Reincarnation Of The Strongest Sword God 2581-2588
ตอนที่ 2581 ต่อสู้กับมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยาย
เมื่อได้ยินคำพูดของเอลโวลต์ ทุกคนก็เงียบลงอีกครั้ง
“เราจะเอาชนะมันได้ยังไงกัน ?” โคล่าพึมพำขณะที่มองดูเมฆสีดำซึ่งมีพลังแห่งความตายที่เข้มข้นปกคลุมคลอเดียอยู่
แค่ออร่าของคลอเดียนั้นมันก็มีความแข็งแกร่งอย่างน่ากลัวแล้ว และเมื่อวัดจากข้อมูลของคลอเดียแล้ว พวกเขาก็ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าพวกเขาจะฆ่าคลอเดียได้ อย่างไรก็ตามหลังจากดึงดาบยาวสีเทาหม่นออกมาถือในมือ ผู้ปกครองเมืองพิษผู้นี้ก็แข็งแกร่งขึ้นอีกมาก
[คลอเดีย (ผู้ปกครองเมืองพิษ)] (อันเดธ ระดับผู้อาวุโสเทพนิยาย)
เลเวล 120
HP 5,400,000,000/5,400,000,000
แค่ HP ของคลอเดียตอนนี้มันก็จัดว่าน่ากลัวมากแล้ว มันสามารถจะกู้คืน HP ของตัวเองได้ห้าสิบสี่ล้านทุกๆห้าวินาทีด้วยสกิลฟื้นฟูในระหว่างการต่อสู้ ซึ่งนั่นก็คือมากกว่าสิบล้าน HP ต่อวินาที ….
เพื่อทำให้เรื่องแย่ลง ตอนนี้ในขณะที่คลอเดียถือดาบยาวสีเทาหม่นอยู่นั้น พลังแห่งความตายก็ได้ก่อตัวขึ้นเป็นโดเมนที่โอบล้อมรัศมีสามสิบหลารอบตัวเขา และแม้จะอยู่นอกโดเมน แต่โคล่าก็สามารถจะสัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่าพลังแห่งความตายนี้มันทรงพลังมากขนาดไหน
ทุกอย่างที่อยู่ภายในโดเมนของพลังแห่งความตายนี้ล้วนสลายตัวและกลายเป็นขี้เถ้าอย่างรวดเร็ว แม้แต่พื้นหินก็ยังกลายเป็นทรายต่อหน้าต่อตาพวกเขา และภายในโดเมนนี้ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของมานาเลย ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถจะจินตนาการได้ง่ายเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผู้เล่นที่เข้าไปยืนอยู่ในโดเมนนี้
เฮลรัชและคนอื่นๆนั้นล้วนเต็มไปด้วยความตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนเลยว่าบอสตัวสุดท้ายของเมืองพิษจะทรงพลังมากขนาดนี้
โดยปกติเหล่ามอนสเตอร์นั้นจะไม่ได้ใช้อาวุธหรืออุปกรณ์ ซึ่งนั่นก็หมายความพวกมันจะไม่ได้รับโบนัสจากสิ่งเหล่านี้นั่นเอง และมันก็จะอาศัยเพียงแค่ค่าสถานะของตัวเองเท่านั้น แต่ถึงกระนั้นตอนนี้มอนสเตอร์ตรงหน้าของพวกเขากับใช้ทั้งอาวุธและอุปกรณ์ได้ทั้งคู่ ซึ่งเมื่อเป็นแบบนี้นั้น พวกเขาจะสู้ได้ยังไง ?
จริงๆแล้วดูเหมือนว่าระบบจะไม่ให้โอกาสเราเลย … ซือเฟิงมองไปยังคลอเดียด้วยรอยยิ้มขมขื่น
ภายใต้สถานการณ์ปกติ ซือเฟิงจะมีความมั่นใจมากในการเอาชนะคลอเดียด้วยการอาศัยแหวนแห่งกอสเปล แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นคลอเดียตอนนี้ เขาก็รู้เลยว่าเขาไม่มีความหวังในการจะเอาชนะคลอเดียมากนัก
ภายในดินแดนลับ ผู้เล่นไม่สามารถจะอัญเชิญองครักษ์ส่วนตัวของตัวเองมาได้ และเลเวลเฉลี่ยของทั้งทีมก็อยู่ต่ำกว่าบอสตัวนี้ถึงห้าเลเวล พวกเขาอาจอยู่กันได้ไม่ถึงจบการโจมตีเฟสแรกของบอสด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงการฆ่าบอสซึ่งมีโอกาสน้อยกว่ามากเลย
ในขณะที่สมาชิกในทีมทั้งหมดกำลังสงสัยว่าพวกเขาจะจัดการกับคลอเดียยังไงดี บลูเรนโบว์ และผู้อาวุโสโกลด์ก็หน้าซีดเผือด
“มีอะไรเกิดขึ้น ?” ซือเฟิงถาม เมื่อเขาเห็นการแสดงออกของผู้เล่นสายความมืดทั้งสอง
“กิลของเราพึ่งได้รับรายงานมาว่า พันธมิตรที่ถูกก่อตั้งขึ้นโดยหัวใจปีศาจนั้นได้ฆ่าบอสตัวที่สองในชั้นหนึ่งของหอคอยเทพโบราณไปแล้ว พวกเขาเหลือบอสอีกเพียงสองตัวเท่านั้นให้จัดการ และพวกเขาก็จะสามารถกลายเป็นผู้จัดการชั้นได้ …” บลูเรนโบว์อธิบายพลางขมวดคิ้ว
ต้องขอบคุณการเป็นพันธมิตรกับสภาสิบแปดปีกที่มันทำให้ทั้งดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้ พัฒนาไปได้เร็วกว่ามหาอำนาจอื่นๆในโลกแห่งความมืด และนี่ก็เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้มหาอำนาจอื่นๆ รวมทั้งผู้เล่นจำนวนมากในโลกแห่งความมืดไม่กล้าจะต่อต้านกิล
อย่างไรก็ตามทุกอย่างจะเปลี่ยนไปแน่นอน เมื่อพันธมิตรของหัวใจปีศาจสามารถจะพิชิตชั้นหนึ่งของหอคอยเทพโบราณได้
พวกเขาต่างจากสภาสิบแปดปีกตรงที่พวกเขาไม่มีกองทัพ NPC ที่ไม่สามารถจะหยุดยั้งได้ ซึ่งหากมหาอำนาจและผู้เล่นของโลกแห่งความมืดตัดสินใจจะต่อต้านทั้ง
สองกิลเมื่อไหร่ มันก็จะมีเพียงแต่การทำลายล้างเท่านั้นที่รอทั้งสองกิลของพวกเขาอยู่
“นี่พวกเขาไปถึงบอสตัวที่สามแล้วงั้นหรอ ?” ข่าวนี้ทำให้ซือเฟิงตกตะลึงเช่นกัน
การบุกโจมตีหอคอยเทพโบราณนั้นมันยากพอๆกับการบุกโจมตีดันเจี้ยนขนาดใหญ่พิเศษ เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย ผู้เล่นของโลกแห่งความมืดนั้นควรจะต้องใช้เวลาสิบถึงสิบห้าวัน พวกเขาจึงจะมีโอกาสพิชิตชั้นหนึ่งได้ แต่ภายในสามวันสั้นๆ พันธมิตรที่ถูกก่อตั้งขึ้นโดยหัวใจปีศาจกับสามารถเอาชนะบอสสองตัวแรกได้แล้ว ความคืบหน้าของพวกเขานั้นมันเกินความคาดหมายของซือเฟิงอย่างสิ้นเชิง
“ตอนนี้เราควรจะทำยังไงกันดี หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ? ในอัตรานี้ทีมพันธมิตรของหัวใจปีศาจจะพิชิตชั้นหนึ่งได้ภายในสองถึงสามวันนับจากนี้แน่ ….” ผู้อาวุโสโกลด์กล่าวอย่างเป็นกังวล
พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าหัวใจปีศาจจะทรงพลังมากขนาดนี้ และแม้หัวใจปีศาจจะมีข้อมูลบางอย่างของหอคอยเทพโบราณอยู่ แต่ทีมของพันธมิตรหัวใจปีศาจก็ไม่ควรจะก้าวหน้าไอย่างน่าตกใจแบบนี้ เพราะท้ายที่สุดการจะพิชิตชั้นหนึ่งของหอคอยเทพโบราณให้ได้ มันก็ยังคงจะต้องใช้ผู้เล่นขั้นสามที่มีอาวุธและอุปกรณ์ชั้นยอดมากเพียงพอ
ที่แย่ไปกว่านั้นคือตอนนี้สมาชิกกองกำลังหลักของดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้นั้นติดอยู่ในเมืองพิษ และแม้ว่าพวกเขาจะสามารถฆ่าคลอเดียได้ แต่การจะติดตามทีมพันธมิตรของหัวใจปีศาจให้ทันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้
“เราไม่มีทางเลือก เราต้องลองดูแล้ว …” ซือเฟิงกล่าวพลางมองไปยังคลอเดีย
“หัวหน้ากิลมีแผนอะไรไหม ?” อควาโรสถาม
ทีมของพวกเขามีผู้เล่นมากกว่าเจ็ดร้อยคนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และสมาชิกทุกคนของพวกเขาก็จะต้องสร้างความเสียหายให้ได้มากกว่าหนึ่งหมื่นห้าพันต่อวินาทีเพื่อเอาชนะสกิลฟื้นฟูในระหว่างการต่อสู้ของคลอเดีย
อย่างไรก็ตามตอนนี้ พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยาย และแม้จะอยู่ในสถานการณ์ปกติ ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่ยังไม่ได้ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ก็น่าจะสามารถสร้างความเสียหายได้มากกว่าหนึ่งหมื่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และเนื่องจากคลอเดียแข็งแกร่งยิ่งขึ้นด้วยดาบยาวสีเทาหม่น ดังนั้นพวกเขาจึงน่าจะสร้างความเสียหายได้น้อยลงไปอีก และแม้จะรวมค่าความเสียหายที่ซือเฟิงและผู้เล่นคนอื่นๆที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วสามารถทำได้ มันก็น่าจะยังไม่เพียงพอที่จะฆ่าคลอเดียให้ได้อยู่ดี
“อืมมม บอสตัวนี้มีจุดอ่อนที่เราสามารถใช้ประโยชน์ได้ แต่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเราจะทำสำเร็จไหม …” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า
หากซือเฟิงไม่ต้องรีบร้อนในการฆ่าคลอเดีย เขาก็จะเลือกที่จะนำสมาชิกในทีมทั้งหมดไปล่ารอบเมืองพิษเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งก่อน เพราะท้ายที่สุดแล้วคำสั่งของเอลโวลต์คือให้ฆ่าคลอเดียให้ได้ แต่ไม่ได้ระบุระยะเวลา ดังนั้นการเพิ่มความแข็งแกร่งให้ทั้งทีมก่อนจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
อย่างไรก็ตามตอนนี้ซือเฟิงไม่สามารถจะรีรออะไรได้ หัวใจปีศาจนั้นเคลื่อนไหวได้รวดเร็วกว่าที่เขาคาดการณ์มาก หากพวกเขาไม่สามารถฆ่าคลอเดียได้อย่างรวดเร็ว และปล่อยให้หัวใจปีศาจเข้าครอบครองชั้นหนึ่งของหอคอยเทพโบราณได้ ทั้งเดียตี้โซไซตี้ และดาร์ครัปโซดี้นั้นก็จะตกอยู่ในสถานะเสียเปรียบอย่างมาก และแน่นอนว่านี่ก็เป็นข่าวร้ายสำหรับสภาสิบแปดปีกด้วยเช่นกัน
ซือเฟิงนั้นได้เลือกจะเข้าควบคุมประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืดในป่าใบไม้ผลิเพื่อที่จะควบคุมจำนวนผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดที่จะเข้ามายังทวีปหลัก อย่างไรก็ตามหากไม่มีข้อจำกัดนี้ผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดจะสามารถเข้ามาก่อความวุ่นวายในป่าใบไม้ผลิ และในทวีปหลักได้อย่างมาก ซึ่งมันก็จะทำให้ซือเฟิงไม่สามารถทำอะไรได้เลย เพราะท้ายที่สุดเขามีกองอัศวินอยู่จำนวนจำกัด และเขาก็สามารถปกป้องพื้นที่ได้อย่างจำกัดเช่นกัน
หลังจากนั้นซือเฟิงก็หันไปหาทีมของเขาและเริ่มหมอบหมายงาน โคล่าและเหล่าแท๊งเกอร์ของสภาสิบแปดปีกจะเป็นผู้ที่อยู่ใกล้บอสมากที่สุด ในขณะที่สมาชิกในทีมคนอื่นๆจะซ่อนตัวตามตรอกซอกซอยของเมือง โดยผู้เล่นระยะประชิดก็จะวางกับดักทุกชนิดที่มีและคอยดักโจมตี ขณะที่ผู้เล่นระยะไกลก็จะคอยโจมตีจากหลังคาของอาคารต่างๆ
“จำไว้นะทุกคน !!! ให้มีผู้เล่นเพียงแค่หนึ่งร้อยคนเท่านั้นที่อยู่ห่างจากบอสไม่เกินรัศมีสองร้อยหลา !!! และผู้เล่นระยะประชิดทุกคนจะต้องเว้นระยะห่างให้อยู่ในระยะปลอดภัยจากคลอเดีย !!! ฮีลเลอร์ให้ความสำคัญกับการฮีลแท๊งเกอร์ที่แท๊งบอส !!! ขณะที่พวกสายทำความเสียหายก็ให้โจมตีตามที่ต้องการ !!! ส่วนแท๊งเกอร์ให้คอยเปลี่ยนตำแหน่งกันหลังจากสะสมพลังแห่งความตายครบสามแสต๊ค” ซือเฟิงกล่าวเตือน เมื่อเห็นทีมของเขาเข้าประจำตำแหน่ง “หากไม่มีปัญหาใดๆก็เริ่มการโจมตีได้เลย !!!”
โดยปกติพวกเขาจะต้องอาศัยทีมผู้เชี่ยวชาญขั้นสามหนึ่งพันคนเป็นอย่างน้อยในการฆ่าบอสตัวสุดท้ายของเมืองพิษที่มี HP ห้าพันสี่ร้อยล้าน แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากตอนนี้พวกเขามีมากกว่าเจ็ดร้อยคนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซือเฟิงจึงจำเป็นจะต้องสั่งให้ทีมของเขากระจายตัวออกไป และให้เหลือผู้เล่นไว้เพียงแค่หนึ่งร้อยคนเท่านั้นในรัศมีสองร้อยหลาจากบอสเพื่อที่จะทำให้บอสมี HP ต่ำที่สุด และในการแลกเปลี่ยน ทีมหนึ่งร้อยคนที่อยู่ในระยะสองร้อยหลาของบอสนั้นก็จะต้องรับแรงกดดันอย่างมาก และไม่สามารถจะพลาดได้เลย ….
เมื่อได้ยินคำสั่งของซือเฟิง โคล่าก็พุ่งเข้าไปหาคลอเดีย
ทุกคนในทีมนั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ เมื่อเห็นโคล่าเคลื่อนที่เข้าไปภายในระยะสองร้อยหลาห่างจากบอส เพราะ HP สูงสุดของบอสนั้นลดลงเหลือแค่เพียงสองพันหนึ่งร้อยล้านเท่านั้น ซึ่งมันลดลงไปมากกว่าครึ่งเลย
อย่างไรก็ตามตอนนี้ทีมก็มีปัญหาที่แตกต่างออกไปจากเดิม เพราะพวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับบอสที่มี HP สองพันหนึ่งร้อยล้านด้วยทีมแค่หนึ่งร้อยคน ซึ่งความยากในการจะฆ่าบอสให้ได้นั้นมันก็ไม่ได้ลดลงเลย ….
ทันใดนั้นคลอเดียก็ปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าของโคล่าด้วยความเร็วที่สูงจนน่าตกใจ และแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดก็ยังไม่สามารถจะตอบสนองกับเรื่องนี้ได้ทัน
คลอเดียเหวี่ยงดาบยาวเข้าใส่โคล่า และอาวุธชิ้นนี้ของมันก็ทำให้เกิดรอยแยกมิติสีดำในทุกๆที่ที่มันเคลื่อนผ่านทันที
โคล่านั้นปลิวกระเด็นถอยกลับไปเหมือนกับกระสุนปืนใหญ่ทันที เมื่อเขายกโล่ขึ้นปะทะเข้ากับการโจมตีนี้ของคลอเดีย และเขาก็สูญเสีย HP ไปห้าสิบเปอเซ็นต์ในทันที ….
แต่ก็โชคดีที่นี่มันช่วยเพิ่มระยะห่างระหว่างโคล่ากับคลอเดียได้อย่างมาก และโคล่าก็ได้รีบเปิดใช้งานสกิล Protection Blessing ก่อนที่เขาจะรีบวิ่งหนีเข้าไปในตรอกเพื่อให้ฮีลเลอร์ที่รออยู่ทำหน้าฮีลทันที โดยในเวลาเดียวกันนั้นมันก็มีแท๊งเกอร์ผลัดเปลี่ยนกันออกไปรับหน้าที่แท๊ง โดยที่แท๊งเกอร์คนอื่นๆเมื่อต้องรับการโจมตีจากคลอเดียนั้น HP ของพวกเขาก็ลดลงไปสองในสามทันที
หลังจากนั้นเมื่อถูกโจมตีกันอีกคนละสองถึงสามครั้ง เหล่าแท๊งเกอร์ที่นำโดยโคล่าก็สามารถจะล่อคลอเดียเข้าไปในตรอกซอกซอยได้ ซึ่งมันก็ทำให้คลอเดียมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากขึ้นในการโจมตี
ขณะที่คลอเดียกำลังจะโจมตีโคล่าอีกครั้ง คลอเดียก็ได้เหยียบเข้ากับ กับดักที่สมาชิกในทีมฝังไว้ก่อนหน้านี้
ตู้ม !!
เสียงระเบิดนั้นกังด้องไปทั่วเมืองพิษ และความเสียหายมากกว่าหนึ่งล้านก็ได้ปรากฎขึ้นเหนือหัวของคลอเดีย
และหลังจากพยายามเดินหน้าต่อไปอีกไม่กี่ก้าว คลอเดียก็ได้เหยียบเข้ากับ กับดักเวทย์มนต์อีก ซึ่งมันก็สร้างความเสียหายให้กับคลอเดียได้มากกว่าเจ็ดแสน
ก่อนที่คลอเดียจะทันได้หันไปหาผู้เล่นที่เป็นผู้รับผิดชอบในการวางกับดัก โคล่าก็พุ่งเข้าหามันและใช้สกิลขั้นสาม Justice Roar เข้าใส่มัน ซึ่งนี่สามารถสร้างความเสียหายได้มากกว่าห้าหมื่นให้กับมัน และเขาก็สามารถดึงดูดค่าความโกรธของบอสไว้ได้แล้ว
“ดี !! ทุกคนให้อยู่ในตำแหน่งของตัวเองตลอดและเริ่มโจมตีได้ !! ผู้เล่นระยะไกลโจมตีด้วยทุกสิ่งที่มีเลย !!! ส่วนผู้เล่นระยะประชิดให้ไล่วางกับดักต่อไป !!!” ซือเฟิงตะโกนออกคำสั่งเมื่อเห็นโคล่าสามารถดึงดูดค่าความโกรธของคลอเดียไว้ได้ จากนั้นเขาก็ได้เปิดใช้งานโลกจิ๋วทันที
ตอนที่ 2582 ไลท์ชาโด้วที่ได้รับการปรับปรุง และสัตว์ร้ายที่แข็งแกร่ง
เมื่อซือเฟิงเปิดใช้งานสกิลโลกจิ๋ว ความเร็วในการเคลื่อนที่ของคลอเดีย และความเร็วในการตอบสนอง รวมไปถึงค่าสถานะพื้นฐานของบอสก็ลดลงราวกับว่าบอสเดินเข้าไปติดหล่ม แต่ในฐานะที่มันเป็นมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยาย ค่าความต้านทานของมันก็มีผลค่อนข้างสูงต่อโลกจิ๋วของเขา และแม้จะเป็นปรมาจารย์นักเวทย์ขั้นกลาง โลกจิ๋วของซือเฟิงก็ยังลดค่าสถานะพื้นฐานของคลอเดียลงไปได้สิบห้าเปอเซ็นต์เท่านั้น แทนที่จะเป็นสามสิบเปอเซ็นต์
หลังจากเปิดใช้งานสกิลโลกจิ๋วเรียบร้อย ซือเฟิงก็รีบเปิดใช้งานสกิล Ring of Brilliance ต่อทันที ซึ่งมันช่วยเพิ่มค่าสถานะพื้นฐานของผู้เล่นทุกคน
ในขณะเดียวกัน ผู้เล่นระยะไกลมากกว่าเก้าสิบคนในบริเวณใกล้เคียงของผู้ปกครองเมืองพิษก็ได้เริ่มระดมโจมตีบอสด้วยสกิลและเวทย์ทั้งหมด
เวทย์ขั้นสาม Darkness Burn!
สกิลขั้นสาม Solitary Light!
เวทย์ขั้นสาม Consecutive Earthen Spikes!
เวทย์และลูกธนูจำนวนมากพุ่งพาดผ่านเข้าโจมตีคลอเดีย ขณะที่ระเบิดก็สั่นสะเทือนเมืองพิษ และความเสียหายมากกว่าสองหมื่นก็ปรากฎขึ้นเหนือหัวของคลอเดียซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเมื่อรวมเข้ากับความเสียหายจากกับดัก ทั้งทีมก็สามารถจะทำความเสียหายได้มากกว่าสกิลฟื้นฟูในระหว่างการต่อสู้ของคลอเดีย
ซึ่งมันทำให้สมาชิกในทีมทุกคนนั้นมีความสุขมากๆ เมื่อได้เห็นสิ่งนี้
เมื่อพวกเขาเห็นคลอเดียในครั้งแรกนั้น พวกเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวังมากๆ พวกเขารู้ดีว่าพวกเขาจะไม่สามารถเอาชนะสกิลฟื้นฟูในระหว่างการต่อสู้ของบอสได้ด้วยการโจมตีเพียงอย่างเดียว และการจะฆ่าคลอเดียให้ได้ก็ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขานั้นสามารถจะเอาชนะสกิลฟื้นฟูในระหว่างการต่อสู้ของบอสได้แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สิ่งที่จะต้องทำต่อไปแล้ว ซึ่งนั่นก็คือการลด HP ของคลอเดียลงให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
แน่นอนว่านั่นคงไม่ใช่เรื่องง่าย และเพื่อเพิ่มความเสียหายที่ทั้งทีมทำได้ให้มากที่สุด โคล่าก็จะต้องล่อคลอเดียให้เข้าไปติดกับดักที่ผู้เล่นระยะประชิดในทีมวางไว้มากขึ้น แต่น่าเสียดายที่การวางกับดักนั้นต้องใช้เวลานาน และมันก็มีระยะทำการสั้นมาก ดังนั้นเมื่อมีผู้เล่นไม่เกินหนึ่งร้อยคนที่จะสามารถจะอยู่ใกล้บอสได้ ทั้งจังหวะและตำแหน่งของพวกเขาจึงจะต้องสมบูรณ์แบบที่สุด
ซึ่งมันก็สามารถจะพูดได้เลยว่าความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวอาจทำให้ความพยายามทั้งหมดที่พวกเขาทำมานั้นไร้ค่าไปเลย เพราะตราบใดที่มีผู้เล่นมากกว่าหนึ่งร้อยคนยืนอยู่ในรัศมีสองร้อยหลาห่างจากคลอเดีย HP สูงสุดของบอสก็จะกลับไปอยู่ที่ห้าพันสี่ร้อยล้านทันที และหากเป็นเช่นนั้นสกิลฟื้นฟูในระหว่างการต่อสู้ของคลอเดียก็จะช่วยเพิ่ม HP ให้กับมันห้าสิบสี่ล้านทุกๆห้าวินาที และแม้จะมีการปราบปรามของโลกจิ๋ว แต่คลอเดียก็จะยังสามารถฟื้นฟู HP ได้ราวห้าสิบล้านทุกห้าวินาทีอยู่ดี โดยนี่มันก็จะทำให้ผู้เล่นหนึ่งร้อยคนนั้นไม่สามารถจะสร้างความเสียหายได้มากขนาดนั้นในช่วงเวลาสั้นๆ
โชคดีที่ทั้งทีมนั้นประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญในหมู่ผู้เชี่ยวชาญ และแม้แต่ผู้เล่นที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขาก็มาถึงขอบเขตรวดเร็วดั่งสายน้ำแล้ว และเมื่อบวกกับคำสั่งที่ชาญฉลาดของซือเฟิง มันจึงไม่มีใครทำผิดพลาดเลย
ซือเฟิงเฟิงถอนหายใจออกมาอย่างจริงจัง เมื่อเขาเห็นการประสานงานที่ไร้ที่ติของทั้งทีม เขาต้องยอมรับเลยว่ามันวิเศษมากจริงๆ หากมีสักกิลที่มีทีมแบบนี้ แม้ว่ามาตราฐานอุปกรณ์ของทีมจะยังไม่เป็นไปตามข้อกำหนด แต่ทั้งทีมก็ยังทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมันก็ทำให้การโจมตีนั้นง่ายขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อเวลาผ่านไป คลอเดียก็ค่อยๆสูญเสีย HP มากขึ้นไปเรื่อยๆ
95%… 75%… 50%…
เมื่อ HP ของคลอเดียลดลงเหลือห้าสิบเปอเซ็นต์ รูปแบบการต่อสู้ของมันก็เริ่มเปลี่ยนไป มันได้กระทืบเท้าลงบนพื้นดินใต้มันจนพื้นดินโดยรอบนั้นแตก ก่อนที่พลังแห่งความตายรอบตัวของมันจะเริ่มกระจายออกไปและกัดกร่อนทุกสิ่งภายในรัศมีสี่สิบห้าหลา
นอกเหนือจากโคล่าที่เปิดใช้งานสกิลช่วยชีวิตได้ทันเวลาแล้ว ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่าสิบคนก็ระเหยหายไปทันที โดยไม่เหลืออะไรทิ้งไว้ข้างหลัง
คลอเดียนั้นกู่ร้องออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว และพลังแห่งความตายก็ไปรวมตัวกันอยู่เหนือเขาอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นครู่หนึ่งพลังแห่งความตายสีดำที่หนาแน่นก็แปรเปลี่ยนเป็นร่างเงาของ
มังกรเนเธอร์ ซึ่งมีความสูงห้าสิบเมตร และเงามังกรเนเธอร์ก็ได้กระพือปีกที่เต็มไปด้วยสายหมอกออกมา
[เงามังกรเนเธอร์] (สัตว์ร้าย ระดับเทพนิยาย)
เลเวล 120
HP 6,000,000,000/6,000,000,000
“เป็นไปได้ยังไงกัน ?!”
ทุกคนนั้นอดไม่ได้ที่จะบ่นและสาปแช่งกันออกมา เมื่อได้เห็นเงามังกรเนเธอร์ พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ามอนสเตอร์ระดับบอสตัวนี้จะสามารถอัญเชิญบอสตัวอื่นมาได้ด้วย ….
สัตว์ร้ายนั้นไม่เหมือนกับสัตว์ป่าหรือสัตว์อสูร ตัวตนของพวกมันนั้นคล้ายกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ สัตว์ร้ายบางตัวนั้นแข็งแกร่งกว่ามังกรด้วยซ้ำ ในขณะที่เงามังกรเนเธอร์ ตรงหน้าพวกเขาอาจจะไม่ทรงพลังเท่ากับมังกรที่แท้จริง แต่นั่นมันก็เพียงพอแล้วที่จะปลูกฝังความสิ้นหวังให้กับพวกเขาทุกคน
คลอเดียเพียงอย่างเดียวมันก็แทบจะมากเกินไปสำหรับพวกเขาแล้วที่จะต้องรับมือ แต่ตอนนี้พวกเขากับจะต้องรับมือกับบอสอีกตัวนอกจากคลอเดียด้วย โดยใช้ผู้เล่นแค่หนึ่งร้อยคน นี่มันเป็นเรื่องตลกชัดๆ
คลอเดียนั้นอ่อนแอลงอย่างมากหลังจากอัญเชิญเงามังกรเนเธอร์ออกมา แต่มันก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ง่ายอยู่ดี
หลังจากถูกอัญเชิญออกมา เงามังกรเนเธอร์ก็บินเข้าไปใช้กรงเล็บกระแทกและโจมตีเข้าใส่อาคารที่อยู่ใกล้ๆ ซึ่งมันก็ทำให้โครงสร้างของอาคารแตกออกเป็นเสี่ยงๆทันที ก่อนจะบังเกิดหลุมดำขึ้นมาในบริเวณนั้น และแม้ว่า Elementalist ขั้นสามที่อยู่บริเวณอาคารนั้นจะพยายามใช้สกิลบลิ้งเพื่อหนี แต่เขาก็ยังคงตายลงทันทีในการโจมตีนี้ ….
“ไม่ดีแล้ว !! การโจมตีของบอสตัวนี้มีเอฟเฟค Spatial Imprisonment ด้วย !!!” เฮลรัชที่มองเห็นสิ่งนี้จากระยะไกลตะโกนอย่างหวาดกลัว
เอฟเฟค Spatial Imprisonment ซึ่งเป็นการกักขังเชิงพื้นที่นั้นค่อนข้างจะจัดว่ารุนแรงต่อผู้เล่นนักเวทย์ และผู้เล่นที่มีสกิลเทเลพอร์ตอย่างมาก เพราะเมื่อถูกปิดผนึกพื้นที่รอบตัวนั้น ผู้เล่นก็จะสามารถทำได้แค่หลบเลี่ยงการโจมตีเท่านั้น อย่างไรก็ตามผู้เล่นนักเวทย์นั้นมีความเร็วและความชำนาญน้อยกว่าผู้เล่นระยะประชิดมากในเรื่องนี้
ด้วยเอฟเฟคของ Spatial Imprisonment แม้แต่มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายทั่วไปก็จะสามารถฆ่าผู้เล่นขั้นสามได้ทันที ไม่ต้องพูดถึงมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายที่เป็นสัตว์ร้ายเลย
ขณะที่เงามังกรเนเธอร์กำลังจะโจมตีผู้เล่นคนอื่นต่อ สายฟ้าสีน้ำเงินก็พุ่งเข้ากระแทกกับกรงเล็บของมัน
ตู้ม !
เมื่อสายฟ้าปะทะเข้ากับกรงเล็บของเงามังกรเนเธอร์ มันก็บังเกิดเสียงระเบิดดังสนั่น และสายฟ้านี้นั้นก็สามารถจะทำให้การโจมตีของเงามังกรเนเธอร์หยุดชะงักลงได้ และผลกระทบของมันก็ทำให้เกิดปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่ทันที
ด้วยความโกรธเกรี้ยวที่การโจมตีของมันถูกหยุดลง เงามังกรเนเธอร์ก็หันไปจ้องมองร่างที่โจมตีมันเข้ามาทันที ก่อนที่มันจะกระพือปีกและส่งกระแสพลังแห่งความตายไปยังเป้าหมายใหม่
โดยกระแสพลังแห่งความตายนี้เป็นการโจมตีเป้าหมายแบบ AOE ขนาดใหญ่มาก และโดยพื้นฐานแล้วมันก็เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับผู้เล่นที่จะสามารถหลบหลีกได้อย่างรวดเร็ว และเมื่อใดก็ตามที่กระแสพลังนี้ผ่านพื้นที่ต่างๆ มันก็จะทำให้เกิดรอยแยกมิติขึ้น
ในขณะที่กระแสพลังแห่งความตายนี้กำลังจะไปถึงผู้เล่นที่เป็นเป้าหมาย ผู้เล่นที่ตกเป็นเป้าหมายก็ได้เหวี่ยงดาบยาวสีดำขาวออกมาเป็นแนวดิ่ง
Hua!
เงาของดาบยาวขนาดใหญ่ปรากฎขึ้นบนท้องฟ้า ก่อนที่มันจะทำการหั่นพื้นที่และกระแสพลังแห่งความตายนี้ออกเป็นครึ่งหนึ่ง และทำให้มันหายไปในความว่างเปล่า
“หัวหน้ากิล ?” อควาโรสเต็มไปด้วยความตกตะลึง ขณะที่เธอหันไปมองซือเฟิงซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบทำให้เกิดฉากนี้ขึ้น
กระแสพลังแห่งความตายของเงามังกรเนเธอร์นั้น มันมีพลังมากกว่าเวทย์ขั้นสี่ทั่วไปแน่นอน แต่ซือเฟิงกับตัดมันขาดครึ่งด้วยการแกว่งดาบเพียงครั้งเดียว นี่มันไม่น่าเชื่อเลย !!!
นอกเหนือจากอควาโรส เฮลรัช บลูเรนโบว์ แล้ว ทุกคนที่เฝ้ามองอยู่จากระยะไกลก็ตกตะลึงมากเช่นกัน
พวกเขากำลังพูดถึงการโจมตีแบบเต็มรูปแบบจากสัตว์ร้ายขั้นสี่ และแม้แต่แท๊งเกอร์อย่างโคล่าก็จะตายทันที หากเขาพยายามจะป้องกันการโจมตีดังกล่าว แต่ซือเฟิงกับตอบโต้มันกลับไปได้ นี่ค่า STR ของนักดาบนั้นสูงขนาดไหนกัน ?
“อย่าตื่นตระหนักทุกคน !!! โจมตีคลอเดียต่อไป ฉันจะคอยเบี่ยงเบนความสนใจของเขาเงามังกรเนเธอร์ให้” ซือเฟิงสั่ง ขณะมองไปยังผู้เล่นที่อยู่ใกล้ๆเขา
ในความเป็นจริง แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังประหลาดใจกับพลังโจมตีของตัวเอง เขาคิดว่าเขาจะโชคดีมากแล้ว ถ้าเขาสามารถจะป้องกันกระแสพลังแห่งความตายนี้ได้ แต่ไลท์ชาโด้วของเขากับตัดครึ่งมันได้ เขาต้องยอมรับเลยว่า Abyssal Blade ที่ได้รับการอัพเกรดแล้วนั้นเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการใช้เทคนิคมานา
คำสั่งของซือเฟิงนั้นทำให้ทุกคนเกิดความมั่นใจ และพวกเขาก็ได้หันมารับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองต่อ
แม้ว่าเงามังกรเนเธอร์จะฆ่าผู้เล่นไปจำนวนหนึ่ง แต่สมาชิกในทีมก็เข้าเติมเต็มช่องว่างอย่างรวดเร็ว พวกเขายังคงมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามอีกหลายร้อยคนที่อยู่ในโหมดเตรียมพร้อมรออยู่นอกเหนือระยะของคลอเดีย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการขาดกำลังคนเลย
ในช่วงเวลาหนึ่งชายคนหนึ่งนั้นคอยเข้าปะทะและเบี่ยงเบนความสนใจของเงามังกรเนเธอร์เอาไว้ ซึ่งการต่อสู้ระหว่างทั้งสองนั้นมันดูไม่เหมือนกับการปะทะกันระหว่างผู้เล่นกับมอนสเตอร์เลย แต่มันดูเหมือนกับเป็นการต่อสู้ระหว่างสัตว์ประหลาดสองตัวที่ท้าทายสวรรค์อย่างมาก
ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่ง เหล่าสมาชิกในทีมคนอื่นๆก็ลากคลอเดียไปทั่วเมืองและโจมตีไปเรื่อยๆตามแผน ซึ่งมันก็ทำให้ HP ของคลอเดียนั้นค่อยๆลดลงเรื่อยๆ และแน่นอนว่าพวกเขาก็ไม่ได้ประมาทใดๆกันแม้แต่นิดเดียว
ทั้งทีมนั้นรู้ดีว่าพวกเขาจำเป็นต้องแข่งกับเวลา เพราะไม่ว่ายังไงท้ายที่สุดแล้ว ซือเฟิงก็ยังคงเป็นแค่ผู้เล่น เมื่อต้องต่อสู้ในการต่อสู้ที่รุนแรงแบบนี้ ค่าสตามิน่าและค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขาจะถูกผลาญไปอย่างรวดเร็วแน่นอน
แต่ก็โชคดีที่ความหนาแน่นของพลังแห่งความตายรอบตัวคลอเดียนั้นก็ลดลงไปมาก หลังจากที่มันอัญเชิญเงามังกรเนเธอร์ออกมา และนี่ก็ทำให้พลังป้องกันกับค่าความต้านทานจำนวนมากของมันลดลงไปเช่นกัน เป็นผลให้ทั้งทีมสามารถทำความเสียหายได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามมันก็แลกมากับการที่คลอเดียนั้นโจมตีรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก และทุกการโจมตีของมันก็กลืนกินชีวิตของสมาชิกในทีมไปเรื่อยๆเช่นกัน
อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นแบบนี้ แต่ HP ของคลอเดียก็ยังคงลดลงเรื่อยๆไม่หยุด
40%… 20%… 10%…
ในที่สุดเมื่อ HP ของคลอเดียลดลงเหลือหนึ่งเปอเซ็นต์ เงามังกรเนเธอณ์ก็คำรามออกมา ก่อนที่มันจะเปลี่ยนตัวเองเป็นกระแสพลังแห่งความตายจำนวนมากและพยายามพุ่งกลับเข้าไปหาคลอเดีย
“อย่าคิดว่าจะช่วยฮีลมันได้ !!!!”
การพัฒนาที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันนี้ไม่ได้ทำให้ซือเฟิงแปลกใจเลยแม้แต่น้อย เขารู้เรื่องนี้มานานแล้วจากความรู้ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา เพราะกระแสพลังแห่งความตายนี้จะสามารถเข้าไปช่วยฟื้นฟู HP ให้คลอเดียทันทีสามเปอเซ็นต์ต่อหนึ่งกระแสพลัง และเพื่อทำให้เรื่องแย่ลงนั้น เมื่อบอสฟื้นฟู HP เรียบร้อย มันก็จะอัญเชิญเงามังกรเนเธอร์ออกมาอีกครั้งด้วย ซึ่งนี่มันเป็นสาเหตุที่ทำให้มหาอำนาจส่วนใหญ่ในอดีตล้มเหลวในการฆ่าคลอเดีย
ซือเฟิงนั้นได้รีบเปิดใช้งานโดเมนแห่งความมืดของ Abyssal Blade ทันที ก่อนที่เขาจะทำการวงโคจรดาบ เพื่อป้องกันไม่ให้กระแสพลังแห่งความตายเข้าใกล้คลอเดียได้
“เร็ว !! รีบโจมตีด้วยทุกสิ่งที่มี !!! ไม่สามารถจะรั้งมันไว้ได้นานนัก !!!” ซือเฟิงตะโกน ขณะที่กระแสพลังแห่งความตายเริ่มเคลื่อนไหวเร็วขึ้น
ผู้เล่นนั้นไม่สามารถจะหยุดกระแสพลังนี้ได้อย่างถาวร และพวกเขาทำได้แค่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อประวิงเวลาเท่านั้น
“โจมตี !!”
เมื่อได้ยินคำสั่งของซือเฟิง จ้าวเยว่รู่และคนอื่นๆทั้งหมดในทีมก็โจมตีเข้าใส่คลอเดียด้วยทุกอย่างที่พวกเขามีทันที โดยพวกเขาก็ได้อาศัยการปรับเปลี่ยนการควบคุมมานาของตนเพื่อเพิ่มพลังและความแม่นยำของการโจมตีของตัวเองให้มากขึ้นด้วย
0.5%… 0.3%… 0.1%…
ตู้ม !
ในที่สุดหลังจากการระดมโจมตีไม่นาน คลอเดียก็กลายเป็นเมฆที่มีพลังแห่งความตายที่หนาทึบและกระจายออกไปจากตรอกอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะกระจายไปทั่วเมืองพิษ จากนั้นผู้เล่นที่ยังรอดชีวิตภายในทีมก็ได้ยินเสียงการแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นหลายรายการ
ตอนที่ 2583 รางวัลแห่งความสำเร็จระดับ S
ระบบ : ยินดีด้วย !! คุณเป็นทีมแรกของผู้เล่นที่ทำสงครามครูเสด ในดินแดนลับเมืองพิษเสร็จสิ้น !! รางวัล เลเวลเพิ่มขึ้นหนึ่งเลเวล คะแนนค่าเชี่ยวชาญฟรีห้าสิบแต้ม คะแสสสกิลมรดกห้าแต้ม โพชั่น Exotic Legacy หนึ่งขวด ค่าชื่อเสียงใน God domain ยี่สิบแต้ม ค่าชื่อเสียงในเมืองพิษสี่สิบแต้ม
ระบบ : ยินดีด้วย !! คุณเป็นทีมแรกที่ท้าทายเมืองพิษตอนมีเลเวลต่ำกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบ ได้สำเร็จ !! รางวัล ค่าชื่อเสียงในเมืองพิษหนึ่งร้อยแต้ม
ระบบ : ยินดีด้วย !! สำหรับการทำเควสระดับตำนานที่อ่อนแอ “จุดเริ่มต้นของจุดจบ” ในหนึ่งวัน คุณได้รับการจัดระดับให้อยู่ในระดับ S สำหรับการประสบความสำเร็จที่ชัดเจน รางวัล : เลเวลเพิ่มขึ้นหนึ่งเลเวล คะแนนสกิลมรดกสิบแต้ม และกล่องสมบัติมรดกระดับเงินหนึ่งกล่อง
ชุดการแจ้งเตือนของระบบทำให้ผู้รอดชีวิตในทีมนั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึงชั่วขณะ
รางวัลเหล่านี้มันมากเกินไป !!!
แม้จะไม่มีรางวัลจากเควส แต่คลอเดียก็ยังให้ EXP มากพอสำหรับทุกคนที่จะมีแถบค่า EXP เพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อยคนละสี่สิบเปอเซ็นต์ และเมื่อรวมกับรางวัลจากเควสต่างๆ ทุกคนในทีมก็มีเลเวลเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองเลเวล และแม้แต่ผู้เล่นที่ตายลงในระหว่างการต่อสู้และพ่งถูกฟื้นคืนชีพขึ้นมานั้นก็ยังมาถึงเลเวลหนึ่งร้อยสิบสี่ ….
“รางวัลเหล่านี้ช่วยประหยัดเวลาในการล่าของเราไปได้มากกว่าหนึ่งสัปดาห์เลยทีเดียว หากคนอื่นๆในกิลรู้เรื่องนี้ พวกเขาจะอิจฉาเราอย่างมากแน่นอน” หนึ่งในสมาชิกกิลของดาร์ครัปโซดี้ กล่าวขณะที่เขามองดูเลเวลของตัวเอง และคะแนนสกิลมรดกที่เขาได้รับมา
แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดของมหาอำนาจต่างๆก็ยังจะนับว่าโชคดีมากแล้ว หากสามารถไปถึงเลเวลหนึ่งร้อยสิบได้ในระยะนี้ของเกม แต่ตอนนี้แม้แต่ผู้เล่นที่มีเลเวลต่ำที่สุดในบรรดาสมาชิกของกองกำลังหลักดาร์ครัปโซดี้นั้นกับมีเลเวลหนึ่งร้อยสิบสี่ ขณะที่หลายคนอยู่ในเลเวลหนึ่งร้อยสิบห้า กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ พวกเขานั้นขึ้นไปอยู่เหนือผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนจต่างๆหนึ่งขั้นแล้วในเรื่องเกณฑ์ของเลเวล
แม้ว่าช่องว่างห้าเลเวลอาจดูเหมือนไม่มากนัก แต่มันก็มีขนาดใหญ่มาก เมื่อพิจารณารวมถึงความแตกต่างของอาวุธและอุปกรณ์ นอกจากนี้ผู้เล่นเลเวลหนึ่งร้อยสิบห้า ยังจะสามารถสวมใส่ไอเทมเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบได้ด้วย
นอกเหนือจากเลเวลที่เพิ่มขึ้นอย่างมากแล้ว สมาชิกในทีมต่างก็รู้สึกอิ่มเอมใจมากๆ เมื่อพวกเขาได้รับคะแนนสกิลมรดกมาจำนวนมาก และด้วยคะแนนสกิลมรดกที่พวกเขาได้รับมาทั้งหมดสิบห้าแต้มนี้ พวกเขาก็จะสามารถเรียนรู้สกิลมรดกขั้นสามใหม่ ซึ่งจะช่วยยกระดับพลังในการต่อสู้ของพวกเขาขึ้นไปสู่ระดับใหม่ทั้งหมด
“นั่นยังไม่นับว่ามากเลย ดูที่โพชั่น Exotic Legacy กับกล่องสมบัติมรดกระดับเงินที่เราได้รับมาสิ มันยอดเยี่ยมมากๆ !!!” ชิลวอริเออร์แห่งความมืดขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยสิบห้า ร้องอุทานออกมา ขณะที่เขานำโพชั่นที่เหมือนกับหมึกสีดำ และกล่องสมบัติมรดกระดับเงินออกมาจากกระเป๋าของเขา
เมื่อได้ยินคำพูดของชิลวอริเออร์ผู้นี้ ผู้เล่นคนอื่นๆก็เริ่มทำตามเขาทันที โดยนำไอ
เทมทั้งสองออกมาตรวจสอบ
[โพชั่น Exotic Legacy] (โพชั่นระดับสุดยอดปรมาจารย์,ไอเทมใช้แล้วหมดไป)
ให้คำแนะนำแก่ผู้ใช้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงในการปลดล๊อคศักยภาพในร่างมานาหรือการควบคุมมานา จำกัดหนึ่งขวดต่อผู้เล่น
[กล่องสมบัติมรดกระดับเงิน]
ผู้เล่นนั้นมีโอกาสสูงที่จะได้รับอาวุธและอุปกรณ์ชั้นยอดตามสายอาชีพ และเลเวลของพวกเขา และผู้เล่นก็มีโอกาสเล็กน้อยที่จะได้รับหนังสือสกิลหรือเวทย์ขั้นสามสำหรับสายอาชีพของตัวเอง และผู้เล่นก็มีโอกาสอีกน้อยมากๆในการจะได้รับอุปกรณ์ระดับอีปิค และก็มีโอกาสอีกเล็กน้อยที่จะได้รับอาวุธมรดก หรือมรดกสำหรับอาชีพของตัวเองเมื่อเปิดกล่องสมบัตินี้ (จำกัดเวลา : 1 วันตามธรรมชาติ)
ผู้เล่นขั้นสามใน God domain ทุกคนตอนนี้ล้วนใฝ่ฝันที่จะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองให้ได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ แต่การจะบรรลุเรื่องนี้ให้ได้นั้นมันก็เป็นอะไรที่ยากอย่างไม่น่าเชื่อ และแม้กระทั่งตอนนี้มหาอำนาจต่างๆก็ยังไม่พบกระบวนการที่จะช่วยเร่งอะไรได้เลย พวกเขาทำได้แค่พึ่งพาความสามารถและพรสวรรค์ส่วนตัวของสมาชิกเท่านั้น
แต่ถึงกระนั้นตอนนี้พวกเขากับได้รับโพชั่นที่ช่วยเร่งเรื่องนี้ขึ้นมา ซึ่งมันนับเป็นโอกาสที่หายากมากๆ
หากพวกเขาใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ได้อย่างเหมาะสม พวกเขาอาจกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นยอด หรือระดับสัตว์ประหลาดใน God domain ได้เลย
ขณะที่กล่องสมบัติมรดกระดับเงินนั้นก็มีค่าอย่างมหาศาล และแม้ว่าโชคของพวกเขาจะย่ำแย่มากๆ แต่ไอเทมที่แย่ที่สุดที่พวกเขาจะได้รับก็ยังเป็นอาวุธและอุปกรณ์ชั้นยอดที่เหมาะสมกับเลเวลและอาชีพของพวกเขา ซึ่งอาวุธและอุปกรณ์นี้นั้นจะช่วยเพิ่มพลังต่อสู้ให้กับพวกเขาอย่างมหาศาล และถ้าพวกเขาโชคดี พวกเขาก็อาจได้รับอุปกรณ์ระดับอีปิคเลย
“เมื่อหัวหน้ากิลรู้เรื่องเกี่ยวกับรางวัลที่เราได้รับหลังจากทำงานกับสภาสิบแปดปีก เขาคงได้หัวเราะกับตัวเองอย่างบ้าคลั่งแน่นอน” บลูเรนโบว์กล่าวพลางถอนหายใจออกมา ขณะที่เธอจ้องมองไปยีงกล่องสมบัติตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม
กล่องสมบัติมรดกระดับเงินนี้อย่างแย่ที่สุดมันก็จะมอบอุปกรณ์ระดับดาร์คโกล เลเวลหนึ่งร้อยสิบห้าให้กับเธอและคนอื่นๆ
ซึ่งดาร์ครัปโซดี้นั้นได้ส่งสมาชิกมากกว่าหนึ่งร้อยคนมาเข้าร่วมการสำรวจกับสภาสิบแปดปีก และนั่นมันก็หมายความว่าพวกเขาจะกลับไปพร้อมกับอุปกรณ์ระดับดาร์คโกล เลเวลหนึ่งร้อยสิบห้ามากกว่าหนึ่งร้อยชิ้นเป็นอย่างน้อย !!!
พวกเขาจะต้องบุกดันเจี้ยนเลเวลหนึ่งร้อยสิบห้ามากกว่ายี่สิบวัน เพื่อจะให้ได้มาซึ่งอุปกรณ์ชั้นยอดจำนวนมากขนาดนี้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว มันมีเพียงแต่ดันเจี้ยนโหมดนรก ขนาดหนึ่งร้อยคนหรือสูงกว่าขึ้นไปเท่านั้นที่มีโอกาสจะดรอปอุปกรณ์ระดับ
ดาร์คโกล และอัตราการดรอปมันก็ไม่ได้มีหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ด้วยซ้ำ
แต่ถึงกระนั้นตอนนี้ ในขณะที่พวกเขาติดตามสภาสิบแปดปีกมามากกว่าสามวันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น พวกเขากับได้รับการเก็บเกี่ยวอย่างมากมาย และเมื่อเธอรายงานนี้ไปยังหัวหน้ากิลของเธอ หัวหน้ากิลของเธอก็คิดว่าเธอคงหลงผิดและเป็นสายลับให้กับสภาสิบแปดปีก
สถานการณ์นี้ก็ทำให้ซือเฟิงตกตะลึงมากเช่นกัน
นี่มันมีรางวัลมากมายขนาดนี้เลยงั้นหรอ ? ซือเฟิงแทบไม่เชื่อสายตาของตัวเอง ในขณะที่เขาอ่านแจ้งเตือนของระบบ
อย่างไรก็ตามซือเฟิงไม่ได้ให้ความสนใจกับพวกโพชั่นหรือกล่องสมบัติเหมือนคนอื่นๆ สิ่งที่เขาสนใจจริงๆคือค่าชื่อเสียงในเมืองพิษที่เขาได้รับมา และเรื่องที่ว่าพวกเขาได้ปลดล๊อคระบบแลกเปลี่ยนของเมืองได้แล้วเท่านั้น
โดยปกติการจะได้รับค่าชื่อเสียงในเมืองพิษนั้นมันเป็นความท้าทายที่น่าเหลือเชื่อ ผู้เล่นนั้นจะได้รับค่าชื่อเสียงจำนวนมากจากการฆ่าบอสประจำพื้นที่ในดินแดนลับได้เป็นคนแรก และการฆ่าในภายหลังนั้นจะให้ผลน้อยกว่ามาก ดังนั้นผู้เล่นจึงจะต้องใช้เวลานานมากในการได้รับค่าชื่อเสียงให้มากพอเพื่อที่จะปลดล๊อคระบบแลกเปลี่ยนของเมือง
อย่างไรก็ตามเมื่อระบบถูกปลดล๊อคแล้ว ผู้เล่นจะสามารถซื้อโพชั่นพิเศษ สูตรโพชั่น และแบบแปลนอาวุธกับอุปกรณ์ชั้นยอดได้มากมายด้วยคริสตัลเวทย์มนต์
ขณะเดียวกันโพชั่นพิเศษของเมืองพิษที่มีชื่อเสียงที่สุดในชีวิตที่ผ่านมาของเขาก็คือ โพชั่น Misfortune ซึ่งมีราคาเป็นคริสตัลเวทย์มนต์หนึ่งพันชิ้นต่อขวด และเมื่อดื่มเข้าไปหมด ผู้เล่นจะมีโอกาสสามสิบเปอเซ็นต์ที่จะได้รับการเพิ่มมานาสูงสุดขึ้นเป็นเวลาสิบสองชั่วโมง และมีโอกาสหกสิบเปอเซ็นต์ที่จะไม่ได้รับเอฟเฟคใดๆเลย ขณะที่ก็มีโอกาสสิบเปอเซ็นต์ที่ผู้เล่นจะประสบกับภาวะขาดมานาเป็นเวลาสามชั่วโมง โดยผู้เล่นจะสามารถดื่มและใช้โพชั่นนี้ได้มากเท่าที่ต้องการ
เมื่อผู้เล่นเปิดใช้งานระบบแลกเปลี่ยนของเมืองพิษได้แล้ว และมีคริสตัลเวทย์มนต์มากพอ การปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาให้ได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์อย่างรวดเร็วก็มีความเป็นไปได้ทั้งหมด
แต่น่าเสียดายที่โพชั่น Misfortune นั้นถูกผูกมัดไว้กับผู้ซื้อ ซึ่งกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือจะมีเพียงแต่ผู้ที่มีค่าชื่อเสียงในเมืองพิษมากเพียงพอที่จะปลดล๊อคระบบการแลกเปลี่ยนได้เท่านั้นจึงจะได้รับมันไปใช้ นี่เป็นสาเหตุที่มหาอำนาจต่างๆในชีวิตก่อนหน้านี้ของซือเฟิงได้เลือกจะโจมตีเมืองพิษครั้งแล้วครั้งเล่า
อย่างไรก็ตามตอนนี้ทั้งทีมของซือเฟิงกับสามารถเข้าถึงสิทธิพิเศษนี้ได้ หลังจากเคลียร์เควสได้แค่ครั้งเดียว
เมื่อเขาซือเฟิงตรวจสอบทุกอย่างเรื่องระบบแลกเปลี่ยน และรางวัลต่างๆเรียบร้อย เขาก็ได้เหลือบไปเห็นการแจ้งเตือนล่าสุดของระบบที่มีเพียงแต่เขาเท่านั้นที่ได้รับ
ระบบ : ยินดีด้วย !! สำหรับการทำเควสระดับตำนานที่อ่อนแอ “จุดเริ่มต้นของจุดจบ”ได้สำเร็จ !! ด้วยระดับ S ซึ่งมันทำให้คุณจะได้รับดาบแห่งภัยพิบัติเป็นรางวัล และคุณยังจะสามารถค้นหานักบุญแห่งดาบคริมสันอายเพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับมรดกได้หนึ่งครั้ง หรือขอให้นักบุญแห่งดาบเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับดาบแห่งภัยพิบัติได้ คุณมีเวลาห้านาทีในการตัดสินใจ ….
ตอนที่ 2584 การตัดสินใจขั้นสุดท้าย และเส้นทางสู่ขั้นสี่
ซือเฟิงนั้นอดไม่ได้ที่จะลังเล เมื่อเขาเห็นการแจ้งเตือนของระบบ ….
ทั้งคำแนะนำเกี่ยวกับมรดก และการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับดาบแห่งภัยพิบัติมันก็นับเป็นโอกาสที่หายากอย่างไม่น่าเชื่อ
คำแนะนำเกี่ยวกับมรดกไม่เพียงแต่จะช่วยให้ผู้เล่นสามารถปลดล๊อคศักยภาพสูงสุดของร่างมานาของตัวเองได้ แต่มันยังจะช่วยให้พวกเขามีสิทผ่านทะลุเกณฑ์หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ได้ด้วย เพราะท้ายที่สุดความรู้ของนักบุญแห่งดาบอย่างเอลโวลต์นั้นมีค่าอย่างยิ่ง และตอนนี้ด้วยการที่พวกเทพขั้นหกล้วนเลือกจะอยู่อย่างสันโดษ ตัวตนระดับนี้จึงจัดว่าอยู่ในจุดสูงสุดของ God domain แล้วด้วย
แน่นอนว่าโอกาสที่ได้รับการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับอาวุธก็มีค่าพอๆกัน
เพราะท้ายที่สุดแล้วการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับอาวุธแบบนี้นั้นคือการเพิ่มมานาและความเข้ากันได้ของผู้เล่นกับอาวุธ ซึ่งนี่จะสามารถช่วยเพิ่มเอฟเฟคที่ซ่อนอยู่ของอาวุธได้ด้วย
ยกตัวอย่างเช่น หากนักบุญแห่งดาบขั้นห้าที่มีฉายาแบบเอลโวลต์ได้ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับดาบแห่งภัยพิบัติระดับอีปิคนี้ มันก็จะสามารถแสดงพลังของอาวุธระดับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานออกมาได้เลย
ซึ่งแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนาจต่างๆก็ยังจะมองว่าอาวุธระดับนี้เป็นระดับพระเจ้า และโดยพื้นฐานแล้วพวกเขาก็แทบจะสามารถใช้งานได้ตลอดทั้งอาชีพของพวกเขาใน God domain โดยข้อจำกัดเรื่องเลเวลของอาวุธนั้นก็ไม่น่ากังวลเช่นกัน เพราะมันเป็นไปได้ที่จะเพิ่มเลเวลให้กับอาวุธระดับอีปิคเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย หรืออาวุธระดับสูงกว่านั้นที่เลเวลนี้ด้วยวิธีการบางอย่าง แม้ว่ามันจะมีราคาแพงมากก็ตาม
ซึ่งนี่เองถึงบอกว่ามันจะเป็นการคุ้มค่ามากๆ หากสามารถใช้อาวุธระดับอีปิคที่มีพลังเทียบเท่ากับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานได้
ในขณะที่ซือเฟิงกำลังลังเล เขาก็ได้ยินเสียงการแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นอีกครั้ง
ระบบ : คุณมีเวลาเหลือหนึ่งนาที หากคุณไม่ตัดสินใจภายในเวลาที่กำหนด ตัวเลือกทั้งสองจะถูกยกเลิก
ด้วยเวลาที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อย ซือเฟิงก็กัดฟันของเขาและเดินเข้าไปหาเอลโวลต์
“ท่านนักบุญแห่งดาบ ฉันหวังที่จะได้รับคำแนะนำเรื่องมรดกจากท่าน” ซือเฟิงกล่าว
อย่างจริงจัง
“คุณแน่ใจงั้นหรอ ? คุณได้ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของคุณได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว และเมื่อดูจากวิธีที่คุณประสบความสำเร็จ คุณน่าจะได้รับคำแนะนำจากตัวตนที่ทรงพลังอื่นมาแล้ว ฉันคิดว่าคำแนะนำของฉันคงจะช่วยคุณไม่ได้มากนักนะ ในทางตรงกันข้ามการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับดาบแห่งภัยพิบัติจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของคุณได้อย่างแน่นอน” เอลโวลต์บอกกับซือเฟิงอย่างใจเย็น
“ฉันแน่ใจท่านนักบุญแห่งดาบ” ซือเฟิงกล่าวตอบพลางพยักหน้า
แม้ว่าเขาจะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของเขาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว แต่นั่นมันก็ยังไม่พอเพียงพอสำหรับเป้าหมายในอนาคตของเขา เขาจะต้องข้ามผ่านเกณฑ์หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ไปให้ได้ และตัวตนที่ทรงพลังแบบนี้ทุกคนใน God domain ก็ล้วนมีเส้นทางที่แตกต่างกันไป ดังนั้นการได้รับคำแนะนำที่แตกต่าง เขาก็เชื่อว่ามันจะทำให้เขาก้าวผ่านเกณฑ์หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ได้แน่นอน
ที่สำคัญที่สุดคือโอกาสที่เขาจะได้รับคำแนะนำมรดกนั้นมันหายากมาก หากเขาพลาดโอกาสนี้ไป เขาอาจจะไม่ได้รับมันอีก
อีกทั้งพูดกันตรงๆเขามีร่างมานาระดับอีปิค การจะก้าวผ่านเกณฑ์หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ให้ได้นั้นมันจึงยากกว่าร่างระดับต่ำลงไปมากๆ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นจะต้องได้รับคำแนะนำในแบบที่แตกต่างจากตัวตนที่ทรงพลังอื่นๆบ้าง เพื่อจะนำไปปรับใช้ให้ตัวเองก้าวผ่านเกณฑ์หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ได้
ซึ่งหากเขาไม่ได้รับคำแนะนำจากตัวตนที่ทรงพลังอื่นๆ โอกาสในเรื่องนี้ของเขาก็จะน้อยมาก แม้ว่าเขาจะมีหัวใจเทพเจ้าคอยช่วยก็ตาม
ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น ….
แถมพูดกันตรงๆดาบแห่งภัยพิบัตินั้นก็เป็นหนึ่งในชิ้นส่วนของดาบโซโลมอน ซึ่งเมื่อเขารวบรวมมันมาได้ครบแล้ว เขาก็จะต้องนำมันไปสร้างดาบโซโลมอนขึ้นใหม่ และการเพิ่มความแข็งแกร่งให้มันก็จะไร้ประโยชน์ไป หากเขาเลือกตัวเลือกนี้ ….
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ซือเฟิงก็ยังมี Abyssal Blade ซึ่งเป็นอาวุธระดับเศษชิ้นส่วนไอเมระดับตำนานอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงจะไม่ได้ล้าหลังใครเลย เมื่อพูดถึงมาตราฐานของอาวุธ
ที่สำคัญกว่านั้นคือขั้นสามนั้นไม่ใช่จุดจบสำหรับผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง มันเป็นเพียงแค่การเปลี่ยนผ่านเท่านั้น การเข้าไปถึงขั้นสี่ได้จะดีกว่าการได้รับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานมาซะอีก เพราะมันจะบังเกิดความแตกต่างระหว่างเลเวล และขั้นกับผู้เล่นที่มีทุกอย่างต่ำกว่าอย่างมาก ซึ่งบางทีเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานหนึ่งถึงสองชิ้นนั้นไม่สามารถจะช่วยลดความแตกต่างได้ด้วยซ้ำ
แถมตอนนี้ซือเฟิงก็มีเลเวลหนึ่งร้อยสิบเจ็ดแล้ว เขาอยู่ห่างจากเกณฑ์เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบเพื่อจะทำเควสเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่แค่สามเลเวล
ซึ่งเควสเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่นั้นก็จะทำได้ยากกว่าขั้นสามมาก โดยทั้งสองอยู่ในระดับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เควสเลื่อนขั้น ขั้นสาม จะเหมือนกับผู้เล่นต้องไปเผชิญกับดันเจี้ยนโหมดปกติ ขณะที่เควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ นั้นมันจะเหมือนกับผู้เล่นต้องไปเผชิญกับดันเจี้ยนโหมดนรก มันมีความแตกต่างอย่างมากในเชิงคุณภาพระหว่างทั้งสอง
ผู้เชี่ยวชาญชั้นแนวหน้าส่วนใหญ่นั้นจะมาถึงขั้นสามกันแล้ว และแม้ว่าตอนนี้จะยังมีพวกเขาบางส่วนที่ทำไม่ได้ แต่พวกเขาก็จะได้ในตอนที่มีเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบถึงหนึ่งร้อยสามสิบอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามสำหรับขั้นสี่นัน้มันเป็นคนละเรื่อง ผู้เล่นมีสิทจะทำไม่สำเร็จเลยตลอดไป แม้ว่าพวกเขาจะไปถึงเลเวลสองร้อยแล้วก็ตาม
ด้วยเหตุนี้จำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่จึงหายากอย่างไม่น่าเชื่อ แม้แต่ในหมู่มหาอำนาจต่างๆในชีวิตที่ผ่านมาของเขา และใครที่สามารถไปถึงขั้นสี่ได้ก็จะได้กลายเป็นพวกระดับสูงของกิลทันที
ยิ่งไปกว่านั้นการจะทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ให้สำเร็จยังต้องใช้เวลานานมาก และตามสถิติที่ผู้เล่นรวบรวมกันมาในอดีต การจะทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ให้เสร็จนั้นจะต้องใช้เวลาโดยเฉลี่ยหนึ่งถึงสองเดือน
อย่างไรก็ตามซือเฟิงนั้นยังมีการทดสอบของมังกรอย่างออร์เบ็คที่รอเขาอยู่อีก ดังนั้นเขาจึงจำเป็นที่จะต้องรีบหน่อย เพราะหากเขาไม่ไปถึงขั้นสี่ก่อนที่เขาจะทำการทดสอบของออร์เบ็ค โอกาสในการที่เขาจะพิชิตการทดสอบของออร์เบ็คได้มันก็แทบจะเป็นศูนย์ อีกทั้งเขาก็ไม่สามารถจะสูญเสียออร์เบ็คไปได้ เพราะเพื่อนผู้นี้ช่วยให้เขาตั้งตัวได้อย่างมั่นคงในทวีปด้านตะวันตก
ในสถานะปัจจุบันของเขาซือเฟิงคาดว่าเขาจะมีโอกาสสิบถึงยี่สิบเปอเซ็นต์เท่านั้นในการจะทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ให้สำเร็จ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องค้วาโอกาสใดๆก็ตามที่เข้ามาที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้เขาโดยเร็วที่สุด
“ดูเหมือนว่าคุณจะตัดสินใจเลือกเส้นทางของคุณแล้ว …” เอลโวลต์กล่าวและมองไปยังนักดาบตรงหน้าของเขาในแบบที่แตกต่างออกไป ตอนนี้เขาไม่ได้มองว่าซือเฟิงนั้นเป็นคนอ่อนแออีกต่อไปแล้ว แต่เขามองในฐานะที่เท่าเทียมกัน จากนั้นเขาก็หยิบบอลคริสตัลขึ้นมามอบให้กับซือเฟิงและพูดว่า “นี่เป็นประสบการณ์ที่ฉันได้รับในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ฉันหวังว่ามันจะช่วยคุณได้บ้าง …”
หลังจากนั้นเอลโวลต์ และ NPC ขั้นสี่สองคนข้างเขาก็กลายเป็นลำแสงและหายออกไปจากเมืองพิษ ขณะที่ซือเฟิงก็ทำการเก็บดาบแห่งภัยพิบัติเข้ากระเป๋าของเขาโดยไม่คิดจะนำมันออกมาใช้
ดาบแห่งภัยพิบัตินั้นต่างจากอาวุธทั่วไป มันจะเปลี่ยนมานาของผู้ใช้ให้เป็นพลังแห่งความตายที่หนาแน่น ซึ่งมันจะส่งผลต่อผู้เล่นทุกคนที่สัมผัสกับมันนอกเหนือจากผู้ใช้ และเพียงแค่เอาเข้าฝักเก็บไว้เฉยๆไม่ได้อยู่ในกระเป๋า มันก็จะส่งผลกระทบต่อผู้เล่นคนอื่นได้แล้ว ดังนั้นมันจึงไม่ใช่อาวุธที่จะสามารถนำออกมาใช้ได้ทั่วไป นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ซือเฟิงจะปฎิเสธการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับดาบแห่งภัยพิบัติ
“หัวหน้ากิล เรารวบรวมไอเทมที่ดรอปจากบอสมาเรียบร้อยแล้ว …” อควาโรสรายงานด้วยความตื่นเต้น เมื่อเห็นว่าซือเฟิงคุยกับเอลโวลต์เสร็จ “ครั้งนี้เราเก็บเกี่ยวได้ค่อนข้างมากเลยทีเดียว นอกเหนือจากเสื้อคลุมนักเวทย์ที่มีชื่อว่า Undead’s Will ที่เป็นเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานแล้ว อันเดธตัวนี้ยังดรอปอาวุธระดับอีปิคออกมาได้อีกสองชิ้น ได้แก่คทาและกริช ขณะที่มันก็มีเซ็ทเนเธอร์ที่เป็นเซ็ทอุปกรณ์ขั้นสามสำหรับนักเวทย์ครบเซ็ทดรอปด้วย แถมมันยังมีวัสดุและสูตรอีกมากมายที่ดรอป ซึ่งตามความต้องการของหัวหน้ากิลเราได้จัดประมูลภายในสำหรับอาวุธระดับอีปิคแล้ว และบลูฟอร์สก็ได้รับคทาไป ขณะที่ฟลายอิ้งชาโด้วได้รับกริชไป แล้วเราจะทำยังไงกับเซ็ทอุปกรณ์ขั้นสามนี้ กับ Undead’s Will ?”
“มอบ Undead’s Will ให้กับบลูฟอร์สไป เขาจำเป็นจะต้องควบคุมสถานการณ์ต่างๆในดาร์คเดน และต่อกรกับมหาอำนาจต่างๆ นี่มันจะช่วยทำให้งานของเขาง่ายขึ้น” ซือเฟิงกล่าวหลังจากครุ่นคิด
ก่อนที่ซือเฟิงจะทันได้พูดอะไรต่อกับอควาโรส บลูเรนโบว์จากดาร์ครัปโซดี้ก็เดินเข้ามาหาเขาและกล่าวอย่างเป็นห่วงว่า “หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ฉันพึ่งได้รับรายงานมาว่าทีมพันธมิตรของหัวใจปีศาจได้ไปถึงบอสตัวที่สามของชั้นหนึ่งและเริ่มการโจมตีแล้ว และดูจากรูปการณ์ พวกเขาก็มีโอกาสสูงมากที่จะล้มมันได้ …”
ชั้นหนึ่งของหอคอยเทพโบราณนั้นมีบอสทั้งหมดสี่ตัว หากทีมพันธมิตรของหัวใจปีศาจสามารถจะเอาชนะบอสตัวที่สามได้ มันก็แทบจะรับประกันว่าพวกเขาจะสามารถเอาชนะบอสตัวสุดท้ายได้เช่นกัน
“ความเร็วในการโจมตีของพวกเขานั้นน่าทึ่งมากจริงๆ !!” ซือเฟิงเองก็รู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน เมื่อได้ยินเรื่องนี้ เพราะแต่ละชั้นของหอคอยทดสอบนั้นมีขนาดใหญ่พอๆกับแผนที่ทรัพยากรขนาดเล็ก ดังนั้นการค้นหาบอสจึงไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็หัวเราะเบาๆ และให้ความมั่นใจกับบลูเรนโบว์ว่า “โชคดีที่เราทำงานของเราที่นี่เสร็จแล้ว ดังนั้นมันก็ได้เวลาจะกลับไปจัดการที่นั่นสักที …!!”
ตอนที่ 2585 ปัญหาเล็กๆ และเริ่มการโจมตี
ป่าใบไม้ผลิ เมืองป่าหิน :
หลังจากได้รับดาบแห่งภัยพิบัติมา ซือเฟิงก็ได้ตัดสินใจที่จะออกจากเมืองพิษทันทีโดยใช้ม้วนคัมภีร์วาร์ปกลับเมือง เพื่อเทเลพอร์ตกลับไปยังโรงแรมอิสระของเมืองป่าหินทันที
ซึ่งขณะที่เขาและทั้งทีมปรากฎตัวขึ้นในล๊อบบี้ของโรงแรม พวกเขาก็ดึงดูดความสนใจจากแขกของโรงแรมได้เป็นอย่างมาก แม้ว่าสมาชิกในทีมส่วนใหญ่จะซ่อนข้อมูลและออร่าของตนไว้ภายใต้เสื้อคลุมสีดำ แต่บางคนก็ไม่ได้ทำ ….
เป็นผลให้เกิดแรงกดดันอย่างหนักในหมู่ผู้เล่นในล๊อบบี้ เมื่อทั้งทีมกลับมาถึง และออร่านี้มันก็แข็งแกร่งกว่าลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่เลเวลหนึ่งร้อยสิบด้วย ขณะที่บางคนนั้นมีออร่าที่แข็งแกร่งกว่าแกรนลอร์ดเลเวลหนึ่งร้อยสิบด้วยซ้ำ ….
“อึก !! ออร่าของผู้เล่นเหล่านี้นั้นไม่แข็งแกร่งเกินไปหน่อยงั้นหรอ ?! นี่พวกเขาดูแข็งแกร่งกว่าทีมของมหาอำนาจที่ฉันเคยพบมาก่อนเสียอีก !! คนพวกนี้เป็นใครกัน ?!”
“ดูนั่นสิ NPC เหล่านั้นแสดงความเคารพต่อนักดาบที่เป็นผู้นำ เป็นไปได้ไหมว่านั่นคือทีมที่แบล๊คเฟรมนำออกจากเมืองไปล่าก่อนหน้านี้ ?”
“คุณอาจจะพูดถูกนะ โดยปกติแล้ว NPC เหล่านั้นจะไม่สนใตแม้แต่สมาชิกระดับทองด้วยซ้ำ และฉันก็คิดว่าพวกเขาจะแสดงความเคารพแบบนี้ก็คงต่อหน้าแบล๊คเฟรมเท่านั้นแหละ”
ผู้เล่นหลายคนพูดคุยกันอย่างเผ็ดร้อนเกี่ยวกับทีมของซือเฟิง และผู้เล่นอิสระหลายคนก็มองดูด้วยความอิจฉา
ตอนนี้สภาสิบแปดปีกนั้นเข้าควบคุมประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืดไว้ได้แล้ว ดังนั้นเมืองป่าหินจึงกลายเป็นสถานที่ฝึกฝนและพักผ่อนอันศักสิทธิ์สำหรับผู้เล่นทั่วไปอย่างเป็นทางการ และมันก็มีผู้เล่นจำนวนนับไม่ถ้วนจากอาณาจักรและจักรวรรดิต่างๆที่เข้ามารวมตัวกันที่เมือง และแค่จะเข้าเมืองก็ยากมากแล้ว ไม่ต้องพูดถึงการเช่าห้องในโรงแรมอิสระเลย
อย่างไรก็ตามสมาชิกของสภาสิบแปดปีกนั้นไม่ได้มีปัญหาเหล่านี้ พวกเขาไม่จำเป็นต้องยืนต่อแถวเพื่อเข้าเมืองหรือต่อสู้เพื่อหาห้องพักในโรงแรมอิสระ เพราะกิลของพวกเขานั้นได้จองห้องสำหรับสมาชิกเอาไว้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นสมาชิกทั่วไปของสภาสิบแปดปีกยังจะได้รับส่วนลดสี่สิบเปอเซ็นต์ หากชำระค่าห้องด้วยคะแนนสะสมกิล ในขณะที่แกนหลักจะได้รับส่วนลดห้าสิบเปอเซ็นต์
นี่คือสาเหตุที่ทำให้มีผู้เล่นจำนวนมากพยายามจะเข้าร่วมกิลอย่างต่อเนื่อง และเพื่อให้แน่ใจว่ากิลจะสามารถดำเนินการตามปกติต่อไปได้ ในขณะที่ให้สิทธิประโยชน์เหมือนเดิม สภาสิบแปดปีกก็ได้เพิ่มข้อกำหนดในการรับสมัครเข้ากิลขึ้นอีก ซึ่งผู้เล่นนับไม่ถ้วนนั้นก็รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้เข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกให้เร็วกว่านี้
ในขณะเดียวกันไม่นานหลังจากที่ทีมของซือเฟิงได้กลับมาถึง ข่าวก็ไปถึงหูมหาอำนาจต่างๆที่กำลังติดตามการเคลื่อนไหวของสภาสิบแปดปีกอย่างรวดเร็ว
“ในที่สุดแบล๊คเฟรมก็กลับมาแล้วงั้นหรอ ?” ดอร์นโดมิแน้นซ์ซึ่งปกปิดตัวตนไว้ใต้เสื้อคลุมสีดำและพักผ่อนอยู่ในห้องหนึ่งของโรงแรมอิสระกล่าวอย่างเย้ยหยัน ในขณะที่เขาอ่านรายงานที่เขาได้รับจากลูกน้องของเขา “ดูเหมือนว่าเขาจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับสมาชิกกองกำลังหลักของดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้ขึ้นมาไม่น้อยเลย แต่น่าเสียดายที่เขาทำมันได้ช้าเกินไป ทีมของหัวใจปีศาจเกือบจะสามารถระบุจุดอ่อนของบอสตัวที่สามได้แล้ว และมันก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่พวกเขาจะเอาชนะมัน และก้าวหน้าไปหาบอสตัวสุดท้าย”
“หัวหน้ากิล เฟรมมิ่งไลท์รายงานมาว่าคนเหล่านั้นอยู่ในป่าใบไม้ผลิแล้ว เราควรออกไปไหม ?” Elementalist ขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยเก้ากล่าวถามดอร์นโดมิแน้นซ์
“ดี เราจะรีบตรงไปที่นั่นทันที ฉันอยากจะเห็นเช่นกันว่าบุคคลประเภทใดกันที่เฟรมมิ่งไลท์ได้เชิญมาและประกาศว่าเขาจะสามารถช่วยเวิร์ลโดมิเนชั่นเข้าควบคุมโลกแห่งความมืดได้” ดอร์นโดมิแน้นซ์กล่าวพลางพยักหน้า
หลังจากนั้นดอร์นโดมิแน้นซ์ก็ได้ออกจากเมืองป่าหินไปพร้อมกับลูกน้องของตน และเขาก็ได้เดินทางไปยังพื้นที่ชั้นนอกของป่าใบไม้ผลิ
ในเวลาเดียวกันมหาอำนาจต่างๆที่ปฎิบัติการอย่างลับๆอยู่ในเมืองป่าหินนั้นก็ไม่ได้กังวลอะไรมากนักกับการกลับมาของซือเฟิง สภาสิบแปดปีกควบคุมประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืดแล้วยังไงล่ะ ?
ในท้ายที่สุดผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดก็ยังจะต้องหลั่งไหลเข้ามายังทวีปหลักได้อยู่ดีด้วยฝีมือของหัวใจปีศาจ และเมื่อเวลานั้มาถึง สภาสิบแปดปีกที่เป็นศัตรูกับพวกเขาจะต้องทนทุกข์ทรมาณแน่นอน เมื่อออกไปนอกป่าใบไม้ผลิ
ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่ง เมื่อเขากลับมาซือเฟิงก็ได้สั่งให้ผู้จัดการ NPC จัดห้องรับรองขั้นสูงเพื่อให้ทั้งทีมได้พักผ่อน ….
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม หัวใจปีศาจได้เริ่มโจมตีบอสตัวที่สามแล้ว แต่คุณยังต้องการพักที่นี่ …?” บลูเรนโบว์บ่อย่างกังวล
แม้ว่าพวกเขาจะเหนื่อยล้าจากการเดินทางไปยังเมืองพิษ แต่ผู้เล่นก็จะฟื้นฟูค่าสตามิน่าและค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจขึ้นได้เร็วขึ้นเมื่อมีเลเวลสูงขึ้น และหลังจากพวกเขาเลเวลเพิ่มขึ้นมาถึงคนละสองเลเวลกันหลังจากฆ่าคลอเดียได้ พวกเขาจึงอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างดีมากๆ และพวกเขาก็มีมากกว่าความสามารถในการบุกโจมตีหอคอยเทพโบราณด้วยซ้ำ ….
แต่ถึงกระนั้นตอนนี้ซือเฟิงกับบอกให้พวกเขาพักผ่อนในตอนนี้ ราวกับว่าเขาคิดว่าหัวใจปีศาจยังคงนำพวกเขาไปไม่มากเพียงพอ
“ไม่ใช่แบบนั้น ค่าสตามิน่าและค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของพวกคุณอาจจะอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่พลังแห่งความตายของดินแดนลับนั้นก็ได้กัดกร่อนร่างกายของพวกคุณไปอย่างมาก แถมในหอคอยเทพโบราณนั้นมันยังมีพลังแปลกๆอื่นที่ทรงพลังมากด้วย ซึ่งในกรณีที่พลังแปลกๆที่ว่านี้ส่งผลกระทบมากเกินไปก่อนที่พวกคุณจะพิชิตการทดสอบได้ ทุกอย่างที่พวกคุณทำมาก็จะสูญเปล่า มันจะดีกว่าที่จะพักผ่อนที่นี่สักพักแทนที่จะไปเสี่ยงแบบนั้น …. และคุณก็สามารถใช้เวลานี้ในการดื่มโพชั่น Exotic Legacy ที่คุณได้รับมาด้วยเช่นกัน …” ซือเฟิงกล่าวพลางส่ายหัว
“แต่กว่าจะถึงเวลานั้น …” การยืนกรานของซือเฟิงไม่ได้ทำให้บลูเรนโบว์สงบลง
อนาคตของทั้งสองกิลของพวกเขากำลังตกอยู่ในความเสี่ยง หากทีมพันธมิตรของหัวใจปีศาจทำการพิชิตชั้นหนึ่งของหอคอยเทพโบราณได้ก่อน ทั้งสองกิลจะยืนหยัดอยู่ได้ไม่นานนักแน่นอนในโลกแห่งความมืด
“ฉันคิดว่ามันคงจะไม่มีปัญหาใดๆ หากพวกคุณดื่มโพชั่น Exotic Legacy เข้าไปและใช้มันจนเสร็จเรียบร้อย …” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ
รางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ทั้งทีมได้รับมานั้นไม่ใช่อาวุธ อุปกรณ์ หรือคะแนนสกิลมรดก แต่เป็นโพชั่น Exotic Legacy
เมื่อผู้เล่นฆ่าบอสของเมืองพิษตามปกติ บอสแต่ละตัวก็จะดรอปโพชั่น Exotic Legacy เพียงหนึ่งถึงสองครั้งเท่านั้น นอกจากนี้บอสเหล่านี้ยังจะเกิดใหม่หลังสามวันผ่านไป เมื่อรู้อย่างนี้แล้วมันจึงง่ายที่จะจินตนาการเลยว่าโพชั่นนี้มีค่ามากแค่ไหน
อย่างไรก็ตามเนื่องจากทีมได้ทำเควสระดับตำนานที่อ่อนแอได้สำเร็จ สมาชิกในทีมทั้งหมดจึงได้รับมันมาคนละหนึ่งขวด
แม้ว่าการใช้โพชั่น Exotic Legacy เพียงขวดเดียวจะไม่ช่วยให้คนๆหนึ่งสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของเขาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ แต่เมื่อมันใช้ร่วมกับสภาพแวดล้อมของโรงแรมอิสระแล้ว มันก็น่าจะช่วยให้ผู้เล่นที่ใช้มันปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้ในเปอเซ็นต์ค่อนข้างมาก ซึ่งนี่มันก็จะช่วยปรับปรุงทั้งร่างกาย สกิล และเวทย์ของผู้เล่นได้อย่างมาก
ซึ่งเมื่อได้ยินคำแนะนำของซือเฟิงนั้นผู้อาวุโสโกลด์ และบลูเรนโบว์ก็เลิกดื้อแพ่งทันที เพราะท้ายที่สุดแล้วซือเฟิงก็พูดมีประเด็นจริงๆ หากพวกเขาไปในสภาพนี้ และไม่สามารถรับพลังแปลกๆที่รุนแรงในหอคอยเทพโบราณได้ แผนของพวกเขาทั้งหมดที่อุตส่าห์ทำมาจะจบสิ้นแน่นอน
โดยรวมแล้วทั้งทีมได้พักเป็นเวลานานกว่าหนึ่งชั่วโมง ซึ่งเมื่อพวกเขารู้สึกสดชื่นแล้ว ผู้อาวุโสโกลด์และบลูเรนโบว์ก็ได้รีบไปยังหอคอยเทพโบราณพร้อมกับสมาชิกกองกำลังหลักของกิลพวกเขา
เมื่อถึงเวลาที่ทั้งหมดเดินทางมาถึง มันก็ผ่านไปอีกสี่ชั่วโมงแล้ว ….
หอคอยเทพโบราณนั้นมีทั้งหมดเจ็ดชั้น และสูงกว่าหนึ่งพันเมตร โดยผู้เล่นของมหาอำนาจต่างๆที่ทำหน้าที่ป้องกันทางเข้าอยู่นั้นไม่ได้พยายามจะหยุดทีมของบลูเรนโบว์และผู้อาวุโสโกลด์เมื่อพวกเขามาถึง พวกเขาเพียงแค่เปิดทางและแจ้งให้ทีมพันธมิตรหัวใจปีศาจรู้ถึงการมาถึงของทีมทั้งสองกิลเท่านั้น
“ผู้อาวุโสฮาร์ท คนของเราได้แจ้งมาว่าตอนนี้สมาชิกของดาร์ครัปโซดี้และเดียตี้โซไซตี้ได้ปรากฎตัวขึ้นแล้ว และพวกเขาก็ได้เข้ามาภายในหอคอยแล้ว” แรนเจอร์แห่งความมืดขั้นสามเดินเข้ามารายงานฟิวเรียสฮาร์ท
“ในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจที่จะปรากฎตัวงั้นหรอ ?” รายงานนี้ทำให้ฟิวเรียสฮาร์ทประหลาดใจ “พวกเขาส่งคนมาเท่าไหร่ ? แล้วสมาชิกสภาสิบแปดปีกอยู่กับพวกเขาไหม ?”
ทีมของพวกเขานั้นสามารถจะเอาชนะบอสตัวที่สามของชั้นหนึ่งได้แล้ว และพวกเขาก็ได้ตำแหน่งของบอสตัวสุดท้ายมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงพบว่ามันน่าประหลาดใจมากๆที่ทั้งสองกิลพึ่งจะปรากฎตัวในตอนนี้ และพวกเขาก็ควรจะนำพันธมิตรของพวกเขามาด้วยเพื่อให้พวกเขาสามารถตามทันความก้าวหน้าของทีมพันธมิตรหัวใจปีศาจได้ทัน
“มากกว่าสองร้อยคนเล็กน้อย และเราไม่เห็นสมาชิกของสภาสิบแปดปีกหรือผู้เล่นจากโลกภายนอกมากับพวกเขาเลย” แรนเจอร์แห่งความมืดรายงาน
“ห้ะ ? นี่พวกเขาไม่หลงตัวเองเกินไปหน่อยหรอถึงพาผู้เล่นมาแค่นี้ ?” ชั่วขณะหนึ่งฟิวเรียสฮาร์ทนั้นสงสัยว่าเขาได้ยินแรนเจอร์แห่งความมืดรายงานผิดรึปล่าว
ทีมพันธมิตรของหัวใจปีศาจนั้นได้ส่งผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมามากกว่าหนึ่งพันคนเพื่อโอกาสในการจะพิชิตการทดสอบในชั้นหนึ่งของหอคอยเทพโบราณให้ได้ !!
แล้วนี่มันเรื่องตลกอะไรกันทั้งสองกิลถึงนำผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมามากกว่าสองร้อยคนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ?
“เราควรส่งสายลับไปสืบหาข้อมูลเพิ่มเติมไหม ?” แรนเจอร์แห่งความมืดกล่าวถาม
“ไม่จำเป็น นี่พวกเขาคิดว่าที่นี่เป็นสนามเด็กเล่นรึไงถึงส่งคนมาแค่นี้ ?” ฟิวเรียสฮาร์ทกล่าวพลางส่ายหัวและหัวเราะเบาๆ “ปล่อยให้พวกเขาดิ้นรนไป ฉันอยากจะให้พวกเขารู้ว่าพวกเขาโง่แค่ไหนที่คิดจะพึ่งพาสภาสิบแปดปีก !!! และเมื่อเราทำทุกอย่างที่นี่เรียบร้อย พวกเขาก็จะต้องเสียใจกับการตัดสินใจของพวกเขา !!!”
เมื่อเป็นดังนี้ฟิวเรียสฮาร์ทจึงสั่งให้ทีมของเขามุ่งหน้าไปยังบอสตัวสุดท้าย โดยละความสนใจจากดาร์ครัปโซดี้และเดียตี้โซไซตี้อย่างสิ้นเชิง
ในระหว่างนั้นสมาชิกกองกำลังหลักของดาร์ครัปโซดี้และเดียตี้โซไซตี้ก็มาหยุดอยู่ตรงที่หน้าประตูชั้นหนึ่งของหอคอยเทพโบราณ
“เอาล่ะ เริ่มการโจมตี !!!” บลูเรนโบว์ตะโกนพลางมองไปยังสมาชิกในทีมทั้งหมด
ตอนที่ 2586 เหนือกว่าตรรกะ และการปลดล๊อคหอคอยเทพโบราณ
โลกแห่งความมืด หอคอยเทพโบราณ :
ทีมที่มีผู้เล่นมากกว่าหนึ่งพันคนกำลังต่อสู้กับออร์คป่าเถื่อนเร่ร่อน ขณะที่พวกเขาก้าวข้ามผ่านพื้นที่กร้างที่เต็มไปด้วยกรวด แต่เนื่องจากออร์คพวกนี้นั้นมีจำนวนมาก ความคืบหน้าของทั้งทีมจึงค่อนข้างล่าช้ามากๆ
ซึ่งหากมองจากระยะไกลมันก็ดูเหมือนกับว่าทั้งทีมกำลังจมอยู่ในทะเลออร์ค นอกเหนือจากพื้นที่ที่ผู้เล่นครอบครองแล้ว เหล่าออร์คนั้นก็ครอบครองพื้นที่อื่นๆแทบทุกตารางนิ้ว
[ออร์คป่าเถื่อน] (สิ่งมีชีวิตกึ่งมนุษย์ ลอร์ดบอสขั้นสูง)
เลเวล 112
HP 57,000,000/57,000,000
[นักรบออร์คป่าเถื่อน] (สิ่งมีชีวิตกึ่งมนุษย์ ลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่)
เลเวล 113
HP 140,000,000/140,000,000
[หัวหน้าออร์คป่าเถื่อน] (สิ่งมีชีวิตกึ่งมนุษย์ แกรนลอร์ด)
เลเวล 114
HP 500,000,000/500,000,000
“ผู้อาวุโสฮาร์ทมันมีมอนสเตอร์จำนวนมากเกินไปที่กำลังออกมาจากเมืองโบราณ ถ้าเราเข้าใกล้มากขึ้นกว่านี้ ฉันกลัวว่าเราจะไปดึงดูดความสนใจของพวกองครักษ์ออร์คบนกำแพงเมือง” หนึ่งในชิลวอริเออร์ขั้นสามที่มีเลเวลหนึ่งร้อยสิบที่อยู่ในแนวหน้ากล่าวขึ้น
แม้ว่าสามเมืองแรกนั้นจะยากต่อการโจมตีมากๆ แต่มันก็ไม่ได้มีมอนสเตอร์มากมายขนาดนี้ เมืองโบราณแห่งที่สี่นี้ดูเหมือนจะเป็นที่อยู่ของออร์คอย่างน้อยหนึ่งแสนตัว
หากทีมของพวกเขาไม่ได้ประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม ออร์คป่าเถื่อนและนัก
รบออร์คเหล่านี้ก็คงจะกำจัดพวกเขาได้ไปนานแล้ว
“ทำไมพอมาถึงเมืองนี้มันถึงยากขึ้นมาก ?” ฟิวเรียสฮาร์ทขมวดคิ้ว ขณะที่มองไปยังหัวออร์คป่าเถื่อนบนกำแพงเมือง เขากัดฟันสั่ง “ทุกคนเปลี่ยนรูปแบบ !! จัดลำดับความสำคัญมาที่ออร์คตรงหน้านี้ก่อนที่จะไปทำอย่างอื่น !!”
แม้ว่าทีมของพวกเขาจะสามารถจัดการกับแกรนลอร์ดเลเวลหนึ่งร้อยสิบสี่ได้สบายๆ แต่ที่นี่มันก็มีแกรนลอร์ดอยู่มากกว่าสามสิบตัวที่ประจำการอยู่บนกำแพง ซึ่งในโลกภายนอกนั้นกองกำลังแบบนี้จะสามารถทำลายเมืองกิลทั่วไปได้อย่างง่ายดายเลย
และมันก็มีออร์คป่าเถื่อนกับนักรบออร์คจำนวนมากจนตึงมือสำหรับทีมของพวกเขาที่จะจัดการได้
และภายใต้คำสั่งของฟิวเรียสฮารืท ทุกคนก็เปลี่ยนจากรูปแบบโจมตีตัว V มาเป็นรูปแบบป้องกัน โดยให้แท๊งเกอร์ในแนวหน้าคอยตรึงพวกออร์คที่กำลังรุมล้อมเข้ามา ในขณะที่ผู้เล่นระยะไกลคอยโจมตีจากภายในชั้นในของแนวป้องกัน
เมื่อทุกคนอยู่ในตำแหน่ง ผู้เล่นนักเวทย์ของทีมก็เริ่มร่ายเวทย์กัน และมันก็ทำให้มีวงเวทย์จำนวนนับร้อยปรากฎขึ้นเหนือกองกำลังของออร์ค โดยวงเวทย์ก็ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าแทบท้งหมดในบริเวณกองกำลังออร์ค
สี่วินาทีต่อมา วงเวทย์หลายคนก็ได้กลายเป็นรูปเป็นร่าง และมันก็มีเวทย์จำนวนมากไม่ว่าจะเป็นสายฟ้า น้ำ น้ำแข็ง ไฟ โจมตีเข้าใส่กองกำลังของออร์ค
ตู้ม … ตู้ม … ตู้ม …
เสียงระเบิดที่ทำให้ทุกคนแทบจะหูหนวกไปชั่วขณะดังก้องไปทั่วบริเวณ
เมื่อสกิลเวทย์ AOE ทำลายล้างขนาดใหญ่สุดท้ายสิ้นสุดลง ภูมิประเทศโดยรอบก็ได้เปลี่ยนไป ตอนนี้มันมีซากศพของออร์คป่าเถื่อนและนักรบออร์คป่าเถื่อนมากกว่าสี่พันศพนอนเกลื่อนไปทั่วบริเวณ
“ยอดเยี่ยม !! ทีมที่มีสกิล และเวทย์ AOE ทำลายล้างขนาดใหญ่จำนวนมากนี่มันยอดเยี่ยมจริงๆ !!”
“นั่นสิ ทีมปกติของฉันจะมีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่มีสกิลและเวทย์ AOE ทำลายล้างขนาดใหญ่ขั้นสาม แต่ตอนนี้เรากับมีมากกว่าหนึ่งร้อย ฉันคิดว่าแม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็ยังไม่สามารถจะสร้างทีมที่ทรงพลังแบบนี้ขึ้นมาได้แน่นอน !!”
“มันน่าเสียที่มอนสเตอร์ภายในหอคอยเทพโบราณนี้จะไม่ดรอปของใดๆ แถมมันยังให้ EXP เราแค่เล็กน้อยเท่านั้น ไม่งั้นเราคงเรียกได้ว่าเจอกับแจ๊คพอตครั้งใหญ่”
ผู้เชี่ยวชาญในทีมพันธมิตรของหัวใจปีศาจต่างประหลาดใจกับฉากที่พวกเขาได้เห็นตรงหน้า
พวกเขารู้ว่าหัวใจปีศาจนั้นได้เดินทางไปทั่วโลกแห่งความมืดและขอยืมกำลังจากมหาอำนาจต่างๆของโลกแห่งความมืดเพื่อบุกโจมตีหอคอยเทพโบราณ และพวกเขาก็ได้จัดลำดับความสำคัญที่การคัดเลือกผู้ที่มีสกิล และเวทย์ AOE ทำลายล้างขนาดใหญ่ขั้นสามมาเข้าทีมก่อน อย่างไรก็ตามมันมีผู้เล่นแค่ไม่กี่คนเท่านั้นก่อนหน้านี้ที่ทำการร่ายเวทย์หรือใช้สกิลแบบนี้ในระหว่างการต่อสู้ เพราะพวกเขาไม่ได้รับอนุญาติให้ใช้มันพร้อมกัน อย่างไรก็ตามพอตอนนี้พวกเขาได้รับอนุญาตินั้น พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เมื่อเห็นผลของสกิลและเวทย์ AOE ทำลายล้างขนาดใหญ่ขั้นสามจำนวนนับร้อยสามารถทำได้
ขณะเดียวกันนี่มันก็ทำให้สมาชิกในทีมตระหนักได้ถึงความสำคัญของผู้ที่มีสกิลและเวทย์ AOE ทำลายล้างขนาดใหญ่ พวกเขานั้นเป็นดั่งปืนใหญ่สำหรับทีมจริงๆ
“ฉันสงสัยจังว่าผู้เล่นของดาร์ครัปโซดี้กับเดียตี้โซไซตี้กำลังคิดอะไรอยู่ ? ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเขาพยายามจะแข่งกับเราด้วยผู้เล่นมากกว่าสองร้อยคนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น … ทีมเต็มทีมของพวกเขามีขนาดเล็กกว่าทีมผู้ที่มีสกิลและเวทย์ AOE ทำลายล้างขนาดใหญ่ขั้นสามของเราด้วยซ้ำ” แรนเจอร์ขั้นสามกล่าวพลางมองไปยังฉากรอบๆตรงหน้าเขา
“ฉันคิดว่า พวกเขาคงคาดเดาว่าเราจะมีคนที่มีสกิลและเวทย์ AOE ทำลายล้างขนาดใหญ่แค่ไม่กี่คนเท่านั้น แต่ถ้าพวกเขาได้มาเห็นฉากตรงหน้านี้พวกเขาอาจจะยอมแพ้ไปเลยก็ได้” Elementalist ขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยเก้ากล่าวเสริมพลางหัวเราะ
ดาร์ครัปโซดี้และเดียตี้โซไซตี้นั้นเป็นกิลที่น่าเกรงขามในโลกแห่งความมืด แต่พวกเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากพอที่จะต่อกรกับมหาอำนาจต่างๆของโลกแห่งความมืดที่ร่วมมือกัน
แม้แต่สมาชิกที่อ่อนแอที่สุดในทีมพันธมิตรหัวใจปีศาจก็ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตการปรับแต่งที่สวมใส่อุปกรณ์ระดับไฟน์โกล เลเวลหนึ่งร้อยห้าครบเซ็ท ซึ่งแม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็มีผู้เชี่ยวชาญจำนวนไม่มากนักที่มีอุปกรณ์ระดับนี้ครบแบบนี้ แต่สมาชิกทุกคนในทีมพันธมิตรหัวใจปีศาจกับมีอุปกรณ์แบบนี้ทั้งหมด ดังนั้นดาร์ครัปโซดี้และเดียตี้โซไซตี้จะมาเทียบกับพวกเขาได้ยังไง ?
“พอ เลิกคุยกันได้แล้ว !! เราจะต้องกำจัดพวกออร์คป่าเถื่อนและเปิดทางตรงนี้ให้เร็วที่สุด !! ถ้าเราใช้เวลานานเกินไปพวกมันจะเกิดใหม่ในระหว่างเราต่อสู้กับบอสและเราจะเจอกับปัญหาใหญ่เอาได้ !!” ฟิวเรียสฮาร์ทตะโกนออกคำสั่งพลางหัวเราะเบาๆ
เขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับความพยายามของทั้งสองกิลในการบุกโจมตีหอคอยเทพโบราณ เพราะเขามั่นใจว่าตอนนี้แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะมาด้วย สภาสิบแปดปีกก็จะช่วยทั้งสองกิลไม่ได้แน่นอน
ทีมพันธมิตรหัวใจปีศาจ ไม่เพียงแต่จะประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากจากมหาอำนาจต่างๆของโลกแห่งความมืด แต่พวกเขายังได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจจำนวนหนึ่งของทวีปหลักด้วย
ในที่สุดหลังจากผ่านการต่อสู้มานานกว่าสิบชั่วโมง ฟิวเรียสฮาร์ทและทีมของเขาก็ได้จำกัดกองกำลังออร์คป่าเถื่อนบริเวณนี้และในเมืองโบราณไปทั้งหมด และตอนนี้มันก็มีเพียงบอสตัวสุดท้ายกับองครักษ์ไม่กี่คนเท่านั้นที่เหลืออยู่
[ราชันออร์คป่าเถื่อน] (สิ่งมีชีวิตกึ่งมนุษย์ สายพันธุ์โบราณ ระดับเทพนิยาย)
เลเวล 114
HP 3,500,000,000/3,500,000,000
[องครักษ์ออร์คป่าเถื่อน] (สิ่งมีชีวิตกึ่งมนุษย์ สายพันธุ์พิเศษ แกรนลอร์ด)
เลเวล 114
HP 600,000,000/600,000,000
เมื่อพวกเขาเห็นราชันออร์คป่าเถื่อน และองครักษ์ออร์คป่าเถื่อนแปดตัวในหอคอยโบราณใจกลางเมือง ฟิวเรียสฮาร์ทและทีมของเขาก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง
บอสที่เป็นมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายทั่วไปนั้นก็จัดว่าเป็นเรื่องท้าทายสำหรับพวกเขามากแล้ว เนื่องจากค่าสถานะและมาตราฐานการต่อสู้ที่สูงลิ่วของมัน อย่างไรก็ตามสายพันธุ์โบราณ ระดับเทพนิยายนั้นก็จะทรงพลังมากกว่านี้ขึ้นไปอีกทั้งสองด้าน
ในขณะเดียวกันระบบก็มักจะเพิ่มพลังให้กับพวกสายพันธุ์พิเศษให้ก้าวข้ามขั้นได้ด้วยโดยใช้วิธีบางอย่างที่เฉพาะเจาะจง ดังนั้นในบางครั้งพลังการต่อสู้ของแกรนลอร์ดแบบนี้จึงมักจะเทียบกับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายทั่วไปได้เลย
ซึ่งตอนนี้มันเท่ากับว่าทีมของพวกเขานั้นจะต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ที่มีพลังกึ่งระดับเทพนิยายแปดตัว และมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย สายพันธุ์โบราณอีกหนึ่งตัว โดยแค่เก้าตัวนี้นั้นมันก็สามารถจะทำลายเมืองกิลทั่วไปลงได้อย่างง่ายดายเลย
“ผู้อาวุโสฮาร์ท ทั้งเก้าตัวอยู่ใกล้กันเกินไป ถ้าเราเริ่มโจมตี ทั้งเก้าตัวจะตอบสนองพร้อมกันแน่นอน” แอสซาซินขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยสิบจากเวิร์ลโดมิเนชั่นกล่าวเตือนพลางขมวดคิ้ว
“ดังนั้นเราก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องต่อสู้กับพวกมันทั้งหมดในเวลาเดียวกัน เมื่อเราเริ่มโจมตีให้ล่อองครักษ์ออร์คป่าเถื่อนแปดตัวไปข้างๆ และมุ่งเน้นไปที่การฆ่ามันก่อน ก่อนจะมาจัดการกับบอส” ฟิวเรียสฮาร์ทตัดสินใจ หลังจากครุ่นคิดถึงเรื่องนี้
เพื่อนร่วมทีมพยักหน้าเห็นด้วยกับแผนของเขา แม้ว่ามอนสเตอร์เหล่านี้จะแข็งแกร่ง แต่พวกมันก็มีเพียงเก้าตัวเท่านั้น ขณะที่พวกเขามีกันมากกว่าพัน ดังนั้นแผนที่ฟิวเรียสฮาร์ทกล่าวมาจึงเป็นแผนที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาที่จะสามารถใช้จัดการกับมอนสเตอร์พวกนี้ได้แล้ว
เมื่อตกลงกันได้แล้ว ทุกคนก็เริ่มเข้าประจำตำแหน่งและเตรียมลงมือกันทันที
ระหว่างที่แท๊งเกอร์ของทีมกำลังเตรียมจะเข้าไปหลอกล่อ และแยกองครักษ์ออร์คป่าเถื่อนแปดตัวออกจากราชันออร์คป่าเถื่อน พวกเขาก็ได้ยินเสียงการแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นหลายชุด
ประกาศจากระบบภูมิภาคหอคอยเทพโบราณ : มีทีมทำการทดสอบในชั้นแรกของหอคอยเทพโบราณสำเร็จแล้ว ตอนนี้วงเวทย์เทเลพอร์ตในชั้นแรกได้ถูกปลดล๊อคแล้ว
ประกาศจากระบบภูมิภาคหอคอยเทพโบราณ : มีทีมทำการทดสอบในชั้นแรกของหอคอยเทพโบราณสำเร็จแล้ว ผู้เล่นทุกคนในชั้นแรกจะถูกเทเลพอร์ตโดยอัตโนมัติไปยังห้องศักสิทธิ์ในชั้นแรกภายในสามนาที โปรดเตรียมการที่จำเป็น
“นี่ … เป็นไปได้ยังไงกัน ?!”
หลังจากได้ยินประกาศของระบบ ทีมพันธมิตรหัวใจปีศาจทั้งทีมก็เงียบลง ….
ตอนที่ 2587 ก้าวหน้ามากกว่าหนึ่งก้าว และเลเวลที่น่ากลัว
“เรายังไม่ได้เริ่มต้นโจมตีบอสเลย แต่การทดสอบกับถูกเคลียร์แล้วงั้นหรอ ?! นี่มีทีมอื่นนำหน้าเราไปได้งั้นหรอ ?”
“นี่มีมหาอำนาจบางกลุ่มส่งทีมเข้ามาที่หอคอยเทพโบราณแบบลับๆ ก่อนที่เราจะมาถึงรึปล่าว ?”
“เป็นไปไม่ได้ !! มันไม่มีทางที่จะมีใครคุมทีมที่แข็งแกร่งมากพอจะพิชิตหอคอยเทพโบราณเข้ามาที่หอคอยได้ โดยไม่มีใครสังเกตเห็นแน่นอน !!!”
มันไม่มีใครในทีมพันธมิตรหัวใจปีศาจที่จะเชื่อหูของตัวเองเลยเมื่อได้ยินประกาศของระบบ ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ล้วนเต็มไปด้วยความสงสัยมากๆว่าทีมใดกันที่สามารถจะพิชิตชั้นหนึ่งของหอคอยเทพโบราณได้ ….
แต่ถึงแม้จะใช้สมองคิดกันอยู่นาน แต่มันก็ไม่มีใครคิดออกเลยว่าทีมของใครกันที่เป็นผู้ทำแบบนี้ได้
พวกเขานั้นมีประสบการณ์โดยตรงกับเรื่องการทดสอบในชั้นหนึ่ง ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ดีว่ามันท้าทายและยากมากแค่ไหน ทีมไม่เพียงแต่ต้องการผู้เชี่ยวชาญขั้นสามขอบเขตการปรับแต่งอย่างน้อยหนึ่งพันคน แต่ทั้งทีมยังต้องสวมใส่อาวุธและอุปกรณ์ชั้นยอดแบบเต็มรูปแบบด้วย ทีมพันธมิตรหัวใจปีศาจของพวกเขานั้นถูกบังคับให้ต้องขอยืมอาวุธและอุปกรณ์ชั้นยอดมาจากมหาอำนาจต่างๆของทวีปหลัก และพูดกันตรงๆการจัดหาสิ่งของเหล่านี้ให้เพียงพอเองนั้นมันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับมหาอำนาจต่างๆในโลกแห่งความมืด
“มันอาจเป็นทีมของดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้หรือปล่าวผู้อาวุโสฮาร์ท ?” แอสซาซินขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยสิบ จากเวิร์ลโดมิเนชั่นคาดเดาอย่างสงสัย
“เป็นไปไม่ได้ !!” ฟิวเรียสฮาร์ทตอบกลับเรื่องนี้โดยสัญชาตญาณ “พวกเขาพึ่งเข้ามาในหอคอยไม่ถึงครึ่งวันที่ผ่านมา !!! และด้วยผู้เล่นมากกว่าสองร้อยคนเพียงเล็กน้อยนั้น พวกเขาก็ไม่ควรจะสามารถจัดการมอนสเตอร์ในพื้นที่ชั้นนอกได้ด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงมอนสเตอร์ในเมืองโบราณแห่งที่สี่เลย !!!”
“ก็น่าจะเป็นแบบนั้น แม้ว่าพวกเขาจะมีอาวุธและอุปกรณ์ชั้นยอดกันทั้งหมด แต่มันก็ยังต้องใช้เวลาอย่างมากอยู่ดีในการค้นหารูปแบบและจุดอ่อนของบอส พวกเขาจะนับว่าโชคดีมากแล้วถ้าพวกเขาสามารถฆ่าบอสตัวแรกได้ในตอนนี้ ไม่ต้องพูดถึงบอสทั้งสี่ตัวเลย” แอสซาซินกล่าวพึมพำออกมา ก่อนที่เขาจะด่าในความโง่ของตัวเองที่คิดว่าดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้นั้นเป็นผู้รับผิดชอบในการพิชิตการทดสอบในชั้นหนึ่งได้
“อย่างไรก็ตามถ้าไม่ใช่ทั้งสองกิลนี้แล้วใครเป็นคนทำเรื่องนี้กัน ?”
ทุกคนในโลกแห่งความมืดนั้นรู้ดีว่าดาร์ครัปโซดี้ เดียตี้โซไซตี้ และเวิร์ลโดมิเนชั่น เป็นกิลสามอันดับแรกที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกแห่งความมืดของพวกเขา และมันไม่มีกิลใดที่จะสามารถเทียบกับสามกิลนี้ได้เลยในระยะนี้ของเกม ดังนั้นพวกเขาจึงพบว่ามันยากจะเชื่อมากๆว่ามันมีมหาอำนาจที่หลบซ่อนบางกลุ่มที่สามารถจะทำเรื่องนี้ได้สำเร็จนั้นมีอยู่จริง
“ฉันก็ไม่รู้ว่าใครทำลายแผนการของเรา แต่มันก็ยังดีที่ไม่ใช่ดาร์ครัปโซดี้กับเดียตี้โซไซตี้ …” ฟิวเรียสฮาร์ทกล่าวแสดงความคิดเห็น หลังจากเขาใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อสงบสติอารมณ์ของเขา “พวกเราจะรู้ได้ว่าพวกนั้นเป็นใครก็ตอนที่ระบบเทเลพอร์ต เทเลพอร์ตเราไปยังห้องศักสิทธิ์นั่นแหละ …”
การปรากฎตัวของฝ่ายที่สามนั้นทำให้ฟิวเรียสฮาร์ทประหลาดใจอย่างมากแน่นอน อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากมากนัก เพราะท้ายที่สุดตอนนี้ใน God domain นั้นมันได้มีบริษัทยักษ์ใหญ่จำนวนมากเข้ามาลงทุน และมันก็มีบางแห่งที่จะพัฒนาอย่างลับๆเพื่อรอวันฉายแสง ซึ่งหัวใจปีศาจเองก็เคยอยู่ในตำแหน่งนั้น ….
แถมพูดกันตรงๆนี่ก็ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เลวร้ายใดๆ ด้วยอิทธิพลของหัวใจปีศาจ และพันธมิตรของพวกเขาในโลกแห่งความมืดนั้น พวกเขาก็น่าจะสามารถกดดันให้ฝ่ายที่สามที่ทำสำเร็จในเรื่องนี้มาร่วมมือกับพวกเขาได้
สมาชิกของมหาอำนาจอื่นๆพยักหน้าเห็นด้วย พวกเขารู้ดีว่าฟิวเรียสฮาร์ทคิดอะไรอยู่
ทีมพันธมิตรหัวใจปีศาจของพวกเขานั้น ล้วนเป็นตัวแทนจากมหาอำนาจส่วนใหญ่ในโลกแห่งความมืด และการปฎิเสธที่จะร่วมมือกับพวกเขามันก็เท่ากับการฆ่าตัวตาย หอคอยเทพโบราณนั้นไม่ใช่แค่ทางออกเดียวที่จะทำให้ผู้เล่นออกจากโลกแห่งความมืดได้ และผู้เล่นก็สามารถแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงสิทในการเป็นผู้จัดการชั้นในหอคอยเทพโบราณได้เดือนละครั้ง และวิธีการที่ง่ายที่สุดในการจะเป็นเจ้าของใหม่ หลังจากชั้นหนึ่งถูกพิชิตแล้วแบบนี้ก็คือการต่อสู้กับผู้เป็นเจ้าของที่เป็นผู้เล่นด้วยกันนี่แหละ ซึ่งมันจะง่ายกว่าการจัดการกับบอสมากๆ
ไม่นานหลังจากที่ฟิวเรียสฮาร์ทเงียบไป วงเวทย์เทเลพอร์ตก็ปรากฎขึ้นใต้เท้าของทุกคน และมันก็ทำการเทเลพอร์ตพวกเขาไปยังห้องศักสิทธิ์ในหอคอยเทพโบราณ
หอคอยเทพโบราณ ห้องโถงใจกลางชั้นหนึ่ง :
แสงสีขาวสว่างขึ้นเต็มลานใจกลางห้องโถง ขณะที่ผู้เล่นทุกคนที่อยู่ในชั้นหนึ่งถูกเทเลพอร์ตเข้ามา
ห้องโถงใจกลางชั้นหนึ่งนั้นมีขนาดเท่ากับสนามกีฬาประมาณสามแห่ง และนอกเหนือจากโกเลมหินที่ทำหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยแล้ว ห้องโถงยังมีโรงแรม ร้านอาหาร และร้านค้าอีกจำนวนมาก ซึ่งสถานที่แห่งนี้นั้นสามารถจะรองรับผู้เล่นหนึ่งแสนคนได้สบายๆเลย
“เร็ว !! รีบตามหาคนเหล่านั้น !!” ฟิวเรียสฮาร์ทรีบสั่งการทันทีที่มาถึง
แม้ว่าจะมองเห็นลานนี้ทั้งหมดอย่างชัดเจน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจะทำให้อะไรเพื่อไม่ให้สมาชิกฝ่ายที่สามหนีไปได้ เพราะท้ายที่สุดที่นี่ผู้เล่นไม่ได้รับอนุญาติให้ต่อสู้กัน และผู้เล่นก็สามารถจะใช้ม้วนคัมภีร์วาร์ปกลับเมืองได้อย่างอิสระจากที่นี่
อย่างไรก็ตามสมาชิกในพันธมิตรหัวใจปีศาจต่างก็ตกตะลึงกับสิ่งที่พวกเขาได้เห็นจากการพยายามตามหาฝ่ายที่สามอันลึกลับ
หากไม่นับรวมพวกเขา นอกเหนือจากสมาชิกของดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้มากกว่าสองร้อยคนเล็กน้อยนั้น ลานนี้ก็ว่างเปล่า ….
“พวกเขาอยู่ที่ไหนกัน ?” ฟิวเรียสฮาร์ทมองไปรอบๆอย่างสับสน “พวกเขาหนีไปแล้วงั้นหรอ ? ไม่!! เป็นไปไม่ได้ !! ทุกคนเทเลพอร์ตมาที่นี่พร้อมกัน !! แม้ว่าพวกเขาจะใช้ม้วนคัมภีร์วาร์ปกลับเมืองในตอนที่มาถึง แต่เราก็จะยังต้องเห็นมันอยู่ !!!”
ในขณะที่ฟิวเรียสฮาร์ท และทีมของเขากำลังค้นหาฝ่ายที่สามกันอย่างบ้าคลั่ง ร่างสองร่างก็เดินเข้ามาหาพวกเขา ซึ่งมันก็ดึงดูดความสนใจของฟิวเรียสฮาร์ทได้ทันที
ร่างทั้งสองร่างนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก บลูเรนโบว์ จากดาร์ครัปโซดี้ และ ผู้อาวุโสโกลด์ จากเดียตี้โซไซตี้
“ไม่ได้พบกันนานนะผู้อาวุโสฮาร์ท …” บลูเรนโบว์กล่าวทักทายฟิวเรียสฮาร์ท ขณะที่เธอเดินเข้ามาหาเขา
“ไม่ได้เจอกันนาน ? เท่าที่ฉันจำได้เราพึ่งพบกันเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานะ …” ฟิวเรียสฮาร์ทตอบกลับอย่างหยาบคาย
เขานั้นเคยไปเยี่ยมเยียนทั้งสองกิลเป็นการส่วนตัวเพื่อชักชวนให้เข้าร่วมกับพันธมิตรของหัวใจปีศาจ ซึ่งบลูเรนโบว์ก็ได้เจอกับเขาตอนที่เขาไปเยือนดาร์ครัปโซดี้ แต่ทั้งสองกิลกับปฎิเสธหัวใจปีศาจอย่างโง่เขลา และตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะเข้าข้างสภาสิบแปดปีกแทน
ฟิวเรียสฮาร์ทนั้นไม่สงสัยเลยว่าทั้งสองมาที่นี่เพื่อเยาะเย้ยความล้มเหลวของทีมพันธมิตรหัวใจปีศาจในการยึดชั้นหนึ่งของหอคอยเทพโบราณ
“แหมมต้องหยาบคายกันแบบนี้เลยงั้นหรอ ผู้อาวุโสฮาร์ท ? ฉันมาที่นี่เพื่อถ่ายทอดข้อความจากหัวหน้าแบล๊คเฟรมให้คุณเท่านั้น” บลูเรนโบว์กล่าวอย่างไม่สะทกสะท้านกับทัศนคติของฟิวเรียสฮาร์ท
“ถ่ายทอดข้อความ ? ฉันไม่รู้มาก่อนเลยนะว่าผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ของดาร์ครัปโซดี้ กลายเป็นเลขาสาวมาทำธุระให้กับสภาสิบแปดปีกแล้วน่ะ โลกได้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ …” ฟิวเรียสฮาร์ทกล่าวอย่างเยาะเย้ย
“ถูกต้อง โลกได้เปลี่ยนไปแล้ว แต่บางคนก็ยังปฎิเสธที่จะรับรู้เรื่องนี้ …” บลูเรนโบว์ตอบกลับโดยไม่ได้โกรธเลยแม้แต่น้อย เมื่อเจอกับการยั่วยุของฟิวเรียสฮาร์ท เธอหัวเราะและกล่าวต่อว่า “ข้อความของหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมนั้นเรียบง่าย พัฒนาตัวเองไปอย่างเงียบๆ และอย่าสร้างปัญหาโดยไม่จำเป็น หากคุณปฎิเสธ คุณจะต้องรับผลที่ตามมา !!!”
“รับผลที่ตามมา ? ด้วยความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีก ? รากฐานและความแข็งแกร่งของหัวใจปีศาจนั้นมันลึกซึ้งเกินกว่าที่สภาสิบแปดปีกจะจินตนาการ !!” ฟิวเรียสฮาร์ทคำถามอย่างเหยียดหยาม “และแม้ว่าฉันจะล้มเหลวในการพิชิตชั้นหนึ่งของหอคอยเทพโบราณ แต่พวกคุณเองก็เหมือนกันไม่ใช่หรอ ?”
“เหมือนกัน ?” คำพูดของฟิวเรียสฮาร์ททำให้บลูเรนโบว์อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา หลังจากนั้นครู่หนึ่งเธอก็ส่ายหัว ก่อนจะหันหลังกลับและเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก
ขณะเดียวกันผู้อาวุโสโกลด์ที่ยืนอยู่ข้างๆเธอก็หัวเราะ ก่อนจะหันหลังกลับและเดินตามเธอไปเช่นกัน
“คุณหัวเราะอะไรกัน ?!” ฟิวเรียสฮาร์ทตะโกนใส่ชายที่มีอายุมากกว่า
อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ และในช่วงเวลาต่อมา สมาชิกของดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้ก็ได้ดึงม้วนคัมภีร์วาร์ปกลับเมืองออกมาจากกระเป๋าของพวกเขา ในขณะที่พวกเขาเตรียมตัวจะออกจากหอคอยเทพโบราณ
ซึ่งขณะที่ฟิวเรียสฮาร์ทกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้น
“มีบางอย่างไม่ถูกต้องผู้อาวุโสฮาร์ท !!! ดูเลเวลของพวกเขาสิ !!!” แอสซาซินจากเวิร์ลโดมิเนชั่นอุทาน
ทุกคนจากพันธมิตรรีบหันไปตรวจสอบเลเวลของสมาชิกดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้กันทันที และสิ่งที่พวกเขาเห็นมันก็ทำให้พวกเขาตกตะลึงอย่างถึงที่สุด
“เลเวลหนึ่งร้อยสิบห้า ?! เป็นไปได้ยังไง ?!”
*ขอแก้ภูเขาปีศาจหมาป่า เป็นเทือกเขาปีศาจหมาป่านะ
ตอนที่ 2588 ความสามารถเหนือมนุษย์ และสั่นสะเทือนโลกแห่งความมืด
ฟิวเรียสฮาร์ทตกตะลึงอย่างมาก เมื่อเห็นเลเวลของบลูเรนโบว์และคนอื่นๆ
แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดของ God domain นั้นก็พึ่งจะมาถึงเลเวลหนึ่งร้อยสิบเท่านั้น และยังคงอยู่ห่างไกลจากเลเวลหนึ่งร้อยสิบเอ็ด อย่างไรก็ตามสมาชิกส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่ของดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้ นั้นล้วนมีเลเวลหนึ่งร้อยสิบห้า ขณะที่ผู้ที่มีเลเวลต่ำสุดในหมู่พวกเขาก็ยังมีเลเวลหนึ่งร้อยสิบสี่
“พวกเขามีเลเวลสูงขนาดนั้นได้ยังไงกัน ? นี่สภาสิบแปดปีกทำอะไรไป ?” ดวงตาของฟิวเรียสฮาร์ทเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ ขณะที่เขาจ้องมองไปยังบลูเรนโบว์และผู้อาวุโสโกลด์
ฟิวเรียสฮาร์ทได้พบกับบลูเรนโบว์ และผู้อาวุโสโกลด์มาเป็นการส่วนตัวเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ย้อนกลับไปในตอนนั้นทั้งคู่มีเลเวลที่หนึ่งร้อยเก้าเท่านั้น แต่ตอนนี้ในเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ พวกเขากับมีเลเวลเพิ่มขึ้นถึงหกเลเวล และได้มาถึงเลเวลหนึ่งร้อยสิบห้าแล้ว
คำอธิบายเพียงอย่างเดียวที่ฟิวเรียสฮาร์ทคิดได้สำหรับสถานการณ์นี้ก็คือเรื่องนี้เกิดจากการที่สมาชิกกองกำลังหลักของดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้เดินทางออกไปล่าพร้อมกับสภาสิบแปดปีก อย่างไรก็ตามไม่ว่าเขาจะใช้สมองอย่างไร เขาก็ไม่สามารถจะเข้าใจได้เลยว่า สภาสิบแปดปีกทำให้สมาชิกกองกำลังหลักของทั้งสอง
กิลมีเลเวลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วขนาดนี้ได้ยังไง
หลังจากผ่านเลเวลหนึ่งร้อยมา การจะเพิ่มเลเวลขึ้นสักหนึ่งเลเวลนั้นเป็นเรื่องที่ยากอย่างไม่น่าเชื่อ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามก็ยังต้องใช้เวลาล่าอย่างไม่หยุดยั้งเป็นเวลาสองถึงสามวันกว่าจะเก็บเลเวลให้เพิ่มขึ้นได้สักหนึ่งเลเวล อย่างไรก็ตามสมาชิกกองกำลังหลักของกิลทั้งสองหายไปมากกว่าสามพันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ทุกคนกับมีเลเวลเพิ่มขึ้นกันคนละห้าถึงหกเลเวล ซึ่งมันหมายความว่าพวกเขามีเลเวลเพิ่มขึ้นราวสองเลเวลต่อวันเลยทีเดียว แม้ว่าซุเปอร์กิลจะระดมกำลังทั้งหมดมาเพื่อช่วยคนๆเดียวเก็บเลเวล แต่พวกเขาก็ยังไม่น่าจะบรรลุความสำเร็จแบบนี้ได้
ในทางกลับกันสภาสิบแปดปีกได้ทำสิ่งนี้ให้กับผู้เล่นมากกว่าสองร้อยคนได้สำเร็จ พวกเขาต้องใช้ทรัพยากรและกำลังคนประเภทใดกันที่จะนำมาซึ่งความสำเร็จได้แบบนี้
“ผู้อาวุโสฮาร์ทดูอุปกรณ์ของพวกเขาสิ …” แอสซาซินขั้นสามจากเวิร์ลโดมิเนชั่น
กล่าวพร้อมกับชี้ไปยังอุปกรณ์ของดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้
เมื่อฟิวเรียสฮาร์ทลองตรวจสอบอุปกรณ์ของสมาชิกดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้ตามคำพูดของแอสซาซิน เขาก็อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
“นี่ฉันฝันไปรึปล่าว ?” ฟิวเรียสฮาร์ทพึมพำ
ก่อนหน้านี้ความสนใจของเขานั้นถูกดึงดูดไปที่การค้นหาฝ่ายที่สามที่เขาคิดว่าเป็นผู้พิชิตชั้นหนึ่งของหอคอยเทพโบราณได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงเพิกเฉยต่อสมาชิกของดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้ตามสัญชาตญาณ อย่างไรก็ตามหลังจากมองไปยังสมาชิกของทั้งสองกิลแล้ว เขาก็สังเกตเห็นว่าส่วนใหญ่นั้นสวมใส่อุปกรณ์ผสมที่เป็นระดับลึกลับขั้นเงิน ระดับไฟน์โกล และระดับดาร์คโกล
ซึ่งในแง่ของระดับอุปกรณ์นั้น สมาชิกของกิลทั้งสองไม่สามารถแม้แต่จะเทียบกับสมาชิกในพันธมิตรหัวใจปีศาจได้เลย เพราะสมาชิกในพันธมิตรหัวใจปีศาจนั้นล้วนสวมใส่อุปกรณ์ระดับไฟน์โกลครบเซ็ท อย่างไรก็ตามฟิวเรียสฮาร์ทนั้นก็ยังคงรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อจากสมาชิกของทั้งสองกิล ซึ่งตามเหตุผลแล้วสิ่งนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลย แม้จะมีความแตกต่างกันของเลเวลห้าเลเวลก็ตาม
คำอธิบายเดียวที่ฟิวเรียสฮาร์ทสามารถคิดได้สำหรับสถานการณ์นี้ก็คือ สมาชิกของทั้งสองกิลมีอาวุธและอุปกรณ์ เลเวลหนึ่งร้อยสิบห้าหรือสูงกว่านั้น
ในแง่ของค่าสถานะพื้นฐาน อุปกรณ์ระดับลึกลับขั้นเงิน เลเวลหนึ่งร้อยสิบ นั้นก็ทรงพลังมากพอกับอุปกรณ์ระดับไฟน์โกล เลเวลหนึ่งร้อยห้า ในขณะเดียวกัน แม้ว่าผู้เล่นจะได้รับค่าสถานะพื้นฐานบางอย่างมาจากการที่มีเลเวลเพิ่มขึ้นถึงห้าเลเวล แต่เรื่องนี้นั้นก็จะไม่ทำให้เกิดช่องว่างขนาดใหญ่ในแง่ของค่าสถานะพื้นฐานมากขนาดนี้ อย่างน้อยมันจำเป็นจะต้องมีความแตกต่างอย่างน้อยหนึ่งระดับถึงจะทำให้เกิดช่องว่างมากขนาดนี้ได้ ดังนั้นคำอธิบายเชิงตรรกะเพียงอย่างเดียวก็คือสมาชิกของดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้นั้นสวมใส่อุปกรณ์ระดับลึกลับขั้นเงิน เลเวลหนึ่งร้อยสิบห้าเป็นอย่างน้อย
ปัจจุบันอุปกรณ์ เลเวลหนึ่งร้อยสิบนั้นหายากอย่างไม่น่าเชื่อแม้แต่กับมหาอำนาจต่างๆ ในขณะที่อุปกรณ์เลเวลหนึ่งร้อยสิบห้านั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครกล้าคิดฝันว่าจะได้รับมาในระยะนี้ของเกม เพราะท้ายที่สุดการจะได้รับอุปกรณ์เลเวลหนึ่งร้อยสิบห้านั้นจำเป็นจะต้องฆ่ามอนสเตอร์เลเวลหนึ่งร้อยสิบห้าหรือมากกว่านั้นขึ้นไป และโดยทั่วไปแล้วมันก็มีเพียงมอนสเตอร์ระดับลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่ขึ้นไปเท่านั้นจึงจะมีโอ
กาสดรอปอุปกรณ์ระดับลึกลับขั้นเงิน ….
ในขณะเดียวกันสมาชิกมากกว่าสองร้อยคนในทีมของดาร์ครัปโซดี้และเดียตี้โซไซตี้ทั้งหมดกับมีอุปกรณ์ระดับลึกลับขั้นเงินที่เลเวลนี้ขึ้นไปกันทั้งหมด นี่มันบ้าชัดๆ
ดูเหมือนเราจะเลือกข้างผิดจริงๆนะหัวหน้ากิล แอสซาซินเลเวลหนึ่งร้อยสิบจากเวิร์ลโดมิเนชั่นนั้นอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นออกมา ขณะที่เขาจ้องมองไปยังบลูเรนโบว์และคนอื่นๆ
ฝ่ายที่สามที่มาเข้ายึดชั้นหนึ่งของหอคอยเทพโบราณตัดหน้าพวกเขา ? นั่นมันก็แค่ความคิดตามอำเภอใจของพวกเขา
ในความเป็นจริงผู้ที่รับผิดชอบในการเข้ายึดชั้นหนึ่งของหอคอยเทพโบราณนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากทีมร่วมของดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้ อย่างไรก็ตามเหตุผลเดียวที่ทำให้ทั้งสองกิลประสบความสำเร็จก็คือการได้รับความช่วยเหลือจากสภาสิบแปดปีก
ในขณะเดียวกันตอนนี้ก็ด้วยความช่วยเหลือจากสภาสิบแปดปีก ดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้จึงได้ขึ้นไปอยู่เหนือกว่าเวิร์ลโดมิเนชั่นเรียบร้อยแล้ว และต้องบอกเลยว่าตอนนี้พวกเขาสามารถทำกำไรหลายอย่างได้มากกว่าเวิร์ลโดมิเนชั่นค่อนข้างมากเลยทีเดียว ในความเป็นจริงตอนนี้ต้องบอกว่าดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้นั้นอยู่ในระดับที่เวิร์ลโดมิเนชั่นต้องมองมาอย่างหวาดกลัวแล้วด้วยซ้ำ เพราะเมื่อทั้งสองกิลเข้ายึดและครอบครองพื้นที่ชั้นหนึ่งของหอคอยเทพโบราณได้แล้ว มันก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขานั้นจะได้สัมผัสกับการพัฒนาไปอย่างยิ่งใหญ่ในโลกแห่งความมืด
ในอนาคตทั้งสองกิลนั้นจะกลายเป็นผู้ปกครองของโลกแห่งความมืดแน่นอน
ในขณะเดียวกันหลังจากพวกเขาทำการพิชิตและเคลียร์ชั้นหนึ่งของหอคอยทดสอบได้แล้ว บลูเรนโบว์และผู้อาวุโสโกลด์ก็ไม่ได้สนใจอะไรเรื่องหอคอยนี้อีกต่อไป และพวกเขาก็ได้เลือกจะกลับไปที่สำนักงานใหญ่หลักของพวกเขาเพื่อพักผ่อนแทน เพราะท้ายที่สุดพวกเขาไม่จำเป็นต้องจัดการหอคอย ปัจจุบันทางเลือกเดียวที่ผู้มีอำนาจในโลกแห่งความมืด และผู้เล่นในโลกแห่งความมืดจะออกจากโลกแห่งความมืดได้ ก็คือต้องใช้ประตูเทเลพอร์ตของโลกแห่งความมืดที่เชื่อมต่อกับป่าใบไม้ผลิเท่านั้น สำหรับการใช้วงเวทย์เทเลพอร์ตที่ชั้นหนึ่งของหอคอยเทพโบราณนั้นมันจะเป็นการเสียเวลาและทรัพยากรไปโดยเปล่าประโยชน์มากกว่า เพราะท้ายที่สุดพวกเขาจะต้องเดินทางผ่านโลกอื่นก่อนจะไปยังทวีปหลัก
ไม่นานหลังจากที่บลูเรนโบว์ และคนอื่นๆออกมาจากจากห้องโถงไปนั้น ข่าวเรื่อง
ของดาร์ครัปโซดี้และเดียตี้โซไซตี้ที่ยึดชั้นหนึ่งของหอคอยเทพโบราณได้ก็เริ่มแพร่กระจายไปทั่วโลกแห่งความมืด และในช่วงเวลาหนึ่งโลกแห่งความมืดก็ตกอยู่ในความโกลาหลมากๆ
“เป็นไปได้ยังไงกัน ?! ไม่ใช่ว่าหัวใจปีศาจได้รวมตัวกันจัดตั้งทีมพันธมิตรกับมหาอำนาจต่างๆของโลกแห่งความมืดเพื่อเข้าโจมตีหอคอยเทพโบราณหรอ ?”
“นี่ทั้งสองกิลแข็งแกร่งขนาดนี้เลยงั้นหรอ ?”
“ดาร์ครัปโซดี้และเดียตี้โซไซตี้ได้เข้าควบคุมชั้นหนึ่งของหอคอยเทพโบราณไว้ได้แล้วจริงๆ ด้วยเหตุนี้ดูเหมือนว่านับจากนี้ไป ผู้เล่นทุกคนในโลกแห่งความมืดจะต้องเชื่อฟังทั้งสองกิล และในตอนนี้นั้นก็ยังมีคนเข้าร่วมกับทั้งสองกิลไม่มากนัก เราควรใช้โอกาสนี้เข้าร่วมกับทั้งสองกิลอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เรายังสามารถทำมันได้ง่ายๆ”
จากข่าวความสำเร็จของดาร์ครัปโซดี้และเดียตี้โซไซตี้ มันก็ทำให้ผู้เล่นบางคนนั้นเริ่มเฉลิมฉลอง ในขณะที่บางคนรู้สึกผิดหวัง แต่ท้ายที่สุดทุกคนมีความคิดเหมือนกันคือ ไม่มีใครคิดเลยว่าผลลัพธ์นี้จะเกิดขึ้น
ทีมพันธมิตรหัวใจปีศาจที่ก่อตั้งขึ้นร่วมกับมหาอำนาจต่างๆของโลกแห่งความมืดนั้นประสบกับความพ่ายแพ่อย่างแท้จริง
ผลลัพธ์นี้ทำให้ดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้นั้นขึ้นมาเป็นสองกิลที่ทรงพลังที่สุดในโลกแห่งความมืด และตอนนี้ความไม่พอใจของผู้เล่นในโลกแห่งความมืดที่มีต่อพวกเขานั้นก็ไม่สำคัญอีกต่อไป มันไม่มีใครสามารถจะหยุดการพัฒนาของทั้งสองกิลได้ เพราะการพยายามทำเช่นนั้นจะเป็นการฆ่าตัวตาย เนื่องมาจากทั้งสองกิลนั้นสามารถจะป้องกันไม่ให้ศัตรูของพวกเขาออกไปนอกโลกแห่งความมืดได้อย่างง่ายดาย
แม้ว่าผู้เล่นจะสามารถออกล่าและเก็บเลเวลในโลกแห่งความมืดได้ แต่ในโลกนี้มันก็ขาดแคลนทรัพยากรเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยอย่างมาก แถมผู้เล่นที่ล่าและเก็บเลเวลในโลกแห่งความมืดนั้นก็ยังจะมีความเร็วในการเก็บเลเวลที่ค่อนข้างช้ามาก หากสถานการณ์นี้ดำเนินไปนานช่องว่างระหว่างสมาชิกทั้งสองกิลและผู้ที่ถูกห้ามไม่ให้ออกจากโลกแห่งความมืดก็จะเพิ่มขึ้น
ในขณะเดียวกันในบรรดาผู้เล่นของโลกแห่งความมืดที่ประหลาดใจและตกตะลึงกับผลลัพธ์นี้ที่สุดก็คือสมาชิกของ ดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้ โดยเฉพาะพวกระดับสูงและหัวหน้ากิลของทั้งสองกิล
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้พวกระดับสูงและหัวหน้ากิลของทั้งสองกิลประหลาดใจมากที่สุดนั้นไม่ใช่เรื่องการที่สามารถยึดชั้นหนึ่งของหอคอยเทพโบราณได้สำเร็จ แต่เป็นเรื่องเลเวล กับอุปกรณ์ของบลูเรนโบว์ ผู้อาวุโสโกลด์และคนอื่นๆ
ด้วยเลเวลและอุปกรณ์แบบนี้ มันจะไม่มีมหาอำนาจใดตอนนี้ที่จะสามารถต่อกรกับกิลของพวกเขาได้แน่นอน ไม่เว้นแม้แต่มหาอำนาจในทวีปหลัก ไม่ต้องพูดถึงในโลกแห่งความมืดเลย
อย่างไรก็ตามมีเพียงบลูเรนโบว์ ผู้อาวุโสโกลด์ และสมาชิกกองกำลังหลักของทั้งสองกิลที่ได้ไปเข้าร่วมการล่ากับซือเฟิงเท่านั้นที่รู้ว่าผลกำไรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขาจากการร่วมมือกันกับสภาสิบแปดปีกนั้นก็คือโพชั่น Exotic Legacy
เนื่องจากโพชั่น Exotic Legacy และผลของโรงแรมอิสระ สมาชิกในทีมทุกคนของพวกเขาจึงสามารถจะปลดล๊อคศักยภาพสูงสุดของร่างมานาโดยเฉลี่ยกันได้ที่สี่สิบเปอเซ็นต์ สำหรับผู้อาวุโสโกลด์และบลูเรนโบว์นั้นทั้งสองก็สามารถปลดล๊อคไปได้หกสิบเปอเซ็นต์ ซึ่งเหลืออีกแค่สี่สิบเปอเซ็นต์พวกเขาก็จะปลดล๊อคได้ครบหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว
ป่าใบไม้ผลิ เมืองป่าหิน โรงแรมอิสระ :
“หัวหน้ากิล นี่มันแย่มาก ตอนนี้ไม่เพียงแต่ดาร์ครัปโซดี้กับเดียตี้โซไซตี้จะสามารถเข้าควบคุมชั้นหนึ่งของหอคอยเทพโบราณได้เท่านั้น แต่สมาชิกกองกำลังหลักของพวกเขาก็ยังอยู่เหนือกว่าเราทั้งในแง่ของเลเวลและอุปกรณ์ด้วย ในอัตรานี้ ฉันกลัวว่า …” แอสซาซิน เลเวลหนึ่งร้อยสิบ ขั้นสาม จากเวิร์ลโดมิเนชั่นกล่าวอย่างเป็นห่วงกับ
ดอร์นโดมิแน้นซ์ที่กำลังพักผ่อนอยู่ในโรงแรมอิสระผ่านวีดีโอคอล
“ดูเหมือนว่าฉันจะประเมินสภาสิบแปดปีกต่ำเกินไปจริงๆ ฉันไม่เคยคิดเลยว่ากิลจะทรงพลังมากขนาดนี้ ในครั้งนี้ทั้งสองกิลได้ค้นพบผู้สนับสนุนที่ทรงพลังจริงๆ” ดอร์นโดมิแน้นซ์กล่าวด้วยอารมณ์สงบอย่างมาก แม้จะได้รับรายงานเรื่องความสำเร็จของดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้จากลูกน้องของเขา ปฎิกิริยาของเขาแบบนี้นั้นมันทำให้ดูเหมือนว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขาเลย และจริงๆแล้วเขากำลังยิ้มบางๆอยู่ด้วยซ้ำ
“หัวหน้ากิล ?” แอสซาซินขั้นสามรู้สึกสับสน เมื่อเห็นปฎิกิริยาของดอร์นโดมิแน้นซ์
“ฉันยอมรับว่าสภาสิบแปดปีกนั้นทรงพลังมากๆ อย่างไรก็ตามยุคของพวกเขาจะต้องสิ้นสุดลงในไม่ช้า …” ดอร์นโดมิแน้นซ์กล่าวพลางหัวเราะเบาๆ
“หัวหน้ากิล หัวหน้ามีวิธีจัดการกับสภาสิบแปดปีกและอีกสองกิลแล้วงั้นหรอ ?” แอสซาซินถามด้วยความสงสัย
ปัจจุบันสภาสิบแปดปีก ดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้ ได้ควบคุมทางเข้าออกทั้งหมดของโลกแห่งความมืดเอาไว้ได้ ซึ่งมันทำให้การเติบโตแต่ละวันของทั้งสามกิลนั้นไม่ใช่เรื่องน่าหัวเราะเลย เขาจึงคิดว่ามันยากที่จะจินตนาการมากว่าเวิร์ลโดมิเนชั่นจะมีโอกาสต่อต้านสภาสิบแปดปีก
“ลองดูสิ่งนี้ …” ดอร์นโดมิแน้นซ์กล่าวด้วยรอยยิ้มกว้าง เมื่อเขาหยิบบอลคริสตัลสีเทาออกมาจากกระเป๋าของเขา และแสดงมันผ่านวีดีโอคอล
ซึ่งทันทีที่ดอร์นโดมิแน้นซ์หยิบบอลคริสตัลนี้ออกมา พื้นที่รอบๆเขาก็เริ่มมืดลง และให้ความรู้สึกแปลกๆอย่างไม่อาจจะพรรณนาได้ ในความเป็นจริงแม้แต่รอยแยกมิติก็เริ่มขึ้นบริเวณรอบๆเนื่องจากพลังงานปีศาจที่บอลคริสตัลแผ่ออกมา
“ช่างเป็นพลังที่หนาแน่นมากๆ !!! นี่มันสามารถเทียบได้กับพลังในคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่เลยนะ !!!” แอสซาซินอุทานออกมาอย่างตกใจ
“ฉันต้องการให้คุณทำบางอย่างให้ฉัน …. รับคริสตัลนี้ไป และเก็บเกี่ยวชีวิตของผู้เล่นในโลกแห่งความมืดให้ได้มากที่สุด และเมื่อคริสตัลนี้รวบรวมพลังงานได้เพียงพอ มันจะเป็นจุดจบของทั้งสองกิลและสภาสิบแปดปีก !!!” ดอร์นโดมิแน้นซ์กล่าว
“เข้าใจแล้ว ฉันจะรีบไปจัดการให้เสร็จทันที !!!” แอสซาซินพยักหน้าก่อนจะตัดสายไป
ในขณะเดียวกันเมื่อมหาอำนาจต่างๆในทวีปหลักพบว่าเดียตี้โซไซตี้ และดาร์ครัปโซดี้นั้นสามารถเข้าควบคุมชั้นหนึ่งของหอคอยเทพโบราณไว้ได้แล้ว พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจกับความสามารถของสภาสิบแปดปีก สำหรับซือเฟิง หลังจากพักผ่อนอย่างเพียงพอแล้ว เขาก็ได้เดินทางกลับไปที่เมืองไวท์ริเวอร์ ในอาณาจักร
สตาร์มูน
เมืองไวท์ริเวอร์ สมาคมนักผจญภัย ห้องรับรอง VIP ที่ชั้นสอง :
“ท่านลอร์ดผู้ได้รับมรดกระดับทองแดง มีอะไรให้ฉันรับใช้กัน ?” ผู้อาวุโสลอร์เรนถามพลางยิ้มให้กับซือเฟิงในขณะที่เธอเดินเข้ามาในห้อง
“ฉันต้องการย้ายเมืองที่สาบสูญภายใต้การครอบครองของฉันไปยังเทือกเขาปีศาจหมาป่าบริเวณจักรวรรดินักบุญทั้งสิบ มันพอจะเป็นไปได้ไหม ?” ซือเฟิงกล่าวถาม
การเก็บเกี่ยวที่เขาได้รับมาจากเมืองพิษนั้นไม่เพียงแต่จะมีทั้งวัสดุและอุปกรณ์ชั้นยอดเท่านั้น แต่มันยังรวมถึงป้ายคำสั่งย้ายเมืองสำหรับแผนที่เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยด้วย และตอนนี้เมืองป่าหินนั้นก็ได้หยั่งรากลึกลงไปในป่าใบไม้ผลิได้สำเร็จแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่ควรจะถูกย้ายมั่วๆ อย่างไรก็ตามเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะสามารถเดินทางไปมาระหว่างทวีปหลักสองด้านได้อย่าวสม่ำเสมอ เขาจึงจำเป็นจะต้องสร้างฐานที่มั่นในเทือกเขาปีศาจหมาป่าด้วยเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นฐานที่มั่นนี้ยังต้องเป็นความลับ และหลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว เขาจึงคิดว่าเมืองที่สาบสูญคือตัวเลือกที่ดีที่สุด
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น