Reincarnation Of The Strongest Sword God 2457 - 2461

 ตอนที่ 2457

 

การล้มลงของเบเฮโมท


“เป็นไปได้ยังไง ?!”


“เรือเหาะทำให้บอสบาดเจ็บหนักได้ด้วยการโจมตีเดียว ? นี่การโจมตีเมื่อครู่มันทรงพลังมากขนาดไหนกัน ?”


“นี่เรือเหาะแข็งแกร่งขนาดนี้เลยงั้นหรอ ?”


ทั้งกองกำลังสิงโตเงิน และทีมของหัวใจพายุที่กำลังหนีนั้นล้วนต่างพากันนิ่งเงียบ ในขณะที่พวกเขาจ้องมองไปยังเบเฮโมทแสงดาว ตอนนี้พวกเขานั้นไม่รู้เลยว่าพวกเขาควรจะแสดงความตกตะลึงอย่างไร


มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายทั่วไปนั้นไม่สามารถจะเทียบกับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายที่เป็นลอร์ดแห่งดินแดนได้เลย แม้ว่าเบเฮโมทแสงดาวจะสูญเสียโดเมนของมันไปแล้วก็ตาม แต่พลังป้องกันของมันนั้นก็ควรจะสูงลิ่วมากขึ้นเป็นพิเศษ ผู้เล่นขั้นสองนั้นอาจสร้างความเสียหายได้แค่ประมาณห้าพันเท่านั้นให้กับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายทั่วไป แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาโจมตีมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายที่เป็นลอร์ดแห่งดินแดนแบบเบเฮโมทแสงดาวนั้น พวกเขาจะสร้างความเสียหายได้แค่ประมาณสามพันเท่านั้น


ซึ่งการที่มอนสเตอร์แบบเบเฮโมทแสงดาวมีพลังป้องกันที่สูงมากขนาดนี้ และได้รับความเสียหายน้อยขนาดนี้จากการโจมตี มันก็ทำให้เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับผู้เล่นในปัจจุบันที่จะฆ่ามันให้ได้ แต่กระนั้นตอนนี้ต่อหน้าเรือเหาะมังกรสีเลือด มันกับถูกโจมตีจนได้รับความเสียหายที่เรียกได้ว่าทะลุเป้าไปเลย ….


อย่างไรก็ตามเมื่อซือเฟิงเห็นฉากนี้นั้นเขาไม่ได้ประหลาดใจใดๆ ความจริงเขาคาดหวังกับผลลัพธ์แบบนี้ไว้อยู่แล้ว


ปืนใหญ่เวทย์เอลฟ์นั้นพลังของมันสามารถสร้างความเสียหายได้ที่จุดสูงสุดของขั้นสี่ และเป็นพลังศักสิทธิ์ด้วย และพลังของปืนใหญ่จริงๆเกือบจะเทียบเท่ากับพลังของขั้นห้าโดยทั่วไปด้วยซ้ำ แม้ว่าเบเฮโมทแสงดาวจะเป็นลอร์ดแห่งดิน แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่มีชนชั้นสูงส่ง ระดับชนชั้นสิ่งมีชีวิตของมันนั้นใกล้เคียงกับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายทั่วไป เพียงแต่ว่ามันฆ่าได้ยากขึ้นเท่านั้น เมื่อเทียบกับราชันซันเซ็ทกลายพันธุ์ที่ซือเฟิงพบใน Sea God’s Realm เบเฮโมทแสงดาวนั้นเป็นดั่งทารกไปเลย

ถ้าปืนใหญ่เวทย์เอลฟ์สามารถสร้างความเสียหายอย่างมหาศาลให้กับราชันซันเซ็ทได้ แล้วเบเฮโมทแสงดาวจะไปรอดพ้นได้ยังไงกัน ?


“ดี !! ตอนนี้ระดมโจมตีมันด้วยการโจมตีระยะไกล !!” ซือเฟิงตะโกนพลางมองไปยังลอร์ดแห่งดินแดนที่ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก


มอนสเตอร์ของ God domain นั้นไม่เพียงแต่จะสูญเสียพลังการต่อสู้ไปอย่างมาก เมื่อได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก แต่พลังการป้องกันของพวกมันก็ยังจะลดลงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยนั้นก็มีความเร็วในการฟื้นฟูที่น่าทึ่งมากๆ ดังนั้นหากพวกเขาไม่ได้ใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ ทุกสิ่งที่มามันก็จะไม่ค่อยคุ้มค่าเลย เพราะท้ายที่สุดแล้วพวกเขาจะต้องรอคูลดาวน์ของปืนใหญ่เวทย์เอลฟ์อีกห้านาทีก่อนจะยิงได้อีกครั้ง


“Roar!”


ก่อนที่ซือเฟิงและคนของเขาจะโจมตีบอสผู้พิทักษ์ได้ บอสก็ปล่อยเสียงคำรามอันดังสนั่นออกมาซึ่งทำให้ได้ยินกันไปทั่วบริเวณ และมันก็มีพลังมากซะจนทำให้เกิดพายุรอบตัวมัน


จากนั้นเบเฮโมทแสงดาวก็อ้าปากของมันออกต่อ พลางเริ่มรวบรวมมานาจำนวนมหาศาลเข้ามา


เวทย์ขั้นสี่ Starlight Roar!


ลำแสงอันเจิดจ้าพุ่งออกจากปากของเบเฮโมทแสงดาว และในระหว่างทางที่มันพุ่งเข้าใส่เรือเหาะมังกรสีเลือดนั้นมันก็ทำให้พื้นที่รอบๆแตกออกเป็นเสี่ยงๆ และการโจมตีนั้นมันก็รวดเร็วมากซะจนเรือเหาะมังกรสีเลือดไม่มีเวลาจะหลบได้เลย


ใบหน้าของทุกคนที่เห็นฉากนี้อยู่เบื้องล่างนั้นซีดเผือดอย่างมาก การโจมตีนี้มันมีพลังมากกว่าปืนใหญ่มานาของเรือเหาะมังกรสีเลือดซะอีก และมันจะสามารถสังหารหมู่ผู้เล่นขั้นสามทุกคนที่โดนได้ทันทีแน่นอน


“เปิดใช้งานโล่เวทย์มนต์ !!!” อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็ยังคงสงบอยู่ และเขาก็ได้สั่งให้มีการเปิดใช้งานโล่เวทย์มนต์ของเรือเหาะมังกรสีเลือดทันที


ตู้ม !!


เมื่อลำแสงนี้ปะทะเข้ากับโล่เวทย์มนต์ มันก็เปลี่ยนพื้นที่รอบๆเรือเหาะมังกรสีเลือดให้กลายเป็นทะเลเพลิงทันที และมันก็บังเกิดเสียงดังสนั่นขึ้นทั่วบริเวณอีกระลอกหนึ่ง


ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเรือเหาะนั้นจะต้องได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงแน่นอน เปลวไฟก็ค่อยๆจางหายไป และเรือเหาะนั้นก็ไม่เป็นอันตรายใดๆเลย อย่างไรก็ตามมันก็มีรอยแตกขึ้นบริเวณรอบโล่เวทย์มนต์


ตามที่คาดหวังไว้จากลอร์ดแห่งดิน มันทำความเสียหายได้มากกว่ายี่สิบล้านเลยในการโจมตีเดียว เมื่อวัดจากพลังงานที่โล่เวทย์มนต์มี ซือเฟิงนั้นรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เมื่อเห็นพลังงานของโล่เวทย์มนต์เกือบครึ่งนั้นหายไปจากการโจมตีนี้


เรือเหาะมังกรสีเลือดนั้นมีพลังป้องกันสูงสุดที่ขั้นสาม ซึ่งสูงกว่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยายส่วนใหญ่ แต่อย่างไรก็ตาม มันก็ยังคงได้รับความเสียหายมากกว่ายี่สิบล้านจากเวทย์ขั้นสี่ของเบเฮโมทแสงดาว ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าพลังของเบเฮโมทแสงดาวนั้นใกล้เคียงกับจุดสูงสุดของขั้นสี่มาก และการโจมตีนี้จะทำให้วงเวทย์ป้องกันของเมือง NPC ทั่วไปแตกออกเป็นเสี่ยงๆได้เลย


หลังจากการโจมตีนี้เบเฮโมทแสงดาวก็ได้กระพือปีกและบินตรงไปยังเรือเหาะมังกรสีเลือด โดยมันตั้งใจจะลากเรือเหาะลงสู่พื้นดินให้ได้ก่อนที่เรือเหาะจะทันได้มีเวลาทำอะไรต่อ เรือเหาะนั้นเป็นอาวุธสงครามระยะไกล และด้วยเหตุนี้มันจึงอ่อนแอต่อการโจมตีระยะใกล้มากๆ


อย่างไรก็ตามซือเฟิงไม่ได้มีความคิดที่จะให้ลอร์ดแห่งดินแดนได้เข้าใกล้เรือเหาะมังกรสีเลือดของเขา ก่อนที่เบเฮโมทแสงดาวจะทันบินเข้ามาใกล้เรือเหาะได้นั้น ซือเฟิงก็ได้ขับเรือเหาะให้ถอยไปอยู่ด้านหลังของกองกำลังสิงโตเงินแล้ว และเนื่องจากเบเฮโมทแสงดาวนั้นได้รับบาดเจ็บหนักแล้ว ดังนั้นความเร็วของเรือเหาะจึงสามารถจะเอาชนะมันได้อย่างง่ายดาย


“นี่ความเร็วของเบเฮโมทแสงดาวลดลงแล้วงั้นหรอ ?” ดวงตาของแม๊คอาฟรี่นั้นเปล่งประกาย เมื่อเขามองดูเรือเหาะมังกรสีเลือดสามารถลากเบเฮโมทแสงดาวไปรอบๆกองกำลังสิงโตเงินได้


แม๊คอาฟรี่นั้นค่อนข้างจะประหลาดใจมากจริงๆที่เห็นว่าเรือเหาะมังกรสีเลือดนั้นสามารถโจมตีจนทำให้เบเฮโมทแสงดาวบาดเจ็บสาหัสได้ แต่อย่างไรก็ตามการทำให้บอสตัวนี้บาดเจ็บสาหัส กับ ฆ่ามันให้ได้นั้น เป็นสองสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง สภาพของเบเฮโมทแสงดาวตอนนี้อาจดูน่าสังเวช แต่ HP ของมันก็ไม่ได้ลดลงมากนัก ปืนใหญ่เวทย์เอลฟ์นั้นสร้างความเสียหายต่อบอสตัวนี้ได้แค่ราวห้าสิบล้านหรือมากกว่าเท่านั้น ซึ่งมันยังนับว่าไม่มากเลยสำหรับบอสที่มี HP หลักพันล้าน


เบเฮโมทแสงดาวนั้นมีสิทสูงมากที่จะฉีกเรือเหาะมังกรสีเลือดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้ก่อนที่พวกเขาจะฆ่ามันได้ เพราะท้ายที่สุดมันมีอัตราการฟื้นฟูตัวเองที่น่าเหลือเชื่อมากๆ ในทางกลับกันเรือเหาะนั้นเป็นอาวุธสงคราม มันจึงไม่มีความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองโดยอัตโนมัติ และทุกแต้มที่สูญเสียไปในการต่อสู้นั้นมันจะเป็นความเสียหายถาวรที่ไม่สามารถหายไปได้จนกว่าจะถูกซ่อมแซม


อย่างไรก็ตาม หากเรือเหาะสามารถลากเบเฮโมทแสงดาวไปได้รอบๆแบบนี้ พลางดักโจมตีมันไปเรื่อยๆ กองกำลังของเขาก็สามารถที่จะเข้าช่วยซือเฟิงโจมตีบอสตัวนี้ได้ หลังจากจัดการกับกองทัพของสิ่งมีชีวิตสายธาตุเรียบร้อยแล้ว ซึ่งนี่มันจะทำให้พวกเขามีโอกาสจะฆ่าเบเฮโมทแสงดาวได้แน่นอน


แต่ก่อนที่แม๊คอาฟรี่จะทันได้ครุ่นคิดจบ เรือเหาะก็หยุดการเคลื่อนไหว


“นี่เขาพยายามจะทำอะไรกัน ? เขายังวางแผนจะเผชิญหน้ากับเบเฮโมทแสงดาวแบบซึ่งหน้าอีกงั้นหรอ ?”


สมาชิกของกองกำลังสิงโตเงินนั้นรู้สึกสับสน เมื่อเห็นเรือเหาะหยุดนิ่ง และพวกเขานั้นไม่เข้าใจสิ่งที่ซือเฟิงพยายามจะทำเลย


เนื่องจากในปัจจุบันนั้นเรือเหาะมังกรสีเลือดมีความเร็วมากกว่าเบเฮโมทแสงดาวแล้ว ดังนั้นมันจึงมีโอกาสเพิ่มระยะห่างกับบอสผู้พิทักษ์ได้อย่างมาก และมันก็สามารถจะซื้อเวลาจนกว่าปืนใหญ่เวทย์เอลฟ์จะคูลดาวน์เสร็จสิ้น อย่างไรก็ตามซือเฟิงกลับเลือกจะปล่อยให้บอสตัวนี้ตามทัน เขามันบ้าชัดๆ !!!


ด้วยอัตราการฟื้นฟูตัวเองที่รวดเร็วมากๆของเบเฮโมทแสงดาว มันจะสามารถทำให้อาการบาดเจ็บของมันนั้นหายไปได้ภายในไม่กี่นาทีเลย


ในขณะที่เบเฮโมทแสงดาวกำลังเข้าใกล้เรือเหาะมังกรสีเลือดมากขึ้น กองกำลังสิงโตเงินก็เริ่มรู้สึกกังวลมากขึ้น อย่างไรก็ตามทันใดนั้น ซือเฟิงก็ได้เปิดเผยไบเบิ้ลแห่งความมืดออกมา และใช้มันอัญเชิญปีศาจออกมาทันที


ทันใดนั้นประตูขนาดมหึมาก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าของเรือเหาะ และในขณะเดียวกันหลังแห่งความมืดที่แผ่ออกมานั้นมันก็หนาแน่นมากๆซะจนเปลี่ยนพื้นที่โดยรอบในรัศมีหนึ่งร้อยหลาให้เต็มไปด้วยฟองแห่งความมืดเลย


เมื่อประตูเปิดออก ปีศาจตนหนึ่งที่มีเขาเดียว และมีความสูงแปดเมตรก็บินออกมา โดยมันสวมชุดเกราะสีดำสนิท และมีปีกสีดำสนิทสองคู่


ซึ่งทันทีที่ปีศาจเขาเดียวปรากฎขึ้นนั้น สมาชิกของกองกำลังสิงโตเงินทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น


“ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบห้า ?”


“ทำไมปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ถึงมาที่นี่ ?”


“พวกเราจบสิ้นแล้ว … มีมอนสเตอร์ขั้นสี่อยู่สองตัว …”


นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่ แต่อย่างไรก็ตามต่อหน้าพวกเขาตอนนี้นั้นคือปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบห้า ซึ่งทุกๆห้าเลเวลนั้นจะเป็นจุดเปลี่ยนของพลังใน God domain โดยเรื่องนี้มันก็จะโดดเด่นเป็นพิเศษหลังจากมาถึงเลเวลหนึ่งร้อย


แม้ว่าตอนนี้กองกำลังสิงโตเงินจะมีโอกาสสูงแล้วที่จะจัดการกับเบเฮโมทแสงดาวได้ เมื่อร่วมมือกับซือเฟิง แต่อยางไรก็ตามสำหรับปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบห้านั้นแตกต่างออกไป มันน่ากลัวและทรงพลังยิ่งกว่าเบเฮโมทแสงดาวซะอีก


ขณะที่พวกเขากำลังเริ่มหมดหวังกันนั้น ซือเฟิงก็ชี้ไปที่เบเฮโมทแสงดาวพลางตะโกนออกคำสั่งบอกปีศาจเขาเดียว “ไป ! ฆ่ามัน !!”


“ครับ ! ท่านลอร์ด !!” ปีศาจเขาเดียวพูดด้วยภาษาของมนุษย์ก่อนจะโค้งคำนับซือเฟิงเบาๆ


ทันใดนั้นปีศาจเขาเดียวก็หายไป และเมื่อถึงเวลาที่ทุกคนสังเกตเห็นมันอีก มันก็เข้าไปอยู่ในระยะสองร้อยหลาห่างจากลอร์ดแห่งดินแดนแล้ว


เวทย์ขั้นสี่ การเคลื่อนย้ายทันทีขั้นสูง !!


เมื่อปีศาจเขาเดียวอยู่ในระยะแล้ว มันก็เหวี่ยงสามง่ามของมันออกไปทันที


จากนั้นวงเวทย์ขนาดใหญ่ที่ซ้อนทับกันสามชั้นก็ปรากฎขึ้นเหนือหัวของเบเฮโมทแสงดาว


เวทย์ขั้นสี่ สายฟ้าแห่งความมืด !!!


ตู้ม … ตู้ม … ตู้ม …


สายฟ้าสีดำนั้นพุ่งออกมาจากวงเวทย์ และโจมตีโดนลอร์ดแห่งดินแดนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที ซึ่งมันก็ทำให้มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายตัวนี้นั้นส่งเสียงร้อยโหยหวนอย่างเจ็บปวดออกมา โดยการโจมตีจากสายฟ้านี้แต่ละครั้งนั้นก็ทำความเสียหายได้มากกว่าสิบล้าน และหลังจากต้องรับการโจมตีเก้าครั้งติดต่อกัน เบเฮโมทแสงดาวก็สูญเสีย HP ไปเกือบหนึ่งร้อยล้าน …


ทุกคนนั้นตกตะลึง และพูดไม่ออกกับฉากตรงหน้า ….


นี่เขามีไพ่กี่ใบกันแน่ ? ความตกตะลึงและความสับสนปรากฎขึ้นในดวงตาของคริมสันวิช ขณะที่เธอเฝ้ามองไปยังซือเฟิงซึ่งควบคุมปีศาจเขาเดียวอยู่


ตอนแรกเขาก็เปิดเผยเรือเหาะมังกรสีเลือดออกมา จากนั้นตอนนี้เขาก็แสดงความสามารถในการอัญเชิญปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบห้าออกมา


ซือเฟิงนั้นเป็นทั้งกองทัพในตัวคนเดียวอย่างแท้จริง !!!


สมาชิกของทีมนักผจญภัยหัวใจพายุเองก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง เมื่อได้เห็นฉากนี้นี่เป็นครั้งแรกเลยที่พวกเขาได้เห็นคนๆหนึ่งสามารถปราบปรามลอร์ดแห่งดินแดนแบบนี้ได้แบบสิ้นเชิง


ปีศาจเขาเดียว นั้นยังคงทำการโจมตีเบเฮโมทแสงดาวอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันเรือเหาะมังกรสีเลือดนั้นก็คอยใช้ปืนใหญ่ระดมโจมตีอยู่เรื่อยๆเช่นกัน ซึ่งการทำแบบนี้มันก็ทำให้ HP ของบอสลดลงไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเบเฮโมทแสงดาวจะพยายามใช้สกิลและเวทย์หลากหลายเพื่อตอบโต้ แต่มันก็สร้างความเสียหายได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นให้กับปีศาจเขาเดียว โดยเมื่อเทียบกับ HP ของเบเฮโมทแสงดาวที่หมดลงไปอย่างรวดเร็ว จำนวน HP ที่ปีศาจเขาเดียวต้องเสียไปนั้นก็นับว่าไม่มีอะไรเลย


ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที ก่อนที่กองกำลังสิงโตเงินจะทันได้ฆ่าแกรนลอร์ดได้สักตัว เบเฮโมทแสงดาว หนึ่งในบอสผู้พิทักษ์แห่งป้อมปราการแสงดาวก็ล้ม และตายลง ….

 

 

 


ตอนที่ 2458

 

การเก็บเกี่ยวที่ไม่คาดคิดอย่างมาก


เมื่อร่างขนาดมหึมาของเบเฮโมทแสงดาวตกกระแทกลงพื้น สมาชิกของกองกำลังสิงโตเงินก็ได้เห็นว่าแถบค่า EXP ของพวกเขานั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยพวกเขาแต่ละคนนั้นได้รับ EXP มากกว่าตอนที่พวกเขาฆ่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยายทั่วไปที่มีเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยซะอีกในตอนที่พวกเขาทำการล่าแบบทีมหนึ่งร้อยคน …. ขณะที่ผู้เล่นบางคนก็มีเลเวลเพิ่มขึ้นไปที่หนึ่งร้อยหกแล้ว


“มันตายแล้วงั้นหรอ ?”


ครู่หนึ่งสมาชิกของกองกำลังสิงโตเงิน ซึ่งอยู่ในระหว่างการต่อสู้กับกองทัพมอนสเตอร์ที่เป็นสิ่งมีชีวิตสายธาตุต่างก็ตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็น ไม่มีใครคาดคิดเลยว่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย เลเวลหนึ่งร้อยสิบสาม ที่เป็นลอร์ดแห่งดินแดนจะถูกฆ่าได้อย่างง่ายดายแบบนี้ ครู่หนึ่งพวกเขานั้นสงสัยด้วยซ้ำว่านี่เบเฮโมทแสงดาวเป็นมอน

สเตอร์ระดับเทพนิยาย ที่เป็นลอร์ดแห่งดินแดน เลเวลหนึ่งร้อยสิบสามจริงไหม ….


อย่างไรก็ตามสมาชิกของกองกำลังสิงโตเงินทั้งหมดนั้นก็ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญ พวกเขาจึงรู้ดีว่าเรื่องนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นจากการที่เบเฮโมทแสงดาวอ่อนแอ แต่มันเป็นเพราะซือเฟิงและคนของเขาแข็งแกร่งมากๆต่างหาก ….


ในขณะเดียวกันร่างของเบเฮโมทแสงดาวก็เริ่มค่อยๆสลายกลายเป็นอนุภาคแสงหายไป หลังจากนั้นไม่นานแสงสีทองก็ค่อยๆโผล่ออกมาแทนที่และกระจายไปรอบๆบริเวณที่เคยเป็นร่างของลอร์ดแห่งดินแดน


เมื่อแสงสีทองค่อยๆจางหายไป มันก็ได้เผยให้เห็นไอเทมจำนวนมากที่เต็มไปด้วยมานาที่หนาแน่นล้อมรอบ


ในพริบตา สถานที่ที่ศพของเบเฮโมทแสงดาวสลายไปนั้นก็ได้เปลี่ยนกลายเป็นพื้นที่ที่มีความหนาแน่นของมานาสูงมากๆ


“อึก !! นี่ไอเทมที่บอสดรอปมันจะไม่มากเกินไปหน่อยหรอ ?!”


“มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายที่เป็นลอร์ดแห่งดินแดนนั้นช่างยอดเยี่ยมมากจริงๆ ไอเทมที่ดรอปจากมันนั้นเหนือกว่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยายทั่วไปที่เราเคยฆ่ามาอย่างเทียบไม่ติดเลย !!! ไอเทมทั้งหมดที่มันดรอปออกมากระทั่งเพิ่มความหนาแน่นให้กับมานาโดยรอบได้ !!!”


ดวงตาของสมาชิกกองกำลังสิงโตเงินนั้นแทบจะถลนออกจากเบ้ากัน เมื่อพวกเขาได้เห็นไอเทมที่เบเฮโมทแสงดาวดรอปออกมา


พวกเขานั้นเคยเห็นไอเทมที่ดรอปมาจากมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยมาก่อน และพวกเขาก็เคยเห็นไอเทมที่บอสโลกดรอป แต่พวกเขาไม่เคยเห็นอะไรแบบตรงหน้าของพวกเขาเลย


แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะไม่สามารถประเมินมูลค่าของไอเทมได้ แต่พวกเขาก็มีวิธีการประมาณค่ามูลค่าของมันอย่างคร่าวๆโดยดูจากมานาที่มันแผ่ออกมา และมานาที่ล้อมรอบมัน ซึ่งไอเทมที่สามารถดึงดูดมานาเข้ามาได้นั้นจะอยู่ในระดับอีปิคเป็นอย่างน้อยที่สุด และมันก็ไม่มีทางที่จะเป็นระดับดาร์คโกลได้เลย


ไอเทมระดับอีปิคเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย !!!


กองกำลังสิงโตเงินนั้นได้ฆ่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยายเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยไปหลายตัวแล้วเพื่อจะรับเอาไอเทมระดับอีปิคเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยมาสักชิ้น


อย่างไรก็ตามตอนนี้ ไม่เพียงแต่เบเฮโมทแสงดาวจะดรอปไอเทมแบบนี้ออกมา แต่เท่าที่พวกเขาสังเกต มันยังมีมากกว่าสองโหลที่มีสิทจะเป็นไอเทมระดับดาร์ค

โกลด้วย


การได้สวมใส่ไอเทมระดับดาร์คโกลเลเวลหนึ่งร้อยสิบนั้นมันก็คล้ายกับการที่ผู้เล่นได้สวมใส่ไอเทมระดับอีปิคเลเวลหนึ่งร้อยเลย ซึ่งหากให้เทียบกันจริงๆ ราคาในการเตรียมอาวุธและอุปกรณ์ระดับอีปิคที่เลเวลหนึ่งร้อย กับการเตรียมอาวุธและอุปกรณ์ระดับดาร์คโกลเลเวลหนึ่งร้อยนั้นมีค่าใช้จ่ายที่แทบจะเท่ากันเลย อย่างไรก็ตามความหายากนั้นก็ค่อนข้างจะแตกต่างกัน


หากผู้เล่นขั้นสามสามารถสวมใส่อุปกรณ์ระดับดาร์คโกลเลเวลหนึ่งร้อยสิบได้ครบเซ็ทในตอนเลเวลหนึ่งร้อยห้า โดยอาศัยเจ็มสโตนลดเลเวลช่วยนั้น พวกเขาจะสามารถ

แท๊งกับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายเลเวลหนึ่งร้อยสิบได้เลย ไม่ต้องพูดถึงแกรนลอร์ดเลเวลหนึ่งร้อยสิบ


ตอนนี้แม๊คอาฟรี่และพวกระดับสูงคนอื่นๆของเผ่าศักสิทธิ์จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉามากๆ


เผ่าศักสิทธิ์นั้นยังไม่ได้รับอุปกรณ์ระดับดาร์คโกลเลเวลหนึ่งร้อยสิบมาเลยแม้แต่ชิ้นเดียว และกิลก็ไม่ได้มีอุปกรณ์ระดับดาร์คโกลเลเวลหนึ่งร้อยห้ามากนักด้วย


สำหรับอาวุธและอุปกรณ์ที่มีเลเวลตั้งแต่หนึ่งร้อยหรือสูงกว่าขึ้นไประดับอีปิคนั้น กิลแทบไม่มีเลย


น่าเสียดายที่เผ่าศักสิทธิ์และสภาสิบแปดปีกนั้นได้ตกลงกันแล้วว่าไอเทมที่ดรอปจากมอนสเตอร์จะตกเป็นของทีมที่รับผิดชอบในการฆ่ามันโดยสิ้นเชิง และหากทั้งสองฝ่ายมีส่วนร่วมในการต่อสู้ก็ให้พิจารณาโดยอิงจากส่วนร่วมที่มีในการต่อสู้


ชั่วขณะหนึ่ง แม๊คอาฟรี่นั้นรู้สึกเสียใจอย่างมากที่เขาเลือกจะเก็บม้วนคัมภีร์อัญเชิญฮีโร่ขั้นสี่ไว้ไม่ใช้งาน เขาไม่คิดเลยว่าเบเฮโมทแสงดาวนั้นจะดรอปไอเทมที่ล้ำค่ามากมายขนาดนี้


ถ้าเขาใช้ม้วนคัมภีร์อัญเชิญฮีโร่ขั้นสี่ ในตอนที่เรือเหาะมังกรสีเลือดโจมตีจนเบเฮโมทแสงดาวได้รับบาดเจ็บอย่างหนักแล้ว การจะฆ่ามันให้ได้ก็จะไม่เป็นปัญหาเลย และมันก็จะไม่ถึงขั้นให้ซือเฟิงต้องอัญเชิญปีศาจขั้นสี่ออกมา และแม้ว่าพวกเขาจะได้รับเพียงเศษไอเทมที่ดรอปจากเบเฮโมทแสงดาว แต่มันก็จะคุ้มค่ากับค่าใช้จ่ายในการใช้ม้วนคัมภีร์อัญเชิญฮีโร่ขั้นสี่แน่นอน นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าฮีโร่ขั้นสี่จะช่วยในการฆ่าบอสตัวอื่นๆในป้อมปราการได้อีก ซึ่งมันจะทำให้กองกำลังสิงโตเงินกลับไปพร้อมกับไอเทมที่มีมูลค่ารวมเหนือกว่ามูลค่าของม้วนคัมภีร์อัญเชิญฮีโร่ขั้นสี่แน่นอน


อย่างไรก็ตามตอนนี้สภาสิบแปดปีกจะผูกขาดไอเทมทั้งหมดที่ดรอปจากเบเฮโมทแสงดาว ในขณะที่เผ่าศักสิทธิ์ทำได้แค่เฝ้าดูด้วยความอิจฉาเท่านั้น


“ทุกคน เร่งเข้า !! ทำงานกันให้หนักขึ้น !!! ทุกคนได้เห็นแล้วว่าบอสดรอปไอเทมที่มีค่าจำนวนมากขนาดไหน !!! และมันก็น่าจะยังมีบอสผู้พิทักษ์อยู่อีกจำนวนหนึ่งในป้อม ถ้าเราสามารถฆ่ามันได้ ฉันจะจัดการประมูลภายในของอาวุธและอุปกรณ์ทั้งหมดที่พวกเราได้รับมาให้ !!! ซึ่งมันจะทำให้ทุกคนมีโอกาสจะได้รับอาวุธและอุปกรณ์ชั้นยอด !!!” แม๊คอาฟรี่ตะโกนผ่านแชททีม


“ตอนนี้ทุกคนจะได้รับประโยชน์มากน้อยแค่ไหนมันก็ขึ้นอยู่กับผลงานของตัวเองแล้ว !!!”


คำประกาศของแม๊คอาฟรี่ได้ไปจุดประกายจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของสมาชิกกองกำลังสิงโตเงินขึ้น


การประมูลภายในนั้นแทบจะไม่เกิดขึ้นเลยในทีม หรือกองกำลังผู้เชี่ยวชาญของเผ่าศักสิทธิ์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกองกำลังที่เป็นหนึ่งในกองกำลังหลักของกิลด้วย โดยปกติแล้วกิลจะทำการแจกจ่ายไอเทมที่ดรอปจากมอนสเตอร์ระดับสูงแบบนี้ให้กับผู้เล่นที่ได้รับเลือกบางคนเท่านั้น และมันก็จะมีเหลือเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่เอาไว้ให้สมาชิกแกนหลักของกิลเลือกซื้อไปโดยใช้คะแนนสะสมกิล


การตัดสินใจของแม๊คอาฟรี่ที่จะจัดการประมูลภายในสำหรับไอเทมที่พวกเขาจะได้รับจากปฎิบัติการนี้นั้น มันจึงเป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับพวกเขาทุกคน เพราะหากปราศจากการเข้าแทรกแซงของกิล พวกเขาก็จะไม่ต้องกังวลว่าจะพลาดโอกาสในการแข่งขันเพื่อแย่งชิงอาวุธและอุปกรณ์ชั้นยอด


ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีผู้เล่นจำนวนน้อยมากที่เข้าร่วมในปฎิบัติการครั้งนี้ ซึ่งนี่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับอาวุธและอุปกรณ์ของพวกเขาอย่างมาก และแม้ว่าพวกระดับสูงของกิลในกองกำลังนี้จะเข้าร่วม แต่พวกเขาก็มีคะแนนสะสมกิลมากกว่าสมาชิกแกนหลักทั่วไปแค่เล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งด้วยไอเทมมากมายที่จะดรอปออกมานั้น พวกระดับสูงก็จะได้รับไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


เมื่อจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของพวกเขาพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุด เหล่าสมาชิกของกองกำลังสิงโตเงินก็พุ่งเข้าใส่กองทัพมอนสเตอร์ตรงหน้าพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง และแม๊คอาฟรี่ก็ได้ใช้ม้วนคัมภีร์อัญเชิญฮีโร่ขั้นสี่ อัญเชิญฮีโร่ขั้นสี่ออกมาช่วยพวกเขาด้วย


เมื่อเห็นอย่างนี้ซือเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่นึกเลยว่าไอเทมที่ดรอปจากเบเฮโมทแสงดาวจะช่วยกระตุ้นกองกำลังสิงโตเงินได้มากขนาดนี้


อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากนัก เพราะท้ายที่สุดยิ่งกองกำลังสิงโตเงินทำงานหนักขึ้นเท่าไหร่ พวกเขาก็จะสามารถกำจัดมอนสเตอร์ทั้งหมดในป้อมปราการได้เร็วขึ้นเท่านั้น หากสมาชิกของสภาสิบแปดปีกแค่สิบคนต้องรับบทนี้เพียงอย่างเดียว พวกเขาจะต้องใช้เวลานานมากกว่าจะกวาดล้างทั้งป้อมปราการได้


“อควา ช่วยสั่งการแทนฉันหน่อยตอนนี้ …. ฉันจะไปเก็บรวบรวมไอเทมที่ดรอป และจัดมันสักหน่อย ….” ซือเฟิงกล่าวก่อนที่เขาจะกระโดดลงจากเรือเหาะมังกรสีเลือด


เขานั้นรู้ดีว่าแม้จะมีข้อตกลงกัน แต่ด้วยมูลค่าของไอเทมที่ดรอปออกมาจากเบเฮโมทแสงดาว มันก็จะมีคนในกองกำลังสิงโตเงินบางคนคิดไม่ซื่อแน่นอน ดังนั้นเขาจึงจำเป็นจะต้องเก็บรวบรวมไอเทมที่ดรอปออกมาจากเบเฮโมทแสงดาวให้ไวที่สุด


หลังจากซือเฟิงลงจากเรือเหาะไป อควาโรสและคนอื่นๆก็ได้ทำการระดมยิงโจมตีกำแพงทางด้านตะวันตกของป้อมปราการอยู่


ซือเฟิงนั้นแสดงสีหน้าประหลาดใจอย่างมากออกมา เมื่อเขาทำการเก็บรวบรวมไอเทมที่ดรอปจากเบเฮโมทแสงดาวเรียบร้อย และได้ทำการใช้สกิลตรวจสอบที่ผสานเข้ากับตราทองคำตรวจสอบไอเทมชิ้นแรกแล้ว


“โทเค่นลอร์ดแห่งป้อมปราการแสงดาว ?” ซือเฟิงสับสน ขณะที่จ้องมองไปยังโทเค่นสีทองดำตรงหน้าเขา


ก่อนที่เขาจะทันได้รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาก็ได้ยินเสียงการแจ้งเตือนของระบบ


ประกาศจากระบบภูมิภาคหุบเขาดาว : ผู้เล่นได้ทำการเข้ายึดป้อมปราการแสงดาวได้สำเร็จ โดยกิลที่มีผู้เล่นของตัวเองเป็นผู้นำในการเข้ายึดจะได้รับค่าชื่อเสียงกิลสองหมื่นแต้ม และผู้เล่นที่เป็นผู้นำการเข้ายึดป้อมปราการก็จะกลายเป็นลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการ โดยป้อมปราการแสงดาวจะเปิดให้บุคคลทั่วไปได้เข้าเยี่ยมชมอัตโนมัติภายในสามวัน ผู้เล่นจะสามารถเข้าสู่ป้อมปราการและพักผ่อนได้อย่างอิสระในเวลานั้น

 

 

 


ตอนที่ 2459

 

ทวีปด้านตะวันตกสั่นสะเทือน


ประกาศจากระบบนี้นั้นดังขึ้นสามครั้งไปทั่วหุบเขาดาว และทุกคนที่อยู่ในบริเวณนี้ต่างก็เงียบลงไปชั่วขณะเลยทีเดียว เมื่อได้ยินเสียงการแจ้งเตือนจากระบบหลัก


“เกิดอะไรขึ้น ?”


“มีใครบางคนยึดป้อมปราการแสงดาวไปแล้วงั้นหรอ ?”


สมาชิกของกองกำลังสิงโตเงินนั้นไม่สามารถจะประมวลผลสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันนี้ได้ พวกเขานั้นยังไม่สามารถทำลายกำแพงหรือประตูใดๆของป้อมปราการได้เลย ดังนั้นมันจึงยังไม่ควรจะมีใครสามารถเข้ายึดป้อมปราการได้ และสถานการณ์ตอนนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ?


ไม่ใช่แค่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนของกองกำลังสิงโตเงินเท่านั้นที่สับสน แม้แต่แม๊คอาฟรี่ รองผู้บัญชาการของกองกำลังก็ยังตกตะลึง


มันเกิดอะไรขึ้นกับป้อมปราการแสงดาว ? แม๊คอาฟรี่จ้องมองไปยังป้อมปราการแสงดาวที่อยู่ห่างออกไปหลายพันหลาด้วยความสับสน มีใครบางคนแอบเข้าไปและฆ่าบอสผู้พิทักษ์ตัวสุดท้ายไปแล้วงั้นหรอ ?


แม้ว่าแม๊คอาฟรี่จะสงสัยในเรื่องนี้ แต่เขาก็ปฎิเสธถึงความเป็นไปได้


ใน God domain ผู้เล่นจะไม่สามารถเข้าสู่ป้อมปราการได้นอกจากว่าจะทำลายกำแพง หรือประตูของป้อมปราการได้ก่อน


เนื่องจากประตูป้อมปราการ และกำแพงของป้อมก็ยังคงอยู่ ดังนั้นมันจะมีผู้เล่นเข้าสู่ป้อมปราการได้อย่างไร ?


แม้ว่าผู้เล่นจะสามารถลอบเข้าไปได้จริงๆ แต่ป้อมปราการนั้นก็ยังคงเป็นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตสายธาตุหลายแสนตัว และมอนสเตอร์ทั้งหมดเหล่านี้ล้วนมีเลเวลหนึ่งร้อยสิบขึ้นไป ซึ่งที่อ่อนแอที่สุดในบรรดามอนสเตอร์เหล่านี้ก็อยู่ในระดับลอร์ดบอส โดยแม้แต่กองกำลังผู้เล่นขั้นสาม หนึ่งพันคนนั้นก็ไม่น่าจะสามารถรับมือกับบอสผู้พิทักษ์ตัวสุดท้ายในสถานการณ์แบบนี้ได้ ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงทีมหนึ่งร้อยคนที่ประกอบไปด้วยผู้เล่นขั้นสามทั้งหมดเลย

อีกทั้ง แม้ว่าผู้เล่นจะสามารถเข้าไปถึงบอสผู้พิทักษ์ตัวสุดท้าย และท้าทายมันได้อย่างปาฎิหาริย์ แต่การต่อสู้กับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายแบบนี้นั้นก็ควรจะทำให้เกิดความวุ่นวาย และเสียงที่ดังมากๆ ซึ่งพวกเขาที่อยู่นอกป้อมปราการก็ควรจะได้ยินด้วย อย่างไรก็ตามพวกเขากลับไม่ได้ยินเสียงใดๆเลย


แถมส่วนที่แปลกที่สุดจริงๆทั้งหมดในการโจมตีครั้งนี้ก็คือ มันมีฝูงกองทัพมอนสเตอร์ถึงห้าหมื่นตัว พร้อมกับเบเฮโมทแสงดาวออกมาโจมตีพวกเขา ซึ่งมันมากกว่าที่พวกเขาคาดไว้ที่หนึ่งหมื่นตัวมากๆ ยิ่งไปกว่านั้นกองทัพนี้ยังประกอบไปด้วยบอสระดับสูงอีกมากมายซึ่งควรจะอยู่แต่ในป้อมปราการ


“มันอาจจะเป็น ?” ทันใดนั้นแม๊คอาฟรี่ก็นึกถึงความเป็นไปได้หนึ่งขึ้นมา และเขาก็หมุนตัวหันไปมองซือเฟิงซึ่งกำลังยุ่งอยู่กับการตรวจสอบไอเทมที่ดรอปจากเบเฮโมทแสงดาว


จากประสบการณ์ทั้งหมดของเขาที่เคยเข้าโจมตีและยึดป้อมปราการใน God domain บอสผู้พิทักษ์ตัวสุดท้ายนั้นจะไม่เคยออกมาจากป้อมปราการเลย แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้เบเฮโมทแสงดาวที่พวกเขาพึ่งเผชิญหน้าไป และออกมาจากป้อมนั้น มันกับทรงพลังมากเป็นพิเศษ ทรงพลังมากกว่าบอสผู้พิทักษ์ทุกตัวที่เขาเคยเจอมา


ในฐานะมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย ที่เป็นลอร์ดแห่งดินแดนด้วย เบเฮโมทแสงดาวนั้นอาจได้รับการพิจารณาว่าแข็งแกร่งเทียบเท่ากับบอสโลกเลย ซึ่งมันก็จัดว่าเป็นฝันร้ายสำหรับทุกคน เขานั้นไม่รู้หรอกว่าข้างในจะมีบอสผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งกว่านี้ไหม แต่สิ่งที่เขาแน่ใจเลยคือเบเฮโมทแสงดาวนั้นน่าจะมีสิทดรอปโทเค่นลอร์ดแห่งป้อมปราการแน่นอน เมื่อคำณวนจากปัจจัยทั้งหมด


ในขณะเดียวกัน เมื่อแม๊คอาฟรี่สังเกตดีๆ เขาก็เห็นซือเฟิงซึ่งยืนอยู่ตรงกลางของปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่นั้นกำลังถือโทเค่นสีทองดำที่แผ่มานาอย่างหนาแน่นออกมาอยู่ ซึ่งนี่มันดูเหมือนจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความสำเร็จในการเข้ายึดป้อมปราการแสงดาว


โทเค่นลอร์ดแห่งป้อมปราการแสงดาว !!!


แม๊คอาฟรี่นั้นไม่ใช่คนเดียวที่สังเกตเห็นสิ่งนี้ คริมสันวิชและคนอื่นๆนั้นก็หันมามองซือเฟิง และสังเกตเห็นสิ่งนี้เช่นกัน


“พวกเขาเข้ายึดป้อมปราการแสงดาวได้ทั้งๆแบบนี้เลยงั้นหรอ ?” คริมสันวิชจ้องมองไปที่โทเค่นในมือของซือเฟิงด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง


แม้ว่าเธอจะรู้ว่าทีมของซือเฟิงนั้นมีโอกาสสูงในการจะเข้ายึดป้อมปราการแสงดาวได้ แต่เธอก็ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะได้รับโทเค่นลอร์ดแห่งป้อมปราการแสงดาวมาเร็วขนาดนี้


นี่คือหนึ่งในป้อมปราการของหุบเขาดาวเลยนะที่พวกเขากำลังพูดถึง !!! มันเป็นสิ่งที่มหาอำนาจต่างๆในทวีปด้านตะวันตกนั้นล้วนใฝ่ฝันที่จะได้มา !!!


แต่ซือเฟิงกับสามารถเข้ายึดป้อมปราการนี้ได้อย่างง่ายดาย ถ้าเธอไปเล่าเรื่องนี้ แม้แต่คนโง่ก็จะไม่เชื่อเธอแน่นอน !!!


สมาชิกของกองกำลังสิงโตเงินล้วนเต็มปด้วยความตกตะลึง ไม่มีใครเคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าป้อมปราการในดินแดนต้องห้ามเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยแห่งนี้จะถูกยึดได้ง่ายขนาดนี้ หากมหาอำนาจอื่นๆในทวีปด้านตะวันตกรู้เรื่องนี้ พวกเขาจะหน้ามืด และเต็มไปด้วยความโกรธอย่างมากแน่นอน ….


ในความเป็นจริงแม้แต่ซือเฟิงเองก็ยังอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ เขาไม่คาดคิดเลยว่าจะได้รับโทเค่นลอร์ดแห่งป้อมปราการมาอย่างรวดเร็วขนาดนี้


เขานั้นได้เตรียมพร้อมที่จะใช้หนังสือฮีโร่ อัญเชิญฮีโร่ขั้นสี่ออกมาด้วยซ้ำ เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาคิดว่าเบเฮโมทแสงดาวซึ่งน่าจะเป็นบอสผู้พิทักษ์ตัวแรกที่เขาเจอนั้นก็เป็นถึงระดับเทพนิยาย และเป็นลอร์ดแห่งดินแดนแล้ว ฉะนั้นบอสผู้พิทักษ์ตัวสุดท้ายนั้นน่าจะมีสิทเป็น ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายเลย


ผู้เล่นอย่างพวกเขาในตอนนี้นั้นจะไม่สามารถจัดการกับมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยาย เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยสิบได้แน่นอน และมันก็จะมีแต่เพียงการอาศัยฮีโร่ขั้นสี่เท่านั้นจึงจะมีโอกาส


นี่มันช่วยได้มากจริงๆ อย่างไรก็ตามตอนนี้ฉันจะมีเวลาในการวางโครงสร้างการป้องกันหลังป้อมถูกเข้ายึดเรียบร้อยทั้งหมดจริงๆน้อยลงมาก ซือเฟิงมองไปยังโท

เค่นพลางยิ้ม แต่เขาก็ไม่ได้พึงพอใจอย่างถึงที่สุด


ความจริงที่ว่าเขาได้รับโทเค่นมาเร็วขนาดนี้นั้น มันเป็นทั้งพรและคำสาป

ตอนนี้เขาได้รับโทเค่นของป้อมปราการมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงจะสามารถเข้าควบคุมวงเวทย์ของป้อมปราการแสงดาวได้อย่างเต็มที่ และแม้ว่าเขาจะยังต้องไปให้ถึงใจกลางป้อมเพื่อเปิดใช้งานวงเวทย์ป้องกัน แต่อย่างน้อยมันก็จะไม่บัฟมอนสเตอร์อีกต่อไปเพราะในตอนนี้เขามีโทเค่นอยู่ในมือแล้ว ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยทำให้เขาเข้ายึดป้อมปราการได้ง่ายขึ้นมากๆ


ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำก็มีเพียงแค่กำจัดมอนสเตอร์ทั้งหมดที่อยู่ในป้อมปราการแสงดาวให้หมด และเขาจะไม่ต้องทำลายกำแพงหรือประตูของป้อมปราการแล้ว เขาสามารถจะเดินเข้าไปดั่งเดินผ่านเข้าประตูหน้าบ้านไปได้เลย


ปัญหาเดียวคือเขาต้องกำจัดมอนสเตอร์และวางโครงสร้างการป้องกันของป้อมปราการให้เสร็จภายในสามวันก่อนที่ป้อมปราการจะถูกเปิดให้สาธารณชนเข้าเยี่ยมชม ซึ่งในเวลานั้นหากผู้เล่นทะลักเข้ามา และมันมีการป้องกันกับความปลอดภัยมากไม่เพียงพอ มหาอำนาจต่างๆจะใช้โอกาสนั้นแย่งชิงป้อมปราการไปจากเขาได้


แถมการผนึกป้อมปราการเพื่อไม่ให้ผู้เล่นสามารถเข้าได้ไปช่วงเวลาหนึ่งก็ไม่สามารถจะทำได้ด้วย


ป้อมปราการแสงดาวนั้นอยู่ในหุบเขาดาวซึ่งเป็นดินแดนต้องห้าม และดินแดนต้องห้ามใน God domain นั้นมันก็ไม่ได้ถูกควบคุมโดยอาณาจักรหรือจักรวรรดิใดๆใน God domain ซึ่งป้อมปราการเกือบทั้งหมดในแผนที่แบบนี้มักจะอยู่รอดมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยนี่มันแปลว่ามันถูกสร้างขึ้นก่อนการทำลายล้างครั้งใหญ่ซะอีก นี่มันจึงทำให้ป้อมปราการในดินแดนต้องห้ามแบบนี้นั้นแตกต่างป้อมปราการในแผนที่เป็นกลาง หรือเมืองกิลอื่นๆ แม้จะมีโทเค่นลอร์ดแห่งป้อมปราการแล้ว แต่ผู้มีมันก็จะยังไม่สามารถเข้าถึงอำนาจทั้งหมดในป้อมปราการได้อย่างเต็มที่ ซึ่งนี่รวมไปถึงผู้มีโทเค่นยังจะไม่สามารถเลือกเปิดและปิดผนึกได้ตามใจชอบด้วย


นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้มหาอำนาจต่างๆที่คิดจะเข้ายึดป้อมปราการในดินแดนต้องห้ามนั้นถูกบังคับให้ต้องส่งสมาชิกจำนวนมากเข้ามาประจำการ ….


ในความเป็นจริงการตั้งค่าสำหรับเรื่องนี้ของระบบหลัก God domain ก็ไม่ได้ไร้เหตุผลเลย


ดินแดนต้องห้ามนั้นมีทรัพยากรมากมายกว่าแผนที่อื่นๆอย่างมาก ซึ่งหากมีมหาอำนาจกลุ่มหนึ่งสามารถเข้าควบคุมป้อมปราการในดินแดนต้องห้ามได้อย่างสมบูรณ์ มันก็จะเป็นไปไม่ได้เลยที่มหาอำนาจกลุ่มอื่นฝ่าแนวป้องกันของพวกเขามาได้ เนื่องจากกลไกการป้องกันของป้อมแบบนี้นั้นมันอยู่มาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งมันจะทำให้มหาอำนาจที่เข้ายึดป้อมได้เป็นกลุ่มแรกนั้นจะสามารถผูกขาดทรัพยากรทั้งหมดในดินแดนต้องห้ามไปทั้งหมดได้อย่างถาวร ในขณะที่คนอื่นๆได้แค่เฝ้าดู นี่มันจึงจะไม่ใช่สถานการณ์ที่ยุติธรรมอย่างแน่นอน


ยกตัวอย่างเช่นป้อมปราการแสงดาวอาจเป็นเพียงป้อมปราการขนาดเล็ก แต่เมื่อเปิดใช้งานวงเวทย์ป้องกันแล้วมันก็จะมีเพียงมอนสเตอร์ และ NPC ขั้นห้า หรือสูงกว่านั้นเท่านั้นที่จะสามารถทำลายมันได้ ซึ่งในยุคที่เหล่าทวยเทพแยกตัวออกไป พวกขั้นห้านี้ก็จัดว่าแทบจะยืนอยู่ในจุดสูงสุดของ God domain แล้ว และแม้แต่จักรพรรดิก็ยังจะต้องแสดงความเคารพต่อพวกเขาอย่างเหมาะสม โดยตัวตนระดับนี้จะสามารถกวาดล้างอาณาจักรเล็กๆได้อย่างง่ายดายเลย และแม้แต่จักรวรรดิก็ไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงความสูญเสียครั้งใหญ่ได้ หากต้องเผชิญหน้ากับตัวตนแบบนี้


ซือเฟิงนั้นคิดว่าเขาจะมีเวลาสามวันเต็มในการวางโครงสร้างการป้องกันของป้อมปราการแสงดาว หลังจากที่เขายึดมันมาได้ แต่ตอนนี้เขาจะต้องเสียเวลาไปกับการจัดการกับมอนสเตอร์หลายแสนตัวภายใน


ในขณะที่ซือเฟิงและคนอื่นๆกำลังต่อสู้มอนสเตอร์ของป้อมปราการแสงดาวอยู่ เหล่าสมาชิกของทีมนักผจญภัยหัวใจพายุที่เฝ้ามองจากระยะไกลก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงกับฉากนี้


“พวกเขาเป็นใครกัน ?” ชายผู้ที่ถือดาบใหญ่พึมพำ ขณะที่เขาจ้องมองไปยังประกาศของระบบด้วยความตกตะลึง “นี่พวกเขายึดป้อมปราการได้จริงๆงั้นหรอ ?”


“เราไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร แต่สิ่งนี้นั้นจะทำให้เกิดความโกลาหลไปทั่วแน่นอน” โครว์ ผู้บัญชาการของหัวใจพายุกล่าว เขาอดไม่ได้ที่จะชื่นชมวิธีที่ซือเฟิงใช้ในการเข้ายึดป้อมปราการจริงๆ


มหาอำนาจต่างๆนั้นล้วนต้องการและพยายามจะเข้ายึดป้อมปราการแสงดาวมาโดยตลอด อย่างไรก็ตามมันก็ไม่มีใครทำสำเร็จเลยมาจนถึงตอนนี้ที่ซือเฟิงได้ทำให้เขาได้เห็น ….


ดังนั้นโครว์จึงแทบจะจินตนาการไม่ออกเลยว่าเหตุการณ์นี้จะเปลี่ยนแปลงหุบเขาดาวไปมากแค่ไหน

ในขณะที่สมาชิกของทีมนักผจญภัยหัวใจพายุกำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข่าวเรื่องที่ป้อมปราการแสงดาวถูกยึดนั้นก็เริ่มแพร่กระจายไปทั่วทวีปด้านตะวันตก ….

 

 

 


ตอนที่ 2460

 

รุมล้อมป้อมปราการแสงดาว


จักรวรรดิจันทราสีเงิน เมืองสิงโตเงิน :


“นายพูดว่าอะไรนะ ? สภาสิบแปดปีกยึดป้อมปราการแสงดาวได้แล้ว ?” อดอล์ฟตกตะลึงไปชั่วขณะ เมื่อเขาได้ยินรายงานของแม๊คอาฟรี่ “เป็นไปไม่ได้ !!! กองกำลังของนายพึ่งจะเดินทางไปไม่นาน !!! แม้ว่าทั้งหมดจะไม่ได้พักผ่อนเลย แต่นายจะสามารถฆ่ามอนสเตอร์หลายแสนตัวในป้อมปราการได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ได้ยังไงกัน ?!”


ตอนนี้อดอล์ฟนั้นรู้สึกราวกับว่าแม๊คอาฟรี่กำลังเล่นตลกกับเขา จนถึงตอนนี้ สภาสิบแปดปีก และกองกำลังสิงโตเงินนั้นไม่ได้หายออกไปจากเมืองสิงโตเงินนานเกินหนึ่งวันด้วยซ้ำ และป้อมการแสงดาวนั้นก็เป็นที่อยู่ของมอนสเตอร์หลายแสนตัว โดยที่อ่อแอที่สุดในหมู่พวกมันก็ยังอยู่ในระดับลอร์ดบอส นอกจากนี้มันก็ยังมีลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่ และแกรนลอร์ดอีกมากมาย แถมป้อมก็จะยังต้องมีมอนสเตอร์ระดับเทพนิ

ยายอีกหลายตัวแน่นอน


แม้ว่าป้อมปราการแสงดาวจะเปิดประตูรอต้อนรับคนเหล่านี้เลย แต่กองกำลังสิงโตเงินที่มีผู้เล่นประมาณแปดพันคนก็ยังจะต้องใช้เวลาอีกมากในการจะกำจัดมอนสเตอร์ทั้งหมดในป้อมให้หมดไป และมันก็จะจัดว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากแล้ว หากพวกเขาสามารถทำงานนี้ให้เสร็จได้ในสองถึงสามวัน


อย่างไรก็ตามเวลานั้นมันผ่านไปยังไม่ถึงหนึ่งวันเลยนับตั้งแต่ที่พวกเขาออกเดินทางไปยังหุบเขาดาว และเมื่อรวมเวลาเดินทางแล้ว พวกเขาก็จัดว่าใช้เวลาในหุบเขาดาวน้อยมากๆ


นี่แม๊คอาฟรี่คิดว่าเขาแก่แล้วเลยจะหลอกอะไรเขาก็ได้งั้นหรอ ?


“มันเป็นเรื่องจริงผู้อาวุโสสูงสุด” แม๊คอาฟรี่กล่าวยืนกรานพลางยิ้มอย่างขมขื่น เมื่อเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยของอดอล์ฟ “ลองดูด้วยตัวคุณเองเลย ถ้าไม่เชื่อฉัน กองกำลังของเราได้เข้ามาในป้อมปราการแสงดาวแล้ว และกำลังทำการกวาดล้างมอนสเตอร์ และตอนนี้วงเวทย์ของป้อมนี้ก็มาบัฟให้เราแทนผู้อยู่เดิมแล้ว”


ขณะที่แม๊คอาฟรี่พูดเขาก็ได้เปลี่ยนไปเป็นวีดีโอคอลเพื่อแสดงถึงมุมมองของสถานการณ์ทั้งหมดตอนนี้ให้อดอล์ฟดู


จากสิ่งที่อดอล์ฟได้เห็นนั้น ตอนนี้กองกำลังสิงโตเงินกำลังต่อสู้อยู่ในป้อมปราการแสงดาวกับเหล่ามอนสเตอร์ที่เป็นสิ่งมีชีวิตสายธาตุอยู่ และในหมู่มอนสเตอร์เหล่านี้ที่อ่อนแอที่สุดก็ยังเป็นลอร์ดบอส เลเวลหนึ่งร้อยสิบ ขณะที่มอนสเตอร์ส่วนใหญ่นั้นก็มีเลเวลเกินหนึ่งร้อยสิบทั้งหมด นี่ยังไม่นับรวมพวกลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่ และแกรนลอร์ดจำนวนมากด้วย แต่วงเวทย์ของป้อมปราการนั้นก็ได้ปราบปรามมอนสเตอร์ทุกตัวอยู่ ซึ่งมันลดค่าสถานะพื้นฐานและความเร็วของมอนสเตอร์ลงไปอย่างมาก นอกจากนี้สมาชิกของกองกำลังทั้งหมดยังถูกล้อมรอบไปด้วยแสงสีม่วงจางๆที่ช่วยเพิ่มค่าสถานะพื้นฐาน และร่างกายทางกายภาพของพวกเขาขึ้นอย่างมาก


แม้ว่ากองกำลังสิงโตเงินจะมีจำนวนน้อยกว่า แต่มอนสเตอร์เหล่านี้ในตอนนี้ก็ไม่สามารถจะเทียบกับพวกเขาได้เลย ซึ่งพวกมันก็ตายลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเวลาผ่านไป เมื่อเห็นสิ่งนี้นั้นมันก็เห็นได้ชัดว่าป้อมปราการแสงดาวนั้นอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้เล่นแล้ว ไม่งั้นวงเวทย์ของป้อมจะไม่ทำงานในลักษณะแบบนี้แน่นอน


“เป็นไปได้ยังไง ?!” อดอล์ฟจ้องมองไปยังสิ่งที่เขาได้เห็นด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง


พวกเขากำลังพูดถึงหนึ่งในป้อมปราการที่อยู่ภายในหุบเขาดาว !!!


แม้ว่ามหาอำนาจหลายกลุ่มจะร่วมมือกัน แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถจะเข้ายึดป้อมปราการในดินแดนต้องห้ามเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยได้เลย นี่ไม่ต้องพูดถึงเผ่าศักสิทธิ์ทำงานแค่กลุ่มเดียว


“ผู้อาวุโสสูงสุด ฉันคิดว่ามันคงจะใช้เวลาไม่นานมานักก่อนที่มหาอำนาจอื่นๆจะรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะระบบหลักของ God domain นั้นได้ออกประกาศระบบระดับภูมิภาคไป หลังจากป้อมปราการถูกยึด เราไม่สามารถจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับได้แน่นอน แม้ว่าเราจะต้องการ” แม๊คอาฟรี่เตือน ตอนนี้เขาพอจะเข้าอยู่ว่าอดอล์ฟมีความรู้สึกอย่างไรและคิดอะไรอยู่


ในตอนที่ซือเฟิงประกาศเป็นครั้งแรกว่าเขาต้องการจะเข้ายึดป้อมปราการแสงดาวนั้น แม๊คอาฟรี่ก็คิดว่านักดาบผู้นี้นั้นบ้าและโง่อย่างแท้จริง


มหาอำนาจในทวีปด้านตะวันตกนั้นต้องใช้ทรัพยากรและกำลังคนจำนวนมหาศาลเพื่อให้ได้มาซึ่งเมืองๆเดียว แต่ซือเฟิงกับต้องการเข้ายึดป้อมปราการในดินแดนต้องห้ามเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าเขาดูเหมือนจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับทวีปด้านตะวันตกดีพอ

หุบเขาดาวนั้นมีทรัพยากรที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะมากๆ นอกจากนี้มันยังเป็นที่ตั้งของดันเจี้ยนภูมิภาค โหมดพระเจ้า หนึ่งในสองแห่งทางตะวันตก


ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย หากจะบอกว่าการเป็นเจ้าของป้อมปราการสักแห่งในที่แห่งนี้นั้นมันเทียบเท่ากับการได้เป็นเจ้าของเส้นเลือดเกรด 1 จำนวนมาก


ซึ่งมันก็ควรจะเป็นมหาอำนาจต่างๆที่สามารถเข้ายึดป้อมปราการนี้ได้สำเร็จก่อนหน้าคนอื่นๆ และกึ่งมหาอำนาจอย่างสภาสิบแปดปีกจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร ในเมื่อมหาอำนาจต่างๆล้วนล้มเหลว


อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุดซือเฟิงก็ประสบความสำเร็จ ยิ่งไปกว่านั้นความแข็งแกร่งที่สภาสิบแปดปีกแสดงออกมานั้นมันเกินกว่าที่แม๊คอาฟรี่จินตนาการไว้มาก เมื่อพูดถึงการเข้าโจมตี ปิดล้อม และยึดครองป้อมปราการหรือเมืองแบบนี้นั้น สภาสิบแปดปีกมีพลังมากกว่ามหาอำนาจส่วนใหญ่แบบเทียบไม่ติดเลย ในความเป็นจริง แม้แต่ซุเปอร์กิลนั้นก็ไม่สามารถจะบอกได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเชี่ยวชาญและพร้อมในด้านนี้มากกว่าสภาสิบแปดปีก


ทั้งเครื่องมือโดเมน และเรือเหาะมังกรสีเลือดที่ซือเฟิงได้เปิดเผยออกมานั้นล้วนจัดเป็นเครื่องมือระดับพระเจ้าเลย และการได้มองดูไอเทมเหล่านี้แสดงพลังของมันนั้น มันก็ได้เปปลี่ยนแปลงทุกสิ่งที่แม๊คอาฟรี่เคยคิดว่าเขารู้เกี่ยวกับการต่อสู้แบบนี้ ต่อหน้าแหวนแห่งกอสเปล และเรือเหาะมังกรสีเลือดนั้น ผู้เล่นขั้นสามจัดว่าไร้ค่าไปเลย ….


“ดูเหมือนว่าฉันจะประเมินสภาสิบแปดปีกต่ำเกินไป ไม่เพียงแต่พวกเขาจะสามารถเดินทางไปมาระหว่างทวีปสองด้านได้ แต่พวกเขายังแข็งแกร่งขนาดที่สามารถเข้ายึดป้อมปราการแสงดาวได้ และแม้แต่ซุเปอร์กิลก็ยังไม่มีรากฐานจะทำอะไรแบบนี้ได้อย่างมั่นคงเลย” อดอล์ฟพูดก่อนที่เขาจะสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบสติอารมณ์ นอกจากนี้เขายังเริ่มประเมินสิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับสภาสิบแปดปีกใหม่อีกครั้ง “เนื่องจากเป็นแบบนี้ ฉันต้องการให้นายมอบทุกอย่างที่นายมีเพื่อช่วยเหลือสภาสิบแปดปีกในตอนนี้ นอกจากนี้ไปแจ้งแบล๊คเฟรมด้วยว่าเผ่าศักสิทธิ์ยินดีจะช่วยเหลือกิลของเขาในการจัดการป้อมปราการแสงดาว ไม่เพียงแต่เราจะส่งกองกำลังดีไวน์ไฮม์ และกองทัพผู้เชี่ยวชาญหนึ่งแสนห้าหมื่นคนไปประจำการที่ป้อมให้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่เรายังจะมอบสายเลือด Special Enchanted ให้พวกเขาหนึ่งร้อยขวดด้วย ในทางกลับกันสิ่งที่เผ่าศักสิทธิ์ต้องการนั้นขอเพียงแค่สถานที่พักกิลชั่วคราวในป้อมปราการแสงดาวเท่านั้น !!!”

ตำพูดของอดอล์ฟนั้นทำให้แม๊คอาฟรี่ตกตะลึง


“นี่เราต้องทำขนาดนี้เลยงั้นหรอ ? นอกเหนือจากกองกำลังดีไวน์ไฮม์แล้ว เรายังจะต้อมอบสายเลือด Special Enchanted ให้พวกเขาอีกหนึ่งร้อยขวดงั้นหรอ ? หากเราทำแบบนี้จริงๆผู้เชี่ยวชาญขั้นสองของกิลเราจะมีช่วงเวลาที่ยากมากขึ้นในการเข้าถึงขั้นสามมากกว่าผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนาจอื่นๆเลยนะ …” แม๊คอาฟรี่พยายาม

ห้ามอดอล์ฟ เขาคิดว่าการตัดสินใจแบบนี้ของอดอล์ฟ มันดูจะไปไกลเกินไปหน่อย


กองกำลังดีไวน์ไฮม์นั้นแม้จะไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับกองกำลังสิงโตเงิน แต่กองกำลังนี้ก็จัดว่าแข็งแกร่งเป็นอันดับสองในกิลเลย ซึ่งโดยปกติกองกำลังนี้จะมีหน้าที่ดูแลเมือง และเหมืองแร่ที่สำคัญของกิล หากพวกเขาย้ายกองกำลังดีไวน์ไฮม์ไป การป้องกันเมือง และเหมืองแร่ส่วนอื่นก็จะมีปัญหาอย่างมาก นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องของสายเลือด Special Enchanted อีกร้อยขวดเลย


แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะสามารถเข้ายึดป้อมปราการแสงดาวได้ แต่ป้อมปราการในดินแดนต้องห้ามนั้นก็ไม่เหมือนกับป้อมปราการในพื้นที่อื่นๆ แม้ว่าจะยึดได้แล้ว ผู้เล่นก็จะไม่สามารถควบคุมป้อมปราการเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่ ยิ่งไปกว่านั้น NPC ก็ยังจะไม่อยู่เพื่อช่วยจัดการป้อมปราการดังกล่าว ดังนั้นผู้เป็นเจ้าของจึงต้องการผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากเข้ามาประจำการที่ป้อมปราการในระยะยาว ไม่เช่นนั้นอำนาจการปกครองของผู้เป็นเจ้าของจะมีปัญหาแน่นอน


เนื่องจากข่าวการที่ป้อมปราการแสงดาวถูกยึดนั้นได้เริ่มแพร่กระจายออกไปแล้ว ดังนั้นในอนาคตอันใกล้นี้มันจึงจะมีมหาอำนาจมากมายเข้ามารุมล้อมแน่นอน ในขณะเดียวกันสภาสิบแปดปีกนั้นก็ไม่มีกำลังคนอยู่ในทวีปด้านตะวันตกเลย หากปราศจากความช่วยเหลือของเผ่าศักสิทธิ์นั้น การจะปกป้องป้อมปราการแสงดาวไว้ให้ได้นั้นก็เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับสภาสิบแปดปีก ดังนั้นมันจึงไม่ได้มีเหตุผลเลยที่เผ่าศักสิทธิ์จะต้องมอบสายเลือด Special Enchanted หนึ่งร้อยขวดให้กับสภาสิบแปดปีกด้วย แค่กองทัพที่พวกเขาส่งไปมันก็ควรจะมากเกินพอแล้วด้วยซ้ำ


“อืมม เราต้องทำแบบนั้น นายควรตระหนักนะว่าหากเราต้องการสถานที่พักกิลชั่วคราวในหุบเขาดาว สภาสิบแปดปีกเป็นทางเลือกเดียวของเราสำหรับพันธมิตร ในทางกลับกันสภาสิบแปดปีกนั้นสามารถจะเลือกมหาอำนาจมากมายมาเป็นพันธมิตรด้วยได้ แถมป้อมปราการแสงดาวนั้นเป็นป้อมขนาดเล็ก ดังนั้นมันจึงมีสถานที่พักกิลชั่วคราวเพียงแห่งเดียว และมันจะต้องเป็นของเราไม่ว่ายังไก็ตาม !!!” อดอล์ฟกล่าวกับลูกน้องเขาด้วยน้ำเสียงเข้มงวด

ความมั่งคั่งและทรัพยากรที่เป็นไปได้ที่เกี่ยวข้องกับป้อมปราการแสงดาวนั้นมันไม่สามารถมองข้ามไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกทรัพยากร และการเก็บเลเวล หากเผ่าศักสิทธิ์ได้รับสถานที่พักกิลชั่วคราวที่ป้อมปราการแสงดาวมา ไม่ว่าจะเป็นด้านการเก็บเลเวลหรือทรัพยากร พวกเขาจะขึ้นไปเหนือกว่ามหาอำนาจอื่นๆอย่างมาก


สายเลือด Special Enchanted หนึ่งร้อยขวด ? สภาสิบแปดปีกนั้นโชคดีจริงๆ เมื่อคริมสันวิชได้ยินคำพูดและน้ำเสียงของผู้อาวุโสสูงสุด เธอก็รู้ได้ทันทีเลยว่าเขาตัดสินใจไปแล้ว และแม้ว่าเธอจะไม่มีความสุขกับมัน แต่เธอก็ไม่สามารถจะทำอะไรกับเรื่องนี้ได้ อีกไม่นานมหาอำนาจจำนวนมากจะให้ความสนใจในป้อมปราการแสงดาวอย่างมาก และจะเข้ามาทั้งในฐานะมิตรและศัตรู ซึ่งเธอก็ได้แต่หวังว่าสภาสิบแปดปีกจะไม่ทำตัวโง่ๆ


ในขณะที่เผ่าศักสิทธิ์กำลังทำการตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องนี้กัน มหาอำนาจต่างๆในทวีปด้านตะวันตกก็เริ่มกระสับกระส่าย และนั่งไม่ติดกัน


“นี่มันน่าสนใจจริงๆ !!! ดูเหมือนจะมีคนพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถเข้ายึดป้อมปราการแสงดาวได้ !!! ว่าแต่มันเป็นมหาอำนาจกลุ่มไหนกัน ?”


“อาจเป็นมหาอำนาจที่ปกปิดตัวตนของตัวเองไว้มาตลอดหรือปล่าว แล้วตอนนี้พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะสยายปีก ?”


“ไม่ว่าจะอย่างไรก็รีบไปดูที่ป้อมปราการกัน หากผู้เป็นเจ้าของอ่อนแอ เราจะได้วางแผนแย่งมันมาซะ !!!”


มหาอำนาจต่างๆในทวีปด้านตะวันตกเริ่มส่งทีมผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากของพวกเขาเข้าไปยังหุบเขาดาว


ซึ่งทุกทีมนั้นมีเป้าหมายเดียวกัน


ยึดป้อมปราการแสงดาว !!!

 

 

 


ตอนที่ 2461

 

มรดกของป้อมปราการ


หุบเขาดาว ป้อมปราการแสงดาว :


ภายในป้อมปราการที่ทรุดโทรมนั้น มันเต็มไปด้วยมอนสเตอร์ที่เป็นสิ่งมีชีวิตสายธาตุที่มีเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยสิบ ซึ่งในตอนนี้นั้นกองกำลังสิงโตเงินก็กำลังทำการผลักดันมอนสเตอร์เหล่านี้เพื่อจะเข้าไปยังใจกลางป้อมปราการ แม้ว่าพวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่ และแกรนลอร์ดจำนวนมากขึ้น ในขณะที่พวกเขาตรงลึกเข้าไปในป้อมปราการ แต่การฆ่ามอนสเตอร์เหล่านี้ก็กลายเป็นเรื่องง่ายแล้ว เมื่อแม๊คอาฟรี่นั้นได้ใช้ม้วนคัมภีร์อัญเชิญฮีโร่ขั้นสี่ แถมทั้งกองกำลังยังได้รับบัฟจากป้อมปราการอีกด้วย


หลังจากทำการล่าและกำจัดมอนสเตอร์อยู่ในป้อมปราการเพียงหกชั่วโมง สมาชิกทุกคนในกองกำลังก็ได้เห็นว่าแถบค่า EXP ของพวกเขานั้นเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยความเร็วในการเก็บเลเวลของพวกเขาที่นี่นั้นมันสูงกว่าในแผนที่ปกติหลายเท่า


นอกจากนี้สิ่งมีชีวิตสายธาตุเหล่านี้ยังดรอปไอเทมไว้มากมายรวมไปถึงอุปกรณ์ระดับเหล็กลึกลับเลเวลหนึ่งร้อยสิบอีกจำนวนมากด้วย และหากพวกเขาโชคดีแม้แต่อุปกรณ์ระดับลึกลับขั้นเงิน กับเซ็ทอุปกรณ์ก็จะดรอปออกมา


อุปกรณ์เหล่านี้จัดเป็นอุปกรณ์ชั้นยอดสำหรับสมาชิกในกองกำลังสิงโตเงิน ผู้เล่นที่มีเลเวลสูงสุดในหมู่พวกเขานั้นมีเลเวลหนึ่งร้อยหก ในขณะที่หลายคนยังคงอยู่ในเลเวลหนึ่งร้อยห้า ทำให้ปัจจุบันการจะได้รับอาวุธและอุปกรณ์เลเวลหนึ่งร้อยสิบมานั้นจัดเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับพวกเขามากๆ


โดยทั่วไปแล้วค่าสถานะของเซ็ทอุปกรณ์เหล่านี้นั้นก็จะดีกว่าอุปกรณ์ทั่วไปในระดับเดียวกันอย่างน้อยครึ่งหนึ่งด้วย ซึ่งหากผู้เล่นสามารถรวบรวมครบเซ็ทได้ พวกเขาก็จะได้รับพลังที่มากขึ้นกว่าการสวมใส่อุปกรณ์ตามปกติอย่างมาก


ยกตัวอย่างเช่น เซ็ทอุปกรณ์ระดับลึกลับขั้นเงิน เลเวลหนึ่งร้อยสิบที่มอนสเตอร์ของป้อมปราการแสงดาวดรอปออกมา แม้ว่าเซ็ทไฮเด้นบลูนี้จะเป็นเพียงเซ็ทระดับลึกลับขั้นเงิน เลเวลหนึ่งร้อยสิบ แต่หากรวบรวมมันมาได้หกชิ้นจากแปดชิ้น และได้สวมใส่มัน มันก็จะช่วยเพิ่มความเร็วในการร่ายของผู้เล่นได้ถึงยี่สิบเปอเซ็นต์ และมันยังจะเพิ่มเอฟเฟคเวทย์ของผู้สวมใส่อีกยี่สิบห้าเปอเซ็นต์ และเมื่อสวมใส่ครบแปดชิ้นนั้นมันก็จะช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จในการใช้สกิลเวทย์ขึ้นอีกสองเปอเซ็นต์ และเพิ่มระยะการร่ายอีกยี่สิบเปอเซ็นต์


ซึ่งการสวมใส่เซ็ทนี้จะทำให้ค่าความเสียหายที่ผู้เล่นนักเวทย์สามารถทำได้นั้นสูงกว่าผู้ที่สวมใส่อุปกรณ์ระดับไฟน์โกล เลเวลหนึ่งร้อยสิบทั่วไปอย่างมาก !!


แม้ว่าในอนาคตพวกเขาจะไปถึงเลเวลหนึ่งร้อยสิบแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่มั่นใจเลยว่าตัวเองจะได้รับอุปกรณ์ระดับไฟน์โกล เลเวลหนึ่งร้อยสิบมาคนละกี่ชิ้น และมันก็มีแนวโน้มว่าจะมีแต่ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของกิลขึ้นไปเท่านั้นจึงมีสิทจะได้รับอุปกรณ์ระดับไฟน์โกล เลเวลหนึ่งร้อยสิบมาสวมใส่เต็มตัว การได้รับอุปกรณ์ระดับไฟน์โกล เลเวลหนึ่งร้อยสิบมาให้ครบเซ็ทนั้นมันยากเกินกว่าความสามารถของผู้เชี่ยวชาญเพียงแค่คนเดียวอย่างมาก


โชคดีที่แม๊คอาฟรี่นั้นได้ประกาศไปแล้วว่าเขาจะจัดการประมูลภายในของอาวุธและอุปกรณ์ทั้งหมดที่กองกำลังได้รับมาจากป้อมปราการแสงดาว ซึ่งนั่นมันก็หมายความว่าพวกเขาทุกคนนั้นมีสิทจะได้รับเซ็ทอุปกรณ์ระดับลึกลับขั้นเงิน เลเวลหนึ่งร้อย โดยมันก็ขึ้นอยู่กับจำนวนคะแนนสะสมกิลที่พวกเขามี


นี่เป็นเหตุผลที่สมาชิกของกองกำลังสิงโตเงินนั้นได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการกำจัดมอนสเตอร์ของป้อมปราการแสงดาว แม้ว่าซือเฟิงจะยังคงไม่พูดอะไรสักคำ แต่เอาจริงๆพวกเขาก็แอบหวังให้ทีมของซือเฟิงไม่เข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้ เพราะมันจะทำให้พวกเขาสามารถเก็บสิ่งมีชีวิตสายธาตุที่เหลือไว้เป็นของตัวเองได้ เพราะท้ายที่สุดแล้วนั้นแม้ว่าป้อมปราการจะมีมอนสเตอร์จำนวนมาก แต่มันก็มีเซ็ทอุปกรณ์ระดับลึกลับขั้นเงินไม่เพียงพอสำหรับทุกคนแน่นอน


“หัวหน้ากิล เราจะปล่อยมอนสเตอร์พวกนั้นให้กับเผ่าศักสิทธิ์จริงๆงั้นหรอ ?” อควาโรสถาม ขณะที่เธอเฝ้ามองกองกำลังสิงโตเงินกำลังไล่ล่ามอนสเตอร์อยู่ในถนนสายหลักของป้อมปราการ


เซ็ทอุปกรณ์ระดับลึกลับขั้นเงิน และอุปกรณ์ระดับลึกลับขั้นเงิน เลเวลหนึ่งร้อยสิบอาจไม่สำคัญสำหรับเธอและผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆที่ร่วมต่อสู้กับซือเฟิง ตั้งแต่มายังทวีปด้านตะวันตก แต่อย่างไรก็ตามมันก็จะจัดว่าสำคัญมากเลยสำหรับผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆของสภาสิบแปดปีก เพราะท้ายที่สุดแล้วมันยังไม่มีแม้แต่อุปกรณ์ทั่วไป เลเวลหนึ่งร้อยสิบปรากฎขึ้นในตลาดแม้แต่ชิ้นเดียว ไม่ต้องพูดถึงอุปกรณ์ระดับลึกลับขั้นเงิน เลเวลหนึ่งร้อยสิบเลย ….

พวกเขานั้นมีข้อได้เปรียบอย่างมากในปัจจุบัน อันเนื่องมาจากพวกเขานั้นมีเรือเหาะมังกรสีเลือด และในปัจจุบันวงเวทย์ของป้อมปราการก็ได้ทำการปราบปรามค่าสถานะพื้นฐานของมอนสเตอร์ในป้อมปราการทั้งหมดแล้ว ดังนั้นนี่มันจึงเป็นโอกาสที่ดีเยี่ยมเลยสำหรับพวกเขาที่จะรวบรวมอุปกรณ์ระดับลึกลับขั้นเงิน และเซ็ทอุปกรณ์ระดับลึกลับขั้นเงิน เลเวลหนึ่งร้อยสิบไปให้กับสมาชิกในกิล การปล่อยมอนสเตอร์เหล่านี้ไปให้กับกองกำลังสิงโตเงินทั้งหมดนั้น มันก็จัดว่าเป็นการสิ้นเปลืองอย่างมาก


“นั่นไม่จำเป็น แม้ว่ามอนสเตอร์เหล่านี้จะดรอปไอเทมจำนวนมาก แต่มันก็มีเพียงแค่แกรนลอร์ดเท่านั้นที่จะดรอปพวกไอเทมระดับลึกลับขั้นเงิน และโอกาสในการดรอปก็ไม่ใช่หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ด้วย เนื่องจากกองกำลังสิงโตเงินนั้นยินดีจะช่วยเรากวาดล้างป้อมปราการ ดังนั้นเราจึงควรจะปล่อยให้พวกเขาได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้ไป” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ เมื่อเขาเห็นว่าไอเทมระดับลึกลับขั้นเงิน เลเวลหนึ่งร้อยสิบนั้นล่อลวงอควาโรสอย่างมาก “ถ้าเราพยายามจะกวาดล้างทั้งปป้อมปราการด้วยตัวเองนั้น มันจะใช้เวลานานมาก นอกจากนี้เรายังมีสิ่งที่สำคัญกว่าให้ต้องไปจัดการ”


ตามสัญญาที่ซือเฟิงทำกับอดอล์ฟ กองกำลังสิงโตเงินนั้นอยู่ที่นี่เพื่อช่วยสภาสิบแปดปีกยึดป้อมปราการเท่านั้น และตอนนี้พวกเขาก็ได้เข้ายึดป้อมปราการแสงดาวได้แล้ว ฉะนั้นทั้งกองกำลังจึงไม่ได้มีเหตุผลจะต้องสู้ต่อเลย ในตอนนี้กองกำลังนี้สามารถเลือกจะหันหลังกลับและจากไปได้ทันที ความจริงที่ว่ากองกำลังสิงโตเงินนั้นเต็มใจจะกวาดล้างมอนสเตอร์ภายในป้อมปราการนั้นนับเป็นข่าวดีสำหรับซือเฟิง


หากสภาสิบแปดปีกต้องกวาดล้างมอนสเตอร์ทั้งหมดภายในป้อมปราการด้วยตัวเอง เขาจะไม่มีเวลาเหลือมากพอที่จะสามารถวางโครงสร้างการป้องกันของป้อมปราการได้


“สิ่งสำคัญกว่างั้นหรอ ?” หลังจากครุ่นคิด อควาโรสก็ถามว่า “พวกเราจะบุกโจมตีบอสผู้พิทักษ์ที่เหลืองั้นหรอ ?”


ช่วงเวลาที่อควาโรสกล่าวถึงบอสผู้พิทักษ์ โคล่าและผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆของสภาสิบแปดปีกก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น พวกเขานั้นไม่ได้มีโอกาสจะต่อสู้กับเบเฮโมทแสงดาวโดยตรง ดังนั้นตอนนี้พวกเขาจึงอยากจะลงมือเองมากๆ


“ไม่ ..” ซือเฟิงตอบพลางส่ายหัว “เราจะไปเข้ายึดคฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการกัน !!!”


“คฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการ ? หัวหน้ากิล ไม่ใช่ว่าหัวหน้าได้รับโทเค่นลอร์ดมาแล้วหรอ ?” อควาโรสถามอย่างสงสัย


โทเค่นลอร์ดแห่งป้อมปราการนั้นจำเป็นอย่างมากต่อการใช้ควบคุมป้อมปราการโดยรวม และมันก็จัดเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าไปมีอำนาจเหนือคฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครอง ซึ่งโดยปกตินั้น เมื่อพวกเขาได้รับโทเค่นมาแล้ว พวกเขาก็น่าจะได้รับอำนาจนี้มาโดยอัตโนมัติ


อย่างไรก็ตามตอนนี้ซือเฟิงกับบอกพวกเขาว่า พวกเขายังคงต้องการเข้ายึดคฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครอง


“ฉันมีโทเค่นลอร์ดแห่งป้อมปราการก็จริง แต่ฉันยังไม่ได้เข้าควบคุมคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการ ในความเป็นจริง ฉันยังไม่สามารถควบคุมมันได้แม้แต่ส่วนเดียวเลยด้วยซ้ำ” ซือเฟิงอธิบายด้วยรอยยิ้มขมขื่น


ป้อมปราการนี้นั้นมันถูกสร้างขึ้มาตั้งแต่ก่อนการทำลายล้างครั้งใหญ่ และมันไม่ได้เหมือนกับป้อมปราการที่ทันสมัยกว่า เมื่อคนๆหนึ่งได้รับโทเค่นลอร์ดแห่งป้อมปราการสำหรับป้อมปราการที่ถูกสร้างขึ้นหลังการทำลายล้างครั้งใหญ่นั้น คนผู้นั้นจะมีอำนาจควบคุมคฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการอย่างเต็มที่ แต่นั่นมันไม่ได้เป็นแบบเดียวกันกับป้อมปราการโบราณ


การจะเข้ายึดคฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองให้ได้นั้นมันยากกว่าการที่จะเข้ายึดป้อมปราการให้ได้หลายเท่า มูลค่าที่แท้จริงของป้อมปราการเหล่านี้นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับไอเทมที่ดรอปจากมอนสเตอร์ประจำท้องถิ่น หรือไอเทมที่บอสผู้พิทักษ์ดรอปไว้ แต่สิ่งที่มีค่าอย่างแท้จริงของมันคือมรดกโบราณที่ถูกเก็บไว้ในคฤหาสของลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการ


อาวุธและอุปกรณ์นั้นจัดว่าเป็นเรื่องรองไปเลย เมื่อเทียบกับมรดกโบราณพวกนี้


มรดกส่วนใหญ่ที่มนุษย์โบราณทิ้งไว้ที่จะทำให้ผู้คนไปถึงขั้นสามได้อย่างง่ายๆนั้นสูญหายไปตามกาลเวลาแล้ว ด้วยเหตุนี้ในปัจจุบันทั้งผู้เล่น และ NPC จึงมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากๆในการจะทำเควสเลื่อนขั้นขึ้นไปยังขั้นสามหรือสูงกว่า


เนื่องจากป้อมปราการแสงดาวนั้นเป็นป้อมปราการที่ถูกสร้างขึ้นก่อนการทำลายล้างครั้งใหญ่และอยู่รอดมาได้ ดังนั้นมันจึงควรจะมีมรดกระดับสูงขั้นหรือสูงกว่าเหลืออยู่ไม่มากก็น้อย


มรดกเหล่านี้นั้นจัดเป็นสมบัติที่แท้จริงภายในป้อมปราการ


ในระยะนี้ของเกมนั้น ผู้เล่นทุกคนล้วนรู้ดีว่ามันยากแค่ไหนกว่าจะไปถึงขั้นสามได้ อย่างไรก็ตามผู้เล่นส่วนใหญ่ยังคงไม่รู้เช่นกันว่าจริงๆแล้วขั้นสามนั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเดินทางใน God domain เมื่อพวกเขาทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสามเรียบร้อยนั้น พวกเขาจะค่อยๆได้รับรู้เองว่าเมื่อเวลาผ่านไป ว่าการพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองนั้นมันจะยากขึ้นมาก


เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ?


เหตุผลนั้นง่ายมาก …


หลังจากมาถึงขั้นสามแล้วผู้เล่นจะไม่ได้รับคำแนะนำใดๆจากระบบเกี่ยวกับวิธีการเพิ่มความแข็งแกร่งเลย ….


ยกตัวอย่างเช่นสกิลและเวทย์ขั้นสาม สิ่งเหล่านี้นั้นนับเป็นรากฐานสำหรับพลังของผู้เล่นขั้นสาม หากผู้เล่นอาศัยแค่คะแนนสกิลมรดกเพื่อรับเอาสกิลและเวทย์ขั้นสาม พวกเขาจะไม่ถือว่าเป็นผู้เล่นขั้นสามที่แท้จริง ในการจะเป็นผู้เล่นขั้นสามอย่างแท้จริงนั้น ผู้เล่นจะต้องมีสกิลและเวทย์อย่างน้อยสิบอย่างแตกต่างกันในคลังสกิลของตน


นอกจากนี้ผู้เล่นยังต้องรู้วิธีการควบคุมร่างมานาของตัวเองด้วย ซึ่งนับเป็นสิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง และวิธีการควบคุมร่างมานาแบบนี้นั้นก็มีความสำคัญมากกว่าสกิลและเวทย์ขั้นสามด้วย


แม้ว่าซือเฟิงจะเป็นปรมาจารย์นักเวทย์แล้ว และการควบคุมกับความเข้าใจเกี่ยวกับวงเวทย์ของเขานั้นก็เหนือกว่าผู้เล่นคนอื่นๆอย่างมาก แต่เขาก็สามารถควบคุมร่างมานาของตัวเองได้แค่ขั้นพื้นฐานเท่านั้น ซึ่งนี่มันก็จัดว่าดีมากแล้ว เพราะท้ายที่สุด แม้แต่ผู้เล่นในทวีปด้านตะวันตกที่มุ่งเน้นไปที่การควบคุมมานาก็ยังเทียบกับซือเฟิงไม่ได้เลยในเรื่องนี้ ความเข้าใจของพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้นั้นมันเทียบเท่ากับเด็กแรกเกิดเท่านั้น


นี่คือสาเหตุที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามในปัจจุบันนั้นไม่สามารถจะเทียบกับ NPC ขั้นสามได้


อย่างไรก็ตามมรดกมากมายภายในป้อมปราการโบราณแบบนี้จะเกี่ยวข้องกับการควบคุมร่างมานา โดยมันจะทำให้มนุษย์ที่ไม่มีข้อได้เปรียบทางกายภาพนั้นสามารถจะอยู่รอดในพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมรุนแรงและอันตรายได้ ซึ่งมันเป็นเหตุผลที่ทำให้ป้อมนี้นั้นอยู่รอดมาจากการทำลายล้างครั้งใหญ่ด้วย


“หัวหน้ากิลแล้วเราจะเข้ายึดคฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองได้ยังไง ?” อควาโรสถาม เธอตระหนักว่าซือเฟิงนั้นไม่ได้ล้อเล่น เมื่อดูจากสีหน้าจริงจังของเขา


หากพวกเขาไม่สามารถจะเข้ายึดคฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองได้ ป้อมปราการแห่งนี้ก็จะไม่ต่างจากไม่มีเจ้าของเลย และหากสิ่งนี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงก่อนที่มันจะถูกเปิดให้สาธารณชนเข้ามาโดยอัตโนมัติ สภาสิบแปดปีกก็จะตกอยู่ในตำแหน่งที่น่าอึดอัดมากๆ


“มันง่ายมาก สิ่งที่เราต้องทำก็คือผ่านการทดสอบของมรดกในคฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองให้ได้ หากเราล้มเหลว เราจะควบคุมป้อมปราการได้แค่ผิวเผินเท่านั้น แม้ว่าจะมีโทเค่นลอร์ดแห่งป้อมปราการก็ตาม” ซือเฟิงตอบ


พูดง่ายๆก็คือโทเค่นลอร์ดแห่งป้อมปราการนั้นเป็นเพียงตั๋วสำหรับเข้าไปทดสอบเพื่อรับเอามรดกของป้อมปราการแสงดาวเท่านั้น และผู้เล่นจะสามารถควบคุมป้อมปราการได้มากแค่ไหน มันก็จะขึ้นอยู่กับมรดกที่พวกเขาสามารถจะเปิดใช้งานได้


การทดสอบเพื่อรับเอามรดกของป้อมปราการโบราณต่างๆนั้นมันก็มีความยากแตกต่างกันไป โดยเรียงลำดับตั้งแต่ ทั่วไป ยาก นรก อาชูร่า และพระเจ้า ซึ่งยิ่งความยากของการทดสอบมีมากเท่าไหร่ รางวัลที่จะได้รับก็จะยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามการจะพิชิตการทดสอบให้ได้ก็จะต้องใช้ผู้เล่นมากขึ้นด้วย ยิ่งไปกว่านั้นการทดสอบเพื่อรับเอามรดกเหล่านี้ยังมีคูลดาวน์หนึ่งสัปดาห์ด้วย


จากนั้นซือเฟิงก็พาอควาโรสและคนอื่นๆมุ่งหน้าไปยังคฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการแสงดาว


ขณะนี้มันได้มีวงเวทย์ห่อหุ้มคฤหาสถ์เอาไว้ และแม้แต่มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายก็จะไม่สามารถฝ่ามันเข้าไปได้เลย ไม่ต้องพูดถึงผู้เล่นในปัจจุบัน และมีเพียงแค่เฉพาะผู้เล่นที่ถือโทเค่นลอร์ดแห่งป้อมปราการพร้อมกับพรรคพวกของเขาที่ได้รับอนุญาติเท่านั้นจึงจะผ่านวงเวทย์นี้เข้าไปได้


หลังจากเดินทางมาถึงทางเข้าคฤหาสถ์ ซือเฟิงก็ได้นำโทเค่นออกมา และเริ่มร่ายเวทย์ และเขาก็ได้ภาวนาในใจอย่างเงียบๆว่าอย่าให้การทดสอบเพื่อรับเอามรดกของป้อมปราการแสงดาวนั้นมันมีความยากมากเกินไปเลย ….


เขาไม่เพียงแต่จะเลือกเข้ายึดป้อมปราการแสงดาว เพราะว่ามอนสเตอร์ที่นี่จัดการได้ง่ายกว่าที่ป้อมปราการอื่นๆ แต่เหตุผลส่วนใหญ่จริงๆที่เขาตัดสินใจแบบนี้นั้นก็คือความจริงที่ว่ามันเป็นหนึ่งในป้อมปราการขนาดเล็กไม่กี่แห่งในหุบเขาดาว ซึ่งคฤถาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองที่นี่นั้นก็น่าจะมีการทดสอบที่ไม่ยากมากนักเพื่อรับเอามรดกและสิทในการควบคุมป้อมปราการมากขึ้น ถ้าเขาพยายามยึดป้อมปราการที่แข็งแกร่งกว่านี้ เขากลัวว่าตัวเองและพรรคพวกจะไม่สามารถเข้ายึดคฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการได้ ….


เมื่อซือเฟิงร่ายเวทย์ที่ถูกบันทึกไว้ในโทเค่นเรียบร้อย วงเวทย์ขนาดใหญ่ที่ซ้อนทับกันสี่ชั้นและมีสีม่วงก็ปรากฎขึ้นที่ประตูหลักของคฤหาสถ์ จากนั้นประตูทองขนาดมหึมาก็ปรากฎออกมา และเมื่อประตูนี้ค่อยๆเปิดออก พวกเขาทั้งหมดก็ล้วนสัมผัสได้ถึงออร่าแห่งความโบราณอย่างชัดเจน


อึก !!! นี่มันไม่ใช่แค่ป้อมปราการขนาดเล็กทั่วไปงั้นหรอ ?!! ทำไมการทดสอบเพื่อรับมรดกถึงมีความยากเป็นโหมดอาชูร่า ?!


ซือเฟิงนั้นตกตะลึงอย่างถึงที่สุด เมื่อเขาเห็นประตูทอง ….

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)