Reincarnation Of The Strongest Sword God 2872-2873

 ตอนที่ 2872 กวาดล้างจักรวรรดิออร์ค


เมืองสภาสิบแปดปีก สนามประลอง :


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นห้าแล้วงั้นหรอ ?!” ซิคทีนคลาวด์อ่านข้อมูลล่าสุดที่เธอพึ่งได้รับรายงานมาด้วยความตกตะลึง หลังจากนั้นเธอก็หันไปมองแอสซาซินขั้นสี่ ซอลเลอร์ฟูลไซเร้นที่อยู่ตรงหน้า และอดไม่ได้ที่จะถามว่า “คุณแน่ใจใช่ไหมว่าข่าวนี้ถูกต้อง ?”


แม้ตอนนี้มันจะมีผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดหรือเก่งกาจกว่านั้นหลายคนใน God domain ที่ทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้สำเร็จจนก้าวไปสู่ขั้นสี่แล้ว รวมทั้งตอนนี้มันก็มีผู้ที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองไปได้มากกว่าหนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์หลายคน แต่การจะเลื่อนขั้นเป็นขั้นห้าให้ได้นั้นมันก็ยังคงยากมากสำหรับทุกๆคน


เพราะท้ายที่สุดแล้วเงื่อนไขในการจะเลื่อนขั้นขึ้นไปเป็นขั้นห้านั้นคือการที่ต้องสร้างร่างมานาใหม่ขั้นห้าขึ้นมาให้ได้ ซึ่งการจะทำให้ได้นั้นมันก็อิงกับความเข้าใจ ความสัมพันธ์ และความสามารถในการควบคุมมานากับองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์


และพูดกันตามตรงตอนนี้ สิ่งนี้มันก็คือสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ในปัจจุบันล้วยใฝ่ฝันจะไปให้ถึงมากที่สุด


ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการเลยว่าซือเฟิงนั้นได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นห้าแล้ว ….


ซอลเลอร์ฟูลไซเร้นพยักหน้าจริงจัง ก่อนที่เขาจะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงความตกใจอยู่ว่า “แน่ใจ ฉันอยู่ในห้องรับรองอีกห้องของสภาสิบแปดปีกและกำลังพูดคุยกับสภาสิบแปดปีกเกี่ยวกับสัญญาเช่าห้องต่อสู้ระยะยาวในเมืองสภาสิบแปดปีก โดยห้องรับรองที่สภาสิบแปดปีกใช้ต้อนรับบรรดาซุเปอร์กิลนั้นก็อยู่ห่างออกไปไม่ไกล ซึ่งในเวลานั้นฉันก็สังเกตเห็นว่าสมาชิกของสภาสิบแปดปีกทั้งหมดในบริเวณนั้นกำลังเต็มไปด้วยความเดือดพล่านและตื่นเต้น พร้อมกันนั้นสมาชิกทั้งหมดของไมโทโลจี้ และวิหารหยินหยางก็ได้เดินออกมาจากห้องรับรองในสภาพที่สะบักสะบอมมากๆ โดยพวกเขาก็ได้รีบเดินออกไปจากสถานที่พักกิลของสภาสิบแปดปีกโดยไม่พูดอะไรสักคำเลย ฉันได้เห็นทุกอย่างมาด้วยตาตัวเองจริงๆ !!!”


ในความเป็นจริงนอกเหนือจากนี้นั้น เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวของซือเฟิงที่เล็ดรอดออมาจากห้องรับรอง และเขาก็สามารถบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่าพลังของซือเฟิงนั้นมันเหนือกว่าพลังของ NPC ขั้นห้าที่เขาเคยเผชิญหน้ามาก่อนหน้านี้มากๆ แถมการที่เขาไม่ได้เห็นซือถู ฉิงเทียน กับซื่อหยาง เทียนเหอออกมาจากห้องรับรอง มันก็ชัดเจนเลยว่าซือเฟิงได้ฆ่าพวกเขาไป …. เพราะนอกเหนือจากซือเฟิง เขาก็คิดไม่ออกแล้วว่าจะมีใครที่สามารถจะฆ่าชายสองคนนี้ได้


นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาแน่ใจว่าซือเฟิงนั้นได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นห้าแล้วแน่นอน


“นี่มันน่าสนใจจริงๆ ….” ซิคทีนคลาวด์อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างตื่นเต้น เมื่อเธอได้รับคำยืนยัน “อาชีพขั้นห้าได้ปรากฎขึ้นแล้ว และตอนนี้เมืองสภาสิบแปดปีกก็เปิดให้สาธารณชนทั่วไปเข้าชมแล้ว ดูเหมือนว่าโครงสร้างอำนาจในทวีปด้านตะวันออกกำลังจะถูกปรับเปลี่ยนอีกครั้งแล้ว !!!”


“ใช่แล้ว ! โชคดีที่เราร่วมมือกับสภาสิบแปดปีกก่อนหน้านี้และกลายเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ของสภาสิบแปดปีกแล้ว …” ซอลเลอร์ฟูลไซเร้นพยักหน้าเห็นด้วย และเขาก็รู้สึกมีความสุขมากๆกับเรื่องนี้


อาชีพขั้นห้ากับขั้นสี่นั้นมีข้อแตกต่างกันอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่อาชีพขั้นสี่นั้นไม่สามารถจะยึดเมืองกิลทั้งเมืองด้วยตัวเองได้ ซึ่งหากต้องการจะยึดเมืองกิลทั้งเมืองจริงๆ มันก็จำเป็นที่จะต้องระดมทีมผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่จำนวนมากออกมา


อย่างไรก็ตามสำหรับอาชีพขั้นห้านั้นมันแตกต่างออกไป อาชีพขั้นห้านั้นสามารถจะยึดเมืองกิลเมืองหนึ่งได้อย่างง่ายดาย และแม้แต่เมืองกิลขนาดใหญ่ของซุเปอร์กิลต่างๆก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ซึ่งเมื่อสภาสิบแปดปีกมีผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าแล้วแบบนี้ มันก็หมายความว่า หากพวกเขาต้องการ พวกเขาก็จะสามารถทำลายรากฐานของมหาอำนาจต่างๆได้อย่างง่ายดาย


ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้จำนวนผู้เชี่ยวชาญในสภาสิบแปดปีกก็กำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นมันจึงเป็นไปได้อย่างแน่นอนที่กิลจะเริ่มขยายอิทธิพลออกไปยังสถานที่ต่างๆเพื่อโจมตีและยึดครองเมืองกิลอื่นๆเพิ่มเติม และแม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะโจมตีและเข้ายึดเมืองกิลได้ห้าถึงหกเมือง แต่กิลก็จะไม่จำเป็นต้องกังวลถึงปัญหาการขาดแคลนกำลังพลอีกแล้ว เพราะสภาสิบแปดปีกในปัจจุบันมีทั้งความสามารถและกำลังพล


ขณะเดียวกันในทวีปด้านตะวันออก เมื่อมหาอำนาจต่างๆได้รับข่าวล่าสุดเกี่ยวกับสภาสิบแปดปีกในเรื่องนี้ บางกลุ่มที่เป็นศัตรูกับสภาสิบแปดปีกก็เริ่มรู้สึกหวาดกลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตาร์ลิ้งที่ทำสงครามกับสภาสิบแปดปีกมายาวนาน เมื่อผู้บริหารระดับสูงทั้งหมดของสตาร์ลิ้งได้รับข่าวนี้นั้น พวกเขาก็ตื่นตระหนกและหน้าซีดกันมากๆ ซึ่งพวกเขาก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าข่าวนี้มันจะเป็นเรื่องจริง อีกด้านหนึ่งในส่วนของกิลที่เป็นพันธมิตร หรือมีความสัมพันธ์อันดีกับสภาสิบแปดปีกนั้น พวกเขาก็ล้วนเต็มไปด้วยความสุขมากๆ เพราะนี่มันหมายความว่า พวกเขาเลือกตัวเลือกที่ถูกต้อง และตอนนี้อิทธิพลกับความสามารถของสภาสิบแปดปีกก็จะช่วยเกื้อหนุนพวกเขาได้อย่างมากแน่นอนในอนาคต


“ผู้บัญชาการ ในตอนนี้หัวหน้ากิลของสภาสิบแปดปีก แบล๊คเฟรม นั้นได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นห้าแล้ว ซึ่งฉันคิดว่าเขาก็น่าจะไม่ยอมปล่อย พวกเราสตาร์ลิ้งที่เป็นศัตรูกันมายาวนานไปแน่นอน เราควรจะทำการย้ายผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดของเราไปยังทวีปด้านตะวันตกไหม ?” แรนเจอร์หญิงขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบอดไม่ได้ที่จะกล่าวแนะนำ ขณะที่เธอมองไปยังชายหนุ่มหน้าตาดีที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน ….


“จะให้ฉันต้องบอกกี่ครั้งว่าช่วยเรียกฉันว่าหัวหน้ากิลได้แล้ว ตอนนี้ฉันไม่ได้เป็นแค่ผู้บัญชาการของทีมนักผจญภัย Tremorous Clown อีกแล้วนะ แต่ฉันยังเป็นหัวหน้ากิลของสตาร์ลิ้งด้วย” ลู่เทียนตี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เขามองไปยังแรนเจอร์หญิงขั้นสี่ตรงหน้าของเขาที่แผ่ออร่าชั่วร้ายออกมา


“โอเค หัวหน้ากิล …” แรนเจอร์หญิงขั้นสี่มองไปยังลู่เทียนตี้ ผู้ซึ่งยังคงดูไม่สนใจใดๆ และพูดว่า “สรุปเราควรจะทำการย้ายผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดของเราไปยังทวีปด้านตะวันตกไหม ?”


“นั่นไม่จำเป็น …” ลู่เทียนตี้มองดูข้อมูลในมือของเขา และกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “หากเป็นเมื่อก่อน การเลื่อนขั้นเป็นขั้นห้าของแบล๊คเฟรมนั้นจะจัดเป็นปัญหาใหญ่แน่นอน แต่อย่างไรก็ตามในสถานการณ์ปัจจุบันนั้นเราไม่จำเป็นจะต้องกลัวเขามากนัก เพราะท้ายที่สุดกองกำลังผู้รุกรานจากโลกอื่นนั้นนับเป็นปัญหาใหญ่กว่า แถมการเลื่อนขั้นเป็นขั้นห้าของแบล๊คเฟรมนี้ก็จะจัดเป็นปัญหาใหญ่สำหรับกองกำลังผู้รุกรานจากโลกอื่นเช่นกัน นี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่สภาสิบแปดปีกไปตั้งตัวเป็นศัตรูกับไมโทโลจี้ และวิหารหยินหยางอีก เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองเริ่มขึ้น แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะมีผู้เล่นขั้นห้าอยู่ในกิล แต่พวกเขาก็จะรับมือกับศัตรูทั้งหมดได้อย่างยากลำบากแน่นอน”


“ถ้าฉันเป็นเขา ฉันคงจะไม่เปิดเผยเรื่องที่ตัวเองไปถึงขั้นห้าแล้วออกมาเร็วขนาดนี้ เพราะการทำแบบนี้มันจะทำให้ถูกมองว่าเป็นหนามยอกอกของกองกำลังอื่นๆได้ โดยจริงๆเขาควรจะปิดเรื่องนี้เป็นความลับและเริ่มนำทีมออกล่ากับโจมตีดันเจี้ยนเพื่อรวบรวมทรัพยากร และพัฒนาผู้เชี่ยวชาญของตัวเองก่อน เนื่องจาก God domain นั้นไม่ใช่เกมสำหรับคนๆเดียว !!! ผู้เล่นขั้นห้าคนเดียวนั้นไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงกระแสสงครามที่มีคนนับล้านเข้ามาเกี่ยวข้องได้ !!!”


เมื่อแรนเจอร์หญิงได้ยินคำพูดของลู่เทียนตี้ เธอก็เริ่มตระหนักได้ถึงหลายสิ่ง ก่อนที่เธอจะเอ่ยปากถามว่า “นี่หมายความว่า เราเองก็จะสามารถใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ได้เช่นกันใช่ไหม ?”


“ใช่แล้ว แต่ว่าเราไม่สามารถเข้าโจมตีและยึดเมืองปีกสีเงินได้ เนื่องจากกองกำลังผุ้รุกรานจากโลกอื่นเล็งเมืองนี้ไว้อยู่แล้ว สำหรับเมืองที่เราจะสามารถพุ่งเป้าไปได้คือเมืองป่าหินที่อยู่ใกล้กับจักรวรรดิรัตติกาล ซึ่งเมื่อสงครามโลกครั้งที่สองเริ่มขึ้น เราสามารถจะเริ่มโจมตีและตลบหลังเข้ายึดเมืองป่าหินได้ ด้วยวิธีนี้ แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะมีผู้เล่นขั้นห้าอย่างแบล๊คเฟรมอยู่ แต่เขาก็จะสามารถดูแลได้เพียงเมืองๆเดียวเท่านั้น มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะดูแลทุกเมืองได้ !!! โดยเมื่อเวลามาถึงเขาก็จะสามารถปกป้องไว้ได้แค่เมืองสภาสิบแปดปีกเท่านั้น !!!” ลู่เทียนตี้พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เราไม่สามารถจะทำคนเดียวได้ คุณช่วยไปติดต่อกับมหาอำนาจต่างๆที่เป็นศัตรูกับสภาสิบแปดปีกให้หน่อย ฉันเชื่อว่าพวกเขาจะเข้าร่วมกับเราแน่นอน !!!”


“รับทราบ !!” แรนเจอร์หญิงขั้นสี่พยักหน้าตอบรับ


ในขณะที่มหาอำนาจต่างๆทั่วทั้ง God domain กำลังวางแผนรับมือเรื่องที่ซือเฟิงได้เลื่อนขั้นเป็นขั้นห้าแล้วนั้น ตัวซือเฟิงที่อยู่ในเมืองสภาสิบแปดปีกก็ได้เริ่มจัดการมอบสถานที่พักกิลชั่วคราวในเมืองสภาสิบแปดปีกให้กับศาลาลับ และจักรวรรดิโลกใต้พิภพเพื่อเติมเต็มสัญญาในด้านของเขา


“หัวหน้ากิล นี่มันดีมากๆเลย !! ตอนนี้พวกเรามีมรดกขอบเขตโดเมนที่สมบูรณ์ของทั้งสองกิลแล้ว อีกไม่นานพวกเราจะสามารถสร้างผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์ และขอบเขตโดเมนขึ้นมาได้เป็นจำนวนมากแน่นอน” ไฟเออร์แดนซืกล่าวอย่างตื่นเต้น เมื่อเธอนึกถึงวันพรุ่งนี้ที่ซุเปอร์กิลทั้งสองกิลจะส่งมรดกขอบเขตโดเมนที่สมบูรณ์มาให้ที่สำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีก


มรดกของสภาสิบแปดปีกในตอนนี้นั้นสามารถจะช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญของตัวเองพัฒนาไปถึงขอบเขตอนันต์ได้เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามมันก็ยังคงนับเป็นวิธีที่ยากมากๆ ดังนั้นตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ของสภาสิบแปดปีกจึงยังคงติดอยู่ที่ขอบเขตรวดเร็วดั่งสายน้ำ อย่างไรก็ตามผู้ที่จะสามารถเป็นแกนหลักของกิลได้จริงๆนั้น มันจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์หรือเก่งกาจกว่านั้นขึ้นไปเท่านั้น แถมมาตราฐานการต่อสู้มันก็ยังส่งผลต่อการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่อีก นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ไฟเออร์แดนซ์นั้นตื่นเต้นมากๆ พอเธอรู้ว่าพวกเขากำลังจะได้รับมรดกขอบเขตโดเมนที่สมบูรณ์จากซุเปอร์กิลทั้งสองมา เพราะนี่มันจะทำให้กิลของพวกเขาก้าวขึ้นไปถึงอีกขั้นได้อย่างรวดเร็วแน่นอน


“ใช่แล้ว !!” ซือเฟิงนั้นก็พยักหน้าอย่างมีความสุขเช่นกัน


ตอนนี้เมื่อสภาสิบแปดปีกมีมรดกขอบเขตโดเมนที่สมบูรณ์แล้ว กิลก็จะนับว่ากลายเป็นยักษ์ใหญ่ใน God domain แบบไร้ข้อครหาแล้วอย่างแท้จริง แถมกิลก็ยังไม่จำเป็นจะต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาการขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดหรือเก่งกาจกว่านั้นอีกต่อ เพราะกิลนั้นสามารถจะเริ่มฝึกผู้มีพรสวรรค์ขึ้นมาได้ด้วยตัวเองแล้ว ….


“ว่าแต่ หัวหน้ากิล เราจะทำยังไงกันต่อ ?” ไฟเออร์แดนซอดไม่ได้ที่จะถามซือเฟิง เมื่อนึกถึงอีกปัญหาหนึ่งขึ้นมาได้ “คราวนี้เมื่อเราทำแบบนี้ไปนั้น ไมโทโลจี้ และวิหารหยินหยางจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับเราแน่นอน ซึ่งเมื่อสงครามโลกเกิดขึ้นในครั้งต่อ เรื่องนี้มันก็จะทำให้อาณาจักรสตาร์มูน และอาณาจักรทวินทาวเวอร์ของเราตกอยู่ในความเสี่ยง เราควรจะเริ่มแผนอพยพคนของเราในสองอาณาจักรนี้ไหม ?”


ไมโทโลจี้ และวิหารหยินหยางนั้นมีอิทธิพลอย่างมากในทวีปด้านตะวันออก ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับพวกเขาที่จะปกป้องอาณาจักรทั้งสองไว้ให้ได้ โดยตัวเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็คือต้องทำการอพยพเพื่อลดความสูญเสียทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้นเท่านั้น


“ทำยังไงกันต่อ ?” ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดว่า “ไปจัดการรวบรวมผู้เล่นขั้นสี่ในกิลทั้งหมดมาพบฉันหน่อย ….”


“หื้ม ?”


คำสั่งล่าสุดของซือเฟิงนั้นทำให้ไฟเออร์แดนซ์รู้สึกงุนงง นี่หัวหน้ากิลของเธอต้องการจะรวบรวมผู้เล่นขั้นสี่ทั้งหมดในกิลมาทำไมกัน ? ทั้งๆที่มันมีอีกหลายเรื่องที่สำคัญกว่ามากที่ควรจะทำ และหากทำมันสายเกินไป ผลที่ตามมามันก็อาจจะเลวร้ายมากๆด้วย ….


“ตามที่ฉันสั่งนั่นแหละ …” ซือเฟิงกล่าวยืนยันด้วยรอยยิ้ม “เนื่องจากฉันได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นห้าแล้ว มันจึงถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องสะสางปัญหาในจักรวรรดิออร์ค และฉันก็ต้องการจะใช้การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ของเราบอกให้มหาอำนาจต่างๆรู้ด้วยว่า หากคิดจะยั่วยุพวกเรา ผลลัพธ์มันจะเป็นยังไง !!!”


ในตอนนี้นั้นผู้คนทั้งหมดยังคงรู้น้อยเกินไปเกี่ยวกับพลังของอาชีพขั้นห้า แม้ว่าเขาจะได้แสดงโชว์ด้วยการฆ่าซือถู ฉิงเทียน และซื่อหยาง เทียนเหอไป แต่ความรู้และความเข้าใจที่มหาอำนาจต่างๆมีต่ออาชีพขั้นห้านั้นมันก็ยังคงจัดว่าน้อยมากๆ หรือจะให้พูดกันจริงๆต้องบอกว่า พวกเขานั้นแทบไม่รู้จักอาชีพขั้นห้าด้วยซ้ำ …..


“ฉันจะรีบติดต่อพวกเขาทันที !!!”


เมื่อไฟเออร์แดนซ์ได้ยินดังนี้ เธอก็พยักหน้ารับคำสั่งอย่างตื่นเต้น


หลังจากที่เธอเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นขั้นสี่นั้น เธอก็ยังไม่ได้มีโอกาสต่อสู้โดยใช้พลังทั้งหมดของเธอเลย และสมาชิกในกิลคนอื่นๆที่อยู่ในขั้นสี่นั้นก็เป็นแบบเดียวกับเธอนี่แหละ โดยในตอนนี้เมื่อโอกาสมาแล้ว เธอก็จะไม่ยอมพลาดมันแน่นอน !!!


ตอนที่ 2873 รวมพล


จักรวรรดิออร์ค เมืองปีกสีเงิน :


ตอนนี้มันมีผู้คนจำนวนมากเดินไปมาตามถนนสายหลัก ซึ่งนอกเหนือจากผู้เล่นแล้วมากกว่าครึ่งหนึ่งยังเป็น NPC จากอาณาจักรและจักรวรรดิโดยรอบ


เนื่องจากช่องทางเข้าสู่โลกอื่นขนาดใหญ่ถูกเปิดขึ้น และมันก็มาพร้อมกับการที่มีกองกำลังผู้เล่น และ NPC จากโลกอื่นเข้ามารุกรานทวีปหลัก ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นหรือ NPC ท้องถิ่นในทวีปหลักจึงถูกจำกัดขอบเขตการปฎิบัติการลงไปอย่างมาก โดยส่วนใหญ่ในหมู่พวกเขานั้นก็ถูกบังคับให้ต้องหาเมืองที่เป็นที่หลบภัยที่ปลอดภัยที่สุด ซึ่งเมืองปีกสีเงินที่นับเป็นเมืองที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวรรดิออร์คนั้นก็นับเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะถ้าไม่ใช่พวกขั้นห้าหรือสูงกว่ามาด้วยตัวเองแล้ว มันก็ไม่มีทางที่จะมีใครสามารถทำลายการป้องกันของเมืองปีกสีเงินได้แน่นอน นี่จึงเป็นสาเหตุทำให้ NPC จำนวนมากจากอาณาจักรและจักรวรรดิโดยรอบมารวมตัวกันที่นี่


และหลังจากที่มีข่าวว่าซือเฟิงได้เลื่อนขั้นเป็นขั้นห้าแล้ว จำนวนผู้เล่นหน้าใหม่ที่เข้ามาในเมืองปีกสีเงินมันก็ยิ่งเพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งนี่มันก็ทำให้เมืองปีกสีเงินเดิมที่มีประชากรแออัดอยู่แล้วยิ่งแออัดขึ้นไปอีก โดยนี่ก็ยังไม่นับรวมพวกที่ต้องการจะเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีก และพัฒนาที่เมืองปีกสีเงินในระยะยาวอีก


ขณะเดียวกันในตอนนี้นั้นมันก็มีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ที่แผ่ออร่าที่น่ากลัวจำนวนมากมารวมตัวกันที่บริเวณจตุรัสหน้าสถานที่พักกิลของสภาสิบแปดปีก โดยจำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่พวกนี้ก็ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วยเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งสิ่งนี้ก็ส่งผลให้บริเวณนี้ที่แต่เดิมจะมีเสียงดังนั้นเงียบลงไปทันที และตอนนี้แม้แต่พวกหน้าใหม่ที่มาเข้าแถวรอรับการทดสอบกับสมัครเข้าร่วมกิลสภาสิบแปดปีกก็ยังอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง


“เกิดอะไรขึ้นกับสภาสิบแปดปีกกัน ? ทำไมผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ของกิลถึงมารวมตัวกันที่นี่ ?”


“เป็นเพราะมีคนต้องการจะสมัครเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกมากเกินไปรึปล่าว ? ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่พวกนี้ถึงต้องมาดูแลรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันปัญหา ….”


“สุดยอด !! นี่คือกิลสภาสิบแปดปีกงั้นหรอ ?!! ตอนนี้มีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่มากกว่าห้าสิบคนของกิลมารวมตัวกันที่นี่ ซึ่งด้วยจำนวนที่มากขนาดนี้นั้น แม้แต่ซุเปอร์กิลก็ยังไม่อาจจะเทียบได้เลย !!!”


“ไม่ใช่แค่เรื่องนั้นนะ !! ลองดูอุปกรณ์บนร่างของพวกเขาสิ พวกเขาแต่ละคนมีอุปกรณ์ระดับอีปิคที่สามารถใช้ได้จนถึงเลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบกันคนละสามถึงสี่ชิ้นเลย ขณะที่ตัวฉันยังนึกไม่ออกจริงๆว่าตัวเองจะมีแบบนี้เมื่อไหร่ !!”


….


ในตอนนี้พวกหน้าใหม่ที่รอสมัครเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกหลายคนนั้นล้วนมองตรงมายังผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ของสภาสิบแปดปีกที่มารวมตัวกันที่จตุรัส


ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดเพียงว่าสภาสิบแปดปีกนั้นแข็งแกร่ง เพียงเพราะข้อได้เปรียบของเมืองสภาสิบแปดปีก และตำนานที่ไร้พ่ายของหัวหน้ากิลแห่งสภาสิบแปดปีก แบล๊คเฟรม ซึ่งได้ทำให้สภาสิบแปดปีกกลายเป็นหนึ่งในมหาอำนาจของ God domain ได้อย่างในปัจจุบัน


แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าภูมิหลังของสภาสิบแปดปีกจะน่ากลัวกว่าที่พวกเขาคิดไว้มาก


ไม่เพียงแต่จำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ของสภาสิบแปดปีกจะสูงกว่าซุเปอร์กิลอื่นๆเท่านั้น แต่อาวุธกับอุปกรณ์ของผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ของพวกเขายังดีกว่าซุเปอร์กิลอื่นๆด้วย


และตอนนี้มันก็มีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่มากกว่าห้าสิบคนมารวมตัวกันที่จตุรัส โดยความงดงามและทรงพลังของฉากนี้นั้นมันทำให้ทุกคนในปัจจุบันที่เฝ้าดูอยู่รู้สึกตกตะลึง และหวาดกลัวมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกคนของกิลชั้นสูงหรือกิลที่อ่อนแอกว่านั้นที่มาเฝ้าดูสถานการณ์ทั้งหมด เพราะนี่มันเป็นเหมือนการมารวมตัวกันของมอนสเตอร์ระดับตำนานจำนวนมากเลย ….


“ตอนนี้มันมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่จำนวนมากมารวมตัวกัน นี่สภาสิบแปดปีกกำลังจะมีปฎิบัติการใหญ่งั้นหรอ ?”


“ก็คงงั้น ถ้าไม่ได้เป็นแบบนั้น กิลจะรวบรวมผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่จำนวนมากมาทำไมกัน ?”


เมื่อผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ของสภาสิบแปดปีกมารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้เล่นที่เฝ้าดูอยู่ทั้งหมดก็เริ่มรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ แม้แต่สมาชิกกิลของสภาสิบแปดปีกบางคนก็ยังมองไปที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ของกิลที่มารวมตัวกันที่จตุรัสด้วยความสงสัย


เมื่อจี้ลั่วหรงมาถึงจตุรัส เธอก็ได้ตรงเข้าไปหาไวโอเล็ตคลาวด์ที่พึ่งมาถึงเช่นกัน และถามอย่างสงสัยว่า “ไวโอเล็ต คุณรู้ไหมว่าทำไมหัวหน้ากิลถึงเรียกพวกเรามารวมตัวกันที่นี่ ?”


“ฉันเองก็ไม่รู้ จู่ๆพี่สาวไฟเออร์แดนซ์ก็ติดต่อฉันมาและขอให้ฉันมารวมตัวที่นี่ ….” ไวโอเล็ตคลาวด์ส่ายหัว ก่อนที่เธอจะมองไปยังจี้ลั่วหรงด้วยความประหลาดใจ และกล่าวว่า “ลั่วหรง คุณนี่สุดยอดจริงๆ !!! ดูเหมือนว่าคุณจะสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองไปได้ถึงหนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์แล้วสินะ !!!”


จี้ลั่วหรงนั้นพึ่งจะเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกเมื่อไม่นานมานี้ และแม้ว่าเธอจะแข็งแกร่งมากๆ แต่ในตอนที่เธอเข้าร่วมสภาสิบแปดปีกแรกๆนั้นเธอก็สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองไปได้แค่หนึ่งร้อยห้าเปอเซ็นต์เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามหลังจากตัดสินใจเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกได้ไม่ถึงสิบวัน เธอก็สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาไปได้ราวหนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์แล้ว ด้วยความสามารถแบบนี้นั้น เธอนับว่าเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแน่นอน


“ฮ่าๆ เรื่องนี้ต้องขอบคุณพี่สาวไฟเออร์แดนซ์ที่มอบคำแนะนำมรดกบางอย่างมาให้ฉันได้เรียนรู้ ไม่งั้นฉันก็คงไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าที่จะมาถึงจุดนี้ได้ ….” จี้ลั่วหรงกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่ท้ายที่สุดแล้วเธอก็ยังคงรู้สึกภูมิใจเล็กน้อยเช่นกัน เพราะท้ายที่สุดแล้วในตอนนี้นั้น ผู้ที่สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองมาได้ถึงหนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์นั้นหายากมากๆใน God domain


อย่างไรก็ตามเมื่อจี้ลั่วหรงรู้สึกได้ถึงมานาที่หลั่งออกมาจากร่างกายของไวโอเล็ตคลาวด์นั้น ความภาคภูมิใจที่เธอรู้สึกก็หายไปทันที ….


เพราะในเวลานี้นั้นมานารอบๆไวโอเล็ตคลาวด์แทบจะกลั่นตัวเป็นของเหลวแล้ว แม้ว่ามันจะมีหยดเล็กมากๆ แต่อย่างน้อยนี่มันก็เห็นได้ชัดเจนเลยว่ามันทรงพลังกว่าเธอมาก


ซึ่งหากคนๆหนึ่งมีมานาแบบนี้นั้น มันก็แปลว่าพวกเขาสามารถจะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองไปได้ถึงหนึ่งร้อยสิบห้าเปอเซ็นต์หรืออาจมากกว่านั้นแล้ว ….

แต่หลังจากที่จี้ลั่วหรง และไวโอเล็ตคลาวด์ยืนพูดคุยกันอยู่ได้ไม่นานนั้น ชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อคลุมสีดำ และสวมหน้ากากก็ได้เดินเข้ามา โดยออร่า และมานาที่ชายคนนี้แผ่ออกมานั้นมันน่ากลัวมากๆ และมันสามารถเทียบได้กับมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายเลย ซึ่งชายคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก ปีศาจสีเลือด อดีตรองผู้บัญชาการทีมนักผจญภัยเอเทอนอลกลอรี่ที่พึ่งจะเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกเช่นกัน


“ผู้บัญชาการไฟเออร์แดนซ์เรียกพวกเรามารวมตัวกันที่นี่ มันมีอะไรร้ายแรงรึปล่าว ?” เมื่อมองไปที่จี้ลั่วหรง ปีศาจสีเลือดก็ถามอย่างรู้สึกประหลาดใจ


“ฉันเองก็ไม่รู้ นอกจากคำสั่งเรียกรวมแล้ว พี่สาวไฟเออร์แดนซ์ก็ไม่ได้บอกอะไรอีก ..” จี้ลั่วหรงกล่าวพลางส่ายหัว ขณะที่เธอมองไปยังปีศาจสีเลือดอย่างเต็มไปด้วยอารมณ์


ในตอนแรกปีศาจสีเลือดนั้นไม่เห็นด้วยกับเธอเลยที่จะนำทีมนักผจญภัยของพวกเขาเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีก เพราะเขารู้สึกว่าแม้เขาจะไม่เข้าร่วมกับกองกำลังของกิลใดๆ แต่เขาก็จะสามารถพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วอยู่ดีภายในทีมนักผจญภัย อย่างไรก็ตามหลังจากได้ลองประมือกับไฟเออร์แดนซ์มาหลายครั้ง และถูกทุบตีบวกกับสอนแบบรุนแรงทุกครั้ง มันก็ดูเหมือนว่าเขาจะเปลี่ยนไปมาก และตอนนี้เท่าที่เธอเห็นเขาก็ให้เกียรติไฟเออร์แดนซ์เหมือนกับพี่สาวใหญ่เลย ….


ซึ่งการที่ได้ต่อสู้และประมือกับไฟเออร์แดนซ์นั้นมันก็นับว่าเป็นโชคดี เพราะหากต้องไปต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดคนอื่นๆของสภาสิบแปดปีกนั้น ปีศาจสีเลือดคงจะดูน่าสังเวชมากๆเหมือนกับบางคนแน่นอน


โดยคนที่ว่านั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหยานเทียนซิงที่ชอบมาท้าทาย และขอประมือกับไวโอเล็ตคลาวด์ ซึ่งก็ไม่ต้องพูดถึงการต่อสู้เลย เพราะไวโอเล็ตคลาวด์นั้นจัดการทุบตีชายผู้นี้จนอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชเป็นประจำ แต่ถึงกระนั้นแม้จะเป็นแบบนี้เขาก็ยังคงมีความสุข และไม่ยอมแพ้ แถมยังมาท้าทายไวโอเล็ตคลาวด์เรื่อยๆ และในตอนที่ไวโอเล็ตคลาวด์ไม่อยู่ เขาก็มักจะไปขอท้าทายรองหัวหน้ากิลอควาโรสด้วย ….


และมันก็แน่นอนว่าผลของการต่อสู้ทุกครั้งมันก็จบลงที่หยานเทียนซิงนั้นถูกบดขยี้ลงที่สนามประลองของเมืองป่าหินทุกๆวัน ….


ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ของสภาสิบแปดปีกทุกคนกำลังสงสัยว่าทำไมไฟเออร์แดนซ์ถึงเรียกพวกเขามารวมตัวกันที่นี่ มันก็มีชายและหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาที่จตุรัส โดยทั้งสองนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากไฟเออร์แดนซ์ และซือเฟิง

ในขณะนี้แม้ว่าซือเฟิงจะเข้ามายืนอยู่บริเวณนี้เฉยๆ แต่พื้นที่ทั้งหมดโดยรอบเขานั้นมันก็ดูเหมือนจะบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย และนี่มันก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างที่กล้าเข้าใกล้เขาโดยที่เขาไม่อนุญาตินั้นจะต้องถูกทำลายลงแน่นอน


เมื่อได้เห็นตัวตนขั้นห้าต่อหน้าต่อตาจริงๆ ทุกคนทั่วบริเวณนั้นก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น และตกตะลึง


เพราะแม้ว่าซือเฟิงจะไม่ได้พุ่งเป้าแรงกดดันไปที่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่แรงกดดันที่เขาแผ่ออกมาตามธรรมชาตินั้นมันก็มากเพียงพอจะทำให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ทุกคนรู้สึกหนักอึ้งอย่างบอกไม่ถูกแล้ว ซึ่งนี่มันราวกับว่าพวกเขาถูกตะกั่วถ่วงร่างกายเอาไว้ สำหรับพวกผู้เชี่ยวชาญขั้นสามนั้นพวกเขาล้วนรีบถอยหนีออกไปโดยสัญชาตญาณ และไม่กล้าเข้ามาใกล้ซือเฟิงเลย


“นี่คือหัวหน้ากิลแห่งสภาสิบแปดปีกงั้นหรอ ?” เมื่อมองไปที่ซือเฟิงนั้น ใบหน้าของปีศาจสีเลือดก็ปรากฎร่องรอยแห่งความตกตะลึงอย่างถึงที่สุด


หลังจากเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกมานั้น เขาก็ได้รู้ว่าซือเฟิงคือผู้เชี่ยวชาญอันดับหนึ่งแห่งสภาสิบแปดปีก แต่อย่างไรก็ตามเขาก็เคยได้ยินเพียงแค่ชื่อ และเรื่องเล่าของชายผู้นี้เท่านั้น เขายังไม่เคยเห็นตัวจริง


ซึ่งจากมุมมองของเขานั้น เขาก็คิดว่าซือเฟิงน่าจะแข็งแกร่งกว่าไฟเออร์แดนซ์มากๆ แต่ตอนนี้พอได้มาเจอกับซือเฟิงตัวเป็นๆ เขาก็รู้แล้วว่าเขาคิดผิด เพราะซือเฟิงไม่เพียงแต่แข็งแกร่งกว่าไฟเออร์แดนซ์มากๆ แต่เขานั้นจัดว่าอยู่คนละระดับเลย


อันที่จริงตอนนี้มันก็ไม่ใช่แค่ปีศาจสีเลือดเท่านั้นที่คิดแบบนี้ ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่บางคนที่พึ่งจะเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกได้ไม่นาน และพึ่งจะได้เจอซือเฟิงตัวจริงเป็นครั้งแรกก็ล้วนคิดแบบเดียวกันกับเขา ….


ไฟเออร์แดนซ์มองไปยังผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ทั้งหมดที่มารวมตัวกัน ก่อนที่เธอจะหันกลับไปมองซือเฟิงและกล่าวว่า “หัวหน้ากิลตอนนี้นอกเหนือจากรองหัวหน้ากิลทั้งสองคนที่มีธุระสำคัญ และผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่อีกราวสิบคนหรือมากกว่านั้นนิดหน่อยที่กำลังอยู่ในช่วงฝึกเพื่อเข้าสู่ขอบเขตที่แท้จริง ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ทุกคนของเราได้มารวมตัวกันที่นี่แล้ว …”


“ไม่เลว !!” ซือเฟิงมองไปรอบๆพลางพยักหน้าเล็กน้อย

ตอนนี้เขามีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ที่พร้อมปฎิบัติการงานนี้อยู่ทั้งหมดหกสิบคน โดยคนที่มีเลเวลต่ำสุดนั้นก็มีเลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบแปด ขณะที่คนที่มีเลเวลสูงสุดนั้นก็มีเลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบหก ซึ่งคนที่มีเลเวลสูงสุดนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากไวโอเล็ตคลาวด์ สำหรับเรื่องร่างมานานั้นผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ที่มารวมตัวกันที่นี่ส่วนใหญ่ก็สามารถทะลวงหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์กันไปได้แล้ว แถมเกือบยี่สิบคนในหมู่พวกเขาก็ยังสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาไปได้มากกว่าหนึ่งร้อยห้าเปอเซ็นต์ด้วย และมันก็มีเจ็ดคนที่

สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาไปได้หนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์หรือมากกว่าแล้ว


โดยพวกเขาก็คือไฟเออร์แดนซ์ ไวโอเล็ตคลาวด์ จี้ลั่วหรง Alluring Summer อี้ลั่วเฟย ไซเร้นเบลด และหยานเทียนซิง ….


โคล่าที่มาถึงเลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบแล้วมองไปที่ซือเฟิง และอดไม่ได้ที่จะถามอย่างตื่นเต้นว่า “หัวหน้ากิล ที่หัวหน้าเรียกเรามาที่นี่ก็เพราะหัวหน้าวางแผนจะเข้ายึดครองเมืองหลวงของจักรวรรดิออร์คใช่ไหม ?”


พื้นที่ใจกลางเมืองหลวงของจักรวรรดิออร์คนั้นมันเปรียบได้กับดินแดนลับพิเศษที่มีความยากเทียบเท่ากับดันเจี้ยนภูมิภาคโหมดพระเจ้าเลย และจนถึงตอนนี้นั้นก็ยังไม่มีมหาอำนาจใดๆที่สามารถโจมตีพื้นที่แห่งนี้ได้แบบเป็นทางการ เพราะพวกเขามีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่จำนวนไม่มากเพียงพอ อย่างไรก็ตามตอนนี้สภาสิบแปดปีกนั้นแตกต่างออกไป ….


พวกเขานั้นมีพร้อมแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องจำนวนของผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ และเมื่อเป็นดังนี้นั้นทุกคนทั้งหมดจึงอยากจะลองดู เพราะหากพวกเขาสามารถเข้าไปโจมตีและล่าที่นั่นซึ่งเป็นแผนที่ที่มีเลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบหรือมากกว่าได้ พวกเขาก็จะพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วแน่นอน


“ไม่ใช่ !! ฉันไม่ได้เรียกทุกคนมาที่นี่เพื่อเมืองหลวงของจักรวรรรดิออร์ค แต่ฉันเรียกทุกคนมาที่นี่เพื่อเรื่องอื่น ….” ซือเฟิงกล่าวพลางส่ายหัว


“เรื่องอื่น ?” โคล่าและคนอื่นๆงงงวยอยู่พักหนึ่ง ….

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)