Reincarnation Of The Strongest Sword God 2715-2718

 ตอนที่ 2715 ไอเทมนิรันดร์


ขณะที่ซือเฟิงเริ่มใช้สกิลตรวจสอบที่ผสานเข้ากับตราทองคำ มานาภายในบาร์ที่อยู่รอบตัวเขาก็เริ่มกลายเป็นของเหลว ซึ่งนี่มันนับเป็นมาตราฐานของขั้นสี่อย่างไม่ต้องสงสัยเลย


ครู่ต่อมา วงเวทย์ซับซ้อนที่ซ้อนทับกันสองชั้นก็ปรากฎขึ้นในดวงตาของเขา และหากผู้เล่นคนอื่นต้องมาเจอกับการจ้องมองแบบนี้ของซือเฟิง พวกเขาก็จะตัวสั่นโดยสัญชาตญาณแน่นอน


ในขณะนี้ดวงตาของซือเฟิง มันเหมือนจะสามารถเจาะทะลุความจริงทั้งหมดในโลกได้ และมันดูเหมือนจะไม่มีความลับใดๆที่สามารถปิดบังได้เลยต่อหน้าดวงตาคู่นี้


แน่นอนเลยว่าเอฟเฟคของสกิลตรวจสอบที่ผสานเข้ากับตราทองคำนั้นได้รับการปรับปรุงอย่างมาก หลังจากที่มาตราฐานมานาของเขามาถึงขั้นสี่แล้ว ซึ่งนี่มันทำให้ซือเฟิงรู้สึกดีใจอย่างมาก ขณะที่จ้องมองไปยังคริสตัลสีดำในมือของเขา


ก่อนหน้านี้แม้ว่าเขาจะใช้สกิลตรวจสอบของตัวเอง แต่เขาก็ไม่สามารถจะทำการประเมินคริสตัลสีดำได้เลย อย่างไรก็ตามด้วยการใช้สกิลตรวจสอบที่ผสานเข้ากกับตราทองคำนั้น แถบดาวโหลดก็ปรากฎขึ้นทันที ซึ่งมันราวกับว่าไฟร์วอลล์ชั้นนอกสุดของคริสตัลสีดำได้แตกแล้ว และสกิลก็ได้ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นี้พยายามขุดเข้าไปในแกนกลางของคริสตัลสีดำ


สิบวินาที …. ยี่สิบวินาที …. สี่สิบวินาที ….


ขณะที่พลังของคริสตัลสีดำกับพลังของสกิลตรวจสอบที่ผสานเข้ากับตราทองคำกำลังปะทะกัน ซือเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว


แม้ว่าสกิลตรวจสอบที่ผสานเข้ากับตราทองคำจะมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะต่อสู้กับพลังของคริสตัลสีดำได้ แต่มันก็ยังไม่น่าจะเพียงพอ เพราะสกิลมีระยะเวลาแค่หนึ่งนาที และแม้ว่ามันจะสามารถขุดลึกลงไปในการป้องกันของคริสตัลสีดำได้ แต่มันก็ยังไม่น่าจะสามารถทลายได้ทั้งหมด ซึ่งหากเป็นแบบนี้ ซือเฟิงก็จะต้องรออีกสิบนาทีเลยก่อนที่จะสามารถใช้สกิลตรวจสอบที่ผสานเข้ากับตราทองคำได้อีกครั้ง


เพียงแต่สุดท้ายแล้ผลลัพธ์ก็มีสิทจะออกมาเหมือนกันหมด ….


เมื่อได้เห็นการต่อสู้กันของพลังของคริสตัลสีดำและพลังของสกิลตรวจสอบที่ผสานเข้ากับตราทองคำมาถึงทางตัน ซือเฟิงก็เริ่มจะครุ่นคิดถึงวิธีที่จะทลายพลังป้องกันของคริสตัลสีดำให้ได้


ความแตกต่างระหว่างขั้นสามและขั้นสี่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั้นอยู่ที่มานา เนื่องจากสกิลตรวจสอบที่ผสานเข้ากับตราทองคำมีความแข็งแกร่งมากพอจะต่อกรกับพลังของคริสตัลสีดำได้ หลังจากที่ได้รับการอัดมานาขั้นสี่เข้าไป …. ดังนั้นความแตกต่างระหว่างทั้งสองก็น่าจะเป็นมานา


ณ ตอนนี้ สกิลตรวจสอบที่ผสานเข้ากับตราทองคำยังคงมีมานาอยู่มากมาย กล่าวอีกนัยหนึ่งคือปริมาณมานานั้นมันไม่สำคัญต่อการจะทลายพลังป้องกันของคริสตัลสีดำ ซึ่งหากปริมาณไม่ใช่ปัญหา ความเป็นไปได้อื่นๆก็คือความแข็งแกร่งของมานา อย่างไรก็ตามหลังจากได้ข้อสรุปนี้ ซือเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นออกมา เรื่องนี้มันทำให้เขาตกอยู่ในความสิ้นหวังมากขึ้นด้วยซ้ำ เพราะท้ายที่สุด การเพิ่มความแข็งแกร่งของมานานั้นพูดง่ายกว่าทำ


ในตลาดไอเทมทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับมานาก็จะช่วยเพียงเพิ่มปริมาณมานาของผู้ใช้มันเท่านั้น และโดยทั่วไปแล้ว หากผู้เล่นต้องการจะเพิ่มความแข็งแกร่งของมานา พวกเขาก็จะต้องปรับปรุงการควบคุมมานา หรือไม่ก็เพิ่มขั้นของตัวเอง


กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ถ้าซือเฟิงต้องการจะเพิ่มความแข็งแกร่งของมานาในตอนนี้ของเขา ทางเลือกเดียวของเขาก็คือปรับปรุงการควบคุมมานาให้เข้าสู่ขอบเขตที่สูงขึ้น


ไม่ !!! นั่นยังไม่ใช่ทางเลือกเดียว !!! ซือเฟิงส่ายหัว การจะเพิ่มความแข็งแกร่งของมานาให้ได้มันยังมีอีกวิธีหนึ่ง ซึ่งก็คือการใช้สกิลหรือเทคนิคบางอย่างให้มีอัตราความสำเร็จสูงขึ้น


ซึ่งหลังจากซือเฟิงคิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ ความหวังอันริบหรี่ก็ปรากฎขึ้นมาในดวงตาของเขา


อย่างไรก็ตามมันเหลือเวลาไม่ถึงห้าวินาที ก่อนที่ผลของสกิลตรวจสอบที่ผสานเข้ากับตราทองคำจะหมดลง


ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลอง !!!

ซือเฟิงสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่เขาจะชัก Abyssal Blade ออกมาจากฝักของเขา และเริ่มการใช้เทคนิคมานาอย่างดาบที่หนึ่ง ไลท์ชาโด้วทันที


หลังจากนั้นไม่นานมานาที่เดือดพล่านอยู่รอบๆตัวของซือเฟิงก็เริ่มกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ และกลายเป็นเงาของดาบขนาดใหญ่ทันที อย่างไรก็ตามมันไม่เหมือนกับตอนที่เขาใช้เทคนิคนี้ในขั้นสาม เพราะเงาของดาบขนาดใหญ่นี้ดูจับต้องได้มากขึ้น


ในขณะเดียวกัน หลังจากทำการใช้ไลท์ชาโด้วแล้ว ซือเฟิงก็สามารถสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในวงเวทย์ในดวงตาเขา ตอนนี้พวกมันได้แสดงวงเวทย์ที่ซ้อบทันกันชั้นที่สามขึ้นมาจางๆแล้ว


ดี !!! มันได้ผล !!! ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น เมื่อได้เห็นเรื่องนี้


อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้นการก่อตัวของวงเวทย์ชั้นที่สามก็หยุดลงโดยที่ยังไม่สมบูรณ์


มานายังไม่แข็งแกร่งพองั้นหรอ ? ถ้าฉันต้องทำให้มานาแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นไปอีก ฉันก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้โฮลี่ดีวอร์แล้วนะ แม้ว่าฉันจะไม่อยากใช้มันก็ตาม ….


การใช้โฮลี่ดีวอร์ที่สมบูรณ์นั้นมันผลาญค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขามากเกินไป และมันก็ไม่ควรจะใช้บ่อยๆเลยแม้ว่าเขาจะอยู่ในขั้นสี่แล้วก็ตาม แถมในตอนนี้การแข่งขันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งสำรองหกตำแหน่งก็กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องสงวนความแข็งแกร่งส่วนใหญ่ของตัวเองเอาไว้ และแม้ว่าการใช้โฮลี่ดีวอร์ครั้งเดียวจะไม่ได้ทำให้สมองของเขาทำงานหนักเกิน แต่มันก็จะผลาญค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขาไปอย่างมาก


อย่างไรก็ตามหลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ซือเฟิงก็ได้กัดฟันและเลือกจะใช้มัน


“วัดกันไปเลยแล้วกัน !!!!”


แม้ว่าตอนนี้ฟีนิกซ์เรนจะไม่ได้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายถึงชีวิต แต่ตอนนี้มันก็มีคนที่ไม่รู้และความลับอยู่รอบตัวเธอมากเกินไป ขณะที่ด้านของมือแห่งนักบุญเองก็เต็มไปด้วยความลึกลับ และมันก็ไม่สามารถจะรับประกันได้เลยว่า เขาจะไม่พบกับชะตากรรมแบบเดียวกับฟีนิกซ์เรนในอนาคต


ดังนั้นเขาจึงจำเป็นที่จะต้องรู้ให้ได้ว่าคริสตัลสีดำนี้คืออะไร เพราะมันอาจจะทำให้เขามีโอกาสใช้ประโยชน์บางอย่างจากข้อมูลนี้ได้


หลังจากนั้นซือเฟิงก็เริ่มปรับเปลี่ยนท่าทางของเขา ก่อนที่ออร่าของเขาจะพุงขึ้นสูงอย่างรุนแรง


โฮลี่ดีวอร์ !!!


ตู้ม !!!


ทันใดนั้นเปลวไฟที่ไร้รูปก็ปกคลุมไปทั่วบาร์ และเปลวไฟนั้นมันก็ดูสมจริงมากจนทำให้วงเวทย์ที่ถูกติดตั้งภายในบาร์ทำงานด้วย โดยวงเวทย์เหล่านี้บางส่วนเริ่มแตกออกอย่างเห็นได้ชัด เพราะมันไม่สามารถจะต้านทานมานาของซือเฟิงได้ และท้ายที่สุดแล้ว วงเวทย์ชั้นที่สามภายในดวงตาของซือเฟิงก็สมบูรณ์ เห็นได้ชัดว่าเขาเลือกได้ถูกต้องในการตัดสินใจใช้โฮลี่ดีวอร์


Crack!


ซือเฟิงได้ยินเสียงที่เริ่มแตกออกมาจากคริสตัลสีดำ อย่างไรก็ตามครึ่งวินาทีต่อมา อาการเวียนและปวดหัวก็เริ่มเข้ามาทำร้ายสมองของเขา ก่อนที่มานาที่ถูกสร้างขึ้นโดยโฮลี่ดีวอร์นั้นจะค่อยๆสลายหายไป และอาการของซือเฟิงก็เริ่มกลับมาเป็นปกติ มันสำเร็จไหม ?


ซือเฟิงรีบตรวจสอบคริสตัลสีดำอย่างใจจดใจจ่อทันที


คราวนี้คริสตัลนั้นไม่ได้ขัดขืนใดๆ เมื่อเขาพยายามอ่านข้อมูลของมัน และข้อความของคริสตัลก็ค่อยๆปรากฎขึ้นที่หน้าต่างระบบตรงหน้าของซือเฟิง


เมื่อได้เห็นข้อมูลนี้ ซือเฟิงก็ตกตะลึง


ไอเทมนิรันดร์ นี่คือไอเทมนิรันดร์จริงๆงั้นหรอ ? ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเขามองอะไรผิดไปรึปล่าว เมื่อเห็นข้อมูลของคริสตัลสีดำ


(หินโลก) (ไอเทมนิรันดร์)


เอฟเฟคที่ 1 : ทำให้หลักการทุกอย่างมีเสถียรภาพ


เอฟเฟคที่ 2 : Unknown


เอฟเฟคที่ 3 : เป็นสิ่งที่ทำลายไม่ได้


ใน God domain ตราบใดที่ไอเทมชิ้นหนึ่งเกี่ยวข้องกับพลังงานนิรันดร์ มันก็จะชัดเจนเลยว่าไอเทมชิ้นนั้นเคยเป็นของเทพมาก่อน ซึ่งไอเทมนิรันดร์ก็จัดเป็นตำนานในตำนานอีกทีหนึ่ง ตามข่าวลือ แม้แต่เทพก็ยังมีปัญหาในการที่จะได้รับมันมา ขณะที่เทพบางส่วนก็ต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่งเพื่อแย่งชิงไอเทมแบบนี้เพียงชิ้นเดียว มันมีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับสาเหตุการเกิดของสงครามโบราณขนาดใหญ่หลายครั้ง และหนึ่งในนั้นมันก็มีเรื่องการที่เทพก่อสงครามกันเพื่อแย่งชิงไอเทมนิรันดร์ด้วย


“ดูเหมือนว่าฉันจะยังทำอะไรกับสถานการณ์นี้ไปมากกว่านี้ไม่ได้ ….” ซือเฟิงยิ้มอย่างขมขื่น ขณะที่เขามองไปยังหินโลก


เขาเคยต่อสู้อยู่ใน God domain มานานนับสิบปีแล้วในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา อย่างไรก็ตามเขาก็รู้ตัวดีว่าเขายังคงเข้าไม่ถึงความลับอีกมากมายของ God domain เพราะท้ายที่สุดๆเกมๆนี้มันไม่ใช่แค่เกมอย่างที่คนทั่วไปคิดว่ามันจะเป็นเลย ไม่เช่นนั้นมันคงจะไม่มีบริษัทยักษ์ใหญ่ และบริษัทนานาชาติต่างๆเข้ามาลงทุนกันมากขนาดนี้


ไอเทมนิรันดร์นี้ได้บอกเขาอย่างชัดเจนอยู่เรื่องหนึ่งว่าปัญหาที่ฟีนิกซ์เรนเผชิญนั้น มันไม่ใช่ปัญหาธรรมดาแน่นอน และมันก็ไม่ใช่สิ่งที่จักรพรรดิดาบขั้นสี่อย่างเขาจะสามารถเข้าไปถึงได้ง่ายๆ เพราะท้ายที่สุดแม้แต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญขั้นหก ขอบเขตพระเจ้าหลายคนในชีวิตที่ผ่านมาของเขาก็ยังมีต้องดิ้นรนอย่างหนักกว่าจะได้รับไอเทมแบบนี้มาสักชิ้น ดังนั้นเขาก็คงจะต้องรอจนกว่าตัวเองจะไปถึงขั้นห้าหรือขั้นหกก่อน เขาจึงจะสามารถหาข้อมูลเรื่องสถานการณ์ทั้งหมดนี้เพิ่มเติมได้


ไม่งั้น ชะตากรรมของเขาคงจะเป็นเหมือนผู้เชี่ยวชาญที่หายไปทั้งหมด


ในขณะที่ซือเฟิงกำลังรู้สึกขนลุก เมื่อนึกว่าฟีนิกซ์เรนเข้าไปเกี่ยวข้องกับปัญหาที่ใหญ่ขนาดนี้ ยู่หลานก็ได้ติดต่อเขาเข้ามา


“หัวหน้ากิล ตอนนี้หัวหน้าอยู่ที่ไหน ?” ยู่หลานถามอย่างกังวล “สมาชิกของมหาอำนาจต่างๆเริ่มมารวมตัวกันแล้วนะ ….”


“โอเค ฉันจะรีบไปทันที” ซือเฟิงยิ้มและพยักหน้า


เขาได้ตัดสินใจที่จะพักเรื่องของฟีนิกซ์เรนไว้ชั่วคราว ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาต้องทำก็คือพัฒนาความแข็งแกร่งของกิลและตัวเองขึ้นไปให้ได้มากที่สุด เพราะมันมีแต่การทำแบบนี้เท่านั้นที่จะช่วยให้เขาสามารถรับมือกับสิ่งต่างๆที่จะเกิดในอนาคตได้


หลังจากวางสายจากยู่หลาน ซือเฟิงก็ได้เก็บหินโลกเข้ากระเป๋า ก่อนจะวางถุงเหรียญทองไว้บนโต๊ะ จากนั้นเขาก็ได้เดินออกจากบาร์มูนไฟร์ไป ….


ตอนที่ 2716 การต่อสู้ของผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาด


เมืองมังกรไฟ วิหารเทพสงคราม :


แม้จะมีขนาดเท่ากับสนามกีฬาสามแห่ง แต่ตอนนี้พลาซ่าด้านนอกของวิหารเทพสงครามก็เต็มไปด้วยผู้เล่น และนอกเหนือจากสมาชิกของมหาอำนาจต่างๆที่มาเข้าร่วมแล้ว ผู้เล่นเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็ยังอยู่ที่นี่ในฐานะผู้ชมด้วย ทุกคนล้วนรอคอยให้การแข่งขันอย่างเป็นทางการเริ่มต้นขึ้น


“เร็ว !! รีบมาดู พวกเขากำลังจะประกาศสนามรบ !!!”


ทันใดนั้นภาพโฮโลแกรมขนาดใหญ่ก็ปรากฎขึ้นบนท้องฟ้าเหนือวิหารเทพสงคราม โดยภาพโฮโลแกรมที่ฉายออกมานั้นมีรัศมีกว้างหลายร้อยเมตร และสามารถจะมองเห็นได้อย่างชัดเจน แม้จะอยู่ห่างออกไปหลายไมล์ก็ตาม


ในขณะเดียวกันด้วยการปรากฎขึ้นของภาพโฮโลแกรมนี้ ความตื่นเต้นของทั้งผู้เล่น และ NPC ในเมืองมังกรไฟจึงเพิ่มขึ้นมากๆ


“ในที่สุดมันก็เริ่มแล้วสินะ !!!”


“การแข่งขันนี้จะกำหนดทิศทางในอนาคตของ God domain ทั้งหมด ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่งที่ล้วนปกปิดตัวตนอยู่ของมหาอำนาจต่างๆก็จะต้องเปิดเผยตัวเองออกมาแน่นอน เมื่อได้เข้าชมแล้ว อย่าลืมบันทึกข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ล่ะ พวกเขาจะกลายเป็นยักษ์ใหญ่ที่แท้จริงใน God domain ในอนาคตแน่นอน เราจะต้องทำให้แน่ใจว่าตัวเราเองไม่ได้ไปทำให้เขาขุ่นเคืองใดๆ”


“พวกมือใหม่ทั้งหมดฟัง !!! กิลได้ใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อจองห้อง VIP ให้คุณได้สัมผัสกับการแข่งขันอย่างใกล้ชิดที่สุด ดังนั้นจงใช้โอกาสนี้เรียนรู้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากผู้เชี่ยวชาญที่น่ากลัวเหล่านี้ !!!”


กิลขนาดใหญ่ รวมไปถึงมหาอำนาจที่ไม่ได้เข้าแข่งล้วนพาพวกมีความสามารถ และพวกมือใหม่ในกิลของพวกเขามาที่นี่เพื่อเรียนรู้ทั้งหมด


“ฉันล่ะอยากจะเห็นจริงๆว่าพวกเขาจะทรงพลังมากแค่ไหน !!!”


“ฉันได้ยินว่าหลายคนที่มีรายชื่ออยู่ในการจัดอันดับผู้เชี่ยวชาญของศาลาลับจะปรากฎตัวขึ้น ฉันสงสัยจังว่าเราจะได้มีโอกาสเห็นการต่อสู้ระหว่างผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ไหม ?”


เมื่อได้ยินคำพูดของหัวหน้าของพวกเขา เหล่าผู้มีความสามารถและพวกหน้าใหม่ทั้งหมดก็ล้วนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ถ้าเป็นไปได้ พวกเขาอยากจะมีส่วนร่วมในการแข่งขันครั้งนี้ด้วยตัวเองเลยด้วยซ้ำ


ผู้เล่นในเมืองมังกรไฟนั้นไม่ใช่แค่กลุ่มเดียวที่ให้ความสนใจกับการแข่งขันครั้งนี้ ผู้เล่นทั่วทั้ง God domain เองก็ให้ความสนใจเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่ผู้ที่จะสามารถเข้าไปชมการต่อสู้ได้โดยตรงนั้นมีจำกัด ซึ่งนี่มันทำให้หลายคนหงุดหงิดมากๆ


มันมีห้อง VIP เพียงหนึ่งร้อยห้อง และแต่ละห้องสามารถรองรับคนได้แค่หนึ่งร้อยคนเท่านั้น นอกจากนี้มันยังมีที่นั่งปกติให้ดูเพียงสิบล้านที่นั่ง ซึ่งเมื่อเทียบกับประชากรของผู้เล่นใน God domain แล้ว จำนวนแค่นี้มันนับว่าน้อยมากเลยทีเดียว


อย่างไรก็ตามนี่ยังไม่ใช่ส่วนที่น่าหงุดหงิดที่สุด สิ่งที่ทำให้ผู้เล่นหงุดหงิดมากที่สุดก็คือ นอกจากผู้เล่นแล้ว NPC ก็สามารถจะซื้อตั๋วเข้าชมได้ด้วย ซึ่งตามสถิติที่วิหารเทพสงครามรวบรวมมา ตั๋วยี่สิบเปอเซ็นต์นั้นถูกซื้อโดย NPC ขณะที่ตั๋วหกสิบเปอเซ็นต์นั้นถูกซื้อโดยกิล และองค์กรขนาดใหญ่ต่างๆ และนี่มันทำให้ตั๋วเหลือมาถึงผู้เล่นอิสระแค่ยี่สิบเปอเซ็นต์เท่านั้น


เวลานั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว และก่อนที่ใครจะทันได้รู้ตัว ภาพโฮโลแกรมที่ถูกฉายโดยวิหารเทพสงครามก็เผยให้เห็นสนามรบสำหรับการแข่งขันที่กำลังจะมาถึง โดยภาพที่ปรากฎขึ้นนั้นคือมหาสมุทรที่มีคลื่นปั่นป่วน และมีเมฆฝนฟ้าคะนองเต็มไปหมด และเมื่อมองโดยภาพรวม มันก็เห็นได้ชัดว่ามันเป็นสถานที่ที่ผู้เล่นทั่วไปจะไม่สามารถเข้าไปได้เลย โดยมหาสมุทรทั้งหมดนี้มีสิบแปดเกาะที่มีขนาดแตกต่างกัน โดยเกาะเล็กๆก็มีขนาดเท่ากับแผนที่เก็บเลเวลขนาดเล็ก ในขณะที่เกาะขนาดใหญ่ก็มีขนาดที่ใหญ่กว่าเกาะเล็กๆราวสามเท่า


เกาะเหล่านี้นั้นอยู่ห่างกันมากๆ และด้วยท้องทะเลแบบนี้ แม้แต่การใช้เรือเร็วระดับทองแดงเดินทาง ผู้เล่นก็จะต้องใช้เวลาสองชั่วโมงในการเดินทางจากเกาะหนึ่งไปยังอีกเกาะหนึ่ง โดยการปรากฎตัวขึ้นมาอย่างกระทันหันของคลื่นและพายุ มันก็อาจทำให้เวลาเดินทางเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าด้วย


“อะไรกัน ?! มันจะเป็นการต่อสู้ทางเรืองั้นหรอ ?!”

“ไม่น่าใช่สิ มันมีเกาะอยู่แค่ไม่กี่แห่งเองนะในมหาสมุทรนั่น …”


“มันเป็นการต่อสู้แบบยึดครองเกาะรึปล่าว ?” ผู้เล่นนอกวิหารเทพสงครามต่างรู้สึกประหลาดใจ เมื่อพวกเขาได้เห็นสนามรบที่ถูกเปิดเผยออกมา และพวกเขาก็เริ่มพูดคุยอภิปรายกันอย่างร้อนแรงทันที


อย่างไรก็ตามก่อนที่ทุกคนจะได้ข้อมูล กฎที่ใช้สำหรับการแข่งขันแย่งชิงหกตำแหน่งสำรองก็ทยอยถูกประกาศออกมา


โดยผู้เล่นจะถูกเทเลพอร์ตไปยังเกาะต่างๆในแบบทีม ขณะที่แต่ละทีมนั้นจะต้องมีผู้เล่นอย่างน้อยหนึ่งร้อยคน และสูงสุดต่อทีมได้ที่หนึ่งพันคน โดยทุกเกาะนั้นเป็นจะมีจำนวนทรัพยากรที่แตกต่างกันออกไป และมีพื้นที่ทรัพยากรราวสิบสองถึงสามสิบพื้นที่


ซึ่งพื้นที่ทรัพยากรแต่ละแห่งก็จะให้คะแนนกิลแตกต่างกัน โดยพื้นที่ทรัพยากรขั้นพื้นฐานจะให้คะแนนกับกิลเพียงสิบแต้มต่อชั่วโมง ขณะที่พื้นที่ทรัพยากรขั้นกลางจะให้คะแนนกับกิลยี่สิบแต้มต่อชั่วโมง ส่วนพื้นที่ทรัพยากรขั้นสูงจะให้คะแนนกับกิลสามสิบแต้มต่อชั่วโมง


การแข่งขันนั้นจะใช้เวลายี่สิบสี่ชั่วโมง ซึ่งเมื่อมันจบลง กิลหกอันดับแรกที่มีคะแนนสูงสุดก็จะได้รับตำแหน่งสำรองทั้งหกไป


และในหมู่เกาะสิบแปดเกาะนี้ ยิ่งเกาะมีขนาดใหญ่เท่าไหร่ มันก็จะยิ่งผลาญค่าสตามิน่ากับค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของผู้เล่นมากขึ้นเท่านั้น และผู้เล่นทุกคนก็จะไม่สามารถใช้สกิลเบอเซิกร์ หรือเครื่องมือเวทย์มนต์ใดๆได้ โดยกิลที่อยู่ในห้าอันดับแรกของแต่ละเกาะจะสามารถเดินทางไปยังเกาะอื่นๆได้ และหากผู้เล่นตายลงในระหว่างการแข่งขัน ผู้เล่นก็จะถูกเทเลพอร์ตออกจากสนามรบที่ใช้แข่งโดยอัตโนมัติ และสูญเสียสองเลเวล


เมื่อผู้เล่นในพลาซ่าเห็นกฎเหล่านี้ พวกเขาก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ เพราะท้ายที่สุดแล้วการแข่งขันนี้มันขึ้นอยู่กับรากฐาน และความเป็นผู้นำของแต่ละกิลอย่างมาก


การใช้ความแข็งแกร่งส่วนบุคคลนั้นถูกจำกัดอย่างมากในการแข่งขันครั้งนี้ ยิ่งไปกว่านั้น หากกิลไม่ได้วางแผนแบ่งทีมและกระจายอย่างถูกต้อง กิลๆนั้นก็อาจถูกทำลายล้างลงไปได้อย่างรวดเร็วเลย

“กฎนี้มันเอื้อให้กับกิลที่มีผู้เล่นจำนวนมากนี่นา ….” มู่หลิงชาขมวดคิ้ว ขณะที่เธอจ้องมองไปยังกฎที่ปรากฎอยู่เหนือวิหารเทพสงคราม


ข้อกำหนดขั้นต่ำในการที่จะเข้าแข่งขันได้ในครั้งนี้สำหรับผู้เล่นคือขั้นสาม และแม้ว่ามหาอำนาจส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมจะมีสมาชิกกิลใกล้เคียงกัน แต่พวกเขาก็มีจำนวนผู้เล่นขั้นสามที่แตกต่างกันอย่างมาก


ยกตัวอย่างเช่น อันยีลดิ้งโซล กิลมีผู้เล่นขั้นสามอยู่ที่ราวสี่พันห้าร้อยคนหรือมากกว่านั้นนิดหน่อย อย่างไรก็ตามซุเปอร์กิลอย่างตระกูลมังกรฟ้านั้นมีผู้เล่นขั้นสามอยู่ในกิลมากกว่าแปดพันคนเลย


แน่นอนว่ากิลที่เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ ล้วนมีจำนวนผู้เล่นขั้นสามโดยเฉลี่ยอยู่ที่ราวหกพันคน อย่างไรก็ตามมันก็มีบางกิลที่มีผู้เล่นขั้นสามมากกว่าค่าเฉลี่ยไปเยอะมาก ดังนั้นสถานการณ์นี้มันจึงจะทำให้เกิดช่องว่างขนาดใหญ่มากๆระหว่างกิลที่เข้าแข่งขันกัน


เริ่มด้วยซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดห้ากิลนั้น พวกเขาแต่ละกิลล้วนมีผู้เล่นสามเป็นของตัวเองราวสองหมื่นคน ซึ่งนี่มันไม่ใช่จำนวนที่มหาอำนาจอื่นๆหวังจะแข่งด้วยได้เลย และนี่มันก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้มหาอำนาจหลายกลุ่มหมดหวังในตำแหน่งสำรองห้าตำแหน่งไปทันที


ด้วยกฎเหล่านี้ มันจะทำให้มหาอำนาจอื่นๆไม่มีสิทต่อกรกับห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดได้เลย เพราะท้ายที่สุดแล้วแค่การแบ่งทีมตามจำนวนผู้เล่นที่มีนั้น ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดก็จะได้เปรียบมากแล้ว เนื่องจากพวกเขาสามารถจัดแต่ละทีมได้เต็มจำนวนที่พันคนเลย ซึ่งมันจะทำให้พวกเขามีข้อได้เปรียบเชิงตัวเลขอย่างมาก นี่ยังไม่นับรวมในด้านอื่นๆเช่นมาตราฐานของผู้เชี่ยวชาญอีก ….


ที่แย่ไปกว่านั้นคือ ถ้าทีมกิลที่ถูกแบ่งออกไม่สามารถขึ้นไปติดห้าอันดับแรกของเกาะได้ พวกเขาก็จะหมดสิทเดินทางไปยังเกาะอื่นๆด้วย


“กฎเหล่านี้มันยอดเยี่ยมมากๆ ตอนนี้ชัยชนะของมิราเคิลมันแทบจะได้รับการการันตีร้อยเปอเซ็นต์แน่นอน” โคลท์ชาโด้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เธออ่านกฎการแข่งขัน


ในช่วงเวลานี้ พวกระดับสูงของมิราเคิลก็ล้วนเต็มไปด้วยความสุขมากๆเช่นกัน


เพราะท้ายที่สุดแล้วมิราเคิลได้ส่งสมาชิกมาเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้มากกว่าหนึ่งหมื่สามพันคน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้กิลมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจำนวนมากขนาดนี้ มันก็ต้องขอบคุณเครื่องมือที่ไมโทโลจี้มอบให้ เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้ผู้เล่นขั้นสองที่มีปัญหาในการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสาม สามารถเอาชนะอุปสรรคสุดท้ายของเควสได้อย่างง่ายดาย และแม้ว่าผู้เชี่ยวชาญที่กลายมาเป็นขั้นสามโดยอาศัยเครื่องมือแบบนี้จะขาดในเรื่องมาตราฐานการต่อสู้เมื่อเทียบกับผู้เชี่ยวชาญขั้นสามคนอื่นๆ แต่พวกเขาก็ยังจัดว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่แท้จริง และแข็งแกร่งกว่าผู้เล่นขั้นสองมาก และด้วยการมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจำนวนมากขนาดนี้ มันก็ทำให้มิราเคิลมีสิทสูงมากที่จะได้รับหนึ่งในหกตำแหน่งสำรองไป


ในทางตรงกันข้ามกับพวกระดับสูงของมิราเคิล เซเว่นวอร์นเดอร์และพวกระดับสูงในปัจจุบันของฟรอสต์ฮีฟเว่นนั้นล้วนมีใบหน้าที่ซีดเซียว ฟรอสต์ฮีฟเว่นนั้นส่งสมาชิกมาเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้มากกว่าเจ็ดพันห้าร้อยคนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งด้วยกฎที่การแข่งขันที่ประกาศออกมาเมื่อครู่ มันทำให้แทบเป็นไปได้เลยที่ฟรอสต์ฮีฟเว่นจะได้รับหนึ่งในหกตำแหน่งสำรองนี้


“ทางเลือกเดียวของเราคือต้องยอมรับความเสี่ยง และจัดทีมให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่งั้นเราจะหมดโอกาสแน่นอนในครั้งนี้ ….” เซเว่นวอร์นเดอร์กล่าวกับเหล่าผู้อาวุโส และผู้อาวุโสสูงสุดอย่างใจเย็น


“นั่นเป็นสิ่งเดียวที่เราสามารถทำได้จริงๆ ไม่งั้นเราจะไม่มีโอกาสสู้กับกิลที่มีจำนวนคนมากกว่าได้เลย” หงซินหยวนกล่าวพลางพยักหน้าเห็นด้วย


เหล่าผู้อาวุโสและผู้อาวุโสสูงสุดทั้งหมดพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเซเว่น

วอร์นเดอร์เช่นกัน


“เนื่องจากทุกคนตกลงตามนี้ งั้นฉันจะเริ่มแบ่งทีม ….”


“แม้ว่าเราจำเป็นจะต้องแบ่งทีมให้ได้มากที่สุด แต่เราก็ต้องคำนึงถึงความสมดุลของพลังการต่อสู้ และความสามารถในการต่อสู้เพื่อแย่งชิงพื้นที่ทรัพยากรด้วย ผู้อาวุโสสูงสุดห้าคน และผู้อาวุโสสิบสองคนจะเป็นผู้นำทีมสามร้อยคน โดยเป้าหมายของพวกคุณคือต้องเข้ายึดและรักษาพื้นที่ทรัพยากรขั้นพื้นฐานไว้ให้ได้ และหากคิดว่าทีมของตัวเองมีพลังไม่มากเพียงพอก็ให้ลองติดต่อทีมอื่นที่อยู่ใกล้ๆ และให้ช่วยกันปฎิบัติการได้”


“ส่วนฉัน ผู้อาวุโสหง และบริลเลี่ยนบลู แต่ละคนจะนำทีมห้าร้อยคนที่ประกอบไปด้วยพวกสิบดาบด้วย ซึ่งเราก็จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเข้ายึดและรักษาพื้นที่ทรัพยากรขั้นกลางให้ได้ หรือพื้นที่ทรัพยากรขั้นพื้นฐานเป็นอย่างน้อยที่สุด ขณะที่รองหัวหน้ากิลทั้งสามจะนำสมาชิกที่เหลือร่วมกับสมาชิกสภาสิบแปดปีกเพื่อเข้ายึดพื้นที่ทรัพยากรขั้นสูง หรือไม่ก็พื้นที่ทรัพยากรขั้นกลางเป็นอย่างต่ำ”


การกระจายทีมแบบนี้ของเซเว่นวอร์นเดอร์ มันก็เป็นไปเพื่อให้กิลประสบกับปัญหาน้อยที่สุด ประการแรกมันทำให้กิลมั่นใจได้ว่าจะมีคนมากเพียงพอที่จะแข่งขันในเกาะทั้งสิบแปดเกาะ ประการที่สองทุกทีมจะมีความแข็งแกร่งประมาณหนึ่ง และน่าจะสามารถรับมือกับทีมหนึ่งพันคนที่เป็นศัตรูได้


แน่นอนว่าโอกาสในการเจอทีมหนึ่งพันคนนั้นมีค่อนข้างน้อย เนื่องจากแต่ละกิลนำผู้เล่นเข้ามาร่วมการแข่งขันครั้งนี้ได้อย่างจำกัดตามข้อกำหนด ดังนั้นการจะสร้างทีมหนึ่งพันคนขึ้นมาสักทีมมันจึงเป็นอะไรที่ฟุ่มเฟือยมากๆ และเพื่อกระจายอิทธิพลของตัวเองออกไปให้กว้างที่สุด กิลต่างๆก็น่าจะใช้แผนคล้ายกับเซเว่นวอร์นเดอร์นี่แหละ และอาจจะปรับเปลี่ยนแค่เล็กน้อยเท่านั้น


“โอเคกับแผนนี้กันไหม ?” เซเว่นวอร์นเดอร์ถาม ขณะที่เขามองไปยังพวกระดับสูง

ของกิลในปัจจุบัน


ในการตอบสนองพวกระดับสูงของกิลเขาล้วนมองตากันและกัน อย่างไรก็ตามมันไม่มีใครส่งเสียงคัดค้านใดๆ


เซเว่นวอร์นเดอร์พยักหน้า “ในกรณีนี้ …”


อย่างไรก็ตามในขณะที่เซเว่นวอร์นเดอร์กำลังจะสรุปการตัดสินใจของเขา เสียงที่ทุ้มต่ำก็ดังมาเข้าหูของทุกคน “ฉันขอคัดค้าน !!!”


ทันใดนั้นพวกระดับสูงของฟรอสต์ฮีฟเว่นก็หันไปมองยังต้นตอของเสียงนี้


เจ้าของเสียงนี้นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากซือเฟิงที่พึ่งมาถึง


อย่างไรก็ตามแทนที่จะรู้สึกไม่พอใจกับการคัดค้านของซือเฟิง เซเว่นวอร์นเดอร์กับถามอย่างจริงใจว่า “หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม คุณมีคำแนะนำอะไรดีๆงั้นหรอ ?”


หลังจากเซเว่นวอร์นเดอร์ถามคำถามของเขาจบ เหล่าผู้อาวุโสและผู้อาวุโสสูงสุด รวมไปทั้งพวกระดับสูงของฟรอสต์ฮีฟเว่นคนอื่นๆก็ล้วนหันไปมองซือเฟิง การกระทำของพวกเขาแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีความคิดแบบเดียวกับเซเว่นวอร์นเดอร์ และพวกเขาทุกคนรอยคอยที่จะฟังคำแนะนำของซือเฟิง


เกิดอะไรขึ้นกับคนเหล่านี้ในช่วงที่ฉันไม่อยู่เนี่ย ? ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับท่าทีของไซเร้นวอร์นเดอร์และคนอื่นๆ


ก่อนที่เขาจะจากไปครั้งก่อน คนเหล่านี้ไม่ได้ใส่ใจจะมองเขาด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ไม่เพียงแต่ทัศนคติของเซเว่นวอร์นจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีมากขึ้น แต่พวกระดับสูงคนอื่นๆของกิลก็ยังดูเป็นมิตรมากขึ้นเช่นกัน


อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็ไม่ได้คิดเรื่องนี้นานนัก


“ฉันไม่สามารถจะพูดได้ว่ามันเป็นคำแนะนำที่ดี ….” ซือเฟิงกล่าวอย่างใจเย็น ก่อนที่เขาจะกล่าวเสริมว่า “ฉันแค่คิดว่าเราควรจะเปลี่ยนการจัดทีมเล็กน้อย”


“เราจะเปลี่ยนมันแบบไหน ?” เซเว่นวอร์นเดอร์ถามอย่างสงสัย


เมื่อได้ยินคำถามของเซเว่นวอร์นเดอร์ ซือเฟิงก็แบฝ่ามือออก


“ห้า !!”


“ข้อเสนอของฉันคือให้สภาสิบแปดปีกนำทีมห้าทีมแยกออกไป โดยแต่ละทีมจะประกอบไปด้วยสมาชิกหนึ่งร้อยคน และให้รองหัวหน้ากิลของคุณที่เหลือนำทีมห้าร้อยคน ด้วยวิธีนี้ เราจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการต่อสู้ของเราให้ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดได้”


ตอนที่ 2717 พนัน


“ห้าทีมแยกออกไป ?”


พวกระดับสูงของฟรอสต์ฮีฟเว่นนั้นอ้าปากค้างอย่างไม่ตั้งใจ เมื่อได้ยินคำแนะนำของซือเฟิง พวกเขาเสียเปรียบในด้านตัวเลขอย่างมาก และแม้แต่ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยมันก็อาจจะทำให้พวกเขาไร้ความสามารถในการชิงหกตำแหน่งสำรองได้เลย ในขณะเดียวกันแม้ว่าการแบ่งทีมของเซเว่นวอร์นเดอร์จะเป็นไปแบบปลอดภัยมากไปนิด แต่มันก็จะสามารถช่วยให้ฟรอสต์ฮีฟเว่นหลีกเลี่ยงปัญหาสำคัญได้


อย่างไรก็ตามตอนนี้ซือเฟิงกับแนะนำให้แบ่งทีมออกมาอีกห้าทีมแยกออกไป โดยแต่ละทีมนั้นก็จะมีสมาชิกเพียงแค่หนึ่งร้อยคนเท่านั้น ซึ่งสิ่งนี้มันจัดว่าเสี่ยงและดูบ้าคลั่งมากๆ


“หัวหน้ากิล การทำแบบนี้มันจะไม่เสี่ยงมากเกินไปหน่อยงั้นหรอ ?” มู่ฉินอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาอย่างกังวล


ณ จุดนี้ ทุกคนนั้นรู้ดีอยู่แล้วว่าซือเฟิงมีพลังที่น่ากลัว และแม้ว่าเขาจะเป็นผู้นำทีมขนาดเล็กที่สุด แต่เขาก็น่าจะสามารถจัดการกับปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นได้แน่นอน


อย่างไรก็ตามอีกสี่ทีมที่ถูกแบ่งออกไปมันก็ไม่น่าจะทำได้เหมือนเขา เพราะท้ายที่สุดแล้วใครมันจะไปมีพลังการต่อสู้ที่น่ากลัวแบบซือเฟิงกัน ? และในบรรดาสมาชิกของสภาสิบแปดปีกทั้งหมด บุคคลที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสองรองจากซือเฟิงก็น่าจะเป็นไวโอเล็ตคลาวด์ แต่อย่างไรก็ตามการควบคุมมานาของเธอก็ยังคงห่างชั้นจากซือ

เฟิงมาก นี่คือสิ่งที่มู่ฉินได้ตรวจสอบมาแล้วผ่านการดวลของไวโอเล็ตคลาวด์กับเทียนเฉิง


สำหรับสมาชิกคนอื่นๆของสภาสิบแปดปีก มาตราฐานการต่อสู้โดยเฉลี่ยของพวกเขายังไม่ถึงขอบเขตอนันต์ด้วยซ้ำ และแม้ว่าพวกเขาจะยังคงเป็นพลังต่อสู้ที่มีประโยชน์ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจะเปลี่ยนกระแสการต่อสู้ด้วยตัวเองได้ ในความเป็นจริงแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนก็ยังไม่สามารถจะทำได้ด้วยซ้ำ นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เซเว่นวอร์นเดอร์ตัดสินใจแบ่งทีมให้เหล่าผู้อาวุโส และผู้อาวุโสสูงสุดนำทีมที่มีจำนวนสามร้อยคน


ในขณะนี้มู่ฉินไม่ใช่แค่คนเดียวที่งงงวยและเป็นกังวลกับคำแนะนำของซือเฟิง แม้แต่ยู่หลาน และหยานเทียนซิงก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังซือเฟิงด้วยความสับสน


สภาสิบแปดปีกมีความก้าวหน้าอย่างมากเมื่อเร็วๆนี้ โดยบรรดานักสู้ระดับสูงของกิลก็ปรับปรุงความแข็งแกร่งของตัวเองเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยังไม่ได้ไปถึงมาตราฐานของผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาด นอกเหนือจากซือเฟิงแล้ว คนที่จะสามารถนำทีมผู้เล่นหนึ่งร้อยคนผ่านทุกอย่างไปได้อย่างปลอดภัยในสถานการณ์นี้ มันก็จะมีแค่ไวโอเล็ตคลาวด์เท่านั้น


หากพวกเขาแบ่งห้าทีม ทีมละหนึ่งร้อยคนแยกออกไป ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวอาจนำทีมไปสู่การถูกทำลายล้างทั้งหมดได้เลย เพราะท้ายที่สุดแล้วการแข่งขันครั้งนี้มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย มันเป็นการแข่งขันที่จะกำหนดทิศทางของ God domain ในอนาคตเลยก็ว่าได้


ในครั้งนี้มหาอำนาจต่างๆที่ได้มาเข้าร่วมการแข่งขันนั้นล้วนส่งผู้เชี่ยวชาญของพวกเขาออกมาจำนวนมาก และแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์ก็ยังจะหาได้ทั่วไปที่นี่ ขณะที่พวกเขาส่วนใหญ่จะมีผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดราวหนึ่งโหลหรือมากกว่านั้นอยู่ในกองกำลังแทบทั้งหมด


และแม้ว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนจะถือว่าเป็นนักสู้ที่น่ากลัว แต่พวกเขาก็จะต้องหนีแน่นอน หากต้องไปเผชิญหน้ากับทีมผู้เล่นหนึ่งร้อยคนโดยปราศจากการสนับสนุนที่เพียงพอ ในการแข่งขันครั้งนี้มันจะมีก็แต่เพียงผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดแบบซือเฟิงเท่านั้นที่จะสามารถเปลี่ยนกระแสการต่อสู้ได้ด้วยตัวคนเดียว


นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าทีมหนึ่งร้อยคนนั้นเป็นเพียงความต้องการขั้นต่ำในการแข่งขันอย่างเป็นทางการครั้งนี้ หากทีมผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดที่ประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดจำนวนหนึ่งรวมกันจนครบหนึ่งร้อยคน ไปพบกับทีมห้าร้อยคน พวกเขาก็ยังจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่อึดอัดอย่างมากอยู่ดี และถ้าพวกเขาเจอกับทีมหนึ่งพันคนนั้น มันก็จะมีเพียงแต่ความตายเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่


“มันก็ค่อนข้างจะเสี่ยงนั่นแหละ อย่างไรก็ตามมีแต่วิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้เรามีสิทได้รับหนึ่งในหกตำแหน่งสำรอง” ซือเฟิงไม่ได้พยายามหักล้างคำพูดของมู่ฉิน เพราะท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่เธอพูดมันเป็นความจริง “ไม่งั้นยังไงซะฟรอสต์ฮีฟเว่นก็จะไม่มีสิทได้หนึ่งในหกตำแหน่งสำรองนี้เลย ฉันเชื่อว่าพวกคุณทุกคนก็รู้เรื่องนี้ดีเช่นกัน”


ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา เนื่องจากรากฐานที่ไม่แข็งแกร่งเพียงพอ ฟรอสต์ฮีฟเว่นจึงล้มเหลวในการแข่งขันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งสำรองครั้งแรก


ในขณะเดียวกันการเริ่มต้นการต่อสู้บนเกาะต่างๆให้ได้นั้นมันก็มีความสำคัญมากๆ ซึ่งหากพวกเขาไม่สามารถกระจายกำลังไปยังเกาะต่างๆให้ได้มากที่สุด พวกเขาก็ควรจะลืมเรื่องหกตำแหน่งสำรองนี้ไปได้เลย


มันมีตำแหน่งสำรองเพียงหกตำแหน่งเท่านั้นให้ไขว่คว้า และเพื่อที่จะทำให้ตัวเองสามารถเดินทางไปยังเกาะอื่นๆได้ พวกเขาก็จะต้องครอบครองพื้นที่ทรัพยากรของเกาะให้ได้ทั้งหมดอย่างน้อยสามเกาะเพื่อโอกาสในการชนะ อย่างไรก็ตามการจะทำให้ได้แบบนี้นั้นมันพูดง่ายกว่าทำ


เมื่อซือเฟิงพูดจบ พวกระดับสูงทั้งหมดของฟรอสต์ฮีฟเว่นก็เงียบลง


หลังจากเวลาผ่านไปชั่วครู่ หงซินหยวนก็ก้าวออกมาข้างหน้าและพูดว่า “ฉันเห็นด้วยกับมุมมองของหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม หากเราแบ่งตามที่เขาว่า เราก็ยังจะพอมีได้เสี่ยงโชคหาโอกาสชนะบ้าง ….”


“อย่างไรก็ตาม หากโชคไม่เข้าข้างเรา และทีมหนึ่งร้อยคนของเราถูกแยกกันออกไปทั้งหมด ทีมก็คงทำอะไรไม่ได้มากเช่นกันนะ ….” บริลเลี่ยนบลูกล่าวพลางส่ายหัว


มันมีกิลทั้งหมดสามสิบกิลที่มาเข้าร่วมในการแข่งขัน และโดยเฉลี่ยแล้วมันก็จะมีอย่างน้อยสองกิลอยู่ทุกเกาะ ซึ่งหากหนึ่งในทีมหนึ่งร้อยคนของพวกเขาโชคร้ายถูกโดดเดี่ยว มันก็จะไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่นอน


เมื่อได้ยินคำพูดของบริลเลี่ยนบลู เหล่าสมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่นก็ยิ่งเงียบลงไปอีก


หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว เซเว่นวอร์นเดอร์ก็มองไปที่ซือเฟิงและพูดว่า “เอาแบบนี้เป็นไง ฉันตกลงที่จะจัดตั้งทีมหนึ่งร้อยคนแบ่งออกเป็นห้าทีมแยกออกไป อย่างไรก็ตามเราจะสนับสนุนทีมทั้งห้าทีมนี้ด้วยผู้เชี่ยวชาญขั้นสามทั่วไปเท่านั้น ฉันคิดว่าเราไม่สามารถจะมอบผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดหรือเก่งกาจกว่านั้นให้คุณได้”


“หัวหน้ากิล ?” หงซินหยวนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินคำพูดของเซเว่นวอร์น

เดอร์


แม้ว่าเซเว่นวอร์นเดอร์จะยอมตกลงทำตามคำแนะนำของซือเฟิง แต่หากในทีมเหล่านี้ไม่มีผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดหรือเก่งกาจกว่านั้นคอยสนับสนุน โดยพื้นฐานแล้วมันก็จะเท่ากับว่าสมาชิกของสภาสิบแปดปีกเอาชีวิตของตัวเองไปแขวนอยู่บนเส้นด้ายเลย และมันก็จะไม่ใช่เรื่องผิดเลย หากจะพูดว่าเซเว่นวอร์นเดอร์ปฎิบัติต่อทีมทั้งห้าในฐานะทีมที่ต้องเสียสละ


แน่นอนว่าหงซินหยวนก็เข้าใจมุมมองของเซเว่นวอร์นเดอร์ด้วยเช่นกัน ทั้งห้าทีมนี้นับเป็นการพยายามดิ้นรนเฮือกสุดท้ายของพวกเขาเพื่อความหวังในการจะแย่งชิงหนึ่งในหกตำแหน่งสำรอง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถจะมอบพลังต่อสู้ที่มากเกินไปให้กับทีมเหล่านี้ได้ อย่างไรก็ตามในความคิดของเขา เนื่องจากพวกเขาเตรียมจะเล่นพนันแล้ว พวกเขาก็น่าจะเพิ่มชิปในการเดิมพันเข้าไปเลย


“ผู้อาวุโสหง อย่าพยายามเกลี้ยกล่อมฉันอีกเลย ฉันได้ตัดสินใจแล้ว ….” เซเว่น

วอร์นเดอร์กล่าวอย่างหนักแน่นอน


“ฉันเข้าใจ” หงซินหยวนนั้นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกล้ำกลืนคำพูดที่เขาต้องการจะพูดกลับลงคอไป ในฐานะหัวหน้ากิลของฟรอสต์ฮีฟเว่น เซเว่นวอร์นเดอร์ก็ยังคงเป็นคนที่มีอำนาจในการตัดสินใจมากที่สุดในกิล และในเรื่องสำคัญแบบนี้ เมื่อเซเว่นวอร์นเดอร์ทำการตัดสินใจแล้ว หงซินหยวนก็ไม่ควรจะมาขัดหรือเกลี้ยกล่อมอะไรเขาต่อ ….


“หัวหน้ากิล สมาชิกของสภาสิบแปดปีกนั้นไม่คุ้นเคยกับสมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่น ให้ฉันไปเข้าร่วมกับพวกเขาด้วยเถอะ …. ด้วยการทำแบบนี้ หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมน่าจะสามารถบัญชาการทีมทั้งหมดได้ดีขึ้น !!!” มู่ฉินกล่าวแนะนำกับเซเว่นวอร์นเดอร์


“โอเค คุณไปเป็นผู้ประสานงานให้กับสภาสิบแปดปีก ….” เซเว่นวอร์นเดอร์พยักหน้าเห็นด้วย มันเป็นเช่นเดียวกับที่มู่ฉินพูด ซือเฟิงนั้นไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับสมาชิกฟรอสต์ฮีฟเว่นเลย ซึ่งหากเขาไม่มีความเข้าใจที่ดีและมากพอ เขาก็จะไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างดีที่สุด ในขณะเดียวกันในฐานะหนึ่งในรองหัวหน้ากิลของฟรอสต์ฮีฟเว่น มู่ฉินนั้นก็มีความเข้าใจเกี่ยวกับสมาชิกกิลของตัวเองอย่างดีมากๆ ดังนั้นเธอจึงนับเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการส่งไปให้เป็นผู้ประสานงานกับสภาสิบแปดปีก


“พี่สาว นี่พี่บ้าไปแล้วหรอ ?” เครุยที่ยืนอยู่ข้างๆมู่ฉินจ้องมองไปยังเธออย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา “นี่คุณกล้าเข้าไปมีส่วนร่วมในการพนันครั้งนี้ด้วยหรอ ?”


การตายในการแข่งขันครั้งนี้มันหมายถึงการต้องสูญเสียสองเลเวล ซึ่งสำหรับผู้เล่นระดับอย่างพวกเขาในปัจจุบัน การสูญเสียไปสองเลเวลนี้ไม่ใช่เรื่องน่าหัวเราะเลย เพราะท้ายที่สุด พวกเขาอยู่ห่างจากเกณฑ์เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบเพียงก้าวเดียวเท่านั้น


หากพวกเขาตายในการแข่งขันครั้งนี้ การท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ของพวกเขาก็จะต้องล่าช้าออกไปอย่างมาก


“ไม่ต้องกังวลหรอกยัยน้องสาว ฉันจะติดตามทีมของหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ฉันเชื่อว่าหากทำแบบนี้มันจะไม่มีปัญหาใดๆเกิดขึ้นแน่นอน” มู่ฉินกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ


เครุยพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เมื่อได้ยินคำพูดของมู่ฉิน


หลังจากนั้นเซเว่นวอร์นเดอร์ก็เริ่มจัดการแบ่งทีมทั้งหมดตามที่คุยกันไว้ทันที ในขณะเดียวกันสมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่นทั้งหมด 483 คน ก็ถูกมอบให้อยู่ใต้การบัญชาการของซือเฟิง สำหรับการที่ซือเฟิงจะแบ่งพวกเขายังไงนั้น เซเว่นวอร์นเดอร์จะไม่เข้าไปยุ่งใดๆ


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ทุกคนได้มาพร้อมกันแล้ว ….” มู่ฉินกล่าว หลังจากที่เธอเช็คจำนวนสมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่นทั้งหมด จากนั้นเธอก็ถามอย่างสงสัยว่า “คุณมีแผนจะแบ่งทีมให้กับสมาชิกทั้งหมดยังไง ?”


“ฉันคิดมาไว้แล้ว ….” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อว่า “ฉันจะเป็นผู้นำทีมด้วยตัวเองทีมหนึ่ง ส่วนทีมที่เหลือก็จะมอบให้เสวี่ยเหวินโหรว อควาโรส ไวโอเล็ตคลาวด์ และไฟเออร์แดนซ์เป็นผู้นำ ขณะที่สมาชิกของสภาสิบแปดปีกที่เหลือก็จะทำหน้าที่ติดตามทีมของไวโอเล็ตคลาวด์และไฟเออร์แดนซ์”


“นี่ … มันจะ ….” มู่ฉินตกตะลึงไปชั่วขณะเมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง


เธอนั้นคาดการณ์ไว้อยู่แล้วว่าไวโอเล็ตคลาวด์จะต้องได้เป็นหนึ่งในผู้นำทีมแน่นอน เพราะท้ายที่สุดไวโอเล็ตคลาวด์นั้นก็มีโดเมนมานาเป็นของตัวเอง ขณะที่สมาชิกสภาสิบแปดปีกที่เหลือน่าจะถูกแบ่งให้คละกันไปในสามทีมที่เหลือ


แต่ตอนนี้ซือเฟิงกับเลือกจะให้เสวี่ยเหวินโหรว และอควาโรสเป็นผู้นำทีมคนเดียวแทนไวโอเล็ตคลาวด์ ? ซึ่งควรจะได้หนึ่งในสองตำแหน่งนี้ ….


ในขณะนี้มันไม่ใช่แแค่มู่ฉินคนเดียวที่ตกตะลึง ยู่หลาน หยานเทียนซิง อี้ลั่วเฟย Alluring Summer จ้าวเย่วรู่ ชาโด้วซอร์ด โคล่า ไซเร้นเบลด เทอเทิ้ลโดฟ เย่หวูเมี่ยน ฟลายอิ้งชาโด้ว และแรมแพ้นเบลดก็ล้วนเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆเช่นกัน


จากสมาชิกสภาสิบแปดปีกทั้งหมดในปัจจุบัน ผู้ที่ต้องการ การสนับสนุนมากที่สุด มันก็น่าจะเป็นรองหัวหน้ากิลทั้งสองของพวกเขา เพราะท้ายที่สุดทั้งสองยังไม่ได้ปรับปรุงเลเวล อาวุธ และอุปกรณ์ของพวกเขาเลยแม้แต่น้อยในช่วงสองถึงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา และแม้ว่าอาวุธกับอุปกรณ์ของอควาโรสกับเสวี่ยเหวินโหรวจะยังคงจัดว่าเหนือกว่ามหาอำนาจต่างๆอยู่มาก แต่ทั้งสองก็ยังด้อยกว่าไวโอเล็ตคลาวด์ และไฟเออร์แดนซ์อยู่เล็กน้อยในแง่ของมาตราฐานการต่อสู้


การไม่ให้การสนับสนุนใดๆกับสองคนนี้เลย มันจะเท่ากับการเพิ่มความเสี่ยงในการพนันครั้งนี้มากขึ้นด้วยซ้ำ


อย่างไรก็ตามโดยไม่ได้สนใจท่าทีของทุกคน ซือเฟิงได้หันไปหาอควาโรส และเสวี่ยเหวินโหรวพลางถามว่า “เสวี่ยเหวินโหรว อควาโรส พวกเธอโอเคกับเรื่องนี้ไหม ?”


“ไม่มีปัญหา”


ทั้งสองตอบอย่างเฉยเมยทันที ราวกับว่าเรื่องนี้ไม่ได้มีผลอะไรกับพวกเขา


“ดี งั้นเราก็จะมาแบ่งกันให้เรียบร้อย และไปเตรียมตัวกัน ….” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม โดยไม่คิดจะพูดอะไรเพิ่มเติม


ต่อจากนั้นผู้เข้าร่วมทั้งหมดก็รออีกหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ ก่อนที่ระฆังของวิหารเทพสงครามจะดังขึ้น ซึ่งระฆังนี้มันก็ได้ดังก้องไปทั่วเมืองมังกรไฟเลยทีเดียว


การแข่งขันแบบเป็นทางการเพื่อแย่งชิงหกตำแหน่งสำรองได้เริ่มขึ้นแล้ว !!!


ทันใดนั้นผู้เข้าร่วมการแข่งขันที่กำลังเฝ้ารออยู่ที่บริเวณวิหารเทพสงครามก็กลายเป็นลำแสง และค่อยๆหายไปทีละคน


ตอนที่ 2718 การกระจายทีม


“เริ่มแล้ว !! ในที่สุดมันก็เริ่มแล้ว !!!”


“อึก !! นี่คือที่นั่งของผู้ชมงั้นหรอ ? สุดยอด !!”


เมื่อผู้เล่นสามารถเข้าชมได้ ได้มาถึงที่นั่งของพวกเขา พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจกับสภาพแวดล้อมทั้งหมด


เวลานี้ทุกคนนั้นอยู่บนฟ้า ผู้ชมนั้นได้นั่งอยู่ในโครงสร้างคล้ายกับโคลอสเซียมที่ลอยอยู่เหนือเกาะทั้งสิบแปดเกาะที่ใช้เป็นสถานที่จัดการแข่งขัน โดยเกาะทั้งสิบแปดเกาะนี้ก็เป็นเหมือนกับกระดานหมากรุกที่มีผู้เข้าร่วมเป็นตัวหมากรุก


ผู้ชมไม่เพียงแต่สามารถเลือกที่จะชมได้อย่างอิสระ แต่พวกเขายังสามารถจะซูมเข้าไปเพื่อดูการต่อสู้ที่เฉพาะเจาะจงได้อีกด้วย และส่วนที่โชคร้ายที่สุดเพียงอย่างเดียวก็คือระยะซูมนั้นมีจำกัด โดยผู้ที่อยู่ใกล้ที่สุดในที่นั่งปกติจะสามารถซูมเข้าไปใกล้ที่สุดได้เหนือเกาะสามสิบเมตรเท่านั้น ซึ่งมันก็ยังคงนับว่าไกลเกินไปสำหรับการจะสังเกตโดยละเอียด


อย่างไรก็ตามบรรดาผู้ชมในห้อง VIP นั้นไม่เพียงแต่จะสามารถชมการต่อสู้ได้ราวกับว่าพวกเขาอยู่ที่นั่นด้วยตัวเอง แต่ห้อง VIP มันยังจะมีฟังชั่นที่จะแจ้งให้พวกเขาทราบถึงการต่อสู้ที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วย ดังนั้นผู้ที่ได้ชมในห้องนี้จึงไม่ต้องกลัวเลยว่าตัวเองจะพลาดการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้น


ขณะเดียวกันผู้ชมที่เฝ้าดูอยู่เหนือสถานที่จัดการแข่งขันกำลังรู้สึกตื่นเต้น ผู้ที่เข้าร่วมการแข่งขันก็เริ่มถูกเทเลพอร์ตเข้ามาในเกาะทั้งสิบแปดเกาะแบบสุ่มแล้ว


“กิลของเราจะได้กลายเป็นยักษ์ใหญ่ที่แท้จริงใน God domain ไหม มันก็ขึ้นอยู่กับการแข่งขันครั้งนี้เลย !!! กิลจะให้ทุกคนที่ทำผลงานได้ดีในการแข่งขันครั้งนี้ได้เข้าร่วมในการฝึกพิเศษของกิลด้วย !!!”


“ทุกคนฟัง !! ทีมหนึ่งพันคนของเรามีแค่สองเป้าหมาย !!! เป้าหมายแรกคือเราต้องเข้ายึดพื้นที่ทรัพยากรขั้นกลางหรือดีกว่าให้เร็วที่สุด !!! เป้าหมายที่สองคือเราจะต้องรักษามันไว้ให้เหนียวแน่นที่สุด !!!”


“เราโชคดีจริงๆ กิลของเรามีทีมสามร้อยคนอยู่ห้าทีมบนเกาะนี้ พวกระดับสูงได้ระบุไว้แล้วว่าเราจะต้องอยู่ในห้าอันดับแรกของเกาะนี้ให้ได้ และตราบใดที่เราบรรลุเป้าหมาย ทุกคนก็จะได้รับคะแนนสะสมกิลสองพันแต้มหลังจากการแข่งขันจบลง !!!”


กิลต่างๆเริ่มพูดคุยและออกคำสั่ง พลางเร่งรีบเคลื่อนไหวกันอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งนี่มันสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ชมที่เฝ้าบนท้องฟ้าอย่างมาก


ในขณะเดียวกัน ภายในห้อง VIP ….


“ตามความคาดหมายจากห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดจริงๆ รากฐานของพวกเขานั้นมันน่ากลัวกว่ากิลอื่นๆอย่างมาก …” มู่หลิงชาถอนหายใจ ขณะที่เธอมองไปยังข้อมูลของเกาะทั้งสิบแปดเกาะ


ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นล้วนแบ่งทีมออกเป็นห้าสิบสามถึงหกสิบเอ็ดทีม และในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดนี้จะมีทีมหนึ่งร้อยคนอยู่อย่างน้อยหกทีม ซึ่งแต่ละทีมนั้นมีผู้นำเป็นตัวตนที่เป็นดั่งตำนานของอุตสาหกรรมเกมเสมือนจริงทุกคน โดยห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่ก็มีทีมอยู่ในเกาะตั้งแต่สิบเอ็ดไปถึงสิบสามเกาะ จากสิบแปดเกาะ และในการเปรียบเทียบกัน มหาอำนาจอื่นๆจะมีทีมอยู่ในเกาะแค่ห้าถึงหกเกาะเท่านั้น ซึ่งจัดว่าน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง และแค่นี้มันก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่ากิลอื่นๆนั้นไม่มีสิทจะต่อสู้กับห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดได้เลย


แน่นอนว่ามันก็ยังมีกิลที่ถูกจัดว่าโชคดีที่มีทีมอยู่บนเกาะจำนวน แปดถึงเก้าเกาะ อย่างไรก็ตามสำหรับบางกิลมันก็ไม่ได้จัดว่าเป็นเรื่องโชคดี เพราะท้ายที่สุดจำนวนของพวกเขานั้นกระจายจนเบาบางมากๆ และพวกเขาแทบจะไม่สามารถดูแลตัวเองได้ด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงการเข้ายึดและรักษาพื้นที่ทรัพยากรเลย


ในทางกลับกันห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดกลับสามารถแบ่งบุคลากรออกได้เท่าๆกันทั้งหมด และในหมู่เกาะที่พวกเขาเทเลพอร์ตไป มันจะมีแค่หนึ่งถึงสองเกาะเท่านั้นที่พวกเขาจะมีบุคลากรไม่เพียงพอ ซึ่งนี่มันก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวมแน่นอน ไม่ต้องพูดถึงการยึดพื้นที่ทรัพยากรเลย มาพูดถึงเรื่องที่ว่ามากกว่าครึ่งของเกาะที่พวกเขายึดครองอยู่ มันก็จะให้คะแนนแก่พวกเขามากเพียงพอแล้ว

พูดง่ายๆก็คือ ตอนนี้มันสามารถบอกออกได้อย่างชัดเจนเลยว่าห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดจะได้รับห้าจากหกตำแหน่งแน่นอน


“ในแง่ของการกระจายกำลังคน มิราเคิล และ Sacred Temple คือพวกที่มีโอกาสดีที่สุดที่จะได้รับตำแหน่งสำรองสุดท้ายที่เหลือ ทั้งสองกิลนั้นมีทีมอยู่บนเกาะ เก้าเกาะ และการกระจายกำลังคนของพวกเขาก็ค่อนข้างสม่ำเสมอกัน มันเห็นได้ชัดเลยว่ามีกิลอื่นๆอยู่เบื้องหลังทั้งสองกิลนี้ด้วย ….” อันยีลดิ้งฮาร์ทวิเคราะห์


“ไม่” เมื่อมู่หลิงชาตรวจสอบข้อมูลของฟรอสต์ฮีฟเว่น เธอก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ฟรอสต์ฮีฟเว่นก็ไม่ได้เลวร้ายมากนักเช่นกัน พวกเขามีทีมอยู่ในเกาะทั้งหมดเจ็ด

เกาะ”


หากเปรียบเทียบจำนวนเกาะที่ตอนนี้ทีมของฟรอสต์ฮีฟเว่นอยู่ทั้งหมด บวกกับความเป็นไปได้ในด้านต่างๆทั้งหมด ฟรอสต์ฮีฟเว่นจะอยู่ประมาณอันดับสิบสองจากสามสิบ เพราะกิลมีทีมอยู่ในเกาะน้อยกว่ามิราเคิล และ Sacred Temple สองเกาะเท่านั้น


“ไม่ …. จากเจ็ดเกาะนั้น มีสองเกาะที่ฟรอสต์ฮีฟเว่นมีผู้เล่นอยู่ไม่ถึงห้าร้อยคน ยิ่งกว่านั้น ….” อันยีลดิ้งฮาร์ทอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและถอนหายใจ หลังจากได้ตรวจสอบข้อมูลของฟรอสต์ฮีฟเว่นอย่างละเอียด


ในขณะที่มู่หลิงชา และอันยีลดิ้งฮาร์ท กำลังพูดคุยกันเรื่องฟรอสต์ฮีฟเว่น มหาอำนาจอื่นๆอีกมากมายในห้อง VIP ก็ล้วนทำเช่นเดียวกัน มหาอำนาจบางกลุ่มรู้สึกเศร้าใจกับฟรอสต์ฮีฟเว่น ขณะที่บางกลุ่มก็รู้สึกเห็นใจ


สาเหตุที่ทุกคนมีท่าทีแบบนี้ มันก็เป็นเพราะแบล๊คเฟรม ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของฟรอสต์ฮีฟเว่นนั้นได้ถูกส่งไปยังเกาะหมายเลขสามซึ่งเป็นเกาะใหญ่ และที่แย่กว่านั้นคือทีมของแบล๊คเฟรมนั้นเป็นเพียงทีมหนึ่งร้อยคนเท่านั้น


เขาจะต้องต่อสู้กับทีมของมหาอำนาจสิบหกกลุ่มบนเกาะหมายเลขสาม และแม้แต่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังมีกองกำลังเต็มอัตราศึกอยู่ในเกาะนี้ นี่มันทำให้เป็นฝันร้ายสำหรับแบล๊คเฟรมและทีมของเขามากๆ เพราะแค่เอาตัวรอดบนเกาะนี้ยังยากเลย ไม่ต้องพูดถึงการจะไปเข้ายึดพื้นที่ทรัพยากร


นอกจากนี้ฟรอสต์ฮีฟเว่นก็ยังมีแค่สองทีมอยู่บนเกาะหมายเลขเจ็ด ซึ่งเป็นเกาะขนาดกลาง โดยหนึ่งในนั้นคือทีมหนึ่งร้อยคนที่นำโดยอควาโรส ในขณะที่อีกทีมหนึ่งเป็นทีมสามร้อยคนที่นำโดยหนึ่งในผู้อาวุโสของฟรอสต์ฮีฟเว่น และต่อให้มารวมตัวกัน ที่เกาะนี้ฟรอสต์ฮีฟเว่นก็จะมีผู้เล่นรวมกันไม่ถึงห้าร้อยคนด้วยซ้ำ ในการเปรียบเทียบ กิลอื่นๆอีกแปดกิลบนเกาะนี้ ล้วนมีทีมผู้เล่นรวมกันจำนวนตั้งแต่หนึ่งพันไปจนถึงสองพันคนเลย


เพื่อทำให้เรื่องแย่ลงทีมหลักของฟรอสต์ฮีฟเว่นที่นำโดย เซเว่นวอร์นเดอร์ หงซินหยวน และเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดทั้งห้านั้นได้ถูกเทเลพอร์ตไปที่เกาะเล็กเกาะหนึ่ง ซึ่งมันทำให้ทีมผู้เล่นอยู่ราวสองพันห้าร้อยคนเลยบนเกาะเล็กๆนี้


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม เราจะทำยังไงกันดี ?” มู่ฉินเริ่มเต็มไปด้วยความกังวลมากๆ หลังจากได้รู้ถึงสถานการณ์บนเกาะต่างๆ “ฝ่ายของหัวหน้ากิลจะไม่มีปัญหาใดๆแน่นอน แต่ตอนนี้เรากับมีเพียงทีมหนึ่งร้อยคนของเรากับเสวี่ยเหวินโหรวเท่านั้นที่อยู่ที่นี่”


นี่มันจัดเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดสำหรับฟรอสต์ฮีฟเว่นอย่างไม่ต้องสงสัย


ในตอนแรกพวกเขาหวังว่าทีมของซือเฟิงจะถูกเทเลพอร์ตไปยังเกาะเล็กๆ และตราบใดที่เกาะนั้นมีสมาชิกในกิลเกินกว่าห้าร้อยคน เมื่อบวกกับความสามารถของซือเฟิง พวกเขาก็น่าจะสามารถเข้ายึดพื้นที่ทรัพยากรของเกาะจำนวนหนึ่งได้ง่ายๆ และท้ายที่สุดคะแนนกิลของเกาะเป้าหมายนี้ก็น่าจะมากเกินพอที่จะทำให้ฟรอสต์ฮีฟเว่นติดห้าอันดับแรกของเกาะ และสามารถเดินทางไปมาระหว่างเกาะได้ โดยเกาะเล็กๆนี้มันจะมีพื้นที่ทรัพยากรทั้งหมดสิบสองแห่ง ซึ่งมันก็น่าจะเพียงพอให้พวกเขาเลือกเข้าโจมตีและยึดครอง


อย่างไรก็ตามตอนนี้ซือเฟิงและทีมของเขากับมาลงเอยบนเกาะขนาดใหญ่ที่มีผู้เล่นที่เป็นมิตรกับพวกเขารวมกันแค่สองร้อยคนเท่านั้น ในสถานการณ์เช่นนี้ สิ่งที่พวกเขาจะสามารถทำได้มากที่สุดก็คือการเข้ายึดพื้นที่ทรัพยากรแห่งเดียวเท่านั้น และมันก็น่าจะเป็นพื้นที่ทรัพยากรขั้นพื้นฐานด้วย ซึ่งมันจะจัดว่าไร้ประโยชน์มากๆ ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากซือเฟิงและสมาชิกสภาสิบแปดปีกเป็นผู้ช่วยเหลือจากภายนอกที่ไม่ใช่สมาชิกกิล ดังนั้นพวกเขาก็จะได้รับคะแนนเพียงแค่ครึ่งหนึ่ง จากผู้ที่เป็นสมาชิกกิลปกติเท่านั้น


ในทางกลับกันฝั่งของเซเว่นวอร์นเดอร์จะไม่มีปัญหาใดๆเลยในการเข้าครอบครองพื้นที่ทรัพยากรสักสองถึงสามพื้นที่ ในความเป็นจริง พวกเขามีคนมากเกินไปสำหรับงานนี้ด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตามฝั่งของเซเว่นวอร์นเดอร์ก็ต้องระวังให้มากเช่นกัน เพราะหากพวกเขาครอบครองพื้นที่ทรัพยากรมากเกินไป มหาอำนาจอื่นๆบนเกาะนั้นอาจร่วมมือกันกำหนดเป้าหมายมาที่พวกเขาก็ได้ ….


“นี่ยังนับเป็นการเริ่มต้นที่ค่อนข้างดี” ซือเฟิงกล่าวอย่างใจเย็น ขณะที่เขาตรวจสอบข้อมูลทั้งหมด “รีบไปพบกับทีมของเสวี่ยเหวินโหรวกันเถอะ”


“การเริ่มต้นที่ค่อนข้างดี ?” มู่ฉินพูดไม่ออกไปชั่วขณะ


ในสถานการณ์ปัจจุบันโอกาสที่ฟรอสต์ฮีฟเว่นจะได้รับหนึ่งในหกตำแหน่งสำรองนั้นมันเหลือน้อยมากๆแล้ว


อย่างไรก็ตามสิ่งที่มู่ฉินไม่รู้ก็คือ ซือเฟิงนั้นหวังอยู่แล้วว่าตัวเองจะถูกส่งมาที่เกาะขนาดกลางหรือขนาดใหญ่ เพราะท้ายที่สุดมันมีเพียงแต่เกาะขนาดกลาง และขนาดใหญ่เท่านั้นที่มีพื้นที่ทรัพยากรสูง


ในฐานะที่เขาเป็นคนนอกที่เข้าช่วยเหลือกิล เขาจะได้รับคะแนนเพียงครึ่งหนึ่งของผู้ที่เข้าร่วมอย่างเป็นทางการเท่านั้น ดังนั้นการที่ต้องเข้าครอบครองและรักษาพื้นที่ทรัพยากรสูงไว้ให้ได้จึงจำเป็นมากๆ หากเขาต้องการจะสร้างผลกระทบ ซึ่งการที่เขาได้ถูกส่งมายังเกาะใหญ่นี้ก็ถือเป็นเรื่องดีมาก หากถูกส่งไปเกาะเล็กต่างหาก มันจึงจะถือว่าโชคร้าย


ในช่วงเวลาที่ทีมของซือเฟิงกำลังไปบรรจบกับทีมของเสวี่ยเหวินโหรว มันก็มีทีมหนึ่งพันคนที่กำลังเดินลัดเลาะไปตามป่าทึบบนเกาะหมายเลขสาม ในขณะเดียวกันชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้นำทีมก็กำลังจ้องมองไปยังทีมหนึ่งร้อยคนทีมนี้ที่กำลังเคลื่อนไหวด้วยสายตาที่เย็นชา


“แบล๊คเฟรม ดูเหมือนว่าในที่สุด โชคของคุณก็จะหมดลงแล้ว !!! หากคุณจะไปตำหนิใครสักคนก็จงตำหนิตัวเองเถอะที่เลือกจะจัดทีมแบบนี้ !!! ตอนนี้ฉันจะให้คุณเห็นถึงผลของการต่อต้านฉัน !!!” ดวงตาของเธ้าซั่นไมล์เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ขณะที่เขามองไปยังเสวี่ยเหวินโหรวและทีมของเธอ


“รองหัวหน้ากิลไมล์ เราได้สำรวจพื้นที่ใกล้เคียงแล้ว และไม่พบทีมกิลอื่นๆที่อยู่ใกล้ๆ

เลย” แรนเจอร์เลเวลหนึ่งร้อยสิบแปด ขั้นสาม รายงานผ่านแชททีม


“ดี !!!” เธ้าซั่นไมล์ตื่นเต้นอย่างมากเมื่อได้ยินข่าวนี้ จากนั้นเขาก็ประกาศผ่านแชททีมว่า “เนื่องจากไม่มีทีมกิลอื่นอยู่ใกล้ๆ ดังนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องกั๊กอะไร ทุกคนบุกเข้าไป !!! มาฆ่ารองหัวหน้ากิลของสภาสิบแปดปีก คนนี้ก่อน แล้วเก็บเกี่ยวผลประโยชน์กัน !!!”


“รับทราบ รองหัวหน้ากิล !!!”


เมื่อได้ยินคำสั่งของเธ้าซั่นไมล์ สมาชิกของมิราเคิลที่ซุ่มอยู่ในป่าก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น และเตรียมพร้อมที่จะซุ่มโจมตีทีมของเสวี่ยเหวินโหรวทันที โดยพวกเขาทุกคนล้วนพยายามทำให้แน่ใจว่าทีมของเธอจะไม่มีพื้นที่หลบหนี

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)