Reincarnation Of The Strongest Sword God 2744-2752

 ตอนที่ 2744 ครึ่งก้าวก่อนเข้าสู่ระดับปรมาจารย์


“พี่สาว ?” เครุยยิ้มให้กับคำถามของหงซินหยวน ก่อนที่เธอจะตอบอย่างขี้เล่น และสนุกสนานว่า “ฉันคิดว่าวันนี้เธอคงจะเข้ามาไม่ได้ เธอน่าจะต้องรอจนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้”


“เธอเข้ามาไม่ได้ ?” หงซินหยวนสับสนมากขึ้น เมื่อได้ฟังคำพูดของเครุย “ทำไมเธอเข้ามาไม่ได้ ? เธอมีอำนาจเกรด 2 ใครกันที่กล้าหยุดเธอ ?”


โดยปกติใครก็ตามที่มีบัตรประจำตัวอย่างเป็นทางการใน Upper Zone จะสามารถเข้าและออก Upper Zone ได้อย่างอิสระ แม้ว่าด้วยสถานการณ์บางอย่างมันอาจจะส่งผลให้ผู้มีบัตรประจำตัวอย่างเป็นทางการถูกห้ามไม่ให้เข้ามา แต่นั่นมันก็เป็นแค่กับผู้มีอำนาจเกรด 3 เท่านั้น สำหรับผู้มีอำนาจเกรด 2 แม้แต่บรรดาหัวหน้างานของ Upper Zone ชั้นพื้นฐานก็ยังไม่มีอำนาจมากพอจะหยุดไม่ให้ผู้มีอำนาจเกรด 2 เข้ามายัง Upper Zone ได้


“ไม่ ไม่ มันไม่มีใครหยุดเธอได้ ….” เครุยส่ายหัว ก่อนที่เธอจะหัวเราะคิกคัก และพูดว่า “เพียงแต่ว่าวันนี้เส้นทางจิตได้ถูกเปิดใช้งานน่ะ …”


“เส้นทางจิต ?” หงซินหยวนเริ่มเข้าใจทุกๆอย่างทันทีเมื่อได้ยินเครุยอธิบายและพูดถึงเส้นทางจิต อย่างไรก็ตามเขาก็สังเกตเห็นเรื่องผิดแปลกเรื่องหนึ่งอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็หันไปหาซือเฟิง และถามว่า “แล้วคุณเข้ามาได้ยังไงกัน ?”


“เขาก็ต้องเคลียร์เส้นทางจิตมาได้น่ะสิ ใช่ไหมล่ะ ?” ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆหงซินหยวนพูดอย่างสบายๆ ขณะที่เธอมองไปยังซือเฟิง


“เขาเคลียร์เส้นทางจิตได้ ? เป็นไปได้ยังไง ?!” หงซินหยวนจ้องมองไปที่ซือเฟิงด้วยความตกตะลึง และไม่อยากจะเชื่อ


ไม่ว่าหงซินหยวนจะมองยังไง ซือเฟิงก็มีอายุเกินยี่สิบปีแล้วอย่างแน่นอน หากซือเฟิงต้องการจะเคลียร์เส้นทางจิตให้ได้ เขาก็จะต้องมีความแข็งแกร่งทางจิตใจในระดับเดียวกับหงซินหยวน ซึ่งนั่นก็คือเกรดพิเศษ


อย่างไรก็ตามในประวัติศาสตร์ของ Upper Zone เมืองหยวนเทียน มันไม่เคยมีรุ่นเยาว์ในอายุประมาณซือเฟิงที่มีความแข็งแกร่งทางจิตใจที่น่ากลัวแบบนี้มาก่อน

“ถูกต้องเลยลุงหง ซือเฟิงได้เคลียร์เส้นทางจิตได้จริงๆ ลุงน่าจะได้ไปเห็นด้วยตาลุงเอง ทุกคนในห้องโถงทางเข้าล้วนเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ” เครุยพูดพลางพยักหน้าด้วยสีหน้าตื่นเต้น


เมื่อเครุยพูดจบ ผู้หญิงที่นั่งก็ลุกขึ้นยืน และเดินเข้ามาหาซือเฟิง


“สวัสดี ฉันชื่อเซี่ยชิงหยาง เป็นผู้จัดการทั่วไปของชั้นพื้นฐาน” ผู้หญิงคนนี้กล่าวแนะนำตัวเองกับซือเฟิง “ฉันไม่คาดคิดเลยว่าคนที่หงซินหยวนกล่าวถึงจะมีความแข็งแกร่งทางจิตใจอยู่ในเกรดพิเศษจริงๆ”


การกระทำและเคลื่อนไหวอย่างกระทันหันของเซี่ยชิงหยางมันทำให้หงซินหยวนรู้สึกตกใจ แม้จะอายุเพียงยี่สิบหกปี แต่เซี่ยชิงหยางก็เป็นผู้จัดการทั่วไปของชั้นพื้นฐานของ Upper Zone แห่งนี้ เธอนั้นมีอำนาจมากติดสามอันดับแรกในชั้นพื้นฐานเลย ตัวตนและสถานะของเธอนั้นมันเป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจและน่าหวาดกลัวมาก


แต่กระนั้นตอนนี้เซี่ยชิงหยางกับริเริ่มจะแนะนำตัวเองกับซือเฟิง ซึ่งเรื่องนี้นั้นมันน่าตกใจกว่าเรื่องที่ซือเฟิงสามารถเคลียร์เส้นทางจิตได้นับสิบเท่า


หลังจากช่วงเวลาแห่งความตกใจครู่หนึ่ง หงซินหยวนก็รีบก้าวไปข้างหน้า


“ซือเฟิง ผู้จัดการทั่วไปเซี่ยเป็นที่ยุ่งมากๆ โดยปกติแม้แต่หัวหน้างานในชั้นพื้นฐานก็ยังมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากๆ หากต้องการจะเข้าพบเธอ แต่วันนี้เธอกับเต็มใจจะสละเวลาของตัวเองมาลงทะเบียนยืนยันตัวตน และอำนาจของคุณเป็นการส่วนตัว” หงซินหยวนอธิบาย


เซี่ยชิงหยางนั้นไม่ใช่บุคคลที่ใครก็จะสามารถพบเจอได้ง่ายๆ


ตอนนี้เมื่อเซี่ยชิงหยางได้ริเริ่มที่จะเข้าหาและตีสนิทกับซือเฟิงก่อน หงซินหยวนจึงต้องการจะให้เขาคว้าโอกาสนี้ไว้ ด้วยวิธีนี้ซือเฟิงจะเผชิญปัญหาน้อยลงแน่นอน เมื่ออาศัยอยู่ใน Upper Zone


“สวัสดีผู้จัดการทั่วไปเซี่ย …” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า “วันนี้ฉันคงต้องขอรบกวนคุณหน่อยแล้ว …”


ซือเฟิงเข้าใจได้โดยธรรมชาติว่าหงซินหยวนหมายถึงอะไรในคำอธิบายของเขา ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกขอบคุณหงซินหยวน


“ไม่ใช่ปัญหาเลย แต่เดิมเรื่องนี้มันก็อยู่ในขอบเขตการจัดการของฉันในฐานะผู้จัดการทั่วไปอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าปกติฉันมักจะยุ่งกับเรื่องอื่น เพราะมันมีผู้ลงทะเบียนน้อยมาก ดังนั้นโดยปกติฉันจะนัดให้ผู้มาลงทะเบียนหลายคนมารวมตัวกันในวันเดียวเพื่อลงทะเบียนอย่างเป็นทางการก็เท่านั้น” เซี่ยชิงหยางกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ ขณะที่เธอมองไปยังซือเฟิงอย่างพินิจพิเคราะห์ “ในทางกลับกัน การปรากฎตัวของคุณนั้นมันน่าประหลาดใจอย่างแท้จริง ไม่เพียงแต่คุณจะเคลียร์เส้นทางจิตได้ด้วยอายุที่ต่ำกว่ายี่สิบห้าปี แต่คุณยังใช้เวลาแค่ราวสิบสามนาทีในการทำเช่นนั้น นี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่ฉันได้เห็นความสามารถที่น่ากลัวแบบนี้ใน Upper Zone”


“อะไรนะ ?! สิบสามนาที ?!” หงซินหยวนตกใจอีกครั้ง


ก่อนหน้านี้หงซินหยวนคิดว่าความสำเร็จของซือเฟิงนั้นเป็นเพียงการที่สามารถผ่านและเคลียร์เส้นทางจิตได้เท่านั้น เขาไม่ได้คิดมาก่อนเลยว่าซือเฟิงจะใช้เวลาเพียงแค่ช่วงสั้นๆในการเคลียร์มัน เมื่อคนๆหนึ่งมีความแข็งแกร่งทางจิตใจเกรดพิเศษ และทำการเดินผ่านเส้นทางจิต เวลาเฉลี่ยที่จะต้องใช้ก็จะอยู่ที่ประมาณสี่สิบนาที ซึ่งนานกว่าเวลาเฉลี่ยสำหรับผู้มีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีราวสิบนาที


กระนั้นซือเฟิงกับใช้เวลาเพียงสิบสามนาทีในการเดินผ่านและเคลียร์เส้นทางจิต ครู่หนึ่งหงซินหยวนอดสงสัยไม่ได้ว่าเซี่ยชิงหยางกำลังเล่นตลกอะไรกับเขารึปล่าว


“ใช่แล้ว คนๆนี้ได้ทำลายสถิติเส้นทางจิตของ Upper Zone เมืองหยวนเทียนสำหรับผู้มีอายุต่ำกว่ายี่สิบห้าปี” เซี่ยชิงหยางพยักหน้า จากนั้นเธอก็มองไปที่ซือเฟิง และยิ้ม “ถ้าฉันไม่รีบมาลงทะเบียนผู้มีพรสวรรค์แบบนี้ด้วยตัวฉันเอง ฉันคิดว่าพวกที่อยู่เหนือฉันจะได้เอาฉันตายแน่”


เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยชิงหยาง หงซินหยวนก็เริ่มตระหนักถึงเรื่องราวทั้งหมดทันที ด้วยการมีความแข็งแกร่งทางจิตใจที่น่ากลัวขนาดนี้ มันก็แปลว่ามาตราฐานของซือเฟิงนั้นอยู่ใกล้เคียงกับระดับปรมาจารย์ด้านจิตใจแล้วนั่นเอง


ปรมาจารย์ด้านจิตใจ !!


มันไม่มีปรมาจารย์ด้านจิตใจแม้แต่คนเดียวที่อาศัยอยู่ในชั้นฐาน Upper Zone ของเมืองหยวนเทียน ขณะที่ชั้นกลางก็มีคนระดับนี้อาศัยอยู่จำนวนหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นคนระดับนี้ทุกคนยังมีอัตลักษณ์และสถานะที่แม้แต่บริษัทโบลเดอร์ก็ยังต้องหวาดกลัว


แม้ว่าความสามารถของซือเฟิงจะยังไปไม่ถึงระดับปรมาจารย์ด้านจิตใจ แต่ความสามารถของเขามันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ทั่วทั้งเขต Upper Zone แห่งนี้ต่อสู้เพื่อแย่งชิงตัวเขา


“คุณก็พูดเกินไป ผู้จัดการเซี่ย ฉันก็แค่โชคดีเท่านั้นแหละ ฉันเชื่อว่ามันคงอีกไม่นานหรอกก่อนที่จะมีผู้ทำลายสถิติของฉันได้”


ความจริงซือเฟิงก็แอบรู้สึกผิดอยู่บ้างที่เขาได้รับความสนใจจากเซี่ยชิงหยาง


นี่เป็นเพราะเขาได้อาศัยเคล็ดลับในการผ่านเส้นทางจิต ความแข็งแกร่งทางจิตใจที่แท้จริงของเขาน่าจะอยู่ในเกรดสูงเท่านั้น ไม่ใช่เกรดพิเศษ


จากการประมาณของเขา ความแข็งแกร่งทางจิตเกรดพิเศษ น่าจะอยู่ใกล้เคียงกับมาตราฐานความแข็งแกร่งทางจิตใจขั้นห้าใน God domain อย่างไรก็ตามมาตราฐานค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจใน God domain ในปัจจุบันของเขานั้นอยู่ที่ขั้นกลาง ของขั้นสี่เท่านั้น มันยังคงอยู่ห่างไกลจากขั้นห้า


“เราก็ได้ทำความรู้จักกันพอสมควรแล้ว มาพูดเรื่องธุระของเรากันเลยดีกว่า ….” เซี่ยชิงหยางกล่าวเปลี่ยนหัวข้อ หลังจากเห็นซือเฟิงเริ่มจะรู้สึกพูดไม่ออก และเธอก็กล่าวต่อว่า “การลงทะเบียนอย่างเป็นทางการสำหรับการระบุตัวตนนั้นมันสามารถจะทำได้ง่ายๆ เพราะฉันแค่ต้องสแกนคุณด้วยอุปกรณ์เท่านั้น และคุณก็จะกลายเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของ Upper Zone ของเมืองหยวนเทียน ส่วนที่ลำบากจริงๆคือการตัดสินใจว่าควรจะให้รางวัลอะไรแก่คุณ”


“รางวัลสำหรับการเคลียร์เส้นทางจิตได้ ไม่มีงั้นหรอ ?” ซือเฟิงถามอย่างสงสัย


ก่อนหน้านี้เขาได้ยินมาจากเครุยว่า ใครก็ตามที่เคลียร์เส้นทางจิตได้จะได้รับคะแนนการค้าหนึ่งหมื่นแต้ม และโพชั่นแห่งชีวิตหนึ่งขวดจากบริษัทกรีนก๊อด


นอกเหนือจากโพชั่นแห่งชีวิต แค่คะแนนการค้าที่ได้รับมันก็จัดว่ามีความสำคัญมากแล้ว เพราะที่ Upper Zone คะแนนการค้านั้นมีความสำคัญมากพอๆกับเครดิตในโลกภายนอก เนื่องจากการทำธุรกรรมทั้งหมดใน Upper Zone จะถูกดำเนินการโดยใช้คะแนนการค้าของบริษัทกรีนก๊อด และระดับอำนาจแต่ละระดับมันก็จะทำให้แต่ละคนสามารถแลกเปลี่ยนคะแนนการค้าได้แตกต่างกันด้วย


สำหรับผู้ที่ไม่มีระดับอำนาจเลย พวกเขาจะสามารถแลกเปลี่ยนคะแนนการค้าได้เพียงหนึ่งร้อยแต้มต่อวันเท่านั้น ขณะที่ผู้มีอำนาจเกรดสามจะสามารถแลกเปลี่ยนได้สองร้อยแต้มต่อวัน ส่วนผู้มีอำนาจเกรดสองจะสามารถแลกเปลี่ยนได้ห้าร้อยแต้มต่อวัน ขณะที่ผู้มีอำนาจเกรดหนึ่งจะสามารถแลกเปลี่ยนได้หนึ่งพันแต้มต่อวัน


โดยคะแนนการค้าหนึ่งแต้ม มันจะเทียบเท่ากับหนึ่งหมื่นเครดิต แต่อย่างไรก็ตามหนึ่งหมื่นเครดิตก็ใช่ว่าจะสามารถนำมาแลกเปลี่ยนคะแนนการค้าหนึ่งแต้มได้เสมอไป


มันมีบางคนที่สามารถสร้างโชคลาภอย่างมหาศาลให้กับตัวเองได้ด้วยการนำคะแนนการค้าไปขายต่ออีกทอดหนึ่ง อย่างไรก็ตามคนที่ทำแบบนี้จะถูกมองว่าบ้ามากๆ และบริษัทต่างๆที่ดำเนินงานอยู่ใน Upper Zone ก็จะมีความสุขมากๆที่ได้เห็นคนบ้าแบบนี้ อาหารมาตราฐานที่บริษัทกรีนก๊อดจัดเตรียมไว้ใน Upper Zone นั้นมันมีราคาเป็นคะแนนการค้าสามสิบแต้ม โดยคนที่ไม่มีระดับอำนาจเลยจะมีคะแนนการค้าพอแค่ใช้กินอาหารมาตราฐานสามมื้อต่อวันเท่านั้น ซึ่งคิดเป็นมื้อละสามแสนเครดิตเลย !!!


เพียงแค่ได้ยินเรื่องนี้ มันก็ทำให้ซือเฟิงคิดแล้วว่า Upper Zone นั้นแตกต่างจากโลกภายนอกที่เขาเคยอาศัยอยู่จริงๆ แม้ว่าการอาศัยอยู่ที่นี่มันจะทำให้ร่างกายของเขาดีขึ้นเรื่อยๆอย่างเห็นได้ชัด และตอนนี้เขาก็ต้องการอาหารที่มีคุณภาพสูงมาเพื่อรองรับร่างกายของเขา แต่เงินสามแสนเครดิตนั้นเขาก็สามารถจะใช้ซื้ออะไรได้หลายอย่าง และจริงๆมันก็แทบจะใช้เป็นค่าอาหารทั้งเดือนในโลกภายนอกได้เลย อย่างไรก็ตามใน Upper Zone เงินเครดิตขนาดนี้ซื้ออาหารได้แค่หนึ่งมื้อเท่านั้น


ในขณะเดียวกันสำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกในการฝึกทุกๆด้านของที่นี่มันก็มีค่าใช้จ่ายเช่นกัน โดยสิ่งอำนวยความสะดวกในการฝึกขั้นพื้นฐานจะมีราคาที่ยี่สิบคะแนนการค้าต่อชั่วโมง ขณะที่สิ่งอำนวยความสะดวกในการฝึกขั้นสูงจะมีราคาที่ห้าสิบคะแนนการค้าต่อชั่วโมง


มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย หากจะบอกว่ามันมีเพียงผู้มีอำนาจเกรด 2 หรือสูงกว่าขึ้นไปเท่านั้นที่จะสามารถตอบสนองความต้องการประจำวันของตัวเองใน Upper Zone ได้


แน่นอนว่าตราบใดที่คนๆหนึ่งมีระดับอำนาจเพียงพอ พวกเขาก็จะสามารถรับงานจากบริษัทกรีนก๊อด เพื่อรับเอาคะแนนการค้ามาสะสมและใช้มันดำรงชีวิตประจำวันใน Upper Zone


อย่างไรก็ตามสำหรับซือเฟิงตอนนี้ เขาค่อนข้างจะจัดว่าอนาถามากๆ เพราะเขาไม่มีเงินมากพอแม้แต่จะซื้อบ้านทั่วไปได้


ดังนั้นคะแนนการค้าหนึ่งหมื่นแต้ม มันจึงนับเป็นโชคลาภสำหรับเขา


“มันก็เป็นอย่างที่คุณว่ามานั่นแหละ เพียงแต่ว่ารางวัลนั้นมีไว้สำหรับผู้ที่มีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีเท่านั้น” เซี่ยชิงหยางกล่าวพลางพยักหน้า “มันไม่มีรางวัลที่แน่นอนสำหรับผู้ที่ผ่านและเคลียร์เส้นทางจิตได้ด้วยอายุที่มากกว่ายี่สิบปี แต่ไม่เกินยี่สิบห้าปี นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าคุณสามารถทำลายสถิติของผู้มีอายุต่ำกว่ายี่สิบห้าปีได้ด้วย”


“งั้นฉันขอเป็นน้ำแห่งชีวิตได้ไหม ?” ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น


“น้ำแห่งชีวิต ?” เซี่ยชิงหยางยิ้มทันที เมื่อได้ยินคำขอของซือเฟิง “คุณรู้ไหมว่าน้ำแห่งชีวิตนั้นมีค่าอย่างไม่น่าเชื่อแม้แต่ในบริษัทกรีนก๊อด แม้ว่าคุณจะกลายเป็นปรมาจารย์ด้านจิตใจได้ในอนาคต แต่การจะได้รับน้ำแห่งมันก็ยังไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่ดี น้ำแห่งชีวิตหนึ่งขวดนั้นมีมูลค่ามาตราฐานเป็น คะแนนสะสมของบริษัทกรีนก๊อดหนึ่งล้านแต้ม หรือไม่ก็คะแนนการค้าสามสิบล้านแต้ม”


“มันแพงขนาดนั้นเลยงั้นหรอ ?” ซือเฟิงประหลาดใจ เมื่อได้ยินคำอธิบายของเซี่ยชิงหยาง


“แพง ?” เซี่ยชิงหยางส่ายหัว ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “น้ำแห่งชีวิตนั้นเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นเอกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของบริษัทกรีนก๊อด แม้ว่ามันจะไม่สามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ แต่ตราบใดที่คนๆหนึ่งยังมีลมหายใจอยู่ หากได้รับมันไป พวกเขาจะสามารถฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บทุกอย่างได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แน่นอนเมื่อเวลาผ่านไป นอกจากนี้น้ำแห่งชีวิตยังช่วยยืดอายุขัยของคนๆหนึ่งได้ และช่วยให้ผู้ใช้มันคงความอ่อนเยาว์ไปได้อีกหกสิบปีเลย”


“ซึ่งหกสิบปีนี้มันแทบจะใกล้เคียงกับเวลาชีวิตของคนทั่วไปเลย ในขณะเดียวกันน้ำแห่งชีวิตไม่เพียงแต่จะช่วยยืดอายุขัยออกไป แต่มันยังจะช่วยทำให้คงความอ่อนเยาว์ไว้ได้ด้วย คุณจะยังคิดว่ามันแพงอีกหรอ ?”

ซือเฟิงนั้นไม่สามารถจะหักล้างคำพูดของเซี่ยชิงหยางได้ อันที่จริงเขาค่อนข้างจะเห็นด้วยกับเธอเลย


สำหรับเหล่าผู้นำของบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆ เงินนั้นมันไม่ได้สำคัญสำหรับพวกเขาเลย พวกเขาสามารถจะหาเงินที่ใช้ไปกลับคืนมาได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามพวกเขานั้นมีเพียงชีวิตเดียว หากพวกเขามีโอกาสที่จะต่อชีวิตตัวเองออกไป พวกเขาก็จะไม่ลังเลแน่นอนที่จะใช้โชคทั้งหมดเพื่อรับมันมา


ยกตัวอย่างเช่นจักรพรรดิในสมัยโบราณหลายคนที่ยอมทำทุกสิ่งเพื่อจะให้ตัวเองมีอายุยืนยาว


ในขณะเดียวกัน เมื่อเห็นว่าซือเฟิงมีท่าทีสนใจน้ำแห่งชีวิตมาก หงซินหยวนก็อดไม่ได้ที่จะให้คำแนะนำกับเขาว่า “ซือเฟิง คุณควรหยุดคิดเรื่องน้ำแห่งชีวิตไปก่อน แม้แต่คนที่อาศัยอยู่ในชั้นกลางบางคนก็ยังไม่สามารถจะจ่ายเพื่อรับเอามันมาได้เลย คุณควรจะจัดลำดับความสำคัญไปที่การปรับปรุงความแข็งแกร่งทางจิตใจของตัวเองก่อน และตราบใดที่คุณสามารถปรับปรุงมันได้อย่างรวดเร็ว การจะได้เข้าไปที่ชั้นกลาง มันก็จะนับว่าไม่ไกลเกินเอื้อมสำหรับคุณ”


“ใช่แล้ว เราเลิกพูดคุยเรื่องน้ำแห่งชีวิตกันดีกว่า …” เซี่ยชิงหยางกล่าวอย่างเห็นด้วยกับหงซินหยวน เธอนั้นก็คิดเช่นกันว่าตอนนี้มันยังเร็วเกินไปสำหรับซือเฟิงที่จะได้รับน้ำแห่งชีวิตมา


หลังจากนั้นเซี่ยชิงหยางก็ได้ทำการสแกนซือเฟิงด้วยนาฬิกาควอนตัมบนข้อมือของเธอ และทันใดนั้นข้อมูลทั้งหมดของซือเฟิงก็ปรากฎขึ้น


“การลงทะเบียนยืนยันตัวตนของคุณเสร็จเรียบร้อย” หลังจากได้มองดูข้อมูลของซือเฟิงแล้ว เซี่ยชิงหยางก็กล่าวด้วยความพึงพอใจ “ต่อไปเราจะมาพิจารณารางวัลของคุณกัน”


“ไม่เพียงแต่คุณจะสามารถผ่านและเคลียร์เส้นทางจิตได้ด้วยอายุต่ำกว่ายี่สิบห้าปี แต่คุณยังทำลายสถิติของมันได้ด้วย ในฐานะผู้จัดการทั่วไปของชั้นพื้นฐาน ฉันสามารถให้คุณได้สองทางเลือก”


“ทางเลือกแรกคือให้รางวัลคุณเป็นคะแนนการค้าห้าแสนแต้ม และโพชั่นแห่งชีวิตห้าสิบขวด หรือไม่ก็ยาใดๆก็ตามที่มีมูลค่าเทียบเท่ากัน ส่วนทางเลือกที่สองคือให้รางวัลคุณด้วยบ้านทั่วไปในชั้นพื้นฐาน คุณสามารถเลือกหนึ่งในสองรางวัลนี้ได้”


ตอนที่ 2745 โลกที่แตกต่าง


“รางวัลนั้นดีขนาดนี้เลยงั้นหรอ ?”


ซือเฟิงนั้นตกตะลึงไปชั่วขณะกับรางวัลที่เซี่ยชิงหยางได้กล่าวออกมา เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเพียงแค่การเคลียร์ และทำลายสถิติของเส้นทางจิตได้ด้วยอายุต่ำกว่ายี่สิบห้าปี มันจะทำให้เขาได้รางวัลมากกว่าคนอื่นๆถึงห้าสิบเท่า


“จริงๆแล้วรางวัลทั้งหมดนี้ยังไม่ได้จัดว่ายอดเยี่ยมมากนัก อย่างไรก็ตามมันก็จัดเป็นรางวัลที่ดีที่สุดที่ฉันสามารถจะมอบให้คุณได้ภายใต้อำนาจของฉัน แต่หากคุณยอมเข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกภายในของบริษัทกรีนก๊อด คุณก็จะได้รับรางวัลที่ดีกว่านี้มาก แล้วก็ระดับอำนาจของคุณจะถูกยกระดับขึ้นไปเป็นขั้นสูงโดยตรงเลย” เซี่ยชิงหยางกล่าว จากนั้นเธอก็ยิ้มและถามว่า “คุณสนใจจะเข้าร่วมกับบริษัทของเราไหม ?”


“ขอบคุณสำหรับข้อเสนอ ผู้จัดการเซี่ย แต่ฉันชอบการที่ได้ดำเนินการอย่างอิสระโดยไม่ถูกควบคุมใดๆมากกว่า” ซือเฟิงกล่าวปฎิเสธโดยไม่ลังเล การเข้าร่วมกับบริษัทกรีนก๊อดอาจเป็นความฝันของใครหลายๆคน แต่เขาก็รู้ดีว่าเมื่อเข้าร่วมไปแล้วนั้น บริษัทกรีนก๊อดจะมีข้อจำกัดมากมายแน่นอน และนี่มันก็น่าจะเป็นเหตุผลหลักที่มู่ฉินกับเครุยไม่ได้เลือกจะเข้าร่วมกับบริษัทกรีนก๊อด และเลือกจะอยู่กับบริษัทโบลเดอร์


“ช่างน่าเสียดายจริงๆ” เซี่ยชิงหยางถอนหายใจออกมา เมื่อเธอได้ยินคำตอบของซือเฟิง


หากผู้มีความสามารถเช่นซือเฟิงเข้าร่วมกับบริษัทกรีนก๊อด เขาจะสามารถไต่ขึ้นไปถึงตำแหน่งที่ไม่ต่ำกว่าเธอแน่นอนใน Upper Zone เพราะท้ายที่สุดแล้วผู้มีความแข็งแกร่งทางจิตใจแบบเขานั้นมีค่าอย่างไม่น่าเชื่อใน Upper Zone


บริษัทกรีนก๊อดนั้นจ่ายทั้งเงินและทรัพยากรทุกอย่างที่พวกเขามีไปอย่างมหาศาลเพื่อที่จะฝึกฝนปรมาจารย์ด้านจิตใจขึ้นมา อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้บริษัทก็ยังไม่ได้มีปรมาจารย์ด้านจิตใจมากมายนัก


“ซือเฟิงนี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับคุณ หากคุณได้รับโพชั่นแฟนธ่อมห้าสิบขวด ซึ่งมีมูลค่าเทียบเท่ากับโพชั่นแห่งชีวิต คุณอาจจะสามารถยกระดับความแข็งแกร่งทางจิตใจของคุณขึ้นไปอีกระดับได้เลยนะ !!!” เครุยกล่าวกับซือเฟิงด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เมื่อได้ยินข้อเสนอของเซี่ยชิงหยาง

แม้ว่าโพชั่นแห่งชีวิตจะเป็นสิ่งที่สามารถแลกเปลี่ยนได้ และราคาการแลกเปลี่ยนต่อขวดมันก็คิดเป็นคะแนนการค้าห้าพันแต้ม แต่มันก็มีการจำกัดจำนวนที่จะสามารถแลกเปลี่ยนได้ โดยผู้ที่ไม่มีระดับอำนาจใดๆเลยจะสามารถแลกเปลี่ยนได้แค่หนึ่งขวดต่อปีเท่านั้น ในขณะที่ผู้มีอำนาจเกรดสามจะสามารถแลกเปลี่ยนได้สองขวดต่อปี ส่วนผู้มีอำนาจเกรดสองจะสามารถแลกเปลี่ยนได้ห้าขวดต่อปี ส่วนผู้มีอำนาจเกรดหนึ่งก็จะสามารุแลกเปลี่ยนได้สิบขวดต่อปี ซึ่งหากคนๆหนึ่งต้องการมากขึ้น พวกเขาก็จะต้องไปขอซื้อต่อมาจากคนอื่นๆในราคาที่แพงกว่านี้


ในขณะเดียวกันโพชั่นแฟนธ่อมก็เป็นยาวิเศษที่บริษัทกรีนก๊อดได้พัฒนาขึ้นมา ซึ่งมันสามารถช่วยลับคมและปรับปรุงความแข็งแกร่งทางจิตใจได้ โดยใครก็ตามที่มีความทะเยอทะยานใน Upper Zone แห่งนี้ก็ล้วนต้องการจะได้รับมันมาทั้งนั้น


โพชั่นแฟนธ่อมห้าสิบขวด !!!


เธอไม่เคยได้เห็นโพชั่นแฟนธ่อมมากขนาดนี้มาก่อนในชีวิตของเธอ !!!


ด้วยโพชั่นแฟนธ่อมจำนวนมากขนาดนี้ มันจะสามารถทำให้เธอประสบความสำเร็จได้ภายในหนึ่งปี และยกระดับอำนาจของตัวเองขึ้นไปอีกระดับได้แน่นอน


“ผู้จัดการเซี่ย บริษัทกรีนก๊อดมียาที่สามารถรักษาความเสียหายทางจิตได้หรือไม่ ?” ซือเฟิงถาม ขณะที่เขามองไปยังเซี่ยชิงหยาง


ตอนนี้น้ำแห่งชีวิตนั้นอยู่ไกลเกินเอื้อมสำหรับเขา ดังนั้นเขาจึงต้องพยายามหาทางอื่นเพื่อจะรักษาความเสียหายทางจิตของอควาโรส และเสวี่ยเหวินโหรว แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ชั่วคราวก็ตาม


“เรามี แต่ยาเหล่านี้มันมีค่ามากกว่าโพชั่นแห่งชีวิตมาก” เซี่ยชิงหยางกล่าวขณะที่เธอมองไปยังซือเฟิงอย่างประหลาดใจ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมซือเฟิงถึงต้องการอะไรแบบนี้ อย่างไรก็ตามเธอก็ยังคงอธิบายว่า “จากอาการบาดเจ็บทั้งหมด อาการบาดเจ็บที่เกี่ยวกับความเสียหายทางจิตนั้นเป็นสิ่งที่ยากจะรักษาที่สุด หากคุณต้องการจะซื้อยาดังกล่าว คุณจะสามารถทำได้หลังจากที่คุณเข้าสู่ชั้นกลางแล้วเท่านั้น อย่างไรก็ตามคุณยังไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าสู่ชั้นกลางได้”


“ฉันจะสามารถซื้อได้ในชั้นกลางเท่านั้นงั้นหรอ ?” ซือเฟิงขมวดคิ้ว จากนั้นเขาก็พูดว่า “ผู้จัดการเซี่ย ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันขอเลือกบ้านทั่วไป”

เมื่อหงซินหยวนได้ยินการตัดสินใจของซือเฟิง เขาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่ชายหนุ่มด้วยความประหลาดใจ และรีบกล่าวห้ามปรามว่า “นี่คุณบ้าไปแล้วงั้นหรอ ? การได้รับโพชั่นแฟนธ่อมนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ แม้ว่าคุณจะมีอำนาจเกรดหนึ่งก็ตาม คุณจะต้องใช้เวลาห้าปีเลยนะเพื่อที่จะแลกมันให้ได้จำนวนเท่านี้น่ะ !!! แถมบริษัทกรีนก๊อดก็มีการประเมินที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงสำหรับผู้ที่สามารถยกระดับอำนาจของตัวเองขึ้นไปเป็นขั้นสูงได้ก่อนอายุยี่สิบห้า และหลังอายุยี่สิบห้า !!!”


ก่อนอายุยี่สิบห้าปี มนุษย์ยังคงอยู่ในช่วงการเติบโต การเข้าถึงระดับอำนาจขั้นสูงได้ก่อนอายุยี่สิบห้านั่นก็หมายความว่าพวกเขาจะมีศักยภาพในการเติบโตที่สูงมาก และบริษัทกรีนก๊อดก็จะจัดลำดับความสำคัญในการดูแลคนแบบนี้เป็นลำดับต้นๆเลย แม้ว่าคนๆนั้นจะไม่ได้เป็นสมาชิกภายในของบริษัทก็ตาม อย่างไรก็ตามเมื่อซือเฟิงเข้าถึงระดับอำนาจขั้นสูงตอนอายุมากกว่ายี่สิบห้าไปแล้ว การประเมินของบริษัทกรีนก๊อดก็จะลดลง


ก่อนที่หงซินหยวนจะพยายามห้ามปราบซือเฟิงต่อ เซี่ยชิงหยางก็ยื่นมือออกไปเป็นท่าทางให้ชายชราผู้นี้หยุด จากนั้นเธอก็มองไปยังซือเฟิงด้วยสายตาแปลกๆ


“ดูเหมือนว่าคุณจะยืนกรานในเรื่องการรักษาความเสียหายทางจิตจริงๆ คุณถึงกับยอมทิ้งความเป็นไปได้ที่จะปรับปรุงตัวเองในช่วงระยะเวลาสั้นๆ และตัดสินใจจะเลือกบ้านที่แทบจะไม่สามารถช่วยรักษาและฮีลความเสียหายทางจิตของคนๆหนึ่งได้” เซี่ยชิงหยางกล่าวเชิงไม่เห็นด้วยเล็กๆกับการเลือกของซือเฟิง แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นท่าทีที่เต็มไปด้วยความตั้งใจของซือเฟิง เธอก็ยิ้มออกมาและพูดว่า “เอาเถอะ เนื่องจากนี่เป็นการตัดสินใจของคุณ ดังนั้นฉันก็จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ขอให้ฉันได้เตือนคุณเรื่องหนึ่งเถอะ”


“Upper Zone นั้นไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่คุณคิด และการใช้ชีวิตที่นี่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย หากคุณต้องการจะช่วยเหลือใครสักคน วิธีที่ดีที่สุดคือการยกระดับอำนาจของคุณเอง ขณะที่สิ่งอื่นนั้นล้วนจัดว่าเป็นความพยายามที่ไร้ประโยชน์”


“ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณสำหรับคำเตือนผู้จัดการเซี่ย” ซือเฟิงกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ “นอกจากนี้ฉันยังต้องการจะเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อเก็บคะแนนสะสม ฉันสามารถจะลงทะเบียนได้เลยไหม ?”


ด้วยสถานะของเซี่ยชิงหยางนั้น ซือเฟิงเข้าใจดีว่าโดยปกติคนอย่างเธอจะไม่ยอมออกนอกลู่นอกทางมาเสนอตัวเลือกหรือเตือนเขาแบบนี้แน่นอน แต่ที่เธอเลือกจะทำในครั้งนี้ มันก็เพียงเพราะว่าเธอชื่นชมในศักยภาพที่เขาแสดงออกมา


อย่างไรก็ตามซือเฟิงเข้าใจตัวเขาเองอย่างชัดเจนว่าในความเป็นจริง เขายังคงอยู่ห่างไกลจากมาตราฐานปรมาจารย์ด้านจิตใจ และแม้ว่าเขาจะได้รับความช่วยเหลือจากโพชั่นแฟนธ่อม แต่อย่างดีที่สุดเขาก็จะสามารถยกระดับความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขาให้ขึ้นไปอยู่เกรดพิเศษแบบแท้จริงได้เท่านั้น และจากที่เขาเคยได้ยินมาจากเครุย หากไม่ได้เป็นสมาชิกภายในของบริษัทกรีนก๊อด ความแข็งแกร่งทางจิตใจเกรดพิเศษนั้นมันยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาทำอะไรได้มากที่นี่ ดังนั้นแทนที่เขาจะมามัวไปทำแบบนั้นสู้เขาเลือกรักษาเสถียรภาพของอควาโรสกับเสวี่ยเหวินโหรวตอนนี้ด้วยสภาพแวดล้อมของ Upper Zone ดีกว่า เพราะท้ายที่สุดแล้วหากเขาไม่มีบ้านใน Upper Zone เขาจะต้องดิ้นรนอย่างหนักในเรื่องนี้ หรืออาจถึงขั้นต้องทำงานให้คนอื่นเพื่อให้เขา และหญิงสาวทั้งสองได้รับที่พักที่จะสามารถอยู่ใน Upper Zone ได้ตลอด


อย่างไรก็ตามเมื่อพูดถึงการได้รับที่อยู่อาศัยใน Upper Zone นั้นมันก็พูดง่ายกว่าทำ แม้แต่บ้านทั่วไปที่นี่มันก็ยังมีราคาเป็นคะแนนการค้าหนึ่งล้านแต้ม


คะแนนการค้าหนึ่งล้านแต้ม !!! ซึ่งนี่มันเทียบเท่ากับหนึ่งหมื่นล้านเครดิตในโลกภายนอกเลย ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เขาก็ไม่มีเงินขนาดนั้น และเขาก็ยังจะต้องใช้เวลานานมากกว่าจะแลกเปลี่ยนหรือทำงานจนได้คะแนนการค้ามากพอซื้อบ้านสักหลัง และที่สำคัญที่สุดบ้านทั่วไปก็ยังมีจำนวนจำกัดด้วย และบ้านทั่วไปนี้ก็จำกัดจำนวนผู้เข้าพักไว้ที่ห้าคน ขณะที่วิลล่านั้นจะจำกัดจำนวนผู้เข้าพักไว้ที่ยี่สิบคน


สำหรับบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆนับประสาอะไรกับยี่สิบคน ยี่สิบช่องนี้มันก็ยังไม่เพียงพอเลย แม้แต่หนึ่งร้อยคน หนึ่งร้อยช่องก็ยังไม่น่าจะเพียงพอ เพราะท้ายที่สุดแล้วใครกันที่จะไม่มีเพื่อสนิทใกล้ชิด ? ใครกันที่จะไม่มีญาติพี่น้อง ลูกชาย หรือ ลูกสาว ? และใครกันที่ไม่หวังจะได้อาศัยอยู่ใน Upper Zone ตลอดไป ?


อย่างไรก็ตามหากเขาต้องอยู่คนเดียว เขาก็อาจจะพอกัดฟันทนลองหาคอนเนคชั่นติดต่อ และอยู่กับคนอื่นดู แต่สำหรับการที่เขาต้องการจะช่วยเหลือคนอื่นด้วยแบบนี้ เขาจำเป็นจะต้องมีบ้านอยู่ที่นี่ มันเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ….


“เข้าร่วมการแข่งขันเพื่อเก็บคะแนนสะสมงั้นหรอ ? ดูเหมือนว่าคุณจะพิเศษกว่าที่ฉันคิดไว้มากเลยนะ งั้นในกรณีนี้ฉันก็ไม่มีเรื่องจะพูดอีกแล้ว ….” เซี่ยชิงหยางพยักหน้า จากนั้นเธอก็โอนข้อความจากนาฬิกาควอนตัมของเธอไปให้ซือเฟิง และพูดว่า “นับจากนี้บ้านยูนิตนี้ในเขตทางตอนใต้ที่หกจะเป็นของคุณ”


ซือเฟิงรู้สึกดีใจมากๆ เมื่อเขาได้เห็นข้อมูลที่แสดงบนนาฬิกาบนควอนตัมของเขา แม้ว่ามันจะถูกเรียกว่าบ้านทั่วไป แต่พื้นที่ของมันก็ยังคงมีมากกว่าสองร้อยตารางเมตร ซึ่งมันเพียงพอจะให้ห้าคนอยู่ได้อย่างสบายๆ


“ฉันได้ลงทะเบียนให้คุณเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อเก็บคะแนนสะสมแล้ว อย่างไรก็ตามฉันคิดว่าโอกาสที่คุณจะตามผู้เข้าร่วมการแข่งขันคนอื่นๆทันนั้นมันต่ำมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคุณตั้งเป้าไปที่สามอันดับแรก เพราะสามอันดับแรกทุกคนล้วนมีคะแนนมากกว่าหนึ่งแสนแต้มแล้วตอนนี้ และฉันก็ได้ยินมาว่าพวกเขาได้รับการสนับสนุนจากซุเปอร์กิลของ God domain ดังนั้นตอนนี้มันจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะตามพวกเขาได้ทัน” เซี่ยชิงหยางกล่าวขณะที่เธอมองไปยังซือเฟิง “อย่างไรก็ตามคุณก็สามารถที่จะลองแข่งขันเพื่อชิงยี่สิบอันดับแรกได้ บริษัทได้วางแผนที่จะเสนอให้ผู้ที่ติดยี่สิบอันดับแรกสามารถซื้อสินค้าสามชิ้นจากชั้นกลางได้ ซึ่งนี่ควรเป็นเป้าหมายที่คุณน่าจะไปถึงได้”


ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับคำพูดของเซี่ยชิงหยาง เขารีบกล่าวขอบคุณเธอทันที “ขอบคุณมากๆ ผู้จัดการเซี่ย”


หลังจากนั้นเซี่ยชิงหยางก็พูดคุยกับหงซินหยวนอีกนิดหน่อยก่อนที่เธอจะเดินออกไปด้วยความเร่งรีบ เห็นได้ชัดว่าเธอยุ่งมาก ในขณะเดียวกันเครุยก็รู้สึกโกรธและผิดหวังกับการตัดสินใจของซือเฟิง เธอไม่เคยคิดเลยว่าซือเฟิงจะเลือกยอมแพ้ในโอกาสอันยอดเยี่ยมในการปรับปรุงตัวเองแบบนี้ และแม้แต่หงซินหยวนก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวให้กับการตัดสินใจของซือเฟิง หลังจากเขาสั่งให้เครุยนำทางและแนะนำเรื่องต่างๆให้ซือเฟิงต่อ เขาก็แจ้งเตือนซือเฟิงถึงบางสิ่งเพิ่มอีกนิดหน่อย


อย่างไรก็ตามตรงกันข้ามกับเครุย และหงซินหยวน ซือเฟิงนั้นรู้สึกมีความสุขมากๆกับสถานการณ์ปัจจุบันของเขา


นั่นเป็นเพราะเขาได้รับการเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่มากจริงๆ หลังจากที่เขาได้มาเยือน Upper Zone ในครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็ได้เข้าใจถึงความสำคัญของคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ และค้นพบวิธีที่จะรักษาเสวี่ยเหวินโหรวกับอควาโรสแล้ว เขาได้ค้นพบกระทั่งวิธีที่จะนำคนภายนอกเข้ามาใน Upper Zone ด้วยซ้ำ


เมื่ออำนาจของเขาไปถึงระดับขั้นสูง และเขาสามารถเข้าสู่ชั้นกลางได้ เขาก็จะสามารถใช้คะแนนสะสมหนึ่งแสนแต้มเพื่อแลกเปลี่ยนช่องหนึ่งช่องสำหรับเข้าสู่ Upper Zone ได้ และแม้ว่าเขาจะสามารถแลกเปลี่ยนได้เพียงสามช่องต่อปี แต่นี่มันก็ยังนับเป็นข่าวดีสำหรับเขา เพราะท้ายที่สุดเป้าหมายของเขาแต่แรกนั้น เขาไม่ได้ต้องการจะอาศัยอยู่ใน Upper Zone เพียงคนเดียวอยู่แล้ว


เมื่อดวงอาทิตย์ตกดิน เครุยก็พาซือเฟิงไปที่บ้านของเขาที่เขตทางตอนใต้ที่หก แล้วเธอก็จากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ซึ่งดูเหมือนเธอจะไม่พอใจกับการตัดสินใจของซือเฟิง เรื่องนี้มันทำให้ตอนนี้ซือเฟิงยืนอยู่คนเดียวที่หน้าบ้านที่ตอนนี้เป็นของเขาแล้ว


นี่บ้านมันจะไม่น่าทึ่งเกินไปหน่อยงั้นหรอ ?!


ซือเฟิงตกตะลึง เมื่อเขาได้เดินเข้าไปที่ยูนิต 02 บนชั้น 35


ไม่เพียงแต่บ้านยูนิตที่เขาได้รับมามันจะเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกชั้นยอดมากมาย แต่มันยังมีอุปกรณ์ออกกำลังกายที่ครบครันอีกด้วย และหลังจากเข้ามาในบ้าน ซือเฟิงก็รู้สึกสบายตัวกว่าก่อนหน้านี้มาก ราวกับว่าร่างกายของเขาได้ถูกแช่ในสารอาหารเหลว และเขาก็สามารถจะปรับปรุงสมรรถภาพทางกายของตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะไม่ได้ฝึกฝนใดๆก็ตาม ขณะที่สมองของเขาก็ยังรู้สึกปลอดโปร่งกว่าตอนที่เขาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมานาใน God domain อย่างมาก


ยิ่งไปกว่านั้นห้องนอนทุกห้องในบ้านยังติดตั้งห้องเกมเคบินเฟียเลสที่ล้ำสมัย ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่าห้องเกมเคบินที่สภาสิบแปดปีกเคยซื้อมา


ตามความทรงจำของซือเฟิง ห้องเกมเคบินเฟียเลสนั้น เป็นสิ่งที่จะปรากฎออกสู่โลกภายนอกในอีกสามปีนับจากนี้


ห้องเกมเคบินเฟียเลสนั้นไม่เพียงแต่จะอนุญาติให้ผู้เล่นสามารถดื่มด่ำกับ God domain ได้อย่างเต็มที่เท่านั้น แต่มันยังปรับปรุงประสาทสัมผัสและการตอบสนองของผู้เล่นให้ว่องไวขึ้นด้วย โดยห้องเกมเคบินเฟียเลสนี้จะทำให้ผู้เล่นสามารถตอบสนองต่อมานาได้ดีขึ้นอย่างน้อยยี่สิบเปอเซ็นต์ และอนุญาติให้ผู้เล่นสามารถแสดงความแข็งแกร่งทางจิตที่แท้จริงได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ใน God domain


ย้อนกลับไปในตอนที่ห้องเกมเคบินเฟียเลสเปิดตัวสู่สาธารณะเป็นครั้งแรก บริษัทต่างๆได้ต่อสู้เพื่อแย่งชิงพวกมันกันอย่างบ้าคลั่ง โดยแต่ละห้องนั้นขายได้ถึงหนึ่งร้อยล้านเครดิตหรือมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้นห้องเกมเคบินเฟียเลส มันก็จะขาดตลาดอยู่เสมอๆ แม้จะผ่านไปสิบปีแล้วก็ตาม และมันก็มีแต่กิลชั้นสูงขึ้นไปเท่านั้นที่สามารถจะจัดหาห้องเกมเคบินเฟียเลสนี้ได้ และพวกเขาก็จัดหาให้ได้แค่สำหรับพวกผู้บริหารระดับสูงของกิลเท่านั้นด้วย


ขณะที่สถานการณ์ของกิลชั้นรองนั้นย่ำแย่กว่ามาก แม้แต่หัวหน้ากิลชั้นรองอย่างซือเฟิงก็ไม่สามารถจะใช้ห้องเกมเคบินเฟียเลสได้


ฉันไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยว่า ฉันจะมีโอกาสได้สัมผัสกับห้องเกมเคบินเฟียเลสจริงๆในชีวิตนี้ ซือเฟิงนั้นเริ่มเข้าใจแล้วว่านอกเหนือจากประโยชน์ทั้งหมดที่เขารู้มา ทำไมผู้เล่นของ God domain หลายคนถึงพยายามจะเข้าสู่ Upper Zone ให้ได้ เพราะนอกจากจะได้เพลิดเพลินไปกับประโยชน์มากมายแล้ว เมื่ออยู่ที่นี่ทุกคนยังจะได้เพลิดเพลินไปกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยกว่าในโลกภายนอกมากด้วย


เพิ่มการตอบสนองต่อมานาให้ไวขึ้นยี่สิบเปอเซ็นต์ !!!


แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามทั่วไปก็จะได้รับพลังในการต่อสู้ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก หากพวกเขาได้รับการปรับปรุงแบบนี้ ดังนั้นนี่ก็ไม่ต้องพูดถึงพวกผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดและระดับสัตว์ประหลาดเลย และการเพิ่มการตอบสนองต่อมานาให้ไวขึ้นนี้มันก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำเควสเลื่อนขั้นแต่ละขั้นของผู้เล่นด้วย เพราะท้ายที่สุดมานานั้นเป็นรากฐานของทุกสิ่งใน God domain และยิ่งคนๆหนึ่งควบคุมมานาได้มากเท่าไหร่ก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น


ดูเหมือนว่าฉันจะต้องให้เสวี่ยเหวินโหรวและอควาโรสเข้ามาที่นี่โดยเร็วที่สุด ห้องเกมเคบินเฟียเลสนี้เพียงอย่างเดียว มันก็สามารถจะเพิ่มโอกาสการเข้าถึงขั้นสี่ได้อย่างน้อยสิบเปอเซ็นต์แล้ว ขณะที่ซือเฟิงมองไปที่ห้องเกมเคบินสีดำสนิทสนิท แผนการต่างๆก็เริ่มผุดขึ้นมาในหัวของเขา


หลังจากที่เขาทำความเข้าใจกับส่วนต่างๆของบ้านอย่างคร่าวๆแล้ว ซือเฟิงก็กระโดดเข้าไปในห้องเกมเคบินเฟียเลสโดยไม่ลังเล เขาตั้งใจมากๆที่จะลองสัมผัสกับห้องเกมเคบินที่เขาไม่เคยได้แตะต้องนี้ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่ามันคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะกลับไปที่สำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีกในตอนนี้


เมื่อซือเฟิงเข้าสู่ห้องเกมเคบินเฟียเลส เขาก็จัดการเชื่อมต่อมันเข้ากับระบบหลักของ God domain ทันที ก่อนที่ซือเฟิงจะพึมพำในใจว่า “ล๊อคอิน !!!”


ตอนที่ 2746 เอฟเฟคของห้องเกมเคบินเฟียเลส


อาณาจักรทวินทาวเวอร์ สันเขาเฟียรี่ :


ในฐานะแผนที่เลเวลเก้าสิบในอาณาจักรทวินทาวเวอร์ สันเขาเฟียรี่นั้นได้รับความนิยมจากผู้เล่นเลเวลเก้าสิบถึงหนึ่งร้อยอย่างมาก เพราะพวกเขาส่วนใหญ่จะเลือกเข้ามาเก็บเลเวลที่นี่ อย่างไรก็ตามที่นี่นั้นมันไม่ได้เหมาะแค่ไว้ให้ผู้เล่นเก็บเลเวลเท่านั้น


เพราะท้ายที่สุดแล้วมันยังมีเทอโรซอลดินไฟ (ไดโนเสามีปีกน่ะ ไปเสริ์ชหาเอาละกันนะ) ซึ่งเป็นบอสโลกเลเวลเก้าสิบหกที่จะปรากฎตัวขึ้นในสันเขาเฟียรี่เป็นครั้งคราวด้วย


เมื่อเทียบกับบอสโลกอื่นๆแล้วเทอโรซอลดินไฟนั้นสามารถจะโจมตีและจัดการได้ง่ายกว่ามาก ตราบใดที่ผู้เล่นมีค่าความต้านทานไฟสูงพอ แม้แต่ทีมผู้เล่นที่ประกอบไปด้วยผู้เล่นขั้นสามทั่วไปหนึ่งร้อยคนก็เพียงพอที่จะใช้จัดการมันได้แล้ว


ดังนั้นในขณะที่ออกล่าเพื่อเก็บเลเวล ผู้มาใหม่ของกิลขนาดใหญ่ต่างๆก็จะตรวจสอบไปด้วยเสมอว่ามันมีเทอโรซอลดินไฟเกิดใหม่มาในแผนที่รึปล่าว


หากบอสโลกเกิดใหม่ พวกเขาก็จะทำการแจ้งให้กิลของพวกเขาทราบทันทีเพื่อให้กิลของพวกเขาส่งทีมมาโจมตีมัน และไม่เพียงแต่ผู้เล่นที่มีส่วนในการค้นพบเทอโรซอลจะได้รับคะแนนสะสมกิลจำนวนมาก แต่พวกเขายังอาจจะได้รับชิ้นส่วนอุปกรณ์ระดับไฟน์โกล เลเวลหนึ่งร้อยด้วย หากโชคดี


“เมื่อเร็วๆนี้มันมี NPC จำนวนมากขึ้นมากที่ได้ต่อสู้และแข่งขันแย่งชิงพื้นที่ล่ามอนสเตอร์กับเรา โชคดีที่สถานที่แห่งนี้มันอยู่ค่อนข้างห่างไกลกับเมืองของ NPC และไม่มีหมู่บ้านหรือเมืองใดๆใกล้เคียงเลย ไม่งั้นเราคงจะต้องสูญเสียพื้นที่เก็บเลเวลแห่งนี้ไป” ชิลวอริเออร์ขั้นสอง เลเวลเก้าสิบเจ็ดกล่าว ขณะมองไปยังซากศพของมอน

สเตอร์ที่เป็นบอสทั่วไปที่กองกันอยู่นับโหล และซากศพของลอร์ดบอสหนึ่งตัวที่มีเลเวลเก้าสิบหก แล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา


นับตั้งแต่มีการอัพเดทครั้งใหญ่ของ God domain วันดีๆในการล่ามอนสเตอร์ของพวกเขาก็หมดไปอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้มันมีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้องมากเกินไป โดยเฉพาะกับ NPC ยิ่งไปกว่านั้นพวก NPC ที่มาออกล่าตามแผนที่ต่างๆส่วนใหญ่ยังจะมีเลเวลสูงกว่าเลเวลของแผนที่ราวสิบเลเวล แถมพวก NPC ยังมากันเป็น

กลุ่ม โดยพวกเขาทุกคนก็สวมใส่อาวุธและอุปกรณ์ชั้นยอดที่พร้อมสรรพมากๆ มันมีแม้กระทั่ง NPC ที่ใช้อาวุธระดับอีปิคด้วยซ้ำ เป็นผลให้แทบไม่มีผู้เล่นคนใดกล้ายุ่งกับ NPC เลย


“อันที่จริงตอนนี้พวกเราควรจะคิดว่าพวกเราโชคดีมากแล้วนะ จากที่ฉันได้ยินมาจากพวกขั้นสามของกิล ในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยมันล้วนเต็มไปด้วย NPC ขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยสามสิบหรือมากกว่า และจากที่เห็นพวกนั้นพูดกันดูเหมือนว่ามันจะมีจำนวน NPC ขั้นสามมากกว่ามอนสเตอร์ด้วยซ้ำ และนี่มันก็ทำให้กิลต้องพาผู้เล่นของตัวเองเดินทางไปเก็บเลเวลในพื้นที่ที่ไกลขึ้น และพวกเขาก็ต้องใช้เวลามากกว่าเดิมถึงสองเท่า” ออราเคิลขั้นสอง เลเวลเก้าสิบเอ็ดกล่าวออกความเห็น


“โดยเรื่องนี้มันก็ได้นำมาซึ่งโอกาสของเราเช่นกัน ตอนนี้ความเร็วในการเก็บเลเวลของผู้เล่นที่มีเลเวลต่ำกว่าหนึ่งร้อยนั้นเร็วกว่าผู้เล่นที่มีเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยมาก หากเราสามารถไล่ตามเลเวลของผู้เล่นหลักทัน และทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสามได้สำเร็จ ชีวิตของเราก็จะสบายแน่นอน !!!” แรนเจอร์ขั้นสอง เลเวลเก้าสิบห้ากล่าวอย่างตื่นเต้น


ตอนนี้ God domain มันได้รับความนิยมมากกว่าเมื่อก่อนมาก และมันก็แทบไม่มีใครเลยในปัจจุบันที่จะไม่รู้จัก God domain


ในขณะเดียวกัน การแข่งขันภายใน God domain ก็ทวีความรุนแรงขึ้นมากในแต่ละวัน ตอนนี้การเข้าถึงเลเวลหนึ่งร้อย และเข้าสู่แผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อย นั้นมันคล้ายกับการเปลี่ยนจากการเข้าสู่ดันเจี้ยนโหมดปกติไปเป็นโหมดนรกแล้ว ความยากในการเก็บเลเวลนั้นมันเพิ่มขึ้นอย่างมาก และนี่มันก็เป็นข่าวร้ายสำหรับผู้เล่นหลักอย่างไม่ต้องสงสัย แต่สำหรับผู้มาใหม่นั้นมันนับเป็นข่าวดี เพราะพวกเขาได้เข้าร่วม God domain มาทีหลัง ซึ่งมันทำให้พวกเขาพลาดโอกาสมากมายไป แต่ด้วยเรื่องนี้มันก็นับเป็นโอกาสดีสำหรับพวกเขาที่ไล่ตามผู้เล่นหลักให้ทัน


ในปัจจุบันกิลต่างๆนั้นกำลังรับสมัครผู้เชี่ยวชาญขั้นสามกันอย่างบ้าคลั่ง และบางกิลก็เสนอเงินเดือนจำนวนมากให้กับผู้เชี่ยวชาญขั้นสามด้วย


นักเรียนบางกลุ่มที่เล่น God domain มาตั้งแต่แรกตอนนี้กำลังมีรายได้มากกว่าพวกชนชั้นสูงบางกลุ่มในสังคมปัจจุบันด้วย ซึ่งสถานการณ์นี้ดึงดูดให้ชนชั้นแรงงาน และพวกผู้สูงอายุจำนวนมากเข้ามาเล่น God domain เพื่อหารายได้พิเศษสำหรับค่าครองชีพของพวกเขา

ในขณะที่สมาชิกทีมชายหกคนกำลังพูดคุยกัน ทันใดนั้นมันก็มีคลื่นกระแทกพัดมาเหนือพวกเขา


ตู้ม !!!


คลื่นกระแทกที่รุนแรงทำให้ต้นไม้รอบๆแกว่งไปมา และสั่นสะเทือน แถมมันยังทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนเล็กน้อยด้วย


“มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?” การ์เดี้ยนไนท์ เลเวลเก้าสิบเจ็ดมองไปยังต้นกำเนิดของคลื่นกระแทกนี้ด้วยความประหลาดใจ


อย่างไรก็ตามก่อนที่ใครจะทันได้ตอบสนองต่อสถานการณ์นี้ได้ เสียงแหลมสูงก็ดังขึ้น และมันก็บังคับให้ผู้เล่นทั้งหกต้องรีบปิดหู


“นี่มันเป็นเสียงร้องของเทอโรซอลดินไฟแน่นอน !!!” แรนเจอร์หนุ่มกล่าวด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย


ตราบเท่าที่พวกเขารายงานข่าวนี้กลับไปยังกิล พวกเขาก็มีสิทจะได้รับผลประโยชน์อย่างมหาศาล


“เทอโรซอลดินไฟน่าจะอยู่ในบริเวณนั้น !!” การ์เดี้ยนไนท์กล่าวพลางชี้ไปที่หุบเขาทางตะวันตก “เร็ว !!! เราต้องรีบหน่อยแล้ว !!!”


หลังจากมองตากันชั่วครู่ ผู้เล่นทั้งหกก็พุ่งไปที่หุบเขาทางตะวันตกทันที


แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าใครไปทำให้เทอโรซอลดินไฟโกรธ แต่สิ่งที่พวกเขาต้องทำตอนนี้คือไประบุตำแหน่งบอสโลกตัวนี้ให้ไวที่สุดเพื่อให้กิลของพวกเขาส่งทีมผู้เล่นขั้นสามมาโจมตีและจัดการมัน


สำหรับความเป็นไปได้ที่กิลอื่นจะค้นพบเทอโรซอลดินไฟก่อนนั้น มันไม่ได้สำคัญอะไรอยู่แล้ว เพราะท้ายที่สุดบอสโลกเลเวลเก้าสิบหกนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผู้เล่นขั้นสองจะสามารถจัดการได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่มอนสเตอร์ใน God domain มีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากหลังจากการอัพเดทครั้งใหญ่ และพูดกันตรงๆแม้แต่ทีมผู้เล่นขั้นสามก็ยังจะต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งในการจะจัดการมันให้ได้ แถมเทอโรซอลยังกรีดร้องออกมาอย่างดัง ซึ่งนี่มันจะไปดึงดูดความสนใจของทีมกิลอีกหลายสิบทีมให้เข้ามาแน่นอน และท้ายที่สุดแล้วใครจะได้บอสตัวนี้ไปจริงๆ มันก็จะขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งจริงของทีมของพวกเขาเท่านั้น


เพราะท้ายที่สุดแล้วไอเทมที่เทอโรซอลดินไฟดรอปนั้นมันค่อนข้างจะพิเศษมากๆ ไม่เพียงแต่มันจะดรอปวัสดุระดับตำนานที่อ่อนแอ แต่มันยังมีสิทที่จะดรอปอาวุธและอุปกรณ์ระดับอีปิคที่สามารถจะใช้ได้จนถึงเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบด้วย และหากใครโชคดีมากพอ บางทีก็อาจจะได้รับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานเลยก็ได้


ไม่ถึงหนึ่งนาทีมันก็ทีมจำนวนมากกว่าสิบทีมมาถึงบริเวณหุบเขาที่เทอโรซอลดินไฟอยู่


อย่างไรก็ตามเมื่อทีมทั้งหมดนี้เห็นเทอโรซอลดินไฟ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง บอสโลกที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขานั้นแตกต่างไปจากบอสโลกตัวเดิมที่พวกเขาเคยเห็นมาก่อนอย่างสิ้นเชิง


“ทำไมเทอโรซอลดินไฟตัวนี้ถึงตัวใหญ่ขนาดนี้ ?!”


“ทำไมมันมีหลอด HP ทั้งหมดเก้าหลอดกัน ?!”


เทอโรซอลดินไฟที่มีความสูงประมาณห้าสิบเมตรบินวนเวียนอยู่ภายในหุบเขา โดยบริเวณร่างของเทอโรซอลดินไฟนั้นมันก็ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวไฟ และขณะที่มันกระพือปีกของมัน มันก็ได้สร้างพายุอันทรงพลังที่สามารถจะทำลายภูมิประเทศโดยรอบได้ และเพียงแค่เสียงคำรามของมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้เล่นของหลายทีมต้องก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว แถมทั่วทั้งบริเวณที่มันอยู่ยังถูกแผดเผาไปทั้งหมด นี่ถ้ามีค่าความต้านทานไฟต่ำกว่าสี่ร้อยแต้ม คนที่คิดจะเข้าไปน่าจะตายลงทันทีแน่นอน


(เทอโรซอลดินไฟ (บอสโลก)] (ระดับเทพนิยาย ลอร์ดแห่งดิน)

Level 99

HP 3,300,000,000/3,300,000,000


นี่มันทำให้ผู้เล่นที่พึ่งจะมาถึงบริเวณหุบเขาตกอยู่ในความกลัวและสิ้นหวังมากๆ เมื่อพวกเขาได้เห็นการโจมตีที่น่ากลัวของเทอโรซอลดินไฟตัวนี้


ในตอนนี้หากพวกเขาเข้าไปใกล้พื้นที่ที่เทอโรซอลดินไฟตัวนี้อยู่ พวกเขาจะกลายเป็นขี้เถ้าแน่นอน และสำหรับตอนนี้พวกเขาก็คิดว่าถ้าพวกเขาแจ้งข่าวไปยังกิลของพวกเขา มอนสเตอร์ตัวนี้ก็น่าจะต้องใช้ทีมผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจำนวนมากในการจะกำจัดมันเลย มันไม่สามารถจะใช้ทีมผู้เล่นขั้นสามทั่วไปได้แล้ว ….


“เดี๋ยวก่อน !! ดูเหมือนมันจะบาดเจ็บ !!!” แรนเจอร์ขั้นสอง เลเวลเก้าสิบเจ็ดอุทานออกมา หลังจากที่เขาทำการตรวจสอบเทอโรซอลดินไฟอย่างระมัดระวัง


เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของแรนเจอร์ขั้นสอง ทุกคนก็สังเกตเห็นบาดแผลลึกถึงกระดูกจำนวนมากบนร่างกายของบอสโลกตัวนี้ และตอนนี้เมื่อพวกเขาสังเกตดีๆ พวกเขาก็ได้ตระหนักแล้วว่าบอสโลกตัวนี้เหลือ HP น้อยกว่าครึ่ง


ในขณะที่ทุกคนกำลังรู้สึกตกตะลึงกับอาการบาดเจ็บของเทอโรซอลดินไฟ ทันใดนั้นมันก็มีร่างหนึ่งพุ่งลงมาหาบอสจากฟากฟ้า


ร่างนี้ไม่เพียงแต่จะใช้ลำแสงดาบโจมตีเข้าใส่ปีกของเทอโรซอลดินไฟเท่านั้น แต่ผลของการโจมตีนี้มันยังทำให้พื้นดินแตกออก และทำให้กลายเป็นรอยแยกราวหนึ่งร้อยห้าสิบหลา หลังจากนั้นค่าความเสียหายก็ได้ปรากฎขึ้นเหนือหัวของบอสโลก


-5,157,624!


“มากกว่าห้าล้านดาเมจในการโจมตีเดียว ?! เขาเป็น NPC รึปล่าว ?!”


“ไม่ใช่หรอก แม้ว่าเราจะไม่สามารถมองเห็นข้อมูลของเขาได้ แต่คนๆนี้ก็มีไอคอนของผู้เล่นอยู่เหนือหัว ดังนั้นเขาต้องเป็นผู้เล่นแน่นอน”


“มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน ?! ผู้เล่นจะแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง ?!”


“นี่เขาพยายามจะโซโล่เทอโรซอลดินไฟตัวนี้ด้วยตัวเองเลยงั้นหรอ ?!”


เหล่าผู้เล่นในปัจจุบันอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง เมื่อได้เห็นผลลัพธ์จากการโจมตีเมื่อครู่ และพวกเขาทุกคนก็แทบจะไม่เชื่อสายตาของตัวเองเลย


อย่างไรก็ตามก่อนที่ใครจะทันได้หายตกตะลึงและงุนงง ร่างนี้ก็ได้เริ่มโจมตีเทอโรซอลดินไฟโดยใช้ดาบของตัวเองอีกครั้ง ซึ่งนี่มันก็ทำให้เงาดาบขนาดใหญ่ปรากฎขึ้น และโจมตีลงไปที่เทอโรซอลดินไฟ


Slash!


ช่วงเวลาต่อมาเทอโรซอลดินไฟก็เปล่งเสียงกรีดร้องที่สั่นสะเทือนไปทั่วออกมา และปีกของมันข้างหนึ่งก็ถูกตัดออกไปอย่างสิ้นเชิง จากนั้นเลือดสีทองของมันก็สาดกระเด็นไปทั่ว และทำให้เกิดทะเลเพลิง


-31,544,734!


วินาทีต่อมา HP ของเทอโรซอลดินไฟก็ลดลงในอัตราที่มองเห็นได้ชัดเลยทีเดียว


“นี่เขายังเป็นมนุษย์อยู่รึปล่าว ?!”


“เขาสร้างความเสียหายได้มากกว่าสามสิบล้านนการโจมตีครั้งเดียว เขาไม่ใช่มนุษย์แล้ว !!!”


“สัตว์ประหลาด !! คนๆนั้นจะต้องเป็นสัตว์ประหลาดในคราบมนุษย์แน่นอน !!!”


ทุกคนในปัจจุบันนั้นพูดไม่ออกและตกตะลึงกับงุนงงมากยิ่งกว่าเดิม เมื่อเห็นความเสียหายจากการโจมตีครั้งที่สองที่ผู้เล่นคนนี้ทำได้ บางคนถึงกับลองหยิกแก้มตัวเองดูว่าตอนนี้พวกเขาฝันอยู่รึปล่าว ….


อย่างไรก็ตามมันดูเหมือนว่าผู้ที่โจมตีเทอโรซอลดินไฟผู้นี้จะไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลยกับความเสียหายที่เขาสามารถทำได้


แน่นอนเลยว่าพอใช้ห้องเกมเคบินเฟียเลสแล้ว มันทำให้การใช้ไลท์ชาโด้วทำได้ง่ายขึ้นมากๆ แถมมันยังลดค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจที่ต้องใช้ลงไปอีกมาด้วย ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมมหาอำนาจต่างๆถึงมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่มากกว่ากิลชั้นสูง และชั้นรอง ซือเฟิงนั้นอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างมีความสุข เมื่อได้เห็นฉากตรงหน้าเขา


แม้ว่าห้องเกมเคบินเฟียเลสจะไม่ได้ช่วยปรับปรุงค่าสถานะพื้นฐานของเขา แต่มันก็ยังเพิ่มพลังการต่อสู้โดยรวมของเขาขึ้นอย่างน้อยยี่สิบเปอเซ็นต์ และสำหรับเรื่องการเพิ่มการตอบสนองต่อมา และทำให้สามารถใช้ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์นั้น มันก็ทำให้สกิล เวทย์ และเทคนิคทั้งหมดที่เขามีถูกยกระดับขึ้นไปสู่ระดับใหม่ทั้งหมด

มันมีคนมารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าฉันจะต้องรีบปิดงานแล้ว


หลังจากมองไปยังเทอโรซอลดินไฟที่ไม่สามารถบินได้อีกต่อไป ซือเฟิงก็รีบบินลงไปหามันทันที


เมื่อเห็นซือเฟิงบินลงมา เทอโรซอลดินไฟก็เปล่งเสียงคำรามที่โกรธเกรี้ยวออกมา ก่อนที่มันจะใช้สกิลที่แข็งแกร่งที่สุดของมันอย่างสกิลขั้นสี่ Earthfire Rupture


ในช่วงเวลาต่อมาหินไฟที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางกว่าสี่สิบเมตรก็ได้ค่อยๆพุ่งเข้าใส่ซือเฟิง โดยทุกๆที่ที่มันเคลื่อนผ่านก็ทำให้เกิดรอยแยกเชิงพื้นที่ขึ้นด้วย


“การต่อต้านที่ไร้ความหมาย !!!”


ซือเฟิงชี้ Abyssal Blade ของเขาไปที่หินไฟที่กำลังใกล้เขาและเขาก็ได้จัดการเปิดใช้งานสกิลมรดกขั้นสี่ โดเมนดาบทันที


ทันใดนั้นดาบเวทย์มนต์ก็ปรากขึ้นรอบๆซือเฟิงทีละเล่ม ก่อนที่พวกมันจะกลายเป็นลำแสง และพุ่งเข้าใส่หินไฟทันที


ตู้ม ! ตู้ม ! ตู้ม !


ทั่วบริเวณนั้นแตกออกเป็นเสี่ยงๆจากการปะทะกันของสกิลทั้งสองนี้ และท้ายที่สุดแล้วหินไฟทั้งหมดของเทอโรซอลดินไฟก็ถูกทำลายโดยซือเฟิง และก่อนที่ใครจะทันได้หายตกตะลึงนั้น ซือเฟิงก็รีบควบคุมให้ดาบเวทย์มนต์ของเขาระดมโจมตีบอสโลกตัวนี้ทันที


-21,346,544!


-43,671,216!


-22,457,611!


ความเสียหายมากกว่ายี่สิบล้านปรากฎขึ้นเหนือหัวของเทอโรซอลดินไฟครั้งแล้วครั้งเล่า และไม่ว่าเทอโรซอลดินไฟจะดิ้นรนมากแค่ไหน แต่ HP ของมันก็ยังคงลดลงอย่างรวดเร็ว

ไม่ถึงหนึ่งนาทีต่อมา เทอโรซอลดินไฟก็เปล่งเสียงร้องที่เจ็บปวดเป็นครั้งสุดท้ายออกมา ก่อนที่มันจะถูกทะเลเพลิงจากการต่อสู้กลืนกิน ตั้งแต่ต้นจนจบบอสโลกตัวนี้ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับซือเฟิงได้เลยแม้แต่นิดเดียว


ตอนที่ 2747 ทวีปด้านตะวันออกที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง


เมื่อเทอโรซอลดินไฟตายลง และเริ่มดรอปไอเทมออกมา เหล่าผู้เล่นที่เฝ้าดูอยู่ก็ไม่มีใครกล้าจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อขโมยไอเทมที่บอสโลกตัวนี้ดรอปออกมา


ตอนนี้มันมีเพียงแต่ความเงียบสงัดที่เข้าปกคลุมไปทั่วหุบเขา ซึ่งมันทำให้รู้สึกราวกับว่าเวลาโดยรอบหุบเขานี้ได้หยุดลงแล้ว


เมื่อผู้เล่นหลายคนมองไปยังชายในเสื้อคลุมสีดำที่ถือดาบสีดำอยู่ ดวงตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความกลัวอย่างถึงที่สุดราวกับว่าพวกเขากำลังมองไปยังทวยเทพ


“เขาเป็น …. ผู้เล่นจริงๆงั้นหรอ ?”


ความคิดดังกล่าวปรากฎขึ้นในจิตใจของผู้เล่นทุกคน ขณะที่พวกเขามองไปยังซือเฟิงที่ตอนนี้ลอยอยู่กลางอากาศ


ซือเฟิงได้ฆ่าบอสโลก ซึ่งเป็นมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย เลเวลเก้าสิบเก้า ได้อย่างง่ายดายมากๆ ราวกับบอสโลกตัวนี้เป็นแค่มอนสเตอร์ระดับบอสทั่วไป บอสโลกนั้นไม่สามารถจะต้านทานใดๆเขาได้เลย


“เขาเป็นใครกัน ?”


“มันไม่มีทางที่ผู้เล่นจะแข็งแกร่งได้ขนาดนั้น !! นั่นคือบอสโลก เลเวลเก้าสิบเก้าเลยนะที่เรากำลังพูดถึง !!! แม้แต่ทีมผู้เชี่ยวชาญขั้นสามหนึ่งร้อยคนก็น่าจะยังไม่สามารถล้มมันได้เลย !!! เขาต้องเป็น NPC ที่ปลอมตัวมาแน่ๆ !!!”


เมื่อมองไปที่ร่างที่ลอยอยู่กลางอากาศของซือเฟิง ผู้เล่นบางคนนั้นแทบพูดไม่ออก ขณะที่บางส่วนก็พยายามหัวเราะ และหาเหตุผลมากลบเกลื่อนความไม่อยากจะเชื่อของพวกเขา เมื่อพวกเขามองไปยังฉากตรงหน้า พวกเขาไม่สามารถจะทำให้ตัวเองเชื่อได้เลยจริงๆว่ามันมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างผู้เล่นอยู่ ….


อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับผู้เล่นเหล่านี้แม้แต่นิดเดียว และเขาก็พุ่งเข้าไปเก็บไอเทมที่เทอโรซอลดินไฟดรอปออกมาทันที


God domain นั้นไม่ใช่โลกแห่งความจริง ในโลกของเกมเพียงแค่การสะสมค่าสถานะ และคุณสมบัติไปทีละนิด ทีละน้อย มันก็เพียงพอแล้วที่จะเปลี่ยนผู้เล่นให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดในสายตาของผู้เล่นคนอื่น นี่ยังไม่นับรวมการปรับปรุงเชิงคุณภาพที่เกิดจากการเลื่อนขั้นอีก ช่องว่างสองขั้นระหว่างซือเฟิงและผู้เล่นที่มาชมเขาต่อสู้นั้น ในสายตาของผู้เล่นขั้นสอง ผู้เล่นขั้นสี่ก็จะไม่ต่างจากทวยเทพเลย ในความเป็นจริงผู้เล่นขั้นสี่สามารถจะฆ่าผู้เล่นขั้นสองได้โดยแค่สะบัดมือของพวกเขาด้วยซ้ำ


บอสโลกที่ซือเฟิงต่อสู้ด้วยนั้นยังมาไม่ถึงเลเวลหนึ่งร้อยเลย และใน God domain ตอนนี้ มอนสเตอร์ที่ยังมาไม่ถึงเลเวลหนึ่งร้อยนั้นจะไม่ถือว่าแข็งแกร่งมาก


ไม่งั้นมหาอำนาจต่างๆคงจะไม่เลือกที่จะออกล่าบอสโลกเลเวลต่ำกว่าหนึ่งร้อยกันอย่างบ้าคลั่งหรอก เพราะท้ายที่สุดแล้วบอสโลกที่มีเลเวลหนึ่งร้อยหรือมากกว่านั้น มันยังตึงมือเกินไปสำหรับทีมส่วนใหญ่ของพวกเขาที่จะจัดการได้ ….


โอ้ ? มันมีอุปกรณ์ระดับอีปิคชั้นยอดดรอปด้วยแหะ …. ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเขามองไปยังเสื้อคลุมนักเวทย์ศักสิทธิ์ในมือของเขา


[เสื้อคลุมวิสติ้งไลท์] (เกราะผ้า ระดับอีปิค)

เลเวล 40 – เลเวล 110

ความต้องการอุปกรณ์ : INT 1,500 Vitality 1,300

พลังป้องกัน +340 (เลเวลสี่สิบ)

STR +20 AGI+24 INT+63 Vitality+31 Endurance+25

Ignore Levels +4

สกิลป้องกันทุกสกิลจะมีเลเวลเพิ่มขึ้น 2 เลเวล

ระยะการร่ายเพิ่มขึ้น 20 เปอเซ็นต์ INT และ Vitality เพิ่มขึ้น 10 เปอเซ็นต์


สกิลพาสซีฟเพิ่มเติม 1:

Spiritual Light : เมื่อค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของผู้ใช้ลดลงเหลือต่ำกว่าห้าสิบเปอเซ็นต์ การใช้มานาจะลดลงสามสิบเปอเซ็นต์ และความเร็วในการร่ายจะเพิ่มขึ้น

สามสิบเปอเซ็นต์


สกิลพาสซีฟเพิ่มเติม 2:

เกราะมานา : ดูดซับมานาในรัศมีหนึ่งร้อยหลาเข้ามาโดยอัตโนมัติเพื่อปกป้องผู้ใช้ และช่วยปรับปรุงการรับรู้ของมานาให้ดีขึ้นยี่สิบเปอเซ็นต์ รวมทั้งช่วยปรับปรุงเอฟเฟคของเวทย์มนต์ให้ดีขึ้นอีกยี่สิบเปอเซ็นต์


เอฟเฟคเมื่อสวมใส่เซ็ทครบสองชิ้น : ขีดจำกัดสูงสุดของเซ็ทวิสติ้งไลท์จะขึ้นไปอยู่ที่เลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบ


เอฟเฟคเมื่อสวมใส่เซ็ทครบสี่ชิ้น : ค่าสถานะทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นยี่สิบเปอเซ็นต์ และพลังของเวทย์มนต์ทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นยี่สิบเปอเซ็นต์


เอฟเฟคเมื่อสวมใส่เซ็ทครบหกชิ้น : ได้รับการปกป้องจากแสง โดยจะช่วยปรับปรุงทำให้ร่างกายทางกายภาพดีขึ้นสามสิบเปอเซ็นต์ เพิ่มความสัมพันธ์กับมานาขึ้นยี่สิบเปอเซ็นต์ และได้รับสกิลหัวใจมานา ซึ่งเมื่อเปิดใช้งาน มันจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของมานาของผู้ใช้ขึ้นหนึ่งขั้นเป็นเวลาหนึ่งนาที โดยสกิลนี้มีคูลดาว์หนึ่งชั่วโมง


เซ็ทวิสติ้งไลท์นั้นเป็นเซ็ทที่มีทั้งหมดหกชิ้น และมันก็จัดเป็นเซ็ทชั้นยอดเลย แม้แต่ในหมู่เซ็ทระดับอีปิค และตราบใดที่ผู้เล่นนักเวทย์ได้สวมใส่เซ็ทนี้ครบสักสองชิ้น พวกเขาก็จะสามารถใช้มันได้จนถึงเลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบเลย


หากจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่สามารถรวบรวมเซ็ทนี้ได้ครบหกชิ้น พวกเขาจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตแห่งการทำลายล้างเลย และมันก็คงไม่ใช่เรื่องเกินจริงหากจะบอกว่าเซ็ท

วิสติ้งไลท์นี้เป็นหนึ่งในเซ็ทที่ดีที่สุดสำหรับผู้เล่นนักเวทย์ที่อยู่ต่ำกว่าขั้นห้า


อย่างไรก็ตามมันมีเพียงบอสโลกที่มีเลเวลต่ำกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบลงมาเท่านั้นที่มีสิทจะดรอปเซ็ทวิสติ้งไลท์ และอัตราการดรอปมันก็เป็นแบบสุ่มเช่นกัน ซึ่งทำให้การจะสะสมเซ็ทนี้ให้ได้ครบนั้นมันเป็นเรื่องยากอย่างไม่น่าเชื่อ


ฉันคงจะต้องให้ไฟเออร์แดนซ์และคนอื่นๆเริ่มโจมตีบอสโลกแบบนี้บ่อยขึ้น หากรวบรวมเซ็ทนี้ได้ครบเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะเป็นไวโอเล็ตหรืออควาที่เป็นผู้ใช้มัน พวกเขาก็จะไม่ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ของพวกเขาเลยจนกว่าพวกเขาจะไปถึงขั้นห้า เมื่อซือเฟิงมองไปยังเซ็ทวิสติ้งไลท์ เขาก็มีความตั้งใจอย่างแรงกล้ามากๆที่จะรวบรวมเซ็ทนี้ให้ครบ ถ้าไวโอเล็ตคลาวด์หรืออควาโรสสามารถจะสวมใส่เซ็ทนี้ได้ก่อนจะถึงขั้นห้า พวกเขาก็จะจัดว่าแทบจะเป็นอมตะในหมู่ผู้เล่นขั้นสี่เลย ….


หลังจากครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่พักหนึ่ง ซือเฟิงก็ได้เก็บเสื้อคลุมวิสติ้งไลท์เข้ากระเป๋า ก่อนที่เขาจะเริ่มทำการเก็บรวบรวมไอเทมที่เหลือที่เทอโรซอลดินไฟดรอปเอาไว้ นอกจากเสื้อคลุมวิสติ้งไลท์แล้ว บอสโลกเลเวลเก้าสิบเก้าตัวนี้ยังดรอปอาวุธและอุปกรณ์ เลเวลหนี่งร้อย ระดับไฟน์โกลกับดาร์คโกลมามากกว่าหนึ่งโหล นอกเหนือจากนี้มันก็ยังดรอปวัสดุต่างๆอีกจำนวนมาก รวมไปถึงคริสตัลเวทย์มนต์ สูตรโพชั่น และอื่นๆอีกมาก ซึ่งหลังจากเก็บรวบรวมครบทั้งหมดแล้ว ซือเฟิงก็ได้รีบบินออกไปจากหุบเขาทันที


เมื่อเหล่าผู้ชมที่เฝ้าชมอยู่หลายคนเห็นซือเฟิงจากไปแล้ว พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา


“เมื่อสังเกตจากดาบของเขา และพลังทำลายล้างนั่น เขาน่าจะเป็นแบล๊คเฟรมใช่

ไหม ?”


“ฉันได้ติดตามเหล่าผู้บริหารของกิลฉันไปดูการแข่งขันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งสำรองมาแล้ว และฉันสามารถบอกได้เลยว่าชายคนนั้นดูเหมือนแบล๊คเฟรมมากๆ และแบล๊คเฟรมก็เป็นผู้เล่นขั้นสี่เพียงคนเดียวในเกมเท่าที่หลายคนรู้ในตอนนี้ด้วย และมันก็จะมีเพียงแต่อาชีพขั้นสี่เท่านั้นที่จะสามารถแสดงพลังที่น่ากลัวแบบนี้ออกมาได้”


“เขาคือราชันดาบงั้นหรอ ? นี่เขาจะไม่น่าทึ่งเกินไปหน่อยงั้นหรอ ?!”


หลังจากที่ร่างของซือเฟิงหายลับไปจากสายตา เหล่าผู้เล่นที่เฝ้าชมอยู่บางคนก็เริ่มคาดเดาถึงตัวตนของซือเฟิงได้ และในเวลาไม่นานทุกคนก็เริ่มพูดคุยถึงเรื่องของเขากันอย่างดุเดือด รวมไปถึงเรื่องพลังของอาชีพในขั้นสี่ด้วย


เมื่อผู้เล่นที่เฝ้าชมอยู่นึกถึงฉากที่ซือเฟิงทำการตัดปีกของเทอโรซอลดินไฟ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะอยากทำให้ตัวเองไปถึงขั้นสี่โดยเร็วที่สุด


ก่อนหน้านี้มันไม่มีใครมีความคิดที่ชัดเจนเกี่ยวกับขั้นสี่ แม้แต่ผู้เล่นที่เคยเข้าไปชมการแข่งขันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งสำรองของสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ถูกจัดขึ้นโดยวิหารเทพสงครามก็ยังไม่ได้คิดว่าขั้นสี่นั้นน่าทึ่งมากนะ และอย่างมากที่สุดพวกเขาก็คิดว่าขั้นสี่นั้นจะจัดเป็นอมตะในหมู่ผู้เล่นขั้นสาม และสามารถฆ่าผู้เล่นขั้นสามได้ง่ายๆก็เท่านั้น


แต่ตอนนี้ทุกคนล้วนเต็มไปด้วยความตกตะลึง เมื่อได้เห็นพลังที่ขั้นสี่แสดงออกมาจริงๆ


ผู้เล่นขั้นสี่นั้นสามารถจะเอาชนะบอสโลกที่เป็นมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายได้ด้วยตัวคนเดียว ใครจะไม่โหยหาที่จะได้รับความแข็งแกร่งแบบนี้กัน ?


หลังจากนั้นข่าวที่ซือเฟิงได้ทำการฆ่าเทอโรซอลดินไฟมันก็แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วทั่ว God domain


หลังจากผู้บริหารระดับสูงของมหาอำนาจต่างๆได้ดูวีดีโอการต่อสู้ล่าสุดของซือเฟิง พวกเขาก็ได้รับความเข้าใจใหม่ทั้งหมดเกี่ยวกับขั้นสี่ ในขณะเดียวกันดวงตาของพวกเขาตอนนี้ก็ลุกโชนไปด้วยเปลวไฟแห่งความทะเยอทะยานแล้ว “ขั้นสี่ ! ระดมกำลังคนที่มีอยู่ในกิลทั้งหมดเพื่อค้นหาว่าสภาสิบแปดปีกสามารถทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้ยังไง เดี๋ยวนี้เลย !!!”


“มันหมดยุคของขั้นสามแล้ว !! จากนี้ไปเรามีเพียงเป้าหมายเดียวเท่านั้นคือขั้นสี่ !!!”


“ตราบใดที่กิลเรามีผู้เล่นขั้นสี่ขึ้นมาสักคนตอนนี้ กิลของเราก็จะพุ่งทะยานขึ้นมาอีกมากแน่นอน !!!”


ในช่วงเวลาหนึ่งมหาอำนาจต่างๆล้วนค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับมรดกขั้นสี่กันอย่างบ้าคลั่ง และพวกเขาก็เริ่มส่งสายลับเข้าไปแฝงตัวในสภาสิบแปดปีกมากขึ้นด้วย มหาอำนาจบางกลุ่มถึงกับติดต่อไปหาผู้บริหารระดับสูงของสภาสิบแปดปีกโดยตรง และเสนอที่จะจ่ายอย่างมหาศาลเพื่อแลกกับข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับอาชีพขั้นสี่


ในขณะเดียวกันคลื่นแห่งการอภิปรายและพูดคุยก็แพร่กระจายไปตามฟอรั่มของอาณาจักรและจักรวรรดิต่างๆอย่างรวดเร็ว เพียงแค่วีดีโอการต่อสู้ที่ซือเฟิงต่อสู้กับเทอโรซอลดินไฟเพียงอย่างเดียว มันก็มีผู้เข้าชมมากกว่าหนึ่งพันล้านครั้งแล้ว และมันทำให้ตอนนี้ทุกคนต่างเริ่มพูดคุยและให้ความสำคัญกับอาชีพขั้นสี่ขึ้นมาอีกมาก พวกเขากระทั่งเริ่มสงสัยแล้วด้วยซ้ำว่าสุดท้ายแล้วขั้นสี่จะมีพลังมากมายขนาดไหนกัน และผู้เล่นขั้นสี่จะสามารถโซโล่ฆ่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยายในเลเวลเดียวกันได้

ไหม ?


หัวข้อเรื่องขั้นสี่นี้ได้แพร่กระจายไปทั่วทวีปด้านตะวันออกอย่างรวดเร็ว และมันก็ทำให้ทวีปด้านตะวันออกเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง

ในขณะเดียวกัน หลังจากซือเฟิงออกจากสันเขาเฟียรี่ ข้อความแจ้งเตือน และสายที่ติดต่อโทรเข้ามานั้นมันก็เข้าท่วมอินเตอร์เฟซของเขาทันที


เขาสังเกตเห็นว่าข้อความแจ้งเตือนนั้นถึงขีดจำกัดสูงสุดที่ 9,999 ข้อความแล้ว และเขาก็ยังได้รับสายโทรเข้ามาอีกหลายร้อยสาย ถ้าเขาไม่ได้ตั้งค่าอินเตอร์เฟซของเขาให้บล๊อคการสื่อสารจากผู้ที่ไม่ใช่เพื่อนโดยอัตโนมัติ อินเตอร์เฟซสื่อสารของเขาคงระเบิดไปแล้ว


“หัวหน้ากิล ครั้งนี้หัวหน้าทำให้เกิดความยุ่งเหยิงครั้งใหญ่เลยนะ ….” เมื่อยู่หลานเห็นว่าในที่สุดซือเฟิงก็รับสายเธอแล้ว เธอก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ตอนนี้ทั้วทั่ง God domain ล้วนกำลังมองหาดินแดนมรดกขั้นสี่ และนี่มันก็ทำให้สภาสิบแปดปีกตกเป็นเป้าหมายของทุกกลุ่มในเรื่องการค้นหาดินแดนมรดกขั้นสี่แล้ว ตอนนี้หลายกลุ่มเริ่มพยายามมาคาดคั้นหรือไม่ก็ขอซื้อข้อมูลของดินแดนมรดกขั้นสี่ และเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่จากเรา”


ปัจจุบันผู้บริหารระดับสูงของสภาสิบแปดปีกทุกคนล้วนได้รับการติดต่อมาเข้ามาจากมหาอำนาจต่างๆ และแม้กระทั่งยู่หลานเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เธอได้รับการติดต่อมาจากมหาอำนาจต่างๆมากกว่าสิบกลุ่ม โดยทุกกลุ่มนั้นก็ล้วนเสนอราคามหาศาลเพื่อขอซื้อข้อมูลเรื่องดินแดนมรดกขั้นสี่ และเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่


หากสภาสิบแปดปีกไม่ตอบสนองต่อข้อเสนอเหล่านี้ มันก็จะเป็นการทำให้มหาอำนาจต่างๆขุ่นเคืองอย่างมากแน่นอน และในเวลานั้นสภาสิบแปดปีกก็น่าจะมีสิทที่จะถูกขุดรากถอนโคนจริงๆ


“มันเป็นอุบัติเหตุน่ะ …” ซือเฟิงยิ้มอย่างขมขื่นพลางกล่าวเชิงขอโทษ “ฉันไม่คาดคิดเลยจริงๆว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”


เขาแค่คิดจะลองทดสอบเอฟเฟคของห้องเกเคบินเฟียเลสเท่านั้น เขาไม่ได้คิดเลยว่ามันจะทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ….


“ตอนนี้เราจะทำยังไงกันดี ?” ยู่หลานถามพลางขมวดคิ้ว “ถ้าเราปฎิเสธพวกเขาไปทั้งหมด มันก็จะเท่ากับว่าเราได้เลือกจะสร้างศัตรูกับมหาอำนาจทั่วทั้งทวีปด้านตะวันออก”


หลังจากครุ่นคิดเรื่องนี้แล้วซือเฟิงก็พูดว่า “เอางี้แล้วกัน ประกาศไปว่าสภาสิบแปดปีกยินดีจะขายข้อมูลเกี่ยวกับดินแดนมรดกขั้นสี่ และเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ทั้งหมดที่พวกเขาต้องการ อย่างไรก็ตามราคาของข้อมูลนั้นคือคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ห้าพันชิ้น !!!”


“ห้าพันชิ้น ? …. หัวหน้ากิลราคานี้มัน …” ยู่หลานอ้าปากค้างให้กับราคาของซือเฟิง


คริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ห้าพันชิ้นนั้นมันจัดว่ามหาศาลมากๆ นี่มันไม่ต่างจากการที่ซือเฟิงปล้นคลังของมหาอำนาจต่างๆเลย !!!


มหาอำนาจบางกลุ่มนั้นจะถือว่าร่ำรวยมากแล้ว หากพวกเขามีคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่เก็บอยู่ราวสามพันถึงสี่พันชิ้น และเมื่อคิดถึงสถานการณ์ล่าสุดที่มหาอำนาจต่างๆพึ่งจะเข้าร่วมการแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งสำรองของสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไป มันก็สามารถจะบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่าพวกเขาจะมีคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ที่เก็บสะสมไว้น้อยลงไปมาก และราคาเป็นคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ห้าพันชิ้นนี้มันก็จะเกินกว่าที่มหาอำนาจส่วนใหญ่จะรับได้ในตอนนี้แน่นอน


“แค่ประกาศไปเถอะน่า ….” ซือเฟิงสั่งโดยไม่ได้คิดจะประณีประณอมใดๆ “ฉันได้กำหนดราคาของฉันมาแล้ว สำหรับการที่พวกเขาเต็มใจจะซื้อไหม มันก็เรื่องของพวกเขา …”


“โอเค แต่ฉันจะไม่สนใจแล้วนะว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป …” ยู่หลานกล่าวพลางพยักหน้าอย่างไม่สามารถจะทำอะไรได้


หลังจากนั้นเธอก็ประกาศราคาของซือเฟิงไปให้มหาอำนาจต่างๆรวมถึงทุกๆคนที่ติดต่อเข้ามาได้รับรู้ ….


ตอนที่ 2748 ยอมตายดีกว่าที่จะคุกเข่าทั้งที่ยังมีชีวิต


แผนที่เป็นกลาง ป่าฝนเลือด :


ในป่าที่ตอนนี้มีสายฝนเลือดโปรยปราย มันมีทีมผู้เล่นขั้นสามหนึ่งพันคนกำลังต่อสู้กับฝูงสัตว์อสูรกระหายเลือดเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบที่มีจำนวนมากกว่าหนึ่งหมื่นตัว


แม้แต่สัตว์อสูรกระหายเลือดที่อ่อนแอที่สุดก็ยังอยู่ในระดับของบอสทั่วไปเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ด ในขณะที่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกมันนั้นก็คือแกรนลอร์ดเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบหก


ด้านของผู้เล่นนั้นพวกเขาจัดให้การ์เดี้ยนไนท์ และชิลวอริเออร์ยืนอยู่เป็นแนวหน้า


ในด้านของสัตว์อสูรกระหายเลือดนั้น พวกมันก็จัดให้สัตว์อสูรเกราะเหล็กซึ่งมีพลังป้องกันที่สูงมากเป็นแนวหน้าที่ทำหน้าที่เป็นหัวหอกในการโจมตีการ์เดี้ยนไนท์ และชิลวอริเออร์ โดยเมื่อกลุ่มสัตว์อสูรเกราะเหล็กกลุ่มแรกพุ่งเข้าไปโจมตีเรียบร้อย มันก็จะมีกลุ่มอื่นๆเข้ามาโจมตีติดๆกัน ในขณะเดียวกันสัตว์อสูรเฮอร์คิวเลี่ยน ที่อยู่ด้านหลังของแนวรบของสัตว์อสูรกระหายเลือดก็เริ่มจัดรูปแบบขบวน และเริ่มถอนต้นไม้โดยรอบจำนวนมากออกมาเหวี่ยงเข้าใส่ทีมของผู้เล่น หากเป็นทีมผู้เล่นขั้นสามโดยทั่วไป พวกเขาจะเลือกที่จะถอยแน่นอน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์จำนวนมากที่จัดรูปแบบการเข้าโจมตีกันอย่างน่ากลัวแบบนี้ แต่อย่างไรก็ตามสำหรับทีมผู้เล่นขั้นสามหนึ่งพันคนทีมนี้ พวกเขายังคงไม่ได้สะทกสะท้านใดๆ เมื่อได้เห็นฉากตรงหน้า


“พวกเราดึงดูดพวกมันเข้ามามากพอแล้ว ทีมเวทย์มต์เริ่มโจมตีได้ !!!” หญิงสาวผมยาวที่ยืนอยู่ในแนวหน้าของทีมตะโกนออกคำสั่ง เมื่อเห็นว่ามีสัตว์อสูรกระหายเลือดมารวมตัวกันรอบทีมของพวกเขามากเพียงพอแล้ว


ทันใดนั้นผู้เล่นนักเวทย์หลายร้อยคนที่ยืนอยู่ตรงกลางแนวของพวกเขาของพวกเขาก็เริ่มร่ายเวทย์หลอมรวมมานาโดยรอบจำนวนมากเข้ามา และเริ่มโจมตีพร้อมกัน


สี่วินาทีต่อมา พื้นดินก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จากนั้นรอยแตกก็ปรากฎขึ้นในช่วงรัศมีห้าร้อยหลาห่างจากผู้เล่นนักเวทย์เหล่านี้ ซึ่งนี่มันก็ทำให้ขบวนทัพของสัตว์อสูรกระหายเลือดพังลงไปทันที


“นักดาบ กับเบอเซิกเกอร์ทำการเปิดเส้นทางเดี๋ยวนี้ !!! ส่วนแรนเจอร์และแอสซาซินจัดลำดับความสำคัญไปที่การฆ่าพวกเขาบอสทั่วไปของสัตว์อสูรกระหายเลือดก่อน !!!”


เมื่อเห็นว่าขบวนทัพของสัตว์อสูรกระหายเลือดพังลง หญิงสาวผมยาวก็ได้เริ่มออกคำสั่งไปยังทีมย่อยต่างๆและให้จัดลำดับความสำคัญไปที่การฆ่าบอสทั่วไปของสัตว์อสูรกระหายเลือดก่อน


สำหรับหญิงสาวผมยาวคนนี้เธอก็ดูคล้ายกับปีศาจในยามค่ำคืนมากๆ ชั่วครู่เดียวเธอก็ไปปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าแกรนลอร์ดเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบหกที่มีความสูงเจ็ดเมตร


ในช่วงเวลาต่อมาเธอก็ทำการใช้กริชของเธอเฉือนและฟาดฟันซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยเล็งเป้าไปที่แกรนลอร์ดตัวนี้ ซึ่งทุกการโจมตีของเธอนั้นก็สร้างความเสียหายได้มากกว่าห้าแสน และในการโจมตีชุดเดียวของเธอ มันก็ลด HP ของแกรนลอร์ดลงไปมากกว่าแปดล้านทันที


หลังจากทำการโจมตีสำเร็จ ความมืดก็เข้าห่อหุ้มร่างของหญิงสาวผมยาว ก่อนที่มันจะแผ่ขยายออกไปครอบคลุมร่างของแกรนลอร์ด ก่อนที่มันจะเริ่มกลั่นตัว


Psh! Psh! Psh!


ทันใดนั้นเลือดก็พุ่งออกมาจากแขนขาทั้งสี่ของแกรนลอร์ด ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้ความสามารถในการเคลื่อนที่ของมันลดลงอย่างมาก แต่ HP ของมันก็ยังลดลงไปในอัตราที่จัดว่ามหาศาลด้วย โดย HP ของมันลดไปเจ็ดแสนต่อวินาที ขณะเดียวกันลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่สามตัวที่มีเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบสี่ที่อยู่ใกล้เคียงกันก็ประสบกับชะตากรรมเดียวกัน คือมีเลือดพุ่งออกมาจากแขนขา และมี HP ลดลงอย่างมหาศาล พร้อมกับมีความเร็วในการเคลื่อนที่ที่ลดลงแบบเห็นได้ชัดมากๆ


หลังจากผ่านไปราวสิบห้านาทีหรือมากกว่านั้นนิดหน่อย แกรนลอร์ดหนึ่งตัว และลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่สามตัวก็ตายลง ….


ในขณะเดียวกันสัตว์อสูรกระหายเลือดตัวอื่นๆในสนามรบส่วนใหญ่ก็ตายลงไปแล้วเช่นกัน และไอเทมที่พวกมันดรอปออกมานั้นก็เกลื่อนกลาดไปทั่ว อย่างไรก็ตามมันก็แทบไม่มีผู้เล่นคนใดเลยที่เลือกจะหยุดเก็บไอเทมเหล่านี้ และส่วนใหญ่ของทีมก็พุ่งตรงลึกเข้าไปในป่าต่ออย่างรวดเร็ว โดยทิ้งกลุ่มแอสซาซินจำนวนหนึ่งไว้เก็บกวาดสนามรบด้านหลัง


ในเวลานี้การ์เดี้ยนไนท์หญิงที่มีเลเวลหนึ่งร้อยสิบเก้าก็ได้เดินเข้ามาหาหญิงสาวผมยาวที่เป็นผู้บัญชาการของทีม จากนั้นเธอก็พูดอย่างเงียบๆว่า “รองหัวหน้ากิล ฉันพึ่งได้รับข่าวใหม่เกี่ยวกับสภาสิบแปดปีกมา พวกเขาบอกว่าพวกเขายินดีจะขายข้อมูลเกี่ยวกับเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ และดินแดนมรดกขั้นสี่ทั้งหมดที่พวกเขามี ….”


“หื้ม ? เขาเต็มใจจะขายข้อมูลงั้นหรอ ?” โคลท์ชาโด้วรู้สึกประหลาดใจมากๆ เมื่อได้ยินรายงานล่าสุดเกี่ยวกับสภาสิบแปดปีกของไวท์เฟเธอร์


ในความคิดของเธอ ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ และดินแดนมรดกขั้นสี่ทั้งหมดคือไพ่ที่จัดว่ายอดเยี่ยมที่สุดของซือเฟิง และมันก็เป็นสิ่งที่เขาไม่น่าจะขายให้กับคนอื่นแน่นอน


“เขาเต็มใจจะขาย แต่ราคาที่เขาเรียกร้องมานั้น มันสูงมากๆ ….” ไวท์เฟเธอร์พูดด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว โดยเฉพาะตอนที่เธอเน้นย้ำคำว่า “สูงมากๆ”


“สูงมากๆ ?” โคลท์ชาโด้วหัวเราะเบาๆ และถามว่า “เขาต้องการเท่าไหร่ ?”


“คริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ห้าพันชิ้น ….” ไวท์เฟเธอร์ตอบด้วยน้ำเสียงต่ำ “เห็นได้ชัดว่าซือเฟิงไม่มีเจตนาที่จะขายข้อมูลนั่น !!! เขาแค่ต้องการจะปั่นหัวเราเท่านั้น !!!”


“คริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ห้าพันชิ้นงั้นหรอ ? เขานี่ช่างรู้วิธีตั้งราคาจริงๆ …” โคลท์ชาโด้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันเดาว่าตอนนี้มหาอำนาจต่างๆคงกำลังควันออกหูกันเลยทีเดียว และพวกเขาบางส่วนก็น่าจะร่วมมือกันเพื่อจัดการกับสภาสิบแปดปีกแน่นอน”


“แน่นอนอยู่แล้ว มันไม่มีทางที่มหาอำนาจต่างๆจะยอมจ่ายคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ห้าพันชิ้นให้กับซือเฟิงหรอก !!!” ไวท์เฟเธอร์กล่าว


ซือเฟิงนั้นปฎิบัติกับมหาอำนาจต่างๆเป็นดั่งเช่นคนโง่เขลาด้วยการตั้งราคาข้อมูลนี้ไว้อย่างสูงลิบลิ่ว ดังนั้นมหาอำนาจต่างๆบางส่วนก็จะเริ่มเต็มใจจะปฎิบัติกับเขาแบบ้าคลั่งเช่นกัน


“เราจะให้ตามที่เขาต้องการ ไปแจ้งสภาสิบแปดปีกให้หน่อยว่าฉันต้องการจะซื้อมัน …” โคลท์ชาโด้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม


“รองหัวหน้ากิล คุณจะซื้อมันงั้นหรอ ?” ดวงตาของไวท์เฟเธอร์เบิกกว้างทันทีขณะที่เธอจ้องมองไปยังโคลท์ชาโด้วด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “รองหัวหน้ากิล นั่นคือคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ห้าพันชิ้นเลยนะที่เรากำลังพูดถึง !!!”


แม้ว่าไมโทโลจี้จะมีคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่อยู่มากกว่าห้าพันชิ้น และสามารถจ่ายราคาที่ซือเฟิงเรียกร้องได้ แต่หากพวกเขายอมจ่ายจริงๆ นี่มันก็จะนับเป็นการสูญเสียอย่างมากสำหรับพวกเขา นี่ยังไม่ต้องพูดถึงบรรดาพวกผู้บริหารระดับสูงของกิลที่ย้ำอย่างชัดเจนว่าคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่เป็นของสำคัญ และจัดเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุด

ของกิล ซึ่งห้ามใช้แบบมั่วๆ


“ใช่แล้ว ฉันจะซื้อมัน !!!” โคลท์ชาโด้วพยักหน้า “คุณคิดว่าพวกสภาสิบแปดปีกเป็นคนโง่งั้นหรอ ?”


หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งไวท์เฟเธอร์ก็ตอบว่า “ไม่ พวกเขาไม่ได้โง่ แต่พวกเขาหยิ่งผยองมากเกินไป !!!”


“ใช่แล้วสภาสิบแปดปีกนั้นมีความหยิ่งผยองลึกลงไปถึงกระดูกเลย และกิลก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับมหาอำนาจต่างๆอย่างจริงจัง” โคลท์ชาโด้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ขุ่นเคืองเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะกล่าวเสริมว่า “แม้ว่าฉันจะเกลียดสภาสิบแปดปีกมากๆ แต่การที่สภาสิบแปดปีกสามารถรอดมาได้จนถึงตอนนี้ มันก็แสดงให้เห็นว่ากิลๆนี้นั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่เราคิด แม้แต่ท่านโอดินก็ยังยอมแพ้ในการจะฆ่าซือเฟิง เธอก็น่าจะรู้นี่นาว่าพวกเขามีความพิเศษ ….”


“แต่นั่นมันคือคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ห้าพันชิ้นเลยนะ !!!” ไวท์เฟเธอร์กล่าวทวนซ้ำ “กิลของเราจะไม่เห็นด้วยกับการทำธุรกรรมครั้งนี้แน่นอน !!!”


“ฉันบอกไปแล้วนี่ว่าฉันจะซื้อมัน ไม่ใช่กิล ….” โคลท์ชาโด้วกล่าวพลางส่ายหัว “ดังนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องกังวลหรอกว่ากิลจะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้”


“รองหัวหน้ากิล ถ้าคุณซื้อมัน มันก็จะเท่ากับว่าคุณมอบคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่แทบทั้งหมดที่คุณเก็บสะสมไว้มานานให้สภาสิบแปดปีกเลยนะ ….” ไวท์เฟเธอร์ตกใจกับคำพูดของโคลท์ชาโด้ว และเธอก็รีบกล่าวเตือนว่า “และหากทำแบบนี้ ฉันคิดว่าคุณคงจะต้องเลื่อนแผนการขึ้นเป็นรองหัวหน้ากิลลำดับที่หนึ่งออกไปอย่างไม่มีกำหนด ….”


คริสตัลเจ็ดลูมินาลี่นั้นมีความสำคัญต่อไมโทโลจี้มาโดยตลอด ดังนั้นโคลท์ชาโด้วจึงได้ทำการกักตุนคริสตัลไว้อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เนิ่นๆเพื่อที่เธอจะได้บริจาคให้กับกิลในช่วงวลาวิกฤตและทำให้กิลตระหนักถึงคุณค่าของเธอ


อย่างไรก็ตามหากโคลท์ชาโด้วมอบพวกมันแทบทั้งหมดให้กับสภาสิบแปดปีกเพื่อซื้อข้อมูลตอนนี้ การจะได้รับการยอมรับในอนาคตจากกิลจะเป็นเรื่องยากมากๆ


“แม้ว่าคริสตัลเจ็ดลูมินาจะมีความสำคัญอย่างแท้จริง แต่การที่ต้องได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่สำคัญกว่าในตอนนี้ ….” เมื่อจ้องมองไปที่ป่าฝนเลือดเบื้องหน้าเธอที่ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด โคลท์ชาโด้วก็กล่าวอย่างจริงจังว่า “สถานที่ที่ผู้เล่นขั้นสามสามารถจะเข้าไปเยี่ยมชมได้นั้นมันยังมีจำกัดเกินไป หลังจากไปถึงขั้นสี่แล้วเท่านั้น ผู้เล่นจึงจะสามารถไปยังสถานที่ที่มีค่ามากขึ้นได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญเป็นอันดับแรกของเราตอนนี้คือการต้องเลื่อนขั้นขึ้นไปเป็นขั้นสี่ให้ไวที่สุด และจากนั้นเราก็จะสามารถรับเอาคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ที่เสียไปกลับคืนมาได้อย่างง่ายดาย”


ในความเป็นจริงโคลท์ชาโด้วนั้นก็รู้สึกไม่พอใจอย่างมากกับการกระทำของซือเฟิงเช่นกัน ตอนนี้เธอเองก็ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการจะได้ฆ่าซือเฟิงให้ตายเป็นร้อยๆครั้ง อย่างไรก็ตามใน God domain ในปัจจุบัน มันมีเพียงซือเฟิงเท่านั้นที่รู้วิธีที่จะทำให้ผู้เล่นได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่อย่างรวดเร็ว รวมไปถึงรายละเอียดที่แน่นอนของเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ด้วย


ซึ่งการที่เธอได้รับข้อมูลเหล่านี้มา มันก็จะเทียบเท่ากับการทำให้ตัวเองได้เปรียบอย่างแท้จริง


หลังจากเธอไปถึงเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบแล้ว ด้วยข้อมูลที่ซื้อจากสภาสิบแปดปีก มันก็จะทำให้เธอไปถึงขั้นสี่ก่อนคนอื่นๆในกิลอย่างไม่ต้องสงสัย และเธอก็อาจกลายเป็นคนแรกที่กล้าเสี่ยงสถานที่ที่ผู้เล่นในปัจจุบันมองว่าเป็นดินแดนต้องห้าม และในขณะนั้นแม้แต่การกลายเป็นรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดของไมโทโลจี้ก็อาจเป็นไปได้สำหรับเธอ


“ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะไปเตรียมการที่จำเป็นทันที” เมื่อเห็นความมุ่งมั่นในดวงตาของโคลท์ชาโด้ว ไวท์เฟเธอร์ก็เข้าใจแล้วว่าไม่มีอะไรที่เธอจะพูดเพื่อห้ามการตัดสินใจของโคลท์ชาโด้วได้อีกต่อไป


ในปัจจุบันมหาอำนาจต่างๆนั้นก็ล้วนมีผู้เล่นเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบจำนวนหนึ่งภายใต้การบังคับบัญชาของตัวเองอยู่แล้ว หากโคลท์ชาโด้วสามารถเข้าถึงขั้นสี่ได้ก่อนคนอื่นๆ อำนาจของเธอในกิลก็จะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน


แน่นอนว่าการทำแบบนี้มันก็เท่ากับว่าโคลท์ชาโด้วกำลังเล่นพนันครั้งใหญ่


เธอได้พนันว่าสภาสิบแปดปีกจะไม่แพ้มหาอำนาจต่างๆ และสภาสิบแปดปีกจะสามารถอยู่รอดได้ในการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งหากเธอชนะพนันครั้งนี้ มันก็จะทำให้เธอได้เปรียบอย่างแน่นอน


อย่างไรก็ตามสิ่งที่ไวท์เฟเธอร์ไม่รู้เลยก็คือความคิดของโคลท์ชาโด้วนั้นบ้าคลั่งกว่านั้นมาก ในความคิดของโคลท์ชาโด้ว มันไม่ได้สำคัญเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะอยู่รอดได้หรือปล่าว เธอจะจัดว่าพอใจกับตัวเองมากแล้ว หากเธอสามารถรับโอกาสในช่องว่างระหว่างเวลานี้ได้


จักรวรรดิออร์ค เมืองปีกสีเงิน :


“บัดซบ !!! นี่สภาสิบแปดปีกกำลังเล่นตลกกับเราอย่างชัดเจน !!!”


“ถูกต้อง เราลงทุนเสนอขอซื้อข้อมูลเรื่องเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ และดินแดนมรดกขั้นสี่ดีๆ แต่กิลกับประกาศเรียกร้องราคาออกมาแบบนี้ !!!!”


“มาร่วมมือกันเถอะ ตราบใดที่เราร่วมมือกันเพื่อขัดขวางปฎิบัติการของสภาสิบแปดปีก ยังไงสภาสิบแปดปีกก็จะต้องยอมจำนนต่อเราแน่นอน !!!”


“ใช่แล้ว เมื่อเรารวมพลังกัน ยังไงสภาสิบแปดปีกก็มไม่มีโอกาสจะรอดไปได้แน่นอน !!!”


มหาอำนาจต่างๆหลายประเทศที่ปฎิบัติการอยู่รอบๆและในเมืองปีกสีเงินได้ตกลงกันอย่างลับๆที่จะทำการปราบปรามสภาสิบแปดปีก พวกเขาเริ่มกำหนดเป้าหมายไปที่สมาชิกสภาสิบแปดปีกเพื่อให้กิลยอมจำนนและส่งมอบข้อมูลของเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ และดินแดนมรดกขั้นสี่มาให้พวกเขา


ในขณะเดียวกันภายในสถานที่พักกิลของสภาสิบแปดปีก ซือเฟิงก็ได้รับสายที่โทรเข้ามาจากหยวนเทียนซิน


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ครั้งนี้คุณไปไกลเกินไปหน่อยแล้ว หากคุณต้องการจะขายข้อมูลเรื่องเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ และดินแดนมรดกขั้นสี่ที่คุณมีทั้งหมดจริงๆ คุณก็ควรจะขายโดยคิดราคาเป็นคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่สักหนึ่งพันชิ้น ฉันเชื่อว่ามหาอำนาจส่วนใหญ่เต็มใจจะจ่ายที่ราคานี้แน่นอน นอกจากนี้มันยังจะทำให้คุณได้รับกำไรอย่างมหาศาลด้วย ทำไมคุณจะต้องนำสภาสิบแปดปีกไปสร้างศัตรูกับมหาอำนาจต่างๆแบบนี้ ?” หยวนเทียนซินกล่าวด้วยความโกรธ


สำหรับมหาอำนาจต่างๆหากยอมจ่ายคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ห้าพันชิ้นตามที่ซือเฟิงเรียกร้องนั้น มันก็จะไม่ต่างจากการที่พวกเขายอมตัดเส้นชีวิตตัวเองไปเส้นหนึ่งเลย อย่างไรก็ตามหากสภาสิบแปดปีกตั้งราคาข้อมูลไว้เป็นคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่แค่หนึ่งพันชิ้น ไม่เพียงแต่มหาอำนาจต่างๆส่วนใหญ่จะเต็มใจจ่ายแน่นอน แต่มันยังจะทำให้สภาสิบแปดปีกได้รับกำไรอย่างมหาศาลด้วย แถมมหาอำนาจต่างๆก็ยังจะไม่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับสภาสิบแปดปีก ซึ่งมันแทบจะไม่ต่างจากการที่ต้องบอกว่าวิน-วิน กันทั้งคู่เลย


แต่ซือเฟิงกับเลือกที่จะดำเนินการในแบบที่เลวร้ายที่สุด ….


“สร้างศัตรูงั้นหรอ ?” ซือเฟิงหัวเราะเบาๆ “ฉันไม่เคยตั้งใจจะเป็นศัตรูกับพวกเขา นอกจากนี้คุณคิดผิดไปเรื่องหนึ่งผู้อาวุโสหยวน พวกเขาเป็นคนบังคับให้สภาสิบแปดปีกขายข้อมูลนี้ เราไม่ได้ขายเพราะเราต้องการ ซึ่งฉันก็ให้ราคาไปแล้ว ถ้าพวกเขาไม่สามารถจะจ่ายได้ มันเป็นความผิดของฉันรึไง ?”


“สิ่งที่คุณพูดมานั้นก็ถูกต้อง ….” หยวนเทียนซินเข้าใจโดยธรรมชาติในสิ่งที่ซือเฟิงหมายถึง อย่างไรก็ตามในสถานการณ์ตอนนี้นั้นสภาสิบแปดปีกด้อยกว่ามหาอำนาจต่างๆอย่างมาก ในขณะเดียวกันการมีความมั่งคั่งโดยปราศจากความแข็งแกร่งที่จำเป็นในการปกป้องมัน มันก็จะกลายเป็นคำสาปมากกว่าพร “อย่างไรก็ตามมหาอำนาจต่างๆไม่ได้คิดแบบคุณนะ ซึ่งตอนนี้พวกเขาก็กำลังเริ่มร่วมมือกันอย่างลับๆเพื่อจะกำหนดเป้าหมายมาที่สมาชิกสภาสิบแปดปีกแล้ว และในเวลานั้นสมาชิกสภาสิบแปดปีกจะต้องหลั่งเลือดอย่างมากแน่นอน ….”


มหาอำนาจต่างๆนั้นไม่สามารถจะฝ่าแนวป้องกันของเมืองกิลของสภาสิบแปดปีกมาได้แน่นอนในตอนนี้ แต่การที่จะกำหนดเป้าหมายไปที่สมาชิกสภาสิบแปดปีกที่ออกไปล่าด้านนอกเมืองนั้น มันก็จะจัดว่าเป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกเขามาก


มันไม่มีทางเลยที่สมาชิกของสภาสิบแปดปีกจะหลีกเลี่ยงการออกไปล่าและเก็บเลเวลในแผนที่ด้านนอกได้ นอกจากนี้สภาสิบแปดปีกก็ยังไม่ได้มีผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดหรือเก่งกาจกว่านั้นมากพอที่จะใช้คุ้มกันและปกป้องสมาชิกกิลทุกคน


เมื่อมหาอำนาจต่างๆเริ่มเคลื่อนไหว ในที่สุดสภาสิบแปดปีกก็จะต้องสูญเสียสมาชิกไปจำนวนมากแน่นอน


สำหรับวิธีการที่สภาสิบแปดปีกจะตอบโต้มหาอำนาจต่างๆนั้น ?


แผนการของมหาอำนาจต่างๆมันไม่ได้เป็นไปอย่างตรงไปตรงมา และเผชิญหน้ากับแบบต่อหน้า พวกเขานั้นได้เลือกจะดำเนินการลับๆกับสภาสิบแปดปีก ซึ่งในกรณีนี้สภาสิบแปดปีกจะรู้ได้ยังไงว่ามหาอำนาจกลุ่มไหนที่ดำเนินการอย่างลับๆกับกิล นี่ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการหาวิธีรับมือเลย ….


ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะสามารถระบุมหาอำนาจต่างๆที่ดำเนินการกับกิลอย่างลับๆได้ แต่มันก็มีมหาอำนาจหลายกลุ่มที่ทำแบบนี้ แล้วสภาสิบแปดปีกจะไปสามารถเอาชนะมหาอำนาจทั้งหมดได้อย่างไร ?


ทั้งซือเฟิงและพวกผู้บริหารระดับสูงของสภาสิบแปดปีกจะต้องเหนื่อยเจียนตายแน่นอน หากคิดจะไล่ล่ามหาอำนาจต่างๆทั้งหมดในแผนที่ต่างๆ !!!


อย่างไรก็ตามเพื่อตอบสนองต่อคำพูดของหยวนเทียนซิน ซือเฟิงกล่าวอย่างใจเย็นว่า “เราพร้อมจะหลั่งเลือดกันอยู่แล้ว !!!”


ตอนที่ 2749 ความลับของเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่


“นี่มันบ้าคลั่งสุดๆ เขาบ้าคลั่งไปแล้วจริงๆ !!! ….”


หลังจากวางสาย หยวนเทียนซินก็พูดไม่ออก เขาไม่เคยคิดเลยว่าซือเฟิงจะดื้อรั้นขนาดนี้ ซือเฟิงจะสามารถจัดการทุกอย่างได้อย่างง่ายดายตราบใดที่เขายอมขายข้อมูลพวกนี้ในราคาที่เหมาะสม แต่เขาก็ยังคงปฎิเสธที่จะทำเช่นนั้น


“ลุงหยวน ตอนนี้มหาอำนาจต่างๆได้เริ่มร่วมมือกันอย่างลับๆแล้ว และเมื่อพวกเขาพบว่าสภาสิบแปดปีกยังไม่เต็มใจจะยอมขายข้อมูลแบบดีๆ พวกเขาก็จะดำเนินการอย่างแน่นอน” เพอเพิ้ลเจดกล่าว ขณะที่เธออ่านรายงานที่ลูกน้องของเธอส่งมา


สถานการณ์ในปัจจุบันของสภาสิบแปดปีกอาจกล่าวได้ว่าเลวร้ายมากๆ


จากรายงานนี้มันระบุว่ามีมหาอำนาจมากกว่าสิบห้ากลุ่มแล้วที่ได้ตกลงที่จะร่วมมือกันจัดการกับสภาสิบแปดปีก


“ลืมมันไปเถอะ ยังไงซะเขาก็เป็นคนที่มักทำอะไรตามใจตัวเองอยู่แล้ว และการปะทะกันระหว่างมหาอำนาจต่างๆกับสภาสิบแปดปีกก็จะต้องดำเนินไปอีกระยะหนึ่งแน่นอน เมืองกิลทั้งสามเมืองของสภาสิบแปดปีกนั้นมันยากเกินกว่าที่จะเข้าโจมตีและยึดครองให้ได้ เราจะมารอดูกันว่าถึงที่สุดใครจะทนอยู่ได้ถึงจุดจบ” หยวนเทียนซินกล่าวพลางส่ายหัว จากนั้นดวงตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้นมาแวบหนึ่ง ก่อนที่เขาจะพูดต่อว่า “นอกจากนี้เรายังมีเรื่องที่สำคัญกว่าให้ต้องจัดการ หากเราประสบความสำเร็จในปฎิบัติการที่กำลังจะมาถึงนี้ ศาลาลับก็จะได้ขึ้นอยู่เหนือกว่ามหาอำนาจทั้งหมด และแม้แต่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังจะต้องกลัวเรา”


“อืมมม ฉันจะไปเตรียมการที่จำเป็นต่อ ….” เพอเพิ้ลเจดกล่าวด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความสุข


ขั้นสี่นั้นไม่ได้เป็นจุดสิ้นสุดของ God domain มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น


ศาลาลับได้รอคอยช่วงเวลานี้มานานมากแล้ว และในที่สุดกิลก็จะสามารถตอบสนองความปราถนาอันยาวของกิลได้ ….


จักรวรรดิรัตติกาล สถานที่พักกิลของสตาร์ลิ้ง :

“ฮ่าๆๆ !!! ดี !!! ดีมาก !!! นี่แหละคือสิ่งที่สภาสิบแปดปีกทำเสมอ !!! ใช่แล้ว การยั่วยุมหาอำนาจต่างๆนี่แหละ !!!” ลู่ชิงหลัวหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข เมื่อเขาได้รับข่าวความเคลื่อนไหวล่าสุดของสภาสิบแปดปีก


ก่อนหน้านี้เขารู้สึกปวดหัวอย่างมากในการจะหาวิธีจัดการกับสภาสิบแปดปีก อย่างไรก็ตามตอนนี้สภาสิบแปดปีกได้ริเริ่มที่จะยั่วยุมหาอำนาจต่างๆด้วยตัวเอง ด้วยเหตุนี้เขาจึงจะทำลายสภาสิบแปดปีกได้ง่ายขึ้นมาก


ในขณะที่ลู่ชิงหลัวกำลังเฉลิมฉลองเรื่องนี้อย่างเต็มไปด้วยความสุข ชายที่ดูแข็งแกร่งในชุดคลุมสีดำ และพันผ้าพันแผลที่เต็มไปด้วยรูนก็ได้เข้ามาในออฟฟิศของเขา


“ขออภัยที่ให้รอนานนายน้อยลู่ ….” ชายวัยกลางคนกล่าวขณะที่เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของลู่ชิงหลัว จากนั้นเขาก็พูดต่อด้วยเสียงต่ำว่า “เราได้แก้ไขปัญหาส่วนใหญ่ที่นั่นไปแล้ว ตอนนี้เรารอเพียงแค่ด้านของคุณเท่านั้น”


“ดี ! คุณมาในเวลาที่สมบูรณ์แบบจริงๆ !! ในครั้งนี้แม้แต่สวรรค์ก็ยังต้องการจะให้สภาสิบแปดปีกตาย !!!” ลู่ชิงหลัวเต็มไปด้วยความตื่นเต้นมากๆ เมื่อได้เห็นชายวัยกลางคนผู้นี้ “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง ฉันจะกล่อมให้เพื่อนเก่าคนนั้นช่วยเหลือคุณอย่างเต็มที่แน่นอน”


“ขอบคุณมาก นายน้อยลู่ ….” ชายวัยกลางคนผู้นี้กล่าว “ตราบใดที่ปฎิบัติการนี้สำเร็จ เหล่าลอร์ดของเราก็จะช่วยนายน้อยลู่ปราบปรามศัตรูทั้งหมดของคุณเป็นการตอบแทนด้วย !!!”


“ฉันเชื่อคุณ เพราะท้ายที่สุดตอนนี้ไม่มีใครที่จะเข้าใจ God domain ดีไปกว่าคุณ

แล้ว” ลู่ชิงหลัวกล่าวด้วยรอยยิ้ม


ไม่ว่าจะเป็นชายวัยกลางคนตรงหน้าของเขาคนนี้ หรือผู้ที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลังเขา ลู่ชิงหลัวนั้นล้วนให้ความไว้วางใจอย่างมากต่อพวกเขา ในสายตาของคนเหล่านี้ มหาอำนาจต่างๆนั้นมีความสำคัญน้อยมากๆ และหากมีเวลามากเพียงพอ คนเหล่านี้ก็จะสามารถจัดการกับห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดได้ด้วยซ้ำ นั่นเป็นเพราะห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นไม่ได้เข้าใจ God domain เลย ที่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดคิดว่าพวกเขารู้เกี่ยวกับ God domain นั้น มันก็เป็นเพียงส่วนยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น


จักรวรรดิออร์ค สถานที่พักกิลสภาสิบแปดปีก :


“หัวหน้ากิล นอกเหนือจากคนๆหนึ่งแล้ว มันก็ไม่มีมหาอำนาจใดที่ติดต่อเข้ามาเพื่อขอซื้อข้อมูลเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่เลย (ดินแดนมรดกขั้นสี่ ขี้เกียจพิม มันรวมอยู่ในข้อมูลของเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่อยู่ละ ตอนแรกคนเขียนมันเขียนแยกกัน ตอนหลังเขียนรวม)” ยู่หลานกล่าว ขณะที่เธอมองไปยังซือเฟิงที่กำลังเรียบเรียงข้อมูลของเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ ตอนนี้เธอนั้นรู้สึกเป็นกังวลมากถึงมากที่สุด “วัดจากการกระทำทั้งหมดของพวกเขาแล้ว ดูเหมือนว่ามหาอำนาจต่างๆไม่ได้วางแผนจะซื้อข้อมูลแน่นอน”


เนื่องจากมหาอำนาจต่างๆเหล่านี้ไม่ได้มีเจตนาจะซื้อข้อมูล ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาจะดำเนินการในขั้นต่อไปมันก็ชัดเจนแล้ว พวกเขาจะต่อสู้เพื่อมัน ….


พวกเขาจะทำสงครามแห่งการล้างผลาญกับสภาสิบแปดปีก ซึ่งมันจะกินเวลานานหลายวัน และหลายสัปดาห์ ในขณะเดียวกันคู่ต่อสู้ของสภาสิบแปดปีกในตอนนี้นั้นก็ไม่ใช่แค่มหาอำนาจหนึ่งหรือสองกลุ่มอีกต่อไป แต่เป็นมหาอำนาจเกือบทั้งหมดในทวีปด้านตะวันออก ….


“มีคนโง่ที่พยายามจะซื้อมันจริงๆงั้นหรอ ?” ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินคำพูดของยู่หลาน


ความจริงเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีมหาอำนาจใดที่กล้าเข้ามาซื้อข้อมูลของเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ในราคานี้ และที่เขาทำการเรียบเรียงข้อมูลของเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่นี้อยู่นั้น เขาก็ทำไว้เพื่อมอบไว้ให้กับกิลของเขาเท่านั้น


เพราะท้ายที่สุดตอนนี้มันมีสมาชิกสภาสิบแปดปีกจำนวนหนึ่งแล้วที่มีความแข็งแกร่ง และเลเวลที่มากพอในการจะท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ สิ่งที่พวกเขาขาดคือความรู้เกี่ยวกับวิธีการค้นหาดินแดนมรดกขั้นสี่ และกระบวนการในการจะได้รับมรดกขั้นสี่เท่านั้น


“….” ยู่หลานนั้นพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เมื่อได้เห็นการตอบสนองของซือเฟิง อย่างไรก็ตามหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็พูดว่า “หัวหน้ากิลรู้จักคนๆนี้นะ ….”


“ฉันรู้จักคนๆนี้งั้นหรอ ? ใช่หยวนเทียนซินจากศาลาลับรึปล่าว ?” หลังจากครุ่นคิด ซือเฟิงก็รู้สึกว่าในบรรดาคนที่เขารู้จักนั้น น่าจะมีเพียงหยวนเทียนซินแห่งศาลาลับเท่านั้นที่จะสามารถซื้อข้อมูลของเขาได้ สำหรับฟรอสต์ฮีฟเว่น กิลพึ่งจะใช้คริสตัลเจ็ดลูมินาลี่จำนวนมากไปในการแข่งขันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งสำรองของสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน God domain ดังนั้นกิลน่าจะเหลือคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ไม่ถึงห้าพันชิ้นแน่นอน


“ไม่ใช่ มันเป็นโคลท์ชาโด้ว จากไมโทโลจี้ ….” ยู่หลานพูดพลางส่ายหัว จากนั้นเธอก็ถามอย่างลังเลว่า “หัวหน้ากิล หัวหน้าจะขายให้เธอจริงๆหรอ ?”


เนื่องจากการแข่งขันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งสำรองในครั้งที่ผ่านมา มันทำให้สภาสิบแปดปีกนั้นถูกไมโทโลจี้ล๊อคเป้าเรียบร้อย หากพวกเขาขายข้อมูลเกี่ยวกับเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ให้ไมโทโลจี้ตอนนี้ สภาสิบแปดปีกก็จะเสียเปรียบอย่างไม่น่าเชื่อ


“แน่นอน ทำไมฉันจะไม่ขายมันละ ?” ซือเฟิงตอบโดยไม่ลังเล “เราได้ประกาศความตั้งใจที่จะขายข้อมูลไปแล้ว ดังนั้นเราจึงไม่สามารถจะกลับคำพูดของเราได้ ไม่งั้นมหาอำนาจต่างๆจะมีเหตุผลมากขึ้นในการกำหนดเป้าหมายมาที่เรา”


แถมตอนนี้เขาก็ต้องการคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่อย่างเร่งด่วน


เขาไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถรวบรวมคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ได้มากพอที่จะขึ้นไปเหนือกว่าสามอันดับแรกในการแข่งขันเพื่อเก็บคะแนนสะสมที่ Upper Zone ได้ไหม แม้ว่าเขาจะพอมีวิธีที่จะทำให้ตัวเองได้รับคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่จำนวนมากอยู่ เพียงแต่ว่าวิธีที่เขามีมันต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก และอย่างดีที่สุดสองเดือนข้างหน้าที่จะถึงนี้ เขาก็จะสามารถเข้าสู่ยี่สิบอันดับแรกได้เท่านั้น


การได้รับคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่มาห้าพันชิ้นตอนนี้ มันจะช่วยเขาได้อย่างมาก


“อย่างไรก็ตาม ไวท์เฟเธอร์ระบุว่าเราจะไม่สามารถพูดถึงธุรกรรมครั้งนี้กับใครได้ ….” ยู่หลานกล่าว “พวกเขาต้องการให้เรื่องนี้เป็นความลับระหว่างเราทั้งสองฝ่ายเท่านั้น และพวกเขาก็ต้องการจะเซ็นสัญญาเพื่อป้องกันในเรื่องนี้ด้วย”


“นั่นไม่มีปัญหา แม้ว่าพวกเขาจะไม่พูดขึ้นมา แต่ฉันก็จะขอให้พวกเขาเซ็นสัญญาในข้อตกลงการรักษาความลับที่จำกัดไม่ให้พวกเขาแบ่งปันข้อมูลกับบุคคลภายนอกอยู่แล้ว” ซือเฟิงกล่าว


ข้อมูลของเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่นั้นมันเป็นเหมือนกับมันฝรั่งร้อน ในตอนนี้ใครก็ตามที่ถือมันอยู่จะต้องประสบกับโชคร้ายแน่นอน ไม่เว้นแม้แต่ซุเปอร์กิลอย่างไมโทโลจี้ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติที่ไมโทโลจี้จะไม่ต้องการให้บุคคลภายนอกรู้ถึงการทำธุรกรรมครั้งนี้


“ทำสำเนาก๊อปปี้ทุกอย่างนี่ และส่งมันให้กับพวกเขา” ซือเฟิงสั่งในขณะที่เขาส่งข้อมูลที่เขาเรียบเรียงเสร็จแล้วของเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ให้ยู่หลาน


“ทุกอย่าง ?” ยู่หลานรู้สึกประหลาดใจ เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของซือเฟิง


ผู้เล่นใน God domain ส่วนใหญ่ยังคงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่มากนัก อันที่จริงแม้แต่สมาชิกสภาสิบแปดปีกส่วนใหญ่ตอนนี้ก็ยังไม่รู้อะไรมากนักเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ หากพวกเขาขายข้อมูลทั้งหมดที่พวกเขามีให้ไมโทโลจี้ มันจะคล้ายกับการที่พวกเขาทิ้งข้อได้เปรียบทั้งหมดที่พวกเขามีไป


“อืมมม ทุกอย่าง … เนื่องจากอีกฝ่ายเต็มใจจะจ่ายในราคามหาศาลเพื่อแลกกับข้อมูลนี้ ดังนั้นฉันก็ไม่สามารถจะขี้เหนียวได้ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเรื่องนี้มันจะไม่ได้เป็นความลับตลอดไปอยู่แล้ว แถมตอนนี้อย่างน้อยเราก็จะให้มหาอำนาจกลุ่มหนึ่งได้เรียนรู้ว่าจินตนาการของพวกเขามันไร้สาระแค่ไหน เมื่อพวกเขาได้รู้เรื่องนี้ ….”


ข้อมูลเกี่ยวกับเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่อาจจะมีค่ามาก แต่นั่นมันก็แค่เฉพาะในตอนนี้เท่านั้น


อย่างไรก็ตามเมื่อหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนาจกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งประสบความสำเร็จในการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ ข้อมูลที่เขามีมันก็จะกลายเป็นไร้ค่า


ใช่แล้ว พูดกันตามตรงคือมันไม่ได้สำคัญเลยว่าเขาจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ไปมากแค่ไหน มูลค่าที่แท้จริงของข้อมูลที่เขามีคือมันจะช่วยให้ผู้ที่ได้รับมันไปสามารถสร้างผู้เล่นขั้นสี่คนแรกของตัวเองขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วก็เท่านั้น …. นอกเหนือจากนั้นโดยเฉพาะเรื่องข้อมูลจริงๆ มันไม่ได้จัดเป็นความลับเลย ….


นี่เป็นเพราะการค้นหาดินแดนมรดกขั้นสี่ และการแก้ไขปัญหาที่จะพบในดินแดนมรดก นั้นเป็นปัญหาที่ผู้เล่นจะต้องแก้ไขด้วยตัวเอง ข้อมูลเดียวที่เขาสามารถจะให้ได้คือวิธีการค้นหาดินแดนมรดกขั้นสี่เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นใครๆก็สามารถค้นหาดินแดนมรดกของพวกเขาได้ด้วยข้อมูลนี้ ส่วนที่เหลือมันก็ยังขึ้นอยู่กับโชคของพวกเขา


เพราะท้ายที่สุดดินแดนมรดกขั้นสี่นั้นไม่มีตำแหน่งที่คงที่ พวกมันจะปรากฎขึ้นแบบสุ่มใน God domain


ดินแดนมรดกขั้นสี่ทั้งหมดนั้นตั้งอยู่ในช่องว่างระหว่างทวีปหลัก และสิ่งที่ผู้เล่นจะต้องทำเพื่อค้นหาดินแดนมรดกเหล่านี้ก็คือค้นหาประตูที่ปรากฎขึ้นแบบสุ่มซึ่งจะสามารถเทเลพอร์ตพวกเขาไปยังดินแดนมรดกได้


นอกเหนือจากข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการค้นหาดินแดนมรดกขั้นสี่แล้ว ข้อมูลที่มีค่าอื่นๆที่เขาให้ไปก็คือขั้นตอนการเรียนรู้มรดกของคนๆหนึ่งในระหว่างการทำเควสเลื่อนขั้น ซึ่งด้วยข้อมูลนี้ มันจะช่วยให้คนๆหนึ่งที่เข้าสู่ดินแดนมรดกนั้นไม่ต้องตามืดบอดหาวิธีการเอง สำหรับเรื่องการเรียนรู้หรือจะทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ไปได้สำเร็จมากแค่ไหน มันก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล เขาไม่สามารถจะช่วยเรื่องนี้ได้


ในขณะเดียวกันวิธีการที่เขาให้ไว้เพื่อค้นหาดินแดนมรดกขั้นสี่ นั่นก็คือการเข้าไปในแผนที่เป็นกลางที่อันตรายมากๆที่มีเลเวลอย่างน้อยหนึ่งร้อยสามสิบ และยิ่งแผนที่เป็นกลางอันตรายมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งมีโอกาสจะค้นพบดินแดนมรดกขั้นสี่ได้มากขึ้นเท่านั้นจากการค้นหา เพราะท้ายที่สุดในแผนที่เหล่านี้มันจะมีโอกาสมากที่สุดที่จะค้นพบดินแดนมรดกขั้นสี่ นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว


หากเขาไม่ยอมมอบข้อมูลเหล่านี้ไปให้ผู้ซื้อ ไอ้ที่เขาประกาศขายข้อมูลนั้นมันก็จะเท่ากับการหลอกลวงเลยด้วยซ้ำ ….


หลังจากที่ได้อ่านข้อมูล ยู่หลานก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง ….


“นี่คือความลับของเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่งั้นหรอ ?” ยู่หลานรู้สึกอยากจะหัวเราะ เมื่อได้เห็นข้อมูล


ขณะนี้มหาอำนาจต่างๆได้พยายามอย่างยิ่งที่จะค้นหาข้อมูลของเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ อย่างไรก็ตามหากพวกเขาได้เรียนรู้รายละเอียดที่แน่นอนของข้อมูล …. พวกเขาจะพูดไม่ออกแน่นอน ….


เพราะท้ายที่สุดแล้วจากข้อมูลที่ซือเฟิงรวบรวมมา มันไม่มีอะไรเลยที่จะสามารถช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จของเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้ และสิ่งที่ตลกที่สุดก็คือมหาอำนาจต่างๆคิดว่าพวกเขาจะมีช่วงเวลาที่ง่ายขึ้นในการสร้างผู้เล่นขั้นสี่ ตราบเท่าที่พวกเขาได้ข้อมูลนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงมีความเชื่ออย่างแน่วแน่ว่าพวกเขาควรจะทำสงครามกับสภาสิบแปดปีก ในความเป็นจริงด้วยการกำหนดเป้าหมายมาที่สภาสิบแปดปีกจะทำให้มหาอำนาจต่างๆเสียเวลาอันมีค่าไปโดยเปล่าประโยชน์ ทั้งๆที่พวกเขาควรจะเอาเวลานี้ไปปรับปรุงตัวเอง


“ถูกต้อง นี่คือข้อมูลของเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ ….” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ “ฉันยังพร้อมจะประกาศให้มหาอำนาจที่คิดจะเคลื่อนไหวจะปราบปรามเรารู้ด้วยนะว่า จากการทำแบบนี้ มันทำให้พวกเขาได้ถูกกำจัดออกจากการต่อสู้แย่งชิงอำนาจใน God domain แล้ว !!!”


ขณะที่ซือเฟิง และยู่หลานกำลังพูดคุยกัน เหลียงจิงก็เดินเข้ามาในห้อง ….


“หัวหน้ากิล อันยีลดิ้งโซล และจักรพรรดิคริมสันพร้อมแล้ว พวกเขาสามารถจะเคลื่อนไหวได้ทันทีที่หัวหน้าออกคำสั่ง” เหลียงจิงกล่าวอย่างตื่นเต้น


“ดี ! ให้พวกเขาเริ่มเคลื่อนไหวได้เลย !!!” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า “มันถึงเวลาแล้วที่จะทำให้พวกผู้ที่ถูกเรียกว่ามหาอำนาจเหล่านี้ได้รู้ว่าการกระทำของพวกเขามันน่าหัวเราะแค่ไหน !!!”


ตอนที่ 2750 เมืองปีกสีเงินที่น่ากลัว


เมืองปีกสีเงิน ย่านธุรกิจ :


เนื่องจากข่าวเรื่องที่มหาอำนาจต่างๆกำลังพุ่งเป้ามาที่สภาสิบแปดปีก ทำให้จำนวนผู้เล่นที่อยู่ในย่านธุรกิจของเมืองลดลงไปมาก เพราะผู้เล่นหลายคนกลัวที่จะต้องกลายเป็นหลักประกันความเสียหาย


ผู้เล่นอิสระที่วางแผนจะเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกในตอนแรกก็เริ่มลังเลใจ


“เมื่อฉันเดินทางมาที่เมืองปีกสีเงิน และได้เข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีก ฉันก็คิดว่าฉันจะสามารถสยายปีกได้ แต่จากสถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันจะคิดผิด”


“ฉันได้ยินมาว่าสมาชิกสภาสิบแปดปีกหลายคนเริ่มถอนตัวออกจากกิลแล้ว ขณะที่คนที่เลือกจะอยู่ต่อก็ไม่กล้าแม้แต่จะก้าวออกไปนอกเมืองกิลของสภาสิบแปดปีก”


“ถ้าให้ฉันบอกว่ากิลไหนแข็งแกร่งที่สุดในตอนนี้ ฉันก็คงจะบอกว่ามือแห่งนักบุญ ทำไมเราไม่ไปเข้าร่วมมือแห่งนักบุญกันล่ะ ? ถ้าเราสามารถเข้าร่วมกับพวกเขาได้ เราก็จะไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องมอนสเตอร์ Faux Saint ด้วย”


ผู้เล่นที่อยู่ในบาร์แห่งหนึ่งของเมืองต่างพูดคุยกันว่าพวกเขาควรจะมุ่งหน้าไปที่อื่นเพื่อพัฒนาหรือไม่ ณ ตอนนี้พวกเขาไม่ได้มีความหวังใดๆกับสภาสิบแปดปีกอีกต่อไป


ในขณะเดียวกันที่มุมหนึ่งของบาร์ มันก็มีชายที่สวมเสื้อคลุมสีดำหลายคนนั่งฟังการสนทนานี้อย่างเงียบๆ โดยชายหนุ่มที่อายุน้อยที่สุดในหมู่คนเหล่านี้ได้เผยสีหน้าเยาะเย้ยออกมา เมื่อพวกเขาได้ยินเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของสภาสิบแปดปีก


“ตอนแรกฉันก็คิดว่ากิลที่เธอเข้าร่วมจะเป็นกิลที่ทรงพลัง ….” แอสซาซินหนุ่มขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบสองที่แผ่ออร่าที่ทำให้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามยังหวาดกลัวออกมา กล่าวด้วยความไม่พอใจ “ดูเหมือนว่าเราจะกังวลมากเกินไป เราไม่น่าจะต้องเสียเวลามาที่นี่เลย สภาสิบแปดปีกนั้นเทียบไม่ได้กับกิลชั้นยอดด้วยซ้ำ ฉันไม่รู้เลยจริงๆว่าพวกเขาไปทำแบบไหนถึงทำให้เธอยอมเข้าร่วมได้ พวกเขาช่างโชคดีจริงๆ !!! ขณะที่เธอนั้นไม่เต็มใจจะเข้าร่วมกับเราด้วยซ้ำ !!!”


“โอลด์ซิคอย่าพูดแบบนั้นสิ แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะไม่ได้มีอะไรมากนัก แต่ดูจากสถานการณ์ทั้งหมดแล้วเราก็สามารถจะใช้โอกาสนี้ตรวจสอบมาตราฐานของเหล่าผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถของกิลชั้นยอด และซุเปอร์กิลได้ ฉันได้ยินมาว่าพวกเขาจะส่งผู้เชี่ยวชาญบางส่วนของตัวเองเข้ามาจัดการกับสภาสิบแปดปีกที่นี่นี่นา ….” ชายวัยกลางคนท่าทีเย็นชาที่นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะกล่าว “สำหรับเรื่องสภาสิบแปดปีก เมื่อเรากลับไปเราก็จะรายงานทุกอย่างไปตามความเป็นจริงให้กับพวกระดับสูงรู้นั่นแหละ และในเวลานั้นฉันว่าเธอจะต้องตื่นตระหนกบ้างแน่นอน”


“ฉันเดาว่าอย่างนั้นแหละ ….” แอสซาซินหนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเธอเต็มใจจะเข้าร่วมกับเรา ฉันก็ไม่มีปัญหาอะไรที่จะช่วยสภาสิบแปดปีกสักหน่อยนะ ….”


ในระหว่างที่มหาอำนาจต่างๆและผู้เล่นอิสระคิดว่าเมืองปีกสีเงินจะต้องกลายเป็นเมืองร้างแน่นอน มันก็มีผู้เล่นกลุ่มใหญ่ปรากฎตัวขึ้นบนถนนทีละกลุ่ม ทีละกลุ่ม โดยผู้เล่นเหล่านี้ค่อยๆเข้ามาเติมเต็มถนนสายหลักและตรอกซอกซอยของเมือง โดยพวกเขามีจำนวนนับร้อยนับพัน และยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้นผู้เล่นเหล่านี้ทุกคนยังน่าเกรงขามมากๆ


“มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?”


“ทำไมสมาชิกของจักรพรรดิคริมสัน และอันยีลดิ้งโซลถึงมาที่นี่ ?”


“นี่ทั้งสองกิลวางแผนที่จะทำงานร่วมกับสภาสิบแปดปีกเพื่อต่อต้านมหาอำนาจต่างๆจริงๆงั้นหรอ ?”


ผู้เล่นและมหาอำนาจต่างๆที่ยังคงเฝ้าดูสถานการณ์อยู่ในเมืองปีกสีเงินตกตะลึงไปชั่วขณะ พวกเขาไม่สามารถจะทำความเข้าใจได้เลยว่ากิลชั้นยอดทั้งสองกิลคิดอะไรอยู่ พวกเขาระดมกำลังสมาชิกจำนวนมากเข้ามาที่เมืองปีกสีเงินทำไม ? และเมื่อเวลาผ่านไปจำนวนสมาชิกของทั้งสองกิลก็ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วย


ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ทั้งสองกิลก็ได้รวบรวมสมาชิกมากกว่าสามล้านคนมาไว้ในเมือง ซึ่งมันทำให้เมืองที่เคยรกร้างว่างเปล่าก่อนหน้านี้กลับมามีชีวิตชีวาอย่างเห็นได้ชัด


“ฮาร์ท ! นี่กิลของคุณบ้าไปแล้วงั้นหรอ ?! คุณจะเดิมพันชิปทั้งหมดที่คุณมีกับสภาสิบแปดปีกจริงๆงั้นหรอ ?!!”

“นี่จักรพรรดิคริมสันกำลังพยายามจะเป็นศัตรูกับเราทั้งหมดงั้นหรอ ?”


เมื่อได้เห็นสถานการณ์ล่าสุด มหาอำนาจต่างๆก็รีบติดต่อกับอันยีลดิ้งฮาร์ท และอิลูซะรี่เวิร์ด ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องในครั้งนี้ทันที แม้ว่าพวกเขาจะรู้อยู่แล้วว่าอันยีลดิ้งโซล และจักรพรรดิคริมสันถือเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดของสภาสิบแปดปีก แต่ตอนนี้สภาสิบแปดปีกกำลังต่อสู้กับมหาอำนาจทั่วทั้งทวีปด้านตะวันออกเกือบทั้งหมด การยืนอยู่ข้างสภาสิบแปดปีกในตอนนี้มันจะไม่ต่างจากการฆ่าตัวตายเลย แต่อย่างไรก็ตามมหาอำนาจต่างๆก็ต้องพบกับความตกตะลึงมากๆ เมื่อพวกเขาติดต่ออันยีลดิ้งฮาร์ท และอิลูซะรี่เวิร์ดไป ทั้งจักรพรรดิคริมสัน และอันยีลดิ้งโซลได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะยืนเคียงข้างสภาสิบแปดปีก ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็ยังประกาศอย่างชัดเจนว่า พวกเขาจะไม่นั่งนิ่งเฉยและไม่ทำอะไรเลย ในขณะที่มหาอำนาจต่างๆคิดจะปราบปรามเมืองปีกสีเงิน


อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวของสภาสิบแปดปีกนั้นมันเหนือความคาดหมายยิ่งกว่าอันยีลดิ้งโซล และจักรพรรดิคริมสันมาก เพราะตอนนี้สภาสิบแปดปีกได้สั่งให้สมาชิกทุกคนที่มีเลเวลตั้งแต่หนึ่งร้อยหรือสูงกว่าขึ้นไปมารวมตัวกันที่เมืองปีกสีเงิน ซึ่งตอนนี้มันมีสมาชิกสภาสิบแปดปีกมากกว่าสองล้านคนเข้ามาที่เมืองปีกสีเงินแล้ว


ในปัจจุบันเมืองปีกสีเงินไม่เพียงแต่จะมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก แต่จำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่มารวมตัวกันในเมืองนั้นยังมีจำนวนเกินหนึ่งหมื่นคนไปแล้ว ซึ่งมันมากกว่าที่เมืองกิลอื่นๆในทวีปหลักมีเลย


ด้วยผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่าหนึ่งหมื่นคนที่ดูแลเมืองปีกสีเงิน นับประสาอะไรกับมหาอำนาจต่างๆ แม้แต่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังต้องระวังเมืองปีกสีเงิน


มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะกล่าวว่าด้วยพลังแบบนี้ เมืองปีกสีเงินจะสามารถเหยียบย่ำมหาอำนาจต่างๆที่ดำเนินการอยู่ในจักรวรรดิออร์คได้อย่างง่ายดาย และหากมหาอำนาจใดๆต้องการจะสร้างคลื่นขึ้นรอบ และในเมืองปีกสีเงิน พวกเขาจะต้องจ่ายอย่างมหาศาลโดยที่ไม่สนใจต้นทุนเลยทีเดียวเพื่อนำผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจำนวนมากมาล้อมเมืองปีกสีเงิน ขณะที่การทำแบบอื่นๆนั้นแทบจะไร้ประโยชน์ไปเลย


“อันยีลดิ้งโซล และจักรพรรดิคริมสันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ !!! นี่พวกเขาเต็มใจจะช่วยเหลือสภาสิบแปดปีกแบบนี้จริงๆงั้นหรอ ?” เมื่อโคลท์ชาโด้วได้รับข่าวการกระทำของจักรพรรดิคริมสัน และอันยีลดิ้งโซล เธอก็รู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน


เธอได้คาดการณ์ไว้แล้วว่าสภาสิบแปดปีกต้องมีไพ่เด็ดอยู่แน่นอน ไม่งั้นกิลคงจะไม่กล้ายั่วยุมหาอำนาจต่างๆ


อย่างไรก็ตามเธอไม่เคยคิดเลยว่าไพ่ของสภาสิบแปดปีกจะเป็นแบบนี้ !!


ในตอนนี้นับประสาอะไรกับโคลท์ชาโด้วที่เป็นศัตรูกับสภาสิบแปดปีก แม้แต่เซเว่น

วอร์นเดอร์จากฟรอสต์ฮีฟเว่นก็ยังพูดไม่ออกกับเรื่องนี้


เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะทำให้กิลชั้นยอดสองกิลลงทุนเดิมพันชิปทั้งหมดของตัวเองได้


ด้วยการรวมมือกันของทั้งสามกิล แม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็จะไม่กล้ายุ่งกับพวกเขาแน่นอน เพราะเหตุผลที่มหาอำนาจต่างๆกล้าที่จะกำหนดเป้าหมายมาที่สภาสิบแปดปีกก่อนหน้านี้ ก็เป็นเพราะว่ากิลไม่ภูมิหลัง ทรัพยากร และเงินทุนใดๆ รวมไปถึงกิลก็ยังมีจำนวนที่น้อยกว่าพวกเขามาก ซึ่งด้วยความได้เปรียบทั้งหมดนี้ พวกเขาก็จะสามารถปราบปรามสภาสิบแปดปีกลงได้อย่างง่ายดายด้วยการร่วมมือกัน


อย่างไรก็ตามตอนนี้สภาสิบแปปีกมีสองมหาอำนาจคอยหนุนหลังอยู่ ดังนั้นเรื่องทั้งหมดที่ได้กล่าวไปข้างต้นจึงไม่ใช่จุดอ่อนของกิลอีกต่อไป หากมหาอำนาจต่างๆต้องการจะร่วมมือกันปราบปรามสภาสิบแปดปีกจริงๆ พวกเขาจะต้องจ่ายมากกว่าเดิมอีกอย่างน้อยสิบเท่าจากก่อนหน้านี้ ….


มหาอำนาจต่างๆไม่ใช่แค่พวกเดียวที่สับสนกับสถานการณ์นี้ แม้แต่สมาชิกภายในของสภาสิบแปดปีกเองก็ยังมีท่าทีเดียวกัน


“อึก !! นี่กิลของเรายอดเยี่ยมขนาดนี้เลยงั้นหรอ ?!”


“แต่ทำไมกิลถึงรวบรวมพวกเราทั้งหมดมาไว้ที่เมืองปีกสีเงินกัน ?”


“พวกเราจะทำการยึดครองเมืองหลวงของจักรวรรดิออร์ครึปล่าว ?”


สมาชิกสภาสิบแปดปีกที่มารวมตัวกันล้วนคาดเดาไปต่างๆนาๆ เพราะท้ายที่สุดแล้วจำนวนและความแข็งแกร่งที่มารวมตัวกันในเมืองปีกสีเงินนั้นมันไม่ใช่เรื่องน่าหัวเราะเลย แค่กองกำลังผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่าหนึ่งหมื่นคนมันก็เพียงพอแล้วที่จะใช้สยบพื้นที่ชั้นในของจักรวรรดิออร์ค และพวกเขาอาจผลักดันกองกำลังเข้าสู่พื้นที่หลักใจกลางจักรวรรดิได้เลยด้วยซ้ำ


“หัวหน้ากิล สมาชิกเลเวลหนึ่งร้อยและมากกว่าของเราทั้งหมดมาถึงแล้ว ส่วนตอนนี้ทั้งสองกิลก็พร้อมที่จะออกเดินทางไปที่เมืองสกายสปริงได้ทุกเมื่อ ….” เหลียงจิงรายงานอย่างตื่นเต้น


เธอนั้นยังคงสงบอยู่มาตลอดกับสถานการณ์นี้ ในขณะที่คนอื่นๆล้วนเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก นั่นเป็นเพราะเธอได้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับหอคอยแห่งพันธสัญญาลับมาจากซือเฟิงก่อน และแผนของซือเฟิงที่จะเข้าปกครองเมืองสกายสปริง


ตราบใดที่สภาสิบแปดปีกสามารถทำการปิดล้อมเมืองสกายสปริงได้ คนภายนอกก็จะมีปัญหาในการเดินทางออกจากเมือง ในขณะเดียวกันสมาชิกของสภาสิบแปดปีกก็จะสามารถเดินทางไปยังหอคอยแห่งพันธสัญญาลับได้อย่างอิสระเพื่อเก็บเลเวล พวกเขาจะไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องพื้นที่เก็บเลเวล และพวกเขาก็จะไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องที่มหาอำนาจต่างๆจะมาทำร้ายสมาชิกสภาสิบแปดปีกได้ เพราะในเวลานั้นมันจะแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่สมาชิกของมหาอำนาจต่างๆจะทำร้ายสมาชิกสภาสิบแปดปีกได้


ไม่ต้องพูดถึง เมื่อสมาชิกของมหาอำนาจต่างๆออกไปเก็บเลเวลในพื้นที่ปกติที่พวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับการรบกวนของ NPC จำนวนมาก ซึ่งมันจะลดความเร็วในการเก็บเลเวลของพวกเขาลงไปอย่างมาก ในทางกลับกันสิ่งนี้มันก็จะช่วยขยายช่องว่างเลเวลของสมาชิกของมหาอำนาจกับสมาชิกของสภาสิบแปดปีกออกไป


“เอาล่ะ ทำการเปิดห้องเทเลพอร์ตได้เลย ….” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า แม้ว่าสิ่งต่างๆจะพัฒนาไปจากแผนเดิมของเขาอยู่บ้าง แต่มันก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวม เพราะท้ายที่สุดตอนนี้สิ่งที่สภาสิบแปดปีกต้องทำก็คือเฝ้าดูมหาอำนาจต่างๆดิ้นรนเพื่อรับมือกับ NPC และกองกำลัง NPC ที่เพิ่มจำนวนขึ้น


“เข้าใจแล้ว !!!”


เหลียงจิงพยักหน้ารับคำสั่งด้วยความตื่นเต้น หลังจากนั้นเธอก็ได้สั่งให้ลูกน้องของเธอรื้อกำแพง และอาคารพรางตัวต่างๆรอบห้องเทเลพอร์ต


ช่วงเวลาต่อมาอาคารสูงเจ็ดถึงแปดชั้นหลายหลังตามถนนสายหลักของเมืองก็หายไป ซึ่งการหายไปของอาคารเหล่านี้มันก็ทำให้อาคารสูงห้าชั้นขนาดมหึมาที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองปรากฎขึ้นมาอย่างชัดเจน


เมื่อผู้เล่นที่เดินไปตามถนนสายหลักของเมืองปีกสีเงินได้เห็นอาคารหลังนี้ พวกเขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงทันที


อาคารขนาดมหึมาที่ตั้งอยู่ใจกลางพลาซ่านี้เป็นสิ่งที่พวกเขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี


“ห้องเทเลพอร์ต ?!”


ตอนที่ 2751 เมืองอันดับหนึ่งในอนาคต


ห้องเทเลพอร์ตเป็นอาคารห้าชั้นที่มีขนาดเท่ากับสนามกีฬาสามแห่ง ซึ่งความใหญ่ของมันนั้นทำให้มันดูเหมือนกับเป็นหัวใจของพื้นที่แห่งนี้เลย


ก่อนหน้านี้วงเวทย์ของห้องเทเลพอร์ตถูกปราบปรามไว้ด้วยบาเรียเวทย์มนต์ อย่างไรก็ตามตอนนี้ข้อจำกัดได้ถูกนำออกไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้มันจึงทำให้มานาในเมืองปีกสีเงินสามารถไหลไปยังวงเวทย์เทเลพอร์ตได้โดยไม่มีอะไรกั้น ซึ่งนี่มันก็ทำให้เกิดปรากฎการณ์ที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นบนถนนสายหลัก


“ทำไมเมืองปีกสีเงินถึงมีห้องเทเลพอร์ต ?”


“อึก ! ฉันไม่เคยคิดเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะมีไพ่แบบนี้ให้เล่นจริงๆ !!!”


“สุดยอด !! นี่มันสุดยอดมากๆ !!! นี่คือไพ่ที่แท้จริงของสภาสิบแปดปีกงั้นหรอ ?!!”


“ไม่ได้การแล้ว ! ตอนนี้ฉันต้องรีบเช่าร้านค้าบางแห่งในเมืองปีกสีเงิน !! ฉันต้องเช่ามันให้ได้ไม่ว่าจะราคาเท่าไหร่ก็ตาม !!!”


ผู้เล่นจำนวนมากบนท้องถนนที่วางแผนจะออกจากเมืองปีกสีเงินไปเพื่อหาสถานที่ที่ดีกว่านั้นเริ่มจะเปลี่ยนใจกันอย่างรวดเร็ว และหลายคนก็ตอบสนองต่อเรื่องนี้อย่างรวดเร็วด้วยการรีบวิ่งไปที่คฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองเมืองปีกสีเงินทันที “เร็วเข้า !!”


“เราต้องรีบแจ้งผู้บัญชาการทันที !!! เราไม่สามารถปล่อยให้ผู้บัญชาการไปเช่าบ้านในเมืองกิล เมืองอื่นได้ !!!”


“เราโดนสภาสิบแปดปีกหลอก !!!”


ในขณะเดียวกันสมาชิกของทีมนักผจญภัยหลายคนก็รีบติดต่อกับผู้บัญชาการของตัวเองกันอย่างบ้าคลั่ง เพราะเกรงว่าพวกเขาจะทำลายอนาคตของตัวเองด้วยการย้ายไปที่อื่น


สำหรับสมาชิกกิลขนาดใหญ่ต่างๆที่ตอนแรกการแสดงออกของพวกเขาเต็มไปด้วยความยินดี ตอนนี้มันถูกแทนที่ด้วยความไม่เชื่อเข้ามา ….


ห้องเทเลพอร์ต !


นี่เป็นสิ่งก่อสร้างที่ผู้เล่นทุกคนใน God domain ล้วนคุ้นเคยดี และทุกคนก็รู้ดีว่า

เมืองกิลที่มีห้องเทเลพอร์ตนั้นจะมีค่ามากขนาดไหน


เมื่อเทียบกับสิ่งก่อสร้างขั้นสูง หรือองครักษ์ NPC ขั้นสี่แล้ว ห้องเทเลพอร์ตนั้นมีค่ามากกว่าหลายเท่า


เพราะท้ายที่สุดตราบใดที่เมืองกิลมีห้องเทเลพอร์ต มันก็จะเชื่อมต่อกับ เมือง NPC นับไม่ถ้วนใน God domain และการที่มีห้องเทเลพอร์ตถูกเพิ่มเข้ามาในเมืองกิลเมืองหนึ่งนั้นมันก็คล้ายกับการที่มนุษย์เปลี่ยนจากการอาศัยแบบยุคหินไปเป็นยุคปัจจุบัน ห้องเทเลพอร์ตนั้นได้ช่วยยกระดับมาตราฐานของเมืองกิลขึ้นหลายระดับ


เมื่อมหาอำนาจต่างๆได้รับข่าวเรื่องนี้ พวกเขาก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะมีไพ่แบบนี้


ในขณะเดียวกันสมาชิกสภาสิบแปดปีกในเมืองปีกสีเงินก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ และความสุข


“หัวหน้ากิลนั้นยอดเยี่ยมมากๆ !!! ตอนนี้มหาอำนาจเหล่านั้นจะต้องตกตะลึงกับการเคลื่อนไหวครั้งนี้แน่นอน !!!”


“ด้วยห้องเทเลพอร์ต เมืองปีกสีเงินจะกลายเป็นหัวใจของประเทศใกล้เคียงทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่จักรวรรดิมังกรดำ แม้ว่ามหาอำนาจพวกนั้นจะทรงพลัง แต่พวกเขาก็จะไม่สามารถขัดขวางไม่ให้ผู้เล่นเข้าสู่เมืองปีกสีเงินได้ และในท้ายที่สุด เมืองปีกสีเงินก็จะกลายเป็นเมืองอันดับหนึ่งในภูมิภาคแห่งนี้ !!!”


ในตอนแรกสมาชิกของสภาสิบแปดปีกทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะต้องต่อสู้ในสงครามล้างผลาญกับมหาอำนาจต่างๆไปอีกยาวนาน พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าซือเฟิงจะทำให้พวกเขาประหลาดใจมากขนาดนี้แทน


เมืองปีกสีเงินนั้นตั้งอยู่บนแผนที่เป็นกลางที่ห่างไกล ด้วยการที่เมืองมีห้องเทเลพอร์ตเพิ่มเข้ามา มันจะทำให้ทีมนักผจญภัยและผู้เล่นอิสระสามารถประหยัดเวลาในการเดินทางได้มากขึ้น เพราะพวกเขาจะสามารถเทเลพอร์ตมายังจักรวรรดิออร์คได้โดยตรง


แม้ว่าค่าเทเลพอร์ตอาจจะสูงมาก แต่ผู้เล่นระดับผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็จะยอมจ่ายมันแน่นอน เพราะมันดีกว่าต้องสูญเสียเวลาอันมีค่าไป


ผู้เล่นจากอาณาจักรและจักรวรรดิใกล้เคียงมีแนวโน้มสูงที่จะเลือกมาเยือนเมืองปีกสีเงินก่อนเป็นอันดับแรก และในเวลานั้นประชากรของเมืองปีกสีเงินอาจเกินสิบล้านคน หรือไม่ก็ยี่สิบล้านคน


เมื่อเป็นแบบนี้ ความพยายามของมหาอำนาจต่างๆในการจะปราบปรามสภาสิบแปดปีกก็จะกลายเป็นเรื่องตลกไปเลย ….


ปัญหาเดียวที่เหลืออยู่คือมหาอำนาจจำนวนหนึ่งที่อาจจะดื้อรั้นและเลือกจะกำหนดเป้าหมายมาที่สมาชิกสภาสิบแปดปีกต่อไปอย่างลับๆ อย่างไรก็ตามปัญหานี้นั้นจะสามารถแก้ไขได้อย่างง่ายด้วยการที่ให้สมาชิกสภาสิบแปดปีกปกปิดสัญลักษณ์กิล และเดินทางไปยังแผนที่เป็นกลางต่างๆเพื่อล่าและเก็บเลเวล


“หัวหน้ากิล เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา มันมีผู้เล่นมากกว่าสองพันคนมาเยี่ยมเยียนคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองเมืองเพื่อเช่าร้านค้าจากเรา ในอัตรานี้มันจะใช้เวลาไม่เกินครึ่งวันก่อนที่ร้านค้าทั้งหมดของเราจะถูกปล่อยเช่าไป” เหลียงจิงกล่าวอย่างตื่นเต้น ขณะที่เธออ่านรายงานสถิติล่าสุดที่เธอพึ่งได้รับมา หลังจากที่พ่อค้า NPC หลายคนถูกแบน และห้ามไม่ให้เข้าสู่เมืองจากมาตราการป้องกัน NPC ของสภาสิบแปดปีก มันจึงมีร้านค้าว่างลงจำนวนมาก อย่างไรก็ตามด้วยสถานะที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งในปัจจุบัน สภาสิบแปดปีกจะไม่จำเป็นต้องกังวลกับการหาผู้เช่าร้านค้าเหล่านี้อีกต่อไป ในความเป็นจริงจำนวนผู้เล่นที่ต้องการเช่าร้านค้าร้านค้าจากเมืองนั้นมีมากกว่าจำนวนพ่อค้า NPC ที่จากไปราวสิบเท่าหรือมากกว่านั้นซะอีก


ตอนนี้รายได้ของเมืองปีกสีเงินได้แซงหน้ารายได้เมืองกิลอื่นๆของสภาสิบแปดปีกรวมกันด้วยซ้ำ


“อืมมมม” ซือเฟิงพยักหน้า เขาไม่ได้แปลกใจกับสถานการณ์นี้มากนัก “อย่างไรก็ตามเราจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนอัตราค่าเช่าของร้านค้า และตอนนี้แทนที่จะตั้งราคาค่าเช่าเป็นเหรียญ ฉันจะขอเปลี่ยนสกุลเงินเป็นคริสตัลเวทย์มนต์ โดยใครก็ตามที่ต้องการจะเช่าร้านค้าใจกลางเมืองจะต้องจ่ายด้วยคริสตัลเวทย์มนต์ให้เราหนึ่งพันชิ้นต่อสัปดาห์ และสำหรับร้านค้าที่อยู่ในพื้นที่ชั้นนอกของเมืองจะมีราคาเป็นคริสตัลเวทย์มนต์สามร้อยชิ้นต่อสัปดาห์ นอกจากนี้ก็ให้สมาชิกกิลทั้งหมดเริ่มเดินทางไปยังเมืองสกายสปริงทันที”

ในชีวิตก่อนหน้านี้กิลใดก็ตามที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากวิหารเทพสงครามจะได้รับการยกเว้นจากการปราบปรามทางเศรษฐกิจอย่างสิ้นเชิง และวิธีเดียวที่จะขัดขวางการพัฒนาของกิลได้จริงๆก็คือการทำลายเมืองกิลที่เป็นที่ตั้งของห้องเทเลพอร์ตเท่านั้น


ดังนั้นมหาอำนาจต่างๆจึงได้ต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่งเพื่อแย่งชิงตำแหน่งสำรอง และในความเป็นจริงแล้วมหาอำนาจมากมายที่ไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันนี้ก็จะต้องต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่งเพื่อรักษาตำแหน่งผู้ช่วยเหลือจากภายนอกเอาไว้ การที่สภาสิบแปดปีกกลายเป็นกิลอย่างเป็นทางการไม่นานหลังจากการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรกมันถือได้ว่าเป็นเรื่องที่โชคดีอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะท้ายที่สุดแล้วช่วงเวลาที่สภาสิบแปดปีกกลายเป็นกิลอย่างเป็นทางการ กิลก็ไม่ได้ยืนอยู่บนเวทีเดียวกับมหาอำนาจต่างๆส่วนใหญ่อีกต่อไป ในขณะที่มันเป็นความจริงที่รากฐานในปัจจุบันของสภาสิบแปดปีกนั้นไม่สามารถจะเทียบกับมหาอำนาจต่างๆได้ แต่เมื่อพูดถึงเรื่องศักยภาพ ในตอนนี้สภาสิบแปดปีกเหนือกว่ามหาอำนาจต่างๆส่วนใหญ่อย่างมาก ….


ตอนนี้สิ่งที่สภาสิบแปดปีกต้องทำทั้งหมดก็คือปิดผนึกหอคอยแห่งพันธสัญญาลับไว้ให้ได้อย่างสมบูรณ์และใช้มันเพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งของกิลอย่างรวดเร็วก่อนที่กองกำลัง NPC จะเริ่มบุกเข้าโจมตีพวกเขา และหากทุกสิ่งเป็นไปด้วยดี สิ่งที่สภาสิบแปดปีกต้องทำก็จะมีแค่การป้องกันดินแดนในส่วนของตนเอง และเฝ้าดูมหาอำ

นาจอื่นๆถูกกำจัดไปก่อนที่พวกเขาจะค่อยลงมือเข้าไปเก็บเกี่ยวสิ่งที่มหาอำนาจอื่นๆที่ถูกกำจัดไปทิ้งเอาไว้


ตอนนี้สภาสิบแปดปีกจะต้องแข่งกับเวลาเท่านั้น


สำหรับการไปดิ้นรนต่อสู้กับมหาอำนาจต่างๆในช่วงเวลานี้ มันเป็นสิ่งที่จัดว่าไร้สาระ และไม่ควรเสียเวลาอันมีค่าไปทำมากๆ ในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิง มันมีมหาอำนาจไม่ถึงยี่สิบเปอเซ็นต์ที่รอดชีวิตจากการโจมตีของกองกำลัง NPC อย่างไรก็ตามตอนนี้เนื่องจากการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรกเกิดขึ้นเร็วกว่าเดิมมาก ดังนั้นผลลัพธ์มันจะเลวร้ายยิ่งกว่านี้แน่นอน ….


ในขณะเดียวกันหลังจากได้ยินคำสั่งของซือเฟิง เหลียงจิงก็พูดอย่างตื่นเต้นว่า “ฉันจะออกคำสั่งให้พวกเขาเริ่มเดินทางทันที”


หลังจากนั้นสมาชิกของสภาสิบแปดปีก จักรพรรดิคริมสัน และอันยีลดิ้งโซล ในเมืองปีกสีเงินก็ทำการเทเลพอร์ตไปยังเมืองสกายสปริงกันเรื่อยๆ ซึ่งนี่มันทำให้ผู้เล่นของเมืองสกายสปริงตกตะลึงมากๆ เมื่อเห็นการไหลบ่าเข้ามาของผู้เล่นจำนวนมาก


ฉากนี้ก็ยังสร้างความประหลาดใจให้กับชาวเมืองสกายสปริงอย่างมาก


อันยีลดิ้งโซล และจักรพรรดิคริมสันได้เริ่มทำการประกาศให้ผู้เล่นทุกคนในเมืองสกายสปริงรับรู้ทันที ซึ่งในประกาศนั้นก็ระบุว่าทั้งสองกิลของพวกเขาจะทำการปิดล้อมเมืองนี้ และผู้เล่นที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับพวกเขาที่ถูกจับได้ว่าพยายามออกจากเมืองจะถูกฆ่าทันทีโดยไม่มีคำถาม


ช่วงเวลาหนึ่ง นี่มันทำให้ผู้เล่นของเมืองสกายสปริงตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายมากๆ


แม้ว่ากิลท้องถิ่นของเมืองสกายสปริงจะไม่เข้าใจว่าทำไมอันยีลดิ้งโซลและจักรพรรดิคริมสันถึงทำเรื่องนี้ แต่การปิดล้อมเมือง NPC ขนาดไม่ใหญ่มากแบบนี้ มันก็นับเป็นเรื่องง่ายมากเลยสำหรับกิลชั้นยอดสองกิล ดังนั้นหลังจากได้รับประกาศจากทั้งสองกิลแล้ว กิลท้องถิ่นต่างๆจึงพากันหนีออกจากเมืองโดยทันที และเลือกจะโยกย้ายฐานปฎิบัติการหลักของพวกเขาไปยังเมือง NPC อื่นๆ สิ่งนี้ทำให้ในเมืองสกายสปริงตอนนี้นั้นเหลือแต่เพียงสมาชิกของสภาสิบแปดปีก อันยีลดิ้งโซล และจักรพรรดิคริมสันเท่านั้น


ในเวลานี้อินทรีสีดำขนาดมหึมาก็กำลังบินวนอยู่เหนือเมือง ….


อันยีลดิ้งฮาร์ทที่นั่งอยู่บนหลังของอินทรีสายฟ้าชี้ไปที่อะเม้าท์บินได้จำนวนหนึ่งโหลหรือมากกว่านั้นที่ลาดตระเวนอยู่ใกล้ๆ และพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม เมืองสกายสปริงนั้นถูกปิดล้อมอย่างสมบูรณ์แล้ว กิลทั้งสองของเราได้จัดหน่วยลาดตระเวนบินเพื่อรักษาความปลอดภัยบนท้องฟ้า ตอนนี้แม้แต่นกก็ยังบินออกจากเมืองไม่ได้เลย”


“นี่มันยอดเยี่ยมมากๆ ผู้เล่นจะไม่สามารถบินออกมาได้เลย แม้ว่าพวกเขาจะต้องการก็ตาม” ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะกล่าวชื่นชมออกมา ในขณะที่เขามองไปยังอะเม้าท์บินได้ของจักรพรรดิคริมสัน และอันยีลดิ้งโซล


เขาต้องยอมรับเลยว่ากิลชั้นยอดนั้นทรงพลังอย่างแท้จริง ในยุคที่อะเม้าท์บินได้ยังคงหายากอย่างไม่น่าเชื่อ อันยีลดิ้งโซลและจักรพรรดิคริมสันกับสามารถได้รับอะเม้าท์บินได้มามากมาย ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อดูจากรูปลักษณ์ของอะเม้าท์บินได้เหล่านี้แล้ว แม้แต่พวกที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกมันก็ยังน่าจะอยู่ในระดับทั่วไปขั้นสูงเป็นอย่างน้อย โดยมันมีจำนวนหนึ่งที่อยู่ในระดับพิเศษขั้นพื้นฐานด้วย


หากผู้เล่นไม่มีอะเม้าท์บินได้ระดับทั่วไปขั้นสูงหรือเหนือกว่านั้นขึ้นไป พวกเขาจะไม่มีโอกาสต่อต้านกลุ่มอะเม้าท์บินได้เหล่านี้เลย


อย่างไรก็ตามอิลูซะรี่เวิร์ดก็ส่ายหัวของเธอ เมื่อได้ยินคำพูดของอันยีลดิ้งฮาร์ท เธอนั้นแตกต่างจากอันยีลดิ้งฮาร์ท เพราะเธอไม่ได้มองสถานการณ์ในเรื่องนี้ดีมากนัก


“ฉันกลัวว่ามหาอำนาจต่างๆจะเริ่มให้ความสนใจกับเรามากยิ่งขึ้นในตอนนี้ ถ้าเราเดินทัพใหญ่เข้าไปยังหอคอยแห่งพันธสัญญาแบบดื้อๆ ฉันเชื่อว่ามันคงจะใช้เวลาอีกไม่นานหรอกก่อนที่มหาอำนาจต่างๆจะค้นพบเรื่องนี้ เพราะท้ายที่สุดพวกเขาจะทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อตรวจสอบเรื่องนี้แน่นอน ซึ่งเมื่อเป็นแบบนี้ เราก็คงจะปกปิดความลับนี้ไว้ได้ไม่นานนัก”


“และเมื่อมหาอำนาจต่างๆรู้ถึงข้อมูลเกี่ยวกับมรดกที่สมบูรณ์ขั้นสาม พวกเขาทั้งหมดก็จะมุ่งตรงมาที่นี่และยอมทำทุกอย่างโดยไม่สนเรื่องค่าใช้จ่ายแน่นอน ซึ่งเท่าที่ฉันคิด ด้วยระยะเวลาที่เรามี เราจะไม่สามารถใช้ประโยชน์จากหอคอยได้มากนักเลย”


ตอนนี้พวกเขาได้กลายเป็นจุดสนใจของมหาอำนาจมากมายไปแล้ว ในขณะเดียวกัน มันก็ไม่มีความลับใดที่จะสามารถถูกเก็บไปได้ตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในองค์กรขนาดใหญ่อย่างกิลของพวกเขา ยังไงในท้ายที่สุดความลับนี้ก็จะต้องถูกเปิดเผยออกมา


วิธีเดียวที่จะป้องกันไม่ให้ความลับรั่วไหลก็คือหลีกเลี่ยงการแจ้งสมาชิกในกิลของพวกเขาทั้งหมด และป้องกันไม่ให้สมาชิกกิลของพวกเขาเข้าไปในหอคอยแห่งพันธสัญญาลับเลย อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่สามารถจะทำแบบนั้นได้


“ก็จริง …”


ซือเฟิงพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดและความกังวลของอิลูซะรี่เวิร์ด


เมื่อเทียบกับอิลูซะรี่เวิร์ดและอันยีลดิ้งฮาร์ทแล้ว ซือเฟิงนั้นรู้มากกว่าอย่างมากว่าหอคอยแห่งพันธสัญญาลับจะส่งผลกระทบต่อทวีปหลักของ God domain มากขนาดไหน เมื่อความลับของหอคอยหลุดออกไป การต่อสู้ที่เกิดขึ้นมันจะไม่ใช่การแข่งขันที่เรียบง่ายระหว่างมหาอำนาจต่างๆแน่นอน แต่มันจะเป็นการต่อสู้เพื่อความเป็นและความตาย และมันก็จะมีมหาอำนาจจำนวนหนึ่งต้องล่มสลายลงในระหว่างการต่อสู้นี้ด้วย


“อย่างไรก็ตามเราก็ได้ตัดสินใจที่จะดำเนินการไปแล้ว ตอนนี้เราก็ไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงการเข้าไปในหอคอยได้ถูกไหม ?” อันยีลดิ้งฮาร์ทนั้นเข้าใจในจุดนี้เช่นกัน แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไร เขาเข้าใจดีว่าความลับของหอคอยจะถูกเปิดเผยออกมาอย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเขาเริ่มส่งสมาชิกของตัวเองเข้าไปในหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ อันที่จริงยังไงซะความลับเรื่องมรดกที่สมบูรณ์ก็จะยังคงรั่วไหลด้วยแน่นอน แม้ว่าพวกเขาจะอนุญาติให้แกนหลักของกิลจำนวนหนึ่งเท่านั้นที่สามารถเข้าไปยังชั้นสามสิบหรือสูงกว่านั้นได้


“ไม่ !!” ซือเฟิงส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะพูดว่า “เราไม่ได้ไม่มีทางเลือกในการจะควบคุมหอคอยแห่งพันธสัญญาลับอย่างสมบูรณ์ !!!”


“เรามีทางเลือกอะไรงั้นหรอ ?” อันยีลดิ้งฮาร์ทถาม ขณะที่เขามองไปยังซือเฟิงอย่างอยากรู้อยากเห็น


ในความคิดของเขา เมื่อความลับทั้งหมดของหอคอยหลุดออกไป กิลทั้งสามของพวกเขาจะไม่สามารถรักษาการผูกขาดหอคอยแห่งพันธสัญญาลับไว้ได้แน่นอน สิ่งเดียวที่พวกเขาสามารถจะทำได้คือรีบล่าและรวบรวมมรดกที่สมบูรณ์ขั้นสามมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในตอนนี้


อิลูซะรี่เวิร์ดเองก็หันไปมองซือเฟิงด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความสับสน เมื่อเธอได้ยินคำพูดของซือเฟิง


“พวกคุณจะเข้าใจเอง เมื่อได้เห็นเจ้านี่ ….” ซือเฟิงกล่าวขณะที่เขาส่งเอกสารให้ทั้งสองคน จากนั้นเขาก็กล่าวเสริมว่า “คุณจะต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ คุณไม่สามารถจะบอกให้คนอื่นรู้เรื่องนี้ได้อีก ไม่งั้นคุณจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหอคอยแห่งพันธสัญญาลับอีกต่อไปในอนาคต ในทางกลับกัน หากเราประสบความสำเร็จในเรื่องนี้ กิลทั้งสองของคุณจะสามารถครอบครองหุ้นของหอคอยแห่งพันธสัญญาลับคนละยี่สิบห้าเปอเซ็นต์ได้”


“หื้ม ? สิ่งที่คุณกำลังพูดถึงมันน่าทึ่งมากเลยงั้นหรอ ?” อันยีลดิ้งฮาร์ทรู้สึกว่า

ซือเฟิงกำลังหลงระเริงไปหน่อย เมื่อเห็นสถานการณ์ที่กิลทั้งสามของพวกเขาได้เปรียบในตอนนี้


“คุณไม่ได้พูดถึงข้อมูลของเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ใช่ไหม ?” อิลูซะรี่เวิร์ดพูดติดตลก


ซือเฟิงส่ายหัวและกล่าวว่า “คุณจะเข้าใจเมื่อได้เห็นเจ้านี่ …”


ทันใดนั้นอันยีลดิ้งฮาร์ทและอิลูซะรี่เวิร์ดก็หยุดพูด และรีบเปิดไฟล์เอกสารที่ซือเฟิงส่งให้ขึ้นมาทันที


ซึ่งทันทีที่พวกเขาได้อ่านข้อมูลของเอกสารนี้ ปากของพวกเขาก็อ้ากว้างด้วยความตกตะลึง และดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ขณะที่ตอนนี้หัวใจของพวกเขานั้นก็เต้นแรงมากๆ


เมื่อมองไปที่ซือเฟิง อันยีลดิ้งฮาร์ทก็ถามด้วยเสียงสั่นๆว่า “นี่ .. นี่เป็นเรื่องจริงงั้นหรอ ?”


สิ่งที่ซือเฟิงให้พวกเขาเห็นนั้นมันเกินจินตนาการของอันยีลดิ้งฮาร์ทไปมาก และเมื่อเทียบกับข้อมูลของเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่แล้ว อันนี้นั้นมีค่ามากกว่านับร้อยเท่าเลย


เพราะท้ายที่สุดสิ่งที่ซือเฟิงแสดงให้พวกเขาเห็นนั้นมันสามารถจะเปลี่ยนสถานะที่เป็นอยู่ใน God domain ได้เลย ซึ่งสิ่งนี้มันก็คือป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็ก !!!


ตอนที่ 2752 ซือเฟิงที่โครตจะบ้าคลั่ง


“นี่คือไพ่เด็ดที่แท้จริงของคุณงั้นหรอ ?” เมื่ออิลูซะรี่เวิร์ดูข้อมูลที่ปรากฎขึ้นตรงหน้าของเธอ เธอก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังซือเฟิงด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน


อันดับแรกก็ห้องเทเลพอร์ต จากนั้นก็หอคอยแห่งพันธสัญญาลับ ตอนนี้ก็ป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กอีก ไม่เพียงแต่ความลับที่ซือเฟิงเปิดเผยออกมาแต่ละอย่างจะน่าทึ่ง แต่ทุกๆครั้งที่เขาเปิดเผยความลับแต่ละอย่างออกมา มันยังน่าทึ่งขึ้นเรื่อยๆด้วย


เมื่อมาถึงจุดนี้เธอก็เริ่มสงสัยแล้วว่าซือเฟิงยังมีความลับที่น่าอัศจรรย์ และไพ่ลับซ่อนอยู่อีกหรือไม่ เธอรู้สึกว่าที่เขาทำมาตลอดก็คือแค่รอให้ศัตรูเข้ามาหาเขาเพื่อที่เขาจะได้ใช้เป็นหินสำหรับก้าวให้สภาสิบแปดปีก


ในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกโชคดีมากๆที่จักรพรรดิคริมสันไม่ได้เลือกจะต่อต้านสภาสิบแปดปีก ไม่งั้นผลที่ตามมามันคงจะยากที่จะจินตนาการเลย


“ก็อาจจะมั้งนะ ….” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ “ว่าแต่บอกฉันหน่อยสิว่าตอนนี้พวกคุณทั้งสองคนยังสนใจเรื่องนี้ไหม ?”


ในความเป็นจริง แม้แต่ตัวซือเฟิงเองก็มีความรู้สึกต้องการป้อมปราการขนาดเล็กมากๆ อย่างไรก็ตามตอนนี้แม้ว่าเขาจะมีแบบแปลนของมัน แต่เขาก็แทบจะไม่มีวัสดุที่จำเป็นในการสร้างมันเลย


ดังนั้นเขาจึงจำเป็นที่จะต้องดึงสองกิลที่ร่ำรวยเข้ามาร่วมงานนี้ให้ได้


อิลูซะรี่เวิร์ดสูดหายใจเข้าลึกๆ และมองไปยังซือเฟิง ก่อนที่เธอจะกล่าวว่า “ไม่ต้องอ้อมค้อม บอกมาเลยว่าคุณต้องการจะทำอะไรบ้าง ….”


อันยีลดิ้งฮาร์ทพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของอิลูซะรี่เวิร์ด ตอนนี้เขาต้องการจะฟังแผนของซือเฟิงอย่างมาก


“คุณได้เห็นข้อมูลพื้นฐานของป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กแล้ว” ซือเฟิงกล่วด้วยรอยยิ้ม “ความมั่งคั่งและร่ำรวยที่จำเป็นต้องใช้ในการสร้างมันนั้นจัดว่ามหาศาลมากๆ แม้ว่าพวกเราจะทำการใช้ทุกอย่างที่มีในกิลทั้งสองคุณ แต่เราก็จะยังมีทรัพยากรไม่เพียงพอที่จะสร้างมัน”

เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ของซือเฟิง ทั้งอิลูซะรี่เวิร์ด และอันยีลดิ้งฮาร์ทไม่ได้คิดจะหักล้างคำพูดนี้ของซือเฟิง ….


แม้ว่าซือเฟิงจะไม่ได้แสดงข้อกำหนดทั้งหมดในการสร้างป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กให้พวกเขาได้เห็น แต่แม้แต่คนโง่ก็สามารถจะบอกได้ว่าค่าใช้จ่ายในการสร้างป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กแบบนี้มันจะน่าสะพรึงกลัวมากแน่นอน และมันก็ไม่น่าจะใช่สิ่งที่มหาอำนาจในปัจจุบันจะสามารถจ่ายได้เลย


“ฉันไม่ได้ต้องการให้กิลทั้งสองของพวกคุณจ่ายค่าสร้างป้อมปราการ อย่างไรก็ตามฉันต้องการให้กิลทั้งสองของพวกคุณจ่ายด้วยคริสตัลเวทย์มนต์สองล้านชิ้น และเงินห้าล้านเหรียญทองสำหรับหุ้นของหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ พวกคุณคิดว่าไง ?” ซือเฟิงกล่าว “เมื่อเราครอบครองหอคอยแห่งพันธสัญญาลับได้อย่างสมบูรณ์แล้ว เราจะสามารถเรียกเก็บค่าเข้าจากผู้เล่นคนอื่นๆได้ด้วย ตัวอย่างเช่นเราสามารถจะเรียกเก็บคริสตัลเวทย์มนต์สองชิ้น หรือเงินหนึ่งเหรียญทองต่อคนเป็นค่าเข้าได้ โดยกิลทั้งสองของคุณจะได้รับส่วนแบ่งคนละยี่สิบห้าเปอเซ็นต์ของผลกำไร”


“แน่นอนว่าก่อนหน้านั้นฉันก็ต้องการหยิบยืมความช่วยเหลือจากกิลทั้งสองของพวกคุณก่อน ไม่งั้นมันคงจะยากที่จะทำงานนี้ให้สำเร็จ”


เมื่อซือเฟิงพูดจบ ทั้งอิลูซะรี่เวิร์ด และอันยีลดิ้งฮาร์ทก็เงียบไปและเริ่มครุ่นคิด แผนของซือเฟิง และผลกำไรที่พวกเขาจะได้รับจากเรื่องนี้นั้นแน่นอนว่ามันน่าสนใจมาก อย่างไรก็ตาม หากพวกเขาทำแบบนี้ มันก็จะเท่ากับว่าพวกเขาประกาศสงครามกับมหาอำนาจแทบทั้งหมดในทวีปด้านตะวันออกเลย และความขัดแย้งระหว่างพวกเขากับมหาอำนาจแทบทั้งหมดนี้ก็จะอยู่ในจุดที่ไม่สามารถแก้ไขได้แน่นอน ….


แต่แน่นอนว่าถ้าแผนของซือเฟิงสำเร็จ ทั้งจักรพรรดิคริมสัน และอันยีลดิ้งโซลจะยืนอยู่ในจุดสูงสุดของทวีปด้านตะวันออกแน่นอน


พูดง่ายๆว่านี่มันคือการพนันครั้งใหญ่ !!


ซือเฟิงไม่ได้แปลกใจมากนัก เมื่อได้เห็นปฎิกิริยาล่าสุดของทั้งสองคน


ในความเป็นจริง แผนที่เขาบอกทั้งสองไปนั้น มันเป็นเพียงแผนขั้นต้นเท่านั้น และเขาจะค่อยๆบอกแผนการขั้นต่อไปเป็นลำดับเรื่อยๆเมื่อเวลาเหมาะสม ซึ่งที่เขาเลือกจะทำแบบนี้ มันก็เป็นเพราะว่าเขากลัวว่าทั้งสองกิลจะปฎิเสธเขาซะก่อน โดยหากเป็นแบบนั้น สภาสิบแปดปีกจะไม่สามารถกลายเป็นยักษ์ใหญ่ที่แท้จริงใน God domain ได้


การต้องผูกขาดหอคอยแห่งพันธสัญญาลับให้ได้นั้นเป็นเพียงตัวเลือกเดียวเท่านั้นที่จะทำให้สภาสิบแปดปีกสามารถสร้างผู้เล่นขั้นสามจำนวนมากขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว เพราะท้ายที่สุดแล้วมรดกที่สมบูรณ์ขั้นสามนั้นจะสามารถใช้ได้เพียงเก้าครั้งเท่านั้นอย่างมากที่สุด กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเมื่อใช้มรดกที่สมบูรณ์ขั้นสามที่หามาได้ครบตามจำนวนที่กำหนดแล้ว มันก็จะหายไป และผู้เล่นก็จะต้องไปหาใหม่


ดังนั้นกิลจึงจำเป็นจะต้องส่งผู้เล่นเข้าไปสำรวจในหอคอยแห่งพันธสัญญาลับเรื่อยๆ เพราะท้ายที่สุดหากสภาสิบแปดปีกยึดครองหอคอยนี้ได้แค่เพียงช่วงสั้นๆ ข้อได้เปรียบเล็กน้อยที่พวกเขาจะได้รับ มันจะไม่ได้ทำให้กิลได้รับการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพเลย มันมีแต่การที่ต้องผูกขาดหอคอยแห่งนี้ได้เท่านั้น สภาสิบแปดปีกจึงจะสามารถสร้างรากฐานที่มั่นคงเพียงพอให้กับตัวเองใน God domain ได้


ตอนนี้เมื่อจักรพรรดิคริมสัน และอันยีลดิ้งโซลได้เห็นแผนการขั้นต้นที่เขาต้องการจะบรรลุให้ได้ ทั้งสองกิลก็จะมีความมั่นใจในสภาสิบแปดปีกมากขึ้นแน่นอน


ในขณะเดียวกันอิลูซะรี่เวิร์ด และอันยีลดิ้งฮาร์ทก็ได้ติดต่อไปยังพวกระดับสูงของพวกเขาอย่างลับๆพร้อมกันเพื่อบอกถึงข้อเสนอของซือเฟิงให้พิจารณา


ในเวลานี้สภาสิบแปดปีกให้ตัวเลือกแก่พวกเขาสองทาง ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาต้องเลือกระหว่างตัวเลือกเหล่านี้ในตอนนี้


ทางเลือกแรกเลยคือเลิกให้ความร่วมมือเพิ่มเติม และมุ่งเน้นไปที่การหาผลประโยชน์บางส่วนจากหอคอยแห่งพันธสัญญาลับเท่านั้น แต่ในอนาคตกิลทั้งสองของพวกเขาก็จะไม่มีความเชื่อมโยงกับหอคอยนี้อีก เนื่องจากมันจะกลายเป็นพื้นที่การแข่งขันระหว่างมหาอำนาจต่างๆแทน ทางเลือกที่สองคือร่วมมือกับสภาสิบแปดปีกต่อไปโดยการผูกขาดหอคอยแห่งพันธสัญญาลับเอาไว้ และตั้งตนเป็นศัตรูกับมหาอำนาจแทบทั้งหมดในทวีปด้านตะวันออก ซึ่งหากแผนของพวกเขาสำเร็จ กิลของพวกเขาก็จะได้รับทรัพยากรมากมาย และสามารถสร้างผู้เล่นขั้นสามขึ้นมาได้จำนวนมาก แต่หากพวกเขาล้มเหลว มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกเลยที่กิลของพวกเขาจะมีสิทที่จะล่มสลาย


นี่มันคือการพนันที่พวกเขาต้อง ALL IN เททุกอย่างหมดหน้าตักอย่างแท้จริง


หลังจากพูดคุยกันนานกว่าสิบนาที อิลูซะรี่เวิร์ดและอันยีลดิ้งฮาร์ทก็วางสายจากพวกระดับสูงของพวกเขาพร้อมกัน และหันไปมองซือเฟิง


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม จักรพรรดิคริมสันตัดสินใจที่จะเล่นการพนันกับคุณในครั้งนี้ด้วย อย่างไรก็ตามเรามีเงื่อนไขในการจะทำแบบนี้ ….” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวช้าๆ “หากคุณไม่สามารถยอมรับเงื่อนไขของเราได้ เราก็ไม่สามารถจะเป็นหุ้นส่วนกันในเรื่องนี้ได้”


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ฝั่งของฉันเองก็เช่นกัน” อันยีลดิ้งฮาร์ทกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น “คราวนี้คุณกำลังเล่นกับไฟที่อันตรายมากๆ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่กิลของเราจะต้องลังเล”


“ว่ามาเลย” ซือเฟิงไม่ได้แปลกใจกับสิ่งที่ทั้งสองพูดมากนัก เพราะท้ายที่สุดแล้วข้อเสนอของเขานั้นมันเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของกิลเลย


อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสได้เดิมพันแบบนี้เช่นกัน กิลทั้งสองนั้นก็น่าจะรู้เรื่องนี้ดี ซึ่งนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมกิลทั้งสองถึงไม่ได้ปฎิเสธข้อเสนอของเขาโดยทันที แต่พวกเขากับเลือกจะยอมรับข้อเสนอของเขา และเพิ่มเงื่อนไขที่จะทำให้ตัวเองมีโอกาสรอดมากขึ้น ขึ้นมาแทน อันที่จริงซือเฟิงก็คงจะคิดว่ามันน่าแปลกมากด้วยซ้ำ หากกิลทั้งสองไม่ทำเช่นนี้


“ฉันเดาว่าความต้องการของทั้งสองกิลเราน่าจะเหมือนกัน ….” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ช่วยไม่ได้ “ถ้าแผนของสภาสิบแปดปีกล้มเหลว จักรพรรดิคริมสันต้องการผลกำไรครึ่งหนึ่งของเมืองปีกสีเงิน”


อันยีลดิ้งฮาร์ทพยักหน้าให้กับคำพูดของอิลูซะรี่เวิร์ด ราคาที่ซือเฟิงขอให้ทั้งสองกิลของพวกเขาจ่ายนั้นมันไม่ใช่เรื่องน่าหัวเราะ หากแผนการล้มเหลวจริงๆ กิลของพวกเขาจะถึงคราวล่มสลายแน่นอน อย่างไรก็ตามหากพวกเขามีรายได้จากเมืองปีกสีเงิน พวกเขาก็น่าจะพอมีสิทประคับประคองให้ตัวเองอยู่รอดต่อไปได้บ้าง


“นั่นไม่มีปัญหา ….” ซือเฟิงตอบโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย


เนื่องจากเขาได้เลือกจะเชิญให้ทั้งสองกิลมาเป็นพันธมิตรในการเดิมพันครั้งใหญ่ เขาจึงต้องจัดหาเส้นทางที่พอจะลงได้ไว้ให้กับทั้งสองกิลอยู่แล้ว ไม่งั้นใครกันจะกล้ามาเสี่ยงกับเขา ?

ท้ายที่สุดแม้ว่าจักรพรรดิคริมสัน และอันยีลดิ้งโซลจะสามารถสร้างความได้เปรียบได้เล็กน้อยผ่านหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ แต่นั่นมันก็ยังไม่เพียงพอสำหรับอนาคตอยู่ดี พวกเขาน่าจะรู้เรื่องนี้ดี อย่างไรก็ตามหากพวกเขาร่วมมือกับสภาสิบแปดปีก และทำแผนการนี้ได้สำเร็จ พวกเขาก็จะก้าวขึ้นไปอยู่เหนือกว่ามหาอำนาจต่างๆแน่นอน แม้ว่าพวกเขาอาจจะยังไม่สามารถจะเทียบกับห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดได้ก็ตาม


ความเด็ดขาดของซือเฟิงนั้นทำให้อิลูซะรี่เวิร์ด และอันยีลดิ้งฮาร์ทตกตะลึงไปชั่วขณะ


ในความเห็นของพวกเขา เมืองปีกสีเงินนั้นเป็นเส้นชีวิตเส้นสุดท้ายสำหรับการล่าถอยของสภาสิบแปดปีก หากแผนการนี้ล้มเหลว และมันก็จัดว่าเป็นหนึ่งในแหล่งรายได้หลักของสภาสิบแปดปีกในตอนนี้ด้วย และพูดกันตามตรง มันก็จะยังคงเป็นเช่นนั้นในอนาคต ซึ่งมันอาจกล่าวได้ว่าตราบใดที่เมืองปีกสีเงินยังคงอยู่ สภาสิบแปดปีกก็ยังมีสิทจะอยู่รอดได้ใน God domain อย่างไรก็ตามซือเฟิงกับเลือกจะตกลงกับเงื่อนไขของพวกเขาอย่างไม่ลังเล


สิ่งที่ทั้งสองไม่รู้ก็คือ ซือเฟิงไม่เคยมองว่าเมืองปีกสีเงินหรือเมืองป่าหินนั้นมีความสำคัญใดๆเลย


ป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กต่างหากเป็นหนทางที่เขาจะใช้ไปต่อ !!!


แม้ว่าแผนของเขาในครั้งนี้จะล้มเหลว และเขาสามารถจะรวบรวมวัสดุสำหรับการก่อสร้างป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กได้เพียงเล็กน้อย แต่เขาก็จะยังคงสามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาล


ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา กิลเต็มใจที่จะแลกเปลี่ยนเมืองหลักกิลสามเมืองกับป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กหนึ่งแห่ง ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงแค่เมืองปีกสีเงินที่เป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นพื้นฐานในชีวิตนี้ของเขาเลย มากกว่านี้นิดหน่อยเขาก็ยังยอมรับได้


ต่อจากนั้นอิลูซะรี่เวิร์ด และอันยีลดิ้งฮาร์ทก็ได้ทำการเซ็นสัญญากับกิลกับซือเฟิง ในนามของตัวแทนของกิลตัวเอง ซึ่งสัญญาได้ระบุว่าจักรพรรดิคริมสัน และอันยีลดิ้งโซลจะทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อสนับสนุนสภาสิบแปดปีกในช่วงเวลานี้ และในช่วงเวลานี้ ทั้งสองกิลก็จะทำการจ่ายเงินห้าล้านเหรียญทอง และคริสตัลเวทย์มนต์สองล้านชิ้นให้กับสภาสิบแปดปีก ในการแลกเปลี่ยนสภาสิบแปดปีกจะต้องสละรายได้ทั้งหมดของเมืองปีกสีเงินให้กับทั้งสอง หากแผนการนี้ล้มเหลว


เมื่ออิลูซะรี่เวิร์ด และอันยีลดิ้งฮาร์ททำการเซ็นสัญญาไป พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก นี่เป็นการเดิมพันที่น่ากลัวและบ้าคลั่งที่สุดที่พวกเขาเคยมีส่วนร่วมมาเลยในตลอดชีวิตของพวกเขา


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม คุณต้องการจะให้เราทำอะไรต่อไป ?” อันยีลดิ้งฮาร์ทถามซือเฟิง


เมื่อเซ็นสัญญาไปแล้ว กิลทั้งสองของพวกเขาก็จะเริ่มเคลื่อนไหวตามข้อตกลงที่ทำไว้กับซือเฟิง


ยิ่งไปกว่านั้นอันยีลดิ้งฮาร์ทก็ยังอยากรู้อยากเห็นมากๆว่าซือเฟิงต้องการความแข็งแกร่งของกิลทั้งสองของพวกเขาไปทำไม แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าการสร้างป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กนั้นมีค่าใช้จ่ายเท่าใด แต่ราคาของมันก็ไม่น่าจะใช่สิ่งที่แม้แต่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดจะทำงานร่วมกันแล้วสามารถจะจ่ายได้แน่นอน


“ตอนนี้กิลทั้งสองของคุณยังไม่ต้องทำอะไรมาก ให้มุ่งเน้นไปที่การปิดล้อมเมืองสกายสปริง และหอคอยแห่งพันธสัญญาลับก่อน ในขณะเดียวกันก็ให้ส่งบรรดาสมาชิกที่เชื่อใจได้ไปสำรวจชั้นที่สามสิบหรือสูงกว่าขึ้นไปของหอคอยเพื่อรับเอามรดกที่สมบูรณ์ขั้นสามมาให้ได้มากที่สุด” หลังจากครุ่นคิดเพิ่มเติม ซือเฟิงก็กล่าวต่อว่า “นอกจากนี้ฉันยังต้องการให้พวกคุณทั้งสองกิลจัดทีมผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดหนึ่งร้อยคนติดตามฉันไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ….”


“ทีมผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดหนึ่งร้อยคน ?” คำพูดของซือเฟิงทำให้อันยีลดิ้งฮาร์ทตกใจ


การจะจัดทีมผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดหนึ่งร้อยคนนั้นไม่ใช่งานง่ายเลย แม้แต่กับจักรพรรดิคริมสันและอันยีลดิ้งโซลก็ตาม อย่างดีที่สุดพวกเขาก็จะสามารถดึงผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดของตัวเองมาได้ราวเจ็ดสิบถึงแปดสิบคนเท่านั้น


“คุณบอกเราได้ไหมว่า พวกเราจะต้องไปที่ไหนกัน ?” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวพลางขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดนั้นจัดเป็นเสาหลักของกิลพวกเขา หากพวกเขารวบรวมผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดจำนวนมากมาปฎิบัติการในที่เดียว ส่วนอื่นๆของกิลพวกเขาจะต้องรับภาระหนักมาก


ซือเฟิงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “เทือกเขาที่ถูกทำลาย !!!”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)