Reincarnation Of The Strongest Sword God 2917-2918
ตอนที่ 2917 การตื่นขึ้นของเทพโบราณ
เมื่อเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงสองคนเห็นว่าซือเฟิงกับไอรอนโซลนั้นไม่ได้มีเจตนาใดๆที่จะมอบสมบัติชั้นยอดเจ็ดชิ้นให้พวกเขา พวกเขาก็ได้เรียกหอกสายฟ้าสีแดงเข้มออกมาทันที
“ตายซะ !!”
เทพีตกสวรรค์ขั้นสูงทั้งสองขว้างหอกของพวกเขาเข้าใส่ซือเฟิง และไอรอนโซลอย่างรวดเร็ว
สกิลต้องห้ามขั้นห้า Thundering Devastator!
หอกสายฟ้านี้มันมีความรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ และในทุกๆที่ที่มันเคลื่อนผ่าน มันก็ทิ้งร่องรอยสีแดงเอาไว้ ขณะเดียวกันผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ที่อยู่ในเส้นทางการโจมตีของหอกนั้นก็ระเหยกลายเป็นไอไปทันที …. ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่เหล่านี้ถูกฆ่าไปโดยที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองตายยังไงหรือแบบไหน พวกเขาเห็นเพียงแสงสีแดงพุ่งเข้ามาสู่ทัศวิสัยของพวกเขา ก่อนที่พวกเขาจะพบว่าตัวเองถูกบังคับให้ออกจากเกม และในบรรดาผู้ที่อยู่ในห้องประชุมนั้นมีเพียงแต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าเท่านั้นที่สามารถจะตอบสนองต่อหอกสายฟ้าของเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงทั้งสองได้ทัน และสำหรับไอรอนโซลนั้น เมื่อหอกสายฟ้าเล่มหนึ่งเข้ามาในระยะ เขาก็ได้รีบคว้าโล่ของตัวเอง และเตรียมการป้องกันทันที หลังจากนั้นบาเรียราวสามสิบอันก็ได้ก่อตัวขึ้นตรงหน้าของไอรอนโซลที่ตั้งโล่อยู่
นี่เป็นการเคลื่อนไหวที่นับเป็นเครื่องหมายการค้าของไอรอนโซล
เทคนิคมานา บาเรียไร้ขอบเขต !!!
บาเรียไร้ขอบเขตนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาสามารถจะป้องกันการโจมตีจากมอนสเตอร์ระดับโดเมนศักสิทธิ์ขั้นห้าได้ในตอนที่เขายังอยู่ในขั้นสี่ และตอนนี้เมื่อเขาอยู่ในขั้นห้าแล้ว พลังของเทคนิคมานานี้มันจึงจะได้รับการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพเช่นกัน !!!
ตู้ม !!
ในช่วงเวลาต่อมาหอกสายฟ้าที่ถูกขว้างเข้าใส่ไอรอนโซลนั้นก็ค่อยๆทะลุผ่านบาเรียนี้เข้าไปทีละชั้นๆ อย่างไรก็ตามเมื่อหอกสายฟ้าทะลุผ่านบาเรียแต่ละชั้นไป พลังงานของมันก็ค่อยๆอ่อนแอลงเช่นกัน และท้ายที่สุดแล้วเมื่อมันไปถึงโล่ที่มีชื่อว่าดาร์คมิสของไอรอนโซล โล่นี้ก็ได้ทำหน้าที่เป็นเหมือนหลุมดำดูดซับพลังงานทั้งหมดที่เหลือของหอก
ขณะเดียวกันตัวไอรอนโซลนั้นก็ถูกบังคับให้ถอยไปครึ่งก้าว และสูญเสีย HP ไปราวๆสิบล้าน
สำหรับไอรอนโซลซึ่งเป็นการ์เดี้ยนไนท์ขั้นห้า เลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบหกนั้นการสูญเสีย HP ไปราวๆสิบล้านไม่ได้นับว่ามีผลอะไรเลย นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ไอรอนโซลนั้นก็ค่อนข้างแตกต่างจากการ์เดี้ยนไนท์ขั้นห้าทั่วไปที่มี HP ราวสองร้อยล้านด้วย เพราะ HP สูงสุดของไอรอนโซลนั้นอยู่ที่ราวสามร้อยล้าน ซึ่งนี่มันก็เป็นเพราะนอกจากเขาจะได้พบกับโอกาสมากมายแล้ว เขายังมีโล่ระดับตำนานด้วย
ไอรอนโซลอาจไม่ได้อยู่ในอันดับต้นๆของผู้เล่นขั้นห้าในด้านพลังโจมตี แต่เขาก็จะนับว่าอยู่ในอันดับต้นๆแน่นอนในด้านพลังป้องกัน
นี่คือสิ่งที่ทำให้ไอรอนโซลนั้นมั่นใจในการท้าทายผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าของมหาอำนาจต่างๆ อย่างไรก็ตามก่อนที่ผู้เล่นคนใดจะทันได้แสดงอาการตกตะลึงจากพลังป้องกันอันน่าทึ่งของไอรอนโซล หอกสายฟ้าที่ถูกใช้ขว้างเข้าใส่ซือเฟิงก็ได้ถูกเบี่ยงเบนให้พุ่งไปยังเพดานห้องประชุม ซึ่งหอกนี้ก็ได้เจาะทะลุวงเวทย์ป้องกันของห้องประชุม และทำให้เพดานห้องเกิดรูใหญ่จนมองเห็นท้องฟ้าด้านนอกเลย
ฉากที่เกิดขึ้นนี้มันทำให้ทุกคนตกตะลึงอย่างถึงที่สุด
“เขาทำได้ยังไงกัน ?!!”
“นั่นคือสกิลต้องห้ามขั้นห้านะที่เรากำลังพูดถึง !!!”
ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่หลายคน และแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าของห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังนึกไม่ออกเลยว่าซือเฟิงเบี่ยงเบนการโจมตีของสกิลต้องห้ามขั้นห้าเมื่อครู่ได้ยังไงกัน ยิ่งไปกว่านั้นซือเฟิงก็ไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่นิดเดียวในการทำแบบนี้ ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าเขาแข็งแกร่งกว่าไอรอนโซลมาก ….
อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็ยังไม่ได้มีท่าทีผ่อนคลายใดๆ หลังจากการรับการโจมตีนี้ของเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงเอาไว้ได้ …. และทันใดนั้นซือเฟิงก็ได้ตะโกนขึ้นว่า “ทุกคน รีบออกจากห้องประชุมกันเร็ว !!! ที่นี่คือเมืองแบล๊ควิง !!! ตราบเท่าที่ NPC ของเมืองมาถึง เทพีตกสวรรค์ขั้นสูงทั้งสองนั้นจะต้องรีบหนีไปแน่นอน !!!”
ทุกคนนั้นเร่งฝีเท้าของตัวเองขึ้นทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง ไม่มีใครกล้าที่จะอ้อยอิ่งอีกต่อไป แม้ว่าซือเฟิง และไอรอนโซลจะป้องกันการโจมตีของเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงทั้งสองเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย แต่ทุกคนก็สามารถจะบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่าเมื่อครู่นั้นการโจมตีของเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงทั้งสองนั้นเป็นการโจมตีแบบสบายๆเท่านั้น แต่กระนั้นนอกเหนือจากผู้เล่นขั้นห้าแล้ว ใครก็ตามที่บังเอิญไปอยู่ในระยะการโจมตีของเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงทั้งสองนั้นก็จะกลายเป็นไอทันทีเช่นกัน
นอกเหนือจากนี้แล้วเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงนั้นก็เป็นตัวตนที่สามารถจะต่อกรกับเทพขั้นหกได้เลย ดังนั้นแม้แต่ผู้เล่นขั้นห้าทั่วไปก็จะดูไม่มีอะไรเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าตัวตนระดับนี้ ซึ่งนี่มันก็ได้ทำให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ทั้งหมดนั้นเริ่มการอพยพ และหนีออกไปทันที ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าทั้งหมดที่อยู่ในห้องประชุมนั้นก็ได้เข้าล้อมเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงทั้งสองเอาไว้ ….
“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าการต่อสู้ครั้งแรกของฉัน หลังจากที่ฉันสามารถเลื่อนขั้นเป็นขั้นห้าได้จะเป็นการต่อสู้กับมอนสเตอร์แบบนี้ และสิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าคือฉันจะต้องมาต่อสู้ร่วมกับสัตว์ประหลาดเก่าแก่ของกิลอื่นๆด้วย ….” โอดินจากไมโทโลจี้ ซึ่งสวมเสื้อคลุมสีขาว และปกปิดใบหน้าของตัวเองเอาไว้กล่าวขณะที่เขามองไปยังผู้เชี่ยวชาญขั้นห้ารอบตัวเขา
“คุณสามารถจะต่อสู้กับมอนสเตอร์ทั้งสองตัวนี้ได้ด้วยตัวเองนะ หากคุณไม่ต้องการจะทำงานร่วมกันกับฉัน หรือคนอื่นๆ ฉันจะไม่ห้าม หรือหยุดคุณ ….” ชายชราในชุดเกราะสีเทาเข้มจากจักรวรรดิโลกใต้พิภพกล่าวขณะที่เขามองไปยังโอดิน สำหรับชายชราจากซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดอีกสามกิลนั้นพวกเขายังคงนิ่งเงียบขณะที่พวกเขามองไปยังโอดิน และชายชราในชุดเกราะสีเทาเข้ม เพราะพวกเขารู้ดีว่าโอดิน กับชายชราในชุดเกราะสีเทาเข้มนั้นเป็นคู่ปรับกันมานาน และหากการประชุมในครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการดำรงอยู่ของทวีปหลักของ God domain ทั้งสองฝ่ายก็คงจะไม่เต็มใจที่จะมานั่งอยู่ในห้องเดียวกันแน่นอน
ในขณะเดียวกันเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงทั้งสองตรงหน้าของพวกเขานี้ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนขั้นสูงอย่างพวกเขาเองก็ยังต้องระมัดระวัง
(ซี่หลู่เอ๋อ) (เทพีตกสวรรค์ขั้นสูง ระดับตำนาน)
เลเวล 200
HP 900,000,000,000
(การูด้า) (เทพีตกสวรรค์ขั้นสูง ระดับตำนาน)
เลเวล 200
HP 900,000,000,000
แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าทั้งยี่สิบสามคนจะทำงานร่วมกัน แต่พวกเขาก็จะไม่สามารถฆ่าเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงแบบนี้ลงได้แม้แต่คนเดียวแน่นอน นับประสาอะไรกับสองคน ….
“ดูเหมือนว่าฉันจะต้องสอนบทเรียนให้กับมดพวกนี้สักหน่อยแล้ว !!!” ซี่หลู่เอ๋อที่เป็นหนึ่งในเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงกล่าวขณะที่เธอมองไปยังผู้เชี่ยวชาญขั้นห้ารอบตัวเธอด้วยความดูถูก จากนั้นเธอก็ได้เริ่มร่ายเวทย์
หลังจากนั้นวงเวทย์คำสาปขั้นสามสามวงก็ได้เริ่มก่อตัวขึ้นรอบๆซี่หลู่เอ๋อ โดยที่มันก็ได้จัดการดึงมานาแทบทั้งหมดในห้องประชุมไป และเมื่อเทียบกับสกิลต้องห้ามก่อนหน้านี้ที่เธอใช้นั้น คำสาปทั้งสามนี้แข็งแกร่งกว่ามากแบบเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตามผู้เล่นที่ยืนล้อมกรอบเธอนั้นก็ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นห้ากันทั้งหมด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้คิดจะให้ซี่หลู่เอ๋อร่ายเวทย์คำสาปทั้งหมดของเธอได้สำเร็จ เมื่อซี่หลู่เอ๋อเริ่มร่ายเวทย์นั้น โอดินก็ได้ไปปรากฎตัวขึ้นข้างหลังเธอ และแทงดาบสปาร์เชี่ยลของเขาเข้าใส่เธอทันที
-41,564,786!
ความเสียหายมากกว่าสี่สิบล้านปรากฎขึ้นเหนือหัวของซี่หลู่เอ๋อ อย่างไรก็ตามโอดินนั้นไม่ได้แสดงท่าทีตื่นเต้นใดๆเมื่อได้เห็นความเสียหายนี้ ในทางตรงกันข้ามเขากับขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยซ้ำ
“พลังป้องกันสูงอะไรอย่างนี้ !!!” ชายชราในชุดเกราะสีเทาเข้มอุทานออกมา ขณะที่เขามองไปยังซี่หลู่เอ๋อ พลังโจมตีของโอดินนั้นอยู่ในอันดับที่สามจากบรรดาชายชราห้าคน ในขณะเดียวกันการโจมตีที่โอดินใช้นั้นก็นับเป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างสกิลขั้นห้า กับเทคนิคการต่อสู้ระดับเงิน หัวใจแห่งดาบ
หากผู้เล่นขั้นห้าโดนการโจมตีแบบนี้นั้น พวกเขาก็จะตายลงทันที กระนั้นการโจมตีของโอดินกับทำความเสียหายแก่ซี่หลู่เอ๋อ หนึ่งในเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงได้มากกว่าสี่สิบล้านเท่านั้น ซึ่งนี่มันไม่ได้นับว่ามากมายอะไรเลยสำหรับตัวตนระดับนี้ที่มี HP เก้าแสนล้าน ….
หลังจากร่ายเวทย์คำสาปของเธอเสร็จ ซี่หลู่เอ๋อก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พวกมด การดิ้นรนของพวกคุณนั้นมันไร้ค่า !!!!”
วงเวทย์คำสาปขั้นห้าทั้งสามนั้นได้ก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว และนี่มันก็ทำให้ขนนกสีดำสนิทนับพันปรากฎขึ้นในห้องประชุม ก่อนที่ขนเหล่านี้จะแปรเปลี่ยนกลายเป็นอีกาสายฟ้าสีแดงเข้ม และบินพุ่งเข้าใส่โอดิน กับคนอื่นๆ
การหลอมรวมเวทย์คำสาปสามสกิล ?
สัตว์ประหลาดเก่าแก่ห้าคนของห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดตกตะลึงกับฉากนี้ไปชั่วขณะ ….
ใน God domain การจะทำแบบนี้ให้ได้นั้นมันยากมากๆ แต่ซี่หลู่เอ๋อกับทำมันได้จริงๆ และเมื่อคำสาปสามสกิลรวมกันนั้น มันก็จะบังเกิดเป็นพลังที่น่ากลัวอย่างถึงที่สุดแน่นอน
ทันใดนั้นสัตว์ประหลาดเก่าแก่ทั้งห้าก็ได้ทยอยเปิดใช้งานสกิล และเวทย์ช่วยชีวิตของพวกเขาตามลำดับ ในขณะที่พวกเขานั้นก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อหลบหลีกอีกาสายฟ้าไปพร้อมกัน ซึ่งเมื่อสถานการณ์มันดำเนินมาถึงจุดนี้นั้น ผลลัพธ์มันก็ออกมาชัดเจนแล้วว่าพวกเขาไม่สามารถเทียบกับซี่หลู่เอ๋อได้เลย
เมื่อได้เห็นสิ่งนี้ไอรอนโซลที่กำลังต่อสู้กับการูด้า เทพีตกสวรรค์ขั้นสูงอีกคนหนึ่งก็ได้แสดงสีหน้าเคร่งขรึมออกมา เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าอีกาสายฟ้าทุกตัวนั้นมีพลังอยู่ที่ขั้นพื้นฐานของขั้นหก และแม้ว่าพวกมันจะไม่ทรงพลังเท่ากับการโจมจตีด้วยหอกสายฟ้าในครั้งแรก แต่พวกมันก็มีจำนวนมากซะจนทำให้ไม่สามารถป้องกัน และหลบได้ทั้งหมด ขณะเดียวกันในบรรดาผู้เล่นทั้งหมดในปัจจุบันนั้นมันก็มีแค่ซือเฟิงเท่านั้นที่ไม่ได้รู้สึกแปลกใจ หรือตกตะลึงใดๆกับสถานการณ์นี้
โดยทั่วไปแล้วเทพีตกสวรร์ขั้นสูง เลเวลสองร้อย และอยู่ในขั้นห้านั้นมีพลังเทียบเท่ากับเทพทั่วไปขั้นหกเลย ดังนั้นการจะฆ่ากลุ่มผู้เล่นขั้นห้ามันจึงเป็นเรื่องง่ายมากๆสำหรับตัวตนระดับนี้ …. และในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิงนั้น หากผู้เล่นต้องการจะฆ่าตัวตนระดับนี้ พวกเขาจะต้องไปถึงขั้นหกซะก่อน พวกเขาจึงจะมีสิททำได้ อย่างไรก็ตาม God domain ในปัจจุบันนั้นมันพึ่งมีผู้เล่นแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่มาถึงขั้นห้า ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงขั้นหกเลย ….
แม้ว่าผู้เล่นที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าทั้งหมดนี้จะมีมาตราฐานการต่อสู้ที่สูงจนน่ากลัว แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจะลดช่องว่างขนาดใหญ่ในเรื่องค่าสถานะพื้นฐานได้ ในขณะเดียวกันหลังจากที่ซี่หลู่เอ๋อปราบปราสัตว์ประหลาดเก่าแก่ห้าคนของห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดได้แล้ว การูด้านั้นก็ได้เริ่มเคลื่อนไหวแบบเดียวกับซี่หลู่เอ๋อ แต่แทนที่เธอจะสร้างอีกาสายฟ้านับพันขึ้นมา เธอได้สร้างดาบสายฟ้าหลายร้อยเล่มขึ้นมาแทน แม้ว่าดาบสายฟ้าเหล่านี้จะไม่ได้มีความยืดหยุ่นเท่าอีกาสายฟ้า แต่มันก็เร็วกว่าอีกาสายฟ้ามาก แถมดาบสายฟ้าพวกนี้ยังมีพลังอยู่ในระดับขั้นกลางของขั้นหกด้วย ซึ่งหากผู้เล่นขั้นห้าโดนเข้าไป พวกเขาจะตายทันทีแน่นอน
โดยดาบสายฟ้าหลายร้อยเล่มนี้ก็ได้ถูกใช้โจมตีเข้าใส่ซือเฟิง ไวโอเล็ตคลาวด์ ไฟเออร์แดนซ์ และหยานเทียนซิง แถมมันยังมีส่วนหนึ่งที่แบ่งไปโจมตีไอรอนโซลด้วย สถานการณ์นี้บังคับให้กลุ่มของซือเฟิง และไอรอนโซลต้องป้องกันตัวเองเพียงอย่างเดียว ซึ่งในหมู่ผู้เล่นทั้งหมดนี้ ซือเฟิงนั้นก็ดูจะเป็นผู้ที่รับมือกับดาบสายฟ้าได้ดีที่สุด
ดาบโซโลมอนนั้นได้ช่วยพัฒนาทั้งวิญญาณ และการรับรู้เกี่ยวกับกฎของโลกของเขา ซึ่งนี่มันทำให้เขาสามารถรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของดาบสายฟ้าได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้เนื่องจากพลังของดาบเหล่านี้อยู่ในระดับขั้นกลางของขั้นหกเท่านั้น ซือเฟิงจึงสามารถจะป้องกันพวกมันด้วยดาบของเขาได้แบบสบายๆ ….
สำหรับไฟเออร์แดนซ์ หยานเทียนซิง และไวโอเล็ตคลาวด์ทั้งสามได้ทำงานร่วมกันเพื่อชดเชยข้อบกพร่องของตัวเอง แถมไวโอเล็ตคลาวด์ทก็ยังคอยฮีล และให้บัฟป้องกันอย่างต่อเนื่องด้วย และยังมีซือเฟิงที่คอยช่วยเวลาที่พวกเขาผิดพลาดไปบ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถรับมือกับดาบสายฟ้าพวกนี้ได้ดีเลยทีเดียว
ดังนั้นไม่ว่าการูด้าจะใช้ดาบสายฟ้าของเธอโจมตีแบบไหน เธอก็ไม่สามารถจะคุกคามกลุ่มสี่คนของสภาสิบแปดปีกได้เลย ในทางกลับกันไอรอนโซลนั้นก็ได้สูญเสีย HP ไปอย่างต่อเนื่องตลอดการต่อสู้ และแม้ว่าไวโอเล็ตคลาวด์จะช่วยฮีลเขาบ้างเป็นครั้งคราว แต่ HP ของเขาก็ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง
“หัวหน้ากิล เราไม่สามารถจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปได้ !!!” ไวโอเล็ตคลาวด์กล่าวด้วยสีหน้ากังวล “ดาบสายฟ้าพวกนี้เริ่มทำให้ผลของสกิลฮีลของฉันมีน้อยลง ในอัตรานี้เขาจะถูกฆ่าตายในอีกสิบวินาทีแน่นอน”
การโจมตีแบบกวาดผ่านไปทั่วพื้นที่ของการูด้านั้นทำให้ไอรอนโซลไม่สามารถเข้าใกล้กลุ่มของพวกเขาได้ ซึ่งหากเป็นแบบนี้ต่อไปไอรอนโซลก็จะตายแน่นอน ….
“ฉันจะตรึงเธอไว้ให้ ระหว่างนี้ให้รีบหาโอกาสเข้าไปรวมกลุ่มกัน !!!”
เมื่อซือเฟิงเห็นว่าไอรอนโซลมี HP เหลืออยู่น้อยกว่าครึ่งแล้ว เขาก็ได้ตัดสินใจที่จะเลิกกั๊กพลังของตัวเองเอาไว้ และเปิดใช้งานโลกแห่งดาบทันที …
ทันใดนั้นดาบเงาเก้าสิบเก้าเล่มก็ปรากฎขึ้นรอบๆซือเฟิง โดยแต่ละเล่มนั้นมีพลังอยู่ที่ขั้นสูงสุดของขั้นหก จากนั้นซือเฟิงก็ได้ใช้ดาบเงาเหล่านี้โจมตีเข้าใส่การูด้า
ซึ่งเมื่อการูด้าเห็นดังนี้นั้น เธอก็ได้รีบดึงดาบสายฟ้าทั้งหมดกลับมาปกป้องตัวเองทันที
เขาแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง ?!!
ไอรอนโซลตกตะลึงเมื่อได้เห็นฉากตรงหน้าของเขา เพราะฉากที่เขาได้เห็นนั้นก็คือการูด้ากำลังพยายามปกป้องตัวเองอย่างเต็มที่ และอยู่ในสถานะที่เสียเปรียบซือเฟิง ซึ่งจากสิ่งที่ไอรอนโซลเห็นนั้นหากวัดกันในด้านมาตราฐานการต่อสู้ ซือเฟิงนั้นเทียบกับการูด้าไม่ได้เลย เนื่องจากเขาสามารถควบคุมดาบเงาทั้งเก้าสิบเก้าเล่มได้แค่ในขอบเขตการปรับแต่งเท่านั้น แต่การูด้านั้นสามารถควบคุมดาบสายฟ้าทั้งหมดของตัวเองได้ที่ขอบเขตรวดเร็วดั่งสายน้ำ อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้มันมีข้อแตกต่างตรงที่ดาบเงาของซือเฟิงนั้นมีพลังดิบมากกว่า มันจึงทำให้เขาสามารถที่จะเอาชนะการูด้า และบังคับให้เธอต้องป้องกันตัวเองเพียงอย่างเดียวได้ แม้ว่าชัยชนะแบบนี้มันอาจจะดูแปลกๆไปสักหน่อย แต่มันก็ยังเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่ออยู่ดี
เพราะท้ายที่สุดแล้วผู้เล่นระดับผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าคนอื่นๆนั้นต่างต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อเอาชีวิตรอดจากการโจมตีจองเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงทั้งสอง แต่ซือเฟิงในตอนนี้กับกำลังต่อกรกับหนึ่งในเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงได้อย่างสูสี และเมื่อเป็นแบบนี้นั้นไอรอนโซลก็มีเวลาที่จะเข้าไปรวมกลุ่มกับกลุ่มของไวโอเล็ตคลาวด์ ซึ่งเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย พวกเขาทั้งสี่ก็ทำหน้าที่สนับสนุน และผลัดกันโจมตีจนทำให้ HP ของการูด้านลดลงไปเล็กน้อย แม้ว่าด้วยสกิลฟื้นฟูในระหว่างการต่อสู้ของเธอจะทำให้การูด้าสามารถฟื้นฟูความเสียหายที่ได้รับอย่างง่ายดาย แต่สถานการณ์นี้มันก็ยังทำให้สัตว์ประหลาดเก่าแก่ของห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจอยู่ดี
หลังจากการต่อสู้ดำเนินไปอีกราวสิบวินาที ในที่สุดมันก็มีผู้เสียชีวิตปรากฎขึ้น เมื่อซี่หลู่เอ๋อนั้นได้ฆ่าผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าไปสองคน ซึ่งสถานการณ์นี้ก็ทำให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าคนอื่นๆโกรธมาก แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้
หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไปยี่สิบหกวินาทีนับตั้งแต่ที่ซือเฟิงเปิดใช้งานสกิลโลกแห่งดาบ พื้นที่ภายในห้องประชุมก็ปรากฎรอยแยกมิติขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่หญิงสาวคนหนึ่งที่ถือคทาเจ็ดสี และสวมเสื้อคลุมศักสิทธิ์กับมงกุฎสีทองจะเดินออกมาจากรอยแยกมิตินี้
ซึ่งนี่มันก็ทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญขั้นห้านั้นตัวแข็งค้างไปหลายวินาทีเลย เนื่องจากออร่าศักสิทธิ์จากหญิงสาวคนนี้ที่ได้เข้ามาห่อหุ้มพวกเขาไว้นั้นทำให้พวกเขาเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาในจิตใจ
สำหรับเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงทั้งสอง พวกเขาก็หยุดการโจมตีของตัวเอง และหันไปจ้องมองหญิงสาวผู้นี้อย่างหวาดกลัวเช่นกัน
โดยหญิงสาวผู้นี้นั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากชารีนที่พักผ่อนอยู่ในเมืองแบล๊ควิง อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับครั้งสุดท้ายที่ซือเฟิงได้พบกับชารีน หญิงสาวคนนี้เหมือนคนที่แตกต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ปัจจุบันเมื่อซือเฟิงมองไปยังชารีนนั้นเขาก็รู้สึกไม่ต่างจากการที่เขามองไปยังเทพตนหนึ่งเลย ขณะเดียวกันทุกการกระทำของเธอมันก็ชัดเจนว่าเธอสามารถเชื่อมโยงกับโลกได้แล้ว ซึ่งมันทำให้เธอดูน่าเคารพนับถือมากๆ ….
“แม่งเอ้ย !!! นี่ไอ้พวกนั้นเอาเทพธิดาไม่อยู่งั้นหรอ ?!!”
ซี่หลู่เอ๋ออดไม่ได้ที่จะก่นด่าสาปแช่งออกมา เมื่อเธอเห็น NPC ขั้นห้าจากโลกอื่นราวสองโหลที่ไม่ตายก็บาดเจ็บสาหัสอยู่ภายในรอยแยกมิติอีกด้านที่ชารีนเดินออกมา
ตอนที่ 2917.2
“นักวิชาการนั่นต้องบ้าไปแล้วแน่ๆที่กล้าจะอัญเชิญสิ่งมีชีวิตแบบพวกคุณออกมา !!!” ชารีนกล่าวขณะที่มองไปยังซี่หลู่เอ๋อ และการูด้า ก่อนที่เธอจะมองไปยังกลุ่มของซือเฟิงด้วยความเป็นห่วง และกล่าวออกมาว่า “แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากพวกคุณสองคนกล้าจะบุกเข้ามาที่นี่ ดังนั้นก็อยู่ที่นี่ตลอดไปเลยแล้วกัน !!!”
“คุณคิดว่าคุณจะทำแบบนั้นได้งั้นหรอ ?” หลังจากทำการสังเกต และวิเคราะห์ชารีนอย่างละเอียดแล้ว ซี่หลู่เอ๋อก็หัวเราะ และพูดว่า “คุณพึ่งจะตื่นขึ้นเท่านั้น คุณคิดว่าเราจะไม่สามารถต่อกรกับคุณได้งั้นหรอ ?!!”
อย่างไรก็ตามทันทีที่ซี่หลู่เอ๋อพูดจบ ชารีนก็โบกคทาเจ็ดสีในมือของเธอทันที และทันใดนั้นผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ รวมไปถึงตัวซือเฟิงเองก็รู้สึกว่าเวลาช้าลง และแม้ว่าสมองของพวกเขาจะยังคงประมวลผล และคิดเรื่องต่างๆได้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจะขยับตัวได้เลย
เธอหยุดเวลา ?
ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจ เมื่อเขาได้เห็นฉากตรงหน้าของเขา ….
เวทย์ของชารีนนั้นมันจัดว่าท้าทายสวรรค์อย่างมาก !!!
อย่างไรก็ตามไม่ถึงสองวินาทีหลังจากที่ชารีนทำการหยุดเวลา เทพีตกสวรรค์ขั้นสูงทั้งสองก็ได้หลุดพ้นจากพันธนาการของเวลา และกลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง จากนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็ได้ใช้หอกสายฟ้าโจมตีเข้าใส่ชารีนทันที แต่กระนั้นการกระทำ และเคลื่อนไหวทั้งหมดของพวกเขามันก็ช้ามากๆจนแม้แต่ผู้เล่นขั้นหนึ่งก็ยังสามารถจะมองเห็นทั้งหมดได้ง่ายๆเลย ….
ในขณะเดียวกันชารีนก็ได้ยกมือขึ้น และทำให้พื้นที่มิติโดยรอบแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ก่อนที่เธอจะเปลี่ยนพื้นที่มิติเหล่านี้ให้เป็นใบมีด และใช้มันโจมตีเข้าใส่เทพีตกสวรรค์ขั้นสูงทั้งสองทันที ซึ่งนี่มันก็ทำให้เทพีตกสวรรค์ขั้นสูงทั้งสองนั้นไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องหันมาป้องกันตัวเอง แต่ถึงกระนั้นพวกเธอก็ไม่สามารถจะป้องกันการโจมตีของชารีนไว้ได้ทั้งหมด
ช่วงเวลาต่อมาความเสียหายมากกว่าสองร้อยล้านก็ปรากฎขึ้นเหนือหัวของเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงทั้งสองครั้งแล้วครั้งเล่า และหลังจากโดนการโจมตีของชารีนไปหนึ่งระลอก เทพีตกสวรรค์ทั้งสองก็สูญเสีย HP ไปมากกว่าห้าพันล้านเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับ HP เก้าแสนล้านที่ทั้งสองมีนั้น ความเสียหายแค่นี้มันนับว่าเป็นแค่รอยขีดข่วนเท่านั้น
หลังจากนั้นการต่อสู้ก็ดำเนินไปอีกยี่สิบวินาที และ HP ของเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงทั้งสองก็ลดลงไปอยู่ที่แปดสิบเปอเซ็นต์ ซึ่งมันก็พิสูจน์ให้เห็นได้ชัดเลยว่าชารีนนั้นมีความสามารถในการจะฆ่าพวกเขา
“แม่ง !! เธอพึ่งจะตื่นขึ้นมาเอง แต่ทำไมเธอถึงแข็งแกร่งขนาดนี้กัน ?!!” ซี่หลู่เอ๋อจ้องมองไปที่ชารีนด้วยความขุ่นเคือง
“เราจะตายอยู่ที่นี่ ถ้าเรายังคงสู้ต่อไป !!!” การูด้ากล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “พวกเราต้องถอย ถ้าเรายังคงฝืน และผู้ปกครองเมืองแบล๊ควิงตามมาสมทบกับเธอได้ เราก็จะหมดโอกาสหนีแน่นอน …”
“เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้การเคลื่อนไหวนั้น ….” ซี่หลู่เอ๋อกล่าวพลางกัดฟัน ในขณะที่เธอหยิบหินสีดำออกมา
ซึ่งเมื่อได้เห็นซี่หลู่เอ๋อหยิบหินสีดำออกมานั้น ใบหน้าของชารีนก็แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดอย่างถึงที่สุด โดยปฎิกิริยานี้ของเธอนั้นมันก็ทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าที่เฝ้าดูอยู่รู้สึกงงงวยมากๆ เพราะพวกเขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังใดๆเลยจากหินสีดำนั่น และในสายตาของพวกเขาหินสีดำนั่นมันก็เป็นเพียงแค่หินธรรมดาเท่านั้น ….
อย่างไรก็ตามก่อนที่ใครจะทันได้ตอบสนองได้ หินสีดำในมือของซี่หลู่เอ๋อก็ได้สลายตัวไป และพลังที่แข็งแกร่งก็เริ่มก็ตัวขึ้นที่ฝ่ามือของเธอ ก่อนที่มันทำลายพันธนาการเวลาทั้งหมดที่ส่งผลต่อเธอ ซึ่งมันทำให้เธอสามารถกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง
หลังจากนั้นซี่หลู่เอ๋อก็ได้ใช้พลังนี้โจมตีเข้าใส่ซือเฟิง ไอรอนโซล และชารีนทันที ซึ่งด้วยพลังที่แข็งแกร่งของมันนั้นมันก็ได้ทำลายพันธนาการเวลาทั้งหมดไปพร้อมกับที่กำลังพุ่งเข้าใส่ทั้งสามคน
สิ่งนี้ทำให้ซือเฟิง และไอรอนโซลประหลาดใจมากๆ เพราะพวกเขาไม่คิดเลยว่าซี่หลู่เอ๋อจะยังคงเลือกที่จะโจมตีพวกเขาต่อ แม้ในสถานการณ์แบบนี้ ….
เมื่อซือเฟิงเห็นว่าการโจมตีของซี่หลู่เอ๋อกำลังใกล้เข้ามานั้น เขาก็รู้สึกว่าวิญญาณของเขามันสั่นสะท้านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และเขาก็ได้รีบเปิดใช้งานโล่วอย แสงทลายโลก และดาบสุดท้ายเพื่อโต้ตอบทันที พร้อมกันนั้นหลังจากใช้สกิลพวกนี้ไปแล้ว ซือเฟิงก็ยังได้ใช้วัฎสงสารแห่งดาบอย่างไม่ลังเล สำหรับไอรอนโซลเขาก็ได้เปิดใช้งานไพ่ที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาเช่นกัน โดยที่ตอนนี้โล่ระดับตำนานของเขามันก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นหมอกสีดำที่เข้าห่อหุ้มร่างของเขาไว้
ตู้ม !!
เมื่อเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นมานั้น มันก็มีร่างของคนๆหนึ่งพุ่งออกมาจากฝุ่นควันราวกับกระสุนปืนใหญ่ ก่อนที่จะปลิวไปกระแทกกับกำแพงของห้องประชุมจนทำให้วงเวทย์ป้องกันในส่วนนั้นแตกออกเป็นเสี่ยงๆทันที ….
“หัวหน้ากิล !!!” ไฟเออร์แดนซ์รู้สึกตกใจมากๆ เมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะร่างที่พุ่งออกมาจากฝุ่นควันนั้นมันก็คือร่างของซือเฟิงนั่นเอง และแม้ว่าซือเฟิงจะเปิดใช้งานสกิลที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาทั้งหมดเพื่อโต้ตอบ และป้องกันตัวเอง แต่เขาก็ยังได้รับผลกระทบที่รุนแรงมากๆจากการโจมตีเมื่อครู่ โดยที่เขาก็สูญเสีย HP ไปมากกว่าสองในสาม …. ซึ่งผลลัพธ์นี้นั้นมันไม่น่าเชื่อเลย ขณะที่ด้านของไอรอนโซลนั้นเมื่อฝุ่นควันจางลง ทุกคนก็สามารถสังเกตเห็นร่างของเขาได้อย่างชัดเจน โดยเขายังคงยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมของเขา อย่างไรก็ตามร่างกายของเขานั้นซีดมากๆ และ HP ของเขาก็ไม่มีเหลืออยู่อีกแล้ว
โดยเมื่อไอรอนโซลตายลงนั้น แหวนทองแดงก็ได้ดรอปออกมาจากร่างของเขา ซึ่งเมื่อเห็นแหวนนี้ซี่หลู่เอ๋อก็ได้รีบตรงเข้าไปคว้ามันไว้ทันที ในขณะเดียวกันการูด้าก็ได้ใช้โอกาสนี้แทงหอกของเธอเข้าใส่ซือเฟิงทันที ซึ่งเมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีที่เข้ามาอย่างกระทันหันนี้ ซือเฟิงก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้ เพราะท้ายที่สุดเมื่อเขารับการโจมตีเมื่อครู่มานั้นเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว และแขนทั้งสองข้างของเขาก็ยังคงชาจนขยับไม่ได้อยู่ ….
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่การโจมตีของการูด้ากำลังจะโดนซือเฟิงนั้นชารีนก็มาปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าเขา และหยุดหอกของการูด้านด้วยปลายนิ้วของเธอ
ตู้ม !!
ในช่วงเวลาต่อมาการโจมตีด้วยหอกในครั้งนี้ของการูด้าก็ค่อยๆหายไป จากนั้นมันก็พลังที่มองไม่เห็นตบการูด้าจนปลิวกระเด็นไปติดกับกำแพงด้านหนึ่ง และทำให้ HP ของเธอลดลงไปมากกว่าหนึ่งร้อยล้านทันที
“ไม่ดีแล้ว !! หนีเร็ว !!!” เซี่ยหลู่เอ๋อตะโกน จากนั้นเธอก็ได้ทำการเปิดรอยแยกติมิ และหนีหายเข้าไปพร้อมกับแหวนทองแดงในมือของเธอ
สำหรับการูด้า ตัวเธอเองนั้นก็พยายามจะถอยหนีเช่นกัน เมื่อเห็นซี่หลู่เอ๋อถอยหนีไปแล้ว
อย่างไรก็ตามก่อนที่การูด้าจะทันได้ถอยหนีนั้น ชารีนก็มาปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าของเธอแล้ว และชารีนก็ได้ใช้คทาของเธอแตะไปที่หน้าผากของการูด้า ก่อนที่การูด้าจะพบว่าตัวเธอนั้นได้ถูกตรึงอยู่ และ HP ของเธอก็กำลังลดลงเรื่อยๆ
หลังจากสถานการณ์นี้ดำเนินต่อไปอีกเป็นเวลาสามสิบวินาที ร่างกายของการูด้าก็ได้เปลี่ยนเป็นคริสตัลขนาดเท่ากับกำปั้น ในขณะเดียวกันออร่าที่รุนแรงของชารีนนั้นก็อ่อนแอลงไปอย่างเห็นได้ชัด แต่กระนั้นหลังจากได้รับคริสตัลนี้มาแล้ว ชารีนก็ได้หันไปหาซือเฟิงที่พึ่งจะกลับมายืนขึ้นได้ และกล่าวว่า “นายมากับฉัน …. ส่วนคนอื่นๆรีบกลับไปเตรียมตัวให้พร้อม พวกคุณเหลือเวลากันอีกไม่มากแล้ว !!!”
หลังจากพูดจบชารีนก็โบกคทาของเธอ และเรียกประตูเทเลพอร์ตออกมา
จากนั้นเธอก็ได้เดินเข้าไปในประตู และทิ้งให้ซือเฟิง กับผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าคนอื่นๆงุนงงกับสถานการณ์ ….
สำหรับตัวซือเฟิงนั้นเมื่อเขาจัดการมอบหมายงานทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย เขาก็ได้ให้ไฟเออร์แดนซ์ และคนอื่นๆกลับไปที่สภาสิบแปดปีกก่อน จากนั้นเขาก็ติดต่อเมลาน
โครอิคสไมล์และออกคำสั่งให้เธอใช้กำลังคนทั้งหมดที่มีตอนนี้มุ่งเน้นไปที่การสร้างเรือเหาะชางเล่ย และหุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟทันที เพราะอาวุธทรงอานุภาพเหล่านี้จะช่วยขัดขวางการรุกคืบของกองทัพ NPC จากโลกอื่นได้อย่างมาก และหลังจากนั้นเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแบบเบ็ดเสร็จแล้ว ซือเฟิงก็ได้เดินตามชารีนเข้าไปในประตูเทเลพอร์ต
ในส่วนของผู้เล่นคนอื่นๆนั้น พวกเขาก็เข้าใจดีในสิ่งที่ชารีนหมายถึง เพราะหากชายหนุ่มลึกลับที่เป็นนักวิชาการนั่นได้รับสมบัติชั้นยอดทั้งเจ็ดชิ้นไป พลังของเขาก็จะทะยานขึ้นไปอีกขั้นแน่นอน และหากเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็จะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากๆในการจะจัดการกับกองทัพ NPC จากโลกอื่น ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นต้องรีบกลับไป และเริ่มมาตราการตอบโต้ทันที และพวกเขาก็ยังต้องเร่งแผนขัดขวางการรุกคืบของกองทัพ NPC จากโลกอื่นด้วย
ในช่วงเวลาหนึ่งกองกำลังของผู้เล่นในทวีปด้านตะวันออกก็ได้หันมาสามัคคีและร่วมมือกันในเรื่องนี้ และแม้แต่กองกำลังของผู้เล่นในทวีปด้านตะวันตกนั้นก็ยังเริ่มทยอยกันส่งกำลังพลเข้ามาเสริมในทวีปด้านตะวันออก ซึ่งนี่เป็นเพราะทุกคนเข้าใจดีว่าหากพวกเขาแพ้สงครามครั้งนี้นั้นทวีปหลักของ God domain ก็จะต้องจบสิ้นแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นจะต้องเอาชนะสงครามครั้งนี้ให้ได้โดยไม่สนค่าใช้จ่ายใดๆ
อีกด้านหนึ่งหลังจากที่ซือเฟิงเข้ามาในประตูเทเลพอร์ตเขาก็พบว่าตัวเองนั้นอยู่ในห้องโถงชั้นบนสุดของหอคอยสตาร์เกซซิ่ง โดยชารีนนั้นก็นั่งอยู่บนบัลลังก์ที่ปลายสุดของห้องโถง ในขณะที่ใบหน้าของเธอนั้นก็ดูซีดไปมาก ซึ่งในตอนนี้นั้นเธอดูอ่อนแอกว่าตอนที่พึ่งฆ่าเทพีตกสวรรค์ขั้นสูง การูด้า ไปซะอีก
“นักวิชาการนั่นบ้าไปแล้ว !!! แต่ตอนนี้ในเมื่อเขาได้รับสมบัติชั้นยอดไปเพิ่มอีกชิ้นหนึ่งแล้ว เขาก็จะสามารถฟื้นคืนพลังของเขามาได้อีกบางส่วนแน่นอน” ชารีนกล่าวพลางมองไปยังซือเฟิง “ตอนนี้นายมีสมบัติชั้นยอดอยู่สี่ชิ้น ดังนั้นแน่นอนว่านายคือเป้าหมายต่อไปของเขาแน่นอน และหากเขาได้รับสมบัติชั้นยอดไปครบเจ็ดชิ้นเมื่อไหร่ เขาก็จะสามารถฟื้นคืนพลังทั้งหมดของเขาได้อย่างเต็มที่ และสามารถกลับมาควบคุม God domain ได้ทั้งหมด โดยในเวลานั้นมันก็จะไม่มีผู้ที่ได้รับพรจากสวรรค์คนใดที่จะรอดพ้นจากความโกรธเกรี้ยวไปได้ รวมถึงตัวนายเองที่น่าจะถูกเนรเทศออกไปจาก God domain แบบถาวรเลย ….”
“กลับมาควบคุม God domain ได้ทั้งหมด ?” ซือเฟิงรู้สึกสับสน เมื่อได้ยินคำพูดของชารีน
“เทพโบราณนั้นเคยปกครอง God domain อยู่ในช่วงเวลาหนึ่ง อย่างไรก็ตามหลังมหาสงครามครั้งสุดท้าย พวกเขาก็ได้สูญเสียการควบคุม God domain ทั้งหมดไป โดยนักวิชาการนั่นก็เป็นหนึ่งในเทพโบราณเหล่านั้น ….” ชารีนกล่าวพลางพยักหน้า “ปัจจุบันพลังส่วนใหญ่ของเขาถูกผนึกไว้ในสมบัติชั้นยอดทั้งเจ็ดชิ้น หรือจะพูดให้ถูกก็คือสมบัติชั้นยอดทั้งเจ็ดชิ้นนั้นถูกสร้างขึ้นโดยพลังของเขา … ในตอนนี้มีเพียงแต่ผู้ที่ได้รับพรจากสวรรค์ขั้นหกเท่านั้นที่จะสามารถป้องกันไม่ให้เขาฟื้นคืนพลังได้ และในขณะนี้นายก็อยู่ห่างจากขั้นหกเพียงก้าวเดียว ดังนั้นฉันจึงหวังว่านายจะจัดการเรื่องนี้ได้ ….”
เมื่อชารีนพูดจบ เสียงแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้นมาที่หูของซือเฟิง
ระบบ : ยินดีด้วย !! คุณได้เปิดใช้งานเควสระดับเทพนิยาย “การตื่นขึ้นของเทพโบราณ” เนื้อหาเควส : ป้องกันการตื่นขึ้นของเทพโบราณ รางวัล : Unknown และจะไม่มีการลงโทษใดๆสำหรับความล้มเหลว คุณต้องการจะรับเควสหรือไม่ ?
ซือเฟิงรู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่เมื่อเขาได้อ่านเนื้อหาของเควส ….
นี่เขามีทางเลือกด้วยงั้นหรอ ?
ชารีนนั้นได้บอกไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าหากทำเควสนี้ไม่สำเร็จมันจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องธรรมชาติที่ไม่จำเป็นต้องกำหนดบทลงโทษใดๆ
“ฉันรับเควสนี้ …” ซือเฟิงกล่าวขณะที่เขามองไปยังชารีน ก่อนที่เขาจะกล่าวเสริมว่า “อย่างไรก็ตามในตอนนี้ค่าความแข็งแกร่งทางจิตของฉันติดอยู่ที่ขั้นสูงสุดของขั้นห้า และหากฉันไม่สามารถทะลวงค่าความแข็งแกร่งทางจิตของฉันให้เข้าสู่ขั้นหกได้ ฉันก็จะไม่สามารถเข้าสู่ขั้นหกได้เลย ไม่ต้องพูดถึงการหยุดยั้งเทพโบราณ”
ชารีนยิ้ม เมื่อเห็นว่าซือเฟิงนั้นพยายามจะต่อรองกับเธอ จากนั้นเธอก็พูดว่า “พูดมาเถอะน่า ถ้านายต้องการผลประโยชน์บางอย่างน่ะ …. ฉันเองก็ไม่ใช่คนขี้เหนียวอะไร และเนื่องจากนายตกลงจะทำเควสนี้แล้ว ดังนั้นมันก็เป็นเรื่องปกติที่ฉันจะต้องให้การสนับสนุนนายในระดับหนึ่ง โดยในขณะนี้นั้นค่าความแข็งแกร่งทางจิตของนายจะไม่สามารถเข้าถึงขั้นหกได้แน่นอน และเหตุผลนั้นมันก็ง่ายมากคือนายยังขาดการสะสม ช่องว่างระหว่างขั้นห้า กับขั้นหกนั้นมันมากกว่าที่นายคิด ซึ่งด้วยความเร็วในการพัฒนาตัวเองของนายในปัจจุบัน นายน่าจะต้องใช้เวลาอีกราวปีครึ่งในการทะลวงค่าความแข็งแกร่งทางจิตให้เข้าสู่ขั้นหก”
“ปีครึ่ง ? ฉันมีเวลามากขนาดนั้นเลยรึไง ?” ซือเฟิงถามพลางขมวดคิ้ว ในตอนนี้ถ้าเขาอยู่รอดต่อไปได้อีกสองถึงสามเดือน มันก็นับเป็นเรื่องมหัศจรรย์แล้ว เพราะท้ายที่สุดผู้ที่เล็งเป้าหมายมาที่เขา คือ เทพโบราณ
“ก็ไม่แหละ …. อย่างไรก็ตามนักวิชาการนั่นพึ่งจะได้รับสมบัติชั้นยอดไปแค่สามชิ้น ดังนั้นเขาจึงยังคงกลัวนายอยู่บ้าง และจนกว่าเขาจะสามารถฟื้นคืนพลังมาได้อีกระดับหนึ่ง เขาก็จะไม่โจมตีนายแน่นอน หากนายเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย นายก็สามารถที่จะพำนักอยู่ในเมืองแบล๊ควิงก่อนได้ เพราะด้วยสถานะปัจจุบันของเขานั้น เขาจะไม่กล้าเข้ามาที่นี่แน่นอน อย่างไรก็ตามเรื่องของจักรวรรดิมังกรไฟนั้นมันก็ค่อนข้างซับซ้อนเช่นกัน มันมีคนๆหนึ่งถูกผนึกไว้ที่จักรวรรดิมังกรไฟ และหากคนๆนี้ถูกปลดปล่อยออกมา พวกนายก็จะจบสิ้นเช่นกัน …” ชารีนกล่าวพลางหัวเราะ “แล้วก็เข้าเรื่องตรงๆกันดีกว่า นายมีโซลออบซึ่งเป็นหนึ่งในสมบัติชั้นยอดทั้งเจ็ดอยู่นี่นา นายสามารถจะใช้มันช่วยพัฒนา และเพิ่มค่าความแข็งแกร่งทางจิตได้อย่างรวดเร็วนะ”
หลังจากพูดแบบนี้ชารีนก็ได้หยิบคริสตัลที่ดรอปจากการูด้าออกมา ….
“นี่คือวิญญาณของเทพีตกสวรรค์ขั้นสูง นายน่าจะสามารถใช้เจ้านี่สร้างคริสตัลแห่งวิญญาณที่มีความบริสุทธิ์อย่างมากขึ้นมาได้ และด้วยคริสตัลวิญญาณนี้มันก็น่าจะช่วยให้นายทะลวงค่าความแข็งแกร่งทางจิตเข้าสู่ขั้นหกได้” ชารีนกล่าวขณะที่เธอโยนคริสตัลให้ซือเฟิง
“แล้วก็เริ่มฝึกเลย ตอนนี้นายเหลือเวลาไม่มากแล้ว …”
เมื่อซือเฟิงรับคริสตัลมานั้น เขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณที่น่าทึ่งที่อัดแน่นอยู่ภายใน เพียงแต่ว่าพลังวิญญาณนี้มันค่อนข้างจะดูโกลาหล และวุ่นวายมากเกินไป ซึ่งหากดูดซับไปทั้งๆอย่างนี้ แม้แต่ผู้เล่นขั้นห้าก็อาจจะเสียสติได้เลย
หลังจากนั้นชารีนก็ได้หายตัวไป และทิ้งซือเฟิงไว้ที่ห้องโถงคนเดียว
ในตอนนี้เองซือเฟิงก็ไม่ได้ลังเลใดๆเลย เขาหยิบโซลออบออกมา และให้มันทำการปรับแต่งวิญญาณของเทพีตกสวรรค์ขั้นสูง การูด้าทันที
ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ออกมานั้นมันก็เป็นไปตามที่ชารีนกล่าว เพราะโซลออบนั้นได้สร้างคริสตัลเจ็ดสีที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณที่บริสุทธิ์อย่างมากออกมาจากพลังวิญญาณของการูด้า
“ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับแกแล้ว” ซือเฟิงพึมพำ ก่อนที่เขาจะกลืนคริสตัลเจ็ดสีนี้ลงไปอย่างไม่ลังเล และทันใดนั้นความสบายที่ไม่อาจจะพรรณนาได้ก็ได้เข้าห่อหุ้มร่างกายของซือเฟิงไว้ พร้อมกันนั้นพลังงานที่ดูจะไร้ที่สิ้นสุดก็ได้เข้าท่วมท้นทะเลจิตวิญญาณของซือเฟิง และขยายขอบเขตของมันออกไปอย่างต่อเนื่อง
หนึ่งชั่วโมง … สามชั่วโมง … หนึ่งวัน …
หลังจากผ่านไปสองวันซือเฟิงก็ลืมตาตื่นขึ้น และพบว่าโลกรอบตัวของเขานั้นได้เปลี่ยนไป
เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้นั้น ในตอนนี้เขามองเห็นองค์ประกอบธาตุมานาในแบบที่แตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง โดยพวกมันนั้นดูเรียบร้อย และสามารถค้นหาได้ง่ายมากๆสำหรับเขา ซึ่งตรงกันข้ามกับก่อนหน้านี้ที่ดูวุ่นวาย และเมื่อเป็นแบบนี้นั้น หากเขาต้องการจะใช้มันธาตุมานาแบบใด เขาก็สามารถจะค้นหาและนำมันมาใช้ได้อย่างง่ายดายเลย
สุดยอด ! นี่มันน่าทึ่งมากๆ !! เพียงแค่คริสตัลเจ็ดสีแบบนี้ชิ้นเดียวมันก็ช่วยเพิ่มค่าความแข็งแกร่งทางจิตของฉันให้ขึ้นไปอยู่ที่ขั้นกลาง ของขั้นหกแล้ว !!! ซือเฟิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด ในตอนแรกเขาคิดว่าเขาจะโชคดีมากแล้วหากคริสตัลเจ็ดสีนี้ช่วยให้ค่าความแข็งแกร่งทางจิตของเขาสามารถทะลวงขึ้นไปอยู่ที่ขั้นพื้นฐานของขั้นหกได้ เพราะแค่นี้มันก็จะทำให้เขามีคุณสมบัติในการจะท้าทาย และเลื่อนขั้นเป็นขั้นหกแล้ว และแม้ว่าโอกาสในการสร้างร่างเทพขั้นสูงของเขาที่ค่าความแข็งแกร่งทางจิตขั้นพื้นฐานของขั้นหกนั้นจะมีน้อยกว่ายี่สิบเปอเซ็นต์ แต่มันก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย
อย่างไรก็ตามตอนนี้เมื่อค่าความแข็งแกร่งทางจิตของเขาอยู่ที่ขั้นกลางของขั้นหกนั้น โอกาสในการสร้างร่างเทพขั้นสูงก็เขาก็น่าจะอยู่ที่ประมาณสามสิบเปอเซ็นต์แล้ว
หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้ออกคำสั่งให้สภาสิบแปดปีกทำการรวบรวมคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่อย่างบ้าคลั่งตลอดเดือน แถมเขายังเลือกจะขายหุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟด้วย โดยราคาของมันต่อหนึ่งตัวนั้นคิดเป็นคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่สี่พันชิ้น และหินเวทย์เอลฟ์สองร้อยก้อน รวมไปถึงซือเฟิงก็ยังเปิดขายโดยการให้นำวัสดุที่จำเป็นในการสร้างเรือเหาะชางเล่ย และหุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟมาแลกไปได้ด้วย ….
ในตอนแรกซือเฟิงนั้นไม่ได้คิดจะขายหุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟเลย เพราะท้ายที่สุดตอนนี้ไฟเออร์แดนซ์ กับคนอื่นๆนั้นมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะเข้าไปสำรวจได้แทบทุกที่ในทวีปหลักของ God domain แล้ว ดังนั้นการเก็บรวบรวมคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่มันจึงจะไม่ใช่เรื่องยากนักเลยสำหรับพวกเขา
อย่างไรก็ตามเพื่อเสริมสร้างกองกำลังของผู้เล่นในทวีปหลักของ God domain ให้มีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะต้านทานกองทัพ NPC จากโลกอื่นนั้น การขายหุ่นกลพวกนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็น
นอกเหนือจากนี้หุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟที่อยู่ในระดับลึกลับขั้นเงินนี้ก็ยังต้องการผู้ควบคุมที่มีทักษะสูงเพื่อที่มันจะได้แสดงความแข็งแกร่งออกมาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเท่าที่ซือเฟิงคำณวนมันก็จะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์เป็นอย่างน้อยในการควบคุมมันให้แสดงพลังได้เต็มที่ แต่กระนั้นจำนวนผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์ที่สภาสิบแปดปีกมีนั้น แม้ว่ามันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่มันก็ยังไม่เพียงพอต่ออัตราการสร้างหุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟอยู่ดี
แถมการขายหุ่นกลพวกนี้ไปมันก็ยังจะช่วยเพิ่มพลังการต่อสู้โดยรวมของกองกำลังผู้เล่นอื่นๆให้ช่วยหยุดขัดขวางการรุกคืบของกองทัพ NPC จากโลกอื่นได้ทันทีด้วย อีกทั้งมันก็ยังทำให้สภาสิบแปดปีกได้รับคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่มาอีกกว่าสองแสนชิ้นจากการทำธุรกรรมเหล่านี้ ซึ่งนี่มันก็ได้ทำให้ซือเฟิงตอนนี้นั้นมีคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่สะสมอยู่กับตัวมากกว่าสี่แสนชิ้นแล้ว
ขณะเดียวกันนอกเหนือจากพวกผู้เล่นจากโลกอื่นแล้ว พวก NPC จากโลกอื่นนั้นก็เริ่มมารวมตัวกันมากขึ้นที่พรหมแดนของจักรวรรดิมังกรไฟในช่วงเดือนที่ผ่าน โดยในฝั่งของ NPC จากโลกอื่นนั้น กองทัพเกือบครึ่งหนึ่งของพวกเขาได้มากันพร้อมแล้ว และตอนนี้พวกเขาก็กำลังเตรียมที่จะเริ่มการโจมตีจักรวรรดิทั้งหมด
เมืองแบล๊ควิง หอคอยสตาร์เกซซิ่ง :
เมื่อมองไปที่กองคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ตรงหน้าเขานั้น ซือเฟิงก็สูดหายใจเข้าลึกๆ และเตรียมพร้อมที่จะเริ่มแล้ว ในช่วงเดือนที่ผ่านมานี้เขาได้เข้าใจกฎแห่งการทำลายล้างอย่างถ่องแท้แล้ว และเขาก็ยังได้จำลองการสร้างร่างเทพขั้นสูงของเขามาหลายร้อยครั้งแล้วเพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จ ….
“ฉันมีโอกาสสี่ครั้ง !! ซึ่งนี่มันน่าจะเพียงพอสำหรับอัตราความสำเร็จสามสิบเปอเซ็นต์ หรือมากกว่าเล็กน้อย !!!”
หลังจากพูดจบซือเฟิงก็ได้เริ่มทำตามมรดกของเทพโบราณ และเริ่มสร้างร่างเทพขั้นสูงของเขาโดยอาศัยกฎแห่งการทำลายล้างทันที ซึ่งการสร้างร่างเทพนั้นมันก็ซับซ้อนกว่าการสร้างร่างมานามาก เพราะร่างเทพนั้นมันคล้ายกับโลกขนาดเล็ก มันจึงไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถสร้างได้ด้วยวงเวทย์แค่ไม่กี่วง โดยจะพูดแบบแม่นยำก็ คือ มันต้องการวงเวทย์วงเวทย์ระดับสุดยอดปรมาจารย์มากกว่าสามร้อยวงเป็นแกนหลัก ซึ่งวงเวทย์ระดับสุดยอดปรมาจารย์เหล่านี้ก็จะทำหน้าที่ดูดซับพลังภายในคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่เพื่อมาสร้างโลกขนาดเล็ก และกฎของโลกขนาดเล็กให้สมบูรณ์
และการจะจัดการวงเวทย์ระดับสุดยอดปรมาจารย์จำนวนมากแบบนี้ให้ได้นั้นมันเป็นไปไม่ได้เลย หากค่าความแข็งแกร่งทางจิตยังไม่เข้าสู่ขั้นหก
ในขณะเดียวกันกระบวนการสร้างร่างเทพขั้นสูงนั้นมันก็ยากกว่าร่างเทพทั่วไปมาก เพราะมันจะต้องมีวงเวทย์ระดับสุดยอดปรมาจารย์มากกว่าหนึ่งพันวงทำหน้าที่เป็นแกนหลัก ซึ่งหากผู้ที่ต้องการสร้างร่างเทพขั้นสูงไม่ได้มีความสามารถในการควบคุมมานามากนัก การจะสร้างมันขึ้นมาให้ได้ก็จะเป็นไปไม่ได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้นมานาภายในคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่มันก็ยังมีความบริสุทธิ์อย่างมาก โดยมันมีความบริสุทธิ์กว่ามานาที่เป็นของแข็งนับสิบเท่า มันจึงจัดการได้ยากมากๆด้วย ….
ในช่วงเวลาต่อมา ซือเฟิงก็ได้กระตุ้นคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่หนึ่งแสนชิ้นด้วยมานาของเขา และควบคุมให้มานาของคริสตัลนั้นพุ่งเข้าสู่วงเวทย์ระดับสุดยอดปรมาจารย์มากกว่าพันวงที่เขาสร้างไว้ล่วงหน้า
ตู้ม !!
อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดแล้ว ผลของการพยายามในครั้งนี้มันก็คือล้มเหลว เพราะวงเวทย์ระดับสุดยอดปรมาจารย์กว่าครึ่งนั้นหยุดทำงานลงไปอย่างกระทันหันในระหว่างการดูดซับ
“แน่นอนเลยว่าการจัดการมานาภายในคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”
ซือเฟิงพึมพำอย่างไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไรมากมายนัก เพราะท้ายที่สุดนี่มันเป็นครั้งแรกจริงๆที่เขาได้ลองจัดการกับมานาในคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ … และหลังจากนั้นเขาก็ได้พักผ่อนเป็นเวลาสามชั่วโมง จนสภาพจิตใจของเขาฟื้นฟูกลับเต็มที่ และเขาก็ได้เริ่มความพยายามครั้งที่สองทันที
ตู้ม !!
มันเป็นความล้มเหลวอีกหนึ่งครั้ง ….
ความพยายามครั้งที่สาม !!!
คราวนี้ซือเฟิงมีความคิดที่บ้าคลั่ง ซึ่งก็คือการเปิดใช้งานสกิลวิญญาณทองของแสงแห่งสองโลกเพื่อที่จะให้มันช่วยยกระดับค่าความแข็งแกร่งทางจิตของเขา และแม้ว่าวิญญาณทองจะมีระยะเวลาเพียงแค่ช่วงสั้นๆ แต่เขาก็น่าจะสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามมันก็มีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง คือ ค่าความแข็งแกร่งทางจิตของเขานั้นจะลดลงไประดับหนึ่งเป็นระยะเวลาหนึ่งเลยทีเดียว เมื่อผลของสกิลวิญญาณทองหมดลง ซึ่งนี่มันก็จะทำให้เขาจัดการวงเวทย์ต่างๆได้ยากลำบากขึ้นมากในภายหลัง
วิญญาณทอง เปิดใช้งาน !! ซือเฟิงกำดาบแสงแห่งสองโลกในมือของเขาไว้แน่น ในขณะที่เขาตัดสินใจจะเสี่ยง และทุกอย่างมันก็เป็นไปตามที่เขาคาดการณ์ไว้ เพราะเขาสามารถจะจัดการกระบวนการหลายอย่างที่เคยผิดพลาดได้อย่างง่ายดายมากๆ
อย่างไรก็ตามเมื่อกระบวนการทั้งหมดดำเนินมาถึงครึ่งทาง ผลของสกิลวิญญาณทองของซือเฟิงก็หมดลง ซึ่งผลของเรื่องนี้มันก็เกือบจะทำให้เขาสูญเสียการควบคุมมานาไป
ห้านาที !! ตราบใดที่ฉันยังสามารถควบคุมได้อีกห้านาที !!! ฉันก็จะสามารถถ่ายโอนมานาของคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ทั้งหมดได้จนเสร็จสิ้น !!! ซือเฟิงกัดฟันของเขา และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะให้วงเวทย์ระดับสุดยอดปรมาจารย์ทั้งหมดเปิดใช้งานได้ …..
หนึ่งวินาที … สิบวินาที … สามสิบวินาที …
หน้าของซือเฟิงนั้นเริ่มซีดลงเรื่อยๆเมื่อเวลาแต่ละวินาทีผ่านไป และเมื่อผ่านมาถึงนาทีที่สี่นั้นซือเฟิงก็รู้สึกว่าตาของเขาเริ่มลาย และจิตใจของเขาก็ขุ่นมัว พร้อมกันนั้นร่างกายของเขาก็สั่นเล็กน้อย ….
หนึ่งนาทีสุดท้าย !!! สุดท้ายแล้ว !!! ฉันจะต้องทนให้ได้ !!!
ซือเฟิงนั้นเริ่มรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะหมดสติเต็มทนแล้ว และแม้แต่ระบบก็เตือนให้เขาล๊อคเอ้าท์ออกจากเกมไปเพื่อพักผ่อน อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็พยายามฝืน และทำให้ตัวเองยังมีสติอยู่โดยการกัดลิ้นตัวเอง ….
สิบวินาที … ยี่สิบวินาที … สามสิบวินาที …
ณ จุดนี้โลกรอบๆซือเฟิงนั้นกลายเป็นภาพเบลอขนาดใหญ่ และจิตใจของเขาก็ปิดตัวลงไปแล้ว อย่างไรก็ตามด้วยสัญชาตญาณ และความคุ้นเคยของเขาในการจัดการกับวงเวทย์ มันจึงยังทำให้เขาสามารถถ่ายโอนมานาจากคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ไปยังวงเวทย์ระดับสุดยอดปรมาจารย์ได้อยู่ ก่อนที่หลังจากนั้นไม่นานซือเฟิงจะหมดสติไป และสูญเสียการควบคุมทั้งหมดไป
ฉันล้มเหลวอีกแล้วงั้นหรอ ?
หลังจากซือเฟิงฟื้นคืนสติกลับมาได้ เขาก็รู้สึกเริ่มหมดหวัง ….
อย่างไรก็ตามในช่วงเวลานี้เองเสียงแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้นมาที่หูของซือเฟิง
ระบบ : ยินดีด้วย !!! คุณสามารถสร้างร่างเทพขั้นสูงได้สำเร็จแล้ว !!! โดยอัตราความสำเร็จของร่างเทพขั้นสูงของคุณนั้นอยู่ที่เก้าสิบสองเปอเซ็นต์ และมันมาถึงมาตราฐานของขั้นหกแล้ว ซึ่งร่างเทพขั้นสูงร่างนี้ได้รับการประเมินให้อยู่ในระดับอีปิค คุณต้องการจะแทนที่มันกับร่างมานาขั้นห้าเพื่อเลื่อนขั้นเป็นขั้นหกหรือไม่ ?
ตอนที่ 2918 โลกใหม่
จักรวรรดิมังกรไฟ เมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์ :
ปัจจุบันมีผู้เชี่ยวชาญมากกว่าห้าสิบล้านคนมารวมตัวกันที่เมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์ เมืองที่ใหญ่ที่สุดทางตอนใต้ของจักรวรรดิมังกรไฟ และแม้แต่ผู้เล่นที่อ่อนแอที่สุดในหมู่ผู้เล่นเหล่านี้ก็ยังอยู่ในขั้นสาม และมีเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย ขณะที่จำนวนผู้เล่นขั้นสี่ที่มารวมตัวกันที่นี่มันก็มีเกินหนึ่งหมื่นคน อย่างไรก็ตามมันก็ยังคงมีบรรยากาศที่จริงจัง และเคร่งขรึมในแบบที่ไม่อาจอธิบายได้ปกคลุมไปทั่วเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์ และทุกคนก็ดูตึงเครียดมากๆ ซึ่งนี่ก็เป็นเพราะเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์นั้นนับเป็นกำแพง และปราการที่ใหญ่ที่สุดทางตอนใต้ของจักรวรรดิมังกรไฟ
หากกองทัพ NPC จากโลกอื่นสามารถผ่านแนวป้องกันที่นี่ไปได้ ทั้งกองทัพก็จะสามารถเดินทางเข้าสู่บริเวณเมืองมังกรไฟได้โดยตรง ขณะเดียวกันตอนนี้ที่บริเวณด้านบนของกำแพงเมืองบริเวณประตูหลักของเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์นั้นพวกผู้บริหารระดับสูงของกิลต่างๆก็ได้มารวมตัวกันอยู่ก่อนแล้ว โดยในตอนนี้นั้นใบหน้าของพวกเขาทั้งหมดมันก็เต็มไปด้วยความซีดเซียวมากๆ เมื่อพวกเขาสังเกตเห็นกองทัพ NPC จากโลกอื่นที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าที่อยู่ห่างไกลออกไป
“NPC จากโลกอื่นพวกนี้ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ !! พวกเขารวบรวมกองกำลังทั้งหมดของตัวเองมาถึงหนึ่งในสามเพื่อเข้าโจมตีเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์ นี่พวกเขาวางแผนที่จะต่อสู้จนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่งเลยงั้นหรอ ?” ซิคทีนคลาวด์ซึ่งตอนนี้มาถึงขั้นห้าแล้ว และเป็นรองหัวหน้ากิลลำดับที่สองของไชนิ่งไทเกอร์กล่าวพลางขมวดคิ้ว ในขณะที่เธอมองไปยังกองทัพ NPC จากโลกอื่นผ่านกระจกเวทย์มนต์
NPC และผู้เล่นจากโลกอื่นนั้นมีข้อได้เปรียบในด้านจำนวนเหนือ NPC และผู้เล่นในทวีปหลักของ God domain อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ ซึ่งว่ากันตามหลักเหตุผลแล้ว พวกเขาควรจะกระจายตัวกัน และโจมตีสถานที่หลายแห่งพร้อมกันเพื่อที่จะทำให้ข้อได้เปรียบนี้เกิดประโยชน์ขึ้นมาสูงสุด
ส่วนข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผู้เล่นในทวีปหลักของ God domain ก็คือความสามารถในการฟื้นคืนชีพ และเข้าร่วมการต่อสู้ได้อย่างรวดเร็ว หากกองกำลังจากโลกอื่นกระจายตัวกันออกไป และโจมตีสถานที่หลายแห่งพร้อมกัน ผู้เล่นในทวีปหลักของ God domain ก็จะต้องกระจายตัวกันออกไปเพื่อปกป้องสถานที่หลายแห่งเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นผู้เล่นในทวีปหลักของ God domain ก็ยังจะต้องปกป้องสถานที่หลายแห่งที่มันมากกว่าความจำเป็นเพื่อป้องกันการถูกซุ่มโจมตี ซึ่งจะส่งผลให้พวกเขาสูญเสียกำลังรบไปอย่างมาก
ดังนั้นหากผู้เล่นในทวีปหลักของ God domain สามารถรวมกำลังพลทั้งหมดของตัวเองมาไว้ในที่เดียวได้ พวกเขาจึงจะได้เปรียบมากแน่นอนในข้อนี้ หากเป็นการต่อสู้แบบตายกันไปข้างหนึ่ง
“บางทีพวกเขาอาจจะคิดว่าโอกาสที่จะได้รับชัยชนะนั้นมีน้อย ดังนั้นพวกเขาจึงได้วางแผนที่จะรวมกองกำลังหนึ่งในสามของตัวเองมาที่นี่เพื่อที่จะการันตีชัยชนะให้เด็ดขาดที่สุด เพราะท้ายที่สุดประเทศต่างๆในทวีปหลักของ God domain ต่างก็ส่งกำลังเข้ามาเสริมในจักรวรรดิมังกรไฟอย่างต่อเนื่อง …. เนื่องจากยิ่งสงครามดำเนินไปนานเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งดีสำหรับผู้เล่น และ NPC ในทวีปหลักมากเท่านั้น ซึ่งพวกเขาก็คงไม่ต้องการจะให้เป็นแบบนั้น” อันยีลดิ้งฮาร์ท รองหัวหน้ากิลลำดับที่หนึ่งของอันยีลดิ้งโซลกล่าวด้วยรอยยิ้ม ….
ในช่วงเดือนที่ผ่านมาของการต่อสู้บริเวณชายแดนจักรวรรดิมังกรไฟ แนวรับของจักรวรรดินั้นตกอยู่ในสถานะเสียเปรียบอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปกองทัพของประเทศต่างๆในทวีปหลักของ God domain ก็เริ่มเข้ามาเสริมกำลังที่จักรวรรดิมังกรไฟมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมันก็ส่งผลให้ตาชั่งเริ่มเอนเอียงเปลี่ยนฝั่ง
ยิ่งไปกว่านั้นในเดือนที่ผ่านมานี้มันก็ยังมีผู้เล่นมากกว่าหนึ่งร้อยคนในทวีปหลักที่ไปถึงขั้นห้าแล้ว !!! อันยีลดิ้งฮาร์ทต้องยอมรับเลยว่าสงครามโลกนั้นมีประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาของผู้เล่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการป้องกันจักรวรรดิมังกรไฟ และแม้ว่า NPC จากโลกอื่นที่กระจายตัวกันอยู่ทั่วทวีปด้านตะวันออกจะยังมารวมตัวกันไม่ครบ แต่การต่อสู้ที่บริเวณชายแดนของจักรวรรดิมังกรไฟนั้นมันก็เกิดขึ้นเรื่อยๆโดยไม่เคยหยุดพักเลยสักครั้ง
ในขณะเดียวกันจากการต่อสู้อย่างต่อเนื่องกับ NPC ขั้นสี่ และผู้เล่นขั้นสี่จากโลกอื่นนั้นมันก็ทำให้ผู้เล่นขั้นสี่ในทวีปหลักของ God domain สามารถปรับปรุงการควบคุม และความเข้าใจเกี่ยวกับมานาได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โดยในการเปรียบเทียบนั้นก่อนที่สงคครามโลกจะเกิดขึ้น ผู้เล่นขั้นสี่จะหาผู้เล่นขั้นสี่คนอื่นที่จะประมือ และฝึกฝนด้วยได้ยากมากๆ นี่ไม่ต้องพูดถึงผู้เล่นขั้นสี่ที่อยู่ในขอบเขตอนันต์หรือสูงกว่าขึ้นไปเลย
เมื่อถึงจุดหนึ่งอันยีลดิ้งฮาร์ทก็เริ่มรู้สึกว่าอยากจะให้สงครามโลกแบบนี้มันยาวนานขึ้นอีกสักหน่อย ….
“หวังว่าฉันจะคิดมากไปแล้วกัน ….” ซิคทีนคลาวด์กล่าวพลางพยักหน้า ทั้งนี้ทั้งนั้นในใจลึกๆของเธอเองก็อยากจะต่อสู้ในแบบที่จนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่งเช่นกัน ซึ่งนี่มันก็เป็นเพราะในปัจจุบันนั้นมีผู้เล่นขั้นห้ามากกว่าแปดสิบคนมารวมตัวกันที่เมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงหุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟมากกว่าหนึ่งร้อยตัว และเรือเหาะชางเล่ยอีกแปดลำ โดยอาวุธสงครามที่ถูกสร้างขึ้นโดยสภาสิบแปดปีกพวกนี้นั้นล้วนมีพลังการต่อสู้อยู่ในมาตราฐานของขั้นห้าทั้งหมด
และนี่ก็ยังไม่นับรวม NPC ขั้นห้าอีกมากกว่าสามร้อยคนที่ประจำการอยู่ในจักรวรรดิมังกรไฟด้วย
ในขณะเดียวกันจากการสืบสวนของพวกเขากองทัพจากโลกอื่นที่ล้อมเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์อยู่นั้นมีอาชีพขั้นห้าประมาณสี่ร้อยคนเท่านั้น ซึ่งมันนับเป็นความแตกต่างที่ไม่มากนักเลย แม้ว่าพวกเขาอาจจะได้รับความสูญเสียมากกว่ากองทัพจากโลกอื่น แต่ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็มั่นใจว่าพวกเขาจะชนะสงครามได้อยู่ดี เพราะหากพวกเขาตายนั้น พวกเขาก็ยังจะสามารถฟื้นคืนชีพและกลับมาเข้าร่วมการต่อสู้ได้เกือบจะทันที
ในความเป็นจริงซิคทีนคลาวด์ และอันยีลดิ้งฮาร์ทนั้นไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าเพียงแค่กลุ่มเดียวที่มีความคิดแบบนี้ ผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าของกองกำลังอื่นๆนั้นก็ล้วนมีความคิดแบบเดียวกัน โดยในปัจจุบันนั้นพวกเขาล้วนมั่นใจในชัยชนะของการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึงมากๆ และตราบใดที่พวกเขาเอาชนะการต่อสู้ในครั้งนี้ได้ กองทัพ NPC จากโลกอื่นก็จะประสบปัญหาอย่างมากแน่นอนในอนาคต ….
หลังจากนั้นไม่นานเมื่อจำนวนผู้เล่นที่มารวมตัวกันที่เมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์แตะเจ็ดสิบล้านคน มันก็ได้มีเกาะขนาดมหึมาปรากฎขึ้นเหนือเมือง ซึ่งมันก็ทำให้เกิดความโกลาหลในหมู่ผู้เล่น และ NPC ของเมืองทันที
“อึก ! สภาสิบแปดปีก !! นั่นมันคือป้อมปราการเคลื่อนที่ของสภาสิบแปดปีก !!!”
“ไม่ใช่ว่าป้อมปราการเคลื่อนที่ของสภาสิบแปดปีกประจำการอยู่ข้างหอคอยแห่งพันธสัญญาลับหรอ ?”
“ช้าก่อน !!! นี่มันไม่ใช่ป้อมเดียวกัน !!! ฉันเคยเห็นป้อมที่ประจำการอยู่ข้างหอคอยแห่งพันธสัญญาลับมาก่อน ซึ่งมันมีบาเรียเพียงแค่สองชั้นเท่านั้นที่ทำหน้าที่ปกป้องมัน ขณะที่ป้อมนี้มีถึงสาม !!! ดังนั้นนี่มันจึงจะต้องเป็นป้อมปราการเคลื่อนที่ที่สภาสิบแปดปีกสร้างขึ้นมาใหม่แน่นอน !!!”
“สุดยอดมาก ! สภาสิบแปดปีกคือกิลอันดับหนึ่งแห่ง God domain อย่างแท้จริง !! ด้วยสิ่งนี้ NPC และผู้เล่นจากโลกอื่นก็จบสิ้นแล้วแน่นอน !!!”
ป้อมปราการเคลื่อนที่ที่พึ่งปรากฎเหนือเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์นั้นทุกคนรู้จักมันดี และมันก็เป็นเพราะป้อมปราการเคลื่อนที่แบบนี้แหละที่ทำให้ตำแหน่งของสภาสิบแปดปีกใน God domain มั่นคง
และในตอนนี้เมื่อป้อมปราการเคลื่อนที่ได้ถูกนำมาเข้าร่วมสงครามกับพวกเขาด้วย จะไม่ให้พวกเขาตื่นเต้นได้ยังไงกัน ?
ท่ามกลางเสียงเชียร์อย่างตื่นเต้นของเหล่าผู้เล่นในเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์ ผู้เล่นสิบหกคนก็ได้บินออกมาจากป้อมปราการเคลื่อนที่ และเมื่อได้เห็นผู้เล่นทั้งสิบหกคนนี้ ผู้เล่นในเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์นั้นก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นมากขึ้น ขณะเดียวกันแม้แต่ผู้บัญชาการขั้นห้าของเมือง และ NPC ขั้นห้าก็ยังริเริ่มที่จะออกไปต้อนรับผู้เล่นเหล่านี้ โดยผู้เล่นทั้งสิบหกคนนี้นั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก เสวี่ยเหวินโหรว อควาโรส ไฟ
เออร์แดนซ์ ไวโอเล็ตคลาวด์ หยานเทียนซิง อี้ลั่วเฟย ไซเร้นเบลด Alluring Summer โคลท์ชาโด้ว จี้ลั่วหรง ไลฟ์เลสธอร์น บลูฟอร์ส จ้าวเย่วรู่ ไวท์เฟเธอร์ และ Invincible Swallow (ชื่อในโลกจริง หยานหวู่หมิง)
“อึก !! ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของสภาสิบแปดปีกทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้ว !!!”
“แม้แต่ NPC ระดับครึ่งเทพก็ยังออกไปต้อนรับพวกเขา !! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?!”
“ฉันได้ยินมาว่าวิหารเทพสงครามเพิ่งจะเพิ่มรายชื่อรองหัวหน้ากิลสองคนของสภาสิบแปดปีกอย่างเสวี่ยเหวินโหรว และอควาโรสเข้าไปในรายชื่อของสิบนักบุญที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขา โดยพวกเธอสองคนนั้นแข็งแกร่งจนติดห้าอันดับแรกในรายชื่อของสิบนักบุญเลย ซึ่งตามที่ฉันได้ยินมานั้นผู้ที่แข็งแกร่งที่ห้าอันดับแรกของรายชื่อนี้นั้นถูกคาดหมายว่าจะมีพลังใกล้เคียงกับขั้นหกมากที่สุด ขณะเดียวกันก็ดูเหมือนว่าผู้ที่อยู่ในสามอันดับแรกนั้นจะเป็นเทพที่ปลอมตัวมา”
“สภาสิบแปดปีกนั้นเป็นแหล่งรวมสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง ฉันได้ยินมาว่าสัตว์ประหลาดเก่าแก่สามในห้าของซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดพึ่งจะได้มีรายชื่ออยู่ในสิบนักบุญที่แข็งแกร่งที่สุดของวิหารเทพสงครามเมื่อไม่นานมานี้เอง แต่สภาสิบแปดปีกกับมีมานานแล้ว แถมสองคนยังติดอยู่ในห้าอันดับแรกด้วย”
“ฉันอยากจะมีรายชื่อในที่แบบนี้บ้างจัง !!! หากฉันได้มีรายชื่อในที่แบบนี้ต่อให้ต้องตาย ฉันก็จะไม่เสียใจเลย !!!”
ในช่วงเวลาหนึ่งสมาชิกของสภาสิบแปดปีกได้กลายเป็นจุดโฟกัสของผู้คนทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เล่นที่พึ่งเริ่มเล่น God domain และกำลังรับชมการถ่ายทอดสถานการณ์ของเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์ เมื่อพวกเขามองไปที่เสวี่ยเหวินโหรว และอควาโรสนั้นดวงตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน พวกเขาทั้งหมดนั้นล้วนหวังว่าพวกเขาจะแข็งแกร่ง และมีชื่อเสียงแบบผู้หญิงสองคนนี้
ปัจจุบัน NPC ขั้นห้านั้นยังคงนับว่าน่าเกรงขามสำหรับกองกำลังผู้เล่นหลายกลุ่ม และแม้แต่กษัตริย์ของอาณาจักรก็ยังจะต้องปฎิบัติตัวอย่างระมัดระวัง เมื่อได้พบกับตัวตนระดับนี้ กระนั้น NPC ขั้นห้าที่ทรงพลังเหล่านี้กับแสดงความเคารพต่อเสวี่ยเหวินโหรว และอควาโรส ซึ่งมันนับเป็นสถานการณ์ที่ไม่น่าเชื่อเลย อย่างไรก็ตามในหมู่ผู้คนทั้งหมด มีเพียงแต่ผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนาจเท่านั้นที่เข้าใจความหมายของการมีรายชื่อเป็นสิบนักบุญที่แข็งแกร่งที่สุดของวิหารเทพสงคราม นักบุญทั้งสิบนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดในทวีปหลักของ God domain ตอนนี้อย่างแท้จริง
แม้ว่าเสวี่ยเหวินโหรว และอควาโรสจะเป็นผู้เล่นขั้นห้าเช่นเดียวกับผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าของมหาอำนาจ แต่ความแตกต่างระหว่างทั้งสองฝ่ายนั้นมันก็เหมือนกับสวรรค์ และโลก การฆ่าผู้เล่นขั้นห้าทั่วไปนั้นจะง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากเลยสำหรับผู้หญิงสองคนนี้
ในขณะเดียวกันเมื่อกาแล๊กซี่พาส และเพอเพิ้ลอายซึ่งยืนอยู่ท่ามกลางผู้เล่นจำนวนมากในเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์ได้เห็นเสวี่ยเหวินโหรว และอควาโรส อารมณ์ที่ซับซ้อนก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา ย้อนกลับไปในตอนที่สภาสิบแปดปีกยังคงปฎิบัติการได้แค่ในอาณาจักรสตาร์มูน พวกเขาทั้งสองได้มองเสวี่ยเหวินโหรว และอควาโรสเป็นคู่แข่งของพวกเขา แต่ตอนนี้แม้ว่ากาแล๊กซี่พาส กับเพอเพิ้ลอายจะเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่แล้ว และพวกเขาก็ยังนับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดในหมู่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ แต่พวกเขาก็เป็นได้เพียงส่วนหนึ่งของฝูงชนที่มารวมตัวกันในเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์เท่านั้น ในทางตรงกันข้ามเสวี่ยเหวินโหรว กับอควาโรสนั้นได้ยืนอยู่ในจุดสูงสุดของ God domain แล้ว
ตอนนี้ทั้งสองนั้นเป็นตัวตนที่ผู้เล่นนับไม่ถ้วนล้วนได้แต่แหงนมองขึ้นไป และแม้แต่ NPC ขั้นห้า กับห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังจะต้องปฎิบัติกับพวกเขาอย่างระมัดระวัง …
อย่างไรก็ตามกาแล๊กซี่พาส และเพอเพิ้ลอายนั้นไม่ใช่แค่สองคนที่มีความรู้สึกแบบนี้ แมตซ์ และ Prosciutto จากไมโทโลจี้นั้นก็รู้สึกแบบเดียวกัน ในตอนที่ฟางฉีหานได้ตัดสินใจจะทรยศไมโทโลจี้ และเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกนั้นฟางฉีหานก็ได้ส่งคำเชิญมาให้แมตซ์เข้าร่วมกับเธอเช่นกัน อย่างไรก็ตามแมตซ์ปฎิเสธข้อเสนอของเธอโดยเชื่อว่าตัวเขานั้นสามารถจะพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วมากกว่าในไมโทโลจี้ กระนั้นความเป็นจริงกลับกลายเป็นสิ่งที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง แมตซ์ยังคงติดอยู่ในขั้นสี่ ขณะที่ไวท์เฟเธอร์ที่เลือกจะตามฟางฉีหานไปนั้นได้ไปถึงขั้นห้าแล้ว และกลายเป็นตัวตนที่เขานั้นก็ทำได้แค่แหงนมองขึ้นไปเท่านั้น
สำหรับ Prosciutto เขารู้สึกสับสนมากๆกับการปรับปรุงอย่างรวดเร็วของฟางฉีหาน
ในตอนที่เขากับฟางฉีหานยังอยู่ในขั้นสี่นั้น เขาเหนือกว่าฟางฉีหานอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหลังจากที่ฟางฉีหานได้เข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีก และมาถึงขั้นห้า โดยตัวเขานั้นสามารถมาถึงขั้นห้าได้ตอนที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาเดิมในขั้นสี่ไปได้หนึ่งร้อยสิบแปดเปอเซ็นต์เท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันจากการตรวจสอบของไมโทโลจี้นั้น ฟางฉีหานได้มาถึงขั้นห้าในตอนที่เธอปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาเดิมของตัวเองในขั้นสี่ไปได้หนึ่งร้อยยี่สิบเปอเซ็นต์
ยิ่งไปกว่านั้นโอดินยังบอกเขามาด้วยว่า ฟางฉีหานนั้นอยู่ในระหว่างการพิจารณาให้ถูกบรรจุเป็นสมาชิกสำรองของสิบนักบุญที่แข็งแกร่งที่สุดของวิหารเทพสงคราม และมันคงไม่แปลกเลย หากเธอจะสามารถเอาชนะหนึ่งในสิบนักบุญได้ในอนาคตอันใกล้นี้ ความแข็งแกร่งของเธอนั้นมันอยู่ใกล้เคียงกับ NPC ครึ่งเทพแล้ว ในการเปรียบกันพลังในการต่อสู้ของ Prosciutto นั้นยังคงอยู่ในขั้นสูงสุดของขั้นห้าอยู่เลย มันยังไม่มีตรงไหนที่ใกล้เคียงกับระดับครึ่งเทพแม้แต่นิดเดียว …. และในขณะที่ Prosciutto กำลังรู้สึกสับสนกับเรื่องนี้นั้น สมาชิกของสภาสิบแปดปีกก็ได้มาถึงบริเวณกำแพงประตูหลักของเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์
“ในที่สุดพวกคุณก็มาถึง ….” อันยีลดิ้งฮาร์ทกล่าวพลางยิ้มให้กับสมาชิกสภาสิบแปดปีก “และเมื่อพวกคุณมาถึงแล้วแบบนี้นั้น โอกาสชนะของกองทัพจากโลกอื่นก็จะยิ่งต่ำลงไปอีกแน่นอน”
จากผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าทั้งสิบหกคนของสภาสิบแปดปีกนั้น แม้แต่ผู้ที่อ่อนแอที่สุดก็ยังมีมาตราฐานพลังอยู่ในขั้นสูงสุดของขั้นห้า ในขณะเดียวกันเสวี่นเหวินโหรว กับอควาโรสนั้นก็สามารถจะรับมือกับพวกขั้นห้าทั่วไปสิบถึงสิบห้าคนได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นการเข้ามามีส่วนร่วมในครั้งนี้ของพวกเขามันจึงจะช่วยลดช่องว่างระหว่างทั้งสองฝ่ายลงไปอีกมาก
“สถานการณ์ปัจจุบันของเราเป็นยังไง ?” เสวี่ยเหวินโหรวถาม
เมื่อได้ยินคำถามของเสวี่ยเหวินโหรว อควาโรส และคนอื่นๆก็ได้หันไปมองที่อันยีลดิ้งฮาร์ท
ในช่วงสองถึงสามวันที่ผ่านมานี้ พวกเขาได้มุ่งเน้นไปที่การบุกโจมตี และสำรวจซากปรักหักพังโบราณเลเวลสูงต่างๆ ดังนั้นพวกเขาจึงยังไม่ได้รับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์ของจักรวรรดิมังกรไฟ และหลังจากได้รับการแจ้งเตือนมาจากศาลาลับ พวกเขาก็ได้รีบมุ่งหน้ามาที่นี่พร้อมกับป้อมปราการเคลื่อนที่ใหม่ทันที
“แม้ว่าฉันจะไม่สามารถพูดได้ว่ามันดี แต่ฉันก็สามารถบอกได้อย่างหนึ่งว่า เรามีโอกาสจะชนะอยู่มากเลยทีเดียว ….” อันยีลดิ้งฮาร์ทกล่าว จากนั้นเขาก็หยิบคริสตัลความทรงจำออกมา และจัดการแสดงข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ “จากการตรวจสอบล่าสุดของเรา กองทัพ NPC จากโลกอื่น มี NPC ขั้นสามอยู่มากกว่าหนึ่งร้อยสามสิบล้านคน มี NPC ขั้นอยู่ราวหนึ่งแสนห้าหมื่นคน และมี NPC ขั้นห้าอยู่ราวสองร้อยคน สำหรับกองทัพผู้เล่นจากโลกอื่นพวกเขามีกำลังพลเป็นผู้เล่นขั้นสามเกือบสองร้อยล้านคน และมีผู้เล่นขั้นสี่อยู่ราวห้าหมื่นคน กับผู้เล่นขั้นห้าอีกราวสองร้อยคน”
เมื่อได้ยินคำพูดของอันยีลดิ้งฮาร์ท ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ที่อยู่ใกล้ๆหลายคนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลขึ้นมา
เรื่องความแตกต่างในด้านจำนวนของผู้เล่นขั้นสามนั้นมันไม่เท่าไหร่ อย่างไรก็ตามสำหรับความแตกต่างในด้านจำนวนของผู้เล่นขั้นสี่นั้นมันค่อนข้างจะใหญ่จนน่ากังวล แม้จนถึงตอนนี้ เมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์นั้นก็มีผู้เล่นขั้นสี่มารวมตัวกันมากกว่าหนึ่งหมื่นห้าพันคนเท่านั้น ในการเปรียบเทียบอีกด้านหนึ่งนั้นมีจำนวนมากกว่าห้าหมื่นเลยทีเดียว หากวงเวทย์ป้องกันของเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์ถูกทำลาย มันก็มีโอกาสสูงที่ผู้เล่นขั้นสี่จากโลกอื่นจะแอบผ่านเหล่าทหาร NPC ของเมือง และมุ่งหน้าไปจัดการคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองเมือง ซึ่งหากเป็นแบบนั้น พวกเขาก็จะถึงจุดจบแน่นอน ….
โชคดีอย่างเดียวคือมันไม่มีความแตกต่างที่สำคัญใดๆเลยระหว่างอาชีพขั้นห้าของทั้งสองฝ่าย และด้วยความช่วยเหลือของวงเวทย์ของเมือง พวกเขาก็อาจจะสามารถขับไล่กองทัพจากโลกอื่นออกไปได้
“ดูเหมือนว่ากองทัพจากโลกอื่นนั้นต้องการจะชนะการต่อสู้ในครั้งนี้ให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ….” อควาโรสรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเธอได้ฟังรายงานจากอันยีลดิ้งฮาร์ท จากนั้นเธอก็หันไปมองป่าที่อยู่ไกลออกไป
“กองทัพที่มีขนาด และพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ หากเราสามารถเอาชนะได้ การจะจัดการพวกที่เหลือมันก็จะง่ายขึ้นมากเลยนะ ….” ไฟเออร์แดนซ์กล่าวด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้
พวกเขาประสบกับความพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวชในการต่อสู้ที่เมืองแบล๊ควิง อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของเธอนั้นก็ได้รับการปรับปรุงจนมันเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงเดือนที่ผ่านมา นอกเหนือจากการที่เธอเริ่มจะสามารถใช้กฎของโลกขั้นพื้นฐานได้แล้ว เธอยังได้รับอุปกรณ์ระดับตำนานเพิ่มมาอีกสองชิ้น และเมื่อรวมกับอาวุธระดับตำนานของเธอแล้ว มันจึงทำให้ตอนนี้เธอมีไอเทมระดับตำนานอยู่สามชิ้นเลยทีเดียว
ในตอนนี้เธอมั่นใจมากว่าเธอสามารถจะต่อสู้กับเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงได้แล้ว ขณะเดียวกันมันก็ไม่มีสมาชิกคนใดของสภาสิบแปดปีกแย้งไฟเออร์แดนซ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ เนื่องจากด้วยคำแนะนำของซือเฟิง พวกเขาจึงสามารถปรับปรุงมาตราฐานอุปกรณ์ และมาตราฐานการต่อสู้ของพวกเขาขึ้นไปได้อย่างมากในช่วงเดือนที่ผ่านมา และแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รับอาวุธระดับตำนานมาเพิ่มเติม แต่พวกเขาก็ได้รับอุปกรณ์ระดับตำนานมาจำนวนหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้แม้แต่ไอเทมที่อ่อนแอที่สุดที่พวกเขาสวมใส่อยู่มันก็ยังอยู่ในระดับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานด้วย ซึ่งมันทำให้ในแง่ของมาตราฐานอุปกรณ์นั้น พวกเขาไม่ได้อ่อนแอไปกว่า NPC ขั้นห้าเลย
ในบรรดาทั้งสิบหกคนนี้ เสวี่ยเหวินโหรว อควาโรส และไวโอเล็ตคลาวด์ เป็นสามคนที่โชคดีที่สุด เพราะแต่ละคนนั้นได้รับอุปกรณ์ระดับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานกันมาครบเซ็ททั้งหมด ซึ่งมันทำให้ในแง่ของค่าสถานะพื้นฐานตอนนี้นั้นมันคงไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยหากจะบอกว่าพวกเขาเทียบกับผู้เล่นขั้นหกได้ …. อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ทุกคนกำลังคิดหาวิธีรับมือกองทัพจากโลกอื่นนั้นกองทัพจากโลกอื่นที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าห่างออกไปก็ได้เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ….
ตู้ม !!
พร้อมกับเสียงฟ้าผ่า ทันใดนั้นเมฆหนาทึบก็ปรากฎขึ้นเหนือผืนป่า และนำความมืดเข้ามาปกคลุมทั่วบริเวณ จากนั้นท้องฟ้าก็แยกออกจากกัน และมันก็มีกรงเล็บยักษ์คู่หนึ่งที่มีความยาวหลายร้อยเมตรโผล่ออกมาจากรอยแยกมิติขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นบริเวณท้องฟ้าที่แยกออกจากกัน ไม่นานหลังจากนั้นมอนสเตอร์ที่มีความสูงนับหมื่นเมตรก็ได้โผล่ออกมาจากรอยแยกมิตินี้ โดยมันมีปากขนาดใหญ่ และดวงตานับร้อย …. นอกเหนือจากนี้แล้วมอนสเตอร์ตัวนี้ก็ยังพ่นหมอกขุ่นที่มีฤทธิ์กัดกร่อนพื้นที่บริเวณรอบๆออกมา ซึ่งการปรากฎตัวขึ้นมาของมอนสเตอร์ตัวนี้นั้นมันก็ทำให้ผู้คนในเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์ และกองทัพจากโลกอื่นตกใจมากๆ
“นี่คือ จอมเขมือบโลกในตำนานงั้นหรอ ?”
จูเฟิงหยิงผู้อาวุโสของกิลร้อยผีโดดเดี่ยวที่ยืนอยู่ในป่านอกเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เมื่อได้เห็นมอนสเตอร์ที่พึ่งโผล่ออกมาตรงหน้าเขา
จอมเขมือบโลกเป็นมอนสเตอร์ที่ถูกบันทึกไว้ในตำนาน และเขาก็พึ่งรู้เกี่ยวกับการดำรงอยู่ของมันหลังจากที่ได้ไปพบกับบันทึกข้อมูลของมันโดยบังเอิญ
จอมเขมือบโลกนั้นถือกำเนิดขึ้นมาจากความว่างเปล่าที่ไร้ที่สิ้นสุด และความต้องการเดียวในชีวิตของมันก็คือการได้กลืนกินโลก ต่อหน้าจอมเขมือบโลก แม้แต่เผ่ามังกรซึ่งเป็นหนึ่งในเผ่าที่แข็งแกร่งที่สุดใน God domain ก็ยังนับว่าไม่มีค่าอะไรเลย และแม้แต่จอมเขมือบโลกวัยเด็กที่อยู่ในขั้นสี่นั้นก็สามารถจะกลืนกินมังกรขั้นห้าได้ ในขณะเดียวกันจอมเขมือบโลกที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นตัวโตเต็มวัย ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันแม้แต่พวกขั้นหกก็ยังจะต้องหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับมัน
และเมื่อผู้เล่นทั้งหมดของกองทัพจากโลกอื่นได้เห็นมอนสเตอร์ตัวนี้นั้น พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะอุทานกันออกมาด้วยความตื่น ซึ่งเมื่อมาถึงตรงนี้นั้น พวกเขาก็มีความมั่นใจในชัยชนะของตัวเองกันขึ้นมาอย่างมาก
(จอมเขมือบโลก) (สัตว์อสูรคาออส ระดับโดเมนศักสิทธิ์)
เลเวล 210
HP 3,000,000,000,000
อย่างไรก็ตามเมื่อไฟเออร์แดนซ์ และคนอื่นๆในเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สได้เห็นจอมเขมือบโลก การแสดงออกที่หวาดกลัวก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าจอมเขมือบโลกคืออะไร แต่เพียงแค่มองไปยัง HP ของมัน พวกเขาก็สามารถจะบอกได้เลยว่ามันน่ากลัวมากๆ …. เพราะท้ายที่สุดแล้วมอนสเตอร์ตัวนี้นั้นมันมี HP สูงกว่าเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงมากกว่าสามเท่าเลยทีเดียว ….
“เปิดใช้งานวงเวทย์ป้องกันทั้งหมด ! หอคอยเวทย์มนต์ ปืนใหญ่ และอาวุธทุกชนิดทั้งหมดเตรียมพร้อมยิง !! ขอเทพธิดาแห่งชัยชนะจงอยู่ข้างจักรวรรดิมังกรไฟ !!!” เมก้าบอท NPC ครึ่งเทพ เลเวลสองร้อยที่เป็นผู้บัญชาการกองทัพของเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์ตะโกนออกคำสั่ง เมื่อเขาเห็นว่าจอมเขมือบโลกเริ่มเคลื่อนเข้าใกล้เมือง
ทันใดนั้นจากคำสั่งของเมก้าบอทวงเวทย์ป้องกันที่เป็นบาเรียสี่ชั้นก็ปรากฎขึ้นปกคลุมเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์ทันที โดยบาเรียทั้งหมดก็ได้ทำหน้าที่แยกเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์ออกจากโลกรอบนอกและป้องกันไม่ให้ออร่าของจอมเขมือบโลกนั้นสามารถแพร่กระจายเข้ามาในเมืองได้
“โลกจิ๋ว !!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น