Reincarnation Of The Strongest Sword God 2731-2734
ตอนที่ 2731 ไม่สามารถจะเชื่อได้
แม้ว่าน้ำเสียงของ Prosciutto จะฟังดูเรียบๆ แต่คำที่เขาพูดมันก็ดังก้องสนั่นในใจของทุกคน
“ถูกทำลายล้างลงไปอย่างราบคาบ ?” ลีน่าตรวจสอบภาพในวีดีโออีกครั้ง ครู่ต่อมาหัวใจของเธอก็เริ่มเต้นแรง และการหายใจของเธอก็หยุดชะงักไป
นอกจากทรายที่อยู่บนพื้นแล้ว มันไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดเลยในรัศมีหนึ่งพันหลาที่แสดงในวีดีโอ อย่างไรก็ตามหลังจากตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน เธอก็สังเกตเห็นกองต้นไม้ที่ล้มซ้อบทันกับอยู่นอกรัศมีหนึ่งพันหลา
โดยต้นไม้เหล่านี้ส่วนใหญ่ถูกถอนรากถอนโคน และก็แตกกระจายออกเป็นเศษซากหลายสิบชิ้น
จากนั้นวีดีโอมันก็ซูมออก และทำให้เธอพบว่าจริงๆแล้วพื้นที่ที่เต็มไปด้วยทรายนั้นเดิมเคยเป็นป่าใหญ่มาก่อน และมันดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างที่ได้ทำลายล้างพื้นที่บริเวณนี้ไป
“เป็นไปได้ยังไงกัน ?!” นักเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสามที่อยู่ในขอบเขตอนันต์อุทาน “บริเวณที่เป็นทรายนั้นมันไม่มีมานาเลย !!!”
เมื่อได้ยินคำพูดของนักเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสาม ลีน่าและคนอื่นๆก็เริ่มตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทันที และพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง
พวกเขาลืมไปแล้วจริงๆว่าสิ่งที่เรียกว่าวีดีโอการต่อสู้นั้นจริงๆแล้วมันคือเวทย์มนต์บันทึกประเภทหนึ่งใน God domain ซึ่งสามารถจะบันทึกสถานการณ์ของสนามรบได้อย่างสมบูรณ์แบบ รวมไปถึงมานาโดยรอบด้วย สิ่งนี้มันทำให้ผู้เล่นสามารถจะวิเคราะห์สถานการณ์การต่อสู้ได้อย่างแม่นยำ
ในขณะเดียวกันเมื่อพวกเขาดูวีดีโอการต่อสู้นี้ พวกเขาก็รู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังดูวีดีโอในโลกแห่งความจริง พวกเขามองไม่เห็นมานาในสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างสิ้นเชิง
“นี่ฝีมือสภาสิบแปดปีกงั้นหรอ ?” ลีน่าถาม ขณะที่เธอมองไปยังภาพของพื้นที่อันรกร้างกลางป่า
พื้นที่รกร้างนี้มีรัศมีหนึ่งพันหลา ยิ่งไปกว่านั้นโดยรอบพื้นที่มันยังดูว่าจะถูกกำจัดมานาออกไปทั้งหมด ซึ่งมันเป็นสิ่งที่แม้แต่สกิลเวทย์ทำลายล้างแบบ AOE ขั้นสี่ ก็ยังจะทำให้สำเร็จได้ยากมากๆ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่าผู้ขั้นสี่เพียงคนเดียวของสภาสิบแปดปีกที่พวกเขารู้ว่ามีอยู่จริงๆคือแบล๊คเฟรม
“ใช่แล้ว บางคนจากสภาสิบแปดปีกเป็นผู้กระทำมัน และตามรายงานที่เราได้รับมา คนๆนั้นน่าจะเป็นอควาโรส หนึ่งในรองหัวหน้ากิลของสภาสิบแปดปีก เพียงแต่ว่าความแข็งแกร่งของเธอยังคงจัดว่าเป็นปริศนา” โอดินกล่าวพลางพยักหน้า “อย่างไรก็ตามหากวัดจากมาตราส่วนของเวทย์มนต์ เราก็คิดว่าเธอน่าจะเป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่ที่สามารถจะใช้เวทย์ทำลายล้างขนาดใหญ่แบบ AOE ขั้นสี่ได้ และเธอก็น่าจะมีพลังทำลายล้างมากกว่าแบล๊คเฟรมประมาณสิบเท่า”
“เป็นไปได้ยังไงกัน ?!”
“สภาสิบแปดปีกไม่ใช่แค่กึ่งมหาอำนาจที่กำลังมาแรงงั้นหรอ ?”
หลังจากได้ยินการวิเคราะห์แบบง่ายๆของโอดิน สมาชิกของไมโทโลจี้ก็เงียบไปเป็นเวลานาน และพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยความจริงในรายงาน
สภาสิบแปดปีกไม่เพียงจะมีจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่ แต่จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ยังใช้เวทย์ทำลายล้างขนาดใหญ่แบบ AOE ขั้นสี่ ได้ด้วย ….
หากเป็นเช่นนั้น เรื่องนี้มันจะร้ายแรงกว่าที่พวกเขาคิดมาก
เพราะท้ายที่สุดแล้วจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่ที่มีเวทย์ทำลายล้างขนาดใหญ่แบบ AOE ขั้นสี่ จะสามารถทำลายเมืองใหญ่ๆของ NPC ลงได้อย่างง่ายดาย และในระยะนี้ของเกม การดำรงอยู่ของตัวตนเช่นนี้จะจัดเป็นอมตะเลยไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้แบบรุกหรือรับก็ตาม
ในขณะเดียวกัน ในการแข่งขันครั้งนี้ มันจะไม่ได้สำคัญสำหรับจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่เลยว่าจะมีผู้เล่นเฝ้าปกป้องพื้นที่ทรัพยากรกี่คน เพราะทั้งหมดที่จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่ต้องทำก็แค่ใช้เวทย์ทำลายล้างขนาดใหญ่แบบ AOE ขั้นสี่ปิดงานทั้งหมด และถ้ามันยังไม่เพียงพอ จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ก็น่าจะใช้เวทย์อื่นๆครั้งที่สองและสามตามมาอีกได้
“แต่ … เราจะ … ยอมแพ้อย่างนี้จริงๆหรอ ?” ลีน่าถาม
ไมโทโลจี้นั้นเป็นหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด ดังนั้นนี่มันจึงถือเป็นความอัปยศอดสูมากๆ เมื่อพวกเขาถูกยั่วยุและเอาชนะได้ในการแข่งขันแบบนี้ ซึ่งหากไมโทโลจี้ไม่เริ่มทำอะไรสักอย่าง กิลทั่ว God domain อาจเริ่มดูถูกไมโทโลจี้ก็ได้
“ไม่แน่นอน” โอดินกล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อว่า “เราต้องจัดการกับเรื่องนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา เราควรจะเรียนรู้จากตัวอย่างที่มิราเคิลกระทำ”
“เรียนรู้จากตัวอย่างที่มิราเคิลกระทำ ?” ลีน่าสับสนมากขึ้น เมื่อได้ยินคำพูดของโอดิน
มิราเคิลนั้นเป็นมหาอำนาจที่ทรงพลังสูงกว่าค่าเฉลี่ยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แล้วกิล
อย่างไมโทโลจี้จะไปเรียนรู้อะไรจากมิราเคิลกัน ?
“ท่านโอดินพูดถูก เราต้องเรียนรู้จากตัวอย่างที่มิราเคิลกระทำ ….” Prosciutto กล่าวด้วยดวงตาที่สดใส “เราต้องเผยแพร่เรื่องนี้ออกไปให้สาธารณชน และทุกกิลที่เข้าร่วมการแข่งขันรับรู้ สภาสิบแปดปีกอาจจะช่วยให้ฟรอสต์ฮีฟเว่นได้ตำแหน่งสำรองตำแหน่งที่สุดที่เหลือสุดท้ายไปในครั้งนี้ แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือวันที่เป็นจุดจบของพวกเขามันจะเริ่มมาถึงแล้ว เมื่อพวกเขาได้รับตำแหน่งสำรองนี้ไป !!!”
ตำแหน่งสำรองของสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน God domain นั้นมีไว้สำหรับผู้มีความสามารถ หากกิลอาศัยความแข็งแกร่งของคนเพียงแค่ไม่กี่คนเพื่อยึดตำแหน่งนี้ไป มันก็จะมีเพียงแต่การทำลายล้างเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่
ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากการแข่งขันครั้งนี้ สภาสิบแปดปีกจะถือว่าถูกเปิดตัวขึ้นมาในระดับนานาชาติเรียบร้อย
ซึ่งการที่สภาสิบแปดปีกได้ใช้ไมโทโลจี้เป็นหินสำหรับก้าวข้ามนั้น มันก็จะไม่ใช่แค่ปัญหาของไมโทโลจี้เท่านั้น อีกสี่ซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดก็จะไม่สามารถเพิกเฉยต่อสภาสิบแปดปีกได้เช่นกัน เพราะท้ายที่สุดแล้วพวกเขาทั้งหมดจะไม่ยอมให้มีใครขึ้นมาแทนที่หรือใช้พวกเขาได้แน่นอน !!!
“ดี งั้นฉันจะฝากเรื่องนี้ไว้ให้คุณจัดการ …” โอดินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เมื่อเห็นว่า Prosciutto ตระหนักถึงสิ่งที่ต้องทำ จากนั้นเขาก็หายไปจากกลุ่มของ Prosciutto ราวกับเขาไม่เคยอยู่ที่นี่มาก่อน
หลังจากนั้นไม่นานสาธารณชนและทุกกิลที่เข้าร่วมการแข่งขันก็ได้รับข่าวสารที่น่าอัศจรรย์
สภาสิบแปดปีกเอาชนะไมโทโลจี้ และชิงพื้นที่ทรัพยากรของไมโทโลจี้ไปได้ห้าแห่ง !!!
วีดีโอการต่อสู้ที่พื้นที่ทรัพยากรทั้งห้าแห่งของไมโทโลจี้นั้นได้ถูกเผยแพร่ไปยังมหาอำนาจต่างๆอย่างรวดเร็ว ภาพที่แบล๊คเฟรมสามารถฆ่าแซนด์สตอร์มได้อย่างรวดเร็ว ภาพที่เสวี่ยเหวินโหรวฆ่าผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดมากกว่าสามสิบคนได้ในการเคลื่อนไหวเดียว ภาพที่อควาโรสได้ทำลายล้างพื้นที่ทรัพยากรจนราบคาบ และภาพที่โคล่ากับไวโอเล็ตคลาวด์ประสานงานกันต่อสู้จนทำให้เดมอนเร็คถอยไปได้ รวมทั้งภาพที่โฮวาร์ดวอร์ซถูกสมาชิกสภาสิบแปดปีกฆ่าล้วนถูกเผยแพร่ไปทั้งหมด
หลังจากความสำเร็จทั้งหมดนี้ ฟรอสต์ฮีฟเว่นก็ได้กลายเป็นม้ามืดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการแข่งขันครั้งนี้ !!
ข่าวนี้ทำให้บรรดากิลที่เข้าร่วมการแข่งขันล้วนเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากเช่นกัน
“นี่มันเป็นข่าวปลอม มันจะต้องเป็นข่าวปลอมแน่นอน !!!”
“สภาสิบแปดปีกและฟรอสต์ฮีฟเว่นเพิ่งจะเปิดการโจมตีเข้าใส่ไมโทโลจี้เมื่อไม่นานมานี้ไม่ใช่หรอ ? แล้วการต่อสู้มันจะจบลงอย่างรวดเร็วขนาดนี้ได้ยังไงกัน ?”
“จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่ ?! เป็นไปได้ยังไงกัน ?!”
กิลต่างๆที่เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ล้วนเต็มไปด้วยความตกตะลึงและไม่อยากจะเชื่อมากๆ กับข้อมูลที่พวกเขาได้รับมา อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ต้องทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ เพราะท้ายที่สุดแล้ววีดีโอการต่อสู้มันไม่ใช่ของที่จะสามารถปลอมได้ แถมพลังที่ไมโทโลจี้แสดงออกมานั้น มันก็ยังมีมากมายมหาศาล แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังคงแพ้ให้กับสภาสิบแปดปีกอยู่ดี …. ไมโทโลจี้แพ้ให้กับสภาสิบแปดปีก กิลที่ไม่ใช่แม้แต่มหาอำนาจที่แท้จริง จริงๆ !!!
“พวกเขาบอกว่าสภาสิบแปดปีกไม่มีภูมิหลังใดๆไม่ใช่หรอ ?”
“นี่สภาสิบแปดปีกเป็นกิลแบบไหนกัน ?’
ในช่วงเวลาหนึ่งมหาอำนาจต่างๆนั้นเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและสับสนมากๆเกี่ยวกับกิลที่มีชื่อว่าสภาสิบแปดปีก แม้จะเป็นกิลเล็กๆที่ไม่มีใครหนุนหลัง แต่สภาสิบแปดปีกกับสามารถสร้างจักรพรรดิดาบขั้นสี่ และจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่ขึ้นมาได้ จะให้พวกเขาพาตัวเองไปเชื่อเรื่องนี้ได้ยังไงกัน ?
สำหรับผู้เล่นทีมอยู่ในที่นั่งปกติของผู้ชม พวกเขาต่างก็ตกตะลึงกับสถานการณ์นี้เช่นกัน
พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าในช่วงเวลาที่ซือเฟิงกำลังต่อสู้กับหนึ่งในทีมของไมโทโลจี้ มันจะมีการต่อสู้ที่น่าอัศจรรย์เกิดขึ้นที่อื่นเช่นกัน และพวกเขาก็รู้สึกเสียใจมากที่พลาดการต่อสู้เหล่านี้
หลังจากได้เห็นความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีก พวกระดับสูงของพันธมิตรดวงดาวและอันยีลดิ้งโซลก็อดไม่ได้ที่จะคร่ำครวญถึงสถานการณ์นี้ พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า หลังจากไม่ได้พบกับสภาสิบแปดปีกมาระยะหนึ่ง กิลจะเติบโตขึ้นไปจนถึงระดับนี้แล้ว
ขั้นสี่ !!! นี่มันคือพลังที่แท้จริงสินะ !!! เปลวไฟที่เร่าร้อนที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้ลุกขึ้นในจิตใจของเพอเพิ้ลอาย ขณะที่เธอได้เฝ้าดูการต่อสู้กันระหว่างซือเฟิง และแซนด์สตอร์ม ตราบใดที่ฉันสามารถไปถึงขั้นสี่ได้ กิลของฉันก็จะสามารถก้าวขึ้นไปสู่เวทีระดับนานาชาติได้เช่นกัน !!!
ในเวลานี้เพอเพิ้ลอายไม่ใช่คนเดียวที่มีความคิดเช่นนนี้ ผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนาจต่างๆที่เฝ้าดูอยู่ในห้อง VIP ก็ล้วนมีความคิดเดียวกัน ตอนนี้ทุกคนเริ่มตั้งเป้าแล้วว่าจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อให้ตัวเองไปถึงขั้นสี่ หลังจากการแข่งขันครั้งนี้
ขณะเดียวกันไม่เหมือนกับปฎิกิริยาที่ตื่นเต้นของผู้ชม มิราเคิล และ Sacred Temple นั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึงและความเกลียดชังต่อการแสดงของสภาสิบแปดปีก
ในตอนแรกทั้งสองกิลเชื่อว่าตำแหน่งสำรองตำแหน่งที่หกซึ่งเป็นตำแหน่งสุดท้ายนั้นจะอยู่ในเงื้อมมือของพวกเขากิลใดกิลหนึ่ง แต่ตอนนี้เมื่อมีคู่แข่งที่ทรงพลังอีกกิลปรากฎตัวขึ้นมา มันก็ทำให้ทั้งสองกิลไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเริ่มโจมตีและเข้าแย่งชิงพื้นที่ทรัพยากรเพิ่มเติม ไม่งั้นพวกเขาจะไม่สามารถรักษาความได้เปรียบในปัจจุบันที่พวกเขามีอยู่ได้จนสิ้นสุดการแข่งขัน
ในขณะเดียวกันเมื่อเซเว่นวอร์นเดอร์ได้รับข่าวเกี่ยวกับการแสดงพลังของสภาสิบแปดปีก เขาก็รู้สึกมีความสุขและตื่นเต้นมากๆในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาไม่ได้คิดเลยว่าผู้ช่วยเหลือที่หงซินหยวนคัดเลือกมาจะมีพลังมากพอที่จะดึงฟรอสต์ฮีฟเว่นออกจากสถานการณ์ที่สิ้นหวัง และให้โอกาสในการชิงตำแหน่งสำรองตำแหน่งที่สุดท้ายได้
เพื่อให้แน่ใจว่าฟรอสต์ฮีฟเว่นจะได้ตำแหน่งสำรองตำแหน่งสุดท้ายมา หลังจากที่ฟรอสต์ฮีฟเว่นได้กลายเป็นอันดับหนึ่งของเกาะหมายเลขสิบเจ็ดแล้ว เซเว่นวอร์นเดอร์ก็ได้นำทีมไปยังเกาะอื่นๆต่อเพื่อโจมตีและแย่งชิงพื้นที่ทรัพยากร
ในช่วงเวลาหนึ่ง มิราเคิล Sacred Temple และฟรอสต์ฮีฟเว่นนั้นได้ต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่งไปทั่วสนามรบของทุกเกาะที่พวกเขามีสมาชิกอยู่ และแม้จะต้องทนทุกข์ทรมาณกับการบาดเจ็บล้มตายครั้งใหญ่ แต่ทั้งสามกิลก็ยังคงสู้ต่อไปจนกระทั่งเสียงระฆังยุติการแข่งขันดังขึ้น ในขณะเดียวกันหลังจากการแข่งขันสิ้นสุดลงแล้ว หน้าจอโฮโลแกรมขนาดใหญ่ก็ปรากฎขึ้นบนเกาะทุกเกาะ ซึ่งหน้าจอนี้มันแสดงผลคะแนนรวมที่
ทุกกิลได้รับมาตลอดการแข่งขัน
ไมโทโลจี้ – 12,610 แต้ม
แพนธีออน – 3,920 แต้ม
ตระกูลมังกรฟ้า – 4,550 แต้ม
จักรวรรดิโลกใต้พิภพ – 13,350 แต้ม
มิราเคิล – 5,230 แต้ม
…
Sacred Temple – 5,180 แต้ม
เมื่อชื่อของกิลที่เข้าร่วมการแข่งขันเริ่มปรากฎขึ้นมาทีละกิล สมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่นก็เต็มไปด้วยความกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะแต้มระหว่างมิราเคิล ฟรอสต์ฮีฟเว่น และ Sacred Temple นั้นน่าจะแตกต่างกันไม่มากนัก แม้ว่าฟรอสต์ฮีฟเว่นจะมีจำนวนคนน้อยกว่าก็ตาม ในความเป็นจริงระหว่างการแข่งขัน ซือเฟิงก็ยังต้องออกโจมตีพื้นที่ทรัพยากรแห่งอื่นๆเป็นการส่วนตัว และปล่อยให้สมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่นได้มาสวมใส่ตราทรัพยากรเพื่อให้กิลสามารถสะสมคะแนนได้เรื่อยๆ และแม้ว่ามันจะมีบางกรณีที่กิลอื่นเข้ามาขโมยพื้นที่ทรัพยากรของฟรอสต์ฮีฟเว่นได้สำเร็จ แต่พื้นที่ทรัพยากรเหล่านี้ก็จะถูกยึดคืนอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้เสวี่ยเหวินโหรว และอควาโรส ก็ยังต้องเดินทางไปๆมาๆระหว่างพื้นที่ทรัพยากรต่างๆเพื่อป้องกันการซุ่มโจมตีจากกิลอื่นด้วย
“เราต้องทำสำเร็จสิ !!!”
มู่ฉินรู้สึกประหม่าอย่างไม่น่าเชื่อ ขณะที่เธอมองไปยังหน้าจอ
ฟรอสต์ฮีฟเว่นได้รับความสูญเสียอย่างมากในระหว่างการแข่งขันครั้งนี้ และเมื่อการแข่งขันจบลง ฟรอสต์ฮีฟเว่นก็มีสมาชิกเหลือน้อยกว่าสองพันคน ซึ่งผู้อาวุโสหกคน และผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเขาสองคนพร้อมกับบริลเลี่ยนบลูก็ได้ตายลงในระหว่างการต่อสู้ ซึ่งนี่มันนับเป็นความสูญเสียอย่างมากมายมหาศาลของกิลเลย
ในเวลานี้แม้แต่ซือเฟิงก็ไม่สามารถจะสงบสติอารมณ์ได้ เขาไม่เคยคิดมมาก่อนเลยว่ามิราเคิล และ Sacred Temple จะจับมือเป็นพันธมิตรกับกิลอื่นอย่างลับๆเพื่อโจมตีพื้นที่ทรัพยากรของฟรอสต์ฮีฟเว่นเรื่อยๆ และบังคับให้เขาต้องเดินทางไปๆมาๆเรื่อยๆระหว่างเกาะต่างๆ ดีที่ว่าเขายังได้ให้อควาโรสจัดการทำลายล้างพื้นที่ทรัพยากรสิบเอ็ดแห่งลงไปอย่างราบคาบ เขาจึงสามารถจะยับยั้งกิลอื่นๆจากการโจมตีและแย่งชิงพื้นที่ทรัพยากรของฟรอสต์ฮีฟเว่นไปได้ระดับหนึ่ง
ตอนนี้สภาสิบแปดปีกได้ใช้ไพ่ที่ตัวเองมีแทบทั้งหมดออกมาแล้ว และพวกเขาก็ได้เปิดเผยหลายสิ่งออกมาต่อหน้ามหาอำนาจต่างๆ หากฟรอสต์ฮีฟเว่นยังคงล้มเหลวในการจะได้รับตำแหน่งสำรองตำแหน่งสุดท้ายที่เหลือในการแข่งขันครั้งนี้ สภาสิบแปดปีกก็จะมีแต่เส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนามรออยู่ข้างหน้าแน่นอน
ช่วงเวลาต่อมาหลังจากที่มีรายชื่อกิลมากกว่ายี่สิบกิลปรากฎขึ้น ในที่สุดมันก็ถึงคิวที่ชื่อของฟรอสต์ฮีฟเว่นจะปรากฎขึ้นมา
ฟรอสต์ฮีฟเว่น – 5,260 แต้ม
ตอนที่ 2732 จุดเริ่มต้นที่แท้จริง
“เราทำได้ !!”
“เราทำได้จริงๆ !!!”
มู่ฉินและสมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่นคนอื่นๆนั้นเต็มไปด้วยความสุขมากๆ เม่อได้เห็นคะแนนของกิลพวกเขา สมาชิกหลายคนถึงกับร้องออกมาด้วยความดีใจ ขณะที่หลายคนก็ชื่นชมยินดีกับช่วงเวลาแห่งชัยชนะนี้
เกือบไปแล้วจริงๆ …. ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา เมื่อได้เห็นคะแนน
ในท้ายที่สุดฟรอสต์ฮีฟเว่นก็สามารถจะเฉือนชนะมิราเคิลไปได้ด้วยการมีคะแนนมากกว่าเพียงสามสิบแต้มเท่านั้น ซึ่งนี่มันก็นับเป็นหนึ่งชั่วโมงในพื้นที่ทรัพยากรขั้นสูง หากไม่ใช่เพราะมันมีกิลบางส่วนที่เลือกจะยอมแพ้ในการโจมตีและแย่งชิงพื้นที่ทรัพยากรของฟรอสต์ฮีฟเว่น บางทีมิราเคิลอาจจะได้ตำแหน่งสำรองตำแหน่งสุดท้ายที่เหลือไปแทน
ซือเฟิงต้องยอมรับเลยว่ารากฐานของมิราเคิลนั้นแข็งแกร่งกว่าซุเปอร์กิลบางกิลซะอีก
โชคดีที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน ตอนนี้เมื่อฟรอสต์ฮีฟเว่นได้ตำแหน่งสำรองตำแหน่งสุดท้ายไป เราก็จะได้รับช่องเข้าสู่ Upper Zone และได้รับสิทธิพิเศษในการควบคุมเมืองในอาณาจักรด้วย
เมื่อซือเฟิงเห็นกิลที่มีรายชื่อทั้งหมดเริ่มถูกจัดระเบียบใหม่ตามคะแนนของพวกเขา และมันก็ชัดเจนว่าฟรอสต์ฮีฟเว่นเข้าไปอยู่อันดับหกอย่างเป็นทางการ เขาก็เริ่มพิจารณาถึงขั้นตอนต่อไปของแผนเขาทันที
ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขาการมาถึงของการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรกทำให้โครงสร้างอำนาจของ God domain เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากการเพิ่มเข้ามาของกองกำลัง NPC มันจึงทำให้คู่แข่งของมหาอำนาจต่างๆไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่มหาอำนาจกลุ่มอื่นๆอีกต่อไป พูดกันตรงๆกองกำลัง NPC นั้นได้กลายมาเป็นคู่แข่งที่รับมือได้ยากที่สุดเลยด้วยซ้ำ
กองกำลัง NPC เหล่านี้ไม่ใช่องค์กรธรรมดา
ก่อนที่ God domain จะได้รับการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรก จำนวนประชากร NPC ของ God domain นั้นถือว่ามีน้อยมากๆ อย่างไรก็ตามหลังจากการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรก จำนวนประชากรของ NPC ก็เพิ่มขึ้นย่างมากมายมหาศาล
นอกเหนือจากจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร NPC แล้ว กองกำลัง NPC ที่โดยปกติจะถูกกล่าวถึงแค่เฉพาะในหนังสือหรือการสนทนาระหว่าง NPC เท่านั้น จะถูกเปิดตัวออกมาอย่างเป็นทางการในเกม ในความเป็นจริง ในอีกไม่กี่วันมหาอำนาจต่างๆจะค้นพบเรื่องที่น่ากลัว แม้ว่าประชากรผู้เล่นของ God domain จะมีมากเพียงใด แต่ความจริงหลังจากนี้ก็คือ ผู้เล่นทั้งหมดก็ยังนับเป็นส่วนน้อยเท่านั้นของผู้ที่อยู่อาศัยใน God domain
ใช่แล้ว แม้ว่าผู้เล่นในปัจจุบันของ God domain ทั้งหมดจะมีจำนวนมากกว่าหมื่นล้านคน แต่ผู้เล่นก็จะยังเป็นแค่เพียงส่วนน้อยเท่านั้นของผู้ที่อยู่อาศัยใน God domain
ในอนาคต อาณาจักร NPC ใดๆก็ตามจะมี NPC มากกว่าสองพันล้านคน ขณะที่ประชากรผู้เล่นในปัจจุบันสามารถจะเทียบได้กับประชากร NPC ราวห้าถึงหกอาณาจักรเท่านั้น และสำหรับจักรวรรดิ ประชากรผู้เล่นก็น่าจะเทียบได้กับประชากร NPC ในหนึ่งจักรวรรดิเท่านั้น
อย่างไรก็ตามผู้เล่นของ God domain นั้นกระจัดกระจายกันอยู่ไปทั่วตามอาณาจักร และจักรวรรดิของทวีปหลักทั้งสองด้าน นอกจากนี้มันก็ยังมีผู้เล่นจำนวนมากที่อาศัยอยู่ในโลกอื่น ดังนั้นในอนาคตกองกำลังท้องถิ่นจะกลายเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรและจักรวรรดิต่างๆ
ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรก ปัญหาที่รุนแรงก็จะปรากฎขึ้น ซึ่งนั่นก็คือการหายไปของกลไกการป้องกันสำหรับผู้เล่น ณ จุดนี้ผู้เล่นส่วนใหญ่ยังไม่ทราบถึงการมีอยู่ของกลไกการป้องกันนี้ด้วยซ้ำ นี่เป็นเพราะว่ากลไกนี้นั้นมันมีอยู่เพื่อป้องกัน NPC จากการกำหนดเป้าหมายมาที่ผู้เล่นโดยเฉพาะ
ดังนั้นมันจึงทำให้ผู้เล่นส่วนใหญ่จะไม่สังเกตเห็นการมีอยู่ และจุดประสงค์ที่แท้จริงของมัน เนื่องจากพวกเขาใช้ประโยชน์จากมันตามปกติทุกวัน
อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้จะเปลี่ยนไปในโลกของ God domain ในอนาคต ตราบใดที่ผู้เล่นออกไปจากเมือง พวกเขาก็จะไม่ได้รับการปกป้องจากกลการป้องกันนี้อีกต่อไป
ซึ่งนี่มันหมายความว่าอย่างไรน่ะหรอ ?….
ตอนแรกผู้เล่นทั่วไปก็มีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากแล้วเมื่อออกไปนอกเมือง นี่ไม่ต้องพูดถึงสิ่งที่ผู้เล่นทั่วไปจะต้องเผชิญหลังการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เลย แถมนี่มันก็จะนับเป็นหายนะสำหรับกิลที่กำลังเติบโตใน God domain ด้วย
นี่เป็นเพราะ NPC จะสามารถริเริ่มโจมตีผู้เล่นได้ การปล้นสิ่งของ และสินค้ากันในระหว่างการเดินทาง การโจมตีเพื่อขโมยไอเทมที่ผู้เล่นได้รับจากมอนสเตอร์ หรือการโจมตีผู้เล่นเพราะ NPC อารมณ์ไม่ดีมา ต่อไปมันจะกลายเป็นเรื่องปกติใน God domain
ในความเป็นจริง ซือเฟิงเองก็เคยถูกปล้นโดย NPC ขั้นสี่มาหลายครั้งในชีวิตที่ผ่านมาของเขา
แน่นอนว่า NPC ที่ทรงพลังนั้นจะไม่ปล้นใครก็ตามที่พวกเขาเห็นแบบมั่วๆ พวกเขา NPC แบบนี้จะมุ่งเน้นไปที่การขโมยและปล้นสิ่งของที่มีค่ามากๆ สิ่งของธรรมดาแทบจะไม่สามารถกระตุ้นความสนใจของ NPC ที่ทรงพลังเหล่านี้ได้
การเปลี่ยนแปลงในเกมที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ มันจะไม่เอื้อต่อซือเฟิงอย่างมาก เพราะท้ายที่สุดเขาถือไอเทมและสิ่งของมีค่าอยู่มากเกินไป ก่อนหน้านี้เนื่องจากเขามีกลไกการป้องกันนี้คอยช่วย เขาจึงไม่ต้องกังวลว่า NPC จะโจมตีเขา แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว ซึ่งมันบังคับให้เขาต้องดำเนินการทุกอย่างแบบรอบคอบมากกว่าเดิม
อย่างไรก็ตามนี่ยังไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญที่สุดในการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรก ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือการเปลี่ยนแปลงในการจัดการเมืองกิลที่จะเกิดขึ้นหลังจากการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรก
ในช่วงแรกของการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรก ผู้เล่นจะยังไม่ทันได้สังเกตเห็นปัญหาเกี่ยวกับกองกำลัง NPC อย่างไรก็ตามเมื่อกองกำลัง NPC ท้องถิ่นได้สืบสวนผู้เล่นอย่างละเอียดแล้ว พวกเขาก็จะเริ่มปฎิบัติการโจมตีเมืองกิลแบบเปิดเผย และหาก
เมืองกิลไม่มีการป้องกันที่ดีพอ มันก็อาจจะถูกกองกำลัง NPC ยึดไปได้ง่ายๆเลย
นี่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้มหาอำนาจหลายกลุ่มพินาศ รวมไปถึงยอมถอยออกไป หลังจากการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรกของ God domain
ในขณะเดียวกันสถานการณ์ตอนนี้มันเลวร้ายยิ่งกว่าในชีวิตก่อนหน้านี้ของซือเฟิงมากๆ ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา เมื่อการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรกมาถึง หลายกิล รวมไปถึงมหาอำนาจต่างๆนั้นมีผู้เล่นขั้นสี่บางส่วนไว้ใช้ปกป้องดินแดนของตนอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามในชีวิตนี้นับประสาอะไรกับผู้เล่นขั้นสี่ มหาอำนาจต่างๆยังไม่มีผู้เล่นขั้นสามอยู่มากมายนักด้วยซ้ำภายใต้การบังคับบัญชาของพวกเขา และนี่มันก็จะทำให้กลายเป็นฝันร้ายแน่นอนสำหรับมหาอำนาจต่างๆในการจะปกป้องเมืองกิลของตัวเองจากกองกำลัง NPC ต่างๆ
ณ จุดนี้ซือเฟิงสามารถจะมองเห็นมหาอำนาจมากมายที่จะพินาศลงไปจากเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน และเมื่อเทียบกับชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา ผลพวงจากการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรกในชีวิตนี้มันจะเป็นอะไรที่น่าเจ็บปวดกว่ามากแน่นอน
อย่างไรก็ตามตอนนี้ เมื่อกิลของเขาได้รับสิทธิพิเศษแล้ว กิลของเขาก็จะสามารถเข้าควบคุมเมือง NPC และขอใบอนุญาติการเคลื่อนย้ายเมืองกิลได้ จากนั้นสภาสิบแปดปีกก็จะมีสิทสูงมากที่จะผงาดขึ้นมาเป็นยักษ์ใหญ่ที่แท้จริงในช่วงสงครามแห่งการแย่งชิงนี้ ซึ่งเมื่อซือเฟิงคิดถึงสถานการณ์นี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา มันมีกิลชั้นสูงบางแห่งที่ได้เติบโตขึ้นเป็นกิลชั้นยอด และซุเปอร์กิลได้ เพราะพวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ได้อย่างดี
ในระยะแรกของ God domain มหาอำนาจต่างๆมีความได้เปรียบอย่างมากในด้านจำนวน เพราะพวกเขามีจำนวนคนมากกว่ากิลขนาดใหญ่ทั่วไปต่างๆ อย่างไรก็ตามหลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ แม้แต่ในหมู่มหาอำนาจต่างๆ พวกเขาก็จะได้พบว่าจะมีบางกลุ่มที่เติบโตต่อไปได้ยากอย่างไม่น่าเชื่อ
และเมื่อพูดกันถึงจุดนี้นั้น มันก็จะต้องบอกว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะนำมาซึ่งการล่มสลายของมหาอำนาจบางกลุ่ม และเมื่อมหาอำนาจบางกลุ่มล่มสลายไป ผู้เล่นของพวกเขาก็จะกลายเป็นผู้เล่นอิสระ โดยหากสภาสิบแปดปีกสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ได้อย่างเหมาะสม และรับสมัครคนเหล่านี้เข้ามา กิลก็จะสามารถกลายเป็นยักษ์ใหญ่ที่แท้จริงได้อย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นซือเฟิงยังมั่นใจว่าเมื่อสภาสิบแปดปีกมีจำนวนผู้เล่นและผู้เชี่ยวชาญมากเพียงพอแล้ว พวกเขาจะสามารถต่อสู้กับสตาร์ลิ้ง มือแห่งนักบุญ และแม้กระทั่งซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งห้ากิลได้ ว่ากันตามตรงอย่างน้อยที่สุด พวกเขาก็จะไม่ต้องทนรับแรงกดดันมากเท่ากับในปัจจุบัน เพราะด้วยสถานการณ์ปัจจุบันนั้นหากสภาสิบแปดปีกก้าวพลาดแม้แต่นิดเดียว กิลอาจถึงคราวล่มสลายได้เลย
เพราะท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่ทำให้มหาอำนาจต่างๆอยู่เหนือกว่ากิลขนาดใหญ่ทั่วไปนั้นคือเหล่ารุ่นเยาว์ที่พวกเขาค่อยๆเลี้ยงดูขึ้นมา เนื่องด้วยทรัพยากรที่มหาอำนาจต่างๆจัดหาให้ รุ่นเยาว์เหล่านี้จึงค่อยๆเติบโตขึ้นกลายเป็นตัวตนที่ทรงพลังในอุตสาหกรรมเกมเสมือนจริงเมื่อเวลาผ่านไป หากสภาสิบแปดปีกไม่ได้เตรียมทุกอย่างเหล่านี้ไว้อย่างเพียงพอ ด้วยความแข็งแกร่ง และจำนวนผู้เชี่ยวชาญในปัจจุบันของกิล กิลจะจัดว่าโชคดีมากแล้ว หากยังรักษาชีวิตตัวเองไว้ได้ในอนาคต
ในขณะเดียวกันเมื่ออันดับทั้งหมดถูกเปิดเผยออกมาอย่างเป็นทางการ เหล่าผู้ชมที่เข้าชมและมหาอำนาจต่างๆก็ล้วนเต็มไปด้วยความโกลาหลทันที
“อึก !! ฟรอสต์ฮีฟเว่นได้ตำแหน่งสำรองไปจริงๆ !!!”
“ฟรอสต์ฮีฟเว่นช่างโชคดีจริงๆที่ไปเจอม้ามืดอย่างสภาสิบแปดปีกเข้า !!! ด้วยเหตุนี้ฟรอสต์ฮีฟเว่นจะยิ่งเติบโตอย่างแข็งแกร่งมากขึ้นแน่นอน”
“สภาสิบแปดปีกงั้นหรอ ?” ในขณะที่ผู้เล่นและมหาอำนาจต่างๆที่เข้ามาชมการแข่งขันครั้งนี้คิดว่าชัยชนะของฟรอสต์ฮีฟเว่นมันน่าประหลาดใจ แต่พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้มากมายนัก เพราะท้ายที่สุดผู้เล่นขั้นสี่ที่สภาสิบแปดปีกมีอยู่นั้นมันน่ากลัวเกินไป พวกเขาไม่ใช่ผู้ที่ผู้เล่นขั้นสามหวังจะต่อกรด้วยได้เลย
พูดกันตามตรงๆมหาอำนาจต่างๆให้ความสนใจกับสภาสิบแปดปีกมากกว่า
ฟรอสต์ฮีฟเว่นด้วยซ้ำ
“ฮึ่มม !!! ในครั้งนี้ฟรอสต์ฮีฟเว่นก็สามารถจะคิดว่าตัวเองโชคดีได้นั่นแหละ !!!” หลังจากเช็คอันดับของกิลทั้งหมด โคลท์ชาโด้วก็เหลือบไปมองที่ซือเฟิงพลางหัวเราะเยาะ “อย่างไรก็ตามนับจากนี้สภาสิบแปดปีกจะไม่โชคดีอีกต่อไปแน่นอน !!!”
ตะปูที่ยื่นออกมาจะต้องโดนตอก !!
ประโยคนี้นับเป็นเรื่องจริงอย่างยิ่งโดยเฉพาะกับกิลที่มีชื่อเสียงอย่างมากแบบสภาสิบแปดปีก
มหาอำนาจต่างๆนั้นเจอกับข้อจำกัดอย่างมากในการนำผู้เล่นมาเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ นี่เป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด เพราะท้ายที่สุดแล้วขั้นสามนั้นเป็นขั้นต่ำที่ผู้เล่นต้องการจึงจะเข้าร่วมการแข่งขันนี้ได้ อย่างไรก็ตามในโลกภายนอกมันไม่มีข้อจำกัดดังกล่าว
ความจริงที่ว่าสภาสิบแปดปีกได้เปิดเผยผู้เล่นขั้นสี่ออกมาสองคนในตอนนี้ มันได้ไปกระตุ้นให้มหาอำนาจต่างๆอิจฉาอย่างรุนแรง
สภาสิบแปดปีกนั้นเป็นเพียงกิลกึ่งมหาอำนาจเท่านั้น แต่พวกเขากับสร้างผู้เล่นขั้นสี่ขึ้นมาได้แล้วถึงสองคน หากมีคนพูดว่ามันไม่มีความลับเบื้องหลังความสำเร็จนี้ก็คงจะไม่มีใครเชื่อแน่นอน
หลังจากการแข่งขันครั้งนี้จบลง เธอสามารถเดาได้อย่างชัดเจนเลยว่า มันจะมีผู้ออกไล่ล่าข้อมูลเรื่องนี้จากสภาสิบแปดปีกจำนวนมาก และหากกิลไม่ยอมบอกความลับเรื่องการเลื่อนขั้น ขั้นสี่ มันก็จะมีเพียงแต่ความตายเท่านั้นที่รอกิลอยู่
ในขณะที่มหาอำนาจและกิลขนาดใหญ่ต่างๆเริ่มวางแผนต่อต้านสภาสิบแปดปีก ซือเฟิงก็ไม่ได้รู้เรื่องทั้งหมดนี้เลย และหลังจากที่วิหารเทพสงคราม ประกาศผู้ที่ได้รับตำแหน่งสำรองหกตำแหน่งไปพร้อมกับมอบใบรับรองกิลอย่างเป็นทางการจากวิหารเทพสงครามให้สภาสิบแปดปีก ซือเฟิงก็จัดการยุบทีมที่เขาอยู่ลงทันที ก่อนที่จะพาคนของเขาไปบอกลามู่ฉิน และออกไปจากจักรวรรดิมังกรไฟอย่างเงียบๆ เขาไม่ได้อยู่ร่วมในงานเลี้ยงฉลองของฟรอสต์ฮีฟเว่นด้วยซ้ำ ….
นี่ทำให้เซเว่นวอร์นเดอร์ และหงซินหยวนนั้นรู้สึกเสียใจมากที่พลาดโอกาสที่จะได้ขอบคุณซือเฟิงอย่างเหมาะสม
“แบล๊คเฟรม เป็นคนที่ไม่อาจหยั่งถึงได้จริงๆ ….” หลังจากมองดูร่างของซือเฟิงหายไปจากระยะไกล เซเว่นวอร์นเดอร์ก็ได้หันไปหามู่ฉินและพูดอย่างจริงจังว่า “มู่ฉิน นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป คุณจะเป็นรองหัวหน้ากิลลำดับที่หนึ่ง และคุณจะต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องช่องเข้าสู่ Upper Zone สารอาหารเหลวระดับ S และกิจการที่ตามมาที่เกี่ยวข้องกับการเป็นพันธมิตรกับสภาสิบแปดปีกของเรา ฉันเชื่อว่าคุณจะสามารถทำมันออกมาได้ดี”
“หัวหน้ากิลวางใจได้เลย ฉันจะไม่ทำให้หัวหน้ากิลผิดหวังแน่นอน” มู่ฉินตอบอย่างดีใจ
ในขณะเดียวกันหลังจากซือเฟิงออกจากวิหารเทพสงครามไป เขาก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะกลับไปยังสถานที่พักกิลสภาสิบแปดปีกเพื่อจัดการ การเปลี่ยนแปลงที่เริ่มจะเกิดขึ้นทั้งหมด
แต่เขากลับเดินทางไปยังอาณาจักรทวินทาวเวอร์ ซึ่งเป็นประเทศที่ใกล้จะถูกทำลายล้างแทน โดยอาณาจักรนี้ในอนาคต มันจะกลายเป็นหนึ่งในอาณาจักรที่ยอดเยี่ยมที่สุด
เมืองทวินทาวเวอร์ ศาลากลางเมือง :
“ท่านจะให้ฉันรับใช้อย่างไร ?” ผู้ดูแลชายที่มีเลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบ และอยู่ในขั้นสามถาม เมื่อเห็นซือเฟิงเดินเข้ามาในอาคาร “หากต้องการซื้อที่ดิน ทางเราก็ต้องขออภัย เราไม่ได้ขายที่ดินให้กับประชาชนอีกต่อไป”
“ไม่ ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อซื้อที่ดิน” ซือเฟิงกล่าวพลางส่ายหัว จากนั้นเขาก็หยิบใบรับ
รองกิลอย่างเป็นทางการจากวิหารเทพสงครามออกมา และพูดว่า “ฉันเป็นหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีก กิลของฉันปราถนาที่จะเข้ารักษาการณ์และควบคุมเมืองนี้อย่างเป็นทางการ มันเป็นไปได้ไหม ?”
ตอนที่ 2733 เข้ารักษาการณ์และควบคุมเมืองในอาณาจักรทวินทาวเวอร์
วีโก้ ผู้ดูแลชายที่มีเลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบ และอยู่ในขั้นสาม มองไปที่ใบรับรองในมือของซือเฟิง และทำการตรวจสอบมันอย่างรอบคอบ
“เป็นไปได้แน่นอน นี่มันคือใบรับรองกิลอย่างเป็นทางการจากวิหารเทพสงครามของจริงเลย” วีโก้พยักหน้า พลางจ้องมองไปยังซือเฟิงด้วยความเคารพที่มากขึ้น จากนั้นเขาก็กล่าวเสริมอย่างช้าๆ “ท่านลอร์ดหัวหน้ากิล ใบรับรองของท่านนั้นมันถูกต้อง และเป็นของจริงอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามในฐานะที่กิลของท่านเป็นกิลธรรมดา กิลของท่านจึงยังไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้ารักษาการณ์และควบคุมเมืองหลวงของเรา แต่ท่านก็สามารถเลือกที่จะเข้ารักษาการณ์และควบคุมเมืองอื่นๆในอาณาจักรทวินทาวเวอร์ได้”
แน่นอนเลยว่าสภาสิบแปดปีกยังคงไม่สามารถเข้ารักษาการณ์และควบคุมเมืองหลวงได้ ซือเฟิงนั้นไม่ได้แปลกใจมากนักกับการปฎิเสธของวีโก้ “เนื่องจากเป็นแบบนี้ สภาสิบแปดปีกจะขอเข้ารักษาการณ์และควบคุมเมืองสกายสปริงแล้วกัน”
แม้ว่าวิหารเทพสงครามจะยอมรับว่าสภาสิบแปดปีกเป็นกิลอย่างเป็นทางการใน God domain แต่นั่นมันก็เป็นเพียงแค่การยอมรับเท่านั้น และมันไม่มีอะไรเพิ่มเติมอีก ในตอนแรกซือเฟิงคิดว่าด้วยความเสื่อมโทรมและใกล้ล่มสลายของอาณาจักรทวินทาวเวอร์ เนื่องจากพวกมอนสเตอร์ Abyss มันอาจจะทำให้สภาสิบแปดปีกสามารถเข้ารักษาการณ์และควบคุมเมืองหลวงของอาณาจักรนี้ได้
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเขาจะยังคงประเมินอาณาจักรทวินทาวเวอร์ต่ำเกินไป
แต่หลังจากครุ่นคิดเรื่องนี้แล้ว เขาก็พบว่ามันสมเหตุสมผล ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา อาณาจักรทวินทาวเวอร์นั้นเป็นอาณาจักรที่ส่องสว่างไปทั่วทวีปหลักของ God domain เลย อันเนื่องมาจากหอคอยแห่งกาลเวลา และหอคอยแห่งพันธสัญญาลับที่มันตั้งอยู่ที่นี่ โดยมันก็เคยเป็นอาณาจักรที่อยู่เหนือกว่าอาณาจักรอื่นๆมากมายด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าอาณาจักรทวินทาวเวอร์ในตอนนี้จะดูย่ำแย่มาก แต่เนื่องจากการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรกนี้ มันก็จะเริ่มมี NPC จำนวนมากปรากฎขึ้นทั่วอาณาจักร และเมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น มันก็จะเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่ NPC จะเริ่มพลิกกระดานและโต้ตอบมอนสเตอร์ Abyss ไม่งั้นซือเฟิงคงจะไม่รีบมาที่นี่ด้วยความหวังที่จะนำสภาสิบแปดปีกเข้ารักษาการณ์และควบคุมเมืองหลวง หรือไม่ก็เมืองในอาณาจักรทวินทาวเวอร์แน่นอน ….
“นั่นไม่ใช่ปัญหา โปรดตามฉันมา ฉันจะดำเนินการตามขั้นตอนที่จำเป็นให้ท่านทั้งหมด …” วีโก้กล่าว พลางพาซือเฟิงขึ้นไปที่ห้องโถงชั้นสาม
ระหว่างทางไปชั้นสาม ซือเฟิงก็สังเกตเห็นว่าจำนวน NPC ในศาลากลางเมืองนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ก่อนหน้านี้มันเป็นเรื่องยากอย่างมากที่จะเห็น NPC ขั้นสามสักคนในศาลากลางเมือง อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาเห็นมากกว่าหนึ่งโหล ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่ผู้ที่อ่อนแอที่สุดในหมู่ NPC เหล่านี้ก็ยังอยู่ในเลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบ ในขณะที่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นมีเลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบสองเลย ซึ่งพวกเขาไม่ใช่ตัวตนที่ผู้เล่นขั้นสามในปัจจุบันจะสามารถต่อกรได้เลย
ด้วยเหตุนี้ซือเฟิงจึงสามารถคาดเดาได้อย่างชัดเจนเลยว่ามันจะมี NPC ขั้นสามปรากฎตัวขึ้นอีกมากแน่นอนในอาณาจักรทวินทาวเวอร์ ในอนาคนอันใกล้นี้ และด้วยพลังการต่อสู้ของ NPC เหล่านี้ การจะเข้าโจมตีและยึดพื้นที่ทั้งหมดของอาณาจักรทวินทาวเวอร์กลับมาจากมอนสเตอร์ Abyss มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
ในขณะเดียวกันเมืองสกายสปริงที่เขาเลือกให้กองกำลังของสภาสิบแปดปีกเข้ารักษาการณ์และควบคุมเมืองนั้น มันคือเมือง NPC ที่อยู่ใกล้กับหอคอยแห่งพันธสัญญาลับที่สุด
แม้ว่าเมืองสกายสปริงจะไม่ได้ติดอยู่ในสิบห้าอันดับแรกของเมืองที่ใหญ่ที่สุดในอาณาจักรทวินทาวเวอร์ แต่หลังจากการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรก หอคอยแห่งพันธสัญญาลับนั้นมันจะน่าดึงดูดกว่าหอคอยแห่งกาลเวลามากๆ
นี่เป็นเพราะหอคอยแห่งพันธสัญญาลับนั้นนับเป็นดินแดนศักสิทธิ์สำหรับผู้เล่นที่จะออกล่าเพื่อเก็บเลเวลและรับเอาทรัพยากร
ก่อนที่จะมีการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรกของ God domain การออกล่าเพื่อเก็บเล
เวลนั้นเป็นงานประจำวันของผู้เล่น อย่างไรก็ตามหลังจากการอัพเดทนี้ งานประจำวันนี้มันจะอันตรายมากขึ้น
หากผู้เล่นไม่เพียงความแข็งแกร่งที่มากเพียงพอจริงๆ เมื่อพวกเขาออกจากขอบเขตของเมือง NPC พวกเขาจะต้องต่อสู้แบบเอาชีวิตไปแขวนไว้บนเส้นด้ายเลย นี่เป็นเพราะ NPC และมอนสเตอร์นั้นจะมีสติปัญญาที่สูงมากหลังจากการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรก โดยทั้งสองฝ่ายนี้จะไม่ปล่อยให้ผู้เล่นฆ่าแบบโง่ๆอีกต่อไป
ทั้ง NPC และมอนสเตอร์จะยินดีที่จะต่อสู้อย่างบ้าคลั่งเพื่อเอาชีวิตรอด
ดังนั้นการล่ามอนสเตอร์ หรือปะทะกับ NPC จะไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทั้งสองฝ่ายมีความแข็งแกร่งมากพอๆกัน ในความเป็นจริง เมื่อผู้เล่นเริ่มสัมผัสได้ถึงเรื่องนี้หลังการอัพเดทครั้งใหญ่ ผู้เล่นส่วนใหญ่จะไม่กล้าปะทะกับ NPC แบบมั่วๆ และจะไม่กล้าต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่มีเลเวลสูงกว่ามากอีกต่อไป
แน่นอนว่าความยากที่เพิ่มขึ้นแบบนี้ มันก็จะควบคู่ไปกับไอเทม และเงินที่จะดรอปเพิ่มขึ้นด้วย แต่ถึงกระนั้นการล่ามอนสเตอร์ และเก็บเลเวลมันก็จะยังคงเป็นงานยากอยู่ดี
อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องราวที่แตกต่างออกไปในหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ
มอนสเตอร์ที่ติดอยู่ภายในหอคอยแห่งพันธสัญญาลับจำนวนมากนั้นล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง แต่พวกมันก็ไม่ได้รับสติปัญญาใดๆเพิ่มเติมมากนัก สิ่งเดียวที่จะเน้นอยู่ภายในใจของพวกมันจริงๆคือการเข่นฆ่าเท่านั้น
ถึงกระนั้นแม้จะเป็นแบบนี้ แต่มอนสเตอร์เหล่านี้ก็ยังจะให้ EXP มากเท่ากับมอน
สเตอร์ในโลกภายนอก ปัญหาเดียวคือการเข้าไปในหอคอยแห่งพันธสัญญาลับนี้จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นคริสตัลเวทย์มนต์ นอกจากนี้ หากพูดกันตามตรงมอนสเตอร์ที่อยู่ภายในมันก็ไม่ได้ดรอปไอเทม เหรียญทอง รวมไปถึงวัสดุที่คุ้มค่าเท่ากับค่าใช้จ่ายมากนัก
โชคดีที่ผู้เล่นที่เข้าไปในหอคอยแห่งพันธสัญญาลับนั้นไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อเรื่องพวกนี้เป็นหลักอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ของพวกเขาจะเข้าไปหาไอเทมโบราณจากอารยธรรมที่อยู่ในนั้น และยิ่งเข้าไปในหอคอยลึกเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งพบไอเทมที่ดีขึ้นมากเท่านั้น ตัวอย่างเช่นแบบแปลนอาวุธ อุปกรณ์ รวมไปถึงสูตรของโพชั่นระดับปรมาจารย์ และแม้กระทั่งมรดกที่สมบูรณ์ขั้นสามก็ยังมีอยู่ที่นี่
ใช่แล้ว !!!
มรดกที่สมบูรณ์ขั้นสาม !!!
มันแตกต่างจากมรดกที่กระจัดกระจายอยู่ในโลกภายนอก มรดกที่สมบูรณ์นี้จะช่วยลดความยากในการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสามของผู้เล่นลงไปได้มาก โดยมรดกที่สมบูรณ์ขั้นสามนั้นจะช่วยให้กิลสามารถผลิตผู้เล่นขั้นสามได้มากขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ และมันก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะบอกว่ามรดกที่สมบูรณ์ขั้นสามนั้นมีค่ามากกว่าเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานหลายร้อยเท่า
ในขณะเดียวกันมรดกที่สมบูรณ์ขั้นสามก็จะเริ่มปรากฎขึ้นตั้งแต่ชั้นที่สิบแปดเป็นต้นไปเท่านั้น ซึ่งหอคอยแห่งพันธสัญญาลับนี้จะกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ได้รับความนิยมสูงสุดเลยหลังจากการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรก ก่อนหน้านี้หอคอยแห่งพันธสัญญาลับเป็นเพียงสถานที่สำหรับล่าของผู้เล่นที่มีเลเวลต่ำกว่าหนึ่งร้อยเท่านั้น และมันไม่เหมาะสำหรับผู้เล่นเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยเลย
อย่างไรก็ตามหลังจากการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรก หอคอยแห่งพันธสัญญาลับจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา หลังจากที่มีการเปิดเผยว่าหอคอยแห่งพันธมิตรสัญญาลับนั้นดรอปมรดกที่สมบูรณ์ขั้นสามเอาไว้ มหาอำนาจต่างๆในทวีปด้านตะวันออกล้วนรีบมารวมตัวกันที่อาณาจักรทวินทาวเวอร์ทันที ซึ่งสิ่งนี้มันก็ทำให้อาณาจักรทวินทาวเวอร์กลายเป็นหนึ่งในอาณาจักรที่น่าตื่นตาที่สุดใน God domain ทันที ขณะที่เมืองสกายสปริงก็ได้กลายเป็นเมืองหลักของ NPC ที่เป็นรองแค่เมืองหลวงของอาณาจักรเท่านั้น
หลังจากนั้นไม่นานผู้ดูแลวีโก้ก็จัดการขั้นตอนที่จำเป็นทั้งหมดที่จะทำให้สภาสิบแปดปีกสามารถเข้ารักษาการณ์และควบคุมเมืองสกายสปริงเสร็จสิ้น
“ท่านลอร์ดหัวหน้ากิล นี่คือโทเค่นเมืองสกายสปริงของท่าน” วีโก้มอบโทเค่นทองคำให้ซือเฟิง จากนั้นเขาก็อธิบายว่า “โทเค่นนี้จะให้สิทบางส่วนแก่ท่านในการจัดการเมืองสกายสปริง ซึ่งนี่รวมไปถึงเรื่องความปลอดภัยและการพัฒนาของเมือง และเมื่อสภาสิบแปดปีกเข้ารักษาการณ์และควบคุมเมืองเมื่อไหร่ กิลก็จะได้รับส่วนแบ่งสิบเปอเซ็นต์จากกำไรของเมืองเป็นค่าที่ช่วยบำรุงรักษาและจัดการเมือง”
“ไม่มีปัญหา สภาสิบแปดปีกจะจัดการกับเมืองสกายสปริงอย่างดีที่สุด และเปลี่ยนให้มันเป็นเมืองที่ดีที่สุดในอาณาจักรทวินทาวเวอร์” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า
เมื่อกิลตัดสินใจจะเข้ารักษาการณ์และควบคุมเมืองๆหนึ่งแล้ว กิลจะไม่สามารถตัดสินใจละทิ้งเมือง และไปหาเมืองอื่นได้โดยพลการ มันอาจกล่าวได้ว่ากิลและเมืองจะต้องผูกพันกันไม่ว่ามันจะดีหรือไม่ดี ดังนั้นแม้ว่ากิลจะสามารถเข้ารักษาการณ์และควบคุมเมือง NPC ได้แล้ว แต่พวกเขาก็จำเป็นจะต้องเลือกเมืองให้ดี ….
โชคดีที่ซือเฟิงจะไม่ต้องกังวลกับปัญหาเรื่องนี้ ….
ในอนาคตเมืองสกายสปริงจะกลายเป็นเมืองศูนย์กลางแห่งหนึ่งที่สำคัญในทวีปด้านตะวันออกแน่นอน โดยเงินและทรัพยากรที่เมืองจะสามารถหามาได้นั้น มันจะเหนือกว่าเมืองหลวงของอาณาจักรจำนวนหนึ่งด้วย และหากได้รับการพัฒนาอย่างถูกต้อง มันก็อาจจะเทียบกับเมืองหลวงของจักรวรรดิได้เลย
“ฉันขอภาวนาให้ท่านสามารถบรรลุเป้าหมายที่ยอดเยี่ยมนั่นได้ ….” วีโก้กล่าวด้วยความรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับความเชื่อมั่นของซือเฟิง
“ตอนนี้ในเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว สภาสิบแปดปีกจะสามารถเปิดใช้งานเส้นเชื่อมต่อการเทเลพอร์ตของเมืองสกายสปริงได้เลยหรือไม่ ?” ซือเฟิงถาม
การได้รับส่วนแบ่งและทรัพยากรจากเมืองนั้นเป็นเพียงหนึ่งในเป้าหมายของเขาเท่านั้นที่เขาได้นำสภาสิบแปดปีกเข้ารักษาการณ์และควบคุมเมืองสกายสปริง สิ่งที่สำคัญกว่าสำหรับสภาสิบแปดปีกคือเส้นเชื่อมต่อการเทเลพอร์ตจองเมืองสกายสปริงที่จะได้รับมาพร้อมกับเรื่องนี้ และนี่มันก็เป็นเหตุผลที่มหาอำนาจต่างๆได้ต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่งเพื่อแย่งชิงตำแหน่งสำรอง
“แน่นอน อย่างไรก็ตามกิลของท่านจะต้องจ่ายค่าใช้จ่ายที่จำเป็นเพื่อผูกมัดเส้นเชื่อมต่อการเทเลพอร์ต และวงเวทย์เทเลพอร์ตของเมืองสกายสปริงด้วย” วีโก้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความยินดี
“การผูกมัดเส้นเชื่อมต่อการเทเลพอร์ต และสร้างวงเวทย์เทเลพอร์ตขนาดใหญ่ มันมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ?” ซือเฟิงถาม
“ถ้าตามที่ท่านถามมา มันก็จะมีราคาเป็นเงินหนึ่งแสนเหรียญทอง และคริสตัลเวทย์มนต์สามหมื่นชิ้น นอกจากนี้มันยังจะมีค่าแรงเพิ่มอีกห้าพันเหรียญทองด้วย” วีโก้กล่าว “โดยรวมแล้วมันจะรวมเป็นเงินหนึ่งแสนห้าพันเหรียญทอง และคริสตัลเวทย์มนต์สามหมื่นชิ้น …”
“พวกคุณนี่ช่างโหดเหี้ยมจริงๆ มันก็แค่ต้องใช้วัสดุธรรมดาๆจำนวนหนึ่งเท่านั้น แต่พวกคุณกับเรียกเก็บเงินฉันหนึ่งแสนเหรียญทองจริงๆ” ซือเฟิงอดไม่ได้จะบ่นกับราคาของวีโก้
หากเป็นก่อนหน้านี้ เขาอาจจะสามารถยอมรับราคานี้ได้ตามปกติ อย่างไรก็ตามหลังจากได้มีประสบการณ์ในการสร้างวงเวทย์เทเลพอร์ตด้วยตัวเอง เขาก็รู้เลยว่าวัสดุทั้งหมดที่จำเป็นต้องใช้มันมีราคาถูกมาก และอย่างมากมูลค่าวัสดุรวมกันมันก็จะคิดเป็นเงินแค่หลายพันเหรียญทองเท่านั้น
“ไม่ ไม่ ไม่ใช่ครับท่าน วัสดุที่อาณาจักรทวินทาวเวอร์ใช้นั้นมันเป็นวัสดุชั้นยอดที่ดีที่สุด และมันจะไม่มีปัญหาใดๆเกิดขึ้นเลยแม้จะถูกใช้งานนานนับพันปีก็ตาม” วีโก้ส่ายหัว พลางรีบกล่าวอย่างจริงใจ
“เอาล่ะๆ ฉันเข้าใจแล้ว อย่างไรก็ตามฉันขอให้ทุกอย่างมันเสร็จสิ้นภายในสองชั่วโมงนะ …” ซือเฟิงกล่าวหลังจากดูเวลา
มันเป็นเวลาเกือบหนึ่งวันแล้ว หลังจากที่การอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรกของ God domain เสร็จสิ้นลง และคลื่นระลอกแรกของการเติบโตของประชากร NPC จะเกิดขึ้นในวันที่สองหลังจากการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรก และนี่มันก็จะเป็นช่วงเวลาที่ความมืดเกิดขึ้นในหมู่มหาอำนาจต่างๆ
“นั่นไม่ใช่ปัญหา …” วีโก้กล่าวอย่างมั่นใจ “ว่าแต่เมืองกิลเมืองไหนของท่านที่ท่านต้องการให้เราตั้งค่าเส้นทางการเทเลพอร์ตให้ผูกมัดและเชื่อมต่อกัน ?”
“เมืองสภาสิบแปดปีก !!!” ซือเฟิงตอบพลังจากครุ่นคิด เมืองปีกสีเงินนั้นจะเป็นหัวใจในการพัฒนาในอนาคตของสภาสิบแปดปีก และเป็นเมืองหลักที่กิลต้องใช้ต่อต้านมือแห่งนักบุญ ดังนั้นมันจึงจำเป็นที่จะต้องให้เมืองปีกสีเงินพัฒนาไปอย่างรวดเร็วที่สุด
“แม้มันจะอยู่ไกลไปเล็กน้อย แต่ตราบใดที่ท่านลอร์ดชำระค่าใช้จ่ายครบถ้วน เราก็จะเริ่มดำเนินการได้ทันที” วีโก้กล่าวพลางกัดฟัน ขณะที่เขามองดูแผนที่
เมื่อได้เห็นท่าทีของวีโก้ ซือเฟิงก็รีบจัดการชำระค่าใช้จ่ายที่จำเป็นทั้งหมดทันที ซึ่งเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย NPC ผู้นี้ก็รีบขอตัวออกจากห้องไป เห็นได้ชัดว่าเขากำลังรีบจะเดินทางไปที่เมืองปีกสีเงิน
ต่อไปฉันก็จะต้องไปเช็คดูว่าจำนวนประชากรของ NPC จะเพิ่มขึ้นมากขนาดไหนในช่วงคลื่นระลอกแรก ซือเฟิงครุ่นคิดและใบหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นจริงจังทันที หวังว่ามันคงจะเป็นไปอย่างที่ฉันคิดนะ ….
แม้ว่าเขาจะสามารถดำเนินการตามแผนของเขาได้ทันเวลา แต่ความสำเร็จของแผนของเขามันก็ยังคงจะขึ้นอยู่อยู่กับอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากร NPC ในช่วงคลื่นระลอกแรกอยู่ดี ซึ่งหากการเพิ่มขึ้นของประชากร NPC มีมากเกินไป สภาสิบแปดปีกก็จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลมได้ เพราะท้ายที่สุดในตอนนี้กิลมีผู้เล่นขั้นสามน้อยเกินไป ในขณะเดดียวกันผู้เล่นขั้นสามก็นับเป็นข้อกำหนดขั้นต่ำในการที่จะใช้รักษาความสงบเรียบร้อย และปลอดภัยในเมืองกิล
เมื่อเวลา 6.00 AM. มาถึง ดวงอาทิตย์ก็ค่อยๆลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า และส่องแสงระยิบระยับไปตามเมืองต่างๆของ God domain ซึ่งนี่มันนับเป็นสัญลักษณ์ว่าวันใหม่ของ God domain ได้มาถึงแล้ว
ตอนที่ 2734 โลกใหม่เริ่มขึ้น
จักรวรรดิไต้ฝุ่น เมืองไต้ฝุ่น :
แสงแดดยามเช้าได้สาดส่องลงมายังสถานที่พักกิลของศาลาลับ อย่างไรก็ตามมันไม่มีใครในสถานที่พักกิลที่อยู่ในอารมณ์ที่จะเพลิดเพลินไปกับแสงแดดยามเช้านี้ ในขณะที่การแข่งขันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งสำรองหกตำแหน่งพึ่งจะจบลง เหล่ารุ่นเยาว์และขุมพลังจำนวนมากซึ่งได้เปิดเผยตัวเองออกมาในระหว่างการแข่งขันนี้ก็ได้ตกเป็นเป้าหมายของศาลาลับ และในการจะคัดแยกข้อมูล ขายข้อมูล รวมไปถึงจัดอันดับรายชื่อผู้เชี่ยวชาญของ God domain สำหรับศาลาลับครั้งต่อไปนั้น มันจึงกลายเป็นงานที่ลำบากและยุ่งยากมากขึ้นมาก
สมาชิกของศาลาลับทุกคนในสถานที่พักกิลของศาลาลับในเมืองไต้ฝุ่น ต่างก็รีบส่งข้อมูลไปยังสาขาอื่น หรือจัดระเบียบข้อมูลที่ได้รับมาจากสาขาอื่น และทุกคนก็ยุ่งมากจนไม่มีเวลาจะมาให้กระทำสิ่งอื่นเลย
“ลุงหยวน ความแข็งแกร่งที่สภาสิบแปดปีกแสดงออกมาในครั้งนี้มันน่าอัศจรรย์มากๆ หนึ่งจักรพรรดิดาบขั้นสี่ และหนึ่งผู้ที่คาดว่าจะเป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่ที่มีสกิลทำลายล้างแบบ AOE ขนาดใหญ่ …. แถมตอนนี้สภาสิบแปดปีกยังเป็นกิลที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากวิหารเทพสงคราม ตอนนี้มหาอำนาจต่างๆจะต้องเริ่มหวาดกลัวสภาสิบแปดปีกขึ้นมาบ้างแน่นอน” เพอเพิ้ลเจดอุทาน ขณะที่เธออ่านรายงานเกี่ยวกับสภาสิบแปดปีกในมือของเธอ
สภาสิบแปดปีกเป็นกิลที่พวกเขาเฝ้าดูการเติบโตขึ้นมาตั้งแต่แรกจนมาถึงสถานะปัจจุบันเลยก็ว่าได้
ในตอนแรกสภาสิบแปดปีกเป็นกิลขนาดเล็กที่ไม่สามารถถูกพิจารณาว่าเป็นกิลชั้นสามได้ด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามกิลก็ค่อยๆเติบโตกลายเป็นกิลขนาดใหญ่ที่สามารถท้าทายได้แม้กระทั่งกิลชั้นสูง และหลังจากผ่านการต่อสู้กับมหาอำนาจต่างๆครั้งแล้วครั้งเล่า ในตอนนี้กิลก็ได้ขึ้นมายืนอยู่บนเวทีนานาชาติของ God domain แล้ว โดยกิลสามารถจะช่วยให้ฟรอสต์ฮีฟเว่นได้รับตำแหน่งสำรองตำแหน่งที่หกไปได้ ซึ่งนี่มันทำให้มหาอำนาจต่างๆตกตะลึงมากๆ
เมื่อมาถึงจุดนี้แม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็ยังจะต้องยอมรับว่าสภาสิบแปดปีกเป็นกิลที่ควรระวัง
สิ่งเดียวที่สภาสิบแปดปีกขาดไปในตอนนี้คือรากฐานที่แข็งแกร่งเพียงพอ กิลไม่ได้มีกำลังพลและอาณาเขตมากเท่ากับมหาอำนาจ “แม้ว่าที่คุณพูดมามันจะถูก แต่คุณก็ไม่ควรลืมนะว่าสภาสิบแปดปีกเป็นกิลที่พึ่งพาคนแค่ไม่กี่คนในการมาถึงตรงนี้ ซึ่งกิลกำลังเดินไต่อยู่บนเชือกเส้นเดียว และความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวก็อาจนำไปสู่หายนะได้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่กิลกลายเป็นจุดสนใจของมหาอำนาจต่างๆใน God domain แล้ว” หยวนเทียนซินพูดด้วยน้ำเสียงต่ำพลางส่ายหัว “เควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่นั้นมันมีความท้าทายมากๆ เธอก็น่าจะรู้เรื่องนี้นะ กระนั้นสภาสิบแปดปีกกับมีผู้เล่นสองคนที่สามารถทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่เสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็น่าจะรู้ดีนี่นาว่ามันหมายถึงอะไร ?”
“ลุงหยวน … ลุงหมายถึงสภาสิบแปดปีกมีวิธีการที่จะช่วยให้ผู้เล่นทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้เสร็จสิ้นอย่างง่ายดายงั้นหรอ ?” เพอเพิ้ลเจดตกใจเล็กน้อย
จากการรวบรวมข้อมูลของศาลาลับ ส่วนที่ยากที่สุดในการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ให้สำเร็จก็คือ การค้นหาดินแดนมรดกขั้นสี่ และแม้แต่ศาลาลับก็ยังไม่พบดินแดนมรดกขั้นสี่เลยแม้แต่แห่งเดียว
หากสภาสิบแปดปีกพบวิธีที่จะสามารถใช้ค้นหาดินแดนมรดกขั้นสี่ได้ นี่มันจะนับเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากๆ !!!
“นี่มันเป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น เรายังไม่ได้มีหลักฐานใดๆในตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นฉันก็คิดว่ามันมีความเป็นไปได้จริงๆต่ำมาก เพราะท้ายที่สุดไม่ว่าจะพูดยังไง God domain ก็จัดว่าเป็นเกมที่ค่อนข้างยุติธรรม ถ้าดินแดนมรดกขั้นสี่สามารถค้นหาได้อย่างง่ายดาย ขั้นสี่จะไม่นับว่าเป็นตัวตนที่ทรงพลังที่แท้จริงใน God domain แน่นอน” หยวนเทียนซินกล่าวพลางส่ายหัว “ถึงกระนั้นความเป็นไปได้นี้ก็ถือเป็นแรงดึงดูดที่ร้ายแรงมากๆสำหรับมหาอำนาจต่างๆ จากข้อมูลที่เราได้รับมาตอนนี้ มันมีมหาอำนาจมากกว่าสิบกลุ่มที่เตรียมจะกดดันและปราบปรามสภาสิบแปดปีก นอกจากนี้สภาสิบแปดปีกยังมีศัตรูมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทีมนักผจญภัยวอร์บลัดบนเกาะดราก้อนฮาร์ท มหาอำนาจจำนวนมากในโลกแห่งความมืด สตาร์ลิ้งในจักรวรรดิรัตติกาล และมือแห่งนักบุญในฐานที่มั่นหลักของพวกเขาอย่างอาณาจักรสตาร์มูนอีก”
“โดยเฉพาะสตาร์ลิ้งซึ่งเป็นศัตรูเก่าของสภาสิบแปดปีกที่ได้เริ่มปฎิบัติการลับจำนวนหนึ่งแล้วเมื่อไม่นานมานี้ และดูจากรูปการณ์แล้ว ดูเหมือนว่าสตาร์ลิ้งจะวางแผนที่จะทำอะไรที่มันยิ่งใหญ่มากๆ และหากมหาอำนาจเหล่านี้ผนึกกำลังกัน แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะมีจักรพรรดิดาบ กับจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่คอยปกป้องดินแดนของตน แต่กิลก็จะยังคงมีปัญหาในการเอาชีวิตรอดแน่นอน”
ใบหน้าของเพอเพิ้ลเจดแปรเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยว เมื่อได้ยินการวิเคราะห์ของหยวนเทียนซิน
ที่หยวนเทียนซินพูดมานั้นถูกทั้งหมดเลย ขณะที่สภาสิบแปดปีก กิลที่ต้องรับมือกับเรื่องนี้ก็เป็นเพียงกิลกึ่งมหาอำนาจเท่านั้นยังไม่ใช่มหาอำนาจที่แท้จริง และพูดกันตามตรงหากทุกเรื่องเป็นไปตามที่หยวนเทียนซินพูดมา แล้วสภาสิบแปดปีกยังสามารถจะรอดไปได้ มันก็จะนับว่าเป็นปาฎิหาริย์อย่างมากเลย
แน่นอนว่าซือเฟิง และพวกผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆของสภาสิบแปดปีกอาจไม่กลัวมหาอำนาจต่างๆในฐานะปัจเจกบุคคล แต่มันก็เป็นเรื่องราวที่แตกต่างกันออกไปสำหรับสมาชิกกิลจำนวนมากของพวกเขา ซึ่งหากมหาอำนาจต่างๆพุ่งเป้ามาที่สมาชิกกิลจำนวนมากของพวกเขา และสภาสิบไม่สามารถหาทางรับมือได้อย่างเหมาะสม มันก็จะกลายเป็นฝันร้ายของพวกเขาแน่นอน
“นี่มันแค่สถานการณ์ในทวีปด้านตะวันออกนะ ยังไม่ได้พูดถึงสถานการณ์ในทวีปด้านตะวันตกที่สภาสิบแปดปีกก็ไม่ได้มีความปลอดภัยมากนักเช่นกัน ฉันได้ยินมาว่ามหาอำนาจต่างๆในทวีปด้านตะวันตกหลายกลุ่มเริ่มกลับมาแสดงความสนใจป้อมปราการแสงดาวแล้ว” หยวนเทียนซินกล่าวด้วยรอยยิ้ม เมื่อได้เห็นใบหน้าของเพอเพิ้ลเจด “แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สภาสิบแปดปีกก็เดินไต่อยู่บนเส้นเชือกมาตลอดอยู่แล้วนี่นา …. สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปสำหรับกิลๆนี้มันจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหัวหน้ากิลของพวกเขาอย่างแบล๊คเฟรม”
“ถ้าแบล๊คเฟรมตัดสินใจผิดพลาดแม้เพียงนิดเดียว สภาสิบแปดปีกจะถึงจุดจบแน่นอน !!!”
เมื่อหยวนเทียนซินพูดจบ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารสภาสิบแปดปีกอยู่บ้าง เขาสามารถบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่าเรื่องนี้มันมีไมโทโลจี้อยู่เบื้องหลังแน่นอน ไม่งั้นมันจะไม่มีมหาอำนาจจำนวนมากขนาดนี้ที่คิดจะดำเนินการกับสภาสิบแปดปีก ไมโทโลจี้นั้นเป็นตัวตนที่น่ากลัวทั้งในโลกแห่งเกมและความจริง ซึ่งไมโทโลจี้ก็เป็นตัวตนที่แม้แต่ศาลาลับก็ยังต้องหวาดกลัว
ขณะที่หยวนเทียนซินและเพอเพิ้ลเจดกำลังพูดคุยกัน เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบก็ดังมาจากด้านนอกประตูออฟฟิศ
ช่วงเวลาต่อมา แรนเจอร์เลเวลหนึ่งร้อยสิบสี่ ขั้นสาม ก็รีบเดินเข้ามาในออฟฟิศ ซึ่งมันทำให้หยวนเทียนซินขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเห็นท่าทีตื่นตระหนกของแรนเจอร์ผู้นี้ “มันเกิดอะไรขึ้น ? ทำไมคุณต้องเร่งรีบขนาดนี้ ?” หยวนเทียนซินถามด้วยน้ำเสียงต่ำ
“มันไม่ดีเลยผู้อาวุโสหยวน !!! มีเรื่องใหญ่บางอย่างเกิดขึ้น !!!” แรนเจอร์ขั้นสามรายงานอย่างรวดเร็ว ขณะที่เขาเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผาก “เมื่อไม่นานมานี้ สาขาต่างๆได้แจ้งมาว่าพบ NPC จำนวนมากปรากฎตัวขึ้นบนท้องถนนในเมืองต่างๆ !!!”
“มี NPC จำนวนมากปรากฎตัวขึ้นแล้วยังไงล่ะ ? มันมีอะไรน่าประหลาดใจกัน ?” หยวนเทียนซินตอบโต้อย่างไม่ไยดี
ใน God domain เมืองที่ถูกพัฒนาขึ้นก็จะมีจำนวน NPC เข้ามาเพิ่มมากขึ้นอยู่แล้ว นี่มันนับเป็นเหตุการณ์ปกติ ยิ่งไปกว่านั้นผู้เล่นและ NPC ยังได้อาศัยอยู่ในสองโลกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และปฎิสัมพันธ์กันระหว่างทั้งสองฝ่ายมันก็มีน้อยมากๆ
“แต่จำนวนที่เพิ่มขึ้นที่ฉันหมายถึงคือมันมากเกินไป มากแบบมากมายมหาศาลเลย” แรนเจอร์ขั้นสามกล่าวยืนยันอย่างกังวล
“จำนวนเท่าไหร่กัน ?” หยวนเทียนซินถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่เพิ่มขึ้น เมื่อเห็นท่าทีของแรนเจอร์
“มันไม่สามารถนับได้เลย และฉันก็คิดว่าคุณควรไปดูด้วยตัวเอง ผู้อาวุโสหยวน เรื่องนี้มันทำให้เกิดความโกลาหลในหมู่ผู้เล่นในเมืองเลย !!!” แรนเจอร์ขั้นสามกล่าว พลางชี้ไปที่หน้าต่างใกล้ๆ ….
“โกลาหล ?” หยวนเทียนซินอดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความสงสัยมากขึ้น
อย่างไรก็ตามเขาก็รู้สึกว่าแรนเจอร์ที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ได้โกหก ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นยืน และเดินเข้าไปใกล้หน้าต่างทันที
เมื่อได้มองผ่านหน้าต่างออกไป ดวงตาของหยวนเทียนซินก็แข็งค้างด้วยความตกตะลึง
“ลุงหยวน ?”
เพอเพิ้ลเจดนั้นเต็มไปด้วยความงงงวยมากเช่นกัน เมื่อเห็นท่าทีล่าสุดของหยวนเทียนซิน จากนั้นเธอก็ได้รีบเดินไปที่หน้าต่างเพื่อดูเช่นกัน
NPC นั้นได้มารวมตัวกันเป็นจำนวนมากที่ถนนสายหลักนอกสถานที่พักกิล โดยพวกเขาบางคนก็จับกลุ่มและพูดคุยหัวเราะกัน และแม้แต่ผู้ที่มีเลเวลต่ำที่สุดในหมู่พวกเขาก็ยังมีเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบ ในขณะที่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นไปถึงเลเวลหนึ่งร้อยเก้าสิบสี่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นโดยเฉลี่ยแล้วนักผจญภัย NPC เหล่านี้ยังอยู่ในขั้นสาม และแม้แต่พวกที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขาก็ยังอยู่ในขั้นสอง และนอกเหนือจากจะมีจำนวนนักผจญภัย NPC เหล่านี้เพิ่มขึ้นอย่างมากแล้ว จำนวนพลเรือน NPC บนถนนก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน เพอเพิ้ลเจดยังสามารถสังเกตเห็นเด็กๆที่เป็น NPC วิ่งเล่นไปมา และต่อสู้กันด้วยดาบไม้ได้อย่างชัดเจน โดย NPC เหล่านี้คิดเป็นแปดสิบเปอเซ็นต์ของผู้ที่อยู่บนถนนสายหลักเลย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น