Reincarnation Of The Strongest Sword God 2874-2877

 ตอนที่ 2874 ห้านาที


จักรวรรดิออร์ค เมืองหินโบราณ :


กำแพงที่มีความสูงกว่าห้าสิบเมตรตั้งอยู่บนพื้นดินที่แห้งแล้งที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์ Faux Saint มากมายที่ออกอาละวาด แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ทีมผู้เล่นขั้นสามที่ลาดตระเวนอยู่บริเวณกำแพงเมืองนั้นกับไม่ได้สนใจใดๆเลย พวกเขายังคงเดินลาดตระเวนไปมาทั่วบริเวณอย่างสบายๆราวกับว่า พวกมอนสเตอร์ Faux Saint ที่อยู่บริเวณพื้นที่ดินนั้นไม่มีอยู่จริง


สำหรับผู้เล่นหลายคนในทวีปด้านตะวันออก มอนสเตอร์ Faux Saint นั้นเป็นเหมือนกับฝันร้าย ซึ่งนี่มันทำให้ไม่มีใครมีความคิดที่จะกล้าโจมตีเมืองหินโบราณเลย ในขณะเดียวกันตอนนี้นั้นมันก็มีกองคาราวานที่มาพร้อมกับสินค้าจำนวนมากเดินทางเข้ามาที่เมืองหินโบราณ โดยผู้เล่นนับร้อยที่คุ้มกันกองคาราวานเข้ามานั้นล้วนเดินตัดผ่านเส้นทางที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์ Faux Saint อย่างไม่แยแสใดๆ …. และสำหรับมอนสเตอร์ Faux Saint นั้น พวกมันก็ไม่ทำอะไรผู้เล่นกลุ่มนี้เช่นกัน หรือให้พูดกันตามตรงก็คือมันราวกับว่ามอนสเตอร์ Faux Saint นั้นมองไม่เห็นผู้เล่นกลุ่มนี้เลยด้วยซ้ำ


นักดาบเลเวลหนึ่งร้อยสามสิบหก ขั้นสาม ที่อยู่ในกองคาราวานได้มองไปยังมอนสเตอร์ Faux Saint ที่อยู่รอบๆ รวมไปถึงผู้เล่นรอบตัวเขา ก่อนจะกล่าวออกมาอย่างประหลาดใจว่า “เครื่องรางศักสิทธิ์ที่ถูกขายโดยมือแห่งนักบุญนั้นมันน่าอัศจรรย์มากจริงๆ ในตอนนี้แม้ว่าเราจะอยู่ห่างจากพวกมอนสเตอร์ Faux Saint ไม่ถึงสามสิบหลา แต่พวกมันก็ไม่สนใจเราเลย”


สำหรับมอนสเตอร์ Faux Saint ที่กำลังอาละวาดอยู่ในหลายอาณาจักร และจักรวรรดิมังกรดำนั้น แม้แต่ NPC บางส่วนก็ยังแทบจะไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ ด้วยเหตุนี้การขนส่งสินค้าโดยกองคาราวานผ่านเส้นทางของมอนสเตอร์ Faux Saint มันจึงสร้างรายได้มากขึ้นเรื่อยๆ


แต่อย่างไรก็ตามผู้เล่นทุกคนที่คิดจะเดินทางแบบนี้นั้นก็จะต้องมีเครื่องรางศักสิทธิ์ที่ถูกขายโดยมือแห่งนักบุญเท่านั้น พวกเขาจึงจะสามารถหลีกเลี่ยงการถูกมอนสเตอร์ Faux Saint โจมตีได้ ….


การ์เดี้ยนไนท์ เลเวลหนึ่งร้อยสามสิบเจ็ด ซึ่งเป็นหัวหน้ากองคาราวานที่นั่งอยู่แถวหน้าบนรถม้านั้นมองไปยังเครื่องรางศักสิทธิ์ในมือของเขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน


“ใช่แล้ว !! ในตอนนี้เมื่อเราได้เดินทางเข้ามาที่เมืองหินโบราณ เราจะต้องซื้อเครื่องรางศักสิทธิ์ของมือแห่งนักบุญให้มากขึ้นเพื่อที่ว่าเมื่อถึงเวลาที่เราต้องส่งสินค้าไปยังประเทศต่างๆโดยรอบ เราจะได้ทำเงินได้มากขึ้นอีกครั้ง !!!”


เครื่องรางศักสิทธิ์นั้นแตกต่างจากไอเทมทั่วไป เพราะมันเป็นไอเทมที่ไม่สามารถจะเก็บเข้ากระเป๋าได้ และไม่สามารถจะถูกเคลื่อนย้ายผ่านการเทเลพอร์ตได้ ดังนั้นผู้เล่นที่ได้รับมันมาจึงทำได้แค่สวมใส่มันไว้กับตัวเท่านั้น


อย่างไรก็ตามเครื่องรางศักสิทธิ์นี้มีขายแค่เฉพาะในเมืองหินโบราณ สำหรับบรรดาแคมป์ชั่วคราวต่างๆของมือแห่งนักบุญนั้นมันไม่มีขายเลย


ด้วยเหตุนี้ผู้เล่นพ่อค้า และทีมนักผจญภัยหลายทีมจึงได้มองเห็นช่องทางในการทำเงิน ซึ่งนั่นก็คือการมาซื้อเครื่องรางศักสิทธิ์จำนวนมากจากเมืองหินโบราณ จากนั้นก็นำพวกมันไปยังประเทศโดยรอบเพื่อขาย


ในตอนนี้นั้นมอนสเตอร์ Faux Saint ได้แพร่พันธุ์ออกไปในหลายประเทศโดยรอบ และแม้แต่จักรวรรดิมังกรดำเองก็เช่นกัน ซึ่งตราบใดที่ผู้เล่นคนหนึ่งออกจากเมืองนั้น พวกเขาจะไม่เพียงแต่ต้องเผชิญหน้ากับเหล่ามอนสเตอร์ที่อยู่อาศัยในแผนที่ต่างๆเท่านั้น แต่พวกเขายังจะต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ Faux Saint จำนวนมากด้วย ดังนั้นเครื่องรางศักสิทธิ์ที่ช่วยป้องกันมอนสเตอร์ Faux Saint พวกนี้ได้ มันจึงนับเป็นไอเทมที่ดีและมีค่ามากๆ


อย่างไรก็ตามเครื่องรางศักสิทธิ์นั้นมันเป็นไอเทมสิ้นเปลืองที่ใช้แล้วหมดไป ดังนั้นมันจึงเป็นที่ต้องการมากๆในประเทศโดยรอบ ซึ่งเมื่อผู้เล่นซื้อมาเป็นจำนวนมากๆนั้น ผู้เล่นก็ไม่จำเป็นจะต้องกังวลที่จะขายไม่ออกเลย


และสำหรับผู้เล่นที่ต้องการจะสร้างโชคลาภผ่านการขายเครื่องรางศักสิทธิ์พวกนี้ พวกเขานั้นก็ไม่ลังเลเลยที่จะจ้างกองคาราวานจำนวนมากให้เดินทางมาพร้อมพวกเขาเพื่อซื้อเครื่องรางศักสิทธิ์ไปขาย


ขณะเดียวกันแรนเจอร์หญิง เลเวลหนึ่งร้อยสามสิบหก ขั้นสามที่ยืนอยู่บนรถม้าก็ได้ชี้ไปยังเมืองหินโบราณที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนขึ้นมาว่า “ผู้บัญชาการ เราใกล้จะถึงเมืองหินโบราณแล้ว !!!”


“ดี … แล้วก็ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม โดยเฉพาะพวกหน้าใหม่ที่มาด้วยในครั้งนี้ เพราะเมืองหินโบราณนั้นแตกต่างจากเมืองกิลอื่นๆอย่างมาก” ผู้บัญชาการของแรนเจอร์ ซึ่งเป็นการ์เดี้ยนไนท์ เลเวลหนึ่งร้อยสามสิบเจ็ดตะโกนผ่านแชททีม “เมืองนี้นั้นเป็นเมืองของผู้เล่นสายความมืดอย่างแท้จริง แม้ว่ามันจะห้ามผู้เล่นต่อสู้กันภายในเมืองแบบเดียวกับเมืองกิลอื่นๆ แต่ก็อย่าประมาทละเลยจนปล่อยให้ผู้เล่นสายความมืดในนั้นวางเครื่องหมายติดตามไว้กับตัวได้ ไม่งั้นพวกเราจะลำบากมากๆ หลังจากออกจากเมืองหินโบราณ !!!”


เมื่อได้ยินคำสั่ง สมาชิกเก่าๆในทีมต่างก็หยิบม้วนคัมภีร์เวทย์มนต์ป้องกันการทำเครื่องหมายติดตามขั้นหนึ่งออกมาเพื่อใช้มันป้องกันตัวเอง


สำหรับพวกหน้าใหม่นั้น แม้ว่าพวกเขาจะประหลาดใจกับคำเตือนของผู้บัญชาการของพวกเขาเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ได้รีบใช้ม้วนคัมภีร์เวทย์มนต์ป้องกันการทำเครื่องหมายติดตามขั้นหนึ่งที่พวกเขาได้เตรียมมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน


เมื่อเข้าใกล้เมืองหินโบราณมากขึ้นเรื่อยๆ เหล่าผู้มาใหม่ที่ได้เห็นเมืองหินโบราณชัดๆเป็นครั้งแรกนั้นก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกตะลึง


เนื่องจากเมืองหินโบราณแห่งนี้นั้นมันสวยงามกว่าเมืองกิลอื่นๆส่วนใหญ่ที่พวกเขาเคยเห็นซะอีก ….


ไม่เพียงแต่เมืองจะมีกำแพงเมืองที่สูงกว่าห้าสิบเมตร แต่เมืองยังมีขนาดเท่ากับเมืองหลักของ NPC เลย ขณะที่บริเวณนั้นประตูเมืองนั้นมันก็มีร่างสองร่างขนาดใหญ่ที่สูงมากกว่าสามสิบเมตรที่สวมชุดเกราะเหล็ก และถือดาบสงครามยืนอยู่


ซึ่งหากผู้เล่นใช้สกิลตรวจสอบจนเห็นข้อมูลชัดเจนนั้นพวกเขาก็จะพบว่ามอนสเตอร์ Faux Saint ทั้งสองตัวนี้คือมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายชั้นยอด เลเวลหนึ่งร้อยหกสิบ


โดยแรงกดดันที่พวกมันทั้งสองตัวแผ่ออกมานั้น มันก็ทำให้ผู้เล่นทุกคนที่ต้องการจะเดินทางเข้าสู่เมืองหินโบราณอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเลย ….


แถมนอกเหนือจากมอนสเตอร์ Faux Saint สองตัวนี้แล้ว ที่บริเวณประตูเมืองมันยังมีมังกรปีศาจสีเทามากกว่าสามสิบตัวที่มีความสูงกว่าสี่สิบห้าเมตรบินวนอยู่บนท้องฟ้าเหนือเมืองหินโบราณ โดยพวกมันแต่ละตัวก็แข็งแกร่งไม่ได้ด้อยไปกว่ามอนสเตอร์ Faux Saint ทั้งสองตัวที่ยืนเฝ้าอยู่บริเวณประตูหลักเลย


เมื่อทีมนักผจญภัยโต้วหูว ซึ่งเป็นทีมนักผจญภัยของการ์เดี้ยนไนท์ เลเวลหนึ่งร้อยสามสิบเจ็ดได้มาถึงบริเวณประตูเมือง พวกเขาก็พบกับแถวของผู้เล่น และ NPC ที่ต่อแถวรอคิวเข้าสู่เมืองหินโบราณอย่างสงบ


โดยในบรรดาคนเหล่านี้นั้น มันก็มี NPC จำนวนมากที่แผ่ออร่าเลือดที่รุนแรงออกมา ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่า NPC พวกนี้นั้นเป็น NPC จากกองกำลังสายความมืด และในหมู่ NPC พวกนี้ พวกเขาก็สามารถจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามี NPC ขั้นสี่ สายความมืดที่ต่อแถวรอคิวเข้าเมืองอย่างเชื่อฟังเช่นกัน


“นี่มันน่าทึ่งมากๆ ด้วยการป้องกันของเมือง และการไหลบ่าเข้ามาของผู้เล่นจำนวนมากขนาดนี้นั้น มันดูเหมือนว่าเมืองนี้จะสามารถเทียบกับเมืองหลวงของประเทศบางแห่งได้เลย …” สมาชิกหน้าใหม่ของทีมนักผจญภัยโต้วหูวอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา


“แน่นอนสิ เมืองหินโบราณนั้นเป็นสำนักงานใหญ่หลักของมือแห่งนักบุญ แถมเมืองนี้ยังถูกล้อมล้อมรอบไปด้วยประเทศมากกว่าหนึ่งโหล และที่นี่ก็ยังเป็นแหล่งรวมพลของกองกำลังสายความมืดในจักรวรรดิมังกรดำด้วย นี่มันจึงทำให้เมืองหินโบราณเป็นหนึ่งในเมืองที่กองกำลังผู้รุกรานจากโลกอื่นนั้นยากจะโจมตีและเข้ายึดครองได้ นอกเหนือจากนี้นั้นทีมนักผจญภัยที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันดีบางทีมในจักรวรรดิและอาณาจักรต่างๆก็ยังเลือกจะเข้ามาที่นี่เพื่อพัฒนาตัวเองด้วย” การ์เดี้ยนไนท์ เลเวลหนึ่งร้อยสามสิบเจ็ด อธิบายด้วยรอยยิ้ม “ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ฉันยังได้ยินมาว่ามีมหาอำนาจจำนวนหนึ่งที่ได้เป็นพันธมิตรกับจักรพรรดิอสูรได้ส่งกองกำลังผู้เชี่ยวชาญของตัวเองเข้ามาประจำการที่นี่แล้ว ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้เมืองหินโบราณเป็นเมืองที่ปลอดภัยมากๆ และแทบจะไม่มีใครกล้ามายั่วยุเลย”


เมื่อได้ยินคำพูดของการ์เดี้ยนไนท์ เหล่าสมาชิกของมือแห่งนักบุญที่เฝ้าจัดการความเรียบร้อยอยู่รอบๆนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ


ในตอนนี้นั้นเมืองหินโบราณของพวกเขาอยู่ห่างอีกเพียงก้าวเดียวจากการกลายเป็นเมืองหลักที่แท้จริง ซึ่งนี่มันก็ส่งผลให้ความแข็งแกร่งของกิลพวกเขานั้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ หากไม่ใช่เพราะต้องคอยระวังกองกำลังผู้รุกรานจากโลกอื่นด้วย ป่านนี้กิลของพวกเขาจะสามารถเข้ายึดประเทศไปได้หลายประเทศ และขึ้นมามีอิทธิพลเทียบเคียงกับห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว


อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ทีมนักผจญภัยโต้วหูวกำลังพูดคุยกันนั้น มันก็มีเงาขนาดใหญ่บนท้องฟ้าได้บินเข้ามาด้วยความรวดเร็วราวกับพายุ


โดยเมื่อเงาขนาดใหญ่นี้ได้เข้าหยุดอยู่ห่างจากเมืองหินโบราณราวสามร้อยถึงสี่ร้อยหลานั้น ผู้เล่นรวมไปถึง NPC โดยรอบทุกคนก็ได้เห็นตัวตนของมันอย่างชัดเจน ซึ่งตัวตนของมันก็คือยักษ์เหล็กที่มีความยาวหลายร้อยเมตร และมันก็มีผู้เล่นหลายสิบคนยืนอยู่บนยักษ์เหล็กนี้ ….


ซึ่งการปรากฎตัวขึ้นของยักษ์เหล็กนี้มันก็ทำให้ทั้งเมืองหินโบราณตกตะลึงมากๆ


“เรือเหาะมังกรสีเลือด !!!”


“นั่นคือเรือเหาะมังกรสีเลือดของสภาสิบแปดปีก !!!”


“ดูนั่นสิ !! คนที่ยืนอยู่หน้าสุดของเรือเหาะนั่นมันคือหัวหน้ากิลแห่งสภาสิบแปดปีก แบล๊คเฟรมไม่ใช่หรอ ?!!”


….


ผู้เล่นทั้งหมดของ God domain ในปัจจุบันนั้นล้วนคุ้นเคยกับเรือเหาะมังกรสีเลือดเป็นอย่างดี เพราะสิ่งนี้มันได้กลายเป็นเอกลักษณ์ของสภาสิบแปดปีกไปแล้ว และแม้แต่การขนส่งสินค้าทางทะเลบางส่วน สภาสิบแปดปีกก็ยังอาศัยเรือเหาะมังกรสีเลือด ซึ่งมันได้สร้างความอิจฉาให้กับมหาอำนาจต่างๆมากมายใน God domain


สำหรับการมาถึงอย่างกระทันหันของสภาสิบแปดปีกนั้น แม้แต่ผู้เล่นของมือแห่งนักบุญก็ยังรู้สึกงงงวยเช่นกัน


อย่างไรก็ตามเมื่อเรือเหาะนี้ปรากฎขึ้นนั้นทั้งเมืองก็เข้าสู่สถานะแจ้งเตือนระดับหนึ่งทันที โดยมังกรปีศาจทั้งหมด และมอนสเตอร์ Faux Saint ที่บริเวณประตูเมืองนั้นก็ได้เริ่มเข้าสู่สถานะพร้อมต่อสู้


เมื่อเห็นท่าทีของเมืองหินโบราณนั้น ซือเฟิงที่อยู่บนเรือเหาะมังกรสีเลือดก็ได้ตะโกนขึ้นอย่างสบายๆว่า “ห้านาที !! ทุกคนในเมืองหินโบราณ หากพวกคุณไม่ต้องการจะเข้ามาเกี่ยวข้องในปัญหาระหว่างสภาสิบแปดปีกกับมือแห่งนักบุญ พวกคุณจะต้องอพยพออกไปภายในห้านาที !!!”


“ถ้าพวกคุณไม่อพยพออกไปภายในห้านาที ฉันก็จะฝังพวกคุณไปพร้อมกับเมืองหินโบราณ !!!”


ตอนที่ 2875 ความบ้าคลั่งอีกหนึ่งครั้งของสภาสิบแปดปีก


“นี่สภาสิบแปดปีกมาที่นี่เพื่อโจมตีเมืองงั้นหรอ ?”


“บ้าแล้ว !! สภาสิบแปดปีกต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ !! ที่นี่คือเมืองหินโบราณนะ พวกเขากล้าดียังไงกัน ?!”


เมื่อได้ยินคำประกาศของซือเฟิงนั้น ผู้เล่นในเมืองหินโบราณก็แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันเป็นเรื่องจริง และพวกเขาก็คิดว่าสภาสิบแปดปีกพูดเรื่องตลกด้วยซ้ำ


เมืองหินโบราณนั้นได้รับการเสริมความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องโดยมือแห่งนักบุญ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่าการป้องกันของเมืองนั้นแข็งแกร่งกว่าเมืองกิลอื่นๆในระดับเดียวกันอย่างมาก โดยความแข็งแกร่งของโครงสร้างการป้องกันของเมืองหินโบราณนั้นมันก็เพียงพอที่จะทำให้ซุเปอร์กิลต่างๆอิจฉาได้เลย และนี่ก็ยังไม่นับรวมเรื่องที่ว่าเมืองหินโบราณนั้นมีกองกำลังสายความมืดจากอาณาจักรและจักรวรรดิต่างๆโดยรอบนับโหลประจำการอยู่


แถมนอกเหนือจากกิลสายความมืดแล้ว มันยังมีกองกำลัง NPC สายความมืดอีกมากมายประจำการอยู่ที่นี่ โดยกองกำลังเหล่านี้ก็ได้ใช้จ่ายเงินไปอย่างมหาศาลเพื่อสร้างสำนักงานใหญ่หลักของตัวเองขึ้นในเมืองหินโบราณ


ซึ่งการที่เลือกจะเข้าโจมตีเมืองหินโบราณนั้นมันก็หมายความว่าผู้เข้าโจมตีจะต้องเป็นศัตรูกับกองกำลังสายความมืดทั้งหมดนี้


กองกำลังของกิลสายความมืด และกองกำลัง NPC สายความมืดนั้นล้วนแล้วแต่มีผู้เล่นขั้นสี่อยู่สองถึงสามคน หรือบางกองกำลังอาจมีมากกว่านั้นด้วย นอกจากนี้แล้วมันยังมีกองกำลังร่วมของผู้เล่นและ NPC ที่มีชื่อว่า God’s Vestige ที่พึ่งจะเข้าประจำการเป็นทหารของเมืองหินโบราณด้วย โดยกองกำลังนี้นั้นก็มีพวกขั้นสี่อยู่เกือบสองร้อยคน


ซึ่งจำนวนพวกขั้นสี่ที่มากมายขนาดนี้นั้นมันเพียงพอจะใช้ยึดอาณาจักรทั่วไปอาณาจักรหนึ่งด้วยซ้ำ ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงการใช้ป้องกันเมืองหินโบราณเลย


ในเวลานี้ไม่เพียงแต่ผู้เล่นจำนวนมากในเมืองหินโบราณเท่านั้นที่ประหลาดใจ แม้แต่จักรพรรดิอสูรซึ่งกำลังทำงานวิจัยของตัวเองอยู่ในคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองเมืองก็ยังประหลาดใจกับเรื่องนี้เช่นกัน และดวงตาของเขาก็ฉายแววแห่งความเย็นชาออกมา


“แบล๊คเฟรม !! คุณช่างกล้ามากๆ !!! ฉันไม่ได้ยั่วยุคุณเลยในช่วงที่ผ่านมา แต่ตอนนี้คุณกับกล้ามาบุกเมืองของฉัน !!!”


“จักรพรรดิอสูร มันมีข่าวว่าแบล๊คเฟรมได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นห้าแล้ว เราจำเป็นจะต้องแจ้งเรื่องนี้กับ Sir Sacred Envoy ไหม ?” (ยังนึกคำแปลไม่ออก ไม่แน่ใจว่ามันเป็นชื่อคนเลย หรือแบบอัครสาวก หรือสาวกอะไรงี้ ใครคิดออกซิบมาบอกได้นะ)


เบอเซิกเกอร์ขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบสองที่เข้ามารายงานจักรพรรดิอสูรอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น


ข่าวการเลื่อนขั้นไปเป็นขั้นห้าของซือเฟิงนั้นได้แพร่กระจายไปทั่วอย่างรวดเร็วมากๆ และเมื่อต้องเผชิญหน้ากับตัวตนขั้นห้าแบบนี้นั้น แม้แต่มือแห่งนักบุญของพวกเขาก็ยังจะต้องระมัดระวังอย่างมาก


“ไม่จำเป็น คุณไปรวบรวมคนส่วนหนึ่งมา และออกไปพร้อมกับฉัน ฉันต้องการจะดูสักหน่อยว่าแบล๊คเฟรมจะมาทำหยิ่งผยองได้มากแค่ไหนที่เมืองหินโบราณของฉัน !!!” จักรพรรดิอสูรกล่าวออกคำสั่ง ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องไปเพื่อเตรียมตัวจะไปประจันหน้ากับซือเฟิง


ขณะเดียวกันในเมืองหินโบราณนั้น ภายในเวลาไม่ถึงสามนาที เหล่าผู้เล่นและทีมนักผจญภัยส่วนหนึ่งที่ไม่ต้องการจะมีปัญหากับสภาสิบแปดปีกก็ได้ถอนตัวออกจากเมืองไปอย่างรวดเร็ว และจนถึงตอนนี้นั้นมันก็เหลือเพียงแต่ผู้เล่นที่กล้าหาญบางคน กับผู้เล่นสายความมืดส่วนใหญ่เท่านั้นที่ยังคงอยู่


ในเวลาเดียวกันนั้นผู้เล่นของทีมนักผจญภัยสายความมืด และของกิลสายความมืดในเมืองหินโบราณก็ได้มารวมตัวกันที่ประตูเมืองหินโบราณ โดยทุกคนก็ต่างมองไปยังเหล่าผู้เล่นที่หลบหนี และถอนตัวออกไป


“ไอ้พวกขี้ขลาด !! สภาสิบแปดปีกนั้นยกคนมาแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่พวกนี้กับเลือกจะหลบหนี และถอนตัวกันออกไป !!!”


“ในตอนนี้สภาสิบแปดปีกนับเป็นหนึ่งในกิลที่ยิ่งใหญ่ และได้รับการยอมรับว่าเป็นมหาอำนาจที่แท้จริง แถมนี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่แบล๊คเฟรม หัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีกกลายเป็นขั้นห้าแล้วด้วย ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่บางคนจะตัดสินใจหลบหนี และถอนตัว”


“คนพวกนี้มันโง่ !!! ที่ผ่านมาสภาสิบแปดปีกก็พึ่งพาแค่การป้องกันเมืองที่แข็งแกร่งของตัวเอง รวมทั้งอาวุธเชิงกลยุทธ์มากมายเพื่อปกป้องกิลเท่านั้น แต่ตอนนี้พอหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีกกลายเป็นขั้นห้า เขากับนำทีมผู้เล่นของกิลมาโจมตีเมืองใหญ่อย่างเมืองหินโบราณเนี่ยนะ ?! นี่มันบ้าชัดๆ !!! ดูเหมือนว่าครั้งนี้เราจะต้องสอนบทเรียนให้กับสภาสิบแปดปีกสักหน่อยแล้ว !!!”


ปัจจุบันผู้เล่นสายความมืดทั้งหมดล้วนมองไปยังเรือเหาะมังกรสีเลือดที่ลอยอยู่ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและตื่นเต้น


สภาสิบแปดปีกในตอนนี้นั้นจัดว่าเป็นกิลที่ยิ่งใหญ่มาก และการที่แบล๊คเฟรม หัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีกได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นห้าแล้ว มันก็ทำให้สภาสิบแปดปีกกลายเป็นกิลแรกใน God domain ที่มีผู้เล่นขั้นห้า และเรื่องนี้มันก็ทำให้สภาสิบแปดปีกได้รับการยอมรับให้อยู่ในฐานะกิลชั้นยอดอย่างแท้จริง


หากเป็นในโลกภายนอกนั้นผู้เล่นสายความมืดทั้งหมดจะต้องหวาดกลัวตัวตนของซือเฟิงในฐานะผู้เล่นขั้นห้าแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามที่นี่ในเมืองหินโบราณนั้นทุกอย่างมันแตกต่างออกไป เพราะในเมืองหินโบราณนั้นมีวงเวทย์ที่จะช่วยเสริมพลังการต่อสู้ให้กับผู้เล่นที่อาศัยอยู่ในเมืองได้ แถมพวกเขายังมีพวกขั้นสี่อยู่เกือบสองร้อยคน ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะต่อกรกับผู้เล่นขั้นห้า


นอกเหนือจากนี้แล้วพวกเขาก็ยังมีมอนสเตอร์ Faux Saint จำนวนมหาศาลที่อยู่รอบๆเมืองหินโบราณคอยเป็นกำลังเสริมด้วย อีกทั้งสองจากทั้งหมดนี้ก็ยังเป็นมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายชั้นยอดที่มีเลเวลหนึ่งร้อยหกสิบ ….


แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วพวกเขาจะไม่สามารถฆ่าผู้เล่นขั้นห้าอย่างซือเฟิงได้ แต่พวกเขาก็น่าจะสามารถมอบความเสียหายร้ายแรงให้กับสภาสิบแปดปีกที่กล้ามาโจมตีพวกเขาในครั้งนี้ได้แน่นอน !!!


เมื่อเวลาห้านาทีที่ซือเฟิงกำหนดใกล้เข้ามาเรื่อยๆ มันก็มีผู้เล่นมากขึ้นเรื่อยๆที่เลือกจะอพยพออกจากเมืองหินโบราณ อย่างไรก็ตามในระหว่างนั้นเองผู้เล่นหลายคน ไม่เว้นแม้แต่ผู้เล่นขั้นสามก็รู้สึกตัวสั่นจนแทบจะไม่สามารถขยับร่างกายของตัวเองได้


เนื่องจากในตอนนี้นั้นมันมีผู้เล่นมากกว่าสี่สิบคนบินออกมาจากคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองเมืองหินโบราณ ซึ่งนอกเหนือจากหัวหน้ากิลของมือแห่งนักบุญ และเหล่าผู้อาวุโสของกิลที่อยู่ในขั้นสี่ทั้งหมดแล้ว มันก็ยังมีผู้เล่นอีกมากกว่าหนึ่งโหลที่สาธารณชนไม่เคยเห็นมาก่อน


และแม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของผู้เล่นมากกว่าหนึ่งโหลนี้จะเป็นเหมือนมนุษย์ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกถึงความเป็นมนุษย์เลย โดยทุกคนต่างก็แผ่ออร่าที่มืดมิดออกมา และบนร่างของพวกเขานั้นมันก็มีอักษรรูนแห่งความมืดมากมายถูกสลักอยู่ ซึ่งพวกเขาแต่ละคนนั้นก็แข็งแกร่งเทียบเท่ากับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายหรือเหนือกว่านั้นกันทั้งหมด


“สุดยอด !! นี่คือกองอัศวินตราโลหิตในข่าวลือที่อยู่ภายใต้การควบคุมของมือแห่งนักบุญงั้นหรอ ?”


“ยิ่งไปกว่านั้นคราวนี้แม้แต่จักรพรรดิอสูรที่พักผ่อนอยู่ในคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองเมืองก็ยังมาที่นี่ ดูเหมือนว่าครั้งนี้ฉันจะมีอะไรดีๆให้ดูแล้ว !!!”


“ฉันได้ยินมาว่าในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายกับสภาสิบแปดปีกที่หอคอยแห่งพันธสัญญาลับนั้นจักรพรรดิอสูรได้ประสบกับความเสียหายอย่างรุนแรง ซึ่งฉันก็กำลังคิดอยู่เลยว่าจักรพรรดิอสูรจะล้างแค้นสภาสิบแปดปีกยังไง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันจะไม่จำเป็นต้องคิดแล้ว เพราะในเมื่อสภาสิบแปดปีกกล้ามาเหยียบหน้าจักรพรรดิอสูรถึงถิ่นแบบนี้ จักรพรรดิอสูรก็จะไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่นอน !!!”


เหล่าผู้เชี่ยวชาญที่เฝ้าดูสถานการณ์อยู่โดยรอบนั้นอดไม่ได้ที่จะพูดคุยกันในเรื่องนี้แบบเบาๆ และในเวลาเดียวกันทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจกับความแข็งแกร่งที่มือแห่งนักบุญแสดงออกมา


พวกเขาทั้งหมดรู้มาว่ามหาอำนาจต่างๆในทวีปด้านตะวันออกนั้นล้วนหวาดกลัวมือแห่งนักบุญมากๆ ซึ่งในตอนแรกพวกเขาก็คิดว่ามันเป็นเรื่องแปลก และเป็นการหวาดกลัวที่ไร้เหตุผล แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าที่มหาอำนาจต่างๆหวาดกลัวมือแห่งนักบุญนั้นมันไม่ได้ไร้เหตุผลเลย

นี่ไม่ต้องพูดถึงผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่มากกว่ายี่สิบคนของมือแห่งนักบุญที่เห็นได้ชัดว่าอยู่ในจุดสูงสุดของขั้นสี่เลย แค่สมาชิกกองอัศวินตราโลหิตมากกว่าหนึ่งโหลนั้นมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้มหาอำนาจต่างๆตกตะลึง และหวาดกลัว เพราะเท่าที่ดูจากออร่าของสมาชิกกองอัศวินตราโลหิตนั้น พวกเขาน่าจะสามารถจัดการผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ทั่วไปได้สบายๆเลย


ในช่วงเวลาสั้นๆจักรพรรดิอสูรและคนอื่นๆก็ได้มาถึงบริเวรประตูเมือง ซึ่งเมื่อเห็นการมาถึงของจักรพรรดิอสูรนั้น กองกำลังร่วมของผู้เล่นและ NPC ที่มีชื่อว่า God’s Vestige ที่เข้าประจำการอยู่ที่เมืองหินโบราณก็ได้ทำความเคารพเขาทันที


อย่างไรก็ตามจักรพรรดิอสูรนั้นก็ทักทายคนเหล่านี้แค่สองถึงสามคำเท่านั้น ก่อนที่เขาจะบินขึ้นไปจ้องมองไปซือเฟิงที่ยืนอยู่บนเรือเหาะมังกรสีเลือด และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “แบล๊คเฟรม !! ในจักรวรรดิออร์คนี้ทั้งฉันและคุณต่างมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ซึ่งเราก็อยู่กันอย่างสงบมานาน แต่วันนี้คุณกับกล้ามาถึงหน้าประตูบ้านฉัน ตราบใดที่คุณกล่าวคำขอโทษตอนนี้ ฉันก็จะไม่เอาความคุณกับเรื่องนี้ แต่ถ้าคุณไม่ทำก็อย่ามาโทษฉันแล้วกันว่าฉันโหดร้าย !!!”


เมื่อจักรพรรดิอสูรพูดจบ สมาชิกกองอัศวินตราโลหิตทั้งหมดที่เขานำมาด้วยก็ระเบิดออร่าและพลังทั้งหมดของตัวเองออกมา ซึ่งนี่มันได้ทำให้พื้นที่รอบๆบิดเบี้ยว และพลังที่น่าสะพรึงกลัวนี้ก็ได้แผ่ออกไปหลายพันหลาจนผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่อยู่ในระยะทั้งหมดที่ได้สัมผัสถึงมันนั้นอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น


นอกเหนือจากนี้แล้วมอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายชั้นยอดที่เฝ้าอยู่บริเวณประตูเมืองสองตัว และมังกรปีศาจอีกมากกว่าสามสิบตัวก็ได้เข้ามาล้อมเรือเหาะมังกรสีเลือดเอาไว้ทุกทิศทางเพื่อปิดช่องทางหนีของสภาสิบแปดปีก


ฉากนี้นั้นทำให้ผู้เล่นที่เฝ้าดูอยู่อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นด้วยความกลัว ….


ด้วยความแข็งแกร่งที่มีมากขนาดนี้ มือแห่งนักบุญน่าจะไม่มีปัญหาในการเข้ายึดหนึ่งหรือสองจักรวรรดิเลย !!!


“ฉันคิดว่าครั้งนี้มือแห่งนักบุญจะต้องทนทุกข์ทรมาณ แต่ดูเหมือนฉันจะคิดผิด ….”


“สภาสิบแปดปีกนั้นพึ่งพาแบล๊คเฟรมเป็นส่วนใหญ่มาตั้งแต่เริ่มเริ่มต้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้ชนเข้ากับแผ่นเหล็กหนาแล้ว ซึ่งหากพวกเขารับมือกับเรื่องนี้ไม่ดี นับจากนี้ นอกเหนือจากแบล๊คเฟรมแล้ว ฉันคิดว่าคนอื่นๆจะไม่สามารถไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกแน่นอน”


ในเวลานี้แม้แต่คนโง่ก็สามารถจะบอกได้ว่าพลังการต่อสู้ที่มือแห่งนักบุญแสดงออกมานั้นทรงพลังมากขนาดไหน อาจกล่าวได้ว่าแม้แต่กองกำลังที่มี NPC ขั้นห้าดูแลก็น่าจะยังไม่กล้ายั่วยุมือแห่งนักบุญเลย ดังนั้นตอนนี้สภาสิบแปดปีกจะเหลืออะไรล่ะ ?


“ขอโทษ ?” ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “จักรพรรดิอสูร คุณดูดีขึ้น และดูแข็งแกร่งขึ้นจริงๆ แต่คุณลืมไปแล้วหรอว่าครั้งสุดท้ายที่เราพบกันนั้นคุณตายในมือฉันยังไง ?!”


“คุณ …. หาเรื่องตาย !!!”


เมื่อจักรพรรดิอสูรได้ยินคำพูดของซือเฟิง เขาก็รู้สึกโกรธมากๆ ….


อย่างไรก็ตามก่อนที่จักรพรรดิอสูรจะทันได้พูดอะไรเพิ่มเติม ซือเฟิงก็ได้ระเบิดพลังมานาของตัวเองออกมา ซึ่งนี่มันก็ทำให้เกิดการปราบปรามที่รุนแรงเข้าปกคลุมเมืองหินโบราณทั้งหมด


การสร้างโลก !!


จักรพรรดิอสูรและคนอื่นๆที่ลอยอยู่กลางอากาศนั้นก็ค่อยๆถูกกดให้หล่นลงในชั่วพริบตา ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่บนกำแพงเมืองก็แทบจะต้องคุกเข่าลง ….


ตอนที่ 2876 ความเป็นไปได้ของมังกร


“เป็นไปได้ยังไงกัน ?!!”


ในขณะนี้ผู้เล่นทุกคนในเมืองหินโบราณนั้นแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่พวกเขาได้เห็นกันตรงหน้าเลย


เพราะฉากที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้มันเหนือจินตนาการของทุกคนไปมาก แม้แต่สมาชิกของสภาสิบแปดปีกที่มาเฝ้าดูเองก็เช่นกัน


ในปัจจุบันอาชีพขั้นสี่ใน God domain นั้นนับว่ามีพลังการต่อสู้อยู่สูงที่สุด และยิ่งกิลๆหนึ่งมีอาชีพขั้นสี่มากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึงภูมิหลังของกิลมากเท่านั้น


ในเวลานี้ภายใต้โดเมนของซือเฟิง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ความแข็งแกร่งในการต่อสู้จะลดลงอย่างมากเลย พูดกันตามตรงแบบให้แม่นยำนั้นความแข็งแกร่งที่ละคนสามารถใช้ได้นั้นจะเหลือเพียงสองถึงสามในสิบจากเดิมเท่านั้น นอกเหนือจากนี้เมื่อตกอยู่ภายใต้โดเมนของซือเฟิง มันก็เป็นไปได้เลยที่จะระดมมานาจากภายนอกมาใช้ได้


และเมื่อถูกปราบปรามโดยโดเมนแบบนี้นั้นผู้เล่นระดับผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ก็เหลือความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับผู้เล่นขั้นสามทั่วไปเท่านั้น ….


ในตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าอย่างซือเฟิงเลย แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญทั่วไป ขั้นสี่ในเมืองหินโบราณที่ไม่ได้โดนผลจากโดเมนของซือเฟิงก็จะสามารถฆ่าคนเหล่านี้ได้สบายๆเลย


“นี่คือพลังของอาชีพขั้นห้างั้นหรอ ?!”


ผู้เล่นที่เลือกจะอพยพออกมาจากเมืองหินโบราณ และยังคงเฝ้าดูสถานการณ์ทั้งหมดอยู่จากระยะไกลเต็มไปด้วยความตกตะลึง และหวาดกลัวเช่นกัน เมื่อพวกเขาได้เห็นฉากนี้ ….


แม้ว่าผู้เล่นใน God domain ทุกคนจะรู้ว่าการเลื่อนขั้นเพิ่มขึ้นไปหนึ่งขั้นนั้นจะทำให้เกิดช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างขั้นที่เลื่อนไปกับขั้นก่อนหน้า แต่นี่มันก็ออกจะมากเกินไปหน่อยจริงๆ ….


และในตอนนี้เมื่อได้มาเห็นด้วยตานั้น ทุกคนก็ได้เข้าใจอย่างแท้จริงแล้วว่าช่องว่างระหว่างขั้นสี่กับขั้นห้ามันยิ่งใหญ่ขนาดไหน


เมื่ออยู่ต่อหน้าอาชีพขั้นห้า ข้อได้เปรียบด้านจำนวนของอาชีพขั้นสี่นั้นมันแทบจะกลายเป็นเรื่องตลกไปเลย !!


สำหรับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายขั้นสี่จำนวนมากของจักรพรรดิอสูรนั้น พวกมันก็มีสภาพดีกว่าเหล่าผู้เล่นอยู่นิดหน่อย เนื่องจากเหล่ามอนสเตอร์นั้นอาศัยค่าสถานะของตัวเองเป็นหลัก พวกมันไม่ได้ต้องระดมมานามาใช้มากนัก แต่ถึงอย่างนั้นค่าสถานะของมังกรปีศาจแต่ละตัวก็ยังลดลงครึ่งหนึ่งเช่นกัน สำหรับมอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายชั้นยอด เลเวลหนึ่งร้อยหกสิบนั้นค่าสถานะของพวกมันก็ลดลงไปมากกว่าสามสิบเปอเซ็นต์ แถมพวกมันยังไม่สามารถบินได้ ซึ่งหากการต่อสู้เริ่มขึ้นในสถานการณ์แบบนี้นั้น พวกมันจะกลายเป็นขนมหวานสำหรับผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ของสภาสิบแปดปีกแน่นอน


อย่างไรก็ตามซือเฟิงที่ลอยอยู่กลางอากาศนั้นไม่ได้ประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากนัก ….


เพราะท้ายที่สุดเขารู้ดีถึงพลังของขั้นห้า และสิ่งที่เขาใช้มันก็ไม่ใช่โดเมนมานาธรรมดา แต่เป็นการสร้างโลก ซึ่งภายใต้การสร้างโลกนี้ เขาจะสามารถจัดระเบียบมานาทั้งหมดภายในระยะการสร้างโลกของเขาได้ ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนมันให้กลายเป็นโลกใบเล็กที่ซึ่งเขาเป็นผู้ปกครอง และควบคุมทุกอย่าง


แม้ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าเหมือนกันที่มาเผชิญหน้ากัน แต่หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถใช้การสร้างโลกได้ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าอีกฝ่ายที่เผชิญหน้ากันก็ยังจะต้องตกอยู่ในความเสียเปรียบ ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ และมอนสเตอร์ขั้นสี่เลย


จักรพรรดิอสูรมองไปที่ซือเฟิงที่ลอยอยู่กลางอากาศ แม้ว่าดวงตาของเขาจะปรากฎร่องรอยแห่งความกลัวขึ้นมาเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงกล่าวอย่างเย้ยหยันว่า “แบล๊คเฟรม อย่าพึ่งมั่นใจเกินไป !! อย่าลืมสิว่าที่นี่คือเมืองหินโบราณ !!!”


หลังจากที่จักรพรรดิอสูรพูดจบ วงเวทย์ขนาดมหึมาที่ซ้อนทับกันสามชั้นก็เริ่มแผ่ขยายเข้าปกคลุมเมืองหินโบราณทั้งเมือง โดยศูนย์กลางของวงเวทย์นั้นก็อยู่ที่คฤ

หาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองเมือง ซึ่งหลังจากวงเวทย์นี้ถูกเปิดใช้งาน มันก็ทำให้เหล่าคนที่โดนผลจากการสร้างโลกของซือเฟิงรู้สึกตัวเบาขึ้นมาในระดับหนึ่ง


แม้ว่าทุกคนจะยังคงถูกปราบปรามโดยการสร้างโลกของซือเฟิง แต่พลังการต่อสู้ของพวกเขาก็กลับมาอยู่ที่ราวแปดสิบเปอเซ็นต์จากเดิมแล้ว ในขณะเดียวกันตอนนี้พวกเขาก็สามารถที่จะกลับมาบินได้อีกครั้ง และสามารถประสานงานกันล่ากับโจมตีซือเฟิงได้ ….


ซือเฟิงมองไปที่วงเวทย์ที่ปรากฎขึ้นด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “วงเวทย์นี้มันน่าทึ่งจริงๆที่สามารถต่อต้านการสร้างโลกของฉันได้ ดูเหมือนว่าคุณจะลงทุนกับเมืองหินโบราณไม่น้อยเลยนะ …”


การสร้างโลกที่เขาใช้นั้นจะสามารถทำลายวงเวทย์ระดับปรมาจารย์ส่วนใหญ่ได้อย่างง่ายดายเลย ขณะที่สิ่งที่สามารถต่อต้านการสร้างโลกของเขาได้นั้นมันก็จะต้องแข็งแกร่งมากๆ แม้ว่าจะเป็นแค่วงเวทย์ระดับปรมาจารย์ก็ตาม และหากลงทุนสร้างเพื่อให้มันปกคลุมเมืองแบบนี้ มันก็จะต้องมีค่าไม่น้อยไปกว่าเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานสองถึงสามชิ้นเลย


“แบล๊คเฟรม !! คุณคิดว่าฉันจะใช้แค่พวกมอนสเตอร์ กับกำลังคนปกป้องเมืองรึไง ?” จักรพรรดิอสูรกล่าวพลางมองไปยังซือเฟิงด้วยแววตาดูถูก “วงเวทย์ที่ฉันใช้เมื่อครู่นี้มันเป็นวงเวทย์โบราณ ระดับปรมาจารย์ที่หายสาบสูญไปนานมาก ซึ่งแม้ว่าเมืองหินโบราณจะยังไม่กลายเป็นเมืองหลัก แต่ตอนนี้มันก็มีความแข็งแกร่งในการป้องกันเทียบเท่ากับเมืองหลักแล้ว ดังนั้นมันยังเร็วไปสิบปีที่คิดจะมายึดเมืองหินโบราณ แม้ว่าคุณจะเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าก็ตาม !!!”


วงเวทย์แบบนี้นั้นสามารถจะใช้ต้านทานการโจมตีขั้นห้าได้สบายๆเลย และหากการโจมตีขั้นห้าไม่สามารถทำให้แหล่งพลังงานสำรองวงเวทย์หมดลงไปได้ มันก็จะไม่มีทางเลยที่จะทำลายวงเวทย์นี้ลงได้


ซึ่งเมื่อพูดมาถึงจุดนี้นั้นมันก็ต้องบอกให้ชัดเจนขึ้นไปอีกว่าอาชีพขั้นห้าแค่คนเดียวนั้นไม่มีทางที่จะสามารถทำลายวงเวทย์แบบนี้ได้แน่นอน มันจะต้องอาศัยการโจมตีร่วมกันของอาชีพขั้นห้าจำนวนมาก หรือไม่ก็อาวุธสงคราม อาวุธปิดล้อมที่มีพลังการโจมตีเทียบเท่ากับขั้นห้า ไม่งั้นผู้โจมตีก็จะไม่มีทางเข้ายึดเมืองที่มีวงเวทย์แบบนี้ป้องกันได้แน่นอน


และตอนนี้ซือเฟิงก็เป็นเพียงอาชีพขั้นห้าคนเดียว ดังนั้นเขาจึงไม่มีความหวังที่จะยึดเมืองหินโบราณได้แน่นอน


เมื่อได้เห็นจักรพรรดิอสูรเปิดเผยไพ่ใบนี้ของตัวเองออกมานั้น เหล่าผู้มีอิทธิพลในเมืองหินโบราณก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนที่พวกเขาจะหันไปมองซือเฟิงอย่างเย้ยหยันอีกครั้ง


“คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าแล้วยังไงล่ะแบล๊คเฟรม ?”


“ใช่ๆ !! คุณคิดว่าคุณจะสามารถทำสิ่งที่ท้าทายสวรรค์ได้ด้วยตัวคนเดียวงั้นหรอ ?”


พลังที่ซือเฟิงแสดงออกมาก่อนหน้านี้นั้นทำให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ทุกคนในเมืองหินโบราณ ไม่เว้นแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ของมือแห่งนักบุญรู้สึกกดดันมากๆ


อย่างไรก็ตามตอนนี้เมื่อวงเวทย์ป้องกันแบบนี้ถูกเปิดใช้งาน แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าอย่างซือฟิงก็ยังจะไม่สามารถทำอะไรกับพวกเขาได้แน่นอน


เพราะท้ายที่สุดแล้วพวกเขามีคริสตัลเวทย์มนต์สะสมอยู่มากพอที่จะใช้เสริมเข้าไปให้แหล่งพลังงานของวงเวทย์ป้องกันนี้เรื่อยๆ แถมสภาสิบแปดปีกก็ไม่ได้มีเวลามาทำสงครามกับพวกเขามากนักด้วย เนื่องจากตอนนี้กองกำลังผู้รุกรานจากโลกอื่นนั้นกำลังพุ่งเป้ามาที่สภาสิบแปดปีก และเตรียมจะก่อสงครามโลกครั้งที่สอง


ซึ่งด้วยปัจจัยทั้งหมดนี้เอง หากสภาสิบแปดปีกเลือกจะใช้เวลาอยู่กับพวกเขานานมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งส่งผลเสียต่อสภาสิบแปดปีกมากเท่านั้น !!!


“หัวหน้ากิล ออกคำสั่งให้พวกเราเข้าร่วมการต่อสู้นี้เถอะ !! ฉันอยากจะเห็นนักว่าพวกนั้นจะเสริมคริสตัลเวทย์มนต์ให้แหล่งพลังงานของวงเวทย์ป้องกันได้นานขนาดไหน !!!” ไฟเออร์แดนซ์มองไปยังเหล่าผู้เล่นที่ทำท่าทีเย่อหยิ่งของเมืองหินโบราณ และอดไม่ได้ที่จะขบฟันด้วยความโกรธ


“มันก็แค่วงเวทย์ป้องกันนั่นแหละ !! แม้ว่ามันจะสามารถทนทานการโจมตีขั้นห้าได้ในระดับหนึ่ง แต่ฉันคิดว่าฉันมีวิธีที่จะทำลายมันลงได้นะ !!!” จ้าวเยว่รู่กล่าวพลางพยักหน้า


สำหรับผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่คนอื่นๆของสภาสิบแปดปีกนั้น การจะโจมตีให้มีพลังเทียบเท่ากับขั้นห้านั้นมันอาจเป็นเรื่องยาก แต่สำหรับเธอนั้นไม่ใช่ เพราะเธอมีอาวุธที่เป็นเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานอยู่ โดยอาวุธชิ้นนี้นั้นมันจะทำให้ทุกสกิล และเวทย์ของเธอใช้มีขั้นเพิ่มขึ้นหนึ่งขั้นโดยอัตโนมัติ


“ไม่ ! ไม่จำเป็น !!” ซือเฟิงส่ายหัว


พลังอันน่าเกรงขามนี้ของจ้าวเยว่รู่นั้นมันทำให้เธอเปรียบเสมือนป้อมปราการสงครามเคลื่อนที่ แม้ว่าเธอจะสามารถใช้สกิลและเวทย์ที่มีพลังเทียบเท่ากับขั้นห้าได้ง่ายๆ แต่มันก็ยังคงต้องใช้เวลาในระดับหนึ่งอยู่ดีกว่าจะทำลายวงเวทย์ป้องกันนี้ลงได้ ซึ่งนี่มันจะเป็นการเปิดโอกาสให้เมืองหินโบราณได้ตอบโต้ และอาจส่งผลอันตรายไปถึงจ้าวเยว่รู่ด้วยได้เลย …


“งั้นเราจะถอยกลับทั้งๆแบบนี้หรอ ?” จ้าวเยว่รู่ถามอย่างไม่ค่อยพอใจ


แม้ว่าเธอจะเข้าใจความหมายเบื้องหลังคำปฎิเสธนี้ของซือเฟิง แต่เธอก็ยังอดจะคิดไม่ได้ว่า การโจมตีของเธอนั้นแม้ว่ามันจะส่งผลไม่มากนัก และต้องใช้เวลานานกว่าจะทำลายวงเวทย์ป้องกันของเมืองหินโบราณได้ แต่มันก็ยังดีกว่าไม่มีเลยไม่ใช่หรอ ?


และหากครั้งนี้พวกเขาต้องกลับไปมือเปล่านั้น ชื่อเสียงของสภาสิบแปดปีกก็จะดิ่งลงเหวแน่นอน เพราะสภาสิบแปดปีกได้มาประกาศแบบชัดเจนแล้วว่าสภาสิบแปดปีกจะเข้ายึดเมืองป่าหินให้ได้


แถมมันก็เป็นการแน่นอนเลยว่าการเคลื่อนไหวของพวกเขาครั้งนี้นั้นจะถูกจับตาดูอยู่จากผู้คนทั่วทั้ง God domain แน่นอน ดังนั้นพวกเขาไม่สามารถจะปล่อยให้ผลลัพธ์มันออกมาเป็นแบบนี้ได้ ….


อีกทั้งหากสภาสิบแปดปีกได้รับชัยชนะจากสงครามครั้งนี้ แม้แต่ซุเปอร์กิลขนาดใหญ่ในทวีปด้านตะวันออกก็จะไม่สามารถหยุดพวกเขาได้อีกต่อไป ตรงกันข้าม หากสภาสิบแปดปีกพ่ายแพ้ หรือถูกบีบให้ต้องกลับไปมือเปล่าโดยที่ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย ศัตรูหลายกลุ่มของสภาสิบแปดปีกจะเข้ามาเป็นพันธมิตรของมือแห่งนักบุญเพื่อจัดการกับสภาสิบแปดปีกแน่นอน


“ไม่ แน่นอน …” ซือเฟิงส่ายหัว พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันบอกได้แค่ว่าตอนนี้คุณยังไม่ต้องเคลื่อนไหว แค่ดูมันไปก่อน …”

“ดูไปก่อน ?” จ้าวเยว่รู่มองไปยังซือเฟิงอย่างพูดไม่ออก


ด้านหน้าของพวกเขาคือเมืองกิลที่มีความแข็งแกร่งในการป้องกันเทียบเท่ากับเมืองหลัก การดูจะช่วยยึดเมืองได้ยังไง ?


ไม่ใช่แค่จ้าวเยว่รู่เท่านั้นที่รู้สึกแบบนี้ สมาชิกคนอื่นๆของสภาสิบแปดปีกก็รู้สึกเช่นกัน ตอนนี้พวกเขาไม่เข้าใจจริงๆว่าหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีกของพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ ….


อย่างไรก็ตามซือเฟิงนั้นไม่ได้คิดจะอธิบายอะไรเพิ่มเติม เขาได้เลือกจะกระโดดจนตัวเองมาอยู่ห่างจากเมืองหินโบราณแค่ไม่กี่ร้อยหลาเท่านั้น ก่อนที่เขาจะเริ่มร่ายเวทย์ และมานาจำนวนมหาศาลก็ได้ไปรวมกันรอบตัวเขา ….


เมื่อได้เห็นการเคลื่อนไหวล่าสุดของซือเฟิงนั้น ทุกคนในเมืองหินโบราณก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา


“คุณคิดจะใช้สกิลทำลายล้างล้างขนาดใหญ่แบบ AOE ขั้นห้างั้นหรอ ?” จักรพรรดิอสูรมองไปยังซือเฟิงด้วยความดูถูก “ไม่ต้องพูดถึงนักบุญแห่งดาบขั้นห้าเลย ต่อให้คุณเป็นมหาจอมเวทย์ขั้นห้า คุณก็ไม่มีทางจะทำลายวงเวทย์ป้องกันของเมืองหินโบราณได้ด้วยตัวคนเดียวแน่นอน !!!! เอาล่ะ ทุกคนเริ่มโจมตีได้ !!!”


“พุ่งเป้าไปที่เรือเหาะมังกรสีเลือดก่อน !!!”


สำหรับการเลือกโจมตีซือเฟิงนั้น จักรพรรดิอสูรรู้ดีว่ามันเป็นการกระทำที่ไร้ค่าและเปล่าประโยชน์ แต่อย่างไรก็ตามสำหรับเรือเหาะมังกรสีเลือดนั้นมันแตกต่างออกไป เพราะเมื่อมันถูกรุมจากผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ มันก็จะทนได้ไม่นานนักแน่นอน แม้ว่ามันจะมีเหล่าผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ของสภาสิบแปดปีกคอยช่วยป้องกันอยู่ก็ตาม


เมื่อได้ยินคำสั่งของจักรพรรดิอสูรนั้น ทุกคนก็พุ่งเป้ามายังเรือเหาะมังกรสีเลือดของสภาสิบแปดปีกทันที ไม่เว้นแม้แต่มังกรปีศาจขั้นสี่ที่มีจำนวนมากกว่าสามสิบตัว


ซึ่งนี่มันทำให้สมาชิกสภาสิบแปดปีกทั้งหมดบนเรือเหาะมังกรสีเลือดนั้นรู้สึกกดดันมากๆ


ไฟเออร์แดนซ์อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกคำสั่งขึ้นมาว่า “พวกสายเวทย์มนต์ทั้งหมด เริ่มเปิดใช้งานวงเวทย์ป้องกันเดี๋ยวนี้ !!!”


เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ และมอนสเตอร์ขั้นสี่จำนวนมหาศาลขนาดนี้ เรือเหาะมังกรสีเลือดของพวกเขานั้นก็จะได้รับผลกระทบอย่างหนักแน่นอน หากพวกเขารับมือได้ไม่ดี ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นจะต้องเตรียมทุกอย่างให้พร้อม


อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายกำลังเตรียมตัวกันนั้น ซือเฟิงก็ได้ร่ายเวทย์บทสุดท้ายเสร็จเรียบร้อย ….


ทันใดนั้นท้องฟ้าทั่วบริเวณก็มืดสลัว ก่อนที่วงเวทย์ที่มีขนาดมหึมาจะปรากฎขึ้นปกคลุมเมืองหินโบราณ และนี่มันก็ทำให้ทุกคนนั้นอดไม่ได้ที่จะมองไปที่มัน ….


“นี่แบล๊คเฟรมจะทำอะไรกัน ?!”


ทุกคนมองไปยังสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยหัวใจที่เริ่มกลับมาเต็มไปด้วยความไม่สบายใจอีกครั้ง


เนื่องจากเมื่อพวกเขามองไปยังวงเวทย์ขนาดมหึมานั้น พวกเขาก็รู้สึกกลัวมาจากส่วนลึกของวิญญาณเลย


หลังจากนั้นก่อนที่ผู้คนจะทันได้ตั้งสติกันได้ ร่างขนาดใหญ่ก็ค่อยๆโผล่ออกมาจากวงเวทย์ขนาดมหึมา


และทุกคนนั้นก็ล้วนเต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างถึงที่สุด เมื่อได้เห็นร่างนี้เต็มๆตา


“มังกรหนุ่ม ขั้นสี่ ?!!”


ตอนที่ 2877 พลังของมังกรหนุ่มขั้นสี่


“ขั้นสี่ !!”


“มังกรหนุ่มขั้นสี่ !! มันคือมังกรหนุ่มขั้นสี่ที่แท้จริง !!!”


สำหรับสิ่งมีชีวิตอย่างมังกรนั้น ใครก็ตามที่ไม่ใช่มือใหม่ที่พึ่งจะเข้าสู่ God domain เมื่อเร็วๆนี้จะต้องเคยได้ยินเรื่องราวของมันมาทั้งหมด สำหรับทุกคนในเมืองหินโบราณนั้นพวกเขาล้วนอยู่กันในขั้นสามเป็นอย่างน้อย ซึ่งมันสามารถจะกล่าวได้เลยว่าพวกเขามีความเข้าใจที่ค่อนข้างจะชัดเจนมากๆเกี่ยวกับมังกรที่แท้จริง ….


และตอนนี้เมื่อได้มาเห็นมังกรที่แท้จริง แถมยังเป็นมังกรหนุ่มขั้นสี่ปรากฎตัวขึ้นนั้น ทุกคนในเมืองหินโบราณก็ยิ่งได้เข้าใจมากขึ้นอย่างชัดเจนว่าความน่ากลัวของมังกรที่แท้จริงนั้นคืออะไร ….


โดยขนาดของมังกรหนุ่มขั้นสี่ตัวนี้ที่ปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าของพวกเขานั้นมีความยาวประมาณสี่ถึงห้าร้อยเมตร ซึ่งลำตัวของมันนั้นสามารถจะบดบังเมฆและดวงอาทิตย์ได้อย่างสบายๆเลย ขณะที่ออร่าที่น่ากลัวของมันที่มันแผ่ออกมาก็ได้เข้าปกคลุมรัศมีหลายพันหลา และมันก็ทำให้ผู้เล่นขั้นสามนั้นตัวสั่นมากๆ แถมตอนนี้มังกรหนุ่มขั้นสี่ตัวนี้ก็ยังลอยอยู่เหนือเมืองหินโบราณราวกับเทพเจ้า


“เรื่องนี้มันไม่มีทางจะเป็นไปได้ !!! ใช่แล้วมันไม่มีทางจะเป็นไปไม่ได้ !!! นี่มันต้องเป็นทริคอะไรสักอย่างแน่นอน !!!”


“ผู้เล่นจะอัญเชิญมังกรหนุ่มขั้นสี่ออกมาได้ยังไงกัน ?!! นี่คือมังกรหนุ่มขั้นสี่เลยนะที่เรากำลังพูดถึง !!!”


ในตอนนี้เหล่าผู้เชี่ยวชาญของผู้มีอิทธิพลในเมืองหินโบราณที่เฝ้าดูสถานการณ์อยู่บนกำแพงเมืองนั้นเริ่มมีการแสดงออกที่ไม่มั่นคงเล็กน้อย ขณะเดียวกันตอนนี้ดวงตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงและหวาดกลัว


มังกรหนุ่มขั้นสี่นั้นเปรียบได้กับการดำรงอยู่ของตัวตนขั้นห้าที่ทรงพลังเลย และมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เล่นขั้นสี่ในปัจจุบันนั้นจะสามารถต่อกรได้ มันเป็นเป็นดั่งสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งที่อยู่ในจุดสูงสุดของ God domain


แต่ตอนนี้ซือเฟิงกับสามารถอัญเชิญมังกรหนุ่มขั้นสี่ออกมาได้ จะให้พวกเขาเชื่อเรื่องนี้ได้ยังไงกัน ?


กล่าวได้ว่านี่มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อซะยิ่งกว่าเรื่องที่ซือเฟิงสามารถเลื่อนขั้นเป็นขั้นห้าได้สำเร็จซะอีก เพราะท้ายที่สุดแล้วมังกรหนุ่มขั้นสี่ทุกตัวนั้นจะได้รับการเลื่อนขั้นให้กลายเป็นมังกรโตเต็มวัยขั้นห้าแน่นอน หากมีเวลามากเพียงพอ


สำหรับมังกรโตเต็มวัยขั้นห้าใน God domain นั้น มันเป็นตัวตนที่แทบจะเป็นอมตะเลย


“ทุกคนไม่ต้องกังวล !! แม้ว่ามังกรหนุ่มขั้นสี่จะน่ากลัว แต่วงเวทย์ป้องกันของเมืองหินโบราณของเราก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกัน !!!” จักรพรรดิอสูมองไปยังฝูงชนฝั่งของเขาที่เริ่มตื่นตระหนก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนขึ้นด้วยความโกรธ “มันก็แค่มังกรหนุ่มขั้นสี่ที่เทียบได้กับการดำรงอยู่ของตัวตนขั้นห้านั่นแหละ !!! ตราบใดที่เราร่วมมือกันเพื่อต่อต้านมัน แบล๊คเฟรมก็จะไม่สามารถทำอะไรกับเราได้แน่นอน !!!”


เมื่อบลัดฟิสต์ หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่มีอิทธิพลที่สุดของเมืองหินโบราณได้ยินคำพูดของจักรพรรดิอสูร เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เพราะตอนนี้หากปราศจากความช่วยเหลือจากวงเวทย์ป้องกันของเมืองหินโบราณ พวกเขาจะไม่สามารถต่อกรกับสภาสิบแปดปีกได้แน่นอน


อย่างไรก็ตามหลังจากการต่อสู้วันนี้ผ่านไป มันก็น่าจะไม่มีใครใน God domain ที่กล้าจะยั่วยุสภาสิบแปดปีกแล้ว และนี่มันก็จะทำให้สภาสิบแปดปีกกลายเป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ที่แท้จริงของ God domain


เพราะท้ายที่สุดแล้วเมื่อต้องเผชิญหน้ากับตัวตนขั้นห้า และมังกรหนุ่มขั้นสี่ในระยะนี้ของเกม มันจะมีกองกำลังใดใน God domain ที่จะสามารถต่อกรกับพวกเขาได้กัน ?


แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญของกิลสายความมืดที่เฝ้าดูสถานการณ์อยู่บนกำแพงเมืองหินโบราณก็เริ่มรู้สึกเสียใจแล้วที่พวกเขาตัดสินใจจะเป็นศัตรูกับสภาสิบแปดปีกในวันนี้ พวกเขาอาจจะรอดจากภัยพิบัติในวันนี้ไปได้ด้วยเมืองหินโบราณ แต่แล้วในอนาคต

ล่ะ ?


พวกเขาไม่สามารถจะซ่อนตัวในเมืองหินโบราณไปได้ตลอดนี่นา ถูกไหม ?


ในขณะที่หลายคนบนกำแพงเมืองหินโบราณกำลังเริ่มรู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเอง ท้องฟ้าเหนือพวกเขานั้นมันก็เริ่มซีดลงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ….


บลัดฟิสต์มองไปยังฉากที่เกิดขึ้น และอดไม่ได้ที่จะหันมาถามว่า “รองหัวหน้าอู๋

หยา นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ? มังกรหนุ่มนั่นกำลังจะทำอะไรกัน ?”


สำหรับมังกรหนุ่มขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยหกสิบห้าที่ลอยอยู่เหนือเมืองหินโบราณนั้นเขาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยจากออร่าของมันว่ามันเป็นมังกรที่แท้จริงแน่นอน อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลอื่นๆของมันได้ เพราะมันจำเป็นจะต้องใช้สกิลตรวจสอบขั้นสูงในการตรวจสอบ ….


แต่รองหัวหน้าอู๋หยา ซึ่งเป็นหนึ่งในรองหัวหน้าของกองกำลัง God’s Vestige นั้นมีสกิลตรวจสอบขั้นสูงแบบนี้อยู่ โดยสกิลตรวจสอบขั้นสูงนี้นั้นมันจะช่วยให้เขาสามารถมองเห็นสิ่งที่สกิลตรวจสอบทั่วไปไม่สามารถมองเห็นได้


“ไม่จริงน่า !!” อู๋หยาส่ายหัวด้วยกับนัยน์ตาแห่งความสิ้นหวัง “มันไม่ใช่แค่มังกรหนุ่ม …. แต่มันเป็นมังกรศักสิทธิ์ !!! มังกรเงินศักสิทธิ์ !!!”


“มังกร …. ศักสิทธิ์ !!!” เมื่อได้ยินดังนี้บลัดฟิสต์ก็ตกตะลึง ก่อนที่เขาจะมองไปยังอู๋หยา และกล่าวว่า “รองหัวหน้าอู๋หยา นี่คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม ? หากคิดจะทำให้เรื่องนี้มันเป็นเรื่องตลก หรือล้อเล่น ฉันต้องบอกเลยนะว่าฉันหัวเราะไม่ออก ….”


มังกรศักสิทธิ์คืออะไร ?


มันคือราชันในหมู่มังกรเลย ความแตกต่างระหว่างมังกรหนุ่มทั่วไป กับมังกรศักสิทธิ์นั้นมันก็เหมือนกับความแตกต่างระหว่างมอนสเตอร์ทั่วไป กับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย โดยมันเป็นสิ่งมีชีวิตสองชนิดที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ….


อู๋หยามองไปที่บลัดฟิสต์ ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่นว่า “ฉันเองก็หวังให้เป็นแบบนั้นนะ แต่ตอนนี้คุณคิดว่าฉันล้อเล่นจริงๆงั้นหรอ ? …”


ในตอนนี้อู๋หยารู้สึกเสียใจมากๆที่ได้ใช้สกิลตรวจสอบขั้นสูงของเขาตรวจสอบมังกรหนุ่มที่อยู่เหนือเมืองหินโบราณ เพราะถ้าเขาไม่ได้ใช้สกิลตรวจสอบขั้นสูง เขาก็คงจะยังมีความหวังเหลืออยู่ในใจบ้าง แต่ตอนนี้มันหมดแล้ว ….


ขณะเดียวกันผู้เล่นที่อพยพออกจากเมืองหินโบราณและไปคอยเฝ้าดูอยู่จากระยะไกลนั้นก็ล้วนตกตะลึงกับเรื่องนี้เช่นกัน


“นี่คือสิ่งที่ทำให้สภาสิบแปดปีกมีความมั่นใจ และเลือกจะเข้าโจมตีเมืองหินโบราณงั้นหรอ ?”


“มังกรศักสิทธิ์ !! ฉันต้องฝันไปแน่ๆ !!!”


“ใช่แล้ว ! ทั้งหมดนี่มันต้องเป็นความฝันแน่ๆ !! ในตอนนี้ฉันยังไม่ได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่เลย แต่ทำไมเขาถึงเลื่อนขั้นเป็นขั้นห้าได้แล้ว ? แถมเขายังสามารถอัญเชิญมังกรศักสิทธิ์ออกมาได้อีก นี่มันจะต้องเป็นความฝันแน่ๆ !!!”


ในตอนนี้หลายคนมองไปที่มังกรศักสิทธิ์บนท้องฟ้า และอดไม่ได้ที่จะเริ่มปลอบใจตัวเอง


อย่างไรก็ตามจักรพรรดิอสูรนั้นเห็นได้ชัดว่ายังคงไม่มีความตั้งใจจะยอมแพ้ โดยเขาได้จ้องมองไปยังมังกรศักสิทธิ์ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งอย่างถึงที่สุด “ฉันไม่เชื่อ !! มังกรศักสิทธิ์แล้วยังไงล่ะ ?!! ฉันได้ใช้ทั้งกำลังคนและทรัพยากรไปเป็นจำนวนมากเพื่อตามหาวงเวทย์ป้องกันโบราณที่สาปสูญนี้ ดังนั้นมันจะต้องสามารถป้องกันการโจมตีของมังกรศักสิทธิ์ได้แน่นอน !!!”


อย่างไรก็ตามก่อนที่จักรพรรดอสูรจะทันได้พูดอะไรจบ มังกรเงินศักสิทธิ์ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าก็เริ่มอ้าปากขึ้น หลังจากนั้นมานาในรัศมีหลายหมื่นหลาก็ถูกดูดให้เข้ามารวมอยู่ที่บริเวณปากของมัน


“โฮก !!!”


เมื่อมังกรเงินศักสิทธิ์เปล่งเสียงคำรามออกมา ทั่วทั้งเมืองหินโบราณก็ถูกกลืนกินโดยลำแสงศักสิทธิ์ทันที


เสียงคำรามของมังกรศักสิทธิ์ !!!


ซึ่งลำแสงศักสิทธิ์นี้มันก็สว่างจ้ามากๆจนผู้เล่นทุกคนทำได้แค่หลับตาลงเพื่อหลีกเลี่ยงแสงสว่างนี้ และเมื่อลำแสงศักสิทธิ์นี้หายไป ทุกคนจึงค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นเพื่อตรวจสอบทุกอย่าง

“นี่มัน … เป็น … เป็นไปได้ยังไง …?!!!”


ผู้เล่นที่อยู่ไกลออกไปหลายพันหลาที่เฝ้าดูอยู่นั้นล้วนมองไปยังฉากตรงหน้าของพวกเขาด้วยความตกตะลึงอย่างถึงขีดสุด


เนื่องจากในตอนนี้นั้นไม่เพียงแต่วงเวทย์ป้องกันของเมืองหินโบราณจะพังทลายลงไป แต่แม้แต่คฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองเมืองหินโบราณที่เปรียบได้ดั่งหัวใจของเมืองก็ยังหายไป โดยมันเหลือทิ้งไว้เพียงแต่หลุมลึกเท่านั้น แถมนอกเหนือจากนี้แล้ว สิ่งก่อสร้างอื่นๆ รวมทั้งผู้เล่นในเมืองหินโบราณก็ยังหายไปทั้งหมด ยกเว่นก็แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่บนกำแพงเมืองที่เปิดใช้งานงานสกิลช่วยชีวิตของตัวเองทัน กับ มอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายชั้นยอด เลเวลหนึ่งร้อยหกสิบสองตัว


ถูกต้อง !!


เมืองหินโบราณทั้งหมดยกเว้นบริเวณกำแพงเมืองกลายเป็นดินแดนรกร้างว่างเปล่าไปแล้ว !!!


“ไม่ !! ไม่ !! นี่มันเป็นไปไม่ได้ !!!”


จักรพรรดิอสูรที่ลอยอยู่กลางอากาศมองไปยังเมืองหินโบราณที่กลายเป็นดินแดนรกร้างตรงหน้าเขาด้วยความสับสน และไม่อยากจะเชื่อ ในเวลานี้ไม่ใช่แค่จักรพรรดิอสูรเท่านั้นที่เป็นแบบนี้ บลัดฟิสต์ และอู๋หยาเองก็เช่นกัน ….


ทุกอย่างที่พวกเขาทำมามันจบสิ้นแล้ว ….


ความพยายามอย่างหนักทั้งหมดที่พวกเขาทำมาตอนนี้มันได้ถูกทำลายล้าง และกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว ….


และในตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นบลัดฟิสต์ หรืออู๋หยา พวกเขาต่างก็พูดอะไรไม่ออกเป็นเวลานาน ….


การโจมตีเดียว !!


แค่การโจมตีเดียว !!!


เมืองหินโบราณที่มีความแข็งแกร่งแทบจะเทียบเท่ากับเมืองหลักได้หายไป !!!


ใครกันจะเชื่อเรื่องนี้ ?


สำหรับสมาชิกสภาสิบแปดปีกที่อยู่บนเรือเหาะมังกรสีเลือดนั้น พวกเขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงมากเช่นกัน โดยเฉพาะจี้ลั่วหรง และปีศาจสีเลือดที่เคยอาศัยอยู่ในทวีปด้านตะวันตกมาก่อน พวกเขานั้นตกตะลึงอย่างสุดจะพรรณนา


มันมีข่าวลือเกิดขึ้นในทวีปด้านตะวันตกว่าเมื่อมังกรแบบนี้ปรากฎตัวขึ้น มันจะสามารถทำลายเมืองทั้งเมืองได้สบายๆเลย และหากมังกรแบบนี้โกรธมากๆ พวกมันจะสามารถทำลายอาณาจักรทั้งอาณาจักรได้อย่างง่ายดาย


ซึ่งพวกเขาคิดว่ามันเป็นแค่นิทานเรื่องเล่าปรัมปรา ….


แต่ตอนนี้พวกเขาเข้าใจแล้วว่ามันไม่ใช่แบบนั้น ทุกอย่างมันเป็นเรื่องจริงทั้งหมด !!!


อันที่จริงแล้วนับประสาอะไรกับจี้ลั่วหรง และปีศาจสีเลือด แม้แต่ซือเฟิงที่ค่อนข้างจะคุ้นเคยกับออร์เบ็คมานานก็ยังตกตะลึงกับฉากนี้


“นี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของมังกรศักสิทธิ์งั้นหรอ ?!”


ซือเฟิงนั้นรู้สึกพูดอะไรแทบไม่ออกจริงๆเมื่อได้เห็นสิ่งที่ออร์เบ็คสามารถจะทำได้ ….


ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นผู้เชี่ยวชาญขั้นหก ขอบเขตพระเจ้าทำลายเมืองทั้งเมืองมาก่อนในชีวิตที่ผ่านมา แต่เมื่อเทียบกับเรื่องของผู้เชี่ยวชาญขั้นหกแล้ว ความตกตะลึงที่เกิดขึ้นจากการที่มังกรเงินศักสิทธิ์ออร์เบ็คทำลายเมืองหินโบราณนั้นมันยิ่งใหญ่กว่ามาก


เพราะมังกรเงินศักสิทธิ์ออร์เบ็คนั้นอยู่แค่ในขั้นสี่เท่านั้น !!!


เดิมทีเขาคิดว่าด้วยการโจมตีเมื่อครู่ของมังกรเงินศักสิทธิ์ออร์เบ็คนั้น มันน่าจะสามารถทำให้วงเวทย์ป้องกันของเมืองหินโบราณต้องใช้แหล่งพลังงานส่วนใหญ่ที่มีไป แต่ตอนนี้เมืองทั้งเมืองมันกับหายไปแล้วจริงๆ ….


ในเวลานี้ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะมองไปยังจักรพรรดิอสูรที่มีท่าทีบ้าคลั่งด้วยความรู้สึกขอโทษในใจ เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่างกับจักรพรรดิอสูรว่าเขาไม่ได้คิดจะทำขนาดนี้จริงๆ ….


แต่แน่นอนว่านี่มันก็เป็นเพียงแค่ความเห็นอกเห็นใจเท่านั้น ซือเฟิงไม่ใช่คนใจอ่อน หลังจากนั้นเขาก็ได้ชักดาบ Abyssal Blade ออกมาจากฝัก และพุ่งเข้าไปเผชิญหน้ากับจักรพรรดิอสูร รวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่คนอื่นๆ ซึ่งเขาก็ได้ใช้ดาร์คเนสไบรน์จัดการพันธนาการจักรพรรดิอสูรและผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่คนอื่นๆไว้อย่างสมบูรณ์


โดยหลังจากวงเวทย์ป้องกัน และเมืองหินโบราณทั้งเมืองถูกทำลายไปนั้น มันก็ทำให้จักรพรรดิอสูร และผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่คนอื่นๆไม่สามารถระดมมานาจากภายนอกมาใช้ได้ สำหรับค่าสถานะพื้นฐานของพวกเขา พวกเขาก็เหลืออยู่มากกว่าผู้เล่นขั้นสามทั่วไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นต่อหน้าซือเฟิง พวกเขาจึงไม่สามารถจะต่อต้านใดๆได้เลย พวกเขาทำได้เพียงแค่รอให้ซือเฟิงมาจับเท่านั้น และแม้ว่าพวกเขาอยากจะตาย แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจะตายได้


หลังจากซือเฟิงทำลายเมืองหินโบราณ และจัดการจับกุมจักรพรรดิอสูร กับผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่คนอื่นๆได้อีกมากมาย ข่าวเรื่องผลลัพธ์ของสงครารมครั้งนี้ก็ได้แพร่กระจายออกไปอย่างบ้าคลั่ง และรวดเร็วทั่ว God domain

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)