Reincarnation Of The Strongest Sword God 2801-2809

 ตอนที่ 2801 การต่อสู้กับ NPC ขั้นสี่ครั้งแรก


“ตาย ?”


“เขากล้าทำได้ยังไงน่ะ ?!”


เมื่อหัวหน้าทหาร NPC ถูกตัดผ่าเป็นสองซีก ทุกคนที่เฝ้าดูอยู่ต่างก็ตกตะลึง แม้กระทั่งดีไวน์ชาโด้ว และคลีนซิ่งเฟรมที่ยืนอยู่ด้านข้าง ใกล้ๆซือเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างกับเรื่องนี้ พวกเขาไม่คิดเลยว่าซือเฟิงจะตัดสินใจที่จะทำแบบนี้จริงๆ


แถมนี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่ว่าเมื่อเขาตัดสินใจจะทำแล้ว เขาก็สามารถจะฆ่าหัวหน้าทหาร NPC ได้ในทันทีด้วย นี่มัน ….


“ตาย !!!”


“คนๆนี้ตายแน่ๆ !!! ที่นี่คือเมืองดราก้อนฮาร์ท !!! แต่เขากับกล้าจะฆ่าทหาร NPC ที่เป็นระดับหัวหน้าทหาร NPC ของเมือง มันจะไม่ใช่เรื่องแปลกเลยถ้าเขาจะถูกฆ่าและจับขังมากกว่าสิบวัน”


ไม่เหมือนกับเมือง NPC อื่นๆ เมืองดราก้อนฮาร์ทนั้นเป็นเมืองที่อยู่ในแผนที่เป็นกลาง และเมืองก็มีความเหนือกว่าเมืองอื่นๆทั่วไปมากในแง่ของการจัดการหลายๆอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับข้อกฎหมายของเมือง ซึ่งมันจะรุนแรงกว่าเมืองในอาณาจักรและจักรวรรดิต่างๆอย่างมาก


ก่อนที่ระบบจะทำการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรก หากผู้เล่นกล้าที่จะต่อสู้และฆ่ากันในเมืองดราก้อนฮาร์ท เมื่อถูกทหาร NPC จับได้ ผู้เล่นจะถูกฆ่าในทันที และจะถูกแบนไม่ให้เข้าสู่ไอดีเป็นเวลาหนึ่งเดือน ซึ่งแม้ว่าจะผ่านไปครบหนึ่งเดือนแล้ว และผู้เล่นได้ล๊อคอินกลับเข้ามาในไอดีเดิมของตัวเอง แต่เลเวลของผู้เล่นก็จะลดลงสิบเลเวล และวิญญาณของผู้เล่นก็ยังจะติดสถานะอ่อนแอเป็นเวลาสิบวันเต็ม


มันอาจกล่าวได้เลยว่าโทษที่จะได้รับจากการต่อสู้และฆ่ากันในเมืองดราก้อนฮาร์ท

นั้นมันทำให้ไอดีหนึ่งแทบจะพิการ และใช้งานไม่ได้ไปเลย


แต่ตอนนี้หลังจากการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรกของระบบเกิดขึ้น ทุกคนก็ไม่สามารถจะจินตนาการได้อีกต่อไปว่าผู้เล่นจะโดนบทลงโทษอะไรบ้าง หลังจากการฆ่าทหาร NPC แบบนี้ นี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่ NPC ที่ถูกฆ่าไปนั้นเป็นระดับหัวหน้าทหารด้วย


สิ่งที่ซือเฟิงกระทำนั้น มันทำให้แม้แต่อิ้งเฟเธอร์ กับคนอื่นๆที่อยู่บริเวณประตูเมืองก็ยังตกตะลึงจนไม่สามารถตอบสนองได้ไปสักพัก


“นี่เขากล้ามากขนาดนี้เลยงั้นหรอ ?” อิ้งเฟเธอร์จ้องมองไปยังซือเฟิงที่อยู่ห่างออกไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “เขาไม่ได้บ้าไปแล้วจริงๆใช่ไหม ?!”


เธอนั้นคิดว่าคนอย่างซือเฟิงจะทำการต่อต้านแน่นอน อย่างไรก็ตามเธอไม่คิดเลยว่าซือเฟิงจะต่อต้านอย่างรุนแรง และฆ่าหัวหน้าทหาร NPC โดยไม่ลังเลแบบนี้


อย่างไรก็ตามบลัดโอ๊ทที่ตอนนี้ขึ้นไปยืนอยู่บนกำแพงเมืองนั้นอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างมีความสุขออกมา เมื่อได้เห็นฉากนี้


“ช่างกล้าหาญจริงๆ !! สมแล้วที่เป็นผู้เล่นที่ได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่คนแรกใน God domain !!!” บลัดโอ๊ทมองไปยังซือเฟิงด้วยดวงตาที่ทั้งชื่นชมและเย้ยหยัน “แต่น่าเสียดายที่วันนี้ทุกอย่างที่คุณทำมาจะต้องจบลงที่นี่ แบล๊คเฟรม !!!”


อย่างไรก็ตามก่อนที่ทุกคนจะทันได้หายตกตะลึงจากการที่ซือเฟิงฆ่าหัวหน้าทหาร NPC ซือเฟิงก็ได้เริ่มกวัดแกว่ง Abyssal Bldade ในมือของเขาอีกครั้ง


หลังจากนั้นประกายดาวก็ปรากฎขึ้นรอบๆซือเฟิง ก่อนที่เขาจะทำการเดินตัดผ่านทหาร NPC ที่เหลืออีกสิบเอ็ดคนทันที


วงโคจรดาบ !!


เมื่อเหล่าทหาร NPC เจอกับวงโคจรดาบของซือเฟิง พวกเขาก็ได้รับความเสียหายมากกว่าห้าสิบล้านครั้งแล้วครั้งเล่าจนท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็ตายลงอย่างไม่อาจจะต่อต้านใดๆได้เลย


“พวกโง่ !! นี่คิดว่ากฎของเมืองดราก้อนฮาร์ทใช้กับฉันได้งั้นหรอ ?!” ซือเฟิงกล่าวอย่างไม่แยแส พลางมองไปยังเหล่าทหาร NPC ที่ตายลง ก่อนที่เขาจะเก็บ Abyssal Blade เข้าฝัก และทำราวกับว่าเรื่องที่เขาพึ่งทำไปเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น

ถ้ามันเป็นก่อนหน้านี้ที่เขายังไม่ได้เข้าสู่โลกยุคโบราณของ God domain มา เขาก็คงจะกลัวกฎพวกนี้อยู่บ้าง อย่างไรก็ตามตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว


เมื่อซือเฟิงพูดจบ ผู้ชมก็เงียบไปชั่วครู่ด้วยความตกตะลึงอย่างถึงที่สุด ….


“บ้า !! เขามันบ้าอย่างแท้จริง !!!”


“เขากล้าจะฆ่าทหาร NPC ของเมืองดราก้อนฮาร์ทตามใจตัวเอง แถมเขายังทำได้อย่างรวดเร็วด้วย …. นี่เขาเป็นใครกันแน่ ?”


ตอนนี้เหล่าผู้ชมที่เฝ้าดูอยู่นั้นต่างพูดคุยกันอย่างตื่นเต้นมากๆ เมื่อได้เห็นสิ่งที่ซือเฟิงได้กระทำไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการฆ่าทหาร NPC สิบเอ็ดคนในเวลาอันรวดเร็วนั้น มันจะกลายเป็นเรื่องเล่าขานของเมืองดราก้อนฮาร์ทไปอีกนานแน่นอน


ในขณะที่พวกผู้ชมกำลังเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับตัวตนของซือเฟิง ซาบริจด์ซึ่งสวมชุดคลุมสีดำ และชุดเกราะอัศวินสีเทาเงินที่ได้เห็นฉากนี้ก็มีใบหน้าที่แดงก่ำ ทันใดนั้นออร่าของเขาก็พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ซาบริจด์ไม่ได้เลือกจะปิดบังออร่าใดๆของตัวเองอีกต่อไปแล้ว และออร่าของ NPC ขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยหกสิบ นี้มันก็น่ากลัวมากๆจนทำให้ทุกคนอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น


“คุณนี่มันช่างกล้าหาญจริงๆ !!! คุณกล้าจะฆ่าหน่วยทหาร NPC ของเมืองดราก้อนฮาร์ททั้งหน่วย ดังนั้นวันนี้ฉันจะไม่ปล่อยคุณไปแน่นอน !!!” ซาบริจด์ตะโกน ก่อนที่เขาจะพุ่งเข้าหาซือเฟิง


ขณะเดียวกันทหาร NPC คนอื่นๆที่อยู่บริเวณหน้าเมืองก็เริ่มตามซาบริจด์ไปทีละคนๆ


“มันจบแล้ว !!” ดีไวน์ชาโด้วมองไปยังซาบริจด์ที่กำลังพุ่งเข้ามาหาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง และเขาก็ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมซือเฟิงถึงได้ตัดสินใจจะฆ่าหน่วยทหาร NPC ทั้งหน่วยไป …. “ตอนนี้เราจบสิ้นแล้วจริงๆ ….”


แม้ว่าซือเฟิงจะเป็นผู้เล่นขั้นสี่ แต่ต่อหน้า NPC ขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยหกสิบนั้นพวกเขาจะไม่มีโอกาสรอดชีวิตแน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้ว NPC นั้นมีค่าสถานะสูงกว่าผู้เล่น แถมพวกเขาก็ยังมีมานามากกว่าผู้เล่น และสามารถควบคุมมานาได้ดีกว่าผู้เล่นด้วย นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอาวุธกับอุปกรณ์ที่พวกเขาก็จะเหนือกว่าผู้เล่นอยู่ในระดับหนึ่งเลย ….

เมื่อดีไวน์ชาโด้ว และคลีนซิ่งเฟรมกำลังรู้สึกสิ้นหวัง เสียงสองเสียงก็ดังขึ้นมาเข้าหูของพวกเขา


“ผู้บัญชาการ คุณนี่ช่างเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจริงๆ !!!”


“ผู้บัญชาการ วันหลังก็บอกพวกเราล่วงหน้าสักนิดเถอะนะ พวกเราจะได้เตรียมตัว !!!…”


ไลฟ์เลสธอร์นและโซริทารี่ไนน์กล่าวบ่นด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่พวกเขาจะชักอาวุธของตัวเองออกมา และเตรียมจะต่อสู้กับ NPC ทั้งหมดที่เข้ามา


“บ้าแล้ว !! นี่พวกเขาก็บ้าไปแล้วเหมือนกันงั้นหรอ ?!!”


เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวทั้งหมดของซือเฟิง และคนของเขา ดีไวน์ชาโด้วกับคลีนซิ่งเฟรมก็แทบพูดไม่ออกเลย


ไม่ต้องพูดถึงซือเฟิง ซึ่งปกติเป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว แต่นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกับความคิดของไลฟ์เลสธอร์นและโซริทารี่ไนน์ที่ติดตามซือเฟิงมากัน ?


อย่างไรก็ตามสำหรับยู่หลัวนั้นเธอไม่ได้แสดงอาการตกตะลึงหรือประหลาดใจใดๆกับเรื่องนี้ ตรงกันข้าม เธอกับนำคทาของเธอออกมา ก่อนที่เธอจะหันไปพูดกับดีไวน์ชาโด้ว และคลีนซิ่งเฟรมว่า “รองผู้บัญชาการทั้งสอง พวกคุณยืนอยู่ข้างหลังฉันไว้ สำหรับทหาร NPC คนอื่นๆที่กำลังเข้ามานั้นปล่อยให้ฉันจัดการเอง”


ดีไวน์ชาโด้ว กับคลีนซิ่งเฟรมมองไปที่ยู่หลัวด้วยความประหลาดใจ เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ


นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับโลกนี้กัน ?


นี่คือยู่หลัวที่พวกเขารู้จักจริงๆงั้นหรอ ?


เมื่อมองไปที่ดวงตาที่ประหลาดใจของทั้งสอง ยู่หลัวก็หัวเราะออกมาและพูดว่า “ไม่ต้องกังวลน่า ฉันสามารถจะจัดการกับทหาร NPC บางคนได้อยู่แล้ว”


สำหรับเรื่องของซือเฟิง แม้ว่าเธอจะประหลาดใจในการตัดสินใจนี้ของเขา แต่จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาด้วยกัน มันก็ทำให้เธอค่อนข้างจะมั่นใจในตัวเขามากๆ


แถมจากการที่เธอได้ทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้สำเร็จแล้ว ดังนั้นเธอจึงรู้พลังของขั้นสี่ดี และเธอก็รู้ดีว่ากลุ่มทหาร NPC ขั้นสามนั้นไม่สามารถจะจัดการรังแกเธอได้ง่ายๆแน่นอน แม้ว่าเธอจะเป็นเครอลิค ซึ่งเป็นอาชีพสายซัพพอร์ทก็ตาม เพราะท้ายที่สุดแล้วความแข็งแกร่งนั้นมันคือทุกสิ่งใน God domain และมีเพียงแต่ผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะได้รับความเคารพ อย่างอื่นถือเป็นเรื่องรอง ….


และนี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่ว่าในโลก God domain ยุคโบราณที่เธอผ่านมานั้น การฆ่าทหาร NPC เป็นเรื่องปกติ ทหาร NPC สามารถจะฆ่าผู้ปกครองเมืองได้ด้วยซ้ำ หากพวกเขาคิดว่า พวกเขาสามารถทนรับผลที่ตามมาได้


การที่พวกทีมนักผจญภัยวอร์บลัดคิดจะใช้ NPC ให้ช่วยพวกเขาแบบนี้ มันนับเป็นเรื่องตลกสิ้นดี !!!


พวกเขาไม่ได้รู้เลยว่าเมื่อผู้เล่นได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่แล้ว โลกที่ผู้เล่นขั้นสี่อยู่นั้นมันจะแตกต่างไปจากผู้เล่นขั้นสามอย่างสิ้นเชิง


สำหรับซาบริจด์ ตอนนี้เมื่อเขามาลอยอยู่กลางอากาศเหนือซือเฟิงและคนอื่นๆแล้ว เขาก็จ้องมองไปยังซือเฟิงและคนอื่นๆอย่างโกรธเกรี้ยวมากๆ เพราะเขาไม่ได้คาดหวังเลยว่าซือเฟิงและคนอื่นๆจะกล้าโจมตีและฆ่าทหาร NPC ของเมืองที่ไปทำตามคำสั่งของเขา ซึ่งนี่มันจะทำให้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้เขาจะต้องรับผิดชอบ ซาบริจด์ได้กล่าวออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “พวกผู้ได้รับพรจากสวรรค์ที่โง่เขลา !!! พวกคุณคิดหรอว่าเมื่อพวกคุณได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่แล้ว มันจะไม่มีใครแตะต้องคุณได้น่ะ ?! วันนี้จะไม่มีใครหนีออกไปจากที่นี่ได้ !!!”


เมื่อซาบริจด์พูดจบ เขาก็ดึงดาบที่คมกริบของเขาออกมา ก่อนจะฟันมันไปยังทิศทางของซือเฟิง ซึ่งมันก็ทำให้เกิดรอยแยกมิติสีดำที่พุ่งเข้าหาซือเฟิงอย่างรวดเร็วทันที


สกิลขั้นสี่ แยกท้องฟ้า !!!


“มันก็นับเป็นการโจมตีที่ดีนะ แต่น่าเสียดายที่คุณเลือกใช้กับคนผิด !!!!” ซือเฟิง

กล่าวอย่างสบายๆ ขณะที่เขามองไปยังการโจมตีของซาบริจด์ที่กำลังเข้ามา


หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้ชักดาบแสงแห่งสองโลกออกจากฝัก ก่อนจะเหวี่ยงมันเข้าไปรับการโจมตีของซาบริจด์โดยตรง



ตอนที่ 2802 พลังของดาบแสงแห่งสองโลก


เมื่อดาบของซือเฟิงปะทะกับการโจมตีของซาบริจด์ มันก็ทำให้เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นไปทั่วบริเวณ


ตู้ม !


คลื่นที่เกิดขึ้นหลังจากการปะทะกันของทั้งสองนั้นกระจายตัวออกไปยังรัศมีหลายร้อยหลารอบๆโดยตรง ผู้เล่นขั้นสามนั้นไม่สามารถจะทำอะไรได้นอกจากต้องถูกบังคับให้ถอยไปหลายก้าว ขณะที่ผู้เล่นขั้นสองนั้นปลิวกระเด็นไปไกลนับสิบหลา


“ป้องกันไว้ได้ ?”


“เขาทำได้ยังไงกัน ?!”


เหล่าผู้ชมที่อยู่ไกลออกมามองไปยังซือเฟิงที่ยังคงยืนอยู่ที่ตำแหน่งเดิมของเขาอย่างสบายๆด้วยความรู้สึกตกตะลึง


การที่ซือเฟิงสามารถเผชิญหน้ากับสกิลของ NPC ขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยหกสิบได้แบบนี้นั้น มันก็ชัดเจนเลยว่าทั้งสองฝ่ายมีความเท่าเทียมกันแทบทุกๆด้าน


ในตอนนี้นับประสาอะไรกับเหล่าผู้ชมที่เฝ้าชมอยู่ แม้แต่ซาบริจด์ที่เป็นผู้โจมตีเองก็ยังตกตะลึงมากเช่นกัน


“ตกตะลึงงั้นหรอ ?” เมื่อเห็นท่าทีของเขา ซือเฟิงก็มองไปที่ซาบริจด์ด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะกล่าวว่า “ดูเหมือนว่ารองผู้บัญชาการกองอัศวินป้องกันเมืองก็จะมีดีแค่นี้สินะ …”


แม้ว่าซือเฟิงจะพูดแบบนี้ แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะประมาทซาบริจด์เลย


ดาบแสงแห่งสองโลกนั้นได้ช่วยปรับปรุงค่าสถานะของเขาอย่างมาก และมันก็ช่วยให้สกิลดาบทั้งหมดของเขาแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้เขายังมีเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานอยู่บนร่างกายหลายชิ้น ซึ่งเมื่อรวมทุกอย่างด้วยกันนั้น มันก็ทำให้ค่าสถานะซือเฟิงสูงลิ่วจนน่ากลัวมากๆ


แถมซาบริจด์ NPC ขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยหกสิบที่เขาต่อสู้ด้วยนั้นก็มีเลเวลมากกว่าเขาแค่ราวยี่สิบเลเวลเท่านั้น ซึ่งหากจะมีสิ่งใดที่ซาบริจด์เหนือกว่าเขานั้น มันก็แค่พวกสกิลและเวทย์มนต์ขั้นสี่ที่ซาบริจด์จะมีมากกว่าเขาเท่านั้น


“ชายหนุ่ม คุณนี่ช่างรนหาที่ตายจริงๆ !!!” เมื่อซาบริจด์ได้ยินคำพูดของซือเฟิง ความโกรธของเขาก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้น


ทันใดนั้นดาบในมือของซาบริจด์ก็เริ่มรวบรวมมานาโดยรอบในรัศมีหลายพันหลาเข้ามาควบแน่นกัน ซึ่งมันสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าก่อนหน้านี้นั้นซาบริจด์ยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดที่มี


และหลังจากรวบรวมมานาได้มากจนเพียงพอแล้ว ซาบริจด์ก็แยกร่างออกมาหลายร่าง ก่อนจะพุ่งเข้ามาโจมตีซือเฟิงอย่างรวดเร็ว


สกิลขั้นสี่ ทลายเงา !


ในตอนนี้แม้ว่าซือเฟิงจะเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมน แต่มันก็ยังคงเป็นเรื่องยากสำหรับเขามากๆที่จะแยกว่าอันไหนคือร่างจริง และร่างปลอมของซาบริจด์


และก่อนที่ซือเฟิงจะทันได้ตอบสนองได้ อักษรรูนที่เป็นเปลวไฟจำนวนมากก็ได้ปรา

กฎขึ้นบนดาบของซาบริจด์


สกิลต้องห้ามขั้นสี่ สปาร์คเบลด !!


ทันใดนั้นด้วยการเหวี่ยงดาบใช้สกิลของซาบริจด์ มันก็ทำให้การโจมตีเพียงครั้งเดียวของเขานี้ กลายเป็นดาบหลายสิบเล่มพุ่งเข้าหาซือเฟิง ซึ่งมันไม่มีทางเลยที่ซือเฟิงจะหลบได้


“ยอดเยี่ยมจริงๆ !!! สมแล้วที่เป็นรองผู้บัญชาการกองอัศวินป้องกันเมือง เขาสามารถจะใช้สกิลขั้นสี่ได้จนถึงจุดที่เขาสามารถจะผสานสองสกิลเข้าด้วยกันได้ !!!” เมื่อได้เห็นการโจมตีที่กำลังเข้ามาหาเขา ซือเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังซาบริจน์อย่างชื่นชม


การจะทำแบบนี้ให้ได้นั้น มันยากกว่าการผสานการโจมตีนับสิบครั้งแบบปกติให้เป็นครั้งเดียวซะอีก และตัวตนขั้นสี่ที่สามารถทำแบบนี้ได้นั้นก็จะล้วนได้รับการยอมรับว่าแข็งแกร่งเหนือกว่าพวกตัวตนขั้นสี่ทั่วไปมาก


“หายไปซะ !!!”


ซาบริจด์ตะโกน ก่อนที่เขาจะเร่งความเร็วของเขาขึ้นอีก เห็นได้ชัดเลยว่าเขาไม่ได้วางแผนจะให้โอกาสใดๆแก่ซือเฟิง และเขาก็ต้องการจะปิดงานนี้ให้ได้อย่างรวดเร็ว


เมื่อเห็นการโจมตีทั้งหมดนี้กำลังใกล้เข้ามา ซือเฟิงก็ได้จัดการเปิดใช้งานสกิลของตัวเองเช่นกัน


สกิลมรดกขั้นสี่ โดเมนดาบ !!!


ทันใดนั้นดาบเวทย์มนต์เจ็ดเล่มก็ปรากฎขึ้นรอบๆซือเฟิง และเนื่องจากความแข็งแกร่งของมานาของซือเฟิงนั้นได้รับการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ ดังนั้นในเวลานี้ดาบเวทย์มนต์ทั้งหมดของเขาจึงควบแน่นเป็นสสารที่สมบูรณ์ ก่อนที่ซือเฟิงจะควบคุมพวกมันเพื่อทำการใช้วงโคจรดาบ


ตู้ม ! ตู้ม ! ตู้ม !


เสียงระเบิดนั้นดังขึ้นเป็นชุดๆ ขณะที่คลื่นกระแทกที่เกิดจากการปะทะกันของทั้งสองนี้ก็สะท้อนและส่งผลไปถึงประตูเมืองดราก้อนฮาร์ท โดยคลื่นกระแทกแต่ละครั้งนั้นทำให้พื้นดินทั่วบริเวณแตกออกเป็นเสี่ยงๆ และท้ายที่สุดแล้วมันก็ทำให้ประตูเมืองดราก้อนฮาร์ทที่มีค่าความทนทานหนึ่งแสนสามหมื่น ลดลงไปเหลือค่าความทนทานแค่สี่หมื่น


หลังจากการโจมตีนี้จบลง และฝุ่นทั้งหมดเริ่มจางลง ทุกคนก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าซือเฟิงยังมีชีวิตอยู่ เพียงแต่ว่า HP ของเขานั้นลดลงไปมากกว่าห้าล้านเท่านั้น ซึ่งนี่มันเท่ากับว่า HP ของเขาได้ลดลงไปหนึ่งในสามทันที


“ยังไม่ตายงั้นหรอ ?!”


เมื่อเห็นว่าซือเฟิงยังมีชีวิตอยู่ ดวงตาของอิ้งเฟเธอร์ก็เบิกกว้างด้วยความตกตะลึง และไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่เธอได้เห็นมันเป็นเรื่องจริง

เมื่อซาบริจด์ใช้เทคนิคการโจมตีแบบนี้ มันสามารถจะทำให้มอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายบาดเจ็บสาหัสได้ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เมื่อเขาใช้กับ ซือเฟิงกับเสีย HP ไปแค่หนึ่งในสาม ….


“สุดยอดเลย !! ตามที่คาดไว้จากรองผู้บัญชาการกองอัศวินป้องกันเมืองดราก้อนฮาร์ท !!!” ซือเฟิงมองสภาพตัวเขาเองก่อนที่เขาจะกล่าวชื่นชมซาบริจด์ “เทคนิคการผสานสองกิลเข้าด้วยกันนั้น มันทำให้การโจมตีเมื่อครู่มีพลังเทียบเท่ากับขั้นพื้นฐานของขั้นห้าเลย !!!”


หากไม่ใช่เพราะว่าเขาได้เปลี่ยนอาวุธหลักของตัวเองเป็นดาบแสงแห่งสองโลกแล้ว วิธีการเดียวที่เขาจะเอาตัวรอดจากการโจมตีของซาบริจด์ได้ก็คือการเปิดใช้งานสกิลเบอเซิกร์ แต่อย่างไรก็ตามถ้าหากเขาทำแบบนั้น และท้ายที่สุดเขาไม่สามารถเอาชนะซาบริจด์ได้ก่อนเวลาของสกิลจะหมดลง เขาก็จะต้องได้เจอกับคราวเคราะห์ครั้งใหญ่แน่นอน ….


“ชายหนุ่ม ดูเหมือนว่าคุณจะมีความสามารถมากจริงๆ !!!” ซาบริจด์กล่าวขณะที่มองไปยังซือเฟิง ตัวเขาเองนั้นก็ตกใจมาเช่นกันที่ซือเฟิงรอดจากการโจมตีเมื่อครู่ของเขามาได้ “อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดแล้ว มาดูกันว่าคุณจะสามารถทนได้อีกนานแค่ไหนกัน !!!”


เมื่อกล่าวจบซาบริจด์ก็ได้เคลื่อนไหวด้วยการเฉือนดาบหนึ่งครั้ง ซึ่งมันได้เปลี่ยนให้ดาบหลายสิบเล่มที่เหลือที่เขาใช้โจมตีซือเฟิงเมื่อครู่ก่อตัวเป็นวงเวทย์


สกิลขั้นสี่ เงาแสงแห่งอัศวิน !!!


คำสาปขั้นสี่ ปิดผนึกโลก !!!


หลังจากนั้นดาบหลาบสิบเล่มที่ก่อตัวเป็นวงเวทย์ก่อนหน้านี้ก็กลายเป็นหลุมดำจำนวนมาก และพุ่งเข้าใส่ซือเฟิง


เมื่อเห็นฉากนี้นั้นเหล่าผู้ชมที่เฝ้าชมอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เพราะท้ายที่สุดพวกเขารู้ดีว่าถ้าพวกเขาโดนแม้แต่เศษของหลุมดำนี้เข้าไป พวกเขาจะกลายเป็นขี้เถ้าทันทีแน่นอน


“NPC ขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยหกสิบนั้นไม่ใช่ตัวตนที่จะสามารถยั่วยุได้ง่ายๆจริงๆ !!! แต่อย่างไรก็ตามหากคุณต้องการจะฆ่าฉัน คุณต้องมีมากกว่านี้นะ !!!” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันจะให้คุณได้ลองสิ่งนี้ก็แล้วกัน !!!”


เมื่อกล่าวจบซือเฟิงก็ได้เริ่มเปิดใช้งานสกิลแสงทลายโลก ซึ่งมันก็ทำให้ใบดาบของซือเฟิงนั้นเริ่มถูกปกคลุมไปด้วยอักษรรูนสีแดงสดทันที และเมื่อเห็นว่าการเปิดใช้งานเรียบร้อยแล้ว ซือเฟิงก็ได้เหวี่ยงมันเข้าใส่ซาบริจด์ที่ตอนนี้ลอยอยู่กลางอากาศทันที


ตู้ม !!


ทันใดนั้นลำแสงก็พุ่งออกมาจากดาบของซือเฟิงและตัดผ่านหลุมดำไปอย่างรวดเร็ว จนให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าจะไม่มีอะไรจะสามารถหยุดมันได้


ก่อนที่มันจะปะทะเข้ากับร่างของซาบริจด์เต็มๆ ….


เมื่อลำแสงนี้หายไป ทุกคนก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนถึงสภาพที่น่าสังเวชของซา

บริจด์ นอกเหนือจากการโจมตีของเขาจะหายไปแล้ว HP ของเขาที่มีมากกว่าสองร้อยล้านก็ลดลงไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง แถมเกราะของเขาก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ และสภาพร่างกายของเขาก็มีรอยไหม้เต็มไปหมดด้วย ….


อย่างไรก็ตามก่อนที่ซาบริจด์จะทันได้ตอบสนอง ซือเฟิงก็ได้เร่งรีบพุ่งเข้าโจมตีเขาต่อทันที โดยไม่ได้คิดจะเปิดโอกาสใดๆให้ทันตั้งตัว


ซึ่งเมื่อซาบริจด์เห็นดังนี้นั้น เขาก็รีบเปิดใช้งานสกิลป้องกันขั้นสี่ ป้อมปราการเหล็กของตัวเอง โดยสกิลนี้นั้นมันจะช่วยเพิ่มพลังป้องกันของเขาขึ้นอีกห้าร้อยเปอเซ็นต์


แต่กระนั้น ซือเฟิงก็ไม่ได้สนใจใดๆ เขาได้เลือกจะระดมโจมตีซาบริจด์ไปอย่างต่อเนื่องและบ้าคลั่ง ซึ่งทุกๆการโจมตีของเขานั้นก็ค่อยๆเจาะการป้องกันของซาบริจด์ได้มากขึ้นเรื่อยๆ …. รวมทั้งทำให้ซาบริจด์ปลิวกระเด็นลงมากระแทกกับพื้นดินจนเกิดเป็นหลุมลึกนับสิบเมตร


อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็ยังคงไม่ได้คิดจะหยุดใดๆ เขาตามมาโจมตีซาบริจด์ต่อไปอีก และหลังจากนั้นสามวินาที HP ของซาบริจด์ รองผู้บัญชาการกองอัศวินป้องกันเมืองก็ลดลงไปถึงศูนย์ ก่อนที่เขาจะตายลงด้วยดวงตาที่เบิกโพลงค้างอยู่ ….


สำหรับซือเฟิงตอนนี้นั้นเขายังคงลอยอยู่กลางอากาศเหมือนเดิม และค่า EXP ของเขาก็พุ่งขึ้นอย่างมากจนทำให้เลเวลของเขาเพิ่มจากหนึ่งร้อยสี่สิบไปเป็นหนึ่งร้อยสี่สิบเอ็ดทันที ….


สำหรับเหล่าผู้ชมนั้น ตอนนี้พวกเขาไม่ได้มองไปยังซือเฟิงที่ลอยอยู่กลางอากาศเลย สิ่งที่พวกเขามองคือร่างของซาบริจด์ที่ตายไปแล้วที่อยู่ในหลุมลึก


และในขณะนี้ทั่วบริเวณประตูเมืองดราก้อนฮาร์ทนั้นมันก็เงียบไปราวกัยว่าเวลาทั้งหมดได้หยุดลง


ตอนที่ 2803 God domain ที่บ้าคลั่ง


“ตาย ?”


“นี่ NPC ขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยหกสิบตายทั้งๆแบบนั้นเลยงั้นหรอ ?”


เหล่าผู้ชมทั้งหมดล้วนมองไปยังศพของซาบริจด์ด้วยความไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่มันเป็นเรื่องจริง และหลายคนก็แอบคิดด้วยว่าซาบริจด์นั้นอาจแกล้งทำเป็นตาย ไม่ใช่ถูกฆ่าจริงๆ


ท้ายที่สุดแล้ว NPC ผู้นี้คือผู้ที่ทำให้ทีมนักผจญภัยวอร์บลัดขึ้นมามีอิทธิพลเหนือเมืองดราก้อนฮาร์ทได้ และ NPC ผู้นี้ก็ยังอยู่ในขั้นสี่ แถมมีเลเวลหนึ่งร้อยหกสิบ และเป็นรองผู้บัญชาการกองอัศวินป้องกันเมือง ดังนั้นเขาจะถูกผู้เล่นฆ่าได้อย่างไร ?


สำหรับยู่หลัว โซริทารี่ไนน์ และไลฟ์เลสธอร์น พวกเขานั้นมีท่าทีประหลาดใจแค่เล็กน้อยเท่านั้นกับเรื่องนี้ เพราะพวกเขาไม่ได้คิดเลยว่าซือเฟิงจะฆ่าซาบริจด์ลงได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ พวกเขาแค่คิดว่าการต่อสู้นี้นั้นซือเฟิงน่าจะชนะแน่ เพียงแต่ว่ามันควรจะต้องใช้เวลานานกว่านี้ก็เท่านั้น ….


ส่วนซือเฟิงเขาไม่ได้ประหลาดใจอะไรเลย เพราะท้ายที่สุดสิ่งที่ซาบริจด์มีเหนือกว่าเขาหากไม่นับสกิลและเวทย์ มันก็คือเลเวลเท่านั้น ซึ่งเลเวลที่ห่างกันยี่สิบเลเวล มันก็ไม่ได้ส่งผลอะไรมากนักเลยต่อการต่อสู้กันระหว่างตัวตนขั้นสี่


อย่างไรก็ตามสำหรับดีไวน์ชาโด้ว และคลีนซิ่งเฟรมนั้น พวกเขาอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง และประหลาดใจมากๆเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาก็ไม่ได้คิดว่าเรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้นจริงๆเช่นกัน


ในระหว่างที่ทุกคนกำลังพยายามปฎิเสธความจริงตรงหน้าพวกเขา ศพของซาบริจด์ก็ได้ดรอปไอเทมออกมา แถมหนึ่งในนั้นยังเป็นดาบที่ซาบริจด์ใช้ด้วย ซึ่งนี่เป็นสัญลักษณ์ว่าซาบริจด์ได้ตายแล้วจริงๆ และมันก็ทำให้ทุกคนต้องยอมรับความจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า


ในเวลานี้ดาบของซาบริจด์นั้นได้ลอยอยู่กลางอากาศเหนือพื้นดินเล็กน้อย โดยมันก็ได้ดึงดูดมานาในบริเวณโดยรอบให้เข้ามาหามันจนทำให้ผู้เล่นขั้นสองหลายคนรู้สึกหวาดกลัว และผู้เล่นขั้นสามบางคนรู้สึกอึดอัด

“เศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนาน !!!”


ไม่รู้ว่ามันเป็นเสียงของใครที่ตะโกนขึ้น แต่ทันใดนั้นทุกคนก็เริ่มมีปฎิกิริยาตอบสนอง และมองไปที่ดาบนี้โดยทันที ขณะที่บางคนนั้นกระทั่งเตรียมจะเข้าไปคว้ามันด้วยซ้ำ


อย่างไรก็ตามก่อนที่ใครจะทันได้ทำอะไร ซือเฟิงก็มาปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าศพของซาบริจด์


และเมื่อหลายคนได้สัมผัสถึงแรงกดดันที่ซือเฟิงแผ่ออกมา พวกเขาก็ล้มเลิกความคิดในการจะเก็บดาบนี้ไปเป็นของตัวเองทันที


หากผู้เล่นที่สามารถฆ่าได้แม้กระทั่ง NPC ขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยหกสิบ ต้องการจะฆ่าพวกเขา ผู้เล่นแบบนี้ก็จะสามารถทำได้ง่ายๆโดยแทบไม่ต้องขยับตัวแน่นอน


ในตอนนี้เหล่าผู้เล่น NPC และทหาร NPC บริเวณประตูเมืองซึ่งมีจำนวนรวมกันหลายหมื่นคนก็ทำเพียงแค่เฝ้าดูซือเฟิงเก็บไอเทมที่ซาบริจด์ดรอปออกมาอย่างเงียบๆจนเสร็จเท่านั้น


“ถ้าฉันเป็นเหมือนเขา ฉันจะทำทุกอย่างอย่าวที่ฉันต้องการเลย !!!”


“ไม่ต้องเหมือนเขาหรอก ฉันขอแค่มีพลังสักครึ่งหนึ่งของเขา ฉันก็เชื่อว่าฉันน่าจะสามารถขึ้นมามีอิทธิพลเป็นอันดับต้นๆบนเกาะดราก้อนฮาร์ทได้แล้ว !!!”


สมาชิกของทีมนักผจญภัยหลายทีมที่เฝ้ามองอยู่จากระยะไกลต่างพูดคุยกันถึงเรื่องของซือเฟิงด้วยความเคารพ ชื่นชม และตื่นเต้น


หากพวกเขาได้ฟังเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ที่เป็นเหมือนกับเทพนิยายอันน่าทึ่งจากคนอื่นนั้น พวกเขาก็คงจะไม่เชื่อเช่นกัน


แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขากับได้มาเห็นและเป็นพยานของเรื่องที่เป็นเหมือนกับเทพนิยายนี้ด้วยตัวเอง ดังนั้นจะไม่ให้พวกเขาตื่นเต้นได้อย่างไร ?


อย่างไรก็ตามก่อนที่ทุกคนจะทันได้หายตกตะลึงจากเรื่องที่ซือเฟิงฆ่าซาบริจด์ไป ซือเฟิงก็ได้เคลื่อนที่ไปปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าของบลัดโอ๊ท และผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดสามคนของวอร์บลัด โดยที่ทั้งหมดยังไม่ทันได้ตอบสนองใดๆ

“ผู้บัญชาการบลัดโอ๊ท เราพบกันอีกแล้วนะ ….” ซือเฟิงกล่าวพลางมองไปยังบลัดโอ๊ทด้วยรอยยิ้มบางๆ “เมื่อฉันมาอยู่ที่นี่ ในเวลานี้ ฉันคิดว่าคุณน่าจะพอเดาจุดประสงค์และความต้องการของฉันออกนะ”


คำพูดของซือเฟิงนั้นฟังดูสบายๆและเรียบง่ายมาก แต่มันกับทำให้บลัดโอ๊ท และผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดสามคนของวอร์บลัดหน้าซีดมากๆ


“แบล๊คเฟรม คุณอย่าไปไกลเกินไปดีกว่า !!!” บลัดโอ๊ทที่ตอนนี้เต็มไปด้วยความวิตกกังวล และหวาดกลัวพยายามทำใจให้สงบลง ก่อนที่เขาจะพูดกับซือเฟิงต่อว่า “ที่นี่คือในเมืองดราก้อนฮาร์ทแล้ว !!! คุณได้ฆ่าซาบริจด์ไป ไม่ต้องพูดถึงมือลับเลย แม้แต่เมืองดราก้อนฮาร์ทก็จะจัดการกับคุณแน่นอน !!! ในตอนนี้เมื่อยังมีเวลา คุณควรจะรีบหนีไปซะดีกว่า !!! ไม่งั้นมันจะมีเพียงแต่ความตายเท่านั้นที่รอคุณอยู่ !!!”


บนเกาะดราก้อนฮาร์ทนั้น การต่อสู้และฆ่ากันภายนอกกับภายในเมืองมีโทษที่แตกต่างกันมากๆ


ก่อนหน้านี้ที่ซือเฟิงต่อสู้นั้นทุกอย่างมันล้วนเกิดขึ้นนอกเมือง และแม้ว่าเขาจะฆ่าซา

บริจด์ไป แต่บทลงโทษที่เขาจะต้องโดนมันก็จะไม่หนักมากนักแน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้วนอกเมืองก็ตรงตามรูปคำ มันเกินขอบเขตอำนาจการดูแลของเมือง และแม้ว่าการต่อสู้จะเกิดขึ้นที่บริเวณใกล้ประตูเมือง แต่ NPC ก็จะเข้ามาดูแลและจัดการเรื่องนี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น


ซึ่งนี่ก็คือเหตุผลหลักที่ทำให้ทหาร NPC กล้าจะกลั่นแกล้งซือเฟิง และคนอื่นๆด้วย


แต่ตอนนี้ตัวเขานั้นยืนอยู่ในเมืองดราก้อนฮาร์ท ซึ่งมันนับเป็นสถานการณ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับตอนที่ซือเฟิงทำการฆ่า NPC ที่นอกเมือง


“งั้นหรอ ?” ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ก่อนที่เขาจะพุ่งเข้าใส่ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดสามคนข้างบลัดโอ๊ท และจัดการปลิดชีวิตทั้งสามลงไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ทั้งสามไม่ทันได้ตอบสนองใดๆเลย “ทีนี้คุณจะทำยังไงต่อ ?”


“นี่เขากล้าทำถึงขนาดนี้เลยงั้นหรอ ?”


ตอนนี้ทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบลัดโอ๊ทล้วนเต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงกับพูดไม่ออก เมื่อได้เห็นฉากนี้

สำหรับเรื่องการฆ่าซาบริจด์นอกเมืองก่อนหน้านี้นั้น เหตุผลที่ซือเฟิงกล้าทำมันก็ยังพอจะเข้าใจได้ อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาได้จัดการฆ่าผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดสามคนของวอร์บลัดในเมืองดราก้อนฮาร์ท และต่อหน้าสาธารณชนด้วย ซึ่งต้องบอกเลยว่าสาธารณชนทุกที่เฝ้าดูอยู่เห็นอย่างชัดเจนแน่นอน แต่ถึงกระนั้นท่าทีของเขาก็ยังคงเต็มไปด้วยความไม่แยแสใดๆ จะให้พวกเขาเชื่อเรื่องนี้ได้อย่างไร ?


“อึก ! นี่มันสุดยอด !! เขาสุดยอดมากๆ !!!”


“แบล๊คเฟรม ! จักรพรรดิดาบแบล๊คเฟรมงั้นหรอ ?!!”


“ต่อหน้าบลัดโอ๊ท เขายังกล้าฆ่าผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดสามคนของวอร์บลัดแบบไม่สนอะไรเลย แถมบลัดโอ๊ทก็ยังไม่สามารถจะทำอะไรได้ด้วย นี่ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม ?”


ตอนนี้ทุกคนนั้นแทบไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่พวกเขาได้เห็นตรงหน้าเลย ซือเฟิงทำการปราบปรามบลัดโอ๊ท ผู้มีอิทธิพลอันดับหนึ่งแห่งเกาะดราก้อนฮาร์ทได้อย่างราบคาบ ซึ่งนี่มันก็ทำให้หลายคนเริ่มรู้สึกเคารพและชื่นชมซือเฟิงมากขึ้นด้วย ….


บลัดโอ๊ทคือใคร ?


ในตอนนี้ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อนี้ เขาคือผู้มีอิทธิพลอันดับหนึ่งของเกาะดราก้อนฮาร์ท และเขาก็คือผู้ที่ทำให้มหาอำนาจบนเกาะต้องยอมก้มหัวให้เขา


แต่ตอนนี้ต่อหน้าของซือเฟิงเขากับเป็นเหมือนมดเท่านั้น


โลกนี้มันช่างบ้ามากจริงๆ บ้ามากจนทำให้พวกเขาหลายคนไม่รู้ว่าควรจะตอบสนองต่อเรื่องนี้อย่างไร ….


อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่นานนัก มันก็มีร่างหลายร่างบินตรงมาที่ประตูเมือง โดยที่ทุกร่างนั้นล้วนมีออร่าที่แข็งแกร่งกว่าซาบริจด์ทั้งหมด


เมื่อได้เห็นดังนี้ บลัดโอ๊ทที่ตอนแรกหน้าซีดไปก็กลับมาหัวเราะอย่างสะใจ “แบล๊คเฟรม คุณจบสิ้นแล้ว !!! รองผู้ปกครองเมือง ผู้บัญชาการกองอัศวินดาวศักสิทธิ์ และผู้บัญชาการกองอัศวินป้องกันเมืองได้มาด้วยตัวเองเลย คุณจะไม่มีวันออกไปจากที่นี่ได้ทั้งๆที่ยังมีชีวิตแน่นอน !!!”


ทั้งสามคนนั้นเป็นตัวตนที่นับว่าทรงพลังที่สุดในเมือง โดยรองผู้ปกครองเมืองนั้นมีชื่อว่า โครส เขาเป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบ ที่อยู่ห่างจากการ

กลายเป็นขั้นห้าเพียงก้าวเดียวเท่านั้น


ส่วนอีกสองคนนั้น หนึ่งคือเชร่า เวเรีย ผู้บัญชาการกองอัศวินดาวศักสิทธิ์ หนึ่งในผู้พิทักษ์หอคอยโลก และเขาก็เป็นอัศวินศักสิทธิ์เลเวลสองร้อย


สำหรับคนสุดท้ายนั้น เขาคือแลนด์เดรค จักรพรรดิสงคราม (เบอเซิกเกอร์ขั้นสี่) เลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบ ในสามคนนี้เขาอ่อนแอที่สุด แต่เขาก็ยังคงจัดว่าแข็งแกร่งกว่าซาบริจด์มาก


เนื่องจากแลนด์เดรคนั้นมีอาวุธเป็นหอก ซึ่งเป็นไอเทมระดับตำนาน มันจึงส่งผลให้เขาสามารถจะต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตขั้นห้าได้แบบสูสีเลย


เมื่อเผชิญหน้ากับทั้งสามคนนี้นั้น แม้ว่าจะเป็นผู้เล่นขั้นห้าก็จะไม่สามารถหนีไปได้อย่างแน่นอน !!!


ตอนที่ 2804 ความแตกต่างของสถานะ


“ทำไมพวก NPC ระดับสูงพวกนี้ถึงมาที่นี่กัน ?!”


เหล่าผู้ชมที่เฝ้าดูสถานการณ์ทั้งหมดอยู่ในปัจจุบันนั้นแทบหยุดหายใจ เมื่อได้เห็น บรรดา NPC ระดับสูงที่ปรากฎตัวขึ้นมา พวกเขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าการต่อสู้ของซือเฟิงจะดึงดูด NPC ระดับสูงที่ยิ่งใหญ่เข้ามามากขนาดนี้ โดยบรรดา NPC ระดับสูงพวกนี้ในเวลาปกตินั้นพบตัวได้ยากมากๆ อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขากับปรากฎตัวขึ้นมาพร้อมกัน


โดยเฉพาะหนึ่งในผู้พิทักษ์หอคอยโลก ผู้บัญชาการกองอัศวินดาวศักสิทธิ์ เชร่า เวเรีย ซึ่งเธอนั้นมีความแข็งแกร่งเป็นลำดับต้นๆใน God domain เลย หากไม่นับสิ่งมีชีวิตขั้นหก


เพราะท้ายที่สุดแล้ว เธอนั้นไม่ได้เป็นเพียง NPC ขั้นห้าทั่วไป เนื่องอาวุธดาบที่เธอใช้อยู่ทั้งสองเล่มนั้นเป็นไอเทมระดับตำนานทั้งหมด โดยดาบเล่มแรกมีชื่อว่าดาบประกายดาว และดาบเล่มที่สองมีชื่อว่าบาเรียแสงศักสิทธิ์ ซึ่งมันได้ถูกใช้ฆ่าราชันปีศาจ เอลฟ์ชั้นสูง และสิ่งมีชีวิตขั้นห้าอื่นๆมาอีกมากมาย หากผู้เล่นขั้นห้ากล้าที่จะยั่วยุเธอ ทุกอย่างมันจะไม่จบลงเพียงแค่ผู้เล่นคนนั้นตายแน่นอน ….


สำหรับในตอนนี้นั้นบลัดโอ๊ทก็ได้รีบเดินไปหารองผู้ปกครองเมือง โครส ทันที ก่อนที่เขาจะชี้ไปยังซือเฟิงและกล่าวด้วยความเคารพว่า “ท่านรองผู้ปกครองเมือง คนผู้นี้ไม่เพียงแต่จะฆ่าซาบริจด์ แต่เขายังฆ่าพรรคพวกของฉันในเมืองด้วย โปรดลงโทษคนผู้นี้เพื่อพิทักษ์กฎของเมืองดราก้อนฮาร์ทที !!!”


คำพูดของบลัดโอ๊ทนั้นดังก้องไปทั่วบริเวณประตูเมือง ซึ่งนี่มันทำให้เหมือนกับว่าซือเฟิงได้ถูกตัดสินประหารชีวิตไปแล้ว


ขณะเดียวกันอิ้งเฟเธอร์ก็มองไปยังเหล่า NPC ทั้งหมดที่ปรากฎตัวออกมานี้ พลางถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนที่เธอจะมองไปยังซือเฟิงและพึมพำอย่างเย้ยหยันว่า “มาดูกันหน่อยสิว่าคุณจะทำยังไงในครั้งนี้ !!!”


ในเวลานี้ทุกคนที่เฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวออกมา เมื่อ NPC ระดับสูงทั้งสามคนนี้ของเมืองดราก้อนฮาร์ทปรากฎตัวออกมา มันก็เป็นไปไม่ได้แล้วสำหรับซือเฟิงที่จะหลบหนี

อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ทุกคนรู้สึกว่าการต่อสู้กำลังจะเริ่มต้นขึ้นนั้น ชายชราเคราขาว ซึ่งเป็นรองผู้ปกครองเมืองที่มีชื่อว่า โครสก็พูดขึ้นก่อน


“ดราก้อนสเลเยอร์ ชายชราผู้นี้ไม่คาดคิดเลยว่าจะได้เห็นดราก้อนสเลเยอร์ที่หนุ่มขนาดนี้ในช่วงชีวิตของตัวเอง !!!” โครสมองไปที่ซือเฟิงพลางยิ้มเล็กน้อย “ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องจริงที่เขาว่ายุคนี้มันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่”


เมื่อรองผู้ปกครองเมือง โครสพูดขึ้น ทุกคนที่เฝ้าดูอยู่ก็ล้วนเต็มไปด้วยความสับสน และไม่เข้าใจว่าโครสหมายถึงอะไร


ดราก้อนสเลเยอร์คืออะไร ?


ขณะเดียวกันบลัดโอ๊ทก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ และเขาก็ไม่เข้าใจถึงการกระทำของโครส รวมทั้งสิ่งที่โครสกำลังพูดเลย โครสควรจะเร่งรีบลงโทษซือเฟิงอย่างรวดเร็วที่สุด แต่ตอนนี้โครสกับพูดเรื่องดราก้อนสเลเยอร์ขึ้นมา เขาหมายถึงอะไรกันแน่ ?


“ท่านรองผู้ปกครองเมืองก็กล่าวยกย่องฉันเกินไป …” ซือเฟิงหันไปมองโครสพลางกล่าวด้วยความเคารพ “ฉันก็แค่โชคดีที่สามารถฆ่ามังกรหนุ่มที่ยังไม่โตเต็มวัยได้น่ะ ….”


“ไม่ ! ไม่ได้เกินไปหรอก !! มังกรที่แท้จริงก็คือมังกรที่แท้จริง โดยคุณสามารถจะฆ่ามังกรหนุ่มขั้นสี่ได้ตอนที่ตัวเองยังคงอยู่ในขั้นสี่เท่านั้น แม้แต่ท่านเชร่า เวเรียก็ยังเลียนแบบความสำเร็จของคุณไม่ได้เลย” รองผู้ปกครองเมือง โครส ส่ายหัวและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “และถ้าไม่ใช่เพราะว่าต้องการมาดูตัวของคุณจริงๆ ท่านเชร่า เวเรียก็คงจะไม่ยอมออกจากหอคอยโลกมาด้วยตัวเองแบบนี้หรอก”


ชั่วขณะหนึ่ง บลัดโอ๊ทและคนอื่นๆที่ได้เห็นฉากนี้ก็ล้วนเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ


อัศวินศักสิทธิ์เชร่า เวเรียไม่ได้มาที่นี่เพราะเรื่องที่ซือเฟิงฆ่าซาบริจด์ แต่มาเพื่อดูตัวซือเฟิงเท่านั้น ?


นี่มันบ้าอะไรกัน ?


สำหรับดีไวน์ชาโด้ว กับคลีนซิ่งเฟรมที่ตอนนี้ยืนอยู่ห่างจากซือเฟิงออกไปนั้นก็รู้สึกพูดไม่ออกอย่างมาก และพวกเขาก็ยังมีความรู้สึกว่า พวกเขากับซือเฟิงนั้นไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกันอีกต่อไป


ซือเฟิงได้ทำการฆ่ารองผู้บัญชาการกองอัศวินป้องกันเมือง ซาบริจด์ที่บริเวณหน้าประตูเมือง และเขายังทำการฆ่าผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดสามคนของวอร์บลัดในเมืองดราก้อนฮาร์ท แต่ตอนนี้รองผู้ปกครองเมืองดราก้อนฮาร์ทกับกำลังคุยและหัวเราะกับซือเฟิงราวกับเรื่องทั้งหมดนี้ไม่เคยเกิดขึ้น


ในเวลานี้ในบรรดาผู้คนทั้งหมดมีเพียง ยู่หลัว ไลฟ์เลสธอร์น และโซริทารี่ไนน์เท่านั้นที่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น


ฉายาดราก้อนสเลเยอร์นั้นมันไม่ใช่แค่ฉายา แต่มันเป็นสัญลักษณ์ของตำนานใน God domain ด้วย และเมื่อเข้าไปที่เมือง NPC นั้น ผู้ที่มีฉายานี้จะเรียกได้ว่ามีสถานะเกือบเท่าผู้ปกครองเมือง NPC นั้นๆเลย


ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่น หรือ NPC พวกเขาก็ไม่สามารถจะยั่วยุผู้มีฉายานี้แบบมั่วๆได้


ส่วนซาบริจด์นั้นเขาโชคร้ายเพราะว่าตัวเองมีเลเวลต่ำเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถจะมองผ่านเอฟเฟคของเสื้อคลุมสีดำได้อย่างชัดเจน ไม่งั้นซาบริจด์จะไม่กล้าหาเรื่องซือเฟิงแบบนี้แน่นอน และเผลอๆเขาจะต้องปฎิบัติกับซือเฟิงด้วยความเคารพด้วย


ขณะเดียวกันเชร่า เวเรียก็มองไปยังไลฟ์เลสธอร์นและคนอื่นๆที่อยู่ห่างจากซือเฟิงออกไป ก่อนที่สีหน้าประหลาดใจจะปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเธอ และเธอก็ได้หันมา

ถามกับซือเฟิงว่า “ดราก้อนสเลเยอร์หนุ่ม คุณและเพื่อนของคุณสนใจจะรับตำแหน่งอัศวินกิตติมศักดิ์ของกองอัศวินดาวศักสิทธิ์ไหม ?”


“อัศวินกิตติมศักดิ์ ?” ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับข้อเสนอของเชร่า เวเรีย แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ตอบรับโดยไม่ลังเล “นี่ถือเป็นเกียรติสำหรับเรา !!!”


อัศวินกิตติมศักดิ์ในกองอัศวินดาวศักสิทธิ์นั้นมีสถานะเป็นรองแค่ผู้บัญชาการกองอัศวินดาวศักสิทธิ์เท่านั้น ซึ่งหากผู้บัญชาการกองอัศวินดาวศักสิทธิ์ไม่ว่าอะไร ผู้ที่มีตำแหน่งนี้ก็จะสามารถสั่งระดมกองอัศวินได้ด้วย ในขณะเดียวกันสิทธิพิเศษนี้ก็ไม่ได้มาพร้อมกับข้อจำกัดในเรื่องใดๆเลย


แถมการได้มีตำแหน่งในกองอัศวินดาวศักสิทธิ์ที่ทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์หอคอยโลกนั้น มันก็จะทำให้พวกเขาได้รับสิทธิพิเศษอีกหลายอย่างด้วย


ในชีวิตก่อนหน้านี้ของซือเฟิง เขาจำได้เลยว่ามันมีผู้เล่นขั้นสี่และขั้นห้านับไม่ถ้วนที่ต้องการจะเข้าร่วมกับกองอัศวินดาวศักสิทธิ์ อย่างไรก็ตามการคัดเลือกของกองอัศวินดาวศักสิทธิ์นั้นก็เข้มงวดมากๆ และผู้เล่นขั้นสี่ส่วนใหญ่นั้นก็ไม่ผ่านการคัดเลือกให้เข้ามาเป็นสมาชิกกองอัศวินเต็มตัวด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงอัศวินกิตติมศักดิ์เลย แต่ในเวลานี้พวกเขากับได้รับตำแหน่งอัศวินกิตติมศักดิ์ของกองอัศวินดาวศักสิทธิ์มาแล้ว ซึ่งมันเกินจินตนาการของซือเฟิงมากๆ


“ยอดเยี่ยม !! นับจากนี้ไปพวกคุณคือสมาชิกของกองอัศวินดาวศักสิทธิ์ที่ต่อสู้เพื่อกฎเกณฑ์และปกป้องหอคอยโลก โดยมีตำแหน่งเป็นอัศวินกิตติมศักดิ์ !!!” เชร่า เวเรีย

มองไปยังซือเฟิงพลางพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม หลังจากนี้คุณสามารถจะไปที่หอคอยโลกเพื่อรับตราประจำตำแหน่งของคุณได้เลย”


เมื่อเชร่า เวเรียพูดจบ เธอก็หายตัวไปต่อหน้าต่อหน้าของทุกคน


“นี่ …” สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้มันทำให้บลัดโอ๊ทตกตะลึง และพูดไม่ออกไปชั่วขณะ


มันเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดเลยว่าเชร่า เวรียจะมาเพียงแค่ดูตัวของซือเฟิง และเธอก็ไม่ได้พูดถึงซาบริจด์เลย ราวกับว่าซาบาริจด์นั้นไร้ค่าเหมือนกับมดปลวกที่หาได้ทั่วไป


อย่างไรก็ตามก่อนที่บลัดโอ๊ทจะทันได้หายจากอาการตกตะลึง และพูดไม่ออก รองผู้ปกครองเมือง โครส ก็ก้าวไปข้างหน้า


“ยินดีด้วย ดราก้อนสเลเยอร์หนุ่ม” รองผู้ปกครองเมือง โครส กล่าวด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข “ท่านเชร่าไม่ได้มอบตำแหน่งอัศวินกิตติมศักดิ์ของกองอัศวินดาวศักสิทธิ์ให้ใครมานานแล้ว ครั้งสุดท้ายนั้นมันเกิดขึ้นเมื่อราวห้าสิบปีที่แล้วมั้ง และแม้แต่แลนด์เดรคที่ทำการท้าทายเรื่อยๆเพื่อให้ได้ตำแหน่งนี้มาจนถึงปัจจุบันก็ยังทำไม่สำเร็จ”


ในขณะที่รองผู้ปกครองเมือง โครส พูดคุยกับซือเฟิงด้วยท่าทีจริงใจและมีความสุข

มากๆ มันก็ได้ทำให้ทุกคนเริ่มเข้าใจอย่างชัดเจนแล้วว่า NPC ทั้งสามนั้นไม่ได้มาเพื่อทำอะไรซือเฟิงจริงๆ ตรงกันข้าม พวกเขากับมาเพราะอยากเห็นตัวจริงๆของ

ซือเฟิงด้วย และแม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าซือเฟิงไปทำอะไรมาถึงทำให้ NPC ทั้งสามมีปฎิกิริยาแบบนี้ แต่พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังซือเฟิงอย่างชื่นชม


โดยตอนนี้มันก็ชัดเจนแล้วว่าเรื่องที่ซือเฟิงฆ่าซาบริจด์ รองผู้บัญชาการกองอัศวินป้องกันเมืองนั้นไม่ได้อยู่ในความสนใจของ NPC ทั้งสามเลย หรือจริงๆต้องบอกว่าเรื่องนี้ถูกโยนทิ้งไปแล้วด้วยซ้ำ


หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้ก้าวต่อไปข้างหน้า และก่อนที่บลัดโอ๊ทจะทันได้พูดอะไรเพิ่มเติม ซือเฟิงก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า “ท่านรองผู้ปกครองเมือง ตอนที่ฉันรอเข้าเมือง มันมีผู้ที่ยุยงให้รองผู้บัญชาการ ซาบริจด์เข้ามาหาเรื่องฉัน ไม่ทราบว่าท่านจะสามารถจำคุกหรือลงโทษเขาอย่างรุนแรงได้ไหม ?”


“แบล๊คเฟรม อย่ามาสาดเลือดมั่วๆสิ !!!’ เมื่อบลัดโอ๊ทได้ยินคำพูดของซือเฟิง ใบหน้าของเขาก็มืดมนลง ก่อนที่เขาจะพยายามอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย ก่อนหน้านี้ซาบริจด์ได้ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง !! ถ้าท่านไม่เชื่อฉัน คนรอบตัวทั้งหมดนี้สามารถจะเป็นพยานให้ฉันได้ !!!”


ในตอนนี้บลัดโอ๊ทเข้าใจอย่างชัดเจนแล้วว่ารองผู้ปกครองเมือง โครส นั้นไม่มีแผนที่จะทำอะไรกับซือเฟิงเลย ตรงกันข้ามเขากับดูเกรงใจซือเฟิงมากด้วยซ้ำ ซึ่งมันแสดงให้เห็นเลยว่าซือเฟิงมีสถานะสูงมาก โดยหากเขาไม่รีบแก้ตัวให้ตัวเองนั้น เขาจะต้องเดือดร้อนอย่างหนักแน่นอน


“งั้นคุณหมายความว่าฉันที่เป็นอัศวินกิตติมศักดิ์แห่งกองอัศวินดาวศักสิทธิ์โกหกงั้นหรอ ?” ซือเฟิงกล่าวพลางยิ้มบางๆ ขณะที่มองไปยังบลัดโอ๊ท


เมื่อซือเฟิงพูดจบ รองผู้ปกครองเมือง โครสก็พยักหน้า ก่อนที่เขาจะมองไปยังบลัดโอ๊ทและพูดอย่างจริงจังว่า “ไม่ว่าสิ่งที่คุณพูดจะเป็นความจริงหรือไม่ก็ตาม แต่ตอนนี้คุณได้ทำการใส่ร้ายอัศวินกิตติมศักดิ์ของกองอัศวินดาวศักสิทธิ์ ซึ่งมันจัดเป็นความผิดร้ายแรง ดังนั้นคุณจะต้องถูกจำคุกเป็นเวลาสิบห้าวัน !!!”


“ไม่ ! นี่มันไม่ยุติธรรม !! เห็นได้ชัดว่าเขาเริ่มก่อน !!!” เมื่อได้ยินคำพูดของโครส บลัดโอ๊ทก็เต็มไปด้วยความตกใจมากๆ เขาไม่ได้คิดเลยว่าซือเฟิงจะมาไม้นี้ แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้มันก็ไร้ประโยชน์แล้วที่จะดิ้นรนและต่อต้านอะไร ดังนั้นมันจึงทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังซือเฟิงและตะโกนว่า “แบล๊คเฟรม คุณกล้ามากที่ทำกับฉันแบบนี้ !! ฉันจะไม่ปล่อยคุณไปแน่นอน !! มือลับจะไม่ปล่อยคุณไปแน่นอน !!”

“ถ้าจะเป็นแบบนั้นคุณต้องออกมาจากคุกก่อนไม่ใช่หรอ ?” ซือเฟิงยิ้มอย่างเย็นชา “อย่างไรก็ตามไม่ต้องคิดอะไรมาก เมื่อคุณออกมาจากคุก ทุกอย่างก็จะจบลงแล้ว

แหล่ะ …”


มือลับอาจจะเป็นกองกำลัง NPC อันดับหนึ่งบนเกาะดราก้อนฮาร์ท และพวกเขาก็อาจมี NPC ขั้นสี่อยู่มากมายในสังกัด แต่มันก็ไม่ง่ายเลยที่มือลับจะมายั่วยุเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขากลายเป็นอัศวินกิตติมศักดิ์แห่งกองอัศวินดาวศักสิทธิ์แล้ว มือลับนั้นจะต้องคิดแล้วคิดอีกอย่างน้อยสองรอบ หากคิดจะยั่วยุเขาจริงๆ ….


ท้ายที่สุดแล้วกองอัศวินดาวศักสิทธิ์นั้นเป็นผู้จัดการและผู้พิทักษ์หอคอยโลก ถ้ามือลับกล้าที่จะหาเรื่องเขาในหอคอยโลก มือลับก็จะไม่ได้มีอายุยืนยาวนักแน่นอน สำหรับบริเวณน่านน้ำรอบนอกเกาะดราก้อนฮาร์ทนั้น ปกติเขาก็ไม่ได้เข้าไปเท่าไหร่อยู่แล้ว หากถูกปิดล้อมในบริเวณนั้นจริงๆ เขาก็สามารถที่จะใช้สกิลต่างๆรวมไปถึงม้วนคัมภีร์เดินทางได้โดยตรง


หลังจากนั้นก่อนที่บลัดโอ๊ทจะทันได้พูดอะไรเพิ่มเติม ทหาร NPC ขั้นสูงเลเวลหนึ่งร้อยหกสิบก็ได้ลากเขาออกไป


“แบล๊คเฟรมนั้นโหดเหี้ยมอย่างแท้จริง !!!”


“นี่คือสถานะ และอิทธิของตัวตนขั้นสี่งั้นหรอ ?”


“ขั้นสี่ !! ฉันจะต้องได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่ให้ได้ !!!”


“นี่คือแบล๊คเฟรมแห่งสภาสิบแปดปีกงั้นหรอ ? เขาทรงพลังยิ่งกว่าในข่าวลือซะอีก ว่าแต่สภาสิบแปดปีกรับสมัครผู้เล่นขั้นสองรึปล่าว ? หากฉันสามารถเข้าสู่สภาสิบแปดปีกได้ ในอนาคตจะไม่มีใครสามารถทำอะไรฉันบนเกาะดราก้อนฮาร์ทได้แน่นอน …!!!”


ทุกคนได้แต่เฝ้าดูวิธีการที่ซือเฟิงใช้จัดการบลัดโอ๊ทด้วยความตกตะลึง และตอนนี้พวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมซือเฟิงถึงไม่ฆ่าบลัดโอ๊ทไปตั้งแต่เมื่อกี้ ….


เมื่อเทียบโทษการตายจากการถูกฆ่าหนึ่งครั้ง การถูกขังคุกเป็นเวลาสิบห้าวันนั้นจัดว่ารุนแรงกว่ามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ซือเฟิงมีสถานะนี้ด้วย การที่บลัดโอ๊ทถูกขังเป็นเวลาสิบห้าวัน มันก็มากเพียงพอแล้วที่จะทำให้ทีมนักผจญภัยวอร์บลัดล่มสลาย ในขณะที่สมาชิกของวอร์บลัดนั้นทำได้เพียงแค่เฝ้าดูอย่างไม่สามารถจะทำอะไรได้เท่านั้น


และเหล่าผู้ชมทั้งหมดในปัจจุบันก็สามารถจะมองเห็นสภาสิบแปดปีกที่บนยอดสูงสุดของเกาะดราก้อนฮาร์ทได้อย่างชัดเจนเลย


“ปัญหาทุกอย่างได้รับการแก้ไขแล้ว” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เขาเดินเข้าไปหาดีไวน์ชาโด้ว และคนอื่นๆ “ตอนนี้เราสามารถจะเข้าสู่เมืองดราก้อนฮาร์ทได้แล้ว ….”


ยู่หลัว ไลฟ์เลสธอร์น และโซริทารี่ไนน์ พยักหน้ารับคำพูดของซือเฟิงอย่างรวดเร็ว แต่สำหรับดีไวน์ชาโด้ว และคลีนซิ่งเฟรมนั้นพวกเขายังคงรู้สึกงุนงง และไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เล็กน้อย


ทีมนักผจญภัยวอร์บลัดที่ยิ่งใหญ่มานานบนเกาะดราก้อนฮาร์ทนั้นแทบจะล่มสลายไปในทันทีด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำของซือเฟิง ….


หลังจากนั้นข่าวนี้ก็แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว และในเวลาไม่ถึงห้านาที มันก็ได้แพร่ไปทั่วเกาะดราก้อนฮาร์ท ซึ่งมันก็ทำให้กองกำลังทั้งหมด และทีมนักผจญภัยบนเกาะดราก้อนฮาร์ทนั้นตกตะลึงมากๆ ….


ตอนที่ 2805 มีชื่อเสียงขึ้นมาในเมืองดราก้อนฮาร์ท


“คุณพูดว่าอะไรนะ ?”


“แบล๊คเฟรมได้ฆ่า NPC ขั้นสี่ต่อหน้าสาธารณชนและทำให้บลัดโอ๊ทต้องถูกขังคุกเป็นเวลาสิบห้าวันงั้นหรอ ?”


เมื่อกองกำลังทั้งหมดบนเกาะดราก้อนฮาร์ท รวมไปถึงทีมนักผจญภัยต่างๆได้รับข่าวนี้ พวกเขาก็ล้วนตกตะลึงกับเรื่องนี้มากๆ และมันก็ทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะต้องขอคำยืนยันจากสมาชิกของพวกเขาที่รายงานข่าวนี้มา


อย่างไรก็ตามคนเหล่านี้นั้นรู้อยู่แล้วว่าพวกระดับสูงของพวกเขาจะต้องไม่เชื่อเรื่องนี้ง่ายๆแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงได้อัดวีดีโอการต่อสู้ไว้สองวีดีโอ ซึ่งวีดีโอที่หนึ่ง ก็คือตอนที่ซือเฟิงต่อสู้กับซาบริจด์ และฆ่าซาบริจด์ ส่วนวีดีโอที่สองคือตอนที่ซือเฟิงฆ่าผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดสามคนของวอร์บลัด และจัดการกับบลัดโอ๊ท นี่ยังไม่นับรวมวีดีโอที่พวกเขาได้รับมาจากผู้เล่นคนอื่นๆที่อยู่บริเวณนั้นในตอนที่ซือเฟิงทำการฆ่าหน่วยทหาร NPC ทั้งหน่วยในลมหายใจเดียวอีก


เมืองดราก้อนฮาร์ท บาร์ชั้นสูงเรดสโตน :


กลุ่มของผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่มีเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบสามหรือมากกว่าขึ้นไปได้ถูกเรียกให้มารวมตัวกันที่นี่ และในหมู่พวกเขานั้นมันก็มีผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดอยู่มากกว่าสิบคน และผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนอีกจำนวนหนึ่ง อย่างไรก็ตามมันจะมีอยู่สี่คนที่แข็งแกร่งเหนือกว่าคนอื่นๆทั้งหมด โดยพวกเขานั้นเหมาะจะถูกเรียกว่าสัตว์ประหลาดที่แท้จริงได้สบายๆเลย


หนึ่งคือผู้อาวุโสหวู่ ชายชราผู้ถือหุ้นใหญ่ของสิบสามบัลลังก์ และเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งซุเปอร์กิลๆนี้ ซึ่งเขานั้นเป็นที่รู้จักของสาธารณชนใน God domain ดีเลย


“เฉียนเหม่ย คุณแน่ใจนะว่าข่าวนี้มันถูกต้อง ?” ผู้อาวุโสหวู่กล่าวด้วยท่าทีไม่เชื่อ พลางมองไปยังผู้หญิงที่เข้ามารายงานเขาที่ร่างกายของเธอนั้นปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำทั้งตัว


เพราะข่าวใหม่ล่าสุดที่เขาได้รับมาจากเฉียนเหม่ยนั้นมันน่าทึ่งมากจริงๆ


เนื่องจากผู้ที่ทำให้พวกเขาต้องก้มหัวลง และยอมมาเคลื่อนไหวอย่างเงียบๆบนเกาะดราก้อนฮาร์ทนั้นก็คือทีมนักผจญภัยวอร์บลัดนี่แหละ ….


แต่ตอนนี้เฉียนเหม่ยกับเข้ามารายงานเขาว่าวอร์บลัดนั้นจบสิ้นแล้ว และแบล๊คเฟรม หัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีกก็เป็นผู้รับผิดชอบในการทำให้เกิดเหตุการณ์ที่น่าทึ่งนี้ทั้งหมด ใครกันจะกล้าเชื่อเรื่องแบบนี้ ?


“มันเป็นเรื่องจริง ในปัจจุบันกองกำลังต่างๆรวมไปถึงทีมนักผจญภัยหลายทีมได้เริ่มการต่อสู้กับทีมนักผจญภัยวอร์บลัดแล้ว หากไม่ใช่เพราะว่ามีมือลับคอยปรามไว้ ฉันคิดว่าดินแดนของวอร์บลัดทั้งหมดคงจะถูกยึดไปแล้วแน่นอน” เฉียนเหม่ยกล่าวด้วยความมั่นใจ “และฉันก็ได้รับข่าวมาอีกด้วยว่า ผลจากเรื่องราวในครั้งนี้นั้น มันทำให้ฮีฟเว่นเบลดมีสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับแบล๊คเฟรมมากขึ้น และถ้าสภาสิบแปดปีกทำการสนับสนุนกองกำลังท้องถิ่นนี้นั้น มันก็จะเท่ากับว่าสภาสิบแปดปีกได้ควบคุมมังกรเลย ซึ่งนี่มันจะทำให้ทรัพยากรของเมืองดราก้อนฮาร์ทส่วนใหญ่ตกไปอยู่ในมือของพวกเขาแน่นอน”


“ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าตอนนี้แบล๊คเฟรมคิดอะไรอยู่ อาณาจักรทวินทาวเวอร์นั้นไม่มีความเสถียรเลย และสถานการณ์ทั้งหมดต้องว่ากันวันต่อวัน แต่ตัวเขาที่เป็นผู้นำพันธมิตรสามกิลกับมาปรากฎตัวขึ้นที่เกาะดราก้อนฮาร์ทด้วยท่าทีสบายๆ นี่เขาไม่กังวลเรื่องอาณาจักรทวินทาวเวอร์จริงๆงั้นหรอ ?” ผู้อาวุโสหวู่กล่าวแสดงความเห็นอย่างประหลาดใจ เมื่อเขาได้รับคำยืนยันจากเฉียนเหม่ยว่าข่าวทั้งหมดที่เธอรายงานเป็นเรื่องจริงแน่นอน


ในทำนองเดียวกันเขาก็ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าซือเฟิงเติบโตมาจนถึงระดับที่น่ากลัวขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?


การที่เขาสามารถฆ่า NPC ขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยหกสิบได้ และจัดการจับบลัดโอ๊ทขังคุกได้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ มันก็เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าตอนนี้เขาเป็นผู้เล่นที่ยืนอยู่ในจุดสูงสุดของเกาะดราก้อนฮาร์ท และแม้แต่สิบสามบัลลังก์ก็ยังจะต้องแหงนหน้ามองเขา


อย่างไรก็ตามจากข่าวที่เขาได้รับมานั้น สถานการณ์ของสภาสิบแปดปีกในอาณาจักรทวินทาวเวอร์ก็ค่อนข้างจะวุ่นวายมากๆ


มรดกที่สมบูรณ์ขั้นสาม นั้นเป็นสิ่งที่จะช่วยสนับสนุนมหาอำนาจต่างๆในปัจจุบันได้อย่างมาก และมันก็ยังเป็นสิ่งที่จะช่วยรับประกันว่าพวกเขาจะสามารถต่อสู้กับกองกำลังของ NPC ต่างๆได้ด้วย ดังนั้นในตอนนี้มหาอำนาจมากกว่ายี่สิบกลุ่มจึงส่งผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดของพวกเขาเข้าไปที่นั่นจำนวนมาก และพวกเขาก็เริ่มตามรังควานสภาสิบแปดปีกบริเวณเมืองสกายสปริงอยู่เรื่อยๆแล้ว ….


ในขณะที่มหาอำนาจหลายกลุ่มกำลังต่อสู้กับกองกำลังพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกที่บริเวณเมืองสกายสปริง พวกเขาก็ได้ลอบส่งผู้เล่นจำนวนมากจากเมืองที่อยู่ใกล้กับเมืองสกายสปริงเข้าไปในหอคอยแห่งพันธสัญญาลับด้วย


แต่อย่างไรก็ตามเพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้เล่นจำนวนมากหลั่งไหลเข้าสู่หอคอยแห่งพันธสัญญาลับ กองกำลังพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกได้จัดวางกำลังพลจำนวนมากของพวกเขาไว้เพื่อปิดทางที่จะเข้าไปยังหอคอยแห่งพันธสัญญาลับเกือบทั้งหมด


โดยมันมีการต่อสู้กันของผู้เล่นมากกว่าหนึ่งแสนคนในสงครามเกิดขึ้นมาสองครั้งแล้ว และมันมีการต่อสู้กันของผู้เล่นมากกว่าหนึ่งหมื่นคนเกิดขึ้นอีกมากกว่ายี่สิบครั้ง


และในการต่อสู้ครั้งล่าสุดนั้น สตาร์ลิ้งและมิราเคิลก็ได้เข้าร่วมด้วยเช่นกัน โดยพวกเขาได้ส่งผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ไปทั้งหมดสี่คน ขณะที่สภาสิบแปดปีกมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่อยู่สามคนที่บริเวณนั้น


โดยคนหนึ่งคือไฟเออร์แดนซ์ ผู้บัญชาการกองกำลังหลักของสภาสิบแปดปีก และอีกสองคนก็คืออันยีลดิ้งฮาร์ท รองหัวหน้ากิลอันยีลดิ้งโซล กับอิลูซะรี่เวิร์ด รองหัวหน้ากิลจักรพรรดิคริมสัน สำหรับแบล๊คเฟรม เขาไม่ได้ไปปรากฎตัวขึ้นที่นั่นเลย และทุกคนก็ล้วนคาดเดากันไปต่างๆนาๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะพวกเขาทั้งหมดไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมแบล๊คเฟรมถึงไม่เข้าร่วมสงคราม


ซึ่งในการต่อสู้ครั้งนี้นั้น มันก็ได้ถูกบันทึกลงไปไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของ God domain ด้วยว่ามันเป็นการต่อสู้กันระหว่างผู้เล่นขั้นสี่จำนวนมากเป็นครั้งแรก โดยการต่อสู้ครั้งนี้นั้นได้เปลี่ยนภูมิประเทศในบริเวณโดยรอบไปอย่างสิ้นเชิงเลย


หากไม่ใช่เพราะว่าสภาสิบแปดปีกมีอาวุธสงครามที่ทรงพลังอย่างเรือเหาะมังกรสีเลือด หุ่นกลผู้พิทักษ์ระดับทองแดง วงเวทย์ขั้นสูง และกองกำลัง NPC ที่น่ากลัวเป็นของตัวเอง มหาอำนาจต่างๆก็คงจะเอาชนะพวกเขาได้ไปนานแล้ว

โดยสงครามทั้งหมดนี้มันก็ทำให้กองกำลังพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกนั้นได้รับความเสียหายอย่างหนัก แต่อย่างไรก็ตามจักรพรรดิคริมสัน และอันยีลดิ้งโซลที่เป็นกิลชั้นยอดที่มีธุรกิจมากมายนั้นก็ยังคงจัดว่ามีสภาพดีกว่าสภาสิบแปดปีกอยู่ในระดับหนึ่ง


เพราะท้ายที่สุดแล้วสภาสิบแปดปีกนั้นไม่มีผู้สนับสนุนใดๆเลย ซึ่งมันทำให้มหาอำนาจต่างๆนั้นนอกเหนือจากจะเลือกทำสงครามในด้านต่างๆกับสภาสิบแปดปีกใน God domain แล้ว พวกเขาก็ยังพยายามตัดแหล่งเงินทุนต่างๆของสภาสิบแปดปีกในโลกแห่งความจริงด้วย


ซึ่งจากการคาดการณ์ของหน่วยข่าวกรองของสิบสามบัลลังก์นั้น มันมีสิทสูงมากที่ตอนนี้สภาพคล่องภายในสภาสิบแปดปีกจะมาถึงขีดสุดแล้ว ….


“แล้วก็ฉันพึ่งจะได้รับข่าวจากวงในของวอร์บลัดมาด้วย การกระทำของแบล๊คเฟรมในครั้งนี้นั้นได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อวอร์บลัด และมันก็ยังส่งผลต่อการควบคุมหอคอยโลกของพวกเขาด้วย ดังนั้นมือลับจึงคิดจะมอบบทเรียนให้กับแบล๊คเฟรม อย่างไรก็ตามเนื่องจากมือลับไม่สามารถจะทำอะไรแบล๊คเฟรมบนเกาะดราก้อนฮาร์ทได้ ดังนั้นพวกเขาจึงได้ติดต่อไปยังสตาร์ลิ้ง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งผู้สนับสนุนของวอร์บลัดเพื่อขอเข้าร่วมกับกองกำลังของสตาร์ลิ้งในการโจมตีและทำลายกองกำลังพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกในอาณาจักรทวินทาวเวอร์ ….” เฉียนเหม่ยกล่าวรายงานเพิ่มเติม


“นี่มันน่าสนใจจริงๆ … แบล๊คเฟรมนี่เป็นผู้ที่ชอบชักนำปัญหามากมายให้เข้ามาหาตัวเองจริงๆ แต่อย่างไรก็ตามนี่ก็เป็นโอกาสที่ดีสำหรับสิบสามบัลลังก์ของเรา !!!” ดวงตาของผู้อาวุโสหวู่นั้นเปล่งประกายออกมา เมื่อได้ยินรายงานข่าวล่าสุดจากเฉียนเหม่ย


“โอกาสดี ?” เฉียนเหม่ยสับสนเล็กน้อย เธอไม่เข้าใจว่านี่มันเป็นโอกาสที่ดีสำหรับพวกเขายังไง ….


อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสหวู่นั้นก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม สิ่งที่เขาทำต่อมาก็เพียงแค่มองไปยังเฉียนเหม่ย และแรนเจอร์หนุ่มที่อยู่ข้างๆพลางกล่าวว่า “เฉียนเหม่ย ยู่เยว่ พวกคุณสองคนมากับฉัน ส่วนคนอื่นๆให้รอที่นี่ รอพวกเรากลับมา”


“เข้าใจแล้ว !!” ทุกคนตอบด้วยความเคารพ


จากนั้นผู้อาวุโสหวู่ก็ได้ออกจากบาร์ชั้นสูงเรดสโตนไปพร้อมกับเฉียนเหม่ย และยู่เยว่


“ผู้อาวุโสหวู่ เราจะไปไหนกัน ? เราไม่ได้จะไปชั้นใต้ดินชั้นที่สี่ของหอคอยโลกตามที่วางแผนไว้ตอนแรกงั้นหรอ ?” เฉียนเหม่ยกล่าวด้วยความสงสัย ขณะที่มองไปยังผู้อาวุโสหวู่ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม


“ตอนนี้เราไม่จำเป็นต้องไปแล้ว เรามีแผนที่ดีกว่านั้น …’ ผู้อาวุโสกล่าวด้วยรอยยิ้ม


“แผนที่ดีกว่า ?” เฉียนเหม่ยที่เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความประหลาดใจว่า “เราจะร่วมมือกับกองกำลังของสภาสิบแปดปีกงั้นหรอ ?”


“ไม่ถึงขนาดนั้น …” ผู้อาวุโสหวู่ส่ายหัวและกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม “ เราไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมกับกองกำลังของสภาสิบแปดปีก เพียงแต่ว่าเราจะให้โอกาสสภาสิบแปดปีกในการเข้าควบคุมหอคอยแห่งพันธสัญญาลับอย่างสมบูรณ์ ….”


“หื้ม ?! แบบนั้นมันจะเป็นไปได้ยังไง ?!” เฉียนเหม่ยกล่าวด้วยความไม่เชื่อ


ถ้าสภาสิบแปดปีกต้องรับมือแค่กับสตาร์ลิ้ง และกิลอื่นๆอีกจำนวนหนึ่งนั้น มันก็คงจะไม่มีอะไรมากสำหรับพวกเขา อย่างไรก็ตามเมื่อมือลับได้เข้าร่วมนั้น มันก็ไม่มีใครรู้เลยว่าสภาสิบแปดปีกจะต้องเจอกับ NPC ขั้นสี่อีกมากแค่ไหน ดังนั้นโอกาสที่พวกเขาจะยังคงยืนหยัดอยู่ได้นั้นจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย


“แล้วถ้าสภาสิบแปดปีกมีใบอนุญาติสร้างเมืองล่ะ ?” ผู้อาวุโสหวู่ถามด้วยรอยยิ้ม


“นี่คุณกำลังวางแผนจะขายใบอนุญาติสร้างเมืองให้สภาสิบแปดปีกงั้นหรอ ?” เมื่อเฉียนเหว่ยตระหนักถึงความคิดของผู้อาวุโสหวู่ เธอก็รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย


ใบอนุญาติสร้างเมืองนั้นมันหายากมากๆ และสิบสามบัลลังก์ของพวกเขาก็ได้รับมาแค่สองใบเท่านั้น โดยพวกเขาใช้ใบหนึ่งไปแล้ว และเหลืออยู่อีกใบหนึ่ง


ซึ่งตราบใดที่มีใบอนุญาติสร้างเมืองนี้ ผู้เล่นจะสามารถสร้างเมืองขึ้นในอาณาจักรหรือจักรวรรดิใดๆก็ได้


ถ้าสภาสิบแปดปีกมีเมืองกิลอยู่ใกล้กับหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ การป้องกันและผูกขาดหอคอยแห่งพันธสัญญาลับของพวกเขาก็จะทำได้ง่ายขึ้นมาก และแม้แต่ NPC ขั้นสี่ก็ยังจะจัดการกับพวกเขาได้ยากแน่นอน นี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่ว่าสภาสิบแปดปีกมีองครักษ์ส่วนตัวขั้นสี่อีกจำนวนหนึ่งด้วย …. ซึ่งเมื่อบวกปัจจัยทั้งหมดนี้เข้าไป มันก็มีสิทสูงมากที่สภาสิบแปดปีกจะป้องกันและผูกขาดหอคอยแห่งพันธสัญญาลับไว้ได้อย่างสมบูรณ์”


“จะขายหรือไม่ขายนั้น มันก็ขึ้นอยู่กับสภาสิบแปดปีกน่ะนะ …” ผู้อาวุโสหวู่กล่าว


เมื่อได้ยินดังนี้เฉียนเหม่ย และยู่เยว่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเห็นใจสภาสิบแปดปีก


ครั้งนี้ผู้อาวุโสหวู่จับเส้นชีวิตของสภาสิบแปดปีกได้อย่างถูกจุดจริงๆ และถ้าแบล๊คเฟรมไม่รับข้อเสนอของผู้อาวุโสหวู่ เขาก็คงจะต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่นอน


“ผู้อาวุโสหวู่ จากที่ฉันได้ตรวจสอบมาดูเหมือนว่าตอนนี้แบล๊คเฟรมและคนอื่นๆจะอยู่ที่ร้านค้าพ่อค้าเร่” ยู่เยว่กล่าวรายงานผู้อาวุโสหวู่ ขณะที่เขาชี้ไปยังร้านสามชั้นที่ทรุดโทรมที่อยู่ห่างออกไป


“เอาล่ะ งั้นเราก็ไปพบหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมกันเลย” ผู้อาวุโสหวู่กล่าวพลางพยักหน้า ก่อนที่เขาจะพาเฉียนเหม่ย และยู่เยว่เดินไปยังร้านค้าพ่อค้าเร่ที่ยู่เยว่รายงานมา ….


**แก้นิดนึงแปลผิดมาจากตอนก่อนๆ ยู่หลัวเป็นหัวหน้าฮีลเลอร์ของฮีฟเว่นเบลด ไม่ใช่หัวหน้าเครอลิค


ตอนที่ 2806 สภาสิบแปดปีกที่น่าทึ่ง


เมืองดราก้อนฮาร์ท ร้านค้าพ่อค้าเร่ :


หลังจากที่ผู้อาวุโสหวู่พร้อมกับผู้ติดตามอีกสองคนของเขาเดินเข้ามาในร้านค้าพ่อค้าเร่ ฉากอันงดงามก็ได้ปรากฎขึ้นตรงหน้าของทั้งสาม ซึ่งมันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากรูปลักษณ์ที่ทรุดโทรมที่โลกภายนอกเห็น


“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับที่นี่กัน ?” เฉียนเหม่ยนั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึง เมื่อได้เห็นสิ่งที่ปรากฎขึ้นตรงหน้า “ฉันพึ่งจะมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เอง แต่ทำไมตอนนี้ทุกอย่างมันถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้ ?”


แม้ว่าร้านค้าพ่อค้าเร่จะให้ความรู้สึกที่ดูเก่าอยู่บ้าง แต่ไอเทมทั้งหมดที่ขายอยู่ในร้านนั้นก็ล้วนเป็นของที่ดีมากๆ เพียงแต่ว่ามันก็มาพร้อมกับราคาแพงมากเช่นกัน ซึ่งถ้าไม่ได้จำเป็นเร่งด่วน พวกเขาจะไม่มาซื้อเลย


แต่ตอนนี้ไม่เพียงแต่ภายในร้านค้าพ่อค้าเร่จะดูงดงามมากๆ แต่มันยังมีขนาดใหญ่มากขึ้นด้วย จากแต่เดิมที่มีขนาดเท่ากับสนามบาสเก็ตบอล ตอนนี้มันมีขนาดเท่ากับสนามฟุตบอลครึ่งสนามแล้ว และจำนวนไอเทมทั้งหมดที่วางขายก็เพิ่มขึ้นจากเดิมราวสองเท่า โดยทุกก็ล้วนเป็นสิ่งของล้ำค่าทั้งหมด


ม้วนคัมภีร์เวทย์มนต์ขั้นสาม !!


โพชั่นระดับปรมาจารย์ !!


เครื่องมือเล่นแร่แปรธาตุระดับไฟน์โกล !!


โดยเฉพาะกับเครื่องมือเล่นแร่แปรธาตุระดับไฟน์โกล สิ่งนี้นั้นจะช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จในการผลิตโพชั่นขึ้นอีกสิบห้าเปอเซ็นต์เลย แถมมันยังมีสิทที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของโพชั่นที่ถูกผลิตให้มีผลเพิ่มขึ้นอีกสิบเปอเซ็นต์ด้วย


อย่างไรก็ตามตอนนี้มันกับมีเครื่องมือเล่นแร่แปรธาตุระดับไฟน์โกลขายอยู่ที่นี่นับสิบเซ็ท !!!


และนี่มันก็เป็นเพียงแค่ชั้นแรกเท่านั้น

ร้านค้าพ่อค้าเร่นั้นมีทั้งหมดสามชั้น โดยเมื่อขึ้นไปในชั้นสอง และชั้นสาม ผู้เล่นก็จะได้พบกับไอเทมที่ดีขึ้นตามลำดับชั้น ซึ่งเมื่อพูดกันมาถึงตรงนี้ทุกคนก็น่าจะพอเดากันออกว่าไอเทมที่ขายในชั้นหนึ่งนั้นคือไอเทมที่แย่ที่สุด ….


“ยู่เยว่ เดี๋ยวหลังจากเจรจากับหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมเรียบร้อยแล้ว ให้คุณรวบรวมเงินมาทำการซื้อไอเทมต่างๆที่จำเป็นสำหรับเราจากที่นี่ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ….” ผู้อาวุโสหวู่ออกคำสั่ง ขณะที่เขามองไปรอบๆด้วยความรู้สึกทึ่งเล็กน้อย


แม้ว่าราคาของไอเทมพวกนี้จะยังจัดว่าค่อนข้างแพง และมันก็ถูกขายโดยตั้งราคาเป็นเหรียญโบราณเท่านั้น แต่มันก็คุ้มค่าที่จะซื้อ เพราะท้ายที่สุดแล้วไอเทมพวกนี้ส่วนใหญ่นั้นไม่ได้หาได้ง่ายๆเลยในโลกภายนอก


“รับทราบ !!” ยู่เยว่กล่าวพลางพยักหน้า


หลังจากนั้นทั้งสามคนก็ได้ตรงขึ้นไปยังชั้นสอง ซึ่งไอเทมที่มีวางขายในชั้นสองนั้นมันก็ทำให้ยู่เยว่นั้นแทบจะน้ำลายไหลออกมาเลย เพราะแม้แต่ไอเทมระดับอีปิคก็ยังมีวางขายอยู่ที่ชั้นสอง


แม้ว่ามันจะไม่ใช่อาวุธและอุปกรณ์ระดับอีปิค แต่มันก็ยังเป็นไอเทมระดับอีปิคที่หา

ยากมากๆ


(คริสตัลวงเวทย์ปิดผนึก) (ระดับอีปิค ไอเทมใช้แล้วหมดไป)

ปิดผนึกพื้นที่ในรัศมีสองพันหลา และลดค่าสถานะของศัตรูทั้งหมดที่อยู่ในวงเวทย์ลงสี่สิบเปอเซ็นต์ (หากใช้กับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายขั้นสี่หรือสูงกว่า ผลของมันจะอยู่ที่ยี่สิบห้าเปอเซ็นต์) เป็นเวลาสองชั่วโมง


(เชือกควบคุมลม) (ระดับอีปิค)

เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ของอะเม้าท์บนบกขึ้นสิบห้าเปอเซ็นต์ และเพิ่มความเร็วของอะเม้าท์บินได้ขึ้นยี่สิบห้าเปอเซ็นต์


มันมีไอเทมระดับอีปิคจำนวนมากจริงๆถูกจัดวางขายที่นี่ โดยถ้านับคร่าวๆมันก็มีมากกว่าหกสิบชิ้น แต่สิ่งที่ทำให้เหล่าผู้เล่นทั้งหมดที่เห็นพูดไม่ออกก็คือ แม้แต่ไอเทมระดับอีปิคที่ถูกที่สุดก็ยังมีราคาเป็นเหรียญทองโบราณ หนึ่งพันห้าร้อยเหรียญ


แต่อย่างไรก็ตามมันก็ต้องบอกเลยว่าไอเทมทุกชิ้นนั้นล้วนเป็นของที่กองกำลังภายนอกต้องการกันอย่างมาก นอกจากไอเทมระดับอีปิคแล้ว มันยังมีเครื่องมือ และไอเทมชั้นยอดสำหรับสายอาชีพต่างๆอีกจำนวนมากวางขายอยู่


ตัวอย่างก็เช่นเครื่องมือการเล่นแร่แปรธาตุระดับดาร์คโกล โดยที่หนึ่งชุดนั้นมันมีราคาที่ห้าพันเหรียญทองโบราณ


ซึ่งไอเทมทั้งหมดนี้มันทำให้ผู้อาวุโสหวู่ และผู้ติดตามของเขาอีกสองคนอยากจะกว้านซื้อพวกมันทุกชิ้นเลย อย่างไรก็ตามมันเป็นไปไม่ได้ เพราะท้ายที่สุดแล้วยิ่งไอเทมมีประโยชน์มากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งแพงขึ้นมากเท่านั้น และตอนนี้พวกเขาก็มีเงินอยู่ราวหกหมื่นเหรียญทองโบราณเท่านั้น ซึ่งมันทำให้พวกเขาสามารถซื้อไอเทมได้แค่บางชิ้นเท่านั้น


อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นเมื่อทั้งสามคนพยายามจะขึ้นไปที่ชั้นสาม มันก็มีหญิงสาวที่งดงามออกมาปิดกั้นเส้นทางของพวกเขา ซึ่งออร่าของเธอนั้นมันก็แข็งแกร่งมากพอที่จะทำให้ผู้อาวุโสหวู่อึดได้เลย ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงยู่เยว่ และเฉียนเหม่ย


“บุคคลภายนอกที่ไม่ได้มีธุระใดๆ ไม่ได้รับอนุญาติให้ขึ้นไปยังชั้นสาม …” หญิงสาวที่งดงามกล่าว โดยหญิงสาวผู้นี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากยู่หลัว ก่อนที่เธอจะพูดต่ออีกว่า “ถ้าคุณต้องการจะซื้อของต่างๆ คุณสามารถจะซื้อได้แค่ในชั้นหนึ่งและชั้นสองเท่า

นั้น”


ขณะเดียวกันนั้นเฉียนเหม่ย และยู่เยว่ที่ยืนอยู่ข้างๆผู้อาวุโสหวู่ก็มองไปยังยู่หลัวด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ


ขั้นสี่ !!


เครอลิคขั้นสี่จริงๆ !!!


สำหรับเรื่องราวของยู่หลัวนั้น เฉียนเหม่ย และยู่เยว่พอรู้อยู่บ้างเล็กน้อย เพราะท้ายที่สุดแล้วยู่หลัวนั้นเป็นหัวหน้าฮีลเลอร์ของฮีฟเว่นเบลด และเธอก็เป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดที่หาได้ยากบนเกาะดราก้อนฮาร์ท


แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นแบบนี้ แต่พวกเขาก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ายู่หลัวนั้นได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่แล้ว


ผู้เล่นทุกคนรู้ดีว่า ผู้เล่นที่ปราศจากการสนับสนุนจากกิลขนาดใหญ่ต่างๆนั้นจะเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่ได้ยากมากๆ แต่ตอนนี้ยู่หลัวตรงหน้าพวกเขากับได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่แล้วจริงๆ เธอเป็นเครอลิคขั้นสี่แล้วจริงๆ !!!…. ดังนั้นจะให้พวกเขาทำใจเชื่อเรื่องตรงหน้านี้ได้อย่างไร ?


“สาวน้อย พอดีฉันสงสัย ฉันจึงจะขอถามหน่อยว่าคุณเป็นเจ้าของร้านนี้รึปล่าว ?” ผู้อาวุโสหวู่อดไม่ได้ที่จะถาม


“ไม่ใช่ ฉันเป็นแค่หนึ่งในสองผู้ดูแล” ยู่หลัวกล่าวพลางส่ายหัว “เจ้าของร้านนี้คือหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม คุณมีอะไรงั้นหรอ ?”


“แบล๊คเฟรมเป็นเจ้าของร้านนี้งั้นหรอ ?” ผู้อาวุโสหวู่ตกตะลึงไปชั่วขณะ เมื่อได้ยินคำพูดของยู่หลัว


ร้านที่ดูหรูหราและมีมูลค่าหลายล้านเหรียญทองโบราณนี้ ถ้าฮีฟเว่นเบลดเป็นเจ้าของมัน เขาก็ยังจะพอทำใจเชื่อได้ เพราะท้ายที่สุดฮีฟเว่นเบลดได้ปฎิบัติการอยู่ในเกาะดราก้อนฮาร์ทมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ตอนนี้เขากับได้รับคำตอบว่าแบล๊คเฟรมเป็นเจ้าของร้านนี้ ดังนั้นจะไม่ให้เขาตกตะลึงได้อย่างไร ?


แต่อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ผู้อาวุโสหวู่กำลังตกตะลึงอยู่นั้น เฉียนเหม่ยก็ได้ก้าวไปข้างหน้า และพูดว่า “เราเป็นตัวแทนจากสิบสามบัลลังก์ และเราก็คุ้นเคยกับหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมอยู่ในระดับหนึ่ง โดยที่เรามาในวันนี้นั้นเรามีเรื่องที่จะมาเจรจาต่อรองกับหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ดังนั้นช่วยนำทางพวกเราไปพบเขาหน่อยได้ไหม ?”


“พวกคุณคงจะต้องรอสักครู่หนึ่ง ….” ยู่หลัวกล่าวพลางส่ายหัว “ตอนนี้มันมีกองกำลังต่างๆมากกว่าสิบกลุ่มต้องการจะเจรจากับหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถจะนำพวกคุณเข้าไปพบหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมเลยได้ โปรดรอราวสิบนาที หรือมากกว่านั้นนิดหน่อย …”

“กองกำลังมากกว่าสิบกลุ่มเลยงั้นหรอ ?” ผุ้อาวุโสหวู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่คิดเลยว่ากองกำลังต่างๆบนเกาะดราก้อนฮาร์ทจะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วขนาดนี้ “เอาล่ะ เราจะรออยู่บริเวณนี้แล้วกัน …”


เขาไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่กับการที่กองกำลังต่างๆบนเกาะดราก้อนฮาร์ทจะเข้ามาติดต่อสภาสิบแปดปีก เพราะท้ายที่สุดแล้วตอนนี้แบล๊คเฟรม หัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีกนั้นอยู่บนจุดสูงสุดของเกาะดราก้อนฮาร์ทอย่างแท้จริง ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติที่หลายคนต้องการจะร่วมมือกับสภาสิบแปดปีก เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้คาดคิดว่ามันจะมีจำนวนมากขนาดนี้ก็เท่านั้น


อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ยังคงมั่นใจว่าผู้ที่จะเจรจากับสภาสิบแปดปีกได้สำเร็จนั้นก็คือสิบสามบัลลังก์ของเขาแน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้วสิบสามบัลลังก์ของเขามีใบอนุญาติสร้างเมือง ซึ่งเป็นดั่งเส้นชีวิต และเป็นสิ่งที่สภาสิบแปดปีกควรจะต้องการมากๆตอนนี้อยู่ ….


หลังจากรอตามเวลาที่ยู่หลัวบอก มันก็มีกองกำลังจำนวนหนึ่งที่เข้ามารอเพิ่มเติมอยู่ที่ชั้นสองเช่นเดียวกับพวกเขาเหมือนกัน โดยนอกจากสิบสามบัลลังก์ที่เป็นซุเปอร์กิลแล้ว มันก็ยังมีซุเปอร์กิลอีกกิลหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือกิลที่มีชื่อว่าสี่นักบุญที่แข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่าสิบสามบัลลังก์มาด้วย โดยผู้ที่เป็นตัวแทนของสี่นักบุญมาในครั้งนี้นั้นก็เป็นหนึ่งในสัตว์ประหลาดเก่าแก่ของกิลที่ได้รับฉายาว่าโล่แห่งท้องทะเล และเขายังเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ของสี่นักบุญด้วย


กิลสี่นักบุญนั้นพวกเขาเป็นกิลที่ไม่เหมือนกับกิลอื่นๆ เพราะพวกเขาได้ทุ่มเททรัพยากรทุกอย่างที่พวกเขามีเพื่อพัฒนาตัวเองในท้องทะเล ดังนั้นมันจึงทำให้พวกเขานั้นแข็งแกร่งมากๆในท้องทะเล และความแข็งแกร่งของพวกเขาในท้องทะเลนั้นก็ไม่ได้เป็นรองห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดเลย


ในเวลานี้ เมื่อเห็นตัวแทนของสี่นักบุญปรากฎตัวขึ้นที่นี่ แม้แต่ผู้อาวุโสหวู่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ


อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ผู้อาวุโสหวู่กำลังมองไปยังตัวแทนของสี่นักบุญนั้น ยู่หลัวที่บอกให้พวกเขารอก็ได้ออกมากล่าวว่า “หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมพึ่งจะคุยกับพวกกองกำลังที่มาก่อนหน้านี้เสร็จสิ้น ดังนั้นพวกคุณสามารถจะเข้าไปพบเขาได้แล้ว”


“เข้าไปพร้อมกันทุกคนเลยงั้นหรอ ?” เฉียนเหม่ยอดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัย

พวกเขานั้นต้องการจะพูดคุยกับซือเฟิงแบบส่วนตัว พวกเขาไม่ได้ต้องการจะพูด

คุยกับซือเฟิงแบบกลุ่มแบบนี้ ….


“ใช่แล้ว เข้าไปพร้อมกันทุกคนนี่แหละ เพราะมันมีกองกำลังจำนวนมากที่ต้องการจะเข้ามาเจรจากับหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม หากไม่ทำแบบนี้มันจะล่าช้า” ยู่หลัวกล่าวพลางพยักหน้า “หากพวกคุณต้องการจะคุยเจรจาแบบส่วนตัว พวกคุณก็จะต้องนัด และมาในวันอื่นเท่านั้น”


“คุณ …” เฉียนเหม่ยรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำตอบของยู่หลัว


พวกเขาคือตัวแทนจากซุเปอร์กิลสิบสามบัลลังก์ และมันก็จัดว่าเป็นเรื่องดีมากแล้วที่พวกเขาเต็มใจจะรอตามที่ยู่หลัวบอก แต่ตอนนี้พวกเขากับถูกบอกให้เข้าไปพร้อมกับกองกำลังอื่นๆทั้งหมด ตอนนี้แบล๊คเฟรมทำให้เธอไม่พอใจอย่างแท้จริง


“โอเค เราจะเข้าไปพร้อมกับคนอื่นๆ” ผู้อาวุโสหวู่ทำท่าปรามไม่ให้เฉียนเหม่ยพูดอะไรต่อ ก่อนที่เขาจะยิ้มและพยักหน้ารับคำของยู่หลัว


หลังจากนั้นเขาได้กล่าวชื่นชมซือเฟิงว่า “แบล๊คเฟรมนี่ช่างรู้จักวิธีการที่จะทำให้ตัวเองได้รับผลประโยชน์สูงสุดจริงๆ แต่น่าเสียดายที่เงื่อนไขที่สิบสามบัลลังก์ของเราเสนอนั้น มันเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจจะปฎิเสธได้แน่นอน”


“ก็จริง …” เมื่อได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสหวู่ เฉียนเหม่ยก็เริ่มตระหนักได้ถึงเรื่องทั้งหมด และเธอก็พยักหน้าเห็นด้วย


เมื่อเห็นสถานการณ์ทั้งหมดนั้น ยู่หลัวก็ทำเพียงแค่ยิ้ม ก่อนที่จะกล่าวว่า “โปรดตามฉันมาเลยทุกคน !!”


เมื่อได้ยินคำพูดของยู่หลัว กองกำลังทั้งหมดมากกว่าสิบกลุ่มก็ได้ก้าวเข้าสู่ชั้นสามของร้านค้าพ่อค้าเร่


ซึ่งในขณะที่พวกเขาเดินขึ้นไปถึงชั้นสามนั้น ไอเทมที่ถูกจัดแสดงและวางขายอยู่ มันก็ทำให้ตาของพวกเขาแทบจะถลนออกจากเบ้า


แบบแปลนเซ็ทอุปกรณ์ระดับดาร์คโกล เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบถึงหนึ่งร้อยสามสิบ !!!


แบบแปลนอุปกรณ์ระดับอีปิค เลเวลหนึ่งร้อยหรือสูงกว่าเล็กน้อย !!!


แบบแปลนวงเวทย์ขั้นสูง !!!


แบบแปลนร้านค้าขั้นสูงสุด !!!


แบบแปลนโรงแรมที่เป็นสิ่งก่อสร้างขั้นสูงสุด !!!


แบบแปลนระเบิดไฟและน้ำแข็งระดับปรมาจารย์ !!!


ไอเทมทุกชิ้นนั้นล้วนเป็นของที่หายากมากๆในโลกภายนอก แต่มันกับสามารถพบเห็นได้ทั่วไปที่นี่ อย่างไรก็ตามราคามันก็แพงอย่างไม่น่าเชื่อเช่นกัน โดยมันมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่หกพันเหรียญทองโบราณ ไปจนถึงหลายหมื่น และหลายแสนเหรียญทองโบราณเลย


อย่างไรก็ตามในระหว่างที่เหล่าผู้เล่นกำลังตกตะลึงกับไอเทมเหล่านี้ มันก็มีออร่าที่น่ากลัวแผ่เข้าใส่ทุกคน จนทำให้ทุกคนนั้นรู้สึกอึดอัด และไม่สบายตัวมากน้อยปะปนกันไป


โดยออร่าที่น่ากลัวนี้มันแผ่ออกมาจากชายสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆของซือเฟิง


“ขั้นสี่ ?”


“ทำไมพวกเขาถึงมีผู้เล่นขั้นสี่อีก ?!”


ไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโสหวู่ หรือตัวแทนจากสี่นักบุญที่มีชื่อว่าหมิงเทียนจางชุ่ย รวมไปถึงคนอื่นๆก็ล้วนตกตะลึงกับเรื่องนี้ทั้งหมด


นอกเหนือจากยู่หลัวของฮีฟเว่นเบลดแล้ว ตอนนี้มันก็มีผู้เล่นขั้นสี่อีกสองคนปรากฎตัวขึ้นข้างๆซือเฟิง โดยที่ออร่าของทั้งสองคนนี้แข็งแกร่งกว่าออร่าของผู้เล่นขั้นสี่ที่พวกเขาเคยเห็นมาอย่างมาก


แถมทั้งสองคนยังเป็นผู้เล่นสายต่อสู้โดยตรง ซึ่งแค่พวกเขาหนึ่งในสองคนนี้เริ่มเคลื่อนไหว มันก็มากเพียงพอแล้วที่จะทำให้กองกำลังหลักของกิลต่างๆส่วนใหญ่ใน God domain หวาดกลัว ซึ่งความแข็งแกร่งแบบนี้มันบ้าชัดๆ !!!

ตอนนี้แม้แต่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังอาจจะไม่มีผู้เล่นขั้นสี่มากเท่ากับสภาสิบแปดปีกเลยด้วยซ้ำ !!!


ทันใดนั้นซือเฟิงที่เงียบอยู่นานก็พูดขึ้นมาอย่างเฉยเมยว่า “ทุกคน ถ้ามีอะไรก็รีบพูดมาตรงๆเลย ฉันมีเรื่องต้องจัดการอีกมาก ฉันไม่ได้มีเวลามากนัก ….”


ตอนที่ 2807 ร้านค้าพ่อค้าเร่ระดับสามดาว


คำพูดของซือเฟิงนั้นมันเปรียบเสมือนกับค้อนขนาดใหญ่ที่ได้ตอกลงกลางใจของทุกคน นี่มันจึงทำให้ทุกคนที่ต้องการจะใช้วิธีอื่นๆในการเจรจากับซือเฟิงเพื่อให้ตัวเองได้รับผลประโยชน์มากมาย พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ


แม้แต่ผู้อาวุโสหวู่ซึ่งแต่เดิมเต็มไปด้วยความมั่นใจมากๆก็ยังพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ


การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของซือเฟิงมันน่าทึ่งมากๆ !!


ความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีกนั้นอยู่เหนือความคาดหมายของเขามากเกินไป !!


ด้วยผู้เล่นขั้นสี่จำนวนมากขนาดนี้ และผู้เล่นขั้นสามอีกจำนวนมากภายในกิลที่พวกเขาได้มาจากการได้รับมรดกที่สมบูรณ์ขั้นสามนั้น แม้แต่กองกำลัง NPC ก็ยังจะจัดการกับพวกเขาได้ยากมากๆ


จากมุมมองของทุกคน ซือเฟิงนั้นต้องการจะให้โอกาสทุกคน แต่ซือเฟิงเองก็ไม่ได้มีความประหม่าใดๆเช่นกัน


เพราะท้ายที่สุดเขาไม่ว่าง และไม่ได้มีเวลามากนักจริงๆ ….


ในตอนแรก หลังจากที่เข้าสู่เมืองดราก้อนฮาร์ทมาได้แล้ว ดีไวน์ชาโด้วนั้นต้องการจะติดต่อซีเว่ย และพวกระดับสูงคนอื่นๆของฮีฟเว่นเบลดทันที แต่เขาก็ไม่สามารถจะทำได้ ซึ่งมันราวกับว่าซีเว่ยและคนอื่นๆนั้นได้หายตัวไปอย่างลึกลับ โดยนี่มันก็ได้ไปขัดแผนการที่ซือเฟิงคิดเอาไว้หลายอย่าง


แต่โชคดีที่ดีไวน์ชาโด้ว และสมาชิกคนอื่นๆที่เหลือของฮีฟเว่นเบลดนั้นเต็มใจจะเข้ามาเป็นสมาชิกของสภาสิบแปดปีกแบบชั่วคราว ซึ่งมันทำให้พวกเขาเข้ามาอยู่ภายใต้อำนาจของซือเฟิงที่เป็นหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีก


และท้ายที่สุดแล้วหลังจากฮีฟเว่นถูกยุบไป พื้นที่หลายแห่งในหอคอยโลกของพวกเขาก็ถูกแบ่งออกไปโดยกองกำลังขนาดใหญ่ต่างๆบนเกาะดราก้อนฮาร์ท


อย่างไรก็ตามด้วยการล่มสลายของวอร์บลัด มันจึงทำให้พวกเขากลับมามีโอกาสที่จะแข่งขันแย่งชิงทุกสิ่งทุกอย่างของตัวเองกลับมาอีกครั้ง


ดังนั้นซือเฟิงจึงได้ออกคำสั่งให้ดีไวน์ชาโด้วนำทีมของเขาไปปล้น และยึดพื้นที่ต่างๆของวอร์บลัด เพราะท้ายที่สุดแล้วพื้นที่เหล่านี้ของวอร์บลัดเป็นหนึ่งในแหล่งการทำเงินเหรียญโบราณให้กับเขา ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถจะปล่อยให้คนอื่นแย่งชิงมันไปก่อนได้ และผู้ที่เหมาะสมจะทำหน้าที่นี้ให้แก่เขาก็คือฮีฟเว่นเบลดนั่นเอง


นอกจากนี้บรรดาร้านค้าที่มีมากกว่าหนึ่งโหลของฮีฟเว่นเบลดก็มีความสำคัญมากเช่นกัน เพราะร้านค้าเหล่านี้ล้วนตั้งอยู่บนทำเลทองในเมืองดราก้อนฮาร์ททั้งหมด และนอกจากนี้ซือเฟิงก็ยังวางแผนจะนำสินค้าบางส่วนจากบริษัทการค้าแสงเทียนมาขายตามร้านค้าเหล่านี้ด้วย


สำหรับที่ดินรอบๆหอคอยโลกนั้น เนื่องจากพวกเขามีกำลังไม่มากพอ ดังนั้นดีไวน์ชาโด้วจึงได้เลือกที่จะเข้ายึดที่ดินขนาดกลางเท่านั้น และหลังจากยึดมาได้ดีไวน์ชาโด้วก็มอบสิทการควบคุมที่ดินทั้งหมดให้เป็นของซือเฟิง เพียงแค่เขาขอให้แบ่งผลกำไรทุกอย่างที่ทำได้จากที่ดินนี้คนละครึ่ง หลังจากที่เขาสามารถรวบรวมสมาชิกของฮีฟเว่นเบลดกลับมาได้ครบแล้ว


ซือเฟิงนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะท้ายที่สุดการที่เขาได้รับสิทในการควบคุมและดำเนินงานที่ดินขนาดกลาง มันก็จัดว่าโอเคมากแล้วสำหรับเขา และเรื่องนี้มันก็ทำให้เขามีความสุขมากๆ ซึ่งในอนาคตเมื่อสมาชิกสภาสิบแปดปีกเริ่มทำการสำรวจชั้นใต้ดินชั้นที่สี่นั้น เขาก็จะสามารถสร้างโรงแรมขึ้นบนที่ดินนี้เพื่อใช้มันเป็นสถานที่พักผ่อนให้กับสมาชิกสภาสิบแปดปีกของเขาได้


แต่อย่างไรก็ตามก่อนหน้านั้นเขาก็ต้องคิดก่อนว่า เขาจะสร้างโรงแรมแบบไหนบนที่ดินนี้ ….


นอกจากนี้มันก็มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ซือเฟิงประหลาดใจที่สุดนั่นก็คือ ร้านค้าพ่อค้าเร่นั้นสามารถจะเลื่อนขั้นเป็นร้านค้าระดับสามดาวได้จริงๆ ในตอนแรกเขาเข้ามาที่ร้านค้าพ่อค้าเร่เพียงเพื่อรับเอาวัสดุระดับอีปิคบางชิ้นเท่านั้น โดยวัสดุพวกนี้นั้นมันเป็นวัสดุล้ำค่าที่ไว้ใช้ในการสร้างป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็ก


แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้คิดเลยว่าหลังจากที่เขาไม่ได้เห็นร้านค้าพ่อค้าเร่มาระยะหนึ่ง มันจะเลื่อนขั้นเป็นร้านค้าระดับสามดาวแล้ว

เมื่อร้านค้าใดๆก็ตามไปถึงระดับสามดาว พวกมันจะได้รับการเปลี่ยนเชิงคุณภาพ ดังนั้นเรื่องนี้มันจึงทำให้ซือเฟิงมีความสุขมากๆ


อย่างไรก็ตามก่อนที่ซือเฟิงจะทันได้มีเวลามาศึกษาสิ่งใหม่ๆของร้านค้าพ่อค้าเร่ระดับสามดาว กองกำลังต่างๆบนเกาะดราก้อนฮาร์ทก็เริ่มเข้ามาติดต่อเขาอย่างรวดเร็ว โดยที่หวังว่าตัวเองจะได้รับส่วนแบ่งจากการล่มสลายของวอร์บลัดจากการร่วมมือกับสภาสิบแปดปีก


อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ทั้งห้องโถงเงียบไปชั่วครู่หนึ่ง ตัวแทนของกิลสี่นักบุญ และเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ่นใหญ่ของกิลสี่นักบุญอย่างหมิงเทียนจางชุ่ยก็ก้าวมาข้างหน้า


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ฉันรู้มาว่าคุณตั้งใจจะสร้างกองกำลังร่วมระหว่างสภาสิบแปด

ปีกกับฮีฟเว่นเบลดเพื่อจะทำการโจมตี ยึดครอง และกลืนกินทรัพยากรของวอร์บลัดทั้งหมด ในระหว่างที่ผู้นำคนปัจจุบันของวอร์บลัดอย่างบลัดโอ๊ทถูกจับขังคุก เพราะท้ายที่สุดตอนนี้เมื่อปราศจากผู้นำนั้นวอร์บลัดก็ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายมากๆ แต่อย่างไรก็ตามมือลับที่คอยสนับสนุนวอร์บลัดอยู่ก็ไม่ควรถูกมองข้าม และแม้แต่ดินแดนทรัพยากรสิบเจ็ดแห่งที่ชั้นใต้ดินชั้นที่สี่ที่ถูกครอบครองโดยวอร์บลัดนั้นมันก็ไม่ได้ง่ายเลยที่จะยึดครองมาเป็นของตัวเองให้ได้”


“อย่างไรก็ตาม ฉันก็ต้องยอมรับเลยว่าหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมนั้นทรงพลังมากๆ และท้ายที่สุดแล้วคุณจะสามารถโจมตีและยึดครองดินแดนทรัพยากรทั้งสิบเจ็ดแห่งได้แน่นอน อย่างไรก็ตามการปกป้องดินทรัพยากรสิบเจ็ดแห่งนั้นจะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก มันไม่สามารถพึ่งพาผู้เล่นขั้นสี่แค่ไม่กี่คนได้ ดังนั้นกิลสี่นักบุญของเราจึงต้องการจะร่วมมือกับสภาสิบแปดปีกเพื่อจัดการกับวอร์บลัด และมือลับที่อยู่เบื้องหลังวอร์บลัด” หมิงเทียนจางชุ่ยกล่าวอย่างมั่นใจ “เมื่อทั้งสองฝ่ายของเราร่วมมือกันในการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้นที่ชั้นใต้ดินชั้นที่สี่ของหอคอยโลกนี้จนประสบความสำเร็จ เราสามารถจะแบ่งทุกอย่างที่ได้รับมากันคนละครึ่งได้ ทางสี่นักบุญเราไม่มีปัญหาใดๆ เพราะท้ายที่สุดเราไม่ได้คิดจะเอาเปรียบสภาสิบแปดปีกอยู่แล้ว”


หลังจากหมิงเทียนจางชุ่ยพูดจบ เขาก็หยิบใบอนุญาติสร้างเมืองออกมาจากกระเป๋าของตัวเอง


“แล้วก็สี่นักบุญของเรารู้ดีว่าตอนนี้คุณกำลังพยายามจะป้องกันและผูกขาดหอคอยแห่งพันธสัญญาลับอยู่ ดังนั้นถ้าคุณมีใบอนุญาติการสร้างเมืองนี้ มันก็จะทำให้คุณสามารถสร้างเมืองกิลใกล้ๆหอคอยแห่งพันธสัญญาลับได้ทันที ซึ่งเมื่อคุณมีเมืองกิลเป็นฐานสนับสนุน มหาอำนาจที่ต้องการจะจัดการกับคุณก็จะทำทุกอย่างได้ยากขึ้นมากๆ”


“นอกเหนือจากนี้สี่นักบุญของเราก็ยินดีจะซื้อขายแลกเปลี่ยนวัสดุหายาก อาวุธและอุปกรณ์ระดับลึกลับขั้นเงิน เลเวลหนึ่งร้อยสิบหรือสูงกว่ากับกิลของคุณในราคาตลาดด้วย คุณคิดว่ายังไง ?”


ใบอนุญาติสร้างเมืองที่หมิงเทียนจางชุ่ยนำออกมานั้นมันทำให้กองกำลังจำนวนมากที่ต้องการจะร่วมมือกับสภาสิบแปดปีกพูดไม่ออกเลย ขณะที่บางกองกำลังรู้สึกหมดหวังไปเลยก็มี


สี่นักบุญนั้นเป็นซุเปอร์กิล ซึ่งทรัพยากรและกำลังคนทั้งหมดของพวกเขานั้นก็เหนือกว่ามหาอำนาจทั่วไปมากๆ นี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่พวกเขาบรรจุใบอนุญาติสร้างเมืองเข้ามาในเงื่อนไขอีก


เพราะสิ่งนี้มันเป็นสิ่งที่สภาสิบแปดปีกต้องการมากที่สุดในตอนนี้ !!!


ขณะเดียวกันผู้อาวุโสหวู่ที่ยืนเฝ้าดูฉากนี้อยู่ก็มีใบหน้าที่บิดเบี้ยว เขาไม่นึกเลยว่าสี่นักบุญจะมีใบอนุญาติสร้างเมืองด้วย เมื่อเป็นแบบนี้การแข่งขันครั้งนี้มันจะเพิ่มขึ้นอย่างมากแบบไม่ต้องสงสัย


อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาที่กองกำลังอื่นๆล้วนเงียบและพูดไม่ออกกันนี้ ….


“คนอื่นๆมีอะไรจะพูดอีกหรือปล่าว ? ถ้าไม่ ก็ได้โปรดกลับไป ฉันมีเรื่องที่จะคุยโดยละเอียดแบบส่วนตัวกับคุณหมิงเทียนจางชุ่ย …” ซือเฟิงกล่าวขึ้นมาอย่างสบายๆ แต่มันก็เห็นได้ชัดจากคำพูดของเขาว่าเขาสนใจหมิงเทียนจางชุ่ย


เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง หมิงเทียนจางชุ่ยก็ยิ้มออกมา ในตอนนี้เขามั่นใจมากๆว่ากิลของเขาจะได้ร่วมมือกับสภาสิบแปดปีก สำหรับกองกำลังอื่นๆ พูดกันตามตรงเขาไม่สนใจมาตั้งแต่แรกแล้วด้วยซ้ำ


“ผู้อาวุโสหวู่ พวกเราควรจะทำยังไงกันดี ?” เฉียนเหม่ยกล่าวถามด้วยความกังวล


ชั้นใต้ดินชั้นที่สี่ของหอคอยโลกนั้นเป็นโลกใบใหญ่ที่มีมรดกขั้นสี่ดรอปอยู่ด้วย แม้ว่ามรดกที่ดรอปมันจะไม่สมบูรณ์และเทียบไม่ได้กับมรดกที่สมบูรณ์ขั้นสามของหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ แต่อิทธิพลที่ผู้เล่นขั้นสี่จะสามารถทำทุกๆอย่างได้นั้นมันมากกว่าผู้เล่นขั้นสามมาก การที่กิลมีผู้เล่นขั้นสี่มาเพิ่มเติมสักคน มันจะช่วยเพิ่มพลังของกิลได้มาก แถมเหล่าผู้เล่นขั้นสี่ก็ยังนับเป็นกุญแจสำคัญที่กิลจะต้องใช้ต่อสู้กับกองกำลัง NPC ด้วย


ทุกคนนั้นน่าจะรู้ดีว่าในปัจจุบันสำหรับซุเปอร์กิลนั้น ผู้เล่นขั้นสามไม่ใช่สิ่งที่หายากอีกแล้ว เพราะท้ายที่สุดพวกเขาไม่ได้ขาดแคลนมรดก หรือไม่มีวิธีเลี้ยงดูผู้เล่นขั้นสามขึ้นมาอีกต่อไป และมันก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่พวกเขาจะมีผู้เล่นขั้นสามหลายแสน ไปจนถึงหลายล้านคน อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่อ่อนแอกว่าพวกเขานั้น บางกิลก็ยังไม่มีวิธีการหรือมรดกใดๆเลยในการจะทำให้ผู้เล่นเลื่อนขั้นเป็นขั้นสามได้ง่ายๆ ดังนั้นพวกเขาจึงล้วนสนใจมรดกที่สมบูรณ์ขั้นสามกัน


ซึ่งนี่ก็เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมถึงมีแต่มหาอำนาจระดับกิลชั้นยอดเท่านั้น …. ไม่มีซุเปอร์กิลเลยที่เข้าไปยุ่งเรื่องหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ


อย่างไรก็ตามแหล่งมรดกขั้นสี่ที่ชั้นใต้ดินชั้นที่สี่ของหอคอยโลกนั้นมันแตกต่างออกไป อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ผู้เล่นขั้นสี่นั้นสามารถทำอะไรได้มากกว่าผู้เล่นขั้นสามอย่างมาก และแม้ว่ามรดกขั้นสี่ที่ถูกพบในชั้นใต้ดินชั้นที่สี่ของหอคอยโลกจะไม่สมบูรณ์ แต่มันก็ยังอาจจะช่วยผู้เล่นเรื่องการเลื่อนขั้นไปเป็นขั้นสี่ได้อย่างมาก นี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่ว่าหอคอยโลกนั้นมีชั้นใต้ดินชั้นที่ห้าด้วย ซึ่งมันจะอันตรายกว่าชั้นใต้ดินชั้นที่สี่มาก แต่มันก็จะมาพร้อมกับโอกาสและหลายอย่างที่ดีกว่าแน่นอน


ในขณะที่กองกำลังต่างๆกำลังเตรียมจะหันหลัง และเดินกลับไป มันก็มีเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นมาในหูของทุกคน


“เดี๋ยวก่อน !! หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม !!!” ผู้อาวุโสหวู่ได้กล่าวขึ้นมาอย่างกระทันหัน “สิบสามบัลลังก์ของเราก็ตั้งใจจะร่วมมือกับสภาสิบแปดปีกเช่นกัน และเงื่อนไขของเราก็จะไม่แย่ไปกว่าสี่นักบุญแน่นอน”


เมื่อผู้อาวุโสหวู่กล่าวจบ เขาก็หยิบใบอนุญาติสร้างเมืองออกมา


“อึก !! นี่สิบสามบัลลังก์ก็มีใบอนุญาติสร้างเมืองงั้นหรอ ?!”


กองกำลังที่เฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่นั้นอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง


ใบอนุญาติสร้างเมืองนั้นมันเป็นสิ่งที่หายากมากๆ และความหายากของมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานเลย พูดกันตามตรงมูลค่าของมันนั้นมีมากกว่าเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานด้วยซ้ำ เพราะท้ายที่สุดเรากำลังพูดกันถึง

เมืองกิลทั้งเมือง ไม่ใช่เศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานแค่ชิ้นเดียว


เมื่อเห็นใบอนุญาติสร้างเมืองในมือของผู้อาวุโสหวู่ หลายคนก็เริ่มจะอยากรู้อยากเห็นมากว่าสภาสิบแปดปีกจะตัดสินใจยังไง


“นี่มันชักจะน่าสนใจแล้ว !!! แต่เดิมซุเปอร์กิลทั้งสองคงคิดว่าตัวเองเป็นผู้เลือกสภาสิบแปดปีก อย่างไรก็ตามตอนนี้มันกลายเป็นว่าทุกอย่างนั้นกลับตาลปัตรแล้ว เมื่อเป็นการแข่งขันสองด้านแบบนี้ สภาสิบแปดปีกก็จะมีสิทเลือกซุเปอร์กิลที่พวกเขาอยากจะร่วมมือด้วย”


“ฉันเดาไม่ออกเลยว่าแบล๊คเฟรมจะตัดสินใจยังไง ทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นซุเปอร์กิลซึ่งมีข้อดีเป็นของตัวเอง ….”


สมาชิกของกองกำลังต่างๆในปัจจุบันอดไม่ได้ที่จะมองไปยังซือเฟิงด้วยความสงสัยว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไร


ตอนนี้สิบสามบัลลังก์และสี่นักบุญนั้นเข้าใจตรงกันอย่างชัดเจนอยู่เรื่องหนึ่งว่า พวกเขาจะต้องหาวิธีที่ทำให้กิลตัวเองได้ร่วมมือ และได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากสภาสิบแปดปีกให้ได้ ดังนั้นผู้อาวุโสหวู่จึงเพียงกล่าวออกไปว่า เงื่อนไขของเราก็จะไม่แย่ไปกว่าสี่นักบุญแน่นอน เพื่อเป็นการประกาศกร้าวขู่อีกฝ่าย และปล่อยให้ซือเฟิงเป็นผู้เลือก


เกี่ยวกับเรื่องนี้นั้นหมิงเทียนจางชุ่ยเดาเจตนาของผู้อาวุโสหวู่ออกในทันที ดังนั้นเขาจึงได้เงียบลงไป และมองไปยังซือเฟิงเช่นเดียวกับผู้อาวุโสหวู่


“ใบอนุญาติสร้างเมือง สองใบ ?” ซือเฟิงมองไปที่ใบอนุญาติสร้างเมืองที่อยู่ในมือทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม “ดูเหมือนว่าพวกคุณทั้งสองนั้นจริงใจมากที่จะร่วมมือกับสภาสิบแปดปีก แต่น่าเสียดายที่ฉันไม่สามารถจะยอมรับเงื่อนไขของคุณได้ ….”


ตอนที่ 2808 เงื่อนไขของซือเฟิง


“ไม่สามารถจะยอมรับเงื่อนไขได้ ?”


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม คุณหมายความว่ายังไง ?”


ทั้งหมิงเทียนจางชุ่ย และผู้อาวุโสหวู่นั้นอดไม่ได้ที่จะมองไปยังซือเฟิงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เมื่อได้ยินคำพูดของเขา


ในเวลานี้สมาชิกของกองกำลังต่างๆที่เฝ้าดูสถานการณ์นี้ก็ตกตะลึงมากๆ พวกเขานั้นคิดว่ามันจะเป็นการต่อสู้ระหว่างมังกรกับมังกรแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการจะดูว่าสภาสิบแปดปีกจะเลือกยังไง แต่ไอ้การปฎิเสธแบบตรงๆทื่อๆนี่มันบ้าอะไรกัน ?


“ฉันว่าแบล๊คเฟรมคงคิดจะเรียกร้องเอาบางอย่างที่มากกว่านี้ เมื่อเห็นว่าเงื่อนไขของสิบสามบัลลังก์กับสี่นักบุญเท่าเทียมกัน ถ้าให้ฉันเดาก็อาจจะเป็นการยืมพลังของหนึ่งในสองกิลนี้ …”


“มันก็อาจจะเป็นไปได้ … เพราะท้ายที่สุดตอนนี้สถานการณ์ในอาณาจักรทวินทาวเวอร์นั้นไม่ได้ดีมากนัก ดังนั้นมันก็พอมีความเป็นไปได้ที่แบล๊คเฟรมจะไม่ต้องการใบอนุญาติสร้างเมืองแล้ว”


“ถ้าฉันเป็นแบล๊คเฟรม ฉันก็อาจจะตัดสินใจทำคล้ายๆกับเขานะ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ดินแดนทรัพยากร ป้อมปราการ มรดกขั้นสี่ ทั้งหมดที่มันอยู่ชั้นใต้ดินชั้นที่สี่ของหอคอยโลกนั้นมันมีค่ามากๆ ดังนั้นทำไมฉันจะต้องมายกครึ่งหนึ่งให้กับคนอื่นๆง่ายโดยแค่แลกกับใบอนุญาติสร้างเมือง ? เพราะท้ายที่สุดแล้วถ้าปราศจากซึ่งอำนาจของแบล๊คเฟรม มันก็ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะเข้าไปยึดแหล่งทรัพยากรต่างๆวอร์

บลัด แม้ว่าซุเปอร์กิลทั้งสองจะร่วมมือกันก็ตาม”


ทุกคนในปัจจุบันนั้นอดไม่ได้ที่จะพูดคุยกันอย่างชื่นชม และเข้าใจในสิ่งที่ซือเฟิง

กระทำ โดยตอนนี้ในเมื่อเขาทำแบบนี้ มันก็จะทำให้ซุเปอร์กิลทั้งสองไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถามหาสิ่งที่เขาต้องการ หรือเสนอทุกอย่างออกมาให้มากขึ้น


นี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่ซุเปอร์กิลทั้งสองนั้นให้ความสำคัญกับการเลื่อนขั้น เป็นขั้นสี่กันอย่างมาก


ในตอนนี้นั้น ในมหาอำนาจบางกลุ่มมันเริ่มจะมีผู้เล่นขั้นสี่ปรากฎตัวขึ้นมาแล้ว แต่ซุเปอร์กิลทั้งสองกิลนี้กับยังไม่มีผู้เล่นขั้นสี่เลยแม้แต่คนเดียว ซึ่งการจะบอกว่าตอนนี้ซุเปอร์กิลทั้งสองนั้นจัดว่าล้าหลังในเรื่องพลังการต่อสู้ขั้นสูงสุด มันก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย ดังนั้นการที่จะทำให้ผู้เล่นของพวกเขาเลื่อนขั้นไปเป็นขั้นสี่ให้ได้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับซุเปอร์กิลทั้งสอง ไม่งั้นด้วยสถานะของซุเปอร์กิลทั้งสอง พวกเขาจะไม่มีวันยอมมาขอความร่วมมืออย่างจริงจังแบบนี้แน่นอน


ในระหว่างที่ทุกคนกำลังกระซิบกระซาบพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซือเฟิงก็พูดขึ้นมาว่า “อย่าพึ่งเข้าใจฉันผิด ฉันเข้าใจและรับรู้ได้ถึงความจริงใจของพวกคุณทั้งสอง แต่ตอนนี้สภาสิบแปดปีกเรายังไม่ได้ต้องการสร้างเมืองแบบเร่งด่วน ดังนั้นฉันจึงไม่ได้ต้องการใบอนุญาติสร้างเมืองเลย ….”


“คุณไม่ได้ต้องการใบอนุญาติสร้างเมืองงั้นหรอ ?” เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง ทั้งผู้อาวุโสหวู่ และหมิงเทียนจางชุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “งั้นคุณต้องการอะไรกัน ? หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม”


ในเวลานี้ทั้งสองเริ่มรู้สึกว่าซือเฟิงกำลังล้อเล่นกับพวกเขา และทำให้พวกเขาดูเป็นตัวตลก หรือไม่ก็เด็กสามขวบที่ไม่ประสีประสาอะไร ….


หากประโยคนี้ถูกพูดโดยผู้นำหรือพวกระดับสูงของกองกำลังอื่นๆ พวกเขาก็ยังคงพอจะเชื่อได้บ้าง เพราะท้ายที่สุดแล้วใบอนุญาติสร้างเมืองที่ช่วยให้สร้างเมืองกิลได้นั้น มันก็จะช่วยแค่เพิ่มฐานที่มั่นของกิลขึ้นมาเท่านั้น ซึ่งในยุคที่กองกำลัง NPC เริ่มก่อความวุ่นวายนี้ ฐานที่มั่นก็จะต้องการคนจำนวนมากเพื่อปกป้องมัน ดังนั้นมันจึงมาพร้อมกับเรื่องที่ยากลำบากเช่นกัน


แต่สำหรับสภาสิบแปดปีกนั้นมันไม่ใช่ !!!


อย่างไรก็ตามพวกเขาสองคนก็ไม่ได้พยายามโต้แย้งคำพูดของซือเฟิง ตรงกันข้ามพวกเขาสองคนได้แสร้งทำเป็นอยากรู้อยากเห็นมาก เพื่อตรวจสอบเจตนาที่แท้จริงของซือเฟิง


“กำลังคน !!!” ซือเฟิงหัวเราะ ขณะที่มองไปยังทั้งสองคนที่พยายามแสร้งทำท่าทีอยากรู้อยากเห็น ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อว่า “บางทีพวกคุณสองคนอาจจะไม่เชื่อ แต่สิ่งที่สภาสิบแปดปีกขาดอยู่ในตอนนี้นั้นคือกำลังคน ไม่ใช่อย่างอื่นๆแบบที่พวกคุณคิดเลย ถ้ากิลทั้งสองของพวกคุณต้องการจะร่วมมือกับสภาสิบแปดปีกในเรื่องชั้นใต้ดินชั้นที่สี่ของหอคอยโลก พวกคุณก็ช่วยแสดงความจริงใจในแบบที่ฉันอยากได้ออกมาให้เห็นหน่อย …”


ใบอนุญาติสร้างเมืองนั้นมันไม่ได้จำเป็นสำหรับซือเฟิงจริงๆ เพราะท้ายที่สุดแล้วเขามีแบบแปลนป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กแล้ว


โดยป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กนั้นมันจะมีขนาดเท่ากับครึ่งเมือง สำหรับหอคอยแห่งพันธสัญญาลับมันจัดเป็นดินศักสิทธิ์ในเรื่องการเก็บเลเวล และมรดกที่สมบูรณ์ขั้นสาม ดังนั้นการอาศัยเมืองกิลเพียงอย่างเดียวมันจึงไม่เพียงพอที่จะผูกขาดหอคอยไว้แน่นอน มันมีเพียงแต่ฐานที่มั่นที่เคลื่อนที่ได้เท่านั้นที่จะช่วยรับประกันการผูกขาดได้


ซึ่งสาเหตุมันก็เป็นเพราะเมืองกิลนั้นแทบจะไม่สามารถโจมตีคนอื่นๆก่อนได้เลย ส่วนใหญ่มันสามารถทำได้แค่ป้องกันเท่านั้น และหน้าที่ที่เมืองกิลมีนั้นมันก็แค่การเป็นที่พักผ่อนให้กับผู้เล่น และช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางไปยังหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ โดยท้ายที่สุดแล้วพวกเขาจะสามารถผูกขาดหอคอยแห่งพันธสัญญาลับไว้ได้ไหม มันก็ยังขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของพวกเขาเองเหมือนเดิม


ดังนั้นนี่มันจึงไม่ใช่สิ่งที่สภาสิบแปดปีกในปัจจุบันต้องการ


แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กนั้นมันแตกต่างออกไป


ป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กนั้นไม่เพียงแต่จะมีการป้องกันที่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่มันยังสามารถจะถูกใช้ในเชิงรุกได้ด้วย ไม่งั้นในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิง มันคงไม่มีใครที่จะยอมเอาเมืองหลักของกิลสามเมือง มาแลกกับป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กเพียงแห่งเดียวหรอก


“กำลังคน ?”


ผู้อาวุโสหวู่และหมิงเทียนจางชุ่ยพยักหน้าให้กับคำพูดของซือเฟิง ก่อนที่พวกเขาทั้งสองจะส่งสายตาหากันเป็นเชิงเข้าใจกันว่าให้ดูต่อไปว่าสรุปแล้วซือเฟิงต้องการอะไร และแบบไหนกัน ….


“งั้นหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม วางแผนจะร่วมมือกับทั้งสองกิลของเราอย่างไร ?” ผู้อาวุโสหวู่เป็นตัวแทนถามขึ้น

“ง่ายมาก ฉันต้องการกำลังคนจากทั้งสองกิลของพวกคุณ โดยกำลังคนที่ว่านั้นก็คือพวกคุณแต่ละกิลจะต้องส่งปรมาจารย์นักเล่นแร่แปรธาตุสองร้อยคน ปรมาจารย์สถาปนิกห้าร้อยคน ปรมาจารย์นักเวทย์หนึ่งร้อยคน ปรมาจารย์ช่างตีเหล็กสองคน และปรมาจารย์นักเวทย์ขั้นสูงสองคนมาทำงานให้ฉัน และนอกเหนือจากนั้นฉันก็ต้องการผู้เล่นขั้นสามหนึ่งหมื่นคนจากพวกคุณ โดยทุกอย่างจะต้องถูกส่งมาให้ฉันภายในครึ่งเดือน” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะพูดต่อว่า “ถ้าพวกคุณทั้งสองคนจัดให้ฉันได้ตามนี้ ฉันจะยกป้อมปราการขนาดเล็กสองแห่งของวอร์บลัดให้”


เมื่อซือเฟิงพูดจบ ผู้อาวุโสหวู่ และหมิงเทียนจางชุ่ยก็ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่พวกเขาได้ยินเลย นี่ซือเฟิงมาไม้ไหนกัน ?


ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ต้องการใบอนุญาติสร้างเมือง แต่เขายังต้องการแค่ผู้เล่นสายอาชีพจำนวนหนึ่ง พร้อมกับผู้เล่นขั้นสามหนึ่งหมื่นคนจากแต่ละกิลของพวกเขา ซึ่งสำหรับมหาอำนาจแบบพวกเขาในปัจจุบันที่มีผู้เล่นขั้นสามมากกว่าสี่แสนห้าหมื่นคนนั้น การที่ซือเฟิงขอแค่นี้มันนับว่าไม่ได้เป็นอะไรเลยสำหรับกิลทั้งสองของพวกเขา


ในทางตรงกันข้าม ซือเฟิงกับเสนอค่าตอบแทนที่ดีมากๆ


ป้อมปราการขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในชั้นใต้ดินชั้นที่ของหอคอยโลก ด้วยป้อมปราการขนาดเล็กนี้ทั้งสองกิลของพวกเขาจะมีความมั่นใจในการจะสำรวจชั้นใต้ดินชั้นที่สี่ของหอคอยโลกขึ้นมาก และพวกเขาก็ยังสามารถจะเตรียมตัวสำรวจชั้นใต้ดินชั้นที่ห้าได้ง่ายขึ้นด้วย


“คุณสองคนคิดยังไงล่ะ ?” ซือเฟิงกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม


ใบอนุญาติสร้างเมือง ?


ป้อมปราการขนาดเล็กที่ชั้นใต้ดินชั้นที่สี่ของหอคอยโลก ?


มรดกขั้นสี่ ?


ตอนนี้สิ่งเหล่านี้มันไม่ได้จำเป็นสำหรับเขาเลย เพราะตราบเท่าที่เขาสามารถสร้างป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กออกมาได้สำเร็จเมื่อไหร่ มันก็จะไม่มีใครใน God domain ที่จะสามารถเขย่าสภาสิบแปดปีกได้อีก และแม้แต่ผู้เล่นขั้นสี่ก็ไม่สามารถจะทำได้ด้วยเช่นกัน !!

เพียงแต่ว่าการสร้างป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กนั้นมันก็จำเป็นจะต้องใช้กำลังคนที่มีฝีมือสายอาชีพจำนวนมาก ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่ซือเฟิงจะสามารถจัดการได้ด้วยตัวเองเลย เดิมทีเขากังวลเกี่ยวกับเรื่องการขาดกำลังคนมากๆ และเขาคิดกระทั่งว่าจะยอมปิดบริษัทการค้าแสงเทียนทั้งหมดสักช่วง เพื่อให้ผู้เล่นสายอาชีพทั้งหมดของบริษัทมาช่วยกันสร้างป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กด้วยซ้ำ


อย่างไรก็ตามตอนนี้ซุเปอร์กิลทั้งสองได้ยื่นโอกาสนี้มาให้เขาแล้ว ดังนั้นเขาจึงจะไม่ยอมพลาดแน่นอน


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม สิ่งที่คุณพูดเป็นความจริงงั้นหรอ ?” หมิงเทียนจางชุ่ยกล่าวถามด้วยความไม่เชื่อเล็กน้อย


“โปรดมั่นใจได้เลย เราสามารถที่จะทำสัญญากันได้ สำหรับป้อมปราการขนาดเล็กทั้งสองแห่ง พวกเราสภาสิบแปดปีกจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการใดๆของป้อมปราการเลย มันจะเป็นของพวกคุณโดยสมบูรณ์ และพวกเราก็จะช่วยป้องกันเรื่องปัญหาของ NPC จากมือลับเท่าที่เราจะช่วยได้ด้วย” ซือเฟิงพยักหน้า และพูดด้วยรอยยิ้มที่จริงใจ


“ถ้าหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมพูดแบบนั้น ฉันก็ยินดีจะยอมรับเงื่อนไขของคุณทั้งหมดในนามตัวแทนของสิบสามบัลลังก์” ผู้อาวุโสหวู่กล่าวโดยไม่ลังเล


แม้ว่ากำลังคนจะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับกิลของพวกเขาเช่นกัน แต่จำนวนที่ซือเฟิงร้องขอนั้นมันก็อยู่ในขอบเขตที่พวกเขาจะสามารถให้ได้ และมันก็จัดว่าคุ้มค่าด้วยซ้ำที่จะทำการแลกเปลี่ยนแบบนี้กับซือเฟิง


“สี่นักบุญของเราก็ยอมรับเงื่อนไขของคุณทั้งหมดเช่นกัน !!” หมิงเทียนจางชุ่ยกล่าวพลางพยักหน้าด้วยความสุข


พวกเขาไม่จำเป็นจะต้องจ่ายด้วยของมีค่าอย่างใบอนุญาติสร้างเมืองเพื่อยึดป้อมปราการของวอร์บลัด พวกเขาเพียงแค่ต้องจ่ายด้วยกำลังคนเพื่อยึดมันเท่านั้น เรื่องนี้มันจัดว่าคุ้มมากๆแน่นอนสำหรับพวกเขา


สำหรับเรื่องปัญหาจากมือลับนั้น เมื่อซือเฟิงรับปากมาแล้ว และด้วยฐานะของเขาในกองอัศวินดาวศักสิทธิ์ มันจะทำให้พวกมือลับไม่กล้าโจมตีพวกเขาแบบมั่วๆในหอคอยโลกแน่นอน ส่วนพวกผู้เล่นขั้นสี่คนอื่นๆ และสมาชิกของวอร์บลัดที่เหลือนั้นมันไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเขาเลย พวกเขามีวิธีจะจัดการได้อยู่แล้ว


ในตอนนี้เองกองกำลังอื่นๆที่เฝ้าดูอยู่นั้นก็เริ่มรู้สึกอิจฉาทั้งสองกิลมากเช่นกัน พวกเขาไม่คิดเลยว่าซือเฟิงจะผ่อนคลายเงื่อนไขลงมากขนาดนี้ ….


แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็รู้ดีว่าถ้าไม่ใช่ซุเปอร์กิลทั้งสองนั้นก็คงจะไม่มีใครสามารถจ่ายได้แล้ว แม้ว่าเงื่อนไขมันจะผ่อนคลายลงมากก็ตาม เพราะท้ายที่สุดไม่ต้องพูดถึงบรรดาผู้เล่นระดับปรมาจารย์ที่ซือเฟิงร้องขอเลย แม้แต่ผู้เล่นขั้นสามหนึ่งหมื่นคน ถ้าพวกเขากองกำลังใดกองกำลังหนึ่งต้องสูญเสียไป มันก็จะลดพลังการต่อสู้ของพวกเขาลงอย่างมากแน่นอน


ในไม่ช้าทั้งสามฝ่ายก็ได้เซ็นสัญญา และลงนามร่วมกัน โดยกำลังคนที่ถูกส่งมาจากทั้งสองกิลให้ซือเฟิงนั้นจะต้องเสร็จสิ้นภายในครึ่งเดือน และการกระทำทั้งหมดของพวกเขาในช่วงที่ทำงานให้กับซือเฟิงนั้นจะต้องถูกเก็บเป็นความลับทั้งหมด แม้แต่กับกิลของตัวเองก็ตาม


หลังจากเซ็นสัญญา และลงนามร่วมกันเรียบร้อย ซุเปอร์กิลทั้งสองก็เริ่มส่งบุคลากรของตัวเองที่ซือเฟิงต้องการเข้ามายังเกาะดราก้อนฮาร์ทอย่างบ้าคลั่ง เนื่องจากสัญญาจะมีผลบังคับใช้ก็ต่อเมื่อซือเฟิงได้รับกำลังคนตามที่เขาเรียกร้องครบ ซึ่งหากไม่ครบ ซุเปอร์กิลทั้งสองของพวกเขาก็ยังไม่สามารถจะเริ่มการเข้ายึดป้อมปราการขนาดเล็กของวอร์บลัดในชั้นใต้ดินชั้นที่สี่ของหอคอยโลกได้


ในระหว่างนี้เองซือเฟิงที่ยังคงอยู่ในชั้นที่สามของร้านค้าพ่อค้าเร่ก็ได้นำไอเทมที่ซา

บริจด์ดรอป ออกมาตรวจสอบอย่างละเอียด


เนื่องจากก่อนหน้านี้เขายุ่งมาก เขาจึงยังไม่ได้มีเวลาที่จะตรวจสอบไอเทมที่ดรอปจากซาบริจด์โดยละเอียด อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาว่างแล้ว ….


ในฐานะรองผู้บัญชาการกองอัศวินป้องกันเมือง สมาชิกระดับสูงของมือลับ และ NPC ขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยหกสิบ หากจะบอกว่าเขาไม่มีเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานอยู่กับตัวเลย มันก็คงจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเอามากๆ


ตอนที่ 2809 ความแตกต่างครึ่งก้าว


ซาบริจด์นั้นได้ดรอปไอเทมออกมาทั้งหมดหกชิ้น หากไม่นับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนาน ที่เหลืออีกห้าชิ้นมันก็จัดเป็นไอเทมธรรมดาทั้งหมด


อย่างไรก็ตามแม้มันจะเป็นแบบนั้น แต่ซือเฟิงก็ยังคงมีความสุขกับเรื่องนี้มากอยู่ดี


เนื่องจากไอเทมทั้งห้าชิ้นนี้มันให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็นเซ็ทเดียวกันเลย โดยสี่จากห้าชิ้นนั้นเป็นคริสตัลที่ใสราวกับกระจก และเมื่อซือเฟิงนำมาประกอบกัน มันก็กลายเป็นกระจกสี่ด้านที่แผ่ออร่าที่เบาสบายออกมา ซึ่งมันไม่เหมือนกับออร่าจากเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานที่แผ่ออกมาเลย เพราะออร่าของเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานมันทำให้ผู้เล่นขั้นสองไม่สามารถจะเข้าใกล้ได้ด้วยซ้ำ


ส่วนอีกหนึ่งชิ้นที่เหลือนั้นมันก็คือคริสตัลสีดำที่มีขนาดเท่ากับสนามบาสเก็ตบอล โดยที่มันดูไม่มีความผันผวนของเวทย์มนต์หรือมานาใดๆเลย


“น่าสนใจจริงๆ !!!” ซือเฟิงมองไปที่กระจกสี่ด้าน และคริสตัลสีดำที่วางอยู่ตรงหน้าของเขาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ “หากฉันไม่ได้ตรวจสอบมันโดยละเอียด ฉันจะไม่รู้เลยว่าทั้งห้าชิ้นนี้เป็นเซ็ทเดียวกัน แถมเวทย์ที่ใช้ปกปิดออร่าและข้อมูลของมันนั้นแทบจะอยู่ในระดับครึ่งก้าวสุดยอดปรมาจารย์เลยด้วยซ้ำ”


พวกไอเทมพิเศษ หรือไอเทมหายากต่างๆใน God domain นั้นมักจะต้องให้ผู้เล่นใช้สกิลตรวจสอบขั้นสูงเพื่อจะเข้าให้ถึงข้อมูลจริงของมัน แต่อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากไอเทมพิเศษและไอเทมหายากต่างๆ มันยังมีไอเทมที่ถูกใช้วงเวทย์ปกปิดข้อมูลและออร่าเอาไว้ด้วย โดยผลจากวงเวทย์ปกปิดนั้น มันก็จะทำให้ไอเทมดูเหมือนกับไอเทมทั่วไป


อย่างไรก็ตามมันมีไอเทมเพียงแค่ไม่กี่ชิ้นเท่านั้นที่จะถูกใช้วงเวทย์ปกปิด เพราะมันทำได้ยากมากๆ


เพราะท้ายที่สุดงานการใช้วงเวทย์ปกปิดนั้นมันเป็นงานที่ละเอียดอ่อนและทำได้

ยากมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับวงเวทย์ปกปิดระดับครึ่งก้าวสุดยอดปรมาจารย์


ด้วยเหตุนี้มันจึงมีไอเทมแบบนี้อยู่น้อยมาก ผู้เล่นหลายคนนั้นสามารถพูดได้เลยว่า พวกเขาแทบจะไม่เคยพบเจอไอเทมแบบนี้เลยในช่วงชีวิตของพวกเขา และในหลายๆกรณี แม้ว่าผู้เล่นจะพบเจอ แต่มันก็จะถูกถือว่าเป็นเพียงเศษขยะทั่วไปเท่านั้น


แต่ซาบริจด์นั้นแตกต่างออกไป เขาเป็นถึงรองผู้บัญชาการกองอัศวินป้องกันเมืองดราก้อนฮาร์ท และเขาก็ยังเป็น NPC ขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยหกสิบ ซึ่งสถานะของเขานั้นหากไปอยู่ในอาณาจักรและจักรวรรดิต่างๆจะนับว่าสูงมาก


เนื่องจากเกาะดราก้อนฮาร์ทนั้นเทียบได้กับจักรวรรดิเลยในแง่ของสถานะ ดังนั้นเมืองดราก้อนฮาร์ทจึงจะเท่ากับเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิ และในฐานะรองผู้บัญชาการกองอัศวินป้องกันเมือง สถานะของซาบริจด์จึงจัดว่าสูงกว่า NPC ในเมืองหลักของประเทศต่างๆอย่างมาก


นอกจากนี้ซาบริจด์ก็ยังเป็นสมาชิกระดับสูงของมือลับ กองกำลัง NPC ที่ใหญ่และแข็งแกร่งที่สุดบนเกาะดราก้อนฮาร์ท ดังนั้นการจะมาบอกว่า NPC แบบนี้ทิ้งเศษขยะไปถึงห้าจากหกชิ้นนั้น คนอย่างซือเฟิงไม่เชื่อแน่นอน และพูดกันตามตรง แม้แต่ผู้เล่นทั่วไปก็จะไม่เชื่อแน่นอน


แน่นอนเลยว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมองทะลุไปถึงข้อมูลจริงๆของไอเทมที่ถูกวงเวทย์ปกปิดเอาไว้ เพราะมันไม่เกี่ยวข้องกับสกิลตรวจสอบใดๆ และแม้ว่าผู้เล่นจะใช้สกิลตรวจสอบขั้นสูงกับมัน แต่มันก็จะแสดงเพียงแค่ข้อมูลปลอมๆจากวงเวทย์ปกปิดเท่านั้น หากต้องการจะตรวจสอบให้รู้จริงๆ ผู้เล่นจะต้องเป็นปรมาจารย์นักเวทย์ที่มีความเชี่ยวชาญสูง พวกเขาจึงจะสามารถตรวจจับหาเบาะแสบางอย่างได้


ซึ่งไอเทมทั้งห้าชิ้นตรงหน้าของซือเฟิงก็อยู่ในกรณีนี้แหละ ….


“โชคดีที่ฉันเป็นปรมาจารย์นักเวทย์ขั้นสูง ไม่งั้นฉันคงจะไม่สามารถตรวจจับวงเวทย์ปกปิดที่ละเอียดอ่อนแบบนี้ได้” ซือเฟิงกล่าวออกมาอย่างมีความสุข


แถมการทำการกำจัดวงเวทย์ปกปิดออกไปนั้น มันก็เป็นกระบวนการที่ทำให้นักเวทย์ได้ฝึกฝนและเรียนรู้ด้วย เนื่องจากการจะกำจัดวงเวทย์ปกปิดแบบนี้ให้ได้นั้น ผู้เล่นจะต้องทำการหาเส้นทางหลักๆที่มานาไหลมาบรรจบกันและเป็นพลังให้กับวงเวทย์ปกปิด ก่อนจะจัดการทำลายมัน


อย่างไรก็ตามหากทำผิดพลาดในระหว่างขั้นตอนทั้งหมดนี้ มันก็มีสิทที่จะทำให้ตัวไอเทมได้รับความเสียหายเพิ่มเติมด้วย


โดยการได้พบเจอกับไอเทมพวกนี้นั้น มันก็นับเป็นสิ่งที่โชคดีมากๆสำหรับนักเวทย์ที่ต้องการจะฝึกฝนและเรียนรู้เพิ่มเติม เพราะโดยปกติ การจะฝึกอะไรเกี่ยวกับแบบนี้นั้น ผู้เล่นจะต้องไปซื้อแบบจำลองวงเวทย์จากร้านค้าพิเศษเพื่อเรียนรู้ อย่างไรก็ตามพวกแบบจำลองวงเวทย์ระดับปรมาจารย์นั้นมันก็หายากมากๆ ไม่ต้องพูดถึงระดับสุดยอดปรมาจารย์เลย ….


หลังจากนั้นเวลาก็ค่อยๆผ่านไปอย่างรวดเร็ว และท้ายที่สุดมันก็ผ่านไปสามชั่วโมงโดยที่ซือเฟิงไม่รู้ตัว ซือเฟิงได้ลองพยายามใช้วิธีต่างๆมากมายในการทำลายวงเวทย์ปกปิด อย่างไรก็ตามมันก็ยังคงไม่สำเร็จ ….


“ดูเหมือนว่างานนี้จะยากกว่าที่คิดแหะ วงเวทย์ระดับครึ่งก้าวสุดยอดปรมาจารย์นี่มันน่าทึ่งจริงๆ ….” ซือเฟิงกล่าว หลังจากพยายามลองมาเป็นเวลานาน เขาก็สามารถที่จะประเมินได้อย่างชัดเจนว่า การจะทำลายวงเวทย์นี้มันต้องใช้ความสามารถที่เกินขอบเขตสมองมนุษย์ ….


ดังนั้นนี่มันจึงทำให้ซือเฟิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกินคริสตัลแห่งวิญญาณเข้าไป ….


หลังจากนั้นซือเฟิงก็เริ่มพยายามต่อ ….


หนึ่งชั่วโมง … สองชั่วโมง … สี่ชั่วโมง …


ซือเฟิงที่กินคริสตัลแห่งวิญญาณเข้าไปเริ่มทำความเข้าใจกับวงเวทย์ปกปิดนี้ได้มากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่เขาจะเริ่มทำการทำลายมัน จนท้ายที่สุดแล้วซือเฟิงก็สามารถที่จะทำมันได้สำเร็จ หลังจากผ่านไปอีกหกชั่วโมง ….


และในท้ายที่สุดแล้วผลจากการพยายามทำลายวงเวทย์ปกปิดนี้ มันก็ทำให้ซือ

เฟิงก้าวเข้าสู่ขอบเขตครึ่งก้าวสุดยอดปรมาจารย์นักเวทย์แล้ว


อย่างไรก็ตามหลังจากซือเฟิงทำลายวงเวทย์ปกปิดนี้ได้แล้ว เขาก็ต้องรู้สึกตกตะลึงมากๆ เมื่อสัมผัสได้ถึงพลัง และออร่าที่แท้จริงของไอเทมทั้งห้าชิ้นนี้


“นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย ?!”


ความรู้สึกที่ซือเฟิงรู้สึกได้จากออร่าและพลังของไอเทมทั้งห้าชิ้นนั้น มันเหมือนกับว่าบุคคลซึ่งเป็นเทพโบราณได้มายืนอยู่ตรงหน้าของเขาตอนนี้เลย


และตอนนี้ซือเฟิงก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่าพลังงานที่อยู่โดยในอากาศนั้นมันเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการทำลายล้างที่น่ากลัวมากๆ


ถ้าผู้เล่นขั้นสามมายืนแทนที่เขาในตอนนี้ ณ ตรงนี้นั้น ผู้เล่นขั้นสามจะทรุดตัวลงไปอย่างไม่อาจจะทำอะไรได้ในทันทีแน่นอน


“อึก !! นี่ซาบริจด์ไปเอาของแบบนี้มาจากไหนกัน ?!”


ซือเฟิงมองไปที่กระจกคริสตัลที่เปิดเผยข้อมูลที่แท้จริงออกมาแล้วด้วยความตกตะลึงอย่างถึงที่สุด

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)