Reincarnation Of The Strongest Sword God 2711-2714
ตอนที่ 2711 สภาสิบแปดปีกที่โชคดี
ห้องโถงกลางของวิหารเทพสงคราม :
เพื่อตอบสนองต่อเสียงระฆังที่แสดงถึงการสิ้นสุดของการทดสอบรอบคัดเลือก เหล่ามหาอำนาจต่างๆได้มารวมตัวกันที่ห้องโถงกลางของวิหารเทพสงครามอย่างรวดเร็ว
เพียงไม่กี่นาที มันก็มีผู้เล่นอยู่เต็มหนึ่งในสามของห้องโถงกลางซึ่งมีขนาดเท่ากับครึ่งสนามฟุตบอล
“การทดสอบรอบคัดเลือกเริ่มต้นขึ้นเมื่อไม่ถึงสิบนาทีที่แล้ว แต่มันกับมีเสียงระฆังที่แสดงถึงการสิ้นสุดของการทดสอบรอบคัดเลือกดังขึ้นแล้ว นี่กฎในการทดสอบรอบคัดเลือกมีการเปลี่ยนแปลงรึปล่าว ?”
“มันไม่น่าจะเป็นเช่นนั้นนะ พวกเราก็ตรวจสอบทุกอย่างมาอย่างดีแล้วนะก่อนการแข่งขัน”
“แต่มันจบลงในเวลาไม่ถึงสิบนาที ฉันสงสัยจังว่าจะมีใครทำอะไรได้ในเวลาอันสั้นแบบนี้ ?”
….
เหล่าพวกระดับสูงของมหาอำนาจต่างๆล้วนพูดคุยกันอย่างอยากรู้อยากเห็นว่าทำไมการทดสอบรอบคัดเลือกถึงจบลงอย่างกระทันหัน พวกเขาทุกคนล้วนอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มากๆ
ท่ามกลางการพูดคุยกันที่ดุเดือด วงเวทย์เทเลพอร์ตขนาดใหญ่ก็ปรากฎขึ้นที่ใจกลางห้องโถงกลาง ครู่ต่อมามันก็มีแผ่นจารึกหินโผล่ออกมาจากวงเวทย์ ซึ่งการปรากฎขึ้นของแผ่นจารึกหินนั้นได้ดึงดูดความสนใจของมหาอำนาจต่างๆในทันที นี่มันเป็นเรื่องจริงอย่างยิ่งโดยเฉพาะกับมหาอำนาจเก้ากลุ่มที่ได้ไปขอความช่วยเหลือจากคนภายนอกมา
นี่เป็นเพราะชื่อของมหาอำนาจทั้งเก้ากำลังค่อยๆปรากฎขึ้นบนแผ่นจารึกหิน ซึ่งมันเป็นสัญญาณที่แสดงถึงการเตรียมจะประกาศจำนวนผู้เล่นที่ผ่านการทดสอบรอบคัดเลือกสำหรับแต่ละกิลอย่างชัดเจน
“อะไรกัน ?! นี่ผลลัพธ์จะออกมาเร็วขนาดนี้เลยงั้นหรอ ?!”
“ฉันสงสัยจังว่าทีมของใครจะเหลือผู้ช่วยเหลือมากที่สุด ? หากใครสามารถรับเอาช่องช่วยเหลือจากคนภายนอกมาได้มากกว่ายี่สิบช่อง มันก็จะช่วยพวกเขาในการแข่งขันอย่างเป็นทางการได้มากแน่นอน”
“ตามข้อมูลที่เราได้รับมา มิราเคิลน่าจะมีภาษีในเรื่องนี้ดีที่สุด เพราะท้ายที่สุดพวกเขารับสมัครแม่มดเอลฟ์เข้ามาได้ ซึ่งเธอเก่งที่สุดเมื่อพูดถึงการลอบโจมตีและซุ่มโจมตีระยะไกล เธอสามารถจะทำการลอบโจมตีและซุ่มโจมตีผู้ที่มีป้ายคำสั่งวิหารเทพสงครามได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้เมื่อวัดกันแบบปอนด์ต่อปอนด์แล้ว ในหมู่ผู้แข็งแกร่งทั้งหกแห่งจักรวรรดิมังกรไฟ การโจมตีของเธอนั้นก็ยากที่จะป้องกันที่สุด”
พวกระดับสูงของมหาอำนาจต่างๆล้วนคาดเดากันอย่างตื่นเต้น ขณะที่พวกเขาเฝ้ารอคอยข้อมูลที่ปรากฎขึ้นบนแผ่นหินจารึกอย่างช้าๆ
ในทางกลับกันสมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่นนั้นเริ่มเต็มไปด้วยความกังวลมากขึ้น เพราะตามข้อมูลที่พวกเขาได้ทำการรวบรวมมาอย่างลับๆนั้น ความแข็งแกร่งของทีมช่วยเหลือของฟรอสต์ฮีฟเว่นนั้นอยู่แค่ในระดับปานกลางเท่านั้น ซึ่งหากพวกเขาขาดความช่วยเหลือจากทีมช่วยเหลือที่มีจำนวนมากเพียงพอ การจะได้หนึ่งในหกตำแหน่งสำรองมันก็จะเป็นไปได้ยากมากๆ
การแข่งขันอย่างเป็นทางการที่จะเริ่มขึ้นเพื่อชิงหกตำแหน่งสำรองนั้น ยิ่งผู้เชี่ยวชาญที่พวกเขามี มีจำนวนมากเท่าไหร่ พวกเขาก็จะยิ่งมีความได้เปรียบมากเท่านั้น
หลังจากที่กิลได้ครองพื้นที่ทรัพยากรแล้วในการแข่งขันอย่างเป็นทางการ กิลก็จะได้รับตราทรัพยากรมา และเมื่อผู้เล่นติดตราทรัพยากร ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้ออกจากระยะของพื้นที่ทรัพยากรกิลที่พวกเขาอยู่ พวกเขาก็จะได้รับคะแนนกิลอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นผู้เล่นที่ติดตราทรัพยากรจึงจะต้องแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ
ไม่งั้นผู้เชี่ยวชาญของกิลอื่นๆจะซุ่มโจมตีและทำการฆ่าผู้ติดตราทรัพยากรได้
ง่ายมากๆ
“สิบ !! แค่สิบคนก็ยังดี !!!” มู่ฉินสวดอ้อนวอนอย่างเงียบๆ ขณะที่เธอมองไปที่แผ่นหินจารึก เธอไม่ได้ตั้งความหวังไว้มากนักว่าจะมีผู้ช่วยเหลือของกิลเธอหลายคนผ่านการทดสอบรอบคัดเลือกได้ เธอหวังเพียงแค่ว่าจำนวนผู้ช่วยเหลือที่ฟรอสต์ฮีฟเว่นจะได้รับมานั้นจะไม่ด้อยกว่ามหาอำนาจอื่นๆมากเกินไป
“สิบ ? เธอช่างรู้วิธีฝันจริงๆ ….” เธ้าซั่นไมล์ รองหัวหน้ากิลของมิราเคิลหัวเราะเยาะออกมา เมื่อได้ยินเสียงพึมพำของมู่ฉินจากบริเวณใกล้เคียง “แต่น่าเสียดายที่การที่เธอเชิญสภาสิบแปดปีกมา มันจะทำให้ความฝันในเรื่องนี้ของเธอไม่มีวันเป็นจริงแน่นอน”
“ไมล์ ครั้งนี้คุณไปไกลเกินไปหน่อยแล้ว ฉันบอกให้คุณแค่สั่งให้แม่มดเอลฟ์ร่วมมือกับอีกสามทีมจากสามกิลปราบปรามสภาสิบแปดปีก แต่คุณกับบอกให้พวกเขาจัดการกับผู้ช่วยเหลือคนอื่นๆของฟรอสต์ฮีฟเว่นด้วย หลังจากจัดการกับสภาสิบแปดปีกแล้ว !!!” ชเรดโซล รองหัวหน้ากิลลำดับที่หนึ่งของมิราเคิลกล่าวด้วยความไม่พอใจ พลางส่ายหัว “ถ้าคนของฟรอสต์ฮีฟเว่นรู้เรื่องนี้ พวกเขาจะสร้างปัญหาให้กับเรามากมายในอนาคตแน่นอน”
“เราจำเป็นจะต้องลดจำนวนผู้ช่วยเหลือของกิลอื่นๆอยู่ดี ฉะนั้นมันไม่ได้สำคัญเลย แม้ว่าเราจะต้องมีปัญหากับฟรอสต์ฮีฟเว่นเพิ่มขึ้นในเรื่องนี้ มันเป็นความผิดของ
ฟรอสต์ฮีฟเว่นตั้งแต่เริ่มที่ขอความช่วยเหลือจากสภาสิบแปดปีก” เธ้าซั่นไมล์โต้ตอบอย่างดูถูก
เขามีความรู้สึกไม่พอใจอย่างมากกับสภาสิบแปดปีก
ทั้งหมดเป็นเพราะสภาสิบแปดปีกที่ทำให้สถานะในกิลของเขาลดลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้ว เขาจึงจะไม่ยอมปล่อยให้โอกาสที่จะได้แก้แค้นหลุดมือไป ในความเป็นจริงเพื่อที่จะแก้แค้นสภาสิบแปดปีก เขานี่แหล่ะคือผู้ที่เกลี้ยกล่อมให้กิลของตัวเองร่วมมือกับมือแห่งนักบุญและอีกสามกิลเพื่อดำเนินการจัดการกับสภาสิบแปดปีกร่วมกัน
ในตอนนี้โคลท์ชาโด้วก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังมู่ฉินที่อยู่อีกมุมหนึ่งของห้องโถงกลางด้วยความเห็นใจ
“ถ้าไม่ใช่เพราะสภาสิบแปดปีก ฟรอสต์ฮีฟเว่นก็คงจะไม่ตกอยู่ในสถานะที่น่าอึดอัดแบบนี้” โคลท์ชาโด้วพึมพำพลางถอนหายใจออกมา
ภายใต้สถานการณ์ปกติ การตัดสินใจของมู่ฉินที่รับสมัครซือเฟิงเข้ามาเพื่อช่วยเหลือนั้นมันก็จัดว่าเป็นเรื่องดี แต่น่าเสียดายที่นอกเหนือจากความแข็งแกร่งที่น่ากลัวของเขาแล้ว ซือเฟิงนั้นไม่ได้รู้ถึงวิธีในการที่จะวางตัวเลย เขาสร้างศัตรูมากเกินไป ไม่งั้นมิราเคิลจะไม่ตัดสินใจที่จะดำเนินการกับสภาสิบแปดปีกอย่างเด็ดขาดแบบนี้ และเพิกเฉยต่ออิทธิพลของฟรอสต์ฮีฟเว่น
ในขณะที่สมาชิกของมหาอำนาจต่างๆกำลังพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น มันก็มีแสงที่สว่างวาบหลาบดวงปรากฎขึ้นที่บริเวณวงเวทย์เทเลพอร์ตใจกลางห้องโถงกลาง และในพริบตามันก็มีร่างสิบเจ็ดร่างปรากฎขึ้นต่อหน้าต่อตาของทุกคน
และเมื่อแสงนี้หาย ตัวตนของร่างทั้งสิบเจ็ดร่างก็ปรากฎขึ้นให้ทุกคนเห็นอย่างชัดเจน ซึ่งพวกเขาก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสมาชิกสภาสิบแปดปีกที่มหาอำนาจต่างๆล้วนคิดว่าจะล้มเหลวแน่นอนในการทดสอบรอบคัดเลือก
“เป็นไปได้ยังไงกัน ?”
“นี่พวกเขาโชคดีมากงั้นหรอ ? พวกเขาไม่ได้พบกับทีมช่วยเหลือของมหาอำนาจอื่นๆในนั้นเลยรึไง ?”
ชั่วครู่หนึ่งทั้งห้องโถงกลางก็ตกอยู่ในความโกลาหล มันไม่มีพวกระดับสูงคนใดของมหาอำนาจต่างๆที่เชื่อในสายตาของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับตระกูลมังกรฟ้า จักรวรรดิมังกรไพรน์ วังปีศาจ และมิราเคิล ทุกคนล้วนอ้าปากค้างให้กับสถานการณ์นี้
“ทำไมสมาชิกสภาสิบแปดปีกถึงยังมีชีวิตอยู่ ?” เธ้าซั่นไมล์รู้สึกสับสนมากๆ เมื่อเห็นกลุ่มของซือเฟิงเดินออกมาจากวงเวทย์เทเลพอร์ต
ในขณะนี้มันไม่ใช่แค่เธ้าซั่นไมล์คนเดียว แม้แต่ชเรดโซล และโคลท์ชาโด้วที่อยู่ห่างออกไปก็ยังงงงวยกับสถานการณ์นี้ เพราะท้ายที่สุดมันไม่มีใครรู้ดีไปกว่าพวกเขาแล้วถึงสถานการณ์ข้างในนั้น
นั่นคือผู้เชี่ยวชาญระดับสูงหรือเก่งกาจกว่านั้นสี่ร้อยคนเลยนะที่พวกเขากำลังพูดถึง !!!
แถมในจำนวนนั้นสี่คนก็เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสี่ในหกผู้แข็งแกร่งทั้งหกแห่งจักรวรรดิมังกรไฟ แถมนี่ยังไม่นับรวมเหล่าผู้เชี่ยวชาญที่อ่อนแอลดหลั่นกันลงมาซึ่งมีจำนวนมากมายมหาศาล และด้วยพลังที่แข็งแกร่งแบบนี้นั้น พวกเขาจะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ แม้แต่ในจักรวรรดิมังกรไฟ โดยการจัดการกับสภาสิบแปดปีกควรเป็นแค่เรื่องเล็กๆ กระนั้นสภาสิบแปดปีกกับออกจากการทดสอบรอบคัดเลือกมาได้โดยไม่มีผู้เสียชีวิตเลย จะให้พวกเขาพาตัวเองไปเชื่อสถานการณ์แบบนี้ได้อย่างไร ?
“ทั้งสี่คนนั่นไม่ได้จัดการกับพวกเขางั้นหรอ ?”
ไม่ว่าโคลท์ชาโด้วจะคิดอย่างไร เธอก็นึกออกถึงเหตุผลนี้แค่เหตุผลเดียวที่สภาสิบแปดปีกสามารถกลับออกมาจากการทดสอบรอบคัดเลือกได้โดยไม่มีผู้เสียชีวิตเลย
สมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่นก็ประหลาดใจกับสถานการณ์นี้เช่นกัน
“พวกเขานั้นจัดว่าโชคดีจริงๆ พวกเขาสามารถจะกลับออกมาได้โดยไม่มีผู้เสียชีวิตเลย” เมื่อบริลเลี่ยนบลูเห็นกลุ่มของซือเฟิง เขาก็เหลือบไปมองที่หงซินหยวนจากนั้นก็กล่าวต่อว่า “อย่างไรก็ตามการกลับมาแบบมีชีวิตนั้นมันก็เปล่าประโยชน์ หากพวกเขาไม่มีป้ายคำสั่งวิหารเทพสงคราม !!!”
ในความเห็นของบริลเลี่ยนบลู กลุ่มของซือเฟิงต้องจงใจที่จะหลีกเลี่ยงทีมช่วยเหลือของมหาอำนาจอื่นๆ และไม่ได้ทำการต่อสู้ใดๆเลยแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถจะกลับมาได้อย่างปลอดภัยแบบนี้ เพราะท้ายที่สุดด้วยการเปิดเผยข้อมูลของสภาสิบแปดปีก ยังไงมหาอำนาจต่างๆก็จะกำหนดเป้าหมายมาที่พวกเขาแน่นอน
อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุด มหาอำนาจต่างๆที่เข้าร่วมในปัจจุบันก็ถือว่าการกลับมาของสภาสิบแปดปีกนั้นเป็นเพียงเรื่องที่น่าประหลาดใจเล็กน้อยเท่านั้น และพวกเขาก็ไม่ได้สนใจมากนัก เนื่องจากสิ่งที่พวกเขาสนใจจริงๆคือกิลของตัวเองได้รับช่องจากผู้ช่วยเหลือกี่ช่องกัน
ทุกคนนั้นหันกลับไปสนใจที่วงเวทย์เทเลพอร์ตต่อทันทีเพื่อรอดูว่าจะมีใครอื่นอีกที่กลับมา เพื่อที่ว่าพวกเขาจะได้สอบถามเรื่องราวทั้งหมด และเช็คผลเรื่องของป้ายคำสั่งวิหารเทพสงครามด้วย
อย่างไรก็ตามหลังจากกลุ่มของซือเฟิงออกมาจากวงเวทย์เทเลพอร์ต วงเวทย์นี้ซึ่งควรจะมีคนอื่นเทเลพอร์ตกลับมาเพิ่มเติมด้วยก็ค่อยๆจางหายไป ซึ่งนี่มันสร้างความตกตะลึงให้กับมหาอำนาจต่างๆอย่างมาก
“มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?”
“เหตุใดวงเวทย์จึงหยุดการเทเลพอร์ตผู้เล่นกลับมาเพิ่มเติม ?”
“มันพังรึปล่าว ?”
คำถามหลายคำถามค่อยๆเกิดขึ้นในใจของทุกคน ไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น และสถานการณ์ภายในห้องโถงกลางก็กลายเป็นโกลาหลเพราะเรื่องนี้
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่นานห้องโถงกลางก็ตกอยู่ในความเงียบสงัด
บรรทัดข้อความที่ปรากฎขึ้นที่ด้านบนสุดของแผ่นหินจารึกนั้นมันทำให้ทุกคนพูดไม่ออกและตกตะลึงมากๆ
จำนวนผู้เข้าร่วมการทดสอบรอบคัดเลือก : 900 คน ผ่านการทดสอบ : 17 คน
ตอนที่ 2712 คนที่หยิ่งผยอง
“มีผู้ผ่านการทดสอบรอบคัดเลือกแค่สิบเจ็ดคนงั้นหรอ ?”
“กลุ่มของสภาสิบแปดปีกดูเหมือนจะมีสิบเจ็ดคนนะ ….”
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นในนั้นกันแน่ ?”
หลังจากเงียบกันไปชั่วครู่ มหาอำนาจต่างๆก็หันไปมองกลุ่มของซือเฟิง ขณะที่ความสงสัยในจิตใจของพวกเขานั้นเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ
มันมีความเป็นไปได้ที่ป้ายคำสั่งวิหารเทพสงครามจะถูกซ่อนไว้อย่างดีภายในสนามรบที่เป็นพื้นที่การทดสอบรอบคัดเลือก ซึ่งมันก็มีสิทที่จะส่งผลให้มีผู้ผ่านการทดสอบรอบคัดเลือกน้อยกว่าหนึ่งร้อยคน อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่มันก็ยังน่าจะมีราวแปดสิบคนที่ผ่านการทดสอบรอบคัดเลือกได้
อย่างไรก็ตามมันกับมีเพียงแค่สิบเจ็ดคนเท่านั้นที่ผ่านการทดสอบรอบคัดเลือกมาได้ ซึ่งตัวเลขนี้ต่ำกว่าการคาดเดาของมหาอำนาจต่างๆอย่างมาก
ขณะเดียวกัน พวกระดับสูงของตระกูลมังกรฟ้า จักรวรรดิไพรน์ วังปีศาจ และมิราเคิล คือผู้ที่ตกตะลึงกับสถานการณ์นี้มากที่สุด พวกเขานั้นไม่สามารถจะเข้าใจได้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นภายในการทดสอบรอบคัดเลือก
ทั้งสี่กิลของพวกเขาได้จ่ายไปอย่างมหาศาลเพื่อรับสมัครสี่จากหกผู้แข็งแกร่งทั้งหกแห่งจักรวรรดิมังกรไฟให้มาช่วยเหลือ และพวกเขาก็มั่นใจมากว่าพวกเขาจะได้รับช่องส่วนใหญ่ในการทดสอบรอบคัดเลือกไป อย่างไรก็ตามตอนนี้นับประสาอะไรกับช่องส่วนใหญ่ มันไม่มีผู้ช่วยเหลือของพวกเขาแม้แต่คนเดียวที่ผ่านการทดสอบรอบคัดเลือกเลยด้วยซ้ำ ….
สิ่งนี้มันไม่น่าเชื่อยิ่งกว่าที่สมาชิกสภาสิบแปดปีกทั้งหมดกลับมาได้โดยไม่มีใครตายเลยด้วยซ้ำ
พวกเขาจะเชื่อเรื่องนี้ได้อย่างไร ?
“รีบไปสืบเรื่องนี้ทันที !! สืบมาให้ละเอียด !! ฉันอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในการทดสอบรอบคัดเลือก !!!”
เกือบจะทันทีที่รู้ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น พวกระดับสูงของกิลทั้งสี่ก็ได้ทำการติดต่อไปยังสมาชิกทีมช่วยเหลือของตัวเองเพื่อสอบถามข้อมูลทันที
….
“รองหัวหน้ากิล มันมีอะไรผิดพลาดในการทดสอบรอบคัดเลือกรึปล่าว ?” ดวงตาของไวท์เฟเธอร์เต็มไปด้วยความประหลาดใจ ขณะที่เธอมองไปยังแผ่นจารึกหินใจกลางห้อง
ในการตอบคำถามของไวท์เฟเธอร์ โคลท์ชาโด้วได้เหลือบไปมองกลุ่มของซือเฟิง ก่อนที่จะมองไปยังพวกระดับสูงของทั้งสี่กิล จากความวุ่นวายที่เห็นได้ชัดของพวกระดับสูงของทั้งสี่กิล มันก็เห็นได้ชัดว่าแม้แต่พวกเขาเองก็ยังไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“มันต้องมีบางอย่างผิดพลาดแน่นอน แต่ฉันไม่รู้เลยจริงๆว่าสภาสิบแปดปีกใช้กลอุบายอะไรในครั้งนี้ ….” ทั้งหมดที่โคลท์ชาโด้วคิดได้ในตอนนี้ก็คือสถานการณ์นี้มันจะต้องเกี่ยวข้องกับสภาสิบแปดปีกแน่นอน
จากผู้เล่นที่เข้าร่วมการทดสอบรอบคัดเลือก 900 คน มันมีเพียง 17 คนเท่านั้นที่กลับมา ซึ่งแม้ว่ามันจะมีการต่อสู้ที่รุนแรงเกิดขึ้นภายใน แต่มันก็ไม่ควรจะมีจำนวนคนกลับมาน้อยขนาดนี้ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าผู้ที่กลับมาทั้งหมดล้วนเป็นสมาชิกของสภาสิบแปดปีกเลย ….
….
ในขณะที่มหาอำนาจต่างๆกำลังเร่งตรวจสอบสถานการณ์นี้ ฝั่งของฟรอสต์ฮีฟเว่นเองก็ล้วนตกตะลึง และพูดไม่ออก รวมทั้งพวกเขาก็มีท่าทีคล้ายกับมหาอำนาจอื่นๆเช่นกัน
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม มันเกิดอะไรขึ้นภายในนั้นกัน ? ทำไมถึงมีแค่กลุ่มของคุณที่กลับมากลุ่มเดียว ?” มู่ฉินอดไม่ได้ที่จะรีบถามซือเฟิง เนื่องจากซือเฟิงอยู่ภายในนั้น ดังนั้นการถามเขามันจึงจะมีประสิทธิภาพกว่าไปถามแบบมั่วๆรอบๆอย่างมาก
“ใช่แล้ว มันเกิดอะไรขึ้นภายในนั้นกัน ?” บริลเลี่ยนบลูตั้งคำถามในทำนองเดียวกันกับมู่ฉิน “แล้วซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นกับคนอื่นๆอยู่ที่ไหน ?”
หากแม้แต่กลุ่มเล็กๆของสภาสิบแปดปีกที่มีสิบเจ็ดคนก็ยีงรอดกลับมาได้ มันก็ไม่มีทางที่ทีมของดอกไม้แห่งเจ็ดบาปที่มีแปดสิบสามคนจะทำไม่ได้ นี่ไม่ต้องพูดถึงซอลเลอร์ฟูลฮีฟเว่นที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนเลย ….
หลังจากมู่ฉินและบริลเลี่ยนบลูกล่าวคำถามของตัวเองจบ ทุกคนจากฟรอสต์ฮีฟเว่นก็หันไปมองซือเฟิงอย่างอยากรู้มากๆว่ามันเกิดอะไรขึ้นข้างใน
อย่างไรก็ตามซือเฟิงนั้นไม่ได้สนใจคำถามของบริลเลี่ยนบลู และหันไปหามู่ฉิน
“ไม่มีอะไรเป็นพิเศษที่เกิดขึ้นข้างในหรอก เราก็แค่ทำการต่อสู้ตามปกตินั่นแหละ ส่วนผลลัพธ์มันก็อย่างที่คุณเห็น ….” ซือเฟิงพูดอย่างใจเย็น
คำพูดของซือเฟิงนั้นชัดเจนและตรงไปตรงมา แถมเหตุผลของเขามันก็เรียบง่ายมากๆ อย่างไรก็ตาม มันไม่มีสมาชิกคนใดของฟรอสต์ฮีฟเว่นที่เชื่อเขา แม้แต่มู่ฉินก็ยังคิดว่าซือเฟิงนั้นกำลังล้อเล่นกับเธอ
“แบล๊คเฟรม นี่คุณคิดว่าชายแก่ผู้นี้โง่งั้นหรอ ? นี่คุณคิดว่าฉันจะเชื่อคำพูดแบบนั้นของคุณจริงๆงั้นหรอ ?” บริลเลี่ยนบลูกล่าวด้วยความโกรธ เขารู้สึกไม่พอใจอย่างมากที่ซือเฟิงไม่สนใจเขา และตอนนี้ซือเฟิงก็ยังมาดูถูกสติปัญญาเขาด้วยการให้คำตอบแบบโง่ๆอีก
สมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่นคนอื่นๆพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของบริลเลี่ยนบลู และพวกเขาก็เริ่มมองไปยังซือเฟิงด้วยความดูถูก
แม้ว่าคำตอบของซือเฟิงจะฟังดูสมเหตุสมผล แต่มันก็เป็นสิ่งที่มีความเป็นไปได้น้อยที่สุดเลย
และพวกเขาก็คงจะโง่แน่นอน ถ้าเชื่อเขา !!!
มันมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเก้าร้อยคนที่ได้เข้าร่วมในการทดสอบรอบคัดเลือกครั้งนี้ และหลายคนก็เป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดหรือเก่งกาจกว่านั้น ไม่ว่าการต่อสู้จะเป็นไปอย่างรุนแรงและดุเดือดแค่ไหน แต่ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ก็ไม่ควรจะถูกทำลายล้างลงไปทั้งหมด เพราะท้ายที่สุดพวกเขาก็ยังสามารถจะหนีได้ หากคิดว่าตัวเองไม่สามารถเอาชนะการต่อสู้ได้
ยิ่งไปกว่านั้นในการทดสอบรอบคัดเลือกที่ถูกจัดขึ้นในสนามรบที่เป็นพื้นที่พิเศษนี้ อัตราการผลาญค่าสตามิน่าและค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของผู้เล่นยังจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งความยากและความเสี่ยงในการไล่ล่าคู่ต่อสู้ที่หลบนี้ในพื้นที่นี้นั้นมันสูงอย่างไม่น่าเชื่อ
ในขณะเดียวกันกลุ่มของซือเฟิงไม่เพียงแต่จะเป็นกลุ่มที่เล็กที่สุด แต่พวกเขายังสามารถจะถูกโต้ตอบได้ง่ายที่สุด และหากมันมีการต่อสู้ที่รุนแรงเกิดขึ้นจริงๆ กลุ่มของซือเฟิงก็ควรจะเป็นกลุ่มแรกเลยที่มีโอกาสรอดชีวิตน้อยที่สุด ….
แต่ดูผลลัพธ์ในตอนนี้สิ ?
กลุ่มของสภาสิบแปดปีกไม่เพียงแต่จะไม่มีคนตายเลย แต่สมาชิกของสภาสิบแปดปีกทุกคนยังแสดงออกถึงท่าทีที่ผ่อนคลายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ พวกเขาไม่ได้ดูเหมือนกับคนที่พึ่งรอดมาจากการต่อสู้ที่รุนแรงเลย พวกเขาดูเหมือนกับคนที่พึ่งจะเดินผ่านสวนหลังบ้านของตัวเองมามากกว่า
“ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับคุณ ….” ซือเฟิงตอบกลับอย่างไม่ไยดี “การทดสอบในรอบคัดเลือกจบลงแล้ว หากคุณไม่มีคำถามอื่นใด เราขอกลับไปพักผ่อนก่อนล่ะ ….”
หลังจากพูดจบ ซือเฟิงก็หันหลังกลับ และเดินออกไปจากห้องโถงโดยไม่สนใจว่าสมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่นจะเชื่อเขาหรือไม่ เป้าหมายของเขาในการมาที่นี่คือช่องเข้าสู่ Upper Zone สามช่องเท่านั้น
ในขณะเดียวกัน หลังจากที่มองไปที่ฟรอสต์ฮีฟเว่น สมาชิกคนอื่นๆของสภาสิบแปดปีกก็หัวเราะเบาๆก่อนจะเดินตามซือเฟิงออกไปจากห้องโถง
พฤติกรรมที่กลุ่มของสภาสิบแปดปีกได้กระทำนั้นทำให้บริลเลี่ยนบลูตกตะลึง
เขาเป็นหนึ่งในเสาน้ำแข็งที่เป็นเสาหลักของฟรอสต์ฮีฟเว่น และเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของกิล แต่ตอนนี้เขากับถูกหัวหน้ากิลของกิลกึ่งมหาอำนาจเมินเฉยอย่างสิ้นเชิง
หลังจากนั้นบริลเลี่ยนบลูก็หันมาจ้องมองที่หงซินหยวน และตะโกนด้วยความโกรธทันทีว่า “หงซินหยวน ดูไว้ให้ดี นี่คือไพ่เด็ดที่คุณเลือกมา !!!”
อย่างไรก็ตามหงซินหยวนนั้นก็ไม่ได้สนใจใดๆกับท่าทีที่เต็มไปด้วยความโกรธของบริลเลี่ยนบลู อันที่จริงต้องบอกว่าเขาอารมณ์ดีมากด้วยซ้ำ เพราะท้ายที่สุดการกลับมาของกลุ่มของซือเฟิงมันหมายความว่าฟรอสต์อีฟเว่นได้รับช่องผู้ช่วยเหลือมาถึงสิบเจ็ดช่อง
เมื่อได้รับการเมินเฉยและไม่สนใจจากหงซินหยวนอีกคน บริลเลี่ยนบลูก็ได้หันไปหาเซเว่นวอร์นเดอร์ และกล่าวอย่างตะคอกว่า “หัวหน้ากิล คุณก็ได้เห็นพฤติกรรมของสมาชิกสภาสิบแปดปีกทั้งหมดแล้ว พวกเขาหยิ่งผยองเกินไป และพวกเขาไม่ได้ปฎิบัติกับเราอย่างจริงจังเลย ถ้าเราปล่อยให้พวกเขาเข้าร่วมการแข่งขันอย่างเป็นทางการ ผลที่ตามมามันจะเป็นหายนะแน่นอน !!!”
“พอแล้ว !!! เราจะตรวจสอบสถานการณ์กันก่อน !!!” เซเว่นวอร์นเดอร์กล่าวพลางขมวดคิ้ว
อย่างไรก็ตามเมื่อเซเว่นวอร์นเดอร์เหลือบไปมองร่างที่จากไปของสมาชิกสภาสิบแปดปีก ความไม่พอใจก็ปรากฎขึ้นในดวงตาของเขาเช่นกัน
ในขณะเดียวกัน แม้ว่าซือเฟิงจะพูดน้ำเสียงปกติ แต่ทุกคนในห้องโถงนั้นก็ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถ และแม้แต่ผู้ที่อ่อนแอที่สุดก็อยู่ในขอบเขตรวดเร็วดั่งสายน้ำ ดังนั้นพวกเขาทุกคนจึงล้วนได้ยินคำพูดของซือเฟิงอย่างชัดเจน
….
“แบล๊คเฟรมนั้นหยิ่งผยองอย่างแท้จริง เขาทำท่าทีแบบนี้แม้แต่กับฟรอสต์ฮีฟเว่น เขาจะมีเส้นทางที่ยากลำบากรออยู่ข้างหน้าเขาแน่นอน” ไวท์เฟเธอร์ยิ้มเยาะ เมื่อเธอได้ยินเรื่องที่ซือเฟิงและพวกระดับสูงของฟรอสต์ฮีฟเว่นพูดคุยกัน “อย่างไรก็ตาม แบล๊คเฟรมนี่ช่างโม้จริงๆ เขาคิดว่ากลุ่มของเขาประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวทั้งหมดรึไงกัน ?”
แม้ว่าสมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่นอาจจะไม่รู้ตัว แต่เธอก็รู้ดีว่าเกือบครึ่งหนึ่งของผู้เล่นเก้าร้อยคนที่เข้าร่วมการทดสอบรอบคัดเลือกนั้นล้วนกำหนดเป้าหมายไปที่สภาสิบแปดปีก ซึ่งสภาสิบแปดปีกไม่ควรจะกลับออกมาได้โดยไม่มีคนล้มตายเลย หากเกิดการต่อสู้ขึ้นจริงๆ
อย่างไรก็ตามแม้ว่าไวท์เฟเธอร์จะกล่าวเยาะเย้ยซือเฟิงไป แต่โคลท์ชาโด้วก็ยังคงเงียบจนน่าประหลาดใจ
“รองหัวหน้ากิล มีอะไรผิดปกติงั้นหรอ ?” ไวท์เฟเธอร์ถามด้วยความสับสน เมื่อเธอเห็นท่าทีเคร่งขรึมของโคลท์ชาโด้ว
“ข่าวจากพวกด้านในพึ่งจะมาถึงเรา ….” โคลท์ชาโด้วกล่าว ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ และพูดต่อช้าๆว่า “ทีมช่วยเหลือของมหาอำนาจทั้งหมด …. ถูกทำลายล้าง !!!”
ตอนที่ 2713 ชื่อเสียงแพร่กระจายไปทั่วจักรวรรดิมังกรไฟ
เมื่อไวท์เฟเธอร์ได้ยินคำพูดของโคลท์ชาโด้ว สมองของเธอก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ
“เป็นไปได้ยังไง ?” ไวท์เฟเธอร์อุทานออกมาโดยสัญชาตญาณ “การทดสอบรอบคัดเลือกใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที !!! ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเก้าร้อยคนจะเข่นฆ่ากันได้เกือบหมดได้ยังไง ในเวลาแค่นี้” หากไม่มีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างผู้เชี่ยวชาญขั้นสามด้วยกัน เมื่อมีการปะทะกันเกิดขึ้น มันน่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองถึงห้านาทีเลยกว่าผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่ปะทะกันแบบตัวต่อตัวจะปรากฎผลลัพธ์ของการต่อสู้ออกมา
เรื่องนี้มันเป็นดั่งกฎที่ได้รับการยอมรับทั่วไปใน God domain
เมื่อผู้เล่นมาถึงขั้นสามกัน ผู้เล่นเกือบทุกคนจะมีสกิลช่วยชีวิตกันอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งนี่มันจะทำให้ผู้เล่นสามารถต่อสู้กันในแบบถึงเลือดถึงเนื้อได้ในระดับหนึ่งเลย ดังนั้นมันจึงมีคำกล่าวที่เป็นที่นิยมว่า แม้ว่าจะสามารถเอาชนะผู้เชี่ยวชาญขั้นสามได้อย่างง่ายดาย แต่การจะฆ่าผู้เชี่ยวชาญขั้นสามให้ได้นั้น มันก็เป็นเรื่องที่ท้าทายมากๆ
“ไม่ ! พวกเขาไม่ได้ต่อสู้หรือเข่นฆ่ากันเอง” โคลท์ชาโด้วส่ายหัว จากนั้นเธอก็พูดต่ออย่างใจเย็นว่า “ตามข้อมูลที่เราได้รับจากพวกที่อยู่ด้านใน ทีมช่วยเหลือของมหาอำนาจมากกว่าครึ่งเลือกจะยอมแพ้”
“ยอมแพ้ ?” ไวท์เฟเธอร์เริ่มรู้สึกสับสนมากขึ้นให้กับการเปิดเผยของข้อมูลนี้ เธอรู้สึกว่ายิ่งเธอรู้ลึกเรื่องนี้มากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจมากขึ้น
ในขณะเดียวกันภายในห้องโถงตอนนี้ เธ้าซั่นไมล์และพวกระดับสูงของมหาอำนาจต่างๆหลายกลุ่มที่อยู่ตรงนี้ในปัจจุบันก็เริ่มจะได้รับข่าวคราวเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นภายในการทดสอบรอบคัดเลือกแล้ว และพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะสับสน
“นี่พวกเขาเสียสติกันไปแล้วรึไง ?! ยอมแพ้มากกว่าครึ่ง ?!” เธ้าซั่นไมล์สบถออกมาเสียงดัง เมื่อเห็นรายงานของลูกน้องของเขา “รีบไปสืบสวนทันที !!! ใครก็ตามที่เลือกจะยอมแพ้ไม่ควรคิดว่าจะได้รับผลประโยชน์ใดๆตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ !!!”
ด้วยความได้เปรียบด้านจำนวนอย่างมาก พวกเขาควรจะสามารถทำลายล้างสมาชิกสภาสิบแปดปีกได้อย่างง่ายๆด้วยซ้ำ แม้ว่าสมาชิกสภาสิบแปดปีกจะปลุกศพพรรคพวกของตัวเองที่ตายไปในระหว่างการปะทะขึ้นมาก็ตาม
“รองหัวหน้ากิลไมล์” เบอเซิกเกอร์ชุดเทาที่ยืนอยู่ต่อหน้าเธ้าซั่นไมล์ตัวหดลงเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นมาเบาว่าๆ “พวกที่เลือกจะยอมแพ้ …. ไม่ใช่ทีมช่วยเหลือของกิลเรา ….”
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับทีมช่วยเหลือของกิลเรา ?” เธ้าซั่นไมล์ถาม
“ทีมช่วยเหลือของกิลเรา ….” หลังจากมองไปที่เธ้าซั่นไมล์ เบอร์เซิกเกอร์ชุดเทาก็กล่าวขึ้นมาอย่างกล้าๆกลัวๆว่า “แบล๊คเฟรมได้ฆ่าพวกเขาทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไม่ได้ฆ่าแค่ทีมช่วยเหลือของกิลเรา เขายังฆ่าทีมช่วยเหลือของอีกสามกิลด้วย ….”
“คุณแน่ใจงั้นหรอว่าแบล๊คเฟรมทำคนเดียว ? ไม่ใช่ว่าพวกเขาล้อเล่นอะไรกับคุณหรอ ?” เธ้าซั่นไมล์ตอบด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“ฉันได้ทำการยืนยันจากพวกเขามาเป็นอย่างดีแล้ว ….” เบอเซิกเกอร์ชุดเทากล่าวพลางพยักหน้า “แบล๊คเฟรมฆ่าพวกเขาทั้งหมดด้วยตัวเองจริงๆ ผู้เล่นสี่ร้อยคนที่พุ่งเป้าไปที่สภาสิบแปดปีกนั้นไม่มีใครรอดชีวิตเลย”
“คนเดียว ? เขาฆ่าผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม สี่ร้อยคนด้วยตัวเองคนเดียว ?” ทันใดนั้นเธ้าซั่นไมล์ก็รู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย เมื่อได้รับคำยืนยันแบบนี้
ข้อมูลนี้มันมากเกินไปสำหรับสมองของเขาที่จะประมวลผลได้ เขาเริ่มคิดด้วยซ้ำว่าตอนนี้เขากำลังหลอนอะไรรึปล่าว ….
“ตามที่พวกทีมช่วยเหลือรายงานมา แบล๊คเฟรมนั้นมีโดเมนมานาในครอบครองแล้ว โดยขอบเขตกับความแข็งแกร่งของโดเมนมานาของเขามันก็น่ากลัวมากเช่นกัน ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจะไม่สามารถใช้พลังในการต่อสู้ของตัวเองได้ถึงสิบเปอเซ็นต์เลยเมื่ออยู่ภายใน และแค่จะขยับร่างกายตัวเองภายในโดเมนมานาของแบล๊คเฟรม มันก็เป็นงานที่ท้าทายแล้ว ….” เบอเซิกเกอร์รายงาน หลังจากเรียกความกล้าของตัวเองออกมา
ไม่เพียงแต่จะมีผู้เล่นคนหนึ่งได้รับโดเมนมานามา แต่โดเมนมานาของผู้เล่นคนนั้นยังแข็งแกร่งและน่ากลัวมากๆด้วย ถ้ามีใครมาบอกเขาเรื่องนี้ก่อนหน้านี้ เขาคงจะคิดว่าคนๆนั้นบ้า หรือไม่ก็เป็นพวกหน้าใหม่ที่พึ่งเข้ามาเล่น God domain แน่นอน
“โดเมนมานา ?” การแสดงออกของเธ้าซั่นไมล์แข็งค้างไป “เขามีโดเมนมานาได้ยังไงกัน ?”
ในเวลานี้เธ้าซั่นไมล์นั้นไม่ใช่คนเดียวที่ตกตะลึง พวกระดับสูงของมหาอำนาจอื่นๆเองก็ตกตะลึงมากพอกันเมื่อพวกเขาได้ยินข่าวนี้ เพราะท้ายที่สุดเรื่องที่ซือเฟิงมีโดเมนมานา และทำลายล้างทีมช่วยเหลือสี่ทีมด้วยตัวเองนั้น มันจัดว่าไม่น่าเชื่อเอามากๆเลยทีเดียว
ใน God domain โดเมนมานานั้นเป็นตัวใช้กำหนดมาตราฐานว่า NPC แข็งแกร่งหรืออ่อนแอ ซึ่งตราบใดที่ NPC มีโดเมนมานา พวกเขาก็จะถือว่าเป็นตัวตนที่ทรงพลังอย่างแท้จริงใน God domain !!!
หลังจากสมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่นได้รับรายงานโดยละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างการทดสอบรอบคัดเลือก พวกเขาก็เงียบลงไปเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริลเลี่ยนบลูที่ตอนนี้มีสีหน้าที่เหี่ยวย่นและบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด
ก่อนหน้านี้ไม่มีใครจากฟรอสต์ฮีฟเว่นเชื่อในสิ่งที่ซือเฟิงพูด และในความคิดของพวกเขา ซือเฟิงนั้นก็แค่โม้เท่านั้น แถมบริลเลี่ยนบลูยังมีท่าทีล้อเลียนว่าซือเฟิงหยิ่งยโสด้วย
อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกที่ได้เข้าร่วมการทดสอบรอบคัดเลือกนั้นได้รายงานมายังพวกเขาแล้วว่าทุกเรื่องเป็นเรื่องจริง ยิ่งไปกว่านั้นสถานการณ์มันยังน่ากลัวกว่าที่ซือเฟิงอธิบายไว้ด้วยซ้ำ
“ผู้อาวุโสหง คุณกับมู่ฉินรู้เรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นแล้วงั้นหรอ ?” เซเว่นวอร์นเดอร์อดไม่ได้ที่จะถามหงซินหยวน
“เรารู้นิดหน่อยแหละ ….” หลังจากนั้นหงซินหยวนก็กล่าวเสริมว่า “อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นรักษาความลับให้สามารถไปถึงเป้าหมายได้ เราจึงไม่ได้บอกใคร”
มู่ฉินพยักหน้าเห็นด้วย เธอเพียงแค่ประหลาดใจกับสถิติการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น เพราะเธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าโดเมนมานาของซือเฟิงจะทรงพลังมากขนาดนี้ เมื่อมันถูกปล่อยออกมาอย่างเต็มที่ มันแข็งแกร่งกว่าตอนที่เธอเผชิญราวสิบเท่าได้เลย
“คุณสองคนช่างรู้วิธีจะทำให้เราตามืดบอดจริงๆ ….” เมื่อเซเว่นวอร์นเดอร์มองไปที่การแสดงออกที่ไม่แยแสของหงซินหยวน และนึกถึงสถานการณ์ของซือเฟิงก่อนหน้านี้ เขาก็ยิ้มอย่างขมขื่น ก่อนจะกล่าวต่อว่า “เมื่อเป็นแบบนี้ ฉันจะปล่อยเรื่องสภาสิบแปดปีกทั้งตอนนี้และในอนาคตให้คุณจัดการแล้วกัน”
หลังจากมองไปที่บริลเลี่ยนบลูที่ยังคงเงียบอยู่ หงซินหยวนก็ยิ้มจางๆและพูดว่า “หัวหน้ากิล โปรดวางใจได้เลย”
หลังจากสิ้นสุดการทดสอบรอบคัดเลือก ข่าวเรื่องสภาสิบแปดปีกก็แพร่ออกไปอย่งรวดเร็วเช่นเดียวกับโรคระบาด นี่เป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับแบล๊คเฟรม ซึ่งนี่มันทำให้กิลขนาดใหญ่หลายกิลที่มาเข้าชมการแข่งขันล้วนเต็มไปด้วยความตกตะลึง
ไม่เพียงแต่แบล๊คเฟรมจะจัดการเรื่องการทดสอบรอบคัดเลือกด้วยตัวคนเดียว แต่ตามข่าวลือแล้ว เขายังครอบครองโดเมนมานาอีกด้วย
และบันทึกการต่อสู้ในครั้งนี้ของแบล๊คเฟรมก็ทำให้แบล๊คเฟรมกลายเป็นจุดสนใจของผู้เล่นทั่วจักรวรรดิมังกรไฟ ผู้เล่นของจักรวรรดิจำนวนไม่น้อยถึงกับต้องการจะเข้าร่วมกิลกึ่งมหาอำนาจที่มีชื่อว่า สภาสิบแปดปีก
วิหารเทพสงคราม ห้อง VIP ของไมโทโลจี้ :
“รองหัวหน้ากิล ตอนนี้สถานการณ์นั้นค่อนข้างจะลำบากแล้ว แบล๊คเฟรมนั้นไม่เพียงแต่จะมีโดเมนมานาเท่านั้น แต่ชื่อเสียงของเขามันยังแพร่กระจายไปทั่วจักรวรรดิมังกรไฟอีกด้วย ฉันคิดว่านี่มันจะทำให้เป็นเรื่องยากมากเลยทีเดียวสำหรับพวกเราที่จะเข้าซื้อกิจการของพวกเขา” ไวท์เฟเธอร์กล่าวอย่างกังวล เมื่อเธอเห็นชื่อของแบล๊คเฟรมอยู่ในโพสของฟอรั่มทางการของจักรวรรดิมังกรไฟทุกโพส “สถานการณ์นี้อาจส่งผลต่ออันดับของมิราเคิลด้วยซ้ำ”
ไมโทโลจี้ได้เลือกที่จะเป็นพันธมิตรกับมิราเคิลในการแข่งขันครั้งนี้ ซึ่งในแง่รากฐานและความแข็งแกร่งของกิลนั้นมิราเคิลอยู่เหนือฟรอสต์ฮีฟเว่น อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่เพียงแต่มิราเคิลจะสูญเสียความช่วยเหลือจากทีมช่วยเหลือของพวกเขาทั้งหมด แต่ฟรอสต์ฮีฟเว่นยังมีสภาสิบแปดปีกสนับสนุนด้วย ตอนนี้ช่องว่างความแข็งแกร่งของทั้งสองกิลนั้นมันแคบลงด้วยขอบเขตขนาดใหญ่เลย
“แบล๊คเฟรมได้กลายเป็นตัวแปรสำคัญแล้วในตอนนี้ ….” เมื่อได้อ่านรายงานการต่อสู้ทั้งหมดโคลท์ชาโด้วก็ยิ้ม ก่อนที่เธอจะกล่าวเสริมว่า “อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุดแล้ว การต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งสำรองทั้งหกนี้ มันไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถตัดสินได้ด้วยความแข็งแกร่งของคนเพียงคนเดียว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องโดเมนมานาเลย แม้แต่แบล๊คเฟรมก็อาจจะอยู่รอดได้ไม่นานนักในการแข่งขันอย่างเป็นทางการ เพราะบุคคลที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งได้บอกแล้วว่าเขาจะจัดการกับแบล๊คเฟรมเป็นการส่วนตัว !!!”
“บุคคลที่ยิ่งใหญ่กำลังจะเคลื่อนไหวงั้นหรอ ?” ข่าวนี้ทำให้ไวท์เฟเธอร์ประหลาดใจ
“อืม ตอนนี้แบล๊คเฟรมคงจะคิดว่าเขาเป็นอมตะในหมู่ผู้เล่นในปัจจุบัน เพราะเขามีโดเมนมานา แต่เขาไม่ได้รู้เลยว่ามันมักจะมีคนที่แข็งแกร่งกว่าตัวเองอยู่เสมอ และแม้แต่โดเมนมานาก็จะไม่สามารถช่วยให้เขารับมือกับคนๆนี้ได้แน่นอน” โคลท์ชาโด้วยิ้มเยาะ เมื่อเธออ่านรายงานโดยละเอียดเกี่ยวกับซือเฟิง
แม้ว่าโดเมนมานาจะทรงพลัง แต่มันก็นับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เมื่ออยู่ต่อหน้าความแข็งแกร่งที่แท้จริง
ในขณะที่มหาอำนาจต่างๆกำลังอดทนรอให้การแข่งขันอย่างเป็นทางการเริ่มต้นขึ้น ซือเฟิงก็ได้แอบเข้าไปที่บาร์แห่งหนึ่งที่มีชื่อว่ามูนไฟร์ ในเขตชาตเมืองของเมืองมังกรไฟ
ในเวลานี้มันมีผู้หญิงเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่เงียบๆที่เค้าเตอร์ของบาร์
โดยผู้หญิงคนนี้นั้นสวมเสื้อคลุมสีฟ้าอ่อน และมีร่างที่บอบบางมากๆ ซึ่งแค่มองเธอจากด้านหลัง เธอก็จะสามารถสะกดจิตผู้คนนับไม่ถ้วนให้หลงใหลได้ อย่างไรก็ตามออร่าของผู้หญิงคนนี้นั้นร้อนแรงราวกับเปลวไฟ ทำให้ผู้คนนั้นไม่กล้าที่จะเข้าใกล้ตัวเธอ
“คุณมาแล้วสินะ …” เมื่อผู้หญิงคนนี้เห็นซือเฟิงเข้ามาในบาร์ เธอก็ทักทายเขาราวกับเจอกับเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอมานาน
ในขณะเดียวกันผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากปรมาจารย์ฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนของ
ดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน
ราชินีปีศาจ ฟีนิกซ์เรน !!!
ตอนที่ 2714 เจอกับฟีนิกซ์เรนอีกครั้ง
หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้ยอมรับคำเชิญของฟีนิกซ์เรน และตรงไปนั่งข้างๆเธอ
“ในช่วงเวลาที่ฉันไม่ได้เจอคุณนี่ ดูเหมือนคุณจะแข็งแกร่งขึ้นอีกมากเลยนะ” ฟีนิกซ์เรนกล่าวชื่นชม ขณะที่เธอมองไปยังซือเฟิงอย่างพินิจพิเคราะห์
“ก็ไม่ได้มากขนาดนั้น แล้วก็มาเข้าสู่หัวข้อหลักของเรากันดีกว่า” ซือเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม และเขาก็กล่าวต่อว่า “ทุกอย่างโอเคไหม ?”
ที่เรารีบตรงมาที่บาร์มูนไฟร์นี้มันก็เป็น เพราะเขาได้รับข้อความจากฟีนิกซ์เรน และในตอนแรกเขาก็มีความสุขอยู่เล็กน้อยเมื่อได้รับข้อความ เนื่องจากตอนแรกเขานึกว่าฟีนิกซ์เรนจะไม่มาปรากฎตัวต่อหน้าเขาอีกแล้ว ซึ่งนี่มันก็ทำให้เขาคิดว่าบางทีสถานการณ์มันอาจจะไม่ได้แย่ขนาดที่ต้วนฮันซานคิดก็ได้
อย่างไรก็ตามในขณะที่เขามองไปยังฟีนิกซ์เรนตอนนี้ เขาก็เข้าใจได้ในทันที
สถานการณ์มันเลวร้ายกว่าที่เขาคิดไว้มาก
นี่เป็นเพราะฟีนิกซ์เรนที่เขาเห็นนั้นไม่สามารถพิจารณาได้ว่าเป็นมนุษย์อีกต่อไป ข้อมูลทั้งหมดของเธอถูกระบุว่า “Unknown” และไม่สามารถตรวจสอบได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นความรู้สึกที่เขาได้รับจากเธอ มันยังเหมือนกับว่าเธอได้หลอมรวมการดำรงอยู่ของเธอให้เป็นเหมือนกับดอกไม้หรือต้นไม้ใน God domain แล้ว
พูดกันตรงๆคือตอนนี้ซือเฟิงรู้สึกว่าฟีนิกซ์เรนนั้นมีถิ่นกำเนิดอยู่ใน God domain ไม่ใช่โลกแห่งความจริง
ในขณะเดียวกันเมื่อได้ยินคำถามของซือเฟิง ดวงตาของฟีนิกซ์เรนก็ปรากฎร่องรอยแห่งความประหลาดใจขึ้นมา ก่อนที่เธอจะยิ้มจางๆและกล่าวตอบว่า “คุณสามารถพูดได้ว่ามันโอเค และไม่โอเคในเวลาเดียวกัน”
“ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะยังไม่เลวร้ายจนเกินไป ?” ซือเฟิงพยักหน้า จากนั้นเขาก็ถามคำถามอีกอย่างหนึ่งว่า “แล้วบอกได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น ?”
การหายตัวไปของสุดยอดปรมาจารย์พาวิลเลี่ยน และปรมาจารย์พาวิลเลี่ยนทั้งสองของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับมหาอำนาจต่างๆอย่างมาก หากไม่ใช่เพราะทางดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนพยายามปกปิดเรื่องนี้ไว้อย่างดี ข่าวนี้คงเป็นที่โจษจันไปนานแล้ว
“ฉันยังไม่สามารถจะพูดได้ ….” ฟีนิกซ์เรนส่ายหัว “ฉันได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะมาที่นี่และบอกคุณสองเรื่อง”
แม้ว่าเสียงของฟีนิกซ์เรนจะสงบ แต่ดวงตาของเธอก็ทรยศต่อน้ำเสียงของเธออย่างมาก เมื่อพูดมาถึงตรงนี้
“เรื่องอะไรบ้างล่ะ ?” ซือเฟิงไม่ได้คิดจะซักไซ้ฟีนิกซ์เรนถึงสถานการณ์ของเธอมากเกินไป เขารู้สึกได้ว่าตอนนี้ฟีนิกซ์เรนไม่ได้ล้อเล่นใดๆเลยกับเขา ซึ่งในกรณีนี้มันจึงจะไม่มีความหมายใดๆหากเขาซักไซ้ต่อไป
“เรื่องแลกก็คือ ฉันหวังว่าคุณจะช่วยดูแลน้องสาวฉันได้” ฟีนิกซ์เรนกล่าว จากนั้นเธอก็หยิบการ์ดข้อมูลและส่งให้ซือเฟิง “ข้อมูลและที่อยู่ของเธอถูกบันทึกไว้ในนี้ทั้งหมดแล้ว ฉันจะไม่ได้อยู่เคียงข้างเธออีกต่อไป และแม้ว่าเธอจะมีความสามารถที่ยอดเยี่ยม แต่คนที่รอจะก่อปัญหาให้เธอนั้นก็รับมือได้ยากมาก ดังนั้นถ้าคุณมีโอกาส ฉันหวังว่าคุณจะช่วยแก้ปัญหาของเธอได้”
หลังจากทำการตรวจสอบการ์ดข้อมูลที่ได้รับมาจากฟีนิกซ์เรน ซือเฟิงก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง เพราะน้องสาวของเธออาศัยอยู่ใน Upper Zone
“คุณไม่ได้อยู่ใน Upper Zone ด้วยงั้นหรอ ?” ซือเฟิงถามด้วยความสับสน
“ฉันอยู่ใน Upper Zone ?” ฟีนิกซ์เรนรู้สึกประหลาดใจกับข่าวชิ้นนี้ หลังจากนั้นเธอก็หัวเราะเบาๆและพูดต่อว่า “ก็ใช่แหละ ฉันคิดว่าคุณสามารถจะพูดแบบนั้นได้ อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องยากมากสำหรับฉันที่จะได้พบเธอในตอนนี้ ดังนั้นฉันจึงได้แต่หวังว่าคุณจะช่วยเธอ ฉันไม่สามารถจะเชื่อใจใครได้อีกแล้วสำหรับเรื่องนี้”
“นั่นไม่มีปัญหา ฉันจะรีบไปดูและจัดการให้ทันที เมื่อฉันได้ไปที่ Upper Zone ในอนาคต” ซือเฟิงพยักหน้ายอมรับคำขอของฟีนิกซ์เรน เธอได้ช่วยทั้งเขาและสภาสิบแปดปีกมามากแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รังเกียจเลยที่จะต้องช่วยน้องสาวของเธอในตอนนี้
“ขอบคุณ” ฟีนิกซ์เรนถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเธอได้ยินคำตอบของซือเฟิง จากนั้นเธอก็สูดหายใจลึกๆ ก่อนจะเริ่มพูดอย่างจริงจังมากกว่าเดิมว่า “ต่อไปเป็นเรื่องที่สอง คือฉันมีคำแนะนำสองอย่างให้คุณ”
“คำแนะนำ ?” เมื่อเห็นการแสดงออกที่จริงจังของฟีนิกซ์เรน ซือเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะถาม “เรื่องมือแห่งนักบุญงั้นหรอ ?”
จากข้อมูลที่เขาได้รับมาจากต้วนฮันซาน การหายตัวไปของสุดยอดปรมาจารย์พาวิลเลี่ยน และปรมาจารย์พาวิลเลี่ยนอีกสองคนของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน มันมีส่วนเกี่ยวข้องกับมือแห่งนักบุญแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นมหาอำนาจต่างๆก็ดูเหมือนจะเกรงกลัวกิลๆนี้มาก
“ไม่ใช่” ฟีนิกซ์เรนส่ายหัว ก่อนที่เธอจะกล่าวต่อว่า “คำแนะนำแรกของฉันคือให้คุณระวังคนไว้สามคน”
“สามคน ?” ซือเฟิงค่อนข้างสับสน
เขาสามารถจะทำความเข้าใจได้ หากฟีนิกซ์เรนต้องการให้เขาระวังองค์กรบางแห่งที่มีอำนาจ แต่ตอนนี้เธอกับบอกให้เขาระวังคนสามคน หากไม่ใช่เพราะการแสดงออกที่จริงจังของฟีนิกซ์เรน และสถานที่สูงส่งของเธอ เขาคงมอว่าคำพูดของเธอเป็นเรื่องตลก
“ใช่ สามคน” ฟีนิกซ์เรนพูดอย่างช้าๆว่า “ฉันไม่รู้จักชื่อของทั้งสามคนนี้ พวกเขาล้วนใช้มานามแฝงต่างๆ แต่ในหมู่พวกนี้มันไม่มีชื่อจริงของพวกเขาเลย สิ่งเดียวที่ฉันสามารถบอกคุณได้คือลักษณะของพวกเขา โดยทั้งสามคนนี้จะดูเหมือนกับนักวิชาการ ซึ่งมี ชายผู้บ้าคลั่ง หญิงสาว และชายหนุ่ม ถ้าคุณเจอพวกเขาให้วิ่งหนีไปให้ไกลที่สุด อย่าเข้าใกล้พวกเขา ไม่งั้นผลที่ตามมาจะรุนแรงมากๆ คุณจำเรื่องนี้ไว้ให้ดี”
“นี่คือข้อมูลทั้งหมดของสามคนนี้งั้นหรอ ?” ซือเฟิงจดจำคำพูดที่ฟีนิกซ์เรนบอกเขามาทั้งหมดได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามข้อมูลที่เธอกล่าวมามันก็ยังคงจัดว่าคลุมเครือมากๆ
“ฉันรู้มาแค่นี้แหละ ….” ฟีนิกซ์เรนส่ายหัวพลางหัวเราะเบาๆ จากนั้นเธอก็พูดต่อว่า “ส่วนคำแนะนำต่อไปก็เป็นเรื่องง่ายๆคือ ให้ทำการตุนคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ไว้ให้มากที่สุด สิ่งนี้มันมีค่ามากอย่างไม่น่าเชื่อ และยิ่งคุณมีมันมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
“นั่นถือเป็นคำแนะนำที่ดีนะ ….” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม เมื่อได้รับคำแนะนำนี้
คริสตัลเจ็ดลูมินาลี่นั้นมีค่าและมีความสำคัญอย่างมากในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา ซึ่งเขารู้เรื่องนี้ดี และเขาก็ได้มอบหมายให้สมาชิกกิลหลายคนออกค้นหาและรวบรวมมันมาแล้ว อย่างไรก็ตามด้วยความหายากของมัน จำนวนที่พวกเขารวบรวมมาได้ มันจึงยังไม่มากนัก
หลังจากซือเฟิงพูดจบ ฟีนิกซ์เรนก็ลุกขึ้นยืน และโยนเหรียญทองสามเหรียญไว้บนโต๊ะ จากนั้นเธอก็มองไปยังซือเฟิง และพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันพูดทุกอย่างที่สามารถพูดได้แล้ว คุณจะก้าวหน้าไปได้ไกลแค่ไหนมันก็ขึ้นอยู่กับคุณ”
“คุณจะไปแล้วงั้นหรอ ?” ซือเฟิงประหลาดใจ เมื่อเห็นว่าฟีนิกซ์เรนกำลังเตรียมจะจากไป การพูดคุยของพวกเขามันใช้เวลาไม่ถึงห้านาที และเขาก็ยังไม่ได้ถามคำถามอื่นๆที่ต้องการถามด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามฟีนิกซ์เรนก็ดูเหมือนจะไม่มีเวลาเหลือแล้วจริงๆ
“ใช่แล้ว …” ฟีนิกซ์เรนกล่าวตอบ ก่อนที่เธอจะนำคริสตัลสีดำออกมาจากกระเป๋าของเธอ และโยนให้ซือเฟิง “ฉันต้องขอบคุณมากที่ยอมมาพบฉันครั้งนี้ ในปัจจุบันฉันไม่สามารถจะให้อะไรตอบแทนคุณได้เลย ดังนั้นฉันจะมอบสิ่งนี้ให้กับคุณ”
“นี่มันคืออะไรกัน ?” เมื่อซือเฟิงมองไปที่คริสตัลสีดำที่ไม่มีข้อมูลใดๆ เขาก็รู้สึกอยากจะกินพวกมันให้หมดไปแบบรู้แล้วรู้รอดทันที
เมื่อสังเกตเห็นท่าทีของซือเฟิง ฟีนิกซ์เรนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆและกล่าวว่า “มันจะดีกว่านะถ้าไม่กินเข้าไป มันกินไม่ได้ ….”
ซือเฟิงรู้สึกอายเล็กน้อยกับสถานการณ์นี้ เขาไม่นึกเลยว่าคริสตัลสีดำนี้จะมีพลังมากจนส่งผลต่อสภาพจิตใจของเขาได้
“ไม่ต้องกังวล ฉันจะไม่กินมันแน่นอน ….” ซือเฟิงกล่าวสัญญา
“ก่อนที่ฉันจะไป ฉันจะบอกคุณอีกอย่างหนึ่ง ขั้นสี่นั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น เวลา … ของคุณ ….”
อย่างไรก็ตามก่อนที่ฟีนิกซ์เรนจะพูดจบ เธอก็หายตัวไปราวกับว่าเธอไม่เคยอยู่ในสถานที่แห่งนี้มาก่อนเลย
ตอนนี้มันมีเพียงซือเฟิงเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในบาร์อันกว้างขวาง
บังคับเทเลพอร์ตงั้นหรอ ? ดวงตาของซือเฟิงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ขณะที่เขาไปยังบริเวณพื้นที่ที่ฟีนิกซ์เรนเคยอยู่ อย่างไรก็ตามเขาก็ได้เลือกจะปฎิเสธทฤษฎีนี้ของเขาอย่างรวดเร็ว ไม่ มันไม่ได้มีความผันผวนเชิงพื้นที่เกิดขึ้น มันไม่น่าจะเป็นการบังคับเทเลพอร์ต แต่ถ้าเธอล๊อคเอ้าท์ออกจากระบบ มันก็น่าจะต้องใช้เวลาสักพักก่อนที่เธอจะหายตัวไป
แม้จะครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แต่ซือเฟิงก็คิดไม่ออกเลยว่าอะไรทำให้ฟีนิกซ์เรนหายตัวไปอย่างกระทันหัน และในท้ายที่สุดเขาก็ต้องยอมแพ้ ก่อนที่จะเปลี่ยนความสนใจไปที่คริสตัลสีดำในมือเขา อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ได้รู้ว่าฟีนิกซ์เรนปลอดภัย
ฉันไม่ได้อะไรเลยจากการใช้สกิลตรวจสอบธรรมดาตรวจสอบมัน ดูเหมือนว่าฉันจะทำได้แค่ลองใช้สกิลตรวจสอบที่ผสานเข้ากับตราทองคำเท่านั้น
ซือเฟิงเริ่มสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะรวบรวมมานามาไว้ที่บริเวณดวงตาของเขา และทำการใช้สกิลตรวจสอบที่ผสานเข้ากับตราทองคำ ก่อนจะจ้องมองไปที่คริสตัลสีดำอย่างตั้งใจ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น