Reincarnation Of The Strongest Sword God 2880-2881
ตอนที่ 2880 หนทางสู่ขั้นหก
“อวดเก่งจริงๆ !! ฉันอยากเห็นนักว่าคุณจะไปได้ไกลแค่ไหน !!!”
จักรพรรดิอสูรมองไปยังซือเฟิงที่ก้าวเท้าเข้าสู่ห้องลับด้วยความรู้สึกดูถูก ในขณะเดียวกันดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความมั่นใจในดินแดนลับของเทพปีศาจ
แต่หลังจากที่ซือเฟิงก้าวเท้าเข้าสู่ห้องลับ ….
หนึ่งก้าว … สองก้าว … สามก้าว …
หลังจากซือเฟิงเดินมามากกว่ายี่สิบก้าว และเหลือระยะทางห่างจากประตูแห่งความมืดไม่ถึงสิบก้าว จักรพรรดิอสูรนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองโง่งมไปเลย ….
เนื่องจากซือเฟิงนั้นดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากประตูแห่งความมืดเลย โดยทุกย่างก้าวที่ซือเฟิงก้าวเดินนั้นเขาสามารถทำมันได้อย่างนุ่มนวล และเป็นธรรมชาติมากๆ ซึ่งนี่มันก็ราวกับว่าผลของประตูแห่งความมืดนั้นไม่มีอยู่จริง ….
“???”
จักรพรรดิอสูรมองไปยังซือเฟิงด้วยท่าทีที่ตกตะลึง และไม่อยากจะเชื่อ
นี่มันบ้าอะไรกัน ?
เมื่อซือเฟิงเดินมาถึงตรงหน้าของประตูแห่งความมืดนั้น ไม่ต้องพูดถึงจักรพรรดิอสูรเลย แม้แต่ไฟเออร์แดนซ์ และสมาชิกสภาสิบแปดปีกคนอื่นๆที่ติดตามเขามาก็ตกตะลึงมากเช่นกัน
“หัวหน้ากิล หัวหน้าทำได้ยังไงกัน ?” ไฟเออร์แดนซ์อดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัย
แรงกดดันจากประตูแห่งความมืดภายในห้องลับแห่งนี้นั้นคือสิ่งที่เธอไม่เคยประสบมาก่อนเลย เพราะแรงกดดันนี้มันเกิดมาจากออร่า Divine Might ของเทพโบราณ โดยออร่า Divine Might นี้มันก็เข้มข้นมากๆซะจน เธอนึกว่าเทพโบราณพึ่งจะออกไปจากบริเวณนี้ได้ไม่นาน และนี่มันก็ทำให้เธอสามารถก้าวไปข้างหน้าได้แค่สามก้าวเท่านั้น ก่อนที่จะไม่สามารถก้าวต่อไปได้อีกแม้แต่นิดเดียว
อาชีพขั้นห้านั้นแข็งแกร่งกว่าอาชีพขั้นสี่อย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ผู้เล่นขั้นห้าอย่างซือเฟิงจะสามารถทำเรื่องนี้ได้ง่ายดายจนเหมือนแรงกดดันจากประตูแห่งความมืดนั้นไม่มีอยู่จริง ….
เธอนั้นรู้ดีว่ายิ่งเข้าใกล้ประตูแห่งความมืดมากเท่าไหร่ แรงกดดันที่จะต้องเผชิญมันก็จะยิ่งน่ากลัวและมีมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งในเวลานี้นั้นเธออยู่ข้างหลังซือเฟิง โดยอยู่ห่างมากกว่าสามสิบก้าว โดยแม้ช่องว่างระหว่างขั้นสี่กับขั้นห้าจะยิ่งใหญ่มากๆ แต่แบบนี้มันก็เป็นไปไม่ได้แน่นอน ….
ในเวลานี้นั้นนอกเหนือจากไฟเออร์แดนซ์แล้ว ทุกคนที่เห็นซือเฟิงไปยืนอยู่ตรงหน้าประตูแห่งความมืดก็ล้วนมองไปยังซือเฟิงอย่างสงสัยมากๆ เพราะเท่าที่ดูจากท่าทีของซือเฟิงแล้ว มันดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากประตูแห่งความมืดเลย
“ทำได้ยังไงหรอ ?” ซือเฟิงมองไปที่เหล่าผู้คนที่อยากรู้อยากเห็นด้วยรอยยิ้มจางๆ “แน่นอนว่าฉันก็แค่เดินตรงมาตรงนี้ แต่จะพูดให้แม่นยำก็คือฉันใช้ทักษะบางอย่างช่วยน่ะ ….”
“ทักษะ ?” สมาชิกของสภาสิบแปดปีกทุกคนตกตะลึงไปชั่วขณะ
เนื่องจากพวกเขาไม่เห็นความผิดปกติใดๆเลยในการก้าวของซือเฟิง และซือเฟิงก็เดินผ่านแรงกดดันที่น่ากลัวนี้ไปด้วยท่าทีที่ปกติมากๆ ดังนั้นมันจะเป็นไปได้ยังไงที่ซือเฟิงจะใช้ทักษะบางอย่างต่อต้านแรงกดดันนี้ได้แบบสบายๆอย่างที่เขาแสดงออกมา ?
ขณะเดียวกันตอนนี้จักรพรรดิอสูรก็จ้องมองไปยังซือเฟิงที่ยืนอยู่หน้าประตูแห่งความมืดราวกับว่าเขาได้เห็นผี
“ไม่ ! เป็นไปไม่ได้ !! คุณเป็นใครกันแน่ ?!!”
“คุณเชี่ยวชาญทักษะแบบนั้นได้ยังไงกัน ?!!”
มันมีวิธีพิเศษที่จะใช้เข้าใกล้ประตูแห่งความมืดได้ แต่เขาก็ไม่เคยบอกใครเลยเกี่ยวกับวิธีพิเศษนี้ ใน God domain ตอนนี้มันควรจะมีแต่เขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้วิธีนี้
และแม้ว่าจะรู้วิธีพิเศษ แต่หากปราศจากพรจากเทพปีศาจ แม้แต่ผู้ที่อยู่ในจุดสูงสุดของขั้นสี่ก็ยังยากจะเข้าใกล้ประตูแห่งความมืดได้
ซือเฟิงนั้นก็อดไม่ได้ที่จะมองมายังจักรพรรดิอสูร เมื่อได้ยินคำถามของเขา ….
“มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะใช้ทักษะบางอย่างเพื่อให้ตัวเองเข้าใกล้ประตูแห่งความมืดนี้ได้ แต่คุณคงไม่คิดหรอกนะว่าไอ้ทักษะบางอย่างที่ว่า ซึ่งก็คือการใช้กฎ และความสัมพันธ์กับองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ขั้นพื้นฐานจะเป็นลักษณะเฉพาะแค่ของวิหารเทพปีศาจของคุณ ?”
หลังจากที่เขาได้เห็นประตูแห่งความมืดในห้องลับ และเห็นสภาพของไฟเออร์แดนซ์กับคนอื่นๆที่พยายามจะเข้าใกล้มันนั้น เขาก็รู้ถึงสิ่งหนึ่งได้ทันที ….
นั่นคือห้องลับนี้มันเหมือนกับพื้นที่พิเศษในการทดสอบของมังกรศักสิทธิ์ที่เขาเคยเจอมา ซึ่งพื้นที่พิเศษทั้งสองแห่งนี้ก็มีสิ่งที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ พื้นที่ทึบ !!
ในพื้นที่พิเศษในการทดสอบของมังกรศักสิทธิ์นั้น เนื่องจากมันไม่มีอะไรเลย ผู้เล่นจึงจำเป็นจะต้องใช้ธาตุเวทย์มนต์เพื่อซ่อมแซม และสร้างสะพานที่หักขึ้นใหม่ ในขณะที่พื้นที่ภายในห้องลับนั้นตรงกันข้าม เพราะธาตุเวทย์มนต์ที่นี่มันดูค่อนข้างจะโกลาหลและวุ่นวายมากๆ และยิ่งอยู่ใกล้กับประตูแห่งความมืดมากเท่าไหร่ ธาตุเวทย์มนต์มันก็จะยิ่งโกลาหล และวุ่นวายมากขึ้นเท่านั้น โดยโจทย์ที่ผู้เล่นต้องทำ หากต้องการจะเข้าใกล้ประตูแห่งความมืดให้ได้นั้นมันก็ง่ายมากๆ ซึ่งมันก็คือการทำให้ธาตุเวทย์มนต์ทั้งหมดนี้กลับสู่สภาพเดิม และทำให้มันหายวุ่นวายกับโกลาหล
และพูดกันโดยพื้นฐานแล้ว นี่มันก็คือการทดสอบความเข้าใจถึงกฎ และความสัมพันธ์กับองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ของผู้เล่นนั่นเอง
ซึ่งสำหรับซือเฟิงที่เคยผ่านการทดสอบของมังกรศักสิทธิ์ที่ยากกว่านี้มาแล้ว การทดสอบแบบนี้ของประตูแห่งความมืดในห้องลับ มันจึงเป็นเรื่องที่ง่ายมากๆเลยสำหรับเขา
“แต่ก่อนอื่น ฉันขอให้ทุกคนลืมเรื่องดินแดนลับของเทพปีศาจไปก่อน เพราะท้ายที่สุดห้องลับนี้มันก็นับเป็นดินแดนศักสิทธิ์แห่งการฝึกเช่นกัน เนื่องจากทุกคนจำเป็นจะต้องมีความเข้าใจถึงกฎ และมีความสัมพันธ์กับองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ของตัวเองดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียวจึงจะเดินเข้าใกล้ประตูแห่งความมืดมาได้ ….” ซือเฟิงมองไปยังพื้นที่ในห้องลับทั้งหมด และกล่าวอย่างมีความสุขว่า “เดิมทีฉันคิดว่าจะหาวิธีฝึกให้พวกคุณในเรื่องนี้พอดี แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะไม่จำเป็นแล้ว !!!”
เมื่อทำความเข้าใจถึงกฎการใช้งาน และความสัมพันธ์ของตัวเองกับองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ได้ดีถึงระดับหนึ่งแล้ว นอกเหนือจากผู้เล่นจะสามารถเข้ามาใกล้ประตูแห่งความมืดได้ มันก็ยังมีผลประโยชน์อยู่อีกอย่างหนึ่งด้วย ซึ่งนั่นก็คือมันจะทำให้ผู้เล่นมีสิทเลื่อนขั้นไปเป็นขั้นห้าได้ง่ายขึ้น ดังนั้นซือเฟิงจึงสามารถพูดได้เต็มปากเลยว่าห้องลับนี้มันเป็นดินแดนศักสิทธิ์แห่งการฝึกในเรื่องนี้อย่างแท้จริง
เมื่อจักรพรรดิอสูรได้ยินคำพูดและคำอธิบายทั้งหมดของซือเฟิง เขาก็เป็นลมไปในทันที ….
อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็ไม่ได้ให้ความสนใจใดๆกับจักรพรรดิอสูร เพราะตอนนี้สิ่งที่เขาสนใจจริงๆคือประตูแห่งความมืดตรงหน้าเขาต่างหาก ….
ประตูแห่งความมืดนี้เป็นประตูสีดำสนิทที่มีความสูงห้าเมตร และกว้างสองเมตร โดยซือเฟิงนั้นก็ไม่ทราบแน่ชัดว่าประตูนี้ทำจากวัสดุอะไร และเมื่อประตูเปิดออกนั้น ซือเฟิงก็สังเกตเห็นกระแสน้ำวนสีดำที่แผ่ออร่า Divine Might ที่รุนแรงออกมา ซึ่งจากที่ซือเฟิงสัมผัสนั้นมันมีความเป็นไปได้สูงมากเลยว่าผู้เล่นที่อยู่ต่ำกว่าขั้นสี่จะไม่สามารถก้าวเข้ามาที่นี่ได้
หลังจากที่ซือเฟิงใช้สกิลตรวจสอบที่ผสานเข้ากับตราทองคำตรวจสอยประตูตรงหน้า ข้อมูลของมันก็ได้ปรากฎขึ้นมา ….
(ดินแดนลับของเทพปีศาจ) (ดินแดนลับระดับพระเจ้าเหมาะสำหรับเลเวล 150-200)
“ช่างเป็นดินแดนลับที่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ !!!” ซือเฟิงที่ได้เห็นข้อมูลของดินแดนลับของเทพปีศาจอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา
และตอนนี้เขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมตอนแรกจักรพรรดิอสูรถึงไม่กลัวว่าเขาจะได้รับดินแดนลับของเทพปีศาจไป
ใน God domain ดินแดนลับนั้นก็เป็นเหมือนกับดันเจี้ยน ยิ่งมีเลเวลสูงเท่าไหร่ การเข้าไปโจมตีและเก็บเกี่ยวมันก็จะยิ่งทำได้ยากขึ้นเท่านั้น ซึ่งดินแดนลับระดับพระเจ้านั้นก็นับเป็นความยากสูงสุด และอันตรายที่สุดของดินแดนลับแล้ว และเท่าที่เขารู้ทั่วทั้ง God domain นั้นมันก็มีดินแดนแบบนี้อยู่ไม่ถึงสิบแห่งเลย
โดยในดินแดนลับแบบนี้นั้น แม้แต่พวกขั้นหก ขอบเขตพระเจ้าก็ยังมีสิทจะตายได้ หากประมาท !!!
อย่างไรก็ตามดินแดนลับระดับพระเจ้า เลเวล 150-200 แบบนี้นั้นก็เป็นสถานที่ที่กองกำลังนับไม่ถ้วนล้วนใฝ่ฝันจะเข้าไป และมันก็เป็นสถานที่ที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าต้องการจะเข้าไปอย่างถึงที่สุด
เพราะในดินแดนลับนี้นั้นมันมีเบาะแสสำหรับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นหกของพวกเขา !!!
เมื่อได้ก้าวมาถึงขั้นห้าแล้ว มันจะมีผู้เล่นสักกี่คนกันที่ไม่อยากเลื่อนขั้นไปเป็น
ขั้นหก ?
ด้วยเหตุนี้ในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิง เมื่อมีการค้นพบดินแดนลับระดับพระเจ้าแบบนี้นั้น มหาอำนาจต่างๆจึงพร้อมจะทุ่มทุกอย่างเพื่อทำสงครามแย่งชิงดินแดนลับนี้กันเลย
“ดูเหมือนว่าเมืองหินโบราณนั้นจะต้องได้รับการปกป้องอย่างดีที่สุด ….” ซือเฟิงมองไปที่ดินแดนลับของเทพปีศาจตรงหน้าเขา และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
ในตอนแรกเขาคิดจะใช้เมืองหินโบราณเป็นแนวป้องกันการรุกรานของกองกำลังจากโลกอื่นเพียงชั่วคราวเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีกนั้นมีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งเมื่อพวกเขาต้องเผชิญกับโลกอื่นขนาดใหญ่ทั้งโลกนั้น พวกเขาก็จะสามารถปกป้องไว้ได้แค่เมืองกิลทั้งหมดของพวกเขาเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ซือเฟิงจำเป็นจะต้องเพิ่มเมืองหินโบราณเข้าไปในสมการเรื่องนี้ด้วย และเขาก็รู้ดีว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะป้องกันเมืองหินโบราณไว้ให้ได้ เนื่องจากโครงสร้างการป้องกันของเมืองนั้นได้ถูกทำลายลงไปแทบทั้งหมดแล้ว นี่ยังไม่นับตัวเมืองที่เหลือแต่เศษซากปรักหักพังอีก
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ว่าจะพูดยังไง ตอนนี้เขาก็ต้องป้องกันเมืองหินโบราณเอาไว้ให้ได้ เพราะดินแดนลับของเทพปีศาจ เลเวล150-200 นั้นมันสำคัญมากๆ ซึ่งหากเขายอมปล่อยให้มันหลุดมือไป เขาก็ไม่รู้ว่าชั่วชีวิตนี้ เขาจะได้ค้นพบอะไรแบบนี้อีกทีเมื่อไหร่
แถมในอนาคต เขาก็น่าจะต้องพึ่งพาดินแดนลับแห่งนี้เพื่อช่วยให้เขาเลื่อนขั้นเป็นขั้นหกด้วย ….
เมื่อสภาสิบแปดปีกถ่ายโอนไอเทมทั้งหมดจากคลังกิลของมือแห่งนักบุญไปยังคลังกิลของตัวเองเสร็จสิ้น ซือเฟิงก็ได้อธิบายรายละเอียดคร่าวๆถึงวิธีการใช้ห้องลับนี้ฝึก และผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการฝึกให้ไฟเออร์แดนซ์กับคนอื่นๆฟัง
และหลังจากนั้นเวลาสี่ชั่วโมงก็ผ่านไป ซึ่งนี่มันก็ทำให้โทเค่นลอร์ดผู้ปกครองเมืองหินโบราณนั้นถูกผูกมัดเข้ากับซือเฟิงอย่างสมบูรณ์ พร้อมกันนั้นเสียงแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้น
ระบบ : ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่นที่ได้เป็นเจ้าของเมืองหินโบราณคนใหม่ คุณต้องการจะสร้างเมืองหินโบราณขนาดใหญ่ขั้นสูงขึ้นมาใหม่หรือไม่ ?
“ต้องการ !!” ซือเฟิงเลือกอย่างไม่ลังเล
ระบบ : ตรวจพบดินแดนลับระดับพระเจ้า คุณต้องการจะรวมดินแดนลับนี้เข้ากับเมืองหินโบราณขนาดใหญ่ขั้นสูงด้วยหรือไม่ ?
ตอนที่ 2881 ไม่กลัวปรมาจารย์ที่อยู่เบื้องหลังลู่เทียนตี้
“รวมดินแดนลับเข้ากับเมืองหินโบราณขนาดใหญ่ขั้นสูง ?”
ซือเฟิงมองไปที่การแจ้งเตือนของระบบด้วยความรู้สึกประหลาดใจมากๆ
นี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่เขาได้ยินว่าดินแดนลับนั้นสามารถจะรวมเข้ากับเมืองกิลได้
ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา เขาได้เห็นกองกำลังจำนวนมากเลือกจะต่อตั้งเมืองกิลขึ้นเพื่อป้องกันดินแดนลับล้ำค่าที่ตัวเองค้นพบ และเต็มที่นั้นกองกำลังเหล่านี้ก็ทำได้แค่อัพเกรดเมืองกิลของตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นไปเรื่อยๆเท่านั้น สำหรับเรื่องรวมดินแดนลับนั้น ตัวเขาไม่เคยได้ยินข่าวเลยว่ามีกองกำลังใดที่สามารถรวมดินแดนลับเข้ากับเมืองกิลของตัวเองได้
ซือเฟิงลังเลอยู่พักหนึ่ง ….
ดินแดนลับของเทพปีศาจนั้นเป็นดินแดนลับระดับพระเจ้าสำหรับผู้ที่มีเลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบหรือสูงกว่าขึ้นไปทั้งหมด ซึ่งมันจัดว่าหายากและมีค่ามากๆ ดังนั้นการรวมดินแดนลับเข้ากับเมืองหินโบราณโดยที่ยังไม่รู้ข้อมูลดี มันจึงจะเป็นการเสี่ยงมากๆ เพราะถ้าตัดสินใจรวมแล้วดินแดนลับหายไป เขาคงได้น้ำตาตกใน ….
อย่างไรก็ตามหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งซือเฟิงก็ได้ตัดสินใจที่จะลองเสี่ยง และหลังจากนั้นเสียงแจ้งเตือนของระบบอีกชุดหนึ่งก็ดังขึ้นมาที่หูของเขา
ระบบ : ตรวจเจอว่าผู้เล่นมีคริสตัลเวทย์มนต์อยู่มากกว่าสามล้านชิ้น และมีคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่อยู่มากกว่าห้าพันชิ้น ซึ่งจำนวนของมันเพียงพอแล้วที่จะสร้างเมืองขึ้นมาใหม่โดยมีดินแดนลับเป็นแกนกลาง คุณต้องการจะสร้างเมืองขึ้นใหม่เลยไหม ?
“ตกลง !!”
เมื่อซือเฟิงได้ยินสิ่งนี้ เขาก็แทบจะกดตกลงอย่างไม่ลังเลยทีเดียว
มันมีเมืองศักสิทธิ์อยู่หลายแห่งใน God domain โดยหนึ่งในเมืองศักสิทธิ์ที่ซือเฟิงรู้จักนั้นมันก็มีดินแดนลับเป็นแกนกลาง นอกจากนี้มันยังเป็นเมืองที่รู้จักกันดีทั่ว God domain และเป็นสำนักงานใหญ่หลักของวิหารเทพสงครามด้วย
โดเมนศักสิทธิ์ !!
นอกจากนี้นี่ยังเป็นดินแดนศักสิทธิ์ที่พวกขั้นห้านับไม่ถ้วนในชีวิตที่ผ่านมาของเขาล้วนต้องการจะเข้าไปให้ได้
นอกจากนี้มันยังเป็นสถานที่หนึ่งเดียวใน God domain ที่มั่นใจได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ว่ามีเบาะแสของการเลื่อนขั้นไปสู่ขั้นหกอยู่ โดยภายในนั้นมันก็มีสภาพเป็นเมืองโบราณที่ไม่สามารถจะตรวจสอบอายุได้เลย
ตามข่าวลือตราบใดที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่สามารถเข้าไปที่นั่นได้นั้น พวกเขาจะสามารถเลื่อนขั้นไปเป็นขั้นห้าได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แน่นอน
แต่นี่ยังไม่ใช่ส่วนที่น่ากลัวที่สุด เพราะเมื่อดินแดนลับทั้งหมดถูกควบคุมได้อย่างเต็มที่ ตราบใดที่ผู้เล่นมีสิทเพียงพอในโดเมนศักสิทธิ์นั้น แม้แต่ผู้เล่นขั้นสามก็จะสามารถก้าวเข้าสู่ที่นั่นได้ หากแต่ว่า ผู้เล่นขั้นสามก็จะไม่สามารถทำอะไรได้มากนักภายในดินแดนลับแบบนี้ เพราะพวกเขาจะต้องเผชิญกับออร่า Divine Might ที่รุนแรงมากๆ ดังนั้นพวกเขาจึงควรจะไปให้ถึงขั้นสี่ก่อน แล้วค่อยเข้าไปในนั้น ….
หากพูดโดยภาพรวมดินแดนลับระดับพระเจ้านั้นก็จัดว่าอันตรายมากๆ อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ใช่ว่าทุกพื้นที่จะอันตรายจนผู้เล่นไม่สามารถรับไหวได้ ซึ่งตราบเท่าที่ผู้เล่นรวบรวมข้อมูลมา และเข้าไปปฎิบัติการภายในนั้นอย่างระมัดระวัง มันก็มีโอกาสสูงมากที่ผู้เล่นจะได้รับผลตอบแทนอย่างมหาศาล
เนื่องจากสภาพแวดล้อมภายในดินแดนลับระดับพระเจ้า เลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบขึ้นไปนั้นมันเหนือกว่าในโลกภายนอกมากๆ โดยสภาพแวดล้อมภายในดินแดนลับแบบนี้นั้นก็เทียบได้กับในยุคโบราณที่ยังคงมีเหล่าเทพอยู่มากมายเลย ด้วยเหตุนี้มันจึงเป็นสถานที่ที่ผู้เล่นขั้นห้าจะสามารถแสดงพลังทั้งหมดของตัวเองออกมาได้แบบง่ายๆเลย และด้วยเรื่องทั้งหมดนี้เอง มันจึงทำให้ทุกคนนั้นอยากจะเข้าสู่ดินแดนลับแบบนี้มากๆ
และเมื่อเมืองป่าหินมีดินแดนลับแบบนี้แล้วนั้นจะให้ซือเฟิงยอมปล่อยมันไปได้ยังไงกัน ?!
หลังจากซือเฟิงทำการคลิกตกลง คริสตัลเวทย์มนต์ และคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ที่เขาได้รับมาจากคลังกิลของมือแห่งนักบุญส่วนใหญ่ก็หายไปทันที พร้อมกันนั้นเมืองหินโบราณก็ได้เริ่มสั่นสะเทือน
ประกาศจากระบบภูมิภาค : เมืองหินโบราณกำลังจะถูกอัพเกรดและสร้างขึ้นใหม่ ผู้เล่นทุกคนในเมืองหินโบราณจะถูกเทเลพอร์ตออกจากเมืองภายในสิบนาที โปรดเตรียมพร้อมสำหรับการเทเลพอร์ต
….
ประกาศจากระบบนั้นดังขึ้นสามครั้งติดต่อกัน และการแจ้งเตือนของระบบอีกชุดหนึ่งก็ดังขึ้นที่หูของซือเฟิง
ระบบ : คาดว่าจะต้องใช้เวลาในการอัพเกรด และสร้างเมืองหินโบราณขึ้นใหม่หนึ่งวัน ซึ่งในระหว่างนี้ผู้ที่ถือครองโทเค่นลอร์ดผู้ปกครองเมืองหินโบราณนั้นจะต้องไม่ออกห่างจากเมืองหินโบราณไปเกินรัศมีสามพันหลาได้ แต่ทั้งนี้ทั้งผู้ถือครองสามารถล๊อคเอ้าท์ออกจากระบบไปเพื่อพักผ่อน และรอเวลาได้
“นานขนาดนั้นเลยงั้นหรอ ?!” ซือเฟิงรู้สึกพูดไม่ออกเล็กน้อย เมื่อเขาได้ยิน
ปกติมันควรจะใช้เวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงในการอัพเกรด กับสร้างเมืองขึ้นใหม่ แต่ในตอนนี้มันกับใช้เวลาถึงหนึ่งวัน ซึ่งนับเป็นเวลาที่นานมากๆ และนี่มันก็จะทำให้สภาสิบแปดปีกต้องแบกรับความเสี่ยงอย่างสูง เพราะจักรพรรดิอสูรน่าจะเผยแพร่ข้อมูลของเมืองหินโบราณไปนานแล้ว โดยนี่มันก็จะทำให้ในอีกไม่นานนั้น กองกำลังผู้รุกรานจากโลกอื่นจะเริ่มการโจมตีเมืองหินโบราณแน่นอน
เพราะท้ายที่สุดแล้วแม้ว่าจะสามารถอัพเกรด และสร้างเมืองขึ้นใหม่ได้เรียบร้อย แต่หากเมืองยังไม่ได้วางโครงสร้างการป้องกัน มันก็จะยังคงจัดว่าเป็นเมืองที่อ่อนแอมากๆอยู่ ซึ่งเมื่อเป็นแบบนี้นั้น ผู้ปกครองเมืองก็จะทำได้แค่พึ่งพาผู้เล่นในการป้องกันเมืองเท่านั้น
ไฟเออร์แดนซ์มองไปที่ซือเฟิง และกล่าวว่า “หัวหน้ากิล ไอเทมทั้งหมดในคลังกิลของมือแห่งนักบุญถูกขนย้ายไปหมดแล้ว เราจะถอนตัวกันตอนนี้เลยไหม ?”
“ไม่ !! คุณเอาจักรพรรดิอสูรกลับไปขังที่เมืองปีกสีเงินก่อน พร้อมกันนั้นก็ให้พาคนอื่นๆถอนตัวออกไปด้วย” ซือเฟิงกล่าวพลางส่ายหัว “ในเวลาเดียวกันบอกเหลียงจิงให้สั่งระดมกำลังพลของสภาสิบแปดปีก และเหล่าองครักษ์ขั้นสี่มารวมตัวกันที่เมืองปีกสีเงินให้ได้ไวและมากที่สุด โดยเมื่อเมืองหินโบราณเปิดขึ้นก็ให้ทุกคนรีบตรงเข้าสู่เมืองหินโบราณกันทันที
“รับทราบ !!”
เมื่อได้ฟัง ไฟเออร์แดนซ์ก็เข้าใจทันทีว่าปัญหาเรื่องการอัพเกรดและสร้างเมืองหินโบราณขึ้นใหม่นั้นไม่ใช่เรื่องเล็ก และมันก็อาจจะมีการต่อสู้ครั้งใหญ่เกิดขึ้น และหลังจากนั้นเธอก็ได้ออกจากเมืองหินโบราณไปพร้อมกับจักรพรรดิอสูร และคนอื่นๆ ซึ่งเมื่อเธอกลับไปถึงเมืองปีกสีเงินนั้นเธอก็เร่งรีบระดมพลตามคำสั่งของซือเฟิงทันที
หลังจากไฟเออร์แดนซ์ และคนอื่นๆจากไป ซือเฟิงก็เลือกที่จะล๊อคเอ้าท์ออกจากระบบไปเพื่อพักผ่อนโดยตรง
ก่อนหน้านี้เขายุ่งกับเรื่องต่างๆภายใน God domain อย่างมาก ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มีเวลาที่จะล๊อคเอ้าท์ออกจากระบบกลางคันมาเพื่อพักผ่อนนานแล้ว แต่ตอนนี้ซือเฟิงไม่มีทางเลือกใดๆ เพราะเขาต้องรอการอัพเกรด และสร้างของเมืองหินโบราณ ซึ่งด้วยเงื่อนไขที่จำกัดของมัน มันก็ทำให้ตัวเลือกที่ดีที่สุดที่เขามี ก็คือต้องล๊อคเอ้าท์ออกมาพักผ่อนเท่านั้น
Upper Zone เมืองหยวนเทียน เขตที่อยู่อาศัยทั่วไป :
ในขณะที่ห้องเกมเคบินเฟียเลสค่อยๆเปิดขึ้น และซือเฟิงก็ได้ก้าวออกมานั้น เขาก็รู้สึกมึนงง หัวหมุน จนแทบจะล้มคว่ำ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?” ในขณะนี้สิ่งที่ดวงตาของซือเฟิงมองเห็นนั่นก็คือ โลกที่หมุนไปรอบๆ พร้อมกันนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงความหิว และประหลาดใจที่ไม่สามารถจะอธิบายได้ “หรือว่าฉันจะใช้เวลาที่วิหารมังกรศักสิทธิ์นานเกินไปงั้นหรอ ? หรือว่าร่างกายกับจิตของฉันยังปรับตัวให้เข้ากับพลังใหม่ไม่ได้ ?”
สำหรับปริศนาเหล่านี้นั้น ซือเฟิงไม่ได้คิดมากกับมันนานนัก เพราะตอนนี้มันมีเพียงสิ่งเดียวที่อยู่ในใจของเขา
นั่นก็คือ กิน !!
เพราะความรู้สึกแบบนี้นั้นเขาเคยสัมผัสมาครั้งหนึ่งแล้ว โดยมันก็เกิดจากการขาดพลังงานนั่นเอง ซึ่งหากซือเฟิงสามารถเติมเต็มพลังงานที่จำเป็นให้กับร่างกายของตัวเองได้ในช่วงเวลานี้ เขาก็จะพัฒนาขึ้นไปได้อีกขั้นแน่นอน
โดยซือเฟิงนั้นก็ได้เตรียมการรับกับสิ่งนี้ไว้แล้ว ….
หลังจากกระชับความสัมพันธ์ในการร่วมมือกับมู่ฉิน และบริษัทโบลเดอร์เพิ่มเติม เขาก็ได้จัดการซื้อโพชั่นแห่งชีวิตสามสิบขวดมาจากบริษัทโบลเดอร์แล้ว ซึ่งนอกเหนือจากการมอบบางส่วนให้กับพวกผู้บริหารระดับสูงของกิลไป ซือเฟิงก็ได้เก็บไว้เองอยู่ห้าขวด
และตอนนี้มันก็เป็นเวลาที่เหมาะที่สุดที่จะนำมันออกมาใช้งาน !!!
หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้ดื่มโพชั่นแห่งชีวิตไปสองขวดในหนึ่งลมหายใจ ซึ่งนี่มันก็ทำให้เขามีอาการดีขึ้นมาเล็กน้อย แต่มันก็ยังเห็นได้ชัดว่าพลังงานที่ร่างกายและสมองของเขาต้องการนั้นยังคงไม่เพียงพอ
หลังจากดื่มโพชั่นแห่งชีวิตขวดที่ห้าเข้าไป ซือเฟิงก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ตอนนี้เขารู้สึกว่าเขาได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งแล้ว
ซือเฟิงมองไปยังขวดโพชั่นแห่งชีวิตห้าขวดที่ตอนนี้กลายเป็นขวดเปล่าไปแล้วด้วยรอยยิ้มขมขื่น ก่อนที่เขาจะพึมพำว่า “โชคดีที่ฉันเตรียมมันไว้ห้าขวด หากขาดไปแม้แต่ขวดเดียว มันจะไม่สามารถช่วยบรรเทาสถานการณ์ปัจจุบันของฉันได้เลย …”
ในตอนแรกนั้นโพชั่นแห่งชีวิตห้าขวดก็นับว่าเพียงพอสำหรับเขาที่จะใช้เป็นเวลาสองเดือน แต่ตอนนี้เขากับดื่มมันหมดในลมหายใจเดียว นี่ถ้ามู่ฉินกับคนอื่นๆรู้เรื่องนี้ พวกเขาคงได้คลั่งแน่นอน
เพราะนี่มันเท่ากับว่าซือเฟิงได้ดื่มสมบัติที่ทายาทของพวกเขาต้องใช้เป็นเวลาครึ่งปีหมดไปในคราวเดียวจริงๆ !!!
อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นแบบนั้นแต่ซือเฟิงก็รู้สึกมีความสุข เพราะหลังจากดื่มโพชั่นแห่งชีวิตเข้าไปครบห้าขวดนั้นซือเฟิงก็รู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่ ตอนนี้ความแข็งแกร่งในทุกๆด้านของเขานั้นมันดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกับด้านจิตใจ ….
ในเวลานี้แม้ว่าตาสองข้างจะปิดอยู่ แต่เขาก็สามารถรับรู้ได้ถึงทั้งห้องที่เขาอยู่อย่างชัดเจน นอกเหนือจากนั้นเขายังรับรู้ถึงออร่าแห่งชีวิตภายในบ้านนี้ด้วย นี่มันน่าเหลือเชื่อมากๆ !!!
“นี่ความแข็งแกร่งทางจิตของฉันถึงระดับปรมาจารย์แล้วงั้นหรอ ?” ซือเฟิงพึมพำอย่างแทบไม่อยากจะเชื่อ
แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่สามารถคิดหาเหตุผลใดมารองรับเรื่องนี้ได้ นอกจากเหตุผลนี้
มีเพียงปรมาจารย์ทางจิตเท่านั้นที่จะมีความสามารถแบบนี้ และสามารถมองโลกในมุมแบบนี้ได้
หลังจากซือเฟิงทำความคุ้นชินกับทุกอย่างของเขาที่พัฒนาขึ้นมาอีกขั้นอยู่ราวสิบนาที เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเล็กน้อย
“แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าตอนนี้ฉันเป็นปรมาจารย์ทางจิตหรือยัง แต่ที่แน่ๆฉันมั่นใจว่าตอนนี้ฉันไม่น่าจะต้องกลัวปรมาจารย์ทางจิตที่อยู่เบื้องหลังลู่เทียนตี้อีกแล้ว ….” ซือเฟิงพึมพำอย่างมีความสุข
หลังจากนั้นไม่นานนักซือเฟิงก็ได้ออกจากบ้านพักของเขาไปเพื่อมุ่งหน้าไปพบกับ
หานอี้เฟิง โดยเขาตั้งใจที่จะไปเจรจาทำการค้าเติมเต็มทรัพยากรให้ตัวเอง และกิลสภาสิบแปดปีกของเขา
ก่อนหน้านี้เขากังวลมากว่าปรมาจารย์ทางจิตที่อยู่เบื้องหลังลู่เทียนตี้นั้นจะใช้กลอุบาย หรือเล่นไม่ซื่อบางอย่าง ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะออกจากเขตที่อยู่อาศัยของเขาไกลเกินไป แต่ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขานั้นเพิ่มขึ้นในทุกๆด้านแล้ว โดยเฉพาะในด้านทางจิต มันจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะไม่จำเป็นต้องระวังมากเท่าเดิม และสามารถจะเริ่มทำสิ่งที่เขาต้องการได้ ….
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น