Reincarnation Of The Strongest Sword God 2825-2830
ตอนที่ 2825 ปิดผนึกโลก
“มอนสเตอร์ Faux Saint บินได้หลายพันตัวถูกจัดการไปแบบนี้เลยงั้นหรอ ?”
อันยีลดิ้งฮาร์ท และอิลูซะรี่เวิร์ดมองไปยังเหล่ามอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ที่ค่อยๆร่วงหล่นลงสู่พื้นทีละตัวๆ ขณะที่ HP ของพวกมันก็ลดลงไปเหลือน้อยกว่าหนึ่งในสามกันทั้งหมดด้วยแววตาตกตะลึง
เดิมทีพวกเขาคิดว่ามันจะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก
แม้ว่าพวกเขาจะต่อสู้และตรึงกำลังไว้ทั้งวันทั้งคืน แต่มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้เลยที่จะทำให้มอนสเตอร์พวกนี้ได้รับความสูญเสียอย่างหนักแบบนี้ เพราะท้ายที่สุดแล้วมอนสเตอร์ Faux Saint แต่ละตัวนั้นมีมาตราฐานการต่อสู้ที่สูงมาก และพวกมันก็สติปัญญาที่สูงด้วยเช่นกัน แถมพวกมันยังสามารถเรียนรู้ความสามารถต่างๆและปรับปรุงความแข็งแกร่งของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นยิ่งการต่อสู้ถูกลากออกไปยาวนานเท่าไหร่ พวกมันก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นแน่นอน
อย่างไรก็ตามในวันนี้นั้นป้อมปราการเคลื่อนที่ทำการโจมตีไปเพียงสองระลอกเท่านั้น แต่มันกับทำให้มอนสเตอร์ Faux Saint บินได้หลายพันตัวได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะที่มอสเตอร์ Faux Saint บนพื้นดินก็ตายไปอีกนับแสนตัว
ตั้งแต่ต้นจนจบพวกเขารู้สึกว่านี่ไม่ใช่การต่อสู้เลย มันก็แค่เทศกาลการสังหารหมู่เท่านั้น
มอนสเตอร์ Faux Saint ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่เป้าเคลื่อนที่ได้ของป้อมปราการเคลื่อนที่ที่รอการถูกโจมตีและสังหารหมู่เท่านั้น พวกมันไม่มีความสามารถแม้แต่จะต้านทานได้เลย
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาไม่ได้เห็นมหาอำนาจต่างๆอยู่ในสายตาเลยตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วยป้อมปราการเคลื่อนที่นี้ แม้แต่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังจะไม่สามารถทำอะไรกับสภาสิบแปดปีกในปัจจุบันได้แน่นอน” อันยีลดิ้งฮาร์ทกล่าวพลางมองไปยังฉากตรงหน้าที่การโจมตีของป้อมปราการเคลื่อนที่สองระลอกสร้างขึ้นด้วยรอยยิ้ม
ไม่ว่าจะเป็นสตาร์ลิ้งหรือร้อยผีโดดเดี่ยว ต่อหน้าป้อมปราการเคลื่อนที่แห่งนี้ ทั้งสองก็ไม่ต่างจากมดปลวก
อย่างไรก็ตามมันก็มีเพียงซือเฟิงเท่านั้นที่รู้ว่าค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในการโจมตีเมื่อครู่มันมหาศาลแค่ไหน
ในการที่จะให้หอคอยแปดแห่งโจมตีพร้อมกันนั้น มันมีค่าใช้จ่ายเป็นคริสตัลเวทย์มนต์ถึงหนึ่งแสนหกหมื่นชิ้น ซึ่งนี่มันเทียบเท่ากับคริสตัลเวทย์มนต์สำรองในคลังของกิลชั้นรองเลย
ในปัจจุบันจำนวนคริสตัลเวทย์มนต์สำรองในคลังของกิลชั้นสูงนั้นก็จะมีไม่เกินสี่แสนชิ้นเท่านั้น ซึ่งนี่มันก็เท่ากับว่าการยิงเมื่อครู่นั้นผลาญคริสตัลเวทย์มนต์สำรองเกือบครึ่งในคลังของกิลชั้นสูงไปเลย และเมื่อรวมกันกับการโจมตีก่อนหน้านี้อีกครั้งหนึ่งนั้น มันก็จะเท่ากับว่าเขาผลาญคริสตัลเวทย์มนต์สำรองของกิลชั้นสูงไปมากกว่าครึ่งเลย
อย่างไรก็ตามที่บนหลังของอีกาเพลิงมืดนอกป้อมปราการเคลื่อนที่นั้น ลู่ชิงหลัว และจักรพรรดิอสูรก็พูดไม่ออกอย่างมาก
โดยเฉพาะจักรพรรดิอสูรที่ตอนนี้ความตกตะลึง และความสับสนเข้าเกาะกุมหัวใจของเขาเต็มไปหมดแล้ว ในตอนแรกด้วยกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ของเขานั้น เขามั่นใจมากๆว่าเขาจะสามารถกวาดผ่านอาณาจักรทวินทาวเวอร์ได้อย่างง่ายดาย และแม้แต่กองทัพ NPC ของอาณาจักรก็ยังไม่น่าจะสามารถหยุดเขาได้
แต่ตอนนี้ ….
ในเวลานี้ไม่เพียงแต่จักรพรรดิอสูรเท่านั้นที่รู้สึกตกตะลึงกับฉากนี้ แม้แต่ร้อยผีโดดเดี่ยวที่อยู่ไกลออกไปก็ยังมีความรู้สึกคล้ายๆกัน
การโจมตีสองระลอกของป้อมปราการเคลื่อนที่ได้สร้างความเสียหายให้กับกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint อย่างรุนแรง ซึ่งหากมอนสเตอร์พวกนี้ไม่ได้มี HP และค่าความต้านทานที่สูงลิ่ว พวกมันก็คงจะตายทันทีแน่นอน และถ้าเปลี่ยนจากกองทัพมอนสเตอร์แบบนี้เป็นกองทัพผู้เล่น กองทัพผู้เล่นก็คงจะถูกกวาดล้างไปนานแล้ว
“ผู้อาวุโสเฟิงหยิง ป้อมปราการเคลื่อนที่นี้มันทรงพลังมากเกินไป ถ้าเราเร่งรีบบุกเข้าไป ฉันกลัวว่าเราจะเจอกับอะไรที่แย่กว่านี้ ….” เฟยเย่ สาวสวยผมสั้นสีฟ้าที่นั่งอยู่บนหลังงูปีศาจโบราณตัวเดียวกับผู้อาวุโสเฟิงหยิงกล่าวขึ้นอย่างกังวล
ในแง่ของพลังการต่อสู้ทางอากาศ งูปีศาจโบราณนั้นทรงพลังกว่าพวกมอนสเตอร์ Faux Saint บินได้อย่างมาก และมันก็สามารถจะรับมือกับมอนสเตอร์ Faux Saint บินได้หลายตัวพร้อมกันได้สบายๆ
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีที่น่ากลัวแบบนี้ งูปีศาจโบราณก็คงจะมีสภาพไม่ได้ดีไปกว่ามอนสเตอร์ Faux Saint บินได้เหล่านี้มากนักแน่นอน
นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าวงเวทย์ป้องกันของป้อมปราการเคลื่อนที่ยังคงจัดว่าอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างสมบูรณ์มากด้วย ซึ่งเมื่อบวกปัจจัยทั้งหมดเข้าไป มันก็เห็นได้ชัดเลยว่า มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับพวกเขาในตอนนี้ที่จะทำลายวงเวทย์ป้องกันนี้ลงให้ได้
เมื่อได้ยินคำพูดของเฟยเย่ ผู้อาวุโสจูเฟิงหยิงก็ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เขาจะกัดฟันออกคำสั่งว่า “พวกเราถอย !!!”
งูปีศาจโบราณนั้นเป็นอะเม้าท์บินได้ระดับตำนาน และมันก็พึ่งจะได้รับการเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นอะเม้าท์ขั้นสี่ ขณะเดียวกันอะเม้าท์ตัวนี้ก็สามารถจะพัฒนาไปได้จนมีพลังที่ขั้นพื้นฐาน ของขั้นห้าเลย ซึ่งแม้แต่วงเวทย์ป้องกันของเมืองกิลชั้นสูงก็ยังจะไม่สามารถหยุดการโจมตีของพวกมันได้แน่นอน
ในความคิดของเขาแต่เดิมนั้น แม้ว่าวงเวทย์ป้องกันของป้อมปราการเคลื่อนที่อาจจะแข็งแกร่ง แต่พวกเขาก็น่าจะสามารถทำลายมันลงได้ แม้ว่าจะต้องใช้เวลาสักหน่อยก็ตาม ….
อย่างไรก็ตามหลังจากได้เห็นการโจมตีทั้งสองระลอกของป้อมปราการเคลื่อนที่ เขาก็เข้าใจอย่างชัดเจนเลยว่าตอนนี้เขาไม่สามารถจะทำอะไรกับป้อมปราการเคลื่อนที่ได้ และเขาก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องอยู่ที่นี่ต่อแล้ว
ในเวลานี้ไม่ใช่แค่จูเฟิงหยิงเท่านั้นที่มีความคิดแบบนี้ แต่จักรพรรดิอสูรเองก็เช่นกัน ซึ่งเขาก็ได้ออกคำสั่งให้กองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ของเขาเริ่มทำการถอยหนีอย่างบ้าคลั่ง
หลังจากจักรพรรดิอสูรออกคำสั่ง เขาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังลู่ชิงหลัวที่เต็มไปด้วยท่าทีไม่เต็มใจและพูดว่า “ถอยกลับกันเถอะ ตอนนี้เราไม่สามารถจะทำอะไรได้มากไปกว่านี้แล้ว ….”
ตอนนี้กองทัพของพวกเขานั้นจัดว่าไม่มีอะไรเลย เมื่ออยู่ต่อหน้าป้อมปราการเคลื่อนที่ สำหรับหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ พวกเขาก็ไม่สามารถจะเข้ามายุ่งกับมันได้อีกต่อไป หรือพูดกันตามตรงอย่างน้อยในระหว่างที่ป้อมปราการเคลื่อนที่ยังอยู่นั้น พวกเขาก็ไม่มีสิทและโอกาสใดๆเลย
“จักรพรรดิอสูร มันไม่มีอะไรที่คุณสามารถจะทำได้อีกแล้วจริงๆงั้นหรอ ? ฉันได้เทหมดหน้าตักไปกับคุณแล้วนะ !!!” ลู่ชิงหลัวกล่าวพลางมองไปยังจักรพรรดิอสูรด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและไม่เต็มใจ
ก่อนหน้านี้สตาร์ลิ้งก็ประสบกับความสูญเสียอย่างหนักในเมืองสกายสปริง แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงมั่นใจว่าเขาจะสามารถเข้ายึดครองและควบคุมหอคอยแห่งพันธสัญญาลับได้ ซึ่งตราบใดที่เขาทำได้ตามนี้ปัญหาหลายอย่างก็จะถูกแก้ไปในทันที แต่ตอนนี้ทุกสิ่งที่เขาคิดไว้มันกับสลายหายไปแล้ว ดังนั้นจะให้เขายอมรับเรื่องนี้ได้อย่างไร ?
“ชิงหลัว วันนี้คุณอาจจะพ่ายแพ้และสูญเสียอย่างหนักที่นี่ แต่ด้วยความแข็งแกร่ง รากฐาน และเงินทุนของบริษัทสตาร์ไลน์ คุณสามารถจะมาติดตามฉันได้นะ ….” จักรพรรดิอสูรกล่าว “กองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint พวกนี้จะขยายตัวและแข็งแกร่งขึ้นอีกมากในอนาคต ซึ่งฉันกล้าการันตีเลยว่าต่อไป แม้แต่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังคุณก็จะไม่อาจต่อกรกับกองทัพนี้ได้แน่นอน …”
“สำหรับสภาสิบแปดปีก ไม่ช้าก็เร็วฉันจะลบพวกเขาออกไปจาก God domain อย่างสิ้นเชิง !!!”
เมื่อพูดมาถึงเรื่องของสภาสิบแปดปีก เสียงของจักรพรรดิอสูรก็ฟังดูเย็นชาเล็กน้อย
หากไม่ใช่เพราะสภาสิบแปดปีก กองทัพของเขาก็คงจะเข้ากลืนกิน และเดินทางตัดผ่านอาณาจักรสตาร์มูน กับจักรวรรดิมังกรดำไปได้นานแล้ว เพราะท้ายที่สุดแล้ว ก่อนจะเกิดการอัพเดทครั้งใหญ่ขึ้นนั้น มันไม่มีใครที่จะสามารถหยุดกองทัพนี้ของเขาได้แน่นอน ….
สำหรับตอนนี้กองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ของเขาได้รับความเสียหายอย่างหนักแล้ว และพวกมอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ระดับเทพนิยายนั้นมันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถเลี้ยงดูขึ้นมาได้ง่ายๆเลย ดังนั้นเขาจึงจำเป็นจะต้องออกคำสั่งให้ถอยเพื่อลดความสูญเสีย เพราะท้ายที่สุดแล้วด้วยจำนวนที่มีมากขนาดนี้ต่อให้สภาสิบแปดปีกอยากจะตามล่าพวกเขาต่อ แต่สภาสิบแปดปีกจะสามารถฆ่ามอนสเตอร์ Faux Saint พวกนี้ได้กี่ตัวกัน ?
ในทางตรงกันข้ามจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็ได้เข้าใจถึงความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีก ดังนั้นตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำก็คือรอ รอให้มีมอนสเตอร์ Faux Saint ขั้นห้าปรากฎตัวขึ้นก่อน !!!
ตราบใดที่เขามีมอนสเตอร์ Faux Saint ขั้นห้าเมื่อไหร่ ไม่ต้องพูดถึงป้อมปราการเคลื่อนที่ของสภาสิบแปดปีกเลย เขามั่นใจว่าเขาจะสามารถยึดประเทศใน God domain ได้ทุกประเทศตามที่เขาต้องการแน่นอน
อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเลี้ยงดูมอนสเตอร์ Faux Saint ขั้นห้าขึ้นมาให้ได้ เพราะมันต้องใช้มอนสเตอร์ Faux Saint ขั้นสี่ พร้อมกับทรัพยากรอีกจำนวนมากเพื่อให้กำเนิดมอนสเตอร์ Faux Saint ขั้นห้า และลู่ชิงหลัว ซึ่งเป็นหัวหน้ากิลของสตาร์ลิ้ง และทายาทของบริษัทสตาร์ไลน์นั้นก็นับเป็นตัวจ่ายเงินที่ดีสำหรับเรื่องนี้
เมื่อได้ฟังคำพูดของจักรพรรดิอสูร ลู่ชิงหลัวก็พยักหน้ารับอย่างไม่สามารถจะทำอะไรได้ และเมื่อเขาเลือกจะยืนอยู่ข้างจักรพรรดิอสูรแบบนี้แล้ว มันก็จะถือว่าเขายืนอยู่ตรงข้ามกับผู้เล่นแทบทุกคนใน God domain เลย แถมเขายังจะต้องมอบทรัพยากรจำนวนมากที่เขาได้รับมาจาก Upper Zone ให้จักรพรรดิอสูรอีก
แต่แม้จะเป็นแบบนี้เขาก็ต้องยอมรับสภาพ เพราะท้ายที่สุดแล้วไม่งั้นตำแหน่งทา
ยาทบริษัทสตาร์ไลน์ของเขามันอาจจะถูกแทนที่ด้วยคนอื่น ….
ไฟเออร์แดนซ์มองไปยังอีกาเพลิงมืด และงูปีศาจโบราณที่เริ่มพยายามจะถอยด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เธอจะกล่าวออกมาว่า “หัวหน้ากิล ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะเริ่มถอยกันแล้ว”
มันค่อนข้างจะน่าเสียดายอยู่เล็กน้อยที่ฝ่ายตรงข้ามของพวกเขาตัดสินใจถอยเร็วแบบนี้ เพราะท้ายที่สุดแม้ว่าป้อมปราการเคลื่อนที่จะมีความสามารถในการโจมตีที่สูงมาก และสามารถเคลื่อนที่ได้ แต่มันก็ไม่มีความสามารถมากพอที่จะหยุดกองทัพนับล้านไม่ให้ถอยได้ แถมหากพวกเขาเลือกจะออกไปไล่ล่ากองทัพนี้ด้วยตัวเอง มันก็มีสิทจะไปเข้าทางลู่ชิงหลัวกับคนอื่นๆอีก
“ถอย ? เนื่องจากพวกเขาทั้งหมดได้เข้ามาโจมตีเราที่นี่ ดังนั้นก็อย่าคิดว่าจะจากไปได้ !!!”
ซือเฟิงยิ้ม เมื่อเขาเห็นว่าจักรพรรดิอสูร และร้อยผีโดดเดี่ยวเริ่มทำการถอย ก่อนที่เขาจะเริ่มเปิดใช้งานกระจกแห่งโลกเพื่อปิดผนึกพื้นที่
ตอนที่ 2826 เวลาแห่งการสังหาร
“แผนที่ถูกปิดผนึก ?”
ลู่ชิงหลัวมองไปที่ฉากตรงหน้าของเขาที่ดูเริ่มพร่ามัวด้วยใบหน้ามืดมน
ในเวลานี้ป้อมปราการเคลื่อนที่นั้นคือสิ่งที่ไม่สามารถจะสั่นคลอนได้เลย และหากพวกเขาไม่สามารถจะออกไปจากที่นี่ได้ สิ่งที่พวกเขาทำได้ก็คือรอความตายเท่านั้น
“แบล๊คเฟรมนี้โหดเหี้ยมมากจริงๆ เขากระทั่งคิดจะจัดการพวกเราทั้งหมดที่นี่ !!!” จักรพรรดิอสูรกล่าวด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย เมื่อเขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น “แต่อย่างไรก็ตามด้วยพื้นที่ที่ใหญ่แบบนี้ การจะใช้วงเวทย์ปิดผนึกพื้นที่และไม่ให้เราหนีออกไปได้นั้นมันเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น !!!”
ยิ่งวงเวทย์ปิดผนึกพื้นที่ใน God domain สามารถปิดผนึกพื้นที่ได้กว้างมากเท่าไหร่ บาเรียที่ทำหน้าที่ปิดผนึกพื้นที่ก็จะยิ่งเปราะบางมากขึ้นเท่านั้น ตอนนี้แม้ว่ามันจะดูเหมือนว่าสภาสิบแปดปีกสามารถจะปิดผนึกทั้งแผนที่ได้ แต่บาเรียเวทย์มนต์จากวงเวทย์แบบนี้มันก็จะไม่สามารถหยุดไม่ให้มอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ระดับเทพนิยายจำนวนมากหลายพันตัวถอยได้แน่นอน
เมื่อพูดจบจักรพรรดิอสูรก็ได้ออกคำสั่งให้พวกมอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ระดับเทพนิยายบางส่วนที่ได้รับบาดเจ็บน้อยพุ่งเข้าโจมตีบาเรียตรงหน้าทันที
ขณะเดียวกันพวกร้อยผีโดดเดี่ยวที่อยู่ไกลออกไปนั้นก็มีความคิดเดียวกัน และพวกเขาก็เริ่มเคลื่อนไหวเหมือนกับจักรพรรดิอสูรในการจัดการกับเรื่องนี้
คฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการ :
ไฟเออร์แดนซ์ที่เห็นท่าทีของจักรพรรดิอสูรและร้อยผีโดดเดี่ยวอดไม่ได้ที่จะหันมากล่าวถามกับซือเฟิงว่า “หัวหน้ากิล รีบไล่ตามพวกนั้นไปกันเถอะ หากเราปล่อยให้พวกนั้นเคลื่อนที่ออกไปสุดขอบและทำลายวงเวทย์ได้ มันก็คงจะยากที่จัดการกับพวกนั้นทั้งหมดที่นี่”
วงเวทย์ปิดผนึกพื้นที่แบบนี้นั้นไม่น่าจะมีความทนทานเท่ากับวงเวทย์ป้องกันของป้อมปราการ และมันก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่มันจะถูกทำลายลงได้จากการระดมโจมตีของมอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายหลายพันตัวแค่ไม่กี่ครั้ง
ซือเฟิงยิ้มก่อนที่เขาจะส่ายหัว และพูดว่า “ไม่ต้องหรอก ปล่อยให้พวกนั้นวิ่งหนีไปสักพัก ตอนนี้เรามาจัดการฆ่าพวกมอนสเตอร์ Faux Saint ใกล้ๆกันก่อนดีกว่า เรียกอันยีลดิ้งฮาร์ทกับอิลูซะรี่เวิร์ดให้มาเข้าร่วมกับเราได้ ในขณะเดียวกันก็ให้ปืนใหญ่เวทย์เอลฟ์ขนาดใหญ่ทั้งหมดเฝ้าระวังการเคลื่อนไหวของกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint อย่างใกล้ชิด หากมันคิดจะหันกลับมาโจมตีเราก็ให้เริ่มยิงอีกครั้งได้เลย !!!”
คนอื่นอาจไม่รู้ถึงเอฟเฟคของกระจกแห่งโลก แต่เขารู้ดี
แม้ว่าตอนนี้กระจกแห่งโลกจะยังไม่สมบูรณ์ และมีเอฟเฟคมากมายที่ขาดหายไป แต่มันก็แข็งแกร่งมากพอที่จะใช้ปิดผนึกทั้งแผนที่ได้ โดยที่กองทัพของจักรพรรดิอสูร และกองกำลังของร้อยผีโดดเดี่ยวไม่สามารถจะทำลายมัน และหนีออกไปได้ในเวลาอันสั้นแน่นอน
เพราะท้ายที่สุดแล้วการปิดผนึกพื้นที่แบบนี้นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำลาย แม้กระทั่งกับสิ่งมีชีวิตขั้นห้าก็ตาม และแม้ว่ากองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint จะมีมากมาย แต่คุณภาพของพวกมันก็ค่อนข้างต่ำ ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำลายการปิดผนึกพื้นที่นี้ให้ได้ก่อนหนึ่งชั่วโมง
ซึ่งหนึ่งชั่วโมง เวลาแค่นี้มันก็เพียงพอแล้วสำหรับพวกเขาที่จะทำสิ่งต่างๆมากมาย
และแม้ว่าหนึ่งชั่วโมงนี้จะไม่เพียงพอ แต่เขาก็ยังจะสามารถอัดคริสตัลเวทย์มนต์สามพันชิ้นเข้าไปเพื่อเปิดใช้งานกระจกแห่งโลกได้อีกครั้ง เพราะท้ายที่สุดแล้วมันแตกต่างจากเวทย์ปิดผนึกพื้นที่โดยทั่วไป มันไม่มีคูลดาวน์ และมันสามารถเติมพลังงานเข้าไปใช้ได้เรื่อยๆ
อย่างไรก็ตามประเด็นที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาก็คือตอนนี้เขาได้ใช้จ่ายไปอย่างมหาศาลทั้งเรื่องการสร้างป้อมปราการเคลื่อนที่ และการรับมือกับกองทัพของจักรพรรดิอสูร กับกองกำลังของร้อยผีโดดเดี่ยว ดังนั้นหากเขาไม่ถอนทุนคืนกลับมา ต่อให้เขาชนะในสงครามครั้งนี้ แต่มันก็จะยังเป็นการจ่ายมากเกินไปอยู่ดี ….
โดยนี่มันก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ซือเฟิงสั่งระดมพลออกไปไล่ล่ากองทัพที่ด้านนอก เนื่องจากหากเขาใช้อาวุธสงครามทำลายกองทัพด้านนอกหมด เขาและคนของเขาทั้งหมดก็จะไม่ได้รับค่า EXP ใดๆเลย อย่างมากก็จะได้แค่ไอเทมที่ดรอปออกมาเท่านั้น
หลังจากออกคำสั่งเรียบร้อย ซือเฟิงก็ได้บินออกจากคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการ และออกจากป้อมปราการเคลื่อนที่ไปเพื่อไล่ตามอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ที่กำลังหลบหนีอยู่กลางอากาศ
ภายใต้การปิดผนึกพื้นที่ของกระจกแห่งโลกนั้น แม้ว่าเอฟเฟคของมันจะยังไม่สมบูรณ์ แต่มันก็ช่วยปราบปรามศัตรูที่อยู่ในพื้นที่ปิดผนึกนี้ลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความเร็วในการบินกลางอากาศนั้น ฝ่ายที่เป็นศัตรูจะมีความเร็วลดลงไปราวหกสิบเปอเซ็นต์เลย
นอกจากนี้นี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่มอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งมันก็ช่วยลดความเร็วในการบินของมันลงไปอีก
สำหรับไฟเออร์แดนซ์ ไวโอเล็ตคลาวด์ ไลฟ์เลสธอร์น และโซริทารี่ไนน์ พวกเขาทั้งหมดก็ล้วนรีบติดตามซือเฟิงไปทันที
เพราะท้ายที่สุดแล้วมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายนั้นมันหายากมากๆโดยเฉพาะในโลกภายนอก นี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกที่มีเลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบหรือมากกว่าเลย จำนวนของพวกมันนั้นมีไม่พอสำหรับผู้เล่นขั้นสี่ด้วยซ้ำ
และพูดกันตามตรงพวกมอนสเตอร์ Faux Saint บินได้หลายพันตัวตรงหน้าของพวกเขาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสกันก็เหมือนกับเด็กอ่อน ดังนั้นการจะให้ปล่อยพวกมันไปก็น่าเสียดาย
ภายในเวลาไม่ถึงสิบวินาที ซือเฟิงและคนอื่นๆก็ได้มาถึงตรงหน้าของมอนสเตอร์ Faux Saint ที่ตกเป็นเป้าหมายของพวกเขา และเริ่มการฆ่าอย่างเมามัน โดยเฉพาะอย่างกับซือเฟิงที่เขาใช้เวลาเพียงเจ็ดวินาทีเท่านั้นในการฆ่ามอนสเตอร์ Faux Saint บินได้หลายสิบตัว …..
จากนั้นซือเฟิงก็สังเกตเห็นว่าแถบค่า EXP ของเขานั้นมันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยอัตราการเพิ่มขึ้นนั้นมันก็รวดเร็วมากๆซะจนเขาสามารถทะลุไปถึงเลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบสองได้ในระยะเวลาอันสั้น !!!
หลังจากนั้นซือเฟิงก็เริ่มทำการล่าต่อไปเรื่อยๆ โดยเขาก็ได้ใช้คะแนนสกิลมรดกที่เหลือหนึ่งร้อยสิบแต้มของเขาเรียนรู้สกิลมรดกขั้นสี่ ดาบเงาล่องหนด้วย
ต่อมาในอีกไม่กี่นาทีเลเวลของซือเฟิงก็เพิ่มขึ้นจากหนึ่งร้อยสี่สิบสองไปเป็นหนึ่งร้อยสี่สิบสาม ….
อย่างไรก็ตามในขณะที่ทำการฆ่ามอนสเตอร์ Faux Saint พวกนี้ไปเรื่อยๆ หมอกสีเทาก็พวยพุ่งจากตัวพวกมันเข้าสู่จิตใจของซือเฟิงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแต่ละครั้งนั้นมันก็ช่วยเพิ่มความสัมพันธ์ของซือเฟิงกับองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ และมานาขึ้นอย่างมาก
“พลังแห่งความรู้แจ้ง !!! แม้ว่านี่มันจะเหมือนกับการฆ่าพวกมอนสเตอร์ Faux Saint ครั้งที่แล้ว เพราะผู้ที่ฆ่าพวกมันจะเจอตราประทับวิญญาณล๊อคเป้าไว้ แต่ผลของพลังที่มันให้แก่ผู้เล่นตอนนี้นั้นมันก็มีประโยชน์กว่าตอนนั้นมากๆ !!!” ซือเฟิงที่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวเองกล่าวอย่างประหลาดใจ
เมื่อเทียบกับการไปเก็บเลเวลอย่างบ้าคลั่งนั้น การได้รับอะไรแบบนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆมันจะช่วยให้พวกเขาทรงพลังขึ้นมากกว่ามาก
และในเวลานี้มันก็ไม่ใช่แค่ซือเฟิงเท่านั้นที่รู้สึกได้ถึงเรื่องนี้ คนอื่นๆที่ไล่ฆ่าพวกมอน
สเตอร์ Faux Saint บินได้อยู่ก็รู้สึกเช่นกัน
“แม้ว่ามอนสเตอร์ Faux Saint พวกนี้จะไม่ได้ดรอปไอเทมใดๆมากนัก แต่พวกมันก็นับเป็นสมบัติอย่างแท้จริง นี่ถ้าผู้เชี่ยวชาญขั้นสามได้รับพลังนี้ไป ความยากในการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ของพวกเขาก็จะลดลงอย่างมากเลย” อันยีลดิ้งฮาร์ทกล่าวอย่างประหลาดใจกับเรื่องนี้เช่นกัน
เมื่อได้ยินคำพูดของอันยีลดิ้งฮาร์ท อิลูซะรี่เวิร์ดก็กล่าวเสริมว่า “แต่ฉันว่ามอนสเตอร์พวกนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้เล่นขั้นสี่อย่างเรามากกว่านะ พวกมันช่วยเพิ่มความสัมพันธ์ขององค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์กับมานาของตัวเราขึ้นมากๆ ซึ่งผลจากเรื่องนี้มันก็จะทำให้เราสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานา หรือใช้ศักยภาพร่างมานาได้มากขึ้นด้วย”
หลังจากมาถึงขั้นสี่แล้วสิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องความสัมพันธ์ของตัวเองกับองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์และมานา เพราะเรื่องนี้มันจะช่วยเพิ่มพลังการต่อสู้ให้กับผู้เล่นได้อย่างมาก ดังนั้นตอนนี้การที่ฆ่ามอนสเตอร์ Faux Saint บินได้แล้วให้ผลแบบนี้ มันจึงเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่สำหรับผู้เล่นขั้นสี่อย่างพวกเขาเลย
เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ทั้งสองก็เร่งความเร็วในการไล่ล่าและฆ่าเหล่ามอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ขึ้นไปอีกเพื่อให้ตัวเองไปได้ไกลขึ้นในเรื่องนี้
ครู่หนึ่งจักรพรรดิอสูรที่พยายามจะหนีไปยังขอบของพื้นที่ปิดผนึกได้แต่เฝ้ามองซือเฟิงและคนอื่นๆไล่ฆ่ามอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ของเขาอย่างสนุกสนาน ซึ่งมันก็ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะกัดฟันด้วยความแค้น
มอนสเตอร์ Faux Saint บินได้เหล่านี้จัดเป็นหนึ่งในไพ่ที่ทรงพลังที่สุดของพวกเขา แต่ตอนนี้มอนสเตอร์พวกนี้กับกลายเป็นกระสอบทรายให้ซือเฟิงและคนอื่นๆไล่ฆ่า ไล่ฟันเพื่อเก็บเลเวลกันอย่างสนุกสนาน แถมตอนนี้เขาก็สูญเสียมอนสเตอร์ Faux Saint ระดับนี้ไปมากกว่าสามร้อยตัวแล้ว หากเขาไม่ได้กลัวการโจมตีโต้ตอบจากป้อมปราการเคลื่อนที่ เขาคงจะสั่งให้มอนสเตอร์ Faux Saint บินได้เหล่านี้หันกลับไปล้อมกรอบฆ่าซือเฟิงและคนอื่นๆแล้ว
“แบล๊คเฟรม ไม่ช้าก็เร็วฉันจะทำให้คุณต้องจ่ายสำหรับเรื่องในวันนี้ !!!” จักรพรรดิอสูรมองไปยังซือเฟิงที่อยู่ห่างออกไปหลายหมื่นหลาด้วยดวงตาที่เย็นชา
สำหรับลู่ชิงหลัวที่อยู่ด้านข้างของจักรพรรดิอสูรเขาก็ได้ตัดสินใจแล้วเช่นกันว่า หลังจากจบเรื่องนี้ ในอนาคตไม่ว่าจะเป็นใน God domain หรือโลกแห่งความจริง เขาก็จะทำให้ซือเฟิงต้องจ่ายอย่างหนักแน่นอน !!!
ทันใดนั้นเองจักรพรรดิอสูรก็ได้มาถึงบริเวณขอบมาบาเรียแล้ว และเขาก็มองไปยังขอบบาเรียตรงหน้าของเขา ก่อนจะออกคำสั่งกับมอนสเตอร์ Faux Saint บินได้หลายร้อยตัวที่ตามเขามาว่า “ไปเร็ว !!! รีบไปทำลายบาเรียเวรนี่ให้ฉันเดี๋ยวนี้ !!!”
ตอนที่ 2827 ยอมแพ้และตายซะ
ที่บริเวณขอบบาเรีย … (ซึ่งก็คือขอบแผนที่หอคอยแห่งพันธสัญญาลับนั่นแหละ) เมื่อเหล่ามอนสเตอร์ Faux Saint บินได้หลายร้อยตัวนี้ได้ยินคำสั่งของจักรพรรดิอสูร พวกมันก็เริ่มพุ่งเข้าโจมตีขอบบาเรียพร้อมกัน
แม้ว่ามอนสเตอร์ Faux Saint บินได้พวกนี้จะได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก แต่พวกมันก็ยังคงมีพลังต่อสู้เทียบเท่ากับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายทั่วไปอยู่ และพวกมันก็มีสกิลโจมตีที่ดี
ตู้ม !
โดยมอนสเตอร์ Faux Saint บินได้หลายร้อยตัวที่ติดตามจักรพรรดิอสูรมาได้ใช้สกิลที่รุนแรงประสานงานการโจมตีไปยังจุดเดียวกันทันที
หลังจากมีเสียงระเบิดดังขึ้นจักรพรรดิอสูร และลู่ชิงหลัวก็รีบตรงไปยังจุดนั้นทันที
“เป็นไปได้ยังไง !!”
แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับการโจมตีประสานงานกันด้วยสกิลที่รุนแรงของมอนสเตอร์ Faux Saint บินได้หลายร้อยตัว แต่บาเรียก็ยังคงอยู่ในสภาพเดิม และดูแทบไม่มีรอยขีดข่วนใดๆเลย
ในเวลานี้ไม่เพียงแต่จักรพรรดิอสูรกับลู่ชิงหลัวเท่านั้นที่ประหลาดใจ แม้แต่ร้อยผีโดดเดี่ยวเองก็ยังประหลาดใจกับเรื่องนี้มากเช่นกัน
“มันเป็นเพราะมอนสเตอร์ Faux Saint บินได้เหล่านั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสจึงมีพลังไม่เพียงพอจะทำลายบาเรียงั้นหรอ ?” เฟยยี่ที่เป็นเบอเซิกเกอร์อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาอย่างตกตะลึงเมื่อได้เห็นฉากตรงหน้า
วงเวทย์ที่สามารถใช้ปิดผนึกพื้นที่ได้ทั้งแผนที่และตัดการสื่อสารทั้งหมดจากโลกภายนอกได้นั้นมันก็จัดว่าทรงพลังมาแล้ว แต่ตอนนี้มันกับสามารถจะทนต่อการโจมตีของมอนสเตอร์ Faux Saint หลายร้อยตัวพร้อมกันได้ด้วย นี่มันน่าเหลือเชื่อมากๆ
ขณะเดียวกันชายยักษ์เกราะทองที่ชื่อหานเทียนก็พยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของเฟยยี่ “น่าจะเป็นแบบนั้นแหละ และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าเราจะต้องลงมือทำลายมันเอง”
“ก็คงต้องอย่างนั้น ….”
ผู้อาวุโสจูเฟิงหยิงไม่สามารถจะทำอะไรได้นอกจากต้องควบคุมงูปีศาจโบราณอ้าปากของมันขึ้น และทำการพ่นลมหายใจแห่งความมืดออกมาโดยตรง
ตู้ม !!
อย่างไรก็ตามเมื่อผลของการโจมตีจากลมหายใจแห่งความมืดของงูปีศาจโบราณหมดลงทุกคนก็ต้องอ้าปากค้างกันอีกครั้ง
“มันไม่เป็นไรเลย ?”
เพราะท้ายที่สุดแล้วอะเม้าท์บินได้อย่างงูปีศาจโบราณที่เป็นของผู้อาวุโสจูเฟิงหยิงนั้นอยู่ในขั้นสี่แล้ว และมันก็มีพลังใกล้เคียงกับขั้นห้ามากๆ ซึ่งการโจมตีด้วยลมหายใจแห่งความมืดหนึ่งครั้งนั้นมันสามารถจะทำให้มอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายบาดเจ็บสาหัสได้ด้วยซ้ำ หรือมันสามารถจะทำลายวงเวทย์ป้องกันของ
เมืองกิลเมืองหนึ่งได้ด้วยซ้ำ ….
แต่ตอนนี้เมื่อใช้มันโจมตีบาเรียตรงหน้าของพวกเขา บาเรียกับแทบไม่มีร่องรอยใดๆเลย
ในขณะนี้ไม่ต้องพูดถึงจักรพรรดิอสูร ลู่ชิงหลัว หรือพวกร้อยผีโดดเดี่ยวเลย แม้แต่อันยีลดิ้งฮาร์ท กับอิลูซะรี่เวิร์ดก็ล้วนตกตะลึงมากๆเมื่อได้เห็นฉากนี้
พลังที่งูปีศาจโบราณใช้โจมตีเมื่อครู่นั้นมันแทบจะเทียบได้กับพลังโจมตีของโทเดลย่า ซึ่งเป็นมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายชั้นยอดที่น่ากลัวเลย แต่มันกับไม่สามารถทำลายบาเรียตรงหน้าลงได้ พวกเขาไม่เคยได้ยินเรื่องของวงเวทย์ที่มีพลังมากขนาดนี้มาก่อนเลย ….
วงเวทย์มนต์ที่ใช้ปกคลุมทั้งพื้นที่ที่สามารถต้านทานการโจมตีที่มีพลังเทียบเท่ากับขั้นสี่ได้มันก็จัดว่าน่าทึ่งแล้ว แต่เมื่อครู่มันกับสามารถต้านทานพลังการโจมตีที่มีพลังเทียบเท่ากับขั้นห้าได้ด้วย และเมื่อบวกเพิ่มป้อมปราการเคลื่อนที่เข้ามาในปัจจัยทั้งหมด นี่มันจะทำให้พวกเขานั้นสามารถเข้าควบคุมแผนที่นี้ทั้งหมดไว้ได้อย่างเบ็ดเสร็จเลย
อย่างไรก็ตามมันก็เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิอสูรและคนอื่นๆนั้นยังคงไม่คิดจะยอมแพ้ เพราะพวกเขายังคงระดมโจมตีบาเรียนี้กันต่ออย่างบ้าคลั่ง
ในความคิดของพวกเขาแม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถทำลายบาเรียนี้ลงได้ในทันที แต่การโจมตีของพวกเขาก็น่าจะกลืนกินแหล่งพลังงานของบาเรียไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งมันก็คงจะทำให้บาเรียทนได้อีกไม่นานนักแน่นอน
ในขณะที่มอนสเตอร์ Faux Saint บินได้รอบตัวจักรพรรดิอสูรและงูปีศาจโบราณกำลังโจมตีบาเรียนี้กันอย่างบ้าคลั่ง ซือเฟิงและคนอื่นๆก็ได้ไล่ฆ่าพวกมอนสเตอร์ Faux Saint เรื่อยๆ และเริ่มขยับเข้าใกล้พวกเขามาเรื่อยๆ
หนึ่งนาที …. สามนาที …. สิบนาที ….
จนกระทั่งซือเฟิงและคนอื่นๆได้ฆ่ามอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ไปมากกว่าพันตัว จักรพรรดิอสูร และพวกร้อยผีโดดเดี่ยวก็ยังไม่สามารถทำลายบาเรียได้ สำหรับเลเวลไฟเนั้น ออร์แดนซ์กับไวโอเล็ตคลาวด์ก็ไปถึงเลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบหกแล้ว ขณะที่เลเวลของอันยีลดิ้งฮาร์ทกับอิลูซะรี่เวิร์ดก็ไปถึงเลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบเอ็ด ส่วนเลเวลของไลฟ์เลสธอร์นกับโซริทารี่ไนน์ก็ไปถึงเลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบสาม
เมื่อเหลือระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายน้อยกว่าห้าร้อยหลาแล้ว จักรพรรดิอสูรและพวกร้อยผีโดดเดี่ยวก็หยุดการโจมตีของพวกเขาพลางมองไปยังบาเรียตรงหน้า สลับกับซือเฟิงกับและคนอื่นๆ พร้อมกับป้อมปราการเคลื่อนที่ที่อยู่ไม่ไกลจากพวกเขาด้วยความระมัดระวัง
“ทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจักรพรรดิอสูร ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะ ….” ซือเฟิงมองไปที่จักรพรรดิอสูรและจูเฟิงหยิงพลางหัวเราะเบาๆ “ตอนนี้พวกคุณจะดิ้นรนกันต่อ หรือจะหันมาขอร้องฉันดี ?”
“แบล๊คเฟรม อย่ามั่นใจในตัวเองมากเกินไปนัก !!! ตอนนี้พวกมอนสเตอร์ Faux Saint บินได้นั้นฟื้นตัวกันอย่างเต็มที่แล้ว !!!” จักรพรรดิอสูรมองไปยังซือเฟิงด้วยแววตาโกรธเกรี้ยว “และแม้ว่าตอนนี้พวกมันจะเหลือมากกว่าสามร้อยตัวเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อคุณเข้ามาอยู่ในระยะใกล้ขนาดนี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยนะที่จะสั่งให้พวกมันล้อมฆ่าคุณ !!!”
เมื่อเห็นซือเฟิงและคนอื่นๆฆ่ามอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ของเขาไปมากกว่าพันตัวนั้น จักรพรรดิอสูรก็แทบจะกระอักเลือดออกมา
หากในตอนนี้มันไม่ได้เป็นเพราะเขากลัวป้อมปราการเคลื่อนที่ เขาก็คงจะสั่งให้มอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ทั้งหมดที่เหลือเขาล้อมและฆ่าซือเฟิงกับคนอื่นๆไปแล้วแน่นอน
เมื่อเทียบกับความโกรธของจักรพรรดิอสูรแล้ว ฝั่งของร้อยผีโดดเดี่ยวนั้นดูสงบจนน่าประหลาดใจ
“สวัสดีหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ฉันคือผู้อาวุสจูเฟิงหยิงแห่งร้อยผีโดดเดี่ยว” จูเฟิงหยิงพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่เขาจะพูดอย่างช้าๆว่า “คราวนี้พวกเราร้อยผีโดดเดี่ยวจะขอเจรจา คุณสามารถบอกราคามาได้เลยหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม เรายินดีจะจ่ายเพื่อแลกกับชีวิตของเราทั้งหมด และซี่หยวนที่ถูกขังไว้”
“ผู้อาวุโสจูเฟิงหยิง ?” เฟยเย่ตกใจเมื่อเธอได้ยินคำพูดของจูเฟิงหยิง
ร้อยผีโดดเดี่ยวของพวกเขานั้นแข็งแกร่งมากๆ และแทบจะไม่เคยเห็นกิลในทวีปหลักของ God domain อยู่ในสายตาเลย ไม่เว้นแม้แต่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด ตอนนี้ถ้าพวกเขายอมแพ้ให้กับสภาสิบแปดปีก พวกเขาก็จะกลายเป็นที่หัวเราะในหมู่มหาอำนาจต่างๆของ God domain แน่นอน
และหากเรื่องนี้เกิดขึ้น พวกเขาทั้งหมดก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะต้องไปอธิบายให้พวกระดับสูงของกิลพวกเขาเข้าใจได้อย่างไร ….
จักรพรรดิอสูรและลู่ชิงหลัวที่อยู่ไม่ไกลนักก็ผงะเช่นกัน เมื่อได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาไม่คิดเลยว่าจูเฟิงหยิงจะยอมรับความพ่ายแพ้โดยไม่พูดอะไรสักคำ ซึ่งนี่มันก็ทำให้พวกเขาหมดความมั่นใจในการจะรับมือกับสภาสิบแปดปีกตอนนี้ไปเลย
“ผู้อาวุโสจูเฟิงหยิง ดูเหมือนว่าร้อยผีโดดเดี่ยวของคุณจะกลัวสภาสิบแปดปีกตั้งแต่ยังไม่เริ่มต่อสู้เลยนะ ….” จักรพรรดิอสูรกล่าวอย่างเย้ยหยัน “ฉันได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้แม้แต่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังเกรงกลัวพวกคุณ แต่ตอนนี้จริงๆแล้วดูเหมือนว่าพวกคุณจะไม่มีอะไรเลยสินะ พวกคุณมันมีแค่เปลือกจริงๆ !!!”
“จักรพรรดิอสูร ร้อยผีโดดเดี่ยวของเราก็มีกฎเป็นของตัวเอง และพูดกันตามตรงเราก็ไม่ได้มีความเกลียดชังหรือปัญหาใดๆกับสภาสิบแปดปีก ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะเรื่องเข้าใจผิดที่เมืองสกายสปริง ซึ่งพวกรุ่นเยาว์ของเราไปยั่วยุสภาสิบแปดปีกโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์เอง สำหรับพวกคุณในเมื่อพวกคุณไปยั่วยุสภาสิบแปดปีก มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกคุณจะต้องถูกลงโทษ” จูเฟิงหยิงกล่าวอย่างไม่แยแส
“ผู้อาวุโสจูเฟิงหยิง คุณนี่มัน …” จักรพรรดิอสูรมองไปยังจูเฟิงหยิงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าคนอย่างจูเฟิงหยิงจะยอมแพ้โดยไม่สนใบหน้าใดๆเลย และตอนนี้มันก็เห็นได้ชัดเลยว่าจูเฟิงหยิงวางแผนที่จะแยกตัวออกจากความขัดแย้งนี้ “แต่อย่างไรก็ตามแบล๊คเฟรมก็จะไม่ปล่อยคุณไปง่ายๆแน่นอน !!!”
“ใช่แล้วที่คุณพูดมามันก็ถูก ….” จูเฟิงหยิงยิ้มและพูดว่า “แต่ฉันอยากจะบอกว่าร้อยผีโดดเดี่ยวของเรายินดีจะแลกเปลี่ยนชีวิตของพวกเรากับแบบแปลนเซ็ทมานาขั้นสามจำลอง”
“นี่คุณบ้ารึปล่าว ?!” จักรพรรดิอสูรที่ได้ยินข้อเสนอของจูเฟิงหยิงตกตะลึง
พลังของเซ็ทมานาขั้นสามนั้นเขาสามารถรู้ได้เลยจากกองอัศวินดำเบื้องหลังจูเฟิง
หยิง และท้ายที่สุดแล้วเซ็ทมานาขั้นสามนี้มันก็ทำให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่สวมใส่มันทุกคนมีความสามารถจะโซโล่กับมอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายของเขาได้เลย ซึ่งแค่เรื่องเซ็ทนี้อย่างเดียว มันก็ทำให้ซุเปอร์กิลส่วนใหญ่ไม่กล้าจะมีปัญหากับร้อยผีโดดเดี่ยวแล้ว
แต่ตอนนี้จูเฟิงหยิงกำลังวางแผนที่จะใช้ของสิ่งนี้ซื้อชีวิตของตัวเองจริงๆงั้นหรอ ?
ในเวลานี้ไม่เพียงแต่จักรพรรดิอสูรกับลู่ชิงหลัวเท่านั้น แม้แต่ซือฟเิงก็ยังตกตะลึงกับเรื่องนี้
เดิมทีเขาได้วางแผนที่จะเรียกหลายสิ่งอย่างมหาศาลจนเกินเกณฑ์ที่ผู้อาวุโสทั่วไปของกิลๆหนึ่งจะสามารถรับได้ ซึ่งหากจูเฟิงหยิงไม่รับ เขาก็จะจัดการฆ่าซะ เพราะท้ายที่สุดตอนนี้เขามีป้อมปราการเคลื่อนที่แล้ว มันจึงไม่มีใครในปัจจุบันของ God domain จะสามารถต่อกรกับเขาได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจเรื่องร้อยผีโดดเดี่ยวมากนัก
แต่ตอนนี้หัวใจของเขานั้นสั่นจริงๆด้วยข้อเสนอของจูเฟิงหยิง ในสมุดบันทึกมานาที่เขาได้รับมานั้น มันไม่ได้บอกถึงวิธีการสร้างเซ็ทมานาขั้นสามเอาไว้ ดังนั้นมันจึงทำให้ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะสนใจ
เมื่อเห็นปฎิกิริยาของซือเฟิง จูเฟิงหยิงก็มองไปยังซือเฟิงด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์พลางพูดว่า “หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมคิดยังไงกับข้อเสนอนี้ ?”
“ก็ได้เอาตามที่คุณว่า ….” ซือเฟิงครุ่นคิด หลังจากนั้นเขาก็พูดต่อว่า “แต่ฉันมีอีกเงื่อนไขหนึ่งคือพวกคุณต้องร่วมมือกับพวกเราทำการปิดล้อมจักรพรรดิอสูร ลู่ชิงหลัว และกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint โดยพวกคุณจะต้องให้คนของเราทำการลาสฮิตมอนสเตอร์ Faux Saint ส่วนใหญ่ทั้งหมด”
“แบล๊คเฟรม !!!” เมื่อจักรพรรดิอสูรได้ยินเงื่อนไขที่ซือเฟิงต้องการจากจูเฟิงหยิง เขาก็แทบอยากจะกระโดดไปฆ่าซือเฟิงทันที “รอก่อนเถอะ ฉันจะให้คุณชดใช้สำหรับเรื่องนี้ไม่ช้าก็เร็ว !!!”
แต่อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็ไม่ได้รอให้จักรพรรดิอสูรทันได้พูดจบ เพราะซือเฟิงที่อยู่ห่างออกไปกว่าสี่ร้อยหลาได้มาปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าของจักรพรรดิอสูรและใช้ดาบแสงแห่งสองโลกแทงทะลุหัวใจของเขาทันที
สกิลมรดกขั้นสี่ Magic Light Strike!
การกระทำของซือเฟิงทุกอย่างนั้นเกิดขึ้นในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีและมันก็รวดเร็วมากๆ
“คุณ !!!”
จักรพรรดิอสูรมองไปยังดาบที่แทงทะลุหัวใจของเขาด้วยความรู้สึกโง่งม เขาไม่ได้คิดเลยว่าซือเฟิงจะปล่อยให้เขาพูด และเลือกให้เขาเตรียมจะใช้วิธีการดิ้นรนครั้งสุดท้ายของตัวเอง แล้วซือเฟิงถึงค่อยพุ่งมาโจมตี และฆ่าเขาเขาโดยใช้ม้วนคัมภีร์เวทย์แห่งความมืดล๊อควิญญาณของเขาไว้ พร้อมกันนั้นผลของการใช้ม้วนคัมภีร์นี้มันยังจะทำให้ผู้ที่ตกเป็นเป้าหมายโดนโทษจากการตายเพิ่มขึ้นสามถึงห้าเท่าด้วย โดยมันจะมีผลสามนาที
ขณะที่ลู่ชิงหลัวที่อยู่ด้านข้างของจักรพรรดิอสูรนั้นก็รู้สึกพูดไม่ออกและหวาดกลัวมากๆ เขาไม่คิดเลยว่าซือเฟิงจะใช้วิธีโหดเหี้ยมแบบนี้ในการฆ่าจักรพรรดิอสูร และเขาก็ไม่นึกเลยว่าจักรพรรดิอสูรจะตายแบบนี้
หลังจากซือเฟิงดึงดาบแสงแห่งสองโลกออกมาจากร่างของจักรพรรดิอสูร และจัดการเก็บไอเทมสองชิ้นที่จักรพรรดิอสูรดรอปออกมาแล้ว เขาก็มองไปยังลู่ชิงหลัวที่อยู่ด้านข้างพลางยิ้ม และพูดอย่างสบายๆว่า “หัวหน้ากิลชิงหลัว ครั้งที่แล้วคุณหนีไปได้ งั้นครั้งนี้ฉันขอคิดบัญชีแบบทบต้นทบดอกเลยแล้วกันนะ …”
ตอนที่ 2828 เลเวลที่พุ่งทะยานอย่างน่ากลัว
ภายในภูเขาที่มืดมิดและเงียบสงัด วิหารขนาดใหญ่ได้ตั้งตระหง่านอยู่เหนือถ้ำในหุบเขา
ในขณะที่แท่นบูชาที่อยู่ตรงกลางของวิหารนี้เปล่งประกายสีดำออกมา มันก็มีร่างหนึ่งเดินออกมาจากแสง ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากจักรพรรดิอสูรที่ซือเฟิงพึ่งจะฆ่าไป
ในเวลานี้นอกจากออร่าที่อ่อนแอแล้ว เลเวลของจักรพรรดิอสูรไม่ได้ลดลงไปเลย เขายังคงมีเลเวลหนึ่งร้อยสามสิบสอง และอยู่ในขั้นสี่เช่นเดิม
“แบล๊คเฟรม คุณต้องการจะฆ่าฉันและทำให้ฉันได้รับความสูญเสียร้ายแรงผ่านคำสาปล๊อควิญญาณงั้นหรอ ?! คุณพลาดแล้ว !!!” เมื่อนึกถึงซือเฟิงที่ทำการฆ่าเขาในทันที จักรพรรดิอสูรก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาอย่างเย้ยหยัน “ฉันได้รับของขวัญจากเทพปีศาจมาเป็นเวทย์ต้องห้าม ร่างอมตะ คุณไม่สามารถจะทำแบบนี้กับฉันได้ง่ายๆหรอก และตอนนี้ฉันก็เข้าใจถึงการวิวัฒนาการของมอนสเตอร์ Faux Saint ขั้นห้าโดยพื้นฐานแล้ว ซึ่งตราบใดที่ฉันรวบรวมวัสดุได้เพียงพอ และสร้างมันขึ้นมาได้เมื่อไหร่ ฉันจะทำให้คุณและสภาสิบแปดปีกของคุณได้ลิ้มรสชาติแห่งความตายแน่นอน !!!”
ร่างอมตะนั้นเป็นเวทย์ต้องห้ามขั้นสี่ที่ทำให้เขาสามารถฟื้นคืนจากความตายได้วันละครั้งโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งเมื่อเขาตายนั้น เขาจะมาฟื้นคืนชีพที่บริเวณวิหารเทพปีศาจทันที และเวทย์นี้มันมีผลเสมอแม้จะอยู่ในดินแดนต้องห้ามก็ตาม
ซึ่งเวทย์นี้นั้นจริงๆแล้วมันก็เป็นหนึ่งในไม้เด็ดของเขาที่เขาเตรียมไว้เพื่อใช้แก้ปัญหาเวลาเขาถูก NPC จับ เพราะท้ายที่สุดหากเขาต้องถูกส่งตัวให้วิหารเทพสงครามจริงๆ เขาจะได้ตายจริงๆแน่นอน
และมันก็เป็นเพราะเวทย์ต้องห้ามนี้แหละที่ทำให้เขากล้าที่จะปรากฎตัวต่อสาธารณชนมากขึ้น โดยไม่ต้องกลัวว่าเหล่า NPC จะมาจับตัวเขา
“แต่น่าเสียดายที่สำหรับลู่ชิงหลัวนั้นมันหมดหวังไปแล้ว ถ้ามีเขาช่วย ฉันคงจะสามารถสร้างมอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายขึ้นมาได้เร็วมากๆ” จักรพรรดิอสูรแอบรู้สึกเสียใจกับเรื่องนี้ “หลังจากนี้ฉันคงได้แต่พึ่งตัวเองแล้ว …”
มันยากเกินไปสำหรับซือเฟิงที่จะจับเขาให้ได้ เพราะมันต้องใช้เวลาพอสมควรในการจะจับตัวเขา เนื่องจากเขาเองก็เป็นผู้เล่นขั้นสี่เหมือนกันด้วย อย่างไรก็ตามสำหรับลู่ชิงหลัวนั้นมันแตกต่างออกไป เขายังอยู่เพียงแค่ขั้นสามเท่านั้น ซึ่งในระยะนี้ของเกม ผู้เล่นขั้นสี่เท่านั้นที่จะทำทุกอย่างได้อย่างที่ตัวเองต้องการ และหากผู้เล่นขั้นสี่เจอกับผู้เล่นขั้นสาม พวกเขาก็สามารถจะฆ่าหรือจับผู้เล่นขั้นสามได้อย่างง่ายดาย
สำหรับลู่ชิงหลัวที่มีส่วนเอี่ยวกับวิหารเทพปีศาจ เมื่อเขาถูกซือเฟิงจับได้และส่งให้วิหารเทพสงครามเมื่อไหร่ เขาก็จะจบสิ้นแน่นอน เพราะบทลงโทษที่วิหารเทพสงครามจะมอบให้กับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวิหารเทพปีศาจนั้นมันหนักหนาสาหัสมากๆ
“แต่ฉันคงได้แต่พึ่งตัวเองแล้วยังไงล่ะ ? ฉันมีสมบัติลับที่ยิ่งใหญ่อยู่ ไม่ต้องพูดถึงมอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายขั้นสี่เลย แค่ให้เวลาฉันสักหน่อย ฉันสามารถจะสร้างมอนสเตอร์ Faux Saint ขั้นห้าขึ้นมาได้เป็นจำนวนมากด้วยซ้ำ !!!” เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ จักรพรรดิอสูรก็อดไม่ได้ที่จะเปิดกระเป๋าของเขาเพื่อจะนำเอาสมบัติลับที่เขาว่าออกมาเชยชม
แต่อย่างไรก็ตามทันใดนั้นท่าทีของจักรพรรดิอสูรก็แปรเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกอย่างมาก
“ไม่มีงั้นหรอ ?” จักรพรรดิอสูรทำการตรวจเช็คกระเป๋าของเขาซ้ำไปมาถึงสามครั้งเพื่อยืนยันให้แน่ใจ และเขาก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันเป็นเรื่องจริง “มันดรอปไปงั้นหรอ ?”
เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ ใบหน้าของจักรพรรดอสูรก็เขียวคล้ำ
“แบล๊คเฟรม !! ฉันจะต้องทำให้คุณได้ชดใช้ให้ได้ !!!”
เสียงตะโกนก้องที่น่ากลัวดังก้องไปทั่วบริเวณของวิหารเทพปีศาจแห่งนี้ ….
ในเวลาเดียวกันกับที่จักรพรรดิอสูรฟื้นคืนชีพขึ้นมา ซือเฟิงก็ได้ใช้คำสาปล๊อควิญญาณ และจับลู่ชิงหลัวเข้าไปขังในคุกของป้อมปราการเคลื่อนที่โดยตรงเพื่อป้องกันไม่ให้ลู่ชิงหลัวได้ฆ่าตัวตาย หรือหาโอกาสหลบหนีได้
กระบวนการทั้งหมดตั้งแต่การฆ่าจักรพรรดิอสูรไปจนถึงการใช้คำสาปล๊อควิญญาณใส่จักรพรรดิอสูรและลู่ชิงหลัว รวมถึงจับลู่ชิงหลัวขักคุกนั้นกินเวลาราวห้าวินาทีเท่านั้น ขณะเดียวกันห่างออกไปไม่ไกลนัก ตอนนี้เหล่าสมาชิกของร้อยผีโดดเดี่ยวก็เต็มไปด้วยความกระวนกระวายมากๆ
เพราะว่าการโจมตีก่อนหน้านี้ของซือเฟิงนั้นมันรวดเร็ว และยอดเยี่ยมมากๆ
แม้แต่ชาโด้วแดนเซอร์ขั้นสี่อย่างจูเฟิงหยิงก็ยังแทบจะไม่สามารถมองเห็นดาบของซือเฟิงได้ พูดกันตามตรงเขามองเห็นดาบของซือเฟิงชัดๆก็ตอนที่มันแทงทะลุหัวใจของจักรพรรดิอสูรไปแล้วด้วยซ้ำ
และเขาก็สามารถบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่าการโจมตีเมื่อครู่นั้น ถ้าไม่ใช่พวกแท๊งเกอร์ชั้นยอดที่อยู่ในขั้นสี่ มันก็มีสิทที่จะตายในการโจมตีเดียวทั้งหมด
โดยหลังจากที่จักรพรรดิอสูรซึ่งเป็นผู้บัญชาการของกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ตายไป ทั้งกองทัพก็ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย พวกมอนสเตอร์ Faux Saint ระดับต่ำๆนั้นก็พยายามจะถอยหนีกันอย่างบ้าคลั่ง แม้ว่าจะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ก็ตาม ขณะที่พวกมอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ระดับเทพนิยายที่มีสติปัญญาสูงกว่านั้น เมื่อรู้ว่าตัวเองไม่สามารถหนีไปได้ พวกมันมากกว่าสามร้อยตัวที่เหลือก็ได้เข้ามาล้อมซือเฟิงและคนอื่นๆไว้โดยพวกมันได้วางแผนที่จะต่อสู้จนตายกันไปข้างหนึ่ง
“การต่อต้านที่โง่เขลา !!!”
ซือเฟิงมองไปยังเหล่ามอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ระดับเทพนิยายขั้นสี่มากกว่าสามร้อยตัวที่เข้ามาล้อมเขากับคนอื่นๆพลางยิ้มเยาะ ก่อนที่เขาจะหยิบแหวนแห่งกอสเปลออกมา และจ่ายด้วยคริสตัลเวทย์มนต์ห้าพันชิ้น เพื่อเปิดใช้งานโลกจิ๋ว
ชั่วขณะหนึ่งโดยมีซือเฟิงเป็นศูนย์กลางนั้นผลของโลกจิ๋วก็แผ่กระจายออกไปปกคลุมพื้นที่ในรัศมีห้าพันหลาทันที และนี่มันก็ทำให้เหล่ามอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ทั้งหมดรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพวกมันถูกปราบปรามอย่างรุนแรง และค่าสถานะของพวกมันก็ลดลงอย่างรวดเร็ว
“โดเมนปราบปราม ?” หานเทียน ชายยักษ์เกราะทองมองไปยังฉากตรงหน้าด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “นี่แบล๊คเฟรมซ่อนไพ่ของเขาไว้กี่ใบกัน ?”
เดิมทีเขาคิดว่ามอนสเตอร์ Faux Saint บินได้มากกว่าสามร้อยตัวนี้อาจสร้างปัญหาให้กับสภาสิบแปดปีกได้บ้าง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามัจะเป็นเรื่องตลกไปแล้ว
ภายใต้ผลของโดเมนปราบปรามอย่างโลกจิ๋วแบบนี้นั้น แม้แต่ผู้เล่นขั้นสี่ก็ยังจะต้องถูกปราบปรามอย่างหนัก แถมหากผู้เล่นขั้นสี่คนนั้นไม่ได้เป็นปรมาจารย์นักเวทย์ พวกเขาก็จะไม่สามารถทำการบินภายในนี้ได้ด้วย
ขณะที่แต่เดิมนั้นพลังการต่อสู้ของพวกมอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ระดับเทพนิยายนี้ก็อยู่ในขั้นพื้นฐานของขั้นสี่เท่านั้น และเมื่อมันมาถูกปราบปรามอย่างหนักแบบนี้ก็ไม่ต้องพูดถึงผู้เล่นขั้นสี่เลย แม้แต่ผู้เล่นขั้นสามก็ยังจะสามารถต่อกรกับมันได้สบายๆ
“นี่ร้อยผีโดดเดี่ยวลืมข้อตกลงที่เราทำกันไว้แล้วงั้นหรอ ?!” ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะหันไปมองสมาชิกของร้อยผีโดดเดี่ยวพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หรือที่คุณทำข้อตกลงกับฉันเมื่อครู่ มันแค่ล้อเล่นกัน ?”
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมก็อย่าพูดอะไรแบบนั้นสิ เราแค่ตกตะลึงนิดหน่อยน่ะ ตอนนี้เราจะทำตามข้อตกลงเดี๋ยวนี้แหละ !!!” จูเฟิงเฟิงหยิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะออกคำสั่งว่า “ทุกคนไปจัดการได้ !!!”
เมื่อได้ยินคำสั่งของจูเฟิงหยิง สมาชิกของกองอัศวินดำก็เริ่มเข้าปะทะกับมอนสเตอร์ Faux Saint ทันที
แม้ว่าอัศวินดำเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นแค่ผู้เล่นขั้นสาม แต่ด้วยความที่พวกเขาสวมใส่เซ็ทมานาขั้นสามมันก็ทำให้พวกเขาแข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ระดับเทพนิยายในตอนที่อยู่ในสภาวะสูงสุดด้วยซ้ำ ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงตอนนี้เลย
การโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียวจากอัศวินดำหนึ่งคนมันก็มากพอจะทำให้มอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ปลิวกระเด็นไปแล้ว ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงจำนวนมากกว่านี้เลย
“ไฟเออร์แดนซ์ บอกให้พวกระดับสูงของเราทั้งหมดลงมาเข้าร่วมการต่อสู้นี้ โดยพวกเขาแต่ละคนจะต้องฆ่ามอนสเตอร์ Faux Saint ที่ไม่ใช่ระดับเทพนิยายกันให้ได้อย่างน้อยคนละสามตัว !!!” ซือเฟิงที่เห็นกองอัศวินดำเข้าร่วมการต่อสู้แล้ว อดไม่ได้ที่จะหันไปสั่งไฟเออร์แดนซ์
มอนสเตอร์ Faux Saint เหล่านี้ล้วนจัดเป็นขุมสมบัติที่ยิ่งใหญ่ แม้ว่ามันจะไม่ได้มีไอเทมดรอปมากนัก แต่หมอกที่ออกมาจากตัวพวกมันนั้นก็พิเศษมาก ซึ่งหากผู้เล่นขั้นสี่ และขั้นสามได้ดูดซับเข้าไป มันก็จะช่วยในการพัฒนาของพวกเขาได้อย่างมาก
โดยเฉพาะกับพวกที่ยังติดอยู่ในขั้นสาม การได้ดูดซับหมอกพวกนี้เข้าไปนั้นจะช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จในการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้อย่างมาก
“รับทราบ !! ฉันจะติดต่อพวกที่อยู่ในป้อมปราการทันที !!!” ไฟเออร์แดนซ์พยักหน้า ก่อนจะรีบไปทำตามคำสั่งทันที
ขณะที่ไฟเออร์แดนซ์รีบออกไปติดต่อคนอื่นๆให้มาเข้าร่วมสนามรบตามคำสั่งของซือเฟิง อันยีลดิ้งฮาร์ท และอิลูซะรี่เวิร์ดก็ได้บินเข้ามาหาเขา
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม เราสองคนคุยกันว่าอยากจะขอซื้อสิทในการฆ่ามอนสเตอร์ Faux Saint บินได้พวกนี้ให้กับสมาชิกกิลของเราสักคนละหนึ่งโหลหรือมากกว่านั้นนิดหน่อย” อันยีลดิ้งฮาร์ทกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกละอายใจอายเล็กน้อย “โดยเรายินดีจะแลกกับมรดกที่สมบูรณ์ขั้นสามกันคนละหนึ่งชุด”
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะไม่อิจฉาเหล่าสมาชิกสภาสิบแปดปีก เพราะซือเฟิงได้อนุญาติให้เหล่าสมาชิกสภาสิบแปดปีกฆ่ามอนสเตอร์ Faux Saint บินได้พวกนี้อย่างเมามัน ซึ่งหมอกที่ออกมาจากตัวพวกนี้นั้น หากดูดซับเข้าไปมันก็ทำให้ผู้เล่นมีโอกาสทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้สำเร็จมากขึ้นอย่างแน่นอน
ปัจจุบันมหาอำนาจต่างๆน้นล้วนขาดแคลนผู้เล่นขั้นสี่อย่างมาก ซึ่งหากกิลทั้งสองของพวกเขามีผู้เล่นขั้นสี่มากขึ้น มันก็จะช่วยให้กิลทั้งสองของพวกเขาสามารถพัฒนาไปได้ไกลขึ้นแน่นอน
ซือเฟิงมองไปยังทั้งสองคนที่มีท่าทีละอายใจเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะหัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “รองหัวหน้ากิลทั้งสองไม่จำเป็นต้องมาทำแบบนี้หรอก พวกคุณได้ช่วยสภาสิบแปดปีกต่อสู้กับมหาอำนาจต่างๆมาอย่างหนักก่อนหน้านี้ และพวกคุณก็ได้จ่ายไปมากแล้ว พวกคุณสามารถเลือกมอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ที่เหลือพวกนี้ไปได้ละสามสิบตัวเลย ถือซะว่ามันเป็นค่าชดเชยจากสภาสิบแปดปีกและฉันในช่วงที่ผ่านมาแล้วกัน”
เขารู้สึกขอบคุณอันยีลดิ้งโซล และจักรพรรดิคริมสันอย่างมาก
หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากทั้งสองกิล สภาสิบแปดปีกก็คงจะไม่สามารถรั้งศัตรูทั้งหมดเอาไว้ได้จนเขากลับมา ด้วยเหตุนี้เรื่องแค่นี้มันจึงเป็นเรื่องธรรมดามากๆสำหรับซือเฟิงที่จะต้องตอบแทน อีกทั้งหากทั้งสองกิลแข็งแกร่งขึ้น มันก็จะยิ่งเป็นประโยชน์ต่อสภาสิบแปดปีกมากขึ้นด้วย แถมพูดกันตามตรงผู้เชี่ยวชาญขั้นสามทั้งหมดของสภาสิบแปดปีกก็ยังมีความสามารถไม่มากพอจะจัดการกับพวกมอน
สเตอร์ Faux Saint บินได้เองทั้งหมดด้วย
หรือต่อให้พวกเขามีความสามารถมากพอจริงๆ แต่ในหมู่พวกเขาทั้งหมดจากที่ซือเฟิงคาดเดา มันก็จะมีไม่ถึงยี่สิบคนแน่นอนที่จะเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่ได้สำเร็จ ดังนั้นส่วนต่างที่เหลือเขาจึงควรมอบเป็นค่าตอบแทนให้กับกิลทั้งสอง และยกให้ไฟเออร์แดนซ์กับพวกขั้นสี่คนอื่นๆของสภาสิบแปดปีกดีกว่า เพราะมันจะเป็นประโยชน์มากกว่า
“ขอบคุณ หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม !!”
อันยีลดิ้งฮาร์ทและอิลูซะรี่เวิร์ดมองหน้ากันอย่างมีความสุข แค่สามสิบตัวมันก็มากพอแล้วสำหรับผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดหรือเก่งกาจกว่าของกิลทั้งสองของพวกเขา
ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง กองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ทั้งหมดก็ถูกทำลายล้างลงอย่างสิ้นเชิง และเลเวลของซือเฟิงก็เพิ่มขึ้นจากหนึ่งร้อยสี่สิบหกไปเป็นหนึ่งร้อยสี่สิบแปด ซึ่งมันทำให้เขาอยู่ห่างจากเลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบที่เป็นความต้องการในการเลื่อนขั้นเป็นขั้นห้าเพียงสองเลเวลเท่านั้น สำหรับพวกผู้บริหารระดับสูงขั้นสี่ของสภาสิบแปดปีกอย่างไฟเออร์แดนซ์ และไวโอเล็ตคลาวด์นั้น พวกเธอก็มาถึงเลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบห้า และหนึ่งร้อยสี่สิบหกตามลำดับ ส่วนพวกระดับสูงคนอื่นๆของสภาสิบแปดปีกก็ล้วนมาถึงเลเวลหนึ่งร้อยสามสิบขึ้นไปทั้งหมด การต่อสู้ในครั้งนี้นั้น มันได้มอบ EXP ให้พวกเขาอย่างมากมายมหาศาลเกินจะคาดคิดจริงๆ
หลังจากจัดการกับกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint เรียบร้อยแล้ว จูเฟิงหยิงก็ได้มามอบแบบแปลนเซ็ทมานาขั้นสามจำลองให้กับซือเฟิง ซึ่งหลังจากที่ซือเฟิงได้เช็คว่านี่เป็นของแท้เรียบร้อยแล้ว เขาจัดการปลดล๊อคการปิดผนึกพื้นทั้งหมด และได้ทำการปล่อยซี่หยวนออกจากคุกของเมืองสกายสปริง
อย่างไรก็ตามเมื่อการต่อสู้ที่หอคอยแห่งพันธสัญญาลับจบลงและการปิดล้อมถูกยกเลิก ข่าวเรื่องนี้ก็แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วราวกับไฟป่าในอาณาจักรทวินทาวเวอร์และประเทศต่างๆ
ตอนที่ 2829 ความพ่ายแพ้ของจักรพรรดิอสูร
จักรวรรดิมังกรไฟ เมืองมังกรไฟ :
“กองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง ขณะที่พวกร้อยผีโดดเดี่ยวก็ถูกบังคับให้ต้องยอมเปลี่ยนฝั่งไปช่วยแบล๊คเฟรมเพื่อเอาชีวิตรอด ? นี่มันเป็นไปได้อย่างไร ?”
หลังจากได้รับข่าวล่าสุดจากหอคอยแห่งพันธสัญญาลับมา มหาอำนาจต่างๆส่วนใหญ่ก็ล้วนไม่อยากจะเชื่อเลยว่าข่าวที่พวกเขาได้รับมามันจะเป็นเรื่องจริง
กองทัพที่มุ่งไปจัดการพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกนั้นประกอบไปด้วยมอน
สเตอร์ Faux Saint นับล้าน แถมในหมู่พวกมันยังมีมอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายอีกหลายพันตัว นี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่ว่ากิลร้อยผีโดดเดี่ยว ซึ่งเป็นกิลที่แม้แต่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังหวาดกลัวได้เดินทางร่วมกับกองทัพนี้ไปด้วย
แต่ตอนนี้ข่าวล่าสุดที่พวกเขาได้รับมามันกับเป็นข่าวที่กองทัพนี้ได้พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง แถมกิลร้อยผีโดดเดี่ยวยังถูกบังคับให้ต้องยอมเปลี่ยนฝั่งเพื่อเอาชีวิตรอดอีก นี่มันบ้าชัดๆ !!!
ขณะเดียวกันวีดีโอเกี่ยวกับการต่อสู้ก็เริ่มถูกเผยแพร่ออกมา ซึ่งนี่มันก็ทำให้ทุกคนตกตะลึงมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวีดีโอในช่วงตอนที่หอคอยเวทย์มนต์ของป้อมปราการเคลื่อนที่ทำการโจมตีและกวาดล้างมอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ระดับเทพนิยาย …..
ขณะเดียวกันที่สถานที่พักกิลของฟรอสต์ฮีฟเว่น :
“สุดยอดเลย !!! ตามที่คาดไว้ ป้อมปราการเคลื่อนที่ของสภาสิบแปดปีกนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถจะแตะต้องได้อย่างแท้จริง !!! และเมื่อสถานการณ์ดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว หอคอยแห่งพันธสัญญาลับก็จะไม่เปลี่ยนมือแน่นอน แถมมันก็จะไม่มีใครใน God domain ที่จะสามารถเอาชนะพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกได้แน่นอน !!!” มู่ฉินกล่าวด้วยรอยยิ้มแห่งความประหลาดใจอย่างถึงที่สุด เมื่อเธอได้รับรายงานล่าสุดเกี่ยวกับเรื่องสงครามแย่งชิงหอคอยแห่งพันธสัญญาลับมา
แม้ว่าฟรอสต์ฮีฟเว่ของพวกเขาต้องการจะเข้าช่วยสภาสิบแปดปีกในเรื่องนี้ แต่หลังจากได้รับตำแหน่งหนึ่งในหกตำแหน่งสำรองของสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน God domain มา กิลของพวกเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับปัญหามากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องปัญหากับซุเปอร์กิลสองแห่งในจักรวรรดิมังกรไฟอย่างจักรวรรดิไพรน์ และสกายดราก้อนเฮ้าท์ที่มันนับเป็นเรื่องหนักหนาสำหรับพวกเขามาตลอด
แถมนอกเหนือจากซุเปอร์กิลทั้งสองนี้แล้ว มันก็ยังมีมิราเคิล วังปีศาจ และมหาอำนาจอื่นๆอีกมากมายที่คอยก่อกวนพวกเขาอย่างลับๆในจักรวรรดิมังกรไฟ ซึ่งมันทำให้พวกเขาจัดการเรื่องต่างๆในจักรวรรดิมังกรไฟได้ยากมากขึ้นเรื่อยๆ
หากไม่ใช่เพราะว่าฟรอสต์ฮีฟเว่นของพวกเขาได้เข้าประจำการในเมืองหลักของจักรวรรดิมังกรไฟแล้ว และเมืองหลายเมืองของจักรวรรดิก็ถือเป็นบ้านของพวกเขา …. ในเวลานี้ฟรอสต์ฮีฟเว่นของพวกเขาก็อาจจะถูกจัดการไปแล้วก็ได้ เนื่องจากสกายดราก้อนเฮ้าท์ และจักรวรรดิไพรน์นั้นเป็นกิลที่เริ่มพัฒนาในจักรวรรดิมังกรไฟมาตั้งแต่ต้น ดังนั้นรากฐานของพวกเขาที่นี่มันจึงลึกเกินจะหยั่งถึงมากๆ
แม้แต่กองกำลัง NPC บางส่วนในจักรวรรดิมังกรไฟก็ยังเต็มใจจะเป็นพันธมิตรกับซุเปอร์กิลทั้งสองนี้
แต่มันก็โชคดีที่ฟรอสต์ฮีฟเว่นของพวกเขานั้นได้รับผลประโยชน์ รวมไปถึงทรัพยากรค่อนข้างมากจากเมืองหลัก NPC บางแห่งที่พวกเขามีสิทจัดการในจักรวรรดิมังกรไฟ และเมืองชายฝั่งอีกหนึ่งแห่ง ไม่งั้นพวกเขาก็คงจะไม่สามารถยืนหยัดต่อต้านซุเปอร์กิลทั้งสองในจักรวรรดิมังกรไฟมาได้นานขนาดนี้แน่นอน
“ป้อมปราการเคลื่อนที่งั้นหรอ ? ….” หงซินหยวนกล่าวด้วยความอิจฉาว่า “ถ้า
ฟรอสต์ฮีฟเว่นของเราได้รับป้อมปราการเคลื่อนที่แบบนี้มาสักป้อม มันจะช่วยให้สมาชิกของเราสามารถเก็บเลเวลและรวบรวมทรัพยากรได้จำนวนมากเลย แถมมันยังจะช่วยแก้ปัญหาหลายอย่างที่เราเจออยู่ตอนนี้ได้แบบง่ายดายมากๆ”
วิเคราะห์จากข้อมูลที่สายลับของพวกเขาส่งมานั้น ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการป้องกันหรือความสามารถในการโจมตีของป้อมปราการเคลื่อนที่นั้น มันสามารถที่จะถูกใช้นำเข้าประจำการที่แผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบหรือมากกว่านั้นนิดหน่อยได้สบายๆเลย ซึ่งแผนที่แบบนี้นั้นมหาอำนาจทุกกลุ่มในปัจจุบันล้วนอยากจะเข้าไปสำรวจ และยึดครองมากๆ
เนื่องจากหากเข้าไปที่แผนที่แบบนี้ได้ ไม่เพียงแต่ผู้เล่นจะสามารถเก็บเลเวลได้เร็วขึ้นเท่านั้น แต่มันยังจะมีทรัพยากรที่หายากมากมาย รวมไปถึงสิ่งที่หลงเหลือมาจากยุคโบราณ และคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่อยู่ด้วย
แต่เดิมมันมีแผนที่เพียงไม่กี่แผนที่เท่านั้นที่ผู้เล่นจะสามารถไปสำรวจและรับเอาคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่มาได้ อย่างไรก็ตามสำหรับแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบหรือมากกว่านั้น แทบทุกแผนที่ล้วนมีสิทที่จะดรอปและทำให้ผู้เล่นได้รับคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ แม้ว่าโอกาสของเรื่องนี้จะค่อนข้างต่ำก็ตาม
อย่างไรก็ตามแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบหรือมากกว่านั้นมันก็อันตรายอย่างมาก แค่พลังงานแปลกปลอมที่จะกัดกร่อนร่างกายของผู้เล่นมันก็หนักหนากว่าแผนที่อื่นๆมากแล้ว และแม้ว่ามันอาจจะยังเทียบไม่ได้กับดินแดนต้องห้าม แต่มันก็มักจะมีมอนสเตอร์เป็นกลุ่มใหญ่ปรากฎตัวขึ้นไล่ล่าผู้เล่นที่เข้าไปเสมอๆไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน ซึ่งแม้แต่ผู้เล่นขั้นสี่ก็ยังยากจะอยู่รอดในแผนที่แบบนี้ได้ หากถูกมอน
สเตอร์กลุ่มใหญ่ในแผนที่ล้อม
นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่ากิจกรรมหลักของเหล่ากองกำลัง NPC ที่แข็งแกร่งมักจะอยู่ในแผนที่แบบนี้ด้วย ….
แต่ในเมื่อตอนนี้สภาสิบแปดปีกมีป้อมปราการเคลื่อนที่แล้ว ดังนั้นทุกคนจึงจะสามารถจะมองเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะมีข้อได้เปรียบมากขนาดไหนในเรื่องนี้ และมหาอำนาจต่างๆก็จะไม่สามารถเทียบกับสภาสิบแปดปีกได้เลย
และตอนนี้ในเมื่อสภาสิบแปดปีกมีป้อมปราการเคลื่อนที่ ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถควบคุมหอคอยแห่งพันธสัญญาลับได้อย่างสมบูรณ์แล้ว มันก็จะทำให้พวกเขาสามารถเลี้ยงดูและเพิ่มพูนจำนวนผู้เล่นขั้นสามของตัวเองขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว โดยในอนาคตแม้แต่ซุเปอร์กิลบางแห่งก็จะเทียบกับพวกเขาไม่ได้ในเรื่องนี้
ในตอนนี้หากสภาสิบแปดปีกต้องการจะกลายเป็นยักษ์ใหญ่ที่แท้จริงใน God domain สิ่งที่พวกเขาเหลือต้องทำก็แค่รอเท่านั้น เมื่อพวกเขามีผู้เล่นขั้นสามมากเพียงพอ และพัฒนารากฐานของตัวเองขึ้นมาได้แข็งแกร่งเพียงพอ พวกเขาก็จะเริ่มมีความสามารถในการเข้ายึดครองดินแดนต่างๆรวมไปถึงเมืองของ NPC ได้เพิ่มเติม ซึ่งเมื่อเวลานั้นมาถึงบางทีพวกเขาอาจขึ้นไปเทียบกับห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดได้ด้วยซ้ำ ในแง่ของอิทธิพลใน God domain
ซึ่งในขณะที่ฟรอสต์ฮีฟเว่นกำลังรู้สึกตกตะลึงและประหลาดใจกับความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีก โคลท์ชาโด้วที่อยู่ในเมืองหลักชายฝั่งเมืองหนึ่งของจักรวรรดิอะโพคาลิปก็ได้รับข่าวที่น่าประหลาดใจนี้เช่นกัน
“นี่มันน่าสนใจจริงๆ …. แม้แต่กองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint และพวกร้อยผีโดดเดี่ยวก็ยังไม่สามารถจะทำอะไรกับป้อมปราการเคลื่อนที่ได้ ….” โคลท์ชาโด้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เธอเปิดอ่านรายงานในมือของเธอ “ในครั้งนี้ลู่ชิงหลัวได้พ่ายแพ้ และสูญเสียอย่างรุนแรงจนน่าสังเวช หลังจากนี้ฉันคิดว่าเขามีสิทจะหลุดจากตำแหน่งทายาทสูงเลยทีเดียว”
“รองหัวหน้ากิล แล้วพวกเราจะเอายังไงกันดี ?” ไวท์เฟเธอร์ที่ยืนอยู่ข้างๆโคลท์ชาโด้วถามขึ้นอย่างกังวล “หัวหน้ากิลส่งพวกเรามาเพื่อให้พวกเราวางรากฐานที่มั่นคงในทวีปด้านตะวันออกให้กับไมโทโลจี้ เพื่อที่ว่าไมโทโลจี้ของเราจะได้เข้าครอบงำทั้งสองทวีปหลักได้ในอนาคต แต่ตอนนี้สภาสิบแปดปีกกับโตขึ้นมาอย่างแข็งแกร่งมากๆ ขณะที่ฝั่งที่เป็นศัตรูกับพวกเขานั้นอ่อนแอลงเรื่อยๆ”
“ไม่ต้องกังวลหรอกน่า ตราบใดที่เราสามารถทำสิ่งที่เราทำอยู่ได้สำเร็จ และคนๆนั้นทำสิ่งนั้นเรียบร้อย ไมโทโลจี้ของเราจะเข้าครอบครองทวีปด้านตะวันออกได้โดยไม่มีอุปสรรคใดๆแน่นอน” โคลท์ชาโด้วกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ “และถ้าเราโชคดีเราก็อาจจะสามารถเข้ายึดสภาสิบแปดปีกได้ทั้งหมดเลย เพราะท้ายที่สุดแล้วมันเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วสำหรับกองกำลังต่างๆในทวีปด้านตะวันออก”
“หื้ม ? นี่ท่านโอดินใกล้จะทำสิ่งนั้นสำเร็จแล้วงั้นหรอ ?” ไวท์เฟเธอร์เริ่มตระหนักได้ถึงหลายสิ่ง เมื่อได้ฟังคำพูดของโคลท์ชาโด้ว
“ใช่แล้ว และเมื่อเวลานั้นมาถึงทวีปด้านตะวันออกทั้งทวีปก็จะกลายเป็นสนามรบ” โคลท์ชาโด้วกล่าวพลางพยักหน้า “กองกำลังต่างๆในทวีปด้านตะวันออกจะทำได้แค่เฝ้าดู และรอวันตายอย่างไม่สามารถจะทำอะไรได้ และแม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะมีป้อมปราการเคลื่อนที่เพิ่มขึ้นมาอีกสักป้อม แต่มันก็จะไร้ประโยชน์ !!!”
อาณาจักรทวินทาวเวอร์ เมืองสกายสปริง :
เนื่องจากชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของสภาสิบแปดปีก มหาอำนาจต่างๆที่หวังจะเข้ามาหาผลประโยชน์ในเมืองสกายสปริง และหอคอยแห่งพันธสัญญาลับจึงจำต้องเริ่มถอนตัวกลับ ส่วนสมาชิกพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกต่างก็ส่งเสียงเชียร์ และตะโกนดีใจกันให้กับเรื่องนี้
ตอนนี้เมื่อผลของการต่อสู้ครั้งล่าสุดออกมา มันก็ชัดเจนแล้วว่าใครคือเจ้าของหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ
และด้วยการอาศัยมรดกที่สมบูรณ์ขั้นสามจากหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ ตลอดไปจนความเร็วในการเก็บเลเวลภายในนั้น พันธมิตรสามกิลของพวกเขาก็จะสามารถเลี้ยงดูผู้เล่นขั้นสามจำนวนมากขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งในแง่นี้นั้น ในอนาคตแม้แต่ซุเปอร์กิลก็ยังไม่อาจจะเทียบกับพวกเขาได้แน่นอนในเรื่องนี้ แถมเมื่อสถานการณ์ออกมาในรูปแบบนี้พันธมิตรสามกิลของพวกเขาก็จะไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องกองกำลัง NPC อีกต่อไป โดยพันธมิตรามกิลของพวกเขาน่าจะสามารถเผชิญหน้ากับกองกำลัง NPC ต่างๆได้สบายเลยด้วยซ้ำในอนาคต
“ผู้อาวุโสจูเฟิงหยิง การที่คุณมอบแบบแปลนเซ็ทมานาขั้นสาม ถึงมันจะเป็นแค่แบบจำลองก็เถอะให้กับสภาสิบแปดปีก นี่มันเท่ากับว่าเป็นการไปติดปีกให้กับเสืออย่างสภาสิบแปดปีกเลย และเมื่อพวกเรากลับไป หัวหน้ากิลก็จะลงโทษพวกเราอย่างหนักแน่นอนในเรื่องนี้ เนื่องจากสิ่งนี้มันจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อแผนการในอนาคตของกิลเรา” ซี่หยวนที่พึ่งได้รับการปล่อยตัวออกมากล่าวบ่นจูเฟิงหยิง
เซ็ทมานาขั้นสามนั้นคือสิ่งที่จะทำให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามสามารถต่อกรกับผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ได้ และตราบใดที่กิลๆหนึ่งมีของสิ่งนี้นั้น พวกเขาก็จะกลายเป็นภัยคุกคามขนาดใหญ่มากๆพอกับการมีป้อมปราการเคลื่อนที่เลย ….
แถมนี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่ว่า หากผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ได้สวมใส่มันนั้น พลังในการต่อสู้ของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นไปอีก และพวกเขาก็จะสามารถทำหลายสิ่งได้มากกว่าผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ทั่วไปมาก ซึ่งมันก็จะนับเป็นประโยชน์ต่อกิลอย่างมหาศาล ….
“ซี่หยวน นี่คุณยังไม่เข้าใจความคิดของผู้อาวุโสเฟิงหยิงอีกรึไง ?” ชายยักษ์ในชุดเกราะทองที่ชื่อหานเทียนที่ยืนอยู่ด้านข้างกล่าวพลางหัวเราะ “คุณคิดว่าสภาสิบแปดปีกจะสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้จริงๆงั้นหรอ ?”
“คุณหมายความว่ายังไง ?” ซี่หยวนถามอย่างงงงวย
“การจะผลิตเซ็ทมานาขั้นสามสักเซ็ทขึ้นมาให้ได้นั้นมันท้าทายมากๆ แล้วคุณคิดว่าสภาสิบแปดปีกจะสามารถผลิตมันขึ้นได้มากมายด้วยแบบแปลนจำลองนั่นงั้นหรอ ?” หานเทียนกล่าวอธิบายด้วยรอยยิ้ม “โดยทั่วไปแล้วหากต้องการจะสร้างเซ็ทมานาขั้นสามสักเซ้ทนั้นก็จะต้องใช้ปรมาจารย์ช่างตีเหล็กขั้นสูงที่มีความสามารถในด้านวงเวทย์อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นสูงด้วย แต่อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ก็ยังไม่ใช่ปัญหาจริงๆทั้งหมด ปัญหาจริงๆทั้งหมดคือเรื่องวัสดุที่หายากมากๆ โดยเฉพาะแร่เงินลึกลับที่ขนาดเราก็ยังหามาได้ยากมากๆ ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงสภาสิบแปดปีกเลย”
“และแม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะสามารถผลิตเซ็ทมานาขั้นสามขึ้นมาได้จริงๆ แต่ผู้ที่จะสวมใส่มันได้ หากไม่นับผู้เล่นขั้นสี่ มันก็จะมีแค่ผู้ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่มีค่าสถานะแทบจะเทียบเท่ากับพวกขั้นสี่โดยทั่วไปเท่านั้น ซึ่งหากสภาสิบแปดปีกไม่สามารถบรรลุเงื่อนไขสองข้อนี้ได้มากพอ สิ่งที่พวกเขาได้ไปมันก็จะเป็นแค่แผ่นกระดาษ”
เมื่อซี่หยวนได้ฟังคำอธิบายทั้งหมด เขาก็เริ่มเข้าใจในหลายสิ่งทันที ….
“ในครั้งนี้แม้ว่าแบล๊คเฟรมจะคิดว่าเขาทำกำไรได้อย่างมหาศาล แต่ความจริงแล้ว หากเขาไม่สามารถบรรลุเงื่อนไขสองข้อนี้ได้มากพอ มันก็จะเท่ากับว่าเขาไม่ได้อะไรเลย” หานเทียนกล่าวเสริม “แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้เราต้องรีบออกจากที่นี่แล้ว หัวหน้ากิลได้เตือนเรามาว่ามันกำลังจะมีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้นในทวีปด้านตะวันออกแห่งนี้ ดังนั้นเราจึงต้องรีบออกจากที่นี่ไปทำงานที่ได้รับมาให้เสร็จสิ้น และรีบกลับไป เพราะหากเราได้รับผลกระทบไปด้วย สภาพของเราคงดูไม่จืดเลยทีเดียว ….”
“นี่มันแปลว่าสภาสิบแปดปีกก็ได้รับแค่เศษกระดาษไปสินะ …” ซี่หยวนอดไม่ได้ที่จะพึมพำด้วยรอยยิ้ม
“ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะเดินทางไปพร้อมกับเฟยเย่เพื่อทำสิ่งที่หัวหน้ากิลได้มอบหมายเรามาให้เสร็จเรียบร้อย” ซี่หยวนกล่าวขึ้นด้วยความตื่นเต้น เดิมทีเขาต้องการจะแก้แค้นสภาสิบแปดปีก แต่ตอนนี้มันดูเหมือนว่าจะไม่จำเป็นแล้ว เพราะเวลาของสภาสิบแปดปีกกำลังจะหมดลงโดยที่สภาสิบแปดปีกไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่เหล่าสมาชิกของร้อยผีโดดเดี่ยวกำลังเดินทางออกจากเมืองสกายสปริง ซือเฟิงที่อยู่ห่างออกไปในคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการเคลื่อนที่นั้นก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง เมื่อเขาได้ทำการตรวจสอบไอเทมที่จักรพรรดิอสูรดรอปออกมา
“สิ่งนี้มันไปอยู่ในมือหมอนี่ได้ยังไงกัน ?!”
ซือเฟิงนั้นแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เพราะไอเทมสองชิ้นที่จักรพรรดิอสูรดรอปออกมานั้นมันมีค่ามากๆ แถมหนึ่งในนั้นยังเป็นสิ่งที่ซือเฟิงตามหามาตลอดแต่ยังไม่พบด้วย
ใช่แล้ว หนึ่งในเจ็ดสมบัติแห่ง God domain !!!
สมบัติแห่งไฟ : มงกุฎชำระโลก !!!
ตอนที่ 2830 สมบัติแห่งไฟ
เมื่อมองไปที่มงกุฎชำระโลกนั้น ซือเฟิงก็เต็มไปด้วยความสุขมากๆ
การตามหาสมบัติทั้งเจ็ดนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แม้ว่าเขาจะมีสกิลที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบและสำรวจเรื่องนี้ แต่มันก็มีหลายวิธีที่จะใช้ปิดกั้นสกิลของเขาเช่นกัน ซึ่งมันก็เหมือนกับตอนนี้ที่เขาถือมงกุฎชำระโลกอยู่ แต่สกิลของเขามันกับไม่มีการตอบสนอง
แต่ตอนนี้หลังจากที่ฆ่าจักรพรรดิอสูรแล้ว เขากับได้รับมงกุฎนี้มาโดยบังเอิญ เรื่องนี้มันจึงจัดว่าน่าประหลาดใจอย่างมาก
หลังจากนั้นซือเฟิงได้รีบคลิกตรวจสอบข้อมูลของมงกุฎชำระโลกทันที เขานั้นอยากจะรู้มากๆว่าสมบัติแห่งไฟชิ้นนี้เป็นดั่งข่าวลือรึปล่าว ….
(มงกุฎชำระโลก)(เศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนาน)
เดิมทีมันคือส่วนหนึ่งของสมบัติแห่งไฟ อย่างไรก็ตามมันได้ถูกปิดผนึกไว้ด้วยพลังของเทพปีศาจที่ชั่วร้าย และตอนนี้มันก็เต็มไปด้วยพลังงานแห่งความชั่วร้ายที่ปนเปื้อนจำนวนมาก ซึ่งการที่จะทำให้มันแสดงพลังเต็มที่ออกมาได้นั้น มันก็จำเป็นจะต้องชำระล้างพลังงานแห่งความชั่วร้ายนี้ซะก่อน มันจึงจะสามารถฟื้นฟูความแข็งแกร่งกลับมา และสามารถแสดงพลังได้อย่างเต็มที่
สกิลใช้งาน 1 : เมล็ดพันธุ์แห่งเปลวไฟ โดยมันจะช่วยทำให้ผู้เล่นสามารถนำเปลวไฟที่ตัวเองมีมาเปลี่ยนเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งเปลวไฟได้ และหลังจากดูดซับเมล็ดพันธุ์แห่งเปลวไฟได้ ผู้เล่นก็จะสามารถควบคุมเปลวไฟได้ (โดยสามารถควบคุมได้สูงสุดที่เปลวไฟขั้นสี่)
สกิลใช้งาน 2 : โลกแห่งเปลวไฟ โดยจ่ายด้วยคริสตัลเวทย์มนต์ธาตุไฟสามร้อยชิ้นเพื่อสร้างโลกแห่งเปลวไฟขึ้นมา ซึ่งมันจะมีโอกาสยี่สิบเปอเซ็นต์ที่จะทำให้ชนชั้นของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในโลกแห่งเปลวไฟสูงขึ้น และมีโอกาสแปดสิบเปอเซ็นต์ที่จะทำให้สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในโลกแห่งเปลวไฟตายอย่างสมบูรณ์
สกิลใช้งาน 3 : พลังงานศักสิทธิ์บริสุทธิ์ ซึ่งสามารถจะฟื้นฟูให้กลับมาใช้ได้โดยการดูดซับคริสตัลเทพเจ้า (จำนวนที่ต้องการคือ 20 จำนวนการดูดซับในปัจจุบัน : 0)
ไอเทมชิ้นนี้มีพลังลดลงไปเพราะอำนาจของเทพปีศาจที่ชั่วร้าย อย่างไรก็ตามสกิลตรวจสอบที่ผสานเข้ากับตราทองคำนั้นได้ช่วยชำระล้างมันไปในระดับหนึ่ง ….
ไม่สามารถถูกทำลายได้ และมีโอกาสจะดรอปเมื่อผู้เป็นเจ้าของตาย ….
“มันยากมากๆสำหรับจักรพรรดิอสูรที่จะสร้างมอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายขึ้นมาสักตัว แต่ด้วยความช่วยเหลือของมงกุฎนี้หลายสิ่งมันจึงง่ายขึ้นสำหรับเขาสินะ ….” ซือเฟิงนั้นรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เมื่อเขาได้อ่านข้อมูลของมงกุฎชำระโลก
นี่มันทำให้เขาต้องยอมรับอย่างแท้จริงเลยว่าสมบัติทั้งเจ็ดของ God domain ที่เขาตามหาอยู่นั้น มันมีเอฟเฟคที่น่ากลัวและสามารถจะเขย่าโลกได้จริงๆ
สำหรับสิ่งมีชีวิต สมบัติแห่งไฟชิ้นนี้ก็จัดเป็นสมบัติชั้นยอดอย่างแน่นอน เพราะมันทำให้พวกเขาสามารถก้าวขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงขึ้นได้ อย่างไรก็ตามมันก็มีโอกาสที่จะล้มเหลวและตายอย่างสมบูรณ์ถึงแปดสิบเปอเซ็นต์ ดังนั้นหากไม่จำเป็นจริงๆ มันก็คงจะไม่มีใครใช้กับตัวเองแน่นอน
ส่วนคนอย่างจักรพรรดิอสูรที่สามารถสร้างมอนสเตอร์ Faux Saint ขึ้นมาได้มากมายนั้น เขาไม่จำเป็นต้องกลัวเกี่ยวกับเรื่องนี้ เนื่องจากท้ายที่สุดแล้ว เขาสามารถจะใช้มันกับมอนสเตอร์ Faux Saint ได้ และตราบเท่าที่เขาสามารถสร้างมอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายขึ้นมาได้สักตัวนั้น มันก็จัดว่าคุ้มค่ามากแล้วโดยไม่ต้องคิดถึงราคาที่ต้องจ่ายเลย …..
ปัญหาเดียวก็คือเรื่องของคริสตัลเวทย์มนต์ธาตุไฟ ….
หากเงื่อนไขนี้แปรเปลี่ยนเป็นคริสตัลเวทย์มนต์ทั่วไป ป่านนี้มันคงจะมีมอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายเกิดขึ้นนับหมื่น นับแสนตัวแล้ว ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมจักรพรรดิอสูรจึงตัดสินใจเข้าไปควบคุมมือแห่งนักบุญ
“อย่างไรก็ตามผลของสกิลโลกแห่งเปลวไฟนี้มันก็จัดว่ามีประโยชน์มากจริงๆ และแม้มันจะมีโอกาสเพียงยี่สิบเปอเซ็นต์ที่จะช่วยปรับปรุงชนชั้นสิ่งมีชีวิต แต่มันก็ยังคงสามารถจะใช้ทำกำไรได้อย่างมหาศาล” ซือเฟิงมองไปที่สกิลโลกแห่งเปลวไฟ และพึมพำออกมา
สิ่งมีชีวิตที่พูดถึงกันนี้มันไม่ใช่แค่พวกมอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายเท่านั้น แต่มันยังรวมถึงอะเม้าท์บินได้ อะเม้าท์บนบก และ NPC รวมไปถึงผู้เล่นด้วย เพียงแต่ว่าโลกแห่งเปลวไฟนี้มันไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อผู้เล่นมากก็เท่านั้น อย่างมากมันก็น่าจะช่วยปรับปรุงแค่ค่าสถานะพื้นฐาน และร่างกายทางกายภาพได้ในระดับหนึ่ง โดยท้ายที่สุดแล้วผู้เล่นจะได้รับประโยชน์มากแค่ไหนจากมันก็คงขึ้นอยู่กับตัวผู้เล่นเอง
แต่อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องที่แตกต่างกันออกไปสำหรับอะเม้าท์บินได้ อะเม้าท์บนบก และ NPC เพราะสิ่งนี้มันอาจช่วยปรับปรุงและเพิ่มพลังให้กับพวกเขาได้อย่างมาก
อย่างไรก็ตามด้วยอัตราความสำเร็จที่มันมีเพียงแค่ยี่สิบเปอเซ็นต์นั้นมันก็ทำให้ซือเฟิงไม่กล้าที่จะเสี่ยง เนื่องจากอะเม้าท์บนบก อะเม้าท์บินได้ และองครักษ์ส่วนตัวที่มีศักยภาพสูงนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถหาได้ง่ายๆ ถ้าเขาตัดสินใจใช้สกิลนี้กับอะไรพวกนี้และต้องสูญเสียมันไป เขาคงจะต้องร้องไห้ไปหลายวันแน่นอน ….
อย่างไรก็ตามซือเฟิงนั้นค่อนข้างประหลาดใจมากๆกับสกิลอีกสกิลหนึ่งของมงกุฎชำระโลก
“สกิลเมล็ดพันธุ์แห่งเปลวไฟนี่มันเป็นอะไรที่ดีมากจริงๆ ….”
เปลวไฟที่ทรงพลังนั้นอาจไม่ได้มีความหมายสำหรับผู้เล่นทั่วไป แต่มันมีความหมายมากๆโดยเฉพาะกับพวกช่างตีเหล็ก และนักเล่นแร่แปรธาตุ เพราะมันจะเป็นอุปกรณ์ระดับเทพที่ช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จในการผลิตได้อย่างมากเลย
โดยเฉพาะกับบรรดาเปลวไฟลึกลับที่หายากมากๆ
แต่อย่างไรก็ตามมันยากมากๆที่ผู้เล่นคนหนึ่งจะดูดซับเปลวไฟเข้ามาได้ และในครั้งสุดท้ายที่ซือเฟิงทำการดูดซับเปลวไฟลึกลับขั้นสามมานั้น กระบวนการทั้งหมดมันก็เป็นไปอย่างทรมาณและเจ็บปวดมากๆ
ซึ่งสกิลเมล็ดพันธุ์แห่งเปลวไฟมันสามารถจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้ได้ โดยทำให้กระบวนการดูดซับทั้งหมดนั้นมีความทรมาณและเจ็บปวดน้อยลง รวมทั้งทำให้ดูดซับได้ง่ายขึ้นด้วย
และหากให้พูดกันตามตรงดูจากผลของสกิลนี้นั้น มันนับเป็นสิ่งที่ท้าทายสวรรค์อย่างมากเลยทีเดียว
แถมหากมงกุฎชำระโลกนี้ได้รับการชำระล้างพลังงานที่ชั่วร้ายออกไป มันก็จะสามารถรวบรวมเปลวไฟมาเพื่อสร้างเมล็ดพันธุ์แห่งไฟที่สูงกว่าขั้นสี่ได้ด้วย !!!
เมื่อคิดได้ดังนี้ซือเฟิงก็ได้รีบนำเปลวไฟลึกลับขั้นสี่ที่เขาพึ่งได้รับมาออกมาจากกระเป๋าของเขาด้วยรอยยิ้ม และกล่าวว่า “เดิมทีฉันคิดว่า ฉันคงจะรออีกสักพักกว่าที่จะมีความสามารถมากพอจะดูดซับมันได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันจะไม่จำเป็นต้องรอแล้ว”
ซือเฟิงนั้นรอที่จะได้ทำการดูดซับและควบคุมเปลวไฟลึกลับขั้นสี่ที่เขาพึ่งได้รับมานี้มานานแล้ว
แต่อย่างไรก็ตามซือเฟิงนั้นก็ไม่กล้าที่จะทำการดูดซับและควบคุมมันอย่างมั่วๆ เพราะว่าหากมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นมา มันมีสิทจะส่งผลถึงการพัฒนาในอนาคตของเขาได้
แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ในเมื่อมีมงกุฎแล้ว เขาจึงคลายกังวลในเรื่องนี้ลงไปได้มาก
หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้รีบเปิดใช้งานสกิลเมล็ดพันธุ์แห่งเปลวไฟเพื่อทำให้เปลวไฟลึกลับขั้นสี่ในมือเขากลายเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งเปลวไฟทันที ….
ซึ่งหลังจากผ่านไปราวยี่สิบวินาทีนั้นกระบวนการทุกอย่างก็เสร็จสมบูรณ์ และซือเฟิงก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นที่หูของเขา
ระบบ : คุณต้องการจะดูดซับเมล็ดพันธุ์แห่งเปลวไฟของเปลวไฟลึกลับขั้นสี่ไหม ?
“ดูดซับ !!!”
เมื่อได้เห็นการแจ้งเตือนนี้ของระบบ ซือเฟิงก็ได้เลือกจะทำการดูดซับอย่างไม่ลังเลยในทันที ….
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น