Reincarnation Of The Strongest Sword God 2783-2789

 ตอนที่ 2783 ยุคแห่งการแย่งชิงความเป็นเจ้าโลก


Upper Zone หน้าทางเข้า :


ขณะที่เหลียงจิงและเหล่ยเปากำลังรู้สึกประหลาดใจอย่างมากกับฉากที่ได้เห็นตรงหน้า ซือเฟิงก็ได้ค่อยๆเดินเข้ามาหาพวกเขา


“เป็นไง ? Upper Zone นั้นแตกต่างจากที่จินตนาการเอาไว้ไหม ?” ซือเฟิงมองไปที่ทั้งสองคน และยิ้มบางๆ


การแสดงออกของทั้งสองคนนั้นมันเหมือนกับเขาในตอนที่พึ่งจะมาที่นี่ครั้งแรกเลย เพียงแต่ว่า หลังจากนั้นเขาก็ได้รู้ว่า Upper Zone นั้นไม่ได้ถูกล้อมรอบอยู่ภายใต้กำแพงเหล็ก แต่อยู่ใต้ดิน


“หัวหน้ากิล ใน Upper Zone นั้นเป็นยังไงบ้าง ?” เหลียงจิงกล่าวถามซือเฟิง “มันเหมือนกับในข่าวลือไหม ?”


มันมีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับ Upper Zone ในโลกภายนอก อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้ว มันก็ไม่มีใครที่อยู่ในโลกภายนอกจะเข้าใจ และรู้เรื่องราวเกี่ยวกับ Upper Zone เท่ากับผู้ที่อยู่อาศัยภายใน ซึ่งพวกผู้อยู่อาศัยภายในก็มักปิดเรื่องราวส่วนใหญ่ของ Upper Zone เป็นความลับด้วย


ขณะเดียวกันก็ต้องบอกเลยว่าข่าวเกี่ยวกับ Upper Zone ในโลกภายนอกส่วนใหญ่นั้นล้วนเป็นแค่ข่าวลือทั้งหมด


หลังจากได้ยินคำถามของเหลียงจิง เหล่ยเปาก็หันมามองซือเฟิงด้วยความอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน


สำหรับเขาสถานที่แบบ Upper Zone นี้เป็นสถานที่ที่เขาไม่เคยคิดฝันเลยว่าจะได้เข้ามาอยู่ เพราะแม้แต่แชมป์โลกการต่อสู้ในโลกภายนอกก็ยังไม่ได้รับสิทให้เข้ามาอยู่ ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดคนอย่างเขาเลย ….


“มันน่าทึ่งมากๆ !!!” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “มันน่าทึ่งยิ่งกว่าในข่าวลือซะอีก !! แม้ว่าคนข้างในจะไม่ได้ออกกำลังและฝึกฝนมากนัก แต่ร่างกายของพวกเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นเสมอ !!!”

“แล้วข่าวลือที่ว่า แม้แต่แชมป์โลกการต่อสู้ในโลกภายนอกก็ยังจัดถูกจัดให้อยู่ในระดับล่างๆในด้านความสามารถการต่อสู้ เมื่อเข้าไปใน Upper Zone นั่นมันจริงไหม ?” เหล่ยเปาอดไม่ได้ที่จะถามซือเฟิงขึ้น เมื่อได้ยินดังนี้


สถานที่ที่สามารถจะช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางกายได้อย่างต่อเนื่อง … นี่มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อสุดๆ และมันก็ได้ทำลายมุมมองรวมทั้งความเชื่อของเขาส่วนใหญ่ที่เกี่ยวกับการออกกำลังกายไป


“ข่าวลือมันก็ออกจะเกินจริงไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้แตกต่างจากข่าวลือมากนักหรอก …” ซือเฟิงกล่าวโดยไม่คิดจะปิดบัง “แม้ว่าจะไม่ได้ออกกำลังและฝึกฝนใดๆ แต่ในที่สุดคุณภาพร่างกายทางกายภาพก็จะขึ้นไปเทียบได้กับปรมาจารย์เหิงเหลียน แต่หากผ่านการฝึกเรื่อยๆภายในนั้นรวมทั้งใช้โพชั่นและยาบางอย่างช่วย คุณภาพร่างกายทางกายภาพก็จะยิ่งน่าทึ่งยิ่งขึ้นไปอีก”


“มันน่าทึ่งขนาดนั้นเลยงั้นหรอ ?” เหล่ยเปารู้สึกตกตะลึง เมื่อได้ยิคำอธิบายของซือเฟิง


เขามาถึงจุดที่เขาเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้อย่างยากลำบาก แต่เขากับสามารถจะเข้าถึงมันได้ง่ายๆโดยไม่ต้องออกกำลังและฝึกฝนใดๆใน Upper Zone หากข่าวเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ใครกันจะเชื่อ ?


แต่เขาก็รู้ดีว่าซือเฟิงนั้นไม่ได้โกหกเขา ทุกอย่างใน Upper Zone มันจะต้องเป็นไปตามที่ซือเฟิงบอกแน่นอน


ชั่วขณะหนึ่งเหล่ยเปารู้สึกว่าชีวิตของเขาไร้ค่าไปเลย และทุกสิ่งที่เขาพยายามทำมาจนถึงตอนนี้มันดูไร้ประโยชน์มากๆ


“ปรมาจารย์เหล่ยเปา คุณไม่ต้องท้อถอยไปหรอก ….” ซือเฟิงมองไปที่ท่าทีของเหล่ยเปาในปัจจุบัน ก่อนที่เขาจะกล่าวอย่างช้าๆ “กิลสภาสิบแปดปีกของเราจะเข้ามาพัฒนาใน Upper Zone แน่นอนในอนาคต และนอกเหนือจากฉัน ไป๋ฉิงเฉว (ชื่อในโลกจริงของเสวี่ยเหวินโหรว) อควาโรส ฉันก็จะเริ่มหาทางให้คนของเราได้เข้ามาที่นี่มากขึ้น และเราก็จะทำเหมือนกับพวกมหาอำนาจที่แท้จริงหลายกลุ่มที่ถือว่าพื้นที่ Upper Zone นั้นเป็นสำนักงานใหญ่หลักของตัวเอง”


แม้ว่าซือเฟิงจะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และไม่ได้ดังมากนัก แต่เหล่ยเปาและเหลียงจิงก็อดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและคาดหวัง


หากคนพูดเรื่องนี้ไม่ใช่ซือเฟิง พวกเขาจะมองว่ามันเป็นเรื่องตลก


แต่พวกเขารู้ดีว่าซือเฟิงนั้นเป็นคนที่คอยสร้างปาฎิหาริย์มาตลอดเวลา เขาสามารถพัฒนาสภาสิบแปดปีกมาถึงจุดปัจจุบันได้ด้วยตัวเอง ฉะนั้นมันก็ไม่มีอะไรที่จะเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาแน่นอน


และซือเฟิงก็เป็นพวกที่จะไม่พูดอะไรเลย ถ้าไม่มั่นใจว่าจะทำได้ ซึ่งเมื่อเขาพูดออกมาแบบนี้ มันย่อมแสดงให้เห็นว่าเขามีวิธีที่จะบรรลุเป้าหมายนี้


“กิลสภาสิบแปดปีกของเราจะเข้ามาพัฒนาใน Upper Zone ในอนาคตงั้นหรอ ?” เหลียงจิงมองไปที่กำแพงเหล็กพลางพึมพำด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น


หากพวกเขาสามารถทำได้จริงๆ สภาสิบแปดปีกก็จะไปถึงจุดที่มหาอำนาจส่วนใหญ่ไม่สามารถจะทำอะไรกับกิลได้แล้วแน่นอน


ขณะเดียวกันตอนนี้เหล่ยเปาก็กำหมัดแน่นด้วยความคาดหวัง และความปราถนาที่เอ่อล้นในใจของเขา ตอนนี้เขารู้สึกว่าการเลือกเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกเป็นสิ่งที่ฉลาดที่สุดที่เขาเคยทำมาในชีวิตเลย


“นี่คือโพชั่นเพิ่มพลังสามขวด เหลียงจิง นำสองขวดไปให้ไฟเออร์แดนซ์ กับไวโอเล็ตคลาวด์” ซือเฟิงหยิบโพชั่นเพิ่มพลังสามขวดออกมา ก่อนจะออกคำสั่งและยื่นให้กับเหลียงจิงไปสองขวด จากนั้นเขาก็หันไปหาเหล่ยเปาและกล่าวว่า “ปรมาจารย์เหล่ยเปา คุณเอาขวดสุดท้ายนี่ไป ฉันเชื่อว่าด้วยโพชั่นนี้มันน่าจะทำให้คุณไปได้ไกลกว่านี้”


ไฟเออร์แดนซ์ และไวโอเล็ตคลาวด์นั้นมักจะออกกำลัง และฝึกฝนอย่างจริงจังเสมอๆ ซึ่งความสามารถและพรสวรรค์ของทั้งสองนั้นก็มีสูงมาก แต่น่าเสียดายที่เนื่องจากทรัพยากรของพวกเธอมีจำกัด ดังนั้นการพัฒนาของพวกเธอจึงเป็นไปอย่างเชื่องช้ากว่าที่ควรจะเป็น แต่ตอนนี้เมื่อได้รับโพชั่นเพิ่มพลังไปช่วย ซือเฟิงเชื่อว่าทั้งสองน่าจะสามารถทลายขีดจำกัดของร่างกายทางกายภาพของตัวเองไปได้อีกขั้น ….


สำหรับปรมาจารย์เหล่ยเปา เขามีความสามารถสูงอยู่แล้ว และซือเฟิงก็ตั้งความหวังไว้กับเขาสูงมาก แต่เขาเคยชินกับการต้องดิ้นรนและต่อสู้มาเพียงลำพังมาเกือบตลอดชีวิต และเขาก็พึ่งจะมาได้รับการอัดฉีดทรัพยากรให้จริงๆก็หลังจากเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีก ดังนั้นซือเฟิงจึงต้องเร่งพัฒนาของเขาหน่อย เพราะท้ายที่สุดแล้วการฝึกหนักเพียงอย่างเดียวมันไม่เพียงพออีกแล้วในโลกยุคปัจจุบัน


มันจำเป็นจะต้องมีความร่ำรวยเพื่อรับเอาทรัพยาการที่ช่วยในการฝึกฝนมาด้วย !!!


และหากคนๆหนึ่งต้องการจะบรรลุเป้าหมายบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่จริงๆ คนๆนั้นก็จะต้องการทรัพยากรจำนวนมาก


แม้ว่าซือเฟิงจะให้สารอาหารเหลวระดับ S กับเหล่ยเปาไปจำนวนหนึ่งก่อนหน้านี้ แต่มันก็เห็นได้ชัดเลยว่าสารอาหารเหลวระดับ S ที่ซือเฟิงให้ไปนั้นมันไม่เพียงพอที่จะตอบสนองต่อการทำงานหนักของเหล่ยเปาได้


ดังนั้นตราบใดที่มีโพชั่นเพิ่มพลัง เหล่ยเปาก็น่าจะทะลุเข้าถึงขอบเขตครึ่งก้าวก่อนเข้าสู่ระดับสุดยอดปรมาจารย์เหิงเหลียนได้ไม่ยาก


ซึ่งหากเขาประสบความสำเร็จในการไปถึงระดับนั้น สภาสิบแปดปีกก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีก


“ขอบคุณหัวหน้ากิล ฉันจะไม่ทำให้คุณต้องผิดหวังแน่นอน !!!” เหล่ยเปามองไปที่โพชั่นเพิ่มพลังด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความขอบคุณ


เขาเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับโพชั่นเพิ่มพลังมาบ้าง สิ่งนี้มันเปรียบเสมือนกับยาแห่งสวรรค์ในโลกการต่อสู้ เพราะแค่ขวดเดียวมันก็สามารถจะช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางกายได้อย่างก้างกระโดด และมันมีข่าวลือว่ามันหายากยิ่งกว่าโพชั่นแห่งชีวิตด้วยซ้ำ ซึ่งแม้แต่พวกระดับปรมาจารย์ก็ยังยากจะได้รับมันมาสักขวด


พูดกันตามตรงจริงๆ แม้แต่ปรมาจารย์บางส่วนก็ยังต้องต่อสู้แย่งชิงกันเพื่อให้ได้มันมาสักขวด


แต่ตอนนี้ซือเฟิงกับหยิบโพชั่นนี้สามขวดออกมา และมอบหนึ่งขวดให้กับเขาโดยตรง ดังนั้นจะไม่ให้เขาตื่นเต้นได้อย่างไร ?


ด้วยโพชั่นเพิ่มพลังนี้ เขามั่นใจว่าเขาจะสามารถทะลุเข้าสู่ขอบเขตครึ่งก้าวก่อนเข้าสู่ระดับสุดยอดปรมาจารย์เหิงเหลียนได้แน่นอน และนี่มันก็จะทำให้เขาสามารถรับมือกับพวกระดับปรมาจารย์ที่มาก่อกวนสภาสิบแปดปีกอยู่เรื่อยๆตอนนี้ได้สบายๆ


“อย่างไรก็ตามหัวหน้ากิล ในปัจจุบันเนื่องจากมันมี NPC ปรากฎตัวขึ้นมามากขึ้นอีกระลอกใน God domain ดังนั้นมหาอำนาจต่างๆจึงเริ่มจะเล็งเป้ามาที่หอคอยแห่งพันธสัญญาลับกันแล้ว ตอนนี้มันมีการต่อสู้มากกว่าสิบครั้งเกิดขึ้นรอบเมืองสกายสปริง ยิ่งไปกว่านั้นพวกขั้นสามมากกว่าพันคนของฝ่ายเรายังถูกฆ่าหรือไม่ก็บาดเจ็บ” เหลียงจิงกล่าวขึ้นมาอย่างเป็นกังวล “แต่โชคดีที่รองหัวหน้ากิลอิลูซะรี่เวิร์ดแห่งจักรพรรดิคริมสัน และรองหัวหน้ากิลอันยีลดิ้งฮาร์ทแห่งอันยีลดิ้งโซลได้กลับมาถึงพร้อมกับกองกำลังผู้เล่นชั้นยอดจำนวนมาก ไม่งั้นผลที่ตามมามันอาจจะเป็นหายนะได้”


“ตอนนี้ทั้งสองรู้สึกว่าหากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเขาก็คงจะทนได้อีกไม่นานเช่นกัน โดยในตอนนี้เนื่องจากการเพิ่มจำนวนขึ้นมาของ NPC อีกระลอก มันก็ทำให้กิลเล็กๆบางแห่งถึงกับต้องยุบกิล สำหรับกิลขนาดใหญ่ต่างๆ แม้ว่าพวกเขาจะมีกองกำลังจำนวนมากประจำการอยู่ตามเมืองกิลต่างๆของตัวเอง แต่ตอนนี้พวกกองกำลัง NPC ก็เริ่มก่อปัญหามากขึ้นในแต่ละเมืองของพวกเขาแล้ว ซึ่งนี่มันทำให้พวกกิลขนาดใหญ่ต่างๆปวดหัวอย่างมาก”


“ดังนั้นตอนนี้กิลขนาดใหญ่หลายแห่ง รวมไปถึงมหาอำนาจต่างๆจึงเริ่มจะเล็งเป้ามาที่หอคอยแห่งพันธสัญญาลับที่จะไม่มี NPC มาคอยรบกวนใดๆในระหว่างการล่าและเก็บเลเวล และตอนนี้เมื่อกองกำลังของ NPC เริ่มส่งผลต่อสถานการ์โดยรวมมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันก็กลัวว่าวันหนึ่งกิลขนาดใหญ่หลายแห่งรวมไปถึงมหาอำนาจต่างๆพวกนี้จะไปถึงจุดที่บ้าคลั่งและพร้อมจะทำทุกอย่าง”


เมื่อเหลียงจิงรายงานสถานการณ์ล่าสุดของหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ และโลกยุคปัจจุบันของ God domain ให้เขาฟัง ซือเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย


ฉันไม่คิดเลยจริงๆว่าเหตุการณ์หลายอย่างมันจะเกิดขึ้นเร็วแบบนี้ …. ดูเหมือนว่ามันถึงเวลาที่จะต้องทำ … แล้วสินะ


เมื่อสถานการณ์พัฒนามาถึงจุดนี้ มันก็หมายความว่าโลก God domain ยุคปัจจุบันนั้นได้พัฒนาถึงยุคแห่งการแย่งชิงความเป็นเจ้าโลกแล้ว และหอคอยแห่งพันธสัญญาลับก็ถือว่าเป็นดินแดนศักสิทธิ์สำหรับการเก็บเลเวล อีกไม่นานหลายกลุ่มก็คงจะต้องพยายามเคลื่อนไหวแบบโจ่งแจ้ง และหาทางเข้าไปในหอคอยแห่งพันธสัญญาลับให้ได้แน่นอน


“ฉันเข้าใจแล้ว” ซือเฟิงครุ่นคิดอยู่ภายในใจครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะมองไปที่เหลียงจิง และพูดว่า “ในตอนนี้ เมื่อเธอกลับไป อย่าปล่อยให้สมาชิกของเราออกไปล่าหรือทำงานด้านนอกแบบมั่วๆ ให้เน้นไปที่การส่งพวกเขาเข้าสู่หอคอยแห่งพันธสัญญาลับเพื่อเก็บเลเวล และลดกิจกรรมรอบๆเมืองกิลทั้งหมดของเราลง ตอนนี้เราจำเป็นที่จะต้องลดช่องว่างเรากับ NPC ลงให้ไวที่สุด ไม่งั้นในอนาคตเราจะมีปัญหาแน่นอน ….”


ในตอนแรกเขาคิดว่ามันน่าจะต้องใช้เวลาราวสิบวันหรือมากกว่านั้นกว่าที่กองกำลัง NPC จะเริ่มดำเนินการอะไรแบบนี้ เขาไม่ได้คิดเลยจริงๆว่าเรื่องนี้มันจะเกิดขึ้นเร็วมาๆ


เมื่อเป็นแบบนี้นั้นสถานการณ์ทั้งหมดมันก็จะยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อผู้เล่นออกจากเมืองกิลไปล่า พวกเขาก็มีสิทจะถูกกองกำลัง NPC ดักโจมตีในทุกรูปแบบ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วนี่มันก็จะทำให้เหล่าผู้เล่นอ่อนแอลงเรื่อยๆจนไม่สามารถจะรักษา

เมืองกิลของตัวเองเอาไว้ได้ และในท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็จะต้องละทิ้งเมืองกิลนั้นๆของตัวเอง


“ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะรีบไปจัดการทุกอย่างตามสั่งทันที เมื่อฉันกลับไป …” เหลียง

จิงกล่าวพลางพยักหน้า


หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้พูดคุยเรื่องราวต่างๆกับเหลียงจิงอีกนิดหน่อย รวมทั้งเขายังสั่งให้เหลียงจิงเก็บรวบรวมวัสดุพื้นฐานที่จะใช้สร้างป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กอย่างลับๆ ก่อนที่เขาจะนำไป๋ฉิงเฉว และอควาโรสมุ่งหน้าเข้าสู่ Upper Zone ท่ามกลางสายตาอิจฉาของเหล่ยเปา และเหลียงจิง


เมื่อซือเฟิงพาทั้งสองเข้ามาใน Upper Zone สภาพของทั้งสองก็ดูดีขึ้นกว่าตอนที่อยู่ในโลกภายนอกอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้ทั้งสองไม่ได้ดูเย็นชา และให้ความรู้สึกแปลกแยกแบบก่อนหน้านี้ แถมตอนนี้ดูเหมือนปัญหาสภาพจิตใจของพวกเขาก็จะลดลงไปมากเช่นกัน


นอกจากนี้แล้วซือเฟิงก็ยังเลือกชุดอาหารสุดหรูที่มีราคาเป็นคะแนนการค้าสามร้อยแต้มให้กับทั้งสองได้กิน ซึ่งนี่ทำให้สภาพจิตใจของทั้งสองมีแนวโน้มกลับมามั่นคงขึ้น โดยพูดกันตามตรงอย่างน้อยตอนนี้ทั้งสองก็สามารถพูดคุยปกติได้บ้างแล้ว ไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่ทั้งสองดูไม่สนใจโลกเลย

อย่างน้อยตอนนี้ Upper Zone มันก็ช่วยทั้งสองคนได้จริงๆ …. ซือเฟิงคิดและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก


“สภาพแวดล้อมที่นี่ดูเหมือนมันจะช่วยทั้งสองคนได้อย่างมากจริงๆ ขั้นตอนต่อไปฉันจะต้องหาวิธีการรักษาตำแหน่งยี่สิบอันดับแรกในการแข่งขันเพื่อเก็บคะแนนสะสมไว้ให้” ซือเฟิงพึมพำ และครุ่นคิดขณะที่เขาเตรียมจะใช้ห้องเกมเคบินล๊อคอินกลับเข้าสู่ God domain พร้อมกับสองสาว โดยในตอนนี้ซือเฟิงก็เริ่มวางแผนที่จะทำการรวบรวมคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ใน God domain อย่างจริงจังด้วย


ซือเฟิงรู้ดีว่าการแข่งขันเพื่อเก็บคะแนนสะสมในตอนนี้มันเป็นเพียงแค่การอุ่นเครื่อง และหากเขาต้องการจะติดอยู่ในยี่สิบอันดับแรกจริงๆ เขาก็จะต้องมีคะแนนสะสมอย่างน้อยสองแสนแต้ม ซึ่งนี่มันก็เท่ากับว่าเขาต้องการคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่อีกอย่างน้อย

หนึ่งหมื่นห้าพันชิ้น ….


โดยตัวเลขนี้มันนับว่าสูงมาก แม้แต่กับซุเปอร์กิลทั้งห้า ….


หลังจากนั้นซือเฟิงก็ทำการดื่มโพชั่นเพิ่มพลัง และโพชั่นแห่งชีวิตอย่างละขวด ก่อนจะล๊อคอินกลับเข้าสู่ God domain ทันที


ป.ล. คือในอนาคตสามารถจะขายคะแนนได้ แต่สถิติคะแนนสะสมที่เก็บรวบรวมมาจะยังอยู่ ดังนั้นซือเฟิงเลยยังตั้งเป้าที่จะไปติดยี่สิบอันดับแรกในการแข่งขันเพื่อเก็บคะแนนสะสมของบริษัทกรีนก๊อดอยู่เหมือนเดิม ….


ตอนที่ 2784 ไม่มีชื่อตอน


ภูเขาไฟต้านเวทย์มนต์ บริเวณหุบเขาลึก :


ในฐานะที่มันเป็นพื้นที่ที่อยู่ใจกลางภูเขาไฟต้านเวทย์มนต์ ที่นี่ไม่เพียงแต่จะมีสภาพแวดล้อมที่รุนแรงมากๆ แต่ถ้าหากผู้เล่นมีค่าความต้านทานไฟต่ำกว่าสามร้อยแต้มและเข้ามาที่นี่นั้นก็จะตายทันทีเช่นกัน แถมมอนสเตอร์ที่อยู่รอบบริเวณนี้ยังเป็นลอร์ดบอสขั้นสูงหรือสูงกว่าที่มีเลเวลราวหนึ่งร้อยสี่สิบทั้งหมด


เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่รุนแรงของที่นี่ มันทำให้แม้แต่มอนสเตอร์ระดับลอร์ดบอาขั้นสูงก็ยังแสดงพลังออกมาได้เกือบเท่ากับลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งไม่ต้องพูดถึงเหล่าผู้เล่นขั้นสี่เลย แม้แต่ NPC ขั้นสี่ส่วนใหญ่ที่มีเลเวลน้อยก็ยังไม่กล้าที่จะเข้ามาที่นี่แน่นอน


อย่างไรก็ตามในเวลานี้มันมีร่างเงาสีดำพุ่งผ่านแมกมาและเปลวไฟจำนวนมากไป โดยที่ติดตามร่างนี้มานั้นมันก็คือโคลอสซัสแมกมาหลายร้อยตัว


โดยโคลอสซัสแมกมาเหล่านี้มีความสูงมากกว่าสิบเมตร และพวกมันหลายร้อยตัวก็วิ่งตามซือเฟิงไปอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งมันทำให้พื้นที่บริเวณโดยรอบสั่นสะเทือน และดึงดูด

มอนสเตอร์เข้ามาอีกจำนวนมาก


(โคลอสซัสแมกมา) (สิ่งมีชีวิตสายธาตุ ลอร์ดบอสขั้นสูง)

เลเวล 140

HP 1,950000,000/1,950,000,000


“ดูเหมือนว่าในบริเวณนี้มันจะมีมอนสเตอร์อยู่แค่ประมาณนี้สินะ …” ซือเฟิงที่บินอยู่มองไปยังโคลอสซัสแมกมา และพวกมอนสเตอร์ระดับลอร์ดบอสอีกหลายตัวที่ติดตามเขามาด้วยท่าทีสบายๆ จากนั้นเขาก็เริ่มร่ายเวทย์


ตอนนี้เขาได้พยายามทำการลากและรวบรวมมอนสเตอร์มานานกว่าสิบนาทีแล้ว แต่มันก็ยังคงมีจำนวนแค่ราวสามพันตัวหรือเพิ่มมากกว่านั้นนิดหน่อยเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงได้เริ่มที่จะลงมือโจมตี


เห็นได้ชัดว่าระบบหลักของ God domain นั้นไม่ต้องการจะให้ผู้เล่นขั้นสี่ได้เพลิดเพลินไปกับการล่าสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาต่ำมากนัก ดังนั้นในแต่ละพื้นที่ ผู้เล่นขั้นสี่จึงสามารถจะรวบรวมและลากมอนสเตอร์แบบนี้มาได้ในจำนวนจำกัด


เมื่อเห็นว่าเหล่ามอนสเตอร์ทั้งหมดเข้ามาในระยะที่ใกล้เพียงพอแล้ว ซือเฟิงก็ได้จัดการใช้ไฟร์โดเมนทันที


ซึ่งด้วยร่างมานาของซือเฟิงในตอนนี้ รวมทั้งสภาพแวดล้อมโดยรอบ มันได้ช่วยเพิ่มพลังให้กับไฟร์โดเมนมากๆ โดยมันให้ผลรุนแรงแทบจะเท่ากับเวทย์ AOE ขั้นสี่เลย


แม้ว่ามอนสเตอร์เหล่านี้จะเป็นสิ่งมีชีวิตสายธาตุไฟที่เกิดมาพร้อมกับการมีค่าความต้านทานไฟสูง แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเวทย์ที่รุนแรงอย่างแท้จริงแบบนี้ HP ของพวกมันก็ได้ลดลงไปอย่างรวดเร็ว โดยลดลงไปราวสิบหกล้านต่อวินาที และค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วย


เวลานั้นผ่านไปเจ็ดวินาที และในที่สุดด้วยผลของเวทย์นี้มันก็ทำให้พวกมอนสเตอร์ที่มีระดับต่ำกว่าลอร์ดบอสขั้นสูงตายลงแทบทั้งหมด สำหรับพวกที่ไม่ตายนั้นก็อยู่ในสภาพที่สาหัส ส่วนโคลอสซัสแมกมาที่เป็นลอร์ดบอสขั้นสูงนั้นก็ไม่ได้มีสภาพที่ดูดีไปกว่ากันมากนัก โดยพวกมันถูกลด HP ไปหลายร้อยล้านเลย


“มันคงจะดีถ้าพวกนักเวทย์ขั้นสี่ได้มาล่าที่นี่ เพราะท้ายที่สุดแล้วฝูงมอนสเตอร์พวกนี้จะถูกจัดการได้ง่ายๆเลยด้วยคำสาปขั้นสี่ และสิ่งที่พวกนักเวทย์ต้องเสียก็จะมีแค่มานากับค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจ และค่าสตามิน่าเท่านั้น” ซือเฟิงครุ่นคิด เมื่อได้เห็นฉากตรงหน้าของเขา


เขาได้ใช้เวลาหกวันในการกาดล้างพื้นที่ชั้นนอก และชั้นในของภูเขาไฟต้านเวทย์มนต์ไปทั้งหมดแล้ว ดังนั้นตอนนี้เขาจึงสามารถจะมาล่าได้แค่ในพื้นที่ใจกลางภูเขาไฟต้านเวทย์มนต์เท่านั้น แต่กระนั้นพื้นที่ใจกลางนี้กับเต็มไปด้วยพวกลอร์ดบอส และลอร์ดบอสขั้นสูงซึ่งให้ EXP กับเขาไม่มากนัก แถมยังต้องใช้เวลาในฆ่ามากขึ้นด้วย


แต่โชคดีที่เขามีพวกสกิลและเวทย์ AOE อยู่บ้าง ไม่งั้นเขาคงจะต้องเหนื่อยตายก่อนที่จะจัดการมอนสเตอร์พวกนี้ได้ทั้งหมด


หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้เลือกจะทำการใช้สกิลไลท์นิ่งเอจ หมุนเวียนกับการใช้สกิลและเวทย์ AOE อื่นๆเพื่อจัดการกับมอนสเตอร์ทั้งหมดโดยรอบบริเวณ ซึ่งสกิลไลท์นิ่งเอจของซือเฟิงนี้มันรุนแรงขึ้นมาก เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาได้อัพมันมาถึงขีดจำกัดแล้ว มันจึงมีพลังแทบจะเทียบเท่ากับสกิลขั้นสี่เลย


โดยซือเฟิงก็ใช้เวลาไม่นานนักในการจัดการมอนสเตอร์ทั้งหมด ….


แน่นอนเลยว่าแม้จะเสียเวลาไปหน่อย แต่หากเทียบกับมอนสเตอร์ในแผนที่ของ God domain ยุคปัจจุบัน การล่าและเก็บเลเวลที่นี่มันก็คุ้มค่ากว่ามาก


และนี่มันก็เป็นสาเหตุหลักๆที่ทำให้ซือเฟิงมีกำลังใจล่ามาอย่างบ้าคลั่งตลอดหกวัน ซึ่งในท้ายที่สุดแล้ว เลเวลของซือเฟิงก็ได้มาถึงหนึ่งร้อยสามสิบแปดที่ห้าสิบสามเปอเซ็นต์


อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากนัก เพราะท้ายที่สุดผู้เล่นขั้นสี่นั้นสามารถจะเก็บเลเวลได้ง่ายมากๆเป็นปกติอยู่แล้ว และในชีวิตที่ผ่านมาของเขา มันก็เป็นปกติที่จะเห็นผู้เล่นขั้นสี่มีเลเวลแค่ราวหนึ่งร้อยสามสิบกว่าๆ ขณะที่ผู้เล่นขั้นสามมีเลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบถึงห้าสิบ ….


สำหรับผู้เล่นขั้นสี่นั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดของพวกเขาคือการเพิ่มพลังต่อสู้ของตัวเอง ไม่ใช่การเก็บเลเวล เพราะเลเวลจะไม่ช่วยอะไรพวกเขามากนักแล้ว โดยการจะเพิ่มพลังต่อสู้ของตัวเองจะทำได้จากการรวบรวมหนังสือสกิล และเวทย์ขั้นสี่มาเรียนรู้ ส่วนในด้านอุปกรณ์นั้น แม้แต่อุปกรณ์กับอาวุธระดับอีปิคก็จะไม่ช่วยส่งเสริมพลังของผู้เล่นขั้นสี่ให้เพิ่มขึ้นมากนักแล้ว มันจะมีเพียงแค่เศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานเท่านั้นที่จะเสริมพลังของผู้เล่นขั้นสี่ให้เพิ่มขึ้นมากได้อย่างแท้จริง


หลังจากนั้นซือเฟิงก็ล่าต่ออีกประมาณยี่สิบนาทีจน EXP ของเขาเพิ่มขึ้นมาอยู่หกสิบหกเปอเซ็นต์ ของเลเวลหนึ่งร้อยสามสิบแปด ก่อนที่เขาจะเริ่มเก็บรวบรวมไอเทมที่

ดรอปจากพวกมอนสเตอร์ทั้งหมด


แน่นอนเลยว่าการเก็บในพื้นที่ใจกลางนั้นมันดีกว่าพื้นที่อื่นๆมาก หลังจากล่ามาถึงตรงนี้ ซือเฟิงก็ได้รับคริสตัลเวทมนต์ธาตุไฟมาอีกมากกว่าห้าร้อยชิ้น และคริสตัลเวทย์มนต์ธรรมดามาอีกมากกว่าสี่พันชิ้น และเขายังได้รับวัสดุระดับอีปิคมาอีกจำนวนมาก อย่างไรก็ตามมันต้องใช้เวลานานมาก ในการเก็บรวบรวมไอเทมเหล่านี้ทั้งหมด


ซึ่งนี่มันทำให้ซือเฟิงตัดสินใจที่จะไม่คัดแยกประเภทของไอเทมที่ดรอปออกมา เขาโกยมันใส่กระเป๋าไปทั้งหมดโดยไม่ได้แยกใดๆ และเมื่อเขากลับไป เขาก็จะปล่อยให้คนอื่นๆทำหน้าที่คัดแยกมัน


จนถึงตอนนี้เขาได้รับคริสตัลเวทย์มนต์มามากกว่าสามแสนห้าหมื่นชิ้นแล้วจากการล่า แถมเขายังได้รับคริสตัลเวทย์มนต์ธาตุไฟมาอีกมากกว่าสี่หมื่นสามพันชิ้น


การได้มาล่าในฐานะผู้เล่นขั้นสี่ในแผนที่เลเวลสูงแบบนี้มันเจ๋งจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแผนที่ใน God domain ยุคโบราณที่ไม่ค่อยมีใครมากวนและแย่งชิงแผนที่กันระหว่างการล่า และมันยังให้ทั้ง EXP แถมยังดรอปทรัพยากรออกมาจำนวนมากด้วย


หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้ทำการล่าพวกโคลอสซัสแมกม่าในพื้นที่ใจกลางต่อไปจนกำจัดพวกมันไปได้เกือบครึ่งของทั้งหมด และเลเวลของซือเฟิงก็พุ่งขึ้นมาอยู่ที่เลเวลหนึ่งร้อยสามสิบเก้า


ซึ่งเมื่อมาถึงตรงนี้นั้น ซือเฟิงก็ได้เลือกจะใช้ EXP จำนวนมหาศาลในการอัพเกรดไลท์นิ่งเอจให้เป็นขั้นสี่


โดยเมื่อการอัพเกรดไลท์นิ่งเอจเสร็จสิ้นนั้น เลเวลของซือเฟิงจากหนึ่งร้อยสามสิบเก้าก็ลดลงมาเหลือหนึ่งร้อยสามสิบหก ….


“ดีจริงๆที่ฉันเลือกจะเก็บเลเวลให้ตัวเองมาถึงเลเวลหนึ่งร้อยสามสิบเก้าซะก่อน ไม่งั้นเลเวลของฉันอาจไม่สามารถเทียบกับผู้เล่นขั้นสี่โดยทั่วไปเลย” ซือเฟิงมองไปที่เลเวลของเขา และยิ้มอย่างขมขื่น


ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขามีเลเวลหนึ่งร้อยสามสิบเก้า กว่าที่เขาจะสามารถอัพเกรดไลท์นิ่งเอจให้เป็นขั้นสี่ได้ เขาจะต้องสูญเสียเลเวลจนเหลือเลเวลต่ำกว่าหนึ่งร้อยสามสิบสี่แน่นอน


อย่างไรก็ตามการลงทุนครั้งนี้มันก็คุ้มค่ามากเช่นกัน เพราะมันทำให้สกิลไลท์นิ่ง

แลชนั้นมีพลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก


โดยสกิลไลท์นิ่งเอจที่ขั้นสี่นั้นมันสร้างความเสียหายทางกายภาพหนึ่งพันสองร้อยเปอเซ็นต์ และสร้างความเสียหายด้วยสายฟ้าหนึ่งพันห้าร้อยเปอเซ็นต์เบื้องหน้าผู้ใช้ ระยะครอบคลุมห้าร้อยหลา ระยะเวลา : เจ็ดวินาที คูลดาวน์ : สิบนาที

แถมหากสามารถใช้ไลท์นิ่งเอจที่อัตราความสำเร็จในการใช้สกิลหนึ่งร้อยยี่สิบเปอเซ็นต์ได้ สกิลก็จะแสดงพลังที่ขั้นสูงสุดของขั้นสี่ออกมาได้ด้วย


ซึ่งนี่มันทำให้ซือเฟิงรู้สึกพึงพอใจมากๆ อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ซือเฟิงกำลังจิดจะอัพเกรดเลเวลของสกิลต่อ มันก็มีคนส่งข้อความมาหาเขา


โดยผู้ที่ส่งมานั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากไลฟ์เลสธอร์น ที่ส่งมาบอกเขาว่าทุกคนได้ออกมาจากดินแดนมรดกขั้นสี่กันแล้ว


“พวกเขาทำได้เร็วกว่าที่ฉันคาดไว้เยอะเลยทีเดียว …” ซือเฟิงที่ได้อ่านข้อความจากไลฟ์เลสธอร์นอดไม่ได้ที่จะยิ้ม “งั้นตอนนี้มันก็ถึงเวลาที่ฉันจะต้องกลับไปแล้ว …”


เมื่อพูดจบซือเฟิงก็ได้ใช้สกิลการเคลื่อนย้ายอวกาศของแหวนเจ็ดลูมินาลี่มุ่งหน้ากลับไปที่เมืองอุกกาบาตโดยตรง


ใน God domain ยุคโบราณนั้นมันไม่มีม้วนคัมภีร์วาร์ปกลับเมือง และหากไม่ใช่เพราะเขาเป็นผู้เล่นขั้นสี่ที่บินได้ และมีโดเมนมานาของตัวเอง รวมไปถึงมีแหวนเจ็ดลูมินาลี่ การออกมาล่าไกลแบบนี้ มันจะเป็นการฆ่าตัวตายสำหรับเขาแน่นอน ….


แต่อย่างไรก็ตามเมื่อคิดแล้วมันก็สมเหตุสมผล เพราะท้ายที่สุดนี่มันทำให้ผู้เล่นใน God domain ยุคโบราณ มีเลเวลนำผู้เล่นใน God domain ยุคปัจจุบันไม่มากนัก


หลังจากนั้นไม่ถึงยี่สิบนาที ซือเฟิงก็ได้มายืนอยู่ที่หน้าประตูเมืองอุกกาบาตซึ่งดูมีชีวิตชีวาจากการสัญจรผ่านไปมาของผู้คน


ตอนที่ 2785 ช่องว่างที่ค่อยๆแสดงออกมา


เมืองอุกกาบาต ถนนสายหลัก :


เมื่อซือเฟิงเดินเข้ามาในเมือง เขาก็พบว่าผู้เล่นภายในเมืองนั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก


มันมีผู้เล่นขั้นสามบนถนนสายหลักเพิ่มขึ้นมาราวสิบถึงยี่สิบเปอเซ็นต์จากเดิม ซึ่งนี่มันนับเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มาก เพราะนี่มันเป็นแค่บนนถนนเส้นเดียวเท่านั้น หากให้ซือเฟิงประมาณจริงๆทั่วทั่งเมืองอุกกาบาตตอนนี้น่าจะมีผู้เล่นขั้นสามเพิ่มขึ้นราวสิบเปอเซ็นต์แล้ว


ซึ่งจำนวนตัวเลขราวสิบเปอเซ็นต์นี้ เมื่อเทียบกับประชากรผู้เล่นของเมืองอุกกาบาตแล้วมันก็เท่ากับหลายแสนคนเลย โดยมันเป็นจำนวนผู้เล่นขั้นสามที่มากกว่าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งห้ากิลรวมกันด้วยซ้ำ


ขณะเดียวกันบรรยากาศในเมืองก็แปรเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด โดยตอนนี้บรรยากาศมันเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความตื่นเต้น


อย่างไรก็ตามหลังจากที่ซือเฟิงเดินต่อมาได้อีกไม่กี่นาที เขาก็ได้ยินเสียงโวยวาย และบ่นด้วยความโกรธเคืองของผู้เล่นขั้นสามจากบาร์กลางแจ้งริมถนน


“แม่งเอ้ย !!! ฉันไปสมัครเข้าร่วมทีมนักผจญภัยสกายแฟร์แต่ถูกปฎิเสธมา !!! ฉันเป็นแรนเจอร์ขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยสามสิบเอ็ดนะ ทีมนักผจญภัยและกิลส่วนใหญ่ในเมืองล้วนแทบจะอ้าแขนต้อนรับฉัน แต่ทีมนักผจญภัยสกายแฟร์กับปฎิเสธฉัน !!!” ชายหนุ่มที่มีผมสีดำและดูแข็งแรงกล่าวอย่างโกรธเคือง


ขณะเดียวกันชายวัยกลางคนเลเวลหนึ่งร้อยสามสิบสองที่นั่งอยู่ข้างเขาก็ยิ้ม และพูดว่า “จะบ่นทำไมกัน ? คนเก่งกว่าคุณอีกหลายพันคนยังถูกทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ปฎิเสธจะรับเลย ตอนนี้เท่าที่ฉันรู้มามันมีน้อยกว่าสิบเปอเซ็นต์จากผู้สมัครที่จะผ่านเข้าร่วมทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ได้ และมันก็มีแนวโน้มที่เปอเซ็นต์นี้จะน้อยลงเรื่อยๆอันเนื่องมาจากเงื่อนไขที่จะเข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ”


“ถูกต้อง ทีมนักผจญภัยสกายแฟร์นั้นไม่เหมือนกับที่เคยเป็นมาในอดีตแล้ว ปัจจุบันทีมนักผจญภัยสกายแฟร์มีผู้เล่นขั้นสี่ทั้งหมดสี่คน และจากข้อมูลภายในที่ฉันได้รู้มา ที่สองคนนี้สามารถเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่ได้ มันก็ต้องขอบคุณคริสตัลแห่งวิญญาณ และน้ำวิญญาณเลย และฉันก็ยังได้ยินมาว่าทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ก็ได้กักตุนคริสตัลแห่งวิญญาณและน้ำวิญญาณไว้อีกจำนวนมาก …. ซึ่งนี่มันจะทำให้ผู้คนสนใจจะเข้าร่วมกับพวกเขาอีกมากขึ้นแน่นอนในอนาคต” แอสซาซินขั้นสามเลเวลหนึ่งร้อยสามสิบเอ็ดกล่าวเสริม


“หากฉันรู้เรื่องนี้ ฉันคงจะเข้าร่วมกับทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ตั้งแต่เนิ่นๆ ….” ชายวัยกลางคนเลเวลหนึ่งร้อยสามสิบสองกล่าวพลางถอนหายใจ


ในตอนนี้ผู้ที่จะสามารถเข้าร่วมกับทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ได้จะต้องอยู่ในขอบเขตครึ่งก้าวก่อนเข้าสู่ขอบเขตการปรับแต่งเป็นอย่างน้อยซะก่อน ผู้เล่นขั้นสามทั่วไปไม่สามารถเข้าได้อีกแล้ว


“ดูเหมือนว่าช่วงนี้ทีมนักผจญภัยสกายแฟร์จะพัฒนาขึ้นไปอย่างมากจริงๆ …” ซือเฟิงไม่ได้รู้สึกแปลกใจมากนักกับเรื่องที่เขาได้ยิน


เนื่องจากมันมีผู้เล่นขั้นสามเพิ่มขึ้นมากในเมืองอุกกาบาต ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติที่เกณฑ์การรับสมัครของทีมนักผจญภัยสกายแฟร์จะสูงขึ้น เพราะท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็ไม่มีกำลังมากพอจะดูแลผู้เล่นทั้งหมดที่ต้องการจะเข้ากับพวกเขาได้ ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นจะต้องคัดผู้เล่นตามเงื่อนไขที่พวกเขาตั้งเพิ่มขึ้นมาเพื่อให้พวกเขาได้รับสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทีมนักผจญภัยของตัวเอง


หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้ฟังการพูดคุยกันมากมายของผู้คนเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบันของทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ และเมืองอุกกาบาต และจากที่ซือเฟิงนำข้อมูลที่ได้มาเรียบเรียงทั้งหมด เขาก็คิดว่าทีมนักผจญภัยสกายแฟร์จะเริ่มขยายสาขาออกไปยังเมือง NPC อื่นๆแน่นอน เมื่อพวกเขามีผู้เล่นขั้นสามมากเพียงพอ


ยิ่งไปกว่านั้นวัดจากความสามารถ ความแข็งแกร่ง และกำลังคนของพวกเขา มันก็คงจะมีกองกำลังน้อยมากที่จะสามารถต้านทานพวกเขาได้


ซึ่งนี่มันก็นับเป็นข่าวดีสำหรับซือเฟิง เพราะยิ่งทีมนักผจญภัยสกายแฟร์แข็งแกร่งขึ้นมากเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งได้รับทรัพยากรมากขึ้นเท่านั้น


หลังจากเดินมาพักหนึ่ง ในที่สุดซือเฟิงก็มาถึงโรงแรมซิลเวอร์ที่เขาเช่าห้องพักไว้


โรงแรมซิลเวอร์ ห้องพักส่วนตัว :

เมื่อซือเฟิงเปิดประตูเข้ามา เขาก็พบว่าไลฟ์เลสธอร์นและคนอื่นๆได้มารอเขาอยู่นานแล้ว โดยจากทั้งห้าคนนั้นสามคนมีออร่าที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด และก็ยังมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ขณะที่อีกสองคนนั้นแทบไม่กล้าจะสู้หน้าซือ

เฟิงด้วยซ้ำ


โดยทั้งสามนั้นก็ได้แก่ไลฟ์ไลสธอร์น โซริทารี่ไนน์ และยู่หลัวที่ซือเฟิงสามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาสามารถทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้สำเร็จ เพราะท้ายที่สุดออร่าของพวกเขาตอนนี้มันเปลี่ยนไปอย่างมากจริงๆ


“ผู้บัญชาการ เราทำให้คุณต้องผิดหวัง …”


หยานย่ามองไปที่ซือเฟิง ขณะที่เธอเดินเข้ามารายงานด้วยความรู้สึกที่หดหู่ใจ ส่วนคลีนซิ่งวิสเซิลเองก็ไม่พูดอะไรเป็นเวลานาน เห็นได้ชัดว่าเธอรู้สึกหดหู่ใจมากๆที่ไม่ได้เลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่


“ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้ผิดหวังใดๆ และพวกคุณก็อย่าท้อถอยแล้วกัน การเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่งั้นผู้เล่นคงไม่มีผู้เล่นที่ยังติดอยู่ที่ขั้นสามจำนวนมากหรอก และแม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดก็ยังีมโอกาสจะทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ล้มเหลวได้เลย ฉะนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงพวกคุณ” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เรียนรู้จากความล้มเหลวในครั้งนี้ แล้วเมื่อเวลามาถึงในครั้งหน้า พยายามทำให้มันดีขึ้นในจุดที่ผิดพลาด ฉันเชื่อว่ายังไงพวกคุณก็จะสามารถเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่ได้สำเร็จแน่นอน”


เขาไม่ได้รู้สึกแปลกใจมากนักที่หยานย่ากับคลีนซิ่งวิสเซิลจะล้มเหลวในการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ และพูดกันตามตรงถ้าไลฟ์เลสธอร์นหรือโซริทารี่ไนน์ล้มเหลวด้วย เขาก็จะไม่ได้รู้สึกแปลกใจมากนักเช่นกัน


เนื่องจากมันยากมากๆในการจะทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่เพื่อก้าวไปสู่ขั้นสี่ให้สำเร็จ ซือเฟิงเข้าใจข้อนี้ดี โดยเฉพาะเรื่องเงื่อนไขในการให้ฝึกใช้สกิลและเวทย์มรดกขั้นสี่ให้ได้อัตราความสำเร็จแปดสิบเปอเซ็นต์หรือมากกว่าภายในเวลาที่กำหนดนั้นมันจัดว่ายากมากๆ เนื่องจากสกิลและเวทย์ขั้นสี่มีความซับซ้อนกว่าสกิลและเวทย์ขั้นสามมากๆ


ที่เขาสามารถจะทำสำเร็จได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ ครั้งแรกนั่นก็เป็นเพราะเขามีประสบการณ์มามากมายจากชีวิตที่ผ่านมาของเขา และตอนที่ทำเควสเขาก็เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมน ซึ่งค่อนข้างจะแตกต่างกับหยานย่า และคลีนซิ่งวิสเซิลมากๆ


ใน God domain ยุคปัจจุบัน แม้แต่สมาชิกของมหาอำนาจต่างๆส่วนใหญ่มากกว่าเก้าสิบเปอเซ็นต์ก็จะล้มเหลวในการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ ขณะที่บางคนต้องทำเควสเลื่อนขั้นนี้สองถึงสามครั้ง ส่วนบางคนห้าถึงหกครั้ง หรือบางคนอาจจะไม่ประสบความสำเร็จเลยตลอดชีวิต


หากการเลื่อนขั้นไปเป็นขั้นสี่ทำได้ง่ายๆ ตัวตนขั้นสี่ก็คงไม่เป็นที่เคารพอย่างมากใน God domain หรอก


ตอนนี้สำหรับบางคน นี่แหละคือช่วงเวลาที่ช่องว่างจะค่อยๆแสดงออกมา


ขณะเดียวกันยู่หลัวที่ยืนอยู่ด้านข้างก็พยักหน้าให้ด้วยความเห็นใจ


สำหรับตัวเธอเอง เธอก็เกือบจะล้มเหลวในการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่เช่นกัน แต่ก็โชคดีที่เธอประสบความสำเร็จมาได้


“ผู้บัญชาการ ฉันกับคลีนซิ่งวิสเซิลสามารถจะอยู่ที่นี่ต่อตลอดไปได้ไหม ?” หยานย่าถามขณะที่มองไปยังซือเฟิงด้วยแววตาเชิงดื้อรั้น


ที่นี่นั้น พวกเธอสามารถจะไปท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้ง่ายมากๆ โดยพวกเธอเพียงแค่ต้องมีคริสตัลเวทย์มนต์ในจำนวนที่เพียงพอเท่านั้น ซึ่งตรงกันข้ามกับ God domain ยุคปัจจุบันที่พวกเธอต้องไปตามหาดินแดนมรดกด้วย ความยุ่งยากในการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ของทั้งสองยุคมันแตกต่างกันมากๆ ….


“นี่ …” ซือเฟิงรู้สึกพูดไม่ออกเล็กน้อย เมื่อเขาได้ยินคำถามของหยานย่า “ฉันไม่สามารถจะตอบเรื่องนี้ได้ แต่ฉันสามารถบอกได้เรื่องหนึ่งคือมันโอเคที่จะรออีกยี่สิบวันเพื่อท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ที่นี่อีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามเธอจะอยู่ได้นานขนาดนั้นไหม ฉันไม่รู้ …”


ตามคำกล่าวของชายชรา ระยะเวลาที่พวกเขาสามารถจะอยู่ในโลกยุคโบราณของ God domain ได้นั้นมันไม่แน่นอน โดยเท่าที่ชายชราเตือนมา คือถ้าพวกเขาไปทำอะไรที่เป็นการดึงดูดความสนใจโลกนี้มากเกินไป โลกนี้ก็จะปฎิเสธตัวตนของพวกเขา และพวกเขาก็จะถูกขับไล่ออกไปอย่างรวดเร็ว

การไปดึงดูดความสนใจโลกนี้มากเกินไปก็อย่างเช่นสิ่งที่ซือเฟิงกำลังพยายามจะทำอย่างการฆ่ามังกรเด็กขั้นสี่เพื่อช่วยให้แองเจลิก้า เทเรซ่ากลายเป็นลอร์ดผู้ปกครองเมืองอุกกาบาตตามเควสที่เขาได้รับมานี่แหละ ….


และซือเฟิงก็มั่นใจเลยว่าเมื่อเขาทำเควสนี้เสร็จ เขาจะถูกขับไล่ออกจากโลก God domain ยุคโบราณแน่นอน แต่ซือเฟิงก็มั่นใจว่าหากเขาไม่ได้ทำอะไรที่เกินไปแบบการฆ่า NPC ที่สำคัญๆตามประวัติศาสตร์ของ God domain เขาก็น่าจะยังสามารถกลับเข้ามาที่นี่ได้ เพียงแต่ว่าตอนนี้เขายังไม่รู้วิธีที่จะกลับเข้ามาก็เท่านั้น ….


“อย่างนั้นหรอ …” หยานย่า และคลีนซิ่งวิสเซิลรู้สึกหมดหนทางเมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง


หากพวกเขาต้องกลับไปโลกยุคปัจจุบันของ God domain นั้น มันจะเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขามากๆในการจะทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ และก่อนอื่นเลยพวกเขาก็จะต้องค้นหาดินแดนมรดกขั้นสี่ให้เจอก่อน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย


หลังจากนั้นไลฟ์เลสธอร์น โซริทารี่ไนน์ ยู่หลัว และซือเฟิงก็ค่อยๆช่วยกันสอนเรื่องต่างๆให้กับหยานย่า และคลีนซิ่งวิสเซิล โดยเฉพาะเรื่องการควบคุมมานาในร่างมานาของตัวเอง …. ที่ผู้เล่นขั้นสี่จะทำแตกต่างจากผู้เล่นขั้นสามมากๆ


โดยหลังจากสอนกันอยู่เป็นเวลาราวครึ่งชั่วโมง ไลอ้อนฮาร์ทก็ได้ติดต่อซือเฟิงเข้ามา


ใน God domain ยุคโบราณ หากทั้งสองฝ่ายอยู่ห่างกันมากเกินไปจะไม่สามารถวีดีโอคอลติดต่อกันได้ จะทำได้เพียงส่งข้อความเท่านั้น


และในการส่งข้อความนั้นยิ่งทั้งสองฝ่ายอยู่ห่างไกลกันเท่าไหร่ การส่งก็จะมีระยะเวลานานเท่านั้นด้วย ในแง่ของเรื่องนี้มันค่อนข้างจะดูล้าหลังกว่า God domain ยุคปัจจุบันมากๆ


“แบล๊คเฟรม ในที่สุดคุณก็กลับมา …” ไลอ้อนฮาร์ทกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้ฝั่งของฉันพร้อมมากแล้ว เราจะเจอกันเมื่อไหร่ ?”


“งั้นก็ตอนนี้เลยแล้วกัน เพราะฝั่งของฉันเองก็เสร็จเรื่องทุกอย่างแล้ว …” ซือเฟิง

กล่าวตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ เมื่อได้ยินคำถามของไลอ้อนฮาร์ท


ดูเหมือนว่าคริสตัลแห่งวิญญาณและน้ำวิญญาณจะมีประโยชน์มากๆสำหรับทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ ไม่งั้นไลอ้อนฮาร์ทคงไม่รีบติดต่อเขาทันทีที่เขากลับมาเพื่อจะเติมเต็มสัญญาระหว่างกัน


“โอเคงั้นมาเจอกันที่โรงสกายแฟร์แล้วกัน พวกเราพร้อมแล้ว …” ไลอ้อนฮาร์ทกล่าวด้วยรอยยิ้มมีความสุข “ฉันจะมอบความประหลาดใจอย่างมากให้กับคุณ เมื่อคุณมาถึงคุณแบล๊คเฟรม”


“อย่างนั้นหรอ ? ฉันจะรีบไปทันที …” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ และหลังจากนั้นเมื่อเขาวางสายจากไลอ้อนฮาร์ทไป เขาก็หันไปมองทั้งสามคนที่สามารถเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่ได้แล้ว และกล่าวว่า “คุณสามคนรีบเตรียมตัว และออกไปกับฉัน เราจะไปที่โรงแรมสกายแฟร์เพื่อสมทบกับทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ และออกเดินทางไปเพื่อเริ่มปฎิบัติการ !!!”


ทั้งสามพยักหน้ารับทันที พวกเขารู้ดีว่าที่ซือเฟิงยังไม่เริ่มปฎิบัติการของเขาจนถึงตอนนี้ก็เป็นเพราะซือเฟิงต้องการรอให้พวกเขาเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่ได้ก่อน และเมื่อพวกเขาทำสำเร็จแล้วแบบนี้ การที่ซือเฟิงจะเริ่มปฎิบัติการในทันทีที่เขากลับมา มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใดๆ


สำหรับหยานย่า และคลีนซิ่งวิสเซิล พวกเธอเลือกจะอยู่ในเมืองอุกกาบาตต่อเพื่อดูว่าพวกเธอจะสามารถอยู่รอเวลายี่สิบวันเพื่อเริ่มท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้อีกครั้งหรือไม่


หลังจากนั้นไม่นานซือเฟิงก็นำทั้งสามคนออกเดินทางไปยังโรงแรมสกายแฟร์


ตอนที่ 2786 ภูมิหลัง และภูมิหลัง


เมืองอุกกาบาต โรงแรมสกายแฟร์ :


เมื่อซือเฟิง และคนของเขาอีกสามคนมาถึง พวกระดับสูงของทีมนักผจญภัยสกายแฟร์คนหนึ่งก็ได้นำพวกเขามาที่ห้องประชุมแห่งหนึ่งในโรงแรมที่มีขนาดเท่ากับสนามบาสเกตบอล ซึ่งตอนนี้ดูจะแออัดไปสักหน่อย


เมื่อซือเฟิงเดินเข้ามา เขาก็สังเกตเห็นว่ามันมีผู้เล่นมากกว่าหนึ่งร้อยคนมารอเขาอยู่ที่ห้องประชุมนี้ก่อนแล้ว โดยทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนมีเลเวลหนึ่งร้อยสามสิบสามหรือมากกว่าทั้งหมด และราวยี่สิบคนจากในนี้ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดหรือเก่งกาจกว่านั้น หากทีมๆนี้อยู่ในโลกยุคปัจจุบันของ God domain มันจะจัดเป็นทีมที่มหาอำนาจต่างๆทั้งหมดล้วนต้องให้ความสนใจแน่นอน


เนื่องจากทีมแบบนี้นั้นจะมีแค่เฉพาะมหาอำนาจที่แท้จริงเท่านั้นที่สามารถจัดขึ้นมาได้ กิลชั้นสูงนั้นไม่มีทางจะจัดทีมแบบนี้ขึ้นมาได้แน่นอน


และในหมู่พวกนี้ทั้งหมดนั้น มีห้าคนที่มีออร่าแข็งแกร่งที่สุด ซึ่งมันชัดเจนเลยว่าทั้งห้าคนนี้เป็นผู้เล่นขั้นสี่แล้ว ซึ่งมันมีจำนวนมากกว่าที่ผู้คนภายในเมืองพูดคุยกันอยู่หนึ่งคน


คริมสันบีโลว์ แอสซาซินหญิงที่ครั้งก่อนยังไปไม่ถึงขั้นสี่ที่ซือเฟิงเจอ ตอนนี้ก็ได้มาถึงขั้นสี่แล้ว นอกเหนือจากคริมสันบีโลว์ รองผู้บัญชาการอีกสองคนของทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ก็ได้มาถึงขั้นสี่แล้วเช่น


โดยคนหนึ่งนั้นคือเบอเซิกเกอร์เลเวลหนึ่งร้อยสามสิบห้า ขณะที่อีกคนหนึ่งนั้นมีชื่อว่าหยวนเหว่ย ซึ่งเธอเป็นรองผู้บัญชาการหญิงเพียงคนเดียวของทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ และเธอเป็นออราเคิล


“คุณแบล๊คเฟรม เป็นยังไงบ้าง ?” ไลอ้อนฮาร์ทมองไปที่ซือเฟิงที่เดินเข้ามา พลางผายมือไปยังสมาชิกทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ที่เขารวบรวมมาด้วยรอยยิ้ม และกล่าวว่า “คุณพึงพอใจกับทีมๆนี้ไหม ?”


“ฉันพึงพอใจมากเลยทีเดียว ….” ซือเฟิงพยักหน้า ขณะที่มองไปยังสมาชิกทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ทั้งหมดที่ถูกรวบรวมมาด้วยรอยยิ้ม “ว่าแต่นี่คงไม่ใช่เรื่องที่คุณบอกว่าจะทำให้ฉันประหลาดใจอย่างมากใช่ไหม ? ผู้บัญชาการไลอ้อนฮาร์ท”


ไม่ต้องพูดถึงผู้เล่นขั้นสี่ห้าคน ทีมมากกว่าหนึ่งร้อยคนทีมนี้นั้นจัดว่ามีพลังในการต่อสู้ที่น่าทึ่งมากๆ เพราะท้ายที่สุดแล้วอุปกรณ์ที่อ่อนแอที่สุดของทุกคนในนี้ก็ยังอยู่ในระดับอีปิค ขณะที่บางคนสวมใส่เศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานครบเซ็ทด้วยซ้ำ และมันก็สามารถพูดได้เลยว่าเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานที่ทีมนักผจญภัยสกายแฟร์มีนั้นมันมากกว่าที่มหาอำนาจต่างๆในโลกยุคปัจจุบันของ God domain มีซะอีก


แต่อย่างไรก็ตามการมีทีมมากกว่าหนึ่งร้อยคนที่ทรงพลังแบบนี้ มันไม่น่าจะใช่เรื่องที่ไลอ้อนฮาร์ทคิดว่าจะทำให้เขาประหลาดใจแน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้วส่วนหนึ่งที่ไลอ้อนฮาร์ทสามารถสร้างทีมแบบนี้ขึ้นมาได้มันก็เป็นเพราะคริสตัลแห่งวิญญาณ และน้ำวิญญาณของเขา


“ไม่ใช่แน่นอน” ไลอ้อนฮาร์ทยิ้ม และส่ายหัว จากนั้นเขาก็หยิบคริสตัลโบราณออกมาจากกระเป๋าของเขา “คุณคิดยังไงกับเจ้านี่ ?”


ซือเฟิงได้มองไปยังคริสตัลโบราณที่ไลอ้อนฮาร์ทหยิบออกมาจากกระเป๋า และใบหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นตกตะลึงทันที


“คริสตัลปิดผนึกเวทย์ปีศาจขั้นห้า !!!” ซือเฟิงมองไปยังคริสตัลโบราณสีเทาเข้มในมือของไลอ้อนฮาร์ท โดยที่เขาแทบจะไม่อยากเชื่อเลยว่านี่มันเป็นความจริง


ม้วนคัมภีร์เวทย์มนต์ขั้นห้านั้นหายากมากๆใน God domain ซึ่งสาเหตุที่มันเป็นแบบนั้นก็เพราะ พลังของเวทย์มนต์ขั้นห้านั้นมันน่าทึ่งมากๆ และข้อกำหนดในการจะใช้ม้วนคัมภีร์เวทย์มนต์กักเก็บพลังของมันก็สูงเกินไป และต่อให้ทำได้จริงๆ ม้วนคัมภีร์เวทย์มนต์นั้นๆก็จะมีพลังของเวทย์ขั้นห้าอยู่แค่ครึ่งหนึ่งจากเดิม


ขณะที่คริสตัลปิดผนึกนั้นสามารถจะปิดผนึกเวทย์มนต์ขั้นสี่หรือเหนือกว่าได้อย่างสมบูรณ์แบบ


และแม้ว่าคริสตัลปิดผนึกจะสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว แต่มันก็ไม่ได้มีข้อกำหนดใดๆสำหรับผู้เล่น และผู้เล่นที่ใช้มันก็ยังจะสามารถใช้พลังเวทย์ที่ถูกปิดผนึกอยู่ภายในได้เต็มหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ด้วย

แล้วก็คริสตัลปิดผนึกนั้นสามารถจะดูความแข็งแกร่งได้จากสี ยิ่งสีแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ เวทย์ที่ถูกปิดผนึกอยู่ภายในก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากเท่านั้น และในเมื่อคริสตัลปิดผนึกตรงหน้าของซือเฟิงนั้นมีสีเทาเข้ม มันจึงจะมีพลังอยู่ในขั้นห้าเป็นอย่างน้อย


“ใช่แล้ว มันคือคริสตัลปิดผนึกเวทย์ปีศาจขั้นห้า !!!” ไลอ้อนฮาร์ทกล่าวด้วยรอยยิ้มภาคภูมิใจ “ฉันได้รับมันมาเพราะโชคดีน่ะ ฉันได้พบขุนนางใหญ่จากเมืองหลักเมืองอื่น และช่วยเขาทำงานบางอย่างของเขาจนเสร็จ ดังนั้นเขาจึงซื้อเจ้านี่มามอบให้กับฉัน”


“ฉันเชื่อว่าด้วยคริสตัลปิดผนึกเวทย์ปีศาจขั้นห้านี้ มันจะทำให้ปฎิบัติการครั้งนี้ของเราง่ายขึ้นแน่นอน !!!”


“แน่นอนเลย เวทย์ที่ถูกปิดผนึกไว้ภายในนี้นั้นมันแข็งแกร่งมากๆ และมันเพียงพอจะทำให้มังกรเด็กขั้นสี่ได้รับบาดเจ็บหนักจากการโจมตีของมันแน่นอน !!!” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า


มังกรเด็กขั้นสี่ที่ไม่ถูกปราบปรามใดๆนั้นจะมีพลังเทียบเคียงกับมอนสเตอร์ขั้นห้า แต่มันก็แค่สามารถจะสู้กับพวกขั้นห้าได้เท่านั้น เมื่อเผชิญหน้ากับเวทย์ขั้นห้า มังกรเด็กขั้นสี่จะไม่สามารถต้านทานมันได้แน่นอน ดังนั้นมันจึงนับเป็นเครื่องมือช่วยเหลือในปฎิบัติการครั้งนี้ที่ดีมากๆ


“ในปฎิบัติการครั้งนี้ ทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ของเราตั้งใจจะช่วยเหลือคุณอย่างเต็มที่เท่าที่เราจะทำได้คุณแบล๊คเฟรม ดังนั้นเราจึงได้รวบรวมผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดของทีมนักผจญภัยสกายแฟร์มาทั้งหมดหนึ่งร้อยยี่สิบสี่คน ซึ่งห้าคนได้มาถึงขั้นสี่แล้ว โดยทีมๆนี้คุณสามารถจะปรับเปลี่ยนและจัดสรรได้ทั้งหมด ทุกคนล้วนอยู่ใต้คำสั่งของคุณ คุณแบล๊คเฟรม” ไลอ้อนฮาร์ทกล่าว ก่อนที่เขาจะกล่าวต่ออย่างภาคภูมิใจว่า “แล้วก็ถ้ามีใครที่เป็นคนของคุณที่คุณต้องการจะเอาเข้ามาแทนที่ในทีม คุณก็สามารถจะทำได้ตลอดเวลาเลย”


“ครั้งนี้ฉันต้องขอขอบคุณคุณมากจริงๆ ผู้บัญชาการไลอ้อนฮาร์ท” ซือเฟิงกล่าวขอบคุณ


ในครั้งนี้นั้น แม้ว่าเขาจะคิดว่ามันมีความเป็นไปได้ที่เขาจะฆ่ามังกรเด็กขั้นสี่ได้ แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจมากนัก เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาไม่เคยฆ่ามังกรเด็กขั้นสี่มาก่อน และเขาก็ไม่มีอะไรที่จะสามารถใช้ปราบปรามมังกรเด็กขั้นสี่ด้วย

ดังนั้นการที่ทีมนักผจญภัยสกายแฟร์เลือกจะให้การสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่แบบนี้ มันคือสิ่งที่เขาต้องการที่สุด เพราะนี่มันจะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง


“คุณแบล๊คเฟรมก็กล่าวเกินไป พวกเราก็แค่ต่างฝ่ายต่างช่วยกันนั่นแหละ หากคุณประสบความสำเร็จในปฎิบัติการครั้งนี้ มันก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ของเรา ดังนั้นจะไม่ให้เราทุ่มเทอย่างเต็มที่ได้ยังไง ?” ไลอ้อนฮาร์ทกล่าว “ถ้าคุณแบล๊คเฟรมไม่มีปัญหาอะไร ตอนนี้เราก็พร้อมจะออกเดินทางกันได้ทุกเมื่อ”


การกระทำของในครั้งนี้มันนับเป็นการเสี่ยงครั้งใหญ่เลย พูดกันตามตรงที่เขาทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องการฆ่ามังกรขั้นสี่ แต่เป็นเพราะเขาต้องการจะกระชับความสัมพันธ์และผูกติดซือเฟิงไว้กับทีมนักผจญภัยสกายแฟร์


เนื่องจากคริสตัลแห่งวิญญาณและน้ำวิญญาณนั้นมันมีประโยชน์มากๆสำหรับทีมนักผจญภัยของเขาในเรื่องการช่วยให้คนของเขาทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้สำเร็จ และแม้แต่คริมสันบีโลว์ที่ล้มเหลวมาก่อนหน้านี้ก็ยังทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้สำเร็จ หลังจากใช้คริสตัลแห่งวิญญาณ


สำหรับคนอื่นๆที่ทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่สำเร็จในช่วงที่ผ่านมา พวกเขาทุกคนล้วนบอกตรงกันว่า หากปราศจากคริสตัลแห่งวิญญาณ และน้ำวิญญาณ พวกเขาอาจจะล้มเหลวจริงๆ


ดังนั้นนี่มันจึงทำให้เขาเริ่มให้ความสำคัญกับคริสตัลแห่งวิญญาณ และน้ำวิญญาณมากขึ้น เขาจะต้องผูกขาดไอเทมทั้งสองอย่างนี้ไว้ให้ได้อย่างแน่นหนา และซือเฟิงก็เป็นกุญแจสำคัญของเรื่องนี้


สำหรับเรื่องมังกรเด็กขั้นสี่ ไม่ว่ามันจะล้มเหลวหรือสำเร็จ ยังไงเขาก็จะไม่ขาดทุนจากเรื่องนี้แน่นอน


“ฉันไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่ว่าฉันต้องการจะปรับทีมใหม่นิดหน่อยโดยการเพิ่มคนสามคนเข้าไป” ซือเฟิงกล่าว


“สามคน ?” ไลอ้อนฮาร์ทอดไม่ได้ที่จะมองไปยังคนสามคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของซือเฟิง

ในเวลานี้พวกเขาทั้งสามคนสวมเสื้อคลุมสีดำสนิท และข้อมูลของพวกเขาก็ถูกปกปิดไว้ทั้งหมด แต่เมื่อพิจารณาจากรูปลักษณ์ของพวกเขาแล้ว หนึ่งในสามนั้นคือยู่หลัวแน่นอน สำหรับอีกสองคน พวกเขาน่าจะเป็นคนของซือเฟิงที่ติดตามซือเฟิงมา


มันจัดว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะน่าประหลาดใจที่ซือเฟิงพาทั้งสามคนมาเข้าร่วมปฎิบัติการครั้งนี้


มังกรเด็กขั้นสี่นั้นจัดว่าเป็นตัวตัวที่แทบจะเป็นอมตะเลยในหมู่สิ่งมีชีวิตขั้นสี่ มันคงไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าซือเฟิงจำนคนมาเพิ่มอีกหลายพันคนเพื่อโจมตีมัน แต่ตอนนี้เขากับนำมาเพิ่มแค่สามคน


“ฉันมาที่เมืองอุกกาบาตนี้เป็นครั้งแรก ดังนั้นฉันจึงนำคนติดตามมาด้วยแค่นี้แหละ …” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะ เขาพอจะเดาความคิดตอนนี้ของไลอ้อนฮาร์ทออก


“มันไม่ใช่ปัญหาเลย ในการจะเพิ่มคนสามคนเข้ามา คุณสามารถทำได้ตามที่ต้องการเลย คุณแบล๊คเฟรม” ไลอ้อนฮาร์ทรีบส่ายหัว และกล่าวด้วยรอยยิ้มทันที เมื่อเขานึกได้ว่าเขาแสดงท่าทีให้ซือเฟิงเดาความคิดเขาได้ออกมาเกินไป …. และหลังจากนั้นเขาก็ได้มอบอำนาจหัวหน้าทีมให้กับซือเฟิง


เมื่อได้รับอำนาจหัวหน้าทีมมา ซือเฟิงก็เริ่มจัดการแบ่งทีมออกเป็นทีมเล็กๆทันที โดยผู้เล่นขั้นสี่ห้าคนของทีมนักผจญภัยสกายแฟร์จะอยู่ภายใต้การบัญชาการของเขาโดยตรง สำหรับผู้เล่นขั้นสามคนอื่นๆที่เหลือจะถูกแบ่งออกเป็นหกทีมเล็กๆโดยหนึ่งทีมจะเป็นทีมฮีลเลอร์ทั้งหมด ขณะที่อีกห้าทีมจะไม่มีฮีลเลอร์เลย


การจัดทีมเล็กๆแบบนี้ทำให้สมาชิกในทีมนักผจญภัยสกายแฟร์งุนงงไปชั่วขณะ ไม่มีฮีลเลอร์อยู่ในห้าทีม นี่มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาได้รับบาดเจ็บ ?


แม้ว่าฮีลเลอร์ที่อัดแน่นอยู่ในทีมเล็กๆทีมเดียวจะสามารถเข้าช่วยเหลือพวกเขาได้เช่นกันเมื่อสถานการณ์คับขัน แต่มันก็จะเป็นไปได้ช้ามากๆเนื่องด้วยการแบ่งทีมแบบนี้ นี่มันจึงทำให้พวกเขาสงสัย และงุนงงกับการแบ่งทีมเล็กๆของซือเฟิง


อย่างไรก็ตามผู้เล่นเหล่านี้นั้นก็ไม่ได้รู้เลยว่าซือเฟิงไม่เคยคิดเกี่ยวกับปัญหาการบาดเจ็บ สูญเสียของพวกเขา


เมื่อมังกรเด็กขั้นสี่เริ่มโจมตีนั้น มันจะสามารถกำจัดพวกผู้เล่นขั้นสามออกไปได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นมันจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้มีฮีลเลอร์อยู่ในทีมส่วนใหญ่


“สำหรับทีมฮีลเลอร์ ทุกคนให้เตรียมโพชั่นฟื้นฟูมานาระดับปรมาจารย์ และโพชั่นเหล็กกล้าระดับปรมาจารย์ไว้คนละยี่สิบขวด ถ้ามีมันไม่พอ ให้ไปซื้อมาซะ เดี๋ยวฉันจะจ่ายเอง” ซือเฟิงมองไปที่สมาชิกของทีมฮีลเลอร์ทั้งหมดและกล่าวออกคำสั่ง


หลังจากซือเฟิงพูดจบ ทุกคนก็อ้าปากค้าง


นี่มัน …. สุดๆไปเลย !!!


โพชั่นฟื้นฟูมานาระดับปรมาจารย์นั้นมันมีค่ามากๆโดยหนึ่งขวดนั้นจะสามารถช่วยฟื้นฟูมานาของผู้ใช้ให้กลับมาเต็มได้ทันที และมันก็จะช่วยเพิ่มอัตราการฟื้นฟูขึ้นหนึ่งร้อยห้าสิบเปอเซ็นต์เป็นเวลาสามนาทีด้วย แต่ตอนนี้ซือเฟิงกับสั่งให้พวกเขาเตรียมไปคนละยี่สิบขวด


สำหรับโพชั่นเหล็กกล้าระดับปรมาจารย์นั้น มันค่อนข้างจะพิเศษยิ่งกว่า เพราะมันจัดเป็นเครื่องมือช่วยชีวิตชั้นดี


หลังจากผู้เล่นดื่มเข้าไป โพชั่นเหล็กกล้าจะช่วยเพิ่มพลังป้องกันของพวกเขาขึ้นสามร้อยเปอเซ็นต์ และจะเพิ่ม HP สูงสุดของพวกเขาขึ้นหนึ่งพันเปอเซ็นต์เป็นเวลาสิบห้าวินาที โดนมีคูลดาวน์ในการใช้หนึ่งนาทีระหว่างแต่ละขวด


หากฮีลเลอร์แต่ละคนมีพวกมันคนละยี่สิบขวด พวกเขาก็จะแทบไม่ต่างจากเป็นอมตะเลย


“โอ้ แล้วก็ฮีลเลอร์ทั้งหมด ให้พกม้วนคัมภีร์คำสาปป้องกันขั้นสามติดตัวไว้คนละห้าม้วน ถ้ามีม้วนคัมภีร์คำสาปป้องกันขั้นสี่ด้วยก็จะดีมาก” ทันใดนั้นซือเฟิงก็จำได้ว่าเขาต้องออกคำสั่งในเรื่องนี้อีกอย่างหนึ่ง เขาจึงพูดมันขึ้นมาทันที


“นี่ ….” ไลอ้อนฮาร์ทพูดไม่ออก เมื่อได้ยินคำสั่งล่าสุดของซือเฟิง และเขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาด้วยความลำบากใจว่า “คุณแบล๊คเฟรม มันมีม้วนคัมภีร์คำสาปป้องกันอยู่ไม่มากนักในเมืองอุกกาบาต การจะให้ฮีลเลอร์แต่ละคนของเราหามา และหกไว้คนละห้าม้วนนั้นเป็นไปไม่ได้”


“งั้นหรอ ?” ซือเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะกล่าวว่า “งั้นก็ให้หามา และพกไว้คนละม้วนแล้วกัน”


หลังจากนั้นซือเฟิงก็ใช้เวลาอีกครึ่งชั่วโมง ปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในทีมจนเขาพึงพอใจ


“เอาล่ะ ประมาณนี้ก็น่าจะพอแล้ว พวกเราออกเดินทางกันเถอะ …” ซือเฟิงมองไปที่สมาชิกในทีมทั้งหมดและพยักหน้าอย่างพึงพอใจ


“ยอดเยี่ยม !! งั้นฉันจะให้วินเชเซอร์ไปเตรียมการเดินทางทันที !!!” ไลอ้อนฮาร์ทกล่าว จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับวินเชเซอร์ว่า “เชเซอร์ ไปเตรียมทุกอย่างให้พร้อม”


“รับทราบ !” วินเชเซอร์พยักหน้ารับคำสั่ง เขาเข้าใจความหมายเบื้องหลังคำสั่งของไลอ้อนฮาร์ทดี


คราวนี้พวกเขาจะต้องแสดงให้ซือเฟิงเห็นให้ได้ว่าทีมนักผจญภัยสกายแฟร์นั้นแข็งแกร่งแค่ไหน และพวกเขาก็จะต้องกระชับสัมพันธ์กับผูกติดซือเฟิงไว้กับทีมนักผจญภัยให้ได้ ….


“เตรียมการ ? เราไม่ได้จะออกเดินทางไปตรงๆงั้นหรอ ?” ซือเฟิงถามอย่างสงสัย


“คุณแบล๊คเฟรม คุณน่าจะยังไม่รู้ แต่มังกรเด็กขั้นสี่นั้นอยู่ในแผนที่ที่ไกลจากเมืองอุกกาบาตมาก หากใช้อะเม้าท์บนบกเดินทางไป มันก็จะต้องใช้เวลาเดินทางเกือบสามวัน” ไลอ้อนฮาร์ทพูดอย่างจริงจัง “ดังนั้นเพื่อความสะดวกในการเดินทางของเราในปฎิบัติการครั้งนี้ ฉันจึงได้ติดต่อขุนนางใหญ่ของเมือง และขอเช่าอะเม้าท์บินได้จากเขามา”


“เช่าอะเม้าท์บินได้ ?” ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย


เขาไม่เคยคิดเลยว่าไลอ้อนฮาร์ทจะยอมทำถึงขนาดนี้


เนินเขาเนเธอร์ไฟร์ที่มังกรเด็กขั้นสี่อยู่นั้นมันอยู่ห่างไกลจากเมืองอุกกาบาตมากจริงๆ และในระหว่างทางพวกเขาก็จะต้องเดินทางผ่านแผนที่เลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบถึงหนึ่งร้อยห้าสิบหลายแผนที่


ในยุคโบราณของ God domain นี้นั้น อะเม้าท์บินได้มันหายากมากๆ และไม่มีผู้เล่นแม้แต่คนเดียวในเมืองอุกกาบาตที่มีมัน ซึ่งหากพวกเขาต้องการจะใช้อะเม้าท์บินได้จริงๆ พวกเขาก็จำเป็นจะต้องไปตีสนิท และกระชับความสัมพันธ์กับบรรดาขุนนางใหญ่ของเมือง ซึ่งเมื่อพวกเขาทำให้พวกขุนนางใหญ่มีค่าความพึงพอใจต่อพวกเขามากเพียงพอแล้ว พวกเขาก็จะสามารถขอเช่าอะเม้าท์บินได้จากพวกขุนนางใหญ่ได้


อย่างไรก็ตามมันก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นในเมืองอุกกาบาตที่สามารถจะทำแบบนี้ได้สำเร็จ แถมราคาการเช่าอะเม้าท์หนึ่งตัวต่อวัน ยังคิดเป็นคริสตัลเวทย์มนต์ห้าพันชิ้นด้วย ซึ่งราคามันจัดว่ามหาโหดมากๆ


และที่สำคัญที่สุดก็คือมันจะมีสัญญาเช่าจำกัดอยู่ที่สิบตัวต่อเดือนด้วย ดังนั้นพวกผู้มีอำนาจในเมืองจึงมักจะเช่าอะเม้าท์บินได้เฉพาะเรื่องด่วนที่สำคัญๆเท่านั้น


โดยในการจะพาผู้เล่นทั้งหมดนี้เดินทางไปด้วยอะเม้าท์บินได้ก็จะต้องเช่าถึงเจ็ดตัว ซึ่งนี่มันหมายถึงเจ็ดจากสิบตัวต่อเดือนที่มีจำกัดเลย


“ใช่แล้ว ด้วยอะเม้าท์บินได้ มันจะทำให้เราสามารถเดินทางไปถึงที่ที่มังกรเด็กขั้นสี่อยู่ภายในหนึ่งวัน” ไลอ้อนฮาร์ทกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ และพึงพอใจเล็กน้อย


เขาได้เสี่ยงที่จะเดิมพันครั้งใหญ่จริงๆในครั้งนี้เพื่อทีมนักผจญภัยสกายแฟร์


“ไม่จำเป็นต้องเช่าอะเม้าท์บินได้จากขุนนางใหญ่ ให้ต้องเสียโอกาสที่มีจำกัดต่อเดือนหรอก เราจะบินไป …” ซือเฟิงกล่าวพลางส่ายหัว และพูดอย่างสบายๆ


“บินไป ?” ไลอ้อนฮาร์ทอดไม่ได้ที่จะงุนงง เมื่อได้ยินคำพูดล่าสุดของซือเฟิง


“ใช่แล้ว” ซือเฟิงพยักหน้าเล็กน้อย และพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันมีของที่จะใช้ทำแบบนั้นได้อยู่ ดังนั้นคุณก็ไม่จำเป็นที่จะต้องลำบากในเรื่องนี้”


เมื่อพูดจบ ซือเฟิงก็ได้นำไลอ้อนฮาร์ทและคนอื่นไปที่ชั้นดาดฟ้าของโรงแรมสกายแฟร์ ซึ่งนี่มันทำให้สมาชิกในทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ทุกคนนั้นงุนงง และไม่เข้าใจการกระทำของซือเฟิงมากๆ ความหมายของเขาในการจะบินไปยังเนินเขาเนเธอร์ไฟร์คืออะไร ?


อย่างไรก็ตามก่อนที่เหล่าสมาชิกของทีมนักผจญภัยสกายแฟร์จะทันได้พูดคุย หรือบ่นอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซือเฟิงก็ได้นำเอายักษ์เหล็กที่มีความหลายร้อยเมตรที่สามารถจะปกคลุมชั้นดาดฟ้าของโรงแรมสกายแฟร์ได้อย่างสมบูรณ์ออกมาจากกระเป๋าของเขา


ตอนที่ 2787 ไม่รู้เลย


“เรือเหาะ ?”


“เป็นไปได้ยังไงกัน ?!”


สมาชิกในทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ทุกคนล้วนมองไปยังเรือเหาะมังกรสีเลือดที่ตอนนี้เข้าปกคลุมชั้นดาดฟ้าทั้งหมดของโรงแรมสกายแฟร์ด้วยความตกตะลึง และพวกเขาก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสิ่งที่พวกเขาได้เห็นมันเป็นเรื่องจริง


“นี่มันต้องเป็นภาพหลอน !!!” รองผู้บัญชาการคนหนึ่งของสกายแฟร์ที่ชื่อบัดดี้บลัดอุทานออกมา ก่อนที่เขาจะกล่าวปฎิเสธความจริงตรงหน้าอย่างสิ้นเชิงว่า “มันต้องเป็นของปลอมแน่นอน ผู้เล่นจะมีเรือเหาะได้อย่างไร ?!”


ตอนนี้ผู้เล่นยังไม่มีแม้แต่อะเม้าท์บินได้เป็นของตัวเองด้วยซ้ำ และเรือเหาะก็เป็นจัดเพียงตำนาน


เพราะพวกเขาเคยเห็นแต่เรื่องราวของเรือเหาะในหนังสือนั้น และมันก็ไม่มีเรือเหาะแม้แต่ลำเดียวอยู่ในเมืองอุกกาบาต มันมีข่าวลือว่ามีเพียงผู้พิทักษ์ของเมืองศักสิทธิ์เท่านั้นที่มีมัน และใช้มันมาลาดตระเวนเมืองมนุษย์ โดยเรือเหาะนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่ผู้เล่นมีสิทจะสัมผัสได้เลย


ในเวลานี้ไม่ต้องพูดถึงบัดดี้บลัดเลย แม้แต่ไลอ้อนฮาร์ทที่ได้เห็นเรือเหาะมังกรสีเลือดก็ยังเต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างมาก เขาใช้เวลานานมากกว่าจะสามารถสงบสติอารมณ์ลงได้ ….


ส่วนคนอื่นๆนั้นก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันนัก โดยเฉพาะกับคริมสันบีโลว์ และวินเชเซอร์ที่ตอนนี้มองไปยังซือเฟิงที่มีท่าทีสบายๆด้วยความไม่อยากจะเชื่อ


“นี่ชายคนนี้เป็นใครกันแน่ ?”


ตอนนี้คำถามนี้นั้นผุดขึ้นมาในใจของพวกเขา


เนื่องด้วยพวกเขาต้องการจะร่วมมือกับซือเฟิงในระยะยาว ดังนั้นพวกเขาจึงได้ทำการตรวจสอบซือเฟิงและคนรอบตัวของเขามาบ้าง อย่างไรก็ตามยิ่งพวกเขาตรวจสอบซือเฟิงมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งพบว่าซือเฟิงนั้นดูเหมือนกับก้นบึ้งที่ไร้ที่สิ้นสุดที่พวกเขาไม่สามารถจะรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงได้เลย


ตอนแรกพวกเขาคิดว่าซือเฟิงนั้นเป็นผู้เล่นขั้นสี่ชั้นแนวหน้าที่มาจากเมืองหลัก NPC อื่นๆ แต่หลังจากที่ซือเฟิงเอาคริสตัลแห่งวิญญาณ และน้ำวิญญาณออกมา และพวกเขาได้รู้ถึงเอฟเฟคของไอเทมทั้งสองชิ้นนี้ พวกเขาก็เริ่มคิดแล้วว่าซือเฟิงนั้นไม่ได้ดูง่ายอย่างที่ตัวเขามักแสดงออก เพราะท้ายที่สุดเมือง NPC รอบๆนั้นไม่มีอะไรแบบนี้เลย


ซึ่งมันก็มีแนวโน้มที่เขาจะเป็นพวกผู้บริหารระดับสูงจากเมืองหลัก NPC ที่อยู่ห่างไกลมากๆ ไม่งั้นมันคงจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสามารถขายไอเทมอย่างคริสตัลแห่งวิญญาณ และน้ำวิญญาณได้ในปริมาณมากขนาดนี้


นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ผู้บัญชาการของพวกเขาอย่างไลอ้อนฮาร์ทต้องการจะแสดงให้ซือเฟิงเห็นว่าทีมนักผจญภัยสกายแฟร์นั้นแข็งแกร่งแค่ไหน เพราะท้ายที่สุดการได้ร่วมมือกับตัวตนแบบนี้ในระยะยาว มันจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อทีมนักผจญภัยสกายแฟร์


แต่ตอนนี้ซือเฟิงกับนำสิ่งที่เป็นดั่งตำนานอย่างเรือเหาะออกมาอีก มันจึงทำให้พวกเขาเดาไม่ออก และไม่รู้แล้วว่าสรุปซือเฟิงเป็นใครกันแน่


ทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ของพวกเขาตอนนี้สามารถจะผูกขาดเมืองอุกกาบาตเอาไว้ได้แล้ว และแม้ว่าพวกเขาจะยังไม่สามารถเทียบกับกิลขนาดใหญ่ได้ แต่พวกเขาก็ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในกองกำลังที่ทรงพลังมากๆใน God domain


และพูดกันตามตรงความแข็งแกร่งโดยรวมของพวกเขาก็ไม่ได้ต่างจากกิลขนาดใหญ่มากด้วย


สำหรับยู่หลัวและคนอื่นๆที่ติดตามซือเฟิงมานั้น พวกเขาไม่ได้แปลกใจกับท่าทีของสมาชิกทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ทั้งหมดมากนัก


เพราะท้ายที่สุดในตอนที่ซือเฟิงนำเรือเหาะมังกรสีเลือดออกมาเปิดเผยต่อสาธารณชนครั้งแรกในยุคปัจจุบันของ God domain เขาก็สร้างความตกตะลึงไปทั่วเช่นกัน


และเรือเหาะมังกรสีเลือดของซือเฟิงนั้นมันก็ไม่ใช่สิ่งที่อะเม้าท์บินได้ทั่วไปจะสามารถเทียบได้เลย


“เอาล่ะ ออกเดินทางกันเถอะ” ซือเฟิงกล่าวอย่างสบายๆ ขณะที่เขากระโดดขึ้นไปบนเรือเหาะมังกรสีเลือด


ในฐานะเรือเหาะขั้นสูง เรือเหาะมังกรสีเลือดนั้นสามารถจุคนได้สูงสุดถึงหนึ่งร้อยสามสิบคน ซึ่งนี่มันก็นับว่าเพียงพอสำหรับทีมของพวกเขาทั้งหมดตอนนี้


เมื่อซือเฟิงกล่าวจบ เหล่าสมาชิกทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ก็ตอบสนองด้วยการทยอยขึ้นเรือเหาะกันอย่างช้าๆ โดยที่พวกเขาพยายามจะระงับความตื่นเต้น และความตกตะลึงของพวกเขาเอาไว้ในใจ เพราะพวกเขากลัวว่าซือเฟิงและคนของซือเฟิงจะประเมินพวกเขาต่ำเกินไป


อย่างไรก็ตามหลังจากได้ขึ้นมายืนบนเรือเหาะมังกรสีเลือดแล้ว พวกเขาก็แทบจะไม่สามารถระงับสิ่งที่พวกเขาเก็บเอาไว้ในใจได้เลย


เนื่องจากเมื่อพวกเขาขึ้นมายืนอยู่บนเรือเหาะมังกรสีเลือดนั้น พวกเขาก็สามารถจะมองเห็นเมืองอุกกาบาตได้ทั้งเมืองเลย ซึ่งมันจัดว่าเป็นวิวทิวทัศน์ที่เจ๋งมากๆ


เพียงแค่เรือเหาะมังกรสีเลือดมาจอดลอยอยู่เหนือเมืองอุกกาบาต มันก็ได้กลายเป็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในเมืองอุกกาบาตทั้งหมดทันที ตอนนี้ผู้เล่น และ NPC บนถนนสายหลักในเมืองอุกกาบาตล้วนจ้องมองมาที่เรือเหาะมังกรสีเลือด และพวกเขาก็เริ่มพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงและอิจฉา


ทุกคนนั้นต่างสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น และเหตุใดถึงมีเรือเหาะปรากฎขึ้นเหนือโรงแรมสกายแฟร์


โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นสมาชิกของทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ค่อยๆทยอยขึ้นเรือเหาะนั้น เหล่าฝูงชนก็ยิ่งเต็มไปด้วยความตกตะลึง


อย่างไรก็ตาม หลังจากฝูงชนพูดคุยกันไปได้สักพัก เรือเหาะก็เริ่มแล่นออกไปจากบริเวณเดิมที่มันอยู่อย่างช้าๆ ก่อนที่มันจะค่อยๆเร่งความเร็วเพิ่มขึ้น และหายลับออกไปจากเมืองอุกกาบาตอย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบกับอะเม้าท์บินได้ในเมืองอุกกาบาต มันดูจะดีกว่ามาก

“เร็วมาก !!! ด้วยความเร็วแบบนี้เราน่าจะใช้เวลามากกว่าสิบชั่วโมงเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในการเดินทางไปยังเนินเขาเนเธอร์ไฟร์” ไลอ้อนฮาร์ทที่ยืนอยู่บนเรือเหาะอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความรู้สึกยากจะอธิบาย


ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยขี่อะเม้าท์บินได้ แต่เมื่อเทียบกันแล้ว อะเม้าท์บินได้ที่เขาเคยขี่นั้นมันช้ากว่าเรือเหาะมากจริงๆ


“เรือเหาะมังกรสีเลือดลำนี้ไม่ได้แย่นักหรอกในเรื่องของความเร็ว” ซือเฟิงกล่าวอย่างเรียบเฉย “เมื่อเทียบกับอะเม้าท์บินได้ทั่วไปมันเร็วกว่าด้วย แต่มันก็ยังช้ากว่าอะเม้าท์บินได้ขั้นสามระดับสูงขั้นพิเศษ อย่างไรก็ตามในแง่ของพลังการโจมตีนั้นมันเหนือกว่าอะเม้าท์ขั้นสามมากๆ โดยมันมีพลังโจมตีอยู่ในขั้นสี่


แม้ว่าซือเฟิงจะพูดอธิบายทุกอย่างแบบชัดเจน และค่อนข้างช้า แต่ไลอ้อนฮาร์ท และสมาชิกทีมนักผจญภัยสกายแฟร์คนอื่นๆก็ตั้งใจฟังมันมากๆด้วยกลัวว่าพวกเขาจะพลาดอะไรไป


“คุณซือเฟิง คุณคงใช้คริสตัลเวทย์มนต์ไปจำนวนมากเลยสินะกว่าจะรับเอามันมาได้” ไลอ้อนฮาร์ทครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เขาจะอดไม่ได้ที่จะพูดเชิงถามออกไป


เมื่อฟังคำอธิบายของซือเฟิง เขาก็สามารถคาดเดาได้เลยว่าเรือเหาะนี้มันจะต้องมีค่ามากๆ และผู้ที่มีมันก็จะถูกจัดว่าเป็นผู้ปกครองท้องฟ้าเลย ดังนั้นหากจะพูดว่ามีใครคนหนึ่งไม่สนใจเรือเหาะ มันก็คงจะเป็นเรื่องโกหกแน่นอน


“ใช่แล้ว กิลของเราสามารถสร้างเรือเหาะแบบนี้ได้แค่เก้าลำเท่านั้น” ซือเฟิงพยักหน้า


วัสดุที่ใช้ในการสร้างเรือเหาะเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นไอเทมทั่วไป แต่แร่ไททันเงิน และหินเวทย์เอลฟ์ นั้นหายากมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหินเวทย์เอลฟ์ สภาสิบแปดปีกได้กว้านซื้อหินเวทย์เอลฟ์ที่มีในตลาดมาแทบทั้งหมดแล้ว แต่จนถึงตอนนี้พวกเขาก็สามารถสร้างเรือเหาะได้เพียงเก้าลำเท่านั้น และยังคงอยู่ห่างไกลจากการที่จะสามารถสร้างลำที่สิบเพิ่มขึ้นมาได้


“เก้าลำ ?” ไลอ้อนฮาร์ทอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง เมื่อได้ยินเรื่องนี้


ในความคิดเห็นของเขา แค่กิลมีเรือนี้สักลำก็จะสามารถปกครองท้องฟ้าได้อย่างง่ายดายแล้ว แต่ซือเฟิงกับบอกว่ากิลของเขามีอยู่เก้าลำ ?!

“มีอะไรรึปล่าว ? ผู้บัญชาการไลอ้อนฮาร์ทสนใจเรือเหาะมังกรสีเลือดนี้งั้นหรอ ?” ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ขณะที่เขามองไปยังท่าทีของไลอ้อนฮาร์ท


“การที่ฉันจะบอกว่าฉันไม่สนใจสมบัติแบบนี้ มันก็คงจะเป็นเรื่องโกหกแน่นอน” ไลอ้อนฮาร์ทกล่าวพลางมองไปยังเรือเหาะมังกรสีเลือดด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉา “ถ้าทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ของเรามีเรือเหาะแบบนี้สักลำ ไม่ต้องพูดถึงการยึดครองเมืองหลัก NPC หลายเมือง และเผชิญหน้ากับกิลขนาดใหญ่ต่างๆเลย ทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ของเราจะสามารถทำอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ได้อีกมาก”


พลังของเรือเหาะมังกรสีเลือดอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผู้เล่นขั้นสี่ แต่ความเร็วและความสามารถโดยรวมของมันนั้นจัดว่าน่าทึ่งมากๆ


หากมีเรือเหาะแบบนี้สักลำ ทีมนักผจญภัยสกายแฟร์จะสามารถพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วมากๆในทุกๆด้านแน่นอน เพราะท้ายที่สุดเรือเหาะจะช่วยให้พวกเขาสามารถเดินทางไปได้ในทุกที่ที่อยากไป และเรือเหาะก็สามารถจะช่วยพวกเขาขนส่ง และขายสินค้าเพื่อทำกำไรให้กับพวกเขาได้ด้วย


มันสามารถจะกล่าวได้เลยว่าหากมีเรือเหาะแบบนี้สักลำ ความแข็งแกร่งโดยรวมของทีมนักผจญภัยสกายแฟร์นั้นจะพุ่งขึ้นไปสู่ระดับใหม่ทั้งหมดทันที


เมื่อไลอ้อนฮาร์ทพูดจบ สมาชิกของทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ทุกคนบนเรือเหาะก็พยักหน้าเห็นด้วย และทุกคนก็ล้วนคิดไปในทิศทางเดียวกันกับเขา


“มันก็ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่สามารถขายเรือเหาะแบบนี้สักลำให้กับทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ได้นะ ….” ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มและกล่าวออกมา เมื่อเห็นท่าทีของสมาชิกทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ทั้งหมด


เมื่อซือเฟิงพูดประโยคนี้จบ ทุกคนในทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ก็หันไปมองซือเฟิงโดยไม่อาจละสายตาได้ ซึ่งมันราวกับว่าพวกเขาพึ่งได้ยินเสียงสวรรค์


สำหรับไลอ้อนฮาร์ทเขาพยายามที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเอ่ยถามซือเฟิงว่า “คุณซือเฟิง คุณพูดจริงงั้นหรอ ?”


“แน่นอน แต่ราคาของมันไม่ได้ถูกนะ …” ซือเฟิงยิ้มและพยักหน้า


อันที่จริงที่เขานำเรือเหาะมังกรสีเลือดออกมาใช้ในการเดินทางครั้งนี้ มันก็เป็นเพราะเขาต้องการจะให้ทีมนักผจญภัยสกายแฟร์เห็นนี่แหละ


หลังจากซือเฟิงพูดจบ ไลอ้อนฮาร์ทก็รีบพูดออกมาอย่างไม่ลังเลใดๆว่า “คุณซือเฟิง คุณบอกราคามาได้เลย ตราบใดที่คุณเต็มใจจะขายเรือเหาะ ทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ของเราก็จะพยายามอย่างดีที่สุดที่จะซื้อมันให้ได้ !!!”


ตอนที่ 2788 เปลวไฟแห่งความว่างเปล่า


เมื่อยู่หลัวได้ยินซือเฟิงพูดคุยเรื่องนี้กับไลอ้อนฮาร์ท เธอก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังซือเฟิงด้วยความประหลาดใจ


เธอไม่คิดเลยว่าซือเฟิงจะเต็มใจที่จะขายเรือเหาะมังกรสีเลือดจริงๆ


เรือเหาะมังกรสีเลือดนั้นเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์เฉพาะของสภาสิบแปดปีกในโลก God domain ยุคปัจจุบัน และมันก็มีมหาอำนาจหลายกลุ่มที่ต้องการจะซื้อมัน แต่สภาสิบแปดปีกก็ปฎิเสธการขายมันมาโดยตลอด เพราะท้ายที่สุดการเก็บเรือเหาะแบบนี้ไว้กับตัวเองเพียงผู้เดียว มันจะสร้างข้อได้เปรียบได้มากกว่าการขายมันไป


อย่างไรก็ตามตอนนี้ซือเฟิงกับเต็มใจจะขายมันให้กับทีมนักผจญภัยสกายแฟร์จริงๆ หากมหาอำนาจต่างๆในโลก God domain ยุคปัจจุบันรู้เรื่องนี้ พวกเขาจะต้องทั้งอิจฉาและโกรธมากๆแน่นอน


แต่สิ่งที่ยู่หลัวไม่รู้จริงๆก็คือที่ซือเฟิงเลือกจะขายเรือเหาะมังกรสีเลือดลำหนึ่งให้กับทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ นั่นเป็นเพราะโลก God domain ยุคโบราณนั้นจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อโลก God domain ยุคปัจจุบัน


มันเป็นเรื่องยากมากที่ผู้เล่นจากโลก God domain ยุคปัจจุบันจะสามารถเดินทางมาที่โลก God domain ยุคโบราณได้ และแม้ว่าพวกเขาจะโชคดีเดินทางเข้ามาได้จริงๆ แต่มันก็จะมีจำนวนไม่มากนัก และพวกเขาก็จะอยู่ในโลก God domain ยุคโบราณได้ไม่นานนัก และในทำนองเดียวกัน ผู้เล่นในโลก God domain ยุคโบราณนั้นก็ยากที่จะเดินทางไปยังยุคปัจจุบันมากๆ เพราะท้ายที่สุดโลกทั้งสองนั้นแทบจะเป็นเหมือนเส้นขนานที่ต่างกัน


ดังนั้นแม้ว่าซือเฟิงจะขายเรือเหาะมังกรสีเลือดลำหนึ่งให้กับทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ แต่มันก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อความได้เปรียบของสภาสิบแปดปีกในโลกยุคปัจจุบันของ God domain แน่นอน ซึ่งนี่มันทำให้เขาตัดสินใจที่จะทำธุรกรรมครั้งนี้ได้อย่างมั่นใจ


แถมพูดกันตามตรง การขายเรือเหาะมังกรสีเลือดลำหนึ่งให้กับทีมนักผจญภัยสกายแฟร์นั้น มันก็จะทำให้เขาได้รับทรัพยากรที่ล้ำค่าในโลก God domain ยุคโบราณมาเพิ่มขึ้นด้วย

เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาไม่ได้มีเวลาจะมาจัดการสร้างกองกำลังของตัวเองในยุคนี้เพื่อค้นหาทรัพยากรให้กับเขา ดังนั้นการยืมมือกองกำลังท้องถิ่นจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว


และที่สำคัญที่สุดการที่ซือเฟิงไม่อยากทำสร้างกองกำลังของตัวเองขึ้นมาในโลกนี้ก็เป็นเพราะ เขาต้องการจะให้คนรู้เรื่องราวระหว่างสองโลก สองยุคนี้น้อยที่สุด ไม่งั้นมันก็มีสิทจะเกิดสงครามครั้งใหญ่ได้แน่นอน


“ผู้บัญชาการไลอ้อนฮาร์ท ถ้าคุณต้องการจะซื้อเรือเหาะลำหนึ่ง มันจะมีราคาเป็นแร่ไททันเงินหนึ่งหมื่นชิ้น หินเวทย์เอลฟ์หนึ่งพันชิ้น และคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่หนึ่งพันชิ้น” ซือเฟิงมองไปที่ไลอ้อนฮาร์ทที่กำลังรอฟังราคาของเขาอย่างใจจดใจจ่อ และพูดไปตรงๆ


เขาสามารถยอมรับคริสตัลเวทย์มนต์ในการแลกเปลี่ยนกับน้ำวิญญาณ และคริสตัลแห่งวิญญาณได้ อย่างไรก็ตามสำหรับเรือเหาะนั้นมันล้ำค่ามากกว่า และมันก็เป็นทรัพยากรเชิงกลยุทธ์ที่จะให้ประโยชน์ได้มากมายหลายด้านแก่ผู้ที่มีมัน ดังนั้นเขาจึงได้เลือกจะเรียกร้องไอเทมตามที่เขาบอกไป ซึ่งมันจะสามารถให้ประโยชน์กับเขาได้มากกว่าคริสตัลเวทย์มนต์มาก


“แพงขนาดนั้นเลยงั้นหรอ ?” ไลอ้อนฮาร์ทขมวดคิ้ว แม้ว่าเขาจะรู้ว่าราคาของเรือเหาะมังกรสีเลือดนั้นไม่ได้ถูกแน่นอน แต่เขาก็ไม่คิดเลยว่ามันจะแพงขนาดนี้


ไม่ว่าจะเป็นแร่ไททันเงิน หรือหินเวทย์เอลฟ์ พวกมันล้วนเป็นทรัพยากรที่ล้ำค่ามากๆ เพราะพวกมันจำเป็นสำหรับการใช้สร้างอาคารสิ่งก่อสร้าง และไอเทมอื่นๆอีกมากมาย นี่ไม่ต้องพูดถึงคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่เลย เพราะจนถึงตอนนี้แม้แต่กิลขนาดใหญ่ต่างๆก็ยังต้องดิ้นรนอย่างหนักกว่าจะได้รับพวกมันมา


ทีมนักผจญภัยสกายแฟร์นั้นได้จ่ายไปอย่างมหาศาลกว่าจะสามารถยึดครองพื้นที่ทำเหมืองเล็กๆที่ทำให้พวกเขาได้รับคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่มาได้ และในปัจจุบันพวกเขาก็จำเป็นต้องส่งผู้เล่นขั้นสามหลายพันคนไปคอยป้องกันมันไว้ตลอดเวลา


คริสตัลเจ็ดลูมินาลี่หนึ่งพันชิ้นนั้นมันคิดเป็นเกือบทั้งหมดที่ทีมนักผจญภัยสกายแฟร์มีสะสมไว้จนถึงตอนนี้เลย


ซือเฟิงไม่ได้รีบร้อนใดๆ เขาพูดต่ออย่างช้าๆว่า “แน่นอนว่านี่เป็นแค่ตัวเลือกแรก ฉันจะมีอีกตัวเลือกหนึ่งให้คุณด้วยผู้บัญชาการไลอ้อนฮาร์ท อีกตัวเลือกหนึ่งก็คือรายได้ห้าเปอเซ็นต์จากทั้งหมดของทีมนักผจญภัยสกายแฟร์จะต้องเป็นของฉัน”


“ห้าเปอเซ็นต์ ?” ไลอ้อนฮาร์ทเงียบลงไป และครุ่นคิดเมื่อได้ยินเรื่องนี้


ตัวเลือกที่สองเรื่องรายได้ห้าเปอเซ็นต์นั้นจัดว่าไม่สูงและไม่ต่ำเกินไปสำหรับทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ในตอนนี้ อย่างไรก็ตามเมื่อทีมนักผจญภัยสกายแฟร์เติบโตต่อไปในอนาคตห้าเปอเซ็นต์ มันก็จะนับเป็นจำนวนมากและอาจเกินราคาตามตัวเลือกแรกของซือเฟิงด้วยซ้ำ


“ผู้บัญชาการ ฉันขอแนะนำให้เราซื้อให้จบในครั้งเดียวดีกว่า” วินเชเซอร์อดไม่ได้ที่จะกระซิบแนะนำกับไลอ้อนฮาร์ท “แม้ว่าเราจะจนไปสักพักเลย หลังจากซื้อมันมา แต่ในอนาคตเมื่อเทียบกับการพัฒนาของทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ของเราที่มีมันแล้ว มันก็จะคุ้มค่ากว่ามูลค่าของวัสดุพวกนี้แน่นอน”


ตอนนี้ทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ของพวกเขานั้นมีผู้เล่นขั้นสี่อยู่ห้าคน และในอนาคตก็จะมีเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ควรจะต้องยอมแบ่งรายได้ห้าเปอเซ็นต์ของตัวเองให้ใคร


พวกระดับสูงคนอื่นๆเองก็มองไปยังไลอ้อนฮาร์ทด้วยสายตาเป็นเชิงเห็นด้วยกับคำพูดและความคิดของวินเชเซอร์เช่นกัน


หลังจากครุ่นคิดอยู่อีกครู่หนึ่งไลอ้อนฮาร์ทก็สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่เขาจะมองไปยังซือเฟิงและกล่าวว่า “คุณซือเฟิง ฉันต้องการจะทำการซื้อขายกับคุณ หลังจากปฎิบัติการครั้งนี้จบลง เราสามารถจะไปแลกเปลี่ยนกันที่เมืองอุกกาบาตได้ อย่างไรก็ตามปริมาณที่คุณร้องขอมามันมากเกินไป แม้ว่าฉันจะมีคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่เพียงพอตามจำนวน แต่ฉันมีแร่ไททันเงินและหินเวทย์เอลฟ์ไม่เพียงพอ ดังนั้นฉันจะขอลดปริมาณแร่ไททันเงิน และหินเวทย์เอลฟ์จากข้อเสนอของคุณเหลือห้าสิบเปอเซ็นต์จากเดิม และใช้อาวุธกับอุปกรณ์ระดับอีปิคหนึ่งร้อยชิ้นเข้ามาหักลบกลบกันได้ไหม ?”


“นี่ …” ซือเฟิงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนที่เขาจะพยักหน้า “ก็ได้แต่ฉันยอมรับแค่อาวุธและอุปกรณ์ระดับอีปิคเลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบเท่านั้นนะ”


อาวุธและอุปกรณ์ระดับอีปิคที่เลเวลนี้จะสามารถช่วยยกระดับความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีกไปได้อีกมาก และพูดกันตามตรงเขาก็ค่อนข้างพอใจที่ไลอ้อนฮาร์ทเลือกตัวเลือกแรกเช่นกัน เพราะท้ายที่สุดแล้ว แม้ว่าตัวเลือกที่สองจะฟังดูดีสำหรับเขา และช่วยให้ไลอ้อนฮาร์ทประหยัดเงินไปได้มาก แต่เขาก็ไม่สามารถจะอยู่ที่ God domain ยุคโบราณได้ตลอด ดังนั้นการลงทุนระยะยาวแบบนี้มันจึงไม่เหมาะกับสภาสิบแปดปีก และการเลือกจะรับอาวุธกับอุปกรณ์ระดับอีปิคเลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบ หน่งร้อยชิ้นมาแทนส่วนที่เหลือ มันก็ไม่ได้จัดว่าเป็นสิ่งที่ขาดทุนเลยสำหรับเขา


แถมด้วยอาวุธและอุปกรณ์ระดับอีปิคพวกนี้ มันก็จะช่วยทำให้พวกผู้บริหารระดับสูงของสภาสิบแปดปีกไปถึงขั้นสี่ได้ง่ายขึ้นด้วย


“ไม่มีปัญหา …” ไลอ้อนฮาร์ทพยักหน้ายอมรับ และยิ้มด้วยความรู้สึกที่ทั้งขมขื่น และมีความสุขในเวลาเดียวกัน


ตอนนี้เพื่อที่จะซื้อเรือเหาะมังกรสีเลือดหนึ่งลำ ทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ของเขาได้เลือกจะทุ่มแทบทุกอย่าง ซึ่งในช่วงเวลาหนึ่งหลังการซื้อขายนี้ มันจะทำให้ทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ของพวกเขาจนลงไป และขาดแคลนทรัพยากรในระดับหนึ่งแน่นอน และนี่ยังไม่นับรวมเรื่องอาวุธกับอุปกรณ์ที่พวกเขาจะต้องขาดแคลนอย่างหนักด้วย


แต่ถึงกระนั้นแม้จะเป็นแบบนี้ สมาชิกทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ส่วนใหญ่ก็ยังเห็นด้วยกับไลอ้อนฮาร์ทในการทำธุรกรรมครั้งนี้ และพวกเขาก็เริ่มจินตนาการถึงช่วงเวลาที่ทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ของพวกเขามีเรือเหาะแบบนี้เป็นของตัวเองแล้ว


และในที่สุดหลังจากพวกเขาเดินทางด้วยเรือเหาะมาเป็นเวลามากกว่าสิบชั่วโมง พวกเขาก็ได้มาถึงพื้นที่มืดซึ่งเต็มไปด้วยเปลวไฟแห่งความว่างเปล่า แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังมีต้นไม้บางส่วนขึ้นอยู่บนพื้นดิน


ทันทีที่เข้ามาถึงที่นี่ ทุกคนก็รู้สึกว่าร่างกายของพวกเขากำลังถูกแผดเผา และรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอ่อนแอลงอย่างช้าๆ


หลังจากที่คริมสันบีโลว์ดื่มโพชั่นเพิ่มค่าความต้านทานไฟเข้าไป เธอก็รู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย อย่างไรก็ตามเธอก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาว่า “สภาพแวดล้อมที่นี่มันรุน

แรงมากๆ และโพชั่นเพิ่มค่าความต้านทานไฟก็แทบจะไม่ได้ช่วยอะไรเราเพิ่มเติมเลย ฉันเกรงว่าถ้าหากเราอยู่ที่นี่นานกว่าสิบชั่วโมง เราจะตายจากการที่ค่าสตามิน่า และค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจหมดลงแน่นอน”


วินเชเซอร์พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของคริมสันบีโลว์ ก่อนที่เขาจะกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าเราคงจะต้องเร่งมือสักหน่อยในการฆ่ามังกรเด็กขั้นสี่ ไม่งั้นมันจะเป็นพวกเราแน่นอนที่ตายที่นี่ ….”


ซือเฟิงพยักหน้าให้กับคำพูดของทั้งสอง ก่อนที่เขาจะออกคำสั่งว่า “พวกขั้นสี่ทั้งหมดให้กระจายตัวกันออกไปค้นหามังกรเด็กขั้นสี่ สำหรับพวกขั้นสามให้รออยู่บนเรือเหาะอยู่ เมื่อใครพบมังกรเด็กขั้นสี่เมื่อไหร่ ให้รีบติดต่อกลับมาทันที !!!”


เมื่อได้ยินคำสั่งของซือเฟิง ผู้เล่นขั้นสี่ห้าคนของทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ก็บินขึ้นไปในอากาศและเตรียมจะเริ่มค้นหามังกรเด็กขั้นสี่ทันที


อย่างไรก็ตามทันใดนั้นไลฟ์เลสธอร์น ยู่หลัว และโซริทารี่ไนน์ทั้งสามคนที่อยู่ในชุดเสื้อคลุมสีดำที่ติดตามซือเฟิงมาก็ค่อยๆบินขึ้นไปในอากาศเช่นกัน ซึ่งนี่มันทำให้เหล่าสมาชิกของทีมนักผจญภัยสกายแฟร์อดไม่ได้ที่จะมองไปยังพวกเขา


“พวกเขาก็เป็นผู้เล่นขั้นสี่งั้นหรอ ?” คริมสันบีโลว์อดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังผู้ติดตามทั้งสามของซือเฟิงด้วยแววตาประหลาดใจเล็กน้อย


แม้ว่าซือเฟิงจะทำให้พวกเขาประหลาดใจและตกใจมาครั้งแล้วครั้งเล่า


แต่เมื่อได้เห็นว่าผู้เล่นสามคนที่ติดตามซือเฟิงมาเป็นผู้เล่นขั้นสี่ทั้งหมด เธอก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเล็กน้อย


มันมีผู้เล่นขั้นสี่อยู่ไม่มากนักใน God domain ตอนนี้ และในเมืองทั่วไปนั้นส่วนใหญ่จะมีผู้เล่นขั้นสี่อยู่แค่หนึ่งถึงสองคนเท่านั้น ก่อนหน้านี้พวกเขาสามารถยอมรับได้ง่ายๆในเรื่องที่ซือเฟิงเป็นผู้เล่นขั้นสี่ แต่ตอนนี้พวกเขากับพึ่งได้มารู้ว่าผู้ติดตามอีกสามคนของซือเฟิงก็เป็นผู้เล่นขั้นสี่เช่นกัน ….


นี่ผู้เล่นขั้นสี่มันเริ่มหาได้ง่ายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?


“ดูเหมือนว่าแบล๊คเฟรมคนนี้จะแข็งแกร่งและลึกลับกว่าที่เราคิดไว้มาก โชคดีที่เราได้เป็นพันธมิตรและร่วมมือกับเขา ถ้าเราเป็นศัตรูกับเขา ฉันนึกไม่ออกเลยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับเราบ้าง …” วินเชเซอร์กล่าวพลางยิ้มอย่างขมขื่น


หากไม่นับยู่หลัว ตอนนี้มันก็ชัดเจนแล้วว่าสองในสี่ของผู้ที่ติดตามซือเฟิงเข้ามาในเมืองอุกกาบาตนั้นเป็นผู้เล่นขั้นสี่ และมันก็มีสิทที่ออกสองคนที่เหลือที่ไม่ได้ตามมาอาจจะเป็นผู้เล่นขั้นสี่ด้วย


ซึ่งเมื่อรวมแล้วซือเฟิงอาจจะมีผู้เล่นขั้นสี่อยู่ภายใต้คำสั่งของเขาถึงห้าคนเลย โดยทีมแบบนี้ของซือเฟิงนั้นไม่ใช่อะไรที่จะสามารถใช้กำลังเข้ากดดันได้เลย


หลังจากนั้นเก้าคนรวมซือเฟิงแล้วก็ได้ออกไปค้นหามังกรเด็กขั้นสี่อยู่ราวครึ่งชั่วโมง ก่อนที่คริมสันบีโลว์จะเป็นผู้ที่ติดต่อกลับมาผ่านแชททีม


“ฉันเจอมังกรเด็กขั้นสี่แล้ว !!! มันพักผ่อนอยู่ในถ้ำที่หุบเขาทางตะวันตกเฉียงใต้ของเนินเขาเนเธอร์ไฟร์ !!!”


**ขอเปลี่ยนจากมังกรเด็กขั้นสี่ เป็นมังกรหนุ่มขั้นสี่นะ ดูเหมือนจะแปลความหมายผิดไปหน่อย


ตอนที่ 2789 ความเป็นไปได้ของมังกร


เนินเขาเนเธอร์ไฟร์ ถ้ำที่หุบเขาทางตะวันตกเฉียงใต้ :


หลังจากคริมสันบีโลว์รายงานกลับมา และส่งพิกัดมาให้ ซือเฟิงก็ได้รีบเรียกรวมตัวทุกคนอย่างรวดเร็ว และทั้งหนึ่งร้อยยี่สิบแปดคนก็ได้ออกเดินทางตรงไปยังพิกัดที่คริมสันบีโลว์ส่งมา


“เปลวไฟที่นี่ดูเหมือนมันจะมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ” ยู่หลัวนั้นรู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าความเหนื่อยล้าของร่างกายของเธอนั้นมันเพิ่มขึ้นหลังจากที่เธอเข้ามาในถ้ำ มันจึงทำให้ให้เธออดไม่ได้ที่จะพูดอย่างกังวลเล็กน้อย “ยิ่งไปกว่านั้นยิ่งเราเข้าไปยังสถานที่แห่งนี้ลึกขึ้นเท่าไหร่ ความร้อนของเปลวไฟก็ยิ่งมีแต่จะมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งในอัตรานี้มันจะผลาญทั้งค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจ และค่าสตามิน่าของเราเร็วขึ้นไปอีกมาก”


“จริงๆนั่นแหละ พอได้เข้ามาที่นี่ความรู้สึกพวกนี้มันก็รุนแรงขึ้น และมันก็ทำให้ร่างกายกับจิตใจของเราแย่ลงเรื่อยๆ” วินเชเซอร์พยักหน้าให้กับคำพูดของยู่หลัว ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อว่า “ภายใต้สภาพแวดล้อมที่รุนแรงแบบนี้ ฉันคิดว่าผู้เล่นส่วนใหญ่จะไม่สามารถแสดงพลังในการต่อสู้ออกมาได้อย่างเต็มที่แน่นอน”


ความร้อนก่อนหน้านี้มันเพียงแค่ผลาญค่าสตามิน่า และค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของพวกเขาไปอย่างรวดเร็วเท่านั้น แต่ความร้อนในตอนนี้นอกจากมันจะผลาญค่า

สตามิน่า และค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของพวกเขา มันยังทำให้พวกเขายังรู้สึกว่าตัวเองถูกแผดเผาตลอดเวลา และผิวของพวกเขาก็รู้สึกแสบร้อนมากๆ ซึ่งนี่มันจะส่งผลต่อพลังการต่อสู้ และสมาธิของพวกเขาในการต่อสู้มากๆ


ไม่ว่าผู้เล่นจะสามารถควบคุมการใช้สกิลและเวทย์ของตัวเองได้ดีแค่ไหน แต่ไหนในสภาพแวดล้อมแบบนี้การใช้สกิลและเวทย์ของพวกเขาก็จะยังคงได้รับผลกระทบแน่นอน ไม่เว้นแม้แต่ผู้เล่นขั้นสี่


ไลอ้อนฮาร์ทเองก็อดไม่ได้ที่จะกังวลเมื่อเขาสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบ หลังจากนั้นเขาก็ได้มองไปยังซือเฟิงและอดไม่ได้ที่จะถามว่า “คุณซือเฟิง ถ้ำนี้มันค่อนข้างจะมีความพิเศษมากจริงๆ ฉันคิดว่าหลังจากเราเริ่มการต่อสู้ไปได้สักพัก เราควรจะล่อมังกรออกไปต่อสู้ด้านนอกถ้ำ เพราะสภาพแวดล้อมในถ้ำนั้นมันส่งผลกระทบต่อพลังการต่อสู้ของเราอย่างรุนแรงเกินไป”

“ฉันว่าการทำแบบนั้น มันจะมีแต่ทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่นะ !!” ซือเฟิงส่ายหัว ก่อนจะกล่าวต่อว่า “เราต้องจัดการมังกรหนุ่มขั้นสี่ในถ้ำนี้ มันเป็นโอกาสเดียวของเรา มันจะเป็นเรื่องยากมากสำหรับเราที่จะไปเผชิญหน้ากับมังกรหนุ่มขั้นสี่ด้านนอกถ้ำ”


เผ่ามังกรนั้นเป็นเจ้าแห่งท้องฟ้า ถ้าพวกเขาออกไปนอกถ้ำจริงๆ เมื่อมองแค่ผิวเผินมันก็จะดูเหมือนว่าการทำแบบนี้จะเป็นประโยชน์ต่อพวกเขา แต่ในความเป็นจริง มันมีแต่จะทำให้สถานการณ์แย่ลงสำหรับพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เล่นขั้นสาม ซึ่งหากไม่มีสกิลหรือเวทย์พิเศษแล้ว ผู้เล่นขั้นสามก็จะบินไม่ได้ และในเวลานั้นผู้เล่นขั้นสามก็จะทำได้แค่มองดูจากด้านข้างเท่านั้น


สำหรับการจะพึ่งพาเรือเหาะมังกรสีเลือดนั้นมันเป็นเรื่องที่บ้ามากๆ ….


แม้ว่าเรือเหาะมังกรสีเลือดจะเป็นเรือเหาะขั้นสูง แต่มันก็จะทนการโจมตีทั่วไปจากมังกรหนุ่มขั้นสี่ได้ไม่เกินสามถึงสี่ครั้งแน่นอน เพราะท้ายที่สุดเรือเหาะนี้ถูกแบบมาให้ทนทานต่อการโจมตีขั้นสี่ที่แข็งแกร่งที่สุดได้ แต่ไม่ใช่กับการโจมตีที่มีพลังเทียบเท่ากับขั้นห้าที่มังกรหนุ่มขั้นสี่สามารถจะโจมตีได้ และแค่การโจมตีขั้นห้าครั้งเดียวมันก็เกือบจะมากเกินพอที่จะทำลายเรือเหาะแล้ว


หลังจากนั้นไม่นานซือเฟิงและคนอื่นๆก็ได้พบกับคริมสันบีโลว์ที่รออยู่ในถ้ำมาก่อนแล้ว


โดยใบหน้าของคริมสันบีโลว์ในตอนนี้นั้นดูไม่ค่อยดีนัก พูดกันตามตรงเธอดูหน้าซีดกว่าปกติมากๆ ….


“มีอะไร ?” ไลอ้อนฮาร์ทอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น เมื่อได้เห็นสีหน้าของคริมสันบีโลว์


“ก็ไม่มีอะไร …” คริมสันบีโลว์กล่าวพลางส่ายหัวเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่นว่า “ฉันแค่คิดว่าเราจะมีอกาสเอาชนะมังกรหนุ่มขั้นสี่ได้จริงๆงั้นหรอ ….”


“แม้ว่ามังกรหนุ่มขั้นสี่จะจัดเป็นสิ่งมีชีวิตที่แทบจะเป็นอมตะในหมู่ขั้นเดียวกัน แต่พวกเราก็ไม่ได้อ่อนแอนะ แล้วก็เราจะรู้ได้ยังไงถ้ายังไม่ได้ลอง ?” บัดดี้บลัดกล่าว ขณะที่มองไปยังคริมสันบีโลว์ที่เริ่มจะสูญเสียจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ไป ก่อนที่เขาจะพูดอย่างมั่นใจต่ออีกว่า “อย่าลืมสิว่าเรามีผู้เล่นขั้นสี่เข้าร่วมปฎิบัติการครั้งนี้ถึงเก้าคน และมังกรหนุ่มตัวนี้ก็อยู่แค่ในขั้นสี่เท่านั้น”


อย่างไรก็ตามหลังจากเดินต่อมาในถ้ำได้อีกไม่นาน บัดดี้บลัดและคนอื่นๆก็ได้มาถึงโถงขนาดใหญ่ของถ้ำที่ซึ่งมันมีสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดลำตัวยาวกว่าหนึ่งร้อยเมตร และร่างกายถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีทองปรากฎขึ้นมาในสายตาของทุกคน


(มังกรทองหนุ่ม) (มังกร ระดับเทพนิยาย)

เลเวล 140

HP11,200,000,000/11,200,000,000


“เป็นไปได้ยังไงกัน ?!”


หลังจากที่ทุกคนได้เห็นข้อมูลของมังกรทองหนุ่ม พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปาก

ค้างด้วยความตกตะลึง และแม้แต่ไลฟ์เลสธอร์นกับโซริทารี่ไนน์ที่เคยเห็นเจ้าชายปีศาจมาแล้วก็ยังอดไม่ได้ที่จะต้องอ้าปากค้าง และรู้สึกตกตะลึงมากเช่นกัน


ไม่ต้องพูดถึงออร่าที่น่ากลัวที่มังกรทองหนุ่มแผ่ออกมาเลย เพราะท้ายที่สุดเพียงแค่นอนอยู่มันก็ทำให้คนผู้คนที่อยู่ใกล้ๆแทบจะรู้สึกหายใจไม่ออกแล้ว นี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่มันมี HP อีกหนึ่งหมื่นหนึ่งพันสองร้อยล้าน


ซึ่งแค่สกิลฟื้นฟูในระหว่างการต่อสู้นั้นมันก็มากพอที่จะทำให้ศัตรูของมันรู้สึกสิ้นหวังได้แล้ว


เมื่อเทียบแล้วในระหว่างการต่อสู้ ทุกๆห้าวินาทีมันจะสามารถฟื้นฟู HP ได้ราวห้าร้อยหกสิบล้าน ซึ่งเท่ากับว่ามันจะสามารถฟื้นฟู HP ของตัวเองได้ได้ราวหนึ่งร้อยสิบสองล้านทุกวินาที ขณะที่พวกผู้เล่นขั้นสี่ที่เป็นระดับผู้เชี่ยวชาญหนึ่งคนนั้นจะสามารถสร้างความเสียหายได้ราวห้าสิบล้านต่อวินาที ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วพวกเขาเก้าคนจะสามารถสร้างความเสียหายรวมได้แค่สี่ร้อยห้าสิบล้านต่อวินาทีเท่านั้น โดยต่อให้มังกรทองหนุ่มนอนอยู่เฉยๆกับที่โดยไม่ตอบโต้พวกเขา พวกเขาก็ยังจะต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งเลยในการจะฆ่ามันให้ได้


นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่ามังกรทองหนุ่มตรงหน้าของพวกเขานั้น เป็นมังกรที่แข็งแกร่งกว่ามังกรทั่วไปมาก ซึ่งหากวัดกันตามสายเลือดมันอ่อนแอกว่ามังกรศักสิทธิ์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

แต่จากที่ได้กล่างมาข้างต้น มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่มังกรทองหนุ่มขั้นสี่ตัวนี้จะนอนอยู่เฉยๆให้พวกเขาระดมโจมตีและฆ่ามัน ท้ายที่สุดมันจะต้องเริ่มการตอบโต้บ้าง และเท่าที่ซือเฟิงรู้เมื่อวัดตามระดับสายเลือดของมันนั้น มันจะแข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายอย่างโทเดลย่าสามถึงสี่เท่าเลย ซึ่งพูดตามตรงแม้ว่าพวกเขาจะมีผู้เล่นขั้นสี่มากกว่านี้อีกสองเท่าอยู่ในทีม แต่มันก็ยังไม่แน่เลยว่าพวกเขาจะสามารถฆ่ามันได้


และในเวลานี้ไลอ้อนฮาร์ท และสมาชิกคนอื่นๆของทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ก็ได้เข้าใจแล้วว่าทำไมซือเฟิงถึงไม่จัดให้มีฮีลเลอร์อยู่ในห้าทีมของผู้เล่นขั้นสามเลย


เนื่องจากในการต่อสู้ครั้งนี้นั้น ผู้เล่นขั้นสามจะไม่ต่างอะไรไปจากมดปลวก พูดกันตามตรงพวกเขาไม่มีความสำคัญในการต่อสู้ครั้งนี้ด้วยซ้ำ และหากพวกเขาถูกมังกรทองหนุ่มโจมตีเมื่อไหร่ พวกเขาก็จะตายทันทีแน่นอน พวกเขาไม่จำเป็นต้องได้รับการฮีลใดๆ


“มังกรทองหนุ่ม ?” ซือเฟิงมองไปที่มังกรทองหนุ่มที่เป็นเหมือนกับภูเขาลูกใหญ่ตรงหน้าเขา และอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นออกมา “ไม่น่าแปลกใจเลยที่เควสนี้ได้รับการประเมินว่าเป็นเควสระดับเทพนิยายที่อ่อนแอ”


มังกรทองหนุ่มขั้นสี่นั้นมีพลังต่อสู้ที่ใกล้เคียงกับพลังการต่อสู้ขั้นกลาง ของพวกขั้นห้าโดยทั่วไป และเจ้าชายปีศาจโฟร์เบโร่ที่เขาเคยอัญเชิญออกมานั้นก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันเลย


กล่าวอีกนัยหนึ่งคือมังกรทองหนุ่มขั้นสี่ตรงหน้าพวกเขานั้นจะสามารถจัดการกับผู้เล่นขั้นสี่ได้อย่างง่ายดายเลย


หากพวกเขาต้องการจะต่อสู้กับมังกรทองหนุ่มแบบนี้จริงๆ พวกเขาควรจะมีผู้เล่นขั้นสี่ที่สวมใส่อาวุธและอุปกรณ์ระดับตำนานแบบครบทั้งตัว ไม่งั้นพวกเขาก็ควรจะวิ่งหนีไปให้ไกลมากกว่า


“คุณซือเฟิง แม้ว่าฉันจะไม่อยากพูดก็ตาม …. แต่ฉันคิดว่าการฆ่ามังกรทองหนุ่มขั้นสี่ตัวนี้มันน่าจะเป็นไปไม่ได้สำหรับทีมของเรา” ไลอ้อนฮาร์ทกล่าวพลางมองไปยังซือเฟิง และส่ายหัว


ตอนแรกที่เขายังไม่ได้เห็นมังกรทองหนุ่มขั้นสี่นั้น เขาก็ยังพอมีความมั่นใจในการจะเอาชนะมันอยู่บ้าง อย่างไรก็ตามหลังจากได้มาเห็นตัวมันจริงๆแล้ว เขาจึงได้รู้ว่าต่อหน้ามังกรทองหนุ่มขั้นสี่ตัวนี้ ผู้เล่นขั้นสี่นั้นแทบไม่ได้ต่างไปจากแมลงที่มันสามารถจะบดขยี้ได้ง่ายๆเลย


สำหรับทีม NPC ขั้นสี่ พวกเขาอาจจะมีความหวังเล็กๆที่จะล้มมันลงได้


“ไม่ !!” ซือเฟิงส่ายหัว โดยที่ดวงตาของเขายังคงมีความมุ่งมั่นอยู่ “ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้เลยซะทีเดียว เพียงแต่ว่าเราจะต้องเดิมพันครั้งใหญ่กันสักหน่อย”


เขาจำเป็นที่จะต้องฆ่ามังกรทองหนุ่มขั้นสี่เพื่อที่จะทำเควสระดับเทพนิยายที่อ่อนแอให้สำเร็จให้ได้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาไม่รู้ว่าจะมีอะไรที่รอเขาอยู่หากเขาทำเควสระดับนี้ล้มเหลว และในเวลาเดียวกันนี่ก็เป็นโอกาสเดียวของเขา เขาไม่ได้มีเวลามากนัก เนื่องจากเขาไม่รู้ว่าเขาจะถูกขับไล่ออกจากโลกยุคโบราณของ God domain เมื่อไหร่ โดยมันอาจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา


และนี่ยังไม่นับรวมเรื่องจุดประสงค์หลักในการมาที่นี่ของเขาที่ต้องการจะมารวบรวมวัสดุที่จำเป็นในการใช้การสร้างป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กอีก ทุกอย่างมันตั้งอยู่บนพื้นฐานของความไม่แน่นอนทั้งหมด


“เดิมพันครั้งใหญ่ ?” ไลอ้อนฮาร์ทรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง


ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ หลังจากได้เห็นมังกรทองหนุ่มขั้นสี่ตรงหน้าแล้ว ทำไมเขาถึงยังคิดว่าพวกเราทั้งหมดยังมีความหวังในการจะฆ่ามันได้ ? ไลอ้อนฮาร์ทอดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำในใจ


“ผู้บัญชาการไลอ้อนฮาร์ท เดี๋ยวฉันจะเริ่มร่ายเวทย์บางอย่าง ซึ่งมันจะก่อให้เกิดความปั่นป่วนมากๆ คุณช่วยนำคนไปเปิดใช้งานวงเวทย์ป้องกันครอบคลุมเราหน่อย ฉันไม่ต้องการจะให้มังกรทองหนุ่มรู้ตัวในตอนที่กำลังร่ายเวทย์” ซือเฟิงกล่าวออกคำสั่งกับไลอ้อนฮาร์ท ก่อนที่เขาจะมองไปยังทุกคนและออกคำสั่งต่ออีกว่า “สำหรับในการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้น ยู่หลัว หยวนเว่ยให้คอยซัพพอร์ทผู้บัญชาการไลอ้อนฮาร์ทอย่างเต็มที่ ส่วนคนอื่นๆคอยปกป้องทีมฮีลเลอร์ไว้ สำหรับทีมฮีลเลอร์ให้คอยทำการฮีลสิ่งมีชีวิตที่ฉันอัญเชิญมา อย่าให้ขาดตอนแม้แต่วินาทีเดียว”


“มอนสเตอร์อัญเชิญ ?”


เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง ไลอ้อนฮาร์ทและคนอื่นๆอดไม่ได้ที่จะมองไปยังมังกรทองหนุ่มขั้นสี่ที่อยู่ห่างออกไป พวกเขานึกไม่ออกเลยว่ามอนสเตอร์อัญเชิญแบบไหนที่จะสามารถรับมือกับมังกรทองหนุ่มขั้นสี่ได้ แต่พวกเขาก็ยังคงเลือกที่จะปฎิบัติตามคำสั่งของซือเฟิงทันที


หลังจากนั้นไลอ้อนฮาร์ทก็ได้นำคนจำนวนหนึ่งไปทำการเปิดใช้งานวงเวทย์ขั้นสูงที่ช่วยกันทุกคนออกจากโลกภายนอกเพื่อให้มังกรทองหนุ่มขั้นสี่ไม่รู้ตัวในสิ่งที่พวกเขากำลังจะทำ


“คุณซือเฟิง ทุกอย่างเรียบร้อย คุณสามารถเริ่มได้ทุกเมื่อ !!” ไลอ้อนฮาร์ทตะโกนบอกซือเฟิงผ่านแชททีม …


เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยตามที่ไลอ้อนฮาร์ทบอก ซือเฟิงก็ได้หยิบไบเบิ้ลแห่งความมืดออกมาจากกระเป๋าของเขา และเริ่มร่ายเวทย์


ในตอนแรกเขาไม่ได้ต้องการจะใช้ไบเบิ้ลแห่งความมืดเลย อย่างไรก็ตามเขาไม่มีทางเลือก และเขาก็รู้ตัวดีว่าหากเขาใช้มันในครั้งนี้ เขาก็จะใช้ไบเบิ้ลแห่งความมืดได้อีกแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้นในช่วงเวลาที่เขายังเป็นผู้เล่นขั้นสี่ แล้ววิญญาณของเขาก็จะถูกพลังแห่งความมืดกลืนกิน


แต่อย่างไรก็ตามหากเขาต้องการจะฆ่ามังกรทองหนุ่มขั้นสี่ให้ได้ เขาก็จำเป็นที่จะต้องใช้มัน ….


ในขณะนี้เองเมื่อซือเฟิงเริ่มทำการร่ายเวทย์จากไบเบิ้ลแห่งความมืด พลังเวทย์ภายในวงเวทย์ก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก และน่ากลัว ซึ่งตรงกันข้ามกับด้านนอกที่เต็มไปด้วยความร้อน


อย่างไรก็ตามหลังจากซือเฟิงเริ่มร่ายเวทย์ไปได้เพียงสิบวินาที มังกรทองหนุ่มขั้นสี่ก็ลืมตาตื่นขึ้น และคำรามออกมา ก่อนจะโจมตีทำลายวงเวทย์ขั้นสูงของพวกเขาลงทันที ซึ่งสิ่งนี้มันทำให้ทุกๆคนเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ พวกเขาไม่นึกเลยว่ามังกรทองหนุ่มขั้นสี่จะยังคงสัมผัสได้ถึงตัวตนของพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะใช้วงเวทย์ขั้นสูงแล้วก็ตาม


เมื่อเห็นดังนี้นั้นไลอ้อนฮาร์ทก็อดไม่ได้ที่จะรีบตะโกนถามซือเฟิงว่า “ยังไม่เสร็จอีกหรอคุณแบล๊คเฟรม ?!”


หากซือเฟิงยังไม่ทำอะไรสักอย่างตอนนี้ พวกเขาน่าจะได้ถูกสังหารหมู่กันทั้งหมดจริงๆแน่นอน ….


“เสร็จแล้ว !!! ฉันเสร็จแล้ว !!!” ซือเฟิงที่เร่งรีบเพิ่มความเร็วของตัวเองขึ้น หลังจากเห็นว่าวงเวทย์ขั้นสูงถูกทำลายไปตะโกนตอบ


เมื่อซือเฟิงพูดจบ บริเวณเหนือถ้ำก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นหลุมดำที่มืดมิด ก่อนที่ประตูหินที่มีขนาดใหญ่กว่ามังกรทองหนุ่มขั้นสี่จะปรากฎออกมาจากหลุมดำนี้ และก่อนที่มังกรทองหนุ่มขั้นสี่จะทันได้ตอบสนองใดๆเพิ่มเติม ประตูหินนี้ก็ค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)