Reincarnation Of The Strongest Sword God 2735-2737

 ตอนที่ 2735 God domain ที่แตกต่าง และการตัดสินใจของสภาสิบแปดปีก


“ทำไมถึงมี NPC มากมายขนาดนี้กัน ?” เพอเพิ้ลเจดแทบไม่เชื่อสายตาของเธอ ขณะที่เธอมองไปยัง NPC ที่คุยกันอยู่อย่างสนุกสนานบนถนนสายหลัก


ตำแหน่งในปัจจุบันที่พวกเขาอยู่นั้นคือประเทศที่เป็นหมู่เกาะในทวีปด้านตะวันตกซึ่งมีสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายอย่างไม่น่าเชื่อ เป็นผลให้จำนวนผู้เล่นของที่นี่นั้นมีน้อยมากๆ ไม่ต้องพูดถึงประชากร NPC เลย และหากไม่ใช่เพราะการค้าที่เพิ่มขึ้นระหว่างทวีปหลักสองด้านซึ่งดึงดูดมหาอำนาจและพ่อค้าจำนวนมากมายังจักรวรรดิไต้ฝุ่น จำนวนผู้คนที่เดินอยู่บนถนนสายหลักนั้นจะไม่เกินหนึ่งร้อยคนเลย ดังนั้นสถานการณ์นี้มันจะเป็นไปได้ยังไง ?


แต่ตอนนี้เธอกับเห็น NPC มากกว่าหนึ่งพันคนอยู่บนถนนสายหลัก ซึ่งในหม่ NPC เหล่านี้มันก็มี NPC นักผจญภัยจำนวนมาก โดยผู้เล่นนั้นจะเป็นเพียงกลุ่มเล็กๆของสิ่งมีชีวิตที่ไม่ธรรมดาเหล่านี้เท่านั้น


หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หยวนเทียนซินก็หันกลับมา และถามแรนเจอร์ขั้นสามว่า “คุณได้ตรวจสอบต้นกำเนิดของ NPC เหล่านี้แล้วรึยัง ?”


“เราได้ทำการตรวจสอบแล้ว อย่างไรก็ตามเราไม่รู้เลยว่า NPC พวกนี้มาจากไหน สิ่งเดียวที่เรารู้คือ NPC เหล่านี้ดูเหมือนจะปรากฎตัวขึ้นมาโดยตรงในเมือง NPC ต่างๆ” แรนเจอร์ขั้นสามตอบพลางส่ายหัว เขากล่าวต่ออย่างกังวลว่า “การปรากฎตัวของ NPC เหล่านี้ทำให้จำนวนเควสที่มีอยู่ในสมาคมนักผจญภัยลดลงอย่างมาก และจำนวนเควสที่ผู้เล่นสามารถรับได้มันก็ลดลงไปอย่างต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้น ….”


“มีอะไรอีก …” หยวนเทียนซินถามอย่างสงสัย


“ตามรายงานที่เราได้รับมา มันมีผู้เล่นหลายคนถูกฆ่าโดย NPC หลังจากที่มีปัญหากับพวก NPC นอกเมือง อย่างไรก็ตามสิ่งนี้มันยังไม่ใช่ส่วนที่สำคัญที่สุด” แรนเจอร์กล่าว ก่อนที่เขาจะพูดด้วยน้เสียงที่ไม่สบายใจต่อว่า “ตอนนี้มันมี NPC จำนวนมากที่ได้หลั่งไหลเข้าสู่เมืองกิลต่างๆ และ NPC บางคนก็แสดงพฤติกรรมที่ไม่ดีมากๆ ก่อให้เกิดปัญหา และเหตุการณ์มากมาย ขณะเดียวกันที่สำคัญที่สุดจากที่เราสังเกตเห็นก็คือ กองกำลังของ NPC ต่างๆกำลังทำการสืบค้นข้อมูลของพวกเราอย่างลับๆ”


“เป็นไปได้ยังไงกัน ?!” เพอเพิ้ลเจดอุทานด้วยความตกตะลึง

เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันนี้จะมาถึง NPC ที่แต่เดิมรู้แต่วิธีการมอบเควสให้กับผู้เล่น กำลังเริ่มทำการสืบค้นข้อมูลของพวกเขาอย่างลับๆ แค่คิดถึงจุดนี้มันก็น่าขนลุกแล้ว …. ตอนนี้มันราวกับว่าตุ๊กตาที่พวกเขาเคยเล่นด้วยนั้นมีชีวิตขึ้นมา และเริ่มสังเกตการกระทำของพวกเขาทุกอย่าง ….


ในเวลานี้ศาลาลับ ไม่ใช่แค่กลุ่มเดียวที่รู้สึกตกใจกับการไหลเข้ามาอย่างกระทันหันของ NPC จำนวนมาก มหาอำนาจต่างๆและผู้เล่นทั้งหมดของ God domain ก็ล้วนหวาดผวากับสถานการณ์นี้เช่นกัน


“มันเกิดอะไรขึ้นกัน ? ทำไมถึงมี NPC จำนวนมากมาแข่งขันกับเราในเรื่องการทำเควส ?”


“นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด !! ฉันรู้สึกว่า NPC เหล่านี้กำลังมองมาที่พวกเรา ผู้เล่นราวกับว่าพวกเขากำลังมองมาที่เอเลี่ยน !!! บาร์บางแห่งในเมืองต่างๆก็เริ่มปฎิเสธไม่ให้ผู้เล่นเข้าถึงแล้ว !!!”


“คุณคิดว่าแค่นั้นมันน่าแปลกใจงั้นหรอ ? รอจนกว่าคุณจะออกเดินทางไปยังแผนที่ล่านอกเมืองก่อนเถอะ ตอนนี้ NPC ในแผนที่ล่ามีจำนวนมากกว่าผู้เล่นอย่างเราด้วยซ้ำ และ NPC เหล่านี้บางกลุ่มก็ได้ขโมยดันเจี้ยนของเราไปด้วย !!!”


ในช่วงเวลาหนึ่งเหล่าผู้เล่นอิสระนั้นได้พูดคุยกันอย่างดุเดือดมากๆเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันของ God domain


ทุกคนรู้สึกราวกับว่าตอนนี้พวกเขาได้มาถึงโลกที่แตกต่างออกไปอย่างแท้จริง ตอนนี้นอกจากผู้เล่นคนอื่นๆแล้ว พวกเขาก็ยังต้องแข่งขันกับ NPC ด้วย ยิ่งไปกว่านั้น NPC เหล่านี้ยังจัดการได้ยากกว่าผู้เล่นซะอีก


NPC เหล่านี้ไม่เพียงแต่จะทรงพลังเท่านั้น แต่พวกเขายังมีข้อได้เปรียบเหนือผู้เล่นด้วย ข้อได้เปรียบเพียงอย่างเดียวที่ผู้เล่นมีคือผู้เล่นจะไม่ได้ตายแบบถาวร


อย่างไรก็ตามราวกับว่าพวก NPC เข้าใจประเด็นนี้เป็นอย่างดี ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว พวกเขาก็จะไม่อยากสร้างความบาดหมางกับผู้เล่น เว้นแต่ว่าผู้เล่นคนนั้นๆจะทำให้พวกเขาขุ่นเคืองมากจริงๆ มันจะมีก็แต่ NPC จากกองกำลังสายความมืดเท่านั้นที่จะไม่สนเรื่องนี้


แถมพูดกันตามตรง เมื่อเทียบกับบรรดาผู้เล่นอิสระแล้ว มหาอำนาจต่างๆนั้นมีเรื่องให้ปวดหัวเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนี้มากกว่ามาก


“แม่งเอ้ย !! NPC ทั้งหมดนี้มาจากไหนกัน ?!!”


“แทนที่จะอยู่แต่ในเมืองของ NPC พวก NPC เหล่านี้กลับเริ่มมาสร้างปัญหาใน

เมืองกิลต่างๆของเรา ซึ่งนี่มันทำให้ธุรกิจของเราไม่สามารถจะดำเนินการไปได้ตามปกติ และมันก็เป็นเพราะ NPC พวกนี้เลย !!!”


“นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด !!! มันมี NPC บางกลุ่มที่ทำการปล้นเหมืองและทีมขนส่งของเราด้วยซ้ำ !!!”


นอกเหนือจากการหลั่งไหลเข้ามาอย่างฉับพลันของ NPC จำนวนมหาศาลแล้ว มหาอำนาจต่างๆก็พบว่าความยากลำบากในการรักษาความปลอดภัยของเมืองกิล และการทำเควสขนส่งขนาดใหญ่นั้นมันเพิ่มขึ้นอย่างมาก ขณะเดียวกันนี่มันก็ทำให้มหาอำนาจบางกลุ่มได้ลิ้มรสกับการถูก “รังแก” ครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เข้าสู่ God domain


อย่างไรก็ตามผู้เล่นในปัจจุบันนั้นไม่สามารถจะแข่งขันกับกองกำลัง NPC เหล่านี้ได้ และแม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็ยังไม่มีทางเลือก นอกจากต้องละทิ้งแผนการพัฒนาจำนวนมากของพวกเขาและมุ่งเน้นไปที่การป้องกันดินแดนของตัวเอง สำหรับกิลขนาดใหญ่บางกิล พวกเขาเริ่มคิดจะละทิ้งเมืองกิลบางเมืองของพวกเขาเพื่อมาเน้นป้องกันเมืองกิลที่สำคัญๆของตัวเอง ….


ในช่วงเวลาหนึ่งขอบเขตการปฎิบัติการของกองกำลังผู้เล่นใน God domain นั้นมันลดลงอย่างรวดเร็ว และในขณะเดียวกันพวกกิลขนาดใหญ่ต่างๆก็เริ่มพยายามรับสมัครผู้เล่นจำนวนมากเข้ามาเพื่อใช้ปกป้องดินแดนของตัวเอง


เมืองปีกสีเงิน สถานที่พักกิลสภาสิบแปดปีก :


เนื่องจากการเพิ่มขึ้นอย่างกระทันหันของประชากร NPC ในเกม และเหตุการณ์ต่างๆอีกมากมายที่ตามมาจากเรื่องนี้ มันจึงส่งผลให้พวกผู้บริหารระดับสูงของสภาสิบแปดปีกมารวมตัวกันเพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีการจัดการกับ NPC เหล่านี้


“หัวหน้ากิล ตอนนี้กิลต่างๆรวมไปถึงมหาอำนาจแทบทั้งหมดกำลังเริ่มทำการรับสมัครสมาชิกกันอย่างบ้าคลั่งเพื่อเอามาใช้ปกป้องดินแดนของพวกเขา แถมพวกเขาใช้เงินจำนวนมากเพื่อจ้าง NPC ขั้นสามจากสมาคมนักผจญภัยมาปกป้องเมืองกิลของพวกเขา ถ้าเราไม่รีบลงมือ และเคลื่อนไหวในตอนนี้ ฉันกลัวว่าเหล่า NPC ขั้นสามที่ทรงพลังจะถูกคนอื่นแย่งไปทั้งหมด” เหลียงจิงพูดกับซือเฟิงอย่างกังวล หลังจากอ่านรายงานล่าสุดถึงเรื่องที่มันมี NPC จำนวนมากไหลบ่าเข้ามาอย่างกระทันหัน และทำให้ผู้เล่นจำนวนมากต้องเริ่มระมัดระวังตัวเองมากขึ้น


ในตอนแรกการเปลี่ยนแปลงของ NPC หลังจากการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรกนั้นนับเป็นปัญหาเล็กน้อยเท่านั้น แต่ตอนนี้ประชากร NPC กับมีจำนวนมากกว่าผู้เล่นแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่ใช่แค่ปัญหาเล็กน้อยอีกต่อไป แต่มันเป็นหายนะ ….


เมืองกิลทั้งสามแห่งของสภาสิบแปดปีกนั้นล้วนตั้งอยู่ในสถานที่เชิงกลยุทธ์ทั้งหมด และพวกเขาก็มีศักยภาพในการเติบโตที่ไม่น่าเชื่อ ในขณะเดียวกันตามข้อมูลที่ลูกน้องของเหลียงจิงส่งมาให้ มันมีกองกำลัง NPC จำนวนมากที่ได้เริ่มตั้งเป้าหมายมาที่เมืองกิลของสภาสิบแปดปีกแล้ว โดยกองกำลัง NPC เหล่านี้ยังไม่เริ่มเคลื่อนไหวก็เพราะพวกเขายังคงต้องการจะตรวจสอบความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีกก่อน ซึ่งเมื่อพวกเขาทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็จะเริ่มดำเนินการในทันทีแน่นอน และหากกองกำลังของ NPC เริ่มดำเนินการ มันก็อาจจะสร้างปัญหาได้มากกว่ากองกำลังของผู้เล่นมากๆ แถมพูดกันตามตรงในปัจจุบัน โดยที่ไม่ต้องมองถึงอนาคต ตอนนี้มันก็มีความเป็นไปได้ในการเผชิญหน้ากันที่เพิ่มมากขึ้นมาก และแม้ว่ากองกำลัง NPC เหล่านี้จะเลือกไม่โจมตีเมืองกิลของสภาสิบแปดปีก แต่พวกเขาก็ยังจะสามารถซุ่มโจมตีเส้นทางการค้าของเมืองกิลได้ รวมทั้งซุ่มโจมตีเป้าหมายที่อ่อนแอในเส้นทางการค้านี้ได้ ซึ่งมันก็จะนับเป็นฝันร้ายสำหรับสภาสิบแปดปีกเลย


ดังนั้นตอนนี้สภาสิบแปดปีกจึงต้องเพิ่มการป้องกันตัวเองให้มากที่สุด


“ใช่แล้ว !!! หัวหน้ากิล ถ้าเราชักช้ากิลขนาดใหญ่รวมไปถึงมหาอำนาจต่างๆ จะขโมย NPC ขั้นสามที่ทรงพลังไปทั้งหมดนะ !!!”


พวกผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆพยักหน้าเห็นด้วยกับเหลียงจิง ในสถานการณ์ปัจจุบัน แม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็ยังต้องยอมลดอีโก้ของพวกเขาลงและทำการว่าจ้าง NPC จากสมาคมนักผจญภัย หากสภาสิบแปดปีกไม่รีบดำเนินการตอนนี้ มันอาจจะสายเกินไปก็ได้


เพราะท้ายที่สุดแล้วมันมี NPC ขั้นสามให้เลือกว่าจ้างอยู่อย่างจำกัดในสมาคมนักผจญภัย และหากกิลขนาดใหญ่ รวมไปถึงมหาอำนาจต่างๆเลือกไปทั้งหมดแล้ว มันก็จะไม่มีอะไรเหลือเลยสำหรับสภาสิบแปดปีก


แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะมีองครักษ์ส่วนตัวขั้นสามที่ทรงพลังมากมาย แต่จำนวนขององครักษ์ส่วนตัวเหล่านี้ก็ยังคงห่างไกลจากคำว่าเพียงพอมากๆ ในการจะใช้ปกป้องเมืองกิลของสภาสิบแปดปีกทั้งสามเมือง


ยิ่งไปกว่านั้นความยากลำบากในการรับสมัครองครักษ์ส่วนตัวขั้นสามโดยตรงมันก็

สูงมากๆ และอย่างดีที่สุดผู้เล่นส่วนใหญ่ก็จะสามารถรับสมัครได้แค่ NPC ขั้นสองที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงเท่านั้น นอกจากนี้องครักษ์ส่วนตัวนั้นผู้เล่นก็ยังจะต้องใช้เงินและทรัพยากรจำนวนมากในการเลี้ยงดูพวกเขา และหากองครักษ์ส่วนตัวเหล่านี้ตายลง มันก็จะนับเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ด้วย ….


อย่างไรก็ตาม NPC ของสมาคมนักผจญภัยจะไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาแบบนี้ และแม้ว่า NPC เหล่านี้จะตายลง แต่สภาสิบแปดปีกก็จะไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร กิลไม่จำเป็นจะต้องใช้จ่ายเงินจำนวนมากเพื่อชุบชีวิต NPC เหล่านี้


“นั่นไม่จำเป็น …” ซือเฟิงส่ายหัว “แม้ว่าการจ้าง NPC ขั้นสามจากสมาคมนักผจญภัยจะนับเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดี แต่มันก็ไม่ใช่วิธีที่ควรจะใช้ในระยะยาว ค่าจ้าง NPC เหล่านี้มันแพงมากเกินไป NPC ขั้นสามคนใดๆก็ตามแบบสุ่มที่เราไปจ้างจากสมาคมนักผจญภัยจะมีราคาค่าจ้างอย่างน้อยหนึ่งร้อยเหรียญทองต่อวัน ซึ่งในการที่จะจ้าง NPC เหล่านี้มาป้องกันเมืองขนาดใหญ่ขั้นพื้นฐานหรือสูงกว่าขึ้นไป มันก็จะต้องจ้างห้าร้อยคนเป็นอย่างน้อย และมันก็จะคิดเป็นค่าใช้จ่ายราวห้าหมื่นเหรียญทองต่อวัน”


มีเพียงมหาอำนาจต่างๆเท่านั้นที่จะสามารถจ่ายค่าจ้างราวห้าหมื่นเหรียญทองต่อวันให้กับ NPC ขั้นสามที่พวกเขาว่าจ้างมาทำหน้าที่ป้องกันเมืองหนึ่งแห่งได้ อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องที่แตกต่างกันออกไปสำหรับสภาสิบแปดปีก เดิมทีสภาสิบแปดปีกก็ใช้เงินเป็นจำนวนมากทุกวันอยู่แล้ว ในความเป็นจริงกิลยังพึ่งพาการขายเงินเหรียญใน God domain เป็นเครดิต เพื่อรักษาการดำเนินงานในสำนักงานใหญ่หลักในโลกแห่งความจริงด้วย ดังนั้นกิลจึงไม่สามารถจะจ้าง NPC ขั้นสามจำนวนมากมาปกป้องเมืองกิลได้เลย


“แต่ตอนนี้มันเริ่มมี NPC จำนวนไม่น้อยที่เข้ามาสร้างความวุ่นวายในเมืองกิลของเรา ซึ่งก็โชคดีที่เรามี NPC ขั้นสี่คอยป้องกันเมืองอยู่ ดังนั้นกองกำลัง NPC เหล่านี้จึงยังคงระมัดระวังในการจะก่อเหตุต่างๆในเมืองของเรา อย่างไรก็ตามหากกองกำลัง NPC เหล่านี้ดำเนินการกับเรานอกเมืองของเรา เราจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากๆในการจัดการกับสถานการณ์” ยู่หลานกล่าวอย่างกังวล


ก่อนหน้านี้เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามของพวกเขาเป็นผู้เล่นเท่านั้น พวกเขาจึงยังสามารถจะรับมือกับสถานการณ์ได้ อย่างไรก็ตามตอนนี้ฝ่ายตรงข้ามของพวกเขามันมี NPC ขั้นสามที่มีเลเวลตั้งแต่หนึ่งร้อยสามสิบไปจนถึงหนึ่งร้อยหกสิบด้วย ดังนั้นสภาสิบแปดปีกจึงตกอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลมมากๆอย่างไม่น่าเชื่อ


ในบรรดานักสู้ทั้งหมดของสภาสิบแปดปีก พวกเดียวที่จะสามารถต่อสู้กับ NPC ที่เป็นศัตรูได้ก็คือเหล่าองครักษ์ส่วนตัวของกิลเท่านั้น อย่างไรก็ตามองครักษ์ส่วนตัวเหล่านี้ก็จำเป็นสำหรับการใช้รักษาความสงบเรียบร้อยในเมือง


“เลิกห่วงเรื่องนี้เถอะน่า ….” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ


“??!!” ยู่หลานตกตะลึงกับคำพูดของซือเฟิง


เลิกห่วง ?


ในขณะนี้นับประสาอะไรกับยู่หลาน พวกผู้บริหารระดับสูงของสภาสิบแปดปีกคนอื่นๆก็ตกตะลึงมากเช่นกัน


ซือเฟิงหมายถึงอะไรกัน ?


หากพวกเขาเลิกสนใจสถานการณ์นี้ไป แล้วเมืองกิลทั้งสามจะสร้างรายได้ให้กับพวกเขาเท่าเดิมหรือมากกว่านี้ได้อย่างไร ?


หากเมืองกิลของพวกเขาต้องสูญเสียเส้นทางการค้าไป สินค้ต่างๆาที่ NPC นำมาขายนั้นก็จะเริ่มน้อยลงจนหายไปจากเมือง ซึ่งหากปล่อยให้เป็นแบบนี้ เมืองกิลของพวกเขาก็จะมีแรงดึงดูดให้ผู้เล่นเข้ามาน้อยลง ยิ่งไปกว่านั้นนี่ยังไม่นับรวมเรื่องภาษีที่เก็บจากพ่อค้า NPC ที่สร้างรายได้จำนวนมหาศาลให้กับกิลอีก


“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เมืองกิลทั้งสามของสภาสิบแปดปีก จะห้ามไม่ให้ NPC ที่ไม่เกี่ยวข้องหรือไม่มีมีธุรกิจการใดๆเข้าสู่เมือง สำหรับพ่อค้า NPC เราจะกำหนดข้อยกเว้นสำหรับพวกเขา อย่างไรก็ตามร้านค้าแต่ละแห่งจะได้รับอนุญาติให้นำคนเข้ามาในเมืองเพียงสิบคนเท่านั้น” ซือเฟิงกล่าวอย่างใจเย็น “นอกจากนี้ให้เพิ่มค่าเข้าเมืองทั้งสามเมืองเป็นยี่สิบเหรียญเงินต่อคน และเพิ่มค่าเช่าร้านค้าเป็นสองเท่า อย่างไรก็ตามพวกที่เป็นพันธมิตรของเราจะได้รับส่วนลดยี่สิบเปอเซ็นต์ทั้งหมด”


“หัวหน้ากิล ?” ทุกคนในห้องประชุมอ้าปากค้างให้กับคำพูดล่าสุดของซือเฟิง


หากพวกเขาทำตามวิธีของซือเฟิง พวกเขาจะสามารถแก้ปัญหาเรื่อง NPC ในทั้งสามเมืองได้ก็จริง แต่มันก็จะนำมาซึ่งการหยุดชะงักของการพัฒนาของเมืองทั้งสามเช่นกัน เพราะท้ายที่สุด ผู้เล่นต้องได้รับเควสจาก NPC เหล่านี้ ยิ่งไปกว่านั้นไอเทมมากมายที่ถูกขายในสามเมืองนั้น มันยังถูกขายโดย NPC พวกนี้เป็นส่วนใหญ่ หากพวกเขาปฎิเสธไม่ให้ NPC ส่วนใหญ่เข้าสู่เมืองแบบนี้ รายได้ทั้งสามเมืองของพวกเขาจะลดลงครึ่งหนึ่งแน่นอน


สำหรับการเพิ่มค่าเข้าเมืองเป็นยี่สิบเหรียญเงินต่อคน และเพิ่มค่าเช่าร้านค้าเป็นสองเท่า โดยทั่วไปแล้วนี่มันจะไม่ต่างจากการที่สภาสิบแปดปีกพยายามจะไล่ผู้เล่นออกจากเมืองกิลทั้งสามเมืองของตัวเองเลย


สภาสิบแปดปีกจะขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ หากพวกเขาดำเนินการตามมาตราการเหล่านี้


“แค่ไปจัดการตามที่ฉันสั่งเถอะน่า ฉันมีเหตุผลของฉัน ….” ซือเฟิงกล่าวโดยไม่ได้คิดจะให้คำอธิบายเพิ่มเติมใดๆ ก่อนที่เขาจะรีบออกไปจากห้องประชุมทันที เมื่อการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรกเกิดขึ้นในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา มหาอำนาจต่างๆล้วนมีผู้เล่นขั้นสามอยู่มากมายภายใต้คำสั่งของพวกเขาแล้ว ขณะที่มหาอำนาจบางกลุ่มมีกระทั่งผู้เล่นขั้นสี่จำนวนหนึ่งด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามในปัจจุบันไม่เพียงแต่การเพิ่มขึ้นของประชากร NPC จะมาเร็วกว่าในอดีตมาก แต่มหาอำนาจต่างๆยังมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามอยู่ไม่มากนักเลยภายใต้การคำสั่งของพวกเขา ดังนั้นความเสียหายที่มหาอำนาจต่างๆจะต้องประสบในเรื่องราวครั้งนี้มันจะมากมายกว่าในชีวิตที่ผ่านมาของเขาแน่นอน


ในขณะเดียวกันตอนนี้แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะมีความแข็งแกร่งสูงมาก และมี NPC ขั้นสี่อยู่ภายใต้คำสั่งจำนวนหนึ่ง แต่มันก็ยังเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับพวกเขาที่จะรักษาความปลอดภัยของเมืองกิลทั้งสามให้ได้ด้วยกำลังคนในปัจจุบัน


ดังนั้นทางออกเดียวที่สภาสิบแปดปีกมีในตอนนี้ก็คือการต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาด และห้ามไม่ให้ NPC เข้าสู่เมืองกิล หลังจากนี้ซือเฟิงก็จะให้สมาชิกของสภาสิบแปดปีกเริ่มเข้าสู่หอคอยแห่งพันธสัญญาลับเพื่อไปเก็บเลเวลและเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเองให้ไวที่สุด ไม่งั้นด้วยสถานการณ์ตอนนี้ เมื่อกองกำลัง NPC เริ่มโจมตีเมื่อไหร่ สภาสิบแปดปีกก็จะต้องประสบกับปัญหามากมายแน่นอน


หลังจากนั้นไม่นานเมืองกิลทั้งสามแห่งของสภาสิบแปดปีกก็ได้ประกาศการตัดสินใจของซือเฟิงให้สาธารณชนได้รับรู้ ซึ่งนี่มันก็ทำให้ทั้งสามเมืองตกอยู่ในความโกลาหลทันที


ตอนที่ 2736 สภาสิบแปดปีกที่บ้าไปแล้ว


ป่าใบไม้ผลิ เมืองป่าหิน โรงแรมอิสระ :


“นี่สภาสิบแปดปีกกำลังคิดอะไรอยู่ ?” มู่หลิงชาซึ่งกำลังพักผ่อนอยู่ในห้องในโรงแรมอิสระยืนขึ้นด้วยความประหลาดใจ เมื่อเธอเห็นประกาศล่าสุดของสภาสิบแปดปีกในเมืองป่าหิน “ห้าม NPC เข้าเมืองในช่วงเวลานี้เนี่ยนะ ? แม้แต่เมืองป่าหินก็จะไม่สามารถทนการสูญเสียแบบนี้ได้ !!!”


หลังจากได้อ่านประกาศของเมือง อันยีลดิ้งฮาร์ทที่นั่งอยู่ใกล้ๆก็มีท่าทีครุ่นคิด ก่อนจะพูดว่า “แต่นี่มันก็เป็นวิธีหนึ่งในการแก้ปัญหาเรื่อง NPC นะ”


“ด้วยต้นทุนที่คิดเป็นรายได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของเมืองเนี่ยนะ ? นี่มันจะไม่มากเกินไปหน่อยงั้นหรอ ? ยิ่งไปกว่านั้นสภาสิบแปดปีกยังเพิ่มค่าเข้าเมืองเป็นยี่สิบเหรียญเงินต่อคน เพื่อชดเชยการสูญเสียนี้ ฉันคิดว่าผู้เล่นทั่วไปน่าจะรับกับค่าเข้าเมืองนี้ไม่ได้นะ และแม้แต่เมืองป่าหินในปัจจุบันก็ยังจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากนการรักษาฐานผู้เล่นไว้แน่นอน ไม่ต้องพูดถึงเมืองกิลอีกสองเมืองของสภาสิบแปดปีกเลย” มู่หลิงชากล่าวด้วยความสับสน “ฝั่งของโลกแห่งความมืดเองก็กำลังจับตาดูเราอยู่ หากเราแสดงสัญญาแห่งความอ่อนแอออกมา ฝั่งโลกแห่งความมืดก็จะเริ่มเคลื่อนไหวแน่นอน”


“ฉันไม่รู้เหตุผลที่แน่ชัดในการตัดสินใจของสภาสิบแปดปีกหรอกนะ แต่นี่ก็นับเป็นข่าวดีสำหรับกิลเราอย่างไม่ต้องสงสัย” อันยีลดิ้งฮาร์ทกล่าวด้วยรอยยิ้ม


“การเพิ่มค่าเข้าเมืองป่าหินแบบนี้ มันจะทำให้ผู้เล่นหลายคนเลือกจะถอยหนีไปอย่างไม่ต้องสงสัย ในขณะเดียวกันคุณก็รู้ดีนี่ว่าสภาพแวดล้อมในเมืองป่าหินนั้นยอดเยี่ยมมากขนาดไหน มันนับเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดที่ตั้งอยู่ในแผนที่เป็นกลางเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยสำหรับผู้เล่นที่ต้องการจะกำจัดพลังงานแปลกปลอมออกจากร่างกายของพวกเขา นอกจากนี้มันก็ยังไม่มีสิ่งใดที่จะสามารถเทียบกับโรงแรมอิสระได้เลยในขณะนี้” อันยีลดิ้งฮาร์ทอธิบาย “หากผู้เล่นเริ่มถอยหนีออกจากเมืองป่าหิน มันก็จะมีห้องว่างในโรงแรมอิสระมากขึ้นแน่นอน ซึ่งเราสามารถจะให้สมาชิกกิลของเราเข้ามาเติมเต็มห้องว่างเหล่านี้ได้”


“คุณพูดถูก ….” ดวงตาของมู่หลิงชาเปล่งประกาย เมื่อเธอเริ่มตระหนักได้ถึงเรื่องราวทั้งหมดจากคำอธิบายของอันยีลดิ้งฮาร์ท “ฉันจะแจ้งไปยังหัวหน้ากิล และให้เขาเตรียมการที่จำเป็นทันที”

ก่อนการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรก เมืองป่าหินนั้นมีผู้คนหนาแน่นอย่างมาก ในขณะเดียวกันการที่เมืองมี NPC หลั่งไหลเข้ามามากขึ้นอย่างกระทันหัน มันก็ทำให้เมืองแออัดมากขึ้นเท่านั้น และประชากรของเมืองนั้นก็เพิ่มขึ้นมากซะจนผู้จัดการเมืองไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเริ่มจำกัดการเดินทางเข้าเมือง ซึ่งหาก NPC และผู้เล่นหลายคนจำเป็นจะต้องออกจากเมืองป่าหิน มันก็จะเป็รโอกาสดีสำหรับอันยีลดิ้งโซลในการจะพัฒนาที่นี่


เมืองป่าหินนั้นเป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลางแค่ไม่กี่แห่งใน God domain ที่มีผู้เล่นเป็นเจ้าของ หากอันยีลดิ้งโซลสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ได้ เลเวลเฉลี่ยของสมาชิกกิลของพวกเขาก็อาจจะสูงกว่ากิลอื่นๆ


จักรวรรดิออร์ค เมืองปีกสีเงิน :


“นี่มันบ้าชัดๆ !! สภาสิบแปดปีกต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ !!!”


“ไอ้เรื่อง NPC ถูกขับไล่ออกไปน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ทำไมค่าเช่าถึงต้องแพงขึ้นด้วย ? นี่มันจะต้องเป็นแผนของสภาสิบแปดปีกแน่นอน !!! สภาสิบแปดปีกคงคิดจะขับไล่ผู้เล่นพ่อค้าอย่างพวกเราออกไปจากเมืองปีกสีเงินด้วย !!!”


“สภาสิบแปดปีกนั้นยอดเยี่ยมมากๆ !!! ฉันสนับสนุนการกระทำแบบนี้ของสภาสิบแปดปีก !!! การไล่ NPC พวกนี้ออกมาน่ะถูกต้องแล้ว เพราะท้ายที่สุดนี่มันเป็นเมืองที่ถูกสร้างโดยผู้เล่น !!! และฉันไม่สามารถจะรับเควสได้ก็เพราะ NPC พวกนี้เลย !!!”


ผู้ที่อยู่อาศัยในเมืองปีกสีเงินต่างมีความคิดเห็นที่หลากหลายเกี่ยวกับประกาศ และกฎระเบียบใหม่ล่าสุดของสภาสิบแปดปีก บางคนก็แสดงความเห็นว่าสภาสิบแปดปีกบ้าไปแล้ว ในขณะที่บางคนก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจนี้


ในขณะเดียวกันเมื่อมหาอำนาจต่างๆได้รับข่าวเกี่ยวกับการตัดสินใจครั้งนี้ของสภาสิบแปดปีก พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะกิล ….


“สภาสิบแปดปีกนี่ช่างกล้าหาญจริงๆ !!! ฉันอยากรู้จังว่ากิลจะทนทำแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน !!!”


“ในขณะที่คนอื่นๆกำลังรับสมัครสมาชิกกันอย่างบ้าคลั่ง และคิดว่าจะรักษาชีวิตของตัวเองไว้อย่างไร สภาสิบแปดปีกกับเลือกที่จะไล่คนออกไป !!! ดูเหมือนว่าสภาสิบแปดปีกจะหยิ่งผยองมากขึ้นเยอะเลยทีเดียว หลังจากช่วยให้ฟรอสต์ฮีฟเว่นได้รับตำแหน่งสำรองของหนึ่งในสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”


“ตอนนี้เมื่อเมืองปีกสีเงินได้ริเริ่มจะถอยหลังกลับ งั้นมันก็นับโอกาสดีที่กิลเราจะได้เติบโตขึ้นมาในจักรวรรดิออร์ค !!! ถ่ายทอดคำสั่งของฉันออกไป เราจะลดค่าเข้าเมืองของกิลเราลงครึ่งหนึ่งทันที !!! นอกจากนี้เราก็จะลดข้อกำหนดในการรับสมัครสมาชิกเข้ากิลเราด้วย !!!”


เมื่อมหาอำนาจต่างๆเห็นสภาสิบแปดปีกกระทำแบบนี้ พวกเขาก็ฉวยโอกาสเข้ามาเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในจักรวรรดิออร์คของสภาสิบแปดปีกทันที


ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง จำนวนผู้เล่นที่เข้าสู่เมืองกิลทั้งสามเมืองของสภาสิบแปดปีกก็ลดลงอย่างมาก ผู้เล่นทั่วไปหลายคนที่ปฎิบัติการในจักรวรรดิออร์ค ได้เลือกจะไปที่เมืองกิลอื่นๆแทน และรายได้ที่สภาสิบแปดปีกสร้างได้จาก NPC ก็ลดลงอย่างรวดเร็ว


“หัวหน้ากิล นี่มันค่อนข้างจะแย่เลยนะ ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เมืองกิลทั้งสามเมืองของเราสูญเสียผู้เล่นที่เข้ามาเยี่ยมชมไปมากกว่ายี่สิบเปอเซ็นต์แล้ว ในอัตรานี้เราจะโชคดีมากแล้ว หากสามารถรักษาผู้เล่นของเมืองไว้ได้เกินสิบเปอเซ็นต์ ….” ยู่หลานกล่าว หลังจากที่เธอติดต่อซือเฟิงมาอย่างเร่งด่วน เธอรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะบ้าแล้วเมื่อได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้


ทั้งหมดนี้มันคือเงิน ! เงิน !! และเงิน !!!


เนื่องจากตอนนี้เสวี่ยเหวินโหรวและอควาโรสไม่ได้อยู่ในสถานะที่เหมาะสมที่จะทำหน้าที่จัดการกิลได้ ดังนั้นตอนนี้ผู้ที่ทำหน้าที่บริหารจัดการกิลจิงๆ มันจึงเหลือแค่สองคนเท่านั้น ซึ่งก็คือเหลียงจิง และยู่หลาน


ก่อนหน้านี้ทั้งสองนั้นยังไม่ทราบถึงสถานการณ์ที่แน่นอนของสภาสิบแปดปีกมากนัก อย่างไรก็ตามหลังจากรับภาระของรองหัวหน้ากิลทั้งสองมา พวกเขาก็พบว่าสภาสิบแปดปีกนั้นเดินไต่อยู่บนเชือกเส้นเดียวมาโดยตลอด ตอนนี้สถานการณ์ทางการเงินของกิลนั้นแทบจะไม่สมดุลเลย


ซึ่งหากสภาสิบแปดปีกต้องสูญเสียรายได้ส่วนใหญ่ในเมืองกิลทั้งสามเมืองไป กิลก็ไม่น่าจะสามารถดำเนินงานได้ตามปกติ เพราะท้ายที่สุดระบบฝึกในโลกแห่งความจริง

ของกิลนั้นจำเป็นจะต้องใช้พลังงานจำนวนมากในการดำเนินการ ยิ่งไปกว่านั้นกิลยังได้เพิ่มจำนวนสมาชิกภายในของกิลขึ้นเป็นห้าพันคน ดังนั้นรายจ่ายของกิลแต่ละวันมันจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก


เพื่อทำให้เรื่องแย่ลง สภาสิบแปดปีกนั้นไม่ยอมรับการเข้ามาลงทุนของบริษัทยักษ์ใหญ่เลย และหากกิลสูญเสียรายได้ที่เป็นเหรียญในเกมส่วนใหญ่ไปตอนนี้ กิลก็จะล้มละลายในเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์แน่นอน


“ฉันเข้าใจแล้ว” ซือเฟิงพยักหน้าพลางหัวเราะเบาๆ เมื่อเขาเห็นท่าทีและสีหน้าของยู่หลาน “แต่นี่มันเป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงชั่วคราวเท่านั้น”


“เปลี่ยนแปลงชั่วคราว ?” ยู่หลานรู้สึกว่าเธอกำลังจะเป็นลม เมื่อเธอได้ฟังคำพูดของซือเฟิง


พวกเขาสูญเสียรายได้ไปหลายแสนเหรียญทองต่อวัน !!!


ยิ่งไปกว่านั้นกิลขนาดใหญ่ต่างๆที่ปฎิบัติการอยู่ในจักรวรรดิออร์คก็ไม่ได้หยุดการพัฒนาเมืองกิลของตน และแม้ว่ามันจะไม่มีใครในหมู่พวกเขาที่มีเมืองขนาดใหญ่ขั้นพื้นฐาน แต่พวกเขาก็ล้วนมีเมืองขั้นสูงกันแล้ว นอกจากนี้กิลเหล่านี้ยังได้รับเงินจำนวนมากจากนักลงทุนของพวกเขา ดังนั้นสิ่งอำนวยความสะดวกในเมืองของพวกเขาจึงไม่ได้ต่างจากเมืองปีกสีเงินมากนักเลย ความแตกต่างที่สำคัญคือระดับความปลอดภัย และความสะดวกสบายในเมืองเหล่านี้ยังคงห่างไกลจากเมืองปีกสีเงินก็เท่านั้น


ซือเฟิงยิ้มและถามว่า “เธอบอกได้ไหมว่าอาคารที่เธอเห็นตรงหน้านี้คืออะไร ?”


ช่วงเวลาต่อมาสิ่งที่ปรากฎบนหน้าจอของยู่หลานก็คืออาคารขนาดใหญ่สูงห้าชั้น และอาคารนี้มันก็มีกำแพงสูงล้อมรอบอาคาร ซึ่งช่วยแยกอาคารออกไปจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง และความหนาแน่นของมานาภายในกำแพงนั้นก็สูงกว่าภายนอกมากๆ ยิ่งไปกว่านั้นอาคารนี้ยังดูเหมือนกับห้องเทเลพอร์ตที่ถูกพบได้ในเมืองของ NPC


“ห้องเทเลพอร์ต ?” ยู่หลานตอบพลางอ้าปากค้าง


“ถูกต้อง มันคือห้องเทเลพอร์ต” ซือเฟิงพยักหน้า “ยิ่งไปกว่านั้นห้องเทเลพอร์ตนี้ยังเหมือนกับที่พบได้ในเมืองของ NPC ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือห้องเทเลพอร์ตนี้สามารถจะเทเลพอร์ตผู้เล่นไปยังเมืองของ NPC ที่กำหนดได้เพียงแห่งเดียวเท่านั้น”


“แต่แม้ว่ามันจะสามารถช่วยให้ผู้เล่นเทเลพอร์ตไปยังเมืองของ NPC ได้ แต่ฉันก็คิดว่าค่าเทเลพอร์ต มันไม่น่าจะใช่สิ่งที่ผู้เล่นทั่วไปจะสามารถจ่ายได้นะ” ยู่หลานกล่าว หลังจากสงบสติอารมณ์ลง


มันนับเป็นความสะดวกสบายอย่างมากสำหรับเมืองกิลที่มีห้องเทเลพอร์ตไว้ในครอบครอง เพราะด้วยห้องเทเลพอร์ตนี้ ผู้เล่นที่ต้องการจะเดินทางมายังเมืองปีกสีเงิน และเมืองของ NPC ก็จะสามารถทำได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ


อย่างไรก็ตาม ความสะดวกสบายนี้ไม่ได้ ได้มาแบบฟรีๆ


ค่าเทเลพอร์ตระหว่างประเทศนั้นมันสูงอย่างไม่น่าเชื่อ และมันก็เริ่มตั้งแต่หลายสิบเหรียญเงินไปจนถึงหลายเหรียญทอง นี่คือเหตุผลที่ทำให้ผู้เล่นส่วนใหญ่เลือกจะเดินทางโดยเรือเหาะหรือไม่ก็อะเม้าท์


ดังนั้นต่อให้เมืองปีกสีเงินมีห้องเทเลพอร์ต มันก็จะไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาให้ผู้เล่นมากนักเลย และสำหรับการจะเทเลพอร์ตจากจักรวรรดิออร์ค ไปยังเมืองของ NPC ผู้เล่นก็สามารถจะใช้ม้วนคัมภีร์วาร์ปกลับเมืองได้


“ที่เธอพูดมามันก็ถูก แต่ห้องเทเลพอร์ตนี้มันเชื่อมโยงกับสถานที่ที่ค่อนข้างพิเศษ” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขาเข้าใจถึงสิ่งที่ยู่หลานคิดอยู่ในใจดี


“ปลายทางไม่ใช่เมืองของ NPC งั้นหรอ ?” ยู่หลานถามด้วยความงงงวย แม้ว่าห้องเทเลพอร์ตของเมืองปีกสีเงินจะเชื่อมต่อกับเมืองหลวงของจักรวรรดิ แต่มันก็ไม่น่าจะช่วยอะไรสภาสิบแปดปีกในปัจจุบันได้มากนัก


“ปลายทางคือเมืองของ NPC นั่นแหละ เพียงแต่ว่าเมืองของ NPC เมืองนี้มันจะแตกต่างจากเมืองอื่นอยู่บ้าง ….” ซือเฟิงพยักหน้า จากนั้นเขาก็กล่าวเสริมว่า “เธอจะยังไม่เข้าใจมันในตอนนี้หรอก แม้ว่าฉันจะอธิบายให้เธอฟังก็ตาม อย่างไรก็ตามตอนนี้ห้องเทเลพอร์ตได้ถูกสร้างขึ้นแล้ว รีบติดต่อไปยังอันยีลดิ้งโซลและจักรพรรดิคริมสันให้หน่อย บอกให้พวกเขาส่งตัวแทนมาพบฉันที่เมืองปีกสีเงิน บอกไปว่าฉันมีข้อเสนอทางธุรกิจที่ดีๆสำหรับพวกเขา”


“เราจะเชิญพวกเขามาตอนนี้เลยงั้นหรอ ?” ยู่หลานถามด้วยความสับสน


ขณะนี้มหาอำนาจต่างๆกำลังเริ่มทำการลดอิทธิพลของพวกเขาลง และไม่มีใครที่อยู่ในช่วงเวลาที่ดีนัก และแม้ว่าซือเฟิงจะเชิญอันยีลดิ้งโซลกับจักรพรรดิคริมสันมาพูดคุยเรื่องข้อเสนอทางธุรกิจ แต่ทั้งสองกิลก็จะไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาให้กับสภาสิบแปดปีกตอนนี้ได้แน่นอน


“ใช่แล้ว ตอนนี้เลย นี่มันเป็นสิ่งที่สภาสิบแปดปีกจะสามารถผูกขาดได้ยากมากๆ ดังนั้นเราจึงต้องการตัวช่วย ….” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า


“หัวหน้ากิล พวกเราจะทำอะไรกัน ?” ยู่หลานอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความอยากรู้


สภาสิบแปดปีกในปัจจุบันนี้ ไม่เหมือนกับในอดีตอีกต่อไป ตอนนี้กิลนั้นมีความแข็งแกร่งที่น่าเหลือเชื่อมากๆอยู่ กระนั้นซือเฟิงกับตั้งใจจะขอความช่วยเหลือจากมหาอำนาจทั้งสองกลุ่ม ซึ่งนี่มันจะต้องนับว่าเป็นปฎิบัติการใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเลือกช่วงเวลาที่ล่อแหลมมากๆในการดำเนินการ ความผิดพลาดใดๆที่เกิดขึ้น มันอาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่สำหรับกิลได้อย่างง่ายดาย


เมื่อได้ยินคำถามของยู่หลาน ซือเฟิงก็หัวเราะเบาๆ ก่อนที่เขาจะพูดอย่างสบายๆว่า “มันก็ไม่มีอะไรมากหรอก มันก็แค่ปฎิบัติการที่จะเปลี่ยนให้สภาสิบแปดปีกกลายเป็นยักษ์ใหญ่ที่แท้จริงใน God domain เท่านั้น !!!”


ตอนที่ 2737 ซือเฟิงผู้มั่งคั่ง


เมืองปีกสีเงิน เขตทางใต้ :


บนถนนที่มีประชากรเบาบาง ผู้เล่นที่สวมเสื้อคลุมสีดำได้เดินอย่างช้าๆเข้าไปในตรอกซอกซอย โดยพวกเขาก็จะสังเกตสภาพแวดล้อมของพวกเขาเป็นครั้งคราวเพื่อป้องกันการถูกติดตาม


หลังจากพวกเขาทั้งสี่เดินเข้ามาในตรอกซอกซอยสักระยะ และตรวจสอบจนแน่ใจว่าไม่มีผู้เล่นคนใดติดตามพวกเขามาอย่างแน่นอน พวกเขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก


“นี่แบล๊คเฟรมพยายามจะทำอะไรกัน ? ทำไมเราต้องมาพบเขาอย่างลับๆ และพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะไม่ให้คนอื่นสังเกตเห็นเราด้วย ?” การ์เดี้ยนไนท์หญิงผมยาวประหม่ากล่าวด้วยความไม่พอใจ


“บลู !!!” อิลูซะรี่เวิร์ด เครอลิคในชุดคลุมสีขาวศักสิทธิ์จ้องมองไปที่การ์เดี้ยนไนท์หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆเธอด้วยความโกรธ “คราวนี้ฉันได้เลือกจะปล่อยผ่านหลายสิ่ง และพาคุณมาที่นี่ !!! คุณควรระวังคำพูดกับการกระทำของคุณให้มากหน่อยนะ !!!”


บลูเกาน์ เป็นรองผู้บัญชาการ และเป็นหัวหน้าแท๊งเกอร์ของกองกำลังหลักภายใต้คำสั่งของอิลูซะรี่เวิร์ด และเธอก็ติดสามอันดับแรกของพวกรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดในกิล แถมยังเป็นคนสนิทของอิลูซะรี่เวิร์ดด้วย ซึ่งเธอก็มีสิทสูงมากที่จะก้าวถึงตำแหน่งของรองหัวหน้ากิลในอนาคต แต่น่าเสียดายที่มันมีสิ่งหนึ่งที่บลูเกาน์ค่อนข้างจะย่ำแย่อย่างมาก ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่รุ่นเยาว์แทบทุกคนที่ได้รับการฝึกฝนจากมหาอำนาจเป็น นั่นก็คือเธอไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยนอกจากกิลชั้นยอด หรือซุเปอร์กิล


หลังจากได้ยินคำตำหนิอย่างรุนแรงของอิลูซะรี่เวิร์ด การ์เดี้ยนไนท์หญิงก็ไม่กล้าจะพูดอะไรอีกต่อไป


“พี่สาวอิลูซะรี่ ฉันจะไม่ทำแบบนี้อีกต่อไปแล้ว ฉันสัญญา ดังนั้นได้โปรดพาฉันมาด้วยเถอะสำหรับเรื่องต่างๆในอนาคต” บลูเกาน์กล่าวอย่างน่าสงสาร


“ครั้งต่อไประวังไว้ให้มากด้วย” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวขณะที่เธอมองไปยังบลูเกาน์ด้วยท่าทีผ่อนคลายมากขึ้น จากนั้นเธอก็หันไปหาอันยีลดิ้งฮาร์ท และมู่หลิงชาพลางพูดว่า “ฉันขอโทษจริงๆที่ทำให้พวกคุณต้องมาเห็นเรื่องตลกแบบนี้ ….”


“มันเป็นเรื่องปกติสำหรับผู้มาใหม่ที่จะหยิ่งผยองสักเล็กน้อย เพราะท้ายที่สุดแล้วความหยิ่งผยองมันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอมาได้ถึงตรงนี้ เดี๋ยวในอนาคตเธอก็จะได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากขึ้นเอง ฉะนั้นคุณไม่จำเป็นจะต้องมาขอโทษเราสำหรับเรื่องนี้หรอก ….” อันยีลดิ้งฮาร์ท เขาค่อนข้างจะคุ้นเคยกับสถานการณ์นี้เป็นอย่างดี


ในเกมเสมือนจริงอื่นๆ การเป็นหนึ่งในพวกหน้าใหม่ที่ติดอันดับต้นๆของกิลชั้นยอด มันก็เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การอวด เพราะท้ายที่สุดแค่กิลชั้นยอดกิลเดียว หรือไม่ก็ซุเปอร์กิลสักกิล มันก็มากเกินพอแล้วที่จะปกครองเกมเสมือนจริงในอดีต แล้วจะให้พวกหน้าใหม่ที่มีความสามารถสูงแบบนี้ไม่หยิ่งผยองได้อย่างไร ?


ดังนั้นพูดกันตามตรงมันจึงเป็นเรื่องธรรมดามากๆที่พวกหน้าใหม่เหล่านี้จะมีท่าทีดูถูก และหยิ่งผยองต่อกิลที่พึ่งถูกสร้างขึ้นมา


อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในตอนนี้มันแตกต่างออกไป ณ จุดนี้ God domain นั้นนับเป็นเกมเสมือนจริงที่ไม่เหมือนกับอะไรที่เคยมีมาในอดีตเลย โดยมันเป็นเกมที่บริษัทยักษ์ใหญ่ระหว่างประเทศจำนวนมากก็ต่างให้ความสนใจและยื่นมือมาเข้าร่วม ดังนั้นอิทธิพลของมหาอำนาจต่างๆใน God domain จึงจะแตกต่างกับเกมเสมือนจริงอื่นๆหลายพันเท่า และโดยทั่วไปแล้วผู้คนก็จะไม่สามารถใช้สามัญสำนึกปกติตัดสินความแข็งแกร่งของกิลบางกิลที่ดำเนินการภายในเกมนี้ได้เลย


ในขณะเดียวกันเมื่อบลูเกาน์ได้ยินคำพูดของอันยีลดิ้งฮาร์ท แม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดอะไรตอบกลับมา แต่ดวงตาของเธอก็แสดงถึงความไม่พอใจออกมา


“อย่างไรก็ตามฉันสงสัยจังว่าทำไมหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมถึงเรียกทั้งสองกิลของเรามาพบในตอนนี้ ? แถมเขายังสั่งให้เราเก็บเป็นความลับอย่างถึงที่สุดด้วย” มู่หลิงชากล่าว


สภาสิบแปดปีกในปัจจุบันนั้นเหมือนดวงอาทิตย์ในยามเที่ยงวัน และปัญหาในปัจจุบันที่พวกเขาประสบอยู่นั้นมันก็มีวิธีการแก้ไขที่ง่ายมาก ซึ่งนั่นก็คือการปล่อยให้บริษัทยักษ์ใหญ่จำนวนหนึ่งเข้ามาลงทุนในกิล


ตราบใดที่สภาสิบแปดปีกมีเงินทุนและผู้สนับสนุนที่ทรงพลังมากเพียงพอ การรักษาขอบเขตอิทธิพลในปัจจุบันของกิลก็จะเป็นงานที่ง่ายมากๆ


อย่างไรก็ตามซือเฟิงกับไม่ได้ทำเช่นนั้น เขากับขอให้อันยีลดิ้งโซล และจักรพรรดิคริมสันเข้ามาพูดคุยเรื่องธุรกิจแทน ซึ่งสถานการณ์นี้มันก็ทำให้มู่หลิงชาอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าซือเฟิงจะแก้ปัญหาที่สภาสิบแปดปีกประสบอยู่ในปัจจุบันได้อย่างไร


“ฉันไม่สามารถแม้แต่จะคาดเดาความคิดของหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมได้ แต่ดูจากการกระทำของเขาที่ผ่านๆมา ฉันสงสัยว่านี่ก็คงจะไม่ใช่เรื่องราวที่ง่ายๆแน่นอน ….” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวพลางส่ายหัว


ซือเฟิงนั้นสร้างความประหลาดใจและปาฎิหาริย์มาให้เธอเห็นอย่างมากมาย ตอนนี้เธอคงจะไม่รู้สึกประหลาดใจใดๆมากนัก หากเขาคิดจะสร้างปาฎิหาริย์อีกครั้ง เพราะท้ายที่สุดเรื่องล่าสุดที่สภาสิบแปดปีกทำก็คือช่วยให้ฟรอสต์ฮีฟเว่นได้ตำแหน่งสำรองของหนึ่งในสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไปแล้ว


“เราไม่จำเป็นจะต้องคาดเดาอีกต่อไปแล้วล่ะ ….” อันยีลดิ้งฮาร์ทกล่าวพลางชี้ไปยังกำแพงสูงที่อยู่ห่างออกไปด้านหน้า ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อว่า “นั่นน่าจะเป็นสถานที่ที่หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมบอกเรามา รีบเข้าไปข้างใน และมาดูกันเถอะว่าเขาเรียกพวกเราทำไม ….”


เมื่ออิลูซะรี่เวิร์ดและคนอื่นๆได้เห็นกำแพงสูงที่อันยีลดิ้งฮาร์ทชี้ไป พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าตรอกเล็กๆที่ลึกมากแห่งนี้จะสามารถปกปิดโครงสร้างขนาดใหญ่แบบนี้ได้ด้วย


แม้ว่ากำแพงจะมีความสูงแค่ประมาณสิบเมตรหรือมากกว่านั้นนิดหน่อย แต่พื้นที่ที่กำแพงตั้งอยู่มันก็มีขนาดใหญ่มากๆ โดยกำแพงนี้นั้นมันมีอาณาเขตเทียบเท่ากับสนามฟุตบอลอย่างง่ายดาย และหากวัดจากอาณาเขตของกำแพง สิ่งก่อสร้างที่อยู่ภายในกำแพงนี้ก็น่าจะเป็นสิ่งก่อสร้างขั้นสูงเป็นอย่างน้อยที่สุด แต่กระนั้นมันก็ยังไม่มีใครค้นพบการมีอยู่ของมันจนถึงตอนนี้ ซึ่งเมื่อกลุ่มสี่คนมาถึงบริเวณประตูเหล็กของกำแพงนี้ พวกเขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง


องครักษ์สี่คนที่ทำหน้าที่ป้องกันประตูนั้นล้วนเป็นองครักษ์ระดับไฟน์โกล เลเวลมาก

กว่าหนึ่งร้อยสามสิบ และมันมีแม้กระทั่งนักเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสาม ที่เป็นองครักษ์ระดับดาร์คโกลที่ปกป้องประตูนี้อยู่ ระดับการรักษาความปลอดภัยของที่นี่มันน่าอัศจรรย์มากๆ


ในระยะนี้ของเกม หาก NPC ทั้งห้าคนนี้ทำงานร่วมกัน พวกเขาจะสามารถทำลายล้างทีมผู้เล่นขั้นสาม จำนวนหนึ่งพันคนได้อย่างง่ายดายเลย


ยิ่งไปกว่านั้นกิลขนาดใหญ่ต่างๆก็ล้วนปฎิบัติต่อองครักษ์ส่วนตัวระดับไฟน์โกล และดาร์คโกลของพวกเขาเป็นเหมือนสมบัติล้ำค่า โดยพวกเขาได้อัดฉีดแทบทุกอย่างที่พวกเขามีเพื่อจะทำให้องครักษ์ส่วนตัวเหล่านี้พัฒนาตัวเองให้ได้ไวที่สุด และเพื่อให้องครักษ์ส่วนตัวเหล่านี้ปลอดภัยมากที่สุด แต่ในทางกลับกันสภาสิบแปดปีกกับใช้องครักษ์ส่วนตัวที่ล้ำค่าเหล่านี้ในฐานะทหารเฝ้าประตู


“ที่นี่คือทรัพย์สินส่วนตัว พวกคุณมีธุระอะไรที่นี่ ?” องครักษ์ระดับไฟน์โกลในชุดเกราะหนังสีเทาถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตร เมื่อพวกเขาเห็นกลุ่มของอันยีลดิ้งฮาร์ท


“เราได้รับคำเชิญมาจากหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม” อันยีลดิ้งฮาร์ทกล่าว พลางรีบหยิบเอกสารคำเชิญที่มีตราประทับรับรองของหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีกออกมาโชว์ทันที


“ตราประทับถูกต้อง …” แอสซาซินขั้นสามในชุดเกราะหนังสีเทาพยักหน้า หลังจากเขาตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องแล้ว “โปรดตามฉันมา”


“โอเค”


จากนั้นกลุ่มของอันยีลดิ้งฮาร์ทก็ได้ติดตามแอสซาซินขั้นสามผ่านเข้าประตูไป


เมื่อเดินผ่านบริเวณทางเข้า เข้ามา อันยีลดิ้งฮาร์ทและคนอื่นๆก็อ้าปากค้างโดยอัตโนมัติ


“ห้องเทเลพอร์ต ?!”


“เป็นไปได้ยังไงกัน ?! ห้องเทเลพอร์ตไม่ได้จำกัดให้มีแค่เฉพาะพวกที่เป็นประเทศแล้วงั้นหรอ ?!”


บลูเกาน์นั้นแทบจะไม่เชื่อสายตาของเธอ เมื่อเธอเห็นห้องเทเลพอร์ตที่เป็นอาคารสูงห้าชั้นตรงหน้าของเธอ เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะสามารถสร้างอะไรแบบนี้ขึ้นมาได้ในเมืองปีกสีเงิน


แม้กระทั่งตอนนี้วงเวทย์เทเลพอร์ตก็ยังนับว่าเป็นสิ่งที่หายากอย่างไม่น่าเชื่อในหมู่มหาอำนาจต่างๆ ไม่ต้องพูดถึงห้องเทเลพอร์ตที่สมบูรณ์แบบนี้เลย ห้องเทเลพอร์ตอาจมีอยู่ทั่วไปในเมืองของ NPC แต่สำหรับเมืองกิลนั้น มันจัดเป็นสมบัติล้ำค่าที่สามารถจะเพิ่มความโดดเด่นให้เมืองกิลได้เลย โลกของ God domain นั้นมันใหญ่โตมากๆ และผู้เล่นก็จะต้องใช้เวลานานมากๆในการเดินทางไปยังแผนที่เป็นกลางเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย แม้จะใช้อะเม้าท์บินได้ก็ตาม นี่ไม่ต้องพูดถึงอะเม้าท์บนบกที่จะใช้เวลาในการเดินทางนานกว่าอะเม้าท์บินได้เลย


มหาอำนาจต่างๆรวมไปถึงบรรดาทีมนักผจญภัยนั้นยินดีจะจ่ายในราคามหาศาลเลย หากนั่นหมายความว่าพวกเขาจะสามารถเทเลพอร์ตได้โดยตรงไปยังที่ใดที่หนึ่งที่อยู่ใกล้กับแผนที่เป็นกลางเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยได้โดยตรง เพราะท้ายที่สุดเวลานั้นเป็นตัวแทนของทั้งเงินและโอกาสสำหรับคนเหล่านี้ พวกเขานั้นต่างจากผู้เล่นทั่วไป พวกเขาไม่สามารถจะรอ และค่อยๆก้าวหน้าไปแบบผู้เล่นทั่วไปได้


“นี่คือสาเหตุที่หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมบอกให้พวกเรามาพบเขาอย่างลับๆงั้นหรอ ?” อันยีลดิ้งฮาร์ทยิ้มอย่างขมขื่น ขณะที่เขามองไปยังห้องเทเลพอร์ต


“นี่มันน่าจะเป็นสิทธิพิเศษอย่างหนึ่งที่มอบให้กับกิลที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากวิหารเทพสงคราม” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉา ด้วยสิทพิเศษนี้ การจะพัฒนาเมืองกิลจะเป็นดั่งการตัดเค้กชิ้นหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นเมืองปีกสีเงินยังมีสภาพแวดล้อมที่ยอดเยี่ยม และตั้งอยู่ในพื้นที่เชิงกลยุทธ์ด้วย


“ถูกต้อง นี่มันเป็นหนึ่งในสิทธิพิเศษของกิลที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ”


ทันใดนั้นเสียงๆหนึ่งก็ดังมาเข้าหูของอิลูซะรี่เวิร์ดและคนอื่นๆเพื่อตอบคำถามในใจของพวกเขา


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ห้องเทเลพอร์ตนี้ใช่เรื่องสำคัญทางธุรกิจที่คุณต้องการจะพูดคุยกับเราหรือไม่ ?” อันยีลดิ้งฮาร์ทถามด้วยความสับสนเล็กน้อย ขณะที่เขาชี้ไปยังห้องเทเลพอร์ต


ห้องเทเลพอร์ตนั้นจัดเป็นเครื่องมือในการพัฒนาระดับพระเจ้าเลย และเมื่อรวมเข้ากับโครงสร้างการป้องกันเมืองของเมืองปีกสีเงิน ตราบใดที่สภาสิบแปดปีกเผยแพร่การมีอยู่ของห้องเทเลพอร์ตออกไป เมืองปีกสีเงินก็จะไม่มีปัญหาในการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วแน่นอน การเข้ามามีส่วนร่วมของจักรพรรดิคริมสัน และอันยีลดิ้งโซลนั้นจะไม่ได้สร้างความแตกต่างมากนักในเรื่องนี้ ในความเป็นจริงกิลทั้งสองกิลของพวกเขาจะต้องขอความช่วยเหลือจากสภาสิบแปดปีกแทนด้วยซ้ำ


“ก็ใช่ แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด ….” ซือเฟิงพยักหน้า จากนั้นเขาก็ยิ้มและพูดว่า “แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ฉันยังบอกพวกคุณทันทีไม่ได้ โปรดตามฉันมา ….”


หลังจากพูดจบซือเฟิงก็เดินเข้าไปในอาคารห้องเทเลพอร์ตทันที


หลังจากที่อันยีลดิ้งฮาร์ท มู่หลิงชา อิลูซะนี่เวิร์ด และบลูเกาน์ ได้มองหน้ากันและกันแล้ว พวกเขาก็รีบเดินตามซือเฟิงไปทันที


ช่วงเวลาต่อมา หลังจากที่ทั้งสี่ก้าวเข้าสู่วงเวทย์เทเลพอร์ตในห้องเทเลพอร์ต พวกเขาก็พบว่าตัวเองได้มาอยู่ในเมืองสกายสปริงของอาณาจักรทวินทาวเวอร์


อย่างไรก็ตามในเวลานี้เมืองสกายสปริงนั้นมีผู้เล่นไม่มากนัก และประชากรกว่าเก้าสิบเก้าเปอเซ็นต์ของเมืองก็ล้วนเป็น NPC ทั้งหมด ซึ่งเมื่อ NPC เหล่านี้เห็นกลุ่มของอันยีลดิ้งฮาร์ท พวกเขาก็เริ่มจับตาดูทั้งกลุ่มด้วยความอยากรู้อยากเห็นราวกับว่าพวกเขาพึ่งได้พบเจอกับสิ่งมีชีวิตที่หายาก


“ไปกันเถอะ ที่นี่มันมีคนอยู่มากเกินไป” หลังจากมองไปที่ NPC จำนวนมากที่มองมายังพวกเขา ซือเฟิงก็ได้หยิบม้วนคัมภีร์เทเลพอร์ตแบบกลุ่มขั้นสามออกมา และจัดการเปิดใช้งานมันทันที


ก่อนที่อันยีลดิ้งฮาร์ทและคนอื่นๆจะทันได้ตอบสนอง พวกเขาก็ได้มาอยู่ห่างจากเมืองสกายสปริงมากกว่าหนึ่งหมื่นหลาแล้ว


หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้เรียกอินทรีสายฟ้าออกมา และพาทั้งกลุ่มเดินทางไปเป็นเวลานานมากกว่าครึ่งชั่วโมง และในท้ายที่สุดทั้งกลุ่มก็ได้มาถึงหอคอยโบราณที่สูงทะลุเมฆ โดยหอคอยนี้นั้นสามารถบอกได้เลยว่ามันสูงกว่าหนึ่งพันเมตร


“หอคอยแห่งพันธสัญญาลับ ?” อิลูซะรี่เวิร์ดจำหอคอยโบราณนี้ได้ทันที เธอถามอย่างสงสัยว่า “ทำไมเราถึงมาที่นี่กัน ?” เธอนั้นรู้เกี่ยวกับหอคอยแห่งพันธสัญญาลับของอาณาจักรทวินทาวเวอร์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น


หอคอยแห่งพันธสัญญาลับนั้นนับเป็นพื้นที่เก็บเลเวลที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้เล่นที่ยังมาไม่ถึงเลเวลหนึ่งร้อย และแม้ว่าค่าเข้าสู่หอคอยนี้จะคิดเป็นคริสตัลเวทย์มนต์หนึ่งชิ้นต่อหนึ่งคน แต่ตราบใดที่พวกเขาไม่ตายภายในหอคอย พวกเขาก็จะสามารถล่าภายในหอคอยต่อไปได้เรื่อยๆนานเท่าที่พวกเขาต้องการ


ในระยะแรกของเกมนั้น กิลขนาดใหญ่ต่างๆได้นำพวกสมาชิกหน้าใหม่ของพวกเขามาที่นี่เพื่อที่จะให้เก็บเลเวลได้อย่างรวดเร็ว แต่หลังจากการเปิดตัวของแพ๊คเสริมใหม่หลายแพ๊ค มันก็มีจุดเก็บเลเวลอื่นๆอีกมากมายให้ใช้งาน และเนื่องจากมอนสเตอร์ภายในหอคอยแห่งพันธสัญญาลับนี้ไม่ได้ดรอปไอเทมดีๆเลย ดังนั้นกิลขนาดใหญ่ต่างๆจึงเปลี่ยนสถานที่เก็บเลเวลให้กับพวกสมาชิกหน้าใหม่ของพวกเขา และเลือกจะไม่มาที่นี่แล้ว ….


แถมตอนนี้เนื่องจากเลเวลเฉลี่ยของผู้เล่นนั้นมาถึงหนึ่งร้อยกันแล้ว ดังนั้นหอคอยแห่งพันธสัญญาลับจึงจัดว่ากลายเป็นอดีตที่ไม่มีใครสนใจไปแล้ว ….


“เรามาที่นี่เพื่อจะเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ


“หื้ม ?” อิลูซะรี่เวิร์ดประหลาดกับคำพูดของซือเฟิง “แต่เราผ่านเลเวลหนึ่งร้อยมาไกลแล้วนะ ….”


“ขีดจำกัดในปัจจุบันของหอคอยแห่งพันธสัญญาลับนั้นไม่ใช่เลเวลหนึ่งร้อยอีกต่อไป” ซือเฟิงกล่าวพลางส่ายหัว “ก่อนการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรก หอคอยแห่งนี้เปิดให้เข้าไปเก็บเลเวลถึงแค่ชั้นที่สิบแปดเท่านั้น และย้อนกลับไปตอนนั้นมันก็เป็นสถานที่ที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับผู้เล่นเลเวลเก้าสิบเก้าที่จะมาเก็บเลเวล อย่างไรก็ตามตอนนี้หอคอยเปิดให้เข้าไปเก็บเลเวลถึงชั้นที่สามสิบหกแล้ว และมอนสเตอร์ที่อยู่ข้างในก็มีเลเวลสูงถึงประมาณหนึ่งร้อยห้าสิบ”


“รองหัวหน้ากิลอิลูซะรี่ ฉันแน่ใจว่าคุณจะรู้ว่ามันหมายถึงอะไรถูกไหม ?”


เมื่อซือเฟิงกล่าวจบ ดวงตาของอิลูซะรี่เวิร์ดและอันยีลดิ้งฮาร์ทก็สว่างวาบขึ้นด้วยความตื่นเต้น

ปัจจุบันเนื่องจากมันมี NPC จำนวนมากแข่งขันกันเพื่อทำเควสเควสและล่ามอนสเตอร์ มันจึงส่งผลให้ผู้เล่นประสบกับความยุ่งยากมากๆ และพูดกันตามตรงตอนนี้สิ่งที่ผู้เล่นในปัจจุบันขาดที่สุดก็คือ เลเวล


หากผู้เล่นสามารถเข้าไปล่ามอนสเตอร์ในหอคอยแห่งพันธสัญญาลับได้อย่างอิสระด้วยการจ่ายเป็นคริสตัลเวทย์มนต์แค่หนึ่งชิ้นต่อหนึ่งคน ความเร็วในการเก็บเลเวลของพวกเขามันก็จะเร็วกว่าที่พวกเขาสามารถทำได้ในโลกภายนอกมากๆ


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม คุณหมายถึงว่าคุณจะให้เราทำการปิดล้อมหอคอยแห่งพันธสัญญาลับและผูกขาดมันไว้ให้สมาชิกของเราเองใช่ไหม ?” อันยีลดิ้งฮาร์ทถามด้วยความตื่นเต้นที่แฝงมาในน้ำเสียงของเขา


เดิมทีแค่การที่ผู้เล่นจะไปให้ถึงเลเวลหนึ่งร้อยนั้นมันก็จัดว่ายากมากอยู่แล้ว และด้วยการที่ต้องแข่งขันเพิ่มเติมกับ NPC ความท้าทายทั้งหมดนี้มันก็ยิ่งมีมากขึ้น อย่างไรก็ตามหากสภาสิบแปดปีก อันยีลดิ้งโซล และจักรพรรดิคริมสันมีวิธีการที่จะทำให้สมาชิกของพวกเขาสามารถไปถึงเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบได้อย่างรวดเร็ว และเริ่มท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้ ความเร็วในการพัฒนาของกิลพวกเขามันก็จะเหนือกว่ามหาอำนาจอื่นๆมาก


“ไม่ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดล้อมหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ ….” ซือเฟิงกล่าวพลางส่ายหัว


“งั้นคุณต้องการทำอะไร ?” อันยีลดิ้งฮาร์ทที่ได้รับคำตอบจากซือเฟิงเต็มไปด้วยความสับสน


“ฉันต้องการจะปิดล้อมเมืองสกายสปริงทั้งเมือง !!!” ดวงตาของซือเฟิงเปล่งประกายขึ้นมา เมื่อเขาประกาศเรื่องนี้ “นอกเหนือจากสมาชิกของสามกิลเราแล้ว เราจะห้ามไม่ให้คนภายนอกเข้าสู่เมืองสกายสปริง !!”


“ปิดล้อมเมืองสกายสปริงทั้งเมืองงั้นหรอ ?” อันยีลดิ้งฮาร์ทตกตะลึง


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม นั่นมันจะไม่ยากเกินไปหน่อยหรอ ?” อิลูซะรี่เวิร์ดถามด้วยความสับสน “แม้ว่าหอคอยแห่งพันธสัญญาลับจะช่วยให้เราสามารถเก็บเลเวลได้เร็วขึ้น แต่กำลังพลที่ต้องใช้ในการปิดล้อมเมือง NPC นั้นมันก็ต้องใช้มหาศาลมากๆ และด้วยสถานะปัจจุบันของเกม กิลทั้งสามกิลของเราจะต้องจ่ายในราคาที่สูงมากแน่นอน หากต้องการจะทำแบบนั้น”


เนื่องจากจำนวนประชากร NPC ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก มันจึงทำให้มหาอำนาจต่างๆขาดแคลนกำลังคน ในขณะเดียวกัน แม้เมืองสกายสปริงจะไม่ใช่เมืองที่ได้รับความนิยมมากนัก แต่จำนวนผู้เล่นที่อยู่ในเมืองมันก็ยังมีเกินหนึ่งแสนคน ซึ่งจำนวนกำลังพลที่จะต้องใช้ในการปิดล้อมและไล่ผู้เล่นเหล่านี้ออกจากเมือง มันไม่ใช่เรื่องน่าหัวเราะเลย นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่ากิลทั้งสามของพวกเขาจะต้องส่งผู้เล่นเข้ามาประจำการในเมืองในระยะยาว


“ถ้าเราทำสิ่งนี้แค่เพื่อเรื่องของพื้นที่เก็บเลเวล มันก็จะเป็นการเสียเปล่าแน่นอนที่จะทำการปิดล้อมเมืองทั้งเมือง” ซือเฟิงกล่าวจากนั้นเขาก็เดินไปที่หอคอยแห่งพันสัญญาลับ พลางชี้ไปที่วงเวทย์เทเลพอร์ตที่ชั้นสองที่จะนำไปสู่ชั้นสิบเก้า ก่อนที่จะมองไปที่อิลูซะรี่เวิร์ดและคนอื่นๆ จากนั้นเขาก็ยิ้มและพูดต่อว่า “แต่มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหอคอยแห่งพันธสัญญาลับมีมรดกที่สมบูรณ์ขั้นสามของอาชีพต่างๆ ?”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)