Reincarnation Of The Strongest Sword God 2629-2634
ตอนที่ 2629 พลังของดินแดนลับโบราณ
“เป็นไปได้ยังไงกัน ?!”
“นั่นคือมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายเลยนะที่เรากำลังพูดถึง !!! ผู้เล่นขั้นสามอย่างเขาสามารถทำแบบนั้นได้ยังไงกัน ?!!”
คริมสันสตาร์และไวน์ไฟเตอร์นั้นแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลย ในขณะที่พวกเขามองดูสภาพอันน่าสังเวชของลิงหกตา
ซือเฟิงไม่เพียงแต่จะทำลายเวทย์ขั้นสี่ได้ด้วยการเคลื่อนไหวเดียว แต่เขายังใช้การเคลื่อนไหวนี้ทำให้ลิงหกตาบาดเจ็บอย่างรุนแรงด้วย
มองแค่ผิวเผินนั้นลิงหกตาสูญเสีย HP ไปแค่ประมาณห้าแสนเท่านั้น จากการโจมตี ซึ่งแค่นี้นั้นมันนับว่าไม่สำคัญเลย เมื่อเทียบกับ HP สองพันล้านของมัน แต่ในความเป็นจริงการโจมตีของซือเฟิงนั้นสร้างความเสียหายได้มากกว่านั้นมาก
การโจมตีใน God domain นั้นมันถูกแบ่งออกเป็นสองประเภท ประเภทแรกจะลด HP ของเป้าหมายลง ในขณะที่อีกประเภทจะทำให้การป้องกันของเป้าหมายอ่อนแอลง ซึ่งหากเป็นในกรณีแรก เมื่อ HP ของเป้าหมายลดลงถึงศูนย์ เป้าหมายก็จะตาย ขณะที่ในกรณีหลังนั้นมันจะเป็นเหมือนกับการทำลายร่างกายเป้าหมายโดยตรง ซึ่งมันจะทำให้พลังในการต่อสู้โดยรวมของเป้าหมายลดลง นี่รวมไปถึงความยากในการจะฆ่าเป้าหมายดังกล่าวด้วย
เพียงแต่ว่ามันเป็นเรื่องยากอย่างน่าเหลือเชื่อ สำหรับผู้เล่นที่จะทำการโจมตีที่สามารถทำลายการป้องกันของมอนสเตอร์ และก่อความเสียหายต่อร่างกายของมอนสเตอร์ได้อย่างหนักแบบนี้ เนื่องจากยิ่งมอนสเตอร์แข็งแกร่งมากเท่าไหร่ การป้องกันในเรื่องนี้ของมันก็จะยิ่งสูงขึ้นไปอีก และโดยปกติผู้เล่นจะไม่สามารถทำลายการป้องกันแบบนี้ของมอนสเตอร์ในขั้นเดียวกันได้ด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงขั้นที่สูงกว่าเลย และเต็มที่ที่ผู้เล่นส่วนใหญ่จะสามารถทำได้เมื่อต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่มีขั้นสูงกว่านั้นคือทำให้มันได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้นในด้านร่างกาย และผู้เล่นก็จะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บเล็กน้อยแบบนี้ไปเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อลด HP ของมอนสเตอร์เป้าหมายลง
เมื่อคิดถึงพลังของลิงหกตานั้น มันจะมีเพียงแต่การโจมตีที่มีพลังสูงสุดของขั้นสี่เท่านั้นที่มีโอกาสจะปราบปรามมันได้ อย่างไรก็ตามในตอนนี้แม้ว่าซือเฟิงจะเป็นเพียงผู้เล่นขั้นสาม แต่เขาก็สามารถจะทำให้เกิดเรื่องนี้ได้สำเร็จโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือภายนอกช่วย
นี่มันเป็นสิ่งที่นึกไม่ถึงจริงๆ !!!
ในขณะเดียวกัน เมื่อแซนด์สตอร์มและสมาชิกคนอื่นๆของไมโทโลจี้เห็นฉากนี้ พวกเขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงมากเช่นกัน
“นี่เขายังถือว่าเป็นผู้เล่นอยู่อีกงั้นหรอ ?”
ไม่มีคำอธิบายใดที่จะสามารถบรรยายถึงความตกตะลึงของแซนด์สตอร์มได้ในตอนนี้ ขณะที่เขาจ้องมองไปยังซือเฟิง
ในสายตาของผู้เล่นทั่วไป การมีพลังเหนือกว่าเกณฑ์การป้องกันของมอนสเตอร์นั้น มันก็หมายความว่าพวกเขาจะสามารถลดพลังการต่อสู้ของมอนสเตอร์เป้าหมายลงไปได้ อย่างไรก็ตามสำหรับผู้เชี่ยวชาญชั้นยอด และผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดที่มักต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งมากๆ การมีความสามารถแบบนี้นั้นมันมีความหมายแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
สำหรับผู้เชี่ยวชาญชั้นยอด และผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดนั้น การมีความสามารถแบบนี้มันหมายความว่าพวกเขาจะสามารถโซโล่ฆ่ามอนสเตอร์ได้เลย !!!
มอนสเตอร์ใน God domain นั้นเกิดมาพร้อมกับ HP และพลังป้องกันที่สูงเป็นพิเศษ แม้ว่าผู้เล่นจะสามารถสร้างความเสียหายได้มากกว่าหนึ่งล้านจากการโจมตีของพวกเขาแต่ละครั้ง แต่จำนวนความเสียหายนี้มันก็จัดว่าไม่มีอะไรเลย เมื่อคิดถึง HP ของมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย และความเสียหายนี้ก็ไม่สามารถจะเอาชนะสกิลการฟื้นฟูอัตโนมัติในระหว่างการต่อสู้ของมอนสเตอร์ได้ ดังนั้นกองทัพผู้เล่นจึงจำเป็นจะต้องโจมตีมอนสเตอร์ที่มีขั้นสูงกว่าเท่านั้น
ดังนั้นใน God domain มันจึงเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่า แม้ว่าพลังดิบของผู้เล่นจะเหนือกว่ามอนสเตอร์ที่มีขั้นสูงๆ แต่การฆ่ามอนสเตอร์แบบโซโล่เดี่ยวก็ยังเป็นไปไม่ได้ สิ่งนี้ยังถือเป็นความจริง แม้สำหรับผู้เล่นขั้นสามในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามมันมีวิธีการหนึ่งที่ผู้เล่นสามารถใช้เพื่อจะเอาชนะมอนสเตอร์ขั้นสูงได้ ซึ่งนั่นก็คือการโจมตีให้เกินขีดจำกัดพลังป้องกันของเป้าหมาย !!!
ซึ่งการโจมตีแบบที่ว่านี้มันจะสามารถสร้างความเสียหายให้กับร่างกายของมอนสเตอร์ได้อย่างรุนแรง ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่ทำให้มอนสเตอร์ได้รับบาดเจ็บจนถึงจุดหนึ่ง นอกเหนือจากการลดพลังต่อสู้ของมอนสเตอร์ลงแล้ว ผู้เล่นยังจะบังคับให้มอนสเตอร์อยู่ในสถานะอ่อนแอได้ ซึ่งนี่มันจะลดพลังป้องกันและ HP สูงสุดของมอนสเตอร์ลงอย่างมาก และหากผู้เล่นจัดการต้อนมอนสเตอร์จนมันจนมุมอย่างหนัก พวกเขาก็ยังจะสามารถใช้ดีบัฟ ทำให้สกิลฟื้นฟู HP อัตโนมัติของมันไม่มีผลได้ด้วย
ซึ่งหากมอนสเตอร์สูญเสียสกิลฟื้นฟู HP ในระหว่างการต่อสู้นั้น มันก็จะไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้สำหรับผู้เล่นที่จะฆ่ามันแบบโซโล่เดี่ยวอีกต่อไป และหากบริหารค่าสตามิน่ากับค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจดีๆ การจะฆ่ามอนสเตอร์แบบโซโล่เดี่ยวมันก็จะเป็นไปได้แน่นอน
ตอนนี้ซือเฟิงมีความสามารถที่จะโจมตีให้เกินขีดจำกัดพลังป้องกันของลิงหกตา ซึ่งนั่นมันก็หมายความว่าซือเฟิงจะสามารถฆ่าบอสตัวนี้ได้ด้วยตัวคนเดียวเลย
โดยผู้เล่นที่มีความสามารถในการฆ่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยายขั้นสี่แบบโซโล่เดี่ยวนั้นยังไม่เคยปรากฎมาก่อนเลยใน God domain
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้นับประสาอะไรกับผู้เล่นที่เป็นผู้ชมที่ต่างเต็มไปด้วยความประหลาดใจ แม้แต่ตัวซือเฟิงเองก็ยังพบว่าสถานการณ์นี้มันน่าประหลาดใจมากเช่นกัน
เหตุใดพลังทำลายล้างของไลท์ชาโด้วถึงเพิ่มขึ้นอย่างมากขนาดนี้ ? ซือเฟิงรู้สึกสับสน ขณะที่เขามองไปยังแขนที่ถูกตัดขาดของลิงหกตา เมื่อพิจารณาจากความเสียหายที่สามารถทำได้ต่อ HP ของมัน พลังดิบในการโจมตีของฉันน่าจะยังห่างไกลกับมาตราฐานสูงสุดของขั้นสี่ และไลท์ชาโด้วก็ควรจะแข็งแกร่งกว่าเวทย์ขั้นสี่ทั่วไปอยู่เล็กน้อย แต่พลังทำลายล้างจริงๆของมันในตอนนี้กับดูเหมือนจะอยู่ในจุดสูงสุดของขั้นสี่ นี่มันเป็นเพราะผลของดินแดนลับโบราณรึปล่าว ?
ในขณะที่ซือเฟิงกำลังวิเคราะห์ถึงสถานการณ์นั้น หมีเขาเดียวก็ได้รีบวิ่งตรงเข้ามาหาเขา โดยร่างขนาดใหญ่ของหมีเขาเดียวนั้นทำให้ดูเหมือนภูเขาลูกเล็กกำลังพุ่งเข้าใส่เขาเลย
สกิลขั้นสี่ Crumbling Mountain!
สกิล AOE การโจมตีของหมีเขาเดียวนั้นครอบคลุมรัศมีห้าสิบหลา ซึ่งซือเฟิงก็ตอบสนองด้วยการยก Abyssal Blade ของเขาขึ้นเหนือหัวอีกครั้ง
ไลท์ชาโด้ว !!!
อย่างไรก็ตาม เมื่อใช้ไลท์ชาโด้วในครั้งนี้ซือเฟิงก็ให้ความสำคัญกับการรับรู้มานารอบๆตัวเองด้วย เพราะเขาต้องการจะมองให้เห็นถึงสิ่งที่ทำให้เทคนิคมานาของเขาแสดงพลังออกมาได้มากขนาดนี้
เงาของดาบขนาดยักษ์ปรากฎขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่มันจะถูกใช้ฟันลงมาที่ไหล่ซ้ายของหมีเขาเดียว
Roar!
เมื่อโดนการโจมตีนี้เข้าไป หมีเขาเดียวก็ร้องออกมาอย่างเจ็บปวดมากๆ และ HP ของมันก็ลดลงทันทีไปมากกว่าหกแสนสองหมื่น
แม้ว่าการโจมตีครั้งนี้ของซือเฟิงจะไม่ได้ตัดแขนซ้ายของหมีเขาเดียวจนขาด แต่มันก็ทำให้แขนซ้ายของหมีนั้นบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถใช้การได้อย่างอิสระอีกแล้ว ตอนนี้หมีสามารถพึ่งพาได้แค่หนึ่งแขน และสองขาเท่าไหร่ ในการเคลื่อนไหวของตัวเอง และหลังจากได้รับบาดเจ็บสาหัสแบบนี้ หมีเขาเดียวก็คำรามอย่างต่อเนื่องด้วยความโกรธเข้าใส่ซือเฟิง อย่างไรก็ตามความกลัวก็ปรากฎขึ้นอย่างชัดเจนเช่นกันในสายตาของหมีเขาเดียว
เมื่อได้เห็นฉากนี้ โฟลตติ้งไลท์และเหล่าสมาชิกของไวโอเล็ทซอร์ดก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างมากอีกครั้ง
“เป็นไปได้ยังไง ?! การเคลื่อนไหวเมื่อครู่นั้นมันไม่ใช่สกิลงั้นหรอ ?!” โฟลตติ้งไลท์รู้สึกราวกับว่าโลกทัศน์ของเขาได้รับการเปลี่ยนแปลงไปทั้งหมด เมื่อเขาเห็นหมีเขาเดียวหวาดกลัวซือเฟิง
ในความเห็นของโฟลตติ้งไลท์ การโจมตีที่ซือเฟิงใช้ตัดแขนลิงหกตานั้นน่าจะเป็นสกิลพิเศษ ไม่งั้นมันคงไม่สามารถจะโจมตีอย่างรุนแรงขนาดนี้ได้ อย่างไรก็ตามเพียงสองถึงสามวินาทีหลังจากนั้น เขากับใช้การโจมตีแบบที่ใช้กับลิงหกตากับหมีเขาเดียวอีกครั้ง เพราะท้ายที่สุดมันไม่มีทางที่สกิลหรือเวทย์ที่ทรงพลังแบบนี้จะมีคูล
ดาวน์สั้นๆได้
คำอธิบายเดียวสำหรับเรื่องนี้คือซือเฟิงนั้นไม่ได้ใช้สกิลหรือเวทย์ แต่เป็นเทคนิคพิเศษ
และเพียงแค่อาศัยเทคนิคพิเศษ ซือเฟิงก็สามารถจะทำให้มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายบาดเจ็บสาหัสได้ ยิ่งไกว่านั้นมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายเหล่านี้ยังเป็นหัวหน้าภูมิภาคของดินแดนลับโบราณ ซึ่งมันคงจะไม่มีใครเชื่อถ้าโฟลตติ้งไลท์ไปเล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นฟัง
หลังจากที่เห็นสภาพของหมีเขาเดียว ซือเฟิงก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงเช่นกัน
นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมดินแดนลับโบราณสามารถช่วยให้ผู้เล่นไปถึงขั้นสี่ได้งั้นหรอ ? ซือเฟิงคิด ในขณะที่เขามองไปยังฉากตรงหน้าของเขา
ใน God domain ความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการแยกผู้เล่นขั้นสาม และขั้นสี่ออกจากกัน นั้นไม่ใช่ความแตกต่างทางร่างกายเลย แต่มันเป็นระดับการควบคุมมานา ความสัมพันธ์กับมานา และการประยุกต์ใช้มัน …..
การควบคุมและใช้มานาโดยรอบอาจเป็นสิ่งที่ผู้เล่นเริ่มทำตั้งแต่เริ่มเกม แค่มาตราฐานเรื่องนี้ในตอนที่ผู้เล่นอยู่ในขั้น 0 นั้น มันทำได้แค่ขั้นพื้นฐานที่สุดเท่านั้น และประสิทธิภาพในการใช้จริงๆมันก็ต่ำมาก ดังนั้นผู้เล่นจึงจำเป็นจะต้องพึ่งพาร่างมานา และมานาที่ถูกปลดล๊อคศักยภาพได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์เพื่อเป็นแนวทางและประยุกต์ใช้มานาในแบบของตัวเอง
พูดง่ายๆก็คือผู้เล่นต้องอาศัยร่างมานาของตัวเองในการรวมและแปลงมานาโดยรอบให้เป็นมานาของตัวเอง ซึ่งด้วยการทำเช่นนี้ ผู้เล่นจะสามารถเพิ่มพลังสูงสุดที่สามารถแสดงได้ด้วยมานาของพวกเขา
อย่างไรก็ตามการรวมมานาโดยรอบเข้ามานั้นมันมีความท้าทายมากๆ หากไม่มีแวทางหรือมรดกในโลกคอยช่วยสอน ผู้เล่นก็แทบจะทำให้เรื่องนี้ออกมาดีไม่ได้เลย เมื่อไปศึกษาและวิจัยด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตามในขณะที่สังเกตอย่างระมัดระวังในตอนใช้ไลท์ชาโด้วครั้งที่สองของตัวเอง ซือเฟิงก็สังเกตเห็นถึงบางอย่างที่แปลกประหลาดเกี่ยวกับมานารอบตัวเขา
มานาที่อยู่โดยรอบของดินแดนลับโบราณได้ริเริ่มจะเข้ามารวมตัวเข้ากับมานาของเขา ซึ่งการพัฒนานี้ได้เพิ่มปริมาณมานาโดยรอบที่เขาสามารถจัดการได้ขึ้นอย่างมาก และในทางกลับกันมันก็ช่วยเพิ่มพลังของไลท์ชาโด้วขึ้นอย่างมากเช่นกัน
อย่างไรก็ตามเนื่องจากเขาไม่ได้ใช้งานการผสานรวมมานานี้อย่างจริงจัง ประสิทธิภาพการใช้มานาของเขาจึงยังต่ำมากๆ และมานาโดยรอบที่เขาสามารถจัดการได้นั้น มันก็ช่วยเพิ่มพลังทำลายล้างให้กับไลท์ชาโด้วเท่านั้น มันไม่ได้ช่วยเพิ่มความรุนแรงให้เทคนิคมานา สิ่งนี้มันคล้ายกับการลับคมอาวุธ แม้ว่าเขาจะเพิ่มพลังทำลายล้างของอาวุธได้ แต่อาวุธก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ถึงกระนั้นนี่ก็เป็นสถานการณ์ที่ล้ำค่าอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะท้ายที่สุดแล้วมันแทบไม่มีข้อมูลใดๆในโลกภายนอกเลยว่าวิธีการรวมมานาแบบนี้ทำยังไง ….
หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้เลือกจะใช้ไลท์ชาโด้วต่ออีกสองครั้ง เพื่อตัดขาข้างหนึ่งของลิงหกตากับหมีเขาเดียว
“ความคล่องตัวของหัวหน้าภูมิภาคทั้งสองลดลงไปมากแล้ว เรารีบไปกันเถอะ !!!” ซือเฟิงกล่าว ขณะที่เขาหันไปหาคริมสันสตาร์ และไวน์ไฟเตอร์ซึ่งยังคงงุนงงอยู่
หลังจากพูดจบ ซือเฟิงก็วิ่งตัดผ่านหัวหน้าภูมิภาคทั้งสองไปยังเมืองโบราณตามเส้นทางที่เขาคิดไว้แต่แรก ….
“เขาผ่านไปได้ทั้งๆแบบนี้เลยงั้นหรอ ?”
คริมสันสตาร์และไวน์ไฟเตอร์ต่างก็พูดไม่ออก เมื่อพวกเขาจ้องมองไปยังหัวหน้าภูมิภาคทั้งสองตัวซึ่งตอนนี้ทำได้แค่เฝ้ามองซือเฟิง และไม่กล้าจะขยับใดๆ
หัวหน้าภูมิภาคทั้งสองตัวนั้นเห็นได้ชัดว่าหวาดกลัวซือเฟิง มันจึงมีปฎิกิริยาแบบนี้ ….เพราะท้ายที่สุดแม้ว่าขามันจะขาด แต่มันก็น่าจะพยายามทำอะไรสักหน่อยเพื่อหยุดซือเฟิง
อย่างไรก็ตามตอนนี้คริมสันสตาร์ และไวน์ไฟเตอร์ก็ไม่ได้เสียเวลาคิดเรื่องนี้มากนัก พวกเขารีบสั่งให้สมาชิกของไวโอเล็ตซอร์ดทั้งหมดวิ่งติดตามซือเฟิงไปติดๆทันที ซึ่งเมื่อบอสทั้งสองสูญเสียแขน กับขาไปนั้น ความคล่องตัวของพวกมันก็ลดลงอย่างมาก ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกมันจะตามผู้เล่นขั้นสามที่วิ่งด้วยความเร็วอย่างเต็มที่ได้ทัน และทั้งทีมก็สามารถหลบหนีจากระยะการรับรู้ของหัวหน้าภูมิภาคทั้งสองได้อย่างรวดเร็ว
….
“หัวหน้าทีม เราจะยังไล่ตามพวกเขาต่อไหม ?” แรนเจอร์ขั้นสามจากไมโทโลจี้ถามแซนด์สตอร์ม เมื่อเขาเห็นทีมของซือเฟิงจากไป
“แน่นอนสิ !!!” แซนด์สตอร์มกล่าวขณะที่จ้องมองไปยังแรนเจอร์ขั้นสาม ก่อนที่เขาจะพูดต่อว่า “ฉันยอมรับว่าพลังในการต่อสู้ของแบล๊คเฟรมนั้นอยู่ในระดับที่น่ากลัวมากๆ แต่เขาก็เป็นเพียงแค่คนๆเดียว แม้ว่าเราจะไม่สามารถฆ่าแบล๊คเฟรมได้ แต่ฉันปฎิเสธที่จะเชื่อว่า เราไม่สามารถจะจัดการผู้เล่นคนอื่นๆในทีมของเขาได้ !!! และตราบใดที่เรากำจัดผู้เล่นคนอื่นได้ทั้งหมด แผนของแบล๊คเฟรมก็จะต้องพินาศแน่นอน !!!”
หลังจากพูดจบ แซนด์สตอร์มก็นำทีมของเขาที่ตอนนี้มาเสริมจนมีมากกว่าสามสบคนแล้วไล่ตามทีมของซือเฟิงไปทันที
ตอนที่ 2630 ดีไวน์วิล ขั้นสี่
แม้ว่าดินแดนลับโบราณจะเรียกได้ว่าเป็นดินแดนลับ แต่มันก็มีขนาดใหญ่กว่าแผนที่ขนาดใหญ่ภายในโลกภายนอกหลายเท่า และโดยพื้นฐานแล้วมันเป็นเหมือนกับโลกขนาดเล็กเลย
แม้ว่าซือเฟิงและคนอื่นๆจะเป็นผู้เล่นขั้นสาม แต่เนื่องจากพวกเขาถูกห้ามไม่ให้ใช้อะเม้าท์ของพวกเขา ดังนั้นมันจึงเอยด้วยการที่พวกเขาวิ่งเป็นเวลากว่าครึ่งวันเพื่อจะไปยังเมืองที่สง่างามกลางหุบเขา
ซึ่งเมืองที่ว่านี้นั้นมีบาเรียเวทย์มนต์หลายชั้นคอยป้องกันมันอยู่ และเมื่อมองผ่านบาเรียเวทยมนต์ที่โปร่งแสงนี้ ผู้เล่นก็สามารถจะมองเห็นหอคอยเวทย์เวทย์มนต์หลายแห่งภายใน และนี่ยังไม่นับรวมอาคารที่สูงหลายร้อยเมตรอีกหลายหลังด้วย มันมีแม้แต่อาคารลอยน้ำที่ไม่สามารถจะพบได้ในจักรวรรดิและอาณาจักรต่างๆของทวีปหลัก เมืองนี้ได้รับการพัฒนาไปไกลกว่าเมืองหลวงของอาณาจักรและจักรวรรดิในทวีปหลักมาก
ซือเฟิงนั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ เมื่อเขาได้มองไปยังเมืองโบราณอันยิ่งใหญ่นี้ด้วยตาตัวเองเป็นครั้งแรก เพราะแม้ว่าจะยืนอยู่ห่างออกมาหลายพันหลาจากเมือง แต่เขาก็ยังรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่น่ากลัวที่ส่งผลกระทบต่อร่างกายของเขาอยู่ตลอดเวลา และมันก็ทำให้ร่างกายของเขาหนักมาก หากผู้เล่นขั้นสองต้องมาตกอยู่ภายใต้แรงกดดันนี้ พวกเขาจะไม่สามารถเข้าใกล้เมืองได้เลย
“โปรดระวังรูปปั้นเหล่านั้นที่สร้างขึ้นหลังกำแพงเมือง แม้ว่ามันจะมีวงเวทย์ที่คอยปราบปรามพลังของรูปปั้นเหล่านั้น แต่ถ้าคุณมองมันนานเกินไป คุณก็จะตกอยู่ในสถานะอ่อนแอทางจิต” คริมสันสตาร์เตือนทั้งทีมที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นด้านหลังของเธอ “ซึ่งหากเป็นแบบนั้นคุณจะต้องใช้เวลาสี่ถึงห้าวันเลยในการฟื้นตัว และเมื่อเป็นแบบนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงการทดสอบเลย คุณจะไม่มีเวลาแม้แต่จะออกจากดินแดนลับด้วยซ้ำ”
รูปปั้นเหล่านี้จะทำให้ผู้เล่นตกอยู่ในสถานะอ่อนแอทางจิตงั้นหรอ ?
เมื่อได้ยินคำพูดของคริมสันสตาร์ ซือเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะมองเข้าไปใกล้ๆรูปปั้นหินที่ถูกล้อมรอบด้วยวงเวทย์ และทันทีที่เขาทำเช่นนั้น เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันทางจิตที่น่ากลัวพุ่งเข้ามาในจิตของเขา ในเวลาเดียวกันร่างของสิ่งมีชีวิตโบราณก็ปรากฎขึ้นชั่วครู่ต่อหน้าต่อตาของซือเฟิง
ซือเฟิงรู้สึกใจสั่นมากๆจากแรงกดดันทางจิตนี้ แต่โชคดีที่จิตของเขาสามารถจะต้านทานมันได้ แม้ว่าจะเกือบไม่ไหวก็ตาม
ขั้นสี่ ดีไวน์วิล ? ซือเฟิงค่อนข้างประหลาดใจมากกับแรงกดดันทางจิตที่รูปปั้นปล่อยออกมา ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมในชีวิตที่ผ่านมาของฉัน ไวโอเล็ทซอร์ดถึงสามารถผลิตผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ออกมาได้เป็นจำนวนมหาศาล
ณ จุดนี้ เทพโบราณนั้นได้ถอนตัวออกจากทวีปหลักของ God domain ไปนานแล้ว และตอนนี้มันก็ยากมากที่จะได้พบกับตัวตนแบบครึ่งเทพในทวีปหลัก อย่างไรก็ตามก่อนที่จะถอนตัวออกไป เทพโบราณจำนวนมากได้ทิ้งมรดกของตัวเองไว้มากมายในสถานที่อันตราย ในขณะเดียวกันสถานที่ที่เป็นแบบนี้มักมีดีไวน์วิลอยู่
มองดูแบบพื้นผิว ดีไวน์วิลที่มีอยู่ในสถานที่ที่มีมรดกของเทพโบราณอยู่นั้นก็ทำหน้าที่สร้างแรงกดดันทางจิตต่อผู้บุกรุก และยับยั้งการเข้ามานอกเหนือจากวิธีการที่ถูกกำหนดไว้แต่แรก
อย่างไรก็ตามดีไวน์วิล นั้นยังมีฟังชั่นที่มีประโยชน์มากสำหรับผู้เล่นนั่นก็คือมันช่วยให้ผู้เล่นสามารถฝึกจิตของตัวเองได้
ใน God domain ค่าสตามิน่าและค่าความแข็งแกร่งทางจิตของผู้เล่นนั้นถือเป็นค่าสถานะที่ซ่อนอยู่ และมันก็ยากมากที่จะเพิ่มขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องค่าความแข็งแกร่งทางจิต นอกเหนือจากการเก็บเลเวลจนเลื่อนเลเวลไปเรื่อยๆแล้ว มันก็ยังไม่มีวิธีการสำหรับผู้เล่นที่จะใช้เพื่อเพิ่มค่าความแข็งแกร่งทางจิตได้
ในตอนแรกนั้นค่าความแข็งแกร่งทางจิต เป็นค่าสถานะที่มีผู้เล่นแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ให้ความสนใจ เนื่องจากโดยทั่วไปแล้ว พวกเขาจะหมดค่าสตามิน่าก่อนจะหมดค่าความแข็งแกร่งทางจิต อย่างไรก็ตามเมื่อผู้เล่นเริ่มเรียนรู้เทคนิคการต่อสู้กันมากขึ้น ทุกคนก็จะได้เข้าใจถึงความสำคัญของค่าความแข็งแกร่งทางจิตมากขึ้น
ด้วยการมีค่าความแข็งแกร่งทางจิตที่สูงมาก ไม่เพียงแต่มันจะทำให้ผู้เล่นสามารถใช้เทคนิคการต่อสู้ได้มากมายหลายครั้ง แต่มันยังจะช่วยให้พวกเขาลดการใช้ค่าสตามิน่ากับค่าความแข็งแกร่งทางจิตเมื่อต้องใช้เทคนิคการต่อสู้ได้อีกด้วยและที่สำคัญที่สุดคือ เทคนิคการต่อสู้ที่ทรงพลังนั้น มันจำเป็นต้องใช้ค่าความแข็งแกร่งทางจิตที่สูงพอสมควรในการใช้มัน
แต่น่าเสียดายที่ไม่มีวิธีการที่น่าเชื่อถือเลย นอกจากการเพิ่มเลเวล และการปรับปรุงการทำงานของสมอง ที่ผู้เล่นสามารถจะใช้เพื่อเพิ่มค่าความแข็งแกร่งทางจิตได้ …..
อย่างไรก็ตามเมื่อผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากเข้ามาที่สถานที่โบราณแบบนี้ และทำให้ปริมาณของดีไวน์วิลเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาก็จะได้ค้นพบเรื่องที่น่าประหลาดคือดีไวน์วิลนั้นสามารถช่วยฝึกจิตผู้เล่นให้มีความแข็งแกร่งขึ้นได้ และแม้ว่าแรกๆมันจะดูเล็กน้อย แต่ผู้เล่นก็จะได้รับการปรับปรุงมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป ….
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้เล่นจะได้รับการช่วยเหลือจากดีไวน์วิลมากแค่ไหนมันก็ขึ้นอยู่กับตัวพวกเขาเอง
ในขณะเดียวกันรูปปั้นภายในเมืองนั้นมีดีไวน์วิลที่สามารถช่วยผู้เล่นฝึกจิตได้จนถึงขั้นสี่ ดังนั้นซือเฟิงจึงเรียกมันว่าดีไวน์วิล ขั้นสี่
หากผู้เล่นขั้นสามสามารถจะยกระดับค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของพวกเขาไปจนถึงขั้นสี่ได้ มันก็จะช่วยพวกเขาได้อย่างมาก เมื่อพวกเขาทำการท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ และด้วยมีค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจที่ดีขึ้น ผู้เล่นก็จะสามารถควบคุมร่างกายทางกายภาพและมานาได้ดีขึ้น พวกเขาจะสามารถแสดงศักยภาพได้มากกว่าที่เคย
อย่างไรก็ตามเนื่องจากวงเวทย์ที่ล้อมรอบรูปปั้นเหล่านี้ มันทำให้ดีไวน์วิลที่รูปปั้นแผ่ออกมานั้นถูกปราบปรามไปอย่างหนัก แม้ว่าดีไวน์วิลที่อ่อนแอลงนี้อาจมีผลกับผู้เล่นขั้นสามทั่วไป แต่มันก็แทบจะไม่สามารถให้ความช่วยเหลือใดๆกับผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดขั้นสาม และผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดขั้นสามได้เลย และมันจะทำให้ค่าความแข็งแกร่งทางจิตของคนระดับนี้หมดไปอย่างเปล่าประโยชน์ด้วยซ้ำ
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ข้างหน้าเราคือทางเข้าสู่พื้นที่ทดสอบ” คริมสันสตาร์กล่าว ขณะที่เธอชี้ไปที่ประตูขนาดมหึมาที่อยู่ใกล้ๆ “เราจะมีโอกาสในการท้าทายการทดสอบโหมดฮีโร่ได้เพียงครั้งเดียว ซึ่งหากเราล้มเหลว เราก็จะไม่สามารถทำการทดสอบในโหมดนี้ได้อีกต่อไป อย่างไรก็ตามเมื่อเราเข้าสู่การทดสอบไปนั้น ตราบใดที่เรายังมีคนที่มีชีวิตอยู่ในการทดสอบ แม้ว่าคนอื่นๆจะตายลง แต่เราก็จะยังกลับเข้าสู่พื้นที่การทดสอบได้ หลังจากได้รับการฟื้นคืนชีพอัตโนมัติในภายนอก เพียงแต่ว่าช่วงเวลาการฟื้นคืนชีพในดินแดนลับโบราณนั้นจะนานมาก ซึ่งก็คือหนึ่งวันเต็ม ดังนั้นทุกคนต้องระมัดระวังให้มากในเวลาที่อยู่ข้างใน”
มันอาจจะดีกว่าถ้าพวกเขากำลังท้าทายการทดสอบโหมดทั่วไป เพราะท้ายที่สุดพวกเขามีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในการจะท้าทายการทดสอบโหมดฮีโร่ และหากผู้เล่นในทีมส่วนใหญ่ของพวกเขาตายลง การทดสอบโหมดฮีโร่นั้นมันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเคลียร์ให้ได้ ดังนั้นการควบคุมอัตราการบาดเจ็บล้มตายจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในเรื่องนี้
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงต้องการจะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับหัวหน้าภูมิภาค เพราะหากทีมของพวกเขาถูกหัวหน้าภูมิภาคทั้งสองทำลายล้างในตอนนั้น พวกเขาจะต้องรอหนึ่งวันเต็มกว่าที่พวกเขาจะสามารถเข้าสู่การทดสอบได้
“ฉันเข้าใจ” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า
เนื่องจากซือเฟิงเข้าใจคำเตือนของเธอแล้ว คริมสันสตาร์จึงไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม เพราะท้ายที่สุดแล้ว ผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถแบบซือเฟิง มักต้องการเพียงแค่การแจ้งเตือนเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเพื่อให้รู้ว่าพวกเขาควรทำอะไร
หลังจากนั้นคริมสันสตาร์ ไวน์ไฟเตอร์ และสมาชิกของไวโอเล็ทซอร์ดคนอื่นๆก็ได้เดินเข้าไปใกล้ประตูเทเลพอร์ตที่สูงสิบเมตร จากนั้นพวกเขาก็พยิบคริสตัลสีดำออกมาจากกระเป๋าของพวกเขาและเริ่มร่ายเวทย์
ทันทีที่ผู้เล่นหลายสิบคนเริ่มร่ายเวทย์ อักษรรูนศักสิทธิ์ที่ถูกสลักไว้บนประตูเทเลพอร์ตก็เริ่มสว่างขึ้น และมันก็ดึงมานาโดยรอบเข้ามายังประตูเทเลพอร์ต
ในขณะที่คริมสันสตาร์และคนอื่นๆกำลังเปิดใช้งานการทดสอบโหมดฮีโร่ แซนด์สตอร์ม และสมาชิกคนอื่นๆของไมโทโลจี้ที่เฝ้าสังเกตสถานการณ์อย่างเงียบๆจากด้านหลังของกองหินที่แตกเป็นเสี่ยงๆที่อยู่ห่างออกไปห้าร้อยหลาก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
“การทดสอบโหมดฮีโร่ !!!” การ์เดี้ยนไนท์หญิงที่ยืนอยู่ข้างแซนด์สตอร์มเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เมื่อเธอสามารถระบุถึงอักษรรูนศักสิทธิ์ที่ส่องสว่างบนประตูเทเลพอร์ตได้ “ไวโอเล็ทซอร์ดมีแผนที่จะท้าทายการทดสอบโหมดฮีโร่จริงๆงั้นหรอ ?! นี่พวกเขาบ้ารึปล่าวเนี่ย ?!”
เธอได้สัมผัสกับการทดสอบของเมืองโบราณมาด้วยตัวเองแล้ว แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าการทดสอบในโหมดฮีโร่เป็นอย่างไร แต่เธอก็รู้ว่าการทดสอบในโหมดขั้นสูงตอนนี้มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เล่นทั่วไปในปัจจุบันหวังจะเคลียร์ได้ หากไม่ใช่เพราะทีมจู่โจมของพวกเขาก่อนหน้านี้มีวงเวทย์การต่อสู้ขั้นสูงจำนวนมาก พวกเขาก็คงจะเข้าไปไม่ถึงตัวบอสของการทดสอบเช่นกัน
สำหรับการทดสอบโหมดฮีโร่ มันจะยากขึ้นกว่านั้นแน่นอน และมันเป็นสิ่งที่แม้แต่ไมโทโลจี้ในปัจจุบันก็ยังไม่กล้าจะท้าทาย
“การทดสอบโหมดฮีโร่ ?” เมื่อแซนด์สตอร์มเห็นฉากตรงหน้าเขา เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้างออกมา “ดี !!! มันวิเศษมาก !!! แมว่าฉันจะไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้ผู้เล่นของไวโอเล็ทซอร์ดกับสภาสิบแปดปีกกล้าที่จะท้าทายการทดสอบโหมดฮีโร่ แต่นี่มันก็เป็นโอกาสของเรา !!! เนื่องจากคริมสันสตาร์และไวน์ไฟเตอร์เป็นผู้เปิดใช้งานการทดสอบโหมดฮีโร่นี้ ดังนั้นพวกเขาจะไม่สามารถหยุดกลางคันได้ ไม่งั้นมันจะล้มเหลว และพวกเขาจะหมดสิททันที ซึ่งนี่แหละเป็นโอกาสเหมาะที่เราจะลงมือ !!!”
“แต่การจัดการกับแบล๊คเฟรมก็ไม่ใช่เรื่องง่าย …” การ์เดี้ยนไนท์หญิงกล่าวอย่างเป็นห่วง ขณะที่เธอจ้องมองไปยังซือเฟิงที่ยืนอยู่ข้างประตูเทเลพอร์ต “เมื่อมีเขาอยู่รอบๆ เราคงยากที่จะได้เปรียบ”
“ผ่อนคลายน่า รองผู้บัญชาการได้เตรียมไพ่ใบหนึ่งไว้ให้เราแล้วสำหรับปฎิบัติกาารในครั้งนี้ …!!!” แซนด์สตอร์มกล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็หยิบเจ็มสโตนหลากสีขึ้นมาจากกระเป๋าของเขา “นี่เจ็มสโตนเวทย์กลืนกินขั้นสาม ซึ่งรองผู้บัญชาการได้รับมาจากศาลเจ้าเทพปีศาจ หากเราสวมใส่มันลงไปในอาวุธระดับดาร์คโกลเลเวลหนึ่งร้อยหรือเหนือกว่าขึ้นไป เราสามารถที่จะสังเวยอาวุธและเจ็มสโตนนี้ไปพร้อมกัน เพื่อให้เราได้รับพลังในมาตราฐานของขั้นสี่มาเป็นช่วงสั้นๆได้ และไอเทมชิ้นนี้ก็ไม่ได้อยู่ภายใต้ข้อจำกัดใดๆในดินแดนลับโบราณ และรองผู้บัญชาการก็ได้ให้ไอเทมชิ้นนี้กับฉันมาห้าชิ้นเพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน ตราบใดที่พวกเราห้าคนใช้เจ็มสโตนนี้ พวกเราก็จะมีผู้เล่นขั้นสี่ห้าคนอยู่ฝั่งพวกเรา และเมื่อรวมถึง HP กับพลังป้องกันที่เราจะได้รับจากวงเวทย์การต่อสู้ขั้นสูง เราน่าจะสามารถตรึงแบล๊คเฟรมไว้ได้ด้วยพวกเราสามคน ขณะที่อีกสองคนที่เหลือก็ให้แยกไปจัดการกับสมาชิกในทีมของแบล๊คเฟรมคนอื่นๆ และเมื่อเราทำสำเร็จ ความพยายามทั้งหมดที่พวกเขาทำมาก็จะไร้ค่าไปทันที !!!”
“ในเมื่อคุณมีสมบัติแบบนี้ ทำไมถึงไม่เอามันออกมาก่อนหน้านี้ล่ะ ?” การ์เดี้ยนไนท์หญิงบ่นขณะที่กลอกตามองไปยังแซนด์สตอร์ม
ก่อนหน้านี้รองผู้บัญชาการของพวกเขาได้มอบหมายให้พวกเขาทำลายแผนการของไวโอเล็ทซอร์ด และฆ่าซือเฟิงหากเป็นไปได้ และด้วยเจ็มสโตนเวทย์กลืนกินขั้นสามนี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถฆ่าซือเฟิงได้ แต่การทำลายแผนการของไวโอเล็ทซอร์ดก็จะง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากแน่นอน
เพราะท้ายที่สุดผู้เล่นที่ตายในดินแดนลับโบราณนั้นจำเป็นจะต้องรอหนึ่งวันเต็มจึงจะสามารถฟื้นคืนชีพกลับมาได้ และหากพวกเขาสามารถฆ่าสมาชิกของสภาสิบแปดปีกกับไวโอเล็ทซอร์ดที่นี่ได้จำนวนมาก ทั้งสองกิลก็จะเสียเวลาของวงเวทย์เล่นแร่แปรธาตุไปหนึ่งวัน ซึ่งมันก็จะช่วยลดโอกาสในการที่ทั้งสองกิลจะเคลียร์โหมดฮีโร่ได้ลงไปมาก และหากพวกเขาสามารถขัดขวางการเปิดประตูการทดสอบโหมดฮีโร่ได้ตั้งแต่เนิ่นๆตอนนี้ พวกเขาก็จะสามารถทำลายแผนการของไวโอเล็ทซอร์ดได้อย่างสมบูรณ์ด้วยซ้ำ
“เอาล่ะ รับไปหนึ่งชิ้นสำหรับแต่ละคน” แซนด์สตอร์มกล่าว ขณะที่เขาแจกจ่ายเจ็มสโตนเวทย์กลืนกินขั้นสามให้กับระดับหัวหน้าอีกสี่คน จากนั้นเขาก็มองไปที่ซือเฟิงและพูดว่า “ถึงเวลาแล้วที่เราจะทำให้แบล๊คเฟรมรู้ว่าการยั่วยุไมโทโลจี้นั้นมันโง่แค่ไหน !!!”
ตอนที่ 2631 หยานเซี่ยวเฉียนเคลื่อนไหว
ในระหว่างที่คริมสันสตาร์กับไวน์ไฟเตอร์กำลังร่ายเวทย์ รอยแยกมิติก็ค่อยๆปรากฎขึ้นบริเวณประตูเทเลพอร์ต
ในขณะที่รอยแยกมิติปรากฎขึ้น ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนี้ในปัจจุบันก็สัมผัสได้ถึวออร่าโบราณโบราณที่แผ่ออกมาจากรอยแยกมิติราวกับว่ามันเป็นมังกรจากขุมนรกที่พึ่งจะตื่นขึ้น และแรงกดดันที่พวกเขาไม่เคยประสบมาก่อนก็กดทับมาที่ร่างกายของพวกเขาในตอนนี้
นี่คือการทดสอบโหมดฮีโร่งั้นหรอ ? ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เมื่อร่างของเขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดัน และแรงกดดันนี้มันก็แทบจะเทียบเท่าพวกครึ่งเทพในขั้นเดียวกันเบย และแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามก็ยังจะนับว่าโชคดีมากแบ้ว หากสามารถแสดงพลังในการต่อสู้ของขั้นสองออกมาได้ เมื่ออยู่ภายในสภาพแวดล้อมแบบนี้
แม้ว่าออร่ากับแรงกดดันที่มันแผ่ออกมาจะไม่ทำให้ผู้เล่นถึงแก่ชีวิต แต่มันก็ส่งผลกระทบต่อพลังในการต่อสู้ของพวกเขา
ซึ่งในขณะนี้ออร่าที่มันรั่วไหลออกมาจากรอยแยกมิตินั้นมันก็ทรงมากซะจนทำให้ซือเฟิงรู้สึกอึดอัดมากๆ ซึ่งหากผู้เล่นขั้นสามคนอื่นต้องมาต่อสู้ภายใต้ออร่านี้ พลังการต่อสู้ของพวกเขาก็จะลดลงอย่างมากยิ่งกว่าซือเฟิงแน่นอน
“ยังเหลือเวลาอีกสี่สิบวินาทีกว่าที่ประตูเทเลพอร์ตจะถูกเปิดใช้งานอย่างสมบูรณ์ ซึ่งมันจะมีช๊อคเวฟของมานาเกิดขึ้น เมื่อตอนนั้นมาถึง โฟลตติ้งไลท์ รีบสร้างบาเรียไว้เร็ว !!!” คริมสันสตาร์กล่าวผ่านแชททีม เมื่อเธอเห็นว่ารอยแยกมิติเริ่มมีความเสถียร
“เข้าใจแล้ว !!!”
เมื่อได้ยินคำสั่งของคริมสันสตาร์ โฟลตติ้งไลท์ก็ได้สั่งให้ให้ผู้เล่นนักเวทย์ขั้นสามของไวโอเล็ทซอร์ดเริ่มการสร้างบาเรียป้องกันขั้นสามทันที
แม้ว่าช๊อคเวฟของมานาจะไม่ได้สร้างความเสียหายโดยตรง แต่ผู้เล่นที่โดนโจมตีแบบนี้เข้าไปจะมีการควบคุม และการรับรู้มานาลดลงอย่างมากในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งผู้เล่นอาจสูญเสียความสามารถในการใช้สกิล และเวทย์บางอย่างไปได้เลยในช่วงเวลานี้
ในความพยายามครั้งแรกของไวโอเล็ทซอร์ดที่พวกเขาได้ทำการโจมตีการทดสอบโหมดปกติ ทีมจู่โจมที่พวกเขาส่งไปนั้นล้มเหลว เนื่องจากไม่ได้พิจารณาถึงผลของช๊อคเวฟมานา เป็นผลให้ทั้งทีมจู่โจมต้องทนทุกข์ทรมาณจากสถานะที่เจอช๊อคเวฟของมานาเป็นเวลาหนึ่งวัน
อย่างไรก็ตามในขณะที่สมาชิกของไวโอเล็ทซอร์ดกำลังสร้างบาเรียป้องกัน อยู่ๆมันก็มีเสียงตะโกนต่ำดังมาจากระยะไกล
“โอกาสมาแล้ว !! ทุกคนโจมตี !! ขัดขวางการเปิดใช้งานประตูเทเลพอร์ตไว้ให้ได้ !!!” แซนด์สตอร์มออกคำสั่ง เมื่อเขาเห็นโฟลตติ้งไลท์และผู้เล่นนักเวทย์ของไวโอเล็ทซอร์ดกำลังทำการสร้างบาเรียเวทย์มนต์
ทันใดนั้นร่างหลายร่างก็พุ่งเข้าหากลุ่มของคริมสันสตาร์ด้วยความเร็วสูง
“กองกำลังแสงสีเงิน ?” คริมสันสตาร์จดจำทีมของแซนด์สตอร์มได้ในทันที และเมื่อเธอเห็นพวกเขา ใบหน้าของเธอก็มืดมนลงเล็กน้อย “แซนด์สตอร์ม นี่ไมโทโลจี้พยายามจะทำลายข้อตกลงงั้นหรอ ?!!”
ถ้าทีมของพวกเขาเจอกับทีมของแซนด์สตอร์มภายใต้สถานการณ์ปกติ เธอก็จะไม่ให้ความสนใจกับสมาชิกของไมโทโลจี้เลย อย่างไรก็ตามตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดของไวโอเล็ทซอร์ดทั้งหมดล้วนติดอยู่กับการเปิดประตูเทเลพอร์ต และสร้างบาเรียป้องกันช๊อคเวฟของมานา ดังนั้นพวกเขาจึงแทบจะไม่มีกำลังคนเหลือมากพอจะใช้ขับไล่ทีมของแซนด์สตอร์มเลย
ในขณะเดียวกันทีมของแซนด์สตอร์มก็ประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์หรือสูงกว่า หาคนเหล่านี้ทำการโจมตีพวกเขาตอนนี้ ผลลัพธ์ที่ตามมามันจะเลวร้ายมากแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นแซนด์สตอร์มและคนอื่นๆยังเปิดใช้งานวงเวทย์การต่อสู้ขั้นสูงด้วย ซึ่งนี่มันก็ทำให้พวกเขาแข็งแกร่งกว่าผู้เล่นขั้นสามทั่วไปมาก
“ข้อตกลง ?” แซนด์สตอร์มหัวเราะให้กับคำพูดของคริมสันสตาร์ “ฉันจำไม่ได้เลยว่าไมโทโลจี้ได้ทำข้อตกลงใดๆกับไวโอเล็ทซอร์ดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในดินแดนลับโบราณ นอกจากนี้หากจะต้องโทษใครสักคน พวกคุณก็ควรโทษตัวเองนะที่ไม่รู้ว่าอะไรดีกับคุณ ในเมื่อคุณกล้าที่จะเป็นพันธมิตรกับสภาสิบแปดปีกก็จงตายไปพร้อมกับพวกเขาซะ !!!”
ทีมของแซนด์สตอร์มเร่งความเร็วขึ้น !!
“แม่ง !!! พวกนี้มันเอาจริง !!!” คริมสันสตาร์หันไปหาโฟลตติ้งไลท์และกล่าวว่า “ไลท์ ประสานงานกับกลุ่มของหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม และซื้อเวลาให้กับพวกเราหน่อย !!! หากการเปิดใช้งานประตูเทเลพอร์ตถูกขัดจังหวะ เราจะหมดสิทท้าทายโหมดฮีโร่ !!!”
“เข้าใจแล้ว !!” โฟลตติ้งไลท์พยักหน้าตอบรับ จากนั้นเขาก็หันไปเผชิญหน้ากับทีมของแซนด์สตอร์มด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
แม้ว่าฝ่ายของพวกเขาจะมีข้อได้เปรียบอย่างแท้จริงในด้านจำนวน และพวกเขาก็ยังได้รับความช่วยเหลือจากสัตวประหลาดที่น่ากลัวอย่างซือเฟิง แต่จำนวนผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดที่พร้อมต่อสู้ของพวกเขาในตอนนี้นั้นก็มีจำนวนห่างจากไมโทโลจี้มาก นี่ยังไม่ได้ต้องพูดถึงว่าแซนด์สตอร์ม และสมาชิกในทีมของไมโทโลจี้คนอื่นๆนั้นใช้วงเวทย์การต่อสู้ขั้นสูงอยู่ด้วย ซึ่งมันทำให้ค่าสถานะของพวกเขานั้นเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งหากพวกเขายอมให้ทีมของแซนด์สตอร์มทะลวงเข้ามาขัดขวางการเปิดประตูเทเลพอร์ตได้ พวกเขาก็จะหมดสิทในการท้าทายการทดสอบโหมดฮีโร่ทันที
“คุณต้องระวังหน่อย !!! ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่แซนด์สตอร์มและสมาชิกในทีมของเขาบางคนกำลังแผ่แรงกดดันที่อยู่ในระดับเดียวกันกับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายออกมา !! อย่าปะทะกับเขาโดยตรงไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น !!!” ไวน์ไฟเตอร์ตะโกนเตือนทุกคนในทีมอย่างจริงจัง “สิ่งที่คุณต้องทำก็แค่ซื้อเวลาไว้สี่สิบวินาที เมื่อทางนี้ของเราเสร็จเมื่อไหร่ เราจะไปรวมตัวกันจัดการกับพวกนั้นได้ !!!”
อย่างไรก็ตามในเวลานี้ซือเฟิงก็พูดว่า “นั่นไม่จำเป็น ฝากคนพวกนี้ให้เป็นหน้าที่เราเอง มุ่งเน้นไปที่การเปิดใช้งานประตูเทเลพอร์ต และการสร้างบาเรียป้องกันสิ่งที่ตามมาก็พอ …”
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม เราไม่ได้สงสัยในความแข็งแกร่งของคุณนะ แต่เราไม่สามารถจะรับความเสี่ยงที่ตามมาได้จริงๆ สมาชิกกองกำลังแสงสีเงินของไมโทโลจี้เหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากวงเวทย์ฺการต่อสู้ขั้นสูงทั้งหมด และในตอนนี้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดของพวกเขาก็ยังจะสามารถยืนหยัดต่อกรกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนได้ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงแซนสตอร์มที่เป็นหัวหน้าทีม และเหล่าหัวหน้าคนอื่นๆที่อยู่ในขอบเขตครึ่งก้าวก่อนเข้าสู่ขอบเขตโดเมนด้วย ทีมจากกองกำลังนี้นั้นค่อนข้างจะมีความแข็งแกร่งมากๆ มันไม่ใช่อะไรที่ทีมผู้เชี่ยวชาญระดับสูงทั่วไปจะรับมือได้เลย ….” คริมสันสตาร์รีบกล่าวแนะนำอย่างรีบร้อน เมื่อเธอเห็นว่าซือเฟิงห้ามไม่ให้พวกเขาเข้าร่วมการต่อสู้ “แม้ว่ากลุ่มของโฟลตติ้งไลท์จะมีสมาชิกอยู่เพียงไม่กี่คน แต่พวกเขาก็ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นยอด พวกเขาจะช่วยคุณได้ดี …”
เธอมั่นใจว่าซือเฟิงจะได้รับชัยชนะแน่นอนในการต่อสู้กับทีมของแซนด์สตอร์ม อย่างไรก็ตามปัญหาในตอนนี้ มันไม่ใช่เรื่องที่ว่าพวกเขานั้นสามารถจะเอาชนะทีมของแซนด์สตอร์มได้ไหม แต่มันเป็นเรื่องที่ว่า พวกเขาสามารถทำให้ทีมของแซนด์สตอร์มไม่สามารถเข้าใกล้ประตูเทเลพอร์ตได้ไหม
เพราะท้ายที่สุดแล้ว แม้ว่าซือเฟิงจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่เขาก็เป็นเพียงคนๆเดียว และเนื่องจากทีมของแซนด์สตอร์มมีผู้เล่นอยู่มากกว่าสามสิบคน ดังนั้นซือเฟิงจะไปสามารถรั้งพวกเขาไว้ได้กี่คนกัน ?
ไวน์ไฟเตอร์พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของคริมสันสตาร์ เขารู้สึกว่าซือเฟิงบ้าไปแล้วที่พูดเรื่องเมื่อครู่ออกมา
“อย่าเข้าใจผิด เราสามารถจะหยุดพลังการโจมตีระดับนี้ได้สบายๆ แต่หากคุณยังรู้สึกไม่สบายใจ ฉันก็ไม่คัดค้านที่จะให้คนของคุณเข้าร่วมการต่อสู้” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ เมื่อเขาเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของคริมสันสตาร์ และไวน์ไฟเตอร์
แม้ว่าซือเฟิงจะไม่ได้พูดเสียงดังมาก แต่ทุกคนที่อยู่ที่นี่ในปัจจุบันก็ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่มีประสาทสัมผัสพิเศษ ดังนั้นแม้ว่าทีมของแซนสตอร์มจะยังอยู่ห่างออกมาหลายร้อยหลา แต่พวกเขาก็ยังได้ยินคำพูดของซือเฟิงอย่างชัดเจน
“หื้ม ? มาดูกันหน่อยว่าคุณจะหยุดพวกเราได้ยังไง ?! ทุกคนเริ่มลงมือได้เลย !!!” แซนด์สตอร์มหัวเราะ และจ้องมองไปยังซือเฟิงอย่างเย็นชา เมื่อได้ยินคำพูดของเขา
ทันทีที่แซนด์สตอร์มพูดจบ แอสซาซินหกคนที่มีเลเวลหนึ่งร้อยสิบสามหรือสูงกว่าก็ปรากฎขึ้นในระยะห้าสิบหลาห่างจากกลุ่มของคริมสันสตาร์ โดยหนึ่งในแอสซาซินเหล่านี้ที่ได้สวมหน้ากากปิดบังใบหน้าไว้นั้นก็มีออร่าที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายในเลเวลเดียวกันเลย และแอสซาซินคนนี้ก็เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วจนไปปรากฎตัวในระยะสามสิบหลาห่างจากคริมสันสตาร์ในพริบตา จากนั้นแอสซาซินก็ได้ใช้กริชทำการโจมตีเป็นลำแสงจำนวนมากให้พุ่งเข้าใส่คริมสันสตาร์และคนอื่นๆที่ทำหน้าที่เปิดประตูเทเลพอร์ตอยู่
“อะไรกัน ?! พวกเขาบางคนแอบไปถึงตรงนั้นแล้วงั้นหรอ ?!” ใบหน้าของโฟลตติ้งไลท์มืดมนลง เมื่อเห็นการปรากฎตัวของแอสซาซินทั้งหกคนนี้
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะหยุดการโจมตีอย่างฉับพลันและกว้างขวางแบบนี้ได้ และแม้แต่ซือเฟิงก็จะสามารถหยุดการโจมตีเหล่านี้ได้เพียงบางส่วนเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดคริมสันสตาร์ และคนอื่นๆที่ทำหน้าที่เปิดประตูเทเลพอร์ตนั้นยืนอยู่ค่อนข้างห่างกัน ซึ่งทำให้มันเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับผู้เล่นระยะประชิดอย่างซือเฟิงที่จะปกป้องพวกเขาได้ทั้งหมด
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่การโจมตีของแอสซาซินกำลังจะโดนเข้ากับคริมสันสตาร์และคนอื่นๆ กำแพงน้ำแข็งก็ปรากฎขึ้นมา และแยกพวกเขาออกจากการโจมตีนี้ทันที
ในขณะเดียวกันเมื่อการโจมตีของแอสซาซินปะทะเข้ากับกำแพงน้ำแข็งนั้น มันก็ราวกับว่าการโจมตีเหล่านี้ชนเข้ากับกำแพงที่ไม่สามารถจะผ่านได้ โดยกำแพงน้ำแข็งเหล่านี้สามารถหยุด และเบี่ยงเบนการโจมตีของแอสซาซินออกไปได้ทั้งหมดจนเป้าหมายไม่ได้รับอันตรายใดๆ
“เป็นไปได้ยังไงกัน ?! นี่การโจมตีของฉันถูกเบี่ยงเบนและหยุดโดนสกิลเวทย์กำแพงน้ำแข็งขั้นสองงั้นหรอ ?!” สายตาของแอสซาซินที่ใช้เจ็มสโตนเวทย์กลืนกินขั้นสามเพื่ออัพเกรดพลังของตัวเองขึ้นไปอยู่ที่ขั้นสี่ชั่วคราวเต็มไปด้วยความตกตะลึง เมื่อได้เห็นฉากนี้ สิ่งนี้มันไม่ควรจะเกิดขึ้นได้เลย ….
“ใครเป็นคนทำเรื่องนี้กัน ?” แซนด์สตอร์มก็ตกตะลึงเช่นกันเมื่อได้เห็นฉากนี้ ก่อนที่เขาจะหันไปมองคริมสันสตาร์และพึมพำอย่างคาดเดาว่า “เป็นเธองั้นหรอ ?”
ในขณะนี้แซนด์สตอร์มไม่สามารถนึกถึง Elementalist คนใดได้เลยนอกจากคริมสันสตาร์ที่จะสามารถใช้กำแพงน้ำแข็ง ขั้นสองทำแบบนี้ได้
แต่อย่างไรก็ตามคริมสันสตาร์ก็กำลังเปิดใช้งานประตูเทเลพอร์ตอยู่ เธอไม่ควรจะสามารถทำแบบนี้ได้
คริมสันสตาร์เองก็ประหลาดใจกับสถานการณ์นี้เช่นกัน อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับผู้เล่นระยะประชิดอย่างแซนสตอร์มแล้ว เธอในฐานะ Elementalist นั้นมีความไวต่อมานามากกว่ามาก ดังนั้นเธอจึงสามารถตามหาต้นกำเนิดของกำแพงน้ำแข็งได้ทันที
“เซี่ยวเฉียน ?” อย่างไรก็ตาม เมื่อคริมสันสตาร์หันไปมองที่ต้นกำเนิดของกำแพงน้ำแข็ง เธอก็ต้องเต็มไปด้วยความตกตะลึง เพราะคนที่ใช้มันคือหยานเซี่ยวเฉียน ซึ่งขณะนี้นั้นมีมานาที่หนาแน่นอย่างมากล้อมรอบตัวเธออยู่ “นี่เธอแข็งแกร่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?!”
ตอนที่ 2632 สนามรบที่เงียบสงัด
เมื่อเห็นหยานเซี่ยวเฉียนเริ่มเคลื่อนไหว สมาชิกของไวโอเล็ตซอร์ดก็เงียบไป
หยานเซี่ยวเฉียนนั้นได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เมื่อเธอเข้าร่วมในการฝึกรุ่นเยาว์ของไวโอเล็ตซอร์ด และหนึ่งในเหตุผลนั้นก็คือเธออยู่ห่างจากขอบเขตโดเมนเพียงครึ่งก้าวเท่านั้น และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือผู้ฝึกสอนทอร์เร้นนั้นเต็มใจที่จะฝึกสอนเธอ ดังนั้นพวกระดับสูงและผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดของไวโอเล็ตซอร์ดส่วนใหญ่จึงได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับเธอ และศึกษาความแข็งแกร่งของเธอว่าเธอมีความแข็งแกร่งแบบไหนแล้ว
อย่างไรก็ตามหยานเซี่ยวเฉียนในปัจจุบันนั้นดูเหมือนกับคนที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงจากที่พวกเขารู้จักเธอ เธอสามารถหยุดการโจมตีที่มีมาตราฐานในขั้นสี่โดยทั่วไปได้ด้วยสกิลกำแพงน้ำแข็งขั้นสอง สกิลเดียว …. ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่ทำการโจมตีที่มีมาตราฐานในขั้นสี่โดยทั่วไปยังเป็นแอสซาซินขั้นสามที่อยู่ห่างจากขอบเขตโดเมนเพียงครึ่งก้าวเท่านั้น ซึ่งแม้แต่ในบรรดาสมาชิกของไวโอเล็ตซอร์ดที่อยู่ตรงนี้อย่างคริมสันสตาร์ และไวน์ไฟเตอร์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนนั้นก็ไม่อาจจะหยุดการโจมตีของแอสซาซินผู้นี้ได้อย่างสมบูรณ์ แต่หยานเซี่ยวเฉียนกับทำได้ แน่นอนว่าสิ่งนี้ทำให้สมาชิกของไวโอเล็ตซอร์ดประหลาดใจมากๆ
“เธอปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วงั้นหรอ ?!” ไวน์ไฟเตอร์ซึ่งยืนอยู่ใกล้กับหยานเซี่ยวเฉียนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงความผันผวนของมานาที่รุนแรงจากเธอ “ตอนนั้นร่างมานาของเธอเพิ่งถูกปลดล๊อคศักยภาพไปแค่ราวห้าสิบเปอเซ็นต์เท่านั้น นี่สามวันที่ผ่านมาสภาสิบแปดปีกทำอะไรกับเธอกัน ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของไวน์ไฟเตอร์ สมาชิกของไวโอเล็ตซอร์ดคนอื่นๆก็เริ่มตระหนักได้ถึงหลายสิ่ง และตอนนี้ทุกคนก็ล้วนจ้องมองไปยังหยานเซี่ยวเฉียนด้วยความประหลาดใจ นี่เป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งโฟลตติ้งไลท์ที่ได้รับการฝึกฝนภายใต้การควบคุมของผู้ฝึกสอนทอร์เร้นร่วมกับเธอ
“เป็นไปได้ยังไงกัน ?! นั่นคือร่างมานานะที่เรากำลังพูดถึง !!! เธอจะปลดล๊อคมันได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ในเวลาเพียงสามวันได้ยังไง ?!” ดวงตาของโฟลตติ้งไลท์เบิกกว้าบงด้วยความตกตะลึง ขณะที่เขาก็อ้าปากค้างและมองไปยังหยานเซี่ยวเฉียน ครู่หนึ่งเขารู้สึกราวกับว่าเขากำลังมองคนแปลกหน้า
เมื่อพูดถึงความสามารถในการต่อสู้ เขานั้นเหนือกว่าหยานเซี่ยวเฉียน นอกจากนี้หลังจากเขาได้เข้ามาฝึกพิเศษในสนามฝึกของดินแดนลับโบราณ พลังการต่อสู้ของเขาจึงเพิ่มขึ้นไปเกือบจะเท่ากับโซริทารี่ฟรอสต์ ซึ่งในทางทฤษฎี เขาควรจะเหนือกว่าหยานเซี่ยวเฉียนมาก
อย่างไรก็ตามตอนนี้ปรากฎว่าพลังการต่อสู้ของหยานเซี่ยวเฉียนนั้นเหนือกว่าเขามาก
อย่างไรก็ตามก่อนที่สมาชิกของไวโอเล็ตซอร์ดจะทันได้หายตกตะลึงต่อการพัฒนาที่ไม่คาดคิดนี้ แอสซาซินซึ่งเป็นหนึ่งในหัวหน้าของไมโทโลจี้ก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง คราวนี้เขาพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงแทนที่จะโจมตีจากระยะไกล
ในเวลาไม่นานแอสซาซินก็เหลือระยะห่างจากกลุ่มของคริมสันสตาร์สิบหลาแล้ว สถานการณ์นี้ทำให้การแสดงออกของคริมสันสตาร์และคนอื่นๆมืดมนลงทันที
แอสซาซินนั้นไม่ได้ถนัดการโจมตีในระยะไกล อาชีพนี้จะแข็งแกร่งและเปล่งประกายอย่างแท้จริงในการต่อสู้ระยะใกล้ นี่เป็นเรื่องจริงอย่างยิ่ง เมื่อนึกถึงพลังที่แอสซาซินจะสามารถแสดงออกมาได้ในการซุ่มโจมตีและต่อสู้ระยะประชิด ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความคล่องตัวของอาชีพแอสซาซิน การพยายามจะตรึงพวกเขาให้ได้โดยใช้สกิลระยะไกลนั้นมันก็ยากมาก นี่ยังไม่ต้องพูดถึงการฆ่าแอสซาซินที่มีพลังอยู่ในขั้นสี่ชั่วคราวเลย
“วิธีการป้องกันของเด็กสาวคนนั้นอาจจะยอดเยี่ยม แต่เมื่อเป็นในระยะนี้ ฉันอยากเห็นว่าเธอจะหยุดการโจมตีของฉันได้ยังไง !!!” แอสซาซินซึ่งเป็นหนึ่งในหัวหน้ากล่าว ขณะที่เขาอยู่ห่างจากไวน์ไฟเตอร์ไม่ถึงห้าหลา
สกิลขั้นสาม Absolute Shadow Assault!
ทันใดนั้นร่างของแอสซาซินก็แยกออกเป็นเงาหลายร่างเพื่อโจมตีไวน์ไฟเตอร์ โดยเงาเหล่านี้นั้นทำให้พื้นที่โดยรอบแตกออกเลย เมื่อพวกมันขยับเข้าใกล้เบอเซิกเกอร์ โดยเงาเหล่านี้นั้นทรงพลังมากจนแม้แต่การ์เดี้ยนไนท์ และชิลวอริเออร์ก็ยังจะตายทันที หากถูกโจมตีเข้าไป ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงเบอเซิกเกอร์อย่างไวน์ไฟเตอร์เลย
“มันจบแล้ว …”
เมื่อเห็นเงาที่ใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว ไวน์ไฟเตอร์ก็หลับตาลงโดยไม่ได้ตั้งใจ ในขณะที่เขากำลังเปิดใช้งานประตูเทเลพอร์ต เขาก็ไม่สามารถจะป้องกันตัวเองได้เลย เพราะการทำแบบนั้นมันจะเป็นการยกเลิกกระบวนการ ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าเขาจะไม่ได้เปิดใช้งานประตูเทเลพอร์ต แต่เขาก็ยังไม่สามารถจะหนีจากการโจมตีที่ทรงพลังแบบนี้ได้แน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้ว เงาเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะมีพลังในระดับมาตราฐานของขั้นสี่เท่านั้น แต่มันยังได้รับการเสริมความแข็งแกร่งด้วยเทคนิคการต่อสู้ขั้นพื้นฐานด้วย
ในขณะที่เงาหลายร่างกำลังจะกลืนกินไวน์ไฟเตอร์ จู่ๆมันก็มีร่างพุ่งลงมาจากด้านบน โดยร่างนี้นั้นแยกออกเป็นสี่ร่างที่เหมือนกัน และทั้งหมดก็พุ่งเข้าใส่เงาเหล่านี้ทันที
Peng… Peng… Peng…
เสียงของอาวุธปะทะกันดังก้องไปทั่วบริเวณประตูเทเลพอร์ต และรอยแยกมิติจำนวนมากก็ปรากฎขึ้นในรัศมีสามสิบหลาบนพื้นดินรอบประตูเทเลพอร์ต และคลื่นกระแทกที่น่าสะพรึงกลัวอันเป็นผลมาจากการปะทะกันก็เกือบจะทำให้ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดที่อยู่ใกล้บางส่วนยืนไม่อยู่
เมื่อฝุ่นของการปะทะกันจางลง มันก็ปรากฎร่างของชายหนุ่มที่ถือดาบใหญ่ขึ้นต่อหน้าแอสซาซินจากไมโทโลจี้ และเนื่องจากแถบ HP ของชายหนุ่มยังคงเต็มอยู่ ดังนั้นมันจึงเห็นได้ชัดเลยว่าการป้องกันการโจมตีจากแอสซาซินของเขานั้นประสบความสำเร็จ
“โซริทารี่ฟรอสต์ ?” ไวน์ไฟเตอร์อดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความสงสัย เมื่อเขาเห็นว่าโซริทารี่ฟรอสต์มาปกป้องเขาไว้
แม้จะอยู่ในสถาะนสูงสุดของตัวเอง แต่ไวน์ไฟเตอร์ก็ยังไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถป้องกันการโจมตีเมื่อครู่จากแอสซาซินได้อย่างสมบูรณ์แบบ อย่างไรก็ตามโวริทารี่ฟรอสต์ในตอนนี้ไม่เพียงแต่จะไม่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของแอสซาซิน แต่โซริทารี่ฟรอสต์ยังป้องกันไม่ให้แอสซาซินผู้นี้ทำอะไรกับไวน์ไฟเตอร์ได้ด้วย พลังการต่อสู้ของโซริทารี่ฟรอสต์ที่เพิ่งปรากฎขึ้นนั้นแตกต่างจากสิ่งที่ไวน์ไฟเตอร์จำได้อย่างสิ้นเชิง
“เขาเองก็ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วเช่นกันหรอ ?” เมื่อคริมสันสตาร์เห็นว่าโซริทารี่ฟรอสต์กำลังแผ่มานาจำนวนมากที่น่ากลัวออกมา ความประหลาดใจและความสับสนก็ปรากฎขึ้นในดวงตาของเธอ
ในกรณีของหยานเซี่ยวเฉียน คริมสันสตาร์ยังคิดว่ามันอยู่ในเกณฑ์ที่เข้าใจได้ที่เธอสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ภายในสามวัน เพราะท้ายที่สุดหยานเซี่ยวเฉียนนั้นเป็นผู้เล่นนักเวทย์ ดังนั้นมันจึงจะทำให้เธอเข้าใจและควบคุมมานาได้ดีกว่าโซริทารี่ฟรอสต์ที่เป็นผู้เล่นระยะประชิดอยู่แล้ว มันจึงพอจะเข้าใจได้ในเรื่องที่เธอสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ในสามวัน
อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขาได้รู้ว่าโซริทารี่ฟรอสต์เองก็ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วเช่นกัน
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่การปลดล๊อคศักยภาพร่างมานากลายเป็นเรื่องง่ายแบบนี้ ?
ในขณะที่คริมสันสตาร์กำลังตกตะลึงและสับสน แอสซาซินที่เป็นหนึ่งในหัวหน้าของไมโทโลจี้ ซึ่งถูกขัดขวางการโจมตีสองครั้งก็รู้สึกมืดมนอย่างมาก ตอนแรกก็หยานเซี่ยวเฉียน ต่อมาก็โซริทารี่ฟรอสต์ เขานั้นอยู่ห่างจากการทำลายแผนการของไวโอเล็ตซอร์ดเพียงแค่หนึ่งก้าวเท่านั้น แต่เขาก็ถูกขัดขวางครั้งแล้วครั้งเล่า
“แซนด์สตอร์มฝั่งฉันมีปัญหา เหล่ารุ่นเยาว์ที่ออกมาต่อต้านในฉันได้ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว แถมมาตราฐานการต่อสู้ของพวกเขาก็สูงมากเช่นกัน พวกเขาไม่ได้อ่อนแอไปกว่าไวน์ไฟเตอร์เลยแม้แต่น้อย และถ้าพวกเขามุ่งเน้นไปที่การเบี่ยงเบนการโจมตีทั้งหมดที่โจมตีเข้าไป ฉันคิดว่า ฉันคงไม่สามารถทำอะไรกับผู้เล่นเหล่านี้ได้ง่ายๆแน่นอน และถ้าแบล๊คเฟรมเข้าร่วมการต่อสู้เมื่อไหร่ ฉันกลัวว่าฉันจะหนีไม่รอด ….” แอสซาซินซึ่งเป็นหนึ่งในหัวหน้ากล่าวผ่านแชททีม
“เนื่องจากการซุ่มโจมตีล้มเหลว ดังนั้นให้ถอยและมารวมกลุ่มกับเราก่อน เราจะมุ่งเน้นไปที่การฆ่าสมาชิกสภาสิบแปดปีก และหอการค้าอาซูให้มากที่สุด” แซนด์สตอร์มสั่งพลางกัดฟันของเขา เมื่อเขามองไปยังซือเฟิงที่ตรึงแอสซาซินอีกห้าคนไว้กับตัวเอง และหลังจากออกคำสั่งจบ แซนด์สตอร์มก็เร่งฝีเท้าของตัวเอง
ก่อนหน้านี้กลุ่มหลักของไมโทโลจี้ได้เปิดเผยตัวตนออกมาโดยเจตนาที่ต้องการจะดึงดูดความสนใจของซือเฟิง และสมาชิกสภาสิบแปดปีกคนอื่นๆ เพราะท้ายที่สุดล้ว ด้วยการที่มีร่างมานาที่ปลดล๊อคศักยภาพได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว มันก็น่าจะช่วยให้การโจมตีของแอสซาซินทั้งหกประสบความสำเร็จได้ อย่างไรก็ตามตอนนี้หอการค้าอาซูกับมีสัตว์ประหลาดที่สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วเช่นกัน การพัฒนาที่ไม่คาดคิดนี้ทำให้แซนด์สตอร์มต้องหวนกลับไปเดินตามแผนเดิมของเขา
“ทุกคนบุกเข้าไป !!! ไม่ต้องรออะไรอีกแล้ว ใช้ทุกอย่างที่มีเลย !!! เราจะกำจัดทีมๆนี้ไปพร้อมกับกลุ่มแอสซาซินของเรา !!!” แซนด์สตอร์มตะโกน ขณะที่เขาเน้นชี้ไปยังสมาชิกสภาสิบแปดปีก
เมื่อเห็นทีมของแซนด์สตอร์มพุ่งเข้าใส่สมาชิกของสภาสิบแปดปีกและหอการค้าอาซู ไวน์ไฟเตอร์ก็อดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความกังวลที่เพิ่มขึ้น
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม เราต้องไม่ปล่อยให้แอสซาซินขั้นสามพวกนั้นกลับไปรวมกับทีมของแซนด์สตอร์มได้ !!! เมื่อผู้นำทีมอย่างเขาเข้าสู่สนามรบ เขาจะสามารถเปิดใช้งานวงเวทย์การต่อสู้ขั้นสูงพร้อมกับหัวหน้าคนอื่นๆได้ !!! ซึ่งถ้าเราปล่อยให้พวกเขารวมกันติด หัวหน้าพวกนี้ก็จะแข็งแกร่งขึ้นมากๆ !!!” คริมสันสตาร์รีบกล่าวเตือนซือเฟิง เมื่อเธอคาดเดาท่าทีของทีมไมโทโลจี้ออก
“ผ่อนคลายน่า ต่อให้พวกนั้นกลับไปรวมกันได้ แต่พวกเขาก็ไม่มีโอกาสที่จะได้รับชัยชนะหรอก” ซือเฟิงกล่าวยืนยันด้วยรอยยิ้ม แม้หลังจากที่เห็นแอสซาซินทั้งหกพยายามถอยกลับไปรวมกับทีมหลัก เขาก็ไม่ได้พยายามไล่ล่า
“แต่ …” คริมสันสตาร์พูดไม่ออก เมื่อเธอเห็นท่าทีเฉยเมยที่ซือเฟิงมีต่อสมาชิกไมโทโลจี้
เธอนั้นรู้ดีว่าสภาสิบแปดปีกได้ส่งผู้เชี่ยวชาญมากกว่าหนึ่งร้อยคนที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วมาเข้าร่วมงานนี้ โดยผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้นั้นก็มีพลังการต่อสู้ที่น่าอัศจรรย์อย่างไม่ต้องสงสัย อย่างไรก็ตามสมาชิกมากกว่าสามสิบคนของกองกำลังแสงสีเงินนั้นก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกัน และด้วยความช่วยเหลือของวงเวทย์การต่อสู้ขั้นสูง แม้แต่ผู้ที่ยังไม่ได้ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ก็ยังจะสามารถแสดงพลังในการต่อสู้ได้แทบจะเทียบเท่ากับผู้ที่ปลดล๊อคศักยภาพได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว นอกจากนี้สมาชิกของไมโทโลจี้ทั้งหมดนี้ยังจัดเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีมาตราฐานการต่อสู้ที่สูงลิ่วอย่างแท้จริง
หากทั้งสองฝ่ายปะทะกันจริงๆ สภาสิบแปดปีกจะไม่ได้มีช่วงเวลาที่ง่ายแน่นอน
“ดี !! กลุ่มของโฟลวลิ่งชาโด้ว นั้นใกล้จะกลับมาแล้ว !! ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม !! ถึงเวลาแล้วที่เราจะให้สภาสิบแปดปีกและหอการค้าอาซูได้รู้ถึงพลังของไมโทโลจี้ !!!” แซนด์สตอร์มกล่าวกับหัวหน้าอีกสามคน เมื่อเขาเห็นกลุ่มของแอสซาซินเข้ามาใกล้ในระยะหนึ่งร้อยหลาแล้ว
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่เราเอง เมื่อเราเปิดใช้งานวงเวทย์การต่อสู้ขั้นสูงแบบเต็มรูปแบบเมื่อไหร่ แม้แต่แบล๊คเฟรมก็ไม่ควรจะคิดว่าจะล้มเราได้ง่ายๆ !!!” การ์เดี้ยนไนท์หญิงที่ยืนอยู่ข้างแซนด์สตอร์มกล่าวพลางพยักหน้า
อย่างไรก็ตามในขณะที่ทีมของไมโทโลจี้กำลังจะกลับมารวมกลุ่มกันได้อีกครั้ง ซือ
เฟิงก็เหลือบไปมองที่อควาโรสซึ่งยืนอยู่ข้างๆเขา
ในการตอบกลับ อควาโรสพยักหน้า และพูดอย่างใจเย็นว่า “เอาล่ะ ทุกคนไม่จำเป็นต้องปกปิดอะไรอีกต่อไป แสดงให้พวกนั้นเห็นถึงพลังของเรากัน !!”
เมื่ออควาโรสกล่าวจบ สมาชิกสภาสิบแปดปีกก็ถอดเสื้อคลุมสีดำของตัวเองออกทันที
คลื่นมานาจำนวนมหาศาลนั้นเข้าท่วมท้นไปทั่วบริเวณทันที และออร่าที่ทรงพลังของทุกคนนั้นก็กวาดผ่านไปทั่วสนามรบจนทำให้สมาชิกของไมโทโลจี้ต้องหยุดชะงักลง และเมื่อเห็นข้อมูลของสมาชิกสภาสิบแปดปีก สมาชิกของไมโทโลจี้ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
ปัจจุบันสมาชิกของสภาสิบแปดปีกทุกคนตรงหน้าของพวกเขาไม่เพียงแต่จะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ทั้งหมดแล้ว แต่พวกเขาทั้งหมดยังมีเลเวลหนึ่งร้อยสิบเจ็ดถึงหนึ่งร้อยสิบแปดทั้งหมด ขณะที่ผู้เล่นระยะประชิดของสภาสิบแปดปีกก็ดูสะดุดตาเป็นพิเศษ เนื่องจากทุกคนสวมใส่เซ็ทอุปกรณ์ระดับดาร์คโกลทั้งหมด
ตอนที่ 2633 สัตว์ประหลาด
“เลเวลนั่น … เป็นไปได้ยังไง ?!”
“นี่พวกเขาเป็นสัตว์ประหลาดรึไงกัน ?!”
ในตอนนี้นับประสาอะไรกับสมาชิกของไมโทโลจี้ แม้แต่สมาชิกของไวโอเล็ตซอร์ดก็ยังเต็มไปด้วยความตกตะลึง เมื่อได้เห็นเลเวลของสมาชิกสภาสิบแปดปีก
ปัจจุบันแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดของมหาอำนาจต่างๆก็ยังมีเลเวลเพียงหนึ่งร้อยสิบสามถึงหนึ่งร้อยสิบสี่เท่านั้น อย่างไรก็ตามในตอนนี้ สมาชิกสภาสิบแปดปีกตรงหน้าของพวกเขานั้น แม้แต่ผู้ที่มีเลเวลต่ำที่สุดก็ยังมีเลเวลหนึ่งร้อยสิบเจ็ด ซึ่งนี่มันเหนือกว่าผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดของมหาอำนาจอย่างมาก
“หัวหน้าทีมแซนด์สตอร์ม ทุกคนตรงหน้าพวกเรานั้นปลดล๊อคศักยภาพร่างมานากันได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว นอกจากนี้มาตราฐานอุปกรณ์ของพวกเขายังค่อนข้างจะสูงมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เล่นระยะประชิด ฉันคิดว่าเราจะต้องใช้เวลาและทรัพยากรจำนวนมากเลยทีเดียวในการฆ่าพวกเขา แถมหากพวกไวโอเล็ตซอร์ดจัดการเรื่องของตัวเองเสร็จเมื่อไหร่ และเข้ามาเสริมกำลังได้ ฉันคิดว่าเรามีสิทจะตกอยู่ในอันตรายได้เลย” เบอเซิกเกอร์ขั้นสามจากไมโทโลจี้กล่าวเตือนแซนสตอร์ม ขณะที่เขามองไปยังสมาชิกของสภาสิบแปดปีกมากกว่าหนึ่งร้อยคนตรงหน้าของเขา
แม้ว่าบรรดาหัวหน้าในทีมของพวกเขาจะสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองกันได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว แต่คนที่เหลือในทีมนั้นยังไม่ใช่ พวกเขาเพียงได้รับความช่วยเหลือจากวงเวทย์การต่อสู้ขั้นสูงเท่านั้น อย่างไรก็ตามแม้ว่าพวกเขาจะมีค่าสถานะพื้นฐานเหนือกว่าสมาชิกสภาสิบแปดปีก แต่พวกเขาก็ไม่ได้เหนือกว่ามากนักเลยเมื่อตัดสินจากมาตราฐานอุปกรณ์ของสมาชิกสภาสิบแปดปีก
หากมันเป็นการต่อสู้แบบตะลุมบอนกัน พวกเขาก็จะไม่ได้มีความได้เปรียบมากนัก โดยเฉพาะกับการต่อสู้แบบตัวต่อตัว นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่าทีมของพวกเขามีสมาชิกมากกว่าสามสิบคนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในขณะที่ฝ่ายสภาสิบแปดปีกมีผู้เล่นโดยรวมมากกว่าหนึ่งร้อยคน ซึ่งไม่ว่าจะมองยังไง พวกเขาก็เสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง
“แม่ง !!! ทุกคนถอย !!!” แซนด์สตอร์มออกคำสั่งด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมืดมนเมื่อเขาจ้องมองไปที่สมาชิกสภาสิบแปดปีกทั้งหมด และหลังจากนั้นเขาก็หันกลับไปบอกการ์เดี้ยนไนท์หญิงกับอีกสามคนว่า “เฟเธอร์ เธอกับหัวหน้าอีกสามคนต่อสู้ต่อไป !!! เราจะฆ่าให้มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ !!! และเราจะถอยทันทีเมื่อกลุ่มของคริมสันสตาร์เปิดใช้งานประตูเทเลพอร์ตเสร็จ !!!”
“รับทราบ !!!” การ์เดี้ยนไนท์หญิงที่ชื่อไวท์เฟเธอร์ไม่ได้คัดค้านการตัดสินใจของหัวหน้าทีมตัวเอง
หัวหน้าในทีมแบบตัวเธอเอง รวมทั้งแซนด์สตอร์มในปัจจุบันนั้นมีพลังการต่อสู้อยู่ในมาตราฐานของขั้นสี่ และด้วยความช่วยเหลือจากวงเวทย์การต่อสู้ขั้นสูงนั้น พวกเขาก็มีค่าสถานะเหนือกว่าสมาชิกสภาสิบแปดปีกมาก และในหมู่สมาชิกของสภาสิบแปดปีกทั้งหมดในปัจจุบันนั้น มันจะมีก็แต่เพียงซือเฟิงที่จะสามารถตรึงพวกเขาได้ อย่างไรก็ตาม หากพวกเขาทั้งห้าแยกกันโจมตีอย่างอิสระ พวกเขาก็น่าจะสามารถฆ่าสมาชิกสภาสิบแปดปีกได้จำนวนหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็ได้ใช้เจ็มสโตนเวทย์กลืนกินขั้นสามอันล้ำค่าไปแล้ว หากพวกเขากลับไปโดยไร้ผลงาน พวกเขาจะถูกลงโทษแน่นอน
เมื่อได้ยินคำสั่งของแซนสตอร์ม ทุกคนนอกเหนือจากเขาและหัวหน้าในทีมทั้งสี่ก็ถอยกลับทันที
อย่างไรก็ตามในขณะที่สมาชิกของไมโทโลจี้กำลังทำแบบนี้นั้น เสียงที่คมชัดก็ดังขึ้นมาที่หูของทุกคน
“อย่าคิดว่าจะหนีไปง่ายๆสิ !!!”
ในช่วงเวลาต่อมาชุดวงเวทย์ก็แผ่ออกมาอย่างรวดเร็วจากใต้เท้าของจ้าวเยว่รู่ โดยเธอได้เรียกบาเรียไฟออกมา ซึ่งมันครอบคลุมรัศมีห้าร้อยหลารอบจ้าวเยว่รู่ และบาเรียนี้ก็กักสมาชิกของไมโทโลจี้ทั้งหมดไว้ข้างใน
“ไอ้เวรเอ้ย !!!” แซนด์สตอร์มตะโกนออกมาด้วยความโกรธ เมื่อเขาเห็นบาเรียไฟปรากฎขึ้น และเขาก็รีบพุ่งตรงไปที่จ้าวเยว่รู่ทันทีด้วยความเร็วในการเคลื่อนที่ที่ทำให้สมาชิกของไวโอเล็ตซอร์ดตกตะลึงมากๆ
แซนด์สตอร์มนั้นมีความเร็วมากกว่าอย่างน้อยสองเท่า หากเทียบกับหนึ่งในหัวหน้าในทีมแอสซาซินที่ลอบโจมตีพวกเขาเมื่อครู่ ในพริบตาเขาก็สามารถก้าวผ่านระยะห้าสิบหลาได้อย่างรวดเร็ว
“ทุกคนระวัง เขาสามารถผสานสเต็ปเท้าขั้นสูงของเขาเข้ากับสกิลเคลื่อนไหวได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว !!! อย่าปะทะกับเขาโดยตรง !!!” ไวน์ไฟเตอร์ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อเห็นความเร็วอันน่าอัศจรรย์ของแซนด์สตอร์ม
ในบรรดาเทคนิคการต่อสู้ประเภทต่างๆที่มีอยู่ ประเภทที่ยากที่สุดคือการผสานรวมสกิลการเคลื่อนไหวเข้ากับสเต็ปเท้า เพราะท้ายที่สุดมันนับเป็นเรื่องที่ท้าทายมากๆ และแม้แต่ในไวโอเล็ตซอร์ด มันก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำได้
ดังนั้นใครก็ตามที่สามารถทำแบบนี้ได้ พวกเขาก็จะสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระเลยผ่านกองทัพนับหมื่น
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าตอนนี้ค่าสถานะพื้นฐานของแซนด์สตอร์มนั้นอยู่ในมาตราฐานของขั้นสี่เลย ซึ่งเมื่อรวมกันทั้งหมดนี้ ยังไงมันก็ไม่น่าจะมีใครหยุดเขาได้แน่นอน
ซึ่งในเวลาเพียงสามวินาที แซนด์สตอร์มก็ฝ่าแนวป้องกันของสภาสิบแปดปีกมาได้ และมาถึงด้านหลังของจ้าวเยว่รู่ จากนั้นเขาก็ฟันดาบสั้นเข้าใส่จากด้านหลังของ Elementalist
“ตายไปซะ !!!” แซนด์สตอร์มตะโกนออกมาในขณะที่โจมตีเข้าใส่จ้าวเยว่รู่
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่การโจมตีของเขากำลังจะโดนจ้าวเยว่รู่ ก็มีร่างหนึ่งโผล่มาเข้าปะทะกับการโจมตีของแซนด์สตอร์ม
ตู้ม !!!
เสียงระเบิดนั้นดังสั่นสะเทือนไปทั่วสนามรบ โดยพื้นที่รอบจุดปะทะนั้นพื้นดินก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ขณะที่คลื่นกระแทกที่เกิดจากการปะทะกันนั้นก็ทำให้ผู้เล่นที่อยู่ในระยะสิบหลาปลิวกระเด็นไปเลย
“เป็นไปไม่ได้ !!! เธอป้องกันมันได้งั้นหรอ ?!!” ไวท์เฟเธอร์ที่เฝ้ามองจากระยะไกลอดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความงุนงง เมื่อเห็นว่าเสวี่ยเหวินโหรวสามารถป้องกันการโจมตีของแซนด์สตอร์มไว้ได้
แม้ว่าแซนด์สตอร์มจะเป็นแอสซาซิน แต่เขาก็มีค่าสถานะพื้นฐานและความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจากผลของวงเวทย์การต่อสู้ขั้นสูง และเจ็มสโตนเวทย์กลืนกินขั้นสาม ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขาตอนนี้นั้นเกินกว่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยายในเลเวลเดียวกันด้วยซ้ำ และเมื่อเขาทำการโจมตี เขาก็ควรจะสามารถผลักดันให้มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายต้องถอยกลับได้ง่ายๆ อย่างไรก็ตามตอนนี้แม้ว่าจะเป็นเพียงผู้เล่นขั้นสาม แต่เสวี่ยเหวินโหรวก็สามารถจะตั้งรับการโจมตีของเขาไว้ได้แบบไม่มีปัญหาใดๆเลย
“สกิลพิเศษ ?!” แซนด์สตอร์มพึมพำ แม้ว่าเขาจะรู้สึกประหลาดใจมากเหมือนกันที่เสวี่ยเหวินโหรวหยุดการโจมตีของเขาไว้ได้ แต่เขาก็รู้เหตุผลอย่างรวดเร็วว่าทำไมเธอถึงทำเช่นนั้นได้ “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าคุณใช้อะไรเพื่อหยุดสกิลของฉัน แต่เนื่องจากมันเป็นสกิล ไม่ใช่เทคนิคการต่อสู้ ดังนั้นมันจะหยุดฉันได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ !!! ฉันปฎิเสธที่จะเชื่อว่า คุณจะสามารถหยุดฉันได้อีกครั้ง !!!”
หลังจากพูดจบแซนด์สตอร์มก็เตรียมพร้อมจะโจมตีอีกครั้ง อย่างไรก็ตามมันราวกับว่าเสวี่ยเหวินโหรวคาดเดาเรื่องนี้ไว้นานแล้ว และเธอก็ได้ทำการสกัดกั้นการโจมตีของเขาด้วยการโจมตีติดกันสี่ครั้งของเธอทันที
Will of Light!
Four Extreme Slashes!
ตู้ม ! ตู้ม ! ตู้ม ! ตู้ม !
แซนด์สตอร์มตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อการแทรกแซงของเสวี่ยเหวินโหรว โดยใช้ดาบสั้นของเขาป้องกันการโจมตีทั้งสี่ครั้งอย่างรวดเร็ว และทุกการโจมตีที่เขาป้องกันนั้นมันก็บังคับให้เขาต้องถอยไปหนึ่งก้าว
“นี่คุณใช้สกิลของตัวเองหมดรึยัง ?” แม้ว่าแซนด์สตอร์มจะถูกบังคับให้ต้องถอยไปสี่ก้าว แต่เขาก็ยังคงแสดงออกอย่างสงบ จากนั้นเขาก็ยิ้มเยาะ และพูดว่า “ถ้าหมดแล้ว มันจะได้ถึงตาฉันสักที !!!”
อย่างไรก็ตามเมื่อแซนด์สตอร์มกล่าวจบ เสวี่ยเหวินโหรวก็ยก Glorious Will ขึ้นเหนือหัวของเธอและเริ่มโจมตีอีกครั้ง ในเวลาเดียวกันร่างของเธอก็แผ่ออร่าศักสิทธิ์ออกมาจนมันไปปราบปรามแม้แต่พื้นที่รอบตัวเธอ
“หายไปซะ !!!” เสวี่ยเหวินโหรวตะโกน ขณะที่เธอเหวี่ยง Glorious Will เข้าใส่แซนด์สตอร์ม
หลังจากนั้นแสงที่ดูไร้ที่สิ้นสุดก็ได้เข้ากลืนกินแซนด์สตอร์ม
Myth of Light!
ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว เสวี่ยเหวินโหรวได้กำจัดทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้าเธอที่อยู่ในระยะหนึ่งร้อยหลา และแม้แต่พื้นที่ก็ยังแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
สำหรับแซนด์สตอร์ม เขาปลิวกระเด็นไปมากกว่าหนึ่งร้อยหลา และ HP ของเขาก็ลดลงต่ำกว่าห้าสิบเปอเซ็นต์ ขณะที่ร่างของเขาก็ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก และเมื่อร่างของเขากระแทกกับพื้น แรงกระแทกมันก็ทำให้เกิดปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่
เมื่อได้เห็นฉากนี้ ทุกคนก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง โดยเฉพาะสมาชิกของไวโอเล็ตซอร์ดและไมโทโลจี้ที่อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
“นี่สภาสิบแปดปีกซ่อนไพ่ไว้กี่ใบกันแน่ ?” คริมสันสตาร์พึมพำออกมาอย่างดัง ขณะที่เธอจ้องมองไปที่เสวี่ยเหวินโหรว
ตอนแรกก็ซือเฟิง ต่อมาก็เสวี่ยเหวินโหรว
เสวี่ยเหวินโหรวเห็นได้ชัดว่ามีมาตราฐานการต่อสู้อยู่ในขอบเขตอนันต์เท่านั้น แต่ในแง่ของค่าสถานะพื้นฐานนั้นเธอด้อยกว่าแซนด์สตอร์ม ยิ่งไปกว่านั้นแซนด์สตอร์มยังปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของเขาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว ซึ่งข้อได้เปรียบเพียงอย่างเดียวที่เธอมีนั้นก็คือเธอมีเลเวลหนึ่งร้อยสิบแปด และไม่ว่าจะมองยังไงคริมสัน
สตาร์ก็คิดว่าเสวี่ยเหวินโหรวไม่ควรจะเทียบกับแซนด์สตอร์มได้
อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุด เสวี่ยเหวินโหรวก็ใช้การเคลื่อนไหวเพียงแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้นในการทำให้แซนด์สตอร์มปลิวกระเด็นไป และบาดเจ็บสาหัส โดยเฉพาะการโจมตีที่เธอใช้ในครั้งสุดท้ายนั้นมันเทียบได้กับการโจมตีที่ซือเฟิงใช้โจมตีหัวหน้าภูมิภาคทั้งสองเลย
“เฟเธอร์ เราจะทำยังไงกันดี ? ตอนนี้แซนด์สตอร์มก็บาดเจ็บหนักแล้ว แถมด้านของสภาสิบแปดปีกก็ยังมีซินฟูลเฟรมจากหอการค้าอาซูอยู่ด้วย ฉันกลัวว่าแค่พวกเราสี่คนจะไม่สามารถทำเรื่องนี้ได้สำเร็จ …” Elementalist ขั้นสามที่ยืนอยู่ข้างไวท์เฟเธอร์ถาม เมื่อเขาเห็นว่าในตอนนี้แซนด์สตอร์มต้องดิ้นรนอย่างหนักที่จะเอาชีวิตรอด และด้วยสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้ พวกเขาก็จะไม่ได้รับอะไรเลย หากฝืนสู้ต่อไป
จากหัวหน้าทั้งห้าที่มีส่วนร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้ แซนด์สตอร์มเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขาแล้ว ในขณะที่ไวท์เฟเธอร์มาเป็นอันดับสอง ซึ่งในตอนนี้เมื่อแซนด์
สตอร์มได้รับบาดเจ็บสาหัส ไวท์เฟเธอร์จึงจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการบัญชาการต่อ
“เราจะถอย !! ความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีกนั้นเกินความคาดหมายเราไปมาก !!! เราต้องรายงานเรื่องนี้ต่อรองผู้บัญชาการโดยเร็วที่สุด !!!”
“แต่บาเรียไฟล่ะ ?” Elementalist ขั้นสามถามขณะที่เขามองไปยังบาเรียไฟรอบเขา
“ถ้าฉันใช้ไพ่ของฉัน เราก็น่าจะฝ่าไปได้ และเมื่อมันหายไป ทุกคนก็จะต้องถอยด้วยความเร็วเต็มที่ !!!” ไวท์เฟเธอร์ออกคำสั่ง
“เข้าใจแล้ว ฉันจะให้ทุกคนกระจายตัวกัน และวิ่งหนีทันที !!!” Elementalist ขั้นสามกล่าวพลางพยักหน้า
หลังจากนั้นไวท์เฟเธอร์ก็ได้ทำลายบาเรียไฟของจ้าวเยว่รู่ด้วยการเคลื่อนไหวเดียว และหลังจากนั้น เธอกับสมาชิกคนอื่นๆของไมโทโลจี้ก็กระจายตัวกันหนีอย่างรวดเร็วทันที สำหรับสมาชิกสภาสิบแปดปีก พวกเขาก็ตามล่าสมาชิกของไมโทโลจี้ต่อ แต่พวกเขาก็ฆ่าไปได้ไม่ถึงยี่สิบคน แต่อย่างไรก็ตามนี่มันก็รวมไปถึงแซนด์สตอร์ม และหัวหน้าอีกสองคนในทีมด้วย ซึ่งนี่มันก็นับว่าสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงได้อย่างมากให้กับกองกำลังแสงสีเงินของไมโทโลจี้
หลังจากนั้นผลลัพธ์ของการต่อสู้ครั้งนี้ก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองไวโอเล็ตไลท์อย่างรวดเร็ว และมันก็ทำให้ทุกคนที่ได้ยินมันสั่นสะเทือนมากๆ
ตอนที่ 2634 ชื่อเสียงแพร่กระจายไปทั่วทวีปด้านตะวันตก
กองกำลังแสงสีเงินนั้นเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของไมโทโลจี้ และแม้ว่ามันจะมีสมาชิกไม่มากนัก แต่สมาชิกทุกคนก็ล้วนมีพลังในการต่อสู้ที่น่าอัศจรรย์ ยิ่งไปกว่านั้นผู้เชี่ยวชาญทุกคนในกองกำลังนี้ล้วนมีวงเวทย์การต่อสู้คอยช่วยในการต่อสู้ และตลอดเวลาที่ผ่านมา กองกำลังแสงสีเงินนั้นก็เป็นตัวตนที่มหาอำนาจต่างๆหวั่นเกรงอย่างมาก
ในขณะเดียวกันแม้ว่าเมืองไวโอเล็ตไลท์จะเป็นเมืองกิลที่ถูกก่อตั้งร่วมกันโดยไวโอเล็ทซอร์ดและไมโทโลจี้ แต่เนื่องจากมันมีมหาอำนาจหลายกลุ่มที่เป็นพันธมิตรกับซุเปอร์กิลเหล่านี้ ดังนั้นมันจึงมีสมาชิกของมหาอำนาจมากมายหลายกลุ่มอยู่ในเมืองนี้
ข่าวเรื่องความพ่ายแพ่ของทีมแซนด์สตอร์มนั้นทำให้เกิดการพูดคุยกันอย่างดุเดือดในหมู่ของสมาชิกมหาอำนาจต่างๆที่พักผ่อนอยู่ในเมืองไวโอเล็ทไลท์ บางคนนั้นอดไม่ได้ที่จะสงสัยถึงความถูกต้องของข้อมูลด้วยซ้ำ
ในความเห็นของพวกเขากองกำลังแสงสีเงินของไมโทโลจี้นั้นเป็นดั่งตัวตนที่เป็นอมตะ และในระยะนี้ของเกม พวกเขาก็น่าจะเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของผู้เล่นใน God domain แล้ว ซึ่งการที่กองกำลังนี้จะมาพ่ายแพ่ให้กับกองกำลังของกึ่งมหาอำนาจอย่างสภาสิบแปดปีก มันจะเป็นไปได้อย่างไร ?
….
ในขณะที่มหาอำนาจต่างๆที่ปฎิบัติการอยู่ในเมืองไวโอเล็ทไลท์กำลังพูดคุย และพิจารณากันถึงเรื่องนี้ ไวท์เฟเธอร์ และผู้รอดชีวิตคนอื่นๆจากทีมของแซนด์สตอร์มก็กำลังยืนอยู่ในสถานที่พักกิลในห้องประชุมของไมโทโลจี้ โดยพวกเขาได้รายงานเรื่องนี้ให้กับรุ่นเยาว์ผมขาวตรงหน้าพวกเขา ซึ่งไวท์เฟเธอร์และคนอื่นๆนั้นก็ล้วนจ้องมองมายังรุ่นเยาว์ผมขาวคนนี้อย่างเต็มไปด้วยความเคารพ
ซึ่งนั่นเป็นเพราะรุ่นเยาว์ผมขาวคนนี้นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก นั่นเป็นเพราะเยาวชนผมขาวคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก Prosciutto รองผู้บัญชาการของกองกำลังแสงสีเงิน ซึ่งมีฉายาว่าซิลเวอร์โกสต์
“นี่คุณกำลังบอกว่าสภาสิบแปดปีกมีสมาชิกมากกว่าหนึ่งร้อยคนที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วงั้นหรอ ?” ซิลเวอร์โกสต์ถามอย่างใจเย็น ขณะที่เขาจ้องมองไปยังไวท์เฟเธอร์
“อืม นอกจากนี้ จากการตรวจสอบของเรา ก่อนหน้านี้โซริทารี่ฟรอสต์ และหยานเซี่ยวเฉียนจากหอการค้าอาซูนั้นก็ยังอยู่ห่างจากการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์มากๆ แต่หลังจากได้รับการฝึกพิเศษจากสภาสิบแปดปีก พวกเขากับปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์อย่างรวดเร็ว จนตอนนี้พวกเขามีพลังต่อสู้เทียบเท่ากับไวน์ไฟเตอร์และคริมสันสตาร์แล้ว ….” ไวท์เฟเธอร์ตอบอย่างจริงจังพลางพยักหน้า
“ดูเหมือนว่าสภาสิบแปดปีกจะยังคงมีความลับอยู่มากมายจริงๆ …” Prosciutto กล่าวแสดงความเห็น ขณะที่เขาตกอยู่ในห้วงความคิด
“รองผู้บัญชาการ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะพึ่งเปิดใช้งานประตูเทเลพอร์ตไปเมื่อไม่นานมานี้ ดังนั้นทำไมไม่ให้ฉันจัดทีมใหม่ไปดักรอพวกเขาล่ะ ? ก่อนหน้านี้ที่เราแพ้ สาเหตุหลักๆมันก็มาจากด้านจำนวน หากเรามีคนมากกว่านี้ สภาสิบแปดปีกก็จะไม่มีข้อได้เปรียบเหนือเรามากนัก …” ไวท์เฟเธอร์แนะนำ
ตอนนี้ข่าวความพ่ายแพ้ของกองกำลังแสงสีเงินนั้นแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วมากๆ และพวกเขาจะกลายเป็นที่น่าหัวเราะท่ามกลางหมู่ของมหาอำนาจต่างๆแน่นอน หากพวกเขาไม่รีบจัดการเอาคืนสภาสิบแปดปีกอย่างรวดเร็ว
“นั่นไม่จำเป็น” Prosciutto กล่าวพลางหัวเราะเบาๆ เขากล่าวต่อว่า “เนื่องจากสภาสิบแปดปีกต้องการจะขึ้นมามีชื่อเสียง เราก็จะทำตามความปราถนาของพวกเขา แพร่กระจายข้อมูลทั้งหมดที่ได้รับมาให้เร็วที่สุด ฉันเชื่อว่าจะมีคนมากมายสนใจความลับในการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของสภาสิบแปดปีกแน่นอน”
“รองผู้บัญชาการ แม้ว่าการทำแบบนั้นจะเป็นเรื่องดี แต่ฉันกลัวว่าจะไม่มีใครกล้าลงมือกับสภาสิบแปดปีก และท้ายที่สุดพวกเขาก็จะทำแค่เฝ้าดูสภาสิบแปดปีกเติบโตเท่านั้น …” ไวท์เฟเธอร์กล่าวอย่างเป็นห่วง
“ผ่อนคลายน่า ไม่ช้าก็เร็วเราจะทำเควสที่เทพปีศาจมอบหมายให้เราเสร็จ และในเวลานั้น อาณาจักรหรือจักรวรรดิต่างๆในทวีปหลักก็จะไม่ยอมเป็นเกราะกำบังให้กิลกึ่งมหาอำนาจแค่เพียงกิลเดียวอีกต่อไปแน่นอน ในขณะเดียวกัน ด้วยจำนวนทรัพยากรที่สภาสิบแปดปีกครอบครองอยู่ พวกเขาจะกลายเป็นเป้าหมายของมหาอำนาจต่างๆมากขึ้นเรื่อยๆแน่นอน เมื่อเวลาผ่านไป ดังนั้นเราจึงไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวเลย …” Prosciutto กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เควสนั่นใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้วงั้นหรอ ?” ดวงตาของไวท์เฟเธอร์เปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น เมื่อเธอได้ยินคำพูดของ Prosciutto
มันมีเควสที่สำคัญอยู่สองอย่างในศาลเจ้าเทพปีศาจ และการทำหนึ่งในเควสนั้นให้สำเร็จนั้นจะทำให้เกิดพายุไปทั่วทวีปด้านตะวันตกเลย และไมโทโลจี้ก็ได้เลือกจะท้าทายหนึ่งในเควสนี้แล้ว และแต่เดิมเธอก็คิดว่าพวกเขาน่าจะต้องใช้เวลาในการทำมันให้สำเร็จ
หากพวกเขาทำเควสนี้ได้สำเร็จจริงๆนั้น แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะเคลียร์การทดสอบโหมดฮีโร่ของดินแดนลับโบราณได้ มันก็จะไม่สำคัญอีกต่อไป และสภาสิบแปดปีกก็จะต้องประสบกับการถูกทำลายล้างแน่นอน
“เอาล่ะ รีบไปทำตามที่ฉันบอก นอกจากนี้ให้ส่งคนไปยังทวีปด้านตะวันออกเพื่อแจ้งให้รองหัวหน้ากิลโคลท์ชาโด้วทราบถึงความคืบหน้าของเรื่องนี้ และข้อมูลล่าสุดทั้งหมด เธอน่าจะรู้ดีว่าควรจัดการกับสภาสิบแปดปีกยังไง …” Prosciutto สั่ง
“เข้าใจแล้ว !!!” ไวท์เฟเธอร์ตอบก่อนจะออกจากห้องประชุมไป
ข่าวของสภาสิบแปดปีกที่มีผู้เชี่ยวชาญที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์มากกว่าหนึ่งร้อยคนแล้วได้ถูกแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันก็ได้สร้างชื่อเสียงให้กับสภาสิบแปดปีกขึ้นมาอย่างมากในทวีปด้านตะวันตก ในขณะเดียวกันมหาอำนาจต่างๆในทวีปด้านตะวันตกก็เริ่มเต็มไปด้วยความโลภและอิจฉาสภาสิบแปดปีก ซึ่งมันก็ทำให้กิลกลายเป็นจุดโฟกัสจนมหาอำนาจต่างๆเริ่มสืบสวนข้อมูล
ของกิลทันที
….
ในระหว่างที่ชื่อเสียงของสภาสิบแปดปีกแพร่กระจายไปทั่วทวีปด้านตะวันตกอย่างรวดเร็ว คริมสันสตาร์ก็ได้นำซือเฟิงและคนอื่นๆเข้าสู่การทดสอบโหมดฮีโร่
หลังจากทุกคนเดินผ่านประตูเทเลพอร์ตและเข้ามาในพื้นที่ทดสอบ พวกเขาก็เงียบลงทันที และสีหน้าที่จริงจังกับเคร่งขรึมก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของพวกเขาทุกคน
เหตุผลของเรื่องนี้นั้นก็คือแรงโน้มถ่วงในพื้นที่ทดสอบ เพราะทันทีที่พวกเขาเข้ามาถึงที่นี่มันก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าเหมือนกับน้ำหนักของพวกเขาเพิ่มขึ้นอีกหลายร้อยกิโลกรัม ตอนนี้นับประสาอะไรกับการต่อสู้ แม้แต่การเดินปกติก็ยังนับเป็นเรื่องท้าทายมากแล้ว
นอกจากนี้ในอุโมงค์ที่พวกเขายืนอยู่ในขณะนี้ มันก็มืดอย่างมากจนลดทัศนวิสัยในการมองเห็นของพวกเขาลงไปอย่างมาก ในความเป็นจริงนอกเหนือจากด้านความรู้สึกแล้ว พวกเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าประสาทสัมผัสทั้งห้าของพวกเขานั้นก็ทื่อลงไปอย่างมาก ตอนนี้พวกเขารู้สึกว่ามาตราฐานประสาทสัมผัสทั้งห้าของพวกเขานั้นไม่สามารถเทียบกับผู้เล่นขั้นหนึ่งได้ด้วยซ้ำ
ส่วนที่แย่ที่สุดคือมันมีมอนสเตอร์นับหมื่นที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์อยู่ตรงหน้าของพวกเขา ซึ่งพวกมันมีอาวุธครบมือทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นระยะไกลหรือใกล้ และเมื่อมองไปยังฉากนี้ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงสนามรบโบราณ
….
[นักรบไทรออล] (สิ่งมีชีวิตแห่งความมืด ลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่)
เลเวล 120
HP 100,000,000/100,000,000
[ไทรออลขั้นสูง] (สิ่งมีชีวิตแห่งความมืด แกรนลอร์ด)
เลเวล 121
HP 430,000,000/430,000,000
….
อย่างไรก็ตามก่อนที่ทุกคนจะทันได้คิดหรือสรุปอะไรนั้น เสียงแจ้งเตือนของระบบก็ได้ดังขึ้นมาที่หูของพวกเขา
….
ระบบ : คุณได้ค้นพบพื้นที่การทดสอบโหมดฮีโร่ ….
ระบบ : การทดสอบโหมดฮีโร่ถูกเปิดใช้งาน คุณมีเวลาห้าวันตามธรรมชาติในการเคลียร์การทดสอบ และรางวัลที่คุณจะได้รับมันก็จะขึ้นอยู่กับผลงานของคุณในการทดสอบ
….
“ห้าวัน ?! เราจะผ่านมอนสเตอร์จำนวนมากขนาดนี้ไปได้ยังไงในเวลาห้าวัน ?!” โฟลตติ้งไลท์กำลังสงสัยว่าระบบนั้นเล่นตลกกับพวกเขารึปล่าว เมื่อเขาจ้องมองไปยังนักรบไทรออล และไทรออลขั้นสูงจำนวนมหาศาลตรงหน้าเขา
มอนสเตอร์ในพื้นที่ทดสอบนั้นเป็นมอนสเตอร์ธรรมดา ซึ่งโดยปกติมันจะไม่เป็นภัยคุกคามต่อผู้เชี่ยวชาญมากนัก อย่างไรก็ตามนั่นคือในโลกภายนอก แต่ในพื้นที่ทดสอบนี้นั้นประสาทสัมผัสทั้งห้าของผู้เล่นกับร่างกายล้วนถูกปราบปรามอย่างหนัก และแม้แต่ตัวผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนอย่างตัวเองเขาเองก็แทบจะแสดงพลังการต่อสู้ออกมาได้ไม่ถึงสามสิบเปอเซ็นต์ด้วยซ้ำ ในสภาพแวดล้อมแบบนี้
ในตอนนี้แค่การต่อสู้กับนักรบไทรออลมันก็สร้างปัญหาให้กับเขามากแล้ว ไม่ต้องพูดถึงไทรออลขั้นสูงเลย
ในขณะเดียวกันมันก็มีอยู่เพียงเส้นทางเดียวในพื้นที่การทดสอบ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางจะหลีกเลี่ยงการปะทะกับนักรบไทรออล และไทรออลขั้นสูงเหล่านี้ได้เลย และวิธีเดียวในการที่จะไปถึงบอสในการทดสอบได้ก็คือการฆ่ามอนสเตอร์เหล่านี้และค่อยๆเปิดเส้นทางไป
ในขณะเดียวกันคริมสันสตาร์ และไวน์ไฟเตอร์ซึ่งเริ่มมองโลกในแง่ดีเมื่อได้เห็นความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีก ก็ตกตะลึงไปเช่นกัน เมื่อได้เห็นฉากล่าสุดนี้
“มอนสเตอร์ที่นี่ไม่เพียงแต่จะมีจำนวนมากเท่านั้น แต่พวกมันยังอยู่ใกล้กันมากด้วย และแม้ว่าเราจะเลือกจะหลอกล่อพวกมันมาสักตัวเพื่อฆ่า แต่ฉันก็คิดว่าอีกหลายพันจะตามติดมาแน่นอน นอกจากนี้มอนสเตอร์ทั้งหมดนี้ยังสามารถจะโจมตีในระยะไกลได้ และการต่อสู้กับการหลบหลีกมอนสเตอร์พวกนี้สำหรับพวกเราจะมีปัญหามากแน่นอน” ไวน์ไฟเตอร์ขมวดคิ้ว ขณะที่มองไปยังมอนสเตอร์จำนวนมหาศาลในทางเดินของอุโมงค์ตรงหน้าเขา แม้ว่าเขาจะรู้มานานแล้วว่าการทดสอบโหมดฮีโร่นั้นเป็นเรื่องยาก แต่เขาก็ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะยากขนาดนี้ ด้วยร่างกายของพวกเขาตอนนี้ที่ถูกปราบปรามอย่างหนัก การพยายามต่อสู้กับมอนสเตอร์ทั้งหมดนี้จะเป็นเรื่องยากมากแน่นอน
“ลองมองดูใกล้ๆสิ อาวุธของมอนสเตอร์เหล่านี้นั้นเต็มไปด้วยเอฟเฟคทะลุทะลวง นี่ไม่ต้องพูดถึงแท๊งเกอร์ทั่วไปเลย แม้แต่แท๊งเกอร์ชั้นยอดก็จะแท๊งมอนสเตอร์พวกนี้ได้แค่หยิบมือเท่านั้น และความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็อาจจะนำเราไปสู่ความตายได้เลย และไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นนักเวทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญระยะประชิดชั้นยอดก็จะช่วยเหลือเราได้แค่เล็กน้อยเท่านั้นในเรื่องนี้” คริมสันสตาร์กล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่นที่ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเธอ ขณะที่เธอชี้ไปเป้าไปยังมอนสเตอร์ทั้งหมด “ทางเลือกเดียวของเราคือให้ผู้เล่นระยะไกลของเราคอยโจมตีมอนสเตอร์เหล่านี้ และลดจำนวนของพวกมันลงไปเรื่อยๆ ขณะที่พวกระยะประชิดคอยล่อและแท๊งให้ อย่างไรก็ตาม หากทำแบบนี้ การจะฆ่ามอนสเตอร์เหล่านี้ให้ได้ทั้งหมดในเวลาเพียงห้าวันนั้นมันก็เป็นไปไม่ได้เลย …”
เมื่อได้ยินคำพูดของคริมสันสตาร์ ต้วนฮันซานและผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆของหอการค้าอาซูก็พยักหน้าเห็นด้วย
ผู้เชี่ยวชาญระยะประชิดคนใดที่ยังไปไม่ถึงขอบเขตอนันต์จะถูกฆ่าอย่างรวดเร็วแน่นอน หากพวกเขาพยายามจะต่อสู้กับมอนสเตอร์เหล่านี้ด้วยตัวเองมากกว่าหนึ่งตัว อย่างไรก็ตามตอนนี้ทีมของพวกเขามีผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดน้อยเกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถจะเร่งมือและเข้าต่อสู้ตรงๆได้ ซึ่งการทำตามแบบที่คริมสันสตาร์ว่า มันก็จะเป็นกลยุทธ์ที่ปลอดภัยที่สุด เพียงแต่ว่ามันจะมีประสิทธิภาพต่ำมาก
อย่างไรก็ตามซือเฟิงนั้นไม่ได้คิดแบบนั้น เขาได้ออกคำสั่งให้คริมสันสตาร์ทำการโจมตีด้วยเวทย์ระยะไกลเพื่อดึงดูดมอนสเตอร์ และให้ทุกคนถล่มโจมตีด้วยทุกอย่างที่มีทันที โดยที่เขาและสมาชิกสภาสิบแปดปีกจะทำหน้าที่เป็นแนวหน้าคอยดึงดูดและตรึงมอนสเตอร์ไว้ให้
ซึ่งแผนของซือเฟิงนั้นทำให้คริมสันสตาร์ ไวน์ไฟเตอร์ และผู้เชี่ยวชาญของหอการค้าอาซูหลายคนตกตะลึงมากๆ อย่างไรก็ตามก่อนที่พวกเขาจะทันได้ตอบสนองได้ ซือเฟิงก็ได้สั่งให้ผู้เชี่ยวชาญหนึ่งร้อยคนของสภาสิบแปดปีกเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว และสมาชิกสภาสิบแปดปีกเหล่านี้ก็พุ่งเข้าใส่มอนสเตอร์ทั้งหมดที่อยู่ใกล้ๆโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น