Reincarnation Of The Strongest Sword God 2911-2912

 ตอนที่ 2911 ได้รับสมบัติ


ซือเฟิงนั้นรู้สึกลังเลมากๆเมื่อเขามองไปยังสมบัติทั้งสามชิ้นของอาณาจักร


เพราะไม่ว่าจะเป็นชิ้นไหนจากทั้งสามชิ้นนี้ มันก็มากเพียงพอแล้วที่จะทำให้อาณาจักรหนึ่ง หรือกิลๆหนึ่งเติบโตขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันสมบัติทั้งสามชิ้นนี้มันก็ต่างมีข้อดี ข้อเสียเป็นของตัวเอง และไม่มีสิ่งใดที่โดดเด่นขึ้นมาโดยสิ้นเชิง


“แลกได้ชิ้นเดียวงั้นหรอ ?” ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะถามชายชรา


“คุณสามารถแลกได้เพียงชิ้วเดียวเท่านั้น …” ชายชรากล่าวด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจว่า “แน่นอนว่ามันไม่มีทางอื่นอีกแล้ว นอกซะจากว่าคุณจะสามารถทำให้อาณาจักรสตาร์มูนเลื่อนขั้นไปเป็นจักรวรรดิได้ คุณจึงจะสามารถแลกเปลี่ยนสมบัติทั้งสามชิ้นนี้ได้เพิ่มเติม”


“เลื่อนขั้นไปเป็นจักรวรรดิงั้นหรอ ?” ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวออกมา และยิ้มอย่างขมขื่น


มันมีอยู่หลายวิธีสำหรับอาณาจักรที่จะเลื่อนขั้นไปเป็นจักรวรรดิ แต่วิธีการเหล่านี้นั้นไม่สามารถจะทำได้ง่ายๆ และมันก็ต้องใช้เวลานานมาก


เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ แววตาของซือเฟิงก็สว่างวาบขึ้น ก่อนที่เขาจะมองตรงไปที่ชายชราและถามว่า “ฉันอยากถามหน่อยว่าฉันมีคุณสมบัติมากพอจะแลกเปลี่ยนพวกนี้เพิ่มเติม นอกเหนือจากที่ฉันมีสิทได้รับไหม ?”


ผู้เล่นในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขาที่โชคดีมากพอจะได้รับสมบัติของอาณาจักร หรือจักรวรรดิต่างๆนั้นล้วนแต่ต้องใช้ความพยายามอย่างหนักกว่าที่จะได้รับพวกมันมาสักชิ้น เพราะท้ายที่สุดแล้วนั้นสมบัติของอาณาจักร หรือจักรวรรดิต่างๆที่พวกเขาได้มาล้วนแต่เป็นของประเทศที่สาบสูญไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตามเมื่อผู้เล่นได้รับมันมาแล้วนั้น พวกเขาก็มีสิทจะฟื้นฟู และสร้างอาณาจักร หรือจักรวรรดิที่ว่านี้ขึ้นมาได้ใหม่เลย


อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะค้นหาสมบัติของอาณาจักร หรือจักรวรรดิที่สาบสูญไปแล้ว และความยากของมันก็เทียบได้กับเควสระดับตำนานเลย


อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้นั้นแม้ว่าเขาจะส่งคนในกิลออกไปตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาพักหนึ่งแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ได้รับเบาะแสใดๆเลยเกี่ยวกับอาณาจักร และจักรวรรดิที่สาบสูญไปแล้ว นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่าในปัจจุบันนั้นเหล่าผู้เล่นใน God domain ยังสำรวจแผนที่ทั่วทั้งหมดของ God domain ไปได้ไม่ถึงยี่สิบเปอเซ็นต์เลยด้วยซ้ำ


หรือถ้าจะให้พูดกันตามตรงจริงๆจากที่ซือเฟิงคำณวนนั้นตอนนี้ผู้เล่นใน God domain ยังสำรวจแผนที่ทั่วทั้งหมดของ God domain ไปได้ไม่ถึงสิบห้าเปอเซ็นต์ด้วยซ้ำ


ในทวีปหลักของ God domain อาณาจักร และจักรวรรดิต่างๆของเผ่ามนุษย์นั้นครอบครองพื้นที่เพียงแค่ส่วนเล็กๆเท่านั้น ขณะที่สถานที่ลึกลับอื่นๆรวมไปถึงแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบหรือมากกว่านั้นก็จะครอบครองพื้นที่อยู่มากที่สุดโดยคิดเป็นมากกว่าห้าสิบเปอเซ็นต์ในทวีปหลัก ส่วนอีกมากกว่าสี่สิบเปอเซ็นต์นั้นมันก็เป็นของพวกแผนที่เลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบ หรือมากกว่านั้น ซึ่งแผนที่ระดับนี้นั้น แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามก็ยังยากจะเข้าไปสำรวจได้


นี่ยังไม่นับรวมพื้นที่ที่เป็นทะเล ซึ่งกว้างกว่าทวีปหลักอย่างมาก แถมมันยังมีเกาะมากมาย โดยหลายเกาะก็ใหญ่เท่ากับอาณาจักร หรือจักรวรรดิในทวีปหลัก ดังนั้นการจะค้นหาประเทศหนึ่งที่สาบสูญไปแล้วใน God domain มันจึงเป็นไปได้ยากมากๆ


ดังนั้นเมื่อได้รับโอกาสแบบนี้มา ซือเฟิงจึงไม่คิดจะปล่อยมันไปง่ายๆ และเขาก็ได้เลือกที่จะถามชายชราถึงสิ่งที่เขาคิดมาตลอด เพราะในชีวิตที่แล้วของเขานั้น มันดูเหมือนจะมีบางคนที่ได้รับโอกาสแบบเขา และสามารถแลกเปลี่ยนสมบัติออกไปได้


“แลกเปลี่ยนเพิ่มเติม ?” ชายชรารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็พูดขึ้นมาว่า “ที่คุณถามมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพียงแต่ว่าคุณยินดีจะจ่ายในราคาสูงลิ่วงั้นหรอ ?”


“ราคาเท่าไหร่ ?” ซือเฟิงถาม


“มันมีอยู่สองตัวเลือก ตัวเลือกแรกคือการนำสมบัติลับมาแลก ขณะที่ตัวเลือกที่สองคือจ่ายมันในราคาที่แพงขึ้นสองเท่าเพื่อแลกเปลี่ยนไป ….” ชายชรากล่าวด้วยรอยยิ้ม


“ราคาที่แพงขึ้นสองเท่างั้นหรอ ?” เมื่อได้ยินเรื่องนี้ ซือเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว


ตัวเลือกแรกนั้นก็จัดว่าหนักมากแล้ว และมันก็แทบเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับเขา ขณะที่ตัวเลือกที่สองนั้น ต่อให้เป็นมหาอำนาจที่แท้จริงก็ยังแทบจะไม่สามารถจ่ายได้เลยด้วยซ้ำ ….


“ถูกต้อง มันมีแค่สองตัวเลือกนี้นั้นแหละ ไม่งั้นเราก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันต่อ ….” ชายชรากล่าวพลางพยักหน้า


“เอาล่ะ งั้นฉันจะแลกเปลี่ยนสมบัติลับกับแบบแปลนเรือเหาะระดับเหล็กลึกลับ และในเวลาเดียวกันฉันก็จะขอแลกเปลี่ยนแบบแปลนหุ่นกลผู้พิทักษ์ระดับลึกลับขั้นเงินไปในราคาสองเท่าด้วยสิทของฉัน !!!” ซือเฟิงกัดฟันพลางหยิบสมบัติลับที่เขาบังเอิญได้รับมาชิ้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋า


ก่อนที่เขาจะมาที่นี่ เขาได้จัดการหยิบสมบัติลับที่เขาบังเอิญได้รับมาชิ้นหนึ่งออกมาจากคลังกิลของสภาสิบแปดปีก พร้อมกับเงิน และคริสตัลเวทย์มนต์ที่กิลสะสมไว้จำนวนมหาศาล โดยเงินนั้นมีทั้งหมดห้าล้านห้าแสนเหรียญทอง ขณะที่คริสตัลเวทย์มนต์นั้นมีทั้งหมดห้าล้านสามแสนชิ้น ซึ่งมันเป็นขีดจำกัดสูงสุดในปัจจุบันที่สภาสิบแปดปีกสามารถจะจ่ายได้


ชายชรามองไปที่ซือเฟิงด้วยความรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวล่าสุดของเขา “คุณมีทุกอย่างตรงตามเงื่อนไขจริงๆ !!!”


“แน่นอน รีบจัดการให้ฉันเลย !!!” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า


“โอเค ! งั้นทั้งหมดที่เหลือที่คุณยังต้องจ่ายก็คิดเป็นเงินสี่ล้านเหรียญทอง และคริสตัลเวทย์มนต์สองล้านชิ้น”


“เชิญตรวจสอบมันได้เลย”


ซือเฟิงกล่าวพลางจัดการโอนสมบัติลับ รวมไปถึงคริสตัลเวทย์มนต์ และเงินตามที่ชายชราบอกไปใส่กระเป๋าของชายชราทันที และหลังจากที่ชายชรายืนยันว่าได้ทุกอย่างถูกต้องครบตามที่เขาต้องการแล้ว เขาก็ได้โบกมือส่งแบบแปลนสองอย่างที่ซือเฟิงต้องการไปให้ซือเฟิงทันที


ซึ่งเมื่อซือเฟิงได้รับมันมานั้น เขาก็มีท่าทีที่ค่อนข้างจะตื่นเต้นมากๆ และหลัง

จากนั้นซือเฟิงก็รีบทำการตรวจสอบแบบแปลนทั้งสองชิ้นนี้ทันที เพราะว่าเขาต้องการจะรวบรวมวัสดุที่จำเป็นในการผลิตพวกมัน และเริ่มผลิตให้ได้จำนวนมากทันที


“วัสดุทุกชิ้นที่จำเป็นในการผลิตพวกมันนั้นล้วนแต่เป็นวัสดุที่หายากมากๆใน God domain ในปัจจุบันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแร่ไททัน และหินเวทย์เอลฟ์ซึ่งต้องใช้เป็นจำนวนมาก …” ซือเฟิงพึมพำ และก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เมื่อเขาได้เห็นถึงวัสดุที่จำเป็นต้องใช้ในการผลิตเรือเหาะระดับเหล็กลึกลับ และหุ่นกลผู้พิทักษ์ระดับลึกลับขั้นเงิน


เรือเหาะระดับเหล็กลึกลับนั้นจำเป็นต้องใช้แร่ไททันห้าพันชิ้น และหินเวทย์เอลฟ์หกร้อยก้อนในการสร้างหนึ่งลำ


ขณะที่หุ่นกลผู้พิทักษ์ระดับลึกลับขั้นเงินนั้นก็จำเป็นจะต้องใช้แร่ไททันหนึ่งพันชิ้น และหินเวทย์เอลฟ์สองร้อยก้อนในการสร้างหนึ่งตัว


ซึ่งนี่มันนับว่าเป็นจำนวนความต้องการที่มหาศาลมากๆ แต่อย่างไรก็ตามมันก็นับเป็นเรื่องโชคดีสำหรับสภาสิบแปดปีก เพราะหลังจากที่หยานย่า และคนอื่นๆกลับมาจากโลก God domain ยุคโบราณ พวกเขาก็ได้ซื้อ และแลกเปลี่ยนของพวกนี้มามากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหินเวทย์เอลฟ์ที่ตอนนี้สภาสิบแปดปีกมีสต๊อคอยู่ในคลังกิล

มากกว่าสี่พันชิ้น ….


ปัญหาเดียวตอนนี้ของสภาสิบแปดปีกคือเรื่องแร่ไททัน เพราะตอนนี้พวกเขามีสต๊อคไว้มากกว่าสามหมื่นชิ้นเท่านั้น และในสามหมื่นชิ้นนี้ พวกเขาก็จะต้องแบ่งมันไปไว้ใช้ทำอาวุธกับอุปกรณ์ชั้นยอดให้สมาชิกในกิลด้วย แถมมันก็ยังเป็นเรื่องยากมากๆสำหรับพวกเขาที่จะได้รับมาเพิ่มเติม


อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ซือเฟิงกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องทั้งหมดนี้อยู่ ฟางฉีหานก็ได้ติดต่อเขาเข้ามา


“หัวหน้ากิล ตัวแทนของกองกำลังต่างๆในอาณาจักรสตาร์มูน และอาณาจักรทวินทาวเวอร์ได้มาถึงแล้ว อย่างไรก็ตามมันมีตัวแทนจากกองกำลังต่างๆของประเทศที่อยู่ใกล้เคียงมาไม่มากนัก ….” ฟางฉีหานรายงานอย่างเป็นกังวล ก่อนที่เธอจะกล่าวต่อว่า “โดยมันมีมหาอำนาจสองกลุ่ม และกิลชั้นสูงแปดกิลที่ไม่ได้ตอบรับคำเชิญของเรา ขณะที่พวกที่มานั้นมีเพียงกิลชั้นสูงสามกิล และกิลชั้นรองอีกเกือบยี่สิบกิลเท่านั้น”

ความสำเร็จในการเชิญตัวแทนของกองกำลังต่างๆมานั้นอาจจัดได้ว่าไม่ต่ำเลยในสถานการณ์ปกติ อย่างไรก็ตามมันก็แตกต่างออกไปในสถานการณ์ที่พวกเขาต้อง

เตรียมการในการทำสงครามครั้งใหญ่


“หื้ม ?” ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินรายงานนี้ของฟางฉีหาน


การที่มหาอำนาจสองกลุ่มไม่มานั้นเขายังพอเข้าใจได้บ้าง เพราะท้ายที่สุดมหาอำนาจแบบนี้นั้นมักจะมีฐานของตัวเองอยู่ในหลายประเทศ ดังนั้นพวกเขาจึงยังไม่จำเป็นจะต้องห่วงสถานการณ์นี้มากนัก และสามารถรอดูท่าที่ไปก่อนได้ …


แต่อย่างไรก็ตามสำหรับพวกกิลชั้นสูงนั้นไม่ใช่ และข้อเสนอที่สภาสิบแปดปีกเสนอไปเพื่อจะให้พวกเขาเข้ามาช่วยในสงครามครั้งนี้นั้นมันก็จัดว่ามหาศาลมากแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคะแนนสะสมในจำนวนที่มากกว่าที่กิลอื่นๆเสนอเพื่อนำไปแลกที่พักในเมืองสภาสิบแปดปีก กับเมืองหินโบราณ หรือไอเทมระดับสูงอีกมากมาย แถมนี่ยังไม่นับรวมรางวัลที่พวกเขาจะได้รับจากทั้งสองอาณาจักรโดยตรงหากพวกเขาเข้าร่วมสงครามครั้งนี้อีก


ฟางฉีหานยิ้มอย่างขมขื่น และกล่าวว่า “พวกนั้นไม่ได้หมายความว่าจะไม่มาเลยน่ะ เพียงแต่ว่าพวกนั้นยื่นข้อเสนอมาว่า หากเราต้องการจะให้พวกเขาเข้าช่วยเหลือเราอย่างเต็มที่ เราจะต้องอนุญาติให้พวกเขาสามารถซื้อบ้านพักส่วนตัว และสถานที่พักกิลของตัวเองในเมืองสภาสิบแปดปีก กับเมืองหินโบราณแบบถาวรได้ พวกเขากล่าวเสริมมาอีกว่ามหาอำนาจอื่นๆนั้นก็ได้เสนออะไรแบบนี้มาให้พวกเขาเช่นกัน ซึ่งหากสภาสิบแปดปีกเสนอมาเทียบเท่า พวกเขาก็ยินดีจะเลือกสภาสิบแปดปีกก่อน ….”


หลังจากซือเฟิงทำการกวาดล้างกองทัพผู้เล่นจากโลกอื่นไปในดาบเดียวนั้น มันก็ได้ก่อให้เกิดระลอกคลื่นขนาดใหญ่ไปทั่วทั้ง God domain ซึ่งนี่มันก็ทำให้มหาอำนาจบางกลุ่มที่ต้องการจะกำหนดเป้าหมายไปที่สภาสิบแปดปีกนั้นยอมรามือไป นอกเหนือจากนี้มันก็ยังทำให้ผู้เชี่ยวชาญ และผู้เล่นอิสระอีกจำนวนมากนั้นเลือกจะเปลี่ยนใจกลับมาปกป้องอาณาจักรทั้งสองอาณาจักรของตัวเอง แถมสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือมันทำให้จำนวนคนที่ต้องการจะเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกนั้นพุ่งสูงขึ้นมาก


แต่อย่างไรก็ตามสิ่งนี้มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบไปถึงการตัดสินใจของกองกำลังต่างๆในการจะเข้าช่วยเหลือสภาสิบแปดปีกในสงครามครั้งนี้ ตรงกันข้ามนี่มันกับทำให้พวกเขามองเห็นโอกาสในการหาผลประโยชน์ด้วย เพราะท้ายที่สุดแล้วกองทัพ NPC ที่สภาสิบแปดปีกจะต้องทำสงครามด้วยนั้นมีจำนวนมหาศาลมากๆ แถมในหมู่ NPC เหล่านี้มันก็ยังมี NPC ขั้นสี่กับขั้นห้าอีกจำนวนมาก ….


แถมทรัพยากรที่สภาสิบแปดปีกมีในตอนนี้นั้นมันก็ทำให้แม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็ยังอิจฉา ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงกิลพวกนี้เลย ซึ่งก่อนหน้านี้กิลพวกนี้นั้นไม่มีโอกาสใดๆ แต่ตอนนี้พวกเขามีแล้ว ดังนั้นโดยธรรมชาติ พวกเขาจึงจะไม่ยอมปล่อยมันไปแน่นอน


“โอเค ! ดี !! ดีมาก !!!” ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เมื่อเขาได้ยินเรื่องนี้ “คุณไปบอกกิลชั้นสูงพวกนั้นถ้าพวกเขาไม่คิดจะมาตอนนี้ มันก็จะดีมากเลยถ้าในอนาคตถ้าในอนาคต พวกเขาจะไม่โผล่หัวมาให้ฉันเห็นหน้าอีก !!!”


“นี่ …” ฟางฉีหานพูดไม่ออก เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง


หากเธอทำตามคำสั่งของซือเฟิง นี่มันจะเท่ากับว่าเป็นการประกาศสงครามกับกิลชั้นสูงพวกนี้ชัดๆ และปัญหาที่สภาสิบแปดปีกเผชิญอยู่นั้นมันก็จะต้องถูกลากยาวออกไปแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องสงครามโลกที่ตอนนี้หลายพื้นที่ในทวีปด้านตะวันออกนั้นมีปัญหาขาดแคลนกำลังคน อันเนื่องมาจากการต่อสู้ที่เกิดขึ้นทุกหนทุกแห่ง … ดังนั้นแม้แต่มหาอำนาจต่างๆจึงยังต้องจำยอมกัดฟันให้กิลชั้นสูง และกิลชั้นรอง

บางกิลที่เรื่องมากเรียกในราคาที่สูงลิ่วได้ โดยที่ยังไม่กำจัดกิลเหล่านี้ ….


ตัวซือเฟิงนั้นก็เข้าใจในจุดนี้ดี และเขาก็เข้าใจในความกังวลของฟางฉีหาน ดังนั้นเขาจึงได้เลือกที่จะหยิบแบบแปลนที่เขาพึ่งได้รับมาสองชิ้นออกมา พลางแชร์ให้ฟางฉีหานดูทันที “คุณรู้ไหมว่าทั้งสองสิ่งนี้มันคืออะไร ?”


ตอนที่ 2912 ความมั่นใจ


ในตอนแรกที่ซือเฟิงนำแบบแปลนสองชิ้นนี้ออกมานั้น ฟางฉีหานไม่ได้ให้ความสนใจกับมันมากนัก และตัวเธอนั้นก็รู้สึกว่าการที่ซือเฟิงเลือกจะหันหลังให้กิลชั้นสูงต่างๆพวกนี้นั้นมันเป็นการกระทำที่หุนหันพลันแล่นเกินไป เพราะท้ายที่สุดแล้ว แม้ว่ากิลชั้นสูงพวกนี้จะด้อยกว่ามหาอำนาจต่างๆมาก แต่จำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของพวกเขานั้นก็มีไม่ต่ำกว่าสองถึงสามล้านคนแน่นอน และเผลอๆบางกิลอาจมีมากกว่าสี่ล้านคนด้วยซ้ำ ซึ่งนี่มันจะส่งผลกระทบอย่างมากแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นในด้านการรุกหรือรับต่อสงครามในอาณาจักรทวินทาวเวอร์


สำหรับจำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของสภาสิบแปดปีกนั้น พวกเขามีอยู่มากกว่าหนึ่งล้านสองแสนคนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งนี่มันก็นับว่าน้อยกว่าค่าเฉลี่ยด้วยเมื่อเทียบกับมหาอำนาจต่างๆในปัจจุบัน


อย่างไรก็ตามเมื่อฟางฉีหานได้อ่านข้อมูลของแบบแปลนทั้งสองนั้นเธอก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างถึงที่สุด


“หัวหน้ากิล นี่มันจริงงั้นหรอ ?” ฟางฉีหานอดไม่ได้ที่จะถาม


แม้ว่าเธอจะเคยได้เห็นสมบัติมามากมายมาจากไมโทโลจี้ ซึ่งเป็นซุเปอร์กิลที่เธอลาออกมา แต่อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่เคยเห็นสมบัติชิ้นไหนของไมโทโลจี้ที่จะมีเทียบเท่ากับแบบแปลนเรือเหาะระดับเหล็กลึกลับ และแบบแปลนหุ่นกลผู้พิทักษ์ระดับลึกลับขั้นเงินเลย และในตอนนี้เธอก็รู้สึกราวกับว่าสิ่งที่เธอได้เห็นนั้นมันเป็นเพียงความฝัน


ปัจจุบันห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดบางกิลนั้นได้รับเรือเหาะมาแล้ว แต่มันก็เป็นเพียงเรือเหาะทั่วไป ซึ่งเทียบไม่ได้เลยกับเรือเหาะมังกรสีเลือด สำหรับหุ่นกลผู้พิทักษ์นั้นเท่าที่เธอรู้ไมโทโลจี้มีหุ่นกลผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในระดับเหล็กลึกลับ และมีเพียงแค่สามตัวเท่านั้น ซึ่งพวกมันทั้งหมดถูกส่งไปประจำการที่สำนักงานใหญ่หลักของไมโทโลจี้ และพวกมันก็ยังได้รับการคุ้มกันจากองค์รักษ์ส่วนตัวขั้นสี่อีกทีหนึ่งด้วย


“คุณเห็นมันไม่ชัดงั้นหรอ ?” ซือเฟิงกล่าวถามพลางหัวเราะเบาๆ เมื่อเขาได้เห็นแววตาที่ว่างเปล่าของฟางฉีหาน


อย่างไรก็ตามเขาก็พอจะเข้าใจท่าทีของฟางฉีหานอยู่บ้าง เพราะท้ายที่สุดแล้วเรือเหาะระดับเหล็กลึกลับ และหุ่นกลผู้พิทักษ์ระดับลึกลับขั้นเงินนั้น มันไม่ควรจะมีผู้เล่นคนใดที่จะสามารถเป็นเจ้าของมันได้เลยในระยะนี้ของเกม นี่ยังไม่ต้องพูดถึงแบบแปลนที่จะทำให้ผู้เล่นสามารถสร้างทั้งสองสิ่งนี้ขึ้นมาได้อย่างไม่จำกัด ตราบใดที่มีวัสดุเพียงพอเลย โดยแม้แต่คนโง่ก็จะสามารถบอกได้ว่าผู้ที่ครอบครองแบบแปลนทั้งสองสิ่งนี้นั้นมันก็จะเท่ากับการครอบครอง God domain ในปัจจุบันนี้เลย


“เดี๋ยวฉันจะรีบไปปฎิเสธกิลพวกนั้นทันทีเลย !!!” ฟางฉีหานกล่าวด้วยรอยยิ้ม และดวงตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น


แม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะเคยดำรงตำแหน่งรองหัวหน้ากิลลำดับที่หนึ่งของไมโทโลจี้ ซึ่งมันทำให้เธอมีทั้งตัวตน และสถานะที่แข็งแกร่งมากพอจะไม่เห็นหัวใครก็ได้ แต่พอมาในตอนนี้นั้นมันก็ยังทำให้เธออดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นอยู่ดี


การที่กิลสามารถจะเอาชนะสงครามในสองอาณาจักรนี้ได้ โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากภายนอกนั้นมันนับว่าเป็นเรื่องดีแน่นอน


ในช่วงเวลาสั้นๆ กิลชั้นสูง และกิลชั้นรองจำนวนมากที่ตั้งเงื่อนไข และเล่นแง่กับสภาสิบแปดปีกก็ได้รับคำตอบจากฟางฉีหานที่ทำเอาแต่ละคนนั้นล้วนตกตะลึงทั้งหมด


ข้อความที่ฟางฉีหานส่งมาหาพวกเขานั้นมันมีคำสั้นๆเพียงคำเดียวเท่านั้น


ไสหัวไป !!!


ในช่วงเวลาหนึ่งสิ่งนี้มันทำให้กิลชั้นสูง และกิลชั้นรองจำนวนมากพวกนี้นั้นล้วนรู้สึกโง่งมไปทันที


“หยิ่ง !! หยิ่งผยองอย่างแท้จริง !!!”


“สภาสิบแปดปีกไม่ได้มองกิลชั้นสูงห้ากิลของพวกเราอยู่ในสายตาเลย !!!”


ตัวแทนทั้งห้าของกิลชั้นสูงห้ากิลอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมา เมื่อได้รับคำตอบจากฟางฉีหหาน


ใน God domain ก่อนหน้านี้นั้น มหาอำนาจต่างๆในทวีปหลักจัดว่าแข็งแกร่งมากๆ และกิลชั้นสูงนั้นก็แค่อาศัยเอาตัวรอดไปเรื่อยๆท่ามกลางสงครามระหว่างมหาอำนาจต่างๆเท่านั้น แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันได้เปลี่ยนไปเมื่อมีกองทัพผู้เล่น และ NPC ที่แข็งแกร่งจำนวนหลายสิบล้านจากโลกอื่นบุกเข้าสู่ทวีปหลักด้านตะวันออกของ God domain สิ่งนี้มันส่งผลให้มหาอำนาจต่างๆนั้นต้องกลับมามองกิลชั้นสูงอยู่ในสายตา เพราะท้ายที่สุดแล้วพวกเขาจำเป็นจะต้องขอความร่วมมือจากกิลชั้นสูงในการเข้าเสริมกำลังเพื่อทำสงครามในครั้งนี้


แต่ตอนนี้สภาสิบแปดปีกซึ่งอยู่ในภาวะคับขันอย่างถึงที่สุดกับตอบพวกเขามาว่าให้ “ไสหัวไป !!” ดังนั้นนี่มันจะไม่ทำให้พวกเขารู้สึกโง่งม และตกตะลึงได้อย่างไร


“ช่างหยิ่งผยองอย่างแท้จริง !!! แต่ไม่เป็นไร เราจะปล่อยให้สภาสิบแปดปีกหยิ่งไปก่อน !!!” เมื่อมองไปที่คำตอบของฟางฉีหาน หัวหน้ากิลของจักรวรรดิผนึกศักสิทธิ์ก็กล่าวพลางหัวเราะเยาะ “เรามารอดูกันว่าเมื่อสงครามในอาณาจักรทวินทาวเวอร์เริ่มขึ้น สภาสิบแปดปีกผู้หยิ่งผยองจะจัดการกับปัญหากำลังพลไม่พออย่างไร !!!”


“ใช่แล้ว !! และเนื่องจากสภาสิบแปดปีกดูถูกเราแบบนี้ งั้นเราก็จะไปร่วมมือกับมหาอำนาจอื่นๆที่ยื่นข้อเสนอเข้ามาแทน แล้วสุดท้ายมารอดูกันว่าสภาสิบแปดปีกจะเสียใจกับการตัดสินใจในครั้งนี้ของตัวเองแค่ไหน !!!” หัวหน้ากิลชั้นสูงอีกกิลหนึ่งซึ่งเป็นผู้หญิงกล่าวเสริม “และในตอนนั้น หากสภาสิบแปดปีกต้องการมาขอความช่วยเหลือจากเรา มันก็จะไม่ง่ายเหมือนครั้งนี้แน่นอน !!!”


กิลทั้งห้าของพวกเขานั้นได้รับข้อเสนอดีๆมากมาย รวมไปถึงข้อเสนอที่นับว่ามหาศาลและจริงใจมากๆของสตาร์ลิ้ง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่จำเป็นจะต้องกังวลในเรื่องการหาบ้านหลังถัดไปเลย ….


กิลชั้นสูงห้ากิลของพวกเขาที่มารวมตัวกันนั้นสามารถจะส่งกำลังพลออกไปได้อย่างมหาศาล โดยแบ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่าหนึ่งล้านหกแสนคน และผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่มากกว่าหกสิบคน ซึ่งด้วยพลังแบบนี้นั้นมันก็ทำให้พวกเขาไม่ด้อยไปกว่ามหาอำนาจทั่วไปเลย และนี่มันก็เป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขามีความมั่นใจในการเจรจาหาผลประโยชน์


และในเวลานี้หากกิลชั้นสูงห้ากิลของพวกเขาตัดสินใจเข้าช่วยเหลือสตาร์ลิ้งต้านกองทัพผู้รุกรานจากโลกอื่นได้สำเร็จนั้น พวกเขาก็ไม่เชื่อว่าสภาสิบแปดปีกจะไม่เสียใจกับการตัดสินใจของตัวเองในวันนี้

ขณะเดียวกันเมื่อเวลานั้นมาถึง และสภาสิบแปดปีกมาขอความช่วยเหลือจากพวกเขา พวกเขาก็จะเรียกร้องเอากับสภาสิบแปดปีกอย่างมหาศาลกว่าครั้งนี้แน่นอน


ในระหว่างนี้หัวหน้ากิลชั้นสูงอีกสามกิลก็พยักหน้าเห็นด้วย และพวกเขาก็มั่นใจกันมากว่าหากปราศจากความช่วยเหลือจากพวกเขานั้น มันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่สภาสิบแปดปีกจะปกป้องอาณาจักรทวินทาวเวอร์ไว้ได้


หลังจากนั้นกิลชั้นสูง และกิลชั้นรองทั้งหมดพวกนี้ก็ได้ตัดสินใจยอมรับเงื่อนไขของ

สตาร์ลิ้ง และเลือกจะเข้าช่วยสตาร์ลิ้งปกป้องแนวรบบริเวณจักรวรรดิรัตติกาล ซึ่งเรื่องนี้มันก็ทำให้ลู่เทียนนี้นั้นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย


“หัวหน้ากิล คุณคิดว่าแบล๊คเฟรมกำลังคิดอะไรอยู่ ?” เมื่อได้เห็นสัญญาที่ได้รับการลงนามเรียบร้อยจากกิลชั้นสูงห้ากิลนั้นอี้กุ้ยก็อดจะสงสัยไม่ได้ “กิลชั้นสูงห้ากิลนี้นั้นมีความแข็งแกร่งมากๆ และเมื่อพวกเขาทั้งห้ารวมตัวกันนั้น พวกเขาก็จะมีพลังเหนือกว่ากิลชั้นยอดเลยด้วยซ้ำ และแม้แต่ซุเปอร์กิลบางกิลก็ยังอยากจะได้รับความร่วมมือจากพวกเขา แต่ทั้งห้ากิลนี้กับแสดงท่าทีสนใจในเมืองสภาสิบแปดปีก และเมืองหินโบราณ ซึ่งหากสภาสิบแปดปีกยอมมอบผลประโยชน์ให้ทั้งห้ากิลเพียงเล็กน้อย พวกเขาก็น่าจะมีความสุข และยอมรับมัน รวมทั้งเข้าช่วยเหลือสภาสิบแปดปีกง่ายๆ แต่สภาสิบแปดปีกกับปฎิเสธพวกเขาเนี่ยนะ ?”


“แบล๊คเฟรมนั้นหยิ่งผยองเกินไป !! เขาคิดว่าเมื่อเขาอยู่ในฐานะผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดใน God domain และในฐานะนักบุญแห่งดาบขั้นห้า เขาจึงไม่กลัวกองทัพ NPC จากโลกอื่น” ลู่เทียนตี้กล่าว “แต่อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้รู้เลยว่าต่อหน้ากองทัพ NPC ที่เข้ารุกรานในคราวนี้นั้น ผู้เล่นขั้นห้าหนึ่งคน หรือต่อให้สภาสิบแปดปีกมีนับสิบ มันก็จะไม่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์ของสนามรบได้ !!!”


หากมันเป็นช่วงก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มขึ้นนั้น แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าการกระทำของซือเฟิงไม่ฉลาดเลย แต่มันก็ไม่ได้ไร้เหตุผลซะทีเดียว เพราะท้ายที่สุดแล้วอาชีพขั้นห้านั้นแข็งแกร่งกว่าอาชีพขั้นสี่มากๆ และอาชีพขั้นห้าก็สามารถจะทำลายเมืองๆหนึ่งได้ด้วยตัวคนเดียวเลย


อย่างไรก็ตามหลังจากที่ลู่เทียนตี้ได้เห็นการต่อสู้ที่เกิดขึ้นในบริเวณจักรวรรดิรัตติกาลนั้นมันก็ทำให้เขาได้เข้าใจว่าผู้เล่นขั้นห้า แค่หนึ่งคน หรือไม่กี่สิบคนในสนามรบนั้นมันแทบจะเรียกว่าไม่มีอะไรเลย เพราะกองทัพ NPC ผู้รุกรานนั้นมี NPC ขั้นสี่ และขั้นห้าจำนวนมาก นี่ยังไม่นับรวม อาวุธสงคราม และวงเวทย์อีกมากมายที่พวกเขาสามารถจะใช้จัดการกับผู้เล่นขั้นห้า


ซึ่งด้วยปัจจัยทั้งหมดนี้เอง มันก็จะทำให้ผู้เล่นขั้นห้านั้นทำอะไรไม่ได้มากนักในสงครามแบบนี้ และหากต้องการจะต้านทานกองทัพ NPC แบบนี้ไว้ให้ได้จริงๆนั้น มันก็จำเป็นจะต้องอาศัยกำลังพลโดยรวมทั้งผู้เชี่ยวชาญขั้นสามไปจนถึงขั้นห้าที่มากเพียงพอเพื่อที่จะได้แบ่งรับแบ่งสู้กันกับกองทัพ NPC แบบนี้


“แต่คราวนี้ก็ต้องขอบคุณความหยิ่งผยองของแบล๊คเฟรมจริงๆ เพราะมันทำให้กิลชั้นสูงห้ากิลนี้นั้นได้ตัดสินใจมาเข้าร่วมกับสตาร์ลิ้ง และช่วยเราปกป้องเมือง NPC กับป้อมปราการของเรา” ลู่เทียนตี้กล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ


จักรวรรดิรัตติกาลนั้นมีสามกิลหลักคอยปกป้องอยู่ ซึ่งก็คือสตาร์ลิ้ง อันยีลดิ้งโซล และจักรวรรดิรัตติกาล อย่างไรก็ตามสามกิลหลักนี้ก็ล้วนเลือกจะปกป้องแค่ดินแดนของตัวเองเท่านั้น ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจใดๆ เพราะท้ายที่สุดแล้ว สถานการณ์ในตอนนี้นั้น แค่ตัวเองมันก็เต็มกลืนแล้ว การจะแบ่งกำลังไปช่วยคนอื่น หรือสตาร์ลิ้งที่เป็นศัตรูกันนั้นมันก็ดูจะไม่สมเหตุสมผล


ในขณะที่กองกำลังขนาดใหญ่ต่างๆกำลังพูดคุยเกี่ยวกับการกระทำที่ไม่ฉลาดของสภาสิบแปดปีก สภาสิบแปดปีกก็ยังคงรับสมัครผู้เล่นเข้าสู่กิลของตัวเอง และพัฒนาเมืองหินโบราณ กับเมืองสภาสิบแปดปีกไปอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันด้วยมรดกที่สมบูรณ์ขั้นสามของสภาสิบแปดปีก มันก็ช่วยให้กิลสามารถสร้างผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเพิ่มขึ้นมาได้อย่างต่อเนื่อง


และแม้ว่ากิลชั้นสูงห้ากิลจะตัดสินใจเข้าร่วมกับสตาร์ลิ้ง แต่จำนวนผู้เชี่ยวชาญอิสระที่เลือกจะเข้ามาปกป้องอาณาจักรทวินทาวเวอร์นั้นมันก็ยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ


เพราะหลังจากที่สภาสิบแปดปีกเข้าประจำการในอาณาจักรสตาร์มูนได้นั้น เมือง NPC ทั้งหมดในอาณาจักรสตาร์มูนนั้นก็ล้วนมีเส้นทางการเทเลพอร์ตไปยังเมืองสภาสิบแปดปีกโดยตรง ซึ่งนี่มันช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ที่ต้องการจะเดินทางไปยังเมืองสภาสิบแปดปีกอย่างมาก


นี่ยังไม่นับรวมเส้นทางเทเลพอร์ตที่เชื่อมกับเมืองหินโบราณอีก ซึ่งมันช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม และขั้นสี่ที่ต้องการจะสำรวจ และโจมตีเมืองหลวงของจักรวรรดิออร์คนั้นสามารถเดินทางเข้ามาได้ง่ายมากๆ

ด้วยเหตุนี้เองฟางฉีหานจึงได้สร้างระบบให้คะแนนพิเศษขึ้นมา ซึ่งมันแบ่งออกเป็นสามระดับได้แก่ ทองแดง เงิน และทอง ซึ่งเมื่อเก็บถึงหนึ่งแสนแต้มนั้นก็จะได้รับสถานะระดับทองแดงในเมืองสภาสิบแปดปีก โดยสถานะระดับทองแดงนี้มันจะทำให้คนที่ได้รับมันไปนั้นได้รับส่วนลดห้าเปอเซ็นต์ สำหรับค่าที่พัก และค่าเข้าเมือง สำหรับสถานะระดับเงินนั้นจะได้รับก็ต่อเมื่อเก็บคะแนนพิเศษนี้ได้ถึงหนึ่งล้านแต้ม โดยมันจะทำให้ผู้มีสถานะนี้ได้รับส่วนลดทุกอย่างสิบเปอเซ็นต์ ตลอดไป ในส่วนของสถานะระดับทองนั้นจะได้รับก็ต่อเมื่อเก็บคะแนนพิเศษได้ถึงสิบล้านแต้ม โดยมันก็จะทำให้ผู้มีสถานะนี้ได้รับส่วนลดทุกอย่างยี่สิบเปอเซ็นต์ ตลอดไป


ซึ่งการฆ่า NPC ขั้นสามหนึ่งคนจะได้รับคะแนนนี้ห้าแต้ม ฆ่า NPC ขั้นสี่หนึ่งคนจะได้รับคะแนนนี้ห้าร้อยแต้ม และฆ่า NPC ขั้นห้าหนึ่งคนจะได้รับคะแนนหนึ่งแสนแต้มโดยตรง


ในเวลาเพียงหนึ่งวัน มันมีผู้เชี่ยวชาญอิสระมากกว่าหนึ่งล้านคนจากประเทศต่างๆเดินทางเข้ามาที่เมืองชายแดน และป้อมปราการของอาณาจักรทวินทาวเวอร์ โดยในหมู่คนเหล่านี้นั้นมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่มากกว่าสองร้อยคน ซึ่งทุกคนนั้นล้วนต้องการเก็บสะสมคะแนนพิเศษของสภาสิบแปดปีกเพื่อที่จะทำให้ชีวิตของตัวเองในเมืองสภาสิบแปดปีก และเมืองหินโบราณง่ายขึ้น


และสิ่งนี้มันก็ทำให้กิลในประเทศต่างๆนั้นล้วนอิจฉาสภาสิบแปดปีกมากๆ อย่างไรก็ตามแม้ว่าพวกเขาจะทำแบบเดียวกัน แต่ผลตอบรับมันก็ไม่ได้ดีนัก


หลังจากนั้นเมื่อเวลาผ่านไป ซือเฟิงก็ได้เรียกพวกระดับสูงของบริษัทการค้าแสงเทียนมารวมตัวกันเพื่อให้ทำการวิจัย และสร้างเรือเหาะชางเล่ย (ชื่อเรือเหาะระดับเหล็กลึกลับ) กับหุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟ (หุ่นกลระดับลึกลับขั้นเงินนั่นแหละ ชื่อมัน)


อาวุธสงครามทั้งสองชิ้นนี้ไม่เพียงแต่จะต้องใช้วัสดุที่ล้ำค่าในการสร้างเท่านั้น แต่มันยังมีข้อกำหนดที่สูงมากสำหรับผู้ที่ต้องการจะสร้างมัน โดยผู้เล่นอาชีพที่ต้องการจะสร้างมันนั้นจะต้องอยู่ในระดับปรมาจารย์เป็นอย่างน้อย ….


โดยเมื่อเริ่มสร้างพวกมันนั้น ซือเฟิงก็ประเมินได้อย่างชัดเจนเลยว่า มันเป็นไปได้ที่จะสร้างเรือเหาะชางเล่ยให้เสร็จได้ในอีกไม่กี่วัน นี่ยังไม่ต้องพูดถึงหุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟเลย


แต่อย่างไรก็ตามในระหว่างนี้มันก็มีสิ่งที่ทำให้ซือเฟิงมีความสุขมากๆอยู่อย่างหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือเสวี่ยเหวินโหรว และอควาโรสนั้นกลับมาเป็นปกติแล้ว เพียงแต่ว่ามันมีผลกระทบนิดหน่อยตรงที่ความทรงจำในการต่อสู้บางส่วนของพวกเธอนั้นหายไป มันจึงทำให้มาตราฐานการต่อสู้ของพวกเธอลดลงไปจากเดิมเล็กน้อย


ยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองคนก็ยังสร้างร่างมานาขั้นห้าของตัวเองขึ้นมาได้ และเลื่อนขั้นไปสู่ขั้นห้าได้แล้ว สิ่งนี้มันจึงเพิ่มพลังในการต่อสู้โดยรวมของสภาสิบแปดปีกขึ้นอย่างมาก และมันก็ทำให้โคล่า กับคนอื่นๆอิจฉามากด้วย


ขณะเดียวกันฟางฉีหานผู้ซึ่งรับผิดชอบในการป้องกันอาณาจักรทวินทาวเวอร์ ระหว่างที่ซือเฟิงกำลังสร้างอาวุธสงครามอยู่นั้นก็ได้ติดต่อเข้ามาหาซือเฟิงมาอย่างกระทันหัน


“หัวหน้ากิล กองทัพ NPC จากโลกอื่นเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว !!!”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)