Reincarnation Of The Strongest Sword God 2780-2782

 ตอนที่ 2780 ตัวละครรอง


Upper Zone ชั้นพื้นฐาน :


ซือเฟิงนั้นเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ของชั้นพื้นฐาน ในขณะที่เขาเดินเล่นไปรอบๆบริเวณที่เขาอาศัยอยู่ ตรงกันข้ามกับความคาดหวังของเขา เขาไม่ได้เห็นแดนสวรรค์ตามข่าวลือที่แพร่กระจายออกไปในโลกภายนอกเลย แต่สิ่งที่เขาเห็นคืออาคารสูงมากมายในที่แห่งนี้ ขณะที่บางพื้นที่ที่ไม่มีอาคารสูงมันก็เป็นพื้นที่ของร้านอาหาร ยิม และศูนย์ฝึก


ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเทียบกับโลกภายนอกแล้ว ผู้คนเกือบทั้งหมดให้ความรู้สึกว่าพวกเขายุ่งมากๆ และทุกคนก็ดูมีสีหน้าตึงเครียดกันทั้งหมด


ซึ่งนี่มันก็อาจถือได้ว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ เพราะท้ายที่สุดแล้ว Upper Zone นั้นไม่ใช่แดนสวรรค์ แต่มันเป็นสถานที่ที่มีการแข่งขันกันรุนแรงกว่าโลกภายนอก


จากสิ่งที่ซือเฟิงเข้าใจ Upper Zone ของเมืองหยวนเทียนนั้นมีประชากรอาศัยอยู่น้อยกว่าสามแสนคน ซึ่งเกือบหนึ่งในสี่เป็นพนักงานของบริษัทกรีนก๊อด ในส่วนของผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่ที่เหลือก็ล้วนเป็นคนจากบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่ง และมันมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะเข้ามาอยู่ที่ Upper Zone ได้ผ่านการคัดเลือกพิเศษ หรือคอน

เนคชั่น ….


ในขณะเดียวกัน มันก็ไม่เหมือนกับสิ่งที่คนทั่วไปคิด ผู้ที่อาศัยอยู่ใน Upper Zone นั้นจะไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลเลย ในทางกลับกันคนๆหนึ่งที่อาศัยอยู่ใน Upper Zone จะต้องเผชิญกับแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่กว่าตอนที่พวกเขาอาศัยอยู่ในโลกภายนอก เหตุผลก็คือค่าครองชีพใน Upper Zone นั้นมันสูงอย่างน่ากลัว และแค่เรื่องอาหาร มันก็ทำให้ซือเฟิงปวดหัวมากแล้ว


แม้แต่อาหารที่ถูกที่สุดก็ยังมีราคาเป็นคะแนนการค้าถึงสามสิบแต้มซึ่งนี่มันเทียบเท่ากับสามแสนเครดิตในโลกภายนอกเลย มันจะไม่มีใครยอมจ่ายในราคาที่น่ากลัวแบบนี้แน่นอนสำหรับอาหารในโลกภายนอก แต่ใน Upper Zone เงินจำนวนนี้ซื้อได้แค่อาหารที่เป็นพื้นฐานที่สุดเท่านั้น


ขณะเดียวกันปัญหานี้มันก็ยังคงเป็นเพียงปัญหาเล็กน้อยเท่านั้น ใน Upper Zone ปัญหาหลักๆที่แท้จริงคือแหล่งการฝึกและโพชั่นต่างๆ เพราะท้ายที่สุดแล้วการอาศัยอยู่ใน Upper Zone เพียงอย่างเดียวจะไม่ได้ช่วยให้ชีวิตยืนยาวขึ้นมากนัก มันยังจำเป็นต้องรวมเรื่องโพชั่น การออกกำลังฝึกฝน และแหล่งการฝึกต่างๆเข้าไปในสมการทั้งหมดนี้ด้วย ซึ่งมันก็มีค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมหาศาล โดยหากไม่มีความมั่งคั่งและทรัพยากรมากเพียงพอ คนๆหนึ่งก็จะไม่สามารถอาศัยอยู่ใน Upper Zone ได้เลย


สำปรับผู้ที่เกิดใน Upper Zone นั้นจะได้รับอนุญาติให้ใช้ชีวิตอย่างอิสระจนถึงอายุสิบสองปี และหลังจากนั้นพวกเขาก็จะต้องเข้ารับการทดสอบหลายครั้งจนกว่าจะอายุครบสิบห้าปี ซึ่งหากพวกเขาไม่ผ่านการทดสอบ พวกเขาก็จะถูกขับไล่ออกจาก Upper Zone


ยิ่งไปกว่านั้นการผ่านการประเมินขั้นพื้นฐานของบริษัทกรีนก๊อดก็จะทำให้คนๆหนึ่งได้ทำงานแค่ในระดับต่ำที่สุดของบริษัทเท่านั้น มีเพียงแต่ผู้ที่พิชิตเส้นทางจิตได้ก่อนอายุยี่สิบปี หรือมีส่วนร่วมอย่างมากต่อบริษัทกรีนก๊อดเท่านั้นที่จะได้รับอำนาจไป และถือว่ากลายเป็นคนทั่วไปใน Upper Zone อย่างแท้จริง


หากใครอยากจะมีชีวิตที่ยืนยาว และดีขึ้นจริงๆใน Upper Zone รวมทั้งอยากจะสร้างองค์กรใหญ่ๆของตัวเองขึ้นมา มันก็จำเป็นที่จะต้องมุ่งหน้าไปยังชั้นกลางให้ได้ ไม่งั้นสุดท้ายแล้วก็จะเป็นได้แค่มดที่อาศัยอยู่ในชั้นพื้นฐานเท่านั้น ….


อย่างไรก็ตามอายุโดยเฉลี่ยของมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในชั้นพื้นฐานนั้นคือหนึ่งร้อยห้าสิบปีเท่านั้น แต่นั่นมันไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะมีอายุถึงหนึ่งร้อยห้าสิบปี ยิ่งไปกว่านั้น มันยังมีเรื่องของการรักษาความเป็นหนุ่มสาว และความมีชีวิตชีวาของร่างกายอีกด้วย


สำหรับผู้ที่อยู่อาศัยในชั้นพื้นฐาน แม้ว่าพวกเขาจะสามารถมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ และเสริมตัวเองด้วยทรัพยากรต่างๆที่มีอยู่ในชั้นพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง พวกเขาก็จะสามารถคงความเป็นหนุ่มสาวไว้ได้จนถึงอายุห้าสิบปีเท่านั้น หลังจากนั้นสมรรถภาพทางกายของพวกเขาก็จะค่อยๆลดลง และเริ่มเข้าสู่วัยชราเมื่ออายุหนึ่งร้อยปี


อย่างไรก็ตามในกรณีของผู้ที่อยู่อาศัยในชั้นกลาง พวกเขาจะยังคงสามารถรักษาความมีชีวิตชีวาและวัยหนุ่มสาวไว้ได้จนถึงอายุแปดสิบปี โดยลักษณะที่ปรากฎออกมาภายนอกมันจะดูเหมือนพวกเขาพึ่งเข้าสู่วัยสามสิบปีเท่านั้น กล่าวอีกนัยหนึ่งคือผู้อยู่อาศัยในชั้นกลางจะสามารถรักษาความเป็นหนุ่มสาวไว้ได้นานกว่าผู้อยู่อาศัยในชั้นพื้นฐานเกือบสองเท่า และแม้จะอายุถึงหนึ่งร้อยยี่สิบปีแล้ว แต่พวกเขาก็ยังเป็นแค่มนุษย์วัยกลางคน และดูเหมือนจะพึ่งเข้าสู่อายุสี่สิบเท่านั้น ดังนั้นใครกันที่จะไม่บ้าคลั่งเมื่อได้รู้ถึงเรื่องนี้ ? หลังจากเดินเล่นมาสักพัก ซือเฟิงก็ได้ขี่หนึ่งในรถอัจฉริยะของ Upper Zone และมาถึงหอคอยกรีนก๊อดในอีกยี่สิบนาทีต่อมา


ในท้ายที่สุดเมื่อมาถึงเป้าหมายของเขาแล้ว เขาก็ต้องยอมรับเลยว่า Upper Zone นั้นน่าทึ่งมากจริงๆ สิ่งอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการขนส่งต่างๆของที่นี่ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น และรถยนต์ก็ยังติดตั้งระบบนำทางอัจฉริยะครบครัน ซึ่งทำให้เขาสามารถจะเดินทางไปได้ทุกที่ด้วยการพูดเพียงแค่คำเดียว


ซือเฟิงได้เดินไปที่ชั้นเจ็ดของหอคอยกรีนก๊อด ซึ่งเป็นสถานที่แลกเปลี่ยนทรัพยากรทุกอย่างในชั้นพื้นฐาน ทุกคนที่ต้องการจะแลกเปลี่ยนเครดิตเป็นคะแนนการค้า แลกเปลี่ยนทรัพยากรที่มาที่หามาอย่างยากลำบากสำหรับคะแนนการค้า และคะแนนสะสม หรือแลกเปลี่ยนคะแนนต่างๆสำหรับยา โพชั่น และสิ่งของอื่นๆของบริษัทกรีน

ก๊อดล้วนจะมาที่นี่ทั้งหมด


เมื่อมาถึงชั้นเจ็ด เขาก็พบว่าห้องโถงซึ่งมีขาดเท่ากับสนามบาสเก็ตบอลแปดสนามนั้นเต็มไปด้วยผู้คนนับพัน เมื่อเทียบกับห้องลงทะเบียนที่เขาเคยไปมาก่อน สถานที่แห่งนี้มันดูมีชีวิตชีวามากกว่าหลายเท่า


คนที่มารวมตัวกันส่วนใหญ่ล้วนเป็นพวกลูกเศรษฐีที่ต้องการจะแลกเปลี่ยนคะแนนการค้า โดยใช้เครดิตแลก ซึ่งสาเหตุที่พวกเขาทำแบบนี้มันก็ง่ายๆ


บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ดำเนินการอยู่ใน Upper Zone ส่วนใหญ่นั้นอยู่มานานกว่าศตวรรษแล้ว และหลังจากดำเนินการมาเป็นเวลานาน ตระกูลผู้ถือหุ้นที่ดำเนินกิจการบริษัทเหล่านี้ก็มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และ ณ จุดนี้ยิ่งผู้ถือหุ้นมีอิทธิพลมากเท่าไหร่ พวกเขาก็จะยิ่งมีสิทที่จะนำลูกหลานของตัวเองเข้ามาใน Upper Zone มากขึ้นเท่านั้น


นอกจากนี้ทรัพยากรที่บริษัทกรีนก๊อดมีไว้ให้แลกเปลี่ยนและซื้อขายนั้นมันก็มีค่ามากอย่างไม่น่าเชื่อ และเพื่ออนาคตของพวกเขาเองใน Upper Zone บริษัทต่างๆจะไม่ปล่อยให้ลูกหลานของครอบครัวของผู้ถือหุ้นของพวกเขาแลกเปลี่ยนทรัพยากรแบบมั่วๆ


ดังนั้นนอกเหนือจากทายาทที่ได้รับมอบหมาย หรือทายาทของตระกูลที่เกี่ยวข้องแล้ว เด็กคนอื่นๆจะต้องพึ่งพาตัวเองเพื่อรับเอาทรัพยากรใน Upper Zone


อย่างไรก็ตามเนื่องจากเด็กเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่มีความสามารถพิเศษ พวกเขาจึงไม่มีหนทางที่จะได้รับทรัพยากรหรือความสำเร็จที่จำเป็นเพื่อให้ตัวเองได้รับคะแนนการค้า และคะแนนสะสมจำนวนมาก ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่มาที่นี่ทุกวันเพื่อแลกเปลี่ยนเครดิตเป็นคะแนนการค้าตามโควต้าด้วยเท่านั้น


ด้วยเหตุนี้แม้ว่าศูนย์แลกเปลี่ยนของบริษัทกรีนก๊อดจะเปิดให้บริการทุกวันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่มันก็แทบจะเรียกได้ว่ามีคนมาต่อแถวรอแลกเครดิตเป็นคะแนนการค้าแน่นทุกเวลา ซึ่งหากคนภายนอกได้มาเห็นฉากนี้ พวกเขาจะต้องอ้าปากค้างแน่นอน


เพราะท้ายที่สุดแล้วเด็กที่มาเข้าแถวส่วนใหญ่ต่างก็เป็นเจ้าชาย และเจ้าหญิงของบริษัทต่างๆที่ในโลกภายนอกนั้นจะมีคนจำนวนมากที่คอยเรียกหา และพยายามจะติดต่อกับพวกเขา


แต่ในศูนย์แลกเปลี่ยน พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำตัวเหมือนคนทั่วไป และยืนอยู่ในแถวของตัวเอง และส่วนที่น่าแปลกใจที่สุดคือมันไม่มีใครในหมู่พวกเขากล้าเอะอะเลย


อย่างไรก็ตามที่นี่มีเค้าเตอร์แลกเปลี่ยนคะแนนสะสมเพียงแห่งเดียวเท่านั้น ซึ่งมันก็ไม่ต้องต่อแถวรอนานเลย เพราะมันแทบจะไม่มีใครมาใช้บริการเค้าเตอร์นี้ด้วยซ้ำ


อย่างไรก็ตามเมื่อซือเฟิงเข้าใกล้เค้าเตอร์นี้ เขาก็ได้เจอกับคนที่เขาคุ้นเคยสองคน ….


หนึ่งในนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหานอี้เฟิง ทายาทของบริษัทไฟฟ์สเตท ซึ่งหานอี้เฟิงนั้นดูแตกต่างจากครั้งก่อนที่ซือเฟิงพบมากๆ โดยเฉพาะเรื่องร่างกายทางกายภาพของเขาที่ดีขึ้นอย่างมาก และที่ยืนอยู่ข้างหลังหานอี้เฟิงก็คือจั้วหลิงฉิว พ่อบ้านของเขานั่นเอง (ไม่แน่ใจว่าต้องแปลแบบนี้หรือ ใช้คำว่าผู้ติดตามนะ เดี๋ยวจะลองปรับๆดู ตอนโผล่มาเพิ่มในอนาคต)


“นายน้อย ตอนนี้เราก็ได้ทำงานที่ได้รับมอบหมายงานจากบริษัทกรีนก๊อดเสร็จแล้ว ฉันเชื่อว่าคะแนนสะสมของนายน้อยจะขึ้นไปถึงหกหมื่นแต้ม และสามารถติดท๊อปสิบได้แน่นอน เมื่อการแข่งขันจบลง …. และหากเราสามารถกล่อมให้บริษัทสนับสนุนเราได้เต็มที่เมื่อไหร่ ฉันก็มั่นใจว่าคุณจะสามารถเข้าไปติดสามอันดับแรกได้แน่นอน” จั้วหลิงฉิวกล่าวอย่างตื่นเต้น


การแข่งขันเพื่อเก็บคะแนนสะสมของบริษัทกรีนก๊อดนั้นจะมีขึ้นทุกๆสามเดือน และผู้ที่ได้รับตำแหน่งสามอันดับแรกนั้นก็จะมีสิทเข้าไปอาศัยอยู่ในชั้นกลางเป็นเวลาสามเดือน ซึ่งแม้มันจะเป็นเพียงช่วงสั้นๆก็ตาม แต่นี่ก็เป็นหนึ่งในวิธีที่องค์กร และบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆใช้เพื่อเข้าสู่ชั้นกลางเช่นกัน ในขณะเดียวกันตราบใดที่หานอี้เฟิงสามารถเข้าสู่ชั้นกลางได้ เขาก็จะสามารถรับเอาทรัพยากรที่มีเหนือกว่าสิ่งที่มีอยู่ในชั้นพื้นฐานได้ และในเวลานั้นสถานะของเขาใน Upper Zone ก็จะพุ่งขึ้นไปอีกขั้นทันที


อย่างไรก็ตามหานอี้เฟิงยังคงเมินเฉยต่อคำพูดของจั้วหลิงฉิว เขาส่ายหัว และพูดว่า “แม้ว่าฉันจะมีความมั่นใจว่าตัวเองจะสามารถติดห้าอันดับแรกได้ แต่โอกาสของฉันในการจะเข้าไปติดสามอันดับแรกนั้นมันมีน้อยมากๆ ผู้ที่อยู่ในสามอันดับแรกได้อันดับนี้มาสองปีติดแล้ว”


“ตามข่าวลือ ทั้งสามคนนั้นใกล้จะได้รับอำนาจขั้นสูงแล้ว และพวกเขาก็จะทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อรักษาตำแหน่งของตัวเองไว้ ตอนนี้มองแค่ผิวเผินพวกเขาทุกคนอาจจะมีคะแนนสะสมอยู่มากกว่าหนึ่งแสนแต้มเท่านั้น แต่หากเราแสดงอาการที่ต้องการจะขึ้นไปแย่งชิงสามอันดับแรกกับพวกเขาจริงๆ มันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่อยู่คะแนนสะสมของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นแบบพุ่งพรวดสองถึงสามเท่า”


เมื่อได้ยินคำพูดของหานอี้เฟิง จั้วหลิงฉิวก็เงียบลง แน่นอนว่าเขาเข้าใจดีถึงสิ่งที่

หานอี้เฟิงหมายถึง เพราะท้ายที่สามอันดับแรกนั้นถูกผูกขาดโดยคนหน้าเดิมมาตลอดสองปี ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ใช่ตัวตนที่จะสามารถถูกเขย่าได้ง่ายๆแน่นอน


ในขณะที่หานอี้เฟิงและจั้วหลิงฉิวกำลังพูดคุยกันอยู่ พนักงานที่ดูแลเค้าเตอร์แลกเปลี่ยนคะแนนสะสมก็เสร็จสิ้นการคำณวนคะแนนสะสมของหานอี้เฟิง “คุณครับ หลังจากรวมงานที่คุณสำเร็จแล้ว ในตอนนี้คุณมีคะแนนสะสมอยู่ที่ 62,425 ซึ่งมันทำให้ตอนนี้คุณขึ้นมาติดอันดับเจ็ดแล้วของการแข่งขันเพื่อเก็บคะแนนสะสมแล้ว”


“เจ็ด ?” หานอี้เฟิงไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายใดๆ เมื่อได้ยินว่าเขาอยู่ในอันดับเจ็ด และสิ่งที่เขาทำก็แค่พยักหน้าให้กับพนักงานผู้พูด ก่อนจะหันหลังกลับทันที


ทันทีที่หานอี้เฟิงและจั้วหลิงฉิวหันหลังกลับมา พวกเขาก็สังเกตเห็นว่าซือเฟิงกำลังเดินไปที่เค้าเตอร์ที่พวกเขาพึ่งออกมา


“ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ ?” จั้วหลิงฉิวขยี้ตาด้วยความสงสัย เมื่อเขาเห็นซือเฟิงในชุดลำลองสีขาว


Upper Zone นั้นเป็นสถานที่ที่ผู้คนนับไม่ถ้วนล้วนใฝ่ฝันที่จะได้เข้ามา และแม้แต่หัวหน้ากิลของกิลชั้นยอดส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รับสิทให้เข้ามาด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามตอนนี้ซือเฟิง ซึ่งเป็นหัวหน้ากิลกึ่งมหาอำนาจกับได้เข้ามาในนี้จริงๆ นี่มันน่าเหลือเชื่อมากๆ


ในเวลานี้นับประสาอะไรกับจั้วหลิงฉิว แม้แต่หานอี้เฟิงก็ยังเผยให้เห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ ขณะที่เขามองไปยังซือเฟิง


เมื่อหานอี้เฟิงพบกับซือเฟิงเป็นครั้งสุดท้ายในภัตตาคารเรดสโตนของเมืองเฟิงหลิน ฝ่ายหลังยังเป็นเพียงแต่ตัวละครรองเท่านั้นในสายของเขา เพราะท้ายที่สุดซือเฟิงและเหล่าลูกน้องของเขายังไม่สามารถจะขึ้นมาเล่นในสนามเดียวกับหานอี้เฟิงได้ และอย่างดีที่สุดสำหรับสภาสิบแปดปีก หากเขาได้เข้าไปถือหุ้นในกิลๆนี้ เขาก็จะสามารถใช้กิลขัดขวางคู่ต่อสู้ของเขาได้เท่านั้น แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นศัตรูกับมหาอำนาจมากมาย แต่เขาก็ยังไม่ได้ประเมินกิลไว้สูงนัก เพราะท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่บริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆแข่งขันกันจริงมันไม่ได้อยู่ใน God doamin แต่มันเป็นทรัพยากรของ Upper Zone ต่างหาก


แต่ตอนนี้ตัวละครรองอย่างซือเฟิงกับก้าวเข้าสู่ Upper Zone แล้วจริงๆ นี่มันเหมือนกับเทพนิยายเลย ….


“บริษัทโบลเดอร์ให้ช่องเข้าสู่ Upper Zone แก่เขาจริงๆงั้นหรอ ?” หานอี้เฟิงพึมพำ และคาดเดา


“มันก็น่าจะเป็นแบบนั้น ไม่งั้นคนที่ไม่มีภูมิหลังใดๆแบบเขาจะสามารถเข้าสู่ Upper Zone ได้อย่างไร ….” จั้วหลิงฉิวกล่าวพลางพยักหน้าเห็นด้วย


ในการต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งสำรองของสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน God domain ฟรอสต์ฮีฟเว่นนั้นมาอย่างม้ามืด และในที่สุดพวกเขาก็ได้ตำแหน่งไปจนกิลได้กลายเป็นยักษ์ใหญ่ที่แท้จริงใน God domain ซึ่งผู้ที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ฟรอสต์ฮีฟเว่นไปถึงตำแหน่งนี้ได้ก็คือสภาสิบแปดปีก ดังนั้นมันคงจะไม่ใช่เรื่องแปลกที่

ฟรอสต์ฮีฟเว่นจะมอบช่องเข้าสู่ Upper Zone บางส่วนที่ตัวเองมีให้กับสภาสิบแปดปีก


หลังจากคิดมาถึงจุดนี้แล้วทั้งหานอี้เฟิง และจั้วหลิงฉิวก็มีท่าทีสงบลง


ในขณะเดียวกัน เมื่อซือเฟิงเดินผ่านทั้งสองนั้น เขาก็ทำเพียงแค่ปรายตามองเท่านั้น เขาไม่ได้คิดจะทักทายใดๆ เพราะท้ายที่สุดพวกเขาไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น และตอนนี้เขากำลังรีบด้วย


การแสดงออกของจั้วหลิงฉิวแปรเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยว เมื่อได้เห็นปฎิกิริยาของซือเฟิงที่มีต่อพวกเขา เขาไม่เคยคิดเลยว่าซือเฟิงจะไม่แสดงความเคารพต่อหานอี้เฟิงเลยแม้แต่น้อย และเดินจากไปแบบคนแปลกหน้าแบบนี้ นี่มันเห็นได้ชัดเลยว่าเขาไม่ได้มองบริษัทไฟฟ์สเตทอยู่ในสายตา


อย่างไรก็ตามก่อนที่จั้วหลิงฉิวจะทันได้ระบายความโกรธของเขา เขาก็ต้องเต็มไปด้วยความตกตะลึง เมื่อได้เห็นซือเฟิงไปยืนอยู่ที่หน้าเค้าเตอร์บริจาคเพื่อแลกเปลี่ยนคะแนนสะสม


“นี่เขากำลังพยายามจะทำอะไร ?” หานอี้เฟิงรู้สึกสับสน เมื่อเห็นซือเฟิงคุยกับพนักงานที่เค้าเตอร์ “นั่นมันคือเค้าเตอร์แลกเปลี่ยนคะแนนสะสมนะ ไม่ใช่คะแนนการค้า เขาตรงไปที่เพราะเห็นว่ามันไม่มีคนต่อแถวรึปล่าว ?”


“แน่นอนเลยว่าเขาเป็นเพียงแค่ตัวละครรอง เขารู้วิธีแค่ที่จะมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่เขาจะได้เปรียบเท่านั้น เขาคงคิดว่าเขาจะสามารถประหยัดเวลาได้ด้วยการทำแบบนี้ เขาไม่ได้รู้กฎของที่นี่เลยจริงๆ …” จั้วหลิงฉิวยิ้มเยาะ ขณะที่เขามองไปยังซือเฟิงที่กำลังพูดคุยกับพนักงานที่เค้าเตอร์อยู่ด้วยความดูถูก


อย่างไรก็ตามไม่นานหลังจากที่จั้วหลิงฉิวพูดจบ พนักงานที่อยู่ใกล้ๆก็อุทานออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดังและตื่นเต้นว่า “ยินดีด้วยคุณซือ !! คุณได้รับคะแนนสะสมห้าหมื่นแต้ม และคะแนนการค้าห้าล้านแต้มจากการแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ !!! และตอนนี้คุณได้เข้ามาอยู่ในอันดับที่สิบของการแข่งขันเพื่อเก็บคะแนนสะสมแล้ว !!!”


ตอนที่ 2781 เวลาเปลี่ยนไปแล้ว


คะแนนสะสมห้าหมื่นแต้ม ? อันดับสิบ ?


เมื่อจั้วหลิงฉิวได้ยินคำพูดของพนักงาน เขาก็รู้สึกราวกับว่าเขาเป็นคนโง่เง่า


ในความเป็นจริง แม้แต่หานอี้เฟิงซึ่งปกติมักจะมีบุคลิกไม่แยแสก็ยังตกตะลึงกับคำพูดของพนักงาน


ท้ายที่สุดซือเฟิงนั้นเป็นเพียงเบี้ยในสายตาของพวกเขา แต่ตอนนี้เขาไม่เพียงแต่จะปีนขึ้นมาอยู่ในสนามแข่งเดียวกันกับพวกเขา เขายังสามารถจะต่อสู้กับพวกเขาได้อย่างเข้มแข็งด้วย


“ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาไม่ได้เห็นเราอยู่ในสายตาของเขา” ทันใดนั้นจั้วหลิงฉิวก็เริ่มตระหนักได้ถึงหลายสิ่ง ขณะที่เขามองไปยังซือเฟิง อย่างไรก็ตามครู่ต่อมาสีหน้าเยาะเย้ยก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขา ก่อนที่เขาจะพูดต่อว่า “แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้รู้เลยว่าการแข่งขันในปัจจุบันทั้งหมดมันเป็นเพียงแค่การอุ่นเครื่องเท่านั้น และอันดับที่เขาได้รับนั้นมันเป็นเพียงแค่ชั่วคราว”


การแข่งขันเพื่อเก็บคะแนนสะสมใน Upper Zone นั้นเกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว และคนส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่ก็ล้วนเข้าใจดีว่ามันเป็นยังไง …. และโดยทั่วไป พวกตัวเต็งในการแข่งขันจริงๆจะยังไม่เปิดเผยอะไรออกมามากนักในช่วงการแข่งสองเดือนแรก


นั่นเป็นเพราะคะแนนสะสมนั้นมันมีความสำคัญมาก ซึ่งมันจะเป็นการดีที่สุดที่คนๆหนึ่งจะซ่อนไพ่แบบนี้ไว้ให้ลึกที่สุดแล้วค่อยเปิดเผยออกมาในช่วงสุดท้ายที่มันจะเข้ามีบทบาทสำคัญที่สุด


นอกจากนี้มันยังมีประโยชน์เพิ่มเติมที่จะเก็บคะแนนสะสมของตัวเองเป็นความลับด้วย เพราะท้ายที่สุดแล้วผู้เข้าร่วมจะสามารถเก็บคะแนนสะสมไว้ใช้ในการแข่งขันครั้งอื่นได้ หากพวกเขาคิดว่าการแข่งขันที่จัดขึ้นในปัจจุบันมันยังไม่เหมาะ และไม่ถึงเวลาของพวกเขา หรือไม่คะแนนสะสมบางส่วนก็อาจถูกสงวนไว้สำหรับการแข่งขันในอนาคต หากมันจำเป็น


เนื่องจากการแข่งขันนี้มันได้ดำเนินการมาเป็นเวลาหบายปีแล้ว ดังนั้นมันจึงมีผู้เก็บคะแนนสะสมและรอเวลาที่จะผงาดขึ้นมาเป็นจำนวนมาก เมื่อมีโอกาสเหมาะสม ….

ในขณะเดียวกันการแข่งขันเพื่อเก็บคะแนนสะสมในปัจจุบันนั้นยังดำเนินมาได้ไม่ถึงหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนี้ผู้เข้าร่วมหลายคนจึงยังคงอยู่ระหว่างรอดูท่าที และยังไม่ได้ลงทุนอย่างจริงจัง ซึ่งคะแนนสะสมในปัจจุบันของผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่ล้วนมาจากงานที่พวกเขาได้รับมอบหมายมาจากบริษัทกรีนก๊อดเท่านั้น มันมีคะแนนที่มาจากการแลกเปลี่ยนรวมอยู่ด้วยไม่มากนัก


“แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเคลื่อนไหวแบบนี้ แต่นี่มันก็เป็นโอกาสดีสำหรับเรา” หานอี้เฟิงกล่าวพลางส่ายหัว และสงบสติอารมณ์ลง “ผู้อาวุโสจั้ว ไปคุยกับเขาให้หน่อย บอกเขาว่าฉันต้องการจะซื้อคะแนนสะสมทั้งหมดที่เขามีในราคาสูงกว่าตลาดสองเท่า”


“สองเท่า ?” จั้วหลิงฉิวมองไปที่หานอี้เฟิงด้วยความประหลาดใจ “นายน้อย ในอดีต การซื้อคะแนนสะสมในมูลค่าที่สูงกว่า 1.5 เท่าของมูลค่าเดิมนั้นมันก็จัดว่าค่อนข้างสูงมากแล้ว และท้ายที่สุดแล้วมันก็ไม่มีทางที่คนเหล่านี้จะหวัง และได้รับสามอันดับแรก การจัดอันดับจะเหมือนไม่มีความหมายกับพวกเขา ซึ่งนี่มันก็จะทำให้พวกเขายึดมั่นในคะแนนของตัวเอง และหากคนอื่นพบว่าคุณเสนอซื้อคะแนนสะสมในราคาที่สูงกว่าตลาดสองเท่า พวกเขาก็จะขึ้นราคาของตัวเองเช่นกัน”


มันมีหลายกรณีที่ผู้เข้าร่วมคนอื่นๆจะทำการซื้อคะแนนจากผู้เข้าร่วมที่อยู่อันดับต่ำกว่า เมื่อใกล้หมดเวลาการแข่งขัน และหากหานอี้เฟิงต้องการจะเข้าไปติดสามอันดับแรก เขาก็จะต้องทำแบบนี้เช่นกัน ซึ่งหากเขาเสนอซื้อคะแนนสะสมจากซือเฟิงในราคาที่สูงลิ่วแบบนี้ ในอนาคตเขาก็จะต้องเจอกับความยากลำบากแน่นอนในการขอซื้อคะแนนจากคนอื่นๆ


สำหรับอัตราการแลกเปลี่ยนมันก็จะขึ้นอยู่กับราคาสินค้าที่ถูกขายโดบบริษัทกรีนก๊อด


“แค่ไปทำตามที่ฉันพูดน่า บริษัทกรีนก๊อดประกาศว่าผู้ที่ได้ยี่สิบอันดับแรกในการแข่งขันครั้งนี้จะได้รับรางวัล ดังนั้นมันจึงจะมีผู้คนจำนวนมากพยายามแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงยี่สิบอันดับแรกแน่นอน ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ราคาของคะแนนสะสมจะพุ่งสูงขึ้น” หานอี้เฟิงกล่าวพลางส่ายหัว ตามข้อมูลที่เขาได้รับมา บริษัทกรีนก๊อดนั้นตั้งใจที่จะบีบบริษัทยักษ์ใหญ่อื่นๆ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเลือกจะเพิ่มรางวัลสำหรับยี่สิบอันดับแรกเข้ามาด้วย ซึ่งก็คือการให้ผู้ที่ได้รับมัน แลกเปลี่ยนไอเทมจำนวนหนึ่งได้จากชั้นกลาง


เมื่อข้อมูลนี้แพร่กระจายออกไป ราคาของคะแนนสะสมจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

ซึ่งในขณะที่การที่ราคาของคะแนนสะสมจะเพิ่มขึ้นอย่างมากนั้นมันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ราคาที่เพิ่มขึ้นมันก็จะยังคงสมเหตุสมผลแน่นอน เพราะท้ายที่สุดไอเทมที่ยี่สิบอันดับแรกสามารถจะแลกเปลี่ยนได้นั้นมีจำกัด ดังนั้นพวกเขาจึงจะไม่ขอซื้อคะแนนสะสมเกินความจำเป็นแน่นอน


“ฉันเข้าใจแล้ว” จั้วหลิงฉิวพยักหน้า และเดินไปหาซือเฟิง


ในอีกด้านหนึ่ง ซือเฟิงตอนนี้กำลังเต็มไปด้วยความสุขมากๆ


เมื่อไม่กี่วินาทีก่อน เขายังคงเป็นคนจนอยู่เลยใน Upper Zone อย่างไรก็ตามตอนนี้เขามีคะแนนการค้าห้าล้านแต้มแล้ว ซึ่งมันเพียงพอที่จะทำให้เขาสามารถซื้อบ้านทั่วไปในชั้นพื้นฐานได้ห้ายูนิต แต่แน่นอนว่าคะแนนเหล่านี้ยังคงไม่เพียงพอสำหรับการซื้อวิลล่าขนาดใหญ่ในชั้นพื้นฐาน อย่างไรก็ตามนี่มันจะเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายทั้งหมดในแต่ละวันของเขาแน่นอน และอย่างน้อยที่สุดหลังจากรับเสวี่ยเหวินโหรว และอควาโรสเข้ามาที่นี่แล้ว เขาก็จะไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายไปอีกพักใหญ่ๆ


อย่างไรก็ตามมันจะเป็นเรื่องยากมากๆที่จะได้รับคะแนนสะสมจำนวนมากอีกครั้ง ดูเหมือนว่าฉันจะต้องคิดหาวิธีที่จะทำให้ตัวเองได้รับคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่จำนวนมากมาในระยะยาว ซือเฟิงคิดพลางถอนหายใจ


คริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ห้าพันชิ้นนั้นจัดเป็นจำนวนที่มหาศาลมากๆ แต่มันก็ทำให้เขาได้รับคะแนนสะสมมาแค่ห้าหมื่นแต้ม และคะแนนการค้าห้าล้านแต้มเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงการติดสามอันดับแรกเลย ด้วยคะแนนแค่นี้ แม้ว่าเขาจะติดยี่สิบอันดับแรกได้ แต่เขาก็ไม่น่าจะสามารถซื้อสิ่งที่ต้องการจากชั้นกลางได้


อย่างไรก็ตามสำหรับตัวเขาในปัจจุบันนั้น การจะได้รับคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่มามากขึ้นมันไม่ใช่เรื่องท้าทายมากนักอีกต่อไป เพราะตอนนี้เขาอยู่ใน God domain ยุคโบราณ ซึ่งมีทรัพยากรมากกว่า God domain ในยุคปัจจุบัน


หลังจากตรวจสอบนาฬิกาควอนตัมของเขาแล้วว่าเขาได้รับคะแนนการค้าห้าล้านแต้ม และคะแนนสะสมห้าหมื่นแต้ม ซือเฟิงก็ได้วางแผนที่จะมุ่งหน้าไปยังทางเข้าของ Upper Zone เพื่อรับเสวี่ยเหวินโหรว และอควาโรส เพราะท้ายที่สุดแล้วการปล่อยให้ทั้งสองเข้ามาใน Upper Zone โดยไม่มีใครชี้แนะ มันอาจจะเกิดปัญหาได้


มันมีข้อห้ามมากมายใน Upper Zone ซึ่งหากเผลอไปละเมิดเข้า มันก็มีสิทจะถูกขับไล่ออกจาก Upper Zone อย่างถาวร


อย่างไรก็ตามก่อนที่ซือเฟิงจะทันได้เดินออกมาจากเค้าเตอร์แลกเปลี่ยนคะแนนสะสม จั้วหลิงฉิวก็มาปรากฎตัวขึ้นข้างๆเขา


“หัวหน้ากิลซือ เราพบกันอีกครั้งแล้ว …” แม้ว่าจั้วหลิงฉิวจะรู้สึกไม่พอใจกับท่าทีก่อนหน้านี้ของซือเฟิง แต่ในฐานะพ่อบ้านของหานอี้เฟิง เขาก็ยังคงทำการทักทายซือ

เฟิงอย่างสุภาพ


“ปรมาจารย์จั้ว คุณมีธุระอะไรกับฉันรึปล่าว ?” ซือเฟิงถามพลางมองไปยังจั้วหลิงฉิว แม้ว่าเขาจะรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับสถานการณ์นี้ แต่เขาก็คิดไว้อยู่แล้วว่า

หานอี้เฟิงจะมาตามหาเขาไม่ช้าก็เร็ว เพียงแต่ว่าเขาไม่คิดเลยว่าชายคนนี้จะลงมือไวขนาดนี้


เครุยนั้นได้บอกเขาถึงเรื่องราวที่ว่าพวกที่ต้องการจะเข้าไปติดสามอันดับแรกนั้นมักจะแอบขอซื้อคะแนนสะสมจากผู้เข้าร่วมคนอื่นๆมาบ้างแล้ว และตอนนี้เขาก็พึ่งแลกเปลี่ยน และได้รับคะแนนสะสมมาทีเดียวห้าหมื่นแต้ม ดังนั้นพวกที่ต้องการจะเข้าไปติดสามอันดับแรกจึงจะไม่สามารถเพิกเฉยต่อตัวตนของเขาได้แน่นอน


“แน่นอนฉันมี ยิ่งไปกว่านั้นมันก็เป็นข่าวดีสำหรับคุณ หัวหน้ากิลซือ “จั้วหลิงฉิวกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ “ฉันเชื่อว่าคุณคงรู้เรื่องเกี่ยวกับการแข่งขันเพื่อเก็บคะแนนสะสมแล้ว ดังนั้นฉันจะขอพูดเข้าตรงประเด็นเลยแล้วกัน นายน้อยหานต้องการจะซื้อคะแนนสะสมที่คุณมีทั้งหมดด้วยราคาที่สูงกว่าตลาดสองเท่า คุณคิดยังไงกับเรื่องนี้ หัวหน้ากิลซือ ?”


ตอนที่ 2782 ซือเฟิงผู้ร่ำรวย


“ราคาสูงกว่าตลาดสองเท่างั้นหรอ ?”


เมื่อซือเฟิงได้ยินดังนี้ เขาก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย


จากข้อมูลที่เขาได้ยินมาจากเครุย ราคาซื้อขายของคะแนนสะสมมันน่าจะสูงกว่าราคาตลาดไม่เกิน 1.5 เท่า และนั่นมันก็เป็นช่วงที่การแข่งขันอยู่ในจุดดุเดือดที่สุด ดังนั้นการมาเสนอราคาที่สูงกว่าราคาตลาดด้วย และในเวลาแบบนี้ด้วย มันจึงไม่สมเหตุสมผลเลย


แม้ว่าหากจะคิดรวมเรื่องข่าวที่ว่าบริษัทกรีนก๊อดจะให้ยี่สิบอันดับแรกแลกเปลี่ยนไอเทมได้จำนวนหนึ่งจากชั้นกลาง ราคามันก็ยังดูสูงเกินจริงอยู่นิดหน่อย ….


สำหรับเขาตอนแรกที่เขายังไม่ได้รู้ข้อมูลของสามอันดับแรกนั้น เขาก็คิดว่าเขาน่าจะขึ้นไปติดสามอันดับแรกได้ไม่ยาก อย่างไรก็ตามหลังจากได้รู้ข้อมูลของผู้ที่ติดสามอันดับแรกแล้ว เขาก็เลิกคิดถึงการขึ้นไปติดสามอันดับแรกเลย ….


เพราะมันเป็นไปได้สำหรับทั้งสามคนนี้ที่จะได้รับคะแนนสะสมมาเป็นล้านแต้ม หากพวกเขาเริ่มเอาจริง


กล่าวอีกนัยหนึ่งคือหากเขาต้องการจะสู้เพื่อสามอันดับแรก เขาจะต้องมีคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่อย่างน้อยหนึ่งแสนชิ้น


ซึ่งเขาจะไปหาคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่จำนวนมากขนาดนี้มาจากไหนกัน ?


แม้ว่าจะรวบรวมมหาอำนาจจำนวนนับโหลเข้าด้วยกัน หรือซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดห้ากิล แต่คนๆหนึ่งก็ยังจะไม่สามารถนำคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่จำนวนมากขนาดนี้ออกมาใช้ได้แน่นอน นี่เป็นเรื่องจริงอย่างยิ่ง ….


ดังนั้นเขาจึงสามารถจะแข่งขันชิงสามอันดับแรกได้หลังจากที่สภาสิบแปดปีกเติบโตไปมากกว่านี้แล้วเท่านั้น สำหรับการแข่งขันครั้งนี้ เขาไม่มีโอกาสแล้ว ….


แม้ว่าตอนนี้เขาจะอยู่ในยุคโบราณของ God domain ที่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์กว่า God domain ยุคปัจจุบัน แต่คริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ มันก็ยังคงจัดว่าเป็นของหายากและล้ำค่ามากๆซึ่งมีอยู่ไม่มากนักใน God domain


และเท่าที่เขารู้ทวีปดวงตาก็รับซื้อคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ในราคาที่สูงเสียดฟ้าเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นทรัพยากรต่างๆในชีวิตจริงเช่นกัน และตราบใดที่คนๆหนึ่งมีคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่มากเพียงพอ คนๆนั้นก็จะสามารถเข้าไปอาศัยอยู่ในพื้นที่ใจกลางทวีปดวงดาวได้โดยตรง และคนๆนั้นก็จะไม่มีปัญหาอะไรไปอีกเลยตลอดชีวิต ดังนั้นการต่อสู้ภายใน God domain ยุคโบราณเพื่อแย่งชิงสิ่งนี้ มันจึงมีความดุเดือดและรุนแรงมากเช่นกัน


ตอนนี้เมื่อเขาได้เข้ามาที่ Upper Zone นั้น ความเข้าใจทั้งหมดของเขาเกี่ยวกับ God domain มันก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแข่งขันภายในเกม และการแข่งขันระหว่างผู้เล่น และการแข่งขันระหว่างกิล รวมไปถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆทั้งในโลกแห่งเกมและความจริง


ดังนั้นเขาเมื่อคิดถึงปัจจัยนี้ทั้งหมด เขาจึงรู้ดีว่าแม้ว่าเขาจะพยายามอย่างบ้าคลั่งใน God domain ยุคโบราณตอนนี้ แต่เขาก็ยังไม่อาจจะเอาชนะสามอันดับแรกในการแข่งขันเพื่อเก็บคะแนนสะสมได้แน่นอน


เป้าหมายในปัจจุบันของเขานั้นตราบใดที่เขาสามารถขึ้นไปติดยี่สิบอันดับแรก และแลกเปลี่ยนสิ่งที่เขาต้องการมาจากชั้นกลางได้ เขาก็พึงพอใจแล้ว


“ใช่แล้ว ในราคาที่สูงกว่าตลาดสองเท่า หัวหน้ากิลซือน่าจะเห็นถึงความจริงใจของนายน้อยหานดีจากเรื่องนี้” จั้วหลิงฉิวกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ภาคภูมิใจ “ราคานี้มันจะมีไม่ถึงห้าคนหรอกในชั้นพื้นฐานที่จะสามารถเสนอให้กับคุณได้ !!!”


ในฐานะหนึ่งในบริษัทยักษ์นานาชาติของจีน บริษัทไฟฟ์สเตทนั้นมีรากฐานที่ลึกยิ่งกว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วไปมากๆ และด้วยความที่บริษัทมีทายาทที่เป็นอัจฉริยะอย่างหานอี้เฟิง มันก็จะเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่จะเข้าสู่ชั้นกลางได้ บริษัทอยู่เหนือกว่าบริษัทอื่นๆทั่วไปอย่างมาก


ซือเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่ ก่อนจะกล่าวออกมาว่า “ราคาสองเท่าก็ไม่เลว แต่ฉันมีเงื่อนไขอยู่ข้อเดียว”


หากมีคนมาติดต่อขอซื้อคะแนนสะสมในราคาสองเท่าแบบนี้ คนทั่วไปจะต้องตื่นเต้นมากๆแล้ว เพราะท้ายที่สุดมันจะทำให้พวกเขาสามารถได้รับสินค้าต่างๆของบริษัทกรีนก๊อดมาเพิ่มขึ้นอีก และมันก็จะเป็นผลดีอย่างมาก โดยเฉพาะกับผู้ที่ขาดแคลนทรัพยากร


“เงื่อนไข ? เงื่อนไขอะไร ?” จั้วหลิงฉิวขมวดคิ้วเล็กน้อย


ในความคิดของเขาราคาที่เสนอไปมันก็จัดว่ามากพอแล้ว เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าซือเฟิงจะมีเงื่อนไขด้วย


“ฉันต้องการโพชั่นแห่งชีวิตและโพชั่นแฟนธ่อม หรือไม่ก็สินค้าที่สามารถแลกเปลี่ยนได้อย่างจำกัดในพื้นที่ชั้นกลางเป็นการแลกเปลี่ยนสำหรับธุรกรรมครั้งนี้” ซือเฟิงกล่าวตรงๆ “และฉันไม่ขอรับการแลกเปลี่ยนการทำธุรกรรมครั้งนี้เป็นแบบอื่น”


สำหรับเขาคะแนนการค้าห้าล้านแต้ม มันก็เพียงพอที่จะให้เขาอยู่ไปได้พักหนึ่งในชั้นพื้นฐานโดยไม่ต้องคิดอะไรแล้ว การมีคะแนนการค้ามากขึ้น มันไม่ได้มีความหมายสำหรับเขา มีเพียงแค่พวกของที่เขากล่าวไปเท่านั้นที่มีค่ากับเขา


โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโพชั่นแห่งชีวิต และโพชั่นแฟนธ่อม ทั้งสองสิ่งนี้นั้นแทบจะไม่สามารถหาได้เลยในโลกภายนอก และแม้ว่าเขาจะทำการแลกเปลี่ยนมัน แต่เขาก็แลกเปลี่ยนได้แค่ปีละห้าขวดเท่านั้น ซึ่งจำนวนนี้มันไม่เพียงพอเลย ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาต้องให้อควาโรส และเสวี่ยเหวินโหรวได้ใช้มันด้วย


“เงื่อนไขนี้มันมากเกินไป คุณก็น่าจะรู้ว่ามูลค่าของสิ่งเหล่านี้มันไม่ได้เกี่ยวกับคะแนนการค้าเลย !!! และคะแนนสะสมนั้นก็สามารถจะแลกเปลี่ยนได้เรื่อยๆทุกเมื่อที่ต้องการด้วย !!!” จั้วหลิงฉิวกล่าวปฎิเสธทันที “ยิ่งไปกว่านั้น มันจะไม่มีใครในชั้นพื้นฐานที่จะสามารถตอบสนองต่อเงื่อนไขแบบนี้ของคุณได้แน่นอน”


ไม่ว่าจะเป็นโพชั่นแห่งชีวิต หรือโพชั่นแฟนธ่อม พวกมันก็ล้วนเป็นของล้ำค่า ไม่ต้องพูดถึงสินค้าที่สามารถแลกเปลี่ยนได้อย่างจำกัดในชั้นกลางเลย ซึ่งมันจะไม่มีใครเอามาแลกเปลี่ยนแบบนี้แน่นอน


“งั้นเอาแบบนี้ …. ฉันจะแลกเปลี่ยนมันตามราคาตลาด โอเคไหม ?” ซือเฟิงกล่าวหลังจากครุ่นคิด


ท้ายที่สุดแล้วคะแนนการค้าในตอนนี้มันไม่จำเป็นสำหรับเขาจริงๆ ดังนั้นเขาจึงต้องลองพยายามเจรจาหาเงื่อนไขอื่นๆที่จะทำให้เขาได้รับประโยชน์ และยอมรับกันได้ทั้งสองฝ่ายดู


“คุณ …” จั้วหลิงฉิวพูดไม่ออก ตอนนี้เขารู้สึกว่าซือเฟิงไม่ได้เข้าใจที่เขาพูดไปเลย ….


อย่างไรก็ตามก่อนที่จั้วหลิงฉิวจะทันได้ตอบกลับเสียงที่คุ้นหูก็ได้ดังมาเข้าหูของจั้วหลิงฉิวและซือเฟิง


“แม้แต่ราคาตามตลาดมันก็เป็นไปไม่ได้ …. และด้วยอำนาจของฉัน ฉันสามารถทำข้อเสนอราคาสองเท่านี้ได้เท่านั้น นี่คือที่สุดของฉันแล้ว …” หานอี้เฟิงกล่าวจากนาฬิกาควอนตัมของจั้วหลิงฉิวที่เขาได้ให้จั้วหลิงฉิวโทรค้างไว้ “และฉันก็เชื่อว่าในชั้นพื้นฐานนี้จะไม่มีใครที่สามารถเสนอราคาสูงไปกว่าฉันได้แล้วเช่นกัน”


“อืมมม …” ซือเฟิงพยักหน้าอย่างยอมรับ เขาไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่ เพราะข้อเสนอแต่เดิมมันก็จัดว่าดีมากแล้ว


แม้ว่าสินค้าพวกนี้ใน Upper Zone จะปักป้ายไว้อยู่แล้วว่าสามารถมาแลกเปลี่ยนได้ตลอดเวลา แต่จำนวนที่สามารถแลกเปลี่ยนได้มันก็น้อยมาก และหากคนๆหนึ่งต้องการจะได้รับเพิ่ม คนๆนั้นก็จะต้องยอมจ่ายมากขึ้น และถึงแม้จะจ่ายมากขึ้น บางครั้งก็ยังจะหาสินค้าไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่งั้นเหล่าบริษัทยักษ์ใหญ่คงจะไม่ปล่อยให้เด็กๆทั่วไปในตระกูลดิ้นรนด้วยตัวเองแน่นอน


“ถ้าอย่างนั้นทุกอย่างก็เป็นอันตกลงตามนี้แล้วกัน อย่างไรก็ตาม ฉันจะขอกลับที่จุดเริ่มต้นของเราสักหน่อย …” หานอี้เฟิงกล่าว “การทำธุรกรรมแต่ละครั้งของเราจะต้องมีคะแนนสะสมเข้ามาเกี่ยวข้องไม่ต่ำกว่าห้าหมื่นแต้ม ต่ำกว่านั้น ฉันไม่เอา ….”


“โอเค” ซือเฟิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เขาเข้าใจความคิดของหานอี้เฟิงดี


การมีคะแนนสะสมแค่หลายพันคะแนนนั้นก็จะไม่ได้รับความสนใจจากหานอี้เฟิงแน่นอน สำหรับคะแนนสะสมห้าหมื่นแต้มที่เขามีตอนนี้ มันก็จะมีผลน้อยมาก เพราะท้ายที่สุดหากสามอันดับแรกเอาจริง พวกเขาจะสามารถรับเอาคะแนนสะสมมาเป็นล้านได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นหานอี้เฟิงจึงได้ตั้งเงื่อนไขแบบนี้ให้ซือเฟิงไปสะสมคะแนนเพิ่มเติมแล้วค่อยมาทำธุรกรรมกับเขา

“เอาล่ะ เมื่อคุณพร้อมขายเมื่อไหร่ ก็ติดต่อฉันมาแล้วกัน …” หานอี้เฟิงกล่าว ก่อนที่เขาจะวางสายจากนาฬิกาควอนตัมของจั้วหลิงฉิวไป


เมื่อหานอี้เฟิงวางสายไป จั้วหลิงฉิวก็หันหลังกลับและเดินจากไปทันที ปล่อยให้แต่ซือเฟิงยืนอยู่ที่เดิมคนเดียว


เมื่อจั้วหลิงฉิวเดินกลับมาหาหานอี้เฟิงอีกครั้งเขาก็มีสีหน้าลังเล ….


“พูดมา มีอะไร ?” หานอี้เฟิงกล่าวพลางเหลือบไปมองจั้วหลิงฉิว


“นายน้อย การที่นายน้อยทำแบบนี้ ฉันกลัวจริงๆว่าว่าเราจะเจอกับสถานการณ์ลำบาก เมื่อขอซื้อคะแนนสะสมจากคนอื่นๆในอนาคต” จั้วหลิงฉิวกล่าวอย่างกังวล “แถม หากนายน้อยทำธุรกรรมจำนวนมากแบบนี้แล้วไม่ประสบความสำเร็จ มันอาจจะส่งผลไปถึงรากฐานของบริษัทที่จะใช้ดูแลเด็กๆของพวกเราในอนาคต”


“หื้ม ?” หานอี้เฟิงยิ้มออกมา เมื่อได้ยินคำพูดล่าสุดของจั้วหลิงฉิว “ถ้าเราไม่สามารถก้าวเข้าสู่พื้นที่ชั้นกลางได้ บริษัทไฟฟ์สเตทของเราก็จะยังคงเป็นแค่มดในสายตาของพวกที่อยู่สูงกว่า และถ้าตอนนี้เราไม่สู้เพื่อสิ่งนี้ เราจะไปสู้ตอนไหน ? และทางตระกูลก็ได้สัญญาแล้วว่าจะทุ่มเทสนับสนุนฉันทั้งหมด ซึ่งถ้าฉันไม่สู้เพื่อสิ่งนี้ จะให้ฉันสู้เพื่ออะไร ?”


“แต่ฉันกลัวว่าคะแนนสะสมจากซือเฟิงจะไม่ได้ช่วยเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก” จั้วหลิงฉิวกล่าว


เมื่อเทียบกับสามอันดับแรกที่มีสิทจะได้รับคะแนนสะสมนับล้านทันทีหากเอาจริง คะแนนจากซือเฟิงมันดูเล็กน้อยไปเลย


“แน่นอน ฉันรู้เรื่องนี้ และการขอซื้อคะแนนจากซือเฟิงมันก็เป็นเพียงหนึ่งในช่องทางเล็กๆของฉันเพื่อปูทางไปสู่การได้รับคะแนนสะสมจำนวนมากเท่านั้นแหละ” หานอี้เฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ “พวกเหล่าผู้อาวุโส และผู้บริหารระดับสูงของบริษัทบางส่วนได้ให้สัญญาบางอย่างกับฉันมาแล้ว ซึ่งฉันเชื่อว่ามันไม่น่าจะยากเกินไปสำหรับฉันที่จะได้รับเพิ่มเติมมาอีกเจ็ดถึงแปดแสนคะแนน และหากฉันทำงานที่ได้รับมอบจากบริษัทกรีนก๊อดได้สำเร็จ รวมกับคะแนนที่รับซื้อเรื่อยๆ ฉันก็มั่นใจว่าฉันจะสามารถขึ้นไปติดสามอันดับแรกได้ !!!”


เขาตั้งเป้าไว้แล้วว่ายังไงซะในการแข่งขันเพื่อเก็บคะแนนสะสมครั้งนี้ เขาก็จะต้องติดสามอันดับแรกให้ได้


หลังจากหานอี้เฟิง และจั้วหลิงฉิวออกจากบริเวณนี้ไป ซือเฟิงก็ได้ตรงไปที่เค้าเตอร์แลกเปลี่ยนสินค้า


และในท้ายที่สุดหลังจากต่อแถวรอนานกว่าสิบนาที เขาก็ได้เลือกจะแลกเปลี่ยนโพชั่นแฟนธ่อม และโพชั่นแห่งชีวิต และโพชั่นเพิ่มพลังอย่างละห้าขวด ซึ่งมีราคารวมเป็นคะแนนการค้าเจ็ดหมื่นห้าพันแต้ม


ซึ่งในโลกภายนอกนั้นมันจะมีมูลค่าเท่ากับเจ็ดร้อยห้าสิบล้านเครดิต


สำหรับโพชั่นเพิ่มพลังนั้นเป็นโพชั่นที่มีคนแลกเปลี่ยนน้อยที่สุดใน Upper Zone เนื่องจากโพชั่นเพิ่มพลังนั้นมีหน้าที่เพียงอย่างเดียวคือช่วยเสริมสร้างร่างกายทางกายภาพ ไม่มีผลอื่นใดนอกจากนี้


แต่ใน Upper Zone นั้น แม้ว่าคนๆหนึ่งจะไม่ออกกำลังใดๆ สมรรถภาพทางกายของคนๆนั้นก็จะเพิ่มขึ้นไปถึงระดับหนึ่งโดยอัตโนมัติ และหากออกกำลังทุกวัน สมรรถภาพทางกายก็จะเรียกว่าดีขึ้นจนน่าประหลาดใจเลย ดังนั้นการแลกเปลี่ยนโพชั่นเพิ่มพลังซึ่งมีราคาเป็นคะแนนการค้าห้าพันแต้มต่อขวดนั้นดูไม่จำเป็นเลย


อย่างไรก็ตามในมุมมองของซือเฟิง ยิ่งมีร่างกายทางกายภาพที่แข็งแกร่งและดีขึ้นมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งช่วยให้กิจกรรมทางสมองพัฒนาขึ้นเท่านั้น


ในหลายๆครั้งที่เขาไม่สามารถจะปรับปรุงต่อไปได้ มันก็เป็นเพราะสมรรถภาพทางกายของเขาอ่อนแอเกินไป หากเขามีสมรรถภาพทางกาย และร่างกายทางกายภาพที่แข็งแกร่งแบบหานอี้เฟิง เขาก็ไม่จำเป็นจะต้องกลัวอะไรเลย


ดังนั้นการใช้คะแนนการค้าสองหมื่นห้าพันแต้มเพื่อแลกกับโพชั่นเพิ่มพลังห้าขวดจึงไม่ใช่เรื่องขาดทุน แถมตอนนี้เขาก็เป็นคนรวยในชั้นพื้นฐานด้วย


“มันถึงเวลาที่ฉันจะต้องไปรับอควาโรส และเสวี่ยเหวินโหรวแล้ว …”


ซือเฟิงตรวจสอบเวลา ก่อนที่เขาจะรีบวิ่งออกจากหอคอยกรีนก๊อดเพื่อไปที่ทางเข้า Upper Zone

หลังจากวิ่งมาราวสองชั่วโมง ซือเฟิงก็ได้เห็นประตูทางเข้าขนาดใหญ่ และที่มุมหนึ่งมันก็มีรถจอดอยู่ โดยคนในรถเมื่อพวกเขาเห็นซือเฟิงพวกเขาก็เดินลงมาทันที ซึ่งคนในรถนั้นมีสี่คนโดยสองจากสี่คนนั้นก็คือเหลียงจิง และปรมาจารย์เหล่ยเปา ส่วนอีกสองก็คืออควาโรสและเสวี่ยเหวินโหรว


ที่เหลียงจิงนำปรมาจารย์เหล่ยเปามาด้วยแบบนี้ เพราะเธอต้องการให้เขามาช่วยเธอคุ้มกันรองหัวหน้ากิลทั้งสองด้วย เนื่องจากตอนนี้สภาสิบแปดปีกถูกจับตามองจากมหาอำนาจมากมาย และมันมีสิทสูงมากที่จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น


“นี่คือ Upper Zone งั้นหรอ ?”


เมื่อมองไปที่ประตูทางเข้าขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยกำแพงเหล็ก เหลียงจิงก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก


ในความเป็นจริงไม่ใช่แค่เหลียงจิง แม้แต่เหล่ยเปาเองก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า Upper Zone ในตำนานจะมีลักษณะแบบนี้


แน่นอนว่าเหตุผลที่มากกว่านั้นก็คิอ Upper Zone นั้นจัดว่าลึกลับมากๆสำหรับคนภายนอกทุกคน และในโลกภายนอกมันก็ลือกันว่า หากไม่ได้รับเชิญจริงๆ แม้แต่ทางเข้าของ Upper Zone ก็จะไม่มีสิทเข้ามา ดังนั้นมันจึงไม่มีใครกล้าเข้ามาที่นี่เลย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)