Reincarnation Of The Strongest Sword God 2515-2525
ตอนที่ 2515
สุดยอดดาบ
เมื่อได้เห็นมานาในสนามรบไปรวมตัวกันรอบๆ อควาโรสและไวโอเล็ทคลาวด์ การแสดงออกของโทรเบิ้ลไทม์ก็มืดมนลงทันที
ร่างมานานั้นจัดเป็นสัญลักษณ์ของขั้นสาม และผู้เล่นที่มาถึงขั้นสามแล้วนั้นก็ล้วนเข้าใจสิ่งหนึ่งดีอยู่ ซึ่งนั่นก็คือพวกเขาจะยังไม่สามารถควบคุมร่างมานาของตัวเองได้ พวกเขาจำเป็นต้องเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับร่างมานาก่อน จากนั้นพวกเขาจึงจะสามารถควบคุมและปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของพวกเขาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ ซึ่งมันจะทำให้พวกเขาสามารถแสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของขั้นสามออกมาได้
อย่างไรก็ตามปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาให้ได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และผู้เชี่ยวชาญขั้นสามหลายคนก็เพิ่งจะเริ่มต้นได้เท่านั้น ….
แต่ถึงกระนั้นตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญสองคนที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วกับมาเข้าร่วมการต่อสู้ด้วย แถมทั้งสองยังเป็นนักเวทย์อีก ….
“อะไรกัน ?! นี่มันไม่จริงใช่ไหม !! พวกเขาสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์กันแล้วงั้นหรอ ?!”
“สภาสิบแปดปีกเป็นกิลแบบไหนกัน ?”
เพอเพิ้ลรากษสและเกรซฟูลโมนาร์ชนั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างมาก ขณะที่พวกเขาจ้องมองไปยังอควาโรส และไวโอเล็ทคลาวด์ที่อยู่ห่างไกลออกไป
สภาสิบแปดปีกนั้นก็น่าทึ่งมากแล้วที่มีสัตว์ประหลาดอย่างซือเฟิง แต่ตอนนี้พวกเขากับได้รู้ว่ากิลมีผู้เชี่ยวชาญนักเวทย์อีกสองคนที่สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว นี่มันอะไรกัน ?
แม้ในระยะนี้ของเกม มหาอำนาจต่างๆก็ยังไม่น่าจะมีผู้เชี่ยวชาญที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ แต่สภาสิบแปดปีกกับมีถึงสอง ….
พวกเขาทำได้ยังไงกัน ?
แม้แต่อิลูซะรี่เวิร์ดก็ยังจ้องมองไปยังฉากนี้ด้วยความตกตะลึง เธอไม่สามารถพาให้ตัวเองไปเชื่อสิ่งที่เห็นได้เลย
เนื่องจากสมาชิกของมหาอำนาจต่างๆเริ่มจะเข้าสู่ขั้นสามกันมากขึ้นแล้ว ดังนั้นมหาอำนาจเหล่านี้จึงเริ่มเปลี่ยนจุดสนใจไปที่การช่วยให้สมาชิกขั้นสามของพวกเขาปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของพวกเขาให้ได้ แทนที่จะมามัวแต่เพิ่มจำนวนผู้เล่นขั้นสามให้มากขึ้น อย่างไรก็ตามการควบคุมร่างมานานั้นไม่เหมือนกับการควบคุมร่างกาย มันจำเป็นจะต้องควบคุมมานาให้ได้ในระดับที่สูงมากจึงจะสามารถเริ่มปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้ และแม้แต่ผู้เล่นนักเวทย์ที่มีความสัมพันธ์กับมานามากกว่าผู้เล่นสายกายภาพก็ยังมีข้อได้เปรียบกว่าแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
การปลดล๊อคศักยภาพร่างมานานั้นเป็นกระบวนการที่ต้องค่อยเป็นค่อยไป ผู้เล่นนั้นจำเป็นจะต้องทำการทดลองอย่างซ้ำๆ และค่อยๆเรียนรู้ไปอย่างช้าๆว่าร่างมานาของพวกเขาทำงานอย่างไร กระบวนการนี้ไม่สามารถจะข้ามไปได้เนื่องจากผู้เล่นมีร่างมานาที่แตกต่างกัน
ผู้เล่นระดับต้นๆในจักรพรรดิคริมสันนั้นได้ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาไปได้แค่ราวสามสิบห้าเปอเซ็นต์เท่านั้น ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญที่เหลือส่วนใหญ่ยังปลดล๊อคไม่ได้แม้แต่เปอเซ็นต์เดียวเลยด้วยซ้ำ และยิ่งปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาไปได้มากขึ้นเท่าไหร่ กระบวนการมันก็จะยิ่งยากขึ้นเท่านั้น จากการคาดการณ์ของจักรพรรดิคริมสัน ผู้เล่นขั้นสามควรต้องใช้ความพยายามอย่างน้อยสองถึงสามเดือนในการจะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาให้ได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ ไม่ว่าพวกเขาจะไปเผชิญหน้ากับโอกาสโดยบังเอิญหรือไม่ก็ตาม
อย่างไรก็ตามตอนนี้อิลูซะรี่เวิร์ดนั้นกับได้รู้ว่าอควาโรส และไวโอเล็ทคลาวด์ ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของพวกเธอได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว ….
จะให้เธอทำใจเชื่อเรื่องนี้ได้ยังไง ?
ยิ่งไปกว่านั้นมานาที่หญิงสาวสองคนนี้สามารถจะควบคุมได้นั้นมันก็น่ากลัวอย่างแท้จริง และแม้จะยืนอยู่ห่างออกมาหลายร้อยหลา แต่อิลูซะรี่เวิร์ดก็สามารถจะสัมผัสได้ถึงกระแสมานาที่ไหลเข้าหาพวกเขา ซึ่งมันดูราวกับว่าปลาวาฬกำลังอ้าปากสูดอากาศเข้าไป
ผู้หญิงสองคนนี้นั้นดูเหมือนเครื่องยนต์มานาเลย
และก่อนที่ใครจะทันได้หายตกตะลึง อควาโรสและไวโอเล็ทคลาวด์ก็ร่ายเวทย์บทสุดท้ายของพวกเขาเรียบร้อยแล้ว
และเมื่อเป็นแบบนี้นั้น วงเวทย์สีน้ำเงินขนาดใหญ่ที่ซ้อนทับกันสองชั้นก็ปรากฎขึ้นครอบคลุมพื้นที่ในรัศมีหนึ่งร้อยหลา ในขณะเดียวกันวงเวทย์สีเงินหลายร้อยวงก็ปรา
กฎขึ้นรอบไวโอเล็ทคลาวด์
สุดยอดเวทย์ขั้นสาม Frostburst Waterfall!
Shadow Rage!
ด้วยความช่วยเหลือจากร่างมานาของพวกเธอ สกิลของหญิงสาวทั้งสองจึงเข้าปกคลุมรัศมีสี่ร้อยหลาอย่างง่ายดาย
ทันใดนั้นเศษน้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วนก็โปรยปรายลงมาจากด้านบน และเมื่อมันตัดผ่านอากาศ มันก็ทำให้อากาศโดยรอบแข็งตัว ผู้เล่นปีศาจขั้นสองที่โดนเศษน้ำแข็งนี้ไปเต็มๆจะกลายเป็นรูปสลักน้ำแข็ง และตายลงทันที ขณะที่เมื่อเศษน้ำแข็งนี้โดนผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม พวกเขาก็สูญเสีย HP ไปหนึ่งในสามทันที
ในขณะที่น้ำแข็งของอควาโรสกำลังปกคลุมไปทั่วสนามรบ ใบดาบเงาของไวโอเล็ทคลาวด์จากสกิล Shadow Rage ก็ได้ร่ายรำท่ามกลางกลุ่มผู้เล่นปีศาจที่พยายามหลบหนี ซึ่งไม่เพียงแต่ร่างมานาของเธอจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับใบดาบเงาของเธอ แต่เศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานอย่างจี้เวทย์แห่งแสงก็ช่วยด้วยเช่นกัน
ใบดาบเงาสามร้อยเล่มที่มีพลังใกล้กับมาตราฐานขั้นสี่นั้นทำให้ผู้เล่นปีศาจที่หลบหนีของเขตเซนทิเนลไม่สามารถจะป้องกันได้เลย ซึ่งมันก็ไม่เว้นแม้แต่ผู้เล่นขั้นสามที่ HP ลดลงไปเรื่อยๆ
ขณะเดียวกันสำหรับผู้เล่นขั้นสองนั้นพวกเขาก็ต้านทานได้ไม่นานก่อนที่จะตายลง
ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ผู้เล่นที่พยายามจะหลบหนีของเขตเซนทิเนลก็ได้ถูกเปลี่ยนกลายเป็นรูปสลักน้ำแข็งหรือไม่ก็ถูกฆ่าโดยใบดาบเงา ก่อนจะกลายเป็นอนุภาคแสงไปทั้งหมด และแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่กำลังวิ่งหนีก็ไม่สามารถจะรอดพ้นจากความตายได้ ….
แม้ว่าฉากในสนามรบจะกลายเป็นโลกแห่งน้ำแข็งและแสงสว่าง แต่ก็ไม่มีผู้เล่นคนใดในเขตแสงสุดขีดที่ชื่นชมกับความงามนี้เลย ตรงกันข้ามพวกเขากับรู้สึกหวาดกลัวด้วยซ้ำเมื่อจ้องมองไปยังฉากแห่งการทำลายล้างตรงหน้า
ทุกคนนั้นรู้อยู่แล้วว่าผู้เล่นนักเวทย์จะสามารถแสดงพลังการต่อสู้ในสนามรบขนาดใหญ่ได้มากกว่าผู้เล่นสายกายภาพหลายเท่า แต่พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะชลึงอยู่ดี เมื่อได้เห็นผู้หญิงสองคนจัดการทำลายล้างศัตรูของพวกเธอ
อควาโรสและไวโอเล็ทคลาวด์นั้นใช้เวทย์เพียงแค่สองเวทย์เท่านั้น
และแม้จะเป็นการโจมตีที่น่ากลัวและมีขนาดใหญ่มากขนาดนี้ แต่การโจมตีของหญิงสาวทั้งสองก็ไม่ได้ทำร้ายพันธมิตรของพวกเธอเลย แถมมันยังลดจำนวนผู้เชี่ยวชาญของเขตเซนทิเนลลงไปอย่างมาก และเวลานั้นก็ผ่านไปเพียงสี่วินาทีนับตั้งแต่ที่พวกเขาทำการร่ายเวทย์ แต่พวกเขาก็ได้ฆ่าผู้เล่นไปมากกว่าสองร้อยคนแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยอดผู้เสียยังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆด้วย เมื่อเวลาผ่านไป …. แม้แต่ทีมผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม หนึ่งร้อยคนก็ยังไม่สามารถจะทำอะไรกับพวกเขาได้เลย
ผู้เล่นทุกคนที่มาจากเขตเซนทิเนลนั้นล้วนเป็นผู้เล่นปีศาจ และแม้แต่สมาชิกขั้นสองของพวกเขาก็ยังมีพลังการต่อสู้ใกล้เคียงกับผู้เล่นขั้นสาม หลังจากที่กลายร่างเป็นปีศาจแล้ว และในการต่อสู้กัน แม้แต่ผู้เล่นขั้นสามทั่วไปก็ยังยากจะฆ่าพวกเขาได้ นี่ไม่ต้องพูดถึงผู้เล่นปีศาจขั้นสามที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านั้นเลย ซึ่งโดยปกติการจะฆ่าพวกเขาให้ได้จริงๆนั้นจะต้องใช้เวลานานมากๆ
อย่างไรก็ตามอควาโรส และไวโอเล็ทคลาวด์นั้นกับใช้เวทย์ฆ่าผู้เล่นเหล่านี้ได้แทบจะทันทีโดยที่ฮีลเลอร์ของศัตรูไม่สามารถจะช่วยเหลืออะไรได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้นความเสียหายที่น่ากลัวที่เวทย์ของพวกเขาทำได้นั้นยังไม่ใช่แง่มุมที่น่ากลัวที่สุดของพวกเขา
สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจอย่างแท้จริงคือความจริงที่ว่าเวทย์เหล่านี้นั้นดูเหมือนจะมีชีวิตเป็นของตัวเอง โดยมันพุ่งเข้าโจมตีจุดบอดของผู้เล่นเสมอ และมีเพียงแค่เฉพาะผู้เชี่ยวชาญขอบเขตการปรับแต่งหรือสูงกว่าขึ้นไปเท่านั้นที่จะมีโอกาสป้องกันการโจมตีเหล่านี้ได้ ขณะที่คนอื่นๆส่วนใหญ่จะต้องรับผลกระทบเต็มๆจากการโจมตีนี้ ….
“แบล๊คเฟรม !!!” ดวงตาของโทรเบิ้ลไทม์นั้นปูดโปนด้วยความโกรธ เมื่อเขาได้เห็นลูกน้องของเขาทยอยตายลงทีละคนๆ ผู้เล่นทุกคนที่เขานำมาด้วยล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญของเขตเซนทิเนล และพวกเขาล้วนมีบทบาทสำคัญในเขตที่อยู่อาศัย เบอเซิกเกอร์นั้นกระโดดไปด้านหน้าและดึงคริสตัลสีดำขนาดใหญ่ออกมาจากกระเป๋าทันทีก่อนจะตะโกนว่า “เนื่องจากคุณจะไม่ปล่อยฉันและคนของฉันไปทั้งๆที่ยังมีชีวิต ดังนั้นฉันก็จะลากคุณลงไปกับเราด้วย !!!”
เมื่อพูดจบโทรเบิ้ลไทม์ก็บี้คริสตัลในมือของเขาจนแหลกเป็นเสี่ยงๆ
ทันใดนั้นเมฆสีดำก็ก่อตัวขึ้นเหนือที่ราบ และมันก็บังเกิดรอยแยกมิติขนาดมหึมาที่ทำให้ท้องฟ้าแตกออก และมือขนาดมหึมาก็ยื่นออกมาจากรอยแยกมิตินี้
ทั้งทีมของบลูฟอร์สและผู้เล่นในเขตแสงสุดขีดนั้นต่างเฝ้าดูฉากนี้อย่างหวาดกลัว
“อะไรกัน ?! มือราชันปีศาจ ?! เขามีเครื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน ?!”
“นี่โทรเบิ้ลไทม์บ้าไปแล้วงั้นหรอ ?! เขาต้องการจะทำให้ทุกคนตายไปกับเขาเลยงั้นหรอ ?!”
“มันจบแล้ว !!! พวกเราทั้งหมดตายแน่นอน !!!”
ผู้เล่นจากเขตแสงสุดขีดทุกคนนั้นอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งออกมาเมื่อได้เห็นความคลั่งของโทรเบิ้ลไทม์
มือราชันปีศาจนั้นคือฝันร้ายสำหรับผู้เล่นของดาร์คเดนทุกคน
ผู้เล่นอิสระคนหนึ่งเคยได้รับเครื่องมือแบบนี้มา และเขาก็ได้ใช้มันล้างแค้นให้กับเพื่อนของเขาที่ถูกขับออกจากเขตๆหนึ่งจนเขตๆนั้นถูกทำลายจนราบคาบ
การโจมตีจากมือของราชันปีศาจนี้มันเพียงพอจะทำให้เขตๆหนึ่งกลายเป็นฝุ่นไปเลย
ซึ่งแม้ว่าเขตแสงสุดขีดจะอยู่ห่างจากพื้นที่ใช้มือราชันปีศาจของโทรเบิ้ลไทม์หลายร้อยหลา แต่พวกเขาก็จะยังคงได้รับผลของมันอยู่ดี ….
แม้แต่อีลูซะรี่เวิร์ดก็ยังรู้สึกว่าความตายนั้นอยู่รอบตัวเธอ ไม่ต้องพูดถึงผู้ที่อยู่อาศัยในเขตนี้เลย แต่น่าเสียดายที่มันสายเกินไปที่จะหนีแล้ว และพื้นที่โดยรอบก็แทบจะหยุดนิ่งภายใต้อิทธิพลของมือราชันปีศาจ
เธอนั้นไม่สามารถแม้แต่จะใช้ม้วนคัมภีร์เคลื่อนย้ายทันทีเพื่อหนีได้ด้วยซ้ำ ….
และแม้ว่าเธอจะทำได้ แต่ม้วนคัมภีร์เคลื่อนย้ายทันทีก็ไม่น่าจะพาเธอหนีออกไปจากระยะของมือราชันปีศาจได้แน่นอน
มือราชันปีศาจ ? แม้แต่ซือเฟิงก็มีการแสดงออกที่มืดมน เมื่อเขาได้เห็นสิ่งนี้ เขาได้รีบเปิดใช้งานพลังสึกกร่อน เพื่อยกระดับตัวเองขึ้นไปอยู่ในขั้นสี่ชั่วคราวทันที ก่อนที่เขาจะกระโดดขึ้นไปในอากาศ และยกคิลลิงเรย์ของเขาขึ้นเหนือหัวด้วยมือทั้งสองข้าง
“ป้องกันมัน !!”
ดาบแรก ไลท์ชาโด้ว !!!
ตอนที่ 2516
ตำนานแห่งดาร์คเดน
ขณะที่ซือเฟิงกระโดดขึ้นไปในอากาศ เงาของดาบขนาดใหญ่ก็ล้อมรอบดาบศักสิทธิ์ของเขา ก่อนที่ซือเฟิงจะเหวี่ยงมันเข้าใส่มือราชันปีศาจที่กำลังลงมาโจมตีและสร้างความตกตะลึงให้กับผู้ชมที่เริ่มหมดหวัง
“นี่เขาพยายามจะป้องกันมือราชันปีศาจจริงๆงั้นหรอ ?!” เกรซฟูลโมนาร์ชตกตะลึง เมื่อเธอเห็นซือเฟิงกระโดดขึ้นไปในอากาศ
มือราชันปีศาจนั้นมีพลังโจมตีที่ขั้นห้า และแม้แต่วงเวทย์ป้องกันของเขตแสงสุดขีดก็ยังไม่สามารถจะหยุดมันได้ ซึ่งว่ากันจริงๆในระยะนี้ของเกมนั้นเวทย์นี้ไม่ควรจะสามารถถูกหยุดได้เลย
นี่เป็นเหตุให้ทุกคนจมอยู่กับความสิ้นหวัง ในขณะที่โทรเบิ้ลไทม์ทำการใช้มือราชันปีศาจ
เกรซฟูลโมนาร์ชนั้นไม่เคยคิดเลยว่าซือเฟิงจะเลือกที่จะเผชิญหน้ากับมือราชันปีศาจ แทนที่จะลองหนีไป เขาบ้าคลั่งอย่างแท้จริง
ตอนนี้สิ่งเดียวที่ผู้ชมทุกคนทำได้คือส่ายหัว ขณะที่เฝ้าดูฉากนี้
มันไม่ควรจะมีผู้เล่นคนใดสามารถป้องกันการโจมตีของมือราชันปีศาจได้ในระยะนี้ของเกม ผู้เล่นอาจจะสามารถลองหนีเพื่อเอาชีวิตรอดได้ อย่างไรก็ตามการโจมตีของมือราชันปีศาจนี้ก็ปกคลุมไปทั่วระยะหลายพันหลาและแช่แข็งมานาเอาไว้ ซึ่งหากไม่มีม้วนคัมภีร์เวทย์มนต์ขั้นสูงเพียงพอ การที่ผู้เล่นจะทะลุผ่านพื้นที่การโจมตีนี้ไปได้ด้วยสองเท้าของตัวเองนั้นก็แทบเป็นไปไม่ได้เลย
“คุณสามารถปราบปรามเขตเซนทิเนลทั้งหมดได้แล้วยังไงล่ะ ?! ต่อหน้ามือราชันปีศาจ คุณก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าวัชพืชหรอก !!!” โทรเบิ้ลไทม์หัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน ขณะที่มองเห็นซือเฟิงพยายามจะโจมตีโต้ตอบมือราชันปีศาจ “คุณจะต้องตายไปพร้อมกับคนของเขตเซนทิเนล !!!”
มือราชันปีศาจนั้นเป็นไพ่ลับที่ดีที่สุดที่เขามี เขาไม่ต้องการจะใช้มันเลย แต่อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถปล่อยให้สภาสิบแปดปีกหนีรอดไปได้ หลังจากที่สภาสิบแปดปีกทำการสังหารหมู่ทีมของเขา
ในระยะนี้ของเกมนั้น การจะหยุดมือราชันปีศาจให้ได้ ผู้เล่นจะต้องฆ่าศัตรูผู้ใช้มันให้ได้ก่อนที่ศัตรูจะทำให้คริสตัลแตกเป็นเสี่ยงๆ เพราะเมื่อคริสตัลแตกเป็นเสี่ยงๆไป ไม่เพียงแต่มือราชันปีศาจจะถูกเปิดใช้งานแล้ว แต่มันยังจะทำการล้อมรอบผู้ใช้ด้วยบาเรียป้องกัน ซึ่งทำให้ผู้ใช้ปลอดภัยจากผลของมือราชันปีศาจ
เมื่อถึงเวลาที่โทรเบิ้ลไทม์พูดจบ เงาของดาบขนาดใหญ่ของซือเฟิงก็เข้าปะทะกับมือราชันปีศาจ
มือราชันปีศาจนั้นมีขนาดใหญ่เท่ากับภูเขา และแม้ว่าเงาของดาบขนาดใหญ่ของซือเฟิงจะค่อนข้างใหญ่ แต่มันก็ดูเป็นไม้จิ้มฟันไปเลย เมื่อเทียบกับมือขนาดมหึมา มันดูไม่มีอะไรสำคัญเลย !!!
ตู้ม !!!
ทันทีที่การโจมตีทั้งสองปะทะกัน ท้องฟ้าก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ และมันก็มีรอยแยกมิติขนาดใหญ่ปรากฎขึ้นเป็นระยะทางยาวหลายร้อยหลา เสียงระเบิดนั้นดังกึกก้องไปทั่วแผนที่ และคลื่นกระแทกที่รุนแรงก็ได้ซัดให้ผู้เล่นที่อยู่เบื้องล่างหลายคนปลิวกระเด็นไป
เมื่อคลื่นกระแทกนี้ผ่านไป ผู้ชมที่เฝ้าดูอยู่ทั้งหมดก็เงยหน้าขึ้นมอง และก็ได้เห็ว่ามือขนาดมหึมานี้นั้นได้หยุดชะงักราวกับมันเจอเข้ากับกำแพงที่มองไม่เห็น
ทันใดนั้นร่างๆหนึ่งก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้าราวกับดาวตก ซึ่งมันก็มีแรงมากพอที่จะส่งผลกระทบให้เกิดปล่องภูเขาไฟที่มีความลึกหลายเมตร และกว้างมากกว่าสิบเมตร
ทุกคนนั้นตัวแข็งค้างด้วยความตกตะลึง
ชั่วครู่หนึ่ง พวกเขานั้นพูดไม่ออกจริงๆ จนหลังจากสี่วินาทีผ่านไป ….
“เขาทำมันได้ ?!”
“เขาป้องกันมันได้จริงๆงั้นหรอ ?!”
“แต่นั่นมันคือมือราชันปีศาจนะ !!! มันทรงพลังพอๆกับการโจมตีขั้นห้า !!! นี่เขายังเป็นมนุษย์อยู่รึปล่าว ?!!”
ผู้เล่นของเขตแสงสุดขีดอุทานออกมาด้วยความตกตะตึง ครู่หนึ่งพวกเขาลืมที่จะเฉลิมฉลองความจริงที่ว่าพวกเขานั้นเพิ่งจะรอดชีวิตจากการโจมตีของมือราชันปีศาจ
“นี่คือหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีกงั้นสินะ …” ดวงตาของเพอเพิ้ลรากษสเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ขณะที่เธอมองไปยังมือขนาดมหึมาที่ค่อยๆจางหายไป
ซือเฟิงนั้นแข็งแกร่งเกินไป !!!
เธอนั้นได้พบกับผู้เชี่ยวชาญมามากมาย หลังจากออกจากดาร์คเดน แต่ไม่มีใครเทียบได้กับซือเฟิงเลย ความแข็งแกร่งของเขามันเกินคำบรรยายอย่างแท้จริง
มือราชันปีศาจนั้นคือฝันร้ายสำหรับผู้เล่นทุกคนในดาร์คเดน และเมื่อต้องเผชิญหน้ากับมัน ผู้เล่นสามารถทำได้แค่รอความตายเท่านั้น มันไม่มีอะไรที่พวกเขาจะทำได้มากกว่านี้
แต่ซือเฟิงกับหยุดมือราชันปีศาจไว้ได้
มันจะไม่มีใครเชื่อเธอแน่นอน หากเธอไปเล่าเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ แต่ตอนนี้นั้นเธอได้เห็นมันด้วยตาตัวเองจริงๆ
นี่เขาคือแบล๊คเฟรมจริงๆงั้นหรอ ?! อิลูซะรี่เวิร์ดที่ได้เห็นฉากนี้นั้นพูดไม่ออกเลย เธอแทบไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เธอได้เห็น
เรากำลังพูดถึงการโจมตีขั้นห้า !!!
มันไม่มีแม้แต่เมืองกิลในโลกภายนอกแห่งใดที่จะสามารถรอดพ้นจากการโจมตีดังกล่าวได้ ขณะที่สำหรับเขตแสงสุดขีดนั้น หากโดนมือราชันปีศาจเข้าไปเต็มๆ มันก็จะไม่มีอะไรเหลืออยู่แน่นอน
อย่างไรก็ตามซือเฟิงกับป้องกันการโจมตีนี้ไว้ได้ และช่วยพวกเขาไว้ได้ทั้งหมด
ซึ่งมันมีเพียงแต่สัตว์ประหลาดเก่าแก่ของซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดห้าอันดับแรกเท่านั้นที่จะสามารถทำอะไรแบบนี้ได้
เป็นไปไม่ได้ ?!! มันจะมีใครป้องกันมันได้ยังไงกัน ?!! ตอนนี้โทรเบิ้ลไทม์รู้สึกตกตะลึงและพูดไม่ออกอย่างมากเมื่อเห็นมือราชันปีศาจหายไป และตอนนี้จิตใจของเขาก็ปฎิเสธที่จะยอมรับสถานการณ์นี้โดยสัญชาตญาณ
การโจมตีของราชันปีศาจขั้นห้านั้นมันเพียงพอจะทำให้ผู้เล่นขั้นสี่กลายเป็นไอได้เลย ไม่ต้องพูดถึงผู้เล่นขั้นสาม และมันไม่ควรจะเป็นไปได้เลยที่ผู้เล่นในปัจจุบันจะสามารถป้องกันการโจมตีได้
แต่ตอนนี้ไม่ว่าเบอเซิกเกอร์จะขยี้ตาตัวเองแรงขนาดไหน เขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนความจริงในฉากที่เขาเห็นตรงหน้าได้
ขณะเดียวกันในระหว่างทุกคนกำลังตกตะลึง และอิ่มเอมใจต่อการหายไปของมือราชันปีศาจ ร่างๆหนึ่งก็ดึงตัวเองออกมาจากปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่กลางสนามรบ ซึ่งร่างนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากซือเฟิงที่ป้องกันการโจมตีจากมือราชันปีศาจไว้ได้
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้นั้นเขาอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชมาก ไม่เพียงแต่เขาจะบาดเจ็บสาหัส แต่เขายังมี HP เหลือน้อยกว่าสิบเปอเซ็นต์ ขณะที่ดาบศักสิทธิ์ในมือของเขาก็สั่นอย่างรุนแรงราวกับกำลังร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด
“เขายังไม่ตาย ?!”
“เขารอด ?!”
“นี่พลังป้องกันและ HP ของเขาสูงแค่ไหนกัน ?!”
ปากของทุกคนอ้ากว้างด้วยความตกตะลึง เมื่อพวกเขาสังเกตเห็นซือเฟิงโผล่ออกมาจากปล่องภูเขาไฟ
ความจริงที่ว่านักดาบสามารถป้องกันมือราชันปีศาจไว้ได้มันก็ไม่น่าเชื่อมากแล้ว แต่ตอนนี้พวกเขากับได้รู้อีกว่านักดาบผู้นี้รอดมาได้จากการทำแบบนี้
เขาเพิ่งเผชิญหน้ากับการโจมตีขั้นห้าที่สามารจะทำให้มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายขั้นสี่บาดเจ็บสาหัสได้ ซึ่งผู้เล่นในปัจจุบันนั้นไม่ควรมีความหวังว่าจะรอดชีวิตจากเหตุการณ์แบบนี้ไปได้
“หัวหน้ากิล !!!”
เมื่อบลูฟอร์สและเพื่อนของเขาเห็นซือเฟิงรอดมาได้ ดวงตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความภาคภูมิใจ
พวกเขาพึ่งได้เห็นการสร้างตำนาน !!!
และสภาสิบแปดปีก กิลของพวกเขาก็เป็นผู้รับผิดชอบในการสร้างมันขึ้น !!!
ทั้งซือเฟิงและสภาสิบแปดปีกจะกลายเป็นดั่งตำนานแห่งดาร์คเดนแน่นอน เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป
ตอนที่ 2517
ชื่อเสียงแพร่กระจายไปทั่วดาร์คเดน
ทุกคนต่างประหลาดใจที่ซือเฟิงรอดชีวิตมาได้จากการพยายามป้องกันการโจมตีจากมือราชันปีศาจ แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ซือเฟิงกับทำได้แค่เพียงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ขอบคุณพระเจ้า พลังของมือราชันปีศาจนั้นมันยังไม่ได้อยู่ในขั้นห้าที่แท้จริง ถ้ามันแข็งกว่านี้อีกสักหน่อย แม้แต่โล่วอยก็จะไม่สามารถช่วยฉันได้แน่นอน
เมื่อซือเฟิงมองไปที่แถบ HP ของตัวเอง เขาก็ตระหนักว่าเขาเกือบจะตายไปแล้ว หากผู้เชี่ยวชาญที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วมาใช้มือราชันปีศาจแทนโทรเบิ้ลไทม์ เขาจะไม่มีโอกาสแม้แต่จะต้านทานได้ด้วยซ้ำ
ใน God domain เอฟเฟคของเครื่องมือเวทย์มนต์นั้นจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับสถานะของร่างมานา และเมื่อผู้เล่นที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอ
เซ็นต์ใช้มันนั้น มันก็จะช่วยยกระดับพลังของเครื่องมือเวทย์มนต์ขึ้นอย่างมาก
หากผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าเป็นผู้ใช้มือราชันปีศาจ พวกเขาก็น่าจะสามารถเพิ่มพลังมือราชันปีศาจให้ขึ้นไปอยู่ที่จุดสูงสุดของขั้นห้าได้ แต่อย่างไรก็ตามโชคดีที่โทรเบิ้ลไทม์ยังไม่สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของเขาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์
ด้วยความช่วยเหลือจากเกราะ Disintegration ซือเฟิงนั้นได้บังคับให้ตัวเองขึ้นไปปอยู่ขั้นสี่ได้ชั่วคราว แต่ความแข็งแกร่งของเขานั้นก็ไม่ได้อยู่ใกล้กับขั้นห้าเลย แม้ว่าเขาจะใช้ดาบแรก ไลท์ชาโด้วได้โดยมีพลังที่จุดสูงสุดของขั้นสี่ แต่การที่จะรับมือกับการโจมตีขั้นห้าที่แท้จริงให้ได้นั้น เขาก็จะต้องใช้ดาบที่สอง โฮลี่ดีวอร์ให้ได้อย่างเชี่ยวชาญ
สาเหตุหลักๆที่ทำให้เขามีสภาพที่น่าสังเวชแบบนี้คือความจริงที่ว่า ตัวเขาเองก็ยังใช้ไลท์ชาโด้วได้อย่างสมบูรณ์แบบไม่ได้ แม้ว่าเขาจะพัฒนาเทคนิคมาจนแทบสมบูรณ์แล้วก็ตาม ไม่งั้นมันจะช่วยเขาลดความเสียหายที่ได้รับจากมือราชันปีศาจลงไปได้มากกว่านี้แน่นอน
อย่างไรก็ตามนี่ก็นับเป็นขีดจำกัดในปัจจุบันของเขาแล้ว การจะใช้ไลท์ชาโด้วให้ได้สมบูรณ์แบบในตอนนี้มันยังเป็นไปไม่ได้ในทางปฎิบัติ แม้ว่าเขาจะขึ้นไปอยู่ขั้นสี่ได้ชั่วคราวก็ตาม
เทคนิคมานานั้นไม่เหมือนกับเทคนิคการต่อสู้ มันมุ่งเน้นไปที่การจัดการมานา
ด้วยเทคนิคการต่อสู้นั้น ยิ่งร่างกายของผู้เล่นแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งใช้ได้ง่ายขึ้นเท่านั้น กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ยิ่งผู้เล่นมีขั้นสูงเท่าไหร่ พวกเขาก็จะใช้เทคนิคการต่อสู้ได้ง่ายขึ้นเท่านั้น
อย่างไรก็ตามตรงกันข้ามกับเทคนิคการต่อสู้ เทคนิคมานานั้นยิ่งผู้เล่นเข้าถึงขั้นที่สูงขึ้นมากเท่าไหร่ ผู้เล่นก็จะยิ่งสัมผัสได้ถึงมานามากขึ้น และยิ่งควบคุมมานาได้ยากขึ้นเท่านั้น
เพียงแค่ใช้ไลท์ชาโด้วในขั้นสี่มันก็ผลาญค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขาไปมากกว่าครึ่งแล้ว อัตราการผลาญค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจที่เขาต้องใช้นั้นมันสูงกว่าตอนใช้เทคนิคนี้ตอนอยู่ในขั้นสามหลายเท่า ….
“เมื่อคุณโจมตีเรียบร้อยแล้ว ผู้บัญชาการโทรเบิ้ล มันก็ถึงตาฉันแล้ว !!!” ซือเฟิงกล่าวขึ้น พลางจ้องมองไปยังเบอเซิกเกอร์ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลด้วยดวงตาเย็นชา
แม้ว่าซือเฟิงจะไม่ได้พูดดังมากนัก แต่เมื่อผู้รอดชีวิตของเขตเซนทิเนลได้ยินคำพูดของเขานั้น ทุกคนก็ล้วนขนลุกและเต็มไปด้วยความหวาดกลัวมากๆ
แม้แต่สัญชาตญาณของโทรเบิ้ลไทม์ก็ยังกรีดร้องให้เขาต้องวิ่งหนี และเขาก็ก้าวถอยหลังไปทีละก้าวโดยไม่รู้ตัว ในขณะที่ซือเฟิงค่อยๆเดินเข้าหาเขา
นักดาบผู้นี้นั้นแข็งแกร่งมาก !!! เขาคือสัตว์ประหลาดที่แท้จริงเลย !!!
ชายคนนี้นั้นรอดชีวิตจากการโจมตีของมือราชันปีศาจ และตอนนี้โทรเบิ้ลไทม์ก็นึกไม่ออกแล้วว่าเขาจะสามารถทำอะไรกับซือเฟิงได้อีก แม้ว่าเขาจะรู้ว่าซือเฟิงนั้นก็อยู่ในสภาพน่าสังเวชมากแล้ว หลังจากรับมือกับการโจมตีจากมือราชันปีศาจ และเขาก็อาจจะฆ่านักดาบได้ด้วยการโจมตีปกติ แต่ตอนนี้เขากลัว กลัวมากๆ …. กลัวแม้แต่จะต้องพยายาม
มันไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่า ซือเฟิงจะไม่มีไพ่ให้เล่นอีกในมือของเขา ยิ่งไปกว่านั้นผู้เล่นปีศาจยังต้องจ่ายในราคาสูงกว่าผู้เล่นมนุษย์มาก เมื่อพวกเขาตาย โดยเฉพาะผู้เล่นปีศาจ ระดับวิสเค้าน์แบบโทรเบิ้ลไทม์
ผู้ชมนั้นทำได้แค่อ้าปากค้าง ในขณะที่พวกเขามองไปยังฉากนี้
“เขายังสามารถต่อสู้ได้อีกงั้นหรอ ในสภาพแบบนี้ ?” จิตใจของเกรซฟูลโมนาร์ชนั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ เมื่อเธอสัมผัสได้ถึงออร่าของซือเฟิงที่แข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ และไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนแอลงเลย
แม้แต่เธอจะมั่นใจว่าเธอสามารถจะเอาชนะซือเฟิงได้อย่างง่ายดาย ในสถานะปัจจุบันของเขา ไม่ต้องพูดถึงผู้เล่นปีศาจอย่างโทรเบิ้ลไทม์เลย แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้เมื่อเธอมองไปยังนักดาบที่กำลังเดินเข้าหาโทรเบิ้ลไทม์อย่างช้าๆนั้น สัญชาตญาณของเธอก็เตือนให้เธอหนี ….
“แบล๊คเฟรม ฉันขอยอมแพ้ !!! แต่อย่าคิดนะว่าเขตเซนทิเนลจะยอมแพ้ !!! อีกไม่นานเขตของเราจะเข้ายึดเขตหนึ่งของคุณได้แน่นอน !!!” โทรเบิ้ลไทม์รวบรวมความกล้าตะโกนขึ้น
จากนั้นเบอเซิกเกอร์ก็ดึงเอาม้วนคัมภีร์เวทย์มนต์สีเงินโบราณออกมาจากกระเป๋า และเปิดใช้งานมันโดยไม่ลังเล ซึ่งมันก็ทำให้เกิดรอยแยกมิติจนทำให้ผู้เล่นทั้งหมดโดยรอบบริเวณได้เห็นเมืองที่ถูกปกคลุมไปด้วยด้วยความมืดท่ามกลางต้นไม้ที่ถูกไฟไหม้
ม้วนคัมภีร์ Boundary Breaker ? ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่ได้เห็นฉากตรงหน้า เขาไม่เคยคิดเลยว่าโทรเบิ้ลไทม์จะมีม้วนคัมภีร์ที่ล้ำค่าแบบนี้
ม้วนคัมภีร์ Boundary Breaker นั้นเป็นหนึ่งในม้วนคัมภีร์เวทย์มนต์โบราณที่หายากมากๆใน God domain ซึ่งตราบใดที่มีพิกัดของสถานที่เป้าหมาย ผู้เล่นจะสามารถเทเลพอร์ตไปยังสถานที่นั้นได้จากทุกที่ในเกม แม้จะอยู่ในโลกหรือทวีปอื่นก็ตาม และในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิงนั้น มันเป็นสิ่งที่ผู้เล่นที่มีมักใช้หนีจากพวกขั้นห้า หรือขั้นหกที่พวกเขาไม่สามารถต่อกรได้
ในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิง ม้วนคัมภีร์ Boundary Breaker นั้นมีการเสนอซื้อในราคามากกว่าหกพันเหรียญทองต่อหนึ่งม้วนด้วยซ้ำ แต่กระนั้นก็ยังไม่ค่อยมีใครเต็มใจจะขายมัน
“รอก่อนเถอะแบล๊คเฟรม !!! ครั้งต่อไปที่เราพบกัน เขตหนึ่งของคุณจะต้องล่มสลาย !!!” โทรเบิ้ลไทม์ตะโกนและยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน เมื่อเขาแน่ใจว่าเขาจะสามารถหนีไปจากซือเฟิงได้ จากนั้นเขาก็กระโดดเข้าไปในรอยแยกมิติ และหายออกไป
จากดารคเดน
ผู้เล่นทุกคนในเขตแสงสุดขีด รวมไปถึงทีมของบลูฟอร์สนั้นล้วนเต็มไปด้วยประหลาดใจอย่างมาก เมื่อได้เห็นฉากนี้ ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าโทรเบิ้ลไทม์นั้นเลือกจะหลบหนี หลังจากที่เขาถูกทำให้อับอายมากขนาดนี้
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเลือกจะหนีโดยไม่คิดอะไรเลย !!!
โทรเบิ้ลไทม์นั้นเป็นที่รู้จักกันอย่างมากในดาร์คเดน ในเรื่องของความกล้าหาญ และบ้าคลั่ง หากเขาคิดว่าตัวเองยังมีโอกาสชนะ แม้เพียงเล็กน้อย เขาก็จะเลือกที่จะสู้ต่อจนกว่าจะจบ แต่ตอนนี้ ….
“นี่ใช่โทรเบิ้ลไทม์ที่เรารู้จักจริงๆงั้นหรอ ?”
“ปฎิกิริยาของเขา มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจนี่นา ถ้าฉันเป็นเขา ฉันก็จะเลือกที่จะหนีจากแบล๊คเฟรมเช่นกัน แม้แต่มือราชันปีศาจยังจัดการกับแบล๊คเฟรมไม่ได้ แล้วผู้เล่นขั้นสามจะไปทำอะไรกับเขาได้กัน ?”
“แบล๊คเฟรมนั้นน่าทึ่งมากๆ !!! ด้วยมีหัวหน้ากิลแบบนี้ สภาสิบแปดปีกจะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการพัฒนาของตัวเองเลย !!!”
“ฉันสงสัยจังว่าเขตหนึ่งของสภาสิบแปดปีกยังรับสมัครสมาชิกอยู่รึปล่าว ? ถ้ายังรับ ฉันจะสมัครแน่นอน !!!”
หลังจากเงียบกันไปชั่วครู่หนึ่ง เขตแสงสุดขีดก็ปะทุขึ้นด้วยความรู้สึกตื่นเต้นของผู้เล่นหลายคน ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดถึงการหลบหนีของโทรเบิ้ลไทม์ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมซือเฟิงไปด้วย และมันมีผู้เล่นจำนวนหนึ่งที่เข้ามาอาศัยในเขตแสงสุดขีดได้ระยะหนึ่งที่เริ่มพิจารณาการย้ายเขตไปสมัครเข้าร่วมกับเขตหนึ่งและสภาสิบแปดปีก
ตัวตนของซือเฟิงเพียงแค่อย่างเดียวนั้นมันก็มากเกินพอจะยับยั้งมหาอำนาจส่วนใหญ่ไม่ให้เข้าโจมตีเขตหนึ่ง นอกจากนี้ซือเฟิงยังไม่ใช่ผู้เล่นเพียงแค่คนเดียวที่แข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีก หากพวกเขาสามารถเรียนรู้จากสัตว์ประหลาดเหล่านี้ได้ พวกเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ยังไงเขาก็ยังหนีไปได้งั้นหรอ ? …” บลูฟอร์สขมวดคิ้ว เมื่อเห็นรอยแยกมิติตรงหน้าค่อยๆหายไป
แม้ว่าเขาจะประหลาดใจกับการที่โทรเบิ้ลไทม์ตัดสินใจหนีไปอย่างเด็ดขาด แต่การกระทำของชายคนนี้ก็ถือว่าเข้าใจได้ ความแข็งแกร่งของซือเฟิงนั้นมันน่ากลัวเกินไป ดังนั้นมันจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาเลือกจะหนี แม้ว่าซือเฟิงตอนนี้จะอยู่ในสภาพอ่อนแอมากก็ตาม
ในขณะที่หลายคนมองว่าคำพูดส่งท้ายของโทรเบิ้ลไทม์นั้นไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการพยายามขู่เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของตัวเอง แต่บลูฟอร์สนั้นก็รู้ดีว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น
ดาร์คเดนนั้นเสนอสภาพแวดล้อมที่ได้เปรียบให้กับผู้เล่นปีศาจ และตอนนี้โทรเบิ้ลไทม์ก็ได้เห็นถึงความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงจะต้องเตรียมการมาอย่างดีแน่นอนในการจะโจมตีกิลครั้งหน้า ยิ่งไปกว่านั้นความจริงที่ว่าเบอเซิกเกอร์ได้ใช้เครื่องมือล้ำชิ้นแล้วชิ้นเล่า มันก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขตเซนทิเนลนั้นมีพลังอันยิ่งใหญ่สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
หากพวกเขาไม่จัดการกับเรื่องนี้อย่างเหมาะสม เขตหนึ่งจะต้องเผชิญหน้ากับอันตรายอย่างแท้จริง
“หนี ? นี่คุณคิดว่าคุณจะหนีจากฉันไปได้ง่ายๆหรอ ?” ซือเฟิงหัวเราะเบาๆ ในขณะที่เขาเฝ้าดูรอยแยกมิติปิดลง
ตอนที่ 2518
ฆ่าโดยไม่สนระยะทาง
“เธอล๊อคเป้าเขาไว้รึยัง ? ไฟเออร์แดนซ์ …” ซือเฟิงถาม ขณะที่หันไปมองไฟเออร์แดนซ์ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล
ผู้เล่นนั้นมีหลายวิธีในการหลบหนีเพื่อใช้ชีวิตอีกวันใน God domain และเมื่อคนใดคนหนึ่งต้องการจะตามล่าผู้เล่นที่หลบหนี พวกเขาก็จะสามารถพึ่งพาสกิลและเวทย์ติดตามได้
ในบรรดาอาชีพหลักทั้งหมด แอสซาซินนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญในการติดตามและกำจัดเป้าหมายมากที่สุด
เมื่อแอสซาซินมาถึงขั้นสาม และปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ ความสามารถในการติดตามของพวกเขาก็จะได้รับการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ พวกเขาสามารถจะใช้มานาของตัวเองเพื่อทำเครื่องหมายไว้ที่ผู้เล่นคนอื่นได้ ซึ่งวิธีนี้นั้นไม่เหมือนกับม้วนคัมภีร์ติดตาม หรือดีบัฟใดๆใส่เป้าหมาย ทำให้มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะตรวจพบได้ และนอกเหนือจากผู้เล่นเป้าหมายจะทำการลบมานาที่แอสซา
ซินทิ้งไว้นั้น พวกเขาก็จะไม่สามารถสลัดหลุดการติดตามได้เลย
“มั่นใจได้เลยหัวหน้ากิล มานาของฉันติดตัวเขาไปแล้ว แม้ว่าเขาจะหนีไปสุดขอบโลก แต่ฉันก็จะสามารถหาเขาเจอได้แน่นอน” ไฟเออร์แดนซ์กล่าวยืนยัน พลางพยักหน้า
เธอนั้นได้ล๊อคมานาของเธอใส่สมาชิกของเขตเซนทิเนลทุกคนก่อนที่เธอจะทำการฆ่าชิลวอริเออร์ขั้นสามแล้ว และแม้ว่าอควาโรสกับไวโอเล็ทคลาวด์จะไม่เคลื่อนไหว แต่มันก็จะไม่มีผู้เล่นคนไหนจากเขตเซนทิเนลที่เข้าร่วมการต่อสู้สามารถหนีรอดจากพวกเขาไปได้แน่นอน
“หัวหน้ากิล หัวหน้าตั้งใจจะไล่ล่าโทรเบิ้ลไทม์จริงๆงั้นหรอ ? ปลายทางของรอยแยกมิตินั้นมันคือเมืองที่ถูกปกคลุมไปด้วยพลังแห่งความมืด มันมีโอกาสเก้าสิบเปอเซ็นต์เลยนะที่มันจะอยู่ในดินแดนของผู้เล่นปีศาจ และถ้าเราไปที่นั่น ผู้เล่นปีศาจก็จะมีความได้เปรียบเรามากๆ และแม้แต่ตัวหัวหน้ากิลเองต่อให้ไปถึงที่นั่นก็น่าจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการจะจัดการกับโทรเบิ้ลไทม์ …” บลูฟอร์สกล่าวขัดจังหวะและแนะนำซือเฟิงอย่างรวดเร็ว โดยพยายามห้ามซือเฟิงจากการไปตามล่าเบอเซิกเกอร์
แม้ว่าโทรเบิ้ลไทม์จะยังคงเป็นภัยคุกคามต่อเขตหนึ่ง แต่เขตเซนทิเนลก็ยังคงต้องใช้เวลาอีกสักพักแน่นอนเพื่อฟื้นตัวจากการสูญเสียผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก ในขณะเดียวกันเขตหนึ่งก็สามารถที่จะใช้โอกาสนี้เพื่อพัฒนาและเติบโตอย่างแข็งแกร่งได้ เพราะหลังจากการต่อสู้ในวันนี้ ชื่อเสียงของสภาสิบแปดปีกจะแพร่กระจายไปทั่วดาร์คเดนแน่นอนและมันก็จะมีผู้เล่นจำนวนมากปรากฎตัวขึ้นเพื่อเข้าร่วมกับเขตหนึ่ง ซึ่งมันจะทำให้เขตหนึ่งไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องความเร็วในการพัฒนาเลย
เมื่อพวกเขาอัพเกรดเขตหนึ่งเป็นเขตขนาดใหญ่ได้เมื่อไหร่ โทรเบิ้ลไทม์ก็จะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากแน่นอนในการคุกคามเขตหนึ่ง
“แน่นอน ผู้เล่นเหล่านี้เลือกจะเป็นหนึ่งในศัตรูของสภาสิบแปดปีก !!! ดังนั้นฉันจึงต้องทำให้แน่ใจว่าพวกเขาจะรู้ถึงราคาสำหรับการทำแบบนั้น !!!” ซือเฟิงประกาศอย่างเด็ดขาด
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เขาอาจยอมปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป
แต่เวลานั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว ในตอนนี้ดาร์คเดนนั้นมีการติดต่อกับโลกภายนอกมากขึ้น และในอนาคตมันก็จะมีมหาอำนาจอีกจำนวนมากเข้ามาที่นี่แน่นอน
ซึ่งหากมหาอำนาจต่างๆต้องการจะพัฒนาในดาร์คเดน พวกเขาก็จำเป็นจะต้องมีเขตของตัวเองซะก่อน แต่การเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากโลกอื่นนั้นอาจต้องใช้เวลานานมาก หากพวกเขาต้องสร้างและขยายเขตเองตั้งแต่เริ่มต้น ดังนั้นพวกเขาจึงจะต้องพยายามเข้ายึดครองเขตที่พัฒนาแล้วแน่นอน
ตอนนี้เขตเซนทิเนลนั้นก็เป็นมหาอำนาจกลุ่มแรกแล้วที่กำหนดเป้าหมายมาที่เขตหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงจำเป็นจะต้องสอนบทเรียนให้กับคนเหล่านี้ และใช้มันเป็นตัวอย่างแสดงพลังของสภาสิบแปดปีกให้ทุกคนได้เห็น หากเขาไม่ลงมือตอนนี้ มันจะมีมหาอำนาจต่างๆกำหนดเป้าหมายมาที่เขตหนึ่งของสภาสิบแปดปีกมากขึ้นในอนาคต
“ฉันเข้าใจ ฉันจะไปเตรียมการทั้งหมดที่จำเป็นทันที แต่ตอนนี้มหาอำนาจต่างๆล้วนกำลังต่อสู้กันเพื่ออำนาจเหนือประตูเทเลพอร์ตระดับทองแดง ดังนั้นการเดินทางไปยังทวีปหลักจึงจะเป็นเรื่องท้าทายมาก ฉันกลัวว่าเราจะต้องใช้เวลาสักพัก ก่อนที่เราจะสามารถไปตามล่าโทรเบิ้ลไทม์ได้ ….” บลูฟอร์สกล่าว
บลูฟอร์สเข้าใจถึงสิ่งที่ซือเฟิงต้องการจะทำ เมื่อเขาได้ยินคำตอบของซือเฟิง เห็นได้ชัดว่าซือเฟิงต้องการจะให้กรณีของโทรเบิ้ลไทม์เป็นตัวอย่าง แต่การเดินทางไปมาระหว่างทวีปหลักกับดาร์คเดนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และจนถึงตอนนี้ประตูเทเลพอร์ตระดับทองแดงก็เป็นวิธีเดียวที่เชื่อถือได้ แต่เขตหนึ่งก็ไม่ได้มีอันดับสูงพอจะได้รับสิทในการจัดการประตู
พวกเขานั้นจำเป็นจะต้องยืมประตูเทเลพอร์ตระดับทองแดงของเขตขนาดใหญ่ต่างๆ แต่น่าเสียดายที่ช่องที่มีอยู่ของประตูนั้นมีจำกัด และส่วนใหญ่ก็ได้รับการแจกจ่ายไปแล้ว ดังนั้นการเดินทางไปยังทวีปหลักในเร็วๆนี้คงไม่ใช่เรื่องง่าย
ทันทีที่บลูฟอร์สกล่าวจบ เสียงที่นุ่มนวลก็ดังขึ้นมา
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม หากคุณต้องการเข้าไปที่เมืองปีศาจ ฉันสามารถช่วยคุณได้ …”
อินทรีที่มีเขาค่อยๆร่อนลงมาจากด้านบน และเสียงที่นุ่มนวลนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอิลูซะรี่เวิร์ด
“คุณรู้งั้นหรอว่ามันอยู่ที่ไหน ?” ซือเฟิงถามด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เขานั้นรู้ว่าดินแดนของผู้เล่นปีศาจอยู่ในทวีปหลัก แต่มันก็คล้ายกับดินแดนลับ ไม่เพียงแต่มันจะหายากอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ที่ตั้งของมันยังไม่แน่นอน ด้วยเหตุนี้มหาอำนาจต่างๆในชีวิตที่ผ่านมาของเขาจึงล้วนต้องดิ้นรนกันอย่างหนักเพื่อกำจัดพลังปีศาจ
“มันจะแม่นยำกว่า หากบอกว่าฉันมาจากเมืองนั้น …” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ในเมื่อเป็นแบบนั้น คุณคิดราคาเท่าไหร่ ?” ซือเฟิงถาม
เขาคิดว่าผู้หญิงคนนี้ไม่มีทางจะช่วยเขาฟรีๆแน่นอน ผู้หญิงคนนี้นั้นเป็นหนึ่งในรองหัวหน้ากิลของจักรพรรดิคริมสัน และแม้ว่ากิลทั้งสองของพวกเขาจะไม่ใช่ศัตรูกัน แต่ก็ไม่ใช่เพื่อนกันเช่นกัน
“ฉันไม่ได้ต้องการอะไร แต่ขอให้คิดว่าจักรพรรดิคริมสันพยายามจะตีสนิทกับสภาสิบแปดปีกแล้วกัน …” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวตอบด้วยรอยยิ้มพลางส่ายหัว
“เอาล่ะ ตราบใดที่จักรพรรดิคริมสันไม่หาเรื่องสภาสิบแปดปีก สภาสิบแปดปีกก็จะหลีกเลี่ยงการปะทะกับจักรพรรดิคริมสัน” ซือเฟิงกล่าวเห็นด้วยพลางพยักหน้า
“ฉันต้องขอขอบคุณจริงๆหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ฉันจะรายงานเรื่องนี้ไปยังพวกระดับสูงของฉันในภายหลัง” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวพลางถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ในขณะที่ซือเฟิงยอมรับข้อเสนอของเธอ “แต่ก่อนที่คุณจะไป ฉันต้องขอเตือนคุณก่อนว่า กิลหัวใจปีศาจ ซึ่งเป็นกิลสายความมืดที่ปกครองเมืองปีศาจนั้นเป็นกิลที่กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็วในจักรวรรดินักบุญทั้งสิบ และพวกเขาก็เป็นเหมือนกับกิลที่โผล่มาจากอากาศเลย ตอนนี้แม้แต่ซุเปอร์กิลอย่าง Battle Wolves ก็ยังได้รับความสูญเสียอย่างหนักจากการเผชิญหน้ากับหัวใจปีศาจ และเนื่องจากโทรเบิ้ลไทม์มีพิกัดของเมืองปีศาจ ฉันจึงคิดว่าเขาจะมีความสัมพันธ์กับหัวใจปีศาจ …”
“เมืองปีศาจนั้นเป็นสำนักงานใหญ่หลักของหัวใจปีศาจ และในความเป็นจริงต้องบอกว่าพวกเขาควบคุมพื้นที่บริเวณนั้นไว้ได้อย่างเบ็ดเสร็จเลย และชาวปีศาจนั้นก็จะกำหนดเป้าหมายและโจมตีผู้เล่นทุกคนที่ไม่ใช่พวกเดียวกันที่พวกเขาพบ คุณควรหลีกเลี่ยงการดึงดูดความสนใจ และสำรวจแผนที่บริเวณนั้นให้มากเกินพอ หากคุณต้องการจะฆ่าโทรเบิ้ลไทม์ …”
ในขณะที่อิลูซะรี่เวิร์ดอธิบายถึงสถานการณ์ บลูฟอร์สซึ่งได้อยู่ฟังด้วยนั้นก็เริ่มมีสีหน้าหวาดกลัว
ถ้าเป็นอย่างที่อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวมาจริงๆ การพยายามจะตามฆ่าโทรเบิ้ลไทม์นั้นจะเป็นปัญหาใหญ่มากๆ และถ้าโทรเบิ้ลไทม์หนีไปซ่อนตัวในสำนักงานใหญ่หลักของหัวใจปีศาจ แล้วพวกเขาบุกเข้าไป มันก็จะเป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ
“หัวใจปีศาจ ? นั่นคือเหตุผลที่เขามั่นใจมากงั้นสินะ …” ซือเฟิงเริ่มตระหนักถึงสถานการณ์ทั้งหมด
ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา หัวใจปีศาจนั้นเคยเป็นหนึ่งในหกกิลสายความมืดที่ทรงพลังที่สุดใน God domain ทั้งกิลนั้นล้วนประกอบไปด้วยผู้เล่นปีศาจทั้งหมด และแม้ว่าพวกเขาจะไม่มีผู้เล่นมากเท่ากับมหาอำนาจอื่นๆ แต่สมาชิกทุกคนก็มีพลังในการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา ผู้เล่นทั่วไปนั้นจะไม่มีโอกาสต่อต้านพวกเขาได้เลย ขณะที่ซุเปอร์กิลจำนวนมากก็สูญเสียอย่างร้ายแรงภายใต้น้ำมือของหัวใจปีศาจ และในตอนนั้นหัวใจปีศาจก็ได้ฆ่าหัวหน้าของซุเปอร์กิลบางคนไปได้ด้วย พวกเขาทรงพลังมากพอๆกับซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดห้าอันดับแรกเลย
เท่าที่ซือเฟิงจำได้ หัวใจปีศาจก็เริ่มแข็งแกร่งขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันนี้ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขาเช่นกัน
“หากโทรเบิ้ลไทม์คิดว่าเขาจะสามารถจัดการกับสภาสิบแปดปีกได้เพราะเขามีผู้สนับสนุนที่ทรงพลัง เขาก็คิดผิดอย่างมาก !!!” เมื่อซือเฟิงนึกถึงคำขู่ของโทรเบิ้ลไทม์ก่อนจะจากไป เขาก็หัวเราะเยาะออกมา และเขาก็หันไปหาอิลูซะรี่เวิร์ดพลางถามว่า “รองหัวหน้ากิลอิลูซะรี่ คุณสามารถช่วยฉันขนส่งผู้เล่นไปยังทวีปหลักได้กี่คน ?”
“ฉันมีช่องอยู่ไม่มากนัก บอกฉันหน่อยไหมว่าคุณต้องการขนส่งกี่คนหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ? ถ้าฉันมีไม่เพียงพอ ฉันจะได้ยืมช่องจากกิลอื่นๆ …” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวหลังจากครุ่นคิดแล้ว
“มากกว่าสามร้อยนิดหน่อย …”
ตอนที่ 2519
เข้าสู่ดินแดนปีศาจ
“มากกว่าสามร้อย ?!”
อิลูซะรี่เวิร์ดอดไม่ได้ที่จะต้องตกตะลึง เมื่อเธอได้ยินจำนวนผู้เล่นที่ซือเฟิงต้องการพาไปกับเขาด้วย
เท่าที่เธอคิด ซือเฟิงก็จะนับว่าโชคดีมากแล้ว หากเขามีผู้เชี่ยวชาญสักยี่สิบคนไปกับเขา เพราะพวกเขากำลังพูดถึงการแทรกซึมเข้าไปในดินแดนปีศาจ ซึ่งที่นี่ไม่เพียงแต่จะมีมอนสเตอร์ที่ทรงพลังเดินไปมาตามแผนที่ แต่มันยังผู้เล่นปีศาจและปีศาจที่ทรงพลังอีกมากมายในพื้นที่ ผู้เล่นที่เป็นมนุษย์นั้นจะไม่ไปที่นี่โดยไม่ได้รับอนุญาติจากหัวใจปีศาจ และแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามก็ยังจะเอาชีวิตรอดในแผนที่นี้อย่างยากลำบาก
เมื่อผู้เล่นปีศาจค้นพบผู้เล่นที่เป็นมนุษย์ พวกเขาจะถูกพุ่งเข้าโจมตีโดยผู้เล่นปีศาจอย่างไร้ที่สิ้นสุด
ในขณะเดียวกัน คนๆหนึ่งนั้นจะต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการลอบเร้น และเข้าไปซุ่มโจมตีผู้เล่นเป้าหมายในแผนที่นี้
อย่างไรก็ตามซือเฟิงกับต้องการนำผู้เล่นมากกว่าสามร้อยคนติดตามเขาไปด้วยในการไล่ล่าโทรเบิ้ลไทม์ ซึ่งการหลบเลี่ยงการตรวจจับนั้นก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับผู้เล่นกลุ่มใหญ่แบบนี้
“คุณขนส่งคนจำนวนมากไม่ได้งั้นหรอ ?” ซือเฟิงถาม เมื่อเขาสังเกตเห็นสีหน้าตกตะลึงของอิลูซะรี่เวิร์ด
เนื่องจากเขาจะต้องมุ่งหน้ากลับไปที่ทวีปหลัก ดังนั้นซือเฟิงจึงไม่สามารถจะปล่อยให้กองกำลังนรกติดอยู่ในดาร์คเดนได้ ยิ่งกว่านั้นเขายังต้องการใช้เคสของโทรเบิ้ลไทม์ให้เป็นตัวอย่าง หากเขาฆ่าเบอเซิกเกอร์อย่างลับๆ การตายของชายคนนี้ก็จะไม่ได้ทำให้เขาได้สิ่งที่ต้องการ เขาต้องการจะฆ่าเบอเซิกเกอร์ผู้นี้ให้เอิกเกริกที่สุดเพื่อเตือนไม่ให้มหาอำนาจอื่นๆพุ่งเป้ามาที่เขตหนึ่งในอนาคต
แม้ว่าดินแดนปีศาจนั้นจะคล้ายกับดินแดนต้องห้ามสำหรับผู้เชี่ยวชาญทั่วไป แต่ทีมที่เขามีอยู่ภายใต้การควบคุมนั้นก็ไม่ใช่ผู้เล่นธรรมดา เพราะมันเป็นผู้เล่นจากหนึ่งในกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของจักรวรรดิโลกใต้พิภพ อย่างกองกำลังนรก ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด และความคิดที่ว่ากองกำลังนรกไม่สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระในดินแดนปีศาจนั้น มันก็นับเป็นเรื่องตลก
“เป็นไปได้ แต่ฉันต้องการเวลาหน่อย คุณช่วยรอสักหน่อยได้ไหมล่ะ หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ?” อิลูซะรี่เวิร์ดถามหลังจากหายจากอาการตกตะลึง
“คุณต้องการเวลานานแค่ไหน ?” ซือเฟิงถาม
“ฉันน่าจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยได้ในหกชั่วโมง …” อิลูซะรี่เวิร์ดตอบอย่างมั่นใจ
“เอาล่ะ งั้นฉันคงต้องขอรบกวนคุณหน่อยแล้วรองหัวหน้ากิลอิลูซะรี่ …” ซือเฟิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่ออิลูซะรี่เวิร์ดบอกว่าเธอต้องการเวลาเพียงหกชั่วโมงเท่านั้น
ไฟเออร์แดนซ์นั้นใช้มานาของเธอล๊อคเป้าที่โทรเบิ้ลไทม์ไว้ แต่เทคนิคนี้นั้นมันคงอยู่ได้ไม่นานนัก และมากที่สุดเป้าหมายที่เธอล๊อคมานาไว้นั้นก็น่าจะยังคงติดอยู่ได้เป็นเวลาสองวัน หลังจากนั้นมานาของเธอก็จะหายไปจากตัวของโทรเบิ้ลไทม์ และการตามล่าตัวเขามันก็จะกลายเป็นแทบเป็นไปไม่ได้เลย
เมื่ออิลูซะรี่เวิร์ดและซือเฟิงพูดกันเสร็จ รองหัวหน้ากิลผู้นี้ก็ออกจากเขตแสงสุดขีดไปด้วยอะเม้าท์บินได้ของเธอเพื่อเตรียมการที่จำเป็น ในขณะเดียวกัน ซือเฟิงก็พาบลูฟอร์สและคนอื่นๆเข้าไปในเขตเพื่อพักผ่อนและรอการติดต่อจากอิลูซะรี่เวิร์ด
ในขณะที่พวกเขาพักผ่อนในเขตแสงสุดขีด ข่าวการต่อสู้ระหว่างสภาสิบแปดปีกกับเขตเซนทิเนลก็แพร่กระจายออกไปราวกับไฟป่า และดาร์คเดนทั้งหมดก็ตกอยู่ในความโกลาหลกับเหตุการณ์ครั้งนี้
ไม่มีใครเคยคิดเลยว่าจะมีผู้เล่นที่สามารถป้องกันมือราชันปีศาจได้ในระยะนี้ของเกม และทำให้โทรเบิ้ลไทม์ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเขตเซนทิเนลต้องล่าถอยไปได้
ในขณะที่ข่าวนี้แพร่กระจายออกไป คำพูดของซือเฟิงที่ต้องการจะตามล่าตัวโทรเบิ้ลไทม์ก็ได้สั่นคลอนเขตต่างๆของดาร์คเดน และมันก็กลายเป็นประเด็นร้อนในการพูดคุยของผู้เล่นในโลกแห่งนี้
“อะไรกัน ? สภาสิบแปดปีกจะตามล่าโทรเบิ้ลไทม์งั้นหรอ ?”
“ช่างโหดเหี้ยมอย่างแท้จริง !!! แต่ฉันชอบนะ !!! หากสภาสิบแปดปีกทำได้สำเร็จเขตเซนทิเนลจะจบสิ้นแน่นอน !!!”
“มันไม่น่าจะเป็นไปได้ โทรเบิ้ลไทม์นั้นไม่ใช่คนโง่ !! และเมื่อเขาพบเครื่องหมายติดตามบนตัวเขา เขาจะรออยู่ในเมืองจนกว่ามันจะหายไป และสภาสิบแปดปีกก็จะไม่มีโอกาสเข้าถึงเขาได้”
“นั่นก็เป็นสาเหตุที่กิลนำผู้เชี่ยวชาญมากกว่าสามร้อยคนไปล่าโทรเบิ้ลไทม์นี่นา ฉันพนันได้เลยว่าสภาสิบแปดปีกจะไม่ลังเลเลยแน่นอนแม้ว่าจะต้องฆ่าเขาในเมือง โทรเบิ้ลไทม์นั้นน่าสงสารอย่างแท้จริง ด้วยมีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากตามล่าเขา เขาจะไม่มีโอกาสรอดชีวิตแน่นอน !!!”
“ฉันไม่คิดว่าโทรเบิ้ลไทม์จะยอมสูญเสียทุกอย่างไป ฉันแน่ใจว่าเขาจะต้องพาผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดลงหลุมไปกับเขาด้วยแน่นอน นี่มันทำให้ฉันสงสัยจริงๆว่าสภาสิบแปดปีกคิดอะไรอยู่ถึงจะดำเนินปฎิบัติการที่บ้าคลั่งแบบนี้ …”
ความบ้าคลั่งของสภาสิบแปดปีกทำให้ผู้เล่นของดาร์คเดนนั้นทั้งตกตะลึงและสับสน พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะโหดเหี้ยมมากพอที่จะพนันชีวิตของผู้เชี่ยวชาญมากกว่าสามร้อยคนกับแม่ทัพที่พ่ายแพ้ และแม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะประสบความสำเร็จ แต่กิลก็อาจจะต้องสูญเสียครั้งใหญ่
หุบเขาลาวา เมืองปีศาจ :
มันมีชายวัยกลางคนหลายคนอยู่ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากโทรเบิ้ลไทม์ ผู้บัญชาการของทีมนักผจญภัยอันดับหนึ่งแห่งเขตเซนทิเนล โดยทั้งหมดนั่งอยู่รอบโต๊ะในบาร์ชั้นสูงแห่งหนึ่งของเมืองปีศาจ
“ผู้บัญชาการโทรเบิ้ล ดูเหมือนว่าสภาสิบแปดปีกที่คุณพูดถึงนั้นจะบ้าไปแล้ว !!! ดูเหมือนว่ากิลนั้นมีแผนจะเข้ามาที่นี่เพื่อจัดการกับคุณ !!!”
“มันก็แค่ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากกว่าสามร้อยเพียงเล็กน้อย หากพวกเขามาที่นี่ด้วยผู้เล่นเพียงแค่นี้ พวกเขาจะถูกฆ่าก่อนจะมาถึงประตูเมืองด้วยซ้ำ …”
“นั่นสิ … เราอยู่ในดินแดนปีศาจ ผู้เชี่ยวชาญของสภาสิบแปดปีกจะไม่อาจผ่านทีมนักผจญภัยขนาดใหญ่ในพื้นที่โดยรอบเข้ามาได้แน่นอน และแม้ว่าพวกเขาจะโชคดีพอที่จะมาถึงที่นี่ได้ แต่หัวใจปีศาจก็ควบคุมเมืองนี้อยู่ และแม้แต่มังกรก็ยังจะต้องตายที่นี่”
เมื่อชายวัยกลางคนรอบโทรเบิ้ลไทม์ได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาทั้งหมดก็ต่างหัวเราะ
เขตเซนทิเนลนั้นสู้กับสภาสิบแปดปีกไม่ได้ในดาร์คเดน แต่มันก็เป็นคนละเรื่องกันในเมืองปีศาจ
แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญมากกว่าสามร้อยคนของสภาสิบแปดปีกจะเข้ามาที่เมืองได้อย่างน่าอัศจรรย์ แต่พวกเขาก็จะไม่สามารถสัมผัสโทรเบิ้ลไทม์ได้แน่นอน
การโจมตีผู้เล่นในเมืองปีศาจนั้นมันหมายถึงการประกาศสงครามกับหัวใจปีศาจ !!
“โอ้ใช่แล้ว ผู้อาวุโสฮาร์ท แล้วรองหัวหน้ากิลไลท์จะกลับมาเมื่อไหร่ ?” โทรเบิ้ลไทม์กล่าวถาม Elementalist ขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยแปด “เขาต้องการอะไรจากฉัน ?”
“รองหัวหน้ากิลกำลังประชุมกับกับคนสำคัญอยู่ ดังนั้นเขาจึงบอกให้เราพักผ่อนรอก่อน เขาได้มอบหมายให้ทีมนักผจญภัยขนาดใหญ่ในเมืองจัดการเรื่องปัญหาสภาสิบแปดปีกแล้ว มั่นใจได้เลย และฉันคิดว่าคุณจะได้พบกับผู้เชี่ยวชาญของสภาสิบแปดปีกก็ต่อเมื่อถึงเวลาตัดสินเท่านั้น …” Elementalist ที่ชื่อฟิวเรียสฮาร์ทกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม
“ทีมนักผจญภัยขนาดใหญ่ในเมืองจะเข้ามามีส่วนร่วมด้วยงั้นหรอ ?” ข่าวนี้ทำให้โทรเบิ้ลไทม์ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ทีมนักผจญภัยขนาดใหญ่ของเมืองปีศาจนั้นจะไม่สามารถทำอะไรกับซือเฟิงในโลกภายนอกได้ และอย่างดีที่สุด พวกเขาอาจจะกำจัดผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆของสภาสิบแปดปีกได้บ้าง แต่ในดินแดนปีศาจ ผู้เล่นที่ไม่ใช่ปีศาจจะถูกปราบปรามอย่างรุนแรง พวกเขาจะไม่สามารถใช้สกิลเบอเซิกร์ได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือสกิลเบอเซิกร์ที่น่ากลัวที่ซือเฟิงเคยใช้ในดาร์คเดนจะไม่สามารถใช้กับเขาที่นี่ได้
ซือเฟิงนั้นจะต้องเผชิญหน้ากับผู้เล่นปีศาจจำนวนมากที่มีค่าสถานะพื้นฐานเทียบเท่าหรือมากกว่าโทรเบิ้ลไทม์
ในขณะที่โทรเบิ้ลไทม์พูดคุยกับผู้อาวุโสของหัวใจปีศาจ ประตูห้วงอวกาศที่มีความสูงห้าเมตรก็ปรากฎขึ้นในบริเวณภูเขาไฟภายในพื้นที่ชั้นนอกของหุบเขาลาวา
ซึ่งก็มีคนจำนวนมากพุ่งออกมาจากประตู และผู้นำพวกเขามาก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากซือเฟิง
ในที่สุดฉันก็กลับมาถึงแล้ว … ซือเฟิงถอนหายใจออกมา เมื่อเขารู้สึกถึงมานาที่คุ้นเคยรอบตัวเขา “แน่นอนเลยว่าเราจะสามารถแสดงความแข็งแกร่งได้อย่างเต็มที่ในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยเท่านั้น”
เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยทั้งในทวีปด้านตะวันตกที่ขาดมานา และในดาร์คเดนที่อุดมไปด้วยมานา อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขากลับมายังทวีปของตัวเขาเอง เขาก็รู้สึกว่าความสัมพันธ์กับมานาของเขาดีขึ้น
“ทุกคนพร้อมแล้วหัวหน้ากิล เราจะทำยังไงต่อไป ?” บลูฟอร์สถามซือเฟิง เขารู้สึกประหม่าเล็กน้อยกับสมาชิกของกองกำลังนรกที่ปกปิดตัวตนของพวกเขาไว้ใต้เสื้อคลุมสีดำ
“ดี !!! เนื่องจากทุกคนพร้อมกันแล้ว เราจะไปเยี่ยมเมืองปีศาจกัน !!!” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็ให้ไฟเออร์แดนซ์นำทางไปหาโทรเบิ้ลไทม์
ตอนที่ 2520
กลุ่มของสัตว์ประหลาด
ในขณะที่ซือเฟิงออกคำสั่ง กองกำลังนรกก็เริ่มจัดรูปขบวน และเมื่อทุกคนพร้อมแล้วพวกเขาก็เดินทางไปยังป่าใกล้เคียงอย่างไม่เกรงกลัวใดๆ ขณะที่อิลูซะรี่เวิร์ดและคนของเธอที่พึ่งโผล่ออกมาจากประตูห้วงอวกาศต่างก็ตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็น
“รองหัวหน้ากิลคิดว่าแบล๊คเฟรมคิดอะไรอยู่ ?” แอสซาซินขั้นสามจากจักรพรรดิคริมสันถาม เมื่อเห็นว่ากองกำลังนรกไม่มีเจตนาที่จะซ่อนการเคลื่อนไหวของพวกเขา “ป่าเบิร์นนิ่งนั้นเป็นพื้นที่หลักสำหรับผู้เล่นปีศาจ และเขาตัดสินใจที่จะผ่านมันไปตรงๆแทนที่จะอ้อมไปหรือสังเกตการณ์ก่อน ซึ่งในอัตรานี้ไม่นานนักก่อนที่ผู้เล่นปีศาจจะค้นพบทีมของเขา และหากไม่มีคำเชิญจากเมืองปีศาจ ผู้เล่นปีศาจทุกคนที่พวกเขาเจอก็จะพร้อมโจมตีพวกเขาทั้งหมด …”
ป่าเบิร์นนิ่งนั้นทำหน้าที่เป็นกำแพงกั้นธรรมชาติรอบเมืองปีศาจ และไม่เพียงแต่มอนสเตอร์ที่อยู่ในป่านี้จะมีเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยเท่านั้น แต่ผู้เล่นปีศาจเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยเกือบทุกคนก็ยังมาล่าในป่าเบิร์นนิ่งนี้ด้วย
ผู้เล่นปีศาจนั้นมีการรับรู้โดยธรรมชาติที่น่าทึ่ง พวกเขามักจะสังเกตเห็นผู้เล่นปกติได้ก่อนที่ผู้เล่นปกติจะสังเกตเห็นพวกเขานานมาก นอกจากนี้ผู้เล่นปีศาจยังสามารถรับค่าชื่อเสียงปีศาจเพื่อเพิ่มสถานะปีศาจของพวกเขาโดยการฆ่าผู้เล่นที่ไม่ใช่ปีศาจในเลเวลเดียวกันหรือสูงกว่า นี่คือสาเหตุที่ผู้เล่นปีศาจนั้นกระตือรือร้นที่จะกำหนดเป้าหมายมายังผู้เล่นที่ไม่ใช่ปีศาจ
ยิ่งไปกว่านั้นผู้เล่นที่ไม่ใช่ปีศาจยังจัดเป็นผู้รุกรานเมื่ออยู่ในดินแดนปีศาจ และผู้เล่นปีศาจจะได้รับรางวัลที่มากขึ้นสำหรับการฆ่าพวกเขา แม้แต่มหาอำนาจต่างๆของจักรวรรดินักบุญทั้งสิบก็ยังไม่กล้าจะย่างกรายเข้ามาในป่าเบิร์นนิ่งของหุบเขาลาวาโดยไม่ได้รับคำเชิญที่เหมาะสม
ผู้เล่นปีศาจนั้นจะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับแขกของเมืองปีศาจ เพราะการโจมตีแขกของเมืองมันก็จะเท่ากับการประกาศสงครามกับมหาอำนาจต่างๆของเมือง และการทำเช่นนั้นมันจะนับเป็นหายนะสำหรับผู้เล่นปีศาจที่พัฒนาในเมืองปีศาจ
แน่นอนว่าซือเฟิงและทีมของเขานั้นไม่ได้รับคำเชิญด้วย และการเดินเข้าไปดื้อๆแบบนี้มันก็เท่ากับการเอาตัวเองไปขึ้นเขียงเลย และมันจะเป็นเรื่องมหัศจรรย์มาก ถ้าพวกเขาสามารถออกไปจากป่าเบิร์นนิ่งได้ทั้งๆที่ยังมีชีวิต ไม่ต้องพูดถึงเมืองปีศาจเลย
โดยทั่วไปมันก็มีผู้เล่นมากกว่าหนึ่งแสนคนเคลื่อนไหวอยู่ในแผนที่เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยอยู่แล้ว และป่าเบิร์นนิ่งนั้นก็อยู่ใกล้กับเมืองปีศาจด้วย ดังนั้นมันจึงจะมีผู้เล่นจำนวนมากมาล่าในพื้นที่นี้มากกว่าที่อื่นๆแน่นอน
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ฉันรู้ว่าผู้เล่นที่มากับเขาหมดนั้นแข็งแกร่งเป็นพิเศษ พวกเขาอาจจะปกปิดข้อมูลและออร่าของพวกเขาไว้ด้วยเสื้อคลุมสีดำ แต่ฉันก็รู้สึกได้เลยว่าพวกเขาเป็นผู้เล่นขั้นสามที่แท้จริงทั้งหมด” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวด้วยดวงตาของเธอที่แวบหนึ่งเต็มไปด้วยความกลัว ขณะที่เธอมองไปยังกองกำลังนรกที่เดินเข้าป่าเบิร์นนิ่งไป
โดยรวมแล้วกลุ่มของซือเฟิงนั้นมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่าสามร้อยคน ซึ่งแม้แต่จักรพรรดิคริมสันก็ยังไม่ได้มีมากมายขนาดนี้ในระยะนี้ของเกม
“สภาสิบแปดปีกมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากมายขนาดนั้นเลยงั้นหรอ ?” ปากของแอสซาซินอ้ากว้างด้วยความตกตะลึง
มันมีเพียงแค่เฉพาะซุเปอร์กิลเท่านั้นที่มีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจำนวนมากในระยะนี้ของเกม แต่สภาสิบแปดปีกที่เป็นกิลที่พึ่งก่อตั้งขึ้นตอน God domain เปิดตัว และไม่มีผู้สนับสนุนใดๆจะมีผู้เชี่ยวชาญมากเท่ากับซุเปอร์กิลได้ยังไง ?
ในขณะที่อิลูซะรี่เวิร์ดและแอสซาซินกำลังเต็มไปด้วยความตกตะลึงกันเกี่ยวกับจำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่สภาสิบแปดปีกมี ชายหนุ่มในชุดเสื้อคลุมสีขาวซึ่งล้อมรอบไปด้วยพลังงานแห่งความมืดก็ก้าวผ่านประตูห้วงอวกาศมาและเย้ยหยัน เมื่อได้ยินบทสนทนาของผู้เล่นสองคน
“การที่สภาสิบแปดปีกมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่าสามร้อยคนนั้นมันก็เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมากแล้ว แต่น่าเสียดายที่พลังแค่นี้นั้นมันไม่เพียงพอที่จะก้าวผ่านป่าเบิร์นนิ่งไปได้แน่นอน” ชายหนุ่มกล่าว เมื่อตระหนักว่ากลุ่มของซือเฟิงได้หายตัวเข้าไปในป่าแล้ว “นี่มันก็เป็นเพียงแค่การย้อนความพยายามของ Battle Wolves ในการพยายามบุกเมืองปีศาจซ้ำแล้วซ้ำเล่าเท่านั้น ตอนนั้นไม่เพียงแต่ Battle Wolves จะส่งผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมามากกว่าสามร้อยคน แต่ยังมีกองทัพผู้เชี่ยวชาญขั้นสองอีกกว่าหนึ่งแสนคน ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังไม่สามารถผ่านป่าเบิร์นนิ่งไปถึงเมืองได้เลย”
“ฉันได้ยังได้ยินมาว่า หัวใจปีศาจนั้นได้ว่าจ้างทีมนักผจญภัยขนาดใหญ่ของเมืองปีศาจจำนวนมากเพื่อหยุดกองกำลังของสภาสิบแปดปีก แม้ว่าทีมนักผจญภัยเหล่านี้จะไม่แข็งแกร่งมากนัก แต่พวกเขาทุกทีมก็มีพลังมากพอจะหยุดทีมของมหาอำนาจได้ และหากพวกเขาทำงานร่วมกัน สภาสิบแปดปีกก็จะไม่มีโอกาสใดๆแน่นอน”
ทั้งแอสซาซินและอิลูซะรี่เวิร์ดนั้นไม่ได้พยายามจะโต้แย้งคำพูดของชายหนุ่มในชุดเสื้อคลุมสีขาว เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาพูดความจริง และอันที่จริงชายหนุ่มประเมินทีมนักผจญภัยขนาดใหญ่แบบค่อนข้างถ่อมตัวด้วยซ้ำ
กองทัพของ Battle Wolves นั้นได้รับความสูญเสียอย่างหนักจากทีมนักผจญภัยขนาดใหญ่เหล่านี้ และพวกเขาก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัยจากการฆ่าสมา
ชิกกิลของ Battle Wolves
ในขณะที่ฝั่งของอิลูซะรี่เวิร์ดกำลังพูดคุยกันเบาๆ ผู้เล่นปีศาจก็ค้นพบทีมของซือเฟิงแล้ว
“ทำไมถึงมีผู้เล่นมนุษย์จำนวนมากเข้ามาที่ป่าเบิร์นนิ่ง ?”
“พวกเขาใช่เป้าหมายที่หัวใจปีศาจตั้งค่าหัวไหม ? ตอนแรกฉันก็คิดว่าหัวใจปีศาจล้อเล่น ฉันไม่นึกเลยว่าผู้เล่นมนุษย์เหล่านี้จะกล้ามาในดินแดนของเรา”
“เร็ว !!! รีบส่งคำสั่งไปถึงทีมนักผจญภัยขนาดใหญ่ หากเราใช้เวลารายงานเรื่องนี้นานเกินไป คนอื่นจะฉกรางวัลเราไปได้ !!!”
ทีมของผู้เล่นปีศาจนั้นเต็มไปด้วยความสุขมากๆเมื่อค้นทีมของซือเฟิง และพวกเขาก็รายงานการค้นพบของพวกเขาไปยังทีมนักผจญภัยขนาดใหญ่ที่อยู่ในป่าทันที
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่พวกเขากำลังจะรายงานไปยังทีมนักผจญภัยขนาดใหญ่ร่างมากกว่าหนึ่งร้อยร่างก็ปรากฎตัวขึ้นมาใกล้ๆทีมของซือเฟิง โดยพวกเขานั้นสวมใส่เกราะสีดำสนิทและมีอาวุธมาตราฐาน แถมพวกเขายังแผ่พลังแห่งความมืดอันหนาแน่นออกมา และแผ่แรงกดดันออกมาจนแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้
“อึก !! ทำไมเราโชคร้ายแบบนี้ ?! ฉันไม่รู้เลยว่ามีหน่วยลาดตระเวนปีศาจอยู่ใกล้ๆนี้ !!! ฉันคิดว่าเราคงไม่ได้รับเครดิตจากการค้นพบนี้แล้ว …”
เมื่อทีมผู้เล่นปีศาจเห็นร่างเหล่านี้ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างหดหู่
ป่าเบิร์นนิ่งนั้นเป็นดินแดนปีศาจ ดังนั้นมันจึงมีหน่วยลาดตระเวนปีศาจลาดตระเวนในพื้นที่ และทุกหน่วยลาดตระเวนนี้จะประกอบไปด้วยปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่สามตัว และปีศาจขั้นสูงหนึ่งร้อยตัว แถมพวกนี้ยังมีเลเวลมากกว่าผู้เล่นชั้นแนวหน้าของเมืองปีศาจราวสิบเลเวล ซึ่งพวกนี้ไม่ใช่กองกำลังที่ผู้เล่นควรจะดูเบาหรือประมาทเลย
หน่วยลาดตระเวนเหล่านี้ยังเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้สงครามตีเมืองปีศาจของ Battle Wolves ต้องจบก่อนจะมาถึงประตูหลักได้ด้วยซ้ำ
ตอนนี้หนึ่งในหน่วยเหล่านี้ได้ค้นพบทีมของซือเฟิงแล้ว ดังนั้นการที่ทีมของซือเฟิงจะถูกทำลายล้างนั้นจึงเป็นเรื่องที่เกือบจะแน่นอน นอกจากนี้ปีศาจเหล่านี้ยังมีปีกและบินได้ แม้ว่าทีมของซือเฟิงจะบินได้ แต่พวกเขาก็หนีไม่รอดแน่นอน
ผู้เล่นปีศาจที่เฝ้าดูอยู่ต่างคิดว่าทีมของซือเฟิงนั้นจะหันหลังและหนี แต่พวกเขากับไม่ทำเช่นนั้น และพวกเขาก็เริ่มโจมตีหน่วยลาดตระเวนของปีศาจราวกับว่าพวกเขาเพิ่งค้นพบเหยื่อของพวกเขา
การ์เดี้ยนไนท์ที่เป็นผู้นำนั้นพุ่งเข้าใส่ และทุบโล่ของเขาเข้าใส่ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ ขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยสิบห้า ซึ่งก็ทำให้ปีศาจขั้นสี่ต้องถอยไปครึ่งก้าว ความแข็งแกร่ง
ของการ์เดี้ยนไนท์นั้นมันไม่น่าเชื่อเลย !!!
ขณะเดียวกันชายร่างสูงสามเมตร และเพื่อนที่ผอมแห้งของเขาก็ดำเนินการตรึงปีศาจขั้นสี่อีกสองตัวเอาไว้ และแม้ว่าปีศาจขั้นสามตัวอื่นๆจะต้องการเข้าช่วย แต่สมาชิกสภาสิบแปดปีกที่เหลือก็เข้ามาขวางทางไว้
ทีมของซือเฟิงนั้นปราบปรามหน่วยลาดตระเวนปีศาจซึ่งโดยปกติจะมีข้อได้เปรียบเหนือผู้เล่นได้อย่างง่ายดาย … และหน่วยลาดตระเวนก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้เลยในขณะที่ HP ของพวกมันลดลงเรื่อยๆ ….
ภายในเวลาไม่ถึงสามสิบนาที หน่วยลาดตระเวนหน่วยหนึ่งของปีศาจก็ถูกกำจัดไปมันไม่มีปีศาจแม้แต่ตัวเดียวที่รอดชีวิต …
ตอนที่ 2521
ความวุ่นวายในป่าเบิร์นนิ่ง
ในขณะที่พวกเขาเฝ้าดูหน่วยลาดตระเวนปีศาจกลายเป็นอะไรที่ไม่ได้มากไปกว่า EXP สำหรับทีมของซือเฟิง ผู้เล่นปีศาจหลายคนก็อ้าปากค้างความตกตะลึง
“พวกเขาเป็นใครกัน ?”
ผู้เล่นปีศาจที่เฝ้าดูอยู่ในระยะไกลต่างก็ทั้งตกใจและสงสัย ในขณะที่พวกเขามองไปยังทีมของซือเฟิง
หน่วยลาดตระเวนของปีศาจนั้นเป็นดั่งบาเรียที่มั่นคงซึ่งป้องกันไม่ผู้บุกรุกสามารถเข้าประชิดเมืองปีศาจได้ พวกนี้นั้นคล้ายกับทหารลาดตระเวนของเมือง NPC พวกนี้ไม่เพียงแต่จะมีสกิลหรือเวทย์จำนวนมากที่ทรงพลัง แต่พวกนี้ยังสามารถต่อสู้เป็นทีมได้ดีอีกด้วย พวกนี้ไม่มีอะไรเหมือนกับผู้เล่นปีศาจโดยทั่วไปเลย
อย่างไรก็ตามปีศาจเหล่านี้กับไม่ต่างจากมอนสเตอร์ธรรมดาเลยต่อหน้าทีมของซือเฟิง …..
“เราจะยังรอพวกทีมนักผจญภัยไหม หัวหน้า ?”แรนเจอร์เลเวลหนึ่งร้อยห้า ขั้นสอง ถามพลางหันไปมองแอสซาซินขั้นสามที่เป็นผู้นำทีม
“แม้แต่ทีมนักผจญภัยขนาดใหญ่ของเมืองปีศาจก็จะไม่ได้มีช่วงเวลาที่ง่ายเลยในการจัดการกับทีมที่สามารถฆ่าหน่วยลาดตระเวนปีศาจได้ง่ายๆ ทำให้ตอนนี้นั้นพวกเขากับจำเป็นจะต้องตัดสินใจแล้วว่าจะจับตาดูทีมของซือเฟิงต่อไปไหมจนกว่าทีมนักผจญภัยขนาดใหญ่จะมาถึง
พวกเขานั้นเป็นผู้เล่นปีศาจ และมีประสาทสัมผัสทั้งห้าที่เฉียบคมกว่าผู้เล่นมนุษย์ แต่มันก็ไม่มีอะไรสามารถรับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่ถูกค้นพบ และในกรณีทีทีมของซือเฟิงสังเกตเห็นพวกเขา ผลที่ตามมามันจะเลวร้ายมากแน่นอน และความเสี่ยงนั้นก็แทบจะไม่คุ้มค่ากับรางวัลเลย
“แน่นอนสิ !! หัวใจปีศาจนั้นเสนอรางวัลสุดพิเศษมา แม้ว่าเราจะช่วยฆ่าผู้เล่นได้แค่คนเดียว และได้รับเพียงสิบเปอเซ็นต์ของรางวัล แต่เราก็จะยังคงได้รับคริสตัลปีศาจ ซึ่งเมื่อเรามีคริสตัลปีศาจยี่สิบชิ้น เราก็จะสามารถท้าทายเพื่อรับตำแหน่งขุนนางในเมืองได้ ซึ่งมันจะต้องใช้เวลานานมากเลยนะ หากเราพยายามล่าและเก็บรวบรวมมันด้วยตัวเอง” แอสซาซินขั้นสามกล่าว “อย่างไรก็ตาม เราจะต้องระวังให้มากและรักษาระยะห่างจากผู้เล่นเหล่านั้นไว้ เราไม่จำเป็นจะต้องติดตามพวกเขาไปอย่างใกล้ชิดมากนะ มันจึงจะปลอดภัยสำหรับเรา …”
ขณะเดียวกันคนที่เหลือก็พยักหน้าเห็นด้วย ทุกคนต่างคิดว่าแผนของหัวหน้าทีมของพวกเขานั้นเป็นไปได้
ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้าที่เหนือกว่าของพวกเขา พวกเขาน่าจะสามารถหลีกเลี่ยงการตรวจจับจากทีมของซือเฟิงได้ แม้ว่าทีมของซือเฟิงจะทรงพลังก็ตาม หากพวกเขาเว้นระยะห่างไว้มากเพียงพอ
ทันทีที่แอสซาซินขั้นสามพูดจบ กริชเย็นยะเยือกก็พุ่งเข้ามาทะลุอกเขา และความเสียหายมากกว่าเก้าแสนก็ปปรากฎขึ้นเหนือหัวของเขา
ก่อนที่แอสซาซินขั้นสามจะทันได้พูดจบ ดาบที่มีสีขาวราวกับหิมะก็กรีดผ่านคอเขา และกลืนกิน HP สุดท้ายของเขาไปทั้งหมดแล้ว
“หัวหน้า ?!”
สมาชิกขั้นสองที่เหลืออีกห้าคนของทีมก็ล้มเหลวในการจะตอบสนองใดๆ
มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?
สองวินาทีที่แล้ว หัวหน้าทีมของพวกเขายังมีชีวิตอยู่เลย แต่อย่างไรก็ตามในสองวินาทีต่อมา พวกเขากับตายลง
หัวหน้าทีมของพวกเขานั้นเป็นแอสซาซินขั้นสาม และแม้แต่ในเมืองปีศาจเขาก็จัดว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียง แต่ตอนนี้เขากับพึ่งตายลงไปอย่างกระทันหัน ….
“แอสซาซิน ?”
“อึก !! เราถูกค้นพบแล้ว ?!”
“หนี !!”
เมื่อถึงเวลาที่ผู้เล่นปีศาจทั้งห้าเริ่มจะตอบสนองได้ ผู้หญิงที่ดูมีเสน่ห์ก็หายตัวไปราวกับภูติผี
ก่อนที่เธอจะมาปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งต่อหน้าผู้เล่นปีศาจทั้งห้า และลำแสงสีขาวราวกับหิมะก็กวาดผ่านพวกเขาทันที และชุดของความเสียหายที่มากกว่าหนึ่งล้านก็ปรากฎขึ้นเหนือหัวของผู้เล่นปีศาจแต่ละคน ก่อนจะกลืนกิน HP ของพวกเขาไปทั้งหมดทันที ….
“ช่างโง่เขลา !!! พวกคุณแผ่มานาออกมามากซะจนราวกับเป็นโคมไฟท่ามกลางความมืด !!! แต่คุณกล้าคิดจะติดตามเรางั้นหรอ ?!!” “ไฟเออร์แดนซ์ส่ายหัวอย่างดูถูกและเหยียดหยามกับท่าทางสับสนของผู้เล่นปีศาจ เธอนั้นคิดว่าพวกเขาประเมินเธอต่ำเกินไปมาก
สิ่งที่ไฟเออร์แดนซ์ไม่รู้นั่นก็คือ ในยุคนี้นั้นผู้เล่นขั้นสามยังคงจัดว่าหายาก และเมื่อผู้เล่นมาถึงขั้นสามกัน พวกเขาต่างก็เร่งรีบเก็บรวบรวมสกิลกับเวทย์ขั้นสามให้มากที่สุด ไม่ได้มีใครว่างมาสนใจปรับปรุงการควบคุมมานาของตนเท่าไหร่นัก
“หัวหน้ากิล ฉันได้จัดการกับผู้เล่นปีศาจที่อยู่ใกล้ๆไปแล้ว …” ไฟเออร์แดนซ์
รายงานซือเฟิง หลังจากเธอตรวจสอบแล้วไม่พบมานาของผู้เล่นศัตรูที่บริเวณใกล้เคียง
“ดี ตรวจตราและเคลียร์พื้นที่ต่อไป หากเธอเจอกับผู้เล่นปีศาจมากเกินไปก็ให้ติดต่อทีมแอสซาซินของกองกำลังนรกเพื่อขอความช่วยเหลือ” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า จากนั้นเขาก็หันกลับมาจ้องมองไอเทมที่หน่วยลาดตระเวนปีศาจดรอปไว้
เขาไม่ได้คาดหวังเลยว่าหน่วยลาดตระเวนปีศาจพวกนี้จะดรอปอะไรดีๆออกมา เพราะท้ายที่สุดแล้วพวกมันอยู่ในระดับเดียวกับทหาร NPC และทหาร NPC ก็แทบไม่
ดรอปอะไรเลย หลังจากผู้เล่นฆ่าพวกเขา
อย่างไรก็ตามตรงกันข้ามกับความคาดหวังของซือเฟิง ปีศาจเหล่านี้ได้ดรอปไอเทมมีค่าไว้มากมาย แม้ว่าอาวุธและอุปกรณ์ที่ดรอป เลเวลหนึ่งร้อยสิบที่ดรอปออกมาจะมีมาตราฐานค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับอาวุธและอุปกรณ์ในระดับเดียวกัน แต่ปีศาจพวกนี้ก็ยังดรอปแม้กระทั่งทองดำเวทย์มนต์
ทองดำเวทย์มนต์นั้นเป็นวัสดุหายากระดับอีปิคที่หายากมากๆ เพราะไม่เพียงแต่ผู้เล่นจะสามารถใช้มันเพื่อเพิ่มอัตราความสำเร็จในการผลิตอาวุธและอุปกรณ์ได้ แต่มันยังมีโอกาสที่จะทำให้ไอเทมเป็นไอเทมที่ได้รับพลังแห่งความมืดด้วย มันเป็นวัสดุที่ปรมาจารย์ช่างตีเหล็กทุกคนนั้นล้วนแสวงหา
เขาได้รับทองดำเวทย์มนต์มาสิบสี่แท่ง หลังจากทำการฆ่าหน่วยลาดตระเวนปีศาจไปได้หนึ่งหน่วย หากปรมาจารย์ช่างตีเหล็กในชาติก่อนของเขารู้เรื่องนี้ พวกเขาน่าจะมาตามล่าหน่วยลาดตระเวนปีศาจในป่าเบิร์นนิ่งจนสูญพันธ์แน่นอน
อย่างไรก็ตามสมาชิกกองกำลังนรกนั้นมีความสุขมากกว่าซือเฟิง ….
ปีศาจที่พวกเขาฆ่าไปนั้นมันให้ EXP แก่พวกเขามากมาย และในระหว่างการต่อสู้ พวกเขานั้นก็ได้รับความเข้าใจอย่างมากเกี่ยวกับการควบคุมมานา
แม้ว่าการควบคุมมานาของปีศาจเหล่านี้จะไม่สามารถเทียบกับ NPC ที่แท้จริงได้ แต่มันก็ยังจัดว่าดีกว่าพวกมอนสเตอร์ทั่วไป
โดยทั่วไปแล้วพวกเขาก็จะมีโอกาสต่อสู้แค่กับมอนสเตอร์ทั่วไปเท่านั้น พวกเขาแทบจะไม่มีโอกาสต่อสู้กับ NPC เลย ดังนั้นทำไมพวกเขาจึงจะไม่ตื่นเต้น เมื่อพวกเขามีโอกาสจะต่อสู้กับปีศาจที่ฉลาดเท่ากับ NPC ที่แท้จริง ?
ในตอนแรกนั้นกองกำลังนรกไม่ได้กระตือรือร้นจะโจมตีเมืองปีศาจเท่าไหร่เลย แต่การค้นพบนี้ได้จุดไฟแห่งความกระตือรือร้นมในใจของพวกเขาแล้ว
ในขณะเดียวกันตอนนี้ เมื่อทำการสำรวจป่าเบิร์นนิ่ง กองกำลังนรกนั้นไม่ได้พยายามจะหลีกเลี่ยงหน่วยลาดตระเวนปีศาจเลย ตรงกันข้ามพวกเขากับเริ่มค้นหาพวกหน่วยลาดตระเวนอย่างกระตือรือร้นมากขึ้นด้วยซ้ำ
ในขณะเดียวกันที่บริเวณหนึ่งของป่าเบิร์นนิ่ง ทีมหนึ่งพันคนได้ทำการโจมตีรังของมอนสเตอร์ที่อยู่ภายใต้การป้องกันของมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย เลเวลหนึ่งร้อยสิบ
และแม้ว่าพวกเขาจะมีทีมผู้เล่นแค่หนึ่งพันคน แต่มากกว่าแปดสิบคนในหมู่พวกเขานั้นก็ได้มาถึงขั้นสามแล้ว ซึ่งแม้แต่กิลชั้นสูงก็ยังไม่สามารถจะจัดทีมแบบนี้ขึ้มาได้เลยในระยะนี้ของเกม ผู้เล่นหลายคนที่เป็นผู้นำทีมนั้นยังสามารถจะปราบปรามมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายได้อย่างง่ายดาย ซึ่งนี่ทำให้คนอื่นๆนั้นสามารถจะจัดการกับลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่และแกรนลอร์ดที่เหลือได้สบายมาก
“ยอดเยี่ยม !!! มอนสเตอร์ทุกตัวอยู่ในการควบคุมของเราแล้ว !!! ผู้เล่นขั้นสามเริ่มโจมตีบอสได้ทันที !!!” ชายผู้ที่ดูกล้าหาญที่มีเลเวลหนึ่งร้อยแปด ซึ่งอยู่ในชุดคลุมสีดำ และถือคทาสีทอง ตะโกนขึ้น ขณะที่เขาต่อสู้กับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายอยู่
ทันใดนั้นผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่าแปดสิบคนก็หันหน้าจากเป้าหมายเดิมของพวกเขา และเปลี่ยนความสนใจมายังบอสผู้ปกป้องรังทันที และภายในเวลาไม่ถึงหกนาที มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายที่คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันนั้นล้วนหวาดกลัวมากๆก็ตายลง และดรอปปไอเทมจำนวนมากเอาไว้รอบศพ
แม้ว่าทีมผู้เล่นอิสระที่เฝ้าดูจากระยะไกลจะถูกล่อลวงด้วยไอเทมจำนวนมากที่มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายดรอปออกมา แต่มันก็ไม่มีใครกล้าจะเข้าไปขโมยเลย ทีมนักผจญภัยที่บุกโจมตีรังมอนสเตอร์แห่งนี้นั้นก็เป็นหนึ่งในทีมนักผจญภัยขนาดใหญ่แห่งเมือปีศาจ และทีมนักผจญภัยแบบนี้นั้นก็ด้อยกว่าแค่สองกิลในเมืองเท่านั้น ใครก็ตามที่กล้าจะขโมยของจากทีมนักผจญภัยแบบนี้ก็ไม่ควรจะฝันว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่ได้นาน
“ผู้บัญชาการ แบล๊คไบรน์แมนด์เพิ่งส่งข้อความมาระบุว่าทีมของเขาได้ค้นพบเป้าหมายของหัวใจปีศาจ” แอสซาซินขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยเจ็ด มารายงานต่อหน้าหัวหน้าทีมของเขา
“พวกเขามาแล้วงั้นหรอ ?” ชายผู้ที่ดูกล้าหาญยิ้ม “แจ้งให้ทุกคนทราบทันทีว่าเราจะไปยังทิศทางนั้น !!! แบล๊คไบรน์แมนด์จะไม่เหลืออะไรไว้ให้เราแน่นอน หากเราไปช้า ฉะนั้นเราต้องรีบหน่อย !!!”
“แบล๊คเฟรมไบรน์แมนด์ได้เตือนว่าผู้เล่นเหล่านี้นั้นแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อมากๆ และพวกเขาก็สามารถจะจัดการกับหน่วยลาดตระเวนปีศาจได้อย่างง่ายดาย” แอสซาซินขั้นสามล่าว
“พวกเขาทำได้ขนาดนั้นเลยงั้นหรอ ? ฉันไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะทรงพลังมากขนาดนั้น ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมหัวใจปีศาจถึงเสนอรางวัลที่ยอดเยี่ยมแบบนั้น” ชายผู้ที่ดูกล้าหาญกล่าวพลางพยักหน้า “แล้วเป้าหมายอยู่ตรงไหนแล้ว ?”
เขาคุ้นเคยกับความแข็งแกร่งของหน่วยลาดตระเวนปีศาจเป็นอย่างดี มันไม่มีทีมผู้เล่นขั้นสาม หนึ่งร้อยคนทั่วไปที่สามารถจะรับมือกับพวกมันได้
“ฉันไม่รู้ …” แอสซาซินขั้นสามตอบพลางส่ายหัว
“ไม่ใช่ว่าแบล๊คไบรน์แมนด์ตามพวกเขาอยู่งั้นหรอ ?” ชายผู้ที่ดูกล้าหาญถามอย่างสงสัย
เขานั้นค่อนข้างคุ้นเคยกับผู้เล่นที่ชื่อไบรน์แมนด์ดี ชายคนนี้นั้นไม่เพียงแต่จะมีพลังส่วนตัวที่ทรงพลังมากๆ แต่เขายังเป็นหนึ่งในแอสซาซินระดับต้นๆของเมืองปีศาจด้วย ไม่มีทางที่ไบรน์แมนด์จะละทิ้งโอกาสแบบนี้แน่นอน
“เขา …. ตายแล้ว …”
ตอนที่ 2522
การรบกวนครั้งยิ่งใหญ่
“ไบรน์แมนด์ตายแล้วงั้นหรอ ?” ชายผู้ที่ดูกล้าหาญที่ชื่อ รีเกรทฟูลวินด์ รู้สึกประหลาดใจกับรายงาน “มีคนสังเกตเห็นเขาและฆ่าเขาได้จริงๆงั้นหรอ ? ปกติเขามีนิสัยที่ระมัดระวังและระวังเรื่องเรื่องการติดตามกับใช้สกิลติดตามเป้าหมายมากๆเลยนี่ ….”
แบล๊คไบรน์แมนด์นั้นจัดเป็นแอสซาซินที่มีชื่อเสียงในเมืองปีศาจ และประสาทสัมผัสทั้งห้าที่เฉียบคมของเขามันก็โดดเด่นเป็นพิเศษ เมื่อทีมนักผจญภัยขนาดใหญ่ในเมืองปีศาจ ซึ่งรวมไปถึงวินด์ทูช กำหนดเป้าหมายไปที่ผู้เล่นคนใดคนหนึ่ พวกเขามักจะจ้างไบรน์แมนด์เพื่อติดตามผู้เล่นคนนั้นเสมอ ….
รีเกรทฟูลวินด์ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าแบล๊คไบรน์แมนด์นั้นจะเจอกับปัญหา เมื่อทำการติดตามเป้าหมาย
“อืมมม เพื่อนร่วมทีมของไบรน์แมนด์กล่าวว่าทีมของเขาถูกทำลายโดยไม่มีแม้แต่โอกาสจะสู้กลับได้เลย และด้วยความโกรธ ไบรน์แมนด์จึงล๊อคเอ้าออกจากระบบ และติดต่อเพื่อนสนิทของเขาเพื่อแจ้งให้ทุกคนในเมืองทราบ เขาต้องการให้ผู้เล่นของเมืองปีศาจซุ่มโจมตีผู้เล่นที่ฆ่าเขา” แอสซาซินขั้นสามกล่าวพลางพยักหน้า “แต่น่าเสียดายที่ข้อความนี้ของเขามันผ่านมากว่าสิบนาทีแล้ว ดังนั้นเราจึงยังไม่มีรายละเอียดใหม่เกี่ยวกับผู้บุกรุก”
“เนื่องจากผู้เล่นเหล่านั้นสามารถจะเอาชนะหน่วยลาดตระเวนปีศาจได้ ดังนั้นพวกเขาจึงจะต้องมีความแข็งแกร่งมากพอสมควร ฉันก็เลยคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเท่าไหร่ที่จะได้ข่าวว่าพวกเขาฆ่าแบล๊คไบรน์แมนด์ไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้เราต้องรีบหน่อย ไบรน์แมนด์ได้แจ้งมห้สาธารณชนรู้ถึงสถานการณ์แล้ว และผู้เล่นหลายคนในเมืองก็เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้แล้ว” รีเกรทฟูลวินด์กล่าวพลางขมวดคิ้ว
เขาจะไม่มีปัญหามากนัก ถ้าแบล๊คไบรน์แมนด์เพียงแค่แจ้งทีมนักผจญภัยขนาดใหญ่ของเมือง เพราะคนเหล่านั้นจัดเป็นประชากรเพียงส่วนน้อยของเมืองปีศาจ อย่างไรก็ตามตอนนี้ทุกคนกับรู้เรื่องของผู้บุกรุกแล้ว ดังนั้นมันจึงจะมีผู้เล่นปีศาจในเมืองจัดทีมจำนวนมากออกตามล่าผู้บุกรุกแน่นอน ซึ่งนี่มันก็จะหมายถึง ทีมนักผจญภัยวินด์ทูชของเขานั้นก็จะมีคู่แข่งมากขึ้นด้วย
หัวใจปีศาจนั้นได้มอบรางวัลที่สุดแสนจะพิเศษให้เป็นค่าหัวของผู้เล่นเหล่านี้ โดยแต่ละหัวนั้นมีค่าเป็นคริสตัลปีศาจสิบชิ้น
ผู้เล่นสามารถจะฆ่ามอนสเตอร์ในดินแดนปีศาจได้เพื่อรับเอาคริสตัลปีศาจ แต่อัตราการดรอปของมันนั้นก็ต่ำมากๆ ผู้เล่นจะสามารถเพิ่มโอก่สได้ด้วยการล่ามอนสเตอร์ที่ทรงพลังเท่านั้น และแม้แต่ทีมนักผจญภัยขนาดใหญ่ต่างๆของเมืองก็ยังจะจัดว่าโชคดีมากแล้วที่สามารถสะสมคริสตัลปีศาจได้สิบถึงยี่สิบชิ้นต่อวัน
เมื่อผู้เล่นสะสมคริสตัลปีศาจได้ยี่สิบชิ้น พวกเขาจะสามารถสมัครเข้าร่วมการท้าทายเพื่อรับตำแหน่งขุนนางในเมืองได้ และหากพวกเขาทำสิ่งที่ท้าทายนี้ได้สำเร็จ พวกเขาก็จะกลายเป็นหนึ่งในขุนนางของเมืองปีศาจและได้รับความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างมาก
แม้แต่ผู้เล่นปีศาจที่มีสถานะขุนนางแล้วก็ยังต้องใช้คริสตัลปีศาจอีกจำนวนมากเพื่อช่วยเพิ่มพลังและยกระดับสถานะของพวกเขาในเมือง และเอาจริงๆต้องพูดว่าหลังกลายเป็นขุนนางปีศาจนั้น จำนวนคริสตัลปีศาจที่ต้องการมันก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นอีกมากด้วย ….
ด้วยโอกาสที่จะได้รับคริสตัลปีศาจถึงสิบชิ้นต่อหัวของผู้บุกที่พวกเขาฆ่าได้ มันจะไม่มีผู้เล่นในเมืองปีศาจคนใดสามารถทนและยืนดูได้แน่นอน
“มั่นใจได้ ผู้บัญชาการ ฉันได้สั่งให้ทีมของเราออกค้นหาไปทั่วป่าเบิร์นนิ่งแล้ว และมันคงอีกไม่นานหรอกที่เราจะค้นพบผู้บุกรุก ในขณะเดียวกันตอนที่ฉันล่าก่อนหน้านี้ ฉันได้พบกับหีบสมบัติระดับลึกลับขั้นเงิน และ โพชั่น Exotic Perception ซึ่งโพชั่นนี้สามารถปรับปรุงประสาทสัมผัสและความสามารถในการติดตามของผู้เล่นได้เป็นเวลาหกชั่วโมง ซึ่งโดยปกติเครื่องหมายติดตามที่วางใส่ผู้เล่นไว้จะหายไปภายในหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น แต่ด้วยโพชั่นนี้ฉันจะสามารถวางเครื่องหมายติดตามให้มันคงอยู่ได้ถึงสี่ชั่วโมง หากเราลองไปค้นหาตำแหน่งสุดท้ายที่แบล๊คไบรน์แมนด์ตาย เราก็น่าจะแกะรอยติดตามพวกเขาได้อย่างง่ายดาย” แอสซาซินขั้นสามกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แม้จะมีผู้เล่นคนอื่นๆของเมืองปีศาจเข้าร่วมด้วย แต่ส่วนใหญ่ของพวกเขาจะไม่สามารถสู้กับทีมที่แข็งแกร่งนี้ได้แน่นอน ดังนั้นเราน่าจะมีเวลามากพอสำหรับล่าค่าหัว”
“ดี !!! เราจะออกเดินทางทันที !!! เมื่อเราพบเป้าหมายของเรา นายจะได้รับส่วนแบ่งสิบเปอเซ็นต์ของเงินรางวัลจากการมีส่วนร่วมของนาย นอกจากนี้บอกให้พี่น้องของเรานำไพ่ลับของเราออกจากเมืองมาตามล่าผู้บุกพร้อมกับเราด้วย !!!” รีเกรทฟูลวินด์ประกาศ
“ผู้บัญชาการ ผู้บัญชาการไม่ได้ประเมินพวกนี้สูงเกินไปงั้นหรอ ? เราหยุดการบุกของ Battle Wolves มาได้แล้วนะ แล้วผู้บุกรุกพวกนี้จากดาร์คเดนจะทรงพลังมากกว่า Battle Wolves เลยหรอ ?” แอสซาซินขั้นสามถามอย่างเหยียดหยาม
ดาร์คเดนนั้นเป็นเพียงโลกอื่นใบเล็กๆที่มีผู้เล่นจำนวนน้อยมาก และประชากรผู้เล่นของโลกนี้นั้นก็เทียบไม่ได้กับครึ่งหนึ่งของอาณาจักรทั่วไปด้วยซ้ำ ข้อดีเพียงอย่างเดียวคือดาร์คเดนนั้นมีสภาพแวดล้อมในการเก็บเลเวลที่น่าประทับใจ แถมหนังสือสกิลและเวทย์ยังค่อนข้างหาง่าย ดังนั้นมันจึงไม่มีทางเลยที่โลกเล็กๆนี้จะผลิตผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังเท่ากับหรือมากกว่าเมืองปีศาจออกมาได้
“ฉันรู้น่า แต่รางวัลค่าหัวของพวกเขานั้นสูงมาก ฉันไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาหนีไปได้แม้แต่คนเดียว และฉันคิดว่าบางทีหัวใจปีศาจอาจจะไม่ได้ใจกว้างขนาดนี้ด้วยในอนาคต” รีเกรทฟูลวินด์กล่าว
รีเกรทฟูลวินด์นั้นไม่เกรงกลัวผู้บุกรุกอยู่แล้ว เพราะท้ายที่สุดแล้วนั้นเขาเคยเข้าร่วมสงครามหยุดกองทัพของ Battle Wolves นับแสนมาแล้ว แล้วผู้เชี่ยวชาญมากกว่าสามร้อยคนเพียงเล็กน้อยที่บุกรุกเข้ามาในนี้จะไปสามารถทำอะไรได้มากมายกัน ?
สิ่งที่รีเกรทฟูลวินด์นึกถึงอย่างแท้จริง คือ คริมสัตลปีศาจที่หัวใจปีศาจเสนอมาเท่านั้น
“ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะแจ้งให้สมาชิกของเราในเมืองรีบจัดการทุกอย่างทันที” จากนั้นแอสซาซินขั้นสามก็รีบไปจัดการทุกอย่างตามที่ได้รับมอบหมาย
ในขณะเดียวกันความวุ่นวายครั้งใหญ่ก็ได้เกิดขึ้นในเมืองปีศาจ
“นี่คือโอกาสที่เราจะรวย !!! คริสตัลปีศาจสิบชิ้นต่อคน !!! เราจะไม่ปล่อยให้ใครมาขวางทางทีมนักผจญภัยของเราแน่นอน !!!”
“ผู้บุกรุกได้ปรากฎตัวขึ้นในพื้นที่ชั้นนอกของป่าเบิร์นนิ่งแล้วใช่ไหม ? แจ้งไปยังสมาชิกใกล้เคียงทันที เราจะต้องหาผู้บุกรุกให้เจอก่อนคนอื่นๆ !!!”
“รับสมัครทีมล่าผู้บุกรุก ใครที่ต้องการรับคริสตัลปีศาจจำนวนมากควรรีบสมัคร !!!”
ในขณะที่เพื่อนของแบล๊คไบรน์แมนด์กระจายข่าวนี้ออกไป ทุกคนในเมืองปีศาจก็เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ผู้เล่นมากกว่าหนึ่งแสนรีบเดินทางไปที่ป่าเบิร์นนิ่งราวกับคนบ้า
เมื่อโทรเบิ้ลไทม์ซึ่งนั่งอยู่ในบาร์ชั้นสูงแห่งหนึ่งได้รับข่าวนี้ เขาก็มีสีหน้ามืดมน เขาไม่คิดเลยว่าซือเฟิงจะมาที่นี่จริงๆ
“คุณไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร ผู้บัญชาการโทรเบิ้ล ตอนนี้เรื่องนี้ทำให้เกิดความปั่นป่วนภายในทีมนักผจญภัยขนาดใหญ่ของเมืองทั้งหมดแล้ว ไม่ใช่แค่เฉพาะทีมที่เราจ้าง และตอนนี้แม้ทีมนักผจญภัยขนาดกลางของเมืองก็ยังเข้าร่วมกับเรื่องนี้ แม้ว่าซุเปอร์กิลทุกกิลในจักรวรรดินักบุญทั้งสิบจะทำงานร่วมกัน แต่พวกเขาก็จะไม่สามารถผ่านผู้เชี่ยวชาญมากมายขนาดนี้มาได้แน่นอน” ชายในชุดเกราะสีเงินพยายามจะสร้างความมั่นใจให้กับโทรเบิ้ลไทม์ เมื่อเขาเห็นสีหน้ากังวลของโทรเบิ้ลไทม์
“ใช่แล้ว แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะสามารถมายังเมืองปีศาจได้ แต่ที่นี่ก็เป็นดินแดนของหัวใจปีศาจ เมื่อพวกเขามาถึงได้จริงๆ พวกเขาจะตายแน่นอน เราจะยืนเคียงข้างคุณ ไม่ต้องกลัวไป !!!” ฟิวเรียสฮาร์ทกล่าว เขาคิดว่าโทรเบิ้ลไทม์กังวลมากเกินไปหน่อย
“คุณไม่ควรประมาทแบล๊คเฟรมนะ แต่ก็แน่นอนว่าถ้าทุกคนที่นี่พยายามจะหยุดเขา ฉันก็คิดว่ามันคงไม่มีปัญหาใดๆ ..” โทรเบิ้ลไทม์กล่าว
โทรเบิ้ลไทม์นั้นได้เห็นความแข็งแกร่งของเหล่าผู้อาวุโสของหัวใจปีศาจมาเป็นการส่วนตัวแล้ว พวกเขาทั้งหมดนั้นเป็นสัตว์ประหลาดที่แท้จริงเลย โดยเฉพาะฟิวเรียสฮาร์ท ชายคนนี้อยู่ห่างอีกเพียงแค่ครึ่งก้าวจากการกลายเป็นเค้าท์แห่งเมืองปีศาจ และเขายังแข็งแกร่งกว่าโทรเบิ้ลไทม์ที่พึ่งจะกลายเป็นวิสเค้าท์อย่างมาก
นอกจากนี้ผู้เล่นที่อยู่ในสถานะวิสเค้าท์ขึ้นไปนั้นยังจะได้รับการเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นไปอีก เมื่ออยู่ในเมืองปีศาจ
ในขณะที่ผู้เล่นในเมืองปีศาจกำลังพูดคุยกันเรื่องของซือเฟิงและทีมของเขา ผู้เล่นของทีมนักผจญภัยวินด์ทูชหลายพันคนก็ได้มารวมตัวกันที่พื้นที่ชั้นนอกของป่าเบิร์นนิ่ง
“ผู้บัญชาการ ฉันพบร่องรอยการต่อสู้ของพวกเขา และมันยังดูสดใหม่มาก พวกเขาน่าจะยังอยู่ใกล้ๆนี้ …” แอสซาซินขั้นสามที่สวมหน้ากากรายงานอย่างตื่นเต้น เมื่อเขาพบร่องรอยที่ทีมของซือเฟิงทิ้งไว้
“ดี !! รีบให้ทุกคนดำเนินการตามแผนเลย !!!” รีเกรทฟูลวินด์รีบออกคำสั่งให้เตรียมการต่อสู้
ผู้เล่นเหล่านี้นั้นเริ่มทำตามคำสั่งผู้บัญชาการของพวกเขาทันที ในขณะที่เหล่าแอสซาซินขั้นสามก็ทำการปกปิดออร่าของพวกเขาเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตรวจจับ
ขณะที่พวกเขาตามรอยของทีมซือเฟิงไป พวกเขาก็พบศพของหน่วยลาดตระเวนปีศาจมากขึ้นเรื่อยๆ ….
หนึ่งร้อย…สองร้อย…สามร้อย…
เมื่อสมาชิกของวินด์ทูชข้ามผ่านระยะสามพันหลาไป พวกเขาก็พบกับซากศพปีศาจมากกว่าหนึ่งพันศพ และมีซากที่สดใหม่ของหน่วยลาดตระเวนปีศาจอีกมากกว่าสองร้อยศพ ….
ตอนที่ 2523
หนี
“เหตุใดถึงมีหน่วยลาดตระเวนปีศาจตายลงจำนวนมากขนาดนี้ ?!”
“มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่กัน ?”
“นี่คนพวกนั้นฆ่าหน่วยลาดตระเวนทั้งหมดเลยงั้นหรอ ?”
สมาชิกของวินด์ทูชทั้งรู้สึกสงสัยและหวาดกลัวเมื่อเห็นซากศพของปีศาจจำนวนมาก
หน่วยลาดตระเวนปีศาจนั้นทำหน้าที่เป็นกำแพงกั้นระหว่างผู้บุกรุกและเมืองปีศาจ โดยมันมีปีศาจประมาณหนึ่งหมื่นตัวคอยลาดตระเวนอยู่บริเวณป่าเบิร์นนิ่ง อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้ทีมนักผจญภัยได้พบกับซากศพปีศาจมากกว่าหนึ่งพันศพแล้ว
นี่มันเท่ากับจำนวนปีศาจหนึ่งในสิบที่ลาดตระเวนอยู่ในป่าเบิร์นนิ่งเลย ….
“ผู้บัญชาการ มีบางอย่างที่ผู้บัญชาการต้องดู …” แอสซาซินขั้นสามที่สวมหน้ากากที่ไปสำรวจด้านหน้า รายงานผ่านแชททีม
สมาชิกทุกคนในทีมนั้นเตรียมพร้อมเมื่อพวกเขาได้ยินรายงานของแอสซาซิน ในขณะเดียวกันรีเกรทฟูลวินด์ก็รีบวิ่งไปหาแอสซาซิน
เมื่อมาถึงบริเวณที่แอสซาซินอยู่ รีเกรทฟูลวินด์ก็ได้พบกับพื้นที่ป่าที่เต็มไปด้วยศพของผู้เล่น อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจที่สุดก็คือ มันไม่มีวี่แววของการต่อสู้เลย ขณะที่อาวุธและอุปกรณ์บางส่วนที่ผู้เล่นดรอปเอาไว้นั้นก็ยังไม่ถูกแตะต้องด้วย และหลังจากมองไปรอบๆรีเกรทฟูลวินด์ก็สามารถนับศพได้มากกว่าสองร้อยศพ
ซึ่งดูจากบริเวณที่มีศพอยู่ มันก็ดูราวกับว่าการตายของพวกเขานั้นเกิดขึ้นในระหว่างที่พวกเขาเดินผ่านป่า และมันก็ดูราวกับว่าการต่อสู้นั้นจบลงทันที ก่อนที่ผู้เล่นคนใดในหมู่ศพเหล่านี้จะทันได้ตอบสนองด้วยซ้ำ ….
ในขณะเดียวกันเมื่อทำการตรวจสอบศพรอบๆ รีเกรทฟูลวินด์ก็สังเกตเห็นใบหน้าของผู้เชี่ยวชาญขั้นสามหลายคนที่เขาคุ้นเคยอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่า เขาก็ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้เช่นกัน ….
“กองกำลังหลักของมิสตี้โกสต์ถูกกวาดล้างได้ยังไง ? รีเกรทฟูลวินด์จ้องมองไปยังฉากตรงหน้าด้วยความสับสน “มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่กัน ?”
มิสตี้โกสต์นั้นเป็นทีมนักผจญภัยขนาดกลางที่มีชื่อเสียงซึ่งมีฐานปฎิบัติการอยู่ในเมืองปีศาจ แม้ว่าทีมนักผจญภัยจะมีสมาชิกน้อยกว่าสองพันคน แต่พวกเขาก็มีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่าสามสิบคนอยู่ในทีม ซึ่งนี่รวมไปถึงปีศาจระดับวิสเค้าท์หนึ่งคน และปีศาจระดับบารอนสิบคน
แม้แต่วินด์ทูชก็ยังจะต้องต่อสู้อย่างยากลำบาก หากคิดจะเอาชนะมิสตี้โกสต์
แต่ถึงกระนั้นกองกำลังหลักของมิสตี้โกสต์กับถูกกวาดล้างลงที่นี่ โดยที่พวกเขาไม่ได้มีโอกาสม้แต่จะตอบโต้ด้วยซ้ำ นี่มันไม่น่าเชื่อเลย
“ฉันไม่เห็นผู้บัญชาการของมิสตี้โกสต์ Seven Constellations ในหมู่ศพเลยผู้บัญชาการ …” แอสซาซินขั้นสามรายงาน หลังจากตรวจสอบศพอย่างละเอียด
“เขาไม่อยู่ที่นี่งั้นหรอ ?” รีเกรทฟูลวินด์ได้ตรวจสอบผู้เล่นที่ถูกฆ่าไปอย่างใกล้ชิด และมันก็เป็นเช่นเดียวกับที่แอสซาซินสวมหน้ากากได้กล่าวไว้ Seven Constellations ไม่อยู่ ซึ่งมันก็ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
Seven Constellations นั้นเป็นปีศาจระดับวิสเค้าท์ แต่เพียงผู้เดียวของมิสตี้โกสต์ และเป็นหนึ่งในสิบแอสซาซินที่แข็งแกร่งที่สุดของเมืองปีศาจ แม้แต่รีเกรทฟูลวินด์ก็ยังจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการเอาชนะชายคนนี้
ถ้า Seven Constellations ตายลงอย่างกระทันหัน เช่นเดียวกับทีมของเขา เหยื่อของรีเกรทฟูลวินด์ก็จะจัดว่าแข็งแกร่งกว่าที่เขาคาดไว้มาก
“ฉันพบร่องรอยการต่อสู้ เป็นไปได้ว่าเขาและเพื่อนร่วมทีมของเขาที่รอดชีวิตไปได้จะมีส่วนเกี่ยวข้อง …” แอสซาซินที่สวมหน้ากากกล่าว ขณะมองไปยังต้นไม้ที่สูงตระหง่านที่อยู่ห่างออกไป ต้นไม้นี้นั้นมีขนาดใหญ่มากพอที่จะต้องใช้หลายคนโอบมันให้ครบลำต้น แต่ตอนนี้มันกับถูกหั่นจนบางแทบหมดจด ยิ่งไปกว่านั้นมันก็ยังมีออร่าแห่งชีวิตเกาะอยู่บนต้นไม้
“การต่อสู้นั้นดูเหมือนจะเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ สมาชิกของมิสตี้โกสต์นั้นน่าจะได้พบกับผู้บุกรุก และพวกเขาอาจจะยังคงต่อสู้อยู่ในขณะที่เรากำลังคุยกันนี้ !!!” รีเกรทฟูลวินด์กล่าวขณะจ้องมองไปที่ต้นไม้ที่ถูกหั่นบางๆ “แจ้งไปยังทุกคน เราจะออกตามหาพวกเขา และเราจะไม่ปิดบังสถานะของเราอีกต่อไป !!!”
“เข้าใจแล้ว !!” แอสซาซินที่สวมหน้ากากพยักหน้าก่อนจะติดต่อกับทีมทั้งหมด
สมาชิกหลายพันคนของวินด์ทูชนั้นเริ่มทำการค้นหาทันที และพวกเขาก็ไม่ได้พยายามจะปิดบังตัวตนของพวกเขาอีกต่อไป
ไม่นานหลังจากนั้นสมาชิกของวินด์ทูชก็พบกับกลุ่มของผู้เล่นมากกว่าสี่พันคน และเหล่าสมาชิกของวินด์ทูชก็เริ่มเกร็งทันที เมื่อได้เห็นพวกเขา
“ฉันว่าแล้วว่าคุณจะต้องได้กลิ่นเช่นกัน รีเกรทฟูลวินด์ …” หญิงที่ดูอำมหิตที่ถือขวานสีน้ำเงินเข้มสองเล่มเดินเข้ามา พลางยิ้มให้กับรีเกรทฟูลวินด์
“นี่มันน่าสนใจจริงๆ ตอนนี้ทีมนักผจญภัยสามอันดับแรกของเมืองปีศาจก็ได้มาอยู่ที่นี่ทั้งหมดแล้ว ฉันคิดว่านี่เป็นเพียงครั้งที่สองเองมั้งต่อจากการต่อสู้กับ Battle Wolves” ชายผู้สง่างามที่ถือธนูโบราณพูดขึ้น
เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของหัวหน้าทั้งสอง สมาชิกของวินด์ทูชก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา สองคนนี้นั้นเป็นผู้บัญชาการของคริมสันแซนด์ และเอเทอนอลไนท์ สองทีมนักผจญภัยชั้นยอดของเมืองปีศาจ และพวกเขาก็ยังนับว่าเป็นเพื่อนเก่าของรีเกรทฟูลวินด์ด้วย
“แน่นอน ครั้งสุดท้ายที่เราทำงานร่วมกันเราช่วยให้หัวใจปีศาจนั้นสามารถรักษาความปลอดภัยของดินแดนให้ตัวเองได้มากขึ้น” รีเกรทฟูลวินด์กล่าว และเขายิ้มก่อนจะกล่าวต่อว่า “อืมม ? แล้วเราจะแบ่งผลกำไรครั้งนี้อย่างไร ?”
รีเกรทฟูลวินด์นั้นคุ้นเคยกับผู้เล่นสองคนนี้เป็นอย่างดี และเนื่องจากพวกเขาได้พบกันในป่าแบบนี้ วินด์ทูชจึงหมดโอกาสจะได้ผูกขาดรางวัลจำนวนมหาศาลนี้
แต่การเผชิญหน้านี้ยังช่วยลดแรงกดดันให้กับทีมนักผจญภัยวินด์ทูชด้วย เพราะท้ายที่สุดแล้วมันไม่มีใครในหมู่พวกเขาที่จะทำแบบนี้กับมิสตี้โกสต์ได้แน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ควรจะประมาท แลแม้แต่วินด์ทูชก็ยังจะต้องสูญเสียอย่างหนักหากคิดจะเผชิญหน้ากับทีมที่ทรงพลังแบบนี้คนเดียว
อย่างไรก็ตามหากทีมนักผจญภัยของเขาของเขาได้ทำงานร่วมกับคริมสันแซนด์และเอเทอนอลไนท์ ทั้งสามทีมก็จะสามารถลดความสูญเสียและเพิ่มผลกำไรได้
“ไม่มีอะไรให้ต้องพิจารณา เราจะแบ่งเท่าๆกัน ฉันเชื่อว่าคุณคงโอเคอยู่แล้วใช่ไหม ?” เฮ้ลเลสสไมล์ ชายที่ถือธนูและเป็นผู้บัญชาการของของเอเทอนอลไนท์กล่าวขึ้น
ขณะเดียวกันเฟรมเฟเธอร์ ผู้บัญชาการของคริมสันแซนด์ก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ตามนั้น ด้วยวิธีนี้เราก็จะไม่ต้องทะเลาะกัน และทำงานร่วมกันเพื่อปิดงานได้ …” รีเกรทฟูลวินด์ตอบอย่างไม่ลังเล
หากทีมนักผจญภัยทั้งสามพยายามจะเอาชนะคู่ต่อสู้ของพวกเขาโดยแยกกันทำงาน มันก็จะทำให้เกิดความโกลาหลอย่างหนัก และมันก็จะทำให้ทั้งสามอ่อนแอลงด้วย ซึ่งผลกำไรที่ได้ก็จะไม่คุ้มเสีย ซึ่งพวกเขาทั้งหมดควรร่วมมือกันเพื่อเพิ่มผลกำไรและเพิ่มพลังการต่อสู้ให้ถึงขีดสุด
แถมด้วยวิธีนี้ พวกเขาก็จะมีกำลังคนมากขึ้นด้วย เพราะแต่ละทีมนั้นมีผู้เชี่ยวชาญที่เป็นปีศาจระดับวิสเค้าท์สามถึงสี่คน และเป็นปีศาจระดับบารอนราวสามสิบคน โดยแต่ละทีมนั้นก็จะมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามประมาณเจ็ดสิบถึงแปดสิบคน
“ดี งั้นก็ตามนี้ เมื่อเราพบกับสัตว์ประหลาดตามข่าวลือนั่น ฉันจะเป็นคนรั้งเขาไว้ ส่วนวินด์กับสไมล์คอยช่วยฉันจากด้านข้างหน่อยแล้วกัน …” เฟรมเฟเธอร์กล่าว
รีเกรทฟูลวินด์นั้นเป็น Elementalist ที่แข็งแกร่งที่สุดอันดับสามของเมืองปีศาจ และเป็นหนึ่งในสิบผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดสิบอันดับแรกที่ได้รับการยอมรับจากสาธารณชน ขณะที่เฮ้ลเลสไมล์ แม้ว่าจะไม่ค่อยทรงพลังมากนัก แต่เขาก็ยังติดหนึ่งในสิบห้าอันดับแรกของผู้เชี่ยวชาญของเมืองปีศาจ และในบทบาทสนับสนุนเขาก็จัดว่าติดหนึ่งในห้าของเมืองเลย
“ไม่มีปัญหา”
รีเกรทฟูลวินด์และเฮ้ลเลสสไมล์ ไม่ได้คัดค้านแผนของเฟรมเฟเธอร์ เพราะท้ายที่สุดแล้วเธอเป็นผู้เล่นระยะประชิดที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาทีมนักผจญภัยของพวกเขาทั้งหมด แถมเฟรมเฟเธอร์ยังเป็นวิสเค้าท์ระดับสามดาวเพียงคนเดียวในทีมของพวกเขา ซึ่งอยู่ห่างจากการเป็นเค้าท์ก้าวเดียว
ไม่นานหลังจากที่ผู้บัญชาการทั้งสามพูดกันเรียบร้อย พวกเขาก็ได้ยินเสียงการต่อสู้ดังขึ้นมาในป่าใกล้ๆ
ทั้งสามทีมนั้นรีบพุ่งเข้าไปหาเสียงทันที
หลังจากข้ามผ่านระยะประมาณห้าร้อยหลามาได้ มันก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นก้องไปทั่วป่า
ตู้ม !!
ทันใดนั้นร่างหนึ่งก็ปลิวผ่านทีมนักผจญภัยทั้งสามทีมเหมือนกับกระสุนปืนใหญ่และพุ่งไปชนต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปจากรีเกรทฟูลวินด์ประมาณหนึ่งร้อยหลา และต้นไม้นั้นก็ล้มลงทันทีในขณะที่ร่างนี้ก็ไถลไปกับพื้นต่อ ซึ่งนี่มันก็ทำให้ทุกคนตกตะลึงมากๆ เพราะร่างนี้นั้นแผ่ออร่าที่แข็งแกร่งเท่ากับแกรนลอร์ดในเลเวลเดียวกันออกมา แต่ถึงกระนั้นร่างนี้ก็ยังสูญเสีย HP ไปอย่างรวดเร็ว
“Seven Constellations ?!” รีเกรทฟูลวินด์หน้าซีด เมื่อเขาเห็นสภาพของผู้เล่นคนนี้
เฟรมเฟเธอร์และเฮลเลสสไมล์มองไปที่ผู้เล่นคนนี้ด้วยสีหน้ามืดมและหน้าซีดเช่นกัน พวกเขาทุกคนนั้นล้วนคุ้นเคยกับ Seven Constellations และความแข็งแกร่งที่เขามี
เมืองปีศาจนั้นไม่ได้มีวิสเค้าท์มากนัก ดังนั้นพวกเขาทุกคนจึงล้วนรู้จักกันไม่มากก็น้อย
อย่างไรก็ตามตอนนี้แม้แต่ Seven Constellations ที่มีตำแหน่งวิสเค้าท์ ก็ยังพ่ายแพ้ โดยชายคนนี้นั้นไม่มีโอกาสได้หนีด้วยซ้ำ ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถจะจินตนาการได้เลยว่าคู่ต่อสู้ของพวกเขาแข็งแกร่งแค่ไหน
“สัตว์ .. ประ..หลาด …. หนีเร็ว !!!” Seven Constellations พยายามส่งเสียงลอดไรฟันเป็นคำพูดออกมา เมื่อเขาเห็นทีมนักผจญภัยที่อยู่ใกล้ๆ
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาพูดจบ HP ของเขาก็ลดลงเหลือศูนย์ทันที และร่างกายของเขาก็กลายเป็นอ่อนปวกเปียกราวกับหุ่นเชิดที่ถูกตัดสาย ….
ตอนที่ 2524
เธอคือสัตว์ประหลาด
สมาชิกของทีมนักผจญภัยทั้งสามนั้นแทบจะพูดไม่ออก เมื่อเห็น Seven Constellations ตายลง
“สัตว์ประหลาดงั้นหรอ ?” รีเกรทฟูลวินด์ขมวดคิ้ว เมื่อนึกคำพูดก่อนตายของ Seven Constellations
ปีศาจระดับวิสเค้าท์นั้นแทบจะยืนอยู่ในจุดสูงสุดของเมืองปีศาจแล้ว และ Seven Constellations นั้นก็มีอาชีพเป็นแอสซาซินที่เน้นเรื่องความสามารถในการเอาชีวิตรอด แต่ถึงกระนั้นเขากับพึ่งจะตายลง
ยิ่งไปกว่านั้น Seven Constellations ยังได้เตือนทีมนักผจญภัยทั้งสามของพวกเขาว่าควรจะหนี เห็นได้ชัดว่าในความคิดของเขานั้นไม่มีใครในสามทีมนี้จะเทียบได้กับสัตว์ประหลาดที่เขาพึ่งเผชิญมา แม้ว่าพวกเขาจะทำงานร่วมกันก็ตาม
แม้ว่านี่มันจะเป็นเพียงคำพูดของ Seven Constellations ที่เป็นแอสซาซินคนเดียว แต่คำพูดของเขานั้นมันก็น่าเชื่อถือในระดับหนึ่งเลย เพราะท้ายที่สุดแล้วถ้า Seven Constellations โฟกัสไปที่การหลบหนี แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดในเมืองปีศาจก็จะไม่สามารถหยุดเขาได้
แต่ตอนนี้เขากับตายลงจริงๆ ….
“ดูเหมือนว่าคู่ต่อสู้ของเราจะไม่ง่ายอย่างที่คิด พวกคุณคิดว่าไง ?” รีเกรทฟูลวินด์กล่าวถามผู้บัญชาการอีกสองคน
หากพวกเขาต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญที่สามารถทำให้ Seven Constellations ตกอยู่ในสภาพนี้ได้ ผลลัพธ์มันมีสิทจะไม่เป็นอย่างที่พวกเขาหวังแน่นอน ….
“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมหัวใจปีศาจถึงได้ตั้งค่าหัวพวกนี้สูงนัก …” เฮ้ลเลสสไมล์กล่าวพลางมองไปยังศพของแอสซาซิน “แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราต้องเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญที่น่ากลัว นอกจากนี้ ถ้าเราหนี เราก็คงจะต้องกลายเป็นที่หัวเราะในเมืองปีศาจในวันพรุ่งนี้”
แม้ว่าเฮ้ลเลสสไมล์จะรู้สึกประหลาดใจกับคำเตือนของ Seven Constellations แต่นั่นมันก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้พวกเขายอมถอยหนีได้
“แม้ว่าผู้บุกรุกเหล่านี้อาจจะทรงพลัง แต่นั่นมันก็ไม่ได้รับประกันสักหน่อยว่าเราจะไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้” เฟรมเฟเธอร์กล่าวเห็นด้วยพลางพยักหน้า จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเธอนั้นลุกขึ้นมาในดวงตาของเธออย่างชัดเจน “อย่าลืมว่าเรามีข้อได้เปรียบว่าที่นี่คือบ้านเรา คู่ต่อสู้ของเราอาจเป็นสัตว์ประหลาด แต่เราก็จะทำให้พวกเขาต้องทุกข์ทรมาณที่นี่ !!!”
ผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดนั้นอาจเป็นสิ่งที่น่ากลัว และผู้เชี่ยวชาญขั้นสามทั่วไปอาจไม่มีหวังที่จะเทียบได้กับผู้เชี่ยวชาญแบบนี้
อย่างไรก็ตามทีมนักผจญภัยของพวกเขานั้นเคยต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างการต่อสู้กับ Battle Wolves
กระนั้นผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ก็ยังไม่มีพลังมากเพียงพอจะช่วยกิลจากความพ่ายแพ้ที่น่าสังเวชในป่าเบิร์นนิ่งได้
นอกจากนี้ทีมนักผจญภัยของพวกเขายังเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นับตั้งแต่ครั้งนั้น เธอมั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดได้ และพวกเขายังมีโอกาสชนะ
สมาชิกของทีมนักผจญภัยทั้งสามพยักหน้าเห็นด้วยกับเฟรมเฟเธอร์
การได้รับชัยชนะอาจเป็นเรื่องยาก หากทีมของพวกเขาต้องต่อสู้ตามลำพัง แต่พวกเขาได้ตกลงที่จะทำงานร่วมกันแล้ว ซึ่งแม้แต่มหาอำนาจในจักรวรรดินักบุญทั้งสิบที่รวมตัวกันมาก็ยังไม่กล้าจะปะทะกับทีมของพวกเขาเลย ไม่ต้องพูดถึงทีมที่มีผู้เล่นไม่ถึงสี่ร้อยคนด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามไม่นานหลังจากที่เธอพูดจบ ทุกคนก็สังเกตเห็นร่างที่สว่างไสวอยู่ข้างศพของ Seven Constellations ร่างนั้นกำลังไล่เก็บไอเทมที่ดรอปจาก Seven Constellations อย่างไม่สนโลก ….
“เทคนิคการปกปิดตัวตนที่น่าทึ่งมากๆ !!!” ความประหลาดใจปรากฎขึ้นในดวงตาของรีเกรทฟูลวินด์ เมื่อได้เห็นร่างของผู้หญิงคนหนึ่งปรากฎตัว
ในฐานะผู้เล่นปีศาจ การรับรู้ถึงผู้เล่นที่ไม่ใช่ปีศาจด้วยกันของพวกเขานั้นมันทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ แม้แต่แอสซาซินที่อยู่ใน Stealth ก็ยังจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการซ่อนตัวจากผู้เล่นปีศาจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อระยะห่างระหว่างพวกเขาน้อยกว่าหนึ่งร้อยหลา อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขากับตรวจไม่พบร่องรอยของการปรากฎตัวของแอสซาซินหญิงเลย ความเชี่ยวชาญในการปกปิดตัวตนของแอสซาซินหญิงผู้นี้นั้นจะไม่มีใครเทียบได้แน่นอน แม้แต่ในเมืองปีศาจ
“เธอใช่สัตว์ประหลาดที่ Seven Constellations กล่าวเตือนเรารึปล่าว ?” สีหน้าของเฮ้ลเลสสไมล์ ตึงเครียด ขณะที่เขาเฝ้ามองไปยังผู้หญิงที่มีเสน่ห์และอยู่ไม่ไกล ถ้าเขาเจอเธอตามปกติ แอสซาซินหญิงผู้นี้จะฆ่าเขาเก้าในสิบครั้งที่เจอกันแล้ว
ในที่สุดเขาก็ตระหนักมากขึ้นแล้วว่าทำไม Seven Constellations จึงล้มเหลวในการหลบหนี
“น่าสนใจจริงๆ !!! ฉันจะสู้กับเธอ !!!” เฟรมเฟเธอร์ประกาศ และจิตวิญญาณการต่อสู้ของเธอก็พุ่งขึ้นถึงขีดสูงสุด จากนั้นเธอก็เปิดใช้งาน Demonification และพุ่งไปที่แอสซาซินหญิงที่ถือขวานอยู่ในมือ
ในฐานะที่เป็นปีศาจวิสเค้าท์ระดับสามดาวเพียงคนเดียว การเปิดใช้งาน Demonification ของเธอไม่เพียงแต่จะช่วยเธอเสริมสร้างร่างกายของเธอด้วยระยะขอบเขตที่มากขึ้นเท่านั้น แต่ค่าสถานะพื้นฐานของเธอมันยังจะได้รับการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพด้วย และในรูปแบบของการกลายเป็นปีศาจเต็มตัว เธอก็จะสามารถเปลี่ยนภูมิประเทศรอบตัวของเธอได้ในทุกการโจมตีของเธอเลย ด้วยด้วยสกิลชาร์จขั้นสองของเธอในฐานะปีศาจนั้น เมื่อเธอพุ่งเข้าใส่ศัตรูมันก็ทำให้ร่างกายของเธอนั้นล้อมรอบไปด้วยทะเลเพลิงที่สามารถจะเขย่าพื้นที่ได้เลย
“อะไรกัน ไม่คิดจะซุ่มโจมตีงั้นหรอ ?” ไฟเออร์แดนซ์ที่กำลังเกก็บไอเทมที่ดรอปจาก Seven Constellations รับรู้ได้ถึงการมาของเฟรมเฟเธอร์อย่างรวดเร็ว ก่อนที่เธอจะชักดาบสั้นของเธอออกจากฝัก “ในกรณีนี้ฉันจะฝังคุณไว้ข้างๆกับเขาเอง !!!”
จากนั้นไฟเออร์แดนซ์ก็ทำการเหวี่ยง Thousand Transformations ผ่านอากาศว่างเปล่าตรงหน้าเธอ
สกิลขั้นสาม Triple Flash!
ลำแสงสีดำสามเส้นพุ่งไปยังเฟรมเฟเธอร์ ทีละลำแสง แต่มันก็รวดเร็วราวกับสายฟ้า
อย่างไรก็ตามด้วยร่างของเฟรมเฟเธอร์ที่ได้รับการปรับปรุงแล้วนั้น มันทำให้เธอสามารถเหวี่ยงขวานใช้สกิลได้ในระหว่างที่เธอใช้สกิลชาร์จเข้ามา
สกิลขั้นสาม Demon Storm!
ตู้ม … ตู้ม … ตู้ม …
เสียงระเบิดนั้นดังก้องไปทั่วป่าและคลื่นกระแทกที่ทรงพลังก็ทำให้เศษเล็กเศษน้อยปลิวกระจายไปในอากาศ
ท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย เฟรมเฟเธอร์ถูกบังคับให้ต้องถอยไปสามก้าว และความเสียหายมากกว่าห้าหมื่นก็ปรากฎขึ้นเหนือหัวของเธอ ความแตกต่างระหว่างความแข็งแกร่งของผู้หญิงทั้งสองคนนั้นมันชัดเจน
“อะไร ?! เฟรมเฟเธอร์ถูกบังคับให้ต้องถอยหลังกลับแม้จะอยู่ในร่างปีศาจงั้นหรอ ?!” ฉากนี้อดไม่ได้ที่จะสร้างความประหลาดใจให้กับเฮ้ลเลสสไมล์อย่างมาก
เฮ้ลเลสสไมล์นั้นตระหนักดีว่าเฟรมเธอร์ทรงพลังมากขนาดไหน หลังจากเปิดใช้งาน Demonification แล้ว เธอนั้นเป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดในสามทีมนักผจญภัยอย่างไม่ต้องสงสัย และในร่างปีศาจ การโจมตีด้วยสกิลขั้นสามของเฟรมเฟเธอร์นั้นมันก็แทบจะทรงพลังเท่ากับการโจมตีด้วยสกิลขั้นสี่เลย แต่อย่างไรก็ตามเธอพึ่งจะแพ้ในการประชันความแข็งแกร่งกับแอสซาซินหญิงเผ่ามนุษย์ผู้นี้ ….
“น่าทึ่งมากๆ !!! ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไม Seven Constellations ถึงเรียกคุณว่าสัตว์ประหลาด และบอกว่าเราเทียบคุณไม่ได้ !!!” เฟรมเฟเธอร์กล่าว ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้มากขึ้น และเธอก็เริ่มใช้สกิลชาร์จอีกครั้ง “ถ้าฉันอยู่คนเดียว ฉันจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณแน่นอน แต่ในป่านี้ฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้คนเดียวของคุณ !!!”
รีเกรทฟูลวินด์เปิดใช้งาน Demonification ของเขา และเมื่อเฟรมเฟเธอร์กล่าวจบ เขาก็ร่ายเวทย์ของเขาจนเสร็จสิ้นแล้ว และกระแทกไม้เท้าของเขาลงกับพื้นก่อนที่มันจะมีวงเวทย์สีทองขนาดใหญ่ที่ซ้อนทับกันสองชั้นปรากฎขึ้นใต้เท้าของเขา
เวทย์ขั้นสาม Earthen Roar!
ทันใดนั้นพื้นดินใต้เท้าของไฟเออร์แดนซ์ก็ระเบิดออกพร้อมกับแสงนับไม่ถ้วน
ในขณะเดียวกันเฮ้ลเลสสไมล์ก็ไม่ได้เสียเวลา หลังจากเปิดใช้งาน Demonification ของตัวเองแล้ว เขาก็นำธนูโบราณของเขาออกมายิงลูกธนูหกดอกขึ้นไปบนท้องฟ้าจนมันกลายเป็นดาวหกแฉก ก่อนจะแยกออกเป็นลูกธนูสิบแปดดอกเหนือแอสซาซิน
สกิลขั้นสาม หนามปีศาจ !!!
ซึ่งลูกธนูแต่ละดอกนี้มีพลังเท่ากับแกรนลอร์ดสายพันธุ์โบราณในเลเวเลดียวกันกับเขา และภายใต้การควบคุมของเฮ้ลเลสสไมล์ ลูกธนูทั้งหมดก็พุ่งเข้าหาไฟเออร์แดนซ์จากทุกทิศทาง และเบี่ยงเบนความสนใจของเธอออกจากเฟรมเฟเธอร์
สมาชิกของทีมนักผจญภัยที่อยู่ใกล้ๆนั้นอ้าปากค้าง และรู้สึกค่อนข้างจะประทับใจมากๆกับการประสานงานของผู้บัญชาการของพวกเขา พวกเขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าทั้งสามคนนั้นจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ เมื่อพวกเขาทำงานร่วมกัน
นี่มันจะเรียกว่าการต่อสู้ระหว่างผู้เล่นได้ยังไง ? ด้วยพลังขนาดนี้ แม้แต่สัตว์ประหลาดเก่าแแก่ของ Battle Wolves ก็จะไม่สามารถหยุดผู้บัญชาการทั้งสามของพวกเขาได้แน่นอน เมื่อพวกเขาร่วมมือกัน
ซึ่งเมื่อต้องรับมือกับการโจมตีที่เข้ามาจากทุกทิศทาง ไฟเออร์แดนซ์ก็ถูกบังคับให้ต้องเปิดใช้งานสกิลช่วยชีวิตของเธอ โดยเธอนั้นใช้ Shadow Steps ไปปรากฎตัวขึ้นที่ด้านหลังของเฟรมเฟเธอร์หลบหลีกลำแสงที่เข้ามา ขณะที่เธอก็หลบหลีกลูกธนูทั้งหมดที่เข้ามาด้วยสกิล Wind Steps ก่อนที่จะรับอีกห้าดอกที่เหลือตรงๆ
ตู้ม !!!
ซึ่งผลจากการที่เธอพยายามป้องกันลูกธนูนี้ มันก็ทำให้ไฟเออร์แดนซ์ไม่มีเวลาป้องกันการโจมตีของเฟรมเฟเธอร์ได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นเมื่อเธอส่งอาวุธในมือของเธอไปปิดกั้นการโจมตีของเฟรมเฟเธอร์ เธอก็ถูกบังคับให้ต้องถอยไปและสูญเสีย HP ไปราวเจ็ดหมื่น ซึ่งมันนับว่ามากทีเดียวสำหรับเธอที่มี HP ไม่ถึงหนึ่งล้าน
“ผู้บัญชาการจงเจริญ !!!”
“เธอเป็นสัตว์ประหลาดแล้วยังไงล่ะ ? เธอก็ยังคงเสียเปรียบผู้บัญชาการของเราอยู่ดี !!!”
สมาชิกของทีมนักผจญภัยต่างเต็มไปด้วยความสุขและภาคภูมิใจ เมื่อเห็นหนึ่งในผู้บัญชาการของพวกเขาสามารถสร้างความเสียหายให้กับแอสซาซินที่น่ากลัวนี้ได้อย่างมาก
ผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดของมหาอำนาจต่างๆนั้นล้วนเป็นฝันร้ายสำหรับผู้เล่นทีมนักผจญภัยแบบพวกเขา และในตอนนั้นแม้ว่าพวกเขาจะเอาชนะสัตว์ประหลาดเก่าแก่ของ Battle Wolves ได้ แต่มันก็เกิดขึ้นได้จากความช่วยเหลือของหัวใจปีศาจ เพื่อความแม่นยำจริงๆต้องบอกว่าทีมนักผจญภัยทั้งสามของพวกเขานั้นเป็นแค่ผู้สนับสนุนเท่านั้น
อย่างไรก็ตามตอนนี้ทีมของพวกเขาก็มีความแข็งแกร่งมากพอจะจัดการกับผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดได้เช่นกัน
“ตอนนี้เธออยู่คนเดียว เราจะปล่อยให้เธอหนีไปไม่ได้ !!!” เฟรมเฟเธอร์ตะโกนบอกรีเกรทฟูลมูนด์ และเฮ้ลเลสสไมล์
ไฟเออร์แดนซ์นั้นดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในรากฐานที่สำคัญของผู้บุกรุกอย่างชัดเจน และเนื่องจากเธออยู่คนเดียว ตอนนี้มันจึงเป็นโอกาสดีที่จะกำจัดเธอออกไป และหากพวกเขาไม่สามารถเอาชนะเธอได้ จนเธอหนีไปรวมกับพันธมิตรของเธอได้ พวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายมากขึ้น
“วางใจได้ ฉันให้คนไปวางบาเรียสปาร์เชี่ยลแล้ว เธออาจจะเป็นแอสซาซิน แต่เธอจะหนีไปไม่ได้ง่ายๆแน่นอน !!!” รีเกรทฟูลวินด์ตอบด้วยรอยยิ้ม
หลังจากได้เห็นการปะทะกันครั้งแรกระหว่างเฟรมเฟเธอร์กับไฟเออร์แดนซ์ รีเกรทฟูลวินด์ก็ตระหนักได้ถึงความสำคัญของการต่อสู้ครั้งนี้ ดังนั้นเขาจึงสั่งให้ลูกน้องของเขาวางบาเรียเวทย์มนต์ไว้ก่อนที่จะเริ่มการต่อสู้ด้วยซ้ำ เขาต้องการจะทำให้แน่ใจว่าพวกเขาจะสามารถหลบหนีได้ หากพวกเขาเทียบกับแอสซาซินไม่ได้ และถ้าเป็นไปได้ในการฆ่าเธอ พวกเขาก็จะมีช่วงเวลาที่ง่ายขึ้นในการฆ่าเธอ
แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะได้เปรียบ แต่การจะฆ่าสัตว์ประหลาดอย่างไฟเออร์แดนซ์ให้ได้จริงๆมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมีบาเรียเวทย์มนต์ พวกเขาก็จะสามารถซื้อเวลาให้ได้มากพอที่จะทำงานนี้ให้ได้สำเร็จ
เมื่อรีเกรทฟูชลวินด์พูดจบ บาเรียขนาดมหึมาก็โผล่ขึ้นมาปกคลุมรัศมีสองร้อยหลา ซึ่งวงเวทย์บาเรียนี้มันมีนักเวทย์แปดสิบแปดคนคอยดูแลอยู่ ซึ่งแม้แต่มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายขั้นสี่นั้นก็ไม่สามารถจะทำลายมันได้ง่ายๆแน่นอน
“ดี !!! ตอนนี้เธอได้ตายแน่ !!!” เฟรมเฟเธอร์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเห็นบาเรียมีผลขึ้นมา
อย่างไรก็ตามวินาทีต่อมาหลังจากที่บาเรียก่อตัวเรียบร้อย สายฟ้าโค้งสีน้ำเงินก็พุ่งมาจากระยะไกล
ตู้ม !!!
ทุกคนนั้นได้ยินเสียงที่เหมือนแก้วแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ขณะที่บาเรียที่ดูแข็งแรงนี้กลายเป็นอนุภาคแสง ….
ในขณะที่สมาชิกของทีมนักผจญภัยกำลังมองไปรอบๆด้วยความสับสน เสียงที่ทุ้มลึกก็ดังขึ้นมาจากป่าห่างไกล “ดูเหมือนว่าคุณจะดูแลเพื่อนของฉันเป็นอย่างดีทีเดียว !!! แต่เนื่องจากคุณกำลังมองหาการต่อสู้ งั้นก็ให้ฉันเข้าร่วมด้วยแล้วกัน !!!”
ตอนที่ 2525
สัตว์ประหลาดที่แท้จริง
เมื่อทีมนักผจญภัยทั้งสามได้ยินเสียงทุ้ม การแสดงออกของพวกเขาก็เริ่มเต็มไปด้วยความหวาดกลัว โดยเฉพาะผู้บัญชาการทั้งสามที่กำลังต่อสู้กับไฟเออร์แดนซ์นั้นมีความตึงเครียดมากเป็นพิเศษ
“มีสัตว์ประหลาดมากกว่าหนึ่งคน ?”
สีหน้าของรีเกรทฟูลวินด์แข็งค้าง ในขณะที่เขามองดูบาเรียเวทย์มนต์จางหายไป มันมีผู้เล่นนักเวทย์แปดสิบแปดคนดูแลวงเวทย์บาเรียนี้อยู่ และมันก็ควรจะต้านทานการโจมตีของมอนสเตอร์ระดับเทพนิายได้เป็นอย่างน้อย
แต่ถึงกระนั้นบาเรียนี้กับแตกออกเป็นเสี่ยงๆหลังจากโดนโจมตีไปแค่ทีเดียว …
ดังนั้นคำอธิบายเดียวสำหรับเรื่องนี้ก็คือ มันมีผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดอยู่อีกคนหนึ่งในหมู่ผู้บุกรุก และเป็นไปได้ว่าผู้มาใหม่นี้นั้นแข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยายด้วย และเขาก็น่าจะแข็งแกร่งกว่าแอสซาซินหญิงก่อนหน้านี้
“ทีมๆเดียวมีสัตว์ประหลาดสองคน ? คนเหล่านี้เป็นใครกันแน่ ?” เฮ้ลเลสสไมล์คำรามอย่างหน้าบึ้ง เขาไม่เคยคิดเลยว่าผู้บุกรุกจะมีผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดในทีมมากกว่าหนึ่งคน พวกเขาทั้งสามนั้นก็มีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากแล้วในการพยายามจะปราบปรามไฟเออร์แดนซ์ หากมีผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถมากกว่าไฟเออร์
แดนซ์ปรากฎตัวขึ้นมาอีกคน พวกเขาจะตกที่นั่งลำบากแน่นอน
“มีสัตว์ประหลาดอีกคนแล้วยังไงล่ะ ? ทำไมเราต้องกลัวพวกเขา ?” เฟรมเฟเธอร์กล่าวออกมาอย่างเด็ดเดี่ยว ในขณะที่เธอกล่าวเตือนเพื่อนร่วมทีมของเธอว่า “อย่าลืมว่าเรามีผู้เล่นมากกว่าห้าพันคน รวมไปถึงปีศาจระดับวิสเค้าท์อีกมากกว่าเจ็ดคนและปีศาจระดับบารอนเกือบหนึ่งร้อยคน แค่มีสัตว์ประหลาดเพิ่มมาอีกหนึ่งคนจะมาเทียบกับกองกำลังของเราได้ยังไง ?”
เหตุผลเดียวที่ผู้บัญชาการทั้งสามตัดสินใจจะโจมตีและปฎิบัติการในตอนนี้นั้นก็คือความมั่นใจที่ว่าพวกเขาทั้งหมดและทีมของพวกเขาเองนั้นพัฒนาขึ้นมานับตั้งแต่สงครามครั้งสุดท้ายกับ Battle Wolves และนอกจากนี้ในการต่อสู้แบบนี้ ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามทั่วไปก็จะไม่มีสิทได้เข้ามายุ่งเลย
อย่างไรก็ตามหากพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดสองคน สมาชิกในทีมนักผจญภัยของพวกเขาทั้งหมดก็จะสามารถช่วยตรึงคนนึงไว้ได้ และพวกเขาก็จะสามารถจัดการอีกคนได้ ก่อนที่จะไปจัดการคนที่ถูกตรึงไว้ แม้ว่าการทำแบบนี้จะทำให้พวกเขาต้องเสียสมาชิกไปบางส่วนก็ตาม แต่มันก็คุ้มค่าแน่นอน
“ถูกต้อง อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเราจะต้องสูญเสียมากหน่อยแล้วในเรื่องนี้” เฮ้ลเลสสไมล์ กล่าวพลางพยักหน้า จากนั้นเขาก็แสดงท่าทางออกคำสั่งไปยังลูกน้องคนหนึ่งของเขาที่อยู่ในระยะไกล และพูดว่า “บลูนำสมาชิกกองกำลังหลักของเราไปหยุดสัตว์ประหลาดอีกคนไว้ พยายามซื้อเวลาให้มากที่สุด !!!”
“เข้าใจแล้ว !!!” ชิลวอริเออร์ขั้นสามที่ชื่อบลู ซี กล่าวตอบ
“มันดาล่าคุณพากลุ่มของคุณไปกับพวกเขาด้วย !!!” เฟรมเฟเธอร์ออกคำสั่งกับดาร์ค
ดรูอิดขั้นสามในทีมของเธอ
“พอยซั่น คอยออกคำสั่งแก่สมาชิกของเราด้วย” รีเกรทฟูลวินด์ตะโกนบอกแอสซาซินที่สวมหน้ากากนามว่าพอยซั่นฮาร์ท “ถ้าสถานการณ์ไปถึงจุดแย่ที่สุดให้ใช้สิ่งนั้น !!! ตรวจสอบให้แน่ใจว่านายสามารถป้องกันสัตว์ประหลาดคนที่สองให้อยู่ห่างจากเราได้ !!!”
“ผู้บัญชาการแน่ใจหรอว่าจะให้ฉันใช้เจ้านั่น ?” พอยซั่นฮาร์ทตื่นเต้นขึ้นมาทันที เมื่อได้รับอนุญาติจากผู้บัญชาการของเขา “ฉันสัญญา เขาจะเข้าใกล้พวกผู้บัญชาการไม่ได้เลย !!!”
เมื่อยินคำสั่งนี้เฟรมเฟเธอร์ และเฮ้ลเลสสไมล์ ก็จ้องมองไปยังรีเกทฟูลวินด์ด้วยความประหลาดใจ
“อะไรกันวินด์ ?! คุณเป็นคนที่ซื้อสิ่งนั้นในระหว่างการประมูลขั้นกลางงั้นหรอ ?!” เฟรมเฟเธอร์โพล่งออกมา
มันมีไอเทมแค่ไม่กี่ชิ้นที่เธอคิดว่าสามารถจะจัดการกับผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดได้อย่างง่ายดาย และหนึ่งในไอเทมชิ้นนั้นก็เป็นหนึ่งในรายการที่ปรากฎขึ้นในงานประมูลขั้นกลางของเมืองปีศาจครั้งล่าสุด
วิญญาณที่เหลือของซาตาน !!!
สิ่งนี้นั้นจัดเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างแท้จริง มันจะทำให้ผู้เล่นสามารถกลายร่างเป็นปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่ได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ และผู้เล่นก็ยังจะสามารถเข้าถึงคลังของสกิลและเวทย์ทั้งหมดของปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่ได้
ข้อบกพร่องที่เหลือเพียงอย่างเดียวคือวิญญาณที่เหลือของซาตานนั้นมันมีผลสั้นๆแค่สามสิบวินาทีเท่านั้น แต่ถึงกระนั้นผู้เล่นปีศาจทุกคนก็ยังคงอยากได้ไอเทมชิ้นนี้
นอกเหนือจากการเพิ่มความแข็งแกร่งให้แล้ววิญญาณที่เหลือของซาตานยังจะทำให้ผู้เล่นสามารถควบคุมพลังแห่งความมืดได้ดีขึ้นแม้ว่าจะเป็นการชั่วคราวก็ตาม แต่ประสบการณ์นี้ก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้เล่นที่ต้องการจะท้าทายเพื่อแย่งขิงตำแหน่งขุนนางปีศาจที่สูงขึ้นในอนาคต และเพียงแค่มีไอเทมอย่างวิญญาณที่เหลือของซาตานชิ้นเดียว มันก็จะทำให้มหาอำนาจต่างๆต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคอย่างมากแล้วในการยึดครองเมืองของพวกเขา เพราะท้ายที่สุดแล้วปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่นั้นมันไม่ใช่อะไรที่จะสามารถรับมือได้ง่ายๆเลย
เมื่อวิญญาณที่เหลือของซาตานถูกนำออกมาประมูลนั้น มหาอำนาจหลักต่างๆของเมืองปีศาจล้วนเสนอราคาแข่งกันอย่างบ้าคลั่ง ยิ่งไปกว่านั้นผู้ขายยังไม่ยอมรับการชำระเงินเป็นเหรียญด้วย แต่ยอมรับเป็นคริสตัลปีศาจ ซึ่งเป็นรูปแบบมาตราฐานของสกุลเงินในการประมูลขั้นกลางของเมืองปีศาจ
ในท้ายที่สุดมันก็มีคนซื้อวิญญาณที่เหลือของซาตานไปได้ในโดยใช้คริสตัลปีศาจหนึ่งพันชิ้น แต่ผู้ซื้อนั้นก็ไม่ได้เปิดเผยตัวตน และความลึกลับของผู้ที่เป็นเจ้าของไอเทมชิ้นนี้ก็ล้วนเป็นประเด็นร้อนในการพูดคุยกันของมหาอำนาจต่างๆอยู่ช่วงหนึ่ง
แม้แต่เฮ้ลเลสสไมล์เองก็ยังมองไปยังรีเกรทฟูลวินด์ด้วยท่าทางประหลาดใจ เขาไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยว่าวินด์ทูชจะซ่อนไพ่ลับที่ทรงพลังแบบนี้ไว้ หากเอเทอนอลไนท์เข้าปะทะกับวินด์ทูช ผลที่ตามมามันจะเลวร้ายแน่นอนสำหรับทีมนักผจญภัยของเขา และตอนนี้เขาก็ต้องยอมรับเลยว่าเขาดีใจมากจริงๆที่ได้ร่วมงานกับวินด์ทูช
“อืมมม ตอนนี้ฉันยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เราชนะในครั้งนี้ …” รีเกรทฟูลวินด์กล่าวยืนยันและพูดด้วยความภาคภูมิใจ “ฉันอยากจะเก็บมันไว้เพื่อต่อสู้กับมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยาย แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ฉันไม่รังเกียจหรอกนะที่จะใช้มันจัดการกับผู้บุกรุกเหล่านี้ อย่างไรก็ตามฉันต้องบอกว่าผู้บุกรุกคนใดที่พอยซั่นฮาร์ทฆ่าไปนั้น ไอเทมของเขาจะต้องเป็นของวินด์ทูชทั้งหมด”
“เนื่องจากคุณเต็มใจจะทำขนาดนี้ ดังนั้นเราจะไม่ใช้ประโยชน์จากคุณ แน่นอนเรายอมรับ …” เฮ้ลเลสสไมล์กล่าวพลางพยักหน้า
“เอาตามนั้นเลย และเอาจริงๆแล้วฉันจะดีใจมากเลยนะถ้าปีศายผู้ยิ่งใหญ่ ขั้นสี่ ช่วยฆ่าผู้บุกรุกระดับสัตว์ประหลาดทั้งสองนี้ …” เฟรมเฟเธอร์กล่าวพลางหัวเราะ
เธอนั้นมั่นใจมากว่า พวกเขาทั้งสามจะสามารถเอาชนะไฟเออร์แดนซ์ได้โดยมีบาเรียคอยหนุนหลัง แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้บาเรียถูกทำลายไปแล้ว และพวกเขาทั้งสามจะไม่สามารถทำอะไรกับไฟเออร์แดนซ์ได้แน่นอน หากเธอมุ่งเน้นไปที่การหลบหนี
ดังนั้นการต่อสู้นี้จะราบรื่นขึ้นมากหากพอยซั่นฮาร์ทสามารถจัดการกับสัตว์ประหลาดทั้งสองได้ เพราะท้ายที่สุด ในสนามรบนั้นคนที่จะก่อปัญหาได้มากที่สุดคือผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดนี่แหละ โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาเริ่มใช้กลยุทธ์ตีแล้วหนี
“มั่นใจได้เลย !!!” รีเกรทฟูลวินด์กล่าว จากนั้นเขาก็หันไปหาพอยซั่นฮาร์ท และพูดว่า “เนื่องจากผู้บัญชาการทั้งสองตกลงแล้ว ก็ใช้มันไปเลยพอยซั่น !!!”
วิญญาณที่เหลือของซาตานนั้นจัดเป็นสมบัติล้ำค่ามากๆ และมันแทบจะไม่มีโอกาสปรากฎขึ้นอีกเลยในงานประมูล แต่อย่างไรก็ตามการได้รับอาวุธกับอุปกรณ์ของผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดมา มันก็จะเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า
คุณภาพของอาวุธและอุปกรณ์ที่ยอดเยี่ยมนั้นของพวกเขานั้นเป็นเหตุผลส่วนใหญ่ที่ทำให้พวกเขาเหนือกว่าผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดอย่างมาก ซึ่งพวกเขามีแนวโน้มจะได้รับค่าการใช้วิญญาณที่เหลือของซาตานกลับมาตั้งแต่ไอเทมชิ้นแรกที่ผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ดรอปด้วย ไม่ต้องพูดถึงชิ้นต่อๆไปเลย
พอยซั่นฮาร์ทนั้นเต็มไปด้วยความสุข ในขณะที่เขาดึงขวดสีดำออกจากกระเป๋าของเขา และเริ่มแกะฝามันออก
เขานั้นรอคอยโอกาสที่จะใช้ไอเทมชิ้นนี้มานานแ้ว ตอนแรกเขากะจะใช้มันเพื่อเลื่อนขั้นเป็นวิสเค้าท์ระดับสองดาว แต่การทำแบบนั้นเพียงอย่างเดียวมันจะไม่คุ้ม เขาจึงรอโอกาสมาจนถึงตอนนี้ !!!
เมื่อพอยซั่นทำการปลดผนึกมันแล้ว ร่างกายเขาก็มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นสองเท่า และปีกสีดำสองคู่ที่ถูกห่อหุ้มด้วยไฟก็งอกขึ้นมาจากหลังของเขา
“แข็งแกร่งมากๆ !!! นี่คือพลังของปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ ขั้นสี่งั้นหรอ ?!!” พอยซั่นฮาร์ทตะโกน ในขณะที่เขารู้สึกได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ไหลผ่านร่างเขา
แข็งแกร่ง !!!
ทรงพลังอย่างถึงที่สุด !!!
ความรู้สึกมีอำนาจนี้ทำให้เขาอดไม่ได้จะมึนเมาและเคลิบเคลิ้มเลย
“แน่นอนเลยว่าปีสาจผู้ยิ่งใหญ่ ขั้นสี่ นั้นน่าเกรงขามอย่างแท้จริง !!! ตอนนี้พอยซั่นจะสามารถฆ่าผู้บุกรุกทั้งหมดได้โดยที่เราไม่ต้องช่วยด้วยซ้ำ !!!” เฮ้ลเลสสไมล์กล่าว เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย ในขณะที่จ้องมองไปยังรูปแบบใหม่ของพอยซั่นฮาร์ท
“พอยซั่น ฉันจะปล่อยให้นายจัดการส่วนที่เหลือ จำไว้ว่านายต้องจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุด เราไม่สามารถจะรอได้นานนัก !!!” รีเกรทฟูลวินด์ตะโกนบอกลูกน้องของเขาอีกครั้ง ก่อนจะร่ายเวทย์โจมตีใส่ไฟเออร์แดนซ์ต่อ
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเองผู้บัญชาการ !!! ฉันจะทำให้แน่ใจว่าพวกเขาตายทั้งหมด !!!” พอยซั่นฮาร์ทกระพือปีกก่อนที่เขาจะบินตรงไปยังที่มาของเสียงทุ้ม และเขานั้นก็เร็วมากจนตาของผู้เล่นปีศาจขั้นสองมองตามไม่ทันด้วยซ้ำ
“เร็วมาก !!!”
“ตอนนี้ผู้บุกรุกเหล่านี้จะได้ตายแน่นอน !!!”
สมาชิกของทีมนักผจญภัยทั้งสามต่างตกตะลึง เมื่อได้เห็นความเร็วของพอยซั่นฮาร์ท บางคนถึงกับสงสารทีมของซือเฟิงด้วยซ้ำที่ต้องมาเผชิญหน้ากับอะไรแบบนี้
“ช่างน่าเสียดาย ดูเหมือนว่าเพื่อนของคุณจะจบสิ้นแล้ว !!!” เฟรมเฟเธอร์พูดพลางแสยะยิ้มและมองไปยังไฟเออร์แดนซ์
“ฉันคิดว่าคุณควรอธิษฐานเผื่อเพื่อนของคุณนะ !!!” ไฟเออร์แดนซ์กลอกตาพลางมองไปยังเฟรมเฟเธอร์ “ฉันคิดว่าคุณเข้าใจผิดตั้งแต่แรกแล้ว …”
“เข้าใจผิด ? หมายความว่ายังไง ?” เฟรมเฟเธอร์ถามอย่างสงสัย
“ฉันไม่ได้เป็นผู้รับผิดชอบในการฆ่าแอสซาซินคนนั้น อันที่จริงฉันไม่เคยเห็นเขามากก่อนด้วยซ้ำ ก่อนที่จะมาทำการเก็บรวบรวมไอเทมที่เขาดรอปหลังตายน่ะ ..” ไฟเออร์แดนซ์กล่าว “ฉันมาที่นี่เพื่อเก็บรวบรวมไอเทมอย่างเดียวจริงๆ”
ผู้บัญชาการทั้งสามหน้าซีดทันที เมื่อได้ยินเรื่องนี้
“คุณหมายความว่ายังไง ?”
“คุณไม่ได้ฆ่า Seven Constellations?”
“คุณไม่ใช่สัตว์ประหลาดที่เขาพูดถึงงั้นหรอ ?”
เหล่าผู้บัญชาการทั้งสามเริ่มนึกย้อนถึงคำพูดของ Seven Constellations ที่ตายไป วิ่งหนีเร็วๆ !!!
ถ้าไฟเออร์แดนซ์ไม่เคยเห็น Seven Constellations มาก่อน Seven Constellations ก็คงจะเตือนพวกเขาไม่ได้ถึงเรื่องสัตว์ประหลาด
แต่ก่อนที่ผู้บัญชาการทั้งสามจะทันได้ตอบโต้ พวกเขาก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นจากป่าใกล้ๆ และพื้นใต้เท้าของพวกเขาก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ร่างขนาดมหึมาก็ปลิวมากระแทกกับต้นไม้ใกล้ๆพวกเขาจนมันโค่นลง
ซึ่งร่างนี้นั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากพอยซั่นฮาร์ทที่พึ่งจะบินไปหาผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดเมื่อครู่ ….
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น