Reincarnation Of The Strongest Sword God 2687-2690

 ตอนที่ 2687 มังกรดำเด็ก


ก่อนที่ซือเฟิงจะทันได้หายตกตะลึง มังกรดำสามตัวที่มีรัศมีปีกกว้างหกสิบเมตรก็กระพือปีก และกลายเป็นภาพเบลอ ขณะที่พวกมันบินตรงมาที่เขา


….


[มังกรดำเด็ก] (มังกร ลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่)

เลเวล 122

HP 4,200,000,000/4,200,000,000


….


“แม่ง !!”


ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาเสียงดัง เมื่อเห็นมังกรดำเด็กสามตัวกำลังบินเข้าหาเขา


แม้ว่าคู่ต่อสู้ของเขาจะเป็นเพียงมังกรดำเด็กขั้นสาม แต่ในฐานะสิ่งทีมีชีวิตที่อยู่ในเผ่าพันธุ์แทบจะสูงสุดใน God domain พวกมันจึงแข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยายขั้นสี่ทั่วไปมาก นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าพวกมันมีสามตัว และด้วยพลังของมังกรเด็กสามตัวนี้ หากพวกมันร่วมมือกัน พวกมันจะสามารถทำลายเมืองปีกสีเงินในปัจจุบันได้อย่างง่ายดาย พวกมันไม่ใช่ตัวตนที่ผู้เล่นขั้นสามคนเดียวหวังจะต่อสู้ได้เลย ในความเป็นจริงแม้แต่ทีมผู้เล่นขั้นสี่ก็ยังต้องจัดแนวใช้การโจมตีระยะไกลเข้าช่วย หากพวกเขาต้องสู้กับมังกรดำเด็กขั้นสาม สามตัวจริงๆ


เพื่อทำให้เรื่องแย่ลง ตอนนี้ไม่เพียงแต่ซือเฟิงจะติดอยู่ที่หน้าผาเท่านั้น แต่มันยังมีแรงดึงดูดที่ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อกดลงมาที่ร่างกายของเขาด้วย ซึ่งแม้ว่าเขาจะเปิดใช้งานสกิล Heavenly Dragon’s Power อยู่ แต่เขาก็ไม่สามารถจะเคลื่อนไหวร่างกายได้ตามปกติเลย ซึ่งการที่เขาจะต้องปะทะกับมังกรดำเด็กสามตัวแบบนี้ในสถานการณ์นี้ มันก็แทบจะสามารถรับประกันได้เลยว่าเขาจะตายแน่นอน


ซือเฟิงรีบชักคิลลิงเรย์ออกจากฝักและแทงเข้าไปที่ผนังหน้าผาทันที จากนั้นเขาก็เริ่มปีนขึ้นไปบนหน้าผาด้วยพลังทั้งหมดของเขาโดยใช้ดาบสองเล่มของเขา


อย่างไรก็ตามแรงดึงดูดจากเหวลึกนั้นมันทรงพลังมากเกินไป และมันก็ทำให้ซือเฟิงไม่สามารถจะปีนขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วแม้ว่าเขาจะต้องการก็ตาม และในท้ายที่สุด ก่อนที่เขาจะปีนได้ยี่สิบหลา มังกรดำเด็กตัวหนึ่งก็ได้บินมาถึงตรงหน้าของเขา และตวัดกรงเล็บขนาดใหญ่ของมันเข้ามาที่เขา โดยที่ความเร็วของกรงเล็บนั้นก็เร็วมากซะจนเขามีเพียงทางเลือกเดียวคือรับมัน


“แม่ง !!!” ซือเฟิงตะโกนออกมา ในขณะที่เขาเหวี่ยง Abyssal Blade เข้าปะทะกับกรงเล็บอันทรงพลังของมังกรดำเด็ก ซึ่งอาวุธเวทย์มนต์ของเขานั้นมันก็ทรงพลังมากซะจนก่อให้เกิดรอยแยกเชิงพื้นที่บางส่วนในทุกๆที่ที่มันเคลื่อนผ่าน


เมื่อ Abyssal Blade ได้สัมผัสกับกรงเล็บของมังกรดำเด็ก ไม่เพียงแต่อาวุธเวทย์มนต์จะสามารถผลักดันกรงเล็บขนาดใหญ่ออกไปได้เท่านั้น แต่พลังการโจมตีของมันก็ยังทำให้มังกรดำเด็กต้องถอยไปไกลกว่าสิบหลา ซึ่งผลลัพธ์นี้มันก็ทำให้มังกรดำเด็กเต็มไปด้วยความตกตะลึง ในขณะที่ตอนนี้ดวงตาสีทองของมันจ้องมองไปยังซือเฟิงด้วยความประหลาดใจ


ในฐานะของสมาชิกของเผ่าพันธุ์ที่แทบจะยืนอยู่ในจุดสูงสุดของ God domain มันกับพ่ายแพ้ให้เผ่าพันธุ์ที่อยู่ต่ำกว่าชั้นกว่ามันในการเผชิญหน้ากันตรงๆ ซึ่งโดยปกติเรื่องแบบนี้นั้นไม่น่าจะเป็นไปได้เลย แต่ความสำเร็จที่เป็นไปไม่ได้มันก็ได้เกิดขึ้นแล้วในตอนนี้


อย่างไรก็ตามแม้จะป้องกันและโต้ตอบการโจมตีของมังกรดำเด็กออกไปได้ แต่ซือ

เฟิงก็ไม่ได้แสดงอาการตื่นเต้นใดๆเลย


เนื่องจากเขาได้รับความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจากการใช้สกิล Heavenly Dragon’s Power และสกิลพาสซีฟ Dragon’s Domination มันจึงทำให้ความแข็งแกร่งของเขานั้นเหนือกว่ามังกรดำเด็ก เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบสอง อย่างไรก็ตามตอนนี้ในขณะที่เขาติดอยู่ที่ด้านข้างของหน้าผา ดังนั้นสิ่งเดียวที่เขาทำได้ตอนนี้ก็คือการป้องกันการโจมตีของมังกรดำเด็กอย่างอดทน เขาไม่สามารถเปิดการตอบโต้แบบเป็นกิจจะลักษณะหรือหนีไปได้เลย


ในขณะเดียวกันพลังจากสกิล Heavenly Dragon’s Power นั้นมันก็มีระยะเวลาจำกัด ซึ่งเมื่อเขาสูญเสียบัฟเพิ่มความแข็งแกร่งจากสกิลเบอเซิกร์สกิลนี้ เขาก็จะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากขึ้นแน่นอนในการรับมือกับมังกรดำเด็ก


Roar!


เมื่อมังกรดำเด็กที่ถูกผลักดันออกไปคำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว มังกรดำเด็กอีกตัวก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าของซือเฟิง และเริ่มโจมตีเขา


ซึ่งในขณะที่ซือเฟิงกำลังง่วนอยู่กับการป้องกันตัวเองจากมังกรดำเด็กตัวที่สอง มังกรดำเด็กตัวแรกที่ถูกเขาผลักดันออกไปก็ได้เปิดปากขึ้น และเตรียมจะใช้ลมหายใจมังกรกับเขา


แม้จะมีค่าสถานะพื้นฐานในปัจจุบัน แต่ซือเฟิงก็ไม่กล้าที่จะรับการโจมตีจากลมหายใจมังกรของมังกรที่แท้จริง เขาได้กัดฟัน และดึงคิลลิงเรย์ออกจากหน้าผาเพื่อปล่อยให้แรงโน้มถ่วงกดตัวของเขาลงไป


เมื่อถูกใช้โดยมังกรที่แท้จริง แม้ว่ามันจะเป็นเพียงลมหายใจมังกรขั้นสาม แต่มันก็มีพลังมากเพียงพอที่จะเทียบกับการโจมตีที่อยู่นจุดสูงสุดของขั้นสี่ได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นลมหายใจมังกรยังเป็นการโจมตีแบบ AOE ดังนั้นการจะป้องกันมันแบบการโจมตีปกติจึงเป็นไปไม่ได้เลย


แม้ว่าซือเฟิงจะมีตัวเลือกในการใช้เทคนิคมานาของเขา แต่มานาในสภาพแวดล้อมของดินแดนมรดกนี้มันก็เบาบางมาก ซึ่งกว่าที่เขาจะรวบรวมมานาได้มากพอใช้ไลท์ชาโด้ว เขาก็คงจะถูกเผาด้วยลมหายใจมังกรไปแล้ว


ตู้ม !!!


ในช่วงเวลาต่อมาลำแสงสีดำก็พุ่งตรงมายังจุดเดิมที่ซือเฟิงอยู่ ซึ่งลำแสงนี้มันก็เจาะรูเข้าไปในหน้าผาเยอะมากๆ และสำหรับซือเฟิง หลังจากหลบการโจมตีแล้ว เขาก็รีบทรงตัวพร้อมทั้งกดตัวเองลงไปด้านล่างต่ออย่างรวดเร็ว


ตามที่คาดไว้จากพลังของลมหายใจมังกรจากมังกรที่แท้จริง ฉันอาจจะถูกผลักดันกลับไปได้เลย แม้ว่าฉันจะใช้ไลท์ชาโด้วก็ตาม ซือเฟิงนั้นไม่สามารถจะซ่อนความประหลาดใจของเขาได้ เมื่อเขาได้เห็นหลุมขนาดใหญ่ที่ปรากฎขึ้นเหนือเขา


ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว มังกรดำเด็กได้ทำให้เกิดหลุมขนาดใหญ่ที่มีรัศมีสามสิบหลาในหน้าผาที่แข็งแรง ในทางกลับกันซือเฟิงนั้นแทบจะไม่สามารถแทงดาบเข้าไปในหน้าผาได้ แม้ว่าเขาจะได้รับการสนับสนุนจากสกิล Heavenly Dragon’s Power ก็ตาม ซึ่งหากปราศจากความช่วยเหลือจากสกิลเบอเซิกร์สกิลนี้ เขาก็จะสามารถแทงดาบลงไปในหน้าผาได้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น


อย่างไรก็ตามก่อนที่ซือเฟิงจะทันได้ชื่นชมพลังของลมหายใจมังกรขั้นสามอย่างเต็มที่นั้น มังกรดำเด็กอีกสองตัวก็ได้เริ่มใช้ลมหายใจมังกรใส่เขาเช่นกัน


Roar!


ลำแสงสีดำสองเส้นพุ่งตรงมายังซือเฟิงในทันที ซึ่งระยะการโจมตีที่พวกมันปกคลุมนั้นก็ทำให้ซือเฟิงไม่สามารถจะหลบหลีกได้เลย


เมื่อเห็นสิ่งนี้ ซือเฟิงจึงได้เลือกจะเปิดใช้งาสกิลโดเมนสมบูรณ์แบบโดยสัญชาตญาณเพื่อป้องกันการ อย่างไรก็ตามเนื่องจากหน้าผาที่เขาเกาะอยู่นั้นได้ระเหยหายไป เขาจึงเริ่มสูญเสียหลัก และดิ่งลงสู่เหวลึกอีกครั้ง


ดูเหมือนว่ามันจะจบแล้ว ….


ซือเฟิงนั้นอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นออกมา ในขณะที่มองไปยังเหวลึกเบื้องล่าง ก่อนที่จะหันกลับมามองด้านบนที่มีมังกรดำเด็กสามตัวไล่ตามเขามา


ไม่เพียงแต่เหวลึกนี้จะปลดปล่อยแรงโน้มถ่วงที่จัดว่าบ้าคลั่งมากๆเข้าใส่ตัวเขา แต่มันยังมีมังกรดำเด็กสามตัวที่ติดตามและไล่ล่าเขามาอีก ความยากของดินแดนมรดกแห่งนี้นั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลย เขาแทบจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานนักในดินแดนมรดกแห่งนี้ ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงการค้นหามรดกโบราณที่ซ่อนอยู่เลย กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ดินแดนนี้มันเหมือนกับถูกสร้างมาเพื่อใช้เล่นสนุกกับผู้เล่นที่ท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่เท่านั้น


อย่างไรก็ตามในขณะที่ซือเฟิงเตรียมใจจะยอมแพ้เรื่องเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ในครั้งนี้ มันก็มีแสงสว่างหลายดวงปรากฎขึ้นบนหน้าผาสีดำสนิท โดยแสงเหล่านี้นั้นก็แผ่ออร่า Divine Might ออกมาเล็กน้อย ซึ่งมันทำให้วิญญาณของเขาสั่นโดยไม่ตั้งใจ


เศษชิ้นส่วนมรดกโบราณ ? ความตกตะลึง และความตื่นเต้นปรากฎขึ้นในดวงตาของซือเฟิงขณะที่เขามองไปยังแสงเหล่านี้ที่เริ่มจะเลือนหายไป


ตอนแรกเขาคิดว่าดินแดนมรดกแห่งนี้มันเหมือนกับถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเล่นสนุกกับผู้เล่น อย่างไรก็ตามตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย แม้ว่าแสงสว่างเหล่านี้จะหายไปอย่างรวดเร็วหลังจากมันปรากฎขึ้น แต่เขาก็มั่นใจว่าเขารู้สึกได้ถึงออร่า Divine Might จากแสงสว่างเหล่านี้


เควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่นั้นเป็นเควสที่ผู้เล่นจะต้องเข้าสู่ดินแดนมรดก และรับเอาพลังของมรดกมาให้ได้มากที่สุด ซึ่งโดยปกติอาชีพทั่วไปก็จะต้องสะสมพลังของมรดกให้ได้เจ็ดสิบเปอเซ็นต์เป็นอย่างน้อยจึงจะสามารถเลื่อนขั้นไปเป็นขั้นสี่ได้ ในขณะที่บรรดาอาชีพจากมรดกขั้นสูงสุดก็จำเป็นจะต้องใช้พลังของมรดกเพื่อเรื่องนี้ราวแปดสิบห้าเปอเซ็นต์เป็นอย่างน้อย


โดยเขาได้เห็นแสงสว่างหลายดวงเมื่อครู่ที่บริเวณหนึ่งของหน้าผา ซึ่งมันก็หมายความว่ามันน่าจะมีเศษชิ้นส่วนมรดกจำนวนมากอยู่ที่นั่น ซึ่งหากเขาสามารถไปถึงบริเวณนั้นได้ เขาก็อาจจะได้รับพลังของมรดกที่มากเพียงพอจะทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ให้สำเร็จได้


หลังจากคิดจนมาถึงข้อสรุปแบบนี้ ซือเฟิงก็ได้ละทิ้งความคิดที่จะยอมแพ้ต่อมรดกในดินแดนนี้


การค้นหาเศษชิ้นส่วนมรดกที่ซ่อนอยู่ภายในดินแดนมรดกนั้นเป็นเรื่องยาก และต้องใช้เวลานานมากอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ตอนนี้ในเมื่อเขารู้แล้วว่ามันอยู่ตรงไหน โดยธรรมชาติแล้วเขาจึงเลือกจะไม่ยอมแพ้


อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะเปลี่ยนใจ แต่เมื่อคิดย้อนกลับไปถึงมังกรดำเด็กทั้งสาม มันก็ทำให้เขาปวดหัวอย่างมาก


มันอาจจะดีถ้าฝ่ายตรงข้ามของพวกเขาเป็นเพียงลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่ทั่วไป และในความเป็นจริง แม้ว่าเขาจะต้องต่อสู้กับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายขั้นสี่ สามตัวพร้อมกัน แต่เขาก็มั่นใจว่าเขาจะสามารถรวบรวมเศษชิ้นส่วนมรดกได้จนสำเร็จ และยังเอาชีวิตรอดได้ อย่างไรก็ตามการต้องต่อสู้กับมังกรขั้นสาม สามตัวพร้อมกันมันมากเกินไป


ในความเป็นจริงมังกรดำเด็กเพียงตัวเดียว มันก็มากเกินพอแล้วที่จะทำให้เขาตายได้ในระยะเวลาอันสั้น เพราะท้ายที่สุดแล้วแรงดึงดูดที่เหวลึกกระทำต่อเขานี้มันมีมากเกินไป และในขณะที่อยู่ภายใต้แรงดึงดูดนี้ เขาก็สามารถดึงพลังของตัวเองออกมาใช้ได้ไม่ถึงครึ่งเลยจากปกติ ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่มีหลักหรือฐานที่มั่นใดๆที่จะทำให้เขาสามารถหลบหลีกและป้องกันการโจมตีของมังกรดำเด็กได้เลย ดังนั้นการจะรับมือกับมังกรดำเด็กมันจึงยากเป็นพิเศษ


ไม่ !!! นี่มันไม่ถูกต้อง !!! ตราบใดที่ฉันสามารถสร้างฐานที่มั่นได้เพียงพอ มันก็อาจจะเป็นไปได้ที่จะต่อสู้กับมังกรดำเด็กสามตัวพร้อมกันด้วยเอฟเฟคของ Dragon’s Domination !!!


ในขณะที่กำลังดิ่งลงไปในเหวลึกนั้น ซือเฟิงก็นึกถึงหลุมขนาดมหึมาท่มังกรดำเด็กสร้างขึ้น หากเขาสามารถจะเปิดเส้นทางที่กว้างขวางเพียงพอเพื่อเข้าไปในหน้าผาได้ การป้องกันตัวเองจากมังกรดำเด็กทั้งสาม มันก็จะไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้


หลังจากคิดมาถึงจุดนี้ ซือเฟิงก็ไม่ได้รอให้แรงดึงดูดจากเหวลึกฆ่าเขาอีกต่อไป แต่เขาได้เลือกจะหยิบม้วนคัมภีร์มรดกระดับอีปิคออกมาจากกระเป๋าของเขา และเปิดใช้งานมันเพื่อเริ่มต้นท้าทายดินแดนมรดกนี้อีกครั้ง


ตอนที่ 2688 วัตถุประสงค์ที่แท้จริงของดินแดนมรดก


ทันทีที่ซือเฟิงเปิดใช้งานม้วนคัมภีร์มรดกอีกครั้ง ความมืดก็เข้าปกคลุมวิสัยทัศน์ของเขาอีกครั้ง และโลกนั้นมันก็ดูเหมือนจะหมุนรอบตัวเขา ทุกอย่างมันเหมือนกับตอนแรกที่เขาเดินเข้าไปในกระแสน้ำวนที่มืดมิดในห้องหลัก


ม้วนคัมภีร์มรดกนั้นเป็นสมบัติที่มหาอำนาจต่างๆต้องการเป็นอย่างมาก ซึ่งมันเป็นสิ่งที่พวกเขาเต็มใจจะแลกเปลี่ยน แม้แต่กับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานด้วยซ้ำ โดยมันมีค่ามากก็เนื่องมาจากมันทำให้ผู้เล่นสามารถท้าทายดินแดนมรดกเดิมได้อีกครั้ง


แม้ว่าฟังชั่นนี้อาจจะดูเหมือนไม่มากนัก แต่มันก็เป็นราวกับพรจากสวรรค์เลย สำหรับผู้เล่นที่ทำการท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่


โดยปกติผู้เล่นจะมีโอกาสท้าทายดินแดนมรดกเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งเมื่อพวกเขาตายลง พวกเขาก็จะถูกเทเลพอร์ตออกจากดินแดนมรดก และดินแดนมรดกที่พวกเขาเคยเข้ามาแต่เดิมมันก็จะหายไป และปรากฎขึ้นในตำแหน่งอื่นแบบสุ่ม และแม้ว่าผู้เล่นจะมาทำการท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ใหม่อีกครั้ง แต่โอกาสที่พวกเขาจะได้เข้าไปในดินแดนมรดกเดิมนั้นมันก็ต่ำมากๆ ดังนั้นมันจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้ท้าทายดินแดนมรดกเดียวกันถึงสองครั้ง และด้วยเรื่องนี้เอง มันก็ทำให้เหล่าผู้เล่นไม่สามารถจะเรียนรู้จากประสบการณ์ได้


ซึ่งสำหรับเหล่าผู้เล่น ด้วยเรื่องนี้นั้นมันทำให้โอกาสในการจะทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ของพวกเขาได้สำเร็จลดน้อยลงไปอีก เพราะพวกเขาไม่สามารถจะเรียนรู้จากประสบการณ์ได้เลย เมื่อพวกเขาทำการท้าทายใหม่นั้น ทุกอย่างมันก็จะเหมือนกับการเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด ดังนั้นไอเทมที่สามารถช่วยให้พวกเขากลับเข้าสู่ดินแดนมรดกเดิมเพื่อทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้นั้น มันจึงจัดว่ามีค่ามากๆ เพราะมันจะทำให้พวกเขาสามารถเรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในดินแดนมรดกได้ ซึ่งมันก็จะช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ของพวกเขาอย่างมาก ดังนั้นมหาอำนาจต่างๆในชีวิตที่ผ่านมาของเขาจึงไปไกลถึงขนาดพร้อมจะแลกเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานกับม้วนคัมภีร์มรดกเลย


ในสายตาของผู้เล่นทั่วไป การทำธุรกรรมนี้มันค่อนข้างจะดูเหมือนการทำธุรกรรมที่โง่เง่า อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงความแตกต่างระหว่างขั้นสามกับขั้นสี่นั้นมันก็เหมือนกับความแตกต่างระหว่างสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในโคลนและในก้อนเมฆเลย ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อผู้เล่นไปถึงเลเวลที่สูงขึ้น ความแตกต่างของความแข็งแกร่งระหว่างขั้นก็จะยิ่งมีมากขึ้น แถมท้ายที่สุดแล้ว โอกาสที่ผู้เล่นขั้นสามและขั้นสี่จะได้พบต่อไปในระยะหลังๆของเกมนั้นมันก็แตกต่างกันมาก ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีความแตกต่างในเรื่องรค่าสถานะพื้นฐานที่ผู้เล่นขั้นสามและขั้นสี่จะได้รับเมื่อเลื่อนเลเวลด้วย


ในขณะเดียวกัน หลังจากช่วงเวลาสั้นๆในความมืด ซือเฟิงก็ปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งในท้องฟ้าเหนือดินแดนมรดกแห่งแรกของเขา และมันก็เป็นเช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ที่ร่างกายของเขาเริ่มดิ่งลงสู่เหวลึกอย่างรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้นคูลดาวน์ของสกิลและเวทย์ทั้งหมดของเขายังได้รับการรีเฟรชทั้งหมด ซึ่งสถานการณ์ในปัจจุบันมันทำให้ดูเหมือนว่าเขาย้อนเวลากลับมาเลย


“ดีมาก !!!”


ซึ่งจากการตรวจสอบอย่างรวดเร็วนั้น ซือเฟิงพบว่าแม้แต่สกิลเพิ่มเติมของอาวุธกับอุปกรณ์ที่เขาใช้ไปมันก็ยังถูกรีเฟรชทั้งหมด และนี่มันก็ทำให้ซือเฟิงเลือกจะเปิดใช้งานสกิลเกลโดเมนทันที ก่อนที่เขาจะเลือกบินตรงไปยังหน้าผาที่ใกล้ที่สุด


ก่อนหน้านี้เขาเสียเวลาไปมากในการเฝ้าสังเกตดินแดนมรดก เป็นผลให้เมื่อเขาเปิดใช้งานสกิลเกลโดเมน แรงโน้มถ่วงที่กระทำต่อเขามันก็มีอย่างมากแล้ว มันจึงทำให้ความเร็วและความคล่องตัวของเขาลดลงอย่างมาก


ซึ่งคราวนี้เมื่อเขาเปิดใช้งานสกิลเกลโดเมนเกือบจะทันทีที่เขามาถึงดินแดนมรดก มันจึงทำให้เขาสามารถเดินทางไปได้ด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิมถึงสองเท่า และในท้ายที่สุดนี่มันก็ทำให้เขาสามารถไปถึงหน้าผาที่ใกล้ที่สุดได้ในเวลาเพียงสิบห้าวินาที โดยที่เขายังเหลือเวลาของสกิลบินนี้อีกมากด้วย


“ทลาย !!!”


หลังจากมาถึงบริเวณหน้าผา ซือเฟิงก็ได้จัดการใช้ไลท์ชาโด้วทันที


ตู้ม !!


เสียงระเบิดอย่างรุนแรงดังขึ้นในขณะที่เศษหิน และดินปลิวว่อนไปหมด อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็ต้องเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เมื่อได้เห็นผลจากการโจมตีนี้ การโจมตีนี้ของเขาได้เปิดทางได้เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งมันแทบไม่เพียงพอที่คนๆหนึ่งจะยืนได้เลยด้วยซ้ำ

นี่พลังของไลท์ชาโด้วลดลงมากขนาดนี้เลยงั้นหรอ ?! ซือเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อเห็นรอยแยกบนหน้าผาที่เขาสร้างขึ้น


พลังของไลท์ชาโด้วนั้นอ่อนแอกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้มาก เมื่อครู่เขาได้ใช้ทุกอย่างแล้วจริงๆใส่เข้าไปในการโจมตีนี้ แต่มันก็แทบจะไม่ถึงมาตราฐานขั้นกลาง ของขั้นสี่ด้วยซ้ำ ซึ่งหากเขาใช้การโจมตีนี้เข้าปะทะกับลมหายใจมังกรของมังกรดำเด็ก เขาคงจะได้ตายอย่างแน่นอน


อย่างไรก็ตาม ซือเฟิงก็ไม่กล้าจะเสียเวลามากนัก เขาได้ทำการใช้ไลท์ชาโด้วอีกครั้งทันที


ในตอนที่เขาใช้ไลท์ชาโด้วเป็นครั้งที่แปด ในที่สุดผลของสกิลเกลโดเมนของเขาก็หมดลง แต่โชคดีที่เขาสามารถสร้างพื้นที่ได้เพียงพอที่จะตั้งหลักสำหรับตัวเองแล้ว ซึ่งด้วยพื้นที่นี้ มันก็น่าจะมีมากเพียงพอที่จะใช้หลบหลีกและสกัดกั้นการโจมตีของมังกรดำเด็ก


อย่างไรก็ตามเมื่อซือเฟิงจ้องมองไปยังเหวลึกเบื้องล่าง เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดหัว


แม้ว่าสถานการณ์ในปัจจุบันของเขาจะดีขึ้นกว่าครั้งก่อนมาก แต่เขาก็ยังมีปัญหาใหญ่ที่ต้องจัดการ


นี่ยังไม่ต้องพูดถึงการรับมือกับมังกรดำเด็กทั้งสามตัว เพราะเพียงแค่ความจริงที่ว่าเขาต้องทำการเปิดเส้นทางไปเรื่อยๆเพื่อลงจากหน้าผามันก็จัดว่าเป็นปัญหาใหญ่แล้ว ซึ่งการใช้ไลท์ชาโด้วแต่ละครั้งมันทำให้เขาสามารถเปิดเส้นทางต่อไปข้างหน้าได้แค่ราวหนึ่งเมตรเท่านั้น อย่างไรก็ตามจากการคาดการณ์ของเขา เขาจำเป็นจะต้องลงไปหลายกิโลเมตรเพื่อไปให้ถึงพื้นที่ที่เศษชิ้นส่วนมรดกอยู่ ซึ่งในกรณีนี้เขาก็จะไม่สามารถเข้าถึงเศษชิ้นส่วนมรดกได้แน่นอน แม้ว่าเขาจะใช้ไลท์ชาโด้วติดต่อกันเป็นเวลาหนึ่งเดือนหรือมากกว่านั้น


แม้ว่าเขาจะสามารถเพิ่มพลังการทำลายล้างของการโจมตีได้ด้วยการใช้สกิลเบอเซิกร์ แต่สกิลเบอเซิกร์นั้น หากประเมินจริงๆเขาก็ควรจะเก็บไว้ใช้ช่วยชีวิตตัวเองมากกว่า เพราะต่อไป เขาก็ไม่รู้ว่าเขาจะต้องเผชิญกับอะไรบ้างในดินแดนมรดกแห่งนี้ มันมีอันตรายที่เขาไม่รู้จักมากเกินไปที่นี่ ถ้าเขาใช้สกิลเบอเซิกร์เร็วเกินไป เขาจะต้องตายแน่นอนเมื่อมีสถานการณ์อันตรายเกิดขึ้น

ดูเหมือนว่าฉันจะต้องหาทางเพิ่มพลังโจมตีของฉัน หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่ ซือเฟิงก็สรุปได้ว่าเขามีอยู่ทางเลือกเดียว


การใช้เครื่องมืออัญเชิญนั้นไม่สามารถจะทำได้ในขณะที่อยู่ในดินแดนมรดก ผู้เล่นไม่ได้รับอนุญาติให้เรียกองครักษ์ส่วนตัวมาที่นี่ ซึ่งในสถานการณ์เช่นนี้วิธีเดียวที่จะทำให้เขาสามารถเข้าถึงเศษชิ้นส่วนมรดกได้เร็วที่สุดก็คือ การเพิ่มพลังดิบในการโจมตีของเขา


อย่างไรก็ตามเรื่องนี้มันพูดง่ายกว่าทำ


ปัจจุบันเทคนิคมานา ดาบที่หนึ่ง ไลท์ชาโด้วนั้น เป็นการเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่งท่สุดที่เขามีแล้ว ซึ่งแม้แต่เทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดงก็ยังไม่สามารถจะเทียบกับมันได้ อย่างไรก็ตาม หากเขาอาศัยเพียงแค่ไลท์ชาโด้วในการเปิดเส้นทางลงไป เขาก็จะไปไม่ถึงเศษชิ้นส่วนมรดกแน่นอน แม้ว่าเขาจะเหนื่อยจนตายก็ตาม เขาต้องการ การปรับปรุงเชิงคุณภาพในเรื่องพลังดิบของเขา


หากฉันต้องการจะเพิ่มพลังในการโจมตีของฉัน นอกเหนือจากการทลายขีดจำกัดของร่างมานาแล้ว ตัวเลือกอื่นๆก็คือการปรับปรุงเทคนิคมานาเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดแล้วหากปราศจากซึ่งแรงบันดาลใจ การจะทลายขีดจำกัดร่างมานาให้ได้นั้นมันเป็นไปไม่ได้เลย ซึ่งในกรณีนี้มันทำให้ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพยายามใช้ดาบที่สองโฮลี่ดีวอร์ให้ได้ เมื่อซือเฟิงคิดมาถึงจุดนี้ เขาก็เริ่มโฟกัสไปที่การสัมผัสถึงสภาพแวดล้อมโดยรอบของเขา ซึ่งเขาก็พบว่าแม้ว่าที่นี่จะมีสภาพแวดล้อมที่รุนแรง และมีมานาเบาบางมาก แต่สมองของเขาก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดใดๆเลย สภาพแวดล้อมที่นี่มันดูคล้ายกับสภาพแวดล้อมในประตูมรดก หรือว่ามันจะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อช่วยให้ผู้เล่นได้เรียนรู้เทคนิคมานางั้นหรอ ?


เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ ซือเฟิงก็รู้สึกว่ามันมีความเป็นไปได้สูงที่การคาดเดาของเขาจะถูกต้อง


ดินแดนมรดกทุกดินแดนนั้นมันควรจะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้เล่นสามารถท้าทายและฝึกฝนภายในได้ และมันไม่ควรจะมีดินแดนมรดกใดที่ผู้เล่นไม่สามารถท้าทายและฝึกฝนภายในได้ ….


ในขณะเดียวกันในสภาพแวดล้อมที่มีมานาเบาบางนี้ ไม่เพียงแต่ผู้เล่นจะสามารถรับรู้ถึงการไหลของมานาภายในร่างกายของพวกเขาได้ดีขึ้นเท่านั้น แต่มันยังจะทำให้ผู้เล่นฝึกฝนเทคนิคมานาได้ด้วย ซึ่งนี่เป็นเพราะความสามารถในารควบคุมมานาของคนผู้หนึ่งนั้นมีบทบาทสำคัญมากในการเรียกใช้เทคนิคมานา โดยในสภาพแวดล้อมที่มีมานาต่ำแบบนี้ ผู้เล่นก็จะไม่ต้องถูกรบกวนจากมานาภายนอกมากนัก เป็นผลให้พวกเขาจะสามารถรับรู้และควบคุมมานาภายในร่างของตัวเองได้ดีขึ้น


ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งสำคัญสำหรับผู้เล่นที่ต้องการจะเลื่อนขั้นไปเป็นขั้นสี่นอกเหนือ

จากการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาให้ได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วคือ พวกเขาจะต้องควบคุมมานาให้ได้ระดับที่สูงเพียงพอ เพราะท้ายที่สุดโดเมนมานานั้นมันขึ้นอยู่กับความสามารถในการควบคุมมานา


ซือเฟิงได้ชัก Abyssal Blade ออกจากฝัก และเริ่มพยายามจะใช้ดาบที่สองโฮลี่ดีวอร์ทันที


ซึ่งสำหรับดาบที่สองโฮลี่ดีวอร์นี้ หากผู้ใช้ไม่มีความเข้าใจอย่างเพียงพอเกี่ยวกับหลักการทำงานและโครงสร้างมานา เพื่อสร้างมานาออกมาเป็นรูปร่าง ไม่งั้นการจะใช้งานโฮลี่ดีวอร์ให้ได้ก็เป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิง


ก่อนหน้านี้ซือเฟิงไม่ได้มีความหวังมากนักว่าเขาจะสามารถเรียนรู้ และใช้งานโฮลี่ดีวอร์ได้ ในขณะที่เขายังอยู่ในขั้นสาม เพราท้ายที่สุดการจะบรรลุเงื่อนไขทั้งหมดเพื่อใช้มันให้ได้นั้นยากมากๆ


อย่างไรก็ตามเนื่องจากตราประทับวิญญาณของ Faux Saint Devourers การรับรู้หลักการทำงานมานาและโครงสร้างมานาของเขาของเขาจึงได้รับการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพอย่างมาก


ในช่วงเวลาต่อมาซือเฟิงก็หลับตาของเขาลง ก่อนที่เขาจะกระชับ Abyssal Blade ด้วยมือทั้งสองของเขาแน่น เพื่อจัดการรวบรวมมานาให้เข้ามาอยู่โดยรอบ Abyssal Blade ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้


ซึ่งหลังจากแน่ใจว่ามีมานาเพียงพอแล้ว ซือเฟิงก็ลืมตาขึ้น และเหวี่ยง Abyssal Blade เข้าใส่ผนังหน้าผาตรงหน้าเขาทันที


โฮลี่ดีวอร์ !!!


ตอนที่ 2689 โฮลี่ดีวอร์แบบง่ายๆ


ในขณะที่ซือเฟิงเหวี่ยง Abyssal Blade กลุ่มของเปลวไฟสีแดงที่ลุกโชนก็ได้ห่อหุ้มอาวุธเวทย์มนต์ ซึ่งมันทำให้แม้แต่พื้นที่โดยรอบก็ยังสั่นสะเทือน


ในช่วงเวลาต่อมาเปลวไฟสีแดงที่ลุกโชนนี้ก็ได้กัดกินผนังเบื้องหน้าเขา


ตู้ม !!


พร้อมกับเสียงระเบิดที่ดังขึ้น เศษหินและหินก็ปลิวว่อนไปทั่ว ในตอนแรกพื้นที่ซึ่งเป็นถ้ำที่ซือเฟิงขุดและสร้างขึ้นมาเพื่อตัวเองนั้นมีขนาดเท่ากับห้องเล็กๆเท่านั้น อย่างไรก็ตามตอนนี้ถ้ำนี้ได้เติบโตขึ้นจนมีขนาดเท่ากับบ้านหลังเล็กๆ ยิ่งไปกว่านั้นผนังของมันยังเรียบเนียนราวกับถูกขัดเงา


แข็งแกร่งมากๆ !!


ความประหลาดใจปรากฎขึ้นในดวงตาของซือเฟิง ขณะที่เขาตรงลึกเข้าไปในถ้ำตรงหน้าของเขาต่อ


เขาเพียงแค่พยายามจะลองใช้โฮลี่ดีวอร์เท่านั้น แต่เขาก็ไม่คิดเลยว่ามันจะประสบความสำเร็จในครั้งแรก แม้ว่าดาบที่สองโฮลี่ดีวอร์ที่เขาใช้นั้นมันจะอ่อนแอกว่าที่ควรจะเป็นมาก และอาจจะเป็นรุ่นไม่สมบูรณ์ แต่พลังในการโจมตีของมันที่เขาใช้ออกมาได้ มันก็เกือบจะอยู่ในขั้นสูง ของขั้นสี่แล้ว


ซึ่งด้วยพลังในการทำลายล้างเช่นนี้ ประสิทธิภาพในการเปิดเส้นทางไปยังเศษชิ้นส่วนมรดกของเขาก็ควรจะดีขึ้นหลายสิบเท่า


อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ซือเฟิงคิดจะใช้โฮลี่ดีวอร์อีกครั้ง สติของเขาก็เริ่มสั่นคลอนและเจ็บปวดที่เสียดแทงเข้ามาโจมตีสมองของเขา


แน่นอนว่ามันยังคงมากเกินไปสำหรับตัวฉันในปัจจุบันที่จะใช้โฮลี่ดีวอร์ติดๆกันได้ ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นออกมาให้กับสถานการณ์นี้


เมื่อครู่ เขาประสบความสำเร็จในการใช้งานโฮลี่ดีวอร์ก็จริง อย่างไรก็ตามปริมาณการใช้ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขาที่ใช้โฮลี่ดีวอร์ไปครั้งเดียวนั้น มันเทียบเท่ากับการที่เขาใช้เทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดงไปมากกว่าสิบครั้งเลย ซึ่งอัตราการผลาญค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจที่สูงเช่นนี้ ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขาก็จะหมดลง หลังจากใช้โฮลี่ดีวอร์ไปสามถึงสี่ครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นเขาสามารถจะบรรลุผลนี้ได้ก็เนื่องจากมาตราฐานค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขานั้นได้มาถึงขั้นสี่แล้ว หากมาตราฐานค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขายังคงอยู่ในขั้นสาม เขาจะตายลงทันทีแน่นอน เมื่อใช้โฮลี่ดีวอร์ครั้งแรก


อย่างไรก็ตามในขณะที่ซือเฟิงกำลังคิดถึงวิธีที่จะทำให้เขาใช้โฮลี่ดีวอร์ได้อย่างสมบูรณ์ และลดการผลาญค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจลงไปด้วย มันก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงขึ้นในถ้ำ


ก่อนที่เขาจะตอบสนองต่อพัฒนาการที่ไม่คาดคิดนี้ได้ เศษหินที่กระจัดกระจายอยู่รอบถ้ำก็เริ่มมารวมตัวกันกลายเป็นโกเลมมนุษย์ที่สูงเท่าเขา ซึ่งในขณะที่โกเลมเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง มันก็ปล่อยชีพจรที่น่ากลัวซึ่งทำให้มานาที่อยู่รอบๆแข็งตัวทันทีออกมา โดยมันทำให้เขาไม่สามารถจะจัดการกับมานาโดยรอบได้เลย


….


[ผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอก] (สิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่สายธาตุ แกรนลอร์ด)

เลเวล 121

HP 53,500,000/53,500,000


….


สิ่งมีชีวิตที่ไม่สายธาตุ ? ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเขามองเห็นผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอก


เขาไม่เคยได้ยินเรื่องของสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่สายธาตุมาก่อน และโดยปกติ หากมอนสเตอร์เป็นมอนสเตอร์ที่ไม่ใช่สายธาตุ พวกมันจะถูกระบุว่าเป็นเผ่ายักษ์ เอลฟ์ สัตว์ป่า หรือไม่ก็ออร์คไปเลยเป็นต้น


ก่อนที่ซือเฟิงจะสามารถแยกแยะสถานการณ์นี้ได้อย่างถูกต้อง ผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าของเขาแล้ว จากนั้นแขนทั้งสองข้างของมันก็แปรเปลี่ยนเป็นใบมีดหินที่คมกริบที่ฟันเขาลงมาด้วยความเร็วในการโจมตีที่เหนือกว่าแกรยลอร์ดทั่วไปมาก ซึ่งมันก็เกือบจะเทียบได้กับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายเลย

อย่างไรก็ตามซือเฟิงนั้นก็ไม่ได้คิดจะถอยเช่นกัน เพราะท้ายที่สุดแล้วด้วยมาตราฐานการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา และค่าสถานะพื้นฐานของเขา แม้แต่มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายในเลเวลเดียวกันก็ยังต้องประสบปัญหาในการโจมตีเขาเลย นับประสาอะไรกับแกรนลอร์ดที่แค่มีความเร็วใกล้เคียงกับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย


ในช่วงเวลาต่อมาซือเฟิงก็ได้ทำการเหวี่ยง Abyssal Blade ของเขาไปรอบๆทันที


วัฎสงสารแห่งดาบ !!!


Peng… Peng… Peng…


ในพริบตาซือเฟิงก็สามารถเบี่ยงเบนการโจมตีหลายสิบครั้งออกไปได้ทันที ก่อนที่เขาจะส่งการโจมตีโต้ตอบผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกกลับไป


ในช่วงเวลาต่อมาลำแสงดาบสีดำสนิทก็พุ่งเข้าโจมตีที่ตัวของผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอก อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็ต้องเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เมื่อการโจมตีของเขาโดนเข้ากับผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอก เพราะไม่เพียงแต่การโจมตีของเขาจะล้มเหลวในการสร้างความเสียหายให้กับผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอก แต่ผลกระทบของการโจมตีนี้มันยังผลักดันให้เขาต้องถอยกลับมาครึ่งก้าว ขณะที่ Abyssal Blade ในมือของเขาก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับว่ามันพึ่งชนเข้ากับกำแพงที่ไม่สามารถเข้าถึงได้


นี่มันเป็นมอนสเตอร์แบบไหนกัน ? ซือเฟิงจ้องมองไปที่ผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกด้วยความประหลาดใจ


Abyssal Blade มีความสามารถในการจะตัดผ่านแม้แต่หนังของมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยาย แต่ตอนนี้ไม่เพียงแต่ Abyssal Blade ของเขาจะไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนให้กับร่างกายของผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกได้ แต่แกรนลอร์ดยังไม่ได้สูญเสีย HP ไปเลยแม้แต่นิดเดียวจากการโจมตี พลังป้องกันของผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกนั้นมันท้าทายสวรรค์อย่างแท้จริง


โดยไม่ได้คำนึงถึงความประหลาดใจของซือเฟิง ผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกนั้นรีบโจมตีเขาต่อครั้งแล้วครั้งเล่าทันที


และแม้ว่าจะต่อสู้ติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายนาที แต่ผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกก็ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงอาการอ่อนแรง หรือมีความเร็วลดลงเลย มันเป็นเหมือนกับเครื่องจักรที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แม้ว่าซือเฟิงจะโจมตีตอบโต้กลับไปมากกว่าหนึ่งร้อยครั้ง แต่เขาก็ล้มเหลวในการจะสร้างความเสียหายใดๆให้กับแกรนลอร์ดตัวนี้ และแม้แต่ไลท์ชาโด้วก็ยังไร้ประโยชน์กับมัน


มันเป็นอมตะงั้นหรอ ?


ซือเฟิงรู้สึกปวดหัวมากๆ ขณะที่เขาทำการเบี่ยงเบนการโจมตีของผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกอย่างต่อเนื่อง


ก่อนหน้านี้เขาเริ่มมองเห็นความหวังที่จะได้รับเศษชิ้นส่วนมรดกแล้ว แต่เขาไม่คิดเลยว่ามอนสเตอร์อย่างผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกจะปรากฎขึ้นหลังจากที่เขาทำการใช้โฮลี่ดีวอร์ ซึ่งแม้ว่าผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกจะมี HP มากกว่าห้าสิบล้านเพียงแค่เล็กน้อย ซึ่งถือว่าต่ำมากในหมู่แกรนลอร์ดเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ด แต่เขาก็ยังล้มเหลวในการจะสร้างความเสียหายให้กับมัน


ซึ่งในอัตรานี้เขาจะตายลงจากความเหนื่อยอ่อน ก่อนที่เขาจะสามารถรับเอาเศษชิ้นส่วนมรดกมาได้สักชิ้น


เวลานั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว และก่อนที่ซือเฟิงจะตระหนักได้ มันก็ได้ผ่านไปกว่าสิบนาทีแล้ว อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะโจมตีจุดอ่อนที่คิดว่าเป็นไปได้ทั้งหมดที่เขาพบบนตัวของผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอก แต่เขาก็ยังคงไม่สามารถทำความเสียหายให้กับแกรนลอร์ดได้เลย


เพื่อให้เรื่องแย่ลง เมื่อผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกทำให้มานาแข็งตัวแบบนี้ อัตราการฟื้นฟูในด้านต่างๆของซือเฟิงตามอัตโมัติที่เขาควรจะได้รับ มันจึงลดลงอย่างมาก และมันก็จะทำให้เขาทรุดลงจากความเหนื่อยล้าในอีกไม่กี่ชั่วโมงนับจากนี้


เวรเอ้ย !! เวรจริงๆ !! ซือเฟิงกัดฟันของเขา ก่อนที่เขาจะกระชับ Abyssal Blade ในมือสองข้างของเขาแน่นและทำการใช้โฮลี่ดีวอร์ใส่ผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกทันที หากมันไม่มีทางเลือกอื่นเหลือนับจากนี้ ฉันก็จะใช้สกิลเบอเซิกร์ร่วมด้วย


โฮลี่ดีวอร์นั้นการเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาสามารถใช้ได้โดยไม่ต้องกลายร่างเป็นราชันมังกรดำ และถ้าแม้แต่โฮลี่ดีวอร์ก็ยังไม่สามารถจะทำอะไรกับผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกได้ เขาก็คงจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้สกิลเบอเซิกร์เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองมากขึ้น ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เขาต้องการจะหลีกเลี่ยง หากสามารถทำได้


ทันใดนั้นเปลวไฟก็ได้พุ่งเข้ากลืนกินผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกทันที


ตู้ม !!


ในช่วงเวลาต่อมา ร่างกายของผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกก็ปลิวกระเด็นไปราวกับกระสุนปืนใหญ่ไปกระแทกเข้ากับผนังที่ด้านหนึ่งของถ้ำ และรอยแตกก็เกิดขึ้นรอบร่างกายที่ดูเหมือนจะเป็นอมตะของมัน ในขณะที่ HP ของมันก็ลดลงไปมากกว่าสามล้านเจ็ดแสน


มันได้ผล ? ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจ เมื่อมองไปยังฉากตรงหน้าของเขา


ก่อนหน้านี้แม้แต่ไลท์ชาโด้วก็ยังล้มเหลวในการจะสร้างความเสียหายให้กับผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอก อย่างไรก็ตามโฮลี่ดีวอร์กับสามารถทำได้ และมันก็ให้ผลเกินความคาดหมายของเขาด้วย


“นี่ฉันทลายขีดจำกัดพลังป้องกันของมันได้แล้วงั้นหรอ ? ซือเฟิงสงสัย อย่างไรก็ตามเขาส่ายหัวอย่างรวดเร็วและปฎิเสธความคิดนั้น ไม่ใช่สิ นี่มันไม่ถูกต้อง !!! แม้ว่าการโจมตีของฉันจะทลายขีดจำกัดพลังป้องกันของมันได้ แต่มันก็ไม่ควรจะให้ผลลัพธ์ที่ดีมากขนาดนี้


เขานั้นมีประสบการณ์มากมายในการโจมตีเพื่อทลายขีดจำกัดพลังป้องกันของมอนสเตอร์ ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าการที่สามารถทลายขีดจำกัดพลังป้องกันของมอนสเตอร์ได้ มันจะไม่ได้ให้ผลที่ดีมากขนาดนี้ เพราะท้ายที่สุดแม้ว่าจะทลายขีดจำกัดพลังป้องกันของมอนสเตอร์ได้ แต่มอนสเตอร์ก็ไม่ควรจะได้รับความเสียหายมากขนาดนี้จากการโจมตีของเขรา


ซือเฟิงครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ทุกอย่างที่เขาคิดออกอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เขาเฝ้ามองผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกยืนขึ้น


แม้ว่าเขาจะสามารถทลายขีดจำกัดพลังป้องกันของผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกได้สำเร็จแล้ว แต่ด้วยสถานะปัจจุบันของเขา เขาจะสามารถใช้โฮลี่ดีวอร์ได้อีกแค่หนึ่งถึงสองครั้งเท่านั้น ดังนั้นสถานการณ์ของเขาจึงจัดว่ายังคงเลวร้ายมาก และมันก็จำเป็นสำหรับเขามากตอนนี้ที่เขาจะต้องระบุให้ได้ว่ามันเป็นเพราะอะไรที่เขาสามารถสร้างความเสียหายอย่างมหาศาลให้กับผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกได้ ไม่งั้นแม้ว่าจะเปิดใช้งานสกิลเบอเซิกร์ของตัวเอง แต่เขาก็จะยังต้องตายลงที่นี่แน่นอน


เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ซือเฟิงก็ได้มาปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าของผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอก และลองใช้ไลท์ชาโด้วใส่มันอีกครั้ง อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ที่ได้ก็ยังคงเหมือนเดิม


เนื่องจากไลท์ชาโด้วใช้ไม่ได้ผล ฉันจึงจำเป็นที่จะต้องใช้วิธีอื่น


เมื่อเห็นผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกโจมตีเข้าใส่เขาอีกครั้ง ซือเฟิงก็เลือกจะเบี่ยงเบนการโจมตีและหลบไปด้านหลังของผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอก และทีนี้เขาก็ได้ลองรวบรวมมานาให้ออกมาเป็นรูปร่างและใช้มันเข้าโจมตีผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกทันที


ซึ่งผลปรากฎว่าผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกนั้นได้รับความเสียหายมากกว่าหนึ่งล้านหกแสนในทันที ซือเฟิงจึงรู้ได้ทันทีว่าอะไรคือสิ่งที่เขาจะสามารถใช้โจมตีและสร้างความเสียหายให้กับมันได้ โดยมันก็คือมานาที่เป็นรูปร่างนั่นเอง !!! และหากพูดให้ง่ายๆก็คือ การทำแบบนี้มันก็เหมือนการใช้โฮลี่ดีวอร์แบบง่ายๆนั่นเอง


เนื่องจากรู้ดังนี้แล้ว ซือเฟิงจึงเริ่มระดมโจมตีผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกด้วยวิธีนี้ทันที


และภายในเวลาไม่ถึงสองนาที ซือเฟิงก็สามารถที่จะจัดการผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกลงได้


ในขณะเดียวกันการตายของผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกนั้นไม่เพียงแต่จะทำให้แถบ EXP ของซือเฟิงเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่มันยังมีหมอกสีดำสนิทที่เหลือจากร่างของมันที่ค่อยๆไหลเข้ามาในหัวใจของเขาด้วย และในช่วงเวลาต่อมาภาพที่กระจัดกระจายจำนวนมากก็ปรากฎขึ้นต่อหน้าของเขาทีละภาพ พร้อมกันนั้นเสียงแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้นมาที่หูของเขาเช่นกัน


….


ระบบ : คุณได้รับพลังมรดก 5 แต้ม อัตราความสำเร็จของมรดกขั้นสี่อยู่ที่ 0.5 เปอ

เซ็นต์ เมื่ออัตราความสำเร็จมรดกของคุณไปถึงแปดสิบห้าเปอเซ็นต์ คุณจะสามารถเปิดใช้งานมรดกขั้นสี่ของตัวเองได้


….


พลังมรดก ? ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจอย่างมากที่ได้เห็นการแจ้งเตือนของระบบครั้งนี้ เขาไม่เคยคิดเลยว่าการฆ่าผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกจะทำให้เขาได้รับพลังมรดก แถมการรวบรวมพลังมรดกด้วยวิธีนี้ มันก็ดูเหมือนจะง่ายกว่าการพยายามลงเหวลึกไปเอาเศษชิ้นส่วนมรดกซะอีก


ในขณะเดียวกัน ไม่นานหลังจากที่ผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกตายลง ร่างของมันก็ได้ระเบิดกลายเป็นกลุ่มแสงที่ลอยอยู่กลางอากาศอย่างเงียบๆ และมันก็ได้ขับไล่มานาทั้งหมดในบริเวณโดยรอบออกไปทันที


ตอนที่ 2690 เศษชิ้นส่วนโลหะที่ไม่รู้จัก


ช่างเป็นปรากฎการณ์ที่ทรงพลังมากๆ !!!


หัวใจของซือเฟิงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เมื่อเขาได้เห็นไอเทมมากกว่าหนึ่งโหลลอยอยู่กลางอากาศอย่างเงียบๆ


เขาเคยเห็นไอเทมที่ดรอปจากมอนสเตอร์มามากมายหลายชนิด แต่เขาไม่เคยเห็นไอเทมที่มาพร้อมกับมนศักสิทธิ์เลย และนี่ก็นับเป็นครั้งแรกจริงๆที่เขาได้เห็นอะไรแบบนี้ ซึ่งมันมาจากไอเทมที่ผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกดรอปออกมา


ปัจจุบันมานาทั้งหมดที่อยู่ในรัศมีห้าสิบหลาของไอเทมเหล่านี้นั้นถูกขับไล่ออกจากพื้นที่ไปทั้งหมด และแม้แต่มานาภายในร่างกายของเขาก็ยังหมดลงอย่างรวดเร็ว


ในตอนนี้ หากผู้เล่นที่มีร่างมานาระดับเงินมายืนอยู่แทนที่เขาตรงนี้ พวกเขาจะหมดสติทันทีจากผลของเรื่องนี้แน่นอน


เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ซือเฟิงก็ไม่กล้าที่จะลังเลนานเกินไป เขารีบก้าวไปข้างหน้า และพยายามจะเก็บไอเทมเหล่านี้เข้ากระเป๋าทันที


อย่างไรก็ตามทันทีที่เขาแตะไอเทมที่ดรอปออกมา เสียงแจ้งเตือนของระบบก็ได้ดังขึ้นมาที่หูของเขา


….


ระบบ : ไม่ควรเก็บไอเทมนี้ไว้ เนื่องจากมันมีผลการขับไล่มานาที่ทรงพลังมาก และการเก็บมันไว้ในกระเป๋าระดับอีปิคของคุณก็จะยังคงมีอันตรายในระดับหนึ่ง คุณต้องการเก็บไอเทมนี้ไว้ในกระเป๋าระดับอีปิคของคุณหรือไม่ ?


….


ไม่ควรเก็บไว้ ?


ซือเฟิงค่อนข้างประหลาดใจ เมื่อได้เห็นการแจ้งของระบบ อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะประหลาดใจ แต่เขาก็ยังคงเลือกจะเก็บไอเทมนี้เข้ากระเป๋าอยู่ดี เพราะท้ายที่สุดถ้าเขาไม่เก็บไอเทมนี้เข้ากระเป๋า เขาจะตายแน่นอนจากการที่มันทำให้พื้นที่โดยรอบไม่มีมานา


ในขณะที่ซือเฟิงค่อยๆเก็บไอเทมพวกนี้เข้ากระเป๋าทีละชิ้น สภาพมานาภายในถ้ำก็ค่อยๆฟื้นฟูขึ้น ซึ่งเมื่อเห็นแบบนี้ ซือเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก


เกือบไปแล้ว !! หากฉันไม่ได้รับเก็บไอเทมพวกนี้เข้ากระเป๋า มันจะผลาญมานาของฉันหมดภายในสิบห้าวินาทีเลย ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก และนั่งลงพลางตรวจสอบไอเทมทั้งสิบห้าชิ้นที่เขาเก็บมาทันที


ก่อนหน้านี้ในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกนั้นมันก็จัดว่าน่าประหลาดใจมากแล้ว เพราะมันสามารถทำให้มานาโดยรอบตัวผู้เล่นแข็งตัวทั้งหมดได้ ซึ่งสำหรับผู้เล่นที่พึ่งพาสกิลและเวทย์ในการต่อสู้เป็นหลักนั้น นี่มันก็นับว่าเป็นเรื่องร่ายแรงเลย


อย่างไรก็ตามตอนนี้ไอเทมที่ผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกดรอปออกมา มันกับน่าทึ่งยิ่งกว่า เพราะพวกมันสามารถขับไล่มานาภายในรัศมีห้าสิบหลาออกไปได้ทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่มานาภายในร่างกายของเขา ซึ่งนี่มันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเจอและไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย


หากผู้เล่นได้พบกับไอเทมพิเศษเหล่านี้ และไม่มีวิธีการจัดเก็บที่เหมาะสม พวกเขาอาจจะพบกับความตายได้เลย


และแม้ว่าซือเฟิงจะแอบรู้สึกหวาดกลัวอยู่เล็กๆ แต่เขาก็ไม่สามารถระงับความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองไม่ให้รีบตรวจสอบไอเทมเหล่านี้ได้


หลังจากที่ซือเฟิงได้ใช้สกิลตรวจสอบที่ผสานเข้ากับตราทองคำแล้ว เขาก็ต้องเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ เพราะสิ่งที่เขาได้รับทั้งหมดคือชื่อ “เศษชิ้นส่วนโลหะที่ไม่รู้จัก” และข้อมูลที่ว่าแต่เดิมนั้นมันเป็นส่วนหนึ่งของอาวุธ


อึก !! นี่มันเคยเป็นส่วนหนึ่งของอาวุธแบบไหนกัน ?!! มันจะไม่น่าทึ่งเกินไปหน่อยงั้นหรอ ?! แค่เศษชิ้นส่วนเพียงอย่างเดียวของมันนั้นก็จัดว่าทรงพลังมากแล้ว !!! แม้แต่อาวุธระดับตำนานก็ยังไม่ทรงพลังมากขนาดนี้เลย !!! ซือเฟิงรู้สึกตกตะลึงเมื่อได้เห็นข้อมูลที่สกิลตรวจสอบที่ผสานเข้ากับตราทองคำบอกมาเพียงเล็กน้อย

ใน God domain ไอเทมระดับตำนานมักจะเสื่อมสภาพกลายเป็นเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนาน เนื่องจากส่วนประกอบหลักของพวกมันได้รับความเสียหายซึ่งทำให้พวกมันไม่สามารถจะแสดงพลังที่แท้จริงได้ อย่างไรก็ตามในกรณีที่อาวุธระดับตำนานพังลงเอง มันจะไม่ได้กลายเป็นเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนาน มันจะกลายเป็นขยะ มันจะกลายเป็นเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานได้ก็ต่อเมื่อ พวกมันถูกนำมาสร้างขึ้นใหม่โดยใช้ชิ้นส่วนจากอาวุธระดับตำนานเท่านั้น


แต่ตอนนี้แม้จะไม่ได้ผ่านการสร้างใหม่มา แต่ชิ้นส่วนในกระเป๋าของเขาก็ยังคงแสดงเอฟเฟคขับไล่มานาที่ทรงพลังมากๆ ซึ่งแม้แต่อาวุธระดับตำนานที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยได้ยินมาก่อน มันก็ยังไม่มีพลังแบบนี้เลย


อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็ไม่ได้คิดเรื่องมากนัก เพราะท้ายที่สุดแล้วสิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือเขาต้องโฟกัสกับเรื่องตรงหน้า เมื่อเขาตรวจสอบโลหะพวกนี้และพักผ่อนจนเพียงพอแล้ว เขาก็กลับมาเริ่มเคลื่อนไหวต่อทันที


เนื่องจากตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่าผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกนั้นมอบพลังของมรดกให้ด้วย ดังนั้นเขาจึงทำการฆ่าพวกมอนสเตอร์เหล่านี้พร้อมกับขุดไปหาเศษชิ้นส่วนมรดกๆพร้อมกัน ซึ่งมันนับเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลย


อย่างไรก็ตามเมื่อซือเฟิงทำการใช้โฮลี่ดีวอร์แบบง่ายๆขุดซ้ำแล้วซ้ำเล่านั้น มันก็จะมีมอนสเตอร์ที่เป็นผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกนี้ปรากฎขึ้นมาเรื่อยๆทุกกการโจมตีสามถึงสี่ครั้งเลย ซึ่งมันทำให้ความคืบหน้าของเขานั้นไม่เป็นไปอย่างรวดเร็วเท่าที่เขาคิดไว้ตอนแรก


ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องด้วยสภาพแวดล้อมที่รุนแรงภายในนี้ มันก็ทำให้อัตราการฟื้นฟูค่าสตามิน่าและค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของซือเฟิงช้าลงมาก และแม้ว่าเขาจะดื่มพวกโพชั่น และใช้เครื่องมือขั้นสูงช่วย แต่ความเร็วในการฟื้นฟูตอนนี้ของเขามันก็เท่ากับเขาอยู่ในเมืองทั่วไปเท่านั้น


โชคดีที่ซือเฟิงนั้นค่อนข้างคุ้นเคยกับดินแดนมรดกขั้นสี่อยู่บ้าง ดังนั้นเขาจึงได้เตรียมการล่วงหน้ามาแล้ว โดยเขาได้สั่งให้เมลานโครอิคสไมล์ทำการกักตุนและสร้างโพชั่นกับเครื่องมือขั้นสูงที่เกี่ยวข้องกับอัตราการฟื้นฟูพวกนี้จำนวนมากไว้ให้เขา และคนอื่นๆที่เป็นพวกระดับสูงในคลังกิล ดังนั้นปัจจุบันเขาจึงมีไอเทมเหล่านี้เหลือพอไว้ใช้แบบต่อเนื่องสองเดือนเต็มเลย


ในขณะที่ซือเฟิงทำการขุด และฆ่าผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกไปเรื่อยๆ ค่า EXP ของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และในเวลาเดียวกันเขาก็สามารถใช้โฮลี่ดีวอร์แบบง่ายๆได้เชี่ยวชาญมากขึ้นเรื่อยๆ แต่อย่างไรก็ตามยิ่งเขาฆ่าผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกมากขึ้นเท่าไหร่ จำนวนเศษชิ้นส่วนโลหะประหลาดที่เขาได้รับนี้มันก็ยิ่งลดลงมากเท่านั้น


ในตอนแรกการฆ่ามอนสเตอร์พวกนี้ให้เศษชิ้นส่วนโลหะประหลาดนี้นับสิบชิ้น แต่ต่อไปมันก็ลดลงเหลือเลขหลักเดียว และในที่สุดตอนนี้เขาก็ได้รับมาเพียงหนึ่งหรือสองชิ้นจากการฆ่ามอนสเตอร์เหล่านี้หนึ่งตัว


ในขณะที่ซือเฟิงทำแบบนี้นั้น เวลาก็ค่อยๆผ่านไปอย่างรวดเร็ว และในที่สุดมันก็ผ่านไปเก้าวันแล้ว ซึ่งในเก้าวันนี้หลังจากการล่าอย่างต่อเนื่อง มันก็ทำให้ซือเฟิงมาถึงเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบสี่แล้ว และถ้าไม่ใช่เพราะคำสาปของเทพปีศาจเขาก็คงจะมาถึงเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบห้าแล้วด้วย


สำหรับการสะสมพลังของมรดกนั้นตอนนี้เขามีอัตราความสำเร็จที่แปดสิบสามเปอเซ็นต์แล้ว ซึ่งอยู่ห่างจากขั้นต่ำตามข้อกำหนดเพียงสองเปอเซ็นต์ ในการจะเปิดใช้งานมรดกขั้นสี่ ส่วนเศษชิ้นส่วนโลหะที่ไม่รู้จักนั้นเขาก็รวบรวมมาได้เก้าสิบหกชิ้น


ในขณะเดียวกัน มันก็มีหลายสิ่งเกิดขึ้นในโลกภายนอกในช่วงเก้าวันนี้


ต้องขอบคุณสารอาหารเหลวระดับ S ห้าสิบขวดที่มู่ฉินให้ไว้เป็นมัดจำ เพราะท้ายที่สุดตอนนี้ซือเฟิงนั้นต้องการสารอาหารเหลวระดับ S หนึ่งขวดต่อวันแล้วเพื่อพัฒนาสมองของเขา ซึ่งเมื่อมีเพียงพอ และได้ใช้อย่างเพียงพอสำหรับตัวเองแบบนี้ มันก็ทำให้สภาพร่างกายของซือเฟิงดีขึ้นมาก อย่างไรก็ตาม หากเขาต้องการจะฟื้นฟูตัวเองกลับไปสู่สภาวะสูงสุด เขาก็ยังคงต้องใช้โพชั่นแห่งชีวิตอยู่ดี


นอกเหนือจากนั้นแล้วสมาชิกสภาสิบแปดปีกก็เริ่มทยอยออกมาจากเขาวงกตเชิงพื้นที่ในพื้นที่แห่งความโกลาหลทีละคนๆ อย่างไรก็ตามไฟเออร์แดนซ์ อควาโรส เสวี่ยเหวินโหรว และผู้เล่นคนอื่นๆที่ประมาณสองโหลได้ใช้เส้นทางที่ต่างออกไปในตอนที่อยู่ในเขาวงกตเชิงพื้นที่ ดังนั้นพวกเขาจึงยังคงติดอยู่ภายใน


ซึ่งเมื่อสมาชิกกองกำลังหลักส่วนใหญ่ของสภาสิบแปดปีกกลับมากันแล้วนั้น สภาสิบแปดปีกก็เริ่มกลับเข้าสู่สถานะรุ่งเรืองอีกครั้ง เพราะคนเหล่านี้ได้บุกเข้าโจมตีดันเจี้ยนขนาดใหญ่พิเศษต่างๆอย่างบ้าคลั่งจนสามารถรวบรวมวัสดุหายากมากมายมาเก็บไว้ในคลังกิลได้


และเมื่อรวมกับวัสดุหายากที่นำกลับมาจากทวีปด้านตะวันตก ตอนนี้เมลานโครอิคสไมล์และคนอื่นๆจึงสามารถเริ่มผลิตอาวุธและอุปกรณ์เลเวลหนึ่งร้อยสิบได้จำนวนมาก ซึ่งมันก็ทำให้สภาสิบแปดปีกกลับมานำมหาอำนาจต่างๆในประเทศข้างเคียงโดยรอบทันทีเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง พร้อมกันนั้นมันก็ทำให้มีผู้เล่นและทีมนักผจญภัยมากมายที่ต้องการจะสมัครเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีก


อย่างไรก็ตามในระหว่างนี้มันก็มีการเปิดเผยเรื่องที่น่าตกตะลึงมาก


ตัวตนที่แท้จริงของหัวหน้ากิลลึกลับแห่งสภาสิบแปดปีก แบล๊คเฟรม ถูกเปิดเผยแล้ว !!!


เมื่อข้อมูลนี้แพร่กระจายออกไป มหาอำนาจต่างๆในทวีปด้านตะวันออกนั้นก็ล้วนเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอันยีลดิ้งโซล จักรพรรดิคริมสัน และศาลาลับ รวมไปถึงมหาอำนาจต่างๆอีกจำนวนหนึ่งที่เป็นพันธมิตรกับสภาสิบแปดปีก ไม่มีใครคิดเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะเป็นกิลที่ไม่มีภูมิหลังใดๆจริงๆ แถมมันยังเป็นกิลที่ชายหนุ่มอย่างซือเฟิงพัฒนาขึ้นมาใหม่โดยไม่มีอะไรเลยตั้งแต่ต้น


ในขณะเดียวกันนี่มันก็ทำให้มหาอำนาจต่างๆไม่หวาดกลัวอีกต่อไป พวกเขาเริ่มปฎิบัติการโจมตีสมาชิกภายในของสภาสิบแปดปีกอย่างลับๆ ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ทุ่มเงินให้กับเหล่าศิษย์บางส่วนเพื่อให้ทรยศศูนย์ฝึกฮีฟเว่นรัมเบิ้ล แถมยังทำการแย่งลูกค้าจากแฟลตฟอร์มการต่อสู้เสมือนจริงด้วย นี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่พวกเขาเสนอผลประโยชน์จำนวนมหาศาลในการรับสมัครสมาชิกแกนหลักของสภาสิบแปดปีกไปเข้าฝ่ายตัวเองอีก ซึ่งมันทำให้กิลต้องปวดหัวมากๆในทุกวัน


“หัวหน้ากิลในตอนนี้มีสมาชิกแกนหลักจำนวนหนึ่งของเราได้ยื่นเรื่องขอลาออก

จากกิลแล้ว แถมตอนนี้ศูนย์ฝึกและโรงฝึกต่างๆยังเริ่มเข้ามาท้าทายเรามากขึ้นจนมันทำให้ศิษย์ของเราหลายคนได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งปรมาจารย์เหล่ยเปาก็ได้ถูกผู้ที่อยู่ได้ในระดับครึ่งก้าวก่อนจะกลายเป็นสุดยอดปรมาจารย์ที่แท้จริงที่มีตัวตนลึกลับท้าทายในระหว่างทางกลับบ้าน ซึ่งผลมันก็จบลงด้วยการที่ปรมาจารย์เหล่ยเปาพ่ายแพ้ และบาดเจ็บหนัก ซึ่งคนๆนี้ได้เตือนปรมาจารย์เหล่ยเปาว่า ให้ออกจากสภาสิบแปดปีกซะ เพราะมันจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้มหาอำนาจหลายกลุ่มก็ได้เริ่มส่งตัวแทนเข้ามาที่สำนักงานใหญ่หลักของเราแล้ว พวกเขาบอกว่าตราบใดที่เรายอมให้พวกเขาเป็นผู้ถือหุ้นของสภาสิบแปดปีก พวกเขาจะช่วยจัดการปัญหาทั้งหมดนี้ให้” เหลียงจิงรายงานด้วยความไม่พอใจ

“อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้นั้นยังคงไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุด ปัญหาใหญ่ที่สุดตอนนี้คือซัพพลายเอ้อร์ที่เคยจัดหาพวกสารอาหารเหลวระดับ S และเครื่องมือต่างๆให้เราได้ปฎิเสธที่จะทำธุรกิจกับเรา ยิ่งไปกว่านั้นมันก็ยังไม่มีใครมอบหมายงานให้กิลเราอีกต่อไป ซึ่งในอัตรานี้เราจะสามารถพึ่งพาแค่การแลกเปลี่ยนเหรียญทองเป็นเครดิตเท่านั้นเพื่อให้การดำเนินการประจำวันของกิลเป็นไปได้โดยไม่ติดขัด”


“ฉันเข้าใจ ในตอนนี้ให้ใช้รายได้ของเมืองปีกสีเงินเพื่อเติมเต็มช่องว่าง” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า “ว่าแต่รู้รึยังมหาอำนาจกลุ่มไหนส่งคนมาทำร้ายเหล่ยเปา ?”


“ฉันได้ตรวจสอบกับศาลาลับแล้ว แม้ว่าอีกฝ่ายจะปกปิดตัวตนไว้ค่อนข้างดี แต่ศาลาลับก็ยังคงสามารถหาตัวคนทำมาให้เราได้ ซึ่งนั่นมันก็คือ ทีมนักผจญภัยวอร์บลัดแห่งเกาะดราก้อนฮาร์ท” เหลียงจิงกล่าว


“วอร์บลัด ?” ดวงตาของซือเฟิงเต็มไปด้วยความเย็นชาทันที เมื่อเขาได้รับข้อมูลนี้ ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชามากๆว่า “ดูเหมือนว่ามหาอำนาจต่างๆเหล่านี้จะคิดว่าสภาสิบแปดปีกสามารถถูกกดดันได้ง่ายๆสินะ นี่พวกเขาเชื่อจริงๆหรอว่าฉันจะไม่สามารถทำอะไรกับพวกเขาได้ ?”


“หัวหน้ากิล เราไม่ได้มีข้อได้เปรียบใดๆเลยบนเกาะดราก้อนฮาร์ท เราไม่มีฐานที่มั่นของเราที่นั่นแบบเป็นกิจจะลักษณะ ยิ่งไปกว่านั้นสตาร์ลิ้งและมหาอำนาจอื่นๆอีกสองสามกลุ่มพร้อมกับวอร์บลัดก็ยังได้เข้ายึดป้อมปราการขนาดกลางได้แล้วด้วย ซึ่งเมื่อเป็นแบบนี้เราก็จำเป็นจะต้องใช้กองกำลังขนาดใหญ่ในการจัดการกับพวกเขา หากแต่ว่าถ้าเราเคลื่อนกองกำลังขนาดใหญ่ เมืองป่าหิน กับเมืองปีกสีเงินของเราก็จะปราศจากการป้องกันทันทีนะ เราต้องใช้กองกำลังขนาดใหญ่นี้ป้องกันเมืองทั้งสองของเรา….” เมื่อเหลียงจิงได้ยินคำพูดของซือเฟิง เธอก็พยายามจะห้ามการกระทำที่บุ่มบ่ามของเขาทันที


ฉันรู้น่า เดี๋ยวฉันจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง …” ซือเฟิงพูดอย่างใจเย็น ก่อนที่เขาจะกระโดดกลับเข้าสู่ห้องเกมเคบิคของเขา และล๊อคอินกลับเข้าสู่ God domain

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)