Reincarnation Of The Strongest Sword God 2766-2768

 ตอนที่ 2766 ยุคโบราณ


ในหุบเขาท่ามกลางภูเขาที่สูงตระหง่าน ทีมที่มีกำลังเกือบห้าพันคนกำลังต่อสู้กับกลุ่มปีศาจอยู่ โดยในสนามรบแห่งนี้มันเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง และมันดูน่าตื่นเต้นมากๆ และนี่มันก็ดูเหมือนกับสนามรบในสมัยโบราณเลย


ทั้งสองฝ่ายต่างมีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก เลือดของทั้งสองฝ่ายนั้นเจิ่งนองไปทั่บหุบเขา และนี่มันก็ทำให้กลิ่นเลือดนั้นฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณหลายพันหลา ซึ่งนี่มันทำให้ผู้ที่ต่อสู้อยู่ของทั้งสองฝ่ายแทบจะทนกับกลิ่นไม่ได้ด้วยซ้ำ


อย่างไรก็ตามทั้งสองฝ่ายก็ยังไม่ได้แสดงเจตนาที่จะหยุดยั้ง และมันก็เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าทั้งสองฝ่ายนั้นพร้อมจะต่อสู้จนตายกันไปข้างหนึ่ง


โดยทั้งสองกองทัพที่ปะทะกันอยู่นั้น กองทัพปีศาจมีผู้นำคือปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยสามสิบห้า ขณะที่ฝั่งกองทัพมนุษย์นั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งเป็นผู้นำ


ซึ่งผู้หญิงที่เป็นผู้นำกองทัพมนุษย์นั้นมีผมสีแดง และมีดวงตาสีแดงเข้ม โดยเธอถือดาบศักสิทธิ์สีเงินอยู่ในมือ ในขณะที่เธอสวมชุดเกราะศักสิทธิ์ที่มีตราของอัศวินอยู่ ในขณะที่ผู้หญิงคนนี้กำลังต่อสู้กับปีศาจขั้นสาม เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยสามสิบจำนวนหลายโหล HP ของเธอก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามแม้ว่าเธอจะดูเสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง แต่ยิ่งเธอต่อสู้มากเท่าไหร่ ดาบศักสิทธิ์ของเธอก็ยิ่งเปล่งประกายและทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น ขณะเดียวกันพลังที่เธอแสดงออกมา มันก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วย


“บ้าจริง นี่คุณใช้บทขับร้องแห่งเลือดศักสิทธิ์จริงๆงั้นหรอ ?! อย่าแม้แต่จะคิดว่าฉันจะปล่อยให้คุณทำสำเร็จ !!!” การแสดงออกของปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่นั้นแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เมื่อมันเห็นดาบศักสิทธิ์ที่เปล่งประกายในมือของผู้หญิงที่เป็นผู้นำกองทัพมนุษย์ และทันใดนั้นมันก็กางปีกสองคู่ของมันออกมา และบินตรงเข้าไปหาผู้หญิงที่มีดวงตาสีแดงเข้ม


“ทุกคน ปกป้องผู้บัญชาการ !!! อย่าปล่อยให้ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่เข้าใกล้ผู้บัญชาการได้ !!!” ชายร่างสูงตะโกน ขณะที่เขาวิ่งเข้าใส่ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่พร้อมกับยกโล่สีทองของตัวเองขึ้น


หลังจากนั้นไม่นานอาชีพระยะประชิดอื่นๆอีกหลายโหลที่อยู่ใกล้เคียงก็พุ่งเข้าใส่ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่เช่นกัน พวกเขาทั้งหมดนั้นเพิกเฉยต่อความจริงที่ว่าพวกเขาอยู่แค่ขั้นสองเท่านั้น


“พวกมดปลวก !!!”


เมื่อเห็นฝูงชนพุ่งเข้าใส่ตัวมันเอง ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ที่เป็นผู้บัญชาการก็ชักดาบใหญ่สีแดงเข้มของมันออกมาจากฝัก และฟันไปที่พื้นที่ตรงหน้า


หลังจากนั้นลำแสงสีแดงเข้มหลายร้อยลำแสงก็พุ่งออกมา และทำลายพื้นที่ทั้งหมดที่พวกมันเคลื่อนผ่าน ซึ่งพวกมันก็ไม่ใช่อะไรที่แม้แต่สิ่งมีชีวิตขั้นสามก็จะสามารถทนทานได้เลย


ตู้ม !!


ช่วงเวลาต่อมาอาชีพระยะประชิดขั้นสองจำนวนหลายโหลก็ระเหยกลายเป็นไอไปทันที ในขณะที่ชายผู้ถือโล่นั้นก็ปลิวกระเด็นไปกระแทกกับบริเวณหุบเขาด้านหนึ่งอย่างรุนแรง


“แม่งเอ้ย !! ฉันจะฆ่าคุณ !!!”


เมื่อชายที่ยืนอยู่ใกล้ๆเห็นฉากนี้ ดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีเลือด และเขาก็พุ่งเข้าใส่ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่พร้อมกับดาบในมือของเขาทันที


อย่างไรก็ตามก่อนที่ชายคนนี้จะสามารถเข้าใกล้ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ได้ เวทย์โจมตีระยะไกลของปีศาจขั้นสามหลายตัวก็ได้ฆ่าเขาไปแล้ว


ในขณะเดียวกันตอนนี้เลือดก็ได้เริ่มเข้าย้อมร่างกายของหญิงสาวที่มีดวงตาสีแดงเข้มที่กำลังต่อสู้กับปีศาจขั้นสามจำนวนมากอยู่ และผิวของเธอก็เริ่มซีดเซียวมากขึ้น อย่างไรก็ตามแม้มันจะเป็นแบบนี้ แต่เธอก็ยังจ้องมองไปยังปีศาจตรงหน้าเธอด้วยความแน่วแน่เหมือนเดิม


“ปีศาจต้องถูกลงโทษ !!!!” อัศวินหญิงที่มีดวงตาสีแดงเข้มตะโกน พลางยกดาบศักสิทธิ์ของเธอขึ้น


ทันใดนั้นลำแสงศักสิทธิ์ก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อนที่ริ้วแสงนับไม่ถ้วนจะโปรยปรายลงมาทั่วบริเวณราวกับดาวตก และปีศาจที่ถูกดาวตกเหล่านี้ก็ตกอยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสทันที


“ฆ่า !! เราไม่สามารถจะปล่อยให้ปีศาจเหล่านี้ก้าวเข้ามาในดินแดนของมนุษย์ได้ !!!” อัศวินหญิงที่มีดวงตาสีแดงเข้มตะโกน ตอนนี้แม้ว่าเธอจะมีอาการเหนื่อยล้าอยู่ แต่เธอก็ยกดาบศักสิทธิ์ของตัวเองขึ้น และพุ่งเข้าใส่ปีศาจที่ยังคงต่อสู้ได้ทันที


คำพูดของอัศวินหญิงทำให้มนุษย์ที่รอดชีวิตเริ่มต่อสู้กับปีศาจต่ออย่างบ้าคลั่งทันที


อย่างไรก็ตามหลังจากการปะทะ และแลกเปลี่ยนกันอีกไม่กี่ครั้ง มนุษย์ที่ยังเหลือรอดในปัจจุบันทั้งหมดก็จ้องมองไปที่กองซากศพปีศาจที่อยู่ห่างไกลออกไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ


วินาทีต่อมา ผู้บัญชาการของปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งมีความสูงมากกว่าสิบเมตรก็โผล่ออกมาจากกองซากศพด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ขณะที่มองไปยังเหล่ามนุษย์ “บทขับร้องแห่งเลือดศักสิทธิ์นั้นทรงพลังอย่างแท้จริง และสำหรับคุณที่ยังคงมีชีวิตอยู่ มันแสดงให้เห็นได้ชัดเลยว่าคุณมีค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจที่น่ากลัวจริงๆ และฉันก็มั่นใจเลยว่าคุณจะต้องอยู่ในระดับต้นๆของพวกขั้นสี่แน่นอน” ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่กล่าวขณะที่มันมองไปยังอัศวินหญิงที่มีดวงตาสีแดงเข้ม และมันก็กล่าวต่ออย่างเย้ยหยันว่า “ว่าแต่ใช้ครั้งที่สองได้ไหม ?”


เมื่อได้ยินคำพูดของปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ ใบหน้าของเหล่ามนุษย์ผู้รอดชีวิตก็แปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันที


นี่คือบทขับร้องแห่งเลือดศักสิทธิ์นะที่เรากำลังพูดถึง !!!


นี่คือเวทย์เฉพาะของอัศวินศักสิทธิ์บลัดมูน คนส่วนใหญ่จะสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นก่อนจะตาย เนื่องจากความเจ็บปวดที่ตามมาของร่างกายและจิตใจหลังใช้มันนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถทนได้ และแม้ว่าราคาการใช้ของมันจะสูงลิ่วแบบนี้ แต่มันก็ทรงพลังมากจนสามารถทำให้ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่บาดเจ็บสาหัสได้ และมี HP ลดลงไปครึ่งหนึ่งโดยที่ไม่สามารถฟื้นฟูได้เลย หากปราศจากน้ำแห่งชีวิต ….


แต่ตอนนี้ ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ตรงหน้าพวกเขากับยังคงมีสภาพดีกว่าที่คิดมาก ….

ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยว่าอัศวินหญิงที่มีดวงตาสีแดงเข้มจะไม่สามารถใช้บทขับร้องแห่งเลือดศักสิทธิ์ได้อีกครั้งแน่นอน และด้วยพลังการต่อสู้ในปัจจุบันของมนุษย์ผู้เหลือรอดอย่างพวกเขา พวกเขาก็ไม่สามารถจะเทียบกับปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ได้เลย


เพราะท้ายที่สุดแล้วปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ตรงหน้าของพวกเขานั้นเป็นปีศาจระดับมาร์ควิสที่แท้จริง และความบริสุทธิ์ของสายเลือดของมันนั้นก็เหนือกว่าปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ทั่วไป


“เนื่องจากคุณไม่มีการเคลื่อนไหวอื่นให้ใช้แล้ว งั้นตอนนี้มันก็ถึงตาของฉันแล้ว …” เมื่อปีศาจผู้ยิ่งใหญ่เห็นมนุษย์ตรงหน้าของมันเงียบ มันก็เผยสีหน้าตื่นเต้นและสนุกสนานอย่างสุดจะพรรณนาออกมา


“อย่าแม้แต่จะคิด !!!”


ทันใดนั้นอัศวินหญิงก็ปรากฎขึ้นเหนือหัวของปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ และใช้ดาบศักสิทธิ์จองเธอโจมตีเข้าใส่มัน


ซึ่งการโจมตีนี้ของเธอมันก็ทำให้ดาบเงาสามเล่มปรากฎขึ้นบนท้องฟ้า และพุ่งเข้าใส่ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ทันที โดยฉากนี้มันก็ทำให้ทุกคนตกตะลึงมากๆ


“นี่คือ …. เทคนิคส่วนตัวของนักบุญแห่งดาบ ท่านลอร์ดล๊อค สกายเครเวอร์ !!!”


“นี่ผู้บัญชาการสามารถใช้มันได้จริงๆงั้นหรอ ?!”


เมื่อเหล่ามนุษย์ที่ยังรอดชีวิตเห็นฉากนี้ ดวงตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความเคารพและชื่นชม ขณะที่มองไปยังอัศวินหญิง


“นี่คุณใกล้จะตายอยู่แล้ว แต่ยังเลือกจะต่อต้านแบบน่าเบื่อแบบนี้งั้นหรอ ?” เมื่อปีศาจผู้ยิ่งใหญ่เห็นการโจมตีนี้กำลังใกล้เข้ามา มันก็ไม่ได้แสดงท่าทีหวาดกลัวใดๆ ตรงกันข้าม มันกับปฎิบัติต่อการโจมตีนี้อย่างไม่ไยดีด้วยซ้ำ


ตู้ม !!


เมื่อมันเหวี่ยงดาบใหญ่ของมันเข้าปะทะกับการโจมตีนี้ มันก็ทำให้เกิดคลื่นกระแทกที่ส่งผลให้มนุษย์และปีศาจทั้งหมดที่เฝ้าดูอยู่ต้องถูกกังคับให้ถอยไปด้านหลังทันที


แถมการปะทะกันของการโจมตีทั้งสองนี้มันก็ทำให้เกิดรอยแตกขนาดใหญ่ไปทั่วบริเวณ และมือของปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ที่ถือดาบใหญ่อยู่นั้นก็สั่นสะท้านมากๆ


เมื่อได้เห็นฉากนี้มนุษย์ทุกคนก็รู้สึกมีกำลังใจและตื่นเต้นมากๆ


แน่นอนเลยว่าเทคนิคส่วนตัวของนักบุญแห่งดาบนั้นทรงพลังมากๆ !!!


อย่างไรก็ตามครู่ต่อมา ความตื่นเต้นและความรู้สึกมีกำลังใจของทุกคนก็แปรเปลี่ยนเป็นความสิ้นหวัง เพราะท้ายที่สุดแล้ววัดจากสภาพในตอนนี้ของอัศวินหญิงที่พวกเขาสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนตอนนี้ มันเห็นได้ชัดเลยว่าเธอได้ใช้ทุกอย่างที่เธอมีไปแล้ว และเธอไม่สามารถจะต่อสู้ได้อีกต่อไป ตอนนี้เธอทำได้แค่รอรับความตายที่กำลังจะมาถึงเท่านั้น


“ฮ่าๆๆๆ !!! ยอดเยี่ยม !!! นี่มันยอดเยี่ยมมากจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉัน เนเมน คาร์โล ได้เห็นมนุษย์ขั้นสี่ที่ทรงพลังแบบคุณ !!!” ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่หัวเราะออกมา ขณะที่มองไปยังอัศวินหญิง “อย่างไรก็ตามทุกอย่างจะต้องจบลงที่นี่ และก่อนฉันจะตาย ฉันก็จะส่งพวกคุณทั้งหมดไปนรกซะก่อน !!!”


หลังจากพูดจบ เนเมน คาร์โล ก็เริ่มร่ายเวทย์ขั้นสี่ ประตูนรกทันที


ทันใดนั้นท้องฟ้าก็มืดลง และประตูขนาดใหญ่ที่ถูกประดับไปด้วยกะโหลกก็ปรากฎขึ้น โดยที่มันมีแสงสีแดงเลือดส่องออกมาจากเบ้าตาของกะโหลก และเสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดที่ดังออกมาจากประตูก็ดูเหมือนมันจะบอกทุกคนว่าชะตากรรมของพวกเขาจะสิ้นสุดลงที่นี่


แม้ว่ามนุษย์ที่ยังเหลือรอดในปัจจุบันจะพยายามขัดขวางการร่ายเวทย์นี้ของเนเมน คาร์โล แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจะทำได้ เนื่องจากเหล่าปีศาจที่ยังรอดชีวิตนั้นก็ได้พยายามขัดขวางพวกเขาอย่างเต็มที่


อย่างไรก็ตามในขณะที่เวทย์ประตูนรกนี้กำลังจะถูกร่ายเสร็จสิ้น รอยแยกมิติที่มีความยาวมากกว่าหนึ่งพันหลาก็ปรากฎขึ้นบนท้องฟ้า โดยมันทำให้เกิดความปั่นไปทั่ว แถมมันยังทำให้มานาบนท้องฟ้ากระจัดกระจายไป และทำให้วงเวทย์ที่ทำหน้าที่อัญเชิญประตูนรกออกมานั้นแตกออกเป็นเสี่ยงๆ หลังจากนั้นมันก็มีร่างหลายร่างโผล่ออกมาจากรอยแยกมิติ และพุ่งลงมายังพื้นที่บริเวณสนามรบ ซึ่งมันทำให้เกิดฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วอากาศ

“นี่คือยุคโบราณงั้นหรอ ?” ชายที่ยืนอยู่หน้าสุดของกลุ่มพึมพำด้วยความประหลาดใจ ขณะที่เขามองไปยังสภาพแวดล้อมรอบตัว


ตอนที่ 2767 คุณเลือกฝ่ายตรงข้ามผิด


เมื่อกลุ่มห้าคนของซือเฟิงปรากฎตัวขึ้นอย่างกระทันหัน สนามรบทั้งหมดก็เงียบลงทันที และทั้งมนุษย์กับปีศาจที่เหลือรอดก็จ้องมองไปยังกลุ่มของซือเฟิงด้วยความประหลาดใจ สับสน และโกรธ


“พวกเขาเป็นใครกัน ?”


“พวกเขาออกมาจากรอยแยกมิติขนาดใหญ่ ดังนั้นพวกเขาไม่น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตทั่วไป บางทีพวกเขาอาจจะเป็นผู้พิทักษ์จากเมืองศักสิทธิ์รึปล่าว ?”


“อย่างไรก็ตามออร่าของพวกเขานั้นดูพอๆกับพวกเรานี่นา พวกเขาอยู่ในขั้นสามเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่น่าจะใช้ผู้พิทักษ์จากเมืองศักสิทธิ์ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อพิจารณาจากรูปลักษณ์ของพวกเขาแล้ว พวกเขาน่าจะเป็นคนที่ได้รับพรจากสวรรค์มากกว่า


เหล่ามนุษย์ที่ยังเหลือรอดพูดคุยกันอย่างเงียบๆ ในขณะที่พวกเขามองไปยังกลุ่มของซือเฟิงอย่างพินิจพิเคราะห์ ในตอนแรกพวกเขานั้นมีความหวังว่ากลุ่มของซือเฟิงจะสามารถช่วยพวกเขาได้ อย่างไรก็ตามหลังจากสังเกตเห็นออร่าของผู้เล่นทั้งห้าแล้ว ความสิ้นหวังก็กลับมาปกคลุมพวกเขาทันที


อัศวินหญิงที่มีดวงตาสีแดงเข้มได้มองไปยังกลุ่มของซือเฟิงด้วยสายตาที่พร่ามัวของเธอเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเธอก็รู้สึกประหลาดใจและงงงวยกับการปรากฎตัวขึ้นอย่างกะทันหันของกลุ่มซือเฟิง


“มนุษย์ผู้ได้รับพรจากสวรรค์งั้นหรอ ?” เมื่อเนเมน คาร์โล ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ได้เห็นกลุ่มของซือเฟิง มันเองก็ตกใจเช่นกัน “เป็นไปได้ยังไง ?!”


เนเมน คาร์โล นั้นไม่ได้แปลกใจเลยที่ได้เห็นผู้ที่ได้รับพรจากสวรรค์มาปรากฎตัวขึ้นที่นี่ สิ่งที่ทำให้มันประหลาดใจจริงๆเลยก็คือรอยแยกมิติขนาดใหญ่ที่มนุษย์เหล่านี้เดินทางผ่านมาต่างหาก เนื่องจากมันทรงพลังมากซะจนแม้แต่ตัวมันเองก็ยังต้องหวาดกลัว และหากมันเผลอไปสัมผัสกับรอยแยกนั่นตรงๆ มันก็อาจจะตายได้เลย ….


เมื่อเทียบกับมนุษย์และปีศาจที่อยู่ในสนามรบปัจจุบันนี้ คนที่ประหลาดใจกับทุกอย่างที่สุดก็เห็นจะเป็นพวกซือเฟิงทั้งห้าคนนี่แหละ

เป็นไปได้ยังไงกัน ?! หัวใจของซือเฟิงเต้นแรงด้วยความประหลาดใจมากๆ ขณะที่เขามองไปยังกลุ่มคนที่ยืนอยู่ท่ามกลางกองทัพมนุษย์ ทำไมมันถึงมีผู้เล่นคนอื่นๆอยู่ที่นี่ ?!


นอกเหนือจาก NPC จำนวนมากแล้ว ในกองทัพมนุษย์มันยังมีผู้เล่นอยู่ด้วยอีกจำนวนมาก ยิ่งไปกว่านั้นเลเวลเฉลี่ยของผู้เล่นเหล่านี้ยังสูงอย่างไม่น่าเชื่อ และแม้แต่ผู้ที่มีเลเวลต่ำที่สุดในหมู่พวกเขาก็ยังมีเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบแปด ในขณะที่บางคนมีเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยสามสิบด้วยซ้ำ ซือเฟิงมั่นใจอย่างแน่นอนว่าเขาได้มาถึงยุคโบราณของ God domain แล้ว เพราะท้ายที่สุดสภาพแวดล้อมที่นี่มันไม่สามารถจะหาได้จาก God domain ยุคปัจจุบันเลย


มานาที่นี่มันมีมากมายซะจนใกล้จะกลั่นตัวเป็นของเหลวได้ แถมเขายังสัมผัสได้ถึงองค์ประกอบเวทย์มนต์ และธาตุทั้งหมดในอากาศได้อย่างชัดเจนมากๆ


ยิ่งไปกว่านั้น NPC ในสนามรบแห่งนี้ยังสวมใส่อุปกรณ์ที่แตกต่างออกไปมากๆ เมื่อเทียบกับ NPC ในยุคปัจจุบัน อาวุธและอุปกรณ์ของ NPC ในยุคนี้นั้นมีคุณภาพสูงกว่ามาก


ใน God domain ยุคปัจจุบัน NPC ส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปที่การสวมใส่อาวุธและอุปกรณ์ระดับอีปิค โดยอาจจะมีเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานอยู่ด้วยส่วนหนึ่งบนร่างของพวกเขา เพราะท้ายที่สุดเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานนั้นมันหายากและล้ำค่าอย่างไม่น่าเชื่อ


อย่างไรก็ตาม NPC ในยุคโบราณที่ซือเฟิงได้เห็นตอนนี้นั้น พวกเขาทุกคนล้วนมีเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานอยู่กับตัวกันคนละอย่างน้อยหนึ่งถึงสองชิ้น ขณะที่อัศวินหญิงที่เป็นผู้นำกองทัพนั้นสวมใส่และใช้เศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานทั้งตัว และดาบที่เธอใช้นั้นมันก็จัดว่าเป็นอาวุธที่เป็นเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานชั้นยอดด้วย


ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่มันน่าเหลือเชื่อยิ่งกว่าก็คือ ซือเฟิงได้พบกับคนที่เขารู้จัก ….


ซึ่งคนๆนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากยู่หลัว หนึ่งในหัวหน้าทีมของทีมนักผจญภัยฮีฟเว่น

เบลดที่มีสำนักงานใหญ่หลักอยู่ที่เกาะดราก้อนฮาร์ท เพียงแต่ว่ายู่หลัวที่เขาเห็นในตอนนี้นั้นไม่เหมือนกับตอนนั้นเลย เธอดูเหมือนกับคนที่แตกต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง


ปัจจุบันไม่เพียงแต่ยู่หลัวจะมีเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบเก้าแล้ว แต่เธอยังมีอาวุธเป็นคทาระดับอีปิค และสวมใส่อุปกรณ์ระดับอีปิคทั้งตัว แม้ว่าอุปกรณ์ที่เธอสวมใส่อยู่จะไม่ได้เป็นเซ็ทเดียวกัน แต่มาตราฐานอุปกรณ์ของเธอในตอนนี้มันก็ยังจัดว่าสูงจนน่ากลัวมากๆ


แต่เธอไม่เหมือนกับครั้งสุดท้ายที่ซือเฟิงได้พบกับเธอก็ตรงที่เธอดูซูบผอมไปมาก และ ตอนนี้เครอลิคผู้นี้ก็ไม่ได้มีออร่าและจิตวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดอยู่เลย


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ?!”


แต่อย่างไรก็ตามเมื่อยู่หลัวเห็นว่าชายที่เป็นผู้นำกลุ่มนี้นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหัวหน้ากิลของสภาสิบแปดปีก แบล๊คเฟรม เธอที่แต่เดิมสิ้นหวังไปแล้วก็กลับมามีท่าทีที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นอีกครั้งทันที


“คุณรู้จักพวกเขางั้นหรอ ? ยู่หลัว …” ออราเคิลหญิงที่ยืนอยู่ข้างๆยู่หลัวถามอย่างสงสัย เมื่อเธอเห็นปฎิกิริยาของยู่หลัว โดยออราเคิลหญิงผู้นี้นั้นเป็นผู้เล่นที่มีเลเวลหนึ่งร้อยสามสิบเอ็ด และสวมใส่ชุดสีขาว กับหมวกสีขาว


“ใช่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นคนที่มาจากที่เดียวกับฉัน !!!” ยู่หลัวกล่าวพลางพยักหน้าอย่างตื่นเต้น


“คนที่มาจากที่เดียวกับคุณ ?” ออราเคิลหญิงรีบหันไปมองและตรวจสอบกลุ่มของซือเฟิงทันที และเธอก็สังเกตเห็นว่ากลุ่มของซือเฟิงนั้นมีเลเวลค่อนข้างต่ำมากๆ และรูปลักษณ์ของพวกเขาก็ดูคล้ายกับยู่หลัวมากๆ แถมออร่าที่กลุ่มของซือเฟิงแผ่ออกมาก็ยังดูเหมือนกับมนุษย์แบบยู่หลัวมากๆ หลังจากนั้นออราเคิลหญิงก็ส่ายัว และพูดว่า “ช่างน่าเสียดาย พวกเขานั้นโชคร้ายมากจริงๆที่ถูกเทเลพอร์ตมายังสถานที่แห่งนี้”


เมื่อได้ยินคำพูดของออราเคิลหญิง ยู่หลัวก็เริ่มตระหนักได้ถึงสถานการณ์ทั้งหมด และหัวใจของเธอก็แปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวทันที


ตอนนี้ความตื่นเต้นบนใบหน้าของเธอได้หายไป ….


โทษจากการตายใน God domain ของดินแดนที่พวกเขาอยู่ในขณะนี้นั้น มันแตกต่างจากดินแดนของ God domain ที่พวกเขามามากๆ ผู้เล่นไม่เพียงแต่จะสูญเสียไปสองเลเวลเมื่อตายที่นี่ แต่พวกเขายังจะตกอยู่ในสถานะอ่อนแอไประยะหนึ่งด้วย ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสถานการณ์ แถมผู้เล่นอาจสูญเสียความทรงจำบางส่วนไป และที่แย่กว่านั้นคือการใช้สกิลหรือเวทย์ฟื้นคืนชีพนั้นจะช่วยลดแค่ค่า EXP ที่ผู้เล่นต้องเสียไปเท่านั้น แต่มันจะไม่สามารถกู้คืนความทรงจำที่หายไปกลับมาได้


ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าจะใช้เวทย์หรือไม่ก็สกิลฟื้นคืนชีพขึ้นมา แต่ผู้เล่นก็จะไม่ได้ฟื้นคืนชีพ ณ จุดที่พวกเขาตายเลย แต่พวกเขาจะไปฟื้นคืนชีพในวิหารแห่งชีวิตของเมืองหลักแบบสุ่มของที่นี่ที่ถูกจัดการโดยมนุษย์แทน


แน่นอนว่าหากผู้เล่นได้ลงทะเบียนกับเมืองหลักเมืองใดเมืองหนึ่งของที่นี่แล้ว พวกเขาก็จะไปฟื้นคืนชีพในวิหารแห่งชีวิตของเมืองนั้นแบบคงที่ ไม่ใช่แบบสุ่ม ….


อย่างไรก็ตามกลุ่มของซือเฟิงนั้นพึ่งจะมาถึงโลกนี้ พวกเขายังไม่ได้ลงทะเบียนตัวเองให้อยู่กับเมืองหลักเมืองใดเมืองหนึ่งอย่างแน่นอนเลย และหากพวกเขาตายลง พวกเขาก็จะต้องไปฟื้นคืนชีพในเมืองหลักแบบสุ่ม ในขณะเดียวกันที่นี่มันก็มีระยะทางที่ห่างไกลมากๆระหว่างเมืองหลักของมนุษย์ด้วยกัน โดยเหล่ามนุษย์จะทำการเดินทางไปยังเมืองอื่นๆได้ด้วยการเดินเท้าเท่านั้น เพราะมันไม่มีวงเวทย์เทเลพอร์ตในเมืองพวกนี้


กล่าวอีกนัยหนึ่งคือตราบใดที่กลุ่มของซือเฟิงตายลง ยู่หลัวก็ไม่น่าจะได้พบกับพวกเขาอีก เพราะท้ายที่สุดมนุษย์นั้นมีเมืองหลักของตัวเองอยู่อย่างมากมายในโลกนี้ และเท่าที่เธอรู้ที่นี่มันก็มีเมืองอยู่มากกว่าห้าร้อยเมือง สำหรับความเป็นไปได้ที่กลุ่มของซือเฟิงจะหนีออกจากสนามรบตอนนี้นั้น มันเป็นไปไม่ได้เลย


ในโลก God domain เดิมของพวกเขา กลุ่มผู้เล่นขั้นสามนั้นสามารถที่จะต่อสํุ้กับปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่ได้ อย่างไรก็ตามในโลกนี้นับประสาอะไรกับการต่อสู้ ผู้เล่นขั้นสามจะถือว่ามีความสามารถมากแล้ว หากพวกเขาสามารถหลบหนีปีศาจแบบนี้ออกไปได้ทั้งๆที่ยังมีชีวิต


เหตุผลก็คือมาตราฐานการต่อสู้โดยเฉลี่ยของทุกชีวิตที่นี่นั้นมันสูงอย่างไม่น่าเชื่อ และมอนสเตอร์อย่างปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่นั้นก็มีมาตราฐานการต่อสู้เทียบเท่ากับผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดเลย อย่างไรก็ตามระบบวัดมาตราฐานการต่อสู้ของมอนสเตอร์นั้นมันก็แตกต่างจากระบบวัดมาตราฐานการต่อสู้ของผู้เล่น


ในการใช้สกิลและเวทย์มนต์ พวกมอนสเตอร์แบบปีศาจผู้ยิ่งใหญ่นั้นจะสามารถแสดงพลังของขอบเขตจิตวิญญาณออกมาได้อย่างง่ายดาย ซึ่งมอนสเตอร์เหล่านี้นั้นมันไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์หวังจะต่อสู้ด้วยได้เลย


อย่างไรก็ตามก่อนที่ยู่หลัวจะทันได้ประเมินผลทุกสิ่งที่เธอคิด และประสบในวันนี้ เนเมน คาร์โล ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่ก็เลิกสนใจกลุ่มของซือเฟิง และมันก็ได้มองกลับไปที่อัศวินหญิงที่มีดวงตาสีแดงเข้ม ก่อนที่มันจะออกคำสั่งกับกลุ่มปีศาจขั้นสามมากกว่าหนึ่งโหลว่า “ไปจัดการพวกนั้นซะ !!!”


“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเราเองท่านลอร์ด !!!”


เหล่าปีศาจขั้นสามที่ได้รับบาดเจ็บหนักเช่นกัน พยักหน้า ก่อนที่พวกมันจะกางปีกของมันออก และบินตรงไปยังกลุ่มห้าคนของซือเฟิง โดยความเร็วของพวกมันทั้งหมดนั้นก็เหนือกว่าแอสซาซินขั้นสามที่เน้นในเรื่องความเร็วอย่างมาก


“ไม่ดีแล้ว !!! หัวหน้าปีศาจเหล่านั้นกำลังร่วมมือกันกำหนดเป้าหมายไปที่พวกเขา !!!” ออราเคิลหญิง เลเวลหนึ่งร้อยสามสิบเอ็ดตกใจกับสถานการณ์ที่พัฒนาไปในทิศทางนี้มากๆ เธอไม่เคยคิดเลยว่าเนเมน คาร์โล จะมอบหมายให้ลูกน้องฝีมือฉกาจของมันไปจัดการกับกลุ่มห้าคนของซือเฟิง แม้ว่าปีศาจพวกนี้จะบาดเจ็บหนัก แต่เมื่อพวกมันทำงานกันเป็นกลุ่มมากกว่าหนึ่งโหล พวกมันก็สามารถจะใช้วงเวทย์การต่อสู้ปีศาจเพื่อเพิ่มพลังให้ตัวเองได้ ซึ่งทำให้พวกมันไม่ใช่สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจะสามารถต่อกรด้วยได้เลย


“พี่สาวคลาวด์ ไปช่วยพวกเขาเร็ว !!!” ยู่หลัวกล่างอย่างกระวนกระวาย เมื่อเธอเห็นกลุ่มหัวหน้าปีศาจพุ่งเข้าใส่กลุ่มของซือเฟิง


เธอนั้นรู้ดีว่าซือเฟิงแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะท้ายที่สุดเขาเป็นคนที่มหาอำนาจต่างๆบนเกาะดราก้อนฮาร์ทล้วนยอมรับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ไม่มีใครเทียบได้ และอยู่ในระดับเดียวกับสัตว์ประหลาดเก่าแก่ที่แท้จริง ซึ่งความแข็งแกร่งของเขานั้นเหนือกว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนทั่วไปมาก


อย่างไรก็ตามปีศาจในโลกนี้ไม่เพียงแต่จะมีมาตราฐานการต่อสู้ที่สูงเท่านั้น แต่พวกมันยังมีวงเวทย์การต่อสู้ปีศาจที่เหมือนกับวงเวทย์การต่อสู้ของมนุษย์ และแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับซือเฟิงก็ไม่น่าจะสามารถเผชิญหน้ากับปีศาจจำนวนมากแบบนี้พร้อมกันได้แน่นอน

“ตายซะเถอะมนุษย์ !!!”


ทันใดนั้นอักษรรูนก็เปล่งแสงออกมาจากทั่วร่างของเหล่าหัวหน้าปีศาจทั้งหมด ก่อนที่พวกมันจะเริ่มใช้สกิลหลอมรวมขั้นสาม Skyflower’s Shadow!


กลีบดอกสีแดงจำนวนนับไม่ถ้วนได้พุ่งลงมาจากท้องฟ้า โดยเป้าหมายอยู่ที่กลุ่มของซือเฟิง โดยกลีบดอกสีแดงทุกกลีบนั้นพุ่งลงมาจากท้องฟ้าราวกับดาวตก


“พวกคุณเลือกใช้สกิลได้ดี แต่น่าเสียดายที่พวกคุณเลือกฝ่ายตรงข้ามผิด !!!”


ซือเฟิงกล่าวอย่างสบายๆ จากนั้นเขาก็ชัก Abyssal Blade ออกจากฝัก และปลดปล่อยโดเมนมานาของเขาที่ครอบคลุมรัศมีหนึ่งพันหลาออกมา ซึ่งมันได้ล้อมรอบสนามรบเกือบทั้งหมดไว้ทันที


ในช่วงเวลาต่อมา ยู่หลัวก็เห็นซือเฟิงเริ่มกวัดแกว่ง Abyssal Blade ของเขา


เทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดง วัฎสงสารแห่งดาบ !!!


ตอนที่ 2768 ขับไล่ปีศาจ อัศวินศักสิทธิ์บลัดมูน


ในขณะที่ซือเฟิงกวัดแกว่งดาบของเขา ประกายแสงดาวมากมายก็เริ่มก่อตัวขึ้นรอบตัวเขา ตอนนี้เขาได้มาถึงขั้นสี่แล้ว และเขายังได้รับความช่วยเหลือจากโดเมนมานาของตัวเองอีก ดังนั้นเมื่อทำการใช้วัฎสงสารแห่งดาบ มันจึงแข็งแกร่งกว่าตอนที่ใช้มันในขั้นสามราวสองเท่า


ตู้ม !


ช่วงเวลาต่อมาประกายแสงดาวมากมายก็ปะทะเข้ากับการโจมตีจากสกิลหลอมรวมขั้นสามของเหล่าหัวหน้าปีศาจ ซึ่งผลจากการปะทะกัน มันก็ทำให้พวกหัวหน้าปีศาจถูกทำให้ปลิวกระเด็นไปนับร้อยหลา และ HP ของพวกมันก็ลดลงในอัตราที่เห็นได้ชัด แถมพวกมันยังมีปัญหาในการจะลุกขึ้นยืนกลับมาอีกครั้งด้วย หลังจากโดนแบบนี้เข้าไป


“เขา …. แข็งแกร่ง !! เขาทำให้หัวหน้าปีศาจจำนวนมากปลิวกระเด็นไปได้ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว นี่เขาถูกส่งมาที่นี่จากเมืองศักสิทธิ์จริงๆงั้นหรอ ?!”


“ขั้นสี่ ! อึก ! ออร่านี้เป็นของพวกขั้นสี่อย่างแน่นอน ! เขาเป็นจักรพรรดิดาบขั้นสี่ !”


“ด้วยพลังของเขา เขาน่าจะแข็งแกร่งเป็นลำดับต้นๆของพวกขั้นสี่เลย !!!”


ทุกคนนั้นตกตะลึงไปชั่วขณะกับเรื่องนี้ ไม่มีใครคิดเลยว่าซือเฟิงที่ดูธรรมดามากๆจะสามารถส่งพวกหัวหน้าปีศาจมากกว่าหนึ่งโหลให้ปลิวกระเด็นไปได้ในการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นจักรพรรดิดาบขั้นสี่อย่างแท้จริง ซึ่งตัวตนของเขานั้นสามารถเทียบกับปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่ได้เลย


“ยู่หลัว ผู้ที่มาจากที่เดียวกับคุณนั้นแข็งแกร่งมากๆ !! ไม่น่าแปลกใจเลยที่คุณจะตื่นเต้นมากๆที่ได้เห็นเขา ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะเป็นจักรพรรดิดาบขั้นสี่ ด้วยความแข็งแกร่งที่เขาแสดงออกมา เขาน่าจะอยู่ในห้าอันดับแรก … ไม่สิสามอันดับแรกของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองของเราได้แน่นอน” ออราเคิลหญิงที่ชื่อคูลลิ่งคลาวด์อุทานออกมา ขณะที่เธอจ้องมองไปยังซือเฟิง เธอไม่คิดเลยว่าคนรู้จักของยู่หลัวจะทรงพลังมากขนาดนี้


ผู้เล่นขั้นสี่ !!

นี่คือเป้าหมายที่ผู้เล่นอย่างตัวเธอเองนั้นดิ้นรนอย่างสุดชีวิตเพื่อจะไปให้ถึง แต่น่าเสียดายที่เควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่นั้นมันยากเกินไป และในความพยายามครั้งแรกของเธอ เธอก็ล้มเหลวในการจะทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ให้ผ่าน ….


ในเมืองหลักที่เธออาศัยอยู่ มันมีผู้เล่นขั้นสี่ที่เป็นที่รู้จักเพียงสามคน และพวกเขาทุกคนล้วนเป็นคนใหญ่คนโตของเมือง พวกเขาเป็นตัวตนที่อยู่ไกลเกินกว่าผู้เล่นขั้นสามอย่างตัวเธอเองจะสามารถเอื้อมถึงได้


อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงคูลลิ่งคลาวด์เลย แม้แต่ยู่หลัวซึ่งคุ้นเคยกับซือเฟิงในระดับหนึ่งก็ยังมีดวงตาที่เบิกกว้างด้วยความตกตะลึง และไม่อยากจะเชื่อ


ขั้นสี่ !!


เธอนั้นพัฒนาขึ้นไปมากหลังจากมาถึงที่โลกนี้ อย่างไรก็ตามขั้นสี่ก็ยังเป็นเกณฑ์ที่ยากมากๆสำหรับเธอในการจะก้าวไปให้ถึง และเท่าที่เธอคาดเดาไว้ ถ้าเธอไม่สามารถก้าวข้ามมาตราฐานการต่อสู้ของเธอไปได้อีกหนึ่งขั้น เธอก็น่าจะต้องติดอยู่ในขั้นสามตลอดไปแน่นอน


อย่างไรก็ตามแม้จะอยู่ในเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบเจ็ด แต่ซือเฟิงก็ได้กลายเป็นจักรพรรดิดาบขั้นสี่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเขายังทำได้สำเร็จก่อนที่จะเข้ามาสู่โลกที่ไม่น่าเชื่อนี้ด้วย


ในขณะที่เหล่ามนุษย์กำลังจ้องมองไปที่ซือเฟิงด้วยความตกตะลึง ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ เนเมน คาร์โล ก็จ้องมองไปยังซือเฟิงด้วยการแสดงออกที่เคร่งขรึม ราวกับว่ามันกำลังจ้องมองไปที่สัตว์ประหลาด


“คุณเป็นใครกัน ?” เนเมน คาร์โล ถามด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความกลัว “คนที่ได้รับพรจากสวรรค์ไม่น่าจะสามารถใช้พลังแบบนี้ได้นี่นา !!!”


หลังจากซือเฟิงปลดปล่อยออร่า และโดเมนมานาของเขาออกมา นับประสาอะไรกับพวกหัวหน้าปีศาจ แม้แต่ตัวมันเองซึ่งเป็นปีศาจระดับมาร์ควิสที่แท้จริงก็ยังรู้สึกว่าตัวเองถูกปราบปรามอย่างหนัก และแม้แต่มานาที่ไหลเวียนภายในร่างของมันก็ยังช้าลงอย่างมาก ตอนนี้มันสามารถแสดงพลังการต่อสู้ออกมาได้เพียงหกสิบเปอเซ็นต์เท่านั้นเป็นอย่างมากที่สุด


โดยทั่วไปแล้วการปราบปรามความแข็งแกร่งของตัวตนขั้นสี่ให้ลดลงได้สักสิบเปอเซ็นต์นั้นก็จัดเป็นเรื่องยากมากอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงราวสี่สิบเปอเซ็นต์ที่ซือเฟิงได้กระทำเลย


“นั่นไม่ใช่เรื่องของคุณ ….” ซือเฟิงตอบอย่างไม่ใส่ใจกับคำถามของปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่เขาจะยิ้มและพูดต่อว่า “ตอนนี้ฉันจะให้ทางเลือกสองทางแก่คุณ ทางเลือกแรกเลยคือต่อสู้ต่อไป แล้วมาวัดกันว่าถึงที่สุดแล้วใครจะเป็นผู้ชนะ ทางเลือกที่สองคือคุณ และคนของคุณถอยออกไปจากตรงนี้ แล้วอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก”


ทันทีที่ซือเฟิงพูดจบ ความเงียบก็เข้าปกคลุมไปทั่วสนามรบ โดยเฉพาะยู่หลัวและผู้เล่นคนอื่นๆที่ต่างอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินคำพูดล่าสุดของซือเฟิง


“นี่เขาบ้ารึไงกัน ?”


“แม้ว่าเขาจะเป็นจักรพรรดิดาบ แต่เนเมน คาร์โล ก็จะไม่ไว้ชีวิตเขาแน่นอน หลังจากกล้าจะคุกคามมันแบบนั้น ….”


“มันจบแล้ว ! เนเมน คาร์โลจะทุ่มทุกอย่างที่มีเพื่อจัดการกับพวกเราทั้งหมดแน่นอน !!”


ปีศาจนั้นมักจะมีความหยิ่งผยองมากๆใน God domain พวกมันแทบไม่เห็นสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่ในสายตาของตัวเองเลย แม้ว่าจะเป็นเผ่ามังกรก็ตาม นี่ไม่จำเป็นต้องพูดถึงปีศาจระดับมาร์ควิสที่เป็นปีศาจที่มีอำนาจสูงมาก ความหยิ่งผยองของมันจะมากกว่าปีศาจทั่วไปแน่นอน


แม้แต่ผู้บัญชาการของพวกเขาอย่างแองเจลิก้า เทเรซ่า ก็ยังไม่กล้าจะพูดแบบนี้กับเนเมน คาร์โลเลย


เพราะท้ายที่สุดแล้วเนเมน คาร์โลนั้นทรงพลังอย่างแท้จริง ความแข็งแกร่งของมันนั้นจัดว่าโดดเด่นมากๆ แม้จะวัดกันในหมู่ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่ก็ตาม และมันก็มีศักยภาพที่จะสามารถกลายเป็นเจ้าชายปีศาจได้เลยในอนาคต ไม่งั้นมันคงจะไม่ได้มาเป็นผู้บัญชาการกองทัพปีศาจนี้แน่นอน


แน่นอนเลยว่าหลังจากเนเมน คาร์โล ปีศาจระดับมาร์ควิสได้ฟังคำพูดของซือเฟิง ใบหน้าของมันก็แปรเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวมากๆ ในขณะเดียวกันทุกคนก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่ามานาในบริเวณโดยรอบนั้นเริ่มรุนแรงขึ้น


อย่างไรก็ตาม เมื่อทุกคนคิดว่าการต่อสู้นองเลือดกำลังจะเริ่มขึ้น ….


“พวกเราจะถอย !!!” เนเมน คาร์โล กัดฟันพูดออกมา ก่อนที่มันจะมองไปยังซือเฟิงเป็นครั้งสุดท้าย และนำกองทัพปีศาจของมันทั้งหมดถอยออกไปท่ามกลางความตกตะลึงของทั้งฝั่งปีศาจ และมนุษย์ ….


“อะไรกัน ?! มันถอยไปจริงๆงั้นหรอ ?!”


“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?!”


โดยเฉพาะกับทุกคนในกองทัพมนุษย์ที่ยังเหลือรอดนั้นล้วนตกตะลึงมากๆกับการถอยไปของเนเมน คาร์โล และกองทัพของมัน


ท้ายที่สุด แม้ว่าพวกเขาจะได้รับความช่วยเหลือจากจักรพรรดิดาบขั้นสี่อย่างซือเฟิง แต่กองทัพของพวกเขาก็ยังคงจัดว่าอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลมมากๆ แต่เนเมน คาร์โล กับเลือกจะถอยไปโดยไม่พูดอะไรเลย ซึ่งนี่มันดูผิดวิสัยของปีศาจมากๆ


แองเจลิก้า เทเรซ่า ผู้บัญชาการกองทัพมนุษย์เองก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังซือเฟิงอย่างประหลาดใจเช่นกัน เธอไม่เคยคิดเลยว่าซือเฟิงจะสามารถยับยั้งปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่และกองทัพของมันได้ด้วยคำพูดแค่ไม่กี่คำ


“นี่ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ที่นี่ฉลาดขนาดนี้เลยงั้นหรอ ?” คลีนซิ่ง วิสเซิลประหลาดใจ เมื่อได้เห็นเนเมน คาร์โล เลือกจะถอยออกไป


เธอรู้ว่าซือเฟิงครอบครองไบเบิ้ลแห่งความมืดอยู่ ซึ่งมันไม่เพียงแต่จะสามารถใช้อัญเชิญปีศาจได้ แต่มันยังสามารถใช้ปราบปรามปีศาจได้ด้วย นี่คือเหตุผลที่ซือเฟิงสามารถทำให้หัวหน้าปีศาจเหล่านั้นปลิวกระเด็นไปได้อย่างง่ายดาย


อย่างไรก็ตามในปัจจุบันมีเพียงซือเฟิงเท่านั้นที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น


ไบเบิ้ลแห่งความมืดนั้นทำให้ผู้ใช้มีอำนาจควบคุมเหนือปีศาจอย่างสมบูรณ์ แม้ว่าเนเมน คาร์โลจะไม่รู้ว่าซือเฟิงมีไบเบิ้ลแห่งความมืดอยู่ แต่ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่นั้นก็ยังคงมีความหวาดกลัวตามสัญชาตญาณ นอกจากนี้ซือเฟิงยังสามารถทำให้หัวหน้าปีศาจมากกว่าหนึ่งโหลปลิวกระเด็นไปได้ในการเคลื่อนไหวเดียว ซึ่งนี่มันก็ไปช่วยสนับสนุนความกลัวตามสัญชาตญาณของเนเมน คาร์โลเป็นอย่างดี


ปีศาจนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดขึ้นมากๆ หลังจากการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรก และพวกปีศาจนั้นก็แทบจะไม่เคยต่อสู้ในการต่อสู้ที่พวกมันไม่มั่นใจว่าจะชนะเลย


แม้ว่าเนเมน คาร์โล จะแข็งแกร่งกว่าซือเฟิงในระดับหนึ่งตอนนี้ แต่ด้วยความรู้สึกกลัวตามสัญชาตญาณที่มันรู้สึกได้ต่อไบเบิ้ลแห่งความมืดนั้น มันจึงไม่กล้าที่จะเริ่มการต่อสู้กับซือเฟิงแบบมั่วๆ


หลังจากที่เหล่าปีศาจถอยออกจากสนามรบ เหล่ามนุษย์ที่รอดชีวิตทุกคนก็ต่างถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นพวกเขาก็เริ่มจัดรูปแบบกระบวนทัพใหม่ และเริ่มรักษาเหล่าผู้บาดเจ็บที่มีอยู่จำนวนมาก ขณะเดียวกันตอนนี้เหล่าฮีลเลอร์จำนวนหนึ่งก็ได้ไปรวมตัวกันรอบแองเจลิก้า เทเรซ่า ด้วยการแสดงออกที่เต็มไปด้วยความหดหู่และเศร้าใจ


นี่เป็นเพราะสภาพจิตใจ และจิตวิญญาณของอัศวินหญิงนั้นได้มาถึงจุดที่แตกสลายแล้ว แม้ว่าเธอจะมี HP เหลืออยู่มากก็ตาม สิ่งนี้มันชัดเจนมากแม้กระทั่งสำหรับมนุษย์ขั้นสามที่อยู่ยืนอยู่ใกล้เธอ


“ผู้บัญชาการ !!!”


“ทั้งหมดมันเป็นความผิดของพวกเรา !!! ถ้าพวกเรามีพลังมากพอ และไม่ไร้ประโยชน์ ผู้บัญชาการก็คงไม่ต้องใช้บทขับร้องแห่งเลือดศักสิทธิ์ !!!”


“แม่งเอ้ย !!! ต้องมีสายลับปล่อยข้อมูลปฎิบัติการของเราให้รั่วไหลออกไปแน่นอน !!! ไม่อย่างนั้นเนเมน คาร์โลคงจะนำกองทัพมาล้อมเราไม่ได้ !!!”


ทั้ง NPC และผู้เล่น ต่างแสดงความเศร้า หดหู่ และโกรธเกรี้ยวออกมา เมื่อได้เห็นสถานะปัจจุบันของแองเจลิก้า เห็นได้ชัดว่าอัศวินหญิงผู้นี้เป็นที่รักและเคารพของคนเหล่านี้มากแค่ไหน


แตกต่างจากผู้เล่น มันเป็นเรื่องยากอย่างน่าเหลือเชื่อสำหรับ NPC ที่จะฟื้นคืนชีพ


“พี่สาวคลาวด์ เราจะทำยังไงกันดี ? ในอัตรานี้ผู้บัญชาการไม่รอดแน่ !!!” ยู่หลัวขณะที่เธอร่ายเวทย์ฮีลใส่แองเจลิก้าเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามเวทย์ฮีลนั้นมันช่วยรักษาอาการบาดเจ็บแค่ทางกายภาพเท่านั้น มันไม่มีผลใดๆต่อสภาพจิตใจ และจิตวิญญาณ


ผู้บัญชาการ แองเจลิก้า เทเรซ่า เป็นความหวังเดียวของ NPC และผู้เล่นในเมืองหลักที่พวกเขาอาศัยอยู่ เพราะท้ายที่สุดแล้วทั้ง NPC และ ผู้เล่นต่างก็มีปัญหาในการเอาชีวิตรอดในโลกนี้ โลกนี้มันโหดร้ายกว่าโลก God domain ยุคปัจจุบันหลายเท่า


และมันก็เป็นเพราะแองเจลิก้าที่ทำให้ยู่หลัวสามารถมีชีวิตได้ดีจนถึงทุกวันนี้ แต่ตอนนี้ ….


“ไม่มีอะไรที่เราจะสามารถทำได้ ผลสะท้อนกลับของบทขับร้องแห่งเลือดศักสิทธิ์นั้นทรงพลังเกินไป ความจริงที่ว่าผู้บัญชาการใช้มันออกมาได้หนึ่งครั้ง และยังทนได้จนถึงตอนนี้มันก็จัดว่าน่าทึ่งมากแล้ว นี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่เธอใช้เทคนิคส่วนตัวของนักบุญแห่งดาบด้วย ตอนนี้สภาพจิตใจ และจิตวิญญาณของเธอนั้น แม้แต่ Divine Official ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่ก็ไม่น่าจะช่วยอะไรได้แล้ว ….” คูลลิ่งคลาวด์กล่าวขณะที่เธอส่ายหัว โดยที่สีหน้าเศร้าหมองก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเธอเช่นกัน


ในขณะที่ฮีลเลอร์ขั้นสามสองคนอย่างคูลลิ่งคลาวด์ และยู่หลัว กำลังทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อช่วยแองเจลิก้า เทเรเซ่า ซือเฟิงผู้ซึ่งเฝ้าดูเรื่องทั้งหมดนี้จากระยะไกลนั้นก็เต็มไปด้วยความรู้สึกตกใจ และประหลาดใจที่ไม่อาจอธิบายได้


“เธอคือแองเจลิก้า เทเรซ่าจริงๆงั้นหรอ ?” ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะสงสัย ขณะที่สายตาของเขาจับจ้องไปยังอัศวินหญิงที่ดูอ่อนแอ


“มีอะไรงั้นหรอ ? ผู้บัญชาการ” โซริทารี่ไนน์ถามอย่างสงสัย เมื่อเขาสังเกตเห็นท่าทีของซือเฟิง


ในความเห็นของโซริทารี่ไนน์ มันไม่ควรจะมีสิ่งใดใน God domain ที่จะทำให้ซือเฟิงประหลาดใจได้แล้ว แต่ตอนนี้ชายคนนี้กับมีท่าทีประหลาดใจจริงๆ เพราะ NPC ผู้หญิงคนนี้ นี่มันจึงนับเป็นสถานการณ์ที่แปลกมากๆ


“นี่คุณไม่เคยไปที่ห้องสมุดเพื่ออ่านประวัติศาสตร์ของ God domain ในเวลาว่างบ้างหรอ ?” ซือเฟิงกลอกตาพลางมองไปยังโซริทารี่ไนน์ “เธอคือแองเจลิก้า เทเรซ่า เธอมีฉายาว่าวัลคีรี่ และเธอเป็นหนึ่งในสองผู้อาวุโสที่เป็นผู้ก่อตั้งจักรวรรดิมังกรไฟ !!”


“เธอเป็นผู้ก่อตั้งหนึ่งในสี่ประเทศโบราณงั้นหรอ ?” โซริทารี่ไนน์จับจ้องไปที่แองเจลิก้า เทเรซ่าอีกครั้งด้วยความตกตะลึง เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง


ประเทศโบราณทั้งสี่ใน God domain ยุคปัจจุบันนั้นก็คือจักรวรรดิของมนุษย์สี่จักรวรรดิที่มีชีวิตรอดมาตั้งแต่ยุคโบราณ และตามตำนานจักรพรรดิผู้ก่อตั้งจักรวรรดิเหล่านี้นั้นทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ สำหรับเรื่องราวของจักรวรรดิมังกรไฟนั้น แม้ว่ามันจะมีพื้นที่ขนาดใหญ่ แต่ส่วนหนึ่งของเหตุผลที่มันอยู่รอดมาจากยุคโบราณนั่นก็เปป็นเพราะการมีส่วนร่วมของผู้อาวุโสผู้ก่อตั้งจักรวรรดิสองคน ซึ่งแม้แต่เหล่าทวยเทพก็ยังหวาดกลัวพวกเขา


“อย่างไรก็ตาม ดูจากรูปลักษณ์ในตอนนี้ มันดูเหมือนว่าเธอกำลังจะตาย ….” ไลฟ์เลสธอร์นพูดด้วยน้ำเสียงสงบ “หรือบางทีเธออาจจะมีชื่อเดียวกัน ?”


“ไม่ นี่มันต้องเป็นเธอแน่ๆ …” ซือเฟิงกล่าวยืนยัน “ดาบศักสิทธิ์บลัดมูนนั้นจัดอยู่ในลำดับที่หกในหมู่ดาบที่มีชื่อเสียงที่สุดของ God domain ว่ากันว่าดาบนี้เคยเป็นของแองเจลิก้า เทเรซ่า หนึ่งในผู้ก่อตั้งจักรวรรดิมังกรไฟ แม้ว่ามันอาจจะมีคนที่ชื่อเดียวกัน แต่มันก็มีโอกาสน้อยมากที่จะมีคนใช้อาวุธชนิดเดียวกัน”


มันมีดาบอยู่สามสิบหกเล่มที่มีชื่อเสียงที่สุดใน God domain และตัวตนที่ทรงพลังกับน่ากลัวมากๆก็ล้วนเป็นเจ้าของพวกมันทั้งหมด กล่าวอีกนัยหนึ่งคือทั้งผู้ถือครอง และดาบนั้นล้วนเกื้อหนุนกันและกัน แล้วก็ทำให้ทั้งสองฝ่ายกลายเป็นตำนานใน God domain


“งั้นตอนนี้เราควรจะทำยังไงกันดี ? ถ้าเธอตาย มันจะเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ของ God domain ไปรึปล่าว ?” โซริทารี่ไนน์ถามอย่างกังวล ถึงตอนนี้เขายังไม่สามารถบอกตัวเองได้อย่างแน่นอนว่าเขาได้มาถึงยุคโบราณของ God domain จริงๆรึปล่าว รึมันเป็นเพียงแบบจำลองบางอย่าง และถ้ามันเป็นแบบจำลอง การปล่อยเรื่องนี้ไปก็อาจจะดี แต่ถ้ามันเป็นเรื่องจริง นี่จะเป็นผลลัพธ์ที่แย่มากๆ


ไม่นานหลังจากที่โซริทารี่ไนน์พูดจบ เสียงที่เย็นชาของระบบก็ดังขึ้นมาที่หูของซือเฟิง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)