Reincarnation Of The Strongest Sword God 2753-2756
ตอนที่ 2753 สมบัติของผู้สังหารเทพ
“เทือกเขาที่ถูกทำลาย ?”
อิลูซะรี่เวิร์ด และอันยีลดิ้งฮาร์ทตกตะลึงกับคำตอบของซือเฟิง ก่อนที่ใบหน้าของพวกเขาจะแปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว และไม่อยากจะเชื่อ
พวกเขาสองคนไม่ได้ไม่คุ้นเคยกับชื่อของเทือกเขาที่ถูกทำลายเลย …. ตรงกันข้ามนี่มันนับเป็นชื่อที่ดังมากในหมู่ประเทศมหาอำนาจต่างๆด้วย
โดยปกติมหาอำนาจต่างๆจะส่งหน่วยสอดแนมของตัวเองเข้าไปสำรวจแผนที่เป็นกลางเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยที่มีเขตอันตรายจำนวนมาก ขณะที่มหาอำนาจบางกลุ่มก็ได้เลือกจะไปสำรวจแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยสามสิบถึงหนึ่งร้อยห้าสิบด้วยซ้ำ
ซึ่งจากการสำรวจที่ดำเนินการโดยมหาอำนาจต่างๆนั้น มันไม่มีหน่วยสอดแนมหน่วยใดที่พวกเขาส่งไปสำรวจที่เทือกเขาที่ถูกทำลายรอดชีวิตกลับมาได้เลย
ใช่แล้ว !!!
แม้ว่าเทือกเขาที่ถูกทำลายจะเป็นเพียงแผนที่เป็นกลางเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบ แต่มันก็ไม่มีผู้เล่นระดับผู้เชี่ยวชาญคนใดที่เข้าไปในแผนที่นี้และกลับออกมาได้ทั้งๆที่ยังมีชีวิตเลย ในความเป็นจริงพวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาตายอย่างไร
หลังจากที่ต้องทนทุกข์ทรมาณกับความสูญเสียที่แปลกประหลาดเหล่านี้ มหาอำนาจต่างๆก็ได้หยุดความพยายามที่จะสำรวจเทือกเขาที่ถูกทำลาย เพราะท้ายที่สุดผู้เล่นที่พวกเขาส่งไปทำหน้าที่สำรวจแผนที่เป็นกลางเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบนี้ล้วนแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ และแม้แต่ผู้ที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขาก็ยังอยู่ในขอบเขตรวดเร็วดั่งสายน้ำด้วยซ้ำ มหาอำนาจต่างๆไม่สามารถจะยอมให้ผู้เชี่ยวชาญระดับนี้เสียชีวิตได้มากเกินไป
ด้วยเหตุนี้เทือกเขาที่ถูกทำลายจึงกลายเป็นดินแดนต้องห้ามสำหรับมหาอำนาจต่างๆ
แม้ว่าตอนนี้มหาอำนาจต่างๆจะมีผู้เชี่ยวชาญเลเวลหนึ่งร้อยสิบแปดหรือมากกว่านั้นกันจำนวนหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังไม่มีกล้าจะลองอีก
หลังจากนั้นไม่นานอันยีลดิ้งฮาร์ทก็ถามอย่างประหม่าว่า “เราต้องไปที่นั่นจริงๆงั้นหรอ ?”
เหล่าผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดหรือเก่งกาจกว่านั้นทุกคนล้วนถือเป็นเสาหลักของกิล แม้แต่การตายของหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญระดับนี้มันก็จะจัดว่าทำให้กิลได้รับความสูญเสียมากแล้ว ไม่ต้องพูดถึงการตายของผู้เชี่ยวชาญระดับนี้หลายสิบคนพร้อมกันเลย
“อืม เราต้องไป เทือกเขาที่ถูกทำลายนั้นมีสิ่งจำเป็นสำหรับความสำเร็จของเราอยู่” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า ถ้าเป็นไปได้ เขาก็ยังไม่อยากจะเข้าไปในเทือกเขาที่ถูกทำลายในเวลานี้เช่นกัน อย่างไรก็ตามเทือกเขาที่ถูกทำลายมันเป็นทางเลือกเดียวของเขาในการจะรับเอาทรัพยากรจำนวนมากมาอย่างรวดเร็ว นี่เป็นเพราะเทือกเขาที่ถูกทำลายนั้นจัดเป็นดินแดนต้องห้ามที่แท้จริงสำหรับผู้เล่นที่มีเลเวลต่ำ ผู้เล่นจะมีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้นก็ต่อเมื่อพวกเขามาถึงเลเวลหนึ่งร้อยยี่แล้วเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นเทือกเขาที่ถูกทำลายยังจัดว่าเป็นดินแดนต้องห้ามที่ถูกพูดคุยและโต้แย้งกันมากที่สุดในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา
แม้ว่าเทือกเขาที่ถูกทำลายจะถูกระบุว่าเป็นดินแดนต้องห้าม แต่มันก็ไม่ใช่ดินแดนต้องห้ามสำหรับทุกชีวิต มันเป็นเพียงดินแดนต้องห้ามสำหรับมนุษย์เท่านั้น
มนุษย์จะต้องเผชิญกับสิ่งที่อันตรายมากๆ เมื่อเขาสู่เทือกเขาที่ถูกทำลาย อย่างไรก็ตามสำหรับสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์จะไม่ต้องเผชิญกับเรื่องนี้
ที่สำคัญที่สุดคือเบาะแสที่เขามีเรื่องผู้สังหารเทพนั้นมันก็ล้วนนำเขาไปที่เทือกเขาที่ถูกทำลาย
หลังจากวิเคราะห์เบาะแสทุกอย่างที่ได้รับมา และด้วยความเข้าใจเกี่ยวกับเทือกเขาที่ถูกทำลายของเขา ซือเฟิงก็รู้สึกว่ามันมีความเป็นไปได้สูงที่สมบัติชิ้นหนึ่งของผู้สังหารเทพจะถูกซ่อนอยู่ในดินแดนต้องห้ามแห่งนี้
ดินแดนลับเอิร์ธฟอล !!!
นี่เป็นสิ่งที่เขาเคยได้ยินมาในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ปิดใช้งานดินแดนลับเอิร์ธฟอลขึ้น แต่สิ่งที่เขาก็คือห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดได้ส่งผู้เชี่ยวชาญขั้นห้ามากกว่าสี่สิบคนของตัวเองเข้ามาแย่งชิงที่นี่กัน และการต่อสู้ระหว่างผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้มันก็ทำให้พื้นที่ชั้นนอกของเทือกเขาที่ถูกทำลายเกือบทั้งหมดหายไป
เกี่ยวกับสิ่งที่ดินแดนลับเอิร์ธฟอลมีอยู่นั้น มันมีข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่มากมายในโลกภายนอก อย่างไรก็ตามมันไม่มีใครมีคำตอบที่เป็นรูปธรรมเลย
นี่เป็นเพราะไม่นานหลังจากที่ดินแดนลับเอิร์ธฟอลปรากฎขึ้น สามในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดก็ได้จับมือกันผูกขาดมัน และห้ามไม่ให้คนภายนอก รวมไปถึงสมาชิกภายในของตัวเองเข้าสู่ดินแดนนี้ และผู้ที่ได้รับอนุญาติให้เข้าสู่ดินแดนนี้จะต้องเป็นแกนหลักขั้นสี่เป็นอย่างน้อย
แต่มันก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ ดินแดนลับเอิร์ธฟอลนั้นเป็นพื้นที่ที่อยู่ในมิติที่แตกต่างที่ผู้สังหารเทพสร้างขึ้น โดยดินแดนลับแห่งนี้มันมีความร่ำรวย ผลประโยชน์ และแร่ธาตุอยู่มากมาย นอกจากนี้ยังจะสามารถพบคริสตัลเวทย์มนต์ได้รอบๆมันอีก มันไม่ใช่สถานที่ที่โลกภายอกนจะสามารถเปรียบเทียบได้เลย ดังนั้นซือเฟิงจึงตั้งใจจะเข้าไปที่นี่แหละ ….
อย่างไรก็ตามเส้นทางที่จะนำไปสู่ดินแดนลับเอิร์ธฟอลนั้นต้องบอกเลยว่ามันเลยคำว่าน่ากกลัวและอันตรายไปมาก เพราะในชีวิตที่ผ่านมาของเขา แม้แต่ผู้เล่นขั้นสี่จำนวนมากก็ยังต้องเอาชีวิตมาทิ้งบนเส้นทางนี้ และแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าก็ยังเดินทางตัดผ่านไปได้อย่างยากลำบาก มันไม่ใช่สถานที่ที่คนๆเดียวจะสามารถเดินทางตัดผ่านไปได้อย่างง่ายดาย
ดังนั้นซือเฟิงจึงวางแผนที่จะหยิบยืมพลังของจักรพรรดิคริมสัน และอันยีลดิ้งโซลเพื่อมาใช้ในความพยายามเรื่องนี้
“เทือกเขาที่ถูกทำลายนั้นไม่ธรรมดา นี่ไม่ต้องพูดถึงว่าทั้งสองกิลของเราก็ยังไม่มีคนมากพอที่จะจัดตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดหนึ่งร้อยคนขึ้นมาได้ด้วย ฉันกลัวว่ามันจะเป็นเรื่องยากสำหรับเรามากๆที่จะอยู่รอดในพื้นที่นั้น” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวอย่างกังวล “เรารวบรวมผู้เชี่ยวชาญขั้นสามทั่วไปที่ไว้ใจได้มาเพิ่มดีกว่าไหม ? นั่นจะช่วยเพิ่มโอกาสรอดของเราด้วย”
เมื่อเทียบกับผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดขั้นสามแล้ว ผู้เชี่ยวชาญทั่วไปขั้นสามนั้นสำคัญน้อยกว่ามาก และหากพวกเขาต้องเจอกับสถานการณ์อันตราย พวกเขาก็อาจจะให้ผู้เชี่ยวชาญทั่วไป ไปสอดแนมด้านหน้าแทนที่จะให้ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดออกไปอยู่ในความเสี่ยง
วิธีนี้มักถูกใช้โดยมหาอำนาจต่างๆเพื่อสำรวจดินแดนต้องห้าม
“ไม่ …” ซือเฟิงส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม และพูดว่า “คนที่เข้าร่วมการสำรวจครั้งนี้จะไม่ได้มีแค่ผู้เชี่ยวชาญจากทั้งสองกิลของพวกคุณเท่านั้น แต่จะมีผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆมาเข้าร่วมกับเราเช่นกัน”
“ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ ?”
“พวกเขาปลอดภัยไหม ?”
อิลูซะรี่เวิร์ด และอันยีลดิ้งฮาร์ทสับสนกับคำพูดของซือเฟิง การดำเนินการในครั้งนี้ถือเป็นความลับสุดยอดของพวกเขาที่ไม่น่าจะเชิญบุคคลภายนอกมาได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้นในปฎิบัติการนี้ดูเหมือนว่าจะมีข้อกำหนดความต้องการสำหรับผู้เล่นที่จะเข้าร่วมสูงมาก ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่ามันไม่น่าเชื่อมากๆที่สภาสิบแปดปีกจะมีพันธ
มิตรอื่นๆที่เชื่อถือได้สำหรับปฎิบัติการครั้งนี้
“อืม พวกเขาปลอดภัย และความแข็งแกร่งที่พวกเขามีมันก็มากเกินพอที่จะสามารถเข้าร่วมปฎิบัติการครั้งนี้ได้” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ
ดินแดนลับเอิร์ธฟอลนั้นสถานที่ที่แม้แต่ในชีวิตที่ผ่านมาของเขานั้นซุเปอร์กิลทั้งห้าที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังถือว่ามันเป็นทรัพยากรเชิงกลยุทธ์ ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้ว เขาจึงไม่สามารถจะสำรวจมันทั้งหมดร่วมกับจักรพรรดิคริมสัน และอันยีลดิ้งโซลได้
อย่างไรก็ตามการสำรวจดินแดนลับแห่งนี้ด้วยตัวเขาเองคนเดียว มันก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องพาคนอื่นมาด้วย คนอื่นที่เหล่าคนนอกนั้นไม่รู้ว่าคนเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของสภาสิบแปดปีก
หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้ให้อิลูซะรี่เวิร์ด และอันยีลดิ้งฮาร์ทไปรวบรวมผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดจากกิลของพวกเขา ในขณะที่เขาก็ติดต่อไปหาทีมนักผจญภัยอาชูร่า
สำหรับหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ เขาได้มอบหมายให้ไฟเออร์แดนซ์และกองกำลังหลักที่เหลือของสภาสิบแปดปีกจัดการมัน เพราะท้ายที่สุดการเดินทางไปยังเทือกเขาที่ถูกทำลายจะต้องใช้เวลานานพอสมควร เนื่องจากไฟเออร์แดนซ์และคนอื่นๆสามารถจะเริ่มท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้แล้ว มันจึงจะจัดว่าเป็นการสูญเสียมาก หากให้ทั้งหมดติดตามเขามา
จักรวรรดิมังกรดำ เมืองพันหิน :
แสงสว่างวาบจำนวนหลายโหลปรากฎขึ้นบนวงเวทย์เทเลพอร์ตของเมือง เมื่อผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดของจักรพรรดิคริมสัน และอันยีลดิ้งโซลมาถึงเมืองชายแดนที่รกร้างแห่งนี้
แม้ว่าเมืองพันหินแห่งนี้จะเป็นที่รู้จักกันในฐานะเมือง แต่เมืองก็แทบจะไม่มี NPC อยู่ที่นี่เลย นับประสาอะไรกับผู้เล่น เนื่องจากเมืองนี้มันอยู่ใกล้กับแผนที่เป็นกลางที่อันตรายมากอย่างเทือกเขาที่ถูกทำลาย มันจึงทำให้แม้แต่ NPC ก็ยังหลีกเลี่ยงจะมา
หลังจากมองไปที่ถนนที่รกร้างแล้ว บลูเกาน์ก็หันไปสบตากับซือเฟิงที่ยืนอยู่ใกล้ๆ จากนั้นเธอก็ถามอิลูซะรี่เวิร์ดด้วยความอยากรู้อยากเห็นผ่านแชทส่วนตัวว่า “พี่สาวอิลูซะรี่ คุณคิดว่าแบล๊คเฟรมไปเชิญใครมา ?”
ในความคิดของเธอทีมของพวกเขาที่ประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดหรือเก่งกาจกว่านั้นมันหายากมากใน God domain และเธอก็คิดว่ามันไม่น่าเชื่อเลบที่สภาสิบแปดปีกจะสามารถเชิญทีมอื่นที่เทียบเคียงกับพวกเขามาได้
นอกเหนือจากผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดจำนวนมากแล้ว ทีมของพวกเขายังมีอิลูซะรี่เวิร์ด และอันยีลดิ้งฮาร์ทด้วย ซึ่งอิลูซะรี่เวิร์ดก็นับเป็นหนึ่งในเครอลิคที่ยืนอยู่ในจุดสูงสุดของ God domain ขณะที่อันยีลดิ้งฮาร์ทก็เป็นเบอเซิกเกอร์ที่มีอาชีพลับคล้ายกับแท๊งเกอร์ นอกจากนี้ตัวบลูเกาน์เองก็ยังเป็นการ์เดี้ยนไนท์หญิงที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นอันดับสามของกองกำลังหลักจักรพรรดิคริมสันด้วย
ในระยะนี้ของเกมมันจะมีแต่เพียงห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นที่จะจัดทีมเหนือกว่าพวกเขาได้
“ฉันไม่รู้ แต่จากข้อมูลที่เรารวบรวมมามีเพียงฟีนิกซ์เรนของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนเท่านั้นที่จะพอมาช่วยเราได้เพิ่มเติม อย่างไรก็ตามตอนนี้ฟีนิกซ์เรนได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ดังนั้นสภาสิบแปดปีกจึงไม่น่าจะมีพันธมิตรอื่นๆที่มีความสามารถมากพอแล้ว” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวพลางส่ายหัว เธอเองก็อยากรู้เกี่ยวกับผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆที่ซือเฟิงว่าเช่นกัน
ไม่นานหลังจากที่อิลูซะรี่เวิร์ด และบลูเกาน์พูดคุยกัน มันก็มีแสงสว่างวาบจำนวนมากกว่าหนึ่งโหลปรากฎขึ้นที่วงเวทย์เทเลพอร์ตอีกครั้ง
เมื่อผู้มาใหม่เหล่านี้ออกมาจากวงเวทย์เทเลพอร์ต ทั้งอิลูซะรี่เวิร์ดและอันยีลดิ้งฮาร์ทต่างก็ตกตะลึง เพราะเหล่าผู้มาใหม่นั้นแผ่ออร่าที่ทรงพลังมากๆออกมา นอกจากนี้วัดจากรูปลักษณ์และมานารอบตัวพวกเขาแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่ก็น่าจะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ หรือไม่ก็ใกล้เคียงทั้งหมดแล้ว
ขณะเดียวกันผู้ชายที่ดูท่าทางแข็งกระก้างที่นำผู้มาใหม่เหล่านี้มาก็เป็นคนที่แม้แต่อันยีลดิ้งฮาร์ท กับ อิลูซะรี่เวิร์ดก็ยังต้องระวัง
ปีศาจสายฟ้า ไลฟ์เลสธอร์น !!
ไลฟ์เลสธอร์นนั้นเป็นคนโหดเหี้ยมที่บ้าการต่อสู้เอามากๆ เขาได้ทำการท้าทายผู้เชี่ยวชาญต่างๆทั่ว God domain มามากมาย และเมื่อไม่นานมานี้เขาก็ได้ต่อสู้กับ Stalwart Sky หนึ่งในราชันหมาป่าของ Battle Wolves จนผลจบลงที่การเสมอกัน และได้รับการยอมรับจากศาลาลับให้เป็นหนึ่งในสิบรุกกี้ที่ทรงพลังที่สุดของ God domain
ในตอนนี้ไลฟ์เลสธอร์นไม่เพียงแต่จะมีเลเวลสูงถึงหนึ่งร้อยยี่สิบสองเท่านั้น แต่เขายังมีอุปกรณ์ระดับอีปิคอีกเจ็ดชิ้น และแม้ว่าเขาจะซ่อนเอฟเฟคของหอกที่เขาสะพายไว้ด้านหลัง แต่วัดจากรูปแบบเวทย์มนต์บนหอกแล้วก็สามารถจะบอกได้เลยว่ามันไม่ใช่อาวุธระดับอีปิคทั่วไปแน่นอน
ทีมนักผจญภัยอาชูร่า !! ทำไมพวกเขาถึงมาที่นี่ ?! อิลูซะรี่เวิร์ดและอันยีลดิ้งฮาร์ทตอนนี้เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นอย่างถึงที่สุดเมื่อเห็นกลุ่มของไลฟ์เลสธอร์นเดินเข้ามา เพราะท้ายที่สุดทีมนักผจญภัยอาชูร่าในปัจจุบันนั้นจัดได้ว่าเป็นทีมนักผจญภัยชั้นนำของ God domain แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีสิ่งที่น่าเหลือเชื่อก็คือ ทีมนักผจญภัยทีมนี้มีภูมิหลังที่ลึกลับมากๆ แต่ไม่เพียงแต่พวกเขาจะสามารถพิชิตดันเจี้ยนทีมขนาดใหญ่ที่มีความยากสูงได้จำนวนมาก แต่สมาชิกในทีมนักผจญภัยทุกคนยังมีความแข็งแกร่งที่ไม่อาจหยั่งถึงได้ สมาชิกในทีมนักผจญภัยหลายคนได้ไปถึงขอบเขตจิตวิญญาณแล้ว ซึ่งนี่มันทำให้พวกเขาสามารถจะแสดงพลังต่อสู้ที่ค่อนข้างพิเศษออกมาได้ และมหาอำนาจต่างๆก็ได้พยายามจะรับสมัครทีมนักผจญภัยทีมนี้กันอย่างบ้าคลั่ง
อย่างไรก็ตามทีมนักผจญภัยอาชูร่าได้ปฎิเสธข้อเสนอทั้งหมด และแม้ว่ามหาอำนาจต่างๆจะส่งทีมที่นำโดยผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดมาจัดการกับพวกเขา แต่มันก็ไม่มีทีมใดที่ประสบความสำเร็จเลย แถมทุกทีมยังจะกลับไปพร้อมกับความเสียหายที่รุนแรงด้วย
“เมื่อทุกคนมาพร้อมกันแล้ว เราก็ไปกันเถอะ ….”
ตอนที่ 2754 ดินแดนต้องห้ามสำหรับมนุษย์
“ทุกคนมาพร้อมกันแล้วงั้นหรอ ?”
อิลูซะรี่เวิร์ดและอันยีลดิ้งฮาร์ท หันไปมองซือเฟิงด้วยความประหลาดใจ
“เป็นพวกเขางั้นหรอ ?”
ทีมนักผจญภัยอาชูร่านั้นไม่เพียงแต่จะมีชื่อเสียงในทวีปด้านตะวันออกของ God domain มากเท่านั้น แต่ตามข่าวลือดูเหมือนว่าทีมนักผจญภัยทีมนี้จะครอบครองโลกคริสตัลน้ำแข็งไว้มากกว่าครึ่งหนึ่งด้วย แกนหลักทั้งหมดของทีมนักผจญภัยทีมนี้ก็ล้วนลึกลับมากๆ และในบางครั้งมันก็มีอัจฉริยะที่ทรงพลังปรากฎตัวขึ้นในทีมนักผจญภัยเช่นกัน
นอกจากนี้มันยังมีเรื่องของผู้บัญชาการทีมนักผจญภัยอาชูร่าที่มีชื่อเสียงอีก แม้ว่าตัวตนของผู้บัญชาการทีมนักผจญภัยอาชูร่าจะยังคงลึกลับและไม่มีใครรู้ แต่มันก็มีข่าวลือว่าแม้แต่ไลฟ์เลสธอร์นก็ยังไม่สามารถจะรอดจากการโจมตีของผู้บัญชาการคนนี้ได้แม้แต่ครั้งเดียว และที่ไลฟ์เลสธอร์นทำการท้าทายผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนาจต่างๆอย่างบ้าคลั่งก็เป็นเพราะว่าเขาต้องการฝึกฝนตัวเองเพื่อที่จะได้ไปท้าทายผู้บัญชาการของทีมนักผจญภัยอาชูร่าอีกครั้ง
ซึ่งสถานการณ์นี้ มันก็ได้ปลูกฝังความกลัวให้กับมหาอำนาจต่างๆ ….
ด้วยเหตุนี้มหาอำนาจต่างๆใน God domain จึงล้วนสงสัยว่าทีมนักผจญภัยอาชูร่านั้นได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังลึกลับและทรงพลังอย่างแท้จริง อันที่จริงพวกเขายังสงสัยว่าผู้สนับสนุนลึกลับนี้นี้น่าจะเป็นคนจากชั้นบนสุดของ Upper Zone
ทีมนักผจญภัยอาชูร่านั้นได้ปฎิเสธมหาอำนาจมากมายที่ต้องการจะรับสมัครทีมอย่างหยิ่งผยอง ซึ่งสิ่งนี้ส่งผลให้เกิดการปะทะกันระหว่างทีมอาชูร่า และมหาอำนาจต่างๆมากมาย และยิ่งทีมอาชูร่าต่อสู้มากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งมีชื่อเสียงมากขึ้นเท่านั้น
อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขาพึ่งจะได้รู้ว่าทีมนักผจญภัยอาชูร่านั้นมีความสัมพันธ์อันดีกับสภาสิบแปดปีกจริงๆ
“อืม พวกเขาจะไปกับเราด้วย ….” ซือเฟิงกล่าว จากนั้นเขาก็พยักหน้าให้กับไลฟ์เลสธอร์นอื่นๆเพื่อทักทาย
ที่จริงแล้วแม้แต่ซือเฟิงก็ยังค่อนข้างจะประหลาดใจเมื่อได้เห็นไลฟ์เลสธอร์นและคนอื่นๆ เขาไม่เคยคิดเลยว่าทุกคนจะพัฒนาไปมาก หลังจากเขาไม่ได้เจอมาพักหนึ่ง
ตอนนี้ไลฟ์เลสธอร์นและคนอื่นๆแซงหน้าไฟเออร์แดนซ์และสมาชิกกองกำลังหลักของสภาสิบแปดปีกคนอื่นๆไปแล้วในแง่ของเลเวล ยิ่งไปกว่านั้นจากกลิ่นอายของไลฟ์เลสธอร์น ซือเฟิงก็สามารถบอกได้เลยว่าเขาอยู่ในขอบเขตครึ่งก้าวก่อนเข้าสู่ขอบเขตโดเมนแล้ว ซือเฟิงต้องยอมรับเลยว่าชายคนนี้นั้นเป็นนักสู้ที่บ้าคลั่งอย่างแท้จริง เขาได้ทำการท้าทายผู้เชี่ยวชาญมากมายใน God domain และสร้างศัตรูขึ้นมามากมาย แต่กระนั้นด้วยเรื่องนี้มันก็ทำให้เขาพัฒนาไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
สำหรับโซริทารี่ไนน์ หยานย่า คลีนซิ่งวิสเซิล และคนอื่นๆที่ยืนอยู่ข้างๆไลฟ์เลสธอร์น พวกเขาก็ปรับปรุงตัวเองไปค่อนข้างมากเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาอยู่ในขอบเขตรวดเร็วดั่งสายน้ำแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาทุกคนก็ยังดูเหมือนจะอยู่ไม่ห่างจากขอบเขตอนันต์เท่าไหร่นัก หากในระหว่างทางพวกเขาได้รับแรงบันดาลใจบางอย่างขึ้นมา พวกเขาก็จะสามารถทะลุเข้าสู่ขอบเขตอนันต์ได้ทันทีแน่นอน ในขณะเดียวกันเมื่อซือเฟิงทำการแนะนำฝ่ายต่างๆให้รู้จักกัน สิ่งที่พวกเขาทำก็คือพยักหน้าให้กันเท่านั้น โดยเฉพาะกับไลฟ์เลสธอร์นที่ไม่ได้คิดจะพูดคุยใดๆเพิ่มเติมกับอิลูซะรี่เวิร์ด และอันยีลดิ้งฮาร์ทเลย ….
ในตอนนี้โซริทารี่ไนน์ก็พูดกับซือเฟิงผ่านแชทส่วนตัวว่า “ผู้บัญชาการ คุณคิดยังไงกับคนที่เราพามาในครั้งนี้ ? พลังการต่อสู้ของทุกคนนั้นเทียบเท่ากับผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดเลย เราไม่ได้ทำคุณอับอายใช่ไหม ?”
“อันที่จริง ฉันไม่คิดเลยว่าพวกคุณจะรับสมัครผู้มีความสามารถเข้ามาได้มากมายขนาดนี้” ซือเฟิงกล่าวด้วยความประหลาดใจ ขณะที่เขากวาดตามองสมาชิกของทีมอาชูร่าทั้งหมดอย่างพินิจพิเคราะห์
สมาชิกทีมอาชูร่าที่มาในวันนี้นั้น มีแค่จำนวนหนึ่งเท่านั้นที่ซือเฟิงคุ้นเคยเป็นการส่วนตัว ขณะที่บางส่วนเขาก็รู้จักชื่อเสียงของคนเหล่านี้จากชีวิตที่ผ่านมาของเขา โดยสองคนในนี้ที่เป็นสมาชิกหน้าใหม่นั้นเป็นคนที่สามารถไปถึงขั้นห้าได้ แม้ว่าพวกเขาจะอ่อนแอกว่าไลฟ์เลสธอร์นซึ่งไปถึงสถานะร่างครึ่งเทพได้ก็ตาม
ซือเฟิงไม่เคยคิดเลยจริงๆว่าไลฟ์เลสธอร์นและคนอื่นๆจะสามารถรับสมัครคนเหล่านี้เข้าทีมนักผจญภัยอาชูร่าได้
หลังจากนั้นโซริทารี่ไนน์ก็ได้เล่าถึงเหตุการณ์ล่าสุดที่พวกเขาไปเจอมาให้ซือเฟิงฟัง โดยเขากล่าวว่า พวกเขาบังเอิญหลงเข้าไปในสถานที่มหัศจรรย์ซึ่งเวลาไหลผ่านไปในอัตราที่แตกต่างกับโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง และผู้เล่นที่อาศัยอยู่ที่นั่นก็แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ ในสถานที่มหัศจรรย์แห่งนั้นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตการปรับแต่งนั้นได้รับการพิจารณาว่าเหนือกว่าคนปกติเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และมีอยู่แทบจะทั่วไป
ขณะเดียวกันผู้เล่นที่อาศัยอยู่ที่นั่นก็มีเลวลสูงมากเช่นกัน โดยบางคนไปถึงเลเวลหนึ่งร้อยสามสิบแล้ว เมื่อโซริทารี่ไนน์และคนอื่นๆได้ไปเยี่ยมชมสถานที่นี้ พวกเขาก็รู้สึกพูดไม่ออกกันมากๆ
ระหว่างที่พวกเขาพักอยู่ในสถานที่มหัศจรรย์นี้ พวกเขาก็ได้ต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญของสถานที่นี้บ่อยครั้ง ซึ่งมันทำให้พวกเขาได้รับแรงบันดาลใจและการปรับปรุงมากมาย แต่น่าเสียดายที่ระบบนำพวกเขากลับมายังทวีปหลักอย่างกระทันหันด้วยเหตุผลบางประการ และเมื่อเป็นแบบนี้พอพวกเขากลับมา พวกเขาจึงมีเลเวลเหนือกว่าผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ของมหาอำนาจต่างๆอย่างมาก
เรื่องราวของโซริทารี่ไนน์นั้นทำให้ซือเฟิงประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่เคยคิดเลยว่า God domain มันจะมีสถานที่แบบที่โซริทารี่ไนน์พูดจริงๆ
อย่างไรก็ตามเมื่อเขานึกถึงเสวี่ยเหวินโหรวและอควาโรสที่ได้เข้าไปต่อสู้โดยตลอดในโลกที่แตกต่างออกไปเป็นเวลาแปดสิบปี เขาก็สรุปได้ว่าสถานการณ์ที่ไลฟ์เลส
ธอร์นและคนอื่นๆเผชิญมานั้น มันไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอะไร
ในขณะเดียวกันสมาชิกของจักรพรรดิคริมสัน และอันยีลดิ้งโซลก็เสร็จสิ้นการเตรียมการเพื่อออกเดินทางแล้ว หลังจากนั้นทุกคนก็ได้ขึ้นอะเม้าท์บินได้ และบินไปยังเทือกเขาที่ถูกทำลายทันที
เทือกเขาที่ถูกทำลายนั้นครอบครองพื้นที่ขนาดใหญ่มากๆใน God domain
ตามการคาดการณ์ของผู้เล่น เทือกเขาที่ถูกทำลายนั้นน่าจะมีพื้นที่เทียบเท่ากับห้าถึงหกจักรวรรดิรวมกันเลย และพวกมันก็เป็นเส้นทางเชื่อมต่อสถานที่ต่างๆมากมาย แผนที่เป็นกลางเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบที่พวกเขาจะไปนั้นก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของพื้นที่ชั้นนอกของมันเท่านั้น หากพวกเขาต้องการจะอยู่รอดในพื้นที่ชั้นในจริงๆ พวกเขาจะต้องมีเลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบเป็นอย่างน้อย
สำหรับพื้นที่หลักของเทือกเขาที่ถูกทำลาย มันมีเพียงแต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าที่มีเลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบหรือสูงกว่าเท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปได้ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่เลเวลสองร้อยก็จะไม่รอดหากเข้าไปในพื้นที่นี้
หลังจากบินตรงมาเป็นเวลาประมาณเจ็ดชั่วโมง ในที่สุดซือเฟิงและคนอื่นๆก็มองเห็นเทือกเขาสูงปรากฎขึ้นที่ขอบฟ้า
โดยเทือกเขานี้นั้นมีความสูงมากกว่าสามหมื่นเมตร และท้องฟ้าของเทือกเขานั้นก็ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆฝนฟ้าคะนอง และสายฟ้าสีม่วงก็ผ่าลงมาถล่มในพื้นที่แบบสุ่มบ้างเป็นพักๆ
ผู้ที่ได้เห็นเทือกเขาที่ถูกทำลายเป็นครั้งแรกจะต้องตกตะลึงกับฉากอันงดงามแห่งการทำลายล้างตรงหน้าของพวกเขาแน่นอน
“พวกเราจะร่อนลงกันตรงนี้แหละ !!!” ซือเฟิงออกคำสั่งกับทุกคน หลังจากเขามองไปยังเทือกเขาที่อยู่ด้านหน้า
อะเม้าท์บินได้ไม่สามารถจะบินเข้าไปในเทือกเขาที่ถูกทำลายได้ หากผู้เล่นต้องการจะเข้าสู่แผนที่เป็นกลางแบบนี้ พวกเขาจะต้องพึ่งพาสองเท้าของตัวเอง
นั่นเป็นเพราะ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าก็ไม่สามารถจะต้านทานสายฟ้าสีม่วงนี้ แม้แต่การ์เดี้ยนไนท์ขั้นห้า เลเวลสองร้อยก็จะตายลง หลังจากรับการโจมตีจากสายฟ้านี้ราวสามถึงห้าครั้ง ใครก็ตามที่ต้องการจะบินเข้าไปในเทือกเขาที่ถูกทำลายอย่างน้ยอจะต้องอยู่ในขั้นหก และมีค่าความทนทานสายฟ้าที่สูงมาก
หลังจากนั้นไม่นานซือเฟิงและคนอื่นๆก็มาร่อนลงบริเวณป่าใกล้กับเทือกเขาที่ถูกทำลาย ก่อนที่พวกเขาจะทยอยเก็บอะเม้าท์บินได้ของตัวเองไปทีละตัว ….
“เมื่อเราเข้าสู่เทือกเขาที่ถูกทำลาย ทุกคนจะต้องเกาะติดทีมไว้ให้ใกล้ชิดที่สุด คุณจะต้องไม่แยกตัวออกจากทีมไม่ว่ากรณีใดๆ ไม่งั้นคุณจะต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาด้วยตัวเอง” ซือเฟิงกล่าว หลังจากที่เห็นทุกคนจัดระเบียนตัวเองเสร็จแล้ว “แล้วจำไว้ว่าแม้ว่าจะมีใครมาขอความช่วยเหลือหรือฉันบอกให้คุณวิ่งหนีให้สุดชีวิตเพื่อชีวิตคุณเองก็ให้เพิกเฉยต่อมันไปซะ !!! คุณจะต้องเกาะติดกับทีมไว้ต่อไป !!! และก้าวไปข้างหน้า เราจะเคลื่อนไหวให้เร็วที่สุด !!!”
เมื่อได้ยินคำสั่งของซือเฟิง ทุกคนต่างก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจและงงงวย ….
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม นี่มันหมายความว่าคุณให้เราเพิกเฉยต่อคำสั่งของคุณหลังจากเข้าสู่แผนที่งั้นหรอ ?” บลูเกาน์ถามด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความงุนงง ขณะที่มองไปยังซือเฟิง
ซือเฟิงได้ระบุไว้อย่างชัดเจนก่อนหน้านี้ว่าพวกเขาจำเป็นจะต้องเชื่อฟังทุกคำสั่งของเขา แต่ตอนนี้เขากับกำลังบอกให้พวกเขาเพิกเฉยต่อคำสั่งของเขา เมื่อพวกเขาเข้าสู่เทือกเขาที่ถูกทำลาย ตอนนี้คำพูดของเขามันดูค่อนข้างจะขัดแย้งกันพิกล ….
“ใช่แล้ว เมื่อคุณเข้าไปคุณจะสามารถเพิกเฉยต่อคำสั่งใดๆของฉันได้ชั่วคราว นอกจากนี้คุณก็ต้องเพิกเฉยต่อทุกคำสั่ง ทุกคำพูดของคนรอบตัวคุณทั้งหมดจนกว่าทั้งทีมจะหยุด” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า
“ทำไมกัน ?” อิลูซะรี่เวิร์ดเต็มไปด้วยความสับสน “มันมีภาพลวงตาอยู่ด้านในงั้นหรอ ?”
“ฉันไม่ชัวว่าควรจะบอกว่ายังไง แต่ไม่ว่าจะยังไงสภาพแวดล้อมภายในมันจะค่อนข้างพิเศษมากๆ คุณจะต้องเจอกับภาพหลอนจำนวนมากเมื่อคุณเข้าไป อย่างไรก็ตามแม้มันจะเป็นภาพหลอน แต่ทุกสิ่งที่คุณเห็นก็ไม่ใช่ภาพลวงตา มันจะเป็นเรื่องจริงทั้งหมด มันไม่มีใครสามารถบอกได้เลยว่าอะไรภายในคือของจริงหรือปลอม คุณสามารถจะปฎิบัติกับทุกสิ่งเหมือนของจริงและปลอมได้ทั้งคู่ ….” ซือเฟิงกล่าวอย่างใจเย็น “สิ่งเดียวที่ฉันมั่นใจคือการหยุดอยู่ด้านในหมายถึงความตาย”
นี่เป็นสาเหตุที่เขาออกคำสั่งให้จักรพรรดิคริมสันและอันยีลดิ้งโซลส่งเฉพาะผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดหรือเก่งกาจกว่านั้นเท่านั้นมาเข้าร่วมงานนี้ เพราะใครก็ตามที่สามารถขึ้นมาเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ได้จะมีความคิดที่แน่วแน่
“มันมีสภาพแวดล้อมแบบนี้ด้วยงั้นหรอ ?!” บลูเกาน์ตกใจกับคำอธิบายของซือเฟิง
เท่าที่เธอรู้ ดินแดนต้องห้ามเป็นเพียงสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่รุนแรงและมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งเท่านั้น กระนั้นเทือกเขาทีถูกทำลายกับเป็นสถานที่ที่ทำให้ผู้เล่นเจอกับภาพหลอนเนี่ยนะ ?
ในตอนนี้นับประสาอะไรกับบลูเกาน์ แม้แต่อิลูซะรี่เวิร์ดกับอันยีลดิ้งฮาร์ทก็ยังมีสีหน้าเคร่งขรึม ตอนนี้ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนาจต่างๆถึงตายลงแบบไม่รู้ตัวในเทือกเขาที่ถูกทำลาย
อันที่จริงมันก็คงจะต้องบอกว่าแปลก ถ้าพวกเขารู้ว่าพวกเขาตายอย่างไร !!!
ในโลกนี้สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือสิ่งที่ไม่รู้จัก
ในขณะเดียวกันเทือกเขาที่ถูกทำลายก็บรรลุเงื่อนไขนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่ามีมอนสเตอร์แบบไหนรอพวกเขาอยู่ภายในเทือกเขาที่ถูกทำลาย แต่แค่สภาพแวดล้อมที่พิเศษนี้เพียงอย่างเดียว มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่น่ากลัวมากๆ อันที่จริงมันคงไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยหากจะบอกว่าที่นี่คือสถานที่ที่น่ากลัวที่สุดที่พวกเขาเคยไปมาใน God domain
เทือกเขาที่ถูกทำลายสมควรได้รับชื่อเสียงในฐานะดินแดนต้องห้ามสำหรับมนุษย์อย่างแท้จริง !!!
“เอาล่ะ เข้าไปข้างในกันเถอะ !!!” ซือเฟิงพูด หลังจากที่เห็นว่าทุกคนประมวลผลคำพูดของเขาเรียบร้อยแล้ว “จำไว้ !! เกาะติดกับทีมเอาไว้ !!!”
หลังจากนั้นซือเฟิงก็นำทีมเข้าสู่เส้นทางของภูเขาหนึ่งที่นำไปสู่เทือกเขาที่ถูกทำลาย
ซึ่งเส้นทางนี้มันก็ค่อนข้างใกล้ และผู้เล่นขั้นสามก็ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการเดินทางผ่านระยะทางนี้
ไม่ถึงสิบนาทีต่อมา ทีมผู้เล่นมากกว่าหนึ่งร้อยคนก็เข้าสู่เขตของเทือกเขาที่ถูกทำลาย ในขณะที่ทุกคนก้าวเข้าสู่ที่นี่ อารมณ์ของพวกเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นจริงจังมากขึ้น พวกเขาปฎิบัติตามคำสั่งของซือเฟิงและเกาะติดทีมไปอย่างใกล้ชิด
ทั้งทีมนั้นค่อยๆเดินหน้าไปอย่างช้าๆและระมัดระวัง อย่างไรก็ตามมันก็มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจนั่นก็คือสภาพแวดล้อมที่นี่ไม่ได้รุนแรงอย่างที่พวกเขาคิด มันไม่ได้ผลาญค่าสตามิน่า และค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของพวกเขาไปในปริมาณสูงเท่าที่อื่นๆ และมันก็มีพลังงานแปลกปลอมไหลเข้าสู่ร่างของพวกเขาน้อยมาก
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งทีมก็ยังไม่พบกับมอนสเตอร์เลยแม้แต่ตัวเดียว เทือกเขาบริเวณนี้มันดูปลอดภัยและสงบจนน่าประหลาดใจ ซึ่งมันต่างจากที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้มาก
“ดูเหมือนว่าเทือกเขาที่ถูกทำลายจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อย่างที่คิดแหะ ….” บลูเกาน์กล่าว ขณะที่เธอสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบของเธอ ตอนนี้ความระวังตัวที่เธอมีมากในตอนแรกเริ่มหายไปอย่างสิ้นเชิง
เมื่อได้ยินคำพูดของบลูเกาน์ ทุกคนก็มีท่าทีผ่อนคลายลง ทุกคนรู้สึกว่าซือเฟิงพูดถึงเทือกเขาที่ถูกทำลายแบบโอเว่อร์เกินไปหน่อย
“บลู ฉันจะต้องพึ่งพาคุณแล้วล่ะ เมื่อมีมอนสเตอร์ปรากฎตัวขึ้นในภายหลัง ….” ซัมมอนเนอร์หญิง เลเวลหนึ่งร้อยสิบเก้ากล่าวกับบลูเกาน์
“แน่นอนไม่มีปัญหา ฉันจะทำให้แน่ใจเลยว่าไม่มีมอนสเตอร์ตัวไหนสามารถเข้าใกล้คุณได้ …” บลูเกาน์กล่าวตอบอย่างมั่นใจ
ซัมมอนเนอร์หญิงรู้สึกโล่งใจ เมื่อได้รับคำรับรองจากบลูเกาน์
Ci !!!
วินาทีต่อมาเสียงของบางอย่างก็สาดเข้ามาในหูของทุกคน และทันใดนั้นกลิ่นของเลือดก็กระจายไปรอบๆอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันทุกคนในทีมก็จ้องมองไปยังซัมมอนเนอร์หญิง และบลูเกาน์ด้วยความตกใจ
“คุณ …. ทำไม ?” ซัมมอนเนอร์หญิงจ้องมองไปที่บลูเกาน์ด้วยความหวาดกลัว ก่อนที่ใครจะทันได้รู้ตัว บลูเกาน์ก็ได้แทงซัมมอนเนอร์หญิงด้วยดาบยาวของเธอและทำให้ซัมมอนเนอร์หญิงสูญเสีย HP ไปเรื่อยๆ
เมื่อได้รับคำถามบลูเกาน์ก็ยิ้มอย่างสดใส พลางจ้องมองไปยังซัมมอนเนอร์หญิง และตอบว่า “ทำไมต้องถามด้วย ?”
หลังจากพูดจบ บลูเกาน์ก็ทำการเชือดคอซัมมอนเนอร์หญิง และฆ่าเธอ
“มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?”
ทันใดนั้นผู้คนที่ยืนอยู่ด้านหลังของบลูเกาน์ก็จ้องมองมายังเธอด้วยความตกตะลึงและสับสน พวกเขาไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมบลูเกาน์ถึงโจมตีเพื่อนร่วมทีม
ยิ่งไปกว่านั้นรอยยิ้มที่เธอยิ้มออกมาในระหว่างกระทำการฆ่านั้น มันก็ดูประหลาดมากๆ ราวกับว่าเธอไม่ได้มองมายังมนุษย์
“พวกคุณมีอะไรกัน ?” บลูเกาน์ถามด้วยความสับสน เมื่อเธอเห็นทุกคนมองมาที่เธอ “ทำไมถึงมองฉันแบบนั้น ?”
อย่างไรก็ตามแม้จะพูดแบบนี้ แต่บลูเกาน์ก็ยังคงมีสีหน้าสงบ และมีความสุขอย่างสุดจะพรรณนา ซึ่งมันราวกับว่าเธอพึ่งจะไปเหยียบมดมาตัวหนึ่งมาเท่านั้น ไม่ใช่เธอพึ่งฆ่าเพื่อนร่วมทีมคนหนึ่งไป ….
ตอนที่ 2755 มอนสเตอร์
“นี่บลูถูกมอนสเตอร์เข้าสิงงั้นหรอ ?”
“ตอนนี้เราควรจะทำยังไงกันดี ?”
“เอาเป็นว่าถอยออกมา และรักษาระยะห่างไว้ก่อนแล้วกัน !!!”
ทุกคนค่อยๆถอยออกห่างจากบลูเกาน์ ในขณะที่จ้องมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสน เพราะท้ายที่สุดบลูเกาน์นั้นก็มีความแข็งแกร่งที่ค่อนข้างพิเศษ และเธอยังมีอาชีพลับของการ์เดี้ยนไนท์ด้วย หากพวกเขาอนุญาติให้เธอเข้ามาใกล้พวกเขา มันก็มีสิทที่พวกเขาจะต้องประสบชะตากรรมเดียวกับซัมมอนเนอร์หญิง
ในขณะเดียวกันเมื่อสังเกตเห็นผู้เล่นที่อยู่ข้างหลังเธอก้าวถอยออกไป บลูเกาน์ก็ชะลอฝีเท้า และจ้องมองไปยังเพื่อนร่วมทีมด้วยความสับสน
“พวกคุณเป็นอะไรกัน ?”
ในขณะที่บลูเกาน์ถามคำนี้ ดาบยาวในมือของเธอก็เริ่มแผ่ออร่าออกมาจนมันทำให้พื้นที่โดยรอบเริ่มบิดเบี้ยว
“ไม่ดีแล้ว ! ระวัง !! เธอใช้สกิลมรดกขั้นสาม !!! เราจะตายแน่ถ้าโดนโจมจตี !!!” ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่คุ้นเคยกับบลูเกาน์กล่าวเตือนผู้เชี่ยวชาญของอันยีลดิ้งโซลที่อยู่ใกล้กัน หลังจากนั้นผู้เชี่ยวชาญของจักรพรรดิคริมสันก็รีบพุ่งตัวไปซ่อนในป่าใกล้ๆ ส่วนผู้เชี่ยวชาญของอันยีลดิ้งโซลก็ยังอดไม่ได้ที่จะลังเลว่าควรจะสู้หรือซ่อนดี
ในทางกลับกันบลูเกาน์รู้สึกสับสนมากๆ เมื่อเธอเห็นสมาชิกของของจักรพรรดิคริมสันกำลังหนีเธอห่างเธอออกไป ก่อนที่บลูเกาน์จะหันไปหาซัมมอนเนอร์หญิงที่ควรจะตายไปนานแล้วและถามว่า “ที พวกเขาเป็นอะไรกัน ? ทำไมพวกเขาถึงมองมายังฉันแบบนั้น ?”
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” ซัมมอนเนอร์หญิงที่ชื่อเคลียร์ทีกล่าวตอบพลางส่ายหัว ก่อนที่เธอจะพูดด้วยสีหน้าสับสนว่า “ทำไมเราไม่รีบตามไปพวกเขาไปดูสักหน่อยล่ะ ? มันจะแย่มากนะ ถ้าพวกเขาออกห่างจากทีมมากเกินไป”
“เอาแบบนั้นก็แล้วกัน …” บลูเกาน์พยักหน้าเห็นด้วย ในขณะเดียวกันเมื่ออิลูซะรี่เวิร์ดซึ่งยืนอยู่ข้างหน้าบลูเกาน์ไม่ไกลนัก สังเกตเห็นบลูเกาน์กำลังจะแยกตัวออกจากทีมไป เธอก็ชะลอฝีเท้าลงทันที
“บลู นั่นคุณกำลังอะไร ?” อิลูซะรี่เวิร์ดตะโกนใส่บลูเกาน์ด้วยความไม่พอใจ “นอกจากนี้คุณคุยกับใครอยู่ตลอดเวลาน่ะ ?”
“ฉันหรอ ?” เมื่อหันไปหาอิลูซะรี่เวิร์ด บลูเกาน์ก็ตอบว่า “ฉันก็คุยกับเคลียร์ทีไง ไม่ใช่หรอ ?”
“เคลียร์ที ?” เมื่อได้ยินคำพูดของบลูเกาน์ อิลูซะรี่เวิร์ดก็มองมายังเธออย่างแปลกๆ “ทีอยู่ด้านหน้าของทีมไม่ใช่หรอ ?”
“ด้านหน้า ?” บลูเกาน์รีบหันกลับมามองทันที อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่พบร่างของซัมมอนเนอร์หญิงที่เธอคุยด้วยเมื่อครู่เลย “เธอหายไปตรงนั้นได้ยังไงกัน ?”
“เดี๋ยวก่อน ทำไมสมาชิกของเราหลายคนถึงหายไป ?” อิลูซะรี่เวิร์ดถามด้วยความสับสน
“ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา แต่อยู่ๆพวกเขาก็ถอยไปที่ป่านั่น ….” บลูเกาน์กล่าวพลางส่ายหัว เธอเองก็สับสนกับสถานการณ์นี้เช่นกัน
“ไม่ดีแล้ว !! เราน่าจะถูกหลอก !!!” ใบหน้าของอิลูซะรี่เวิร์ดมืดมนลง เมื่อเธอเห็นว่าสมาชิกด้านหลังของทีมทั้งหมดหายไป “แบล๊คเฟรมไม่เคยวางแผนที่จะพาเราเข้ามายังเทือกเขาที่ถูกทำลายเพื่อควานหาบางอย่าง เขาน่าจะพาเรามาเพื่อใช้พลังของเทือกเขาที่ถูกทำลายในการกำจัดผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดของเรา !!!”
“นี่ ….” บลูเกาน์ตกตะลึงไปชั่วขณะ
“ตอนนี้เราประสบกับความสูญเสียที่รุนแรงแบบนี้แล้ว ถ้าเราติดตามเขาต่อไป เขาจะนำเราไปสู่ความตายแน่นอน !!! ทางเลือกเดียวในตอนนี้ของเราคือฆ่าเขาให้ได้ !!!” อิลูซะรี่เวิร์ดกระซิบกับบลูเกาน์ ขณะที่เธอมองไปยังบริเวณด้านหน้าซึ่งซือเฟิงทำหน้าที่นำทีมอยู่ “ฉันจะคอยช่วยคุณด้วย !!! ด้วยความแข็งแกร่งของคุณ แม้ว่าคุณจะไม่สามรถฆ่าเขาได้ในการโจมตีเดียว แต่คุณก็น่าจะทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสได้ แล้วเดี๋ยวฉันจะปิดงานเอง !!!”
“แบล๊คเฟรมที่น่ารังเกียจ !!! กะแล้วว่าเขาต้องไม่ใช่คนดีอย่างที่หลายคนคิด !!!” บลูเกาน์พยักหน้าเห็นด้วยกับแผนของอิลูซะรี่เวิร์ด
บลูเกาน์ได้รีบเดินเข้าไปหาซือเฟิงอย่างรวดเร็ว และเมื่ออยู่ห่างจากซือเฟิงไม่ถึงหนึ่งร้อยหลา บลูเกาน์ก็ได้หายตัวไป และไปปรากฎตัวขึ้นที่ด้านหลังของซือเฟิงทันที ก่อนที่เธอจะใช้ดาบยาวที่แผ่ออร่าอันแข็งแกร่งออกมาโจมตีเข้าใส่ซือเฟิงที่ดูเหมือนจะยังคงไม่รู้ตัว
ช่วงเวลาต่อมารอยแตกเชิงพื้นที่นับไม่ถ้วนก็ปรากฎขึ้นต่อหน้าบลูเกาน์ และขยายออกไปไกลถึงหนึ่งร้อยหลา
“บลูเกาน์ คุณกำลังทำอะไรอยู่ ?!” อันยีลดิ้งฮาร์ทสะดุ้ง เมื่อเห็นบลูเกาน์โจมตีซือเฟิง
อย่างไรก็ตามบลูเกาน์ไม่ได้ให้ความสนใจกับอันยีลดิ้งฮาร์ทเลย และเริ่มการโจมตีครั้งที่สองเข้าใส่ซือเฟิงต่อทันที หลังจากที่เธอโจมตีไปครั้งแรกแล้ว
อย่างไรก็ตามหลังจากบลูเกาน์โจมตีไปเป็นครั้งที่สอง เธอก็เต็มไปด้วยความสับสน
“เขาหายไปไหนกัน ?”
เมื่อมองไปข้างหน้าบลูเกาน์ก็มองไม่เห็นใครที่ยืนอยู่บนถนนตรงหน้าของเธอ และเธอก็นิ่งไปด้วยความมึนงง
เมื่อถึงเวลาที่บลูเกาน์ตอบสนองต่อสถานการณ์ได้ ซือเฟิงก็มายืนอยู่ข้างๆเธอ และมองไปยังเธออย่างเงียบๆแล้ว
ในเวลานี้เองอันยีลดิ้งฮาร์ทก็คว้าข้อมือของบลูเกาน์เพื่อป้องกันไม่ให้เธอทำการโจมตีอีก ….
“บลูเกาน์ คุณกำลังทำอะไรอยู่ ?! คุณโจมตีหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมทำไม ?! เสียสติไปแล้วงั้นหรอ ?!” อันยีลดิ้งฮาร์ทถาม
“อย่ามาหยุดฉัน !! เขาพยายามจะฆ่าเรา !!!” บลูเกาน์กล่าวขณะที่เธอจ้องมองไปยังซือเฟิง “เขาพยายามจะจัดการกับผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดทั้งหมดของเราโดยใช้พลังของเทือกเขาที่ถูกทำลาย ! ถ้าคุณไม่เชื่อฉันก็มองไปที่ด้านหลัง คนด้านหลังเราทั้งหมดหายไปแล้ว !!!”
“หายไปงั้นหรอ ?” เมื่อได้ยินคำพูดของบลูเกาน์ อันยีลดิ้งฮาร์ทก็หันไปจ้องมองด้านหลังของทีมโดยอัตโนมัติ
เมื่อเห็นว่ามีผู้เล่นในทีมเหลือน้อยกว่ายี่สิบคน อันยีลดิ้งฮาร์ทก็หน้าซีดเผือด
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม คุณ ….” ในสถานการณ์เช่นนี้ แม้แต่อันยีลดิ้งฮาร์ทก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มสงสัยซือเฟิงแล้ว “คุณพยายามจะฆ่าพวกเราทั้งหมดจริงๆงั้นหรอ ?”
ก่อนที่อันยีลดิ้งฮาร์ทจะพูดจบ ซือเฟิงก็ได้ชัก Abyssal Blade ของเขาออกจากฝักแล้ว
Slash!
ก่อนที่บลูเกาน์จะทันได้ตอบสนองอะไรได้ ซือเฟิงก็ทำการโจมตีและฟันอันยีลดิ้งฮาร์ทขาดครึ่ง ซึ่งมันเป็นการฆ่าเขาไปในทันที ….
“คุณ !!!” บลูเกาน์ตกตะลึงไปชั่วขณะ เมื่อเธอเห็นอันยีลดิ้งฮาร์ทถูกฆ่า จากนั้นเธอก็ตะโกนใส่ซือเฟิงว่า “คุณกำลังพยายามจะฆ่าผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดของทั้งสองกิลเราจริงๆ !!! ฉันจะสู้กับคุณจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง !!!”
หลังจากที่บลูเกาน์พูดจบนั้น ความรุนแรงของออร่าของเธอก็พุ่งสูงขึ้นจนเทียบเท่ากับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบ
อย่างไรก็ตามก่อนที่เธอจะทันได้ลงมือใดๆ ซือเฟิงก็ได้ใช้สกิล Darkness Bind ใส่เธอทันที
โซ่หลายสิบเส้นปรากฎขึ้น และเข้าพันธนาการบลูเกาน์ไว้จำกัดไม่ให้เธอเคลื่อนไหวได้ และแม้ว่าความแข็งแกร่งของเธอจะเทียบเท่ากับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายขั้นสี่ แต่สิ่งที่เธอทำได้ตอนนี้ก็แค่จ้องมองไปยังซือเฟิงอย่างไม่สามารถจะขยับร่างกายได้เท่านั้น
หลังจากนั้นซือเฟิงก็มองไปยังบลูเกาน์และกล่าวว่า “คุณต้องใจเย็นๆหน่อย !!!”
“ใจเย็น ? คุณอยากให้ฉันใจเย็นงั้นหรอ ?!” ดวงตาของบลูเกาน์เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว “คุณฆ่ารองหัวหน้ากิลฮาร์ทไป แล้วมาบอกให้ฉันใจเย็นเนี่ยนะ ?!”
“ดูสถานการณ์ให้ชัดเจนก่อน !!!” ซือเฟิงตะโกน ขณะที่แผ่เจตนาฆ่าฟันของเขาพุ่งไปทางบลูเกาน์โดยตรง
เจตนาฆ่าฟันที่รุนแรงของซือเฟิงนั้นมันทำให้บลูเกาน์ตกใจในทันที และตอนนี้มันก็ทำให้ความโกรธของเธอค่อยๆลดลงราวกับว่าเธอเริ่มตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง จากนั้นเธอก็มองไปที่สภาพแวดล้อมโดยรอบเธอ
“มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกับฉันกัน ?”
ก่อนที่บลูเกาน์จะรู้ตัว เธอก็เห็นคนปรากฎขึ้นรอบๆตัวเธอมากขึ้น และอันยีลดิ้งฮาร์ทก็ยืนอยู่ท่ามกลางคนเหล่านี้ด้วย แถมเขาก็กำลังจ้องมองมายังเธอด้วยความสับสน
“บลู มันเกิดอะไรขึ้นกับคุณกัน ? ทำไมคุณพยายามฆ่าหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมอย่างบ้าคลั่งแบบนั้น ?” อิลูซะรี่เวิร์ดถามบลูเกาน์ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ทุกคนนั้นค่อยๆเดินก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวังเรื่อยๆ กระนั้นด้วยเหตุบางอย่างบลูเกาน์กับพุ่งเข้าใส่ซือเฟิง และโจมตีเขา แต่ก็โชคดีที่ซือเฟิงสามารถหลบมันได้ และรับมือกับเธอได้อย่างรวดเร็ว
“ภาพลวงตา …. ฉันติดอยู่ในภาพลวงตางั้นหรอ ?” บลูเกาน์ตกตะลึงกับสถานการณ์นี้ ทุกสิ่งที่เธอได้สัมผัสมาก่อนหน้านี้นั้นมันดูเหมือนจริงมากๆจนเธอไม่ทันสังเกตเลยว่ามีบางอย่างผิดพลาดไป
“ที่นี่มันอะไรกัน ?” อันยีลดิ้งฮาร์ทถามด้วยความประหลาดใจ “นี่หมายความว่าคุณจะติดอยู่ในภาพลวงตา แม้จะเดินอยู่เรื่อยๆงั้นหรอ ?”
อย่างไรก็ตามก่อนที่อันยีลดิ้งฮาร์ท และคนอื่นๆจะทันได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ซือเฟิงก็ได้แทง Abyssal Blade ของเขาเข้าใส่บลูเกาน์
“คุณทำอะไรกัน หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ?” อิลูซะรี่เวิร์ดถามด้วยความตกใจ ซือเฟิงเป็นจักรพรรดิดาบขั้นสี่ การโจมตีแบบสุ่มใดๆของเขาจะสามารถสร้างความเสียหายนับล้านให้กับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายได้ ดังนั้นการจะฆ่าบลูเกาน์ที่มี HP น้อยกว่าสามล้านนั้น เขาก็จะต้องเคลื่อนไหวไม่เกินหนึ่งครั้งด้วยซ้ำ ….
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปมันทำให้ทุกคนอ้าปากค้าง
นี่เป็นเพราะว่าการโจมตีของซือเฟิงนั้นไม่สามารถจะฆ่าบลูเกาน์ได้
ค่าความเสียหายมากกว่าสี่ล้านสี่แสนได้ปรากฎขึ้นเหนือหัวของบลูเกาน์ แต่แถบ HP ของการ์เดี้ยนไนท์กับลดลงไปแค่เล็กน้อยเท่านั้น โดยเธอสูญเสีย HP ไปแค่ราว
สามเปอเซ็นต์
“เป็นไปได้ยังไง ?!” อันยีลดิ้งฮาร์ทอดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความตกตะลึง เมื่อได้เห็นฉากนี้ หากความเสียหายมากกว่าสี่ล้านสี่แสนนั้นสามารถลด HP ของบลูเกาน์ไปได้แค่ราวสามเปอเซ็นต์ มันก็หมายความว่าเธอมี HP สูงสุดราวสองร้อยล้าน
ผู้เล่นที่มี HP สองร้อยล้านเนี่ยนะ ?
“มีมอนสเตอร์เข้ามาแทนบลูงั้นหรอ ?” อิลูซะรี่เวิร์ดก็ตกตะลึงกับสถานกาณ์นี้เช่นกัน นี่เป็นครั้งแรกเลยที่อิลูซะรี่เวิร์ดได้เห็นมอนสเตอร์ที่กลายร่างเป็นผู้เล่นได้ ยิ่งไปกว่านั้นบลูเกาน์ตรงหน้าของเธอก็ยังดูเหมือนตัวจริงมากๆ
อย่างไรก็ตามก่อนที่ทุกคนจะทันได้หายจากอาการตกตะลึงและประหลาดใจใดๆ ซือเฟิงก็ไปปรากฎตัวขึ้นข้างๆอิลูซะรี่เวิร์ด และฟันเธอด้วย Abyssal Blade
-6,434,654!
ความเสียหายมากกว่าหกล้านปรากฎขึ้นเหนือหัวของอิลูซะรี่เวิร์ด อย่างไรก็ตามมันก็เป็นเช่นเดียวกับบลูเกาน์ หรือจริงๆต้องบอกว่าหนักกว่าด้วยซ้ำ อิลูซะรี่เวิร์ดนั้นสูญเสีย HP ไปน้อยกว่าสามเปอเซ็นต์ซะอีก แม้ว่าจะได้รับการโจมตีที่ทำความเสียหายมากกว่าหกล้าน ขณะเดียวกันอิลูซะรี่เวิร์ดก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังซือเฟิงอย่างประหลาดใจ เธอไม่เข้าเลยจริงๆว่าทำไมเขาโจมตีเธอ ….
ในขณะเดียวกันอันยีลดิ้งฮาร์ทที่เห็นเรื่องราวทั้งหมดนี้ก็ได้แต่ยืนนิ่งอย่างงุนงง ตอนนี้เขาไม่รู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม นี่คุณกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ ?” หลังจากได้รับความเสียหายจากการโจมตีของซือเฟิง อิลูซะรี่เวิร์ดก็รีบถอยไปด้านหลัง และใช้สกิลเวทย์ฮีลตัวเองทำให้ HP ของเธอกลับมาเต็มทันที
“ฉันกำลังทำอะไรงั้นหรอ ?” ซือเฟิงหัวเราะเบาๆ “แน่นอนว่าฉันกำลังกำจัดมอนสเตอร์ไง !!!”
“มอนสเตอร์ ? นี่คุณพูดบ้าอะไรกัน ? ฉันจะเป็นมอนสเตอร์ได้ยังไง ? ฉันผู้เล่นจริงๆ !!!” ดวงตาของอิลูซะรี่เวิร์ดเบิกกว้างด้วยความสับสน ขณะที่เธอมองไปยังซือเฟิง ก่อนที่เธอจะรีบร้อนอธิบายว่า “ที่นี่มันต้องมีปัญหาบางอย่างแน่ !!!”
เมื่อทุกคนในทีมได้ยินคำพูดของอิลูซะรี่เวิร์ด พวกเขาก็พยักหน้าเห็นด้วยกับเธอ เพราะถ้าอิลูซะรี่เวิร์ดเป็นมอนสเตอร์จริงๆ เธอควรจะตอบโต้ซือเฟิงแล้ว หลังจากซือเฟิงโจมตีเธอ เธอคงไม่พยายามมาอธิบายตัวเองแบบนี้
ในระหว่างนั้นบลูเกาน์ก็มองดูตัวเองด้วยความตกใจ เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอได้กลายร่างเป็นมอนสเตอร์แล้ว “นี่ฉันกลายร่างเป็นมอนสเตอร์แล้วงั้นหรอ ?”
ตอนที่ 2756 ดินแดนต้องห้ามที่แท้จริง
การแสดงออก และคำพูดที่แปลกประหลาดของบลูเกาน์ และอิลูซะรี่เวิร์ดทำให้ทุกคนตกตะลึง
สรุปว่าบลูเกาน์และอิลูซะรี่เวิร์ดเป็นมอนสเตอร์รึปล่าว ?
ก่อนหน้านี้เมื่อพวกเขาเจอกับมอนสเตอร์ สิ่งที่พวกเขาต้องทำก็คือโจมตีมอนสเตอร์ดังกล่าว และหากพวกเขาไม่สามารถจะเอาชนะมอนสเตอร์เป้าหมายได้ พวกเขาก็แค่ต้องถอยหนีให้ไวที่สุด อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขาไม่สามารถบอกได้เลยว่ามอนสเตอร์ที่พวกเขาเผชิญอยู่นั้นมีอยู่จริงรึปล่าว นี่พวกเขาควรจะทำอะไรกับสถานการณ์นี้ดี ?
ทันใดนั้นทั้งทีมก็เงียบลง ก่อนที่ทุกคนจะหันไปมองเพื่อนร่วมทีมรอบๆตัวเองด้วยความกลัวว่าคนที่ยืนอยู่ข้างๆพวกเขาจะเป็นมอนสเตอร์ปลอมตัวมา
อิลูซะรี่เวิร์ดและบลูเกาน์นั้นก็มองตากันอย่างแปลกๆ เมื่อได้เห็นฉากนี้ นี่มันเป็นครั้งแรกเลยที่พวกเขาต้องเผชิญกับอะไรแบบนี้
อย่างไรก็ตามหลังจากบรรยากาศนี้ดำเนินไปหลายวินาที ทันใดนั้นท้องฟ้าที่มีแดดจ้าก็มืดมนลง ก่อนที่มันจะบังเกิดฟ้าผ่าและฟ้าร้องเต็มไปทั่วบริเวณ
ก่อนที่บลูเกาน์จะรู้ตัว ผู้คนรอบตัวเธอก็หายไปอีกครั้ง ในขณะเดียวกันมอนสเตอร์ที่สูงหกเมตรที่มีปากขนาดใหญ่ และไร้ร่างกายตามแบบมอนสเตอร์ปกติก็ปรากฎตัวขึ้นข้างๆเธอ และมันได้กลืนกินวิญญาณของเธอไปครึ่งหนึ่งแล้ว
แม้จะสังเกตเห็นมอนสเตอร์ตัวนี้ แต่เธอก็ทำได้แค่จ้องมองมันอย่างเงียบๆเหมือนหุ่นเชิดที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ เธอไม่สามารถจะขยับร่างกายของตัวเองได้เลยแม้ว่าเธอจะต้องการก็ตาม
อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาต่อมาดาบเวทย์มนต์ก็ได้แทงทะลุบริเวณที่เป็นหัวใจของมอนสเตอร์ตัวนี้ ซึ่งมันทำให้มอนสเตอร์ตัวนี้กรีดร้องอย่างเจ็บปวดออกมาจนบลูเกาน์รู้สึกว่าหัวของเธอกำลังจะระเบิด
“มันเกิดอะไรขึ้น ?”
บลูเกาน์ซึ่งตอนนี้ร่างกายคล้ายกับวิญญาณและดูไม่มีตัวตน ตอนนี้เธอไม่สามารถแยกแยะได้เลยจริงๆว่าอะไรเป็นของจริงหรือของปลอม มันราวกับว่าเธอตื่นขึ้นมาจากความฝันเพียงเพื่อจะเข้าสู่โลกแห่งความฝันอีกแห่งหนึ่ง
ก่อนที่เธอจะทันได้ตอบสนองใดๆ มอนสเตอร์ที่บาดเจ็บหนักก็กระโจนเข้าใส่เธออีกครั้ง โดยพยายามจะกลืนกินอาหารอันโอชะต่อหน้ามัน
ในขณะเดียวกันตอนนี้บลูเกาน์ที่กลับคืนสู่ร่างกายของเธอก็รู้สึกไร้พลังมากๆ เมื่ออยู่ต่อหน้ามอนสเตอร์ตัวนี้ และพูดกันตามตรงเพียงแค่อยู่ใกล้มัน มันก็ทำให้เธอรู้สึกตกใจและปวดหัวมากๆ
[วิญญาณกลืนกิน] (มอนสเตอร์วิญญาณ ลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่)
เลเวล 124
HP 440,000,000/440,000,000
อย่างไรก็ตามก่อนที่วิญญาณกลืนกินจะทันได้ไปถึงตัวของบลูเกาน์ ดาบเวทย์มนต์หลายเล่มก็พุ่งผ่านตัวมันไปอย่างรวดเร็ว
-34,514,724!
-71,514,654!
-35,164,412!
ค่าความเสียหายที่น่าสะพรึงกลัวนับสิบปรากฎขึ้นเหนือหัวของวิญญาณกลืนกินครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งนี่มันทำให้ HP ของลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่ลดลงไปถึงศูนย์ในเวลาอันรวดเร็ว ก่อนที่มอนสเตอร์ตัวนี้จะตายลงและกลายเป็นอนุภาคแสงหายไปอย่างรวดเร็ว โดยมันได้ดรอปเศษชิ้นส่วนคริสตัลนับโหลเอาไว้ในบริเวณที่มันตาย
“แบล๊คเฟรม ?”
บลูเกาน์มองไปยังซือเฟิงด้วยความสับสน เมื่อตกอยู่ในสภาพจิตใจที่อ่อนแอ เสียงของเธอที่พูดออกมานั้นมันก็เต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ และไม่มั่นใจ
“คุณพึ่งเผชิญหน้ากับการโจมตีทางจิตมา ซึ่งนี่มันผลาญค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของคุณไปเกือบครึ่งหนึ่ง ตอนนี้มันจะเป็นการดีที่สุดนะ ถ้าคุณไม่เดินหรือเคลื่อนไหวไปรอบๆโดยประมาท” ซือเฟิงกล่าวขณะที่เขามองไปที่บลูเกาน์ “โชคดีที่คุณสามารถจะเดินออกมาจากจุดที่ย่ำแย่ที่สุดได้ ไม่งั้นฉันคงไม่สามารถจะช่วยคุณได้”
“การโจมตีทางจิตงั้นหรอ ?” บลูเกาน์ผงะ “เป็นไปได้ยังไงกัน ?!” นี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่เธอได้ยินคำนี้ ยิ่งไปกว่านั้นทุกสิ่งที่เธอเคยสัมผัสมาก่อนหน้านี้มันก็รู้สึกจริงมากๆ เธอไม่เคยได้ประสบหรือได้ยินอะไรแบบนี้มาก่อนเลย
เธอเคยมีประสบการณ์การต่อสู้ที่น่ากลัวมาหลายครั้งก่อนหน้านี้ใน God domain อย่างไรก็ตามเธอไม่เคยประสบกับภาพหลอนที่น่ากลัวมากขนาดนี้มาก่อนเลย และเธอก็พบว่ามันยากที่จะจินตนาการมากๆว่าเรื่องแบบนี้มันมีจริง
“มันไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้ใน God domain โดยเฉพาะอย่างยิ่งในดินแดนต้องห้ามสำหรับมนุษย์ !!!” ซือเฟิงกล่าว ขณะที่เขาจ้องมองไปยังบลูเกาน์ที่ยังคงมีท่าทีไม่อยากจะเชื่อ ก่อนที่เขาจะส่ายหัวและกล่าวอธิอย่างไม่สามารถจะทำอะไรได้ว่า “มอนสเตอร์ใน God domain นั้นไม่ได้ถูกจำกัดวิธีการโจมตีให้มีแค่ทางกายภาพกับเวทย์มนต์เท่านั้น พวกมันยังมีวิธีที่ไม่รู้จักอีกมากมายใช้โจมตีและวางกับดักผู้เล่น แม้ว่าผู้เล่นจะมีพลังในการต่อสู้ที่เหนือกว่ามอนสเตอร์ แต่ผู้เล่นก็อาจจะถูกฆ่าได้ ถ้าไม่ระวัง”
“ก็ดูได้จากมอนสเตอร์พวกนี้เป็นตัวอย่าง มันเป็นมอนสเตอร์ที่สามารถใช้การโจมตีทางจิตได้ แม้ว่าคุณจะมีค่าสถานะพื้นฐานที่เหนือกว่า แต่ตราบใดที่คุณถูกโจมตีทางจิต และคุณไม่มีความแข็งแกร่งทางจิตที่มากพอ มันก็จะผลาญและทำลายค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของคุณไปได้เรื่อยๆจนกว่าคุณจะตาย !!! นี่คือเหตุผลที่เหล่าผู้เล่นจำเป็นต้องปรับปรุงทุกๆด้านไปพร้อมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจ ไม่ใช่แค่ค่าสถานะพื้นฐาน”
ในช่วงแรกของ God domain ผู้เล่นนั้นแทบจะไม่เคยเจอกับมอนสเตอร์ที่มีความสามารถในการโจมตีทางจิตเลย และต่อให้เจอ มอนสเตอร์แบบนี้ก็ยังคงมีพลังน้อยมาก อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบมา และหลังจากการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรกเกิดขึ้น ผู้เล่นก็จะพบกับมอนสเตอร์ที่มีความสามารถในการโจมตีทางจิตบ่อยขึ้น และถี่ขึ้น
ในขณะเดียวกันหากผู้เล่นไม่มีค่าความแข็งแกร่งทางจิตที่แข็งแกร่งเพียงพอ พวกเขาก็จะแทบไม่สามารถทำอะไรได้เลยเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีทางจิต แม้ว่าพวกเขาจะมีค่าสถานะพื้นฐานที่ทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อก็ตาม
ยกตัวอย่างเช่นบลูเกาน์ เธอได้เข้าไปติดอยู่ในพื้นที่ทางจิตของวิญญาณกลืนกิน และไม่สามารถจะหลบหนีออกมาได้เลย แต่มันก็โชคดีที่เธอไม่ได้ตายในพื้นที่ทางจิต ไม่งั้นแม้ว่าเขาจะสามารถช่วยเธอจากวิญญาณกลืนกินได้ แต่ทั้งหมดที่เขาจะช่วยออกมาได้คือร่างที่ว่างเปล่าเท่านั้น
ใน God domain การตายภายในพื้นที่ทางจิตนั้นไม่ต่างจากการตายในโลกภายนอกเลย พูดง่ายๆก็คือการตายในพื้นที่ทางจิตนั้นมันคือการตายแบบวิญญาณ นี่คือสาเหตุที่ผู้เล่นบางส่วนในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขาไม่กล้าจะยั่วยุ NPC ขั้นห้าเลย เพราะ NPC ขั้นห้าส่วนใหญ่มักจะใช้การโจมตีทางจิตได้
ในขณะเดียวกันความทุกข์ทรมาณที่ผู้เล่นจะได้รับจากการตายแบบวิญญาณนั้นมันมากกว่าการตายทั่วไปมาก และอย่างเลวร้ายที่สุด ผู้เล่นมีสิทจะต้องสูญเสียทั้งไอดี และต้องไปเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด
หลังจากซือเฟิงพูดจบ เขาก็หันกลับมาสนใจควบคุมดาบเวทย์มนต์เพื่อช่วยเหลือคนอื่นๆต่อ
“นี่คือดินแดนต้องห้ามที่แท้จริงงั้นหรอ ?”
เมื่อบลูเกาน์มองไปที่ความตายและการทำลายล้างที่อยู่รอบตัวเธอ ในที่สุดเธอก็ได้ตระหนักว่าเทือกเขาที่ถูกทำลายนั้นน่ากลัวกว่าที่เธอคิด
เมื่อเทียบกับการต่อสู้ที่เธอเคยสัมผัสมาก่อนหน้านี้ การต่อสู้ตรงหน้าของเธอมันอยู่ในระดับที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
ยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ามันจะมีรูปแบบการต่อสู้แบบนี้อยู่ในเกมเสมือนจริงด้วย
แม้ว่าค่าสถานะพื้นฐานของวิญญาณกลืนกินจะด้อยกว่าเธอ แต่เธอก็รู้สึกหมดหนทางและไร้พลังมากๆ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับวิญญาณกลืนกิน และในตอนที่วิญญาณกลืนกินพุ่งเข้าหาเธอก่อนหน้านี้ เธอก็รู้สึกปวดหัวอย่างมากจนแทบยืนไม่อยู่ ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงการจะควบคุมร่างกายของตัวเองให้ต่อสู้เลย
บลูเกาน์ไม่ได้เป็นเหยื่อรายเดียวของการโจมตีของวิญญาณกลืนกิน มันมีคนอื่นๆอีกหลายสิบคนที่ตกเป็นเหยื่อเช่นกัน
ในปัจจุบันมีเพียงสิบเก้าคนเท่านั้นที่สามารถจะหลีกเลี่ยงการโจมตีของวิญญาณกลืนกินได้ และจากสิบเก้าคนนี้ ทีมนักผจญภัยอาชูร่ามีจำนวนผู้ที่สามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีได้มากที่สุด โดยมีเก้าคน ขณะที่จักรพรรดิคริมสัน และอันยีลดิ้งโซลมีอย่างละห้าคนเท่านั้น
ในเวลานี้ทุกคนได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะช่วยผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ อย่างไรก็ตามผู้ที่ตกเป็นเหยื่อบางคนก็ไม่สามารถจะช่วยเหลือได้แล้ว
ความเร็วในการกลืนกินของวิญญาณกลืนกินนั้นแตกต่างออกไปตามแต่ละคน บางคนก็ช้า บางคนก็เร็ว บางคนก็เร็วจนเห็นได้ชัดมาก ซึ่งนี่มันเป็นเพราะเรื่องของค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจที่แตกต่างกันของผู้เล่นนั่นเอง
โดยตอนนี้ผู้ที่มีค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจอ่อนแอมากก็จะถูกกลืนกินวิญญาณไปจนแทบไม่เหลือแล้ว
เมื่อบลูเกาน์สังเกตเห็นคลีนซิ่งวิสเซิลของทีมอาชูร่า ซึ่งมีอายุไล่เลี่ยกันกับตัวเธอเองกำลังต่อสู้กับวิญญาณกลืนกิน เธอก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ นี่ฉันอ่อนแอกว่าเธอมากงั้นหรอ ? บลูเกาน์นั้นอดไม่ได้จริงๆที่จะตกตะลึงและสับสนมากๆ ขณะที่เธอมองไปยังคลีนซิ่งวิสเซิล
เธอคิดว่าตัวเองเป็นคนที่เก่งที่สุดคนหนึ่งในบรรดาพรรคพวกของเธอ และกิลของเธอก็ยังยอมรับว่าเธอเป็นหนึ่งในสามรุ่นเยาว์ที่มีความสามารถมากที่สุด แต่จริงๆแล้วดูเหมือนว่าเธอจะด้อยกว่าคลีนซิ่งวิสเซิลซึ่งมาตราฐานการต่อสู้ยังเข้าไม่ถึงขอบเขตอนันต์ด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามก่อนที่บลูเกาน์จะทันได้หายจากอาการตกตะลึง เธอก็รู้สึกว่ามีความเย็นจัดเข้ามาห่อหุ้มร่างกายของเธอไว้ ซึ่งมันราวกับว่ามีบางอย่างจ้องมองมาที่วิญญาณของเธอโดยตรง
“อะไรกัน ?!”
“นี่มันเรื่องโกหกใช่ไหม ?! เราจะสู้กับสิ่งนี้ได้ยังไงกัน ?!”
บลูเกาน์ไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกได้ถึงสิ่งนี้ ทุกคนเองก็รู้สึกได้เช่นกัน โดยเฉพาะกับอิลูซะรี่เวิร์ดและอันยีลดิ้งฮาร์ทที่พวกเขาได้มองไปยังทิศทางของที่มามันทันที และตัวของพวกเขาก็สั่นสะท้านด้วยความกลัว
มอนสเตอร์สามหัวที่มีความสูงสามสิบเมตรปรากฎตัวอยู่เหนือทีม และทุกย่างก้าวที่มันก้าวก็ทำให้ทุกคนนั้นตัวสั่นสะท้านด้วยความกลัว
[โทเดลย่าผู้ขับกล่อมวิญญาณ (ลอร์ดแห่งดินแดน)] (ระดับผู้อาวุโสเทพนิยาย)
เลเวล 128
HP 20,500,000,000/20,500,000,000
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น