Reincarnation Of The Strongest Sword God 2609-2613

 ตอนที่ 2609 ทะลุขีดจำกัด


เมื่อสัมผัสได้ถึงกระแสมานาอันทรงพลังที่พวยพุ่งออกมาจากร่างของไวโอเล็ตคลาวด์นั้นก็ไม่ต้องพูดถึงผู้เล่นทั่วไปเลย แม้แต่ซือเฟิงที่นั่งอยู่อย่างสงบนิ่งในกลุ่มผู้ชมมาตลอดเวลาก็มีสีหน้าประหลาดใจอย่างมาก เมื่อได้เห็นฉากตรงหน้าล่าสุดของเขา


“ระเบิดมานา ?! ไวโอเล็ตสามารถทะลุขีดจำกัดได้รวดเร็วขนาดนี้เลยงั้นหรอ ?!” ซือเฟิงพึมพำกับตัวเองด้วยความตกตะลึง ขณะที่เขาจ้องมองไปยังไวโอเล็ตคลาวด์ ตอนนี้ความตกตะลึงของเขานั้นมีมากกว่าคนอื่นๆอย่างมาก


“ทะลุขีดจำกัด ? หัวหน้ากิลไวโอเล็ตทะลุขีดจำกัดอะไร ?” อควาโรสที่ได้ยินคำพูดพึมพำของซือเฟิงนั้นอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น เพราะดูจากปฎิกิริยาของซือเฟิงนั้น เขาน่าจะรู้ดีว่าไวโอเล็ตคลาวด์ทำอะไร


อควาโรสไม่ใช่คนเดียวที่สงสัยเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ สมาชิกสภาสิบแปดปีกคนอื่นๆก็หันไปมองซือเฟิงด้วยความสนใจเช่นกัน พวกเขาทุกคนนั้นล้วนอยากรู้ว่าไวโอเล็ตคลาวด์ทำให้ไปกัน เธอถึงสามารถเพิ่มความหนาแน่นของมานาของเธอได้ และมันกระทั่งขึ้นไปเหนือกว่า NPC ขั้นสี่ทั่วไปด้วย


“ไวโอเล็ตนั้นได้ทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ของร่างมานา และเข้าไปสู่ขอบเขตใหม่ ….” ซือเฟิงอธิบาย เมื่อเขาเห็นดวงตาของทุกคนที่จ้องมองมายังเขาอย่างคาดหวัง


การทะลุขีดจำกัดของร่างมานานั้นเป็นทิ่งที่เขาปราถนามาตลอดว่าจะทำให้สำเร็จ เพราะมันจะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ และการทดสอบของมังกรเงินศักสิทธิ์ที่เขาจะต้องเผชิญในอนาคตได้อย่างมาก


อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาไม่คิดเลยจริงๆว่าไวโอเล็ตคลาวด์จะสามารถเอาชนะเขาได้ และทำได้ก่อนเขา เขาต้องยอมรับเลยว่าไวโอเล็ตคลาวด์นั้นมีความสามารถอย่างแท้จริง และการมาถึงขั้นหกของเธอในชีวิตที่ผ่านมาของเขาก็ไม่่เรื่องบังเอิญแน่นอน เธอนั้นมีความสามารถมากกว่าผู้เชี่ยวชาญขั้นหกที่มาถึงขั้นนี้ได้ด้วยความช่วยเหลือของกิลด้วยซ้ำ ….


“หัวหน้ากิล ร่างมานาไม่ใช่ว่าจะถึงจุดสมบูณณ์แบบแล้วงั้นหรอ หลังจากที่เราสามารถปลดล๊อคศักยภาพของมันได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ ? มันจะขึ้นไปเกินหนึ่งร้อยเปอ

เซ็นต์ได้ยังไง ?” ไฟเออร์แดนซ์ถามด้วยความประหลาดใจ


หลังจากที่เธอสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ เธอก็สามารถรับรู้ได้ถึงความสมบูรณ์แบบจากมัน และเมื่อเธอปรับแต่งมานาของเธอจากร่างมานาในการใช้สกิลและเวทย เธอก็รู้สึกว่ามันไม่มีที่ว่างเหลือสำหรับการปรับปรุงอีกต่อไป ดังนั้นเธอจึงพบว่ามันยากที่จะจินตนาการได้อย่างแท้จริงว่าเธอจะสามารถทะลุขีดจำกัดไปได้อีก


ในขณะนี้นอกเหนือจากไฟเออร์แดนซ์ เสวี่ยเหวินโหรว Alluring Summer ชาโด้วซอร์ด โคล่า และคนอื่นๆนั้นก็เต็มไปด้วยความงงงวยมากเช่นกัน


ร่างมานาของพวกเขาควรจะมีความสมบูรณ์แบบแล้ว หลังจากมันถูกปลดล๊อคศักยภาพได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ แม้ว่าร่างมานาของพวกเขาจะยังคงปรับปรุงได้ต่อ แต่จริงๆมันก็ควรจะเกิดขึ้นหลังจากที่พวกเขาเลื่อนขั้นไปสู่ขั้นสี่ได้แล้วเท่านั้น


“ฉันเชื่อว่าบางคนในหมู่พวกเราต้องเคยใช้สกิลหรือเวทย์มนต์ด้วยอัตราความสำเร็จในการใช้ที่มากกว่าหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แน่นอน ซึ่งนี่เราก็พูดถึงอะไรที่คล้ายๆกันในเรื่องของศักยภาพร่างมานา เพราะท้ายที่สุดแล้วหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์นั้นไม่ใช่จุดสิ้นสุดสำหรับร่างมานา แต่มันเป็นเพียงการเริ่มต้นใหม่เท่านั้น อย่างไรก็ตามการจะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ไปให้ได้นั้นมันก็ยากมากๆ และพูดกันตรงๆแม้แต่ในบรรดาผู้เชี่ยวชาญขั้นสามหนึ่งหมื่นคนนั้นก็หาสักคนที่จะทำแบบนี้ได้ยากมากๆหรืออาจไม่มีเลยด้วยซ้ำ” ซือเฟิงอธิบายขณะที่เขาจ้องมองไปยังไวโอเล็ทคลาวด์ด้วยรอยยิ้มบางๆ “แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าไวโอเล็ตสามารถไปได้ไกลแค่ไหนแล้ว แต่ฉันก็สามารถบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่าการต่อสู้ครั้งนี้มันได้จบลงแล้ว”


“จบลงแล้ว ? ไวโอเล็ตจะชนะการแข่งขันนี้งั้นหรอ ?” อควาโรสถาม เมื่อเธอได้ยินซือเฟิงพูดเช่นนั้น เธอก็รีบหันกลับไปโฟกัสให้ความสนใจบนเวทีที่ไวโอเล็ตคลาวด์และซินฟูลเฟรมกำลังต่อสู้กันอยู่ทันที


ในขณะนี้สกิลโดเมนของไวโอเล็ตคลาวด์นั้นได้ลดร่างแยกของซินฟูลเฟรมมาเหลือแปดร่าง ซึ่งนี่มันก็หมายถึงว่าพลังการต่อสู้ของซินฟูลเฟรมนั้นจะลดลงสามสิบเปอเซ็นต์เป็นอย่างน้อยที่สุด แต่ถึงกระนั้นโอกาสในการจะชนะของไวโอเล็ตคลาวด์ก็ยังไม่ควรจะมีมากนัก

เพราะท้ายที่สุดเธอยังคงต้องรับมือกับร่างแยกจำนวนมาก และเธอก็อาจจะชะลอการเข้ามาใกล้ของซินฟูลเฟรมได้ แต่เธอก็ไม่สามารถจะห้ามไม่ให้เขาเข้าถึงตัวเธอได้


ในขณะเดียวกัน มันก็เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าหากผู้เล่นนักเวทย์หรือสายระยะไกลยอมให้ผู้เล่นระยะประชิดเข้าถึงตัวได้ ทุกอย่างมันก็แทบจะจบลงแล้ว ….


มันอาจเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไป หากคู่ต่อสู้ของไวโอเล็ตคลาวด์ไม่ใช่ผู้เล่นระยะประชิด แต่เป็นผู้เล่นนักเวทย์หรือสายโจมตีระยะไกลแทน ซึ่งหากเป็นในกรณีนี้ไวโอเล็ตคลาวด์จะสามารถเอาชนะได้อย่างแน่นอน เพราะท้ายที่สุดมานาที่ไวโอเล็ตคลาวด์แผ่ออกมาในตอนนี้นั้นมันน่ากลัวอย่างไม่น่าเชื่อ และด้วยมานาดังกล่าว มันก็จะทำให้เธอแทบจะสามารถควบคุมมานารอบตัวได้ทั้งหมด และทำให้คู่ต่อสู้ของเธอที่เป็นนักเวทย์หรือสายโจมตีระยะไกลใช้มานาได้ยาก ซึ่งนี่มันจะทำให้เธอได้เปรียบคู่ต่อสู้อย่างท่วมท้น


อย่างไรก็ตามน่าเสียดายที่ซินฟูลเฟรมนั้นไม่เพียงแต่จะเป็นผู้เล่นระยะประชิดเท่านั้น แต่อาชีพของเขายังเป็นอาชีพลับขั้นสูงสุดอย่างอัศวินเงา


อาชีพอัศวินเงานั้นเป็นเหมือนการผสมผสานกันของอาชีพ แอสซาซิน เบอเซิกเกอร์ และการ์เดี้ยนไนท์ โดยอาชีพนี้มันจะทำให้ผู้เล่นมีความคล่องตัวของแอสซาซิน มีความแข็งแกร่งของเบอเซิกเกอร์ และมีพลังการป้องกันของการ์เดี้ยนไนท์ เหนือสิ่งอื่นใดมาตราฐานการต่อสู้ของซินฟูลเฟรมก็สูงอย่างไม่น่าเชื่อด้วย นี่คือเหตุผลที่ซินฟูลเฟรมได้รับการยอมรับจากสาธารณชนว่าเป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดของหอการค้าอาซู


เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้แบบนี้ อควาโรสจึงคิดว่ามันไม่น่าเชื่อเลยที่ไวโอเล็ตคลาวด์จะสามารถเอาชนะได้ เพราะท้ายที่สุดการมีมานาที่หนาแน่นและแข็งแกร่งขึ้นนั้นมันก็ช่วยเพิ่มแค่ประสิทธิภาพในการใช้สกิลและเวทย์ของไวโอเล็ตคลาวด์ขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตามถ้าสกิลและเวทย์ไม่สามารถจะเข้าถึงเป้าหมายได้ มันก็ไร้ประโยชน์


ในตอนนี้อควาโรสเองก็ไม่ใช่คนเดียวที่มีความคิดแบบนี้ ทุกคนที่มาเข้าชมการต่อสู้ครั้งนี้นั้นก็ล้วนมีความคิดคล้ายๆกัน เพราะท้ายที่สุดแล้วนี่มันจัดเป็นสามัญสำนึกทั่วไปใน God domain แม้ว่าการมีมานาที่หนาแน่นและทรงพลังจะมีประโยชน์ต่อผู้เล่นอย่างมาก แต่มันจะสามารถใช้เรื่องนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้จริงๆก็ต่อเมื่อใช้จัดการกับมอนสเตอร์เท่านั้น

“มหัศจรรย์มาก !!! คุณสามารถยกระดับพลังการต่อสู้ของตัวเองได้อย่างมากจริงๆ !!! และด้วยการทำแบบนี้ คุณจะสามารถติดสามอันดับแรกของรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดของ God domain ได้อย่างง่ายดายเลย !!! ซินฟูลเฟรมกล่าวยกย่อง เมื่อเขาเห็นการปะทุของมานาจากร่างของไวโอเล็ตคลาวด์ อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้หยุดการเคลื่อนไหวของเขาเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเขากับทำให้มันคมชัดมากขึ้นด้วยซ้ำ


เมื่อซินฟูลเฟรมอยู่ห่างจากไวโอเล็ตคลาวด์ในระยะสิบหลา เขาก็แยกดาบใหญ่ของเขาออกเป็นดาบยาวสองเล่ม ก่อนจะใช้มันฟาดฟันเพื่อสร้างงูเงามากกว่าสองโหลขึ้นมา ซึ่งไม่เพียงแต่งูเงาพวกนี้จะว่องไวอย่างไม่น่าเชื่อ แต่พวกมันยังพุ่งเข้าใส่จุดอ่อนและจุดบอดของไวโอเล็ตคลาวด์อย่างแม่นยำโดยมันทำให้เธอไม่มีที่ว่างที่จะหลบหรือปิดกั้นได้เลย


สกิลขั้นสาม Shadow Assault!


เทคนิคการต่อสู้ขั้นสูง Phantom Snakes!


ซินฟูลเฟรมนั้นได้รวมสกิลขั้นสามของเขาเข้ากับเทคนิคการต่อสู้ขั้นสูงได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งนี่มันทำให้การโจมตีของเขานั้นมีพลังเทียบเท่ากับการโจมตีของแกรนลอร์ดมากกว่าสองโหลที่กำลังโจมตีไวโอเล็นคลาวด์พร้อมกัน และเมื่อเห็นสิ่งนี้นั้นทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง


“นี่เขายังเป็นมนุษย์อยู่รึปล่าว ? นี่เขาสามารถโจมตีพร้อมกันได้มากกว่าสองโหลโดยมีพลังเทียบเท่ากับแกรนลอร์ดในเลเวลเดียวกันเนี่ยนะ ?! ใครจะไปหยุดสิ่งนั้นได้กัน ?”


“นี่คืออีกหนึ่งเครื่องหมายการค้าของซินฟูลเฟรม เทคนิค Integration งั้นหรอ ? ถ้าฉันสามารถเรียนรู้เทคนิคนี้ได้บางส่วน ฉันก็แทบจะไร้เทียมทานในอาณาจักรเล็กๆได้

เลย”


“แต่เด็กสาวคนนั้นจากสภาสิบแปดปีกก็ยอดเยี่ยมมากเช่นกัน เธอบังคับให้ซินฟูลเฟรมต้องเปิดเผยการเคลื่อนไหวที่เป็นเครื่องหมายการค้าของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แม้ว่าเธอจะแพ้ แต่ความแข็งแกร่งของเธอก็จะยังคงจัดว่าอยู่ในระดับต้นๆในหมู่รุ่นเยาว์ของ God domain แน่นอน”


แม้ว่าสมาชิกของมหาอำนาจต่างๆที่เฝ้าดูอยู่จะรู้สึกทึ่งในเทคนิคของซินฟูลเฟรม แต่พวกเขาก็รู้สึกชื่นชมและอิจฉาไวโอเล็ตคลาวด์มากกว่า เพราะแม้ว่าเธอจะยังคงเป็นแค่เด็กสาว แต่เธอก็กดดันให้ตัวตนระดับตำนานอย่างซินฟูลเฟรมต้องทำถึงขนาดนี้เพื่อเอาชนะเธอให้ได้ ….


ด้วยความสามารถเช่นนี้ อนาคตของไวโอเล็ตคลาวด์จะไร้ขีดจำกัดแน่นอน และอีกไม่กี่ปีเธอจะกลายเป็นหนึ่งในตัวตนระดับตำนานของโลกเกมเสมือนจริงแน่นอน


ในขณะเดียวกัน เมื่องูเงาเข้ามาถึงระยะหนึ่งใกล้กับไวโอเล็ตคลาวด์แล้ว เครอลิคที่นิ่งเงียบมาตลอดก็เริ่มเคลื่อนไหว


“หายไปซะ !!!” ไวโอเล็ตคลาวด์กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มมต่ำ และงูเงาทุกตัวที่พยายามจะโจมตีเธอก็หายไปทันที


และก่อนที่ใครจะสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์นี้ได้ มานาที่หนาแน่นโดยรอบไวโอเล็ตคลาวด์ก็ได้แปรเปลี่ยนเป็บดาบเงาที่ทรงพลังอีกครั้ง โดยครั้งนี้มันมีทั้งหมดสามสิบหกเล่ม ยิ่งไปกว่านั้นดาบเงาทั้งสามสิบหกเล่มนี้ยังสามารถตัดผ่านและทำให้เกิดรอยแยกมิติได้ด้วยในขณะที่มันหมุนรอบตัวไวโอเล็ตคลาวด์


“รอยแยกมิติ ?!”


“เป็นไปไม่ได้ !!”


ทุกคนตกตะลึง เมื่อเห็นดาบเงาหมุนรอบไวโอเล็ทคลาวด์


พลังของดาบเงาก่อนหน้านี้ที่ไวโอเล็ทคลาวด์เรียกมาใช้นั้น มันสามารถเทียบได้กับแกรนลอร์ดในเลเวลเดียวกันเท่านั้น และมันก็จะมีแค่เฉพาะในเวลาที่เธอใช้เทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดงเท่านั้น ดาบเงาของเธอจึงจะสามารถแสดงพลังที่มาตราฐานของขั้นสี่ออกมาได้ อย่างไรก็ตามการใช้เทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดงแดงนั้นมันต้องใช้ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจอย่างมาก ดังนั้นไวโอเล็ตคลาวด์จึงไม่สามารถจะทำการโจมตีที่มาตราฐานของขั้นสี่ได้ทุกเมื่อที่เธอต้องการ เธอต้องรอโอกาสที่จะโจมตีอย่างเด็ดขาด


อย่างไรก็ตามตอนนี้ดาบเงาของเธอทุกเล่มกับมีมาตราฐานพลังที่ขั้นสี่ทั้งหมด การที่เธอเพิ่มพลังการต่อสู้ได้มากขนาดนี้ มันเป็นสิ่งที่ไม่อาจหยั่งถึงได้เลย

กล่าวอีกนัยหนึ่ง แม้ว่าจะไม่ต้องใช้เทคนิคการต่อสู้ แต่ไวโอเล็ตคลาวด์สามารถจะปลดปล่อยพลังในการโจมตีขั้นสี่ของเธอออกมาได้แบบสบายๆ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เธอยังมีดาบเงาสามสิบหกเล่มที่มีพลังของขั้นสี่อยู่ภายใต้คำสั่งของเธอ


ในขณะนี้นับประสาอะไรกับผู้ชม แม้แต่ซินฟูลเฟรมก็ยังเต็มไปด้วยความตกตะลึงกับสถานการณ์นี้


ในช่วงเวลาสั้นๆที่ซินฟูลเฟรมกำลังมึนงงนี้ ดาบเงาสามสิบหกเล่มของไวโอเล็ตคลาวด์ก็มาล้อมรอบตัวเขา และหยุดห่างจากเขาเพียงหนึ่งนิ้ว และตอนนี้หากทำการเคลื่อนไหวแปลกๆหรือเกินพิกัดมันก็จะทำให้เขาสัมผัสถูกดาบเงาที่มีพลังเท่ากับขั้นสี่ทันที


อย่างไรก็ตามไวโอเล็ตคลาวด์ก็ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม เธอเพียงแค่ตรึงซินฟูลเฟรมไว้ที่ตำแหน่งปัจจุบันของเขาและมองไปยังเขาอย่างเงียบๆเท่านั้น


“ฮ่า …. คุณซ่อนความแข็งแกร่งไว้อย่างลึกซึ้งมากจริงๆสาวน้อย เอาล่ะ ฉันยอมรับความพ่ายแพ้ …” ซินฟูลเฟรมถอนหายใจ เมื่อเห็นว่าการจะออกจากวงล้อมของดาบเงาทั้งหมดนี้เป็นไปไม่ได้


ก่อนหน้านี้ไวโอเล็ตคลาวด์สามารถจะโจมตีโดยมีพลังเทียบเท่ากับขั้นสี่ได้แค่หนึ่งครั้งเท่านั้น หรือพูดอีกอย่างก็คือจากดาบเงาทั้งหมดของเธอ มันจะมีเพียงเล่มเดียวเท่านั้นที่มีพลังเทียบเท่ากับขั้นสี่ อย่างไรก็ตามตอนนี้เด็กสาวกับควบคุมดาบเงาสามสิบหกเล่มที่มีพลังเทียบเท่ากับขั้นสี่ทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้นวัดจากท่าทีของเด็กสาวตอนนี้แล้ว การควบคุมทั้งสามสิบหกเล่มนี้ก็ดูเหมือนจะไม่ต้องใช้ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจมากนักด้วย ด้วยเหตุนี้เขาจึงเลือกจะยอมแพ้ทันที เพราะเขารู้ว่าเขาไม่สามารถจะต่อกรกับเธอได้แล้ว


ซึ่งทันทีที่ซินฟูลเฟรมกล่าวยอมรับความพ่ายแพ้ เสียงระฆังของเวทีก็ดังขึ้นซึ่งมันก็บ่งบอกถึงการสิ้นสุดการแข่งขัน และชื่อของไวโอเล็ทคลาวด์กปรากฎขึ้นเหนือเวทีพร้อมกับคำว่า “Winner” โดยนี่มันก็ทำให้สนามประลองทั้งหมดเงียบลงทันที ในขณะที่ทุกคนก็จ้องมองไปยังไวโอเล็ตคลาวด์ ….



ตอนที่ 2610 สภาสิบแปดปีกที่น่ากลัว


“ฉันกำลังฝันไปใช่ไหม ? นี่ซินฟูลเฟรมแพ้จริงๆงั้นหรอ ?”


“นี่มันบ้าแล้ว !!! แน่ใจหรอว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่สัตว์ประหลาดเก่าแก่ที่ปลอมตัวมา ?!!”


“ไม่น่าจะเป็นแบบนั้นนะ แต่ถ้าให้ฉันเดา ฉันคิดว่าเธอน่าจะเป็น NPC ของสภาสิบแปดปีกที่ปลอมตัวมา ไม่เช่นนั้นผู้เล่นขั้นสามจะควบคุมดาบเงาสามสิบหกเล่มที่มีพลังเทีนบเท่ากับมาตรฐานของขั้นสี่ได้สบายๆได้ยังไงกัน ?”


มันใช้เวลานานมากกว่าที่หลายคนจะยอมรับผลการแข่งขันได้ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อทุกคนหายจากอาการเหล่านี้ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามในการต่อสู้ของคู่นี้ เพราะพวกเขารู้สึกว่าไวโอเล็ตคลาวด์นั้นไม่ใช่มนุษย์


ความแข็งแกร่งของซินฟูลเฟรมนั้นฝังรากลึกลงไปในหัวใจของทุกคน ปัจจุบันมันไม่มีใครเชื่อเลยว่าไวโอเล็ตคลาวด์จะสามารถเอาชนะซินฟูลเฟรมได้จริงๆ ในความเป็นจริงพวกเขาสงสัยตั้งแต่ตอนที่ไวโอเล็ตคลาวด์กดดันให้ซินฟูลเฟรมนั้นต้องปฎิบัติกับเธออย่างจริงจังแล้ว


อย่างไรก็ตามถึงที่สุดแล้วไม่เพียงแต่ไวโอเล็ตคลาวด์จะบังคับให้ซินฟูลเฟรมต้องใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดของเขาออกมา แต่เธอยังเอาชนะชายคนนี้ได้ด้วย ยิ่งไกว่านั้นมันยังเป็นชัยชนะที่ท่วมท้นซึ่งซินฟูลเฟรมนั้นไม่สามารถจะตอบโต้ได้เลย และก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับผลของการต่อสู้ ซึ่งนี่มันทำให้ผู้ชมนั้นไม่สามารถคาดเดาความแตกต่างของพลังการต่อสู้ระหว่างไวโอเล็ตคลาวด์และซินฟูลเฟรมได้เลย


ซินฟูลเฟรมนั้นนับเป็นตัวแทนของผู้เล่นที่แทบจะอยู่ในจุดสูงสุดของ God domain แต่เด็กสาวตัวเล็กๆที่อายุยังน้อยมากๆกับสามารถจะปราบปรามผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ได้ แถมยังทำได้ในสถานการณ์ที่ทั้งสองมีค่าสถานะเท่ากันด้วย ความสำเร็จของไวโอเล็ตคลาวด์นั้นมันจัดว่าท้าทายสามัญสำนึกมากๆ


ในขณะที่ทุกคนในปัจจุบันนี้นั้นเคยเห็นอัจฉริยะมาก่อน แต่อัจฉริยะเหล่านี้ก็ล้วนมีขีดจำกัดของตัวเอง สำหรับไวโอเล็ตคลาวด์นั้นเธอไม่สามารถถูกมองได้ว่าเป็นอัจฉริยะอีกต่อไป เพราะท้ายที่สุดความสำเร็จของเธอนั้นมันแทบเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับผู้เล่นในปัจจุบันที่จะทำได้


ในตอนนี้นับประสาอะไรกับมหาอำนาจต่างๆ แม้แต่สมาชิกของหอการค้าอาซูก็ยังพบว่าสถานการณ์นี้มันไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับโซริทารี่ฟรอสต์ และต้วนฮันซานที่ยืนอยู่ด้านล่างเวที


“วอร์นเดอร์ไม่ได้บลัฟ ….” เมื่อโซริทารี่ฟรอสต์นึกย้อนไปถึงคำที่ไซเร้นวอร์นเดอร์พูดก่อนหน้านี้ เขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง “สภาสิบแปดปีกเป็นกิลประเภทไหนกัน ?”


เมื่อไซเร้นวอร์นเดอร์ประกาศว่ามีคนอายุน้อยที่แข็งแกร่งกว่าตัวเธอเองในสภาสิบแปดปีก โซริทารี่ฟรอสต์รู้สึกว่าเธอแค่พยายามจะโฆษณาและยกระดับชื่อเสียง

ของกิลเธอเท่านั้น


ย้อนกลับไปในตอนที่เขาได้รับการฝึกจากไวโอเล็ตซอร์ด เขาได้ฝึกฝนกับรุ่นเยาว์ของไวโอเล็ตซอร์ดมามากมาย อย่างไรก็ตามมันก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถสู้กับเขาได้ ไม่ต้องพูดถึงคนที่จะเอาชนะเขาได้ ซึ่งมีน้อยกว่ามากเลย


ความจริงที่ว่าไซเร้นวอร์นเดอร์นั้นเหนือกว่าเขามันก็จัดว่าเป็นสิ่งน่าอัศจรรย์มากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่ในทวีปด้านตะวันออก สภาสิบแปดปีกก็ยังคงเป็นเพียงกึ่งมหาอำนาจเท่านั้น แล้วกิลเช่นนี้จะเลี้ยงดูรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งกว่าไซเร้นวอร์นเดอร์ขึ้นมาได้อย่างไร ?


อย่างไรก็ตามตอนนี้มันได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่เพียงแต่สภาสิบแปดปีกจะสามารถเลี้ยงดูรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งกว่าไซเร้นวอร์นเดอร์ขึ้นมาได้ แต่รุ่นเยาว์ที่ว่านี้ยังแข็งแกร่งกว่าและสามารถเอาชนะซินฟูลเฟรมที่เป็นตัวตนระดับตำนานได้ด้วย


“เด็กหญิงตัวเล็กๆจากสภาสิบแปดปีกนั่นแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไงกัน ? นี่เป็นสาเหตุที่ตระกูลหลงยืนยันและยอมให้ไซเร้นวอร์นเดอร์อยู่ในสภาสิบแปดปีกต่องั้นหรอ ?” ต้วนฮันซานเริ่มเข้าใจอะไรหลายๆเรื่องในแบบของเขา ขณะที่เขามองไปยังไวโอเล็ตคลาวด์ ก่อนที่จะหันมามองหลงหวู่ชางและสมาชิกคนอื่นๆของตระกูลหลง


ต้วนฮันซานนั้นตระหนักดีถึงพรสวรรค์ในการต่อสู้ของไซเร้นวอร์นเดอร์ และนับรวมมูนซิลค์ของตระกูลหลงไปด้วยเลยก็ได้ ให้พูดกันจริงๆตอนนี้ทั้งสองควรจะด้อยกว่าแม้กระทั่งหยานเซี่ยวเฉียน ซึ่งก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงโซริทารี่ฟรสอต์เลย


ก่อนหน้านี้เมื่อไซเร้นวอร์นเดอร์เอาชนะโซริทารี่ฟรอสต์ได้ ต้วนฮันซานก็ยังพอจะรับได้ เนื่องจากเขารู้ดีว่าไซเร้นวอร์นเดอร์นั้นก็มีความสามารถพิเศษบางอย่างอยู่ในตัวอยู่แล้ว และแม้ว่าตอนแรกความสามารถในด้านการต่อสู้ของเธอจะด้อยกว่าสมาชิกชั้นยอดของหอการค้าอาซูส่วนใหญ่ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยหากเธอจะสามารถเพิ่มพลังการต่อสู้ได้แบบพุ่งพรวดพราด หลังจากได้รับข้อมูลเชิงลึก หรือได้รู้แจ้งบางอย่าง


อย่างไรก็ตามความสามารถของไวโอเล็ทคลาวด์นั้นทำให้ต้วนฮันซานสรุปได้เลยว่าการเติบโตอย่างกระทันหันของไซเร้นวอร์นเดอร์นั้นไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการรู้แจ้งบางอย่าง หรือได้รับข้อมูลเชิงลึก แต่สภาสิบแปดปีกต่างหากที่น่าจะเป็นสาเหตุ


หลังจากคิดมาถึงจุดนี้ ต้วนฮันซานก็เริ่มไตร่ตรองและคิดเกี่ยวกับแผนการของเขาใหม่


สำหรับตระกูลผู้ถือหุ้นต่างๆของหอการค้าอาซู รุ่นเยาว์นั้นเป็นตัวแทนของอนาคตของพวกเขา เพราะท้ายที่สุดสมาชิกรุ่นเยาว์จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนของกิลในอนาคต ดังนั้นหอการค้าอาซูจึงให้ความสำคัญกับการดูแลและเรื่องราวของรุ่นเยาว์ของตัว

เองมากๆ


ในเกมเสมือนจริงนั้น ตราบใดที่คนๆหนึ่งมีความแข็งแกร่งมากเพียงพอ คนๆนั้นก็จะไม่ต้องกังวลเรื่องจะขาดเส้นทางเลย นี่เป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งใน God domain ซึ่งตอนนี้ทำหน้าที่เป็นโลกที่สองของมนุษย์ และ God domain นั้นก็ยังจะสามารถช่วยยืดอายุของผู้ที่ใช้มันออกไปได้ด้วย และสำหรับผู้ที่มีความแข็งแกร่ง God domain นั้นก็แสดงถึงการเริ่มต้นของยุคทอง


นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ตระกูลผู้ถือหุ้นของหอการค้าอาซูหลายรายพยายามอย่างมากที่จะรักษาการสนับสนุนจากบริษัทซีอุสไว้


ใน God domain ความแข็งแกร่งนับเป็นรากฐานของทุกสิ่ง และหากไม่มีความแข็งแกร่งในด้านใดด้านหนึ่ง คนๆหนึ่งก็แทบจะไร้ค่าไปเลยในนี้


อย่างไรก็ตามในขณะที่ต้วนฮันซานกำลังมีความคิดเช่นนั้น หลงหวู่ชางซึ่งยืนอยู่ห่างจากเขาออกไปก็เต็มไปด้วยความงุนงงมากๆ


ในขณะนี้เขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนมากๆ หลงหวู่ชางไม่รู้ว่าเขาควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เพราะไม่เพียงแต่ไซเร้นวอร์นเดอร์จะเอาชนะโซริทารี่ฟรอสต์ได้ และกลายเป็นดาวที่เปล่งประกายในตระกูล แต่เธอยังได้ยอมรับคำท้าจากซินฟูลเฟรม ซึ่งนี่ช่วยยกระดับความคิดที่ดีของเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดและผู้อาวุโสอิสระเกี่ยวกับตัวของเธอขึ้นอย่างมาก


แถมตอนนี้ไวโอเล็ตคลาวด์ก็ยังสามารถจะเอาชนะซินฟูลเฟรมได้ ซึ่งมันเป็นความสำเร็จที่หลายคนนั้นแทบไม่เคยวาดฝันเลยว่ามันจะเกิดขึ้นได้


ความสามารถของสภาสิบแปดปีกในการเลี้ยงผู้เหล่าผู้เล่นของตัวเองนั้นมันเหนือกว่าที่หลงหวู่ชางจินตนาการไว้อย่างมาก


ด้วยความช่วยเหลือจากสภาสิบแปดปีก ตระกูลหลงอาจจะทำหลายสิ่งได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการสนับสนุนของบริษัทซีอุส เพราะท้ายที่สุดตระกูลหลงนั้นมีเงินทุนมากมาย สิ่งที่พวกเขาต้องการมีเพียงทรัพยากร และการเชื่อมต่อที่เป็นคอนเนคชั่นของบริษัทซีอุสเท่านั้น


เมื่อหลงหวู่ชางนึกถึงวิธีที่เขาวางแผนจะเจรจากับสภาสิบแปดปีกเพื่อให้หยุดขัดขวางอนาคตของไซเร้นวอร์นเดอร์ เขาก็พบว่าความคิดของตัวเองมันน่าหัวเราะมากๆ


ในขณะที่ทุกคนกำลังแสดงความสงสัย และเต็มไปด้วยความประหลาดใจกับผลลัพธ์ของการแข่งขันครั้งนี้ ซินฟูลเฟรมก็ได้เดินเข้าไปหาไวโอเล็ตคลาวด์


“ฉันไม่สนใจหรอกนะว่าคนอื่นจะพูดอะไร แต่ฉันเชื่อและยอมรับอย่างจริงใจถึงความพ่ายแพ้ของฉัน …” ซินฟูลเฟรมกล่าวอย่างจริงจังขณะที่เขามองไปยังไวโอเล็ต

คลาวด์ “แต่มันมีอย่างหนึ่งที่ฉันอยากจะขอถามคุณได้ไหม ?”


“ถามอะไรงั้นหรอ ?” ไวโอเล็ตคลาวด์ถาม เนื่องจากซินฟูลเฟรมใจกว้างและยอมรับอย่างจริงใจเกี่ยวกับความพ่ายแพ้ของเขา เธอจึงไม่คิดจะปฎิเสธเรื่องที่เขาต้องการถาม


เมื่อได้ยินคำตอบของไวโอเล็ตคลาวด์ ซินฟูลเฟรมก็ถามอย่างรวดเร็วว่า “คุณจัดการยกระดับความหนาแน่นของมานาของคุณให้สูงขึ้นได้อย่างไร ? คุณยังไม่ได้ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์งั้นหรอ ?”


เขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันของไวโอเล็ตคลาวด์


ในช่วงเริ่มต้นนั้น เขาก็สัมผัสได้ว่าร่างของไวโอเล็ตคลาวด์ได้แผ่มานาที่หนาแน่นมากๆออกมา และเขาก็มั่นใจว่าเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าไวโอเล็ตคลาวด์นั้นได้ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว อย่างไรก็ตามในตอนท้ายของการแข่งขัน ออร่าและความหนาแน่นของมานาที่เธอแผ่ออกมามันกับยิ่งทรงพลังขึ้นไปอีก และมันก็ทำให้สกิลกับเวทย์ของเธอยิ่งทรงพลังมากขึ้นไปอีก เขาจึงไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าเธอทำมันได้ยังไง


“ก็ไม่มีอะไรมาก เพียงแต่ว่าฉันพึ่งจะทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ของร่างมานาได้เท่านั้น ดังนั้นฉันจึงสามารถปลดปล่อยมานาที่แข็งแกร่งขึ้นมาได้อีกมาก” ไวโอเล็ตคลาวด์อธิบายอย่างใจเย็น


ความจริงที่ว่าร่างมานานั้นสามารถปลดล๊อคศักยภาพได้มากกว่าหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ มันไม่ได้จัดว่าเป็นความลับมากนัก ในความคิดของเธอมันเป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่ผู้เชี่ยวชาญอย่างซินฟูลเฟรมจะประสบความสำเร็จเช่นกัน เพราะท้ายที่สุดในเมื่อเธอสามารถทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ได้ มันก็ไม่มีทางที่ผู้เชี่ยวชาญอย่างซินฟูลเฟรมที่มีมาตรฐานในการต่อสู้เหนือกว่าเธอจะทำไม่ได้ เพียงแต่ว่าเธอสามารถทำได้เร็วกว่าซินฟูลเฟรม เพราะทรัพยากรที่สภาสิบแปดปีกมีให้


“คุณสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้ทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์เลยงั้นหรอ ?” ซินฟูลเฟรมอุทานด้วยความประหลาดใจ


ตอนนี้เขาใกล้จะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของเขาให้ได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์เต็มทีแล้ว และในความคิดของเขา หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์นั้นก็หมายถึงความสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ระบบก็ควรกำหนดให้เป็นเช่นนั้นด้วยเหมือนกัน เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าร่างมานานั้นจะสามารถถูกปลดล๊อคศักยภาพได้มากกว่าหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์


คำพูดของไวโอเล็ตคลาวด์นั้นได้เปิดประตูสู่โลกใหม่สำหรับเขาเลย


“แล้วมีใครในกิลของคุณที่สามารถปลดล๊อคได้มากกว่าหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์อีกไหม ? …” ซินฟูลเฟรมถาม


เมื่อได้รู้ดังนี้นั้น ซินฟูลเฟรมก็เข้าใจได้ในทันทีเลยว่าการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้มากกว่าหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์จะทำให้ผู้เล่นได้รับความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และแม้ว่าผู้เล่นที่ทำแบบนี้ได้จะยังเทียบพวกขั้นสี่ที่แท้จริงไม่ได้ แต่พวกเขาก็จะเหนือกว่าพวกขั้นสามทั่วไปมากๆแน่นอน


“นี่ … ฉันยังไม่รู้นะ … แต่มีอีกจำนวนหนึ่งที่แข็งแกร่งเท่ากับฉัน นอกจากนี้มันก็ยังมีคนที่แข็งแกร่งกว่าฉันอยู่อีกจำนวนหนึ่งด้วยเช่นกัน …” ไวโอเล็ตคลาวด์กล่าวตอบหลังจากครุ่นคิด


“ยังมีคนอื่นที่แข็งแกร่งกว่าคุณอยู่อีกจำนวนหนึ่งงั้นหรอ ?” ซินฟูลเฟรมหันกลับไปมองซือเฟิงและสมาชิกคนอื่นๆของสภาสิบแปดปีก ซึ่งนั่งอยู่บนที่นั่งของผู้ชมทันที เมื่อเขาได้ยินคำพูดของไวโอเล็ตคลาวด์ และจู่ๆเขาก็รู้สึกราวกับว่าโลกทัศน์ของเขากำลังพังทลายลง


ไวโอเล็ตคลาวด์นั้นก็จัดว่าแข็งแกร่งอย่างสัตว์ประหลาดแล้ว แต่สภาสิบแปดปีกกับมีผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่งที่แข็งแกร่งกว่าเธออีกงั้นหรอ ? สภาสิบแปดปีกเป็นกิลแบบไหนกัน ?


อย่างไรก็ตามการสนทนาก็ดำเนินต่อไปไม่นานก่อนที่การแข่งขันระหว่างตระกูลของหอการค้าอาซูจะกลับมาเริ่มอีกครั้ง และแม้ว่ามันจะไม่น่าตื่นตาตื่นใจเท่ากับสองแมตซ์แรก แต่มันก็ยังคงจัดว่ามีความน่าดูอยู่บ้างในบางคู่


ในท้ายที่สุดไซเร้นวอร์นเดอร์ก็ชนะเป็นที่หนึ่งในการแข่งขัน โซริทารี่ฟรอสต์นั้นมาเป็นที่สอง และหยานเซี่ยวเฉียนมาเป็นที่สาม ขณะที่เบิร์นนิ่งโอลมาเป็นที่สี่ ซึ่งนี่มันทำให้ตระกูลหลงได่รับความสนใจอย่างมากในการแข่งขันครั้งนี้ กระทั่งผู้อาวุโส และผู้อาวุโสสูงสุดบางส่วนก็ได้เลือกจะสนับสนุนไซเร้นวอร์นเดอร์กับตระกูลหลงไปแล้ว โดยฉากที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้นั้นมันก็ทำให้หลายตระกูลที่ถือหุ้นอยู่เริ่มคิดแล้วว่าพวกเขาควรเข้าหาตระกูลหลงไหม ….


“โซริทารี่ เราจะทำยังไงกันดี ? เราจะอธิบายเรื่องนี้กับผู้ฝึกสอนทอร์เร้นยังไง ?” หยานเซี่ยวเฉียนถามโซริทารี่ฟรอสต์ซึ่งยืนเงียบอยู่ข้างๆเธอ เมื่อเธอเห็นสถานการณ์ตรงหน้า ….

“เราจะทำอะไรได้อีกนอกจากบอกความจริง ?” โซริทารี่ฟรอสต์ถอนหายใจ “ถ้าเธอกลัวที่จะบอก เดี๋ยวฉันบอกเอง …”


หลังจากนั้นโซริทารี่ฟรอสต์ก็ได้ติดต่อไปหาผู้ฝึกสอนทอร์เร้นแห่งไวโอเล็ตซอร์ดเพื่อแจ้งเรื่องผลของการแข่งขันระหว่างตระกูล ….



ตอนที่ 2611 เฟรมแบร์เร่อ


เมืองไฟศักสิทธิ์ สถานที่พักกิลไวโอเล็ตซอร์ด :


ภายในปราสาทโบราณที่ถูกสร้างขึ้นด้วยหินอุกกาบาต ผู้เล่นเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยจำนวนมากกว่าห้าสิบคนกำลังซ้อมและฝึกฝนเทคนิคการต่อสู้ต่างๆอยู่ โดยผู้เล่นเหล่านี้นั้นมีมาตราฐานการต่อสู้ที่สูงมาก และที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขาก็ยังอยู่ในขอบเขตการปรับแต่ง ขณะที่ส่วนใหญ่อยู่ในขอบเขตรวดเร็วดั่งสายน้ำ ซึ่งที่พวกเขาฝึกนั่นก็คือ การผสานรวมสกิลและเวทย์เข้ากับเทคนิคการต่อสู้ โดยพวกเขาทำมันได้อย่างราบรื่น และนี่ก็ทำให้พวกเขาเหนือกว่าผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตเดียวกันทั่วไปมากๆ


“พวกคุณทุกคน เร่งฝึกและทำงานให้หนักขึ้น !!! การเปิดใช้งานปราสาทดาวโบราณนั้นต้องใช้หินมานาเป็นจำนวนมาก และมันก็จำกัดจำนวนผู้เล่นที่จะสามารถเข้าไปฝึกภายในได้ในแต่ละครั้ง !!! หากพวกคุณคนใดไม่สามารถผ่านการทดสอบผสานรวมได้ในสัปดาห์นี้ คนอื่นๆที่รออยู่ก็จะเข้ามาแทนที่คุณ !!!” ชายวัยกลางคนที่สวมชุดเกราะสีเทาเข้มและมีรอยมีดบนใบหน้าของเขาตะโกน ขณะที่เขาตรวจสอบผู้เล่นที่ฝึกอยู่ในปราสาท


“ผู้ฝึกสอนไวน์ไฟเตอร์ ความต้องการของคุณนั้นสูงเกินไป มันไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้เหมือนกับโซริทารี่ฟรอสต์ที่สามารถผสานรวมเทคนิคการต่อสู้เข้ากับสกิลหรือเวทย์ของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์” หญิงสาวผมแดงในชุดเสื้อคลุมนักเวทย์สีน้ำเงินที่ยืนอยู่ข้างๆชายวัยกลางคนกล่าวขณะส่ายหัว


“ฉันได้ลดความต้องการลงอย่างมากแล้ว พวกเขาจำเป็นต้องทำให้ได้แค่ในขั้นพื้นฐานเท่านั้นในการผสานรวมเทคนิคการต่อสู้ขั้นสูงเข้ากับสกิลและเวทย์ภายในสิบวัน ถ้าเป็นโซริทารี่ฟรอสต์ ฉันจะให้เขาสูงสุดแค่สามวัน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพวกเขาจะใช้เวลามามากกว่าครึ่งของเวลาที่กำหนดแล้ว แต่ผู้มาใหม่เหล่านี้ก็ยังคงติดอยู่กับการผสานรวมเทคนิคขั้นพื้นฐานเท่านั้น ดูเหมือนว่าพวกหน้าใหม่ที่กิลรับสมัครเข้ามาจะอ่อนแอลงไปทุกทีๆในแต่ละรุ่น …” ไวน์ไฟเตอร์กล่าวด้วยความไม่พอใจ ขณะเขามองไปยังกลุ่มผู้เล่นที่ฝึกฝึกอยู่ตรงหน้าเขา “พวกเขาด้อยกว่ารุ่นเรามากๆ”


“รุ่นเรา ?” หญิงสาวผมแดงยิ้มอย่างขมขื่นให้กับคำพูดของไวน์ไฟเตอร์ “ผู้บัญชาการเป็นสัตว์ประหลาดที่โผล่ออกมาคนเดียวในรุ่นเรา ฉันไม่คิดว่าตอนนั้นคนอื่นๆในรุ่นเราจะดีกว่าพวกหน้าใหม่เหล่านี้นะ …”

“ทำไมคุณต้องถ่อมตัวด้วยล่ะ ? พรสวรรค์ของคุณก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าโซริทารี่ฟรสอต์เลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ว่าคุณเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างมากเกินไปหน่อย ซึ่งตรงกันข้ามกับโซริทารี่ฟรอสต์ที่มาเรียนรู้แบบเฉพาะเจาะจง ไม่งั้นตอนนี้คุณก็คงจะกลายเป็นผู้บัญชาการกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นอันดับสองของกิลแล้ว” ไวน์ไฟเตอร์กล่าวพลางกลอกตามองไปที่หญิงสาวผมแดง


หญิงสาวผมแดงคนนี้นั้นมีชื่อว่าคริมสันสตาร์ และเธอเป็นคนที่ศาลาลับให้ฉายาว่าแม่มดพันมือ ในขณะเดียวกันเธอก็เป็นหนึ่งในรองผู้บัญชาการกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของไวโอเล็ตซอร์ด ในแง่ของมาตราฐานการต่อสู้นั้น เธอไม่ได้อ่อนแอไปกว่าไวน์ไฟเตอร์เลยแม้แต่น้อย ในความเป็นจริง ถ้าทั้งสองคนต้องดวลกัน โอกาสที่ไวน์ไฟเตอร์จะชนะจะมีแค่ราวสามสิบเปอเซ็นต์ด้วยซ้ำ


“ไม่ว่าคุณจะประเมินโซริทารี่ฟรอสต์ไว้สูงแค่ไหน แต่คุณก็ไม่สามารถปกปิดฉันได้หรอกนะว่าคุณจงใจปล่อยให้การต่อสู้ระหว่างเขากับคุณจบลงด้วยผลเสมอ ซึ่งคุณทำแบบนี้ก็เพื่อเพิ่มความมั่นใจและภาคภูมิใจให้เขา” คริมสันสตาร์กล่าว


“หยุดพูดเรื่องนี้เถอะ แม้ว่าฉันจะทำแบบนั้นจริงๆ แต่นั่นมันก็เป็นเพราะฉันเห็นว่าโซริทารี่ฟรอสต์นั้นยังเด็กและมีพรสวรรค์สูงมาก แถมเขายังมีเวลาเติบโตอีกมาก ยังไงซะในอนาคตฉันก็จะต้องแพ้เขาอยู่ดี” ไวน์ไฟเตอร์กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ยิ่งกว่านั้นไม่ใช่เพราะการต่อสู้ครั้งนั้นรึไง ? มันถึงทำให้ผู้ฝึกสอนทอร์เร้นเต็มใจจะสอนเขา”


“นั่นก็จริง ฉันไม่เคยคิดเลยว่าผู้ฝึกสอนทอร์เร้นจะเต็มใจสอนให้ใครสักคนเป็นการส่วนตัวแบบนี้ ฉันเองก็ค่อนข้างประหลาดใจเช่นกันเมื่อได้ยินข่าวนี้ แต่น่าเสียดายที่กิลค่อนข้างขาดแคลนผู้เล่นสายอาชีพระดับปรมาจารย์ และการผลิตไอเทมนั้นมันก็ต้องใช้เวลามากเกินไป ไม่งั้นโซริทารี่ฟรอสต์คงจะได้เข้าสู่ดินแดนลับโบราณ และได้รับคำแนะนำเป็นการส่วนตัวจากผู้ฝึกสอนทอร์เร้นแน่นอน โดยหากเป็นเช่นนั้น เขาจะสามารถเอาชนะคุณได้แน่นอน หลังจากออกจากดินแดนลับ” คริมสันสตาร์กล่าวพลางพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของไวน์ไฟเตอร์


“ฉันเชื่อว่ามันคงอีกไม่นานก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ตอนนี้กลุ่มของโซริทารี่ฟรอสต์ได้กลับไปเข้าร่วมการแข่งขันระหว่างตระกูลของหอการค้าอาซูแล้ว และชะตากรรมของตระกูลหลงนั้นก็ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว หากตระกูลหลงยังคงปราถนาที่จะรักษาสิทในการปกครองเหนือหอการค้าอาซู พวกเขาก็จะต้องยอมและผลิตสิ่งที่เราต้องการให้อย่างเชื่อฟัง ไม่งั้นบริษัทซีอุสจะมอบสิทในการปกครองหอการค้าอาซูให้ตระกูลอื่นแน่นอน” ไวน์ไฟเตอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน

“ฉันได้ยินมาว่าตระกูลหลงนั้นมีอัจฉริยะที่ทรงพลังมากๆที่ชื่อว่ามูนซิลค์ และความแข็งแกร่งของเธอนั้นก็เป็นรองแค่โซริทารี่ฟรอสต์เท่านั้น และหากมูนซิลค์ได้อันดับสองในการแข่งขัน ตระกูลหลงอาจจะไม่ยอมเราในเรื่องนี้นะ …” คริมสันสตาร์ให้ความเห็น


“ผ่อนคลายเถอะน่า ผู้ฝึกสอนทอร์เร้นได้ให้คำแนะนำแก่หยานเซี่ยวเฉียนเป็นการส่วนตัว และช่วยยกระดับความแข็งแกร่งของเธอได้อย่างมาก ตราบใดที่มูนซิลค์นั้นยังไปไม่ถึงขอบเขตโดเมน เธอก็จะไม่มีทางเทียบกับหยานเซี่ยวเฉียนได้เลย” ไวน์ไฟเตอร์กล่าวอย่างมั่นใจ


โซริทารี่ฟรอสต์อาจเป็นอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยม แต่หยานเซี่ยวเฉียนก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขามากนักเช่นกัน เพียงแต่เธอทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ไปให้กับการเล่นแร่แปรธาตุ ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถใช้ประโยชน์จากพรสวรรค์ของเธอในการต่อสู้ได้ อย่างไรก็ตามหลังจากได้รับคำแนะนำจากผู้ฝึกสอนทอร์เร้น ความแข็งแกร่งของเธอก็ไปถึงจุดสูงสุดของขอบเขตอนันต์แล้วเช่นกัน


“ฉันเองก็ไม่รู้ว่ามูนซิลค์มาถึงขอบเขตโดเมนรึยัง แต่ฉันเจอข่าวลือที่ระบุว่าเฟรมแบร์เร่อนั้นกำลังทำการฝึกสอนมูนซิลค์เป็นการส่วนตัวอยู่ แม้ว่าฉันจะยังไม่สามารถยืนยันรายละเอียดของข้อมูลนี้ได้ แต่เพื่อนของฉันที่ส่งข่าวมาก็ได้รับข้อมูลมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ซึ่งข้อมูบนี้มีสิทเป็นจริงราวเก้าสิบเปอเซ็นต์เลย” คริมสันสตาร์กล่าวเตือน


“อะไรกัน ? นี่มูนซิลค์ไปดึงดูดความสนใจของเฟรมแบร์เร่อได้จริงๆงั้นหรอ ? เป็นไปได้ยังไง ? แม้ว่าผู้ฝึกสอนทอร์เร้นจะร้องขอให้เฟรมแบร์เร่อฝึกให้ผู้บัญชาการของเราในตอนนั้นเป็นการส่วนตัว แต่เขาก็ยังไม่ยอมทำเลย และมูนซิลค์ไปดึงดูดความสนใจของเฟรมแบร์เร่อได้ยังไงกัน ?” ไวน์ไฟเตอร์ ประหลาดใจกับข้อมูลที่คริมสันสตาร์เปิดเผย


เฟรมแบร์เร่อนั้นเป็นดั่งตำนานในโลกเกมเสมือนจริง ไม่มีใครรู้จักตัวตนของเฟรมแบร์เร่อ ไม่มีใครรู้จักอายุของเฟรมแบร์เร่อ อย่างไรก็ตามมันไม่มีข้อสงสัยใดๆเกี่ยวกับตัวตนและการดำรงอยู่ของเฟรมแบร์เร่อเลย เนื่องจากเฟรมแบร์เร่อนั้นเป็นเหมือนกับดวงดาวที่เปล่งแสงตลอดเวลาที่มีอยู่ในโลกเกมเสมือนจริงเพียงไม่กี่ดวง และตามข่าวลือแม้แต่หัวหน้ากิลของไมโทโลจี้ก็ยังไปขอคำแนะนำจากเฟรมแบร์เร่อจนเขาสามารถจะพัฒนากิลของเขาให้กลายเป็นหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดได้


อย่างไรก็ตามตอนนี้กับมีข่าวออกมาว่าเฟรมแบร์เร่อกำลังทำการฝึกสอนให้กับมูนซิลค์เป็นการส่วนตัวอยู่ นี่มันจึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเลย เพราะแม้แต่ผู้บัญชาการของเขาในตอนนั้นก็ยังไม่ได้รับความสนใจจากเฟรมแบร์เร่อด้วยซ้ำ


“ฉันเองก็ไม่รู้ แต่มันมีข่าวลือว่าเฟรมแบร์เร่อนั้นมีวิธีการคัดเลือกพิเศษเฉพาะตัวที่จะคัดเลือกคนมาฝึกกับเขาเป็นส่วนตัว บางทีมูนซิลค์อาจจะมีคุณสมบัติบางอย่างพิเศษของเธอเอง …” คริมสันสตาร์กล่าวพลางส่ายหัว ในความเป็นจริงเธอก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมเฟรมแบร์เร่อถึงเลือกมูนซิลค์


“ถ้ามูนซิลค์ได้รับคำแนะนำจากเฟรมแบร์เร่อจริงๆหยายเซี่ยวเฉียนก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว …” ไวน์ไฟเตอร์กล่าวอย่างเป็นห่วง


ไวน์ไฟเตอร์ไม่สงสัยเลยว่าโซริทารี่ฟรอสต์จะเป็นที่หนึ่งในการแข่งขันระหว่างตระกูลของหอการค้าอาซู เพราะแม้ว่ามูนซิลค์จะได้รับคำแนะนำจากเฟรมแบร์เร่อก็ตาม แต่มันก็ยังมีความแตกต่างเชิงคุณภาพระหว่างผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์ ซึ่งนี่มันก็ทำให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์ไม่สามารถเข้าสู่ขอบเขตโดเมนได้อย่างรวดเร็วในตอนที่ฝึกฝน ไม่เช่นนั้น ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนก็คงไม่หายากแบบนี้


อย่างไรก็ตามแม้ว่าเรื่องอันดับหนึ่งนั้นจะไม่เป็นปัญหา แต่เรื่องอันดับสองก็มีน่าห่วงอยู่ เพราะท้ายที่สุดแล้วหยานเซี่ยวเฉียนนั้นยังไปไม่ถึงขอบเขตโดเมน


ในขณะที่ไวน์ไฟเตอร์และคริมสันสตาร์กำลังพูดคุยกันอย่างเงียบๆ ชายชราผมขาวก็เดินเข้ามา ซึ่งมันทำให้ไวน์ไฟเจอร์ และคริมสันสตาร์นั้นรีบตรงเข้าไปทักทายเขาทันที


โดยชายชราคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้ฝึกสอนทอร์เร้น ซึ่งเป็นตัวตนระดับตำนานของไวโอเล็ตซอร์ด


อย่างไรก็ตามทันทีที่ทอร์เร้นมาถึงนั้นเขาก็แผ่ออร่าที่เย็นยะเยือกออกมา และแม้แต่ไวน์ไฟเตอร์กับคริมสันสตาร์ก็ยังตัวสั่นอย่างไม่ได้ตั้งใจเมื่อสัมผัสได้ถึงออร่านี้


“ผู้ฝึกสอนทอร์เร้น คุณไม่ได้ส่งกลุ่มของโซริทารี่ฟรอสต์ไปเข้าร่วมการแข่งขันระหว่างตระกูลของหอการค้าอาซูงั้นหรอ ? หรือมันมีบางอย่างเกิดขึ้น ?” ไวน์ไฟเตอร์ถามอย่างสงสัยเมื่อพิจารณาถึงออร่าเย็นยะเยือกที่ทอร์เร้นแผ่ออกมา เขาสามารถบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ


“ฉันไปมานั่นแหละ แต่ฉันก็ออกไปทำธุระหลายอย่างด้วยในระหว่างรอผลการแข่งขัน พอฉันทำงานของฉันเสร็จ ฉันก็ได้รับข้อความที่ระบุว่าพวกเขาแพ้ในการแข่งขันระหว่างตระกูล และมีบางคนจากตระกูลหลงได้อันดับหนึ่งไป !!!” ทอร์เร้นกล่าวอย่างหัวเสีย


“พวกเขาแพ้ ? โซริทารี่ฟรอสต์แพ้ ? เป็นไปได้ยังไงกัน ?” ไวน์ไฟเตอร์ตกตะลึงกับคำพูดของทอร์เร้น เขาถามทันทีว่า “เป็นฝีมือมูนซิลค์จากตระกูลหลงงั้นหรอ ?”


“ไม่ ฉันได้ยินมาว่าเป็นฝีมือของไซเร้นวอร์นเดอร์ ลูกสาวคนรองของตระกูลหลง …” ทอร์เร้นตอบพลางส่ายหัว


“ไม่ใช่มูนซิลค์ ?” ดวงตาของไวน์ไฟเตอร์เบิกกว้างด้วยความตกตะลึง เมื่อได้รู้ข่าวนี้ ครู่หนึ่งเขาสงสัยว่าทอร์เร้นกำลังโกหกเขา “ไซเร้นวอร์นเดอร์เป็นผู้เชี่ยวชาญการเล่นแร่แปรธาตุเพียงอย่างเดียวไม่ใช่หรอ ? จากรายงานที่เราได้รับมา และนอกจากนี้ตามรายงานก็ระบุว่าเธออยู่แค่ครึ่งก้าวก่อนเข้าสู่ขอบเขตอนันต์ แล้วเธอจะไเอาชนะโซริทารี่ฟรอสต์ได้ยังไง ?”


ในการแข่งขันแบบนี้นั้นมาตราฐานการต่อสู้คือส่วนสำคัญที่สุด แล้วผู้เชี่ยวชาญขอบเขตครึ่งก้าวก่อนเข้าสู่ขอบเขตอนันต์จะเอาชนะผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนได้ยังไง ?


“ตอนนี้ในเมื่อตระกูลหลงได้อันดับหนึ่งไปแบบนี้ นั่นก็หมายความว่าสิทในการปกครองหอการค้าอาซูของพวกเขาจะมั่นคงอยู่เหมือนเดิมสินะ …” คริมสันสตาร์ถามพลางขมวดคิ้ว


ผู้เล่นสายอาชีพระดับปรมาจารย์นั้นมีความสำคัญต่อการพัฒนาของไวโอเล็ตซอร์ดมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับปรมาจารย์นักเล่นแร่แปรธาตุ ในขณะเดียวกันไซเร้นวอร์นเดอร์ที่เหลืออีกเพียงครึ่งก้าวก็จะกลายเป็นสุดยอดปรมาจารย์แล้วก็เป็นคนที่ไวโอเล็ตซอร์ดต้องการอย่างเร่งด่วน


“คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก ฉันเชื่อว่าบริษัทซีอุสจะจัดการกับเรื่องนี้เอง และเมื่อถึงเวลาตระกูลหลงก็จะต้องยอมแพ้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ต้องการก็ตาม …” ทอร์เร้นกล่าวอย่างเย็นชา “อย่างไรก็ตามกลุ่มของโซริทารี่ฟรอสต์นั้นทำให้ฉันผิดหวังอย่างแท้จริง พวกเขาแพ้กระทั่งเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่ยังไปไม่ถึงขอบเขตโดเมนด้วยซ้ำ ดูเหมือนว่าฉันจะใจดีกับพวกเขามากเกินไป หลังจากพวกเขากลับมา ไม่ต้องให้พวกเขามาพบฉัน บอกให้พวกเขาไปจารณาตัวเองซะ !!!”


เขาไม่เคยคิดเลยว่าแผนนี้ของไวโอเล็ตซอร์ดจะล้มเหลว และยิ่งกว่านั้นเขาก็ไม่เคยคิดเลยผู้ที่เขาควบคุมการฝึกให้ด้วยตัวเองจะพ่ายแพ้ต่อผู้ที่มีมาตราฐานด้อยกว่า


นี่มันเป็นความอัปยศอดสูสำหรับเขามากๆ !!!


ไวน์ไฟเตอร์ตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของทอร์เร้น เขาพยายามจะเอ่ยปากเกลี้ยกล่อมทอร์เร้น “ผู้ฝึกสอนทอร์เร้น นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย …”


อย่างไรก็ตามก่อนที่ไวน์ไฟเตอร์จะทันได้พูดอะไรมากไปกว่านี้ แอสซาซินขั้นสามก็พุ่งเข้ามาหาพวกเขา


“รายงาน : มีคนที่อ้างตัวว่าเป็นหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีกได้มาถึงที่ภายนอกของสถานที่พักกิลของเรา และเขาบอกว่าเขาต้องการเจรจากับพวกระดับสูงของเราเกี่ยวกับเรื่องหอการค้าอาซู คุณต้องการจะพบกับเขาไหม ?” แอสซาซินขั้นสามกล่าวด้วยความเคารพ


“สภาสิบแปดปีก ? นั่นคือกิลที่ไซเร้นวอร์นเดอร์อยู่มาตลอดใช่ไหม ?” ไวน์ไฟเตอร์กล่าวด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่เพิ่มขึ้นมากๆ “พวกเขามาที่นี่เพื่ออะไร ? พวกเขามาเพื่อโน้มน้าวให้เราเปลี่ยนแผนเกี่ยวกับหอการค้าอาซูงั้นหรอ ?”


“กิลที่ไร้ชื่อเสียงต้องการพบกับเรา ? นี่พวกเขาเห็นไวโอเล็ตซอร์ดเป็นกิลแบบไหนกัน ?” ทอร์เร้นกล่าวพลางจ้องมองไปยังแอสซาซินขั้นสามอย่างเย็นชา “บอกให้พวกเขากลับไปซะ !!!”



ตอนที่ 2612 คุณสมบัติในการจะเจรจาต่อรอง


การปฎิเสธอย่างรุนแรงของทอร์เร้นนั้นทำให้ทุกคนรู้สึกตัวสั่น และแม้แต่พวกหน้าใหม่ที่ฝึกในห้องโถงเองก็ยังรับรู้ได้ถึงแรงกดดันอันรุนแรงจากคำพูดของทอร์เร้น ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตการปรับแต่งบางคนนั้นแทบจะขยับตัวไม่ได้ด้วยซ้ำ เมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดันแบบนี้ ….


ความกลัวโดยสัญชาตญาณเกิดขึ้นภายในจิตใจของแอสซาซินขั้นสามที่มารายงานถึงการมาถึงของสภาสิบแปดปีก ถ้าเขาไม่แน่ใจว่าเขาไม่ใช่เป้าหมายของทอร์เร้น เขาคงจะเลือกที่จะหันหลังกลับและหนีไปแล้ว


นี่ผู้ฝึกสอนทอร์เร้นตั้งความหวังไว้สูงมากเลยงั้นหรอกับกลุ่มของโซริทารี่ฟรอสต์ ? คริมสันสตาร์รู้สึกประหลาดใจ เมื่อเห็นใบหน้าที่ดูเย็นชาของทอร์เร้นตอนนี้


ทอร์เร้นนั้นหยุดสอนและหยุดรับศิษย์ไปเมื่อราวสิบปีก่อน เธอและผู้บัญชาการคนปัจจุบันของกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของไวโอเล็ตซอร์ดนั้นเคยเป็นส่วนหนึ่งของศิษย์กลุ่มสุดท้ายของเขา โดยผู้บัญชาการนั้นเป็นลูกศิษย์คนโปรดของทอร์เร้นเลย ทอร์เร้นกระทั่งพยายามออกหน้าอย่างเต็มที่เพื่อขอให้เฟรมแบร์เร่อช่วยฝึกให้ผู้บัญชาการ


ดังนั้นพวกระดับสูงของไวโอเล็ตซอร์ดจึงตกตะลึงกันมากๆ เมื่อทอร์เร้นได้ตกลงที่จะฝึกให้กับกลุ่มของโซริทารี่ฟรอสต์


ตอนแรกคริมสันสตาร์คาดเดาว่าทอร์เร้นได้ตกลงในเรื่องนี้เพื่อแสดงความเคารพต่อบริษัทซีอุส แต่เมื่อเห็นปฎิกิริยาของเขาตอนนี้แล้ว คริมสันสตาร์ก็คิดว่าทอร์เร้นน่าจะอยากช่วยให้กลุ่มโซริทารี่ฟรอสต์แข็งแกร่งขึ้นจริงๆ เพราะถ้าเขาไม่ได้ลงทุนและหวังเอาไว้มาก เขาก็คงไม่โกรธกับความพ่ายแพ้มากขนาดนี้


“ฉันกลัวว่าการไล่พวกเขากลับไปจะเป็นอะไรที่ไม่ฉลาดนะผู้ฝึกสอนทอร์เร้น สภาสิบแปดปีกอาจไม่ได้มีอำนาจมากในทวีปด้านตะวันตก แต่พวกเขาก็สามารถจะแข่งขันกับมหาอำนาจมากมายในทวีปด้านตะวันออกได้ แถมกิลยังควบคุมประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืดเอาไว้ด้วย เนื่องจากหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีกมาเยี่ยมเยียนเราเป็นการส่วนตัวแบบนี้ คนอื่นๆจะวิจารณ์กิลเราได้ ถ้าเราไล่เขา …” ไวน์ไฟเตอร์พยายามเกลี้ยกล่อมทอร์เร้น


ไวโอเล็ตซอร์ดนั้นเป็นซุเปอร์กิลที่มีประวัติยาวนาน และมีประสบการณ์โชกโชน ในขณะที่สภาสิบแปดปีกนั้นไม่ได้มีฐานปฎิบัติการหลักอยู่ในทวีปด้านตะวันตก แต่อย่างไรก็ตามเครื่องข่ายข้อมูลของไวโอเล็ตซอร์ดก็ได้ทำการตรวจสอบกิลเล็กๆกิลนี้มาแล้ว และแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ค้นคว้าข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสภาสิบแปดปีก แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจะหลีกหนีชื่อ “สภาสิบแปดปีก” ได้ เพราะกิลๆนี้มีชื่อเสียงอย่างมากในทวีปด้านตะวันออก และท้ายที่สุดมันก็มีมหาอำนาจมากมายที่พูดถึงกิลๆนี้


“หัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีกมาคนเดียวหรอ ?” คริมสันสตาร์กล่าวถามแอสซาซินขั้นสาม


“ไม่ เขามาพร้อมกับกลุ่มคนจำนวนมากกว่าหนึ่งโหล ซึ่งนี่รวมถึงหลงหวู่ชางจากตระกูลหลงด้วย ….” แอสซาซินตอบ


“ตระกูลหลง ? แน่นอนเลยว่าพวกเขาไม่ยอมเสียเวลาเลยแม้แต่น้อย ..” ไวน์ไฟเตอร์อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว


หลังจากที่ได้รู้ว่าลูกสาวคนรองของตระกูลหลงชนะในการแข่งขันระหว่างตระกูลของหอการค้าอาซูประจำปีนี้ ไวน์ไฟเตอร์ก็รู้ดีว่าในตอนนี้การจะทำให้ตระกูลหลงเชื่อฟังนั้นก็เป็นไปได้ยากมากแล้ว เพราะตอนนี้สมาชิกรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดของหอการค้าอาซูได้มาจากตระกูลหลง และท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าทุกคนจะพูดยังไง บริษัทซีอุสก็เป็นเพียงหนึ่งในผู้ถือหุ้นของหอการค้าเท่านั้น และพวกเขาก็ไม่ใช่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด และเมื่อผู้ถือหุ้นที่เหลือได้เห็นศักยภาพของตระกูลหลงแล้ว พวกเขาก็จะให้การสนับสนุนตระกูลหลงแน่นอน ซึ่งนี่มันจะทำให้การคุกคามกับเข้าครอบงำตระกูลหลงในหอการค้าอาซูนั้นเป็นเรื่องยากอย่างไม่น่าเชื่อ


ด้วยเหตุนี้ตอนนี้ตระกูลหลงจึงมีคุณสมบัติมากพอจะเจรจากับไวโอเล็ตซอร์ด และมันก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่ตระกูลจะส่งตัวแทนมา


อย่างไรก็ตามไวน์ไฟเตอร์ก็ไม่คาดคิดเลยว่าตระกูลหลงจะดำเนินการทันทีที่การแข่งขันระหว่างตระกูลของหอการค้าอาซูจบลง


“ดูเหมือนว่าตระกูลหลงจะเจอกับความมั่นใจแล้วสินะ ไม่งั้นพวกเขาคงไม่ปรากฎตัวออกมาเร็วขนาดนี้ …” คริมสันสตาร์กล่าว


“มันอาจเป็นเพราะสภาสิบแปดปีก กิลนั้นเป็นพันธมิตรกับจักรวรรดิโลกใต้พิภพ นอกจากนี้สภาสิบแปดปีกก็ยังรับผิดชอบในเรื่องการที่ทำให้ไซเร้นวอร์นเดอร์ชนะการแข่งขัน เห็นได้ชัดว่าสภาสิบแปดปีกมีความสามารถสูงมากในการเลี้ยงดูผู้เล่นที่มีความสามารถ และตอนนี้มันก็น่าจะทำให้ตระกูลหลงคิดว่าตัวเองจะทำทุกอย่างในด้านนี้ได้โดยปราศจากความช่วยเหลือจากไวโอเล็ตซอร์ดและบริษัทซีอุส” ไวน์ไฟเตอร์คาดเดา


สิ่งที่สำคัญที่สุดด้านการพัฒนาของกิลก็คือผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถและทรัพยากรที่มากเพียงพอ แม้ว่าหอการค้าอาซูจะไม่ได้ขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญ แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีทรัพยากรมากเท่ากับซุเปอร์กิลที่มีประวัติยาวนานอย่างไวโอเล็ตซอร์ด และหากหอการค้าอาซูต้องการจะพัฒนาต่อไป พวกเขาก็จะต้องเป็นพันธมิตรกับซุเปอร์กิล โดยนี่คือสิ่งที่ตระกูลผู้ถือของหอการค้าอาซู และเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดล้วนผลักดันอย่างหนัก


อย่างไรก็ตามหากหอการค้าอาซูไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องการดูแลสมาชิกที่มีความสามารถอีกต่อไป ทั้งตระกูลหลง และสมาชิกหอการค้าที่เหลือก็จะไม่จำเป็นต้องเป็นพันธมิตรกับไวโอเล็ตซอร์ดเลย เพราะท้ายที่สุดไวโอเล็ตซอร์ดก็เรียกราคาที่สูงมากสำหรับการเป็นพันธมิตรอยู่แล้ว และความร่วมมือกับพันธมิตรนี้ก็จะเปลี่ยนหอการค้าอาซูให้เป็นเหมือนกับกึ่งกิลที่อยู่ใต้อาณัติของไวโอเล็ตซอร์ดเลย ซึ่งมันไม่มีผู้ถือหุ้นของหอการค้าอาซูรายใดต้องการสิ่งนี้ แต่พวกเขาก็เห็นด้วยเนื่องจากบริษัทซีอุสได้ทำการกดดันพวกเขาอย่างหนักจนพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น


“นี่มันน่าสนใจจริงๆ พาพวกเขาไปที่ห้องรับรองและให้พวกเขารอสักครู่ ….” ทอร์เร้นตัดสินใจ “ฉันอยากจะรู้นักว่าสภาสิบแปดปีกมีความสามารถอะไรถึงทำให้หลงหวู่

ชางมั่นใจได้มากขนาดนี้ !!!”


“เข้าใจแล้ว !!”


แอสซาซินขั้นสามถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเห็นว่าทอร์เร้นสงบลง จากนั้นเขาก็วิ่งกลับไปที่ทางเข้าของสถานที่พักกิล


ในขณะเดียวกันฝูงชนก็ได้ก่อตัวขึ้นที่ด้านนอกสถานที่พักกิลของไวโอเล็ตซอร์ด โดยพวกเขามีการพูดคุยกันอย่างเผ็ดร้อนเกี่ยวกับสมาชิกสภาสิบแปดปีก


เนื่องจากกลุ่มผู้เล่นนี้สะดุดตามากเกินไป

อะเม้าท์ขนาดมหึมาสองตัวนั้นยืนอยู่ด้านหลังของสมาชิกสภาสิบแปดปีก โดยตัวหนึ่งเป็นอินทรีที่มีกระแสไฟฟ้าล้อมรอบร่างกาย ขณะที่อีกตัวหนึ่งเป็นมังกรโครงกระดูกที่แผ่ออร่าอันเย็นยะเยือกออกมา โดยอะเม้าท์ทั้งสองนั้นมีออร่าเทียบเท่ากับแกรนลอร์ดในเลเวลเดียวกัน และเมื่อพวกมันมายืนเคียงข้างกัน พวกมันก็เป็นตัวตนที่ไม่อาจจะเพิกเฉยได้เลย


“อึก !!! คนเหล่านี้เป็นใครกัน ?!! พวกเขามีกระทั่งอะเม้าท์บินได้สองตัวที่สามารถเทียบกับอินทรีไฟเนเธอร์ของไวโอเล็ตซอร์ดได้เลย !!!”


“กิลนี้น่าทึ่งจริงๆ ไวโอเล็ตซอร์ดมีอะเม้าท์บินได้ที่พิเศษแบบนี้แค่สองตัวเท่านั้น แต่กิลๆนี้กับมีสองตัวด้วยเช่นกัน !!!”


ในระยะนี้ของเกม อะเม้าท์บินได้ยังจัดว่าเป็นสิ่งไม่สามารถเอื้อมถึงได้เลยสำหรับผู้เล่นส่วนใหญ่ใน God domain และแม้แต่กิลขนาดใหญ่ต่างๆก็มีอะเม้าท์บินได้แค่ไม่กี่ตัวเท่านั้น แถมโดยส่วนใหญ่ยังเป็นแค่ระดับทั่วไปด้วย แต่ถึงกระนั้นนี่มันนก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาแสดงความแข็งแกร่งได้


ในขณะเดียวกันเหล่าซุเปอร์กิลนั้นก็จะเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งมากๆ เมื่อได้รับอะเม้าท์บินได้ที่แข็งแกร่งเท่ากับแกรนลอร์ดในเลเวลเดียวกันมา เพราะท้ายที่สุดแล้ว แม้แต่ผู้เล่นขั้นสามทั่วไปก็ยังต้องหนีจากแกรนลอร์ดที่เลเวลนี้ และมันก็มีเพียงแต่ทีมผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเท่านั้นที่จะฆ่าแกรนลอร์ดที่เลเวลนี้ได้


อย่างไรก็ตามหากมีอะเม้าท์บินได้ที่ระดับนี้ ไม่เพียงแต่กิลจะสามารถล่าพวกแกรนลอร์ดได้อย่างง่ายดาย แต่พวกเขาก็ยังจะสามารถขยายขอบเขตการปฎิบัติการของตัวเองออกไปได้มากขึ้นเพื่อที่จะค้นหาและรับเอาทรัพยากรมามากขึ้นได้


ในขณะที่ผู้คนกำลังเดินผ่านไปผ่านมา และล้วนพูดคุยกันถึงอะเม้าท์บินได้สองตัวของสภาสิบแปดปีกอย่างเงียบๆ หลงหวู่ชางซึ่งรออยู่ที่ทางเข้าสถานที่พักกิลของไวโอเล็ตซอร์ดก็เริ่มเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ เขาไม่คิดเลยว่าซือเฟิงจะทำตามคำพูดของเขาจริงๆและเดินทางมาเยี่ยมเยียนไวโอเล็ตซอร์ดทันทีที่การแข่งขันระหว่างตระกูลของหอการค้าอาซูสิ้นสุดลง นักดาบไม่ได้ให้เวลาไวโอเล็ตซอร์ดในการสงบสติอารมณ์ด้วยซ้ำหลังจากทำให้ซุเปอร์กิลต้องรับรู้ถึงรสชาติของความพ่ายแพ้


ผลของการแข่งขันนี้นั้นมันสามารถบอกได้เลยว่าเป็นการทำลายแผนการของบริษัทซีอุส และไวโอเล็ตซอร์ด ในการที่จะเข้าควบคุมหอการค้าอาซู ซึ่งนี่มันจะทำให้พวกเขาโกรธมากแน่นอน และพวกเขาก็จะต้องโทษสภาสิบแปดปีกที่มีบทบาทสำคัญในการทำลายแผนการของพวกเขา


แม้ว่าตระกูลหลงและสภาสิบแปดปีกจะมีคุณสมบัติมากพอที่จะเจรจากับบริษัทซีอุส และไวโอเล็ตซอร์ดได้แล้ว แต่พวกเขาก็ไม่ควรผลักดันให้มีการเจรจาเกิดขึ้นเลย ในขณะที่อีกฝ่ายยังคงมีอารมณ์อยู่แบบนี้ เพราะไม่เพียงแต่การเจรจาอาจจะล้มเหลว แต่เผลอๆมันยังอาจทำให้สถานการณ์แย่ลงด้วย


“วอร์นเดอร์ เธอช่วยเกลี้ยกล่อมหัวหน้ากิลของเธอหน่อยได้ไหม ? ฉันรู้ว่าเขาต้องการจะเจรจากับไวโอเล็ตซอร์ด แต่เขาก็ไม่ควรจะรีบทำในสถานการณ์ล่อแหลมแบบนี้ …” หลงหวู่ชางกระซิบกับไซเร้นวอร์นเดอร์ “หากทำการเจรจาตอนนี้ ไม่เพียงแต่การเจรจามีสิทจะล้มเหลวสูงมาก แต่ไวโอเล็ตซอร์ดก็จะเกลียดเราด้วย ซึ่งมันจะทำให้เราเสียผลประโยชน์ในหอการค้าอาซูได้”


เหล่าผู้อาวุโส และผู้อาวุโสสูงสุดของหอการค้าอาซูนั้นไม่ได้สนใจเป็นพิเศษว่าหอการค้าอาซูจะต้องร่วมมือหรือเป็นพันธมิตรกับไวโอเล็ตซอร์ดไหม แต่การกลายเป็นศัตรูมันก็คนละเรื่องกัน หากเป็นเช่นนั้นทุกอย่างมันจะจบลงแน่นอนสำหรับตระกูลหลง เพราะพื้นที่ทรัพยากรหลักของหอการค้าอาซูนั้นมีอยู่มากเกินไปในดินแดนของไวโอเล็ตซอร์ด และนี่ยังไม่นับรวมพื้นที่อื่นๆอีก หากซุเปอร์กิลตัดสินใจที่จะไม่สนใจหอการค้าอาซู และทำสงครามเพื่อแย่งชิงพื้นที่เหล่านี้ หอการค้าก็จะเดือดร้อนมากแน่นอน


“ฉันจะพยายามให้ดีที่สุด” ไซเร้นวอร์นเดอร์กล่าว เธอเห็นด้วยกับความคิดของหลงหวู่ชาง


สภาสิบแปดปีกแทบจะไม่มีอำนาจใดๆอยู่ในทวีปด้านตะวันตก ในขณะที่ไวโอเล็ตซอร์ดนั้นสามารถที่จะโจมตีหอการค้าอาซูได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้สภาสิบแปดปีกก็ไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงไวโอเล็ตซอร์ดได้ หากต้องการจะขยายอิทธิพลเข้ามายังทวีปด้านตะวันตก ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการจะเห็นกิลเผชิญหน้ากับความโกรธเกรี้ยวของไวโอเล็ตซอร์ดเพราะเรื่องของเธอ


อย่างไรก็ตามในขณะที่ไซเร้นวอร์นเดอร์กำลังจะเดินเข้าไปใกล้ซือเฟิง แอสซาซินขั้นสามก็โผล่ออกมาจากสถานที่พักกิลของไวโอเล็ตซอร์ด และเดินเข้าไปหาซือเฟิง “ขอโทษที่ให้รอนานหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม โปรดตามฉันมา”


“ได้เลย …” ซือเฟิงตอบพร้อมกับทิ้งอินทรีสายฟ้าไว้ด้านหลังของเขา จากนั้นเขาก็เดินตามแอสซาซินเข้าไปในสถานที่พักกิลทำให้ไซเร้นวอร์นเดอร์ไม่มีโอกาสจะเข้าไปแทรกแซงเลย


เมื่อเข้าสู่สถานที่พักกิลของซุเปอร์กิล ทั้งหลงหวู่ชาง และไซเร้นวอร์นเดอร์ต่างก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง


ไม่เพียงแต่สมาชิกของไวโอเล็ตซอร์ดในสถานที่พักกิลของพวกเขาจะมีเลเวลสูงมาก แต่มันกับมีอีกจำนวนหนึ่งที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสามด้วย แถมหลังจากกวาดตามองคร่าวๆ พวกเขาก็พบผู้เชี่ยวชาญขอบเขตการปรับแต่งมากกว่าหนึ่งร้อยคนเลยทีเดียว


เมื่อพวกเขามาถึงปราสาทที่ทำหน้าที่เป็นแกนกลางของสถานที่พักกิล พวกเขาก็ยิ่งตกตะลึง เมื่อได้เห็นมานาที่หนาแน่นมากซะจนมันกลั่นตัวเป็นหมอกสีขาว และปราสาททั้งหลังก็ให้ความรู้สึกโบราณมากๆ


สมาชิกของซุเปอร์กิลทุกคนที่เข้าและออกจากปราสาทได้แผ่ออร่าอันทรงพลังอย่างน่าอัศจรรย์ออกมา และมันก็มีคนจำนวนหนึ่งด้วยที่แข็งแกร่งกว่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์ของหอการค้าอาซู


“ที่นี่คือไวโอเล็ตซอร์ดงั้นหรอ ?…”


ไซเร้นวอร์นเดอร์นั้นประหลาดใจมาก เมื่อเธอได้เห็นรุ่นเยาว์ที่อายุน้อยกว่าเธอมากที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเดินเข้าไปในปราสาท และแม้แต่กลุ่มผู้เล่นแบบสุ่มก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตการปรับแต่งกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวดเร็วดั่งสายน้ำมากมาย นอกจากนี้นี่เป็นเพียงหนึ่งในสถานที่พักกิลหลายแห่งของไวโอเล็ตซอร์ด และไวโอเล็ตซอร์ดยังมีสนามฝึกอีกมากมายหลายแห่งด้วย หากกิลระดมพลรุ่นเยาว์ทั้งหมดมารวมกัน มันก็คงจะเกิดภาพที่น่ากลัวมากแน่นอน


“โปรด เข้ามา !!” แอสซาซินขั้นสามกล่าว ขณะที่ผายมือแสดงท่าทางให้พวกเขาเดินไปยังกิลฮอล และเมื่อเขาสังเกตเห็นความประหลาดใจของหลงหวู่ชางกับไซเร้นวอร์นเดอร์ เขาก็รู้สึกยินดีและภาคภูมิใจมากๆ

โดยรวมแล้วไวโอเล็ตซอร์ดอาจจะไม่ได้ทรงพลังมากเท่ากับห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ในเรื่องการดูแลผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถนั้น กิลก็ไม่ได้เป็นรองซุเปอร์กิลใดๆ แถมจริงๆแล้วต้องบอกว่ากิลยังจัดอยู่ในระดับต้นๆด้วย


หลังจากนั้นครู่หนึ่ง แอสซาซินขั้นสามก็นำซือเฟิงและพรรคพวกของเขาเข้าไปในห้องรับรองชั้นบนสุดของกิลฮอล


โดยมันมีผู้เล่นสามคนคือ ทอร์เร้น ไวน์ไฟเตอร์ และคริมสันสตาร์นั่งรออยู่ในห้องก่อนแล้ว อย่างไรก็ตามมันก็ไม่มีใครใส่ใจจะปกปิดออร่าของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาจงใจจะขู่ตัวแทนของสภาสิบแปดปีก


แน่นอนเลย … หลงหวู่ชางนั้นอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเมื่อเห็นทั้งสามคน เขารู้ดีว่าการเจรจาจะไม่จบลงด้วยดีแน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้วมันสามารถบอกได้จากออร่าของทั้งสามอย่างชัดเจน และแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดก็ยังจะต้องตัวสั่น เมื่อเผชิญหน้ากับออร่าของทั้งสามรวมกัน ไม่ต้องพูดถึงผู้เล่นที่อ่อนแอกว่านั้นเลย


ในความเห็นของหลงหวู่ชาง นอกเหนือจากซือเฟิง ไวโอเล็ทคลาวด์ และไซเร้นวอร์นเดอร์แล้ว ทีมที่เหลือของพวกเขาไม่น่าจะทนต่อออร่านี้ได้


ในขณะเดียวกัน เมื่อเห็นดังนี้นั้นแอสซาซินขั้นสามก็อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยสภาสิบแปดปีก เขาเองก็อยากให้สภาสิบแปดปีกรู้ว่าไวโอเล็ตซอร์ดนั้นไม่ใช่ซุเปอร์กิลทั่วไปที่สภาสิบแปดปีกจะสามารถมายั่วยุแบบนี้ได้ถึงที่ หลังจากการแข่งขันพึ่งจะจบลง


“ห้องนี้มันอบอ้าวจริงๆ อควา แล้วก็ทุกคนทำไมไม่ถอดเสื้อคลุมของตัวเองล่ะ ? มันจะเย็นกว่านะด้วยวิธีนี้ …” ซือเฟิงแนะนำอย่างสบายๆ ขณะที่จ้องมองไปยังทอร์เร้น และอีกสองคน



ตอนที่ 2613 ข้อมูลอันน่าอัศจรรย์ และศักยภาพของสภาสิบแปดปีก


เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง แอสซาซินขั้นสามก็ยังคงเยาะเย้ยทีมของซือเฟิงต่อไป


พวกเขาคิดว่าจะสามารถต้านทานออร่าของเหล่าผู้ฝึกสอนได้ด้วยการถอดเสื้อคลุมสีดำงั้นหรอ ?


เสื้อคลุมสีดำนั้นช่วยปกปิดข้อมูลบางอย่างของผู้เล่น แต่มันไม่สามารถซ่อนออร่าของผู้เล่นได้ ทุกคนใน God domain รู้เรื่องนี้ดี


แน่นอนว่ามันมีเครื่องมือที่สามารถช่วยปกปิดออร่าของผู้เล่นได้ แต่เครื่องมือเหล่านั้นกล้วนมีราคาแพงมาก และแทบไม่สามารถใช้งานได้จริง นอกจากนี้ผู้เล่นที่เป็นระดับผู้เชี่ยวชาญนั้นยังจะสามารถปกปิดออร่าของพวกเขาได้ด้วยสกิลหรือทักษะของตัวเอง พวกเขาไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเครื่องมือดังกล่าว


แม้แต่หลงหวู่ชางก็ยังมองไปยังซือเฟิงอย่างแปลกๆ เขาไม่เข้าใจว่าชายคนนี้พยายามจะทำอะไร


การที่ให้อควาโรสและคนอื่นๆถอดเสื้อคลุมสีดำของตัวเองออก มันก็จะเพียงแค่เปิดเผยข้อมูลต่างๆของพวกเขาออกมาเท่านั้น นั่นจะไม่ได้ช่วยให้พวกเขาสามารถต้านทานออร่าของสัตว์ประหลาดทั้งสามตรงหน้าได้เลย


ทอร์เร้น ไวน์ไฟเตอร์ และคริมสันสตาร์ ต่างก็เป็นผู้ฝึกสอนในไวโอเล็ทซอร์ด และใครก็ตามที่สามารถมาถึงตำแหน่งผู้ฝึกสอนในซุเปอร์กิลได้นั้นอย่างน้อยก็จะต้องเป็นผู้อาวุโสสูงสุด ซึ่งจัดว่าแทบจะเป็นพวกระดับสูงที่สุดในกิล


แถมซุเปอร์กิลยังได้รับอาวุธและอุปกรณ์ชั้นยอดจำนวนมากมาในแต่ละวัน และซุเปอร์กิลอย่างไวโอเล็ทซอร์ดก็น่าจะเคยเห็นอาวุธกับอุปกรณ์มาแทบทุกระดับในเกมแล้ว อีกทั้งตอนนี้ไวโอเล็ตซอร์ดยังมีความโกรธและความตั้งใจที่จะสร้างความหวาดกลัวให้กลุ่มของพวกเขาเพื่อไล่พวกเขาออกไป ดังนั้นอาวุธและอุปกรณ์ชั้นยอดก็คงไม่เพียงพอที่จะเปลี่ยนความคิดของผู้ฝึกสอนทั้งสามคนนี้ได้


ในช่วงเวลาที่แอสซาซินขั้นสาม และหลงหวู่ชางกำลังสงสัยว่าซือเฟิงต้องการจะทำอะไร อควาโรสและคนอื่นๆก็ถอดเสื้อคลุมสีดำของตัวเองออก และเมื่อพวกเขาเห็นข้อมูลของผู้เล่นเหล่านี้ แอสซาซินและหลงหวู่ชางก็เกือบจะเป็นลมด้วยความกตใจ

เลเวลหนึ่งร้อยสิบเจ็ด !!!


ช่วงเวลาที่เสื้อคลุมสีดำถูกถอดออก ออร่าของผู้เล่นเหล่านี้ก็ระเบิดออกมาราวกับภูเขาไฟที่กำลังปะทุ มานาโดยรอบนั้นมารวมตัวกันอย่างรวดเร็วรอบๆพวกเขา และสร้างกระแสมานาขึ้นมาซึ่งมันทำให้ส่วนที่เหลือในห้องนั้นมีมานาเบาบางลงมาก และเมื่อหลงหวู่ชางกับแอสซาซินขั้นสามตระหนักได้ว่าออร่าเหล่านี้เทียบได้กับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย พวกเขาก็ก้าวถอยหลังไปประมาณหนึ่งโดยสัญชาตญาณ


ในขณะเดียวกันกลุ่มของทอร์เร้นก็จ้องมองไปมายังซือเฟิงและทีมอย่างประหลาดใจ เมื่อพวกเขาได้เห็นเลเวลของทั้งหมดอย่างชัดเจน


“เลเวลหนึ่งร้อยสิบเจ็ด ?! เป็นไปได้ยังไงกัน ?! แม้แต่พวกที่บ้าเก็บเลเวลของกิลเราก็ยังมาถึงเลเวลหนึ่งร้อยสิบสี่เท่านั้น !!! แล้วก็พวกเขามีพลังมากขนาดนี้ได้ยังไง ?!!” ไวน์ไฟเตอร์อุทานออกมาในแชททีมด้วยความตกใจ ขณะที่เขาจ้องมองไปยังผู้เล่นของสภาสิบแปดปีก


เลเวลของพวกเขาทั้งสามคนนั้นไม่ได้สูงที่สุดในกิลอันเนื่องมาจากพวกเขาต้องทำหน้าที่ฝึกพวกหน้าใหม่ของไวโอเล็ตซอร์ดเสมอๆ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีเวลามากพอที่จะทุ่มเทให้กับการเก็บเลเวลทั้งหมด


แต่ถึงกระนั้นทั้งสามก็ยังไม่เคยตามหลังผู้เล่นชั้นแนวหน้าของเกม เพราะในฐานะผู้ฝึกสอนที่มีตำแหน่งสูงมากในกิล พวกเขาจึงต้องรับผิดชอบต่อตัวเองเช่นกัน และแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เก็บเลเวลได้เร็วมากนัก แต่พวกเขาทั้งหมดก็ยังมีเลเวลหนึ่งร้อยสิบสอง ซึ่งเป็นเลเวลที่ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดส่วนใหญ่ยังเข้าไม่ถึงด้วยซ้ำ


แต่ถึงกระนั้นผู้เล่นตรงหน้าของพวกเขากับมีเลเวลมากกว่าพวกเขาห้าเลเวล นี่จะให้พวกเขาพูดอะไรดี ?


ยิ่งไปกว่านั้นสภาสิบแปดปีกยังไม่ได้มีผู้เล่นแค่หนึ่งหรือสองคนที่อยู่ในเลเวลนี้ แต่สมาชิกทั้งแปดคนของสภาสิบแปดปีกที่ได้ถอดเสื้อคลุมสีดำของพวกเขาออกนั้นได้มาถึงเลเวลหนึ่งร้อยสิบเจ็ดทั้งหมดแล้ว


“นอกเหนือจากเรื่องเลเวลแล้ว ฉันยังรู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าพวกเขาได้ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองกันได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว และนี่มันก็ทำให้ฉันมั่นใจว่าพวกเขาไม่ได้ใช้เครื่องมือพิเศษใดๆเพื่อปลอมเลเวลให้สูงขึ้นด้วย” คริมสันสตาร์กล่าวพลางส่ายหัว


ใน God domain มันมีวิธีเดียวที่จะเพิ่มเลเวลได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนั่นก็คือการล่ามอนสเตอร์ และยิ่งผู้เล่นต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งมากเท่าไหร่ พวกเขาก็จะยิ่งได้รับ EXP มากขึ้นเท่านั้น และหากผู้เล่นไปพยายามล่ามอนเสตอร์ที่มีเลเวลน้อยกว่าตั้งแต่สามเลเวลขึ้นไป ผู้เล่นก็จะได้รับ EXP น้อยกว่าห้าสิบเปอเซ็นต์จากที่พวกเขาควรจะได้รับตามปกติเมื่อล่ามอนสเตอร์ในเลเวลเดียวกัน และหากพวกเขาพยายามจะล่ามอนสเตอร์ที่มีเลเวลต่ำกว่าตั้งแต่หกเลเวลขึ้นไป พวกเขาก็จะไม่ได้รับ EXP ใดๆเลย


แม้ว่าการจะทำเควสจะช่วยให้ได้รับ EXP จำนวนมากเช่นกัน แต่เป้าหมายหลักจริงๆของการทำเควสก็คือการจัดหาเหรียญ อาวุธ อุปกรณ์ และพวกเครื่องมือพิเศษ ดังนั้นวิธีเดียวที่จะเก็บเลเวลได้อย่างรวดเร็วก็คือการเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ที่มีเลเวลเท่ากันหรือสูงกว่า


ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่มีผู้เล่นเลเวลสูงคนใดใน God domain ที่ถูกมองว่าอ่อนแอ ในความเป็นจริงผู้เล่นทั่วไปส่วนใหญ่มองว่าเลเวลจัดเป็นตัวแทนของความแข็งแกร่งใน God domain โดยตรงด้วยซ้ำ


ในระหว่างที่ผู้ฝึกสอนทั้งสามกำลังเต็มไปด้วยความตกใจ ซือเฟิงก็ค่อยๆเดินเข้ามาหาพวกเขา ซึ่งมันกลายเป็นว่าตอนนี้ซือเฟิงดูเหมือนเป็นศูนย์กลางของห้องนี้มากกว่า


“ตอนนี้เราพูดได้รึยัง ?” ซือเฟิงถามพลางมองไปยังผู้ฝึกสอนแต่ละคน


“เชิญเลย พูดมาได้เลยว่าทำไมคุณถึงมาที่นี่วันนี้ ?” ทอร์เร้นถามโดยมองไปยังซือเฟิงอย่างจริงจัง เขาไม่ได้แสดงความโกรธหรือดูแคลนอีกต่อไป


ถ้าสภาสิบแปดปีกมีผู้เล่นเพียงคนเดียวที่มีเลเวลหนึ่งร้อยสิบเจ็ด อย่างมากที่สุดเขาก็จะประหลาดใจและยอมรับในความแข็งแกร่งของผู้เชี่ยวชาญที่กิลมี แต่ในตอนนี้ไม่เพียงแต่มันจะมีผู้เล่นเลเวลหนึ่งร้อยสิบเจ็ดทั้งกลุ่มยืนอยู่ตรงหน้าเขา แต่พวกเขาทั้งหมดยังปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วด้วย ซึ่งนี่มันนับว่าพวกเขามีศักยภาพร่างกายที่ถึงขีดสุด โดยความสำเร็จนี้ไม่ได้เป็นเพียงผลจากความแข็งแกร่งส่วนบุคคลเท่านั้น แต่มันยังเป็นการแสดงถึงรากฐานและอำนาจของกิลด้วย


เนื่องจากสภาสิบแปดปีกมีผู้เชี่ยวชาญที่มีเลเวลสูงและสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วจำนวนมาก ดังนั้นกิลจึงควรจะได้รับความเคารพในขั้นพื้นฐานจากเขา


หลังจากได้เห็นไซเร้นวอร์นเดอร์และคนอื่นๆด้วยตาตัวเอง ทอร์เร้นก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดไซเร้นวอร์นเดอร์จึงเอาชนะโซริทารี่ฟรอสต์ได้


มันไม่มีความแตกต่างกันมากนักในระหว่างค่าสถานะพื้นฐานของผู้เล่นที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว กับผู้เล่นที่ยังปลดล๊อคไม่ได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ แต่มันมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างพลังการต่อสู้ของพวกเขา ซึ่งมันแทบจะเรียกได้ว่าเป็นความแตกต่างครึ่งขั้นเลย และมันไม่สามารถจะทดแทนช่องว่างนี้ได้ด้วยมาตราฐานหรือเทคนิคการต่อสู้


แม้ว่าโซริทารี่ฟรอสต์จะเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมน แต่เขาก็ยังคงอายุน้อยมาก ดังนั้นเขาจึงไม่มีประสบการณ์ในการต่อสู้มากนักกับคู่ต่อสู้ที่มีพลังดิบมากกว่า ซึ่งนี่มันก็ทำให้ความพ่ายแพ้ของเขานั้นไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด


“คุณนี่เป็นคนตรงไปตรงมาอย่างน่าประหลาดใจจริงๆ ผู้ฝึกสอนทอร์เร้น งั้นในกรณีนี้ฉันก็จะพูดตรงๆเช่นกัน …” ซือเฟิงกล่าวพลางมองไปยังทอร์เร้นที่ให้ความสนใจเขาอย่างใกล้ชิดตั้งแต่เขาเข้ามา “ฉันมาที่นี่เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ของไซเร้นวอร์นเดอร์”


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม หากคุณต้องการยืนยันว่าเธอเป็นสมาชิกของสภาสิบแปดปีก ไม่ใช่ของหอการค้าอาซู ดังนั้นจึงไม่จำเป็นจะต้องมาพัฒนาในไวโอเล็ตซอร์ด คุณไม่จำเป็นต้องกังวล ฉันจะบอกพวกระดับสูงของฉันให้ปล่อยไซเร้นวอร์นเดอร์ไปสักคน” ไวน์ไฟเตอร์กล่าว


สภาสิบแปดปีกไม่ได้มีอำนาจมากนักในทวีปด้านตะวันตก แต่ศักยภาพของกิลก็จัดว่าน่าเหลือเชื่อมาก และในเรื่องการจะกลายเป็นศัตรูกับกึ่งมหาอำนาจกิลนี้เพราะไซเร้นวอร์นเดอร์แค่คนเดียว มันจึงไม่คุ้มค่าเลย


นอกจากนี้ไวโอเล็ตซอร์ดยังจะสามารถทำตามแผนการของตัวเองได้ แม้ว่าจะไม่มีไซเร้นวอร์นเดอร์ และที่แย่ที่สุดแผนของพวกเขาก็อาจจะต้องล่าช้าออกไปหน่อยเท่านั้นกว่าจะเสร็จสมบูรณ์


ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทซีอุสยังเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ไวโอเล็ตซอร์ดยืนกรานจะเอาไซเร้นวอร์นเดอร์มาที่นี่ ซึ่งการที่บริษัททำแบบนี้นั่นก็เพราะ พวกเขารู้ดีว่าตระกูลหลงจะต้องปฎิเสธพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงคิดจะเชือดไก่ให้ลิงดูโดยใช้ตระกูลหลงเป็นตัวอย่าง เพื่อที่บริษัทจะได้รวมอำนาจภายใต้การบังคับบัญชาของบริษัทเข้ามาได้ โดยบริษัทใช้ไวโอเล็ตซอร์ดเพื่อทำเรื่องนี้


หลงหวู่ชางนั้นตกตะลึงอย่างมาก เมื่อได้ยินคำพูดที่พูดขึ้นมาอย่างรวดเร็วของไวน์ไฟเตอร์


เรื่องไซเร้นวอร์นเดอร์ได้รับการจัดการแล้ว ทั้งๆแบบนี้เลยงั้นหรอ ?


ตระกูลหลงนั้นได้พยายามเจรจากับบริษัทซีอุสและไวโอเล็ทซอร์ดมาหลายครั้ง แต่ทั้งสองก็ปฎิเสธพวกเขาเสมอ แถมพวกเขายังไปไกลถึงขนาดใช้สิทในการปกครองหอการค้าอาซูเข้าข่มขู่ตระกูลหลง


แต่ตอนนี้เมื่อซือเฟิงมาเยี่ยมเยียนไวโอเล็ตซอร์ดในครั้งแรก และกล่าวถึงไซเร้นวอร์นเดอร์แค่สั้นๆ ไวน์ไฟเตอร์กับตกลงที่จะยอมแพ้เรื่องเธออย่างง่ายดาย หลงหวู่ชางรู้สึกว่าตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ในสถานที่พักกิลที่ไม่ถูกต้อง


แม้แต่ปากของไซเร้นวอร์นเดอร์ก็ยังอ้ากว้างด้วยความประหลาดใจกับเรื่องนี้ เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการเจรจาจะดำเนินไปอย่างราบรื่นแบบนี้


อย่างไรก็ตามระหว่างที่ทุกคนคิดว่าการเจรจาสิ้นสุดลงแล้ว ซือเฟิงก็ส่ายหัวขึ้นมา และพูดว่า “ไม่ใช่ ฉันเชื่อว่าคุณน่าจะเข้าใจผิดไปบางอย่าง ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้”


“ถ้าอย่างนั้นคุณอยากจะคุยอะไร ?” “ไวน์ไฟเตอร์ถามอย่างงงๆ


นี่สภาสิบแปดปีกไม่ได้มาที่นี่เพื่อปรามแผนการของไวโอเล็ทซอร์ดงั้นหรอ ?


“สภาสิบแปดปีกต้องการจะเป็นพันธมิตรกับไวโอเล็ทซอร์ด ฉันรู้ว่ากิลของคุณได้เปิดดินแดนลับโบราณ ซึ่งต้องใช้เครื่องพิเศษในการเข้าไป ดังนั้นฉันจึงคิดว่ากิลของเราน่าจะทำงานร่วมกันได้ โดยสภาสิบแปดปีกต้องการช่องไม่มากนัก แค่ร้อยช่องก็พอ ….” ซือเฟิงกล่าว


ความจริงที่ว่าไวโอเล็ทซอร์ดอาศัยดินแดนลับโบราณเพื่อเพิ่มความเร็วในการพัฒนานั้นไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับเลยในชีวิตที่ผ่านมาของเขา และช่วงเวลาที่หลงหวู่ชางปรากฎตัวขึ้นที่สถานที่พักกิลของสภาสิบแปดปีกครั้งแรก ซือเฟิงก็จำเรื่องนี้ขึ้นมาได้ทันที


ดินแดนลับโบราณนั้นถือเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ ให้สำเร็จ และมันก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ไวโอเล็ทซอร์ดเลี้ยงดูผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ขึ้นมาได้มากมาย ในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิง ในความเป็นจริงตอนนั้นกิลมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่มากกว่าซุเปอร์กิลทั่วไปราวสองเท่าเลยทีเดียว


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม นี่คุณบ้ารึปล่าว ? คุณไม่รู้หรอว่าดินแดนลับนั่นมีช่องทั้งหมดกี่ช่อง ? คุณกำลังขอครึ่งหนึ่งของที่เรามีในตอนนี้เลยนะ !!!” คริมสันสตาร์พูดแทรกขึ้นมา


ดินแดนลับโบราณนั้นเป็นโอกาสดีที่จะทำให้ความแข็งแกร่งของไวโอเล็ทซอร์ดพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด ดังนั้นทุกช่องมันจึงมีค่ามากอย่างไม่น่าเชื่อ แต่สภาสิบแปดปีกกับเรียกร้องขอถึงครึ่งหนึ่ง แม้คริมสันสตาร์จะมีบุคลิกที่ค่อนข้างโอนอ่อนตามสถานการณ์ แต่เธอก็ยังอดจะคิดไม่ได้ว่าซือเฟิงบ้าไปแล้ว


แถมเท่าที่ฟัง ซือเฟิงยังพูดแบบอ้อมๆโดยเสนอแค่ให้ปรมาจารย์นักเล่นแร่แปรธาตุขั้นสูงให้ความช่วยเหลือไวโอเล็ตซอร์ด นี่เขาคิดว่าไวโอเล็ทซอร์ดไม่มีบุคลากรด้านนี้ของตัวเองเลยรึไง ?


“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันสัญญาว่าฉันสามารถจะช่วยคุณเข้ายึดดินแดนลับโบราณนี้ได้” ซือเฟิงกล่าวอย่างไม่เร่งรีบพลางหัวเราะเบาๆ


“ยึด ? นี่คุณคิดว่าที่นั่นเป็นสถานที่แบบไหนกัน ? คุณจะยึดครองดินแดนลับโบราณโดยใช้ผู้เชี่ยวชาญสิบคนที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วงั้นหรอ ?” คริมสันสตาร์กล่าวอย่งเยาะเย้ย


ผู้เชี่ยวชาญที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วจัดว่ามีค่ามากในตอนนี้ แต่ไวโอเล็ตซอร์ดก็สามารถจะได้รับมาด้วยตัวเองได้แน่นอนจำนวนหนึ่ง ในอีกไม่ถึงสองสัปดาห์ เพราะท้ายที่สุดตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนของกิลก็ก้าวหน้าไปมากแล้ว และไวโอเล็ตซอร์ดจะสามารถยึดดินแดนลับโบราณนี้ได้แน่โดยไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากสภาสิบแปดปีก ซึ่งอย่างมากมันก็จะช้าหน่อยแค่นั้น

“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันเสนอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญขั้นสามหนึ่งร้อยคนที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว ? …” ซือเฟิงถามพลางยิ้มให้กับคริมสันสตาร์อย่างสุภาพ


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)