Reincarnation Of The Strongest Sword God 2614-2623

 ตอนที่ 2614 ดินแดนลับโบราณ และสิทในการเลือก


“ผู้เชี่ยวชาญหนึ่งร้อยคนที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วงั้นหรอ ?!”


ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วห้อง หลังจากได้ฟังคำถามของซือเฟิง แม้แต่ทอร์เร้นตอนนี้ก็จ้องมองมายังซือเฟิงอย่างเฉียบคมมากขึ้นเพื่อพยายามตรวจจับการโกหกของนักดาบ


“นี่คุณกำลังพูดความจริงงั้นหรอ ?” ทอร์เร้นถาม


มหาอำนาจต่างๆล้วนต้องการผู้เชี่ยวชาญที่สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วกันอย่างเร่งด่วน เพราะมันมีเพียงผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้เท่านั้นที่จะสามารถรับมือกับสภาพแวดล้อมและมอนสเตอร์ภายในดันเจี้ยนเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยขนาดใหญ่พิเศษ หรือดินแดนลับที่แสนอันตรายได้


แต่น่าเสียดายที่ผู้เชี่ยชาญที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วหนึ่งโหลหรือมากกว่านั้น มันจะไม่ทำให้ทีมมีข้อได้เปรียบมากนักในระหว่างการบุกโจมตี


อย่างไรก็ตามถ้าเป็นทีมผู้เชี่ยวชาญหนึ่งร้อยคนที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานากันได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ทั้งหมดแล้ว มันก็จะเป็นสถานการณ์ที่แตกต่างกันออกไป ด้วยทีมหนึ่งร้อยคนแบบนี้ การบุกสถานที่พวกนี้จะเป็นไปได้แน่นอน และทีมดังกล่าวก็จะมีค่าอย่างยิ่งสำหรับไวโอเล็ตซอร์ดซึ่งให้ความสำคัญในเรื่องดินแดนลับโบราณอย่างมาก


ในขณะเดียวกันหลงหวู่ชางก็อ้าปากค้าง และอดไม่ได้ที่จะมองมายังซือเฟิง เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ารากฐานของสภาสิบแปดปีกจะแข็งแกร่งจนน่ากลัวขนาดนี้


ผู้เชี่ยวชาญหนึ่งร้อยคนที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว !!!


ด้วยผู้เชี่ยวชาญหนึ่งร้อยคนนี้ มันจะไม่มีมหาอำนาจกล้ายั่วยุสภาสิบแปดปีกแน่นอน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มีอิทธิพลกับอำนาจอยู่มากนักในทวีปด้านตะวันตกก็ตาม และหากผู้เชี่ยวชาญทั้งหนึ่งร้อยคนนี้ตัดสินใจที่จะตอบโต้ในแผนที่ล่าหรือก่อความวุ่นวายในเมืองกิล มหาอำนาจที่ตกเป็นเป้าหมายก็จะต้องทนทุกข์ทรมาณแน่นอน


“แน่นอน ไม่งั้นฉันคงไม่กล้าจะมาที่นี่หรอก …” ซือเฟิงกล่าวยืนยันพลางพยักหน้า


แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะมีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากกว่าสองโหลเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในตอนนี้ที่สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ แต่ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามขอบเขตการปรับแต่งของกิลหลายคนก็ได้เข้าถึงจำนวนแปดสิบห้าเปอเซ็นต์หรือสูงกว่าแล้ว เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่พิเศษของเมืองที่สาบสูญ และอย่างมากสภาสิบแปดปีกก็จะต้องใช้เวลาอีกราวสามวันเท่านั้นเพื่อรวบรวมทีมหนึ่งร้อยคนแบบนี้ให้ครบ


การบุกโจมตีดินแดนลับโบราณนั้นไม่ได้จะเริ่มขึ้นในทันที ไวโอเล็ตซอร์ดนั้นต้องใช้เวลาในการเตรียมตัว เพราะหากไม่มีเครื่องมือที่จำเป็น ผู้เล่นก็จะไม่สามารถอยู่รอดได้นานนักในดินแดนลับโบราณ และเมื่อถึงเวลาที่เครื่องมือเหล่านั้นพร้อม สภาสิบแปดปีกก็ควรจะมีผู้เชี่ยวชาญตามที่สัญญาไว้แล้ว


ดังนั้นซือเฟิงจึงไม่คิดเลยว่าเรื่องที่เขาพูดเป็นเรื่องโกหก


ทอร์เร้นและผู้ฝึกสอนอีกสองคนเงียบลง หลังจากได้ยินคำตอบของซือเฟิง


“เราจะยอมรับข้อเสนอของเขาไหมผู้ฝึกสอนทอร์เร้น ? ดินแดนลับโบราณแห่งนี้นั้นมันมีลักษณะที่ค่อนข้างจะพิเศษมากๆ คุณก็รู้ว่าสภาพแวดล้อมภายในดินแดนลับนั้นมันน่าประหลาดใจและเหมาะกับการฝึกมากแค่ไหน แบล๊คเฟรมนั้นโลภเกินไป เราได้แบ่งช่องทางเข้าครึ่งหนึ่งให้กับไมโทโลจี้แล้ว หากเราแบ่งอีกหนึ่งร้อยช่องให้สภาสิบแปดปีก เราจะมีอำนาจน้อยกว่าไมโทโลจี้ในนั้น แม้ว่าเราจะรักษาจุดยืนของเราไว้ได้ก็ตาม” ไวน์ไฟเตอร์ถามทอร์เร้นผ่านแชททีม


ดินแดนลับโบราณแห่งนี้นั้นมันมีการจำกัดการเข้าอย่างเข้มงวด เพราะมันเป็นเหมือนเมืองโบราณที่แยกตัวออกจากโลกภายนอกมากกว่าดินแดนลับที่แท้จริง และตราบใดที่ผู้เล่นเอาชนะบอสในการทดสอบได้ พวกเขาก็จะกลายเป็นพลเมืองทั่วไปในเมือง และได้เพลิดเพลินไปกับสิทธิประโยชน์ที่เมืองมอบให้


ในการจะผูกขาดดินแดนลับโบราณแห่งนี้ ไวโอเล็ตซอร์ดได้เลือกจะร่วมมือกับไมโทโลจี้ และทั้งสองกิลก็ได้ส่งกองทัพขนาดใหญ่เข้ามาขวางทางเข้าไว้เพื่อป้องกันไม่ให้มหาอำนาจอื่นเข้ามา จากนั้นแต่ละกิลก็จะครอบครองครึ่งหนึ่งของช่องทางเข้าที่มีอยู่


ไวโอเล็ตซอร์ดนั้นก็พยายามอย่างมากแล้วกว่าจะได้รับสองร้อยช่องนี้มา แต่สภาสิบแปดปีกกับต้องการหนึ่งร้อยช่องเพื่อที่จะช่วยให้ซุเปอร์กิลเอาชนะบอสในการทดสอบ ซึ่งไม่ว่าใครจะมองอย่างไรสิ่งนี้มันก็ดูเหมือนไม่ใช่การทำธุรกรรมที่คุ้มค้าเลย และเมื่อเวลาผ่านไปอีกสองสัปดาห์ ไวโอเล็ตซอร์ดก็จะมีความสามารถในการจัดการบอสในการทดสอบได้ด้วยตัวเอง ซุเปอร์กิลจะไม่ต้องการความช่วยเหลือจากสภาสิบแปดปีกเลย


คริมสันสตาร์พยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของไวน์ไฟเตอร์


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม แม้ว่าข้อเสนอของคุณจะน่าดึงดูด แต่คุณก็เรียกร้องมามากเกินไป ฉันสามารถเสนอช่องทางเข้าให้คุณได้แค่สิบช่องเท่านั้น ไม่มีมากกว่านี้” ทอร์เร้นกล่าวหลังจากครุ่นคิด “แม้จะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากคุณ แต่เราก็จะสามารถยึดดินแดนลับโบราณแห่งนี้ได้แน่นอน แม้ว่ามันจะต้องใช้เวลานานสักหน่อย”


“คุณอาจจะพูดถูก แต่เท่าที่ฉันได้ยินมาไวโอเล็ตซอร์ดนั้นไม่ใช่มหาอำนาจแค่กลุ่มเดียวที่ควบคุมดินแดนลับโบราณแห่งนี้ และเพียงแค่วันเดียวมันก็สามารถจะสร้างความแตกต่างได้มาก ฉันแน่ใจว่าคุณรู้เรื่องนี้ผู้ฝึกสอนทอร์เร้น ยิ่งไปกว่านั้นฉันยังไม่ได้ต้องการแค่ช่องทางเข้าหนึ่งร้อยช่อง ฉันต้องการสิทในการเลือกไอเทมชิ้นแรกที่ดรอปจากบอสในการทดสอบด้วย” ซือเฟิงประกาศอย่างเย็นชาพลางพยักหน้า


เมื่อได้ยินคำพูดล่าสุดของซือเฟิง หลงหวู่ชางก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังนักดาบอย่างพูดไม่ออก


นี่มันจะเรียกว่าการเจรจาความร่วมมือได้อย่างไร ?


ไวโอเล็ตซอร์ดได้ระบุอย่างชัดเจนแล้วว่ากิลนั้นสามารถที่จะประสบความสำเร็จได้แน่นอนไม่ว่าจะมีหรือไม่มีความช่วยเหลือจากสภาสิบแปดปีก แต่แทนที่จะลดความต้องการของเขาลง ซือเฟิงกับเรียกร้องมาขึ้นไปอีก นี่เขาบ้าไปแล้วรึไง ? …..


“คุณพูดถูก เราไม่ใช่กิลเดียวที่ควบคุมดินแดนลับโบราณในตอนนี้ แต่คุณก็ไม่สามารถไปเป็นพันธมิตรกับกิลอื่นได้นี่นา ? ฉันได้ยินมาว่าที่ผ่านสภาสิบแปดปีกทำให้ไมโทโลจี้ขุ่นเคืองอยู่บ่อยครั้งนี่นา …” ไวน์ไฟเตอร์ตอบโต้ด้วยรอยยิ้ม “ไวโอเล็ตซอร์ดนั้นเป็นตัวเลือกเดียวเท่านั้นของสภาสิบแปดปีกในการที่จะเป็นพันธมิตรด้วยได้ในเรื่องนี้ และเราก็ค่อนข้างใจกว้างอยู่แล้วที่นำเสนอถึงสิบช่องทางเข้าให้คุณ หากคุณไม่ชอบก็ไปหาวิธีอื่นเพื่อเข้าสู่ดินแดนลับโบราณแห่งนี้เอาแล้วกัน …”

ความขัดแย้งของสภาสิบแปดปีกกับไมโทโลจี้นั้นไม่ใช่ข่าวใหม่อีกต่อไป ….


ถ้าไมโทโลจี้ไม่ใช่แค่กิลอื่นๆกิลเดียวที่ควบคุมดินแดนลับโบราณอยู่ ไวโอเล็ตซอร์ดอาจจะยอมรับข้อเรียกร้องของซือเฟิง แต่อย่างไรก็ตามสำหรับไมโทโลจี้กับสภาสิบแปดปีกนั้น พวกเขาไม่มีวันจะทำงานร่วมกันได้แน่นอน


ซือเฟิงนั้นจะต้องฝันไปแล้ว หากเขาคิดว่าเขาจะได้รับทุกอย่างตามข้อเรียกร้อง ….


หลงหวู่ชางอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว เมื่อเห็นซือเฟิงที่ยังคงยืนยันทุกอย่างตามคำเดิม


สภาสิบแปดปีกนั้นทรงพลังมากในทวีปด้านตะวันออก อันที่จริงต้องบอกว่ากิลนั้นทรงพลังมากซะจนมหาอำนาจหลายกลุ่มไม่สามารถจะโค่นกิลลงได้ด้วยซ้ำ


อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีกนั้นถูกจำกัดไว้ที่ทวีปด้านตะวันออกเท่านั้น และแม้ว่ากิลจะนำผู้เชี่ยวชาญที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วมายังทวีปด้านตะวันตก แต่กิลก็จะทำได้มากที่สุดแค่สร้างความรำคาญให้กับมหาอำนาจต่างๆเท่านั้น กิลจะไม่สามารถเข้าถึงรากฐานของมหาอำนาจต่างๆได้ นี่ไม่ต้องพูดถึงว่ามหาอำนาจกลุ่มนั้นเป็นซุเปอร์กิลที่มีประสบการณ์โชกโชนอย่างไวโอเล็ตซอร์ดเลย


“จะเป็นอย่างไร ถ้าฉันบอกว่าฉันสามารถเข้าสู่ดินแดนลับแห่งนี้ด้วยตัวเองได้ ?” ซือเฟิงถามด้วยรอยยิ้ม


“เข้าสู่ดินแดนลับแห่งนี้ด้วยตัวเอง ?” คริมสันสตาร์อดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะเมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง จากนั้นเธอก็กล่าวต่อว่า “หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ฉันไม่ได้คิดจะดูแคลนคุณนะ แต่คุณรู้ไหมว่ากองกำลังที่ทั้งสองกิลของเราให้เข้าประจำการไว้ที่นั่นมีขนาดใหญ่แค่ไหน ? แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญหนึ่งพันคนที่สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วก็ยังจะไม่สามารถผ่านไปได้แน่นอน หากไม่ได้รับอนุมัติจากเรา”


เพื่อผูกขาดดินแดนลับโบราณแห่งนี้ ไมโทโลจี้และไวโอเล็ตซอร์ด ได้ตั้งเมืองกิลขึ้นรอบๆทางเข้าดินแดนลับโบราณ ซึ่งหากไม่สามารถทำลายเมืองกิลได้ มันก็จะไม่มีใครสามารถเข้าสู่ดินแดนลับโบราณได้แน่นอน


หลงหวู่ชางนั้นอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของคริมสันสตาร์อย่างเงียบๆ เขานั้นเคยไปเยี่ยมชมเมืองเหล่านี้อยู่ ในตอนที่เขาทำการส่งผู้เล่นสายอาชีพของหอการค้าอาซูไปทำงานให้ไวโอเล็ตซอร์ด และการป้องกันของเมืองเหล่านี้ก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเมืองที่เป็นสำนักงานใหญ่หลักของซุเปอร์กิลเลย


“เป็นอย่างนั้นหรอ ?” ซือเฟิงกล่าวอย่างสบายๆ ก่อนที่เขาจะถามต่อว่า “แล้วถ้าฉันมีเขาล่ะ ?”


เมื่อซือเฟิงกล่าวจบเขาก็นำม้วนคัมภีร์อัญเชิญองครักษ์ส่วนตัวออกมา และอัญเชิญแวร์ซายออกมา



ตอนที่ 2615 การเปลี่ยนชีวิตให้กับองครักษ์ระดับลึกลับขั้นเงิน


เมื่อซือเฟิงอัญเชิญแวร์ซายออกมาในห้องรับรอง มานาในห้องก็แปรเปลี่ยนไปเป็นหนาแน่นมากๆ แล้วก็หนักมากด้วย !!!


มานาภายในห้องรับรองตอนนี้นั้นไม่ได้รู้สึกเหมือนกับเป็นมานาเลย ทุกคนในห้องนั้นรู้สึกราวกับว่าพวกเขาอยู่ในน้ำที่ลึกมากๆและกำลังจะจมน้ำ


“องครักษ์ส่วนตัวขั้นสี่ ?!”


“เป็นไปได้ยังไง ?!”


หลงหวู่ชางและแอสซาซินขั้นสามนั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างมาก เมื่อได้เห็นแวร์ซาย


พวกเขานั้นเคยเห็นองครักษ์ส่วนตัวเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบมาก่อน เพราะท้ายที่สุดแล้วมหาอำนาจต่างๆในระยะนี้ของเกมนั้นล้วนมีองครักษ์แบบนี้กันจำนวนหนึ่ง แต่องครักษ์ส่วนตัวเหล่านั้นก็เป็นเพียงองครักษ์ขั้นสามเท่านั้น พวกเขาไม่เคยเห็นองครักษ์ส่วนตัวขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบมาก่อน และพวกเขาก็ไม่เคยคิดว่าจะมีใครมีในระยะนี้ของเกมด้วย


การเข้าถึงขั้นสี่นั้นถือเป็นความสำเร็จที่ยากมาก แม้กระทั่งกับองครักษ์ส่วนตัว และทั้งผู้เล่นกับองครักษ์ส่วนตัวที่ผู้เล่นเป็นเจ้าของในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิงส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถเข้าถึงขั้นสี่ได้


องครักษ์ส่วนตัวระดับไฟน์โกลนั้นมีโอกาสค่อนข้างสูงที่จะสามารถทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้สำเร็จ แต่การจะไปให้ถึงจุดนั้นได้มันต้องใช้การเตรียมการและเวลาค่อนข้างมาก และแม้แต่องครักษ์ส่วนตัวของมหาอำนาจต่างๆนั้นก็พึ่งจะมาถึงเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบเมื่อไม่นานมานี้ ด้วยเหตุนี้การจะมีองครักษ์ส่วนตัวขั้นสี่ในระยะนี้ของเกมจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลย แต่สภาสิบแปดปีกกับมีหนึ่งคน


NPC ขั้นสี่นั้นจัดว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงใน God domain พวกเขามีคุณสมบัติมากพอที่จะปกครองเมืองใหญ่ของ NPC ได้ และค่อนข้างจะอยู่ไกลเกินเอื้อมสำหรับผู้เล่นในปัจจุบันที่จะสามารถเป็นเจ้านายพวกเขาได้


“องครักษ์ส่วนตัวขั้นสี่ ? ดูเหมือนว่ามหาอำนาจในทวีปด้านตะวันออกจะประเมินสภาสิบแปดปีกต่ำไปมาก ข้อสันนิษฐานของพวกเขาที่ว่ากิลของคุณนั้นแทบไม่มีพลังอยู่ด้านนอกป่าใบไม้ผลิ นั้นดูเหมือนจะผิดไปมากเลยทีเดียว …” ทอร์เร้นกล่าวแสดงความคิดเห็นขณะที่จ้องมองไปยังแวร์ซาย แต่แม้ว่าจะได้เห็นองครักษ์ส่วนตัวขั้นสีี่แล้วท่าทางของเขาก็ยังคงดูสงบมาก “แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่คิดหรอกนะว่าองครักษ์ส่วนตัวระดับลึกลับขั้นเงิน ที่ขั้นสี่จะสามารถบุกทะลวงเข้ามาในเมืองของทั้งสองกิลเราได้”


แม้ว่าเมืองกิลที่เป็นปัญหานี้จะเป็นเพียงเมืองกิลขั้นพื้นฐานเท่านั้น แต่มันก็ได้รับการปกป้องจากวงเวทย์ที่ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ และวงเวทย์นั้นจะสามารถทนต่อการโจมตีขั้นสี่ได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ ไม่งั้นเมืองนี้คงจะไม่สามารถต้านทานการรุกรานของกองทัพสิ่งมีชีวิตปีศาจได้


ทวีปด้านตะวันตกนั้นอันตรายกว่าทวีปด้านตะวันออกมาก ทั้งเมืองทั่วไปและเมืองขนาดใหญ่ต่างๆล้วนต้องเผชิญกับการโจมตีของสิ่งมีชีวิตปีศาจบ่อยครั้ง โดยสิ่งมีชีวิตปีศาจเหล่านี้ก็ชอบที่จะกำหนดเป้าหมายมาที่เมืองทั่วไปของกิล และเมืองขนาดใหญ่ของกิลเป็นพิเศษ


ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะพบมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายสามถึงห้าตัวในกองทัพสิ่งมีชีวิตปีศาจที่เข้าโจมตี และนี่ยังไม่นับรวมสิ่งมีชีวิตปีศาจที่อ่อนแอกว่าอีกหลักแสนตัว


ดังนั้นการพยายามพึ่งพา NPC ขั้นสี่เพื่อคุกคามเมืองกิลที่ถูกดำเนินการโดยซุเปอร์กิล สองกิลนั้นจึงเป็นเรื่องน่าหัวเราะมากๆ


แน่นอนว่า NPC ขั้นสี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่นั้นสามารถจะทำลายเมืองกิลทั่วไปได้อย่างง่ายดาย แต่การพยายามทำลานเมืองที่ถูกดำเนินการโดยมหาอำนาจสองกลุ่ม ด้วย NPC ขั้นสี่ที่เป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่นั้นมันจัดว่าเป็นเรื่องไร้สาระมาก


เมืองกิลทุกเมืองที่ถูกก่อตั้งขึ้นโดยมหาอำนาจนั้นจะล้วนมีวิธีการบางอย่างในการจัดการกับการรุกรานหรือโจมตีของสิ่งมีชีวิตขั้นสี่ ไม่งั้นมันคงไม่มีความแตกต่างระหว่างมหาอำนาจทั่วไปกับมหาอำนาจที่แท้จริง


“ถูกต้อง แม้ว่าองครักษ์ส่วนตัวขั้นสี่หนึ่งคนนั้นจะจัดว่าแทบเป็นอมตะเลยในแผนที่ล่า แต่น่าเสียดายที่การใช้คุกคามเมืองกิลของมหาอำนาจนั้นไม่เพียงพอแน่นอน” คริมสันสตาร์กล่าว หลังจากหายจากอาการตกตะลึง


ที่ใกล้กับประตูห้องรับรอง หลงหวู่ชางก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย


ความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีกที่เพิ่งเปิดเผยออกมานั้นน่าประหลาดใจ และหากสภาสิบแปดปีกกำลังรับมือกับมหาอำนาจที่อ่อนแอกว่านั้น พวกเขาก็อาจจะยอมรับความต้องการของสภาสิบแปดปีกไปแล้ว แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้สภาสิบแปดปีกกำลังรับมือกับไวโอเล็ตซอร์ด ซึ่งเป็นซุเปอร์กิลที่มีพลังเกือบเท่าจะเทียบเท่ากับห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด ดังนั้นแม้แต่องครักษ์ระดับลึกลับขั้นเงิน ขั้นสี่ สองถึงสามคนนั้นมันก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ไวโอเล็ตซอร์ดเปลี่ยนใจได้แน่นอน


“อันที่จริงองครักษ์ระดับลึกลับขั้นเงิน ขั้นสี่ นั้นก็จะไม่มีทางทำลายวงเวทย์ป้องกันของเมืองกิลของมหาอำนาจได้แน่นอน อย่างที่คุณว่ามานั่นแหละ …” ซือเฟิงกล่าว

อย่างเห็นด้วย ก่อนที่เขาจะถามต่อด้วยรอยยิ้มว่า “แต่ถ้าฉันบอกว่าฉันมีองครักษ์ส่วนตัวระดับไฟน์โกลที่เป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่ล่ะ ?”


“เป็นไปไม่ได้ !! แค่มีองครักษ์ส่วนตัวระดับลึกลับขั้นเงิน ขั้นสี่ หนึ่งคนมันก็น่าอัศจรรย์มากๆแล้ว !!! คุณจะไปมีอีกคนได้ยังไง ?!” คริมสันสตาร์ปฎิเสธและต่อต้านคำถามที่สงบของซือเฟิงโดยสัญชาตญาณ


องครักษ์ส่วนตัวระดับลึกลับขั้นเงิน ขั้นสี่ นั้นไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำลายวงเวทย์ป้องกันของเมืองกิลที่ถูกดำเนินการโดยมหาอำนาจได้ แต่มันจะเป็นเรื่องที่แตกต่างกันออกไปสำหรับองครักษ์ส่วนตัวระดับไฟน์โกล ขั้นสี่ โดยทั่วไปองครักษ์ส่วนตัวระดับไฟน์โกลนั้นจะมีสกิลต้องห้าม และคำสาปที่แข็งแกร่งมากพอที่จะทำให้พวกเขาแสดงพลังเกินขั้นของพวกเขาออกมาได้ และด้วยพลังของสกิลต้องห้าม หรือไม่ก็คำสาปนั้น แม้แต่การทำลายวงเวทย์ป้องกันในเมืองด้วยการโจมตีครั้งเดียวก็เป็นไปได้


อย่างไรก็ตามทั้งนี้ทั้งนั้นการที่สามารถเลื่อนขั้นจากขั้นสามขึ้นไปเป็นขั้นสี่ได้ก็ถือเป็นความสำเร็จมากแล้วสำหรับองครักษ์ส่วนตัว เพราะแม้แต่องครักษ์ส่วนตัวที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงก็ยังต้องเตรียมความพร้อมอย่างมากก่อนจะท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็ยังมีแนวโน้มที่จะล้มเหลวสูงมาก และการจะส่งองครักษ์ส่วนตัวจำนวนมากของตัวเองไปทำเควสแบบนี้ด้วยความหวังว่าบางคนจะประสบความสำเร็จนั้นก็ไม่สามารถทำได้เลยสำหรับกิลในปัจจุบัน

เมื่อองครักษ์ส่วนตัวขั้นสามต้องการจะท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ พวกเขาจะต้องการแกนเวทย์มนต์จำนวนมาก ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถหาได้ง่ายๆเลยในปัจจุบัน เพราะแกนเวทย์มนต์มันดรอปจากมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย


แต่น่าเสียดายที่มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยนั้นมีอัตราการ

ดรอปแกนเวทย์มนต์ไม่ถึงห้าเปอเซ็นต์ และมีเพียงสิ่งมีชีวิตปีศาจเท่านั้นที่จะดรอปแกนเวทย์มนต์ออกมา ด้วยเหตุนี้แม้แต่ซุเปอร์กิลต่างๆก็จะสามารถส่งองครักษ์ส่วนตัวไปได้อย่างมากสุดแค่คนเดียวเท่านั้นในการท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่


แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะทำการล่าพวกมอนสเตอร์ในป่าใบไม้ผลิด้วยกองอัศวินขั้นสาม แต่มันก็มีสิ่งมีชีวิตปีศาจระดับเทพนิยายในป่าใบไม้ผลิอยู่จำนวนไม่มากนัก ดังนั้นสภาสิบแปดปีกจึงไม่ควรจะมีแกนเวทย์มนต์มากพอให้องครักษ์ส่วนตัวของตัวเองอีกคนไปทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้ และแค่พวกเขามีองครักษ์ส่วนตัวขั้นสี่ หนึ่งคนนั้นมันก็จัดว่าน่าอัศจรรย์มากแล้ว สำหรับการจะมีองครักษ์ส่วนตัวขั้นสี่สองคนนั้นมันแทบเป็นไปไม่ได้เลย


“ฉันอาจจะมีองครักษ์ส่วนตัวขั้นสี่แค่คนเดียว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ฉันจะไม่สามารถเพิ่มศักยภาพในการเติบโตของเขาได้” ซือเฟิงกล่าวก่อนจะหยิบผลไม้หลากสีออกมาจากกระเป๋าของเขา


ซึ่งมันทำให้ทุกคนในห้องรับรองนั้นรู้สึกกระสับกระส่ายทั้งร่างกายและจิตใจ เมื่อซือเฟิงทำแบบนี้ …. เพราะสัญชาตญาณของพวกเขานั้นกรีดร้องให้พวกเขารีบกินผลไม้นี้


“ผลไม้แห่งชีวิต ?! คุณเป็นใคร ?!” คริมสันสตาร์กล่าวออกมา และจ้องมองไปยังผลไม้หลากสีด้วยความประหลาดใจ


องครักษ์ส่วนตัวขั้นสี่ที่ซือเฟิงมีนั้นมันน่าประหลาดใจพอสมควร แต่ชายคนนี้กับมีผลไม้แห่งชีวิตที่มีค่าอย่างหาที่เปรียบไม่ได้อีก นี่มันไม่น่าเชื่อเลย !!!


ผลไม้แห่งชีวิตนั้นเป็นตำนานของ God domain และผู้คนก็ล้วนเรียกมันว่าผลไม้ศักสิทธิ์ เพราะผลไม้แห่งชีวิตนั้นไม่เพียงแต่จะทำให้คนตายฟื้นขึ้นมาได้ แต่มันยังจะช่วยให้สิ่งมีชีวิตกลับสู่สถานะสูงสุดได้ และเพิ่มศักยภาพในการเติบโตได้ด้วย


มันมีข่าวลือว่าผู้เล่นสามารถเพิ่มคะแนนชนชั้นสิ่งมีชีวิตได้โดยแค่การกินมัน

หากพวกเขาเห็นผลไม้แห่งชีวิต แม้แต่ NPC ขั้นสูงก็ยังจะยอมทำทุกอย่างเพื่ออ้าง

สิทเหนือมัน ไม่ต้องพูดถึงผู้เล่นเลย


ในความเห็นของคริมสันสตาร์ ผลไม้แห่งชีวิตนี้มันเป็นเพียงแค่ตำนาน และมันก็เกินเอื้อมสำหรับผู้เล่น วิธีเดียวที่ทราบกันดีในการจะได้รับผลไม้แห่งชีวิตคือการเก็บเกี่ยวมันจากต้นไม้แห่งชีวิตของเผ่าเอลฟ์ อย่างไรก็ตามเหล่าเอลฟ์นั้นถือว่าผลไม้เหล่านี้เป็นของศักสิทธิ์ พวกเขาจะไม่ขายหรือแลกเปลี่ยนผลไม้นี้ให้กับบุคคลภายนอกเด็ดขาด และหากผู้เล่นต้องการจะได้รับผลไม้แห่งชีวิตมาเป็นของตัวเองสักผล พวกเขาก็จะสามารถทำได้โดยการโจมตีสถานที่ซึ่งเป็นที่อยู่ของผลไม้แห่งชีวิตเท่านั้น


อย่างไรก็ตามต้นไม้แห่งชีวิตของเอลฟ์นั้นก็ได้รับการปกป้องอย่างหนาแน่นมากๆ และแม้แต่เทพขั้นหกก็ยังจะไม่สามารถเข้าถึงพวกมันได้ ยิ่งไปกว่านั้นจอมเวทย์ และมหาจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรและจักรวรรดิต่างๆก็ล้วนเรียนรู้หลายสิ่งมาจากจอมเวทย์ และมหาจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ของเอลฟ์ด้วย ดังนั้นใครก็ตามที่กล้าโจมตีสำนักงานใหญ่หลักของเอลฟ์ก็จะเป็นศัตรูกับทั้งอาณาจักรและจักรวรรดิเหล่านั้นด้วย ซึ่งมันก็จะไม่มีใครที่อยู่ใต้ผืนฟ้าและสวรรค์ของ God domain แห่งนี้จะสามารถช่วยพวกเขาได้


แม้แต่ทอร์เร้นก็ยังจ้องมองไปยังผลไม้ในมือของซือเฟิงด้วยความประหลาดใจ


ผลไม้แห่งชีวิต !!!


มหาอำนาจต่างๆได้ค้นหาผลไม้นี้กันอย่างบ้าคลั่ง หลังจากได้เรียนรู้เกี่ยวกับมัน และจากสิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้ มันก็มีวิธีเดียวนอกเหนือจากการบุกเข้าไปในเมืองเอลฟ์เพื่อปล้นชิงนั่นก็คือ ผลไม้นี้มันจะถูกมอบให้เป็นของขวัญแก่ผู้ที่อยู่นอกเผ่าเอลฟ์ที่ได้ทำการช่วยเหลือเผ่าเอลฟ์ไว้อย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามผลไม้นี้ไม่เคยถูกมอบให้กับผู้ที่อยู่นอกเผ่าเอลฟ์มานานแล้ว และแม้ว่ามหาอำนาจต่างๆจะพยายามค้นหาเบาะแสของเรื่องนี้ แต่มันก็ยังไม่มีกลุ่มไหนค้นพบเลยแม้แต่คนเดียว


อย่างไรก็ตามตอนนี้ซือเฟิงกับมีมันอยู่หนึ่งผลในมือของเขา ….


“กินมันเข้าไป …” ซือเฟิงกล่าวพลางส่งผลไม้แห่งชีวิตให้แวร์ซาย


แวร์ซายเองนั้นก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นเช่นกัน พอเขาได้รับผลไม้นี้มาจากซือเฟิง และอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเขานี้มันก็ทำให้มานาภายในห้องอยู่ไม่สุข

หลังจากโค้งคำนับอย่างจริงใจต่อซือเฟิง แวร์ซายก็ได้กินผลไม้แห่งชีวิตนี้เข้าไป ขณะที่ผู้เล่นในห้องรับรองทั้งหมดเฝ้าดูอยู่



ตอนที่ 2616 ศักยภาพในการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด


“คุณ ….”


ดวงตาของคริมสันสตาร์ และไวน์ไฟเตอร์เบิกกว้าง ในขณะที่พวกเขาเฝ้าดูซือเฟิง

มอบผลไม้แห่งชีวิตให้กับองครักษ์ส่วนตัวของเขาอย่างไม่ลังเล


ช่างสิ้นเปลืองอย่างแท้จริง !!!


ผลไม้หายากนั้นเป็นของหายากและมีค่าอย่างไม่น่าเชื่อ และมันมีค่ามากกว่าองครักษ์ส่วนตัวระดับไฟน์โกล ขั้นสี่ด้วยซ้ำ เพราะผลไม้นี้สามารถช่วยเพิ่มคะแนนชนชั้นสิ่งมีชีวิตของผู้เล่นได้อย่างถาวร หรือสามารถใช้อัพเกรดองครักษ์ส่วนตัวระดับไฟน์โกลให้เป็นดาร์คโกลได้เลย ซึ่งมันจะช่วยเพิ่มโอกาสในการให้องครักษ์ส่วนตัวสามารถเข้าถึงขั้นห้าได้มากขึ้นอย่างมาก


ขณะที่แวร์ซายนั้นเป็นเพียงองครักษ์ส่วนตัวระดับลึกลับขั้นเงิน ขั้นสี่เท่านั้น แม้ว่าผลไม้แห่งชีวิตจะสามารถอัพเกรดเขาให้กลายเป็นองครักษ์ส่วนตัวระดับไฟน์โกลได้ และทำให้พลังการต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่เขาก็จะยังคงเป็นเพียงองครักษ์ส่วนตัวระดับไฟน์โกลเท่านั้น ซึ่งองครักษ์ส่วนตัวระดับนี้นั้นก็มีโอกาสที่จะเข้าถึงขั้นห้าได้น้อยมากๆ ในขณะเดียวกันผู้เล่นสามารถจะท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ของพวกเขาได้ทันที เมื่อพวกเขามาถึงเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบ ซึ่งมันจะทำให้ในอนาคตนี้คุณค่าขององครักษ์ส่วนตัวขั้นสี่นั้นมันก็จะลดลงไปอย่างมาก


การใช้ผลไม้แห่งชีวิตเพื่อช่วยให้ผู้เล่นหรือองครักษ์ส่วนตัวสามารถไปถึงขั้นห้าได้จะมีประโยชน์มากกว่าการใช้มันเพื่อเพิ่มพลังให้กับองครักษ์ส่วนตัวขั้นสี่มาก เพราะท้ายที่สุด มันจะมีผู้เล่นเพียงแค่ไม่กี่คนอย่างแน่นอนที่สามารถไปถึงขั้นห้าใน God domain ได้ ซึ่งสิ่งนี้มันสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนเลยจากการที่มีผู้เล่นเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นในตอนนี้ที่ทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสามได้สำเร็จ


ในขณะที่คริมสันสตาร์และไวน์ไฟเตอร์กำลังรู้สึกเสียใจกับความจริงที่ว่าซือเฟิงได้สูญเสียผลไม้แห่งชีวิตไปแล้ว ชั้นของพลังชีวิตที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็เริ่มก่อตัวขึ้นรอบๆแวร์ซาย


ในตอนแรกออร่าของแวร์ซายนั้นดูค่อนข้างแก่ และทรุดโทรมมาก อย่างไรก็ตามตอนนี้ออร่าของเขานั้นพุ่งขึ้นมาจนน่ากลัวมากๆ แถมมันยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งชีวิตที่เคยหายไปจากตัวเขาอย่างชัดเจน


แถมตอนนี้แวร์ซายยังกลับมาอ่อนเยาว์ขึ้นในอัตราที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน และตอนนี้ออร่าแห่งชีวิตของเขานั้นไม่เพียงแต่จะแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น แต่มันยังช่วยให้เขาดูอ่อนกว่าวัยด้วย โดยตอนนี้หลังจากผ่านไปห้าวินาที แวร์ซายก็แปรเปลี่ยนจากชายชราที่ดูเหมือนจะอายุเจ็ดสิบ ไปเป็นชายในวัยห้าสิบ


ซึ่งทันทีที่กระบวนการทั้งหมดสิ้นสุดลง ความหนาแน่นของมานาภายในห้องก็พุ่งสูงขึ้น และพื้นที่ในห้องรับรองนี้ มันก็ดูเหมือนจะแยกออกจากพื้นที่อื่นอย่างชัดเจน

โดยมีแวร์ซายเป็นผู้บัญชาการมัน


“การสร้างโลก ?! เป็นไปได้ยังไง !!” ปากของคริมสันสตาร์อ้ากว้างด้วยความตกตะลึง


ขณะเดียวกันผู้ฝึกสอนทอร์เร้นนั้นก็ทำได้แค่จ้องมองไปยังองครักษ์ขั้นสี่ด้วยความตกตะลึง


เมื่อ NPC ของ God domain มาถึงขั้นสี่นั้น พวกเขาส่วนใหญ่ก็แทบจะได้รับโดเมนส่วนตัวมาทันที โดยโดเมนเหล่านี้นั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้ NPC ขั้นสี่ทรงพลังมากๆ และโดเมนแบบนี้ที่ NPC ได้รับมานั้นมันไม่ใช่สกิลหรือเวทย์ แต่มันเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ นอกจากนี้มันก็ยังไม่ได้ถูกจำกัดแบบสกิลโดเมน เพราะไม่เพียงแต่ NPC ขั้นสี่จะสามารถปราบรามศัตรูได้อย่างง่ายดายด้วยโดเมนธรรมชาติของพวกเขาเท่านั้น แต่พวกเขายังจะสามารถยกระดับพลังต่อสู้ของตัวเองได้ด้วย


โดเมนเหล่านี้นั้นยังเป็นเหตุผลที่ทำให้ NPC ขั้นสี่ สามารถจัดการกับ NPC ขั้นสามกลุ่มใหญ่ในเลเวลเดียวกันได้อย่างง่ายดาย หากผู้เล่นพยายามจะท้าทาย NPC ขั้นสี่ โดยที่พวกเขาไม่ได้มีพลังที่ขั้นสี่ มันก็แทบจะไม่สำคัญเลยว่าพวกเขาจะมีผู้เล่นขั้นสามกี่คน พวกเขาทั้งหมดจะต้องตายแน่นอน !!!


นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ NPC ขั้นสี่นั้นมีคุณสมบัติที่จะทำหน้าที่ปกครองเมืองใหญ่ๆของ NPC ได้ ในขณะที่ NPC ขั้นสามไม่มี …. และหากผู้เล่นพยายามโจมตีเมืองใหญ่ของ NPC โดยไม่มีนักสู้ที่มีความแข็งแกร่งมากพอ พวกเขาก็จะไม่สามารถทำอะไรได้สำเร็จเลย ไม่ว่าพวกเขาจะมีนักสู้กี่คนก็ตาม


NPC นั้นไม่เหมือนกับมอนสเตอร์ มอนสเตอร์ขั้นสี่นั้นทรงพลังเนื่องจากค่าสถานะพื้นฐานเท่านั้น ในขณะที่ผู้เล่นก็ต้องอาศัยความได้เปรียบในด้านสกิลและเวทย์ รวมไปถึงตัวเลขเพื่อทดแทนค่าสถานะพื้นฐานที่พวกเขาขาดไป และแม้แต่ผู้เล่นขั้นสองก็ยังจะสามารถเอาชนะมอนสเตอร์ขั้นสี่ได้ หากมีทีมที่ใหญ่พอ อย่างไรก็ตาม NPC นั้นมีข้อได้เปรียบอย่างมากด้วยการควบคุมมานาของพวกเขา NPC ขั้นสี่นั้นสามารถจะใช้มานาเพื่อปราบปรามศัตรูทุกคนที่อยู่ในระยะได้ และหากผู้เล่นไม่สามารถจะเอาชนะมานานี้ได้ พวกเขาก็จะถูกปราบปรามจนอ่อนแอลงมากในหลายๆด้าน


อย่างไรก็ตามแวร์ซายนั้นเคยได้รับโดเมนตามธรรมชาติมาแล้ว และตอนนี้เขาก็สามารถใช้การสร้างโลกได้แล้ว


ก่อนหน้านี้แวร์ซายนั้นคือผู้เชี่ยวชาญในการควบคุมมานา อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาปกครองมัน และด้วยเจตจำนงของเขาเพียงอย่างเดียว เขาจะสามารถปรับเปลี่ยนมานาให้อยู่ในกฎของเขาได้ ราวกับเขาสามารถสร้างโลกใหม่ของตัวเองขึ้นมาได้


อย่างไรก็ตามโดยปกติแล้ว มันจะมีก็แต่เพียง NPC ขั้นห้าหรือสูงกว่าเท่านั้นที่สามารถจะใช้การสร้างโลกได้


แม้แต่ซือเฟิงเองก็ยังประหลาดใจ เขาไม่นึกเลยว่าแวร์ซายจะน่าทึ่งมากขนาดนี้


แม้ว่าผลไม้แห่งชีวิตจะสามารถเพิ่มศักยภาพในการเติบโตของ NPC ได้ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติพื้นฐาน หรือมาตราฐานการต่อสู้ของ NPC ขึ้นในทันที เว้นแต่ว่า NPC คนนั้นจะมีอาการบาดเจ็บแค่เล็กน้อยที่ทำให้พวกเขาอ่อนแอลง


NPC ขั้นสี่ใดๆที่สามารถใช้การสร้างโลกได้นั้น ในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิงจะถือว่าพวกเขาอยู่ห่างจากขั้นห้าเพียงครึ่งก้าว และพวกเขาก็แข็งแกร่งกว่า NPC ขั้นสี่ทั่วไปมาก ความแตกต่างระหว่าง NPC ขั้นสี่ที่สามารถใช้การสร้างโลกได้กับไม่ได้นั้น มันก็เหมือนกับความแตกต่างกันของผู้เล่นขั้นสามที่สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ กับยังไม่สามารถปลดล๊อคได้เลย ซึ่งมันจะมีความแตกต่างอย่างน้อยครึ่งขั้นระหว่างทั้งสอง


ซือเฟิงรีบทำการตรวจสอบข้อมูลของแวร์ซายทันที


[แวร์ซาย] (องครักษ์ส่วนตัวของซือเฟิง)

เพศ : ชาย

อายุ : 76

ความภักดี : 93

ศักยภาพในการเติบโต : 90

เลเวล 120

อาชีพ : จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ ขั้นสี่


อึก !! ศักยภาพในการเติบโตของเขานั้นอยู่ห่างจากระดับดาร์คโกลเพียงแค่แต้มเดียวงั้นหรอ ? เมื่อซือเฟิงเห็นศักยภาพในการเติบโตของแวร์ซาย เขาก็ตระหนักได้ถึงหลายสิ่งทันที


ตอนนี้ซือเฟิงมั่นใจอย่างยิ่งว่าศักยภาพในการเติบโตดั้งเดิมของแวร์ซายนั้นไม่ได้อยู่ที่ระดับลึกลับขั้นเงินแน่นอน แต่มันเป็นระดับไฟน์โกล ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ควรจะเป็นพวกขั้นสี่ที่ใกล้เข้าถึงขั้นห้าได้แล้ว เพราะท้ายที่สุดผลไม้แห่งชีวิตไม่มีทางจะเพิ่มศักยภาพในการเติบโตได้มากขนาดนี้แน่นอน หากตัว NPC ไม่ได้เคยอยู่ในระดับสูงมาก่อน


พวกเขากำลังพูดถึงการเพิ่มขึ้นของศักยภาพในการเติบโตสิบหกแต้ม !!!


แม้แต่ผลไม้แห่งชีวิตที่ถูกเรียกว่าผลไม้ศักสิทธิ์ก็ไม่สามารถจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเติบโตของ NPC ได้อย่างมหาศาลขนาดนี้ ดังนั้นคำอธิบายเดียวก็คือแวร์ซายนั้นยังไม่ได้ฟื้นตัวอย่างเต็มที่หลังจากดื่มน้ำแห่งชีวิตไป และเขาก็ยังไม่ได้ฟื้นฟูศักยภาพในการเติบโตของเขาอย่างเต็มที่ด้วย


ซือเฟิงนั้นไม่รู้เลยจริงๆว่าอะไรทำให้แวร์ซายอยู่ในสภาพนี้ แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ซือเฟิงมีความสุขมากๆ เขามีความสุขมากยิ่งกว่าตอนที่ได้รับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานมาซะอีก


เขารู้อยู่แล้วว่าแวร์ซายนั้นเป็น NPC ขั้นสี่ที่น่าทึ่ง แต่ตอนนี้เขาได้มารู้อีกว่าองครักษ์ส่วนตัวคนนี้ของเขานั้นสามารถจะใช้การสร้างโลกได้ ด้วยเรื่องนี้เขาจึงจะสามารถทำหลายอย่างได้สำเร็จมากกว่าที่เขาคิดไว้แน่นอน ซึ่งนี่รวมถึงการไปเยี่ยมชมสถานที่หลายแห่งที่เขาเคยไปไม่ถึงในชีวิตที่ผ่านมา


หลังจากผู้เล่นมาถึงขั้นสามและสามารถจะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของพวกเขาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์หรือมากกว่านั้น มันก็จะไม่มีที่ใดใน God domain ที่อยู่ไกลเกินเอื้อม อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพวกเขาจะสามารถไปเยี่ยมชมสถานที่ที่อันตรายที่สุดได้ แต่การกลับมานั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งโดยสิ้นเชิง เพราะท้ายที่สุดแล้ว มันก็ยังมีแผนที่อีกมากมายที่อันตรายเกินไปสำหรับมนุษย์ ซึ่งหากพวกเขาพยายามเข้าไปสำรวจและตายที่นั่น บางทีโทษจากการตายอาจจะถึงขั้นที่ทำให้พวกเขาต้องลบไอดีและเริ่มต้นใหม่เลย


อย่างไรก็ตามตอนนี้ซือเฟิงมี NPC ขั้นสี่ที่สามารถใช้การสร้างโลกอยู่เคียงข้างเขาแล้ว ดังนั้นเขาจึงจะสามารถไปเยี่ยมชมที่อันตรายแบบนี้ได้แน่นอน


โดยทั่วไปแล้วสถานที่อันตรายเหล่านี้เป็นสถานที่สำหรับเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ด้วย และมันก็มีมรดกโบราณมากมาย ซึ่งเมื่อผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนาจต่างๆเริ่มมาถึงขั้นสี่หรือสูงกว่าในชีวิตที่ผ่านมาของเขา คนเหล่านี้ก็ล้วนจะใช้เวลาในพื้นที่เหล่านี้และแทบไม่เคยกลับมา เพราะพวกเขาจะสามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไปได้ด้วยการสำรวจแผนที่เหล่านี้


เมื่อตระหนักว่าเขาจ้องมองข้อมูลของทอร์เร้นด้วยความตื่นเต้นนานไปแล้ว ซือเฟิงก็รีบปิดมัน และรีบหันกลับมาสนใจทอร์เร้น ไวน์ไฟเตอร์ และคริมสันสตาร์ทันที


“บอกฉันหน่อยได้ไหมว่าตอนนี้สภาสิบแปดปีกมีคุณสมบัติมากพอจะเจรจาเป็น

พันธมิตรกับกิลคุณได้ไหม ?” ซือเฟิงถามทอร์เร้น



ตอนที่ 2617 ความลับของดินแดนลับโบราณ


แม้จะผ่านไปครู่หนึ่ง แต่ทอร์เร้นและอีกสองคนนั้นก็ไม่สามารถจะตอบคำถามของซือเฟิงได้


ซือเฟิงนั้นโหดเหี้ยมเกินไป !!!


เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ดินแดนลับโบราณได้ ซือเฟิงได้ยอมสละผลไม้แห่งชีวิตของเขาเพื่ออัพเกรดองครักษ์ส่วนตัวของเขาให้เป็นระดับไฟน์โกล ซึ่งแม้แต่พวกเขาก็ยังไม่กล้าจะทำแบบนี้เลย


อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ต้องยอมรับเลยว่านักดาบคนนี้โชคดีอย่างแท้จริงที่เมื่อตัดสินใจทำแบบนี้แล้ว เขากับได้รับ NPC ขั้นสี่ที่มีความสามารถในการใช้การสร้างโลกมาด้วย


ตอนนี้ด้วย NPC คนนี้เพียงคนเดียว ซือเฟิงจะสามารถระเบิดวงเวทย์ป้องกันของเมืองพวกเขาได้อย่างง่ายดายแน่นอน และเผลอๆแวร์ซายอาจก่อให้เกิดระลอกคลื่นใหญ่ที่ทำให้ซือเฟิงสามารถนำสมาชิกสภาสิบแปดปีกเข้าไปในดินแดนลับโบราณได้จนถึงขีดจำกัดเลย


“ผู้ฝึกสอนทอร์เร้น แบล๊คเฟรมจะต้องฝันไปแล้วแน่นอน !!!” ไวน์ไฟเตอร์กล่าวในแชทของทีม “แม้ว่าเขาจะสามารถบุกเข้าไปในเมือง และเข้าไปในดินแดนลับโบราณได้ แต่เขาก็จะทำได้เพียงแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น !!! ฉันปฎิเสธที่จะเชื่อว่าเขาจะสามารถไปและมาจากเมืองของเราตามที่เขาต้องการได้ตลอดไป !!! ยิ่งไปกว่านั้นไมโทโลจี้ก็ยังจะต้องแบกรับความสูญเสียครึ่งหนึ่งด้วย หากเราเสียช่องไปให้สภาสิบแปดปีก ซึ่งนี่มันก็จะช่วยลดการสูญเสียของเราลงไปได้อย่างมาก และเมื่อกิลทั้งสองของเราได้รับองครักษ์ส่วนตัวขั้นสี่มา องครักษ์ส่วนตัวขั้นสี่ของแบล๊คเฟรมก็จะไร้ประโยชน์ และกิลของเราก็จะยังคงมีช่องอยู่สองร้อยช่อง …..”


ดินแดนลับโบราณนั้นมีเมืองโบราณที่เป็นอิสระจากทวีปหลักทั้งสองด้านอยู่ และแม้ว่าผู้เล่นจะสามารถเอาชนะบอสในการทดสอบ และกลายเป็นพลเมืองได้ แต่พวกเขาก็ยังจะต้องอยู่ในเมืองสักระยะหนึ่งเพื่อรับสิทธิประโยชน์ของมัน ผู้เล่นจะไม่สามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์ของเมืองได้ตั้งแต่มาถึงเมืองในครั้งแรก


อย่างไรก็ตามแม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะสามารถเข้าไปในดินแดนลับโบราณได้ แต่ระยะเวลาที่ผู้เล่นจะสามารถอยู่ในเมืองได้นั้นมันก็มีจำกัด ผู้เล่นจะสามารถขยายเวลาการเข้าพักได้ด้วยเครื่องมือพิเศษเท่านั้น


หนึ่งอาทิตย์ !!


แม้ว่าจะมีเครื่องมือพิเศษนี้ แต่ผู้เล่นก็สามารถจะอาศัยอยู่ในดินแดนลับโบราณได้สูงสุดแค่เจ็ดวันตามธรรมชาติ และหากพวกเขาไม่ยอมออกมาแบบตรงเวลา พวกเขาก็จะต้องตาย แถมเครื่องมือพิเศษเจ้าปัญหานี้ยังมีคูลดาวน์อีกสิบวันด้วย


กล่าวอีกนัยหนึ่งคือในระหว่างที่ซือเฟิงบุกเข้าสู่เมืองของไวโอเล็ตซอร์ดและไมโทโลจี้เพื่อเข้าไปหาประโยชน์ในดินแดนลับโบราณ ทั้งสองกิลก็จะเริ่มมีผู้เล่นที่สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้เพิ่มขึ้น และพวกเขาก็น่าจะมีองครักษ์ส่วนตัวขั้นสี่เพิ่มมาบางส่วน ซึ่งนี่มันก็หมายความว่าสภาสิบแปดปีกนั้นมีเวลาเหลือน้อยมากในการใช้ประโยชน์จากดินแดนลับโบราณ


คริมสันสตาร์พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของไวน์ไฟเตอร์


มันไม่มีทางเลยที่ทั้งสองกิลของพวกเขาจะสร้างพันธมิตรได้ เพราะท้ายที่สุดสภาสิบแปดปีกไม่ได้ให้ผลประโยชน์พวกเขาเพียงพอในการที่จะเรียกร้องหนึ่งร้อยช่องเลย


ทอร์เร้นไม่ได้ตอบกลับคำพูดของไวน์ไฟเตอร์ในทันที แต่เขานั้นเลือกจะหลับตาลงและจมดิ่งเข้าไปในความคิด หลังจากนั้นชายคนนี้ก็ลืมตาขึ้น และเขาก็มองไปที่ซือเฟิง พลางพูดว่า “หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม การเป็นหุ้นส่วนระหว่างกิลของเรานั้นมันไร้คำถามไปแล้วล่ะ …”


“ผู้ฝึกสอนทอร์เร้น ?”


ทั้งไวน์ไฟเตอร์และคริมสันสตาร์นั้นต่างก็ประหลาดใจ เมื่อได้ยินคำตอบของทอร์เร้น ไวโอเล็ตซอร์ดนั้นไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องของซือเฟิงเลย และหัวหน้ากิลกับบรรดาผู้อาวุโสสูงสุดของกิลพวกเขาก็จะไม่มีวันยอมรับข้อเสนอนี้แน่นอน


“เงื่อนไขของคุณคืออะไร ?” ซือเฟิงถามอย่างใจเย็น


ซือเฟิงนั้นคิดว่าเขาเรียกร้องน้อยเกินไปด้วยซ้ำ แต่อย่างไรก็ตามเขาไม่มีทางเลือก ทั้งหมดนี้ที่เขาทำก็เพื่อช่วยให้สมาชิกสภาสิบแปดปีกสามารถไปถึงขั้นสี่ได้ เพราะด้วยทรัพยากรในปัจจุบันของกิล เขาสามารถรับประกันให้กับผู้เล่นได้แค่ไม่กี่คนเท่านั้นในกิลที่จะสามารถไปถึงขั้นสี่ได้ และโอกาสของทุกคนก็ใช่ว่าจะหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ด้วย


ซึ่งหากสภาสิบแปดปีกไม่สามารถเลี้ยงดูผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ขึ้นมาได้มากเพียงพอ กิลก็จะต้องทุกข์ทรมาณอย่างมากในความพยายามจะปกป้องทรัพยากรและดินแดนที่กิลมีอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากตอนนี้มันมีมหาอำนาจมากเกินไปที่กำหนดเป้าหมายมาที่กิลของเขา และตอนนี้ที่พวกเขาไม่มีพลังจะต่อต้านสภาสิบแปดปีกก็เนื่องมาจากกองอัศวินและการป้องกันที่น่ากลัวของเมืองป่าหินเท่านั้น


อย่างไรก็ตามเมื่อยุคของขั้นสี่มาถึง การจะทำลายเมืองกิลแบบเมืองป่าหินให้ได้นั้น มันก็จะมีความเป็นไปได้สูงขึ้นมาก หากมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่มากพอ


เมื่อ God domain มาถึงยุคของขั้นสี่ ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา มันจัดเป็นยุคที่บ้าคลั่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของเกม มหาอำนาจต่างๆได้ต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่ง และทำลายเมืองกิลไปนับไม่ถ้วน ขณะที่มันก็มีหลายเมืองที่ถูกทำลายล้างเลยด้วยซ้ำ


นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ซือเฟิงเลือกจะพยายามโดยทุ่มสุดตัวในเรื่องขั้นสี่


แม้ว่าเขาจะสามารถใช้แวร์ซายเพื่อบังคับเปิดทางเข้าสู่ดินแดนลับโบราณได้ แต่นั่นมันก็ไม่ใช่แผนที่ดีเลยในระยะยาว และตอนนี้ไวโอเล็ตซอร์ดนั้นก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของเขา เขาจะใช้กำลังบังคับก็ต่อเมื่อซุเปอร์กิลปฎิเสธที่จะทำงานร่วมกับเขา


“ฉันต้องการให้คุณช่วยแค่เรื่องเดียว หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม …” ทอร์เร้นกล่าว “ตราบใดที่คุณทำเรื่องนี้สำเร็จ เราจะยอมรับเงื่อนไขของคุณทั้งหมด”


“หื้ม ?” คำพูดของทอร์เร้นทำให้ซือเฟิงเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาไม่คิดเลยว่าชายคนนี้จะยอมรับเงื่อนไขของเขาง่ายๆ


“มันก็ไม่มีอะไรมาก ฉันแค่ต้องการให้คุณเคลียร์การทดสอบโหมดฮีโร่ของดินแดนลับโบราณ !!!” ทอร์เร้นประกาศ “เมื่อคุณเคลียร์แล้ว เราจะยอมรับเงื่อนไขของคุณทั้งหมด แต่ถ้าคุณทำไม่สำเร็จ เราคงต้องขอให้คุณยอมแพ้ในเรื่องนี้ และเมื่อเวลามาถึงกิลของเราก็จะพึ่งพาความแข็งแกร่งของตัวเองเพื่อเข้าสู่ดินแดนลับโบราณ”

“การทดสอบโหมดฮีโร่ ?” ซือเฟิงรู้สึกสับสนเล็กน้อย เท่าที่เขาจำได้การทดสอบของดินแดนลับโบราณนั้นมีอยู่แค่สองระดับความยาก และเขาก็ไม่เคยได้ยินสองระดับความยากนี้ถูกเรียกว่า “ฮีโร่” มาก่อน


“การทดสอบโหมดฮีโร่ ?! ผู้ฝึกสอนทอร์เร้นนั้นมันเสี่ยงเกินไปนะ !! เรามีเพียงแค่โอกาสเดียวเท่านั้น และเราจะไม่ได้รับโอกาสอีกถ้าล้มเหลว แล้วคนของสภาสิบแปดปีกจะไปทำมันสำเร็จได้ยังไง ?!” ไวน์ไฟเตอร์ถามอย่างใจจดใจจ่อ


การทดสอบของดินแดนลับโบราณนั้นมีความยากอยู่แค่สองระดับ ซึ่งนั้นก็คือทั่วไป กับโหมดขั้นสูง


อย่างไรก็ตามในฐานะผู้ที่เปิดใช้งานดินแดนลับโบราณขึ้น พวกเขามีโอกาสที่จะเผชิญกับการทดสอบที่ยากกว่าทั้งสองระดับหนึ่งครั้ง ซึ่งก็คือโหมดฮีโร่


ตราบใดที่ผู้เล่นผ่านการทดสอบในโหมดทั่วไปได้ พวกเขาก็จะกลายเป็นพลเมืองอย่างเป็นทางการในเมืองโบราณ และได้เพลิดเพลินไปกับสิทธิต่างๆที่เมืองมอบให้


อย่างไรก็ตามจากการค้นคว้าข้อมูลและวิจัยของไวโอเล็ตซอร์ด พวกเขารู้มาว่าการที่ผู้เล่นสามารถเคลียร์การทดสอบโหมดฮีโร่ได้นั้น ผู้เล่นก็จะได้รับสถานะที่สูงส่งในทันที ซึ่งมันมีความแตกต่างกันอย่างมากระหว่างผลประโยชน์ที่ขุนนางและพลเมืองทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ แม้ว่าผู้เล่นจะสามารถเพิ่มฐานะของตนได้เรื่อยๆ แต่การทำเช่นนั้นมันก็ต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมาก


ซึ่งมันก็น่าเสียดายที่ไวโอเล็ตซอร์ดนั้มีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในการทดสอบโหมดฮีโร่


เดิมทีพวกเขาตั้งใจจะรอให้เวลาจำกัดของโหมดฮีโร่ที่ขึ้นมาให้เลือกนี้ใกล้จบลง ซึ่งก็คือประมาณสามสิบวัน เพราะเมื่อตอนนั้นมาถึง พวกเขาน่าจะมีความพร้อมมากพอในการเคลียร์โหมดฮีโร่


อย่างไรก็ตามตอนนี้ทอร์เร้นไม่เพียงแต่จะแนะนำให้พวกเขาท้าทายโหมดฮีโร่เร็วกว่าที่วางแผนไว้ แต่เขายังขอให้สมาชิกสภาสิบแปดปีกช่วยเคลียร์เรื่องนี้ด้วย แม้ว่าสมาชิกสภาสิบแปดปีกจะสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานากันได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว แต่มาตราฐานการต่อสู้ของพวกเขาก็ยังคงห่างไกลจากคำว่าน่าพึงพอใจมากๆ และการขอให้สมาชิกสภาสิบแปดปีกทำการเคลียร์การทดสอบนี้มันก็น่าจะเป็นการสิ้นเปลืองอย่างมาก


“ถ้าคุณล้มเหลวในการทดสอบโหมดฮีโร่ ฉันก็อยากให้สภาสิบแปดปีกละเว้นจากการเข้าสู่ดินแดนลับโบราณเป็นเวลาสิบวัน คุณยินดีจะรับคำท้าทายนี้ไหม หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ?” ทอร์เร้นถามซือเฟิง


เมื่อทอร์เร้นกล่าวมาแบบนี้ คริมสันสตาร์และไวน์ไฟเตอร์ก็เข้าใจทุกสิ่งในทันที


แม้ว่าการทำแบบนี้มันจะฟังดูสิ้นเปลือง แต่มันก็เหมือนเป็นการตัดสภาสิบแปดปีกออกไปกลายๆ เพราะถ้าพวกเขาล้มเหลว พวกเขาจะถูกห้ามเข้าสู่ดินแดนลับโบราณเป็นเวลาสิบวัน ซึ่งในช่วงเวลาสิบวันนี้ มันจะทำให้ไวโอเล็ตซอร์ดสามารถเคลียร์การทดสอบโหมดทั่วไป และกลายเป็นพลเมืองของเมืองโบราณได้แล้วแน่นอน ซึ่งเมื่อเป็นแบบนั้นไม่ว่าสภาสิบแปดปีกจะทำอะไร พวกเขาก็จะไม่สามารถทำให้เกิดผลกระทบมากนักต่อไวโอเล็ตซอร์ดในดินแดนลับโบราณได้ และเผลอๆสภาสิบแปดปีกอาจไม่สามารถเข้าสู่ดินแดนลับโบราณได้ด้วยในตอนนั้น


แน่นอนซือเฟิงต้องยอมรับความท้าทายนี้ก่อน


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม คุณกล้าที่จะรับคำท้าไหม ? ไวโอเล็ตซอร์ดใช้ทรัพยากรจำนวนมหาศาลเพื่อเข้าควบคุมดินแดนลับโบราณแห่งนี้ และเราก็ไม่สามารถจะมอบช่องที่มีอยู่ครึ่งหนึ่งของเราให้กับพัธมิตรที่ไร้ประโยชน์ได้ อย่างน้อยคุณจะต้องพิสูจน์ตัวเองก่อนว่าสภาสิบแปดปีกควรจะได้รับช่องเหล่านี้ …” คริมสันสตาร์ยิ้มเล็กน้อยให้กับซือเฟิง


“ดีล !!! ฉันตกลงตามเงื่อนไขนั้น !!!” ซือเฟิงตอบหลังจากครุ่นคิด “อย่างไรก็ตามฉันมีความต้องการเพิ่มเติม หากคุณตกลง เราก็สามารถจะเซ็นสัญญากันได้เลย ซึ่งมันก็เกี่ยวกับเรื่องที่ว่าสภาสิบแปดปีกจำเป็นจะต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งของตัวเองเพื่อเข้าไปในดินแดนลับโบราณนั่นแหละ …”


“ความต้องการอะไร ?” ไวน์ไฟเตอร์ถามอย่างสงสัย



ตอนที่ 2618 มรดกโบราณ


“ก่อนหน้านี้ฉันเคยบอกว่าฉันต้องการได้รับสิทในการเลือกไอเทมชิ้นแรกที่ดรอปจากบอสในการทดสอบ ซึ่งเรื่องนั้นยังคงเหมือนเดิม แต่ฉันก็แน่ใจว่าคุณทราบดีว่าการทดสอบโหมดฮีโร่นั้นมันยากขนาดไหน ซึ่งสมาสมาชิกสภาสิบแปดปีกหนึ่งร้อยคนนั้นไม่เพียงพอที่จะเคลียร์มันได้แน่นอน” ซือเฟิงกล่าวอย่างใจเย็น “ดังนั้นฉันจึงต้องการความร่วมมืออย่างเต็มที่จากคุณ ฉันขอย้ำความร่วมมืออย่างเต็มที่จากคุณ ฉันจะเลือกสมาชิกทีมจู่โจมจากสองร้อยคนจากคนของฉัน และแน่นอนว่าคุณจะต้องเลือกสมาชิกส่วนที่เหลือมาจากคนของคุณให้ไปกับพวกเรา ซึ่งเมื่อเราเคลียร์การทดสอบได้ เราก็จะมารับช่องหนึ่งร้อยช่องไป ฉันแน่ใจว่านั่นจะเป็นการแลกเปลี่ยนที่เหมาะสม คุณคิดอย่างนั้นไหม ?”


เมื่อซือเฟิงพูดจบไวน์ไฟเตอร์ และคริมสันสตาร์ก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง ทั้งสองคนไม่คิดเลยว่าซือเฟิงจะเรียกร้องมาแค่นี้


พวกเขาคิดว่านักดาบคนนี้นั้นจะเรียกร้องมากเกินไป เช่นการขอให้สมาชิกของไวโอเล็ตซอร์ดทำหน้าที่เป็นหัวหอกหลัก และพวกเขาก็ได้เตรียมใจที่จะดูสมาชิกของตัวเองตายลงหลายครั้งที่นั่นแล้ว อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าซือเฟิงจะไม่ต้องการอะไรแบบนี้ แต่แค่เสนอให้สมาชิกกิลของพวกเขาเข้าร่วมการจู่โจมเท่านั้น


แม้แต่อควาโรส หลงหวู่ชาง และคนอื่นๆที่ยืนอยู่ใกล้ประตูห้องรับรองนั้นก็พูดไม่ออกเลย


ความต้องการสุดท้ายของซือเฟิงนั้นหมายความว่าสภาสิบแปดปีกจะทำงานทุกอย่างให้ไวโอเล็ทซอร์ดเลย นี่มันบ้ามากๆ ….


“นั่นจะไม่เป็นปัญหา เมื่อคุณต้องการจะเข้าไปเคลียร์การทดสอบโหมดฮีโร่เมื่อไหร่ ให้มาเลือกสมาชิกของเราด้วยตัวเองได้เลย ฉันอนุญาติ ในความเป็นจริงฉันต้องบอกว่าเราจะไม่กำหนดโทษหรือเรียกร้องใดๆด้วย หากสมาชิกของเราตายในระหว่างเรื่องนี้” ทอร์เร้นกล่าว แม้ว่าเขาจะรู้สึกประหลาดใจมากกกับความต้องการสุดท้ายของซือเฟิง แต่เขาก็พยักหน้าเห็นด้วย “อย่างไรก็ตามคนของเราจะเพิกเฉยต่อคำสั่งของคุณ หากคิดว่าการโจมตีเป็นไปไม่ได้ และคุณขอให้พวกเขาทิ้งชีวิตของตัวเองอย่างไร้ค่า …”


ไวโอเล็ตซอร์ดนั้นได้คัดเลือกและเตรียมทีมสำหรับการเคลียร์การทดสอบโหมดฮีโร่มาหลายครั้งแล้ว โดยพวกเขานั้นล้วนคัดแล้วคัดอีก เอาแต่สมาชิกระดับหัวกะทิเข้าทีมมาเตรียมพร้อม อย่างไรก็ตามความต้องการของซือเฟิงนั้นจะช่วยลดการบาดเจ็บล้มตายของสมาชิกไวโอเล็ตซอร์ดได้ ดังนั้นทอร์เร้นจึงเต็มใจจะเห็นด้วย และยอมรับ


“ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันก็โอเค …” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า “ให้เวลาฉันสามวัน !! ฉันจะพาคนของฉันไปที่ดินแดนลับโบราณภายในสามวัน !! ในขณะเดียวกันไซเร้นวอร์นเดอร์ตะอยู่ที่นี่เพื่อช่วยเหลือคุณ สามวันควรเพียงพอสำหรับคุณด้วยในการ

เตรียมเครื่องมือที่จำเป็น”


“สามวัน ?” ไวน์ไฟเตอร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่คิดเลยว่าซือเฟิงจะต้องการดำเนินการในเร็วๆนี้ เขาคิดว่าพวกเขาจะมีเวลาเตรียมตัวราวห้าวัน หรืออาจถึงสิบวัน เพราะท้ายที่สุดในตอนนั้นไวโอเล็ตซอร์ดอาจรวบรวมผู้เชี่ยวชาญได้มากพอที่จะเคลียร์การทดสอบในโหมดขั้นสูงได้เลย


“นั่นไม่มีปัญหา คุณสามารถจะเข้าสู่เมืองไวโอเล็ตไลท์ได้ในสามวัน เราจะรอคุณอยู่ที่นั่น …” ทอร์เร้นกล่าว


หลังจากนั้นซือเฟิงและทอร์เร้นก็ได้ทำการเซ็นสัญญากัน ซึ่งเนื้อหาระบุว่า สภาสิบแปดปีกจะเคลียร์การทดสอบโหมดฮีโร่ให้กับไวโอเล็ตซอร์ด และเพื่อแลกเปลี่ยนกัน ไวโอเล็ตซอร์ดจะมอบช่องทางเข้าสู่ดินแดนลับโบราณหนึ่งร้อยช่องให้กับสภาสิบแปดปีก แต่หากสภาสิบแปดปีกล้มเหลวกิลจะถูกห้ามไม่ให้เข้าสู่ดินแดนลับเป็นเวลาสิบวัน


เมื่อเซ็นสัญญาเรียบร้อย ซือเฟิงก็รีบออกจากเมืองไฟศักสิทธิ์ไปทันที ….


“หัวหน้ากิล เวลาสามวันมันไม่เพียงพอนะ เราไม่สามารถจะเคลื่อนย้ายผู้เล่นหนึ่งร้อยคนมายังทวีปด้านตะวันตกได้ด้วยซ้ำด้วยเวลาแค่นี้ …. แล้วทำไมหัวหน้าถึงไปเสนอให้คนของเราเข้าร่วมการจู่โจมเป็นจำนวนมากขนาดนั้นกัน ?” อควาโรสถามซือเฟิงที่ตอนนี้ทำหน้าที่บังคับอินทรีสายฟ้าอยู่


การสำรวจดินแดนลับนั้นมักมีอัตราการตายที่สูงมาก และแม้ว่าทีมจะสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มากมาย แต่สภาสิบแปดปีกก็จะได้รับประโยชน์จากดินแดนลับนี้เพียงแค่เศษเสี้ยวเท่านั้น เมื่อเวลานั้นมาถึง …. ขณะที่ไวโอเล็ตซอร์ดนั้นจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์สูงสุด ดังนั้นทำไมสภาสิบแปดปีกจะต้องไปเสียสละมากมายเพื่อซุเปอร์

กิลด้วย


หลงหวู่ชางก็คิดว่าการตัดสินใจของซือเฟิงนั้นค่อนข้างน่าแปลกใจเช่นกัน แต่เนื่องจากเขาไม่ได้เป็นสมาชิกสภาสิบแปดปีก เขาจึงไม่สามารถจะตั้งคำถามกับนักดาบได้


“ถ้าที่นี่เป็นแค่ดินแดนลับธรรมดา ฉันก็คงจะไม่เสนอความช่วยเหลือไปมากขนาดนั้นหรอก แต่นี่เรากำลังพูดถึงดินแดนลับที่มีอยู่มาตั้งแต่สมัยโบราณ ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่เราต้องทำก็คือไปท้าทายการทดสอบของดินแดนนี้ด้วย ” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เธอคิดว่าการทดสอบนี้คืออะไรล่ะ ?”


“มันไม่ใช่การทดสอบความแข็งแกร่งที่จะให้รางวัลเมื่อเราเคลียร์ได้สำเร็จงั้นหรอ ?” อควาโรสตอบอย่างสับสนกับคำถามของหัวหน้ากิลของเธอ สิ่งนี้นั้นมันเป็นความรู้โดยทั่วไปใน God domain


“เธอพูดถูกแค่ครึ่งเดียว …” ซือเฟิงกล่าวพลางส่ายหัว


“ครึ่งเดียว ?” อควาโรสสับสนมากขึ้น “หัวหน้ากิลหมายความว่ายังไง ?”


“ในระหว่างการทดสอบนั้นมันยังเป็นเส้นทางการฝึกที่ยอดเยี่ยมมากๆ” ซือเฟิงอธิบาย “มันเป็นเรื่องจริงที่การทดสอบของ God domain นั้นจะทดสอบความแข็งแกร่งของผู้เล่น แต่ส่วนใหญ่ของเหตุผลในการดำรงอยู่ของพวกมันคือช่วยให้ผู้เล่นเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการทดสอบจากยุคโบราณ”


“รางวัลนั้นเป็นเพียงโบนัสสำหรับการเคลียร์การทดสอบ การได้เข้าสู่การทดสอบไปฝึกนั้นมีค่ามากกว่า ซึ่งการทดสอบเหล่านี้ประกอบไปด้วยมรดกโบราณที่สมบูรณ์ และแม้แต่การก้าวข้ามขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ของร่างมานาก็อาจจะเป็นไปได้ หากเราเข้าใจเพียงเศษเสี้ยวของมรดกเหล่านี้ ไม่งั้นเหตุใดมันจึงจะมีโอกาสในการท้าทายการทดสอบโหมดฮีโร่เพียงแค่ครั้งเดียวล่ะ ?”


ก่อนที่ผู้เล่นจะมาถึงขั้นสี่ และเริ่มสำรวจสถานที่อันตรายอย่างแท้จริงของ God domain ในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิง ทุกคนล้วนคิดว่าการทดสอบพวกนี้ก็เป็นเหมือนกับดันเจี้ยนที่ไม่มีอะไรมาก

อย่างไรก็ตามเมื่อผู้เล่นมาถึงขั้นสี่ และเริ่มสำรวจสถานที่อันตรายมากขึ้น พวกเขาก็ได้พบกับการทดสอบโบราณหลายครั้ง ซึ่งในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่เหล่านี้ทำการเคลียร์การทดสอบโบราณ พวกเขาก็มีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และท้ายที่สุดทุกคนก็เริ่มตระหนักได้ถึงความสำคัญของการทดสอบใน God domain โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทดสอบโบราณที่นับเป็นโอกาสทองเลย


เนื่องจากไวโอเล็ตซอร์ดได้เลือกจะละทิ้งโอกาสแบบนี้ ดังนั้นซือเฟิงจึงไม่ได้รังเกียจเลยที่จะใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ และเขาก็เกือบจะล้มเหลวในการปกปิดอารมณ์ความตื่นเต้นของตัวเองจนทำให้ทอร์เร้นรู้ไปแล้ว …..


หากเป็นไปได้ เขาอยากจะอ้างสิทเหนือช่องทีมจู่โจมทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ แต่เขาก็ไม่สามารถทำได้ เพราะท้ายที่สุดไวโอเล็ตซอร์ดจำเป็นต้องมีตัวแทนจำนวนหนึ่งมาเข้าร่วมกับพวกเขาด้วยเพื่อให้ตัวเองบรรลุเป้าหมาย


“หัวหน้ากิล หัวหน้ากำลังบอกว่าเราสามารถใช้โอกาสนี้ในการทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ของร่างมานาเราได้งั้นหรอ ?” ความตื่นเต้นปรากฎขึ้นในดวงตของอควาโรส ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง มันก็แสดงว่าพวกเขาถูกแจ๊คพอตเลย !!!


เธอนั้นเคยมีประสบการณ์การฝึกกับสิ่งที่มาจากสมัยโบราณมาแล้ว ซึ่งนั่นก็คือหอคอยพิเศษ ซึ่งก็ต้องขอบคุณผลการฝึกจากหอคอยนี้ที่ช่วยให้เธอสามารถต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนได้สบายๆ ทั้งๆที่เธออยู่ในขอบเขตอนันต์


หากเธอและสมาชิกคนอื่นๆของสภาสิบแปดปีกสามารถปรับปรุงมาตราฐานการต่อสู้และการรวบรวมมานาได้ พวกเขาก็จะมีโอกาสที่ง่ายขึ้นมากในการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่


“มันจะง่ายขนาดนั้นได้ยังไงกัน ? เรามีโอกาสเพียงแค่ครั้งเดียวนะในการทดสอบนี้ ไม่ว่าพวกเราจะได้อะไรมากน้อยแค่ไหน มันก็ขึ้นอยู่กับพวกเรา” ซือเฟิงตอบพลางกลอกตา


ในหนึ่งหมื่นคนนั้น หากให้นับเป็นอัตราส่วน มันจะมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามไม่ถึงหนึ่งคนด้วยซ้ำที่สามารถทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ของร่างมานาได้ ดังนั้นสมาชิกสภาสิบแปดปีกที่ได้เข้าไปในการทดสอบนี้จะไปทำได้ทุกคนได้อย่างไรกัน ?


สิ่งนี้มันก็เหมือนกับหอคอยพิเศษ เพราะแม้มันจะมีกลไกการฝึกที่ยอดเยี่ยม แต่แกนหลักของสภาสิบแปดปีกหลายคนนั้นก็ยังไม่สามารถเข้าถึงขอบเขตที่แท้จริงได้


“ถึงกระนั้นนี่ก็เป็นโอกาสที่ดี อย่างน้อยเราก็มีโอกาสจะได้เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และบางคนในหมู่พวกเราก็อาจจะประสบความสำเร็จแบบไวโอเล็ตคลาวด์ หากโชคดีมากพอ …” อควาโรสกล่าวด้วยรอยยิ้ม


หลงหวู่ชางซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆเองก็ถูกล่อลวงอย่างมากเช่นกันเมื่อเขาได้แอบฟังการสนทนา เขาไม่เคยตระหนักเลยว่าการทดสอบจากยุคโบราณจะให้ประโยชน์แบบนี้


เขาได้เห็นความแข็งแกร่งของผู้ที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้มากกว่าหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์มาแล้ว ซึ่งนั่นก็คือไวโอเล็ตคลาวด์ และแม้เธอจะยังเข้าไม่ถึงขอบเขตโดเมน แต่เธอก็สามารถจะเอาชนะซินฟูลเฟรมได้


ในท้ายที่สุดหลงหวู่ชางก็ไม่สามารถจะควบคุมตัวเองได้ และเอ่ยปากถามซือเฟิงว่า “หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม คุณอยากขายช่องทางเข้าบางส่วนให้กับหอการค้าอาซูไหม ? แน่นอนว่าเราจะจ่ายในราคาที่เหมาะสม คุณสามารถระบุความต้องการของคุณมาได้เลย”



ตอนที่ 2619 สภาสิบแปดปีกที่ไม่อาจหยั่งรู้


คำถามของหลงหวู่ชางทำให้อควาโรสและคนอื่นๆอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเล็กน้อย พวกเขาไม่คิดเลยว่าชายคนนี้จะเสนอข้อเสนอทางธุรกิจกับสภาสิบแปดปีกเป็นการส่วนตัว


หลงหวู่ชางนั้นเป็นคนที่มีความภูมิใจในตัวเองเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะแสดงความแข็งแกร่งที่โดดเด่นออกมาในการแข่งขันระหว่างตระกูลของหอการค้าอาซู แต่ทัศนคติที่เขามีต่อสภาสิบแปดปีกก็น่าจะแปรเปลี่ยนจากเฉยเมยเป็นปกติเท่านั้น อย่างไรก็ตามตอนนี้ มันดูเหมือนว่าเขาจะมองว่าสภาสิบแปดปีกอยู่ในสถานะที่เท่าเทียมกัน


หอการค้าอาซูนั้นจัดเป็นคู่แข่งของซุเปอร์กิล และแม้ว่าหอการค้าจะไม่สามารถเทียบกับสภาสิบแปดปีกและไวโอเล็ตซอร์ดได้เลยในเรื่องการเลี้ยงดูผู้เชี่ยวชาญ แต่ในด้านทรัพยากรและกำลังคนนั้นหอการค้ายังจัดว่าเหนือกว่าสภาสิบแปดปีกมาก


ยิ่งไปกว่านั้นในการแข่งขันระหว่างตระกูลของหอการค้าอาซูปีนี้นั้นมันยังเกี่ยวข้องกับแค่สมาชิกรุ่นเยาว์จากห้าตระกูลที่เป็นผู้ถือหุ้นหลักเท่านั้น มันไม่ใช่รุ่นเยาว์ทุกคนที่มีพรสวรรค์ของหอการค้าอาซูจะได้เข้าร่วม และผู้เชี่ยวชาญรุ่นเยาว์ส่วนใหญ่ของหอการค้าก็ไม่ได้มาจากห้าตระกูลผู้ถือหุ้นหลักด้วย ซึ่งในหมู่คนเหล่านี้นั้นมีบางคนที่แข็งแกร่งกว่าหยานเซี่ยวเฉียนด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่มีคุณสมับติที่จำเป็นในการเข้าร่วมการแข่งขันระหว่างรุ่นเยาว์ของตระกูลในปีนี้


“เนื่องจากหอการค้าอาซูยินดีที่จะทำธุรกิจกับเราแบบนี้ ฉันก็ไม่คิดมากอะไรหรอกนะที่จะขายช่องจำนวนหนึ่งให้ ว่าแต่ผู้อาวุโสหลงต้องการกี่ช่องกัน ?” ซือเฟิงถาม เขาไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อยกับข้อเสนอของหลงหวู่ชาง ในทางกลับกัน อควาโรสและคนอื่นๆยังไม่ได้ตระหนักมากนักเลยว่ารุ่นเยาว์นั้นมีความสำคัญต่อมหาอำนาจต่างๆเพียงใด


สำหรับมหาอำนาจต่างๆเหล่ารุ่นเยาว์นั้นคืออนาคตของพวกเขา !!!


ยกตัวอย่างเช่นหอการค้าอาซู สาเหตุส่วนใหญ่ของความสำเร็จในปัจจุบันของกิลคือการทุ่มทุกอย่างเพื่อพัฒนาเหล่ารุ่นเยาว์ของตัวเอง ในทางตรงกันข้ามกิลชั้นสูงบางแห่งนั้นไม่เคยก้าวไกลไปกว่านั้นเลยเลย แม้จะมีประสบการณ์และประวัติมายาวนานหลายสิบปี ซึ่งนั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่ให้ความสำคัญกับสมาชิกรุ่นเยาว์ เว้นแต่ว่ากิลชั้นสูงกิลนั้นจะสามารถรับสมัครอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์เข้ามาได้ ไม่งั้นพวกเขาก็จะยังคงจะต้องเป็นแค่กิลชั้นสูงต่อไปอีกนาน


เนื่องจากซือเฟิงได้เปิดเผยความจริงที่ว่าผู้เล่นสามารถจะเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งได้ผ่านการทดสอบในโหมดฮีโร่ของดินแดนลับโบราณ มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่หลงหวู่ชางที่ได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกันจะเลือกยื่นข้อเสนอให้กับสภาสิบแปดปีก และละความภาคภูมิใจของตัวเอง


ซึ่งสัญชาตญาณของหลงหวู่ชางในฐานะหนึ่งในผู้อาวุโสสูงสุดของหอการค้าอาซูแบบนี้แหละเป็นเหตุผลที่ทำให้ซือเฟิงถึงเลือกจะบอกความจริงของเรื่องนี้กับอควาโรสทันที ทั้งๆที่มีหลงหวู่ชางนั่งอยู่ข้างๆ …. และถ้าเขาไม่ได้ต้องการอะไรจากหลงหวู่ชาง เขาก็จะไม่ทำแบบนี้แน่นอน ….


การที่ต้องร่วมมือ และเป็นพันธมิตรกับหอการค้าอาซูให้ได้นั้นมีความสำคัญสูงสุดอันเนื่องมาจากสภาสิบแปดปีกแทบไม่มีอำนาจใดๆอยู่ในทวีปด้านตะวันตก นอกเหนือจากป้อมปราการแสงดาว หากสภาสิบแปดปีกต้องการฐานที่มั่นคงในทวีปด้านตะวันตก พวกเขาจำเป็นจะต้องร่วมมือและเป็นพันธมิตรกับมหาอำนาจอื่นในท้องถิ่น


แม้ว่าเผ่าศักสิทธิ์จะจัดว่าเป็นพันธมิตรที่ทรงพลังมากแล้ว แต่ความสามารถทางการค้าของกิลนั้นก็เทียบไม่ได้เลยกับหอการค้าอาซู แถมเผ่าศักสิทธิ์ก็ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือสภาสิบแปดปีกในการเดินทางไปมาระหว่างทวีปหลักสองด้านได้เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นสภาสิบแปดปีกยังได้รับการยอมรับจากหอการค้าอาซูแล้วในหลายๆสิ่งที่ผ่านมา แถมกิลยังมีเรื่องของไซเร้นวอร์นเดอร์ผูกติดอยู่กับหอการค้าอีก ดังนั้นการเป็นพันธมิตรกับหอการค้าอาซูจึงจะเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยและสามารถเชื่อถือได้มากกว่า


“หากสามารถซื้อได้สามสิบถึงสี่สิบช่องนั่นจะยอดเยี่ยมมากๆ แต่ถ้าเป็นไปไม่ได้ทางเราก็ยินดีกับสิบช่องเช่นกัน หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม …” หลงหวู่ชางกล่าวอย่างลังเลใจ หลังจากครุ่นคิด


หอการค้าอาซูนั้นจัดเป็นองค์กรขนาดใหญ่ และกิลก็จำเป็นจะต้องบ่มเพาะรุ่นเยาว์ทั้งหมดที่ตัวเองมี โดยไม่ใช่แค่เฉพาะรุ่นเยาว์ของตระกูลผู้ถือหุ้นหลัก ซึ่งหากได้รับช่องที่เพียงพอ เขาก็น่าจะช่วยเหลือรุ่นเยาว์ที่มีความสามารถของกิลได้อย่างมาก แต่แน่นอนว่าถ้าซือเฟิงปฎิเสธ อย่างน้อยเขาก็ต้องซื้อให้เพียงพอสำหรับตระกูลผู้ถือหุ้นหลักทั้งห้า

“สี่สิบ ?” หลังจากครุ่นคิดแล้วซือเฟิงก็พูดว่า “ไม่มีปัญหา แต่คุณจะต้องยอมรับเงื่อนไขของฉันสามข้อ ….”


“ไม่มีปัญหา …” ดวงตาของหลงหวู่ชางสว่างขึ้นด้วยความตื่นเต้น เขาพูดอย่างกระตือรือร้นต่อว่า “โปรดระบุเงื่อนไขของคุณมาเลย หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม เรายินดีจะยอมรับเงื่อนไขสี่หรือห้าข้อด้วยซ้ำ …!!!”


ช่องทางการเข้าสี่สิบช่องนี้มันไม่ใช่แค่จะเพียงพอสำหรับรุ่นเยาว์ของตระกูลผู้ถือหุ้นหลักทั้งห้าเท่านั้น แต่มันยังจะเพียงพอสำหรับรุ่นเยาว์ และบุคคลที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตระกูลทั้งห้าด้วย ซึ่งหากการเจรจาครั้งนี้สำเร็จ เหล่าผู้อาวุโสและผู้อาวุโสสูงสุดที่เป็นกลางของกิลบางส่วนก็มีสิทจะหันมาสนับสนุนตระกูลหลงในระยะยาวแน่นอน


“อย่างแรก ฉันต้องการให้หอการค้าอาซูช่วยในเรื่องหนึ่ง ฉันจำเป็นจะต้องเคลื่อนย้ายสมาชิกสภาสิบแปดปีกมายังทวีปด้านตะวันตกภายในสามวัน ซึ่งฉันต้องการเคลื่อนย้ายจำนวนหนึ่งร้อยหรืออาจจะมากกว่านั้น”


“นั่นไม่ใช่ปัญหา สามวันก็เป็นเวลาที่มากเกินพอแล้ว …. เมื่อถึงเวลาให้พวกเขาไปรวมตัวกันที่จักรวรรดินักบุญทั้งสิบเลย” หลงหวู่ชางตอบตกลงโดยไม่ลังเล


การเดินทางไปมาระหว่างทวีปหลักสองด้านอาจเป็นเรื่องยากสำหรับมหาอำนาจอื่นๆ แต่นั่นมันไม่ใช่ปัญหาสำหรับหอการค้าอาซู และแม้แต่การเคลื่อนย้ายผู้เล่นสองร้อยคนก็ไม่ใช่ปัญหา ซึ่งเต็มที่พวกเขาก็จะต้องใช้คริสตัลเวทย์มนต์ในจำนวนที่มากขึ้นเท่านั้น


สำหรับเงื่อนไขที่สอง ฉันต้องการอู่ต่อเรือขนาดกลางและที่ดินทำเลทองในเมืองโอเชี่ยนไทน์ของจักรวรรดิจันทราสีเงิน” ซือเฟิงกล่าวต่อ


การค้าระหว่างทวีปหลักทั้งสองด้านในอนาคตจะต้องพึ่งพาการขนส่งทางเรือเป็นหลัก ในขณะเดียวกันเมืองโอเชี่ยนไทน์ก็เป็นเมืองท่าขนาดใหญ่ที่สุดในจักรวรรดิจันทราสีเงิน ซึ่งตราบใดที่สภาสิบแปดปีกมีฐานที่มั่นในเมืองนี้ การทำธุรกิจระหว่างทวีปหลักสองด้านนั้นก็จะเป็นเรื่องง่าย


“นี่ไม่ใช่ปัญหาเช่นกัน ฉันจะแจ้งพี่ชายคนโตของฉันในภายหลัง คุณสามารถเริ่มดำเนินธุรกิจที่นั่นได้ทันทีที่ขั้นตอนการส่งมอบเสร็จสมบูรณ์” หลงหวู่ชางกล่าว เขาไม่ได้แปลกใจนักกับเงื่อนไขที่สองของซือเฟิง

สภาสิบแปดปีกแทบจะไม่มีอาณาเขตในทวีปด้านตะวันตกเลย หากต้องการได้มาซึ่งทรัพยากรของทวีปด้านตะวันตก วิธีที่เร็วที่สุดก็คือการสร้างฐานที่มั่นของตัวเองขึ้นในเมืองท่าทางทวีปด้านตะวันตก ด้วยวิธีนี้มันจะทำให้พวกเขาสามารถเดินทางไปมาระหว่างทวีปหลักสองด้านได้บ่อยขึ้น และขนส่งสินค้าได้ไกลขึ้น เพราะท้ายที่สุดผู้เล่นจะสามารถขนส่งสิ่งของได้อย่างจำกัดผ่านประตูเทเลพอร์ต


ในตอนนี้ด้วยการติดต่อระหว่างทวีปหลักสองด้านเป็นเรื่องยาก ดังนั้นผู้ที่ทำแบบนี้ได้จึงจะสามารถนำสินค้าจากทวีปแต่ละด้านไปขายอีกด้านได้ในราคาสูงมาก อย่างไรก็ตามรายได้แบบนี้ก็จะลดลงมากในอนาคต เมื่อทวีปด้านตะวันออกกับตะวันตกสามารถติดต่อกันได้มากขึ้น ซึ่งนี่มันทำให้สภาสิบแปดปีกจะต้องเพิ่มปริมาณการขายเพื่อรักษารายได้ให้ได้เท่าเดิมหรือมากขึ้น ดังนั้นการได้รับฐานที่มั่นในเมืองท่าทางทวีปด้านตะวันตกจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับกิล


“เงื่อนไขที่สามของฉันก็คือ ฉันต้องการมรดกขอบเขตอนันต์ที่สมบูรณ์ของหอการค้าอาซู” ซือเฟิงกล่าวอย่างจริงจัง ขณะที่มองไปยังหลงหวู่ชาง


สภาสิบแปดปีกยังไม่มีมรดกขอบเขตอนันต์ที่สมบูรณ์ และด้วยเหตุนี้กิลจึงไม่พร้อมที่เลี้ยงดูผู้เล่นที่มีความสามารถต่างๆขึ้นมาในฐานะของมหาอำนาจอย่างแท้จริง ซึ่งหากสภาสิบแปดปีกได้รับมรดกขอบเขตอนันต์ที่สมบูรณ์มา ความแข็งแกร่งของกิลก็จะขึ้นไปสู่ระดับใหม่ทั้งหมด และเข้าใกล้การเป็นมหาอำนาจที่แท้จริงไปอีกนิด ….


“นั่น …” หลงหวู่ชางลังเล “มรดกขอบเขตอนันต์ที่สมบูรณ์เป็นหนึ่งในความลับหลักของกิล และเราใช้เวลาหลายทศวรรษในการปรับแต่งมัน ฉันคิดว่าฉันไม่มีอำนาจที่จะยอมรับเงื่อนไขนี้ได้ …”


แม้ว่าช่องทางเข้าสี่สิบช่องจะมีค่า แต่มันก็เป็นเพียงโอกาสเท่านั้น การแลกเปลี่ยนความลับของกิลที่ใช้เวลาวิจัยและรวบรวมข้อมูลมานานกับโอกาสเพียงครั้งเดียว มันก็ออกจะเกินไปหน่อย ซึ่งเหล่าผู้อาวุโสและผู้อาวุโสสูงสุดของกิลจะไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขนี้แน่นอน


“ฉันรู้ว่ามันมากเกินไป แต่อย่างไรก็ตามนี่ก็เป็นโอกาสครั้งเดียวในชีวิต คุณจะไม่ได้รับโอกาสที่สองอีก ยิ่งไปกว่านั้นเราก็กำลังพูดถึงมรดกที่อยู่มาตั้งแต่ยุคโบราณ ฉัรับประกันว่ามันจะมีความลับเกี่ยวกับเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่แน่นอน” ซือเฟิงอธิบายอย่างไม่เร่งรีบ “และหากเหตุผลนี้ไม่เพียงพอ ฉันสามารถจะเสนอสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมให้

ได้”

“สิทธิประโยชน์อะไร ?” หลงหวู่ชางถามอย่างสงสัย


มรดกขอบเขตอนันต์ที่สมบูรณ์ของหอการค้าอาซูนั้นเป็นหนึ่งในความลับที่ล้ำค่าที่สุดของกิล และการแบ่งปันความลับนี้กับกิลอื่นก็จะเท่ากับการทำให้รากฐานของกิลอ่อนแอลง โดยผลประโยชน์เล็กน้อยมันจะไม่เพียงพอแลกกับเรื่องนี้แน่นอน


“ฉันสามารถช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญสามคนของหอการค้าอาซู ทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ของร่างมานาได้ แต่แน่นอนว่าผู้เชี่ยวชาญทั้งสามนี้จะต้องเป็นผู้มีความสามารถพิเศษด้วย ผู้เชี่ยวชาญทั่วไปจะไม่มีคุณสมบัติ คุณคิดว่ายังไง ?” ซือเฟิงถามด้วยรอยยิ้ม


“คุณกำลังบอกว่าคุณสามารถช่วยพวกเขาให้เติบโตอย่างทรงพลังและก้าวข้ามขั้นได้เหมือนไวโอเล็ทคลาวด์งั้นหรอ ?”


ข้อเสนอนี้ของซือเฟิงทำให้หลงหวู่ชางประหลาดใจ และครู่หนึ่งเขาก็สงสัยในคำพูดของนักดาบ


ใครก็ตามที่เคยดูการแข่งขันของไวโอเล็ตคลาวด์ กับซินฟูลเฟรมเฟเรมจะไม่มีวันลืมความแข็งแกร่งของเธอ เธอน่าเกรงขามเกินไป !!!


ความแข็งแกร่งของไวโอเล็ตคลาวด์ไม่ได้เป็นผลมาจากเทคนิคหรือมาตราฐานการต่อสู้ของเธออีกต่อไป เธอมีพลังดิบที่เหนือกว่า และแม้จะมีค่าสถานะเท่ากับซินฟูลเฟรม แต่เธอก็ยังได้รับชัยชนะ หากเธอมีค่าสถานะสูงกว่าซินฟูลเฟรมเล็กน้อย ชัยชนะของเธอจะดูน่าทึ่งยิ่งกว่านี้แน่นอน


แต่ตอนนี้ซือเฟิงกับบอกเขาว่า สภาสิบแปดปีกมีวิธีเลี้ยงดูสัตว์ประหลาดแบบนี้ ….


“ถูกต้อง” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า “เพื่อพิสูจน์เรื่องนี้ ฉันจะช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญสามคนของคุณปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาให้ได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ภายในหนึ่งวัน คุณยินดีที่จะรับข้อเสนอของฉันไหมล่ะ ผู้อาวุโสหลง ?


“โปรดรอสักครู่ ฉันต้องการเวลาในการเรียกประชุมเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดและทำการตัดสินใจ …” หลงหวู่ชางกล่าว แม้ว่าเขาจะมองว่าข้อเสนอของซือเฟิงดูเป็นไปได้ยาก แต่เขาก็ไม่สามารถจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปได้


ถ้าหอการค้าอาซูสามารถจะมีสัตว์ประหลาดสามคนเช่นเดียวกับไวโอเล็ตคลาวด์ได้ พวกเขาก็จะไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับอนาคตของตัวเองเลย


“นั่นไม่ใช่ปัญหา …” ซือเฟิงกล่าว “ใช้เวลาของคุณได้เต็มที่ ฉันต้องการคำตอบภายในสองวัน”


“โปรดรอสักหน่อยหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ฉันจะรีบติดต่อพี่ชายคนที่สามของฉันและผลักดันให้เรียกเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดมาประชุมเพื่อตัดสินใจโดยเร็วที่สุด” หลงหวู่ชางกล่าวพลางพยักหน้า จากนั้นเขาก็ติดต่อหลงเซี่ยงหลงและแจ้งให้ทราบถึงสถานการณ์


เมื่อหลงเซี่ยงหลงที่อยู่ในสถานที่พักกิลของหอการค้าอาซูได้ยินเกี่ยวกับข้อเสนอของซือเฟิง เขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงมากเช่นกัน


“น้องห้าพูดว่าอะไรนะ ? สภาสิบแปดปีกสามารถจะช่วยให้เราเลี้ยงสัตว์ประหลาดสามตัวที่เทียบเท่ากับไวโอเล็ตคลาวด์ขึ้นมาได้งั้นหรอ ? เป็นไปได้ยังไง ?”



ตอนที่ 2620 หอการค้าอาซูบ้าคลั่ง


สถานที่พักกิลหอการค้าอาซู ห้องประชุม :


โดยปกติแล้วการเรียกเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดของหอการค้าอาซูมารวมตัวกันในสถานที่เดียวนั้นเป็นเรื่องยากมาก แต่ตอนนี้เกือบทุกคนนั้นมารวมตัวกันอยู่ที่ห้องประชุมชั้นบนสุด และพวกเขาก็ดูใกล้หมดความอดทนกันแล้ว


“เซี่ยงหลง ทำไมคุณถึงเรียกเรามารวมตัวกันที่นี่อย่างเร่งด่วน ? คุณก็รู้ว่าตอนนี้เรายุ่งแค่ไหน บรรดามหาอำนาจต่างๆล้วนกำลังค้นหาวิธีปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของผู้เชี่ยวชาญกันอย่างบ้าคลั่ง ถ้าเราตามหลังตอนนี้ เราจะต้องทนทุกข์ทรมาณในภายหลังนะ …” หญิงสาวในชุดนักเวทย์สีขาวที่ดูสวยหรูบ่น


“ถูกต้อง หากเรื่องที่คุณเรียกพวกเรามารวมตัวกันไม่ใช่เรื่องสำคัญ คุณจะต้องจ่ายสำหรับการทำให้เราเสียเวลาแบบนี้ด้วย !!!” ชายวัยกลางคนที่ดูแข็งแกร่งและมีดวงตาสีแดงเข้มกับมีร่างที่ถูกปกคลุมไปด้วยอักษรรูนเรืองแสงพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของหญิงสาวในชุดนักเวทย์สีขาว


แม้จะเผชิญหน้ากับคำถามและท่าทีอันหยาบคายแบบนี้ แต่หลงเซี่ยงหลงนั้นก็ไม่ได้ระเบิดความโกรธออกมา


เขายอมให้สองคนนี้ไม่ใช่แค่เพียงเพราะว่าทั้งสองเป็นผู้อาวุโสสูงสุดในหอการค้าอาซู แต่เป็นเพราะความแข็งแกร่งของทั้งสองก็เป็นรองแค่ซินฟูลเฟรมเท่านั้น พวกเขาแข็งแกร่งกว่าหลงเซี่ยงหลง ผู้เชี่ยวชาญที่น่าเกรงขามที่สุดของตระกูลหลง และนอกจาก Triumphant Howl แล้ว สัตว์ประหลาดทั้งสามนี้ก็ยังนับเป็นตัวแทนของสมาชิกที่ไม่ได้มาจากตระกูลผู้ถือหุ้นหลักของหอการค้าอาซู


“ทำไม Triumphant Howl ถึงยังไม่มาที่นี่ ?” หลงเซี่ยงหลงถามพลางเหลือบไปมองที่นั่งว่างข้างๆทั้งสองคน


“คุณก็รู้จักเขาดี เว้นแต่ว่ากิลจะมีสงครามหรือเสี่ยงต่อการถูกทำลายล้าง เขาก็ไม่สนใจอะไรอย่างอื่นแล้วนอกจาการเก็บเลเวล” ชายที่มีดวงตาสีแดงเข้มกล่าว “ลืมเขาไปเถอะ ว่าแต่ทำไมคุณถึงเรียกเรามาที่นี่ ?”


“เอาล่ะ ไม่เป็นไร ในเมื่อตอนนี้มีผู้อาวุโสสูงสุดมารวมกันมากกว่าแปดสิบเปอเซ็นต์แล้ว เราก็น่าจะมีคนเพียงพอในการจะตัดสินใจแล้ว” หลงเซี่ยงหลงกล่าวพลางถอนหายใจ แม้ว่าสัตว์ประหลาดทั้งสามของหอการค้าอาซูจะทรงพลังและทรงอิทธิพลอย่างมาก แต่พวกเขาก็ล้วนรักอิสระมากเช่นกัน พวกเขาเกลียดข้อจำกัดและมักจะไม่ฟังตัวแทนของผู้ปกครองหอการค้า


“เกิดอะไรขึ้นล่ะครับคุณหลงเซี่ยงหลง ? นี่ถึงขั้นใช้คำสั่งระดมพลด่วนเหล่าผู้อาวุโสสูงสุด มีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับไวโอเล็ตซอร์ดและไซเร้นวอร์นเดอร์งั้นหรอ ?”

ต้วนฮันซานกล่าวอย่างประชด ขณะที่ยิ้มเยาะและมองไปยังหลงเซี่ยงหลง


ต้วนฮันซานได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องที่ซือเฟิงพาไซเร้นวอร์นเดอร์ไปที่สถานที่พักกิลของไวโอเล็ตซอร์ด หลังจากที่การแข่งขันระหว่างตระกูลของหอการค้าอาซูสิ้นสุดลง ด้วยความหวังที่จะยุติข้อพิพาทระหว่างตระกูลหลงกับซุเปอร์กิล


อย่างไรก็ตามเขาคิดว่าปัญหานี้คงไม่ได้รับการแก้ไขอย่างง่ายดายแน่นอน เพราะท้ายที่สุดชื่อเสียงของบริษัทซีอุสนั้นเสื่อมถอยลงไปมากๆ และหากตระกูลหลงปฎิเสธที่จะให้ความร่วมมือ มันก็จะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีสำหรับมหาอำนาจอื่นๆที่อยู่ภายใต้คำสั่งของบริษัท และแม้ว่าไซเร้นวอร์นเดอร์จะมีความสำคัญเพียงแค่เล็กน้อยต่อแผนการของบริษัทซีอุส แต่พวกเขาก็จะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้จบลงง่ายๆแน่นอน


ในขณะเดียวกันสภาสิบแปดปีกก็ไม่มีอำนาจมากพอในทวีปด้านตะวันตกที่จะกดดันให้ไวโอเล็ตซอร์ดยอมถอยได้ ซึ่งหากการเจรจาไม่เป็นไปด้วยดี ไวโอเล็ตซอร์ดอาจเคลื่อนไหวปะทะเข้ากับตระกูลหลง และสภาสิบแปดปีกได้เลย


“ฉันคิดว่า ฉันคงทำให้คุณผิดหวังแล้วล่ะ ผู้อาวุโสต้วน เรื่องของวอร์นเดอร์นั้นได้รับการจัดการเรียบร้อยแล้ว …” หลงเซี่ยงหลงตอบโต้ “พูดกันตามความจริง วันนี้ฉันได้รวบรวมทุกคนมาที่นี่เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับข่าวดี และเรื่องนี้ก็อาจส่งผลต่ออนาคตของหอการค้าอาซูด้วยซ้ำ …”


“ขนาดนั้นเลยงั้นหรอ ? นี่หลงหวู่ชางออกไปพร้อมกับสภาสิบแปดปีกเพื่อไปพบไวโอเล็ตซอร์ด และเราก็สามารถร่วมมือกับซุเปอร์กิลในเรื่องการเข้าสู่ดินแดนลับโบราณได้รึไง ?” หญิงสาวในชุดขาวถามขึ้น พร้อมกับดวงตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง


สิ่งเดียวที่เธอคิดได้ที่มันอาจส่งผลต่ออนาคตของหอการค้าอาซู คือความสามารถในการเลี้ยงดูเหล่าผู้เชี่ยวชาญ

จากข้อมูลที่หอการค้าอาซูได้รับมา ไวโอเล็ตซอร์ดได้ค้นพบดินแดนลับโบราณที่มีสนามฝึกโบราณ และหากผู้เชี่ยวชาญรุ่นเยาว์ของหอการค้าอาซูสามารถเข้าไปใช้ที่นี่ได้ พวกเขาก็จะเติบโตขึ้นอย่างมากแน่นอน


“คุณพูดถูกต้องครึ่งหนึ่ง …” หลงเซี่ยงหลงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ


“ครึ่งหนึ่ง ? เราไม่ได้เจรจาเป็นพันธมิตรกับไวโอเล็ตซอร์ดงั้นหรอ ?” ต้วนฮันซานถามอย่างสับสน


“ไม่ใช่ๆ เรากำลังเจรจาความร่วมมือกับสภาสิบแปดปีก” หลงเซี่ยงหลงกล่าว “แบล๊คเฟรมยินดีจะขายช่องเข้าสู่ดินแดนลับโบราณให้เราสี่สิบช่อง โดยแลกกับมรดกขอบเขตอนันต์ที่สมบูรณ์ของเรา”


“นี่แบล๊คเฟรมบ้าไปแล้วงั้นหรอ ? นั่นคือรากฐานของกิลเราเลยนะ …. แต่เขากับจะแลกเปลี่ยนกับแค่สี่สิบช่องเนี่ยนะ ? มีเพียงคนโง่เท่านั้นแหละที่จะเห็นด้วยกับการเป็นหุ้นส่วนดังกล่าว นี่คุณบ้าไปแล้วรึไงผู้อาวุโสเซี่ยงหลง ถึงได้เอาอะไรแบบนี้มาขึ้นปรึกษาน่ะ ?” ต้วนฮันซานกล่าวด้วยความเย้ยหยัน


นี่มันบ้าชัดๆ มรดกขอบเขตอนันต์ที่สมบูรณ์นั้น หอการค้าอาซูได้มาหลังจากตรากตรำทำงานหนักมาหลายทศวรรษ และพวกเขาก็แทบจะไม่โอเคแล้ว หากต้องแชร์ช่องมรดกบางช่องให้สภาสิบแปดปีก ….


ข้อมูลนี้มันเพียงพอที่จะช่วยให้กึ่งมหาอำนาจสามารถก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจที่แท้จริงได้ภายในไม่กี่ปีเลย ในความเป็นจริงสาเหตุส่วนใหญ่ที่กิลส่วนใหญ่ยังไม่ได้กลายเป็นมหาอำนาจที่แท้จริงนั้นก็เพราะว่าพวกเขาขาดวิธีการฝึกที่มีปรสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามตราบใดที่กิลมีข้อมูล เวลา และเงิน มากเพียงพอ กิลก็จะสามารถเติบโตกลายเป็นมหาอำนาจที่แท้จริงได้อย่างง่ายดาย นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้บรรดากิลชั้นยอดและซุเปอร์กิลนั้นแทบจะไม่เคยขายงานวิจัยเกี่ยวกับมรดกขอบเขตการปรับแต่งให้ใครเลย ….


“เซี่ยงหลง ถ้าคุณเรียกพวกเรามารวมตัวกันที่นี่เพื่อหารือเรื่องนี้ ฉันก็คิดว่าฉันคงจะต้องเลิกสนับสนุนตระกูลหลงแล้วล่ะ …” ชายที่มีดวงตาสีแดงเข้มกล่าวอย่างเย็นชา


ขณะเดียวกันตอนนี้ ทุกคนก็มองไปยังหลงเซี่ยงหลงด้วยดวงตาที่เย็นชาเช่นกัน


หอการค้าอาซูนั้นไม่ได้เป็นของตระกูลหลงแค่ตระกูลเดียว หอการค้ายังมีอีกสี่ตระกูลที่ถือเป็นผู้ถือหุ้นหลัก และนี่ยังไม่นับรวมเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดที่มาจากแต่ละตระกูล และเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดอิสระ ซึ่งมันจะไม่มีใครยอมขายความลับกิลแน่นอน


“ฉันรู้” หลงเซี่ยงหลงกล่าวโดยไม่แปลกใจกับทัศนคติของทุกคนแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่ยิ้มให้กับทุกคนและพูดต่อว่า “สิ่งที่ฉันจะพูดต่อไปนี้คือส่วนสำคัญ”


“อะไรที่มันสำคัญถึงขนาดทำให้คุณต้องเรียกเรามารวมตัวกันแบบนี้ ? อย่าบอกว่านะว่าสภาสิบแปดปีกสามารถจะเลี้ยงดูสัตว์ประหลาดกลุ่มหนึ่งได้ ?” หญิงชุดขาวกล่าวอย่างเหยียดหยาม


“คุณพูดได้ตรงจุดเป๊ะเลย เบล …” หลงเซี่ยงหลงตอบพลางพยักหน้าให้กับหญิงสาวในชุดสีขาว “แบล๊คเฟรมได้ให้คำมั่นว่าจะช่วยเราเลี้ยงดูสัตว์ประหลาดสามตัวที่สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้มากกว่าหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ขึ้นมา อันที่จริงเขายังสัญญาด้วยซ้ำว่าเขาจะช่วยให้ผู้เล่นสามคนที่เราเลือกสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ภายในหนึ่งวัน”


“มากกว่าหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ ? นี่เรากำลังพูดถึงสิ่งที่เด็กสาวจากสภาสิบแปดปีกทำได้สำเร็จใช่ไหม ?” ต้วนฮันซานอุทาน


ทุกคนที่ได้ดูการแข่งขันระหว่างตระกูลของหอการค้าอาซูนั้นล้วนได้เรียนรู้ว่าพลังการต่อสู้ของไวโอเล็ตคลาวด์น่ากลัวแค่ไหน และแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานของหอการค้าอาซูอย่างซินฟูลเฟรมก็ยังไม่สามารถเทียบกับเธอได้ พลังดิบของเธอนั้นมันน่ากลัวอย่างแท้จริง !!!


มหาอำนาจส่วนใหญ่นั้นจะคิดว่าการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาให้ได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์นั้นจะสามารถทำได้แน่นอนเมื่อเวลาผ่านไป และมหาอำนาจส่วนใหญ่ก็คิดว่าหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์นั้นคือจำนวนเปอเซ็นต์สูงสุดที่จะสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้แล้ว


อย่างไรก็ตามไวโอเล็ตคลาวด์ได้เปิดโลกให้กับพวกเขาใหม่ทั้งหมด และเธอก็นับเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์สูงของสภาสิบแปดปีกที่สามารถทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ในเรื่องนี้ได้ ซึ่งในอนาคตมันก็คงมีคนน้อยมากที่จะทำได้แบบเธอ


กระนั้นสภาสิบแปดปีกกับบอกว่าตัวเองสามารถเลี้ยงดูผู้เชี่ยวชาญที่น่ากลัวแบบไวโอเล็ทคลาวด์ขึ้นมาได้อีกงั้นหรอ ?”


“ฉันเคยได้ยินเด็กสาวคนนั้นพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีเธอแค่คนเดียวที่เป็นแบบนี้ในสภาสิบแปดปีก และเธอก็ยังบอกว่ามีสมาชิกที่แข็งแกร่งกว่าเธออยู่ในกิลอีกจำนวนหนึ่งด้วย” ซินฟูลเฟรมพูดขึ้นมา “และจากการแสดงออกของเธอในตอนนั้น ฉันไม่คิดว่าเธอโกหกนะ สภาสิบแปดปีกจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญแบบนี้อยู่มากกว่านี้แน่นอน”


ทุกคนเงียบลงไปทันที หลังจากได้ฟังคำพูดของซินฟูลเฟรม


เหล่าผู้อาวุโสและผู้อาวุโสสูงสุดนั้นก็ประทับใจมากอยู่แล้วที่สภาสิบแปดปีกสามารถเลี้ยงดูสัตว์ประหลาดอย่างไวโอเล็ตคลาวด์ขึ้นมาได้ แต่กิลอย่างสภาสิบแปดปีกก็ควรจะมีคนแบบไวโอเล็ทคลาวด์แค่คนเดียว หรืออย่างน้อยเต็มที่ก็สองคน อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขาพึ่งได้รู้ว่าสภาสิบแปดปีกมีสัตว์ประหลาดแบบไวโอเล็ตคลาวด์อีกจำนวนหนึ่งเลย จะให้พวกเขาเชื่อเรื่องนี้ได้ยังไง ?


แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่ามันจะน่าเหลือเชื่อแค่ไหน คำพูดของซินฟูลเฟรมก็จัดเป็นแหล่งข้อมูลที่สามารถเชื่อถือได้


“นี่คือเหตุผลว่าทำไมฉันถึงเรียกรวมพวกคุณมาที่นี่ ทุกคนมีความคิดเห็นยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้ล่ะ ? เราจะยอมรับข้อเสนอเขาไหม ?” หลงเซี่ยงหลงถาม หลังจากที่เขากวาดสายตามองไปทั่วห้องประชุม ….



ตอนที่ 2621 สามช่องสำหรับสามคน


ทุกคนในห้องประชุมนั้นยังคงเงียบ ขณะที่มีแสงไฟกระพริบในดวงตาของพวกเขา หลังจากได้ฟังคำพูดของหลงเซี่ยงหลง


“ถ้าแบล๊คเฟรมพูดความจริง และเขาสามารถช่วยผู้เชี่ยวชาญสามคนของเราทะลุขีดจำกัดร่างมานาหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ได้ ฉันก็คิดว่าเรื่องนี้สามารถจะพูดคุยกันได้” ชายที่มีดวงตาสีแดงเข้มกล่าว “ความแข็งแกร่งแบบนั้นจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการทำเควสเลื่อนขั้นในอนาคต หากเราสามารถมีผู้เล่นขั้นสี่ได้จำนวนหนึ่งก่อนมหาอำนาจอื่น เราก็จะสามารถบุกโจมตีมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย หรือไม่ก็พวกดินแดนต้องห้ามที่ยังไม่มีใครเข้าไปได้ก่อนคนอื่น และเราก็อาจจะได้ครอบครองซากปรักหักพังโบราณบางแห่งก่อนใครเลย ถ้าเราโชคดี …”


“ฉันเห็นด้วย แม้ว่าความลับหลักของเราจะมีความสำคัญ แต่เราก็ต้องการนักสู้ที่มีความแข็งแกร่งมากกว่าที่มีในตอนนี้ หากเราต้องการทำให้หอการค้าอาซูมั่นคงในอนาคต ซึ่งหากเรามีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่จำนวนหนึ่งตั้งแต่เนิ่นๆ มหาอำนาจอื่นๆก็จะไม่กล้ากำหนดเป้าหมายมาที่แหล่งทรัพยากรหลักของเราแน่นอน” หญิงสาวในชุดดสีขาวที่ชื่อบัตเตอร์ฟลายเบลกล่าวพลางพยักหน้า


ใน God domain มันมีแต่เหล่าผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะได้รับความเคารพนับถือ ซึ่งแม้ว่าตัวตนที่แข็งแกร่งจะไม่ช่วยกิลมากนักในเรื่องทรัพยากร แต่พวกเขาก็จะเป็นตัวยับยั้งศัตรูที่มีศักยภาพที่ดีอย่างมาก โดยเฉพาะหากผู้เล่นนั้นเป็นตัวตนขั้นสี่ ซึ่งในระยะนี้ของเกม หากพวกเขามีผู้เล่นขั้นสี่ มันก็จะไม่มีใครกล้าคิดจะโจมตีพวกเขาแน่นอน เพราะท้ายที่สุดผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่นั้นอยู่คนละระดับกับผู้เชี่ยวชาญขั้นสามอย่างสิ้นเชิง


ด้วยผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่สามคน โดยเฉพาะกับผู้เชี่ยวชาญที่มีมาตราฐานการต่อสู้ที่พิเศษทั้งในเรื่องของเลเวลและขั้น มันจะทำให้หอการค้าอาซูสามารถปกป้องพื้นที่ทรัพยากรในปัจจุบันของตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาไวโอเล็ตซอร์ดแน่นอน และเผลอๆในอนาคตหอการค้าก็จะมีความมั่นคงมากขึ้นด้วย


ในทางกลับกัน การยึดมั่นในเรื่องมรดกขอบเขตอนันต์ที่สมบูรณ์ของตัวเองต่อไป มันก็จะทำให้กิลมั่นคงเช่นกัน เพียงแต่ว่ามันจะไม่ช่วยให้กิลเติบโตขึ้น


เมื่อได้ยินคำพูดของชายที่มีดวงตาสีแดงเข้ม และบัตเตอร์ฟลายเบล ผู้อาวุโสสูงสุดอิสระที่เหลือต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยทันที


ไม่มีใครสามารถจะทำไข่เจียวได้โดยไม่ทำให้ไข่แตก ตอนนี้ผลกำไรที่เกิดขขึ้นอาจได้มากกว่าความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นอย่างชัดเจน พวกเขาไม่มีเหตุผลที่จะปฎิเสธข้อเสนอของสภาสิบแปดปีกเลย


“ฉันเองก็ไม่มีข้อโต้แย้งในการจะยอมรับข้อเสนอของแบล๊คเฟรม แต่เราจะเลือกสมาชิกสามคนที่ได้รับสิทกันยังไง ?” ต้วนฮันซานถามหลงเซี่ยงหลง


เมื่อได้ฟังคำถามของต้วนฮันซาน เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดก็หันไปมองตัวแทนของตระกูลหลงทันที


หลงเซี่ยงหลงได้เรียกพวกเขามาที่นี่เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ และไซเร้นวอร์นเดอร์ก็เป็นสมาชิกของสภาสิบแปดปีก ดังนั้นตระกูลหลงจึงจะอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดในการเจรจาข้อตกลงเรื่องนี้


ช่องฝึกทั้งสามนี้มันมีคุณค่าอย่างไม่น่าเชื่อ และหากผู้เล่นที่ได้รับเลือกไปทั้งสามคนผ่านทะลุเกณฑ์หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ของร่างมาาเมื่อไหร่ พวกเขาก็จะขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดของ God domain แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์ก็ตาม และไม่ว่าผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้จะอยู่ตระกูล หรือกลุ่มใดในหอการค้าอาซู แต่มันก็ยังจะทำให้หอการค้าอาซูได้รับอำนาจมากขึ้นแน่นอน ในความเป็นจริงช่องฝึกทั้งสามนี้อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอำนาจครั้งใหญ่ในกิลเลย


“ฉันรู้ว่าทุกคนคิดอะไรอยู่ ….” หลงเซี่ยงหลงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ ขณะที่ทุกคนมองมายังเขาอย่างจริงจัง “มั่นใจได้ ตระกูลหลงจะไม่พยายามอ้างสิทเหนือช่องใดช่องหนึ่งสำหรับผู้ที่ไม่คู่ควร และแบล๊คเฟรมก็ได้แจ้งมาแล้วด้วยใช่ว่าเราจะเลือกผู้เล่นแบบมั่วๆไปได้ คนที่ได้รับเลือกทั้งสามจะต้องมีศักยภาพน่าทึ่งอยู่แต่เดิมแล้ว โดยทั้งห้าตระกูลจะมีสิทเลือกตัวแทนทั้งหมดนั่นแหละ และหากตัวแทนคนไหนทำได้ไม่ดีในการทดสอบ หรือมีความสามารถสู้สมาชิกสำรองไม่ได้ก็จะถูกแทนที่ พวกคุณคิดว่ายังไงล่ะ ?”


เมื่อหลงเซี่ยงหลงกล่าวจบ บัตเตอร์ฟลายเบลก็พูดขึ้นมาทันทีว่า “ในกรณีนี้ฉันขอเสนอชื่อบอสเฟรม เราทุกคนรู้ถึงความแข็งแกร่งและศักยภาพของเขา ฉันแน่ใจว่าทุกคนคงนึกภาพออกว่ามันจะมีประโยชน์ต่อกิลแค่ไหน ถ้าเขาแข็งแกร่งขึ้น สำหรับพวกรุ่นเยาว์ โซริทารี่ฟรอสต์ควรจะเป็นคนที่ได้รับเลือก เพราะเขาเข้าสู่ขอบเขตโดเมนแล้ว ส่วนอีกคนก็น่าจะเป็นมูนซิลค์ คุณคิดว่ายังไง ?”


เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดอิสระต่างพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเงียบๆ


โดยปกติโอกาสแบบนี้ควรจะสงวนไว้สำหรับรุ่นเยาว์เท่านั้น แต่ซินฟูลเฟรมนั้นก็เป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของหอการค้าอาซู ซึ่งถ้าเขาสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองได้ มันก็ไม่เพียงแต่จะทำให้หอการค้าอาซูมีอำนาจมากขึ้น แต่เขาก็ยังจะช่วยเสริมอำนาจให้กับเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดอิสระในกิลด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้มีปัญหาเลยที่จะสละช่องฝึกหนึ่งช่องให้ซินฟูลเฟรม


ต้วนฮันซานเองก็ไม่ได้คัดค้านความคิดนี้ และพูดกันตรงๆเขาเห็นด้วยกับคำแนะนำทั้งหมดของบัตเตอร์ฟลายเบลเลยด้วยซ้ำ


ก่อนหน้านี้เขากังวลว่าตระกูลหลงจะพยายามอ้างสิทหนึ่งในสามช่องแบบไม่เป็นธรรม ซึ่งนั่นมันจะทำให้โซริทารี่ฟรอสต์ต้องแข่งขันอย่างหนักสำหรับช่องสุดท้ายที่เหลือไว้สำหรับตระกูลที่เหลือ และแม้ว่ารุ่นเยาว์ของตระกูลต่างๆจะมีโอกาสน้อยมาก แต่มันก็ไม่มีใครรู้อยู่ดีว่าฝ่ายอิสระของกิลปกปิดความแข็งแกร่งหรืออะไรไว้อีกหรือปล่าว …. ดังนั้นตอนนี้เมื่อแน่นอนว่าโซริทารี่ฟรอสต์จะได้รับหนึ่งช่องแล้ว เขาจึงไม่มีอะไรจะโต้แย้ง


“มูนซิลค์คงไม่ได้ ฉันยังไม่สามารถติดต่อเธอได้เลย …” หลงเซี่ยงหลงกล่าวพลางส่ายหัว “และแม้ว่าแบล๊คเฟรมจะให้เวลาเราสองวัน แต่เราก็ควรตัดสินใจให้ไวที่สุดในกรณีแบบนี้ …”


“ฉันขอแนะนำให้มอบช่องที่สามให้กับหยานเซี่ยวเฉียน เธอมีความสามารถเกือบจะเท่ามูนซิลค์ ทุกคนคิดว่ายังไง ?”


เมื่อได้ยินดังนี้ทุกคนในห้องก็มองไปยังหลงเซี่ยงหลงซึ่งเป็นผู้พูดด้วยความตกตะลึง ไม่เว้นแม้แต่ต้วนฮันซาน


ช่องฝึกทั้งสามนี้นั้นมีค่ามากๆ แต่หลงเซี่ยงหลงกับต้องการที่จะสละทั้งสาม ยิ่งไปกว่านั้นเขาพึ่งแนะนำให้ตระกูลต้วนอ้างสิทในช่องสุดท้ายที่เหลือไป


ตระกูลหลงและตระกูลต้วนนั้นมีความบาดหมางอย่างแทบไม่สามารถจะอยู่ร่วมกันได้ อย่างไรก็ตามตอนนี้หลงเซี่ยงหลงกับพึ่งแนะนำให้สมาชิกรุ่นเยาว์อีกคนของตระกูลต้วนได้รับช่องที่สามไป นี่มันไม่น่าเชื่อเลย !!!


ขณะเดียวกันภายในใจหลงเซี่ยงหลงนั้นก็ทำได้แค่ยิ้มอย่างขมขื่นเท่านั้น ในขณะที่เขาเฝ้าดูความตกใจและความสับสนที่กวาดผ่านไปทั่วห้อง


เขาไม่ได้ต้องการที่จะเสียช่องนี้ไป แต่น่าเสียที่มูนซิลค์ ซึ่งเป็นรุ่นเยาว์และผู้สมัครที่เหมาะสมเพียงคนเดียวของตระกูลหลงนั้นไม่อยู่ และไม่สามารถจะติดต่อได้ ดังนั้นหลงเซี่ยงหลงจึงไม่มีทางเลือกอื่น แถมรองลงมาจากมูนซิลค์ก็ต้องเป็นตัวเขาเอง อย่างไรก็ตามเนื่องจากความสัมพันธ์ที่ไม่ลงรอยของเขากับสภาสิบแปดปีกนั้นทำให้เขาไปไม่ได้อย่างแน่นอน เขาจะไม่ยอมลดความภาคภูมิใจของตัวเองลงและไปหาแบล๊คเฟรมแน่นอน และแม้ว่าจะยังเหลือเบิร์นนิ่งโอลอยู่ แต่การพยายามจะโน้มน้าวให้ผู้อาวุโสคนอื่นเห็นถึงศักยภาพของชายหนุ่มมันก็เป็นเรื่องยากมาก เพราะท้ายที่สุดในหอการค้าอาซูมันก็มีคนที่แข็งแกร่งเท่ากับเบิร์นนิ่งโอลอยู่จำนวนหนึ่งด้วย


เนื่องจากตระกูลหลงยังไงก็ต้องสูญเสียช่องไปอยู่แล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นเขาจึงคิดจะมอบมันให้กับตระกูลต้วนเพื่อลดความขัดแย้งระหว่างกันลง และเพิ่มการสนับสนุนขึ้น เพราะไม่ว่าในกรณีใด ตระกูลหลงก็ยังคงมีไซเร้นวอร์นเดอร์อยู่แล้ว ซึ่งเธอก็ยังมีโอกาสจะได้รับอะไรอีกมากมายจากสภาสิบแปดปีก ยิ่งไปกว่านั้นการส่งหยานเซี่ยวเฉียนไปแทนเบิร์นนิ่งโอลนั้น มันก็จะเป็นการปฎิบัติตามข้อกำหนดของซือเฟิงได้เป็นอย่างดีด้วย ซึ่งมันจะทำให้หลายอย่างไม่มีปัญหาในภายหลัง เพราะศักยภาพของเธอได้รับการยอมรับแล้วว่าเป็นรองเพียงแค่โซริทารี่ฟรอสต์เท่านั้น”


“ผู้อาวุโสหลง เราไม่มีปัญหาอะไรกับเรื่องนี้ ถ้าคุณไม่มีปัญหาอะไรเช่นกันน่ะนะ …” บัตเตอร์ฟลายเบลกล่าวอย่างใจเย็น


มันไม่มีผู้อาวุโสสูงสุดคนใดคัดค้านข้อเสนอของหลงเซี่ยงหลง เพราะท้ายที่สุดแล้วหยานเซี่ยวเฉียนนั้นค่อนข้างจะมีความสามารถ และอยู่ห่างจากขอบเขตโดเมนเพียงครึ่งก้าวเท่านั้น เธอนับเป็นผู้สมัครที่ดีที่สุดรองจากมูนซิลค์อย่างไม่ต้องสงสัย


“ฉันไม่มีปัญหาใดๆ … หลังจากนี้ฉันจะติดต่อแบล๊คเฟรมทันที …” หลงเซี่ยงหลงประกาศปิดท้ายการประชุม จากนั้นเขาก็หันไปหาต้วนฮันซานและพูดว่า “ผู้อาวุโสต้วน โปรดเตรียมโซริทารี่ฟรอสต์และหยานเซี่ยวเฉียนให้พร้อม เมื่อเราเซ็นสัญญากับสภาสิบแปดปีกแล้ว เราจะส่งพวกเขาไปที่ป้อมปราการแสงดาวทันที”

“ไม่มีปัญหา เมื่อเราเซ็นสัญญาแล้ว ฉันจะพาพวกเขาไปที่นั่นด้วยตัวเองเลย …” ต้วนฮันซานกล่าวพลางพยักหน้า


หลังจากนั้นทุกคนก็คุยกันว่าจะส่งใครบ้างไปที่ดินแดนลับโบราณของไวโอเล็ตซอร์ด และทันทีที่ทุกอย่างได้บทสรุป เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดต่างก็แยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่ทันที


หนึ่งชั่วโมงหลังจากการประชุมสิ้นสุดลง หลงหวู่ชางที่เป็นตัวแทนของหอการค้าอาซูก็ได้เซ็นสัญญาความร่วมมือกับซือเฟิงทันที ซึ่งซือเฟิงไม่เพียงแต่จะได้รับอู่ต่อเรือขนาดกลาง รวมทั้งที่ดินทำเลทองในเมืองโอเชี่ยนไทน์ แต่เขายังได้รับคลังขนาดเล็กในเมืองเป็นของขวัญด้วย


ในขณะเดียวกัน ในห้องโถงเทเลพอร์ตของเมืองอาซู ….


“นี่เราจะไปฝึกกับสภาสิบแปดปีกกันจริงๆหรอ ลุงฮันซาน ?” หยานเซี่ยวเฉียนถามต้วนฮันซานด้วยสีหน้าจริงจัง “ฉันกลัวว่าถ้าเราทำแบบนี้ และไวโอเล็ตซอร์ดรู้เรื่องเข้า เราจะหมดสิทกลับไปฝึกกับพวกเขานะ และผู้ฝึกสอนทอร์เร้นก็น่าจะยอมแพ้ในตัวพวกเราเลย”


แม้ว่าเธอและโซริทารี่ฟรอสต์จะเป็นสมาชิกของหอการค้าอาซู และในตอนที่พวกเขาไปฝึกที่ไวโอเล็ตซอร์ดได้นั้น มันก็เป็นเพราะเรื่องธุรกิจ แต่ทั้งสองก็ถือว่าเป็นศิษย์ของทอร์เร้น และการไปฝึกกับสภาสิบแปดปีกแบบนี้มันจะเท่ากับการตบหน้าทอร์เร้นเลย เพราะมันเหมือนพวกเขาจงใจจะบอกว่าการฝึกกับสภาสิบแปดปีกมีค่ามากกว่า


“แม้ว่าการฝึกฝนของไวโอเล็ตซอร์ดจะให้ประสิทธิภาพอย่างน่าอัศจรรย์ แต่นี่มันเป็นโอกาสพิเศษ เธอคิดว่าการได้รับช่องเหล่านี้มาเป็นเรื่องง่ายรึไง ? และฉันก็คิดว่าเธอจะไม่ได้รับโอกาสแบบนี้อีกในอนาคต ยิ่งไปกว่านั้นมีเพียงสภาสิบแปดปีกเท่านั้นที่สามารถจะทำการฝึกแบบที่ว่านี้ได้” ต้วนฮันซานบอกกับหยายเซี่ยวเฉียนอย่างเย็นชา


“ลุงฮันซาน ฉันเห็นด้วยกับเซี่ยวเฉียนนะ มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่เราจะสามารถปลดล๊อคศักยภาพสูงสุดของร่างมานาเราได้ แต่โอกาสในการปรับปรุงมาตราฐานและเทคนิคการต่อสู้ของเรานั้นยากที่จะมีมากๆ ซึ่งเราก็ได้พยายามอย่างเต็มที่จนได้รับคำแนะนำจากผู้ฝึกสอนทอร์เร้น ถ้าเขารู้ว่าเราออกไปฝึกกับสภาสิบแปดปีก ฉันคิดว่าเขาคงจะไม่ยอมสอนและแนะนำเราอีกต่อไป …” โซริทารี่ฟรอสต์กล่าว

แม้ว่าเขาจะยอมรับว่าสภาสิบแปดปีกนั้นมีความสามารถสูงมากในการช่วยให้ผู้เล่นสามารถปลดล๊อคศักยภาพของร่างมานาได้ แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มันก็น่าจะเป็นเพียงแค่เรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่พวกเขาจะทำได้ ซึ่งมันตรงกันข้ามกับการฝึกที่พวกเขาจะได้รับจากไวโอเล็ตซอร์ด


เหตุผลเดียวที่เขาแพ้ไซเร้นวอรนเดอร์ ในความคิดของเขาคือเป็นเพราะเขายังไม่สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ และถ้าเขาสามารถทำได้เมื่อไหร่ การจะเอาชนะเธอให้ได้ก็จะง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากแน่นอน และเขาก็ยังคงเชื่อว่าการปรับปรุงมาตราฐานและเทคนิคการต่อสู้นั้นคือหนทางที่จะไปสู่พลังที่แท้จริง


“พวกคุณไปฝึกกับสภาสิบแปดปีก แค่เพื่อปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของพวกคุณ พวกคุณไม่ได้ไปที่นั่นเพื่อเรียนรู้เทคนิคใดๆสักหน่อย มันจะไม่ขัดแย้งกับการฝึกของผู้ฝึกสอนทอร์เร้นแน่นอน ฉันแน่ใจว่าเขาจะไม่มีปัญหากับเรื่องนี้” ต้วนฮันซานตอบ “และตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้ว เราควรจะรีบไปที่ป้อมปราการแสงดาวได้แล้ว เราไม่ควรปล่อยให้สภาสิบแปดปีกรอนาน”


เมื่อกล่าวจบต้วนฮันซานก็ได้นำหยานเซี่ยวเฉียนและโซริทารี่ฟรอสต์ รวมทั้งสมาชิกของหอการค้าอาซูอีกจำนวนหนึ่ง เทเลพอร์ตไปยังเมือง NPC ที่อยู่ใกล้กับป้อมปราการแสงดาวที่สุดทันที



ตอนที่ 2622 ความเปลี่ยนแปลงของป้อมปราการแสงดาว


หุบเขาดาว ป้อมปราการแสงดาว :


มันมีผู้เล่นต่อแถวยาวเหยียดรวมหลายหมื่นคนรอเข้าสู่ป้อมปราการโบราณอันงดงาม นอกจากนี้มันยังมีผู้เล่นขั้นสามอยู่จำนวนหนึ่งด้วยในหมู่พวกเขา ซึ่งนี่มันจัดเป็นฉากที่งดงามและน่าทึ่งมากสำหรับผู้ที่พึ่งจะมาเยือนป้อมปราการครั้งแรก


ทีมสี่สิบคนของหอการค้าอาซูกำลังยืนอยู่ในแถวเช่นกัน และก็จ้องมองไปที่ป้อมปราการแสงดาวด้วยความอยากรู้อยากเห็น


“ที่นี่มีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากมายจริงๆ !!!” หนึ่งในผู้เล่นขั้นสามของหอการค้าอาซูอุทานออกมา ขณะที่มองไปยังแถวของผู้เล่นที่ตัวเขาเองก็เข้าอยู่


ผู้เล่นขั้นสามนั้นยังคงหายากอย่างไม่น่าเชื่อ และแม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็ยังถือว่าผู้เล่นขั้นสามนั้นเป็นรากฐานของกิล อย่างไรก็ตามตอนนี้ผู้เล่นขั้นสามกับเป็นสิ่งที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในป้อมปราการแสงดาว โดยผู้เล่นเกือบหนึ่งในสิบทุกคนล้วนเป็นผู้เล่นขั้นสาม นี่มันน่าตื่นตาตื่นใจอย่างแท้จริง !!!


“ฉันได้ยินมาว่ามีผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่งเข้ามาที่ป้อมปราการแสงดาวเพื่อมรดกเทพปีศาจ แต่นี่มันไม่มากเกินไปหน่อยหรอ ?” การ์เดี้ยนไนท์ชายขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยสิบซึ่งเป็นสมาชิกของหอการค้าอาซูอีกคนกล่าวแสดงความเห็น เขารู้สึกได้ว่าผู้เล่นขั้นสามหลายคนที่เขาเห็นนั้นล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตการปรับแต่ง หรือมันมีแม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวดเร็วดั่งสายน้ำเหมือนตัวเขา


“มานาที่นี่ก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างมากเช่นกัน มันให้ความรู้สึกสงบและสมบูรณ์ ซึ่งเมื่อยืนอยู่ที่นี่มันง่ายมากที่จะรับรู้ได้ถึงมานามากกว่าที่อื่น” Elementalist หญิงขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยเก้า กล่าว “ถ้าฉันได้มาพักผ่อนและฝึกที่นี่ การควบคุมมานาของฉันจะพัฒนาได้เร็วกว่าการฝึกในโลกภายนอกมาก”


ในขณะที่เหล่ารุ่นเยาว์ของหอการค้าอาซูกำลังพูดคุยกัน หยานเซี่ยวเฉียน และโซริทารี่ฟรอสต์ก็ล้วนจ้องมองไปยังป้อมปราการแสงดาวเช่นเดียวกับคนอื่นๆ


“นี่คือองค์ประกอบธาตุทั้งสามของมานาที่หายไปงั้นหรอ ? มันช่างพิเศษจริงๆ …” หยานเซี่ยวเฉียนพึมพำ ขณะที่เธอสัมผัสได้ถึงการไหลเวียนของมานารอบๆตัวเธอ ในเวลาเดียวกันเธอก็เริ่มตระหนักได้ถึงหลายสิ่งทันที “ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมสมาชิกสภาสิบแปดปีกจำนวนมากถึงปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของพวกเขาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว หากพวกเขาได้อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ตลอด การควบคุมมานาของพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นแน่นอน เมื่อเวลาค่อยๆผ่านไป และพวกเขาก็จะมีช่วงเวลาที่ง่ายกว่าหลายคนมากในการปลดล๊อคศักยภาพของร่างมานา ….


มานาของป้อมปราการแสงดาวที่ประกอบไปด้วยองค์ประธาตุมานาครบทั้งหมดเจ็ดธาตุนั้นไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไปสำหรับมหาอำนาจต่างๆ เพียงแต่ว่าพวกเขาไม่ได้เลือกจะเปิดเผยความลับนี้ต่อสาธารณชนเท่านั้น


และโดยธรรมชาติแล้ว ผู้เล่นอิสระที่มีประสาทสัมผัสเฉียบคมก็เลือกจะปิดปากของพวกเขาเช่นกัน เนื่องจากพวกเขาต้องการจะใช้ประโยชน์จากป้อมปราการแสงดาวให้เต็มที่ เพราะท้ายที่สุดป้อมปราการแสงดาวนั้นสามารถรองรับผู้เล่นได้จำนวนจำกัด


“สภาพแวดล้อมแบบนี้ยังแค่ใกล้เคียงกับสมัยโบราณเองงั้นหรอ ?” โซริทารี่ฟรอสต์สงสัย และเต็มไปด้วยความตกตะลึง ขณะที่เขาได้อาบมานาของป้อมปราการ


เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าสภาพแวดล้อมของป้อมปราการซึ่งใกล้เคียงกับสมัยโบราณนั้นจะมีความสำคัญมาก แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้พอเขาได้มาเห็นและสัมผัสด้วยตาตัวเอง เขาก็ได้ตระหนักถึงทุกอย่างแล้ว ….


ในความคิดของเขาตอนแรกนั้น ที่ในอดีตมีตัวตนที่ทรงพลังมากกว่าปัจจุบันนั่นเป็นเพราะในอดีตมันมีมรดกที่สมบูรณ์อยู่มากมาย ซึ่งไม่น่าเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อม


เพราะท้ายที่สุดแม้ว่าสภาพแวดล้อมในสมัยโบราณจะมีความหนาแน่นของมานาสูงมาก แต่ในปัจจุบันมหาอำนาจต่างๆเองก็ล้วนมีพื้นที่ฝึกที่มีความหนาแน่นของมานาสูงเป็นของตัวเองเช่นกัน ขณะที่พื้นที่ฝึกบางแห่งมีมานาที่หนาแน่นกว่าในสมัยโบราณด้วยซ้ำ


อย่างไรก็ตามหลังจากมาถึงป้อมปราการแสงดาว โซริทารี่ฟรอสต์ก็สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของเขากับมานานั้นดีขึ้นสิบถึงยี่สิบเปอเซ็นต์แล้ว และสิ่งนี้มันก็ได้ช่วยปรับปรุงการควบคุมมานาของเขาอย่างมาก


ตามมาตราฐานของเขา เท่าที่เขาประเมิน ถ้าเขาพบสถานที่ฝึกที่เหมาะสมภายในป้อมปราการแสงดาว เขาก็น่าจะปลดล๊อคศักยภาพสูงสุดของร่างมานาของเขาได้ภายในสิบวัน ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมสภาสิบแปดปีกถึงเลี้ยงดูผู้เชี่ยวชาญที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วขึ้นมาได้มากขนาดนี้


สภาพแวดล้อมของป้อมปราการแสงดาวนั้นมันก็ทำให้ต้วนฮันซานประหลาดใจเช่นกัน


แม่งเอ้ย !!! นี่มันไม่ได้เหมือนกับที่ฝ่ายข่าวกรองบอกเลย !!! ด้วยสภาพแวดล้อมแบบนี้ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามทั่วไปก็จะสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ภายในหนึ่งถึงสองเดือนแน่ !!! ต้วนฮันซานอดไม่ได้ที่จะพึมพำด้วยความไม่พอใจ เมื่อนึกถึงสิ่งที่ฝ่ายข่าวกรองของหอการค้าอาซูรายงานมา เพราะพวกนั้นรายงานมาแค่ว่ามานาที่นี่ทำให้ผู้เล่นมีความรู้สึกเฉียบคมมากขึ้นเท่านั้น


อย่างไรก็ตามต้วนฮันซานนั้นไม่ได้รู้เลยว่าจริงๆแล้วฝ่ายข่าวกรองายงานมาถูกแล้ว เพราะสภาพแวดล้อมในตอนที่ป้อมปราการแสงดาวถูกเปิดขึ้นในตอนแรกนั้นมันเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปวงเวทย์ของป้อมปราการแสงดาวก็สามารถจะดูดซับองค์ประกอบของธาตุมานาทั้งเจ็ดเข้ามาได้มากขึ้น ดังนั้นสภาพแวดล้อมของป้อมปราการจึงได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง


ตอนนี้แม้แต่ผู้เล่นขั้นสามที่แทบไม่สังเกตเห็นเรื่องของมานาก็จะสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้อย่างมหาศาลจากป้อมปราการแสงดาว


ในระหว่างที่สมาชิกของหอการค้าอาซูกำลังพูดคุยกันอย่างออกรสเกี่ยวกับมานาของป้อมปราการแสงดาว หญิงสาวผมบลอนด์ที่มีดวงตาสีแดงเข้มในชุดเกราะสีเงิน และถือดาบใหญ่ที่ถูกปกคลุมไปด้วยรูนก็เดินออกมาจากป้อมปราการ


ซึ่งมันทำให้ผู้เล่นในแถวนั้นเงียบลงทันที เมื่อได้เห็นผู้หญิงคนนี้


เธอนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฟิธาเลีย ผู้จัดการป้อมปราการแสงดาว


ฟิธาเลียนั้นคอยดูแลความสงบเรียบร้อยภายในป้อมปราการทั้งหมด และเมื่อสองวันก่อนเธอก็ได้ทำลายทีมหนึ่งร้อยคนที่ประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของมหาอำนาจทั้งหมดด้วยมือเดียว ซึ่งหลังจากได้เห็นการแสดงความแข็งแกร่งที่น่ากลัวของเธอแบบนี้แล้ว ผู้เล่นบางคนที่คิดจะก่อปัญหาในป้อมปราการก็ได้ละทิ้งความคิดไปทันที


ความแข็งแกร่งที่น่ากลัวของฟิธาเลียนั้น เป็นผลมาจากการที่เธอสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของเธอได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว และตอนนี้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนทั่วไปก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ


“สวัสดี พวกคุณเป็นคนจากหอการค้าอาซูใช่ไหม ? หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมกำลังยุ่งอยู่ในตอนนี้ ดังนั้นฉันจึงเป็นตัวแทนมาพาคุณไปที่คฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการ” ฟิธาเลียกล่าวด้วยรอยยิ้ม


เป็นไปได้ยังไง ?! ดวงตาของโซริทารี่ฟรอสต์เต็มไปด้วยความตกตะลึง เมื่อเขาเห็นฟิธาเลียเข้ามาต้อนรับทีมของพวกเขา


เขาและฟิธาเลียนั้นก็จัดว่าพอจะรู้จักกันอยู่บ้าง เขาได้พยายามท้าทายเธอมาตลอด และพวกเขาก็ได้ปะทะกันมาหลายสิบครั้ง ซึ่งเขาแพ้รวดทั้งหมด และเขาก็หวังว่าจะได้ท้าทายฟิธาเลียอีกครั้ง หลังจากฝึกกับไวโอเล็ตซอร์ดมา ….


อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าเธอจะเป็นผู้รับผิดชอบ และตัวแทนของแบล๊คเฟรมในการออกมาต้อนรับพวกเขาเข้าสู่ป้อมปราการแสงดาว


นี่คือผู้บัญชาการกองกำลังดีไวน์ไฮม์ของเผ่าศักสิทธิ์เลยนะที่พวกเขากำลังพูดถึง !!


“ผู้บัญชาการฟิธาเลีย ฉันไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะได้พบคุณที่นี่ ตอนแรกฉันเดาว่าคุณคงไปที่ศาลเจ้าเทพปีศาจเหมือนกับผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ …” ต้วนฮันซานกล่าวด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นฟิธาเลีย


ศาลเจ้าเทพปีศาจในหุบเขาดาวนั้นได้กลายเป็นสนามฝึกซ้อมหลักของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนหลายคนแล้ว อันเนื่องมาจากมันมีดินแดนลับที่พิเศษบางแห่งที่เชื่อมต่อกับศาลเจ้าเทพปีศาจอยู่ ซึ่งผู้เล่นไม่เพียงแต่จะสามารถฝึกฝนและเพิ่มความแข็งแกร่งในดินแดนเหล่านี้ได้ แต่พวกเขายังมีสิทจะได้รับสมบัติล้ำค่าด้วย


แน่นอนว่ามันก็มีแต่เพียงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมน กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์ที่แข็งแกร่งมากๆเท่านั้น ที่สามารถใช้ประโยชน์จากผลประโยชน์เหล่านี้ได้ เนื่องจากภายในดินแดนลับนี้มันมีทั้งมอนสเตอร์ และกับดักอันตรายอยู่มากมาย หากผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดในขอบเขตอนันต์ทั่วไปเข้าไป พวกเขามีสิทจะตายลงอย่างรวดเร็วแน่นอน


ยิ่งไปกว่านั้นการเข้าไปในศาลเจ้าเทพปีศาจมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมันจะต้องใช้ทั้งกำลังคนที่มากพอในการป้องกันทางเข้า แถมยังต้องใช้เครื่องมือพิเศษที่เป็นไอเทมแบบใช้ครั้งเดียวแล้วหมดไป ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมันก็จะมีเพียงแต่มหาอำนาจต่างๆที่อยู่ใกล้หุบเขาดาวเท่านั้นที่จะส่งผู้เชี่ยวชาญของพวกเขาไปฝึกที่นี่


อย่างไรก็ตามสำหรับฟิธาเลียนั้น สถานการณ์ของเธอมันแตกต่างออกไป เผ่าศักสิทธิ์นั้นมีสถานที่พักกิลชั่วคราวอยู่ภายในป้อมปราการแสงดาว ดังนั้นการเธอทางไปมาที่นั่นมันจึงควรจะง่ายสำหรับเธอมากๆ


“แม้ว่าศาลเจ้าเทพปีศาจจะมีประโยชน์ แต่การฝึกฝนในสนามฝึกของคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการนั้นดีกว่ามาก แต่น่าเสียดายที่สนามฝึกนี้สามารถรองรับคนได้จำนวนจำกัด ไม่งั้นฉันจะใช้มันไปเรื่อยๆเลย” ฟิธาเลียกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น ขณะที่เธอส่ายหัว ในขณะเดียวกันดวงตาของเธอก็ฉายแววแห่งความอิจฉาสมาชิกของหอการค้าอาซูออกมาอย่างชัดเจน เนื่องจากความร่วมมือของสภาสิบแปดปีกกับหอการค้าอาซูที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ซือเฟิงจึงได้อนุญาติให้รุ่นเยาว์เหล่านี้ของหอการค้าอาซูสามารถฝึกในสนามฝึกขนาดใหญ่ของคฤหาสถ์ได้ฟรีหนึ่งถึงสองวัน


“มันมีสถานที่ที่ดีกว่าศาลเจ้าเทพปีศาจอีกงั้นหรอ ?” ข่าวนี้สร้างความประหลาดใจให้กับโซริทารี่ฟรอสต์


สำหรับผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถอย่างเขาและฟิธาเลีย การจะเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งผ่านการฝึกฝนนั้นเป็นเรื่องยากอย่างไม่น่าเชื่อ ความจริงที่ว่าศาลเจ้าเทพปีศาจสามารถจะช่วยผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนได้มันก็น่าอัศจรรย์มากแล้ว ซึ่งหากไม่ใช่เพราะปัญหาเรื่องระยะยางกับกำลังคน หอการค้าอาซูก็จะส่งผู้เชี่ยวชาญของพวกเขามาฝึกที่นี่เช่นกัน


แต่ตอนนี้ฟิธาเลียกับยืนยันว่าการฝึกในสนามฝึกของคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการนั้นดีกว่าที่ศาลเจ้าเทพปีศาจซะอีก จะให้เขาทำใจเชื่อเธอได้ยังไง ?


“หยุดการสนทนาของเราสักครู่ดีกว่า เวลาของเรามีจำกัด เราควรมุ่งหน้าไปที่คฤหาสถ์ทันที” ฟิธาเลียกล่าวโดยไม่สนใจท่าทีของสมาชิกของหอการค้าอาซู โดยเธอได้นำพวกเขาไปยังคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการทันที



ตอนที่ 2623 รากฐานที่แท้จริงของสภาสิบแปดปีก


ป้อมปราการแสงดาว คฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการ :


ในฐานะที่เป็นหัวใจของป้อมปราการแสงดาว ความหนาแน่นของมาาภายในคฤหาสถ์นั้นมันเหนือกว่าภายนอกมาก ซึ่งหากมองจากภายนอกมันจะดูราวกับว่าคฤหาสถ์และสภาพแวดล้อมนั้นถูกห่อหุ้มด้วยคริสตัลอยู่หนึ่งชั้น โดยภาพนี้ก็ได้ดึงดูดความสนใจของผู้สัญจรไปมาทุกคน


“นี่มันน่าทึ่งมากๆ มานาที่นี่นั้นหนาแน่นกว่าโลกภายนอกอย่างน้อยห้าสิบเปอเซ็นต์ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมคุณถึงคิดว่าที่นี่เป็นสนามฝึกอันยอดเยี่ยม ผู้บัญชาการฟิธาเลีย ….” ต้วนฮันซานกล่าวอย่างชื่นชม และประหลาดใจ ขณะที่เขามองไปยังปราสาทระยิบระยับที่อยู่เบื้องหน้า


ความหนาแน่นของมานาภายในป้อมปราการแสงดาวนั้นไม่ธรรมดาเลย และมันสูงมากซะจนเรียกได้ว่าอาจจะเสมอหรือเหนือกว่าสนามฝึกของมหาอำนาจบางกลุ่มด้วย


อย่างไรก็ตามคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการกับมีมานาที่หนาแน่นขึ้นมามากกว่านั้นอีก มันคงยากมากที่จะหาสถานที่อื่นที่มีความหนาแน่นของมานาสูงแบบนี้ในทวีปด้านตะวันตก


หากผู้เล่นสามารถฝึกฝนในสถานที่แบบนี้ได้นั้น ความสัมพันธ์ของมานากับพวกเขาจะพัฒนาขึ้นในหลายๆด้านแน่นอน แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนแบบต้วนฮันซานก็ยังจะได้รับประโยชน์มากมายแน่นอนจากสภาพแวดล้อมแบบนี้


อย่างไรก็ตามฟิธาเลียหัวเราะเบาๆตอบสนองให้กับคำพูดของต้วนฮันซาน ก่อนที่เธอจะนำทีมของหอการค้าอาซูเข้าไปในคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการที่ได้รับการป้องกันอย่างแน่นหนา


เมื่อพวกเขาก้าวเข้ามาภายในคฤหาสถ์ ต้วนฮันซานและเหล่าสมาชิกของหอการค้าอาซูที่ติดตามเขามาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างถึงที่สุด


นอกเหนือจากผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากของสภาสิบแปดปีกแล้ว มันยังมีองครักษ์ส่วนตัวมากกว่าห้าสิบคนยืนเฝ้าอยู่รอบๆลาน และแม้แต่องครักษ์ส่วนตัวที่อ่อนแอที่สุดก็ยังเป็นองครักษ์ส่วนตัวระดับลึกลับขั้นเงิน แถมในหมู่พวกเขายังมีองครักษ์ส่วนตัวระดับไฟน์โกลถึงแปดคน โดย NPC เหล่านี้นั้นจะสามารถทำลายทีมผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจำนวนหนึ่งพันคนได้อย่างง่ายดายเลย


เมื่อความตกตะลึงหายไป เหล่าสมาชิกของหอการค้าอาซูก็ตระหนักว่าตอนนี้พวกเขารู้สึกสดชื่นและตัวเบาสบายมาก ราวกับว่าพวกเขาได้รับร่างใหม่เข้ามาแทนร่างเก่าของพวกเขา


“เกิดอะไรขึ้นกัน ? ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าตัวเองสามารถควบคุมร่างกายได้มากขึ้น ?” โซริทารี่ฟรอสต์อุทานออกมา เมื่อเขารู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลง “สภาพแวดล้อมที่มีมานาหนาแน่นไม่น่าจะให้ผลแบบนี้นี่นา !!!”


“มันไม่ใช่แค่การควบคุมทางกายภาพของเรา ฉันรู้สึกได้ว่าการควบคุมมานาของฉันนั้นก็ดีขึ้นอย่างชัดเจน” หยานเซี่ยวเฉียนกล่าวในแชททีม “ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมถึงมั่นใจมากว่าเขาจะสามารถช่วยเราปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของเราให้ได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ด้วย …”


พวกเขาเคยสัมผัสกับสภาพแวดล้อมที่มีมานามากมายมาก่อน รวมไปถึงสถานที่ที่มีมานาหนาแน่นกว่าคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการ แต่มันก็ไม่มีสถานที่ใดที่ส่งผลกระทบต่อพวกเขาในลักษณะนี้


พวกเขายังไม่ได้เดินผ่านลานด้านหน้าของคฤหาสถ์ด้วยซ้ำ แต่หยานเซี่ยวเฉียนกับสัมผัสได้ว่าตอนนี้พลังการต่อสู้ของเธอก็เพิ่มขึ้นอย่างมากแล้ว และถ้าเธอได้ฝึกที่นี่สักพัก เธอก็มั่นใจว่าจะสามารถไปถึงขอบเขตโดเมนได้ในเวลาไม่นาน ขณะที่การควบคุมมานาของเธอก็จะไปถึงระดับใหม่ทั้งหมดเช่นกัน


เมื่อรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ต้วนฮันซานจึงหันไปหาฟิธาเลีย และถามว่า “ผู้บัญชาการฟิธาเลีย ข้อตกลงของเรากับหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมนั้นไม่ได้มีแค่สามช่องฝึกเท่านั้นหรอ ? มีอะไรผิดพลาดรึปล่าว ?”


ตามข้อตกลงที่หอการค้าอาซูทำกับซือเฟิง หอการค้าอาซูจะได้รับช่องเข้าสู่ดินแดนลับโบราณของไวโอเล็ตซอร์ดสี่สิบช่อง เพื่อแลกเปลี่ยนกับหลายสิ่งที่ซือเฟิงร้องขอไป และโบนัสเพิ่มเติมที่ซือเฟิงจะมอบให้กับหอการค้าอาซูนั่นก็คือเขาจะช่วยให้สมาชิกสามคนของหอการค้าอาซูสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ พร้อมกับทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ไปด้วย ซึ่งนอกเหนือจากซินฟูลเฟรม โซริทารี่ฟรอสต์ และหยานเซี่ยวเฉียนแล้ว สมาชิกของหอการค้าอาซูที่เดินทางมายังป้อมปราการแสงดาวได้ทำการฝึกแบบง่ายๆมาก่อนแล้วเพื่อเตรียมเดินทางเข้าสู่ดินแดนลับโบราณ


อย่างไรก็ตามฟิธาเลียกับนำทั้งทีมเข้ามาในสนามฝึกศักสิทธิ์นี้ มันจะต้องมีการเข้าใจผิดกันแน่นอน


“มันไม่มีอะไรผิดพลาดหรอก พวกคุณทุกคนจะได้ฝึกที่นี่ในช่วงไม่กี่วันนี้ ส่วนสามช่องที่ว่านั่น ผู้ที่ได้รับเลือกจะได้ไปฝึกที่อื่น ซึ่งน่าเสียดายที่แม้แต่ฉันก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะได้ฝึกแบบพวกเขาหรือไปกับพวกเขา” ฟิธาเลียกล่าวพลางหัวเราะๆ


คฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการนั้นเป็นสนามฝึกที่ไม่เหมือนใครและมีประโยชน์มากๆ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกเลยที่ต้วนฮันซานจะเข้าใจผิดบางเรื่องไป


ถ้าเป็นไปได้เผ่าศักสิทธิ์อยากจะเจรจาเป็นพันธมิตรระยะยาวกับสภาสิบแปดปีกเลยเพื่อจะได้ฝึกฝนในคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครอง แต่น่าเสียดายที่ห้องฝึกต่อสู้ของคฤหาสถ์นั้นมีจำกัด และเพื่อให้แน่ใจว่าสมาชิกของตัวเองจะสามารถพัฒนาต่อไปได้ สภาสิบแปดปีกจึงปล่อยเช่าห้องแบบนี้มาแค่ไม่กี่ห้องเท่านั้น และเหตุผลเดียวที่ทำให้สภาสิบแปดปีกยอมให้สมาชิกหอการค้าอาซูใช้ห้องฝึกต่อสู้ทั้งหมดสี่สิบห้องนั้น ก็เป็นเพราะราคาที่สูงลิ่วที่หอการค้าได้จ่ายมา


“อะไรกัน ? ทั้งสามคนจะไม่ได้ฝึกที่นี่งั้นหรอ ?” ต้วนฮันซานตกใจเล็กน้อย


เขายังคงมีข้อสงสัยว่าซือเฟิงจะสามารถช่วยให้ซินฟูลเฟรม โซริทารี่ฟรอสต์ และ

หยานเซี่ยวเฉียน ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองให้ได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ในหนึ่งวันได้รึปล่าว ไม่ต้องพูดถึงการทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์เลย


อย่างไรก็ตามหลังจากได้เห็นคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการแล้ว ต้วนฮันซานก็เลิกสงสัยทุกอย่างไปเลย เพราะท้ายที่สุดสภาพแวดล้อมนี้ทำให้การควบคุมทางกายภาพ และมานาของผู้เล่นดีขึ้นอย่างมาก ซึ่งทั้งหอการค้าอาซูและไวโอเล็ตซอร์ดนั้นไม่มีอะไรแบบนี้เลย


อย่างไรก็ตามฟิธาเลียกับบอกว่าทั้งสามคนที่ได้รับเลือกจะไม่ได้ฝึกที่นี่ และเท่าที่เธอพูดดูเหมือนว่าทั้งสามคนจะได้ไปฝึกในที่ที่ดีกว่า นี่มันทำให้ต้วนฮันซานแทบพูดไม่ออกเลย ….

แม้แต่โซริทารี่ฟรอสต์และหยานเซี่ยวเฉียนก็ยังอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าฟิธาเลียกำลังเล่นตลกกับพวกเขา โดยใช้โอกาสนี้เพื่อเพิ่มชื่อเสียงให้กับสภาสิบแปดปีกรึปล่าว


อย่างไรก็ตามหลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ พวกเขาก็เลิกคิดถึงสมมุติฐานนี้ไปอย่างรวดเร็ว


ฟิธาเลียไม่มีเหตุผลที่จะโกหกพวกเขา เธอไม่เพียงแต่จะเป็นผู้บัญชาการกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นอันดับสองของเผ่าศักสิทธิ์ แต่เธอยังเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงในทวีปด้านตะวันตกด้วย ดังนั้นทำไมเธอจะต้องมาโกหกเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ ?


“ในที่สุดพวกคุณก็มาถึงแล้ว !!! หัวหน้ากิลของเรารอพวกคุณมาพักหนึ่งแล้ว !!! ทั้งสามคนที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึก โปรดตามฉันมา ส่วนคนอื่นรอข้างนอก …”


ขณะที่สมาชิกของหอการค้าอาซูกำลังเต็มไปด้วยความประหลาดใจและมึนงง ชายคนหนึ่งที่มีตราสัญลักษณ์กิลของสภาสิบแปดปีกติดอยู่ที่หน้าอกก็เดินมาหาพวกเขา อย่างไรก็ตามทั้งต้วนฮันซานและทีมของเขานั้นไม่ได้สังเกตเห็นถึงการปรากฎตัวของชายคนี้เลย และจริงๆต้องบอกว่ามันให้ความรู้สึกราวกับว่าชายคนนี้ไม่มีตัวตนอยู่จริง


หยานเทียนซิง ? ทำไมเขาแข็งแกร่งขนาดนี้กัน ? นี่โดยรวมแล้วพลังการต่อสู้ของเขาเทียบได้กับสัตว์ประหลาดของเราทั้งสามคนแล้วหรอ ?


ต้วนฮันซานมองชายคนนี้อย่างสงสัย ตามรายงานที่เขาได้รับมาหลังจากทำการสืบข้อมูลของสมาชิกสภาสิบแปดปีกหลายคน หยานเทียนซิงนั้นเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนทั่วไป แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้เขากับมีความก้าวหน้ามากๆ และสามารถยืนอยู่ในระดับเดียวกับบัตเตอร์ฟลายเบลและคนอื่นๆที่เป็นสัตว์ประหลาดของหอการค้าอาซูได้


“ลุงฮันซาน เราควรไปไหม ?” หยานเซี่ยวเฉียนถาม


“ไปเลย แล้วก็เมื่อไม่มีฉันให้เชื่อฟังคำสั่งของผู้อาวุโสเฟรมอย่างเคร่งครัดล่ะ …” ต้วนฮันซานกล่าวพลางพยักหน้า


เขาเคยเห็นสภาสิบแปดปีกเป็นเพียงกิลที่ไม่มีรากฐานและต้องอาศัยหัวหน้ากิลปูทางไปสู่ความสำเร็จ และในความเป็นจริงมหาอำนาจส่วนใหญ่ก็ถือว่าพลังการรบโดยรวมของสภาสิบแปดปีกนั้นทัดเทียมกับมหาอำนาจทั่วไปเท่านั้น และเมื่อพูดถึงในแง่มุมอื่นๆ อย่างเช่นการดูแลผู้เชี่ยวชาญนั้นสภาสิบแปดปีกเทียบกับมหาอำนาจต่างๆไม่ได้เลย และกิลก็จะต้องพึ่งปาฎิหาริย์เลยทีเดียว หากต้องการจะกลายเป็นมหาอำนาจที่แท้จริงในอนาคต


อย่างไรก็ตามตอนนี้ต้วนฮันซานตระหนักแล้วว่าเขาและมหาอำนาจต่างๆเข้าใจผิดไปมาก ซึ่งเขาสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนเลย หลังจากเดินเข้ามาในคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครอง


“เข้าใจแล้ว !!” หยานเซี่ยวเฉียนและโซริทารี่ฟรอสต์ตอบรับด้วยความกระตือรือร้น


“โปรด นำทางไปเลย …” ซินฟูลเฟรมหันไปหาหยวนเทียนซิน เมื่อต้วนฮันซานออกคำสั่งกับรุ่นเยาว์ทั้งสองเรียบร้อยแล้ว


“ตามฉันมา” หยานเทียนซิงกล่าวพลางพยักหน้า


จากนั้นหยานเทียนซิงก็นำทั้งสามเข้าไปในห้องโถงของคฤหาสถ์ ก่อนจะนำพวกเขาทั้งหมดไปที่ห้องมรดกซึ่งอยู่ใจกลางคฤหาสถ์


ซึ่งห้องมรดกนั้นมันมีองครักษ์ระดับไฟน์โกล ขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบสอง สองคนยืนเฝ้าอยู่ และแม้แต่ซินฟูลเฟรมนั้นก็ไม่กล้าจะขยับตัวมากนักเลย เมื่ออยู่ต่อหน้าองครักษ์ทั้งสองคนนี้


เมื่อประตูเปิดออก ซินฟูลเฟรม และผู้เชี่ยวชาญรุ่นเยาว์สองคนก็สังเกตเห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่ในห้องมรดก โดยเขากำลังจัดการกับวงเวทย์ของห้อง ในขณะที่มานาธาตุทั้งหมดล้วนวนเวียนอยู่รอบๆตัวเขา ซึ่งในขณะที่ชายคนนี้ทำงานของเขาอยู่ มานารอบๆตัวเขาก็เริ่มก่อตัวอย่างหนาแน่นขึ้นจนในที่สุดมันก็กลั่นตัวเป็นหมอกสีขาว


“การควบคุมธาตุ ?! หมอกมานา ?! เป็นไปได้ยังไงกัน ?!” หยานเซี่ยวเฉียนจ้องมองไปยังชายในห้องด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)