Reincarnation Of The Strongest Sword God 2903-2904
ตอนที่ 2903 พูดไม่ออก
จักรวรรดิรัตติกาล ป้อมปราการวินเทอร์ไนท์ บริเวณชายแดน :
เนื่องจากการรุกรานของกองทัพ NPC และผู้เล่นจากโลกอื่น แม้ว่าสงครามจะยังไม่เริ่มขึ้น แต่อาณาจักร และจักรวรรดิต่างๆในทวีปด้านตะวันออกนั้นก็ล้วนเริ่มระดมพลเพื่อเตรียมรับมือกองทัพผู้รุกรานจากโลกอื่นกันแล้ว โดยจักรวรรดิรัตติกาลนั้นก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ซึ่งป้อมปราการวินเทอร์ไนท์นั้นก็ตั้งอยู่บริเวณชายแดนทางด้านเหนือของจักรวรรดิที่ในตอนนี้เริ่มมีการต่อสู้ที่ด้านนอกป้อมปราการเกิดขึ้นประปรายแล้ว
“หัวหน้ากิลลู่ ฉันกลัวว่างานนี้มันจะยากไปหน่อย …. กองทัพ NPC และผู้เล่น จากโลกอื่นนั้นมีจำนวนมากกว่าเรามาก แม้ว่าเราจะได้รับความร่วมมือจากผู้เล่นอิสระในการช่วยปกป้องป้อมปราการ แต่มันก็ยังไม่แน่ว่าเราจะสามารถต้านทานกองทัพแบบนี้ไว้ได้ ไม่ต้องพูดถึงการโจมตีโต้กลับเลย ….” ไฮเดนคลาวด์ ตัวแทนจากกิล Nine Heavens Pavilion อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เมื่อเขาได้อ่านรายงานล่าสุดเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกองทัพผู้รุกรานจากโลกอื่น “และหากเราไม่สามารถโจมตีโต้กลับกองทัพผู้รุกรานได้ การจะเข้ายึดเมืองใหญ่ของสภาสิบแปดปีกมันก็จะเป็นไปไม่ได้เลย”
ครั้งสุดท้ายที่ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันนั้น พวกเขาต่างมีกองทัพอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน แต่อย่างไรก็ตามในครั้งนี้กองทัพ NPC และผู้เล่นจากโลกอื่นที่เข้ารุกรานทวีปหลักนั้นมันมีจำนวนมากเหนือความคาดหมายของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง แถมกองทัพ NPC และผู้เล่นจากโลกอื่นยังได้แบ่งกองทัพออกเป็นหลายสายเพื่อเข้าโจมตีอาณาจักร และจักรวรรดิต่างๆพร้อมกัน
ด้วยเหตุนี้อาณาจักร และจักรวรรดิต่างๆในทวีปด้านตะวันออกจึงถูกบังคับให้ต้องต่อสู้แยกกัน
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมองไปยังสถานการณ์ปัจจุบันนั้น แม้แต่จักรวรรดิใหญ่ๆในทวีปด้านตะวันออกก็ยังยากจะป้องกันตัวเองได้เลย ….
โดยในตอนแรกแผนของพวกเขาก็คือการนั่งดูอาณาจักรทวินทาวเวอร์ และอาณาจักรสตาร์มูนถูกยึดไป แล้วค่อยรอเวลาให้กองทัพของอาณาจักร และจักรวรรดิต่างๆในทวีปด้านตะวันออกมายึดคืน หลังจากนั้นพวกเขาก็จะเริ่มเคลื่อนไหวเพื่อเข้าไปยึดเมืองใหญ่ต่างๆของสภาสิบแปดปีก แต่อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าตอนนี้แผนนี้มันเป็นไปไม่ได้อย่างชัดเจน
“พี่คลาวด์ไม่ต้องกังวล จากข่าวล่าสุดที่ฉันได้ยินมา ดูเหมือนประเทศที่ยังไม่ถูกโจมตีในครั้งนี้หลายประเทศได้เริ่มระดมกองทัพของตัวเองเข้ามาที่จักรวรรดิรัตติกาลแล้ว” ลู่เทียนตี้มองไปที่ไฮเดนคลาวด์ที่เต็มไปด้วยความกังวล พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “และตราบใดที่กองทัพเหล่านี้มาถึง มันก็จะไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับเราที่จะป้องกันตัวเอง และโจมตีโต้กลับ …”
“สำหรับเรื่องการเข้ายึดเมืองใหญ่ๆของสภาสิบแปดปีกนั้น แม้ว่ามันจะไม่เป็นไปตามแผนเดิมของเราที่ต้องการจะยึดให้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ แต่ฉันก็เชื่อว่าเราจะยังคงได้รับผลประโยชน์อยู่ดี เพราะท้ายที่สุดแล้วหากสภาสิบแปดปีกต้องการจะปกป้องอาณาจักรสตาร์มูน และอาณาจักรทวินทาวเวอร์ไว้ให้ได้ พวกเขาก็จะต้องมาขอความช่วยเหลือจากเราแน่นอน ซึ่งมันก็จะทำให้เราสามารถเรียกร้องหุ้นเมืองใหญ่ของพวกเขาบางส่วนเป็นการตอบแทนได้ ….”
เมื่อไฮเดนคลาวด์ได้ยินคำพูดของลู่เทียนตี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้ารับ เพราะมันก็ฟังดูสมเหตุสมผล
แม้ว่าบางอย่างมันจะไม่ได้เป็นไปตามแผนการที่พวกเขาวางไว้แต่แรก แต่สถานการณ์ปัจจุบันมันก็ไม่ได้ดูเป็นอันตรายสำหรับพวกเขามากนัก และพวกเขาก็น่าจะสามารถต้านทาน รวมไปถึงโจมตีโต้กลับกองทัพ NPC และผู้เล่นจากโลกอื่นได้ไม่ยาก เพราะท้ายที่สุดมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เหล่า NPC จะคืนชีพขึ้นมาได้ หลังจากที่ตายไปแล้ว แถมในตอนนี้จักรวรรดิรัตติกาลยังมีระบบรางวัลที่หากฆ่า NPC ได้จำนวนมากก็จะได้รับคะแนนสะสมและสามารถนำไปแลกรางวัลได้ด้วย ซึ่งรางวัลมันก็รวมไปถึงอาวุธ และอุปกรณ์ชั้นยอดจำนวนมาก ดังนั้นปัญหาในเรื่องนี้มันจึงดูจะไม่น่าห่วงอีกต่อไป
ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้เองมันจึงทำให้พวกเขานั้นยังคงถือครองความได้เปรียบเหนือสภาสิบแปดปีกมากๆ และทุกอย่างที่ลู่เทียนตี้กล่าวมาถึงทางเลือกของสภาสิบแปดปีก และผลประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับนั้นมันก็นับว่าสมเหตุสมผล
ในขณะที่ตัวแทนของมหาอำนาจต่างๆ และลู่เทียนตี้กำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับสิ่งที่ควรจะทำต่อไป มันก็เริ่มมีเสียงเอะอะดังขึ้นมาจากผู้เล่นในป้อมปราการวินเทอร์ไนท์ และเมื่อเวลาผ่านไปมันก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งนี้ทำให้ลู่เทียนตี้ และคนอื่นๆที่ประชุมกันอยู่ที่บริเวณกำแพงของป้อมปราการวิน
เทอร์ไนท์นั้นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ
“หัวหน้ากิล ! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว !!”
ชายวัยกลางคนได้รีบวิ่งฝ่าฝูงชนเข้ามาหาลู่เทียนตี้ทันที ซึ่งคนๆนี้นั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอี้กุ้ย พ่อบ้านของลู่เทียนตี้ โดยในตอนนี้สีหน้าของเขาก็ดูร้อนรน และเต็มไปด้วยความกังวลมากๆ
“มันเกิดอะไรขึ้นกัน ? ทำไมคุณถึงดูกังวลขนาดนี้ ?!” ลู่เทียนตี้กล่าวถามพลางมองไปยังอี้กุ้ยด้วยความไม่พอใจ
อี้กุ้ยนั้นเป็นพ่อบ้าน และเป็นผู้ช่วยของเขาในกิลสตาร์ลิ้ง ซึ่งมันก็อาจพูดได้เลยว่าอี้กุ้ยนั้นเป็นโฆษกที่จะต้องคอยพูดสิ่งต่างๆแทนเขาในเวลาที่จำเป็น ดังนั้นการมาแสดงท่าทีแบบนี้ต่อหน้าตัวแทนของมหาอำนาจต่างๆมันจึงน่าอับอายมากๆ
“นี่ …”
อี้กุ้ยอดไม่ได้ที่จะมองไปยังตัวแทนของมหาอำนาจต่างๆที่อยู่ที่นี่ในปัจจุบัน และรู้สึกลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
ลู่เทียนตี้มองไปที่อี้กุ้ยที่เงียบไปและก็เข้าใจว่ามันน่าจะเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ดังนั้นเขาจึงพูดตรงๆว่า “ถ้าคุณไม่สามารถบอกฉันทั้งๆแบบนี้ได้ก็ให้ส่งข้อความมาบอกฉันโดยตรง”
เมื่อได้ยินแบบนี้อี้กุ้ยก็เลือกจะส่งข้อความรายงานไปหาลู่เทียนตี้ทันที
ท้ายที่สุดแล้วทุกกิลล้วนมีความลับเป็นของตัวเอง และมันก็ไม่ได้จำเป็นเลยที่จะต้องบอกพันธมิตรของตัวเองทุกเรื่อง ดังนั้นแม้ว่ามหาอำนาจต่างๆ ณ ที่นี้จะสงสัยในเรื่องนี้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจะกล่าวถามใดๆได้
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อลู่เทียนตี้ได้รับรายงานนี้จากอี้กุ้ย และได้อ่านมัน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แถมมันก็ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา
“เป็นไปได้ยังไงกัน ?!!”
เมื่อได้เห็นดังนี้ตัวแทนของมหาอำนาจต่างๆที่เฝ้าดูอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ เพราะท้ายที่สุดแล้วพฤติกรรม และสีหน้าที่ลู่เทียนตี้แสดงออกมานั้นมันยิ่งกว่าอี้กุ้ยซะอีก
และในขณะที่ตัวแทนของมหาอำนาจต่างๆกำลังสงสัยว่าลู่เทียนตี้ได้รับข่าวอะไรกันแน่ พวกเขาทั้งหมดก็ล้วนได้รับเสียงแจ้งเตือนว่ามีข้อความเข้าแทบจะพร้อมกัน ซึ่งข้อความนั้นมันก็ถูกส่งมาโดยคนของพวกเขา
ซึ่งเมื่อตัวแทนของมหาอำนาจต่างๆเปิดอ่านข้อความที่พวกเขาได้รับมานั้น พวกเขาก็ตกอยู่ในความเงียบทันที
โดยเนื้อหาของมันนั้นเรียบง่ายมากๆ และมันก็ยังมีวีดีโอการต่อสู้ถูกแนบมาด้วย
ซึ่งในวีดีโอการต่อสู้นั้น พวกเขาก็ได้เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกวัดแกว่งดาบของตัวเองโจมตีเข้าใส่กองทัพผู้เล่นจากโลกอื่น และงูโลกไฮดร้าที่มีความยาวหลายพันเมตร โดยการกวัดแกว่งดาบโจมตีในครั้งนี้มันก็ได้ฆ่างูโลกไฮดร้าที่มีความยาวหลายพันเมตรไปในทันที พร้อมกันนั้นมันยังได้ทำให้กองทัพผู้เล่นจากโลกอื่นนับล้านถูกกวาดล้างไปราวหนึ่งในสี่ในทันทีด้วย ซึ่งนี่มันก็ทำให้กองทัพผู้เล่นจากโลกอื่นเริ่มถอยหนีกันอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่หลังจากนั้นชายหนุ่มผู้นี้ก็ได้บินกลับไปที่เรือเหาะมังกรสีเลือด และจากไป
“เรือเหาะมังกรสีเลือด ?”
“เขาคือแบล๊คเฟรมงั้นหรอ ?”
คำถามนี้ปรากฎขึ้นในใจของตัวแทนของมหาอำนาจต่างๆ และนี่มันก็ทำให้พวกเขารู้สึกงุนงงกับสับสนมากๆ
แม้ว่าวีดีโอการต่อสู้ที่ถูกแนบมาด้วยมันจะสั้นมากๆ แต่สำหรับพวกเขาที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่แล้ว มันก็ไม่มีอะไรที่จะสามารถหลุดรอดไปจากสายตาของพวกเขาได้
แม้ว่าพวกเขาจะไม่เห็นข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงมากนักผ่านวีดีโอ แต่พวกเขาก็สามารถประเมินได้จากความผันผวนของมานาในพื้นที่ว่างูโลกไฮดร้านั้นเป็นมอนสเตอร์ระดับโดเมนศักสิทธิ์ขั้นห้าแน่นอน และเหนือจากจากงูโลกไฮดร้าแล้ว มันก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ไม่ต่ำกว่าสี่พันคนอยู่ในกองทัพผู้เล่นจากโลกอื่น ซึ่งนี่มันมากกว่าจำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ในจักรวรรดิด้วยซ้ำ
แต่กระนั้นในการโจมตีเดียว ซือเฟิงกับสามารถฆ่างูโลกไฮดร้า พร้อมกับผู้เล่นราวหนึ่งในสี่จากกองทัพผู้เล่นนับล้านไปได้ทันที ….
หลังจากนั้นไม่กี่นาที เมื่อสามารถประมวลผลสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้ ตัวแทนของมหาอำนาจต่างๆที่มาประชุมในครั้งนี้ก็ล้วนมีสีหน้าที่ยากจะอธิบายกันทั้งหมด
“หัวหน้ากิลลู่ ฉันมีบางอย่างที่ต้องไปทำ ฉะนั้นฉันขอตัวก่อน !!!”
“หัวหน้ากิลลู่ กิลเรียกฉันเข้าประชุมอย่างกระทันหัน ซึ่งถ้าฉันไม่ไป พวกเขาจะไล่ฉันออก ดังนั้นฉันขอตัวก่อน !!!”
“หัวหน้ากิลลู่ ….”
หลังจากนั้นตัวแทนของมหาอำนาจต่างๆที่เคยทำตัวเป็นพันธมิตรแน่นแฟ้นกับลู่เทียนตี้ก็ทยอยกันรีบขอตัวจากไปอย่างรวดเร็ว และแม้แต่ไฮเดนคลาวด์ซึ่งในการสนับสนุนลู่เทียนตี้มาโดยตลอดก็ยังหาข้ออ้าง และเลือกจะออฟไลน์หนีไป
ชั่วครู่หนึ่งในตอนนี้นั้นมันเหลือแต่เพียงลู่เทียนตี้ กับอี้กุ้ยเท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมอย่างเงียบๆ
เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นดังนี้นั้น อี้กุ้ยก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นอย่างเป็นกังวลว่า “หัวหน้ากิล เราจะเอายังไงกันต่อดี ?”
ความแข็งแกร่งของซือเฟิงนั้นมันเกินไปที่พวกเขาจินตนการไปอย่างสิ้นเชิง
หลังจากการต่อสู้ที่เกิดขึ้นที่ป่าเงานี้มันก็เห็นได้ชัดเลยว่ากองทัพผู้เล่นจากโลกอื่นจะไม่กล้าเข้าไปโจมตีอาณาจักรสตาร์มูน และอาณาจักรทวินทาวเวอร์แล้วแน่นอน หากปราศจากการสนับสนุนจากกองทัพ NPC จากโลกอื่น และเมื่อเป็นแบบนี้นั้นมันก็จะทำให้สภาสิบแปดปีกมีเวลามากพอที่จะแสวงหาความร่วมมือกับมหาอำนาจอื่นๆ รวมทั้งเสริมการป้องกันของตัวเองเพิ่มเติมได้ และด้วยผลงานในครั้งนี้นั้นมันก็จะทำให้สภาสิบแปดปีกสามารถเจรจากับมหาอำนาจต่างๆได้อย่างไม่เสียเปรียบแน่นอน ซึ่งนี่มันก็จะทำให้แผนการของพวกเขาเป็นไปได้ยากลำบากขึ้นมากๆ …. และมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยหากจะมีมหาอำนาจบางส่วนที่ตัดสินใจจะละทิ้งพวกเขา
“เราไม่ได้แพ้ไปซะทั้งหมด !!!” ลู่เทียนตี้เหลือบไปมองอี้กุ้ยด้วยสายตาเย็นชา และพูดว่า “แกนหลักของเรื่องทั้งหมดนี้คือแบล๊คเฟรม !! ฉะนั้นตราบใดที่เราสามารถจัดการแบล๊คเฟรมได้ ทุกอย่างมันก็จะเป็นเรื่องง่าย !!!”
“แต่ความแข็งแกร่งของแบล๊คเฟรมนั้นก็ไม่ธรรมดาเลย สุดยอดปรมาจารย์กลุ่มใหญ่ที่ถูกส่งไปจัดการกับเขาในครั้งล่าสุดนั้นล้วนไปจบที่โรงพยาบาลกันหมด …” อี้กุ้ยอดไม่ได้ที่จะกล่าวขึ้น
ในตอนที่เขาได้รับข่าวนี้ เขาก็ถึงกับผงะเช่นกัน
สุดยอดปรมาจารย์มากกว่าหนึ่งโหล !!!
แต่ซือเฟิงกับสามารถจัดการทั้งหมดนี้ได้ด้วยตัวคนเดียว ความแข็งแกร่งของเขานั้นมันน่าเหลือเชื่อมากๆ !!!
และเท่าที่เขาได้ข่าวมามันก็ดูเหมือนว่าซือเฟิงจะกลายเป็นปรมาจารย์ทางจิตแล้วด้วย
ซึ่งปรมาจารย์ทางจิตนั้นก็คือตัวตนที่พวกเขาแทบจะไม่สามารถต่อกรด้วยได้เลย
“เขาพึ่งจะกลายเป็นปรมาจารย์ทางจิตเท่านั้น ซึ่งเมื่อเทียบอาจารย์ของฉันเขาก็ยังคงนับว่าตามหลังอยู่มาก” ลู่เทียนตี้กล่าวอย่างเย็นชา “ก่อนหน้านี้ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมอยู่ๆอาจารย์ของฉันถึงเริ่มสนใจเกม God domain และเขาก็มาขอให้ฉันหาวิธีที่จะเข้าควบคุมมหาอำนาจขนาดใหญ่บางส่วน …. เดิมทีนั้นฉันอยากจะกลืนกินสภาสิบแปดปีกด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะเป็นไปไม่ได้แล้ว ดังนั้นฉันก็จะขอมอบมันให้กับอาจารย์ของฉันแล้วกัน !!! อย่างน้อยมันก็จะทำให้ฉันได้รับผลประโยชน์บางส่วนอยู่บ้าง !!!”
ในตอนนี้แม้ว่าเขาจะไม่มีความหวังที่จะได้รับทรัพยากรมากมายของสภาสิบแปดปีกอีกแล้ว แต่เขาก็จะไม่ยอมปล่อยซือเฟิงไปง่ายๆแน่นอน
หลังจากนั้นลู่เทียนตี้ก็ได้อธิบายแผนการของตัวเองให้กับอี้กุ้ยฟัง ก่อนที่เขาจะรีบล๊อคเอ้าท์ออกไปเพื่อติดต่อกับอาจารย์ของตัวเอง
ในขณะเดียวกันนั้นกองกำลังต่างๆใน God domain ทั้งหมดก็ได้รับข่าวเกี่ยวกับชัยชนะล่าสุดของซือเฟิง และสภาสิบแปดปีกแล้ว ซึ่งนี่มันทำให้พวกเขาเริ่มจะกลัวกิลที่มีชื่อว่าสภาสิบแปดปีกมากขึ้นเรื่อยๆ และในตอนนี้มันก็มีกองกำลังขนาดใหญ่บางส่วนที่เริ่มเปลี่ยนฝั่งหันมาแสดงความปราถนาดีต่อสภาสิบแปดปีกแล้ว
สำหรับซือเฟิงหลังจากเอาชนะกองทัพผู้เล่นจากโลกอื่นได้แล้ว เขาก็ได้เลือกจะกลับไปที่เมืองสกายสปริง และล๊อคเอ้าท์ออกไปทันที
เพราะท้ายที่สุดวันนี้เป็นวันที่หานอี้เฟิงนัดเขาเพื่อส่งมอบวิลล่า !!!
ตอนที่ 2904 ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
พื้นที่ชั้นพื้นฐานของ Upper Zone เมืองหยวนเทียน เขตวิลล่าขนาดใหญ่ :
“คุณซือเฟิง ในครั้งนี้ฉันต้องขอแสดงความยินดีกับคุณอย่างมากจริงๆ วิลล่าขนาดใหญ่แห่งนี้เป็นวิลล่าขนาดใหญ่หลังสุดท้ายบนชั้นพื้นฐานแล้ว ซึ่งหากคนอื่นๆต้องการจะซื้อมันในอนาคต มันก็จะเป็นไปไม่ได้แล้ว” หานอี้เฟิงกล่าวพลางมองไปยังซือเฟิงที่กำลังลงทะเบียนยืนยันตัวตนในฐานะเจ้าของวิลล่าขนาดใหญ่ ซึ่งมีพื้นที่มากกว่าครึ่งของสนามฟุตบอลด้วยความอิจฉา
วิลล่าขนาดใหญ่ทั้งสิบหลังไม่เพียงแต่จะเป็นสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่ดีเท่านั้น แต่มันยังเป็นสัญลักษณ์ของสถานะอีกด้วย
แม้ว่าเขาจะเป็นทายาทของบริษัทไฟฟ์สเตท แต่เขาก็มีสิทแค่อาศัยอยู่ในวิลล่าขนาดใหญ่เท่านั้น ส่วนพวกลูกๆของผู้ถือหุ้นจากตระกูลอื่นนั้น พวกเขาก็จะมีสิทได้อาศัยอยู่ในวิลล่าขนาดใหญ่แบบนี้แค่ช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น พวกเขาจะยังไม่มีสิทเข้าพำนักในระยะยาว
แต่ตอนนี้ตัวซือเฟิงนั้นกับสามารถจะเข้ามาเป็นเจ้าของวิลล่าขนาดใหญ่นี้ได้ โดยที่คนนอกไม่สามารถจะเข้ามาแตะต้องใดๆได้ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่แม้แต่ทายาทของบริษัทยักษ์ใหญ่ก็ยังจะต้องรู้สึกอิจฉาเขา
“หลังสุดท้าย ?” ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ฉันจำได้ว่าล่าสุดมันมีวิลล่าขนาดใหญ่เหลืออยู่สองหลังนี่นา ? มีคนมาซื้อไปหลังหนึ่งก่อนหน้านี้งั้นหรอ ?”
“ใช่แล้ว เมื่อวานนี้เอง …” หานอี้เฟิงพยักหน้าด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน “ยิ่งไปกว่านั้นคุณอาจจะรู้จักคนที่ซื้อวิลล่าด้วยนะ ….”
“หื้ม ?” ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจมากขึ้น เมื่อได้ยินคำพูดของฟานอี้เฟิง
มันมีวิลล่าขนาดใหญ่อยู่เพียงสิบหลังเท่านั้นในพื้นที่ชั้นพื้นฐาน และมันก็ไม่ใช่สิ่งที่องค์กรหรือมหาอำนาจทั่วไปจะสามารถซื้อได้เลย โดยแม้แต่บริษัทไฟฟ์สเตทก็ยังยากจะซื้อมันได้ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่ยากจะจินตนาการมากๆที่คนที่เขารู้จักจะสามารถซื้อวิลล่านี้ได้
“ในโลกแห่งความจริงคุณอาจจะไม่รู้จัก แต่ใน God domain คุณ ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดของเกมจะต้องเคยได้ยินชื่อเธอแน่นอน” หานอี้เฟิงยิ้ม และพูดว่า “เอนเลสสการ์ ชื่อนี้คุณเคยได้ยินไหม ? มิดไนท์ทีปาร์ตี้ที่เธอสังกัดอยู่นั้นเป็นเป้าหมายที่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดล้วนพยายามรับสมัครกันอย่างบ้าคลั่ง และฉันก็ได้ยินมาว่าเธอนั้นสามารถจะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองไปได้มากกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบเปอเซ็นต์แล้ว ซึ่งมันทำให้เธอพร้อมที่จะท้าทาย และเลื่อนขั้นไปเป็นขั้นห้าได้ทุกเมื่อ ….”
“เป็นเธองั้นหรอ ?!!” ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เมื่อหานอี้เฟิงกล่าวถึงชื่อนี้
สำหรับตัวตนของเอนเลสสการ์นั้นเขามีข้อมูลอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งจากที่เขาคาดเดา เขาก็คิดว่าเอนเลสสการ์นั้นน่าจะเป็นลูกสาวของบริษัท หรือองค์กรขนาดใหญ่สักแห่ง แล้วก็อาศัยอยู่ใน Upper Zone แต่เขาไม่คิดเลยจริงๆว่าความแข็งแกร่งของเอนเลสสการ์นั้นจะมีมากขนาดที่สามารถซื้อวิลล่าขนาดใหญ่ในพื้นที่ชั้นพื้นฐานของ Upper Zone ได้โดยตรง
“ดูเหมือนว่าคุณจะรู้จักเธอจริงๆ …” หานอี้เฟิงมองไปที่ซือเฟิงด้วยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เธอนั้นไม่ง่ายเลย …. เธอทรงพลังมากจริงๆ และเหตุผลที่เธอสามารถซื้อวิลล่าขนาดใหญ่แบบนี้ได้นั้นมันก็ไม่ใช่เพราะตระกูลด้วย แต่เป็นเพราะพี่ชายของเธอที่ส่งมาให้ ….”
“ส่งมาให้ ?” ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะเดาะลิ้นเมื่อได้ยิน
เพื่อให้ได้มาซึ่งวิลล่าขนาดใหญ่แบบนี้นั้น เขาจำเป็นต้องจ่ายไปด้วยคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่เป็นจำนวนมาก โดยจำนวนมากที่ว่านี้มันก็ไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่เขาจะสามารถเก็บสะสมมาได้เท่าจำนวนนี้อีกครั้ง
และแม้แต่บริษัทไฟฟ์สเตทก็ยังไม่เต็มใจที่จะแลกเปลี่ยนวิลล่าขนาดใหญ่แบบนี้ง่ายๆ เพราะท้ายที่สุดเงื่อนไข และคะแนนการค้าที่ต้องใช้ในการซื้อมันนั้นสูงเกินไป ซึ่งมันก็เป็นอะไรที่พวกองค์กร และบริษัททั่วไปไม่สามารถจะจ่ายได้เลย
“นอกเหนือจากนี้แล้วพรสวรรค์ของเธอนั้นก็ยอดเยี่ยมมากจริงๆ เมื่อไม่นานมานี้เธอได้รับความโปรดปรานจากปรมาจารย์บางคนในชั้นกลาง โดยปรมาจารย์ผู้นี้นั้นก็ต้องการจะรับเธอเข้าเป็นศิษย์ และเขาถึงขนาดไปขอยืมโควต้าเข้าสู่ชั้นกลางมาให้เธอในราคาที่สูงลิ่วเลย ซึ่งเขาก็ตั้งใจจะให้เธอทะลวงเข้าสู่ขอบเขตปรมาจารย์ทางจิตให้
ได้” หานอี้เฟิงกล่าวถึงเอนเลสสการ์ด้วยความอิจฉาอย่างมาก “แถมเธอยังได้รับการยอมรับว่าเป็นอัจฉริยะที่เก่งกาจที่สุดในรอบร้อยปีของ Upper Zone เมืองหยวนเทียนด้วย และจากการประมาณของปรมาจารย์ผู้ที่สนใจในตัวเธอนั้น หากเธอได้ก้าวเข้าสู่ชั้นกลางเมื่อไหร่ เธอจะสามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตปรมาจารย์ทางจิตได้ภายในไม่กี่เดือนแน่นอน”
“ในตอนนี้เธอได้กลายเป็นไอดอล และเป้าหมายของเหล่ารุ่นเยาว์มากมายใน Upper Zone ของเมืองหยวนเทียนแล้ว นอกเหนือจากนี้เธอก็ยังมีพี่ชายคนโตของเธอคนหนึ่งที่ชื่อ ฉินไป่ยี่ ที่แข็งแกร่งมากๆ โดยชายคนนี้สามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตปรมาจารย์ทางจิตได้เมื่อสองปีก่อน และเขาก็เป็นที่รู้จักกันในฐานะปรมาจารย์ทางจิตที่อายุน้อยที่สุดใน Upper Zone ของเมืองหยวนเทียน ในรอบยี่สิบปี”
“เนื่องจากเอนเลสสการ์ ได้เลือกจะย้ายจาก Upper Zone ของเมืองเทียนซือมาที่นี่ ดังนั้นพี่ชายของเธอจึงได้เลือกจะซื้อวิลล่าขนาดใหญ่ไว้ให้เป็นที่พักชั่วคราวของเธอ เพื่อให้เธอสามารปรับตัวจนสามารถใช้ชีวิตใน Upper Zone ของเมืองหยวนเทียนได้”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้นั้น หานอี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเอนเลสสการ์ด้วยความหลงใหล เพราะท้ายที่สุดแล้วปรมาจารย์ทางจิตนั้นอาจจะนับว่าหายากมาก แต่ปรมาจารย์ทางจิตที่เป็นผู้หญิงที่งดงาม และมีสถานะที่ทรงอิทธิพลมากๆแบบนี้นั้นนับว่าหายากยิ่งกว่า
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่หานอี้เฟิงกำลังหลุดเข้าไปในโลกของตัวเองนั้น ซือเฟิงก็กล่าวขัดจังหวะเขาขึ้นว่า “นายน้อยหาน หากฉันต้องการจะให้บางคนเข้ามาอยู่อาศัยในวิลล่าขนาดใหญ่นี้ในระยะยาว มันจะต้องมีขั้นตอนอะไรรึปล่าว ?”
ฟางฉีหานนั้นพึ่งจะทำการส่งมอบช่องเข้าสู่ Upper Zone สิบช่องมาให้เขา ซึ่งเขาก็ได้ส่งมอบมันให้กับไฟเออร์แดนซ์ และคนอื่นๆที่เขาเลือกไปแล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อไฟเออร์แดนซ์ และคนอื่นมาถึงที่ Upper Zone นั้น พื้นที่ของบ้านทั่วไปมันก็จะไม่เพียงพอที่จะให้พวกเขาอยู่อาศัยแน่นอน
ใน Upper Zone สถานะของการมีที่อยู่อาศัย และไม่มีที่อยู่อาศัยนั้นจะมีผลประโยชน์ที่แตกต่างกันอยู่ค่อนข้างมาก โดยหากคนๆหนึ่งต้องการจะได้รับอาหารดีๆ และมีสภาพแวดล้อมดีๆในการฝึกฝนนั้น คนๆนั้นก็จำเป็นจะต้องมีสถานะมีที่อยู่อาศัย
“ก็มีบ้าง …” หานอี้เฟิงพยักหน้า และพูดอย่างช้าๆว่า “โดยคุณต้องไปที่อาคารของบริษัทกรีนก๊อดเพื่อลงทะเบียนยืนยันตัวตนของคุณ อย่างไรก็ตามถ้าคุณไม่มีคนรู้จักที่นั่นเลยก็ไปกับฉันก็ได้ ฉันก็จำเป็นจะต้องไปลงทะเบียนยืนยันตัวตนของตัวเองเพื่อรับบางคนเข้ามาในวิลล่าเช่นกัน”
สำหรับตัวตนของซือเฟิงในตอนนี้นั้น หานอี้เฟิงไม่กล้าที่จะดูถูกอีกต่อไป และเขาก็ยังให้ความสำคัญกับซือเฟิงมากด้วย
นี่ยังไม่ต้องพูดถึงข่าวลือที่ว่าซือเฟิงสามารถเอาชนะสุดยอดปรมาจารย์เหิงเหลียนหลายคนได้ในโลกภายนอกเลย แค่ตัวตนของเขาในฐานะหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีก แห่ง God domain เพียงอย่างเดียวมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้กองกำลังขนาดใหญ่ใน Upper Zone นั้นอยากจะสร้างความสัมพันธ์กับเขา เพราะท้ายที่สุดคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้รับมา แต่สภาสิบแปดปีกนั้นกับได้รับมันมาเป็นจำนวนมาก
ซือเฟิงนั้นไม่ได้ปฎิเสธความหวังดีของหานอี้เฟิง “ขอบคุณมากนายน้อยหาน งั้นฉันก็คงต้องขอรบกวนคุณหน่อย”
ตัวซือเฟิงนั้นวางแผนที่จะร่วมมือกับหานอี้เฟิง และบริษัทไฟฟ์สเตทในระยะยาว เพราะท้ายที่สุดแล้วจนถึงตอนนี้เขาก็ยังคงขาดแคลนหลายสิ่งที่เขาต้องการอยู่มาก ขณะที่หานอี้เฟิง และบริษัทไฟฟ์สเตทนั้นมีความแข็งแกร่ง และมีคอนเนคชั่นค่อนข้างมากใน Upper Zone ของเมืองหยวนเทียน โดยสิ่งที่พวกเขามีนั้นบริษัททั่วไปเทียบไม่ได้เลย ดังนั้นมันจึงมีหลายสิ่งที่ซือเฟิงคิดจะร่วมมือกับพวกเขาในอนาคต
จากนั้นหานอี้เฟิงก็ได้ทำการแนะนำสิ่งต่างๆภายในวิลล่าขนาดใหญ่อย่างคร่าวๆให้กับซือเฟิง ก่อนที่เขาจะนำซือเฟิงไปยังอาคารของบริษัทกรีนก๊อด
ล๊อบบี้ของอาคารของบริษัทกรีนก๊อดนั้นยังคงเหมือนกับการมาเยี่ยมชมครั้งล่าสุดของซือเฟิง โดยมันก็ยังเต็มไปด้วยเหล่ารุ่นเยาว์ และคนขององค์กร กับบริษัทต่างๆที่อยู่อาศัยใน Upper Zone หลายพันคนที่มาต่อแถวอยู่บริเวณเค้าเต้อร์แลกสิ่งของเพื่อรอแลกสิ่งที่พวกเขาต้องการ
ขณะเดียวกันเมื่อหานอี้เฟิงเดินเข้ามานั้น เด็กสาวคนหนึ่งที่สวมเสื้อยืด และกางยีนขาสั้นที่ดูสดใสก็ได้เดินเข้ามาทักทายเขา
หานอี้เฟิงมองไปที่เด็กสาวคนนี้ ก่อนที่จะกล่าวขึ้นว่า “นี่คือหานหรงหรง ลูกพี่ลูกน้องของฉัน เพราะความสามารถของเธอ ทางตระกูลจึงได้ตัดสินใจให้เธอเข้ามาอาศัยอยู่ในวิลล่าขนาดใหญ่”
ซือเฟิงมองไปที่เด็กสาวตรงหน้าเขาด้วยความรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะท้ายที่สุดสิ่งที่หานอี้เฟิงพูดนั้นมันเป็นความจริง เด็กสาวตรงหน้าเขานี่คือสัตว์ประหลาดชัดๆ !!
เท่าที่เขาสังเกตเห็นนั้นหานหรงหรงน่าจะมีอายุแค่ราวสิบหกถึงสิบเจ็ดปีเท่านั้น แต่เธอกับอยู่ในระดับครึ่งก้าวก่อนเข้าสู่ขอบเขตปรมาจารย์เหิงเหลียนแล้ว
“สวัสดี ฉันชื่อหานหรงหรง ฉันได้ยินลูกพี่ลูกน้องของฉันพูดถึงคุณมามาก และฉันก็ได้ยินมาว่าคุณน่าทึ่งมากๆ ถ้ามีโอกาสเราน่าจะได้เรียนรู้จากกันและกันนะ !!!” หานหรงหรงมองไปที่ซือเฟิงด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น และจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้
“หรงหรง เลิกวุ่นวายน่า !! คุณซือเฟิงนั้นสามารถจะเอาชนะได้แม้แต่สุดยอดปรมาจารย์เหิงเหลียน ดังนั้นยังไงซะเธอก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาหรอก !!!” หานอี้เฟิงกล่าวกับหานหรงหรงตรงๆ “เอาล่ะ พวกเราก็ไปลงทะเบียนยืนยันตัวตนกันดีกว่า !!”
อย่างไรก็ตามหานหรงหรงนั้นก็ไม่ได้สนใจคำพูดของหานอี้เฟิงเลย เธอยังคงเดินตามหานอี้เฟิง และซือเฟิงไปพลางสังเกตซือเฟิงอย่างเงียบๆ
หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็มาถึงล๊อบบี้ VIP บนชั้นยี่สิบสองของอาคาร ซึ่งที่นี่นั้นถูกออกแบบไว้เพื่อรองรับผู้ทรงอิทธิพลในหมู่ผู้ทรงอิทธิพลใน Upper Zone และมันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกทั่วไปใน Upper Zone จะเข้ามาที่นี่ได้ มีเพียงทายาทที่แท้จริงของบริษัทไฟฟ์สเตทแบบหานอี้เฟิงเท่านั้นที่มีคุณสมบัติจะเข้ามาที่นี่ได้
อย่างไรก็ตามล๊อบบี้ VIP นี้มันก็มีแค่เค้าเต้อร์ที่ไว้ดูแลเรื่องการลงทะเบียนใหม่ และยืนยันตัวตนเท่านั้น การแลกเปลี่ยนสิ่งของที่ต้องการนั้นยังคงต้องทำที่เดิมแบบคนอื่นๆอยู่ดี
อย่างไรก็ตามเมื่อก้าวเข้ามาในล๊อบบี้นี้นั้น แม้ว่ามันจะมีคนน้อยกว่าตรงที่ทั่วไปมาก แต่คนเหล่านี้นั้นก็ทรงพลังมากพอที่จะทำให้แม้แต่คนอย่างหานอี้เฟิงก็รู้สึกกดดันเล็กน้อยเลย
เพราะในบรรดาคนเหล่านี้นั้นนอกเหนือจากพวกสามอันดับแรกในรายการแข่งขันแล้ว มันก็ยังมีชายที่ดูไม่ธรรมดาในชุดสีขาวด้วย และที่ยืนอยู่ข้างชายผู้นี้นั้นก็คือหญิงสาวผู้งดงามในชุดเดรสสีน้ำเงินที่มีใบหน้าเย็นชา
โดยเธอนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก เอนเลสสการ์ที่หานอี้เฟิงหลงใหลนั่นเอง
ซึ่งในขณะที่ซือเฟิงกับคนอื่นๆกำลังจะเดินไปที่เค้าเต้อร์เพื่อทำธุระของตัวเองนั้น เอนเลสสการ์ก็กวาดตาผ่านมองมาเห็นพวกเขา และก่อนที่ซือเฟิง กับคนอื่นจะทันได้ตอบสนอง เอนเลสสการ์ก็ได้เดินตรงเข้ามาหาพวกเขา และนี่มันก็ทำให้หานอี้เฟิงรู้สึกประหลาดใจมากๆ
“ซือเฟิง !! ฉันมองไม่ผิดจริงด้วย !!! หรือจะให้เรียกนายว่าหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมดี ?” เอนเลสสการ์กล่าวพลางมองไปยังซือเฟิงที่ยังคงรู้สึกมึนงงเล็กน้อยด้วยรอยยิ้ม “ก่อนหน้านี้นายต้มฉันจนเปื่อยเลยนะ !!!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น