Reincarnation Of The Strongest Sword God 2757-2759
ตอนที่ 2757 สิบห้าวินาที
ทุกคนต่างอ้าปากค้าง เมื่อได้เห็นการปรากฎตัวของโทเดลย่า
ลอร์ดแห่งดินแดนนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ใกล้เคียงกับบอสโลกมากๆ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่โทเดลย่าเป็นลอร์ดแห่งดินแดนของเทือกเขาที่ถูกทำลาย ความแข็งแกร่งของมันน่าจะทัดเทียมกับบอสโลกในโลกภายนอกได้เลย
“นี่คือความน่ากลัวของดินแดนต้องห้ามสำหรับมนุษย์งั้นหรอ ?” มู่หลิงชายิ้มอย่างบิดเบี้ยวเมื่อได้เห็นผู้ขับกล่อมวิญญาณ
ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดจึงไม่มีทีมผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนาจต่างๆที่สามารถออกมาจากเทือกเขาที่ถูกทำลายได้ทั้งๆที่ยังมีชีวิต
มันคงจะแปลก ถ้าพวกเขาสามารถออกมาได้ทั้งๆที่ยังมีชีวิต !!!
ในเวลานี้ ไม่เพียงแค่ครึ่งหนึ่งของทีมพวกเขาจะตายลงไปแล้ว แต่พวกเขายังต้องต่อสู้กับวิญญาณกลืนกินจำนวนมากด้วย แม้ว่าวิญญาณกลืนกินจะไม่ได้แข็งแกร่งเป็นพิเศษ แต่สมาชิกที่รอดชีวิตในทีมของพวกเขาก็ไม่สามารถแสดงพลังออกมาได้อย่างเต็มที่ ….
วิญญาณกลืนกินนั้นสร้างความเสียหายทางจิตได้อย่างน่ากลัวมากๆ และแม้ว่าผู้เล่นจะหลุดพ้นจากการกลืนกินจิตของวิญญาณกลืนกินมาได้ แต่ความเสียหายทางจิตที่พวกเขาได้รับมันก็ยังคงมีผลอยู่ และมันก็ส่งผลต่อสมองของพวกเขา ซึ่งมาในเชิงอาการปวดหัว และมันก็ทำให้ผู้เล่นไม่สามารถที่จะใช้การโจมตีที่ซับซ้อนได้ และพูดกันตามตรงแล้วมาตราฐานการต่อสู้ของพวกเขาก็จะลดลงไปสองขั้นเลย
ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์สามารถแสดงพลังการต่อสู้ออกมาได้เทียบเท่ากับขอบเขตการปรับแต่งเท่านั้น ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนจะสามารถแสดงพลังการต่อสู้ออกมาได้เทียบกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์ระดับต้นๆ ….
ในทางกลับกันวิญญาณกลืนกินทุกตัวมีมาตราฐานการต่อสู้อยู่ที่ชั้นหกของหอคอยทดสอบ พวกมันสามารถจะได้รับการพิจารณาว่าเทียบเท่ากับผู้เชี่ยวชาญทั่วไปขั้นสามได้เลย และพวกมันก็แทบไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้เชี่ยวชาญขั้นสามส่วนใหญ่เลย เมื่อเทียบกันในแง่ของมาตราฐานการต่อสู้
และด้วยการเพิ่มเข้ามาของปัจจัยที่เป็นลอร์ดแห่งดินแดน มันจึงไม่มีทางเลยที่ทีมของพวกเขาจะหลุดออกไปจากสถานการณ์นี้ได้
ในบรรดาผู้ที่ยังคงยืนอยู่ มีเพียงไลฟ์เลสธอร์น โซริทารี่ไนน์ หยานย่า และคลีนซิ่งวิสเซิลเท่านั้นที่ยังคงมีท่าทีสงบอยู่ โดยทั้งสี่คนนี้ก็ได้ทำการฆ่าวิญญาณกลืนกินที่สร้างปัญหาให้กับผู้เล่นรอบๆพวกเขาไปเรื่อยๆ
“ไนน์ ธอร์น และหยานย่า ช่วยฉันตรึงบอสไว้สิบห้าวินาที !!!” ซือเฟิงกล่าว หลังจากเขาช่วยผู้เล่นอีกคนจากวิญญาณกลืนกิน
เมื่อได้ยินคำสั่งของซือเฟิง อิลูซะรี่เวิร์ดและอันยีลดิ้งฮาร์ทก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าพวกเขาได้ยินอะไรผิดไปรึปล่าว ….
พวกเขาจะยังคงต่อสู้ในสถานการณ์แบบนี้งั้นหรอ ? ฝ่ายตรงข้ามของพวกเขาคือวิญญาณกลืนกินนับร้อย และลอร์ดแห่งดินแดนที่เป็นมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยาย สิ่งเดียวที่พวกเขาน่าจะทำได้และควรทำในตอนนี้คือหนีไปให้ไกลที่สุดมากกว่า ….
สกิลฟื้นฟูอัตโนมัติในการต่อสู้ของโทเดลย่านั้นทำให้มันสามารถฟื้นฟู HP ได้สองเปอเซ็นต์ทุกๆห้าวินาที กล่าวอีกนัยหนึ่งคือลอร์ดแห่งดินแดนตัวนี้จะสามารถฟื้นฟู HP ของตัวเองได้ราวสี่ร้อยสิบล้านต่อห้าวินาที ซึ่งนั่นมันก็แทบจะเทียบเท่ากับการต้องฆ่าลอร์ดบอสผู้ยิ่งในเลเวลเดียวกันให้ได้ทุกๆห้าวินาที ถ้าพวกเขาไม่สามารถทำแบบนี้ได้ พวกเขาก็จะไม่สามารถลด HP ของโทเดลย่าลงให้ต่ำกว่าเก้าสิบแปดเปอเซ็นต์ได้ด้วยซ้ำ
ในขณะเดียวกันทีมของพวกเขาตอนนี้ก็เลหือผู้รอดชีวิตน้อยกว่าสามสิบคนแล้ว และเกือบครึ่งหนึ่งของพวกเขาก็ตกอยู่ในสถานะอ่อนแอทางจิต โดยแทบไม่สามารถจะต่อสู้ได้เลย
ด้วยพลังป้องกันของโทเดลย่าในฐานะมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยาย การโจมตีทั้งหมดของผู้เหลือรอดของพวกเขาตอนนี้จะทำให้บอสแค่รู้สึกคันเท่านั้น ….
“สิบห้าวินาที ?” หลังจากคำณวนโอกาสของพวกเขาสั้นๆแล้ว โซริทารี่ไนน์ก็พยักหน้าและพูดว่า “ไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตามสิบห้าวินาทีเป็นเวลาที่นานที่สุดที่ฉันจะทำได้แล้วนะ ….”
การโจมตีทางจิตของโทเดลย่านั้นมันทรงพลังมากเกินไป ตอนนี้แม้แต่โซริทารี่ไนน์ก็ยังรู้สึกหนักๆเล็กน้อย
“ไม่มีปัญหา !! ถ้าคุณไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ เดี๋ยวฉันจัดการเอง !!!” ไลฟ์เลสธอร์นพูดด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ในขณะที่เขามองไปยังโทเดลย่าที่กำลังใกล้เข้ามา
ก่อนหน้านี้การฆ่ามอนสเตอร์เพื่อรับเอา EXP นั้นจัดเป็นงานที่น่าเบื่อสำหรับเขามากๆ เพราะท้ายที่สุดแล้ว มันไม่มีมอนสเตอร์ตัวใดที่เขาต่อสู้ด้วยก่อนหน้านี้ทำให้เขาสามารถปรับปรุงบางอย่างได้เลย เขาฆ่าพวกมันเพียงเพื่อเก็บเลเวลเท่านั้น
อย่างไรก็ตามหลังจากได้เดินเท้าเข้าสู่เทือกเขาที่ถูกทำลาย ในที่สุดเขาก็ได้รู้สึกว่าเขากำลังต่อสู้อยู่ในการต่อสู้ที่แท้จริง
ก่อนหน้านี้เขาจะรู้สึกดีใจมากๆ เมื่อได้รู้สึกว่ามันมีการเคลื่อนไหวครั้งเดียวที่จะสามารถตัดสินชีวิตและความตายของเขาได้เลย ซึ่งส่วนใหญ่มันจะเกิดขึ้นแค่เฉพาะเวลาที่เขาต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดหรือเก่งกาจกว่านั้น อย่างไรก็ตามตอนนี้วิญญาณกลืนกินกับให้ความรู้สึกแบบเดียวกัน ซึ่งมันจัดว่าวิเศษมากๆสำหรับเขา
สำหรับโทเดลย่าที่เป็นลอร์ดแห่งดินแดน และเป็นมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายนั้น มันทำให้เขาหวาดกลัวได้เลย นี่มันคือประเภทของคู่ต่อสู้ที่เขาเฝ้ารอคอยอย่างแท้จริง
“เอาล่ะ พวกเรารีบไปกันเถอะ !!! ถ้าเรารอจนกว่าบอสจะมาถึงบริเวณกลุ่มวิญญาณกลืนกิน การลากมันออกไป และตรึงมันจะทำได้ยากลำบากมากๆ !!!” หยานย่าพูดพลางยิ้มอย่างขมขื่นเล็กน้อย เมื่อได้เห็นสีหน้าตื่นเต้นของไลฟ์เลสธอร์น
โซริทารี่ไนน์ และไลฟ์เลสธอร์นได้เปิดใช้งานสกิลพลังแห่งความมืดเพื่อเพิ่มค่าสถานะพื้นฐานของพวกเขาขึ้นอย่างมหาศาลทันที ซึ่งตอนนี้มันทำให้ทั้งสองนั้นสามารถเทียบเคียงได้กับตัวตนขั้นสี่แล้ว ….
ช่วงเวลาต่อมาผู้เล่นระยะประชิดสองคนก็กลายเป็นลำแสง และพุ่งเข้าไปหาโทเดลย่าทันที ในขณะเดียวกันหยานย่าซึ่งเป็นดรูอิดก็ได้ร่ายเวทย์ของเธอ และบินไปหาลอร์ดแห่งดินแดนเช่นกัน ในขณะเดียวกันเธอก็ได้ทำการร่ายเวทย์ใช้โล่ป้องกันชีวิตให้กับไลฟ์เลสธอร์นและโซริทารี่ไนน์ ซึ่งโล่ป้องกันชีวิตของเธอนี้จะสามารถดูดซับค่าความเสียหายที่ได้รับบางส่วนมาแปลงเป็น HP ได้ด้วย
Roar!
โทเดลย่านั้นคำรามออกมาด้วยความโกรธ เมื่อมันได้เห็นมดสองตัวกำลังพุ่งเข้ามา โดยเสียงคำรามของมันก็ได้ดังก้องไปทั่วบริเวณพื้นที่ชั้นนอกของเทือกเขาที่ถูกทำลายเลยทีเดียว
เมื่อเสียงคำรามกระจายออกไป การโจมตีทางจิตที่มองไม่เห็นก็ได้เข้าโจมตีทุกคนทันที
นอกเหนือจากซือเฟิงแล้ว ทุกคนต่างก็คร่ำครวญออกมาด้วยความเจ็บปวด
“ดี ! คุณช่างทรงพลังมากจริงๆ !!!”
หลังจากได้รับความเจ็บปวดจากการโจมตีทางจิตของโทเดลย่า ซึ่งแข็งแกร่งกว่าการโจมตีทางจิตที่เขาเคยเผชิญมาก่อนหน้านี้มากๆ ไลฟ์เลสธอร์นก็หน้าซีดลงไป อย่างไรก็ตามเมื่อเขามองไปที่โทเดลย่าที่มีความสูงสามสิบเมตร ไม่เพียงแต่เขาจะไม่กลัวบอสเท่านั้น แต่จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ในดวงตาของเขายังลุกโชนมากขึ้นด้วย ก่อนที่ไลฟ์เลสธอร์นจะย่นระยะห่างระหว่างเขากับโทเดลย่าเข้ามาในทันที โดยเขาได้ไปปรากฎตัวขึ้นด้านหลังของโทเดลย่า และยกหอกขึ้น ก่อนจะเปลี่ยนมันเป็นสายฟ้า และแทงใส่โทเดลย่าทันที
สกิลมรดกขั้นสาม ไลท์นิ่งแฟลช !!
ด้วยบัฟของพลังแห่งความมืด มันจึงทำให้การโจมตีนี้ทรงพลังมากขึ้น และทะลุผ่านอากาศไปได้อย่างรวดเร็วพร้อมทั้งพุ่งเข้าใส่โทเลย่าทันที
เร็วมาก !! ฉากนี้ทำให้อันยีลดิ้งฮาร์ทประหลาดใจ
มันมีระยะห่างประมาณสองร้อยหลาระหว่างโทเดลย่าและไลฟ์เลสธอร์น แต่ไลฟ์เลสธอร์นกับสามารถย่น และก้าวข้ามระยะนี้ได้ในทันที อันยีลดิ้งฮาร์ทนั้นไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถตอบสนองต่อความเร็วดังกล่าวได้ไหม แม้ว่าเขาจะเปิดใช้งานสกิลเบอเซิกร์ก็ตาม
ตู้ม !
เสียงนั้นดังกึกก้องไปทั่วพื้นที่ และช่วงเวลาต่อมามันก็มีเงาดำตกลงมาจากท้องฟ้า และกระทบพื้นอย่างรุนแรง ซึ่งผลของเรื่องนี้มันก็ทำให้เกิดปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางยาวกว่ายี่สิบเมตร
ภายในปล่องภูเขาไฟมันก็มีไลฟ์เลสธอร์นยืนอยู่พร้อมกับหอกในมือของเขา ซึ่งมือของเขาที่ถือหอกอยู่นั้นก็สั่นอย่างมาก ในขณะที่มันก็มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเขา เห็นได้ชัดว่าเขาพึ่งจะได้รับการโจมตีครั้งใหญ่มา และ HP ของเขาก็ลดลงไปมากกว่าสี่แสนหกหมื่น
มันเกิดอะไรขึ้นกัน ? บลูเกาน์ที่เฝ้าดูการปะทะจากระยะไกลเต็มไปด้วยความงุนงง
การโจมตีของไลฟ์เลสธอร์นนั้นมีพลังและความเร็วที่น่าทึ่ง ซึ่งแม้แต่มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายขั้นสี่ในเลเวลเดียวกับเขาก็ควรจะได้รับบาดเจ็บสาหัส หากโดนเข้าไป ….
แต่ถึงกระนั้นตอนนี้ไลฟ์เลสธอร์นไม่เพียงแต่จะไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับโทเดลย่าได้ แต่เขายังได้รับความเสียหายอีกด้วย ?
ยิ่งไปกว่านั้นไลฟ์เลสธอร์นยังสูญเสีย HP ไปเกือบสิบเปอเซ็นต์ แม้จะมีโล่ป้องกันชีวิตคอยช่วยก็ตาม หากไม่มีการฮีลเพิ่มเติม เขาก็จะตายได้เลยในหกถึงเจ็ดการเคลื่อนไหว
“นี่มอนสเตอร์ตัวนี้มันเป็นเพียงมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายจริงๆงั้นหรอ ?”
ทุกคนนั้นอดจะสงสัยไม่ได้ เมื่อจ้องมองไปยังโทเดลย่าที่ยังคงอยู่ในสภาพเดิม
พวกเขาเคยเห็นมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายมาก่อน และบางคนในหมู่พวกเขาก็เคยฆ่ามันมาแล้วด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกันจริงๆแล้ว โทเดลย่าดูเหมือนสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
อย่างไรก็ตามซือเฟิงที่กำลังร่ายเวทย์อยู่นั้นไม่ได้แปลกใจกับฉากที่เขาได้เห็นมากนัก
ช่วงระยะแรกของ God domain นั้น มันมีไว้ให้ผู้เล่นปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบการต่อสู้ของเกมเท่านั้น ซึ่งระบบหลักของ God domain ไม่เพียงแต่จะให้ประโยชน์มากมายสำหรับผู้เล่นเท่านั้น แต่มันยังทำให้มอนสเตอร์ในเกมอ่อนแอลงด้วย ในความเป็นจริง แม้แต่มอนสเตอร์เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยที่ผู้เล่นรู้สึกว่าแข็งแกร่งก็ยังไม่ได้อยู่ในสภาพสูงสุดจริงๆด้วยซ้ำ พวกมันยังคงถูกปราบปรามไว้ในระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตามนั่นไม่ใช่ในกรณีของมอนสเตอร์ในดินแดนต้องห้าม สถานที่เหล่านี้มันไม่ได้อยู่ภายใต้การปราบปรามของระบบหลักของ God domain มอนสเตอร์ที่นี่สามารถจะใช้พลังต่อสู้ของตัวเองได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์
ในดินแดนต้องห้าม มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายนั้นมีความสามารถมากกว่าที่ทีมผู้เล่นขั้นสามทั่วไปจะสามารถจัดการได้ ผู้เล่นขั้นสามจะต้องมีอาวุธและอุปกรณ์ชั้นยอดครบมือ พร้อมกับเครื่องมือสนับสนุนต่างๆเพื่อที่จะได้มีโอกาสฆ่ามอนสเตอร์ระดับนี้ได้ นอกจากนี้ทีมยังต้องการผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่มีสกิลเบอเซิกร์ด้วย ไม่งั้นมันจะมีเพียงผลลัพธ์เดียวเท่านั้นที่รอทีมอยู่ ซึ่งนั่นก็คือ การถูกสังหารหมู่ !!!
ไม่ต้องพูดถึงโทเดลย่าที่เป็นมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายเลย ….
หากซือเฟิงต้องต่อสู้กับโทเดลย่าในตอนนี้ เขาเองก็จะไม่ได้มีช่วงเวลาที่ง่ายแน่นอน พวกเขาต้องการผู้เล่นขั้นสี่อย่างน้อยหกคนเพื่อจะเอาชนะบอสตัวนี้ ไม่งั้นการท้าทายมันจะเป็นเรื่องบ้าคลั่ง และเป็นการฆ่าตัวตายอย่างแท้จริง
นี่คือเหตุผลที่เขามอบหมายให้ไลฟ์เลสธอร์นและอีกสองคนตรึงบอสไว้ให้ได้สิบห้าวินาทีเท่านั้น เพราะการขอมากกว่านั้น มันจะเป็นการส่งทั้งสามไปตายมากกว่า ….
เมื่อได้เห็นดังนี้ โซริทารี่ไนน์และไลฟ์เลสธอร์นก็ได้จัดการเปิดใช้งานสกิลช่วยชีวิตของพวกเขาเพื่อป้องกันการโจมตีของโทเดลย่า และแม้แต่หยานย่าที่ทำหน้าที่เป็นฮีลเลอร์ด้านหลังก็ยังต้องเปิดใช้งานสกิลพลังแห่งความมืดเพื่อเพิ่มค่าสถานะของเธอ ไม่งั้นแล้วเธออาจจะตายได้ทันทีเลยจากการโจมตีแบบสุ่มของบอส
ครั้งหนึ่งในการโจมตีของบอส แม้ว่าโซริทารี่ไนน์จะเปิดใช้งานสกิลกำแพงป้องกันขั้นสาม และใช้มันป้องกันร่วมกับพรรคพวกของเขาอีกสองคนในการโจมตีของโทเดลย่า แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็จบลงที่แต่ละคนถูกซัดปลิวกระเด็นไปไกลกว่าสิบหลา โดยที่ไลฟ์เลสธอร์นและหยานย่านั้นสูญเสีย HP ไปมากกว่าหนึ่งล้าน ขณะที่โซริทารี่ไนน์ที่ทำหน้าที่เป็นหัวหอกในการป้องกันนั้นก็สูญเสีย HP ไปมากกว่าสามล้าน
ห้าวินาที !
สิบวินาที !
ทุกวินาทีที่ผ่านไปของการต่อสู้นั้นมันเพิ่มแรงกดดันอย่างมากให้กับทั้งสามคน ตอนนี้เมื่อพวกเขาต่อสู้ไปเรื่อยๆในแต่ละวินาที พวกเขาก็รู้สึกได้เลยว่าพวกเขามีสิทจะตายในวินาทีต่อไปสูงมากขึ้นเรื่อยๆ
ผู้เล่นที่เฝ้าดูจากระยะไกลต่างตกตะลึงกับฉากนี้ นี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่พวกเขาได้เข้าใจอย่างแท้จริงว่ามอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายนั้นน่ากลัวเพียงใด ถ้าไม่ใช่เพราะกลุ่มของไลฟ์เลสธอร์นสามคนเปิดใช้งานสกิลเบอเซิกร์แล้ว พวกเขาคงจะถูกฆ่าในทันทีแน่นอน ….
“ผู้บัญชาการ ! คุณยังไม่เสร็จอีกงั้นหรอ ?!” โซริทารี่ไนน์ถามซือเฟิงผ่านแชทส่วนตัว
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่ามันจะเป็นเรื่องตลก ถ้าเขาไม่สามารถตรึงโทเดลย่าไว้ได้สิบห้าวินาที อย่างไรก็ตามตอนนี้ได้ตระหนักแล้วว่าสิบห้าวินาทีเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานจริงๆ
“ทำได้ดีมาก !!!” ในเวลานี้ซือเฟิงก็ได้ร่ายเวทย์บทสุดท้ายที่ถูกบันทึกไว้ในไบเบิ้ลแห่งความมืดเสร็จแล้ว “ปล่อยที่เหลือให้เป็นหน้าที่ฉันเอง !!!”
ตอนที่ 2758 พลังที่แท้จริงของไบเบิ้ลแห่งความมืด
เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง โซริทารี่ฟรอสต์ ไลฟ์เลสธอร์น และหยานย่าก็หยุดการตรึงและดึงดูดความสนใจของโทเดลย่าทันที และรีบวิ่งไปหาซือเฟิงทันที
พวกเขาเลือกจะวิ่งไปหาผู้บัญชาการของพวกเขาก็เพราะว่ามันจะมีก็แต่เพียงผู้บัญชาการของพวกเขาเท่านั้นที่จะสามารถตรึงหรือผลักดันโทเดลย่ากลับไปได้ หากพวกเขาวิ่งไปทางอื่นโทเดลย่าก็จะไล่พวกเขามา และบดขยี้พวกเขาได้อย่างรวดเร็วแน่นอน
ซึ่งตัวโทเดลย่านั้นก็ค่อยๆเข้าไปบริเวณที่ซือเฟิงอยู่ทีละก้าว ทีละก้าว ….
โดยทุกก้าวที่โทเดลย่าก้าวนั้น ไม่เพียงแต่มันจะทำให้พื้นที่โดยรอบบริเวณสั่นสะเทือนไปทั่ว แต่มันก็ยังส่งการโจมตีทางจิตเข้าใส่ผู้เล่นคนอื่นๆไปด้วยเช่นกัน ซึ่งนี่มันทำให้ผู้เล่นที่พักผ่อนอยู่เช่นบลูเกาน์ถึงกับเริ่มกุมขมับด้วยความเจ็บปวด
นี่เราจะต้องสู้กับมันจริงๆงั้นหรอ ? อิลูซะรี่เวิร์ดอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เมื่อมองไปยังสถานการณ์ตรงหน้า
เธอนั้นมองไม่เห็นทางใดๆเลยที่ทีมของพวกเขาจะสามารถเอาชนะโทเดลย่าได้ เพราะไม่เพียงแต่โทเดลย่าจะมี HP มากกว่าสองหมื่นล้าน แต่มาตราฐานของมันก็ยังเหนือกว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตการปรับแต่งทั่วไปด้วย และความเร็วของมันก็เร็วมากจนแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนอย่างตัวเธอเองก็แทบจะตามไม่ทันความเร็วของมัน ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ผู้เล่นขั้นสามจะสามารถรับมือได้เลย และแม้แต่ผู้เล่นขั้นสี่อย่างซือเฟิงก็ทำได้ดีที่สุดแค่เทียบกับความเร็วของมันได้เท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความแข็งแกร่งโทเดลย่านั้น มันก็เป็นสิ่งที่มีเพียงแต่แท๊งเกอร์ขั้นสี่เท่านั้นที่จะสามารถแท๊งกับมันได้ หากนักดาบอย่างซือเฟิงพยายามจะแท๊งหนึ่งในการโจมตีของลอร์ดแห่งดินแดนตัวนี้ เขาก็จะต้องตกที่นั่งลำบากแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เมื่อโทเดลย่าอยู่ห่างจากซือเฟิงเพียงสามก้าว ….
การเชื่อมต่อเสร็จสิ้นแล้ว !!! ซือเฟิงยิ้มขณะที่เขาปิดไบเบิ้ลแห่งความมืด และมองไปที่โทเดลย่า “มาเริ่มรอบที่สองกันดีกว่า !!!”
ทันทีที่ซือเฟิงปิดไบเบิ้ลแห่งความมืด ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยพายุเหนือหุบเขาก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ และเปลี่ยนเป็นความมืดเข้ามาปกคลุมรัศมีหลายพันหลาแทน
เมื่อมองไปที่ความมืดมิดนี้ ทุกคนในปัจจุบันก็สามารถจะรู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่ามันไปเชื่อมต่อกับพื้นที่โบราณที่น่ากลัวมากๆแน่นอน เพราะเพียงแค่ออร่าแห่งความมืดที่รั่วไหลออกมา มันก็เพียงพอจะเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของเทือกเขาบริเวณนี้ได้เลย
วินาทีต่อมาประตูหินขนาดมหึมาที่สูงหลายร้อยเมตรก็ได้ตกลงมาจากความมืดมืดนี้ และเมื่อมันกระแทกลงมากับพื้นดิน มันก็ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงไปทั่วทั้งบริเวณ และตอนนี้แม้แต่โทเดลย่าก็ยังมองไปยังประตูหินนี้ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างชัดเจน
โลกนี้จะมีสิ่งที่น่ากลัวแบบนี้ได้ยังไง ?! อันยีลดิ้งฮาร์ทตกตะลึงมากๆ ขณะที่เขามองไปยังประตูหินขนาดมหึมาเบื้องหน้าเขา
ประตูนี้เป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดที่เขาเคยเห็นมาใน God domain เลย และเพียงแค่มองไปยังประตูมันก็ทำให้เขาเข้าใจแล้วว่ามันน่ากลัวแค่ไหน เพราะท้ายที่สุดรูปแบบเวทย์มนต์และรูนบนประตูนั้นมันก็มีไว้เพื่อใช้ปิดผนึกพลังของมันนั่นแหละ ….
ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตใดจะยืนอยู่หลังประตูนี้ มันจะสามารถฆ่าเขาได้ทันที โดยที่ตัวมันแทบไม่ต้องขยับแน่นอน
ชั่วขณะหนึ่ง เขารู้สึกว่าการเปิดประตูนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของภัยพิบัติทั้งหมด
นี่เขาไม่ได้วางแผนจะเปิดประตูใช่ไหม ? อิลูซะรี่เวิร์ดจ้องมองไปยังประตูหินอย่างประหม่า
ประตูเบื้องหน้าเธอนั้นมันดูเป็นลางร้ายมากเกินไป และแค่การปรากฎขึ้นมาของมันเพียงอย่างเดียวก็ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความเกลียดชัง ความหวาดกลัว และความมืดที่ไม่อาจอธิบายได้แล้ว โดยความรู้สึกทั้งหมดนี้ที่เธอรู้สึกได้จากประตูนั้นมันมากกว่าจากโทเดลย่านับร้อยเท่า
อย่างไรก็ตามก่อนที่อิลูซะรี่เวิร์ดจะทันได้คิดหรือพูดอะไร ประตูมันก็ค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ
ความมืดมิด ความเงียบสงัด และความสิ้นหวัง !!!
ชั่วขณะหนึ่งมันรู้สึกราวกับว่าอารมณ์เชิงลบทั้งหมดในโลกกำลังหลั่งไหลออกมาจากประตูหินนี้ และแม้แต่ซือเฟิงก็ยังรู้สึกได้ถึงความอึดอีดเช่นกันจากเรื่องนี้ สำหรับคนอื่นๆใบหน้าของพวกเขาก็ซีดเผือด ขณะที่บางก็คนก็คุกเข่าลงกับพื้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่ที่แน่ๆเลยคือส่วนใหญ่ไม่มีใครกล้ามองไปที่ประตูหินนี้
“ม … มนุษย์ ?”
“ไม่ … คุณไม่ใช่ ….”
ทันใดนั้นคำพูดที่พูดด้วยภาษาปีศาจก็พรั่งพรูออกมาจากประตู แม้ว่าจะไม่มีผู้เล่นคนใดในปัจจุบันที่มีความรู้เกี่ยวกับภาษาปีศาจ แต่พวกเขาก็รู้สึกได้ว่าพวกเขาเข้าใจในคำพูดที่พรั่งพรูออกมา ซึ่งนี่มันทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยความสับสน
“ฉันไม่คิดเลยว่า หลังจากผ่านไปหลายปี สิ่งมีชีวิตแบบคุณจะเป็นผู้อัญเชิญประตูนี้ออกมา”
หลังจากพูดจบ ปีศาจรูปร่างคล้ายมนุษย์ที่มีสามตาและสูงสิบเมตรพร้อมทั้งสวมชุดเกราะสีดำก็เดินออกมาจากประตูหิน
ทันทีที่โทเดลย่าเห็นปีศาจตัวนี้ ใบหน้าของมันก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ราวกับมันพึ่งพบเข้ากับความตาย
จริงๆแล้วซือเฟิงเองก็รู้สึกหวาดกลัวกับการปรากฎตัวของปีศาจตนนี้เช่นกัน
เขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะไปสุ่มโดนเรียกปีศาจตนนี้ออกมา
Dark Abyss นั้นมีเจ้าชายปีศาจทั้งหมดหนึ่งร้อยแปดตัว ซึ่งยืนอยู่ในจุดสูงของเหล่าปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ โดยพวกมันทั้งหมดเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่รองลงมาจากราชันปีศาจ และอาจถือได้ว่าเป็นขอบเขตครึ่งก้าวก่อนก้าวเข้าสู่สถานะราชันปีศาจเต็มตัว ในขณะเดียวกันปีศาจที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาก็คือ โฟร์เบโร่ ที่เป็นเจ้าแห่งความตาย โดยมันแข็งแกร่งเป็นอันดับที่ยี่สิบเอ็ดในหมู่เจ้าชายปีศาจ
“อ่อนแอ !!! ช่างอ่อนแอมากจริงๆ !!!” โฟร์เบโร่พึมพำขณะมองดูตัวเองด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ จากนั้นมันก็เหลือบไปมองซือเฟิงที่ถือไบเบิ้ลแห่งความมืดอยู่ และพูดอย่างเย็นชาว่า “คุณน่าจะรู้ว่าคุณได้ทำอะไรลงไป สิ่งนี้มันไม่ใช่สิ่งที่คุณจะสามารถครอบครองได้เลย ดังนั้นมอบให้ฉันมันเป็นทางออกเดียวของคุณ ไม่เช่นนั้นสิ่งที่รอคุณอยู่มันจะแต่เพียงความตายชั่วนิรันดร์เท่านั้น !!!”
ทันทีที่โฟร์เบโร่พูดจบ แรงกดดันที่ทรงพลังของมันก็พุ่งเข้าใส่ซือเฟิงจนทำให้ซือ
เฟิงมีสีหน้าบิดเบี้ยว
ตามที่คาดไว้จากหนึ่งในหนึ่งร้อยแปดเจ้าชายปีศาจ แรงกดดันที่มันแผ่ออกมาอยู่ในระดับเดียวกับตัวตนขั้นห้าทั่วไปเลย ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา เมื่อเขาประเมินถึงสถานการณ์นี้
แม้ว่าเขาจะรู้มานานแล้วว่าช่องว่างระหว่างขั้นสี่กับขั้นห้านั้นมันยิ่งใหญ่มากๆ แต่เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกไร้พลัง และไม่สามารถจะทำอะไรได้จริงๆ เมื่อเขาได้มาประสบพบเจอกับพลังของเจ้าชายปีศาจ
โชคดีที่ซือเฟิงได้ใช้ไบเบิ้ลแห่งความมืดอยู่ ซึ่งมันจำกัดวิธีการทั้งหมดที่โฟร์เบโร่จะสามารถกำหนดเป้าหมายมายังเขาได้ ไม่งั้นเจ้าชายปีศาจคงจะฆ่าเขาในทันที
ทันใดนั้นโซ่ก็ปรากฎขึ้นรอบๆตัวของโฟร์เบโร่ ในตอนที่โฟร์เบโร่ปล่อยแรงกดดันพุ่งเข้าใส่ซือเฟิงนั้น ไบเบิ้ลแห่งความมืดก็รับรู้ได้ถึงเรื่องนี้เช่นกัน
ซึ่งทันทีที่โซ่เหล่านี้ปรากฎขึ้น แรงกดดันของโฟร์เบโร่ก็อ่อนแอลงไปอย่างมาก ตอนนี้แรงกดดันของมันไม่ได้เป็นภัยคุกคามของซือเฟฟิงอีกต่อไป
“ไอ้สัญญาเวรนี่ !!! ฉันจะหลุดพ้นจากการผูดมัดนี้ให้ได้ในวันใดหนึ่ง และได้รับอิสรภาพที่แท้จริง !!!” โฟร์เบโร่ตะโกนกู่ร้องออกมาด้วยความโกรธ ขณะที่มันจ้องมองไปยังโซ่สีดำสนิทที่เริ่มพันรอบตัวมัน จากนั้นมันก็มองไปยังซือเฟิง และพูดอย่างเย็นชาว่า “แม้ว่าเจ้านี่มันจะป้องกันไม่ให้ฉันสามารถทำอะไรกับคุณได้ แต่คุณก็อย่าคิดว่าคุณจะมีโอกาสควบคุมฉันและใช้พลังของฉันได้อย่างเต็มที่ !!! ฉันสามารถบอกได้เลยว่าคุณเหลือเวลาไม่มากแล้ว เมื่อมองจากคำสาปผูกมัดที่อยู่บนร่างกายของคุณ และสิ่งนี้มันจะไม่สามารถช่วยคุณได้แน่นอน มีเพียงแต่ฉันเท่านั้นที่จะสามารถช่วยคุณได้ !!!”
“นั่นไม่จำเป็น ถ้าฉันเชื่อคุณ ฉันจะกลายเป็นหุ่นเชิดของคุณแน่นอน ….” ซือเฟิง
กล่าวพลางส่ายหัว และแสยะยิ้มอย่างดูถูก หลังจากเขามาถึงขั้นสี่ เขาก็ได้เข้าใจถึงคำสาปผูกมัดที่เขาโดนอยู่กับวิญญาณของเขามากขึ้น ในตอนแรกเขาคิดว่าด้วยผลประโยชน์ที่เขาจะได้รับจากการเลื่อนขั้น มันจะทำให้ปัญหาที่เขาต้องเผชิญนั้นคงที่ ไม่ได้มีอันตรายอะไรเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามมันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย ปัญหาที่เขาต้องเผชิญมันกับมีจำนวนมากมายขึ้นและไม่คงที่อย่างที่คิด แถมยังอันตรายขึ้นมาก ความรู้สึกนี้มันยิ่งมาชัดเจนขึ้นมาก หลังจากเขาใช้ไบเบิ้ลแห่งความมืด
ไบเบิ้ลแห่งความมืดนั้นได้ทำการกัดกร่อนวิญญาณของเขาอยู่อย่างลับๆตลอดเวลา !!
เขานั้นอดไม่ได้ที่จะต้องยอมรับเลยว่าไอเทมของเหล่าทวยเทพนี้มันไม่สามารถจะควบคุมได้อย่างง่ายดายจริงๆ แถมพูดกันตามตรงมันก็อันตรายกว่าอาวุธเวทย์มนต์อย่างมาก อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่สามารถจะทิ้งไบเบิ้ลแห่งความมืดไปได้
หนทางในการจะขึ้นไปสู่ขั้นที่สูงขึ้นนั้นยากมาก และเขาก็ต้องทำความเข้าใจกับทุกโอกาสที่เขามีอยู่เพื่อที่เขาจะได้ขึ้นไปเป็นขั้นหก ขอบเขตพระเจ้าได้ ไม่งั้นทุกอย่างที่เขาทำมามันจะไร้ประโยชน์
ตัวอย่างเช่น ตราประทับวิญญาณที่เขาได้นับมาจากการฆ่า Faux Saint Devourer ได้เมื่อไม่นานมานี้ เมื่อเขาดูดซับมันเข้าไป มันก็ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับวิญญาณของเขาอย่างมาก และในทางกลับกัน มันก็ช่วยเพิ่มค่าความต้านทานของเขาให้แข็งแกร่งมากขึ้นที่จะใช้รับมือกับคำสาปวิญญาณของ NPC ลึกลับนั่นได้
ไม่งั้นเขาคงจะไม่รอดชีวิตมาจนถึงตอนนี้ ….
ซือเฟิงมองไปที่โฟร์เบโร่และพูดว่า “ฉันอาจจะไม่สามารถควบคุมและใช้พลังของคุณได้ทั้งหมด แต่คุณควรรู้ว่าในฐานะผู้อัญเชิญ ฉันจะสามารถใช้พลังส่วนหนึ่งของคุณได้แน่นอน”
ไบเบิ้ลแห่งความมืดนั้นเป็นหลักประกันที่ดีที่สุดของเขาในการเข้ามาสำรวจที่เทือกเขาที่ถูกทำลาย เพราะท้ายที่สุดการจะมาที่นี่โดยปราศจากอะไรแบบนี้นั้นมันเป็นไปไม่ได้เลย และแค่โทเดลย่าในพื้นที่ชั้นนอกมันก็เพียงพอจะต้องทำให้เขาวิ่งหนีไปแล้ว ….
“คุณจะต้องเสียใจกับเรื่องนี้ !! การควบคุมพลังปีศาจนั้นมันยังเกินความสามารถของคุณไปมาก !!! ยิ่งคุณใช้มันมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งจมลึกลงไป จนในที่สุดวิญญาณของคุณก็จะถูกเผาผลาญจนหมด !!!”
“ขอบคุณสำหรับคำเตือน แต่อย่าคิดว่าปีศาจแบบคุณจะมากลืนกินฉันได้ง่ายๆเลย ….”
หลังจากพูดจบ ซือเฟิงก็ได้ใช้ไบเบิ้ลแห่งความมืดในการลบล้างจิตสำนึกของโฟร์เบโร่ และเข้าควบคุมส่วนหนึ่งของมันไว้เพื่อใช้ความแข็งแกร่งของมัน
เจ้าชายปีศาจ เลเวลหนึ่งร้อยสามสิบห้า !!!
แม้เขาจะสามารถใช้ความแข็งแกร่งของโฟร์เบโร่ได้แค่เจ็ดสิบเปอเซ็นต์จากทั้งหมด แต่นี่มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาสามารถท่องไปทั่วพื้นที่ชั้นนอกของเทือกเขาที่ถูกทำลายได้โดยไม่ต้องกังวลใดๆ
การพูดคุยของซือเฟิงและโฟร์เบโร่นั้นดำเนินไปเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น ดังนั้นโทเดลย่าที่ตกตะลึงจากการปรากฎขึ้นของประตูหิน และเจ้าแห่งความตายจึงยังคงยืนนิ่งเฉยอยู่
อย่างไรก็ตามหลังจากซือเฟิงเข้าควบคุมร่างของโฟร์เบโร่ได้แล้ว โทเดลย่าก็สังเกตเห็นบางอย่างที่ผิดปกติทันที แม้ว่าออร่าและแรงกดดันที่เจ้าชายปีศาจผู้นี้แผ่ออกมาจากอ่อนแอลงไป แต่มันก็แสดงความเป็นศัตรูกับโทเดลย่าอย่างชัดเจนขึ้นมาก
หลังจากตระหนักได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น โทเดลย่าก็รีบพุ่งเข้าหาซือเฟิง และใช้กรงเล็บขนาดใหญ่ของมันโจมตีเข้าใส่มนุษย์ตัวเล็กอย่างไร้ความปราณีทันที
ซือเฟิงนั้นรู้สึกได้ถึงความรุนแรงของสกิลทันที โดยมันทำให้พื้นที่โดยรอบบิดเบี้ยวไป และทำให้ร่างกายของเขาหนักมากๆ
สกิลขั้นสี่โดยกำเนิด Sundering Earth!
นี่เป็นครั้งแรกที่โทเดลย่าเลือกจะใช้สกิลในการต่อสู้ครั้งนี้ ในตอนที่ต่อสู้กับไลฟ์เลส
ธอร์นที่มันมองว่าเป็นแค่มด มันแทบไม่ขยับใดๆและไม่ได้ใช้สกิลเลยด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามสิ่งเดียวที่อยู่ในใจของมันตอนนี้คือการต้องฆ่าซือเฟิงให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
อย่างไรก็ตามซือเฟิงนั้นก็ไม่ได้หวาดกลัวใดๆ เขามองไปที่โทเดลย่าและยิ้ม ก่อนจะกล่าวว่า “มันสายเกินไปแล้ว !!!”
ก่อนที่ซือเฟิงจะพูดจบ โฟร์เบโร่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขาก็โบกมือของตัวเอง และหอกเปลวไฟสีดำสนิทก็ปรากฎขึ้นในมือของมัน ก่อนที่มันจะใช้หอกนี้เขวี้ยงเข้าใส่โทเดลย่า
แม้ว่าหอกของโฟร์เบโร่จะทำมาจากเปลวไฟ แต่มันก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกร้อน หรือแผดเผาใดๆเลย ในทางกลับกันมันกับให้ความรู้สึกหนาวเย็นอย่างรุนแรง และทำให้พื้นที่โดยรอบที่มันเคลื่อนผ่านแข็งตัวไปชั่วขณะ
ตู้ม !
พื้นที่นั้นแตกออกเป็นเสี่ยงๆ และเหลือแต่เพียงว่างเปล่า
ผลของการปะทะกันระหว่างการโจมตีทั้งสองนั้นมันทำให้พื้นดินจมลงไป ขณะที่คนอื่นๆก็ปลิวกระเด็นไปหลายร้อยหลา และได้รับความเสียหายหลายหมื่นไปถึงหลายแสน ยกเว้นก็แต่ซือเฟิง ….
สำหรับโทเดลย่าร่างกายขนาดใหญ่ของมันก็ปลิวกระเด็นไปด้านหลังกว่าหนึ่งร้อยหลา และร่างของมันก็เปลี่ยนแปลงภูมิประเทศโดยรอบที่มันปลิวกระเด็นผ่านในทุกๆที่เลย
ช่วงเวลาต่อมา อิลูซะรี่เวิร์ด อันยีลดิ้งฮาร์ท และคนอื่นๆก็ได้อ้าปากค้าง เมื่อได้เห็นความเสียหายที่ปรากฎขึ้นเหนือหัวของโทเดลย่า
-49,454,423!
ความเสียหายเกือบห้าสิบล้านปรากฎขึ้นเหนือหัวของผู้ขับกล่อมวิญญาณจริงๆ ช่องว่างระหว่างพลังของโทเดลย่า และโฟร์เบโร่นั้น มันสามารถบอกได้ถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนเลย หลังจากการปะทะกันเพียงครั้งเดียว ทั้งสองนั้นอยู่ในระดับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง …..
อธิบายไว้เพื่อบางคนไม่เข้าใจ ป.ล. เจ้าชายปีศาจ คือปีศาจที่แบบเหลือครึ่งก้าวก่อนจะกลายเป็นราชันปีศาจอะ ยังคงอยู่ในสถานะปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่ แต่แข็งแกร่งกว่าปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่ทั่วไป ….
ตอนที่ 2759 ครึ่งก้าวราชันปีศาจ
“นี่คือไพ่จริงๆที่แบล๊คเฟรมซ่อนเอาไว้มาตลอดเวลางั้นหรอ ?”
อิลูซะรี่เวิร์ด และอันยีลดิ้งฮาร์ทเต็มไปด้วยความตกตะลึง เมื่อพวกเขาจ้องมองไปยังปีศาจสามตาที่บินอยู่บนท้องฟ้าอย่างภาคภูมิใจ ในขณะเดียวกันพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นออกมา
[โฟร์เบโร่ (เจ้าแห่งความตาย)) (เจ้าชายปีศาจ)
เลเวล 135
HP 13,000,000,000/13,000,000,000
พวกเขารู้มานานแล้วว่าคนอย่างซือเฟิงนั้นมักจะซ่อนไพ่จริงๆของตัวเองไว้ตลอดเวลา ไม่งั้นเขาคงจะไม่กล้าเดินทางมายังพื้นที่อันตรายอย่างเทือกเขาที่ถูกทำลาย แม้ว่าเขาจะมาถึงขั้นสี่แล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่เคยคิดเลยจริงๆว่าไพ่ของซือเฟิงจะน่ากลัวขนาดนี้
ชายคนนี้ได้อัญเชิญเจ้าชายปีศาจมาจาก Dark Abyss และควบคุมให้เป็นหุ่นเชิดที่ต่อสู้เพื่อเขา
เจ้าชายปีศาจนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสามารถเทียบเคียงได้กับตัวตนขั้นห้าทั่วไปเลย และในแง่ของคะแนนชนชั้นสิ่งมีชีวิต เจ้าชายปีศาจนั้นอยู่เหนือกว่าแม้แต่มอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยาย นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเจ้าชายปีศาจอย่างโฟร์เบโร่ ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นครึ่งก้าวราชันปีศาจ
หากมหาอำนาจต่างๆค้นพบเกี่ยวกับพลังอำนาจนี้ พวกเขาจะต้องมีสีหน้าที่บิดเบี้ยวและน่าเกลียดอย่างมาก
ปีศาจใดๆที่ครองตำแหน่งเจ้าชายปีศาจนั้น พวกมันล้วนได้ตำแหน่งนี้มาจากการเข่นฆ่าผู้คนนับไม่ถ้วนใน God domain อันที่จริงตำแหน่งเจ้าชายปีศาจนั้นมีหน้าที่รับผิดชอบในการทำลายอาณาจักรบางส่วนของ God domain ด้วย
มันเป็นตัวตนที่สามารถจะทำลายอาณาจักรทั้งอาณาจักรได้ด้วยตัวตนเดียวเลย และการทำลายเมืองกิลของซุเปอร์กิลจะเป็นเพียงแค่เรื่องง่ายๆเท่านั้นสำหรับมัน ในความเป็นจริงซือเฟิงเองก็ได้สนุกไปกับการจินตนาการเรื่องนี้เช่นเดียวกับอิลูซะรี่เวิร์ด และอันยีลดิ้งฮาร์ทตอนนี้ อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ยังคงปล่อยให้มันเป็นเพียงความคิดไปตามเดิม ….
หลังจากเลื่อนขั้นมาเป็นขั้นสี่ ทั้งค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจ และมานาของเขาก็ได้รับการปรับปรุงในเชิงคุณภาพ ซึ่งด้วยการปรับปรุงเหล่านี้ เขาได้ค้นพบร่องรอยเล็กๆของพลังแห่งความมืดที่แฝงตัวอยู่รอบวิญญาณของเขา ไบเบิ้ลแห่งความมืดนั้นมอบพลังอันน่ากลัวให้กับผู้ใช้ และแม้กระทั่งไอเทมระดับตำนานบางชิ้นก็ยังเทียบกับมันไม่ได้ ซึ่งหากพูดกันตามตรงสถานการณ์นี้มันก็ดูไม่สอดคล้องกับกฎของ God domain
ใน God domain คนๆหนึ่งจะต้องจ่ายด้วยราคาที่สอดคล้องกันกับพลังที่ได้รับ นี่มันคือความสมดุลใน God domain อย่างไรก็ตามไบเบิ้ลแห่งความมืดนั้มันดูเหมือนจะไม่สมดุลเลย เพราะพลังที่มันมอบให้เขานั้นมากกว่าค่าใช้จ่ายในการใช้งานมาก
แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาได้รับรู้ถึงค่าใช้จ่ายอย่างละเอียดในการใช้งานไบเบิ้ลแห่งความมืดแล้ว เพราะการใช้งานไบเบิ้ลแห่งความมืดมันทำให้วิญญาณของเขาต้องแปดเปื้อนพลังแห่งความมืด
แม้ว่าพลังแห่งความมืดที่อยู่รอบๆวิญญาณของเขาจะอ่อนแอมากๆ แต่ความบริสุทธิ์ของมันก็สูงมากเทียบเท่ากับพลังงานที่พบในคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่เลย พลังธรรมดานั้นไม่สามารถจะขับไล่มันได้
และยิ่งเขาใช้ไบเบิ้ลแห่งความมืดมากเท่าไหร่ พลังแห่งความมืดนี้ก็จะยิ่งแข็งแกร่งและบริสุทธิ์มากขึ้นเท่านั้น และในตอนที่เขาอัญเชิญโฟร์เบโร่ออกมา พลังแห่งความมืดนี้มันก็พุ่งสูงขึ้นเช่นกัน
ดังนั้นหากไม่จำเป็นจริงๆ เขาจึงไม่กล้าจะใช้พลังของไบเบิ้ลแห่งความมืดในตอนนี้เลย
ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงกับพลังของโฟร์เบโร่ โทเดลย่าที่ปลิวกระเด็นไปในตอนแรกก็แผดเสียงคำรามที่ดังสนั่นเหมือนกับสัตว์ร้ายที่โกรธแค้นออกมา
ร่างกายโปร่งแสงเดิมของโทเดลย่าได้เปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด และขยายใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้ลอร์ดแห่งดินแดนตัวนี้มีความสูงที่ราวห้าสิบเมตรแล้ว ในขณะเดียวกันระลอกพลังก็แผ่ออกมาจากร่างของมันไปทั่วรัศมีห้าร้อยหลารอบตัวมัน และทำให้พื้นดินจมลง
ช่างเป็นโดเมนแรงโน้มถ่วงที่ทรงพลังมากจริงๆ !!! ซือเฟิงขมวดคิ้ว เมื่อโดเมนแรงโน้มถ่วงของโทเดลย่ามาถึงเขา ….
แม้จะมีโดเมนมานา และร่างกายทางกายภาพของขั้นสี่ที่แท้จริง แต่การจะเคลื่อนไหวภายในโดเมนแรงโน้มถ่วงของโทเดลย่ามันก็เป็นเรื่องยากมากๆ ตอนนี้เขาสามารถแสดงความเร็วออกมาได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของความเร็วปกติ นับประสาอะไรกับความแข็งแกร่งของเขา
หากผู้เล่นขั้นสามทั่วไปได้มายืนอยู่ในโดเมนแรงโน้มถ่วงนี้ในตอนนี้ พวกเขาน่าจะถูกบดขยี้จนตายแน่นอน แต่โชคดีที่โฟร์เบโร่ซึ่งซือเฟิงควบคุมอยู่นั้นไม่ได้รับผลกระทบจากโดเมนมานานี้มากนัก โดยความแข็งแกร่งและความเร็วของมันลดลงแค่ราวยี่สิบเปอเซ็นต์เท่านั้น ซึ่งทำให้โดยรวมแล้ว เขายังคงได้เปรียบโทเดลย่าอยู่
นี่คือพลังของเจ้าชายปีศาจงั้นหรอ ? ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจกับสถานการณ์นี้
แม้ว่าทั้งเขาและโฟร์เบโร่จะเป็นสิ่งมีชีวิตขั้นสี่เหมือนกัน แต่มันก็มีช่องว่างที่ใหญ่มากๆ ระหว่างเขากับโฟร์เบโร่ เขามีเพียงการควบคุมร่างกายขั้นพื้นฐานเท่านั้นที่เหนือกว่าโฟร์เบโร่ สำหรับในเรื่องการใช้มานาและค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจนั้นโฟร์เบโร่เหนือกว่าเขามาก
แม้ว่าทั้งสองแง่มุมนี้อาจจะดูไม่สำคัญมากนัก แต่มันก็จัดว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับตัวตนขั้นสี่ เพราะมันจะช่วยทำให้สามารถใช้ค่าสถานะพื้นฐานให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้
ในตอนนี้ซือเฟิงไม่สามารถจะแสดงพลังในการต่อสู้ที่แท้จริงของโฟร์เบโร่ออกมาได้ถึงสิบเปอเซ็นต์ด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามโฟร์เบโร่ก็ยังคงอยู่เหนือกว่าโทเดลย่ามาก
ทั้งหมดที่ซือเฟิงต้องทำตอนนี้ก็คือควบคุมโฟร์เบโร่ และให้มันช่วยตรึงโทเดลย่าเอาไว้ ก่อนที่จะให้ทุกคนช่วยกันรุมโจมตีโทเดลย่า ซึ่งหากทำแบบนี้ การจะฆ่ามอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายตัวนี้ให้ได้ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย
อย่างไรก็ตามโทเดลย่าก็ไม่ได้คิดจะให้ซือเฟิงทำตามแผนของเขาได้ง่ายๆ
เมื่อร่ายเวทย์เสร็จสิ้น ลอร์ดแห่งดินแดนได้ทำลายพื้นดินรอบๆตัวของมันเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า และรวบรวมเศษหินที่กระจัดกระจายภายในเวลาเพียงสามวินาทีให้กลายเป็นอุกกาบาตขนาดยักษ์ที่มีรัศมีสี่ร้อยหลาลอยอยู่กลางอากาศ
คำสาปขั้นสี่ ? ใบหน้าของซือเฟิงมืดมนลง เมื่อเขาได้เห็นอุกกาบาต
คำสาขั้นสี่ที่ถูกร่ายและใช้โดยมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยาย มันจะมีพลังอยู่ในมาตราฐานของขั้นห้า และแค่การโจมตีเพียงครั้งเดียวจากการโจมตีดังกล่าวก็เกินพอที่จะทำลายวงเวทย์ป้องกันของเมืองขนาดใหญ่ได้แล้ว และในฐานะผู้เล่นขั้นสี่ ถ้าเขาถูกโจมตีด้วยการโจมตีนี้ เขาจะตายโดยที่ไม่ต้องมีคำถามใดๆเลย
ในเวลานี้ไม่ต้องพูดถึงซือเฟิงเลย แม้แต่อิลูซะรี่เวิร์ด อันยีลดิ้งฮาร์ท และผู้เล่นคนอื่นๆที่ยืนอยู่ห่างออกไปห้าร้อยหลาต่างก็ตกตะลึงกับการโจมตีนี้ของโทเดลย่า และรอยยิ้มที่ขมขื่นก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของพวกเขาทุกคน
เมื่อคำสาปขั้นสี่ตกลงสู่พื้น มันจะไม่มีใครที่สามารถรอดชีวิตไปได้ และตอนนี้มันก็ไม่มีใครในหมู่พวกเขาที่สามารถขัดขวางคำสาปขั้นสี่ได้เช่นกัน
แม่งเอ้ย !!! ทำไมฉันใช้มานาของมันไม่ได้วะ ?!! ในตอนนี้ซือเฟิงรู้สึกปวดหัวอย่างมากกับสถานการณ์เช่นนี้
ถ้าเขาสามารถควบคุมได้แค่ร่างกายทางกายภาพของโฟร์เบโร่ เขาจะไม่สามารถใช้คำสาปขั้นสี่ของเจ้าชายปีศาจได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าโฟร์เบโร่จะสามารถทนต่อการโจมตีของคำสาปขั้นสี่ได้ แต่ซือเฟิงและคนอื่นๆในทีมนั้นไม่สามารถจะทนได้ และมันก็เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับการที่จะหลบหนีไปให้ได้ในตอนนี้
เพราะท้ายที่สุดแล้วการเปิดใช้งานคำสาปขั้นสี่นั้นจะทำให้พื้นที่ในระยะของคำสาปถูกผนึกทั้งหมด
นอกเหนือจากการทำลายคำสาปขั้นสี่โดยตรงแล้ว วิธีอื่นที่จะทำให้ผู้เล่นอยู่รอดในการโจมตีของคำสาปขั้นสี่ได้ก็คือ การทนให้มันผ่านพ้นไป อย่างไรก็ตามทั้งสองตัวเลือกนี้ไม่สามารถจะใช้งานได้สำหรับซือเฟิง และสำหรับเรื่องของโฟร์เบโร่ ถ้าเขาไม่สามารถควบคุมมานาของมันได้ เขาก็จะไม่สามารถใช้สกิลหรือเวทย์ใดๆของเจ้าชายปีศาจได้เลย เขาจะใช้เจ้าชายปีศาจได้แค่ในการต่อสู้ทางกายภาพเท่านั้น ….
ในขณะที่ซือเฟิงกำลังคิดเกี่ยวกับวิธีการจะแก้ไขคำสาปขั้นสี่นี้ โทเดลย่าก็ได้ร่ายคำสาปขั้นสี่ Meteorite Collapse เสร็จสิ้นแล้ว
ตู้ม !!
วินาทีต่อมา อุกาบาตขนาดมหึมาก็ตกลงมาจากท้องฟ้าเหมือนดาวตกจริงๆ
แม่งเอ้ย !! เมื่อเห็นอุกกาบาตตกลงมา ซือเฟิงก็กัดฟันของเขาและเรียกพลังแห่งความมืดที่แฝงตัวอยู่รอบวิญญาณของเขาออกมา ตอนนี้ต้องเสี่ยงแล้วว่าจะได้ทั้งหมด หรือไม่เหลืออะไรเลย !!!
ในฐานะที่เป็นเครื่องมือที่สามารถใช้ควบคุมปีศาจทั้งหมดได้ ไบเบิ้ลแห่งความมืดมันไม่น่าจะจำกัดเพียงแค่เปลี่ยนปีศาจให้เป็นหุ่นเชิดเนื้อธรรมดา ซือเฟิงเชื่อว่ามันน่าจะมีวิธีที่ทำให้เขาสามารถควบคุมมันได้มากขึ้น
ในขณะเดียวกัน พลังของปีศาจนั้นก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เฉพาะมานาเท่านั้น พวกมันยังสามารถเข้าถึงพลังแห่งความมืดที่น่ากลัวได้อีกด้วย กล่าวอีกนัยหนึ่งคือพลังแห่งความมืดนั้นเป็นแหล่งที่มาของความแข็งแกร่งของปีศาจ
แต่เมื่อซือเฟิงใช้ไบเบิ้ลแห่งความมืดช่วย เขากับสามารถจะจัดการควบคุมปีศาจได้แบบง่ายๆเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าสิ่งนี้มันดูเหมือนจะไม่ถูกต้องเลย
ทันทีที่ซือเฟิงจัดการกับพลังแห่งความมืดภายในวิญญาณของเขา มันก็ก่อให้เกิดการเชื่อมต่อกับแหล่งพลังของโฟร์เบโร่
นี่คือ ?!
ซือเฟิงรู้สึกมึนงง
ในตอนนี้เขารู้สึกว่าเขาคือโฟร์เบโร่ และตอนนี้เขาก็สามารถเห็นสิ่งที่โฟร์เบโร่เห็น และสัมผัสได้ว่าโฟร์เบโร่รู้สึกอย่างไร
นี่คือความรู้สึกของปีศาจที่อยู่ใกล้เคียงกับราชันปีศาจขั้นห้างั้นหรอ ? ไม่เพียงแต่ซือเฟิงจะไม่รู้สึกกังวลหรือหวาดกลัวแม้แต่น้อยกับอุกกาบาตที่ตกลงมา แต่ตอนนี้มันยังดูเหมือนของเล่นสำหรับเขาด้วย
ไม่ว่าจะเป็นมานาโดยรอบภูมิประเทศหรือท้องฟ้า ตอนนี้เขาสามารถรับรู้ทุกอย่างได้อย่างชัดเจน และแม้แต่หลักการทำงานขององค์ประกอบธาตุของเวทย์มนต์ที่ซับซ้อน ตอนนี้มันก็ยังดูง่ายมากสำหรับเขา ในขณะเดียวกันเมื่อทุกคนในทีมส่ายหัว และเริ่มมีท่าทียอมแพ้ ทันใดนั้นโฟร์เบโร่ก็ยกมือของมันขึ้นภายใต้การควบคุมของซือเฟิง และเล็งไปที่อุกกาบาตนี้
ในช่วงเวลาต่อมา มือขนาดมหึมาที่ทำจากมานาก็โผล่ออกมาจากอากาศ และคว้าอุกกาบาตเอาไว้ จากนั้นก็จัดการบีบมันเบาๆ
ตู้ม !
มันเกิดเสียงระเบิดขึ้นดังสนั่นจากการที่มือขนาดมหึมาทำแบบนี้ หลังจากนั้นอุกกาบาตที่มีรัศมีกว่าสี่ร้อยหลาก็แตกออกเป็นผุยผง ก่อนที่มือขนาดมหึมาจะหายไป เหลือไว้แต่เพียงความว่างเปล่าสีดำสนิท
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น