลเมืองแบล๊ควิง ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่หลายคนที่อยู่ด้านนอกก็ยังไม่หายจากอาการตกตะลึงจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เลย


ช่างน่าทึ่งจริงๆ !!! ไอรอนโซลนั้นมีสีหน้าเคร่งขรึม ในขณะที่เขาจ้องมองไปยังร่างของไฟเออร์แดนซ์ที่จากไป


“หัวหน้ากิล คุณเห็นไหมว่าเมื่อกี้เธอทำมันได้ยังไง ?” จอมเวทย์หญิงผู้ยิ่งใหญ่ ขั้นสี่ อดไม่ได้ที่จะถาม


ผู้เล่นขั้นห้านั้นมีชนชั้นสิ่งมีชีวิตที่เหนือกว่าผู้เล่นขั้นสี่มากๆ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่อง

ยากมากๆสำหรับผู้เล่นขั้นสี่อย่างตัวเธอเองที่จะสามารถรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของผู้เล่นขั้นห้าได้ อย่างไรก็ตามมันควรจะเป็นเรื่องที่แตกต่างกันออกไปสำหรับไอรอนโซลที่อยู่ในขั้นห้า และเขาก็น่าจะสามารถรับรู้การเคลื่อนไหวของไฟเออร์แดนซ์ได้


“ฉันเองก็ไม่รู้แน่ชัดนัก …” ไอรอนโซลกล่าวพลางส่ายหัวด้วยน้ำเสียงสงบ ก่อนที่เขาจะกล่าวเสริมว่า “แทนที่จะบอกว่าเธอใช้ความเร็วในการเคลื่อนไหวเมื่อครู่ มันจะเหมาะกว่าหากจะบอกว่าเธอนั้นอยู่ทุกที่ในขอบเขตโดเมนมานาของเธอเอง ความเชี่ยวชาญในเรื่องโดเมนมานาของเธอนั้นเหนือกว่าฉันมาก”


“เธอแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยงั้นหรอ ?” จอมเวทย์หญิงผู้ยิ่งใหญ่ ขั้นสี่ กล่าวอย่างประหลาดใจ


เนื่องจากไอรอนโซลที่มีความแข็งแกร่งสูงมากได้พูดแบบนี้ออกมาเอง ดังนั้นแม้ว่าเธอจะไม่อยากเชื่อ แต่เธอก็ต้องทำใจเชื่อ และเธอก็ต้องทำใจเชื่อด้วยว่าไฟเออร์แดนซ์นั้นน่าจะแข็งแกร่งกว่าไอรอนโซลด้วย


หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไอรอนโซลก็มองไปยังคนของเขาสองคน และพูดว่า “มันมีผู้เชี่ยวชาญอยู่มากมายใน God domain และใครก็ตามที่ไปถึงขั้นห้าได้นั้นก็ถือว่าไม่ธรรมดา พวกคุณต้องระมัดระวังคำพูดของตัวเองให้มากขึ้น และความจริงที่ว่าแบล๊คเฟรมได้รับชื่อเสียงแบบนี้มานั้น มันก็พิสูจน์ได้ว่าเขาไม่ได้อ่อนแอแน่นอน”


ณ จุดนี้ ไอรอนโซลนั้นไม่ได้มีแผนที่จะประมือกับซือเฟิงอีกต่อไป เพราะท้ายที่สุดแค่โอกาสในการที่เขาจะเอาชนะไฟเออร์แดนซ์ให้ได้นั้นมันก็มีน้อยอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจะไปมีคุณสมบัติในการท้าทายผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดใน God domain ได้ยังไง ?


นอกเหนือจากชาโด้วเวนเจ้นซ์แล้ว กองกำลังของผู้เล่นกลุ่มอื่นๆที่มาจากทวีปด้านตะวันตกนั้นก็ได้หยุดประเมินสภาสิบแปดปีกต่ำเกินไปทันที นี่เป็นเรื่องจริงอย่างยิ่งโดยเฉพาะกับมหาอำนาจที่ตอนนี้สามารถสร้างผู้เล่นขั้นห้าขึ้นมาได้แล้ว


หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว และจำนวนกิลที่มารวมตัวกันที่บ้านประมูลเมืองแบล๊ควิงนั้นก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง


หลายชั่วโมงต่อมา ในที่สุดกิลที่ได้รับเชิญทั้งหมดก็มาถึง ซึ่งมันก็มีมากกว่าพันกิลที่เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ และจำนวนคนนั้นมันก็ประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่มากกว่าสองพันคน และผู้เชี่ยวชาญขั้นห้ายี่สิบสามคน ซึ่งจำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นห้านั้นมันเกินความคาดหมายของทุกคนไปมาก


จากผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าทั้งหมดยี่สิบสามคนที่เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้นั้น สิบคนมาจากห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด โดยแต่ละกิลนั้นล้วนมีผู้เชี่ยวชาญขั้นห้ากันอยู่สองคนแล้ว ขณะเดียวกันผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าส่วนที่เหลือนั้นก็มาจากศาลาลับ Battle Wolves ไวโอเล็ตซอร์ด ดอกไม้แห่งเจ็ดบาป และเผ่าศักสิทธิ์ ซึ่งแต่ละกิลนั้นก็สามารถสร้างผู้เล่นขั้นห้าขึ้นมาได้กิลละหนึ่งคนแล้ว นอกเหนือจากนั้นก็ยังมีชาโด้วเวนเจ้นซ์ และกิลชั้นสูงอีกสองกิลที่มีผู้เล่นขั้นห้าอยู่กิลละหนึ่งคนเช่นกัน


แม้แต่ซือเฟิงนั้นก็ไม่ได้คาดคิดเลยว่าทวีปหลักของ God domain จะพัฒนากันมาถึงจุดนี้แล้ว


ด้วยการเปิดเผยนี้ลำดับชนชั้นของกองกำลังต่างๆในทวีปหลักของ God domain ก็จะเปลี่ยนไปอย่างมากแน่นอน


อย่างไรก็ตามแม้ว่าเรื่องนี้จะน่าประหลาดใจนั้น แต่มันก็ดูไร้สาระไปเลย เมื่อซือเฟิงได้ฟังข้อมูลที่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด และศาลาลับแชร์กันออกมา เพราะจากการสืบสวนของพวกเขานั้นดูเหมือนว่าชายหนุ่มลึกลับที่เป็นนักวิชาการนั้นได้รวมกองทัพ NPC จากโลกอื่นเข้าด้วยกันแล้ว โดยในขณะนี้กองทัพ NPC จากโลกอื่นที่กระจายตัวกันอยู่ทั่วทวีปด้านตะวันออกนั้นก็กำลังเดินทางไปชุมนุมยังจุดเดียวกัน ซึ่งนั่นก็คือจักรวรรดิมังกรไฟ


การเปิดเผยนี้นั้นมันทำให้ทุกคนที่เข้าร่วมประชุมมีสีหน้าเคร่งขรึม เพราะท้ายที่สุดแล้วจุดมุ่งหมายของกองทัพ NPC จากโลกอื่น และชายหนุ่มลึกลับที่เป็นนักวิชาการนั้นมันชัดเจนมากๆ ซึ่งพวกเขาก็ไม่สามารถจะปล่อยให้เป็นแบบนั้นได้ เนื่องจากหากจักรวรรดิมังกรไฟที่เป็นหนึ่งในสี่จักรวรรดิที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปด้านตะวันออกถูกทำลายไปนั้น พวกเขาก็จะจบสิ้นกันแน่นอน


“นี่เป็นการสรุปสถานการณ์โดยทั่วไป ….” หลังจากหยวนเทียนซินรายงานข้อมูลทั้งหมดที่เขาได้รับมาให้ทุกคนในห้องประชุมรู้ เขาก็กล่าวต่อว่า “ปัจจุบันประเทศต่างๆในทวีปด้านตะวันออกนั้นเริ่มส่งกองกำลังไปที่จักรวรรดิมังกรไฟแล้ว โดยพวกเขานั้นก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะขัดขวางการรวมพลกันของกองทัพ NPC จากโลกอื่น อย่างไรก็ตามเราคาดการณ์ไว้แล้วว่าท้ายที่สุดกองทัพ NPC จากโลกอื่นนั้นน่าจะรวมพลกันได้พร้อมสรรพในอีกไม่เกินหนึ่งเดือน และเมื่อเวลานั้นมาถึง พวกเขาก็จะเริ่มทำการโจมตีจักรวรรดิมังกรไฟกันทันทีแน่นอน”


“เพื่อจะทำให้กองทัพ NPC จากโลกอื่นอ่อนแอลง เราจำเป็นต้องทำสงครามกองโจรร่วมกับประเทศต่างๆ และพยายามลดความแข็งแกร่งของกองทัพ NPC จากโลกอื่นลงไปให้ได้มากที่สุด !!!”


อย่างไรก็ตามในขณะที่หยวนเทียนซินกำลังจะลงรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการของศาลาลับ และห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดที่จะทำให้กองทัพ NPC จากโลกอื่นอ่อนแอลงนั้น มันก็ได้มีความปั่นป่วนปะทุขึ้นที่ด้านนอกบ้านประมูลเมืองแบล๊ควิง


วินาทีต่อมามันก็ปรากฎรอยแยกขึ้นที่ด้านหนึ่งของสถานที่จัดประชุม และมันก็มีผู้หญิงที่มีปีกสี่คู่สองคนได้เดินออกมาจากรอยแยกนี้ โดยออร่าที่ผู้หญิงสองคนนี้แผ่ออกมานั้นมันก็ทำให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ไม่สามารถจะขยับได้เลย ขณะที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าก็ได้รับผลกระทบในระดับหนึ่งจากออร่าของพวกเธอ


“เทพีตกสวรรค์ขั้นสูง ?!”


“ทำไมพวกเขาถึงมาปรากฎตัวที่นี่ ?!”


ทุกคนล้วนมองไปยังผู้หญิงทั้งสองคนนี้อย่างตกตะลึง


เทพีตกสวรรค์ขั้นสูงนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่เหนือกว่ามังกรโตเต็มวัยทั่วไปขั้นห้าซะอีก โดยตัวตนระดับนี้นั้นสามารถเทียบได้กับพวกมังกรศักสิทธิ์เลย ในขณะเดียวกันผู้หญิงตรงหน้าทั้งสองคนของพวกเขานี้ล้วนเป็นเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงที่อยู่ในขั้นห้า และมีเลเวลสองร้อยกันทั้งคู่ ซึ่งในยุคที่ปราศจากเทพขั้นหกแบบนี้นั้น ตัวตนระดับนี้มันก็ไม่ต่างไปจากเทพเลย


“เหล่าผู้ที่ได้รับพรจากสวรรค์ จงส่งสมบัติชั้นยอดเจ็ดชิ้นมาซะ !!!”


หลังจากประกาศเจตนารมณ์ของตัวเองแล้ว เทพีตกสวรรค์ทั้งสองก็ได้หันมามองซือเฟิง และไอรอนโซล


นี่พวกเขามาเพื่อสมบัติชั้นยอดทั้งเจ็ดงั้นหรอ ? การแสดงออกของซือเฟิงแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที เมื่อเขามองไปยังเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงทั้งสอง


ซือเฟิงนั้นรู้สึกปวดหัวอย่างมากแล้วในการจะหาวิธีจัดการกับชายหนุ่มลึกลับที่เป็นนักวิชาการ อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาไม่นึกเลยว่าชายหนุ่มนั่นจะส่งเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงสองคนมาปล้นกันแบบนี้ สถานการณ์นี้มันเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงจริงๆ


คนอื่นอาจไม่รู้ถึงขอบเขตความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงที่อยู่ในขั้นห้า แต่เขารู้ดี ….


ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา เขาเคยเห็นผู้เชี่ยวชาญขั้นหกต่อสู้กับเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงแบบนี้มาก่อน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญขั้นหกคนที่ว่านั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเอนเลสสการ์ ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการยอมรับว่าแข็งแกร่งที่สุดเป็นอันดับหนึ่งใน God domain ในเวลานั้น


ในตอนนั้นแม้ว่าเอนเลสสการ์จะใช้อาวุธระดับตำนาน และสวมใส่อุปกรณ์ระดับตำนานอยู่บางชิ้น แต่เธอนั้นก็ยังต้องดิ้นรนอย่างหนักในการฆ่าเทพีตกสวรรค์ขั้นสูง หากผู้เชี่ยวชาญขั้นหกทั่วไปพบกับเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงแบบนี้นั้นทางเลือกเดียวของพวกเขาคือจะต้องหนีไป เพราะท้ายที่สุดแล้วตัวตนระดับนี้นั้นจะสามารถฆ่าผู้เชี่ยวชาญขั้นหกทั่วไปได้ง่ายๆเลยโดยอาศัย HP ที่เหนือกว่าอย่างมาก


แต่ตอนนี้เทพีตกสวรรค์ขั้นสูงที่อยู่ในขั้นห้าสองคนกับมาปรากฎตัวขึ้นที่บ้านประมูลเมืองแบล๊ควิงจริงๆ !!! นี่มันบ้าชัดๆ !!!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)