Reincarnation Of The Strongest Sword God 2889-2891

 ตอนที่ 2889 ผลประโยชน์ของเมืองหินโบราณภายใต้เจ้าของใหม่


จักรวรรดิออร์ค เมืองหินโบราณ :


เมื่อซือเฟิงปรากฎตัวขึ้นบริเวณประตูเมืองหินโบราณ เขาก็สังเกตเห็นอย่างชัดเจนว่าประตูเมืองหินโบราณนั้นได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมดแล้ว ในตอนนี้กำแพงเมืองมีขนาดที่สูงกว่าเดิมมาก และบริเวณกำแพงนั้นก็ถูกสลักรูนเวทย์มนต์ไว้อย่างหนาแน่น นอกเหนือจากนี้แล้วเมืองก็ยังได้รับการติดตั้งวงเวทย์ที่จะช่วยดูดซับมานาจากภายนอกเข้ามาในเมืองโดยอัตโนมัติด้วย


ในส่วนของวงเวทย์ป้องกันของเมืองนั้น แม้แต่การโจมตีเต็มกำลังของอาชีพขั้นห้าก็ยังไม่อาจจะสามารถทำลายมันลงได้ง่ายๆ และตราบใดที่แหล่งพลังงานของวงเวทย์ยังคงเหลือเพียงพอนั้น วงเวทย์ป้องกันก็จะถูกซ่อมแซมโดยอัตโนมัติ แถมนอกเหนือจากนี้นั้นมันยังสามารถป้อนคริสตัลเวทย์มนต์เข้าไปเสริมแหล่งพลังงานส่วนสำรองที่หายไปได้เรื่อยๆด้วย


ขณะเดียวกันในเมืองก็มีอาคารสูงตั้งตระหง่านท่ามกลางสายหมอกเป็นจำนวนมาก ซึ่งนี่มันทำให้ซือเฟิงสามารถบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่าความหนาแน่น และสภาพแวดล้อมของเมืองนี้นั้นแทบจะเทียบได้กับเมืองสภาสิบแปดปีกเลย


ซือเฟิงนั้นอดไม่ได้ที่จะกระโดดขึ้นไปในอากาศเพื่อไปมองสภาพของเมืองหินโบราณทั้งหมดจากด้านบน ก่อนที่เขาจะพึมพำอย่างมีความสุขว่า “นี่มันได้รับการอัพเกรดเป็นเมืองหลักโดยอัตโนมัติงั้นหรอ ?”


ในเวลานี้เมืองหินโบราณนั้นมันดูมีขนาดใหญ่กว่าเมืองสภาสิบแปดปีกซะอีก โดยสถานที่ที่เคยเป็นสถานที่พักกิลของมือแห่งนักบุญนั้นก็ได้ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองเมืองขนาดใหญ่ ซึ่งคฤหาสถ์นี้นั้นมีความสูงอยู่ที่ราวสามร้อยเมตร ขณะเดียวกันบริเวณยอดของคฤหาสถ์นั้นมันก็มีแสงของรูนศักสิทธิ์สว่างจ้าอยู่ โดยรูนศักสิทธิ์พวกนี้นั้นมันก็เกิดมาจากการทำงานขององค์ประกอบธาตุภายในเมืองที่เป็นไปได้อย่างดี


ซึ่งรูนศักสิทธิ์พวกนี้นั้นมันจะช่วยเพิ่มการรับรู้ และความเข้าใจของผู้เล่นต่อองค์ประกอบธาตุขึ้นอย่างมาก พูดกันตามตรงมันจะทำให้พวกเขาเข้าใจถึงกฎธรรมชาติขององค์ประกอบธาตุเลยด้วยซ้ำ และด้วยเรื่องนี้เองการที่ผู้เล่นคนหนึ่งจะกลายเป็นปรมาจารย์ธาตุนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากเลย

“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมในชีวิตที่ผ่านมาของฉันนั้น เมืองที่มีแกนกลางเป็นดินแดนลับนั้นมันสามารถจะช่วยให้ผู้เล่นพัฒนาขึ้นไปได้อย่างรวดเร็วมากๆ ด้วยรูนศักสิทธิ์ที่ปรากฎขึ้นนี้ มันจะทำให้ผู้เล่นขั้นสี่ที่เข้ามาฝึกในเมืองมีโอกาสเลื่อนขั้นเป็นขั้นห้าได้มากกว่าในโลกภายนอกราวยี่สิบถึงสามสิบเปอเซ็นต์เลย” ซือเฟิงมองไปที่คฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครอง ในขณะที่เขากำลังคิดอย่างพึงพอใจ


อย่างไรก็ตามในขณะที่ซือเฟิงกำลังสังเกตเมืองหินโบราณนั้น มันก็มีผู้เล่นจำนวนมากเริ่มมารวมตัวกันรอบตัวเขา โดยผู้เล่นทั้งหมดนั้นก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไปกับเมืองหินโบราณโฉมใหม่เช่นกัน


เมืองหินโบราณที่ก่อนหน้านี้นั้นเหลือแต่ซากปรักหักพังได้กลายมาเป็นเมืองที่เทียบเท่ากับเมืองหลวงของอาณาจักรได้แล้ว นี่ยังไม่ต้องพูดถึงสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมานาจำนวนมหาศาลที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า รวมทั้งตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของเมืองที่อยู่ใกล้กับพื้นที่ชั้นในของจักรวรรดิออร์คเลย …. ซึ่งพูดกันตามตรงด้วยปัจจัยทั้งหมดนี้นั้น มันจะทำให้เมืองหินโบราณเป็นดั่งดินแดนสวรรค์สำหรับเหล่าผู้เล่นในจักรวรรดิออร์คแน่นอน


และเมื่อซือเฟิงเห็นผู้เล่นมารวมตัวกันมากขึ้นนั้น เขาจึงได้เลือกจะรีบบินตรงไปที่คฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองเมืองทันที


ตอนนี้เมื่อเมืองหินโบราณได้รับการอัพเกรด และไม่ได้อยู่ภายใต้การคุ้มครองของระบบแล้ว มันจึงสามารถจะกล่าวได้เลยว่าเมืองหินโบราณนั้นอยู่ในสภาพที่อ่อนแอที่สุด และมันก็จะเป็นเรื่องยากมากๆที่จะป้องกัน หากมีกองกำลังใดกองกำลังหนึ่งตัดสินใจเข้าโจมตีเมืองในตอนนี้


ดังนั้นตอนนี้สิ่งแรกที่ต้องทำเลยก็คือการรีบไปเปิดใช้งานวงเวทย์ของเมืองทั้งหมดที่คฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครอง เพราะเมื่อวงเวทย์ทั้งหมดถูกเปิดใช้งานแล้วนั้น แม้พวกเขาจะไม่มีใครคอยป้องกันเมือง แต่เมืองมันก็จะสามารถทนการโจมตีของพวกขั้นห้าได้ระยะหนึ่งแน่นอน


หลังจากซือเฟิงได้เข้าไปในคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองเมือง เขาก็ตกใจกับสภาพแวดล้อมภายในอย่างมาก


สภาพแวดล้อมในคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองเมืองหินโบราณตอนนี้นั้นเปรียบได้กับสภาพแวดล้อมใน God domain ยุคโบราณเลย นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่าหากฝึกที่นี่ความชัดเจน และความเข้าใจเกี่ยวกับองค์ประกอบธาตุของผู้เล่นจะพัฒนาขึ้นไปได้รวดเร็วกว่าในห้องใต้ดินของเมืองสภาสิบแปดปีกซะอีก


นอกเหนือจากนี้แล้ว ห้องใต้ดินของเมืองสภาสิบแปดปีก (ที่มีรูปสลักสัตว์อสูรโบราณ)นั้นก็สามารถใช้ฝึกได้แค่หลายสิบคนเท่านั้น ขณะที่ลานฝึกของที่นี่นั้นสามารถจะให้คนหลายหมื่นคนใช้ฝึกได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ


สำหรับห้องควบคุมหลักของคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองเมือง เมื่อซือเฟิงมาถึงประตูที่มืดมิดก็ได้ถูกเปิดออกจนสุด หลังจากนั้นมานาจำนวนมหาศาลจากดินแดนลับก็ได้เริ่มกระจายตัวออกไปทั่วคฤหาสถ์ ซึ่งนี่มันก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย รวมไปถึงในดินแดนลับด้วยเช่นกัน


ดินแดนลับของเทพปีศาจซึ่งแต่เดิมป้องกันไม่ให้คนนอกเข้าใกล้ ตอนนี้มันมีบันไดสิบเก้าชั้นซึ่งเป็นทางตรงนำไปสู่ดินแดนลับในทันที แต่อย่างไรก็ตามการจะก้าวไปได้แต่ละขั้นนั้นมันก็มีการกำหนดความต้องการขั้นต่ำในเรื่องความเข้าใจขององค์ประกอบธาตุ


ขณะเดียวกันมันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวิธีลัดเลย โดยวิธีลัดที่ว่านั้นผู้เล่นจะสามารถทำได้ก็ต่อเมื่อผ่านข้อกำหนดขั้นต่ำที่ตัวเองต้องเป็นขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบ และต้องจ่ายด้วยคริสตัลเวทย์มนต์หนึ่งพันชิ้น


กล่าวอีกนัยหนึ่งคือตอนนี้มันมีทางให้เลือกสองทางเพื่อที่จะเข้าสู่ดินแดนลับของเทพปีศาจ


หนึ่งฟรี แต่ต้องการให้ผู้เชี่ยวชาญมีความเข้าใจในองค์ประกอบธาตุถึงเกณฑ์ที่กำหนด


สำหรับอีกทางหนึ่งนั้นก็คือการที่ผู้เล่นต้องผ่านข้อกำหนดขั้นต่ำโดยที่ผู้เล่นต้องเป็นอาชีพขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบ และต้องจ่ายด้วยคริสตัลเวทย์มนต์หนึ่งพันชิ้นเพื่อเข้าสู่ดินแดนลับของเทพปีศาจ ซึ่งนี่มันก็นับเป็นโบนัสก้อนโตอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะท้ายที่สุดดินแดนลับระดับพระเจ้าเลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบขึ้นไปนั้น หากอาชีพขั้นสี่ได้เข้าไป มันก็จะช่วยได้อย่างมากเลยในหลายๆด้าน


นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่ามอนสเตอร์ในดินแดนลับแบบนี้แต่ละตัวนั้นล้วนดรอปไอเทมที่มีค่ามากๆ

ในดินแดนลับระดับพระเจ้าที่มีเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบนั้นมันมีข่าวลือว่ามอน

สเตอร์ใดๆก็ตามที่เป็นมอนสเตอร์ขั้นสี่ ระดับเทพนิยายจะมีอัตราการดรอปมากกว่าในโลกภายนอกสองถึงสามเท่า ขณะที่ค่า EXP ที่มอนสเตอร์พวกนี้มอบให้มันก็จะมากกว่าในโลกภายนอกถึงห้าเท่า ดินแดนลับแบบนี้มันนับเป็นขุมทรัพย์อย่างแท้จริง


อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ได้จัดว่าเป็นขุมทรัพย์ซะทีเดียว เพราะระบบหลักของ God domain นั้นจะไม่ยอมให้ผู้เล่นได้รับอะไรมาง่ายๆแน่นอน ดังนั้นในดินแดนลับแบบนี้ มอนสเตอร์พวกนี้จึงถูกตั้งค่าให้มีพลังและมาตราฐานการต่อสู้ที่สูงมาก และสำหรับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย ขั้นสี่นั้น มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ทั่วไปจะสามารถจัดการได้ง่ายๆเลย


ผู้เล่นจะอยู่รอดในดินแดนลับแบบนี้ได้ง่ายขึ้นก็ต่อเมื่อเข้าสู่ขั้นห้าแล้วเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามหากผู้เล่นขั้นห้าบังเอิญซวยไปเจอ มอนสเตอร์ระดับโดเมนศักสิทธิ์ ขั้นห้า พวกเขาก็มีสิทจะตายได้เช่นกัน


เนื่องจากมอนสเตอร์ระดับโดเมนศักสิทธิ์ในดินแดนลับ ระดับพระเจ้า นั้นล้วนมีมาตราฐานการต่อสู้ที่สูงมาก โดยแม้แต่ที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกมันก็ยังสามารถเทียบกับผู้ที่พึ่งจะเข้าสู่ขอบเขตอนันต์ได้ และเมื่อบวกกับค่าสถานะพื้นฐานที่สูงลิ่วของมันนั้น มันจึงเป็นเรื่องยากมากๆที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าทั่วไปจะสามารถต้านทานมันได้ โดยทั่วไปแล้วในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิง มันจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าอย่างน้อยสามคน และฮีลเลอร์กับแท๊งเกอร์ที่เป็นทีมสามคนคอยประสานงาน และช่วยเหลือกัน มันจึงจะสามารถล้มมอนสเตอร์ระดับนี้


แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ทั้งหมดมันก็ทำให้ซือเฟิงตื่นเต้นมากๆ ….


เนื่องจากในดินแดนลับ ระดับพระเจ้าที่มีเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบนั้นมีโอกาสจะดรอปคริสตัลศักสิทธิ์ออกมา ซึ่งมันนับเป็นไอเทมสำคัญที่จะช่วยเพิ่มพลังให้กับไอเทมระดับตำนาน และมันยังมีโอกาสจะดรอปหนังสือสกิล กับเวทย์มนต์ขั้นห้าด้วย โดยทั้งหมดนี้มันก็คือกุญแจสำคัญในการปรับปรุงความแข็งแกร่งของอาชีพขั้นห้า


ถึงกระนั้นซือเฟิงก็เลือกจะปรามให้ตัวเองสงบลงไป เพราะในตอนนี้ต่อให้เขาเข้าไปพร้อมกับไฟเออร์แดนซ์ กับคนอื่นๆนั้น อย่างมากเขาก็จะสามารถฆ่าได้แค่มอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายเท่านั้น สำหรับมอนสเตอร์ระดับโดเมนศักสิทธิ์ มันยังคงเป็นแค่ความฝัน


หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้ใช้คริสตัลเวทย์มนต์สามแสนชิ้นเพื่อเปิดใช้งานวงเวทย์ทั้งหมดของเมืองหินโบราณ


ซึ่งเมื่อเปิดใช้งานวงเวทย์นั้น เมืองหินโบราณก็เหมือนกับยักษ์หลับใหลที่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมา โดยมานาในรัศมีสองหมื่นหลานั้นได้เริ่มมาบรรจบกันที่เมืองหินโบราณ ซึ่งนี่มันทำให้มานารอบบริเวณนั้นเหือดแห้งจนผู้เล่นขั้นหนึ่ง กับขั้นสองนั้นรู้สึกอึดอัดมากๆ ในส่วนของอาชีพขั้นสาม และขั้นสี่นั้น พลังของพวกเขาก็จะลดลงไปในระดับหนึ่ง


สำหรับผู้เชี่ยวชาญขั้นห้า แม้ว่าพวกเขาจะมาโจมตีเมืองป่าหินตอนนี้ แต่ความรุนแรงในการโจมตีของพวกเขาก็จะลดลงไปอย่างมาก ….


“วงเวทย์ทั้งหมด รวมไปถึงวงเวทย์แกนกลางพวกนี้มันช่างยอดเยี่ยมมากจริงๆ !!” ซือเฟิงที่อยู่ในคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองเมืองนั้นก็รู้สึกตกตะลึงมากเช่นกัน


และหลังจากเปิดใช้งานวงเวทย์ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ซือเฟิงก็ได้ออกคำสั่งให้ไฟ

เออร์แดนซ์เริ่มส่งคนจำนวนมากเข้ามา


หลังจากนั้นเมืองหินโบราณที่ว่างเปล่าก็ได้เต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของสภาสิบแปดปีกมากกว่าสองแสนคนในเวลาไม่ถึงยี่สิบนาที นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่มากกว่าสามสิบคนยังถูกระดมเข้ามาประจำการที่นี่ พร้อมกับเรือเหาะมังกรสีเลือดสามลำ องคร์ระดับลึกลับขั้นเงิน ขั้นสี่ หกคน และองค์รักษ์ระดับดาร์คโกล ขั้นสี่ สองคน


ซึ่งด้วยกองกำลังแบบนี้นั้น เมืองหินโบราณจะมีการป้องกันที่แข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าเมืองกิลของซุเปอร์กิลทั่วไปแน่นอน


“หัวหน้ากิล การวางกำลังการป้องกันของเมืองในขั้นพื้นฐานเสร็จเรียบร้อย หัวหน้าจะเปิดเมืองเลยไหม ?” ไฟเออร์แดนซ์อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น หลังจากที่ได้อ่านรายงาน


“เปิดเลย” ซือเฟิงกล่าวโดยไม่ลังเล “สำหรับค่าเข้าให้คิดเป็นเงินสี่สิบเหรียญเงิน หรือคริสตัลเวทย์มนต์ที่มูลค่าเท่ากัน !!!”


เมืองกิลจะสามารถดึงดูดทหาร NPC ให้เข้ามาสมัครประจำการได้ก็ต่อเมื่อเมืองถูกเปิดแล้วเท่านั้น ขณะเดียวกันเพื่อที่จะคงสถานะการป้องกันของเมืองหินโบราณในตอนนี้ไว้นั้น มันก็จะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่คริสตัลเวทย์มนต์หนึ่งแสนชิ้นต่อวัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเปิดเมืองเพื่อหารายได้ ….

และเมื่อเมืองหินโบราณถูกเปิดขึ้นนั้น มันก็จะกลายเป็นตัวเลือกแรกๆของผู้เล่นที่วางแผนจะไปล่าในเมืองหลวงของจักรวรรดิออร์คที่จะเข้ามาพักผ่อนแน่นอน เพราะเมืองหินโบราณนั้นเป็นหนึ่งในเมืองที่อยู่ใกล้กับเมืองหลวงของจักรวรรดิออร์คที่สุด


หลังจากนั้นภายในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง มันก็มีผู้เล่นมากกว่าหกแสนคนหลั่งไหลเข้าสู่เมืองหินโบราณ โดยทุกคนล้วนอยู่ในขั้นสามเป็นอย่างน้อย


โดยผู้เล่นทุกคนที่เข้าสู่เมืองหินโบราณนั้นล้วนตกตะลึงกับผลประโยชน์ทั้งหมด และสภาพแวดล้อมที่มันมอบให้อย่างมาก และนี่มันก็ทำให้ข่าวเกี่ยวกับเรื่องของเมืองหินโบราณนั้นแพร่กระจายออกไปทั่วทั้ง God domain อย่างรวดเร็ว ซึ่งเมื่อเป็นแบบนี้นั้น แม้แต่ซุเปอร์กิลที่คิดจะแย่งชิงเมืองนี้ไปจากสภาสิบแปดปีกก็ยังต้องยอมแพ้ และเลือกจะรอกองกำลังผู้รุกรานจากโลกอื่นแทน


อย่างไรก็ตามในระหว่างที่หลายฝ่ายกำลังตกตะลึงนี้นั้น ซือเฟิงก็ได้นำจักรพรรดิอสูรไปที่วิหารเทพสงครามของอาณาจักรสตาร์มูน


ในตอนนี้เมื่อทุกอย่างในด้านของเมืองหินโบราณเรียบร้อยแล้วนั้น ซือเฟิงจึงสามารถจะออกห่างจากเมืองมาได้ โดยเขาก็ได้เลือกจะมุ่งหน้าไปยังวิหารเทพสงครามเป็นที่แรก อันเนื่องมาจากวิหารเทพสงครามนั้นมีความเกลียดชังกับวิหารเทพปีศาจอย่างมาก ดังนั้นค่าหัวของทูตของเทพปีศาจอย่างจักรพรรดิอสูรก็จะสูงมากแน่นอน ซึ่งซือเฟิงนั้นต้องการค่าหัวนี้อย่างมาก ….


เมื่อซือเฟิงเดินเข้ามาในห้องโถงของวิหารเทพสงครามพร้อมกับจักรพรรดิอสูร

มัคนายกเลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบก็ได้เดินเข้ามาหาเขา


“ท่านลอร์ดท่านมาเพื่อรับรางวัลค่าหัวสินะ โปรดตามฉันมาเลย ลอร์ดแห่งวิหารเทพสงครามกำลังรอท่านอยู่ที่ห้องโถงวิหารเทพสงคราม” มัคนายกขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบกล่าวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเคารพ


“โอเค ! นำไป !!” ซือเฟิงพยักหน้า


ตอนที่ 2890 รางวัลจากวิหารเทพสงคราม


วิหารเทพสงคราม ห้องโถงวิหารเทพสงคราม :


ในห้องโถงที่ถูกปกคลุมไปด้วยแสงดาว ชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อคลุมสีขาว และมงกุฎสีน้ำเงินนั่งอยู่บนบัลลังก์ที่ทำจากคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ และเมื่อชายวัยกลางคนสัมผัสได้ถึงการมาถีงของมัคนายกขั้นสาม กับซือเฟิง เขาก็ได้ลืมตาขึ้นมา


“ท่านปรมาจารย์ (ใช้เพื่อแยกแยะ เพราะว่าถ้าใช้ลอร์ดกับลอร์ดเหมือนกันเดี๋ยวจะงง) ท่านลอร์ดผู้นี้ได้นำทูตของเทพปีศาจมารับค่าหัว” มัคนายกเดินเข้าไปกลางห้องโถง และกล่าวรายงานด้วยความเคารพ


ชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อคลุมสีขาวผู้นี้อดไม่ได้ที่จะมองไปยังซือเฟิง และจักรพรรดิอสูรที่ถูกมัดไว้ด้านหลังอย่างระมัดระวัง ก่อนที่เขาจะพยักหน้า และหันไปกล่าวกับมัคนายกว่า “อืม คุณออกไปได้แล้ว …”


โดยปกติแล้วเพียงแค่พาผู้ติดตามของวิหารเทพปีศาจมาที่วิหารเทพสงครามนั้น มันไม่ใช่จุดเปลี่ยนเลยที่จะทำให้ลอร์ดผู้ปกครองของวิหารเทพสงครามที่ใดที่หนึ่งออกมาทักทายได้ แต่อย่างไรก็ตามซือเฟิงนั้นอยู่ในขั้นห้า ซึ่งนับเป็นตัวตนที่ยืนอยู่บนสูงสุดของอาณาจักรสตาร์มูน ดังนั้นวิหารเทพสงครามจึงจำเป็นจะต้องปฎิบัติต่อซือเฟิงอย่างจริงจัง และระมัดระวัง รวมทั้งให้ความเคารพ


ซือเฟิงมองไปที่ลอร์ดผู้ปกครองสำนักงานใหญ่หลักของวิหารเทพสงครามในอาณาจักรสตาร์มูนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เพราะท้ายที่สุดในฐานะที่ที่นี่เป็นสำนักงานใหญ่หลักของวิหารเทพสงครามในอาณาจักรสตาร์มูนนั้น มันก็นับเป็นตัวแทนของพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของวิหารเทพสงครามในอาณาจักรสตาร์มูนด้วย


และเมื่อซือเฟิงได้เห็นข้อมูลของลอร์ดผู้ปกครองสำนักงานใหญ่หลักของวิหารเทพสงครามในอาณาจักรสตาร์มูน เขาก็ต้องบอกเลยว่าวิหารเทพสงครามนั้นสมกับเป็น

กองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรสตาร์มูนจริงๆ


แม้ว่าลอร์ดผู้นี้จะเป็นเพียง NPC ขั้นสี่ เลเวลสองร้อย หรือจะพูดให้แม่นยำก็คือเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับครึ่งก้าวขั้นห้า แต่ชนชั้นสิ่งมีชีวิตของเขาก็สูงมากๆ และการควบคุมธาตุเวทย์มนต์ของเขานั้นก็อยู่ในระดับที่สูงลิ่วเช่นกัน โดยหากลอร์ดผู้นี้สามารถสร้างร่างมานาขั้นห้าได้เมื่อไหร่ เขาก็จะสามารถเลื่อนขั้นขึ้นไปเป็นขั้นห้าได้ทันที

นอกจากนี้ลอร์ดผู้นี้ยังมีอาวุธระดับตำนาน และหมวกเกราะระดับตำนานอยู่ในครอบครองด้วย ซึ่งเมื่อเขาไปถึงขั้นห้านั้น เขาก็จะกลายเป็นหนึ่งใน NPC ที่ทรงพลังที่สุดของ God domain แน่นอน


ลอร์ดแห่งวิหารเทพสงคราม ฮาร์เวิร์ด สตอร์มเรจมองไปที่ซือเฟิง และอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “ท่านนักบุญแห่งดาบ ฉันขอยืนยันได้ไหมว่านั่นเป็นทูตของเทพปีศาจจริงไหม ?”


“แน่นอน ไม่มีปัญหา ….”


เมื่อพูดจบซือเฟิงก็ได้โบกมือส่งจักรพรรดิอสูรที่ถูกจับมัดไว้อย่างสมบูรณ์ไปให้ฮาร์เวิร์ด โดยตอนนี้นั้นร่างของจักรพรรดิอสูรก็มีสภาพเหมือนกับหุ่นเชิด เพราะมันว่างเปล่าเนื่องจากจักรพรรดิอสูรนั้นได้ล๊อคเอ้าท์ออกจากเกมไปนานแล้ว


เมื่อจักรพรรดิอสูรมาอยู่ตรงหน้าฮาร์เวิร์ด วงเวทย์ทั้งหมดทั่วทั้งห้องโถงก็ถูกเปิดขึ้นทันที และทันใดนั้นโซ่สีทองศักสิทธิ์จำนวนมากก็โผล่ออกมา พร้อมกับพุ่งเข้าล๊อคจักรพรรดิอสูรไว้ ซึ่งไม่ต้องพูดถึงจักรพรรดิอสูรที่เป็นเพียงผู้เล่นขั้นสี่ในตอนนี้เลย เพราะซือเฟิงสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่าแม้แต่ผู้เล่นขั้นห้าที่แท้จริงก็จะไม่สามารถดิ้นหลุดจากโซ่นี้ได้แน่นอน


“ท่านนักบุญแห่งดาบ ท่านนี่ช่างยอดเยี่ยมมากจริงๆ !!! ท่านสามารถจะจับทูตของเทพปีศาจได้จริงๆ !!! นี่คือลูกน้องที่เทพปีศาจนั้นจ่ายไปอย่างมหาศาลเพื่อเลี้ยงดูขึ้นมา แต่ในตอนนี้เมื่อหมอนี่ถูกท่านจับมาส่งให้เราแบบนี้ ทวีปหลักของ God domain ก็น่าจะสงบไปอีกระยะหนึ่งเลยทีเดียว” หลังจากที่ฮาร์เวิร์ดทำการตรวจสอบตัวตนของจักรพรรดิอสูรแล้ว ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น


เทพปีศาจนั้นไม่สามารถจะสืบเชื้อสาย หรือเข้ามายังโลกของ God domain ในตอนนี้ได้ โดยอย่างดีที่สุดเทพปีศาจก็สามารถจะเหลือมรดกของตัวเองไว้ในโลกปัจจุบันของ God domain ได้เท่านั้น ซึ่งผู้ที่สามารถรับมรดกของเทพปีศาจได้จะถูกเรียกว่าทูตของเทพปีศาจ และสำหรับวิหารเทพสงคราม พวกทูตเหล่านี้นั้นมีค่ามากๆ


เนื่องจากมันจะมีแต่เพียงทูตของเทพปีศาจเท่านั้นที่สามารถดึงพลังที่แท้จริงของเทพปีศาจมาใช้ได้ ซึ่งสาเหตุมันก็เป็นเพราะทูตของเทพปีศาจนั้นคือผู้ที่ได้รับมรดกจากเทพปีศาจมาโดยตรง และการที่เทพปีศาจสูญเสียทูตของตัวเองไปหนึ่งคนนั้น มันก็เท่ากับว่ามรดกที่มันเหลือไว้ในโลกปัจจุบันของ God domain จะหายไปอย่างถาวรหนึ่งชิ้นเลย


“เชิญท่านจัดการกับหมอนี่ได้ตามสะดวกเลย …” ซือเฟิงกล่าวอย่างสบายๆ


เขารู้ดีอยู่แล้วว่าจักรพรรดิอสูรนั้นเป็นทูตของเทพปีศาจ ดังนั้นคำยืนยันของฮาร์เวิร์ดจึงไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นใดๆเลย


และเมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิงนั้น ฮาร์เวิร์ดก็เริ่มใช้โซ่ศักสิทธิ์จากวงเวทย์บีบรัดร่างของจักรพรรดิอสูรจนสลายกลายเป็นเถ้าทันที อย่างไรก็ตามมันยังไม่จบแค่นั้น เพราะมันยังคงเหลือส่วนของวิญญาณอยู่ ซึ่งโซ่นี้ก็ดูเหมือนจะรู้ เนื่องจากโซ่นี้ได้จัดการรัดต่อไปทันทีจนวิญญาณของจักรพรรดิอสูรนั้นสลายหายไปเช่นกัน


กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบวินาทีก่อนที่จักรพรรดิอสูรจะสลายหายออกไปจาก God domain อย่างสิ้นเชิง และเมื่อถึงเวลา แม้ว่าจักรพรรดิอสูรจะต้องการกลับเข้าสู่ God domain แต่เขาก็จะสามารถทำได้โดยการเริ่มต้นใหม่ โดยปราศจากมรดกของเทพปีศาจเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงจะไม่เป็ยภัยคุกคามต่อซือเฟิงอีกต่อไป และในอนาคตชายผู้นี้จะมาถึงขั้นสี่ได้แบบเดิมไหมมันก็ยังไม่แน่ด้วยซ้ำ ….


หลังจากร่างของจักรพรรดิอสูรสลายหายไป ซือเฟิงก็ได้ยินเสียงการแจ้งเตือนของระบบดังขึ้น


ระบบ : ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่นที่สามารถจะจับทูตของเทพปีศาจได้ ! ได้รับคะแนนบุญหนึ่งแสนแต้ม ค่าชื่อเสียงจากวิหารเทพสงครามสามพันแต้ม เลเวลเพิ่มขึ้นห้าเลเวล และคะแนนสกิลมรดกห้าสิบแต้ม


ระบบ : ค่าชื่อเสียงของคุณในวิหารเทพสงครามนั้นมีมากกว่าสามพันแต้มแล้ว ได้รับฉายา ผู้ส่งสารแห่งเทพสงคราม และได้รับสถานะกับอำนาจจากวิหารเทพสงครามให้เป็นผู้อาวุโสของวิหารเทพสงคราม


เมื่อซือเฟิงได้ยินประกาศเรื่องรางวัลที่เขาได้รับจากระบบ เขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงมากๆ


แม้ว่าเขาจะรู้อยู่แล้วว่ารางวัลที่เขาได้รับนั้นมันจะไม่ต่ำแน่นอน แต่เขาก็ไม่ได้คิดเลยว่ามันจะมากขนาดนี้

ไม่ต้องพูดถึงไอเทมดีๆจำนวนมากในคลังของวิหารเทพสงครามที่ซือเฟิงสามารถจะแลกเปลี่ยนด้วยคะแนนบุญหนึ่งแสนแต้มได้เลย เพราะเพียงแค่ฉายาผู้ส่งสารแห่งเทพสงคราม มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้เล่นเดินทางไปได้แทบทุกที่ใน God domain โดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ


วิหารเทพสงครามนั้นมีสาขามากมายนับไม่ถ้วน แต่จำนวนผู้อาวุโสของวิหารเทพสงครามนั้นมีอยู่ไม่มากนัก และสถานะนี้มันก็นับว่าสูงกว่าลอร์ดผู้ปกครองสาขาของวิหารเทพสงครามด้วยซ้ำ นอกเหนือจากนี้สถานะนี้ยังสามารถจะแนะนำให้กิลๆหนึ่งกลายเป็นหนึ่งในสิบกิลดาวรุ่งที่แข็งแกร่งที่สุดใน God domain ได้โดยตรง และสถานะนี้นั้นมันก็สามารถจะนำไปใช้เพื่อท้าทายตำแหน่งสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน God domain ได้


และผลประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของสถาะหนึ่งในสิบกิลดาวรุ่งที่แข็งแกร่งที่สุดของ God domain นั้นก็คือ กิลจะได้รับสิทในการเข้าประจำการในเมืองของอาณาจักรได้แบบสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพียงแต่ว่าเมืองที่กิลจะสามารถเข้าประจำการได้นั้นมันมีให้เลือกน้อยกว่าก็เท่านั้น


ฮาร์เวิร์ดมองไปยังซือเฟิงที่อยู่ในห้วงความคิดลึกซึ้ง ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาหาซือเฟิง และกล่าวด้วยความเคารพว่า “ท่านนักบุญแห่งดาบ เนื่องจากวีรกรรมที่ท่านทำให้แก่วิหารเทพสงครามเรานั้น มันจึงทำให้ท่านได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิหารเทพสงครามแล้ว ซึ่งหากท่านต้องการความช่วยเหลือใดๆ ฉันในฐานะลอร์ดผู้ปกครองสำนักงานใหญ่หลักของวิหารเทพสงครามในอาณาจักรสตาร์มูนนั้นก็ยินดีจะช่วยเหลือท่านอย่างเต็มที่เลย”


“งั้นก็ดีเลย เพราะฉันอยากจะแนะนำให้กิลของฉันกลายเป็นหนึ่งในสิบกิลดาวรุ่งที่แข็งแกร่งที่สุดใน God domain และฉันก็จะขอให้กิลของฉันได้เข้าประจำการในอาณาจักรสตาร์มูนอย่างเป็นทางการ เรื่องนี้พอจะทำได้ไหม ?” ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น


“นั่นง่ายมากๆเลย ท่านเพียงแค่ต้องเขียนจดหมายรับรองมาให้ฉัน ท่านนักบุญแห่งดาบ …. แล้วเดี๋ยวฉันจะรายงานไปยังเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดให้ และในตอนนั้นสิ่งที่ท่านต้องทำก็เพียงแค่รอเท่านั้นท่านนักบุญแห่งดาบ โดยมันจะใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน และเมื่อมันผ่านการอนุมัติ ข่าวเรื่องนี้ก็จะถูกประกาศไปทั่ว God domain” ฮาร์เวิร์ดกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สำหรับความปราถนาในการจะเข้าประจำการที่อาณาจักรสตาร์มูนอย่างเป็นทางการนั้นมันง่ายกว่าเรื่องแรกด้วยซ้ำ ฉันเป็นเพื่อนกับกษัตริย์ของอาณาจักรสตาร์มูน เดี๋ยวฉันจะไปคุยให้ และตราบใดที่ประกาศจากวิหารเทพสงครามถูกประกาศออกไปนั้น คุณจะได้เป็นหนึ่งในกิลผู้พิทักษ์ของอาณาจักรสตาร์มูนเลยด้วยซ้ำ !!!”


“งั้นฉันก็ต้องขอขอบคุณท่านมาก ท่านฮาร์เวิร์ด …” ซือเฟิงกล่าวอย่างมีความสุข


ตอนแรกซือเฟิงคิดว่าเรื่องนี้มันจะยากลำบาก แต่ท้ายที่สุดแล้วทุกอย่างกลับเป็นไปได้อย่างง่ายดายกว่าที่เขาคาดคิดไว้มาก และหลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้จัดการเขียนจดหมายแนะนำจนเรียบร้อย ก่อนที่เขาจะมอบมันให้ฮาร์เวิร์ด และฝากให้ฮาร์เวิร์ดไปจัดการเรื่องทั้งหมดนี้ให้


หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้เข้าไปที่สำนักงานแลกเปลี่ยนของวิหารเทพสงครามทันที และซือเฟิงก็ได้ขอเข้าไปแลกเปลี่ยนในพื้นที่ที่มีแต่ระดับผู้อาวุโสหรือสูงกว่าขึ้นไปเท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปได้


“แน่นอนเลยว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะแลกเปลี่ยนไอเทมระดับตำนานได้โดยตรง” ซือเฟิงที่ตรวจสอบไอเทมที่เปิดให้แลกเปลี่นอยู่พึมพำอย่างเสียดาย


วิหารเทพสงครามนั้นมีไอเทมระดับตำนานมากมาย อย่างไรก็ตามไอเทมเหล่านี้นั้นมันแข็งแกร่งจนน่ากลัวมากๆ และมันมีก็แต่พวก NPC เท่านั้นที่จะใช้ได้ ผู้เล่นนั้นไม่สามารถจะใช้มันได้ สำหรับไอเทมที่แข็งแกร่งที่สุดที่ผู้เล่นจะสามารถแลกเปลี่ยนไปแล้วใช้ได้เลยนั้นมันมีแค่เศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานเท่านั้น


สำหรับไอเทมระดับอาติแฟคนั้นมันเป็นข้อยกเว้นไม่เหมือนกับไอเทมระดับตำนาน เนื่องจากหากผู้เล่นสามารถพัฒนาตัวเองไปถึงระดับร่างครึ่งเทพ หรือไปอยู่ในขั้นได้นั้นผู้เล่นก็จะสามารถใช้มันได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามคะแนนบุญที่ต้องใช้แลกเปลี่ยนนั้นมันมากกว่าสองแสนแต้มเลย ซึ่งการจะรวบรวมมันให้ได้จำนวนที่เพียงพอในตอนนี้นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย


เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ ซือเฟิงจึงได้เลือกจะเปิดคลังวัสดุที่วิหารเทพสงครามเปิดให้แลกเปลี่ยนขึ้นมา ….


ซึ่งเมื่อซือเฟิงเปิดขึ้นมานั้น เขาก็ต้องยอมรับเลยว่านี่มันสมกับเป็นวิหารเทพสงครามจริงๆ ไม่ต้องพูดถึงวัสดุระดับอีปิคเลย เนื่องจากในคลังนี้นั้นมันมีวัสดุระดับตำนานเปิดให้แลกมากกว่าห้าแสนชิ้น แถมมันยังมีวัสดุอีกมากกว่าหนึ่งหมื่นชิ้นที่เป็นระดับนักบุญด้วย ซึ่งวิหารเทพสงครามก็เปิดให้แลกเช่นกัน ….

“นี่มันแหล่งพลังศักสิทธิ์ !!!” ซือเฟิงมองไปยังวัสดุระดับนักบุญที่อ่อนแอที่แสดงอยู่ด้วยความตกตะลึง


Eye of Flaming Roar วัสดุระดับนักบุญที่อ่อนแอนี้มันเป็นแหล่งพลังศักสิทธิ์จากเปลวไฟที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งหากนำมันมาให้ร่างกายดูดซับนั้น ชนชั้นสิ่งมีชีวิตของผู้ดูดซับก็จะสูงขึ้นมาก โดยมันมีราคาแลกเปลี่ยนเป็นคะแนนบุญเจ็ดหมื่นแต้ม


สำหรับเรื่องแหล่งพลังศักสิทธิ์นั้นซือเฟิงได้ตามหามันมานานแล้ว แต่เขายังไม่เคยพบเลยแม้แต่ชิ้นเดียว


แต่ตอนนี้เขากับได้พบมันอย่างไม่คาคคิดในวิหารเทพสงคราม


อย่างไรก็ตามเมื่อซือเฟิงได้เห็นคะแนนบุญที่ต้องใช้แลกเปลี่ยนนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น


อาวุธระดับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานนั้นต้องใช้คะแนนบุญแลกเปลี่ยนเพียงสามหมื่นถึงสี่หมื่นแต้มเท่านั้น แต่ตอนนี้วัสดุระดับนักบุญที่อ่อนแอชิ้นเดียวกับมีราคาแลกเปลี่ยนเป็นคะแนนบุญถึงเจ็ดหมื่นแต้ม ขณะที่สำหรับคริสตัลศักสิทธิ์นั้นมันก็จะมีราคาแลกเปลี่ยนเป็นคะแนนบุญเจ็ดพันแต้มต่อชิ้นเท่านั้น


“มันมีแหล่งพลังศักสิทธิ์อยู่ในวิหารเทพสงครามทั้งหมดสี่ชิ้น อย่างไรก็ตามด้วยคะแนนบุญที่ฉันมี ฉันสามารถแลกเปลี่ยนมันได้มากสุดแค่หนึ่งชิ้นเท่านั้น ขณะเดียวกันถ้าฉันเอาคะแนนที่มีไปแลกคริสตัลศักสิทธิ์ มันก็ยังไม่แน่ว่าฉันจะสามารถซ่อมแซมดาบแสงแห่งสองโลกได้ไหม” ซือเฟิงพึมพำอย่างลังเล


เห็นได้ชัดว่าการได้รับคะแนนบุญจำนวนมากมากในระยะเวลาอันสั้นนั้นเป็นไปไม่ได้เลย เพราะท้ายที่สุดตอนนี้เขายังไม่เคยได้พบกับทูตของเทพปีศาจ นอกเหนือจากจักรพรรดิอสูร อย่างไรก็ตามหากเขาเลือกจะเสี่ยงแลกเปลี่ยนคริสตัลศักสิทธิ์ไปนั้น มันก็ยังไม่แน่ว่าเขาจะสามารถเติมเต็มแหล่งพลังศักสิทธิ์ที่จำเป็นในการซ่อมแซมดาบแสงแห่งสองโลกของเขาได้ เพราะคริสตัลศักสิทธิ์นั้นมันไม่ได้มีแหล่งพลังศักสิทธิ์ที่เสถียรเท่า Eye of Flaming Roar


หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ซือเฟิงก็กัดฟันและกล่าวว่า “ฉันต้องการจะแลกเปลี่ยนคริสตัลศักสิทธิ์สี่ชิ้น พร้อมกับ Eye of Flaming Roar”

“โปรดรอสักครู่ !!!” พนักงานต้อนรับสาวกล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะเริ่มเข้าไปหยิบไอเทมที่ซือเฟิงต้องการออกมา


หลังจากนั้นไม่นาน พนักงานสาวก็กลับมาพร้อมกลับไอเทมทั้งหมดที่ซือเฟิงต้องการ และยื่นมันให้กับเขา


“ฉันไม่แน่ใจว่ามันจะช่วยคริสตัลศักสิทธิ์ได้มากแค่ไหน แต่ก็ต้องมาลองดูกันหน่อยละนะ …” ซือเฟิงพึมพำด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่เขามองไปยังไอเทมทั้งหมดที่เขาได้รับมา


ระบบ : ค้นพบแหล่งพลังศักสิทธิ์ คุณต้องการให้แสงแห่งสองโลกดูดซับมันหรือไม่ ?


“ดูดซับ !!!”


ตอนที่ 2891 การปรับปรุงอย่างมหาศาล


เมื่อซือเฟิงเลือกให้ดาบแสงแห่งสองโลกทำการดูดซับ …. Eye of Flaming Roar ในมือของเขามันก็สลายหายไปทันที โดยมันก็ได้กลายเป็นเปลวไฟพุ่งเข้าไปใส่ดาบแสงแห่งสองโลก


หลังจากนั้นเปลวไฟนี้ก็ค่อยๆเข้าปกคลุมดาบทั้งเล่ม ก่อนที่มันจะเริ่มกระตุ้นให้รูนศักสิทธิ์บนดาบซึ่งแต่เดิมพังไปแล้วนั้นเริ่มฟื้นฟูกลับมา และท้ายที่สุดในอีกไม่กี่วินาทีต่อมา เครื่องหมายศักสิทธิ์สีแดงก็ปรากฎขึ้นที่ใบดาบทั้งหมด โดยนี่มันก็ทำให้พลัง และออร่าของแสงแห่งสองโลกพุ่งสูงขึ้นมาก


“ทรงพลังมากๆ !!!”


ซือเฟิงพึมพำอย่างตกตะลึง และมีความสุขในขณะที่เขาทำการตรวจสอบข้อมูลของดาบแสงแห่งสองโลกโฉมใหม่ โดยในตอนนี้นั้นเงื่อนไขขั้นต่ำในการจะใช้ดาบนี่ได้นั้น แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ทั่วไปก็ยังยากจะบรรลุได้แล้ว ….


อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นแบบนี้นั้น แต่มันก็มาพร้อมกับการที่ดาบมีความแข็งแกร่งในด้านต่างๆเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะด้านค่าสถานะพื้นฐานทั้งหมดที่มันเพิ่มขึ้นถึงสิบห้าเปอเซ็นต์ และนี่มันก็ส่งผลให้ค่าสถานะ STR ของซือเฟิงที่เป็นผู้ใช้มันนั้นทะลุเจ็ดหมื่นแล้ว ซึ่งนี่มันทำให้ค่า STR ของซือเฟิงในตอนนี้แทบจะมากกว่ามอนสเตอร์ระดับโดเมนศักสิทธิ์ขั้นห้าทั่วไปด้วยซ้ำ


สำหรับเรื่องสกิลของดาบเล่มนี้นั้น พวกมันก็มีคูลดาวน์ที่ลดลงอย่างมาก และนอกเหนือจากนี้ ตอนนี้ข้อมูลมันยังบอกอย่างชัดเจนว่าซือเฟิงสามารถจะอัพสกิลของมันขึ้นไปเป็นขั้นห้าได้ด้วย และพูดกันตามตรงหากซือเฟิงซ่อมมันได้แบบสมบูรณ์ ซือ

เฟิงก็อาจจะอัพสกิลของมันขึ้นไปที่ขั้นหกได้เลย


ซึ่งเมื่อมาถึงตรงนี้นั้น ซือเฟิงก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เพราะท้ายที่สุดดาบแสงแห่งสองโลกนั้นมันก็นับว่ามีความแข็งแกร่งขึ้นมากแล้วจากการที่ได้ดูดซับ Eye of Flaming Roar ไป หากซือเฟิงอัดคริสตัลเทพเจ้าเข้าไปให้มันดูดซับจนมันถูกซ่อมแซมเสร็จสมบูรณ์ มันอาจจะแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ แต่มันก็มีสิทที่ซือเฟิงจะใช้มันไม่ได้ หรืออย่างน้อย เขาก็จะไม่สามารถใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ เพราะตอนนี้ซือเฟิงพึ่งมาถึงขั้นห้าเท่านั้น และเรื่องขั้นหก มันก็ยังคงนับว่าเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับเขา

“แสงแห่งสองโลกนั้นมันแข็งแกร่งมากพอแล้วสำหรับตัวฉันที่อยู่ในขั้นห้าตอนนี้ ดังนั้นฉันจึงจะปล่อยผ่านมันไปก่อนดีกว่า แต่อย่างไรก็ตามในฐานะขั้นห้า สกิลและเวทย์ช่วยชีวิตของฉันตอนนี้มันจัดว่าอ่อนแอมากๆ ดังนั้นฉันจึงควรจะนำมันมาเน้นกับตรงนี้ดีกว่า …” ซือเฟิงพึมพำในขณะที่เขาเริ่มเบนสายตามาหาผ้าคลุมไหล่ไนท์วอร์คเกอร์แทน


และหลังจากครุ่นคิดอยู่อีกครู่หนึ่ง ซือเฟิงก็ได้ตัดสินใจจะนำคริสตัลเทพเจ้าสามชิ้นที่เขามี บวกกับอีกสี่ชิ้นที่เขาเก็บสะสมไว้แต่เดิมออกมาให้ผ้าคลุมไหล่ไนท์วอร์คเกอร์ได้ดูดซับ


สำหรับอาชีพขั้นห้านั้นอุปกรณ์สวมใส่ที่ช่วยให้เอาชีวิตรอดในสถานการณ์ต่างๆได้นั้นก็มีความสำคัญมากพอๆกับอาวุธของพวกเขาเลย เพราะท้ายที่สุดแล้วสำหรับอาชีพขั้นห้านั้น หากตายลงในดันเจี้ยนมันก็จะไม่ได้มีปัญหาอะไรมากนัก แต่อย่างไรก็ตามทุกอย่างมันก็จะแตกต่างออกไป และมันก็จะเป็นการสูญเสียอย่างมหาศาลมากๆ หากพวกเขาตายในโลกภายนอก หรือในดินแดนลับ ….


สำหรับผู้เล่นที่มาถึงขั้นห้านั้น ทุกๆครั้งที่พวกเขาตายไม่เพียงแต่เลเวลของพวกเขาจะลดลงหนึ่งเลเวล แต่แม้กระทั่งร่างมานาของพวกเขาก็ยังจะอ่อนแอลงด้วย ซึ่งมันจะต้องใช้เวลาสามถึงสี่วันเลยในการฟื้นฟูและซ่อมแซม เว้นแต่ว่าพวกเขาจะใช้คริสตัลเจ็ดลูมินาลี่เพื่อช่วยเร่งความเร็วในเรื่องนี้ …. นี่จึงเป็นเหตุผลที่ผู้เล่นขั้นห้าต้องให้ความสำคัญกับเรื่องอุปกรณ์สวมใส่แบบนี้เช่นกัน


ระบบ : ค้นพบคริสเทพเจ้าในจำนวนที่มากเพียงพอ คุณต้องการให้ผ้าคลุมไหล่ไนท์วอร์คเกอร์ดูดซับมันไหม ?


“ต้องการ !!”


ซือเฟิงเลือกและตัดสินใจอย่างไม่ลังเล


หลังจากนั้นคริสตัลเทพเจ้าในมือของซือเฟิงทั้งหมดก็สลายกลายเป็นลำแสง และพุ่งเข้าสู่ผ้าคลุมไหล่ไนท์วอร์คเกอร์ทันที ซึ่งมันก็ทำให้เครื่องหมายศักสิทธิ์บนผ้าคลุมไหล่ไนท์วอร์คเกอร์สว่างขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นรูนศักสิทธิ์ที่พังไปของมันก็เริ่มได้รับการซ่อมแซมเรื่อยๆ


หนึ่ง … สอง … สาม …


เมื่อผ้าคลุมไหล่ไนท์วอร์คเกอร์ดูดซับคริสศักสิทธิ์ทั้งหมดเรียบร้อย เครื่องหมายศักสิทธิ์ทั้งหมดก็สว่างจ้าขึ้น ก่อนที่หลังจากนั้นไม่นานผ้าคลุมไหล่นี้จะกลับมาอยู่ในสภาพปกติ อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็ยังสามารถจะมองเห็นชั้นหมอกดำบางๆที่ปกคลุมมันได้ โดยในตอนนี้นั้นมันสามารถช่วยให้ซือเฟิงปกปิดได้ยันชนชั้นสิ่งมีชีวิตของตัวเอง หรือหากซือเฟิงต้องการเขาก็จะสามารถทำให้ออร่าบางส่วนของเขาอ่อนแอลงกว่าที่ควรจะเป็นได้ด้วย


ขณะเดียวกันความต้องการขั้นต่ำในการสวมใส่ และค่าสถานะของผ้าคลุมไหล่ไนท์วอร์เกอร์ มันก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมหาศาลเช่นกัน


[ผ้าคลุมไหล่ไนท์วอร์คเกอร์] (ไอเทมระดับตำนาน ผ้าคลุมไหล่)


ความต้องการอุปกรณ์: STR 8000 AGI 5000


เมื่อติดตั้งแล้ว :


ความต้านทานทั้งหมดเพิ่มขึ้นสามร้อยเปอเซ็นต์


ความเสียหายทั้งหมดที่ได้รับลดลงหกสิบเปอเซ็นต์


ค่า STR เพิ่มขึ้นหนึ่งร้อยห้าสิบเปอเซ็นต์ ค่า AGI เพิ่มขึ้นหนึ่งร้อยยี่สิบเปอเซ็นต์ และค่าสถานะเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามเลเวลของผู้ใช้


ค่า Endurance เพิ่มขึ้นหนึ่งร้อยยี่สิบเปอเซ็นต์


Ignore Levels +80


ความเร็วในการเคลื่อนที่เพิ่มขึ้นหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์


ความเร็วในการโจมตีเพิ่มขึ้นหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์


ปฎิกิริยารวดเร็วขึ้นหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์


สกิลพาสซีฟเพิ่มเติม 1 :


ไนท์วอร์คเกอร์ : เมื่อติดตั้งผ้าคลุมไหล่ จะไม่มีข้อมูลของผู้เล่นที่ตรวจสอบได้ และร่างกายทางกายภาพทุกอย่างจะดีขึ้นหกสิบเปอเซ็นต์


สกิลพาสซีฟเพิ่มเติม 2 :


ความเร็วศักสิทธิ์ : ความเร็วในการเคลื่อนที่เริ่มต้นเพิ่มขึ้นหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ ของความเร็วในการเคลื่อนไหวสูงสุดของผู้เล่น


สกิลฟาสซีฟเพิ่มเติม 3 :


ทรีวอย : ผู้เล่นสามารถที่จะใช้ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจเพื่อเดินทางเข้าและออกจากพื้นที่วอยได้ และผู้เล่นก็ยังจะสามารถใช้ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจเดินบนท้องฟ้าได้ นอกเหนือจากนี้การปราบปรามในพื้นที่วอยที่จะส่งผลต่อผู้เล่นก็จะลดลงอย่างมาก


สกิลใช้งานเพิ่มเติม 1 :


ดีไวน์สเต็ป : อัญเชิญ doppelgangers สามสิบหกตัวออกมาเป็นเวลาหนึ่งนาที และ doppelgangers นั้นจะไม่มีความสามารถในการโจมตีใดๆ แต่ตลอดระยะเวลานี้ ผู้เล่นจะเป็นอมตะ และผู้เล่นสามารถสลับตำแหน่งกับ doppelgangers ตัวไหนก็ได้ในระยะสองพันหลาได้ตลอดเวลา


คูลดาวน์ : ห้านาที


สกิลใช้งานเพิ่มเติม 2 :


โล่วอย : สร้างโล่ที่มี HP เท่ากับขีดจำกัด HP สูงสุดของผู้เล่น โดยหากถูกการโจมตีที่อยู่ต่ำกว่าขั้นห้าโจมตีเข้าใส่นั้นมันจะมีผลลดลงเก้าสิบเปอเซ็นต์ และหากถูกการโจมตีขั้นห้ากับหกโจมตีเข้าใส่ มันก็จะมีผลลดลง เจ็ดสิบ และหกสิบเปอเซ็นต์

ตามลำดับ คูลดาวน์ : ยี่สิบห้านาท

ช่างตีเหล็กระดับพระเจ้าเบเยอร์ สร้างผ้าคลุมไหล่นี้ขึ้นมาเพื่อทรราชแห่งการทำลายล้าง โดยมันมีความแข็งแกร่งที่สูงมากๆ และมันก็ยังสามารถจะใช้เข้าออกพื้นที่วอยได้ด้วย ….


“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมผู้ที่ครอบครองอาวุธ และอุปกรณ์ระดับตำนานถึงสามารถต่อสู้ข้ามขั้นได้ในบางครั้ง !!! ไอเทมเหล่านี้มันแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ !!!”


หลังจากได้อ่านข้อมูลที่ผ้าคลุมไหล่ไนท์วอร์คเกอร์แสดงออกมา ซือเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงอย่างถึงที่สุด


แม้ว่าค่าสถานะที่ผ้าคลุมไหล่ไนท์วอร์คเกอร์มอบให้มันจะไม่ได้หวือหวาอะไรมากนัก แต่สำหรับสกิลทั้งหมดที่มันมอบให้นั้นเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เพราะมันมีแม้กระทั่งสกิลที่จะทำให้สามารถเอาตัวรอด หรือหนีจากผู้เล่นขั้นหก ขอบเขตพระเจ้าได้


และหากผู้เล่นขั้นสี่ได้รับผ้าคลุมไหล่นี้ไป มันก็แทบจะไม่มีทางเลยที่ผู้เล่นขั้นห้าจะฆ่าพวกเขาได้ ….


ในเวลานี้หลังจากซือเฟิงสวมผ้าคลุมไหล่ไนท์วอร์คเกอร์กลับเข้าไป ค่า STR ของของเขาก็พุ่งไปสูงกว่าเก้าหมื่นแต้มแล้ว ซึ่งนี่มันนับว่าสูงกว่า NPC ขั้นห้าทั่วไป เลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบใน God domain ราวหมื่นแต้มแล้ว และหากวัดกันแค่ค่าสถานะพื้นฐานตอนนี้ ซือเฟิงนั้นจะเป็นรองแค่ NPC ขั้นห้าที่มีอาวุธระดับตำนานใช้เท่านั้น


“ในตอนแรกฉันคิดว่าฉันคงจะต้องรอไปอีกสักพักกว่าจะเข้าไปท้าทายดินแดนลับของเทพปีศาจได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันจะสามารถท้าทายได้แล้วแหะ …” ซือเฟิงที่ได้เห็นค่าสถานะพื้นฐานในปัจจุบันของตัวเองนั้นอดไม่ได้ที่จะพึมพำอย่างตื่นเต้น


โดยปกติผู้เล่นขั้นห้าทั่วไปนั้นจะไม่สามารถเข้าไปท้าทายดินแดนลับของเทพปีศาจได้ง่ายๆเลย เนื่องจากที่นั่นมันนับเป็นนรกอย่างแท้จริง แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้สำหรับตัวซือเฟิงนั้นมันแตกต่างออกไปแล้ว เพราะเขามีผ้าคลุมไหล่ไนท์วอร์คเกอร์ที่เป็นไอเทมระดับตำนานที่สมบูรณ์ แถมยังมีค่าสถานะที่สูงลิ่วอีก …


“แต่อย่างไรก็ตามก่อนที่จะเข้าไปท้าทายนั้น ฉันก็จำเป็นจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่สุดก่อน ….”

สำหรับคนอื่น พวกเขาอาจจะยังไม่รู้แน่ชัดว่าดินแดนลับระดับพระเจ้าคืออะไร แต่ซือเฟิงนั้นไม่ … เพราะจากประสบการณ์ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา มันทำให้เขารู้ดีเลยว่าที่นี่มันคืออะไร และเป็นแบบไหน


ในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิงนั้นมันมีผู้เล่นขั้นห้าทั่วไปมากมายที่เข้าไปตายภายในนั้น เพราะเตรียมพร้อมไปไม่ดี


ดินแดนลับระดับพระเจ้านั้นมีสภาพแวดล้อมที่รุนแรงมากๆ และสภาพแวดล้อมของมันก็รุนแรงกว่าแทบทุกสถานที่ที่ผู้เล่นเคยเจอมาเลย และแค่สภาพแวดล้อมเพียงอย่างเดียวนั้นมันก็มากเพียงพอแล้วที่จะคร่าชีวิตผู้เชี่ยวชาญขั้นห้า


ดังนั้นในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิง ก่อนที่จะเข้าสู่ดินแดนลับระดับแบบนี้นั้น มหาอำนาจต่างๆจึงมักจะออกคำสั่งให้ปรมาจารย์ และสุดยอดปรมาจารย์สายอาชีพของพวกเขาทำการผลิตโพชั่นที่จำเป็นในด้านต่างไว้ให้พร้อมสรรพ เพราะโพชั่นพวกนี้มันจำเป็นมากๆ โดยเฉพาะสำหรับผู้เล่นขั้นสี่ที่หากขาดมันไปนั้น พวกเขาจะตายลงภายในเวลาไม่กี่นาทีแน่นอนในดินแดนลับแบบนี้


เมื่อนึกมาถึงตรงนี้นั้นซือเฟิงก็ได้ติดต่อไปหาเมลานโครอิคสไมล์ และออกคำสั่งให้เธอรวบรวมปรมาจารย์กับสุดยอดปรมาจารย์สายอาชีพมาช่วยกันผลิตโพชั่นที่จำเป็นทั้งหมดทันที โดยซือเฟิงได้ออกคำสั่งย้ำอีกด้วยว่ายิ่งผลิตได้มากเท่าไหร่ยิ่งดี


หลังจากนั้นเวลามันก็ผ่านไปสองวันอย่างรวดเร็ว ซึ่งในช่วงเวลานี้แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมากๆ แต่มันก็มีหลายสิ่งที่น่ากลัวเกิดขึ้นในทวีปด้านตะวันออกเช่นกัน


โดยในตอนนี้นั้นมหาอำนาจมากกว่ายี่สิบกลุ่มจากโลกอื่นเริ่มเข้ามาเพิ่มเติมกันในทวีปหลักแล้ว และนอกเหนือจากนี้มันยังมีกองกำลัง NPC อีกมากกว่าสามสิบกลุ่มจากโลกอื่นที่กำลังระดมพลเตรียมเข้ามาเช่นกัน ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นในครั้งนี้นั้น เหล่าผู้รุกรานหมายมั่นจะพิชิตทวีปด้านตะวันออกให้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ ….


และตอนนี้มันก็อาจกล่าวได้ว่าเปลวไฟแห่งสงครามโลกครั้งที่สองของ God domain นั้นมันกำลังค่อยๆปะทุขึ้นอย่างเงียบๆ ….


ซึ่งเมื่อเป็นแบบนี้นั้น มหาอำนาจต่างๆในทวีปหลักจึงเริ่มเคลื่อนไหวกันอย่างบ้าคลั่งโดยพวกเขาได้ทำพยายามทำการรับสมัครผู้เล่น และรวบรวมทรัพยากร รวมทั้งวางโครงข่ายป้องกันต่างๆของตัวเองให้ได้มากและดีที่สุด


โดยในขณะที่เรื่องนี้กำลังทำให้หลายฝ่ายปวดหัวนั้น ด้านของสภาสิบแปดปีกมันก็มีเรื่องที่น่าตกตะลึงเกิดขึ้นอีกครั้ง


รองหัวหน้ากิลลำดับที่หนึ่งของโคลท์กริ้น โพเอ็ม ได้ประกาศว่าจะเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีก ซึ่งด้วยผู้เชี่ยวชาญและทรัพยากรที่คนผู้นี้มี มันก็ได้ทำให้คนผู้นี้ได้รับตำแหน่งรองหัวหน้ากิลของสภาสิบแปดปีก และกลายเป็นหนึ่งในรองหัวหน้ากิลของสภาสิบแปดปีกทันที

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)