Reincarnation Of The Strongest Sword God 2771-2779
ตอนที่ 2771 ผู้เล่นที่ให้ความรู้สึกแปลกแยก
เมื่อซือเฟิงกล่าวคำถามของตัวเองจบ ความเงียบสงัดก็เข้าปกคลุมไปทั่วห้อง หลังจากนั้นไลฟ์เลสธอร์นและคนอื่นๆก็พากันจ้องมองไปยังยู่หลัวเป็นตาเดียว
นับตั้งแต่พวกเขาเข้ามาถึงที่นี่ พวกเขาก็ได้พบกับเรื่องที่ไม่รู้จักและน่าประหลาดใจมากมาย
อย่างไรก็ตามสิ่งที่พวกเขาทำได้จนถึงตอนนี้ก็คือการเงียบและสังเกตทุกอย่างไปเรื่อยๆเท่านั้น ซึ่งนี่มันรวมไปถึง ผู้เล่นและ NPC ที่อาศัยอยู่ที่นี่ด้วย
ในความคิดของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็น NPC มอนสเตอร์ หรือผู้เล่นที่นี่ ทั้งหมดล้วนให้ความรู้สึกแปลกแยกมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เล่นที่นี่ ซึ่งให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปจากสมาชิกในทีมทั้งหมดของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง
พวกเขารู้สึกราวกับว่าผู้เล่นที่นี่นั้นไม่ใช่ผู้เล่นเลย แต่เป็นผู้อยู่อาศัยดั้งเดิมของโลกนี้มากกว่า ซึ่งมันราวกับว่าผู้เล่นเหล่านี้นั้นได้ยอมรับแล้วว่าโลกเสมือนจริงแห่งนี้เป็นโลกของพวกเขาเอง
ไม่ !!
เพื่อความแม่นยำต้องบอกเลยว่าผู้เล่นเหล่านี้นั้นถือว่าโลกแห่ง God domain แห่งนี้นั้นเป็นโลกแห่งความจริงสำหรับพวกเขา ยิ่งกว่านั้นตัดสินจากพฤติกรรมของผู้เล่นเหล่านี้ มันดูเหมือนว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ในโลกนี้มาเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว ไม่งั้นความรู้สึกแปลกแยกที่พวกเขาแผ่ออกมา มันคงจะไม่เด่นชัดมากขนาดนี้ ….
ความรู้สึกแปลกแยกนี้เป็นความรู้สึกที่ซือเฟิงค่อนข้างคุ้นเคยเป็นพิเศษ เมื่อเขามองไปยังผู้เล่นที่อยู่ในยุคโบราณ เพราะความรู้สึกนี้มันเหมือนกับที่เขารู้สึกได้จากฟีนิกซ์เรนเลย ในตอนที่เขาได้พบกับเธอที่เมืองมังกรไฟ เพียงแต่ว่าฟีนิกซ์เรนนั้นให้ความรู้สึกแปลกแยกมากกว่าคนเหล่านี้อยู่ในระดับหนึ่ง เธอนั้นให้ความรู้สึกที่ว่าเธอเป็นผู้เล่น และไม่ใช่ผู้เล่นในเวลาเดียวกัน มันเป็นอะไรที่แปลกมากๆ ….
ดังนั้นตอนนี้เมื่อเขาได้พบกับผู้เล่นที่ให้ความรู้สึกคล้ายๆกับฟีนิกซ์เรน เขาจึงรู้สึกประหลาดใจมากกว่ามาก เมื่อเทียบกับไลฟ์เลสธอร์นและคนอื่นๆ
อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถจะเปิดเผยความประหลาดใจของตัวเองออกไปได้ เพราะท้ายที่สุดแล้วเรื่องเกี่ยวกับฟีนิกซ์เรนนั้นมันมีความสำคัญมาก ยิ่งไปกว่านั้นในขณะที่เขาและทีมของเขาสังเกตเห็นถึงความแปลกประหลาดและแปลกแยกของผู้เล่นเหล่านี้ ผู้เล่นที่นี่ก็สังเกตเห็นถึงความแปลกประหลาดและแปลกแยกของพวกเขาเช่นกัน ….
นอกจากนี้จากการพูดคุยก่อนหน้านี้กับคูลลิ่งคลาวด์ ซือเฟิงก็ได้รู้อย่างชัดเจนเลยว่าพวกเขานั้นอาศัยอยู่ในโลกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ตามหลักแล้วในตอนที่ชายชราในถ้ำกล่าวว่าที่นี่มันเป็นยุคโบราณของ God domain มันจึงไม่ควรจะมีผู้เล่นอาศัยอยู่ อย่างไรก็ตามตอนนี้ที่นี่ไม่เพียงแต่จะมีผู้เล่นอาศัยอยู่ แต่มันยังมีจำนวนมากมายมหาศาลด้วย
จากการประมาณการเบื้องต้นของเขา มันน่าจะมีผู้เล่นมากว่าห้าล้านคนที่อาศัยอยู่ในเมืองอุกกาบาต ซึ่งนี่มันเทียบเท่ากับระดับของเมืองหลวงของอาณาจักรในยุคปัจจุบันเลย ในขณะเดียวกันคูลลิ่งคลาวด์ก็กล่าวว่า มันมีเมืองหลักแบบนี้อยู่มากกว่าห้าร้อยเมืองในโลกยุคโบราณนี้
หากเมืองอุกกาบาตเป็นเพียงหนึ่งในเมืองหลักของโลกยุคโบราณที่มีผู้เล่นอาศัยอยู่ เมื่อนับรวมกันจริงๆทุกเมืองที่นี่ มันก็จะมีผู้เล่นมากกว่าสองพันห้าร้อยล้านคนเลยที่อาศัยอยู่ที่นี่
กระนั้นมันกับไม่มีมหาอำนาจใดๆในโลกแห่งความจริงที่เฉลียวใจเลยว่ามีผู้เล่นที่เล่นอยู่ในโลกยุคโบราณของ God domain ด้วย
“อืมมม ฉันคงต้องเริ่มที่จะบอกว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่พวกคุณคาดเดาไว้นั่นแหละ ….” เมื่อยู่หลัวเห็นท่าที และรูปลักษณ์ที่ทุกคนมองมายังเธอ การแสดงออกที่สดใสและเต็มไปด้วยความสุขของเธอก็แปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง “ไม่ว่าจะเป็น God domain หรือผู้เล่นที่นี่ ทั้งคู่นั้นล้วนมาจากโลกที่แตกต่างจากเรา !!”
“โลกที่แตกต่าง ?!” โซริทารี่ไนน์หายใจถี่ขึ้น เมื่อได้ยินคำพูดของยู่หลัว “มันเป็นไปได้ยังไงกัน ?!”
แม้ว่าเขาจะมีข้อสงสัย และเริ่มคาดเดาในเรื่องนี้ไว้แล้ว แต่เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง และคิดว่ามันไม่น่าเชื่อมากๆอยู่ดี เมื่อได้ยินคำยืนยันจากปากของยู่หลัวโดยตรง
แม้ว่ามันจะเป็นความจริงที่ว่า God domain นั้นเป็นเกมเสมือนจริงที่ไม่เหมือนใคร แต่มันก็ยังคงจัดว่าเป็นเรื่องไกลตัวที่จะบอกว่าผู้คนจากต่างโลกกำลังเล่นเกมๆนี้กับพวกเขาอยู่ ….
“อืมมม จะพูดว่าพวกเขามาจากโลกที่แตกต่างออกไป มันก็ไม่ถูก ….” ยู่หลัวยิ้ม ก่อนที่เธอจะกล่าวเสริมว่า “พูดตามตรง พวกเขาเป็นคนที่อาศัยอยู่ในโลกที่แตกต่างจากเรา”
“คุณหมายถึงอะไร ?” ซือเฟิงถามอย่างสงสัย
“คุณน่าจะรู้ถึงแผนการอพยพที่เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อนใช่ไหม ?” ยู่หลัวถาม
“แน่นอนเรารู้ ในตอนนั้นเนื่องจากปัญหาการขาดแคลนทรัพยากร และมลภาวะสิ่งแวดล้อมที่เลวร้ายลงไปเรื่อยๆ โลกจึงไม่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ ดังนั้นมันจึงมีการดำเนินการตามแผนอพยพ ฉันได้ยินมาว่ามีหลายคนในเวลานั้นถูกส่งออกไปเพื่อสำรวจจักรวาล และค้นหาดาวเคราะห์ที่สามารถอยู่อาศัยได้” โซริทารี่ไนน์ตอบพลางพยักหน้า “เดี๋ยวก่อนนะ …. คุณกำลังจะบอกว่าผู้เล่นเหล่านี้คือผู้ที่ถูกส่งออกไปงั้นหรอ ?”
“ใช่แล้ว พวกเขาเป็นลูกหลานของนักสำรวจเหล่านั้น …” ยู่หลัวกล่าว “ในตอนนั้น โลกเราได้ค้นพบดาวเคราะห์อื่นที่สามารถอยู่อาศัยได้แล้วหลายดวง อย่างไรก็ตามพวกมันอยู่ห่างจากโลกมากเกินไป และการจะเดินทางไปให้ถึง มันก็ต้องใช้เวลา
นานมากๆ ดังนั้นยานอวกาศจำนวนมากจึงได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เดินทางไปยังดาวเคราะห์ที่สามารถอยู่อาศัยได้ที่ถูกเลือกไว้ โดยยานได้รวบรวมทรัพยากรทุกประเภทของโลก รวมไปถึงเหล่าคนที่โดดเด่นหลายร้อยล้านคนเดินทางไปด้วย ซึ่งยานนั้นก็ถูกสร้างให้มีสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืน และสามารถจะอยู่อาศัยได้จนกว่ายานจะสามารถเดินทางไปถึงดาวเคราะห์เป้าหมายได้ ….
“คนเหล่านี้อาศัยอยู่บนยานอวกาศที่เดินทางระหว่างดวงดาวมาหลายร้อยปีแล้ว ซึ่งนี่มันทำให้คนเหล่านี้มีได้รับประสบการณ์ต่างๆมากกว่าคนโลกอย่างมากในระหว่างการเดินทาง ฉันได้ยินว่าพวกเขาอาศัยอยู่ในอวกาศแบบนี้มานานกว่าหกร้อยปีแล้ว ขณะที่ยานบางลำมีประสบการณ์ชีวิตที่อยู่มามากกว่าเก้าร้อยปีด้วยซ้ำ”
“และจำนวนประชากรบนยานอวกาศเหล่านี้ก็ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเวลาผ่านไป โดนตอนนี้มันก็มีจำนวนประชากรมากกว่าหมื่นล้านคนแล้ว ซึ่งยานอวกาศเหล่านี้นั้นได้รับทรัพยากรจากดาวเคราะห์ต่างๆระหว่างทาง และก็ได้จัดการปรับปรุงอัพเกรดตัวเองไปเรื่อยๆ ณ จุดนี้ยานอวกาศเหล่านี้ไม่ได้ถือว่าเป็นยานอวกาศอีกต่อไป แต่มันเหมือนกับทวีปดวงดาวที่กำลังเดินทางไปเรื่อยๆเพื่อตามหาดาวเคราะห์ที่สามารถอยู่อาศัยได้จริงๆมากกว่า …”
“อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทวีปดวงดาวเหล่านี้นั้นมีทรัพยากรจำกัด ประชากรส่วนใหญ่จึงสามารถอาศัยได้ในโลกเสมือนเท่านั้น มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่มีสิทธิพิเศษในการท่องโลกภายนอก ดังนั้นคนเหล่านี้จึงคุ้นเคยกับโลกเสมือนมากๆ ผู้เล่นมืออาชีพของโลกเรานั้นเทียบไม่ได้กับคนเหล่านี้เลยในเรื่องนี้ เนื่องจากโลกเสมือได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนเหล่านี้ไปนานแล้ว”
“และหลังจาก God domain ถูกเปิดตัว เกมๆนี้ก็กลายเป็นทุกสิ่งของพวกเขา ความเข้าใจที่พวกเขามีต่อ God domain นั้นเหนือกว่าเรามาก”
เมื่อยู่หลัวพูดจบ ความเงียบสงัดก็เข้าปกคลุมห้องเป็นเวลานาน โซริทารี่ไนน์และคนอื่นๆถึงกับอ้าปากค้าง พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า พวกเขาจะไม่รู้เรื่องที่ใหญ่โตเช่นนี้ที่เกิดขึ้นนอกโลก และพูดกันตามตรง ตอนนี้พวกเขาก็จินตนาการไม่ออกเลยว่า การต้องอยู่ในจักรวาลที่กว้างใหญ่เป็นเวลาหลายศตวรรษมันรู้สึกยังไง
“ฉันเข้าใจแล้ว” หลังจากได้ยินคำอธิบายของยู่หลัว ซือเฟิงก็เริ่มตระหนักได้ถึงเหตุการณ์ใหญ่อีกหนึ่งเหตุการณ์ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา ในตอนนั้น God domain ได้เปิดตัวแพ๊คเสริมใหม่แพ๊คหนึ่งโดยไม่มีเหตุผลใดๆ และมันก็จัดเป็นแพ๊คเสริมที่พิเศษที่สุดเท่าที่เคยถูกเพิ่มเข้ามาในเกม
โดยปกติระบบหลักของ God domain จะแจ้งเตือนผู้เล่นก่อนทุกครั้ง ก่อนที่จะมีการเปิดตัวและเพิ่มแพ๊คเสริมใหม่ อย่างไรก็ตามในแพ๊คเสริมนี้นั้นข่าวของมันจะถูกแพร่กระจายไปในโลกแห่งความจริงก่อนที่มันจะถูกเปิดใช้งานจริงด้วย และแม้แต่ชื่อของมันก็ยังถูกเปิดเผย
สงครามโลก !!
คำอธิบายที่มาพร้อมกับประกาศนี้ยังระบุไว้อย่างชัดเจนว่าจะมีหลายโหลเข้าโจมตีทวีปหลักของ God domain ซึ่งเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง โลกเหล่านี้จะทำสงครามกันในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน
ผู้ชนะเท่านั้นที่จะมีชีวิตอยู่ และผู้แพ้จะต้องตาย !!
ประกาศนี้ได้สร้างความปั่นป่วนให้ผู้เล่นนับไม่ถ้วนใน God domain ในตอนที่มันถูกประกาศออกมา และท้ายที่สุดมันก็บีบให้มหาอำนาจต่างๆของทวีปหลักต้องละทิ้งข้อพิพาทและหันมาร่วมมือกันเพื่อจัดการภัยคุกคามจากภายนอกก่อน
ซึ่งมหาอำนาจต่างๆนั้นได้เริ่มเตรียมการทุกอย่างแทบจะทันทีที่มีประกาศออกมา และตราบใดที่แพ๊คเสริมนี้เริ่มขึ้น พวกเขาก็พร้อมจะรับมือและเริ่มการเดินทางแสวงหาโชคครั้งใหม่ของพวกเขาทันที โดยซือเฟิงในตอนนั้นทำเพียงแค่อ่านข่าวสารเท่านั้น เขาไม่ได้มีความแข็งแกร่งมากพอที่จะเข้าไปร่วมวงกับเรื่องนี้ด้วย
เมื่อเห็นการแสดงออกของทุกคน ยู่หลัวก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นออกมา และกล่าวว่า “อย่างไรก็ตามการมาถึงที่นี่ของฉัน มันเป็นอุบัติเหตุ ในขณะที่สำรวจพื้นที่ใต้ดินของเมืองดราก้อนฮาร์ท ตัวฉันนั้นได้เข้ามาติดอยู่ในพายุอวกาศ และเมื่อฉันฟื้นคืนสติกลับมาอีกครั้ง ฉันก็มาอยู่ที่นี่แล้ว ฉันได้ใช้เวลาอยู่ที่นี่มายี่สิบวันแล้ว และแม้ว่าฉันจะอยากกลับไป แต่ก็ไม่สามารถจะทำได้แม้ว่าจะลองฆ่าตัวตาย ให้มอนสเตอร์ฆ่า หรือกระโดดลงไปในพายุอวกาศอื่นๆแล้วก็ตาม สิ่งที่น่าหงุดหงิดที่สุดคือฉันไม่สา
มารถจะล๊อคเอ้าท์ออกจากเกมได้ด้วย”
“คุณไม่สามารถล๊อคเอ้าท์ได้งั้นหรอ ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของยู่หลัว โซริทารี่ไนน์ และคนอื่นๆก็รีบตรวจสอบทันทีว่าพวกเขายังสามารถล๊อคเอ้าท์ได้ไหม เพราะหากพวกเขาทำไม่ได้ นี่จะเป็นปัญหาใหญ่เลย
ปัจจุบันห้องเกมเคบินทั้งหมดนั้นมีพื้นที่จัดเก็บสารอาหารเหลวที่สามารถทำให้ผู้เล่นออนไลน์ได้นานหนึ่งถึงสองเดือนโดยไม่มีปัญหาใดๆ ขณะที่ห้องเกมเคบินตัวใหม่ล่าสุดจะทำให้ผู้เล่นออนไลน์ได้นานราวสามเดือนด้วยซ้ำ และในกรณีที่เกิดเหตุบางอย่างที่ทำให้ผู้เล่นไม่สามารถล๊อคเอ้าท์ออกจากเกมได้ และสารอาหารหมด มันก็จะมีระบบการแจ้งเตือนที่จะช่วยส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาจัดการเรื่องนี้ ดังนั้นผู้เล่นก็ไม่ต้องกลัวว่าจะอดตาย
ถึงกระนั้นนี่ก็ไม่ใช่ข่าวดีเลย ….
“ไม่จริงน่า !! ฉันไม่สามารถจะล๊อคเอ้าท์ออกจากเกมได้ !!!” โซริทารี่ไนน์อดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความวิตกกังวลมากขึ้น นี่มันจะไม่สะดวกกับพวกเขาเลย หากพวกเขาไม่สามารถล๊อคเอ้าท์ออกจากเกมได้ เพราะท้ายที่สุดพวกเขามีหลายอย่างที่ต้องทำมากมายในโลกแห่งความจริง ยิ่งกว่านั้นการออนไลน์ระยะยาวมันก็จะส่งผลต่อร่างกายของพวกเขาในระดับหนึ่งด้วย
พวกเขาไม่สามารถล๊อคเอ้าท์ได้งั้นหรอ ? เมื่อมองไปที่ปุ่ม “ล๊อคเอ้าท์” บนอิน
เตอร์เฟซของระบบของตัวเอง ซือเฟิงก็พบว่ามันยังคงสว่างอยู่ซึ่งมันบ่งบอกว่าเขาสามารถล๊อคเอ้าท์ และออฟไลน์ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
นี่มันเป็นเพราะหินโลกที่อยู่ในกระเป๋าของฉันรึปล่าว ? หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ซือเฟิงก็นึกถึงคำอธิบายของเรื่องนี้ได้เพียงอย่างเดียว ซึ่งนั่นก็คือหินโลก เพราะท้ายที่สุดไอเทมชิ้นนี้มันจะทำให้หลักการของทุกอย่างเป็นไปได้ และนั่นมันก็หมายความว่า มันจะทำให้เขาสามารถก้าวข้ามกฎของโลกได้ ดูเหมือนว่าฉันจะไม่จำเป็นต้องกังวลมากนัก ….
แม้ว่าโลกยุคโบราณของ God domain จะยอดเยี่ยม แต่เขาก็มีหลายสิ่งที่ต้องทำในโลกแห่งความจริง เขาไม่สามารถจะออนไลน์อยู่ในเกมในระยะยาวได้
ด้วยมีหินโลหอยู่กับตัวตอนนี้ มันจึงทำให้ซือเฟิงรู้สึกโล่งใจมากๆ
จากนั้นซือเฟิงก็คุยกับยู่หลัวเกี่ยวกับข้อมูลพื้นฐานของโลกนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับมรดก
หลังจากการพูดคุยกันเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ ไลฟ์เลสธอร์นและคนอื่นๆก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา โลกยุคโบราณของ God domain นั้นแตกต่างออกไปจากโลก God domain ยุคปัจจุบันมากจริงๆ
เมื่อเทียบกับ God domain ยุคปัจจุบัน ผู้เล่นที่อาศัยอยู่ในโลก God domain ยุคโบราณนั้นจะมีช่วงเวลาที่ง่ายกว่ามากในการเลื่อนขั้น และแค่ใช้ทีมที่มีฝีมือในระดับหนึ่ง ผู้เล่นก็จะไม่มีปัญหาเลยในการจะได้รับมรดกขั้นสามที่สมบูรณ์ ในความเป็นจริง หากผู้เล่นมีวัสดุหายากที่เพียงพอจะจ่ายให้ผู้ฝึกสอนขั้นสาม พวกเขาก็สามารถจะนำมันไปเพื่อแลกกับมรดกที่สมบูรณ์ขั้นสามก็ได้ ข้อจำกัดเพียงประการเดียวของวิธีนี้ก็คือ ผู้เล่นจะสามารถแลกเปลี่ยนมรดกได้สูงสุดสามครั้งเท่านั้น
สำหรับเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ แม้ว่ามันจะยากกว่าเควสเลื่อนขั้น ขั้นสามอย่างเห็นได้ชัด แต่มันก็ยังจัดว่าง่ายกว่ามาก เมื่อเทียบกับกระบวนการใน God domain ยุคปัจจุบัน เพราะอย่างน้อยที่สุดผู้เล่นก็ไม่จำเป็นจะต้องไปเสาะแสวงหาดินแดนมรดก พวกเขาสามารถตรงไปหาผู้ฝึกสอนขั้นสี่ และเลือกที่จะท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ของพวกเขาได้เลย จากนั้นพวกเขาก็จะถูกเทเลพอร์ตไปยังดินแดนมรดกขั้นสี่ อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายในการทำแบบนี้มันก็สูงเช่นกัน โดยการจะทำแบบนี้แต่ละครั้งจะต้องจ่ายด้วยคริสตัลเวทย์มนต์หนึ่งหมื่นห้าพันชิ้น และความยากของเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ก็ยังคงเหมือนกับในยุคปัจจุบัน ซึ่งนั่นก็คือผู้เล่นจะต้องเรียนรู้สกิลหรือเวทย์มรดกให้ได้ภายในเวลาที่กำหนด และความล้มเหลว มันก็หมายถึงผู้เล่นจะต้องรออีกยี่สิบวันจึงจะสามารถท้าทายมันได้ใหม่อีกครั้ง
ในเวลานี้มันมีผู้เล่นเพียงสามคนเท่านั้นในเมืองอุกกาบาตที่มาถึงขั้นสี่ได้สำเร็จ
เมื่อได้ฟังมาถึงจุดนี้ ซือเฟิงก็อดจะคิดไม่ได้เลยว่าเขาต้องการจะนำผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม ขอบเขตรวดเร็วดั่งสายน้ำหรือเก่งกาจกว่านั้นทั้งหมดของสภาสิบแปดปีกมาที่นี่ แม้ว่านั่นมันจะหมายถึงการต้องใช้คริสตัลเวทย์มนต์จำนวนมากก็ตาม เนื่องจากมันก็ยังดีกว่าการที่ต้องไปค้นหาดินแดนมรดกแบบสุ่ม แถมความสำเร็จมันก็ยังขึ้นอยู่กับโชคอีกด้วย
หากเรื่องนี้หลุดออกไปในโลก God domain ยุคปัจจุบัน มหาอำนาจทั่วทั้งทวีปจะพยายามทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อรับเอาโอกาสนี้แน่นอน
“ผู้บัญชาการ ฉันขอยืมคริสตัลเวทย์มนต์หนึ่งหมื่นชิ้นหน่อยได้ไหม ?” ไลฟ์เลสธอร์นถาม ขณะที่เขามองไปยังซือเฟิง “ฉันจะจ่ายคืนให้คุณทันทีสองเท่า เมื่อเรากลับไป”
“ผู้บัญชาการ อย่าพึ่งเลือกที่รักมักที่ชัง !!!” โซริทารี่ไนน์กล่าวคัดค้านอย่างรวดเร็ว เขารู้ดีว่าซือเฟิงไม่ได้นำคริสตัลเวทย์มนต์จำนวนมากติดตัวมาที่ยุคโบราณของ God domain ด้วย และทุกๆข้อเสนอกับทุกๆการตัดสินใจของซือเฟิงนั้นมันก็มีผลต่อพวกเขาทั้งหมด
ในขณะเดียวกันหยานย่า และคลีนซิ่งวิสเซิลก็จ้องมองไปยังซือเฟิงด้วยสายตาที่แหลมคมเช่นกัน
“ผ่อนคลายน่า” ซือเฟิงยิ้มออกมา เมื่อเขาเห็นปฎิกิริยาของทุกคน “แม้ว่าฉันจะไม่ได้นำคริสตัลเวทย์มนต์ติดตัวมาด้วยมากนัก แต่ฉันก็ยังมีมันพอที่จะให้พวกคุณแต่ละคนสามารถท้าทายเควสเลื่อนขั้นของตัวเองได้ครั้งหนึ่ง และคุณเองก็สามารถท้าทายได้ด้วย ยู่หลัว ….”
“ฉัน ?” ยู่หลัวตกตะลึง เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง “แต่ฉันไม่ได้มีคริสตัลเวทย์มนต์มากมายขนาดนั้น”
เธอเองก็ปราถนาที่จะท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ของเธอเช่นกัน อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเก็บ และประหยัดคริสตัลเวทย์มนต์ได้เมื่ออาศัยอยู่ในเมืองอุกกาบาต เนื่องจากค่าใช้จ่ายในเมืองนี้ทุกอย่างนั้นเป็นคริสตัลเวทย์มนต์
จนถึงตอนนี้ เธอมีคริสตัลเวทย์มนต์อยู่กับตัวแค่ประมาณสี่พันชิ้นเท่านั้น มันยังคงห่างไกลจากจำนวนหนึ่งหมื่นห้าพันที่ต้องการมาก
“ตราบใดที่คุณช่วยฉันเรื่องหนึ่ง ฉันจะจ่ายค่าตอบแทนให้คุณเป็นคริสติลเวทย์มนต์หนึ่งหมื่นห้าพันชิ้น” ซือเฟิงกล่าวขณะที่เขามองไปยังยู่หลัว
โลกยุคโบราณของ God domain นั้นจัดเป็นขุมทรัพย์ขนาดใหญ่ และมูลค่าของมันก็มีมากกว่าเส้นเลือดแร่เกรด 1 หลายพันล้านเท่า ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกเลยที่ในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิงนั้นสามในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดจะยินยอมร่วมมือกันเพื่อปิดผนึกดินแดนลับเอิร์ธฟอล
หากความลับดังกล่าวรั่วไหลออกไปสู่สาธารณชน ผลที่ตามมามันจะยากที่จะจินตนาการเลย
แน่นอนว่าการได้มาซึ่งทรัพยากรต่างๆของ God domain ในยุคโบราณนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน เนื่องจากสกุลเงินหลักที่ที่นี่ใช้คือคริสตัลเวทย์มนต์ ซึ่งเป็นของหายากในโลกยุคปัจจุบันของ God domain
และในขณะที่ God domain ยุคโบราณนั้นมีคริสตัลเวทย์มนต์มากมาย แต่มันก็เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับผู้เล่น God domain ในยุคปัจจุบันที่จะได้รับคริสตัลเวทย์มนต์จำนวนมากจากที่นี่ เพราะท้ายที่สุดแล้ว God domain ยุคปัจจุบันนั้นจัดว่าล้าหลังกว่ายุคโบราณในเกือบทุกด้าน สำหรับผู้เล่นที่อาศัยอยู่ใน God domain ยุคปัจจุบัน การได้มาเยี่ยมชม God domain ยุคโบราณนั้นมันแทบจะเทียบเท่ากับการที่คนในยุคหินมาเยือนยุคใหม่ โดยผู้เล่นจะต้องทำงานอย่างหนักเพื่อรับเอาคริสตัลเวทย์มนต์จากที่นี่
โชคดีที่มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับผู้เล่นของ God domain ยุคปัจจุบันที่จะมาทำกำไรอย่างมหาศาลที่ยุคโบราณ เพราะมันมีวิธีหนึ่งที่ผู้เล่นของ God domain ยุคปัจจุบันจะสามารถใช้ทำกำไรอย่างมหาศาลที่นี่ได้ ซึ่งนั่นก็คือเรื่องการจัดการปัญหาเกี่ยวกับจิตใจและวิญญาณ เนื่องจากผู้คนใน God domain ยุคโบราณนั้นมีวิธีการรักษาเรื่องจิตใจและวิญญาณที่แย่มากเมื่อเทียบกับในยุคปัจจุบัน จุดนี้มันเห็นได้ชัดเลยจากช่องว่างระหว่างโพชั่นฟื้นฟูค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจที่วางขายในตลาด กับที่ถูกทำโดยคูลลิ่งคลาวด์ ซึ่งเป็นปรมาจารย์นักเล่นแร่แปรธาตุขั้นสูง
ในระยะสั้น มันมีวิธีการเพียงแค่ไม่กี่วิธีสำหรับผู้เล่นในการจะฟื้นฟูค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจ นอกจากนี้โทษจากการตายของที่นี่ มันยังทำให้ผู้เล่นติดสถานะอ่อนแอเป็นเวลานาน ซึ่งทำให้พวกเขาไม่สามารถแสดงความแข็งแกร่งได้อย่างเต็มที่ และนั่นมันก็หมายความว่าวิธีการที่จะช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับจิตใจและวิญญาณนั้นจึงจะมีค่ามากอย่างไม่น่าเชื่อ
“โอเค !!” ยู่หลัวกล่าวเห็นด้วยโดยทันที เธอเข้าใจดีว่าซือเฟิงนั้นพยายามจะช่วยเธอ “คุณต้องการจะให้ฉันทำอะไร ?”
หลังจากนั้นซือเฟิงก็นำคริสตัลแห่งวิญญาณออกมาจากกระเป๋าของเขา และกล่าวว่า “นำคริสตัลแห่งวิญญาณนี้ไปที่บ้านประมูลในตอนนี้เลย คุณเป็นหนึ่งในสมาชิกกองกำลังอัศวินท้องถิ่น ดังนั้นคุณน่าจะสามารถเผยแพร่ข้อมูลของมันได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่บอกไปว่าคริสตัลแห่งวิญญาณนี้ได้ช่วยรักษาแองเจลิก้า เทเรซ่า และมันมีเอฟเฟคในการช่วยเสริมพลังวิญญาณเล็กน้อย ซึ่งสามารถเพิ่มโอกาสในการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ให้สำเร็จได้ คุณทำได้ไหม ?”
“ไม่มีปัญหา ถ้าเรื่องแค่นี้ ฉันสามารถจะเผยแพร่มันออกไปให้คนทั้งเมืองรู้ได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงเลย” ยู่หลัวกล่าวพลางพยักหน้า ขณะที่เธอรับคริสตัลแห่งวิญญาณมาจากซือเฟิง
เธอได้เห็นผลของคริสตัลแห่งวิญญาณมาด้วยตาตัวเองแล้ว ดังนั้นเธอจึงรู้ว่าซือ
เฟิงกำลังพูดความจริงอย่างแน่นอน สำหรับเรื่องที่ว่ามันช่วยเสริมพลังวิญญาณเล็กน้อย และช่วยเพิ่มโอกาสในการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่นั้นมันก็เป็นเพียงผลพลอยได้เท่านั้น เพราะพูดกันตามตรงแล้ว หากวิญญาณของคนๆหนึ่งแข็งแกร่งขึ้น พวกเขาก็จะมีช่วงเวลาที่ง่ายขึ้นในการทำหลายสิ่งอยู่แล้ว ซึ่งที่ซือเฟิงพูดมาทั้งหมด มันจึงไม่ใช่เรื่องโกหกโดยสิ้นเชิง ในขณะเดียวกันการแพร่กระจายข่าวนี้ออกไป มันก็เป็นเรื่องง่ายมากสำหรับเธอที่เป็นสมาชิกของกองอัศวินท้องถิ่น
หลังจากนั้นยู่หลัวก็ออกจากห้องไปเพื่อไปจัดการทุกอย่างตามที่ซือเฟิงต้องการ สำหรับไลฟ์เลสธอร์นและคนอื่นๆ พวกเขาก็ได้แยกย้านกันไปพักผ่อนเพื่อให้ตัวเองกลับเข้าสู่สภาวะสูงสุด และเตรียมพร้อมสำหรับการท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่
เมื่อซือเฟิงอยู่คนเดียวในห้อง เขาก็ได้หยิบคริสตัลความทรงจำออกมาจากกระเป๋าของเขา ซึ่งคริสตัลนี้มันก็ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากคริสตัลคำแนะนำมรดกที่เขาได้รับมาจากการฆ่าโทเดลย่า
เอฟเฟคของห้องนี้มันยอดเยี่ยมมาก และมันก็ทำให้การรับรู้ของฉันดีขึ้นราวสามสิบเปอเซ็นต์ เมื่อเทียบกับโลกภายนอก ซึ่งตอนนี้เมื่อฉันมีเวลาอยู่กับตัวเองแล้ว ฉันก็ควรจะลองดูสักหน่อย ….
หลังจากนั้นซือเฟิงก็หยิบคริสตัลเวทย์มนต์ออกมาหนึ่งร้อยชิ้น และจ่ายมันให้กับคริสตัลความทรงจำที่เป็นคำแนะนำมรดกเพื่อเปิดใช้งานมันทันที
ตอนที่ 2772 ทะลุขีดจำกัด
ภายในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบและมีที่นั่ง …. ขณะที่ซือเฟิงกำลังอัดฉีดมานาของเขาเข้าไปในคริสตัลคำแนะนำมรดกในมือเขา อักษรรูนศักสิทธิ์ และวงเวทย์ก็เริ่มปรากฎขึ้นรอบคริสตัลเรื่อยๆ
ไม่นานหลังจากนั้น มานาภายในห้องก็เริ่มพุ่งหาคริสตัลความทรงจำนี้ ….
หลังจากนั้นคริสตัลก็เปล่งแสงสีน้ำเงินเข้มออกมา และเข้าห่อหุ้มซือเฟิงเอาไว้
ช่างเป็นมรดกที่ทรงพลังจริงๆ !!
ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจ เมื่อเห็นแสงสีน้ำเงินเข้มห่อหุ้มเขา
เนื่องจากเจ้าของมรดกนี้นั้นไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นคนที่รู้จักกันในชื่อนักบุญแห่งโลกน้ำแข็ง คุณภาพของมรดกนี้มันเหนือกว่ามรดกทั่วไปมาก
นอกจากนี้มรดกของนักบุญแห่งโลกน้ำแข็งยังมีคำอธิบายมากมายเกี่ยวกับหลักการทำงานของธาตุน้ำแข็ง และมันก็ยังอธิบายถึงวิธีการพื้นฐานบางอย่างในการสร้างร่างมานาโดยใช้ธาตุน้ำแข็งเป็นพื้นฐาน
คำแนะนำมรดกประเภทนี้มันหาได้ยากอย่างไม่น่าเชื่อใน God domain และในกรณีส่วนใหญ่ คำแนะนำมรดกที่ถูกพบนั้นก็จะเป็นเพียงแค่การสาธิตการปรับใช้องค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ และคำอธิบายบางอย่างเกี่ยวกับหลักการดำเนินงานของพวกมัน
โอกาสที่จะได้พบกับคำแนะนำมรดกที่สาธิตวิธีการสร้างร่างมานานั้นมีน้อยกว่าหนึ่งเปอเซ็นต์ ไม่ต้องพูดถึงคำแนะนำมรดกที่สาธิตวิธีการสร้างร่างมานาของคนระดับนักบุญเลย
ตัวตนระดับนักบุญนั้นเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้เคียงกับเทพ และแทบจะเป็นเทพในสายตาของมนุษย์เลย นักบุญบางคนนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหล่าทวยเทพกลัวอย่างมากด้วยซ้ำ เพราะนักบุญเป็นตัวแทนของสิ่งที่ดีเลิศที่สุดบางอย่างใน God domain และแม้แต่เหล่าทวยเทพก็ไม่สามารถจะเทียบเคียงกับนักบุญในลักษณะพิเศษของพวกเขาได้
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ นักบุญนั้นสามารถจะเป็นเทพได้ แต่เทพไม่สามารถจะเป็นนักบุญได้เสมอไป การจะไปถึงขั้นหกให้ได้นั้นมันไม่ได้จำเป็นที่จะต้องบรรลุด้านใดด้านหนึ่งถึงจุดสูงสุด มันจะมีเกณฑ์ที่แน่นอนที่ตั้งไว้สำหรับผู้ที่ต้องการจะบรรลุขั้นหก แต่แน่นอนว่าเกณฑ์นั้นคืออะไร มันมีเพียงแต่ผู้ที่ไปถึงขั้นหกเท่านั้นที่รู้
ในขณะเดียวกันนักบุญแห่งโลกน้ำแข็งนั้นเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จถึงจุดสูงสุดในการจัดการกับธาตุน้ำแข็งอย่างไม่ต้องสงสัย
แม้แต่เหล่าทวยเทพก็ไม่สามารถจะเทียบเคียงกับนักบุญแห่งโลกน้ำแข็งได้ในเรื่องความเข้าใจ และการจัดการกับธาตุน้ำแข็ง
หลังจากนั้นเวลาก็ค่อยๆผ่านไปทีละวินาที เมื่อซือเฟิงอัดฉีดมานาของเขาเข้าไปมากขึ้น เรื่องทั้งหมดที่ถูกบันทึกไว้ในคริสตัลก็เริ่มไหลเข้าสู่สมองของซือเฟิงมากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ซือเฟิงที่จดจ่ออยู่กับข้อมูลทั้งหมดตลอดเวลาก็รู้สึกทึ่งกับข้อมูลที่เขาได้เรียนรู้
น่าเสียดายจริงๆ ! คำแนะนำมันแทบไม่ได้พูดถึงองค์ประกอบธาตุอื่นนอกจากธาตุน้ำแข็งเลย หากมันมีคำแนะนำขององค์ประกอบธาตุอื่นเทียบเท่ากับองค์ประกอบธาตุน้ำแข็ง ฉันก็คงจะสามารถไปถึงขั้นสุดยอดปรมาจารย์นักเวทย์ได้ในทันที และฉันก็อาจมีโอกาสที่จะยืนหยัดต่อกรกับมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายแบบตัวต่อตัวได้เลย
ซือเฟิงถอนหายใจออกมา แม้ว่าเขาจะรู้สึกเสียดายดังที่กล่าวไปข้างต้น แต่เขาก็รู้สึกมีความสุขกับสิ่งที่เขาได้รับมาทั้งหมดมากๆ
เขาต้องยอมรับเลยว่าตัวตนระดับนักบุญนั้นทรงพลังอย่างแท้จริง และนักบุญที่สามารถควบคุมธาตุๆหนึ่งได้จนถึงจุดสูงสุดนั้นก็น่าทึ่งมากๆ ความเข้าใจของพวกเขาเกี่ยวกับธาตุที่พวกเขาถนัดนั้นมันอยู่ระดับที่สูงจนน่ากลัว
อย่างไรก็ตามในคำอธิบายและสาธิตช่วงท้ายๆของนักบุญแห่งโลกน้ำแข็งนั้นมันซับซ้อนมากๆ และซือเฟิงก็เข้าใจเพียงแค่พื้นผิวของคำพูดของนักบุญแห่งโลกน้ำแข็งเท่านั้น แต่เขายังไม่ได้เข้าใจว่าจะนำไปใช้ในทางปฎิบัติได้อย่างไร
ดังนั้นซือเฟิงจึงเลือกจะเมินเฉยต่อคำอธิบายและการสาธิตในช่วงท้ายๆไปก่อน
แต่ถึงมันจะเป็นแบบนี้ เขาก็ยังสามารถจะพูดได้ว่าเขาได้รับผลกำไรอย่างมหาศาลจากคริสตัลคำแนะนำมรดกนี้ ตอนนี้เขามีความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการ และเรื่องราวของธาตุน้ำแข็งเพิ่มขึ้นมาก และสิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้ก็คือการทดลองความรู้ใหม่ที่เขาได้รู้มา ….
มรดกของนักบุญแห่งโลกน้ำแข็งนี้มันมีความพิเศษอย่างแท้จริง ฉันจะต้องให้ไวโอเล็ตคลาวด์และคนอื่นๆได้ศึกษามันด้วย มันจะเป็นการสูญเปล่าถ้าไปมอบให้กับบางคนที่ไม่มีความสัมพันธ์กับธาตุน้ำแข็งเลย ตอนนี้ซือเฟิงได้ให้ความสำคัญสูงสุดกับคริสตัลคำแนะนำมรดกในมือของเขา
เขาจะไม่ให้ความสำคัญกับมันขนาดนี้เลย หากมันเป็นคำแนะนำมรดกทั่วไป แต่นี่มันแตกต่างออกไป เพราะมันเป็นคำแนะนำมรดกของนักบุญแห่งโลกน้ำแข็งที่อธิบายทุกอย่างเกี่ยวกับธาตุน้ำแข็งไว้อย่างละเอียด และมันก็ต้องบอกเลยว่ามันโชคดีมากจริงๆที่เขาได้มาใช้มันที่นี่ เนื่องจากมันทำให้เขาเข้าใจข้อมูลที่ถูกบันทึกอยู่ภายในได้ราวยี่สิบเปอเซ็นต์เลย หากเขาไปใช้ในโลกยุคปัจจุบันของ God domain เขาอจจะเข้าใจไม่ถึงห้าเปอเซ็นต์ด้วยซ้ำ อันเนื่องมาจากเขามีความสัมพันธ์กับธาตุไฟมากกว่าน้ำแข็ง
ซึ่งมันทำให้ตอนนี้เขามีความเข้าใจเกี่ยวกับธาตุน้ำแข็งแทบจะเรียกได้ว่ามากกว่าธาตุไฟของเขาเลย
หลังจากทำการประมวลข้อมูลของคำแนะนำมรดกนักบุญแห่งโลกน้ำแข็งเรียบร้อยแล้ว ซือเฟิงก็ได้นำน้ำวิญญาณออกมาดื่มไปหนึ่งหยด ซึ่งมันช่วยเพิ่มอัตราการฟื้นฟูค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขา และทำให้สมองของเขาทำงานได้ดีขึ้น หลังจากนั้นเขาก็ได้เริ่มพยายามที่จะทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ของร่างมานาของเขาด้วยการสร้างวงเวทย์ที่เชื่อมโยงและควบคุมร่างมานาในส่วนต่างๆของเขาขึ้นใหม่เพื่อให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น
ก่อนหน้านี้ฉันได้ยืนยันที่จะใช้วิธีการจัดการมานาเพียงวิธีเดียวในการควบคุมวงเวทย์ในร่างมานาของฉัน ในทางกลับกันนักบุญแห่งโลกน้ำแข็งได้สร้างร่างมานาของตัวเองขึ้นมาจากธาตุน้ำแข็ง และใช้วิธีการจัดการมานาหลายวิธีเพื่อรวบรวมและจัดการกับธาตุน้ำแข็ง สำหรับตอนนี้ ฉันควรจะลองทำตามตัวอย่างที่เขาทำ และใช้สักสองวิธีเพื่อจัดการควบคุมวงเวทย์ในร่างมานาของฉัน
หลังจากคิดมาถึงจุดนี้ ซือเฟิงก็ได้เริ่มทำการทดลอง ….
ก่อนหน้านี้เขาเคยควบคุมวงเวทย์บนร่างมานาของเขาตามโครงสร้างร่างมานาของเขา เพราะเขาเชื่อว่านี่มันเป็นวิธีเดียวที่จะใช้จัดการกับมานาในร่างมานาของเขาได้ อย่างไรก็ตามความคิดของเขาก็ได้เปลี่ยนไป หลังจากที่ได้เห็นนักบุญแห่งโลกน้ำแข็งใช้วิธีการจัดการหลายวิธีเพื่อควบคุมวงเวทย์บนร่างมานาของเขา
เมื่อซือเฟิงทำการฝึกนั้น ในตอนที่ใช้สองวิธีในการจัดการมานา เขาทำมันได้สบายๆมาก ดังนั้นเขาจึงได้ลองใช้เป็นสามวิธีแทน และผลปรากฎว่ามันก็ทำให้ร่างมานาของเขาทะลุขีดจำกัดไปได้ถึงหนึ่งร้อยสิบสองเปอเซ็นต์ ซึ่งมันเป็นประสบการณ์และความรู้สึกที่น่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามพอเป็นสามวิธีมันก็ผลาญค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขาไปอย่างรวดเร็วมากๆจนเขาไม่สามารถจะใช้เทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดงได้ด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงเทคนิคมานาเลย
ซึ่งมันทำให้ซือเฟิงได้เลือกที่จะกลับมาใช้การจัดการมานาสองวิธีเหมือนเดิม และระหว่างที่เขาทดลองนั้น อัตราความสำเร็จของร่างมานาของซือเฟิงก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันอัตราการผลาญค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขาก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน
87%… 102%… 99%…
นี่เป็นทางเลือกสุดท้ายที่มันเหมาะกับฉันแล้ว ฉันจะพอใจมากตราบใดที่มันสามารถทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยสามเปอเซ็นต์ได้ จากวิธีการจัดการที่หลากหลายที่ซือเฟิงได้ทดลอง วิธีที่ดีที่สุดนั้นให้ผลลัพธ์ได้สูงสุดที่หนึ่งร้อยสามเปอเซ็นต์ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้พึงพอใจกับมันเลย เพราะท้ายที่สุดเขาได้สัมผัสมาแล้วว่าการได้มีร่างมานาที่ปลดล๊อคศักยภาพได้หนึ่งร้อยสิบสองเปอเซ็นต์นั้นเป็นยังไง ในขณะเดียวกัน หลังจากรวมวิธีการจัดการมานาเมื่อใช้ไลท์ชาโด้วเข้ามาด้วย ซือเฟิงก็ได้ปรับแต่งวิธีการอย่างต่อเนื่องจนทำให้เขาสามารถสร้างสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นชุดวิธีผสมที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในปัจจุบัน
หากวิธีนี้ยังใช้ไม่ได้ผล เขาก็จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้วิธีที่ทำให้ร่างมานาสามารถปลดล๊อคศักยภาพไปได้ที่หนึ่งร้อยสามเปอเซ็นต์
หลังจากคิดได้ดังนี้ ซือเฟิงก็ได้เลือกจะสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่เขาจะเริ่มจัดการวงเวทย์ภายในร่างมานาของเขา
ทันใดนั้นวงเวทย์ก็ค่อยๆทำงานไปทีละวงๆ โดยมันได้ดึงมานารอบห้องมาเพิ่มความหนาแน่นให้กับมานารอบๆตัวเขา
120%… 134%… 157%…
เมื่อความหนาแน่นของมานารอบๆซือเฟิงเพิ่มขึ้น ประสาทสัมผัสทั้งห้าของเขาก็ตอบสนองไวขึ้นมาเล็กน้อย ….
ช่วงเวลาต่อมา วงเวทย์จำนวนมากทั่วร่างมานาของซือเฟิงก็เริ่มมารวมตัวกันเป็นวงเวทย์ขนาดใหญ่พิเศษ
ตู้ม !
ทันใดนั้นการกระเพื่อมของมานาก็กระจายออกมาจากร่างของซือเฟิง และพุ่งไปหากำแพงโดยรอบ จากนั้นมานาภายในห้องนั่งเล่นก็หยุดนิ่ง
อย่างไรก็ตามครู่ต่อมาทุกส่วนของมานาภายในห้องก็ได้มารวมตัวกันรอบๆซือเฟิง และกลายเป็นชั้นหมอกจางๆที่ก่อตัวขึ้นรอบตัวเขา
หากคนๆหนึ่งไม่ได้มีประสาทสัมการรับรู้มานาที่ไวเป็นพิเศษ คนๆนั้นก็จะไม่ได้สังเกตเห็นชั้นของมานที่ควบแน่นไหลผ่านร่างกายของซือเฟิงเลย
ระบบ : ยินดีด้วย ! คุณทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ของคุณได้สำเร็จ !! และได้รับอัตราความสำเร็จหนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์ !!!
ตอนที่ 2773 มานาที่เกินขีดจำกัด
เมื่อได้ยินเสียงของแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นที่หูของเขา ซือเฟิงก็เต็มไปด้วยความสุขมากๆ อัตราความสำเร็จหนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์ ! แน่นอนเลยว่าวิธีการผสานเทคนิคมานาเข้าไปด้วยนั้นเป็นวิธีที่ดี
วิธีการจัดการมานาในตอนที่ใช้ไลท์ชาโด้วนั้นมีความละเอียดอ่อนมากกว่าวิธีที่เขาคิดขึ้นเอง โดยเฉพาะในแง่มุมของการจัดการองค์ประกอบเวทย์มนต์ วิธีการจัดการของเขาใช้แค่สี่ธาตุหลักของเวทย์มนต์เท่านั้น ขณะที่ไลท์ชาโด้วนั้นใช้ครบทุกธาตุ
เนื่องจากความแตกต่างนี้เขาจึงสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาไปได้ถึงหนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์ด้วยวิธีการจัดการสองวิธีแบบนี้ และแม้ว่ามันจะมีความแตกต่างเพียงเจ็ดเปอเซ็นต์ระหว่างสองวิธีนี้ กับสองวิธีก่อนหน้านี้ของเขา แต่นี่มันก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ เพราะท้ายที่สุดหลังจากร่างมานาสามารถทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ได้ ทุกๆหนึ่งเปอเซ็นต์ที่มันเพิ่มขึ้นจะให้การปรับปรุงอย่างมากต่อร่างมานา ดังนั้นความแตกต่างระหว่างร่างมานาที่ปลดล๊อคศักยภาพได้หนึ่งร้อยสามเปอเซ็นต์ กับหนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์จึงเป็นเหมือนความแตกต่างระหว่างสวรรค์และโลก และหลัง
จากนั้นซือเฟิงก็ได้ลองชกพื้นที่ว่างตรงหน้าเขา
ตู้ม !
ทันใดนั้นพื้นที่ว่างตรงหน้าของซือเฟิงที่ดูเสถียรก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ และรอยแยกเชิงพื้นที่ก็ค่อยๆก่อตัวขึ้นจนกระทั่งมันไปสัมผัสกับบาเรียเวทย์มนต์ของห้องนั่งเล่น ก่อนที่ปรากฎการณ์ทั้งหมดนี้จะหยุดลง
มันช่างเป็นผลลัพธ์ที่น่าทึ่งจริงๆ !!!
ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจมากๆ เมื่อเขามองไปยังพื้นที่ตรงหน้าของเขา ร่างมานาของเขามันได้รับการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพอย่างแท้จริงหลังจากที่มาถึงอัตราความสำเร็จหนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์ ตอนนี้แม้แต่การชกตามปกติของเขา มันก็ยังมีพลังของเทคนิคมานาแฝงอยู่เล็กน้อย เขาไม่จำเป็นจะต้องโฟกัสไปที่การปรับเปลี่ยนมานาเพื่อให้ได้เอฟเฟคแบบนี้เลย
หลังจากนั้นซือเฟิงก็ลองหลับตาลง และพยายามจะรับรู้ถึงสภาพแวดล้อมรอบตัวเขาทั้งหมด และแม้ว่าเขาจะหลับตาลงแบบนี้ เขาก็ยังสามารถรับรู้ได้ถึงทุกสิ่งอย่างแท้จริง แม้แต่ฝุ่นผงละเอียดก็ไม่สามารถจะเล็ดรอดการรับรู้ของเขาไปได้
ไม่เพียงแต่ร่างกายทางกายภาพของฉันจะดีขึ้นอย่างน้อยสามสิบเปอเซ็นต์ แต่ประสาทสัมผัสทั้งห้าของฉันมันยังไปถึงจุดสูงสุดใหม่ด้วย และด้วยสถานะปัจจุบัน การรับรู้ของฉันจะด้อยกว่าเจ้าชายปีศาจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ซือเฟิงลืมตาขึ้นพร้อมกับความสุขที่ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขา และแม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถเทียบกับโฟร์เบโร่ได้ในแง่ของร่างกายทางกายภาพและประสาทสัมผัสทั้งห้า แต่เขาก็เข้าใกล้เจ้าชายปีศาจขึ้นมากกว่าเมื่อก่อนอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งนี่มันนับเป็นข่าวที่น่ายินดีสำหรับเขาอย่างไม่ต้องสงสัย ในขั้นต้นเขารู้สึกว่าผู้เล่นขั้นสี่นั้นต้องการอาวุธระดับตำนานจึงจะสามารถต่อกรกับเจ้าชายปีศาจขั้นสี่ได้ เพราะท้ายที่สุดความแตกต่างระหว่างร่างกายทางกายภาพของทั้งสองฝ่ายนั้นมีสูงมาก
อย่างไรก็ตามตอนนี้ซือเฟิงรู้สึกว่ามันมีสิทจะเป็นไปได้ที่ผู้เล่นจะได้รับร่างกายอันน่าทึ่งของเจ้าชายปีศาจขั้นสี่ในตอนที่พวกเขาอยู่ในขั้นสี่
ตอนนี้ร่างมานาของเขานั้นพึ่งจะได้รับการปลดล๊อคศักยภาพมาถึงหนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์เท่านั้น แต่ร่างทางกายภาพของเขาก็ใกล้เคียงกับร่างทางกายภาพของเจ้าชายปีศาจแล้ว หากเขาสามารถผลักดันไปจนตัวเองสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้หนึ่งร้อยยี่สิบเปอเซ็นต์ตามข่าวลือ เขาก็อาจจะมีร่างกายทางกายภาพที่เทียบกับเจ้าชายปีศาจได้
ซือเฟิงนั้นค่อนข้างมั่นใจมากว่าในอนาคตเขาจะสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองไปได้ถึงหนึ่งร้อยยี่สิบเปอเซ็นต์ เนื่องจากเขารู้วิธีในการที่จะทำแบบนั้นแล้ว เขาไม่จำเป็นที่จะต้องเดาสุ่มมั่วๆเพื่อทำอีกต่อไป ….
ตอนนี้ฉันได้มาถึงขีดจำกัดของฉันด้วยการใช้สองวิธีแล้ว ฉันจะต้องเพิ่มค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของฉัน ฉันจึงจะสามารถใช้สามวิธีในการจัดการวงเวทย์ในร่างมานาได้อย่างไหลลื่น ซึ่งวิธีนี้ ฉันก็จะมีโอกาสสูงมากในการจะบรรลุอัตราความสำเร็จหนึ่งร้อยยี่สิบเปอเซ็นต์ และทีนี้ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบของมังกรศักสิทธิ์ หรือเรื่องของ NPC ลึกลับ ทุกอย่างมันก็จะง่ายขึ้นมาก ณ ตอนนี้ความมั่นใจของซือเฟิงนั้นเพิ่มขึ้นมากๆ อย่างไรก็ตามเพื่อความปลอดภัยฉันควรจะรวบรวมชิ้นส่วนดาบโซโลมอนก่อน
ถ้าฉันมีดาบโซโลมอนที่สมบูรณ์ ฉันก็ไม่ต้องกลัวเลย แม้จะต้องต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตขั้นห้าที่แท้จริง หลังจากคิดมาถึงจุดนี้ ซือเฟิงก็รู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องแก้ไขเรื่องราวในยุคโบราณที่เขารับมาให้รวดเร็ว และกลับไปยังยุคปัจจุบันเพื่อเก็บรวบรวมชิ้นส่วนดาบโซโลมอนที่เหลืออีกสองชิ้น ซึ่งก่อนหน้านี้เขายังไม่ได้มีความมั่นใจที่จะไปเก็บรวบรวมมัน อย่างไรก็ตามตอนนี้หลังจากที่ร่างมานาระดับอีปิคของเขาสามารถปลดล๊อคศักยภาพมาได้ถึงหนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์แล้ว มันก็น่าจะทำให้เขาโซโล่กับมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายในเลเวลเดียวกันได้ ซึ่งเขามั่นใจในเรื่องนี้มากเพราะมานาของเขาได้รับการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพไปอย่างมากจากเรื่องนี้
ในขั้นต้นมานาที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างมานาของเขาเป็นเพียงก๊าซ แม้ว่ามันจะมีความหนาแน่นที่สูงอย่างไม่น่าเชื่อก็ตาม อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาระดับอีปิคได้หนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์ มานาที่ไหลอยู่ภายในร่างมานาของเขาก็ได้กลั่นตัวเป็นหมอกทั้งหมด
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังบรรลุสถานะนี้ได้โดยที่เขาไม่จำเป็นต้องจัดการมานาภายนอกเลย เนื่องจากรากฐานทั้งหมดของ God domain คือมานา ดังนั้นความแข็งแกร่งของมานาของผู้เล่นก็ส่งผลอย่างมากต่อพลังการต่อสู้ของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการใช้สกิลและเวทย์ที่ต้องพึ่งมานาเป็นหลัก ซึ่งด้วยความที่มานาของซือเฟิงกลั่นตัวเป็นหมอกแล้วแบบนี้ มันจะทำให้สกิลและเวทย์แข็งแกร่งขึ้นสามสิบถึงห้าสิบเปอ
เซ็นต์เลย และนี่ก็เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้มอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายแข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยายในเลเวลเดียวกันด้วย ….
เพราะร่างกายทางกายภาพและคุณภาพของมานาภายในร่างกายของมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายนั้นเหนือกว่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยายมากๆ ….
ในขณะนี้แม้ว่าร่างกายของซือเฟิงจะยังไม่สามารถเทียบกับมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายได้ แต่คุณภาพของมานาของเขาก็ใกล้เคียงกับพวกมันแล้ว ซึ่งเมื่อรวมกับอาวุธและอุปกรณ์ที่เขาใช้อยู่ทั้งหมด มันก็ทำให้เขาสามารถจะทดแทนช่องว่างทั้งหมดได้ ในขณะที่ซือเฟิงกำลังดื่มด่ำกับมานาที่ได้รับการปรับปรุงของเขา ยู่หลัวก็ติดต่อเขาเข้ามา
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ข้อมูลเกี่ยวกับคริสตัลแห่งวิญญาณได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองอุกกาบาตแล้ว และตอนนี้ทั้งกองกำลังของผู้เล่น และกองกำลังของ NPC ก็ล้วนแสดงความสนใจในคริสตัลนี้ โดยพวกเขาทั้งหมดล้วนขอซื้อมันในราคาที่สูงลิ่ว”
ยู่หลัวกล่าวอย่างตื่นเต้น “ทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามกองกำลังผู้เล่นชั้นยอดของเมืองได้ติดต่อฉันมา โดยบอกว่าพวกเขายินดีที่จะซื้อคริสตัลแห่งวิญญาณในราคาเป็นคริสตัลเวทย์มนต์หนึ่งแสนห้าหมื่นชิ้น”
ถ้ามันเป็น God domain ในยุคปัจจุบัน คริสตัลเวทย์มนต์หนึ่งแสนห้าหมื่นชิ้น จะเทียบเท่ากับเงินหกหมื่นเหรียญทองเลย !!! และนั่นมันก็เป็นเงินที่เพียงพอที่จะติดอาวุธและอุปกรณ์ชั้นยอดให้กับทีมหนึ่งร้อยคนในเมืองอุกกาบาตได้ และคริสตัลเวทย์มนต์หนึ่งแสนห้าหมื่นชิ้นนั้นก็ยังสามารถจะช่วยให้ผู้เล่นคนหนึ่งได้สวมใส่อาวุธและอุปกรณ์ระดับอีปิค เลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบครบเซ็ทด้วย
“นั่นไม่จำเป็น เราได้บอกไปแล้วว่าเราจะประมูลมัน และเราก็จะทำแบบนั้น หากพวกเขาต้องการจะซื้อมัน พวกเขาก็สามารถจะซื้อผ่านการประมูลได้” ซือเฟิงกล่าวพลางส่ายหัว ข้อเสนอเป็นคริสตัลเวทย์มนต์หนึ่งแสนห้าหมื่นชิ้นนั้นมันสูงอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งหากเขานำคริสตัลแห่งวิญญาณไปประมูลใน God domain ยุคปัจจุบัน มันจะเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากแล้ว ถ้าเขาสามารถขายมันได้ในราคาเป็นคริสตัลเวทย์มนต์ห้าหมื่นชิ้น
อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องราวที่แตกต่างออกไปใน God domain ยุคโบราณ ที่วิธีในการจะฟื้นตัวจากสภาพจิตใจและวิญญาณที่อ่อนแอนั้นหายากมากๆ อันที่จริงถนนในเมืองอุกกาบาตนั้นเต็มไปด้วยผู้เล่นที่ติดสถานะอ่อนแอทางจิต และผู้เล่นทั้งหมดก็สามารถพึ่งพาได้แค่มานาที่หนาแน่นในเมืองเพื่อฟื้นตัวอย่างช้าๆเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามเมื่อผู้เล่นติดสถานะอ่อนแอทางจิตอย่างสมบูรณ์นั้น มันก็จะต้องใช้เวลา
นานมากๆในการฟื้นตัว แม้ว่าภายในเมืองจะมีมานาที่หนาแน่นมากก็ตาม
หากผู้เล่นเหล่านี้เต็มใจที่จะอยู่ในเมืองอุกกาบาตโดยไม่ออกไปล่าเลยแม้แต่ครั้งเดียว พวกเขาก็จะต้องใช้เวลาประมาณสองสัปดาห์ในการฟื้นตัวเองให้กลับสู่สถานะสูงสุด แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับผู้เล่นระดับผู้เชี่ยวชาญที่จะไม่ออกไปล่าเป็นเวลานาน เพราะสองสัปดาห์นั้นมันก็เพียงพอแล้วที่จะสร้างช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างผู้เชี่ยวชาญที่ออกไปล่า และไม่ออกไปล่า อันที่จริงการตายสักสองครั้งในแผนที่ล่า มันก็ยังไม่นับว่าเป็นการสูญเสียมากเท่าการหยุดออกไปล่าเป็นเวลาสองสัปดาห์เลย ดังนั้นไอเทมอย่างคริสตัลแห่งวิญญาณที่เป็นไอเทมฟื้นฟูที่ยอดเยี่ยมจึงมีค่ามากสำหรับผู้เล่น และ NPC ใน God domain ยุคโบราณ
ในขณะเดียวกันจุดประสงค์ของเขาที่เลือกจะให้เอาคริสตัลแห่งวิญญาณเข้าประมูลนั่นก็เป็นไปเพื่อหาราคาตลาดของคริสตัลแห่งวิญญาณ เพราะหลังจากทำแบบนี้แล้ว เขาก็จะสามารถเพิ่มผลกำไรสูงสุดที่เขาจะได้รับได้ เขาจำเป็นต้องทำแบบนี้ก็เพราะเขาไม่ได้มีคริสตัลแห่งวิญญาณอยู่ในมือมากนัก และการจะไปเก็บรวบรวมวิญญาณของมอนสเตอร์ที่มีเลเวลสูงกว่าเขาห้าเลเวล รวมทั้งต้องเป็นลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่หรือสูงกว่านั้นมันก็เป็นไปได้ยากมากๆ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าเขาจำเป็นจะต้องใช้คริสตัลบางส่วนเองด้วย
สำหรับตอนนี้เขามีคริสตัลแห่งวิญญาณอยู่สี่สิบสามชิ้น แต่ในทางกลับกันเขามีน้ำแห่งชีวิตอยู่มากมาย ในตอนนี้เขาสะสมมันได้แล้ว 2,764 หยด ซึ่งนี่เป็นผลมาจากการสะสมในระยะยาว และแม้ว่าเขาจะมอบพวกมันจำนวนมากให้กับสมาชิกกิลเพื่อให้ใช้ศิลาจารึกระดับทองแดง และเงิน แต่เขาก็ยังคงมีเหลืออยู่อีกมาก อย่างไรก็ตามผลของน้ำแห่งชีวิตนั้นด้อยกว่าคริสตัลแห่งวิญญาณในระดับหนึ่ง ซึ่งหากคริสตัลแห่งวิญญาณไม่สามารถขายได้ในราคาสูงในตลาด น้ำแห่งชีวิตก็จะเป็นแบบนั้นด้วยเช่นกัน
“แต่ตอนนี้สกายแฟร์ได้ทุ่มสุดตัวที่จะเข้ามาแข่งขันแย่งชิงคริสตัลแห่งวิญญาณ ซึ่งนี่มันจะทำให้ทั้งผู้เล่น และ NPC จำนวนมากเลือกจะถอยไป เพราะความเคารพและกลัวต่อพวกเขาแน่นอน ท้ายที่สุดแล้วนอกจากผู้บัญชาการของสกายแฟร์ มันยังมีข่าวลือว่ามีรองผู้บัญชาการอีกหนึ่งคนของพวกเขามาถึงขั้นสี่แล้ว” ยู่หลัวอธิบาย โดยธรรมชาติแล้วเธอเข้าใจความคิดของซือเฟิงได้อย่างรวดเร็ว
“พวกผู้มีอำนาจต่างๆจะไม่เลือกที่จะต่อสู้กับสกายแฟร์เพื่อแย่งชิงคริสตัลแห่งวิญญาณชิ้นเดียว ถ้าคุณเลือกจะเอามันไปประมูลจริงๆ ฉันกลัวว่ามันจะถูกประมูลไปในราคาไม่สูงมากนัก”
โลกนี้แตกต่างจากโลกที่พวกเขามา เมือง NPC ที่นี่ถูกอยู่ห่างจากกันในระยะที่ไกลมากๆ และหลังจากไปถึงขั้นสี่แล้วเท่านั้น ผู้เล่นจึงจะสามารถเดินทางไปมาระหว่างเมือง NPC ได้โดยไม่ต้องกังวล ผู้ขั้นสามจะสามารถออกไปได้แค่รอบๆเมืองหลักเท่านั้น ซึ่งมันก็หมายความว่าผู้ที่อาศัยอยู่เมืองเดียวันมักจะเจอกันตลอด
ในขณะเดียวกันนักสู้ขั้นสี่นั้นก็ถือเป็นตัวตนที่ทรงพลังอย่างแท้จริงใน God domain แม้แต่ NPC ก็ยังมีความหวาดกลัวต่อตัวตนระดับนี้ ไม่ต้องพูดถึงพวกผู้เล่นเลย หากมีใครคนหนึ่งไปยั่วยุและทำให้ทีมนักผจญภัยสกายแฟร์โกรธ ทั้งกลุ่มที่พวกเขารู้จักก็ไม่ควรคิดที่จะได้ออกจากเมืองไปเก็บเลเวลอีกต่อไป
กองกำลังของผู้เล่นที่มีผู้เล่นขั้นสี่สองคนงั้นหรอ ? ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจกับข้อมูลนี้ เขาไม่เคยคิดเลยว่ากองกำลังของผู้เล่นในยุคโบราณของ God domain จะมีพลังมากถึงขนาดที่มีผู้เล่นขั้นสี่สองคนแล้ว ซึ่งมันมากกว่าสภาสิบแปดปีกอยู่หนึ่งคน แม้ว่าเรื่องการค้นหาดินแดนจะเป็นปัจจัยสำคัญในความแตกต่างนี้ด้วย แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ให้สำเร็จ
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ซือเฟิงก็พูดว่า “งั้นเอาแบบนี้เป็นไง ? ฉันจะเช่าห้องโถงประมูลในบ้านประมูล และจัดการประมูลเล็กๆของเราขึ้น โดยให้ประกาศไปว่าเราจะขายคริสตัลแห่งวิญญาณทั้งหมดห้าชิ้น และน้ำแห่งชีวิตห้าสิบหยด ซึ่งน้ำแห่งชีวิตนี้จะมีผลน้อยกว่าคริสตัลแห่งวิญญาณอยู่ระดับหนึ่ง แต่ให้ผลเหมือนกัน ถ้าเราทำแบบนี้ ทีมนักผจญภัยสกายแฟร์จะไม่สามารถผูกขาดทุกอย่างได้” คำพูดของซือเฟิงทำให้ยู่หลัวประหลาดใจ เธอไม่คิดเลยว่าเขาจะมีไอเทมชิ้นอื่นที่ช่วยในเรื่องนี้นอกจากคริสตัลแห่งวิญญาณด้วย เขามันเป็นขุมสมบัติเดินได้ชัดๆ
ยิ่งไปกว่านั้นหากซือเฟิงทำการขายคริสตัลแห่งวิญญาณ และน้ำแห่งชีวิตจำนวนมาก ทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ก็จะมีปัญหาในการจะผูกขาดไปทุกอย่างแน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้วมันไม่มีทางเลยที่ผู้มีอำนาจต่างๆในเมืองจะยอมได้ เมื่อมีไอเทมแบบนี้ถูกนำออกประมูลขายมากมาย นี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่ว่ามันสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่อีก และท้ายที่สุดแล้วสกายแฟร์ก็ไม่ใช่ผู้มีอำนาจกลุ่มเดียวที่มีนักสู้ขั้นสี่
“โอเค !! ฉันจะรีบไปกระจายข่าวนี้ทันที !!!” ยู่หลัวพยักหน้า จากนั้นเธอก็วางสายไป หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้แจ้งให้ไลฟ์เลสธอร์นและคนอื่นทราบถึงแผนของเขา ก่อนที่เขาจะเดินทางไปเช่าห้องประมูลของเมืองอุกกาบาตด้วยตัวเอง
โดยในระหว่างนี้ยู่หลัวก็ได้ทำการกระจายข่าวนี้ออกไปจนมันทำให้เกิดความปั่นป่วนไปทั่วเมือง
ตอนที่ 2774 ผู้สืบทอดมรดกโบราณ
เมืองอุกกาบาต โรงแรมสกายแฟร์ :
ในฐานะที่ทีมนักผจญภัยสกายแฟร์เป็นหนึ่งในสามกองกำลังผู้เล่นชั้นยอดของเมืองอุกกาบาต โรงแรมสกายแฟร์ของพวกเขาจึงเกือบจะกลายเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นที่สุดในเมืองอุกกาบาต นอกเหนือจากอาคารนี้มันจะมีสิบเก้าชั้นแล้ว มันยังตั้งอยู่บนที่ดินที่ใหญ่ที่สุดบนถนนการค้าสายหลักของเมืองอุกกาบาตที่มีขนาดเท่ากับสนามกีฬาด้วย
และโรงแรมสกายแฟร์นี้ก็จัดเป็นสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมเหมาะแก่การพักผ่อนที่ดีที่สุดในเมืองอุกกาบาตด้วย นอกเหนือจากนี้ราคาของโรงแรมก็ยังจัดว่าค่อนข้างยุติธรรมสำหรับผู้เล่น และ NPC มันจึงทำให้มีผู้คนจำนวนมากเลือกจะเข้ามาพักที่โรงแรมแห่งนี้ โดยความนิยมของโรงแรมแห่งนี้ก็จัดว่าสามารถติดสิบอันดับแรกของถนนสายหลักได้ง่ายๆเลย
แอสซาซินหญิงตัวเล็กที่มีเลเวลหนึ่งร้อยสามสิบเอ็ด และสวมชุดคลุมสีดำที่เป็นอุปกรณ์ระดับอีปิคได้เดินตรงไปที่ชั้นบนสุดของโรงแรมสกายแฟร์ ก่อนที่เธอจะเดินอย่างช้าๆเข้าไปหาชายวัยกลางคนที่กำลังนั่งจัดการข้อมูลหลายสิ่งอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา
ซึ่งชายวัยกลางคนผู้นี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้บัญชาการของทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ ไลอ้อนฮาร์ท และเขาก็เป็นผู้ที่ได้รับฉายาว่าเฟียรี่ไลอ้อนด้วย
“ผู้บัญชาการ ฉันค้นพบคนที่คุณต้องการหาแล้ว คนๆนั้นคือเครอลิค ยู่หลัว จากกองอัศวินท้องถิ่น”
“ข่าวทั้งหมดของเรื่องนี้ล้วนมาจากเธอ และเมื่อไม่นานมานี้เธอก็พึ่งจะประกาศปล่อยข่าวใหม่ออกมาอีกข่าวหนึ่ง โดยเธอบอกว่ามันจะมีงานการประมูลเล็กๆเกิดขึ้นที่บ้านประมูล ซึ่งในงานนั้นจะมีการประมูลขายคริสตัลแห่งวิญญาณห้าชิ้น และสิ่งที่ให้ผลด้อยกว่าคริสตัลแห่งวิญญาณอยู่ระดับหนึ่ง แต่ก็ให้ผลเหมือนกันอย่างน้ำแห่งชีวิตอีกห้าสิบหยด” แอสซาซินหญิงตัวเล็กในชุดคลุมสีดำหยิบคริสตัลความทรงจำออกมา และมอบมันให้กับไลอ้อนฮาร์ท “มันมีบันทึกภาพของเธออยู่ในนี้ อย่างไรก็ตามฉันเชื่อว่าเธอไม่ได้เป็นเจ้าของที่แท้จริงของคริสตัลแห่งวิญญาณแน่นอน เพราะฉันได้ส่งคนไปตรวจสอบแล้ว ผู้ที่เป็นเจ้าของคริสตัลแห่งวิญญาณที่แท้จริงน่าจะเป็นจักรพรรดิดาบขั้นสี่ที่ตามกองอัศวินเข้ามาในเมือง เธอน่าจะได้รับความไว้วางใจจากเขามาให้เผยแพร่เรื่องนี้ออกไป แต่อย่างไรก็ตามเราไม่มีข้อมูลใดๆเกี่ยวกับจักรพรรดิดาบผู้นี้ทั้งในเมืองของเรา และเมืองหลักใกล้เคียงเลย”
“คุณทำได้ดีมาก !!” ไลอ้อนฮาร์ท ผู้บัญชาการของทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ซึ่งสวมชุดเกราะสีแดงเลือด และมีเลเวลหนึ่งร้อยสามสิบสามกล่าว หลังจากที่เขาดูภาพในคริสตัลความทรงจำ จากนั้นเขาก็มองไปยังรองผู้บัญชาการหลายคนที่อยู่ในห้องเดียวกัน และถามว่า “พวกคุณคิดยังไงกับเรื่องนี้ ?”
“จักรพรรรดาบขั้นสี่คนนี้แค่ต้องการจะต่อต้านทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ !!! ราคาที่เราเสนอไปนั้นไม่ได้ต่ำเลย และก็จัดว่าไว้หน้าจักรพรรดิดาบผู้นี้อย่างมาก อย่างไรก็ตามเขากับไม่ไว้หน้าทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ของเราเลย !!!” ชายที่ดูเย็นชาและน่ากลัวซึ่งยืนอยู่ข้างหน้าต่างสูงได้กล่าวออกมาอย่างเย็นชาว่า “ฉันคิดว่าเราจะต้องทำให้คนนอกเหล่านี้ได้รู้ถึงมารยาทและวิธีปฎิบัติตัวในเมืองอุกกาบาต !!! และไอเทมที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่จะต้องไม่ตกไปอยู่ในมือของกองกำลังอื่นในเมือง !!!”
รองผู้บัญชาการอีกสามคนพยักหน้าเห็นด้วยกับชายที่ดูเย็นชาและน่ากลัวที่มีชื่อว่า วินด์เชเซอร์ทันทีที่ได้ยินคำพูดของเขา
แม้ว่าวินเชเซอร์ผู้นี้ที่เป็นอีกหนึ่งรองผู้บัญชาการจะดูไม่เป็นมิตรกับโลกเลย แต่เขาก็มีความภักดี และซื่อสัตย์ต่อทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ และผู้บัญชาการอย่างถึงที่สุด และจุดที่สำคัญที่สุดก็คือชายผู้นี้นั้นพึ่งจะทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้สำเร็จ และกลายเป็นไนท์วอร์คเกอร์ขั้นสี่แล้ว ซึ่งนี่มันทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นอันดับหนึ่งที่เก่งกาจที่สุดในด้านการลอบสังหารของเมืองอุกกาบาต และตอนนี้ทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ของพวกเขาก็จัดว่าเป็นอันดับหนึ่งแล้วด้วยในแง่ของพลังการต่อสู้โดยรวม ….
นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่ทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ของพวกเขาจะก้าวขึ้นมาควบคุมเมืองอุกกาบาตอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นจะให้พวกเขาจะยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้ยังไงกันล่ะ ?
เมื่อคนนอกกล้าจะไม่ไว้หน้าพวกเขาแบบนี้ พวกเขาก็จำเป็นจะต้องทำให้คนนอกได้รับบทเรียนสักหน่อย
แม้แต่จักรพรรดาบขั้นสี่ก็ยังจะไม่สามารถทำอะไรกับเรื่องนี้ได้ เนื่องจากอาชีพไนท์วอร์คเกอร์นั้นจัดเป็นหนึ่งในอาชีพลับขั้นสูงสุดที่มีพลังเวทย์มนต์ และเทคนิคมานาแบบพิเศษ แถมอาชีพนี้ยังสามารถซ่อนตัวในเงาได้ด้วย และเมื่อต้องดักซุ่มโจมตีอาชีพนี้ก็มีสิทจะฆ่าอาชีพสายป้องกันขั้นสี่ได้ในการโจมตีเดียวด้วยซ้ำ ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงจักรพรรดิดาบขั้นสี่เลย
“เราไปคุยกับเขาก่อนดีกว่า ถ้าทั้งสองฝ่ายคุยกันและยอมรับราคาที่พึงพอใจกันได้ มันก็จะได้จบแบบวินๆทั้งสองฝ่าย แต่ถ้าไม่ เราค่อยผลักดันให้ทุกอย่างไปถึงจุดแตกหัก มันก็ยังไม่สาย ….” ไลอ้อนฮาร์ทกล่าวขึ้นมา หลังจากเขาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง
เขาเห็นด้วยกับความคิดของชายที่ดูเย็นชาและน่ากลัวที่เป็นหนึ่งในรองผู้บัญชาการของเขา อย่างไรก็ตามเขาคิดว่ามันออกจะเร็วเกินไปหน่อย หากจะดำเนินการวิธีแบบรุนแรงในทันที
เมื่อได้ยินการตัดสินใจของไลอ้อนฮาร์ท รองผู้บัญชาการทั้งสี่ก็พยักหน้ายอมรับโดยทันที
“คริมสันบีโลว์ ไปตรวจสอบให้หน่อยว่าตอนนี้จักรพรรดาบคนนั้นอยู่ที่ไหน …. ฉันต้องการจะรู้ที่อยู่ของเขาทันที ….” ไลอ้อนฮาร์ทกล่าว ขณะที่เขามองไปยังแอสซาซินหญิงตัวเล็ก
“นี่อยู่กันมาขนาดนี้ผู้บัญชาการยังไม่รู้สไตล์การทำงานของฉันอีกหรอ ?” แอสซาซินหญิงตัวเล็กกล่าวบ่น ก่อนที่เธอจะยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจและกล่าวว่า “ในตอนที่ผู้บัญชาการบอกให้ฉันไปสืบสวนหาข้อมูลเรื่องนี้ทั้งหมด ฉันก็ได้กำหนดเป้าหมายไปที่จักรพรรดิดาบขั้นสี่ไว้แล้ว ตอนนี้เราได้จับตาดูทุกการเคลื่อนไหวของจักรพรรดิดาบขั้นสี่มาพักหนึ่งแล้ว และตอนนี้จักรพรรดิดาบขั้นสี่ก็ได้ไปถึงบ้านประมูลแล้ว ดูจากรูปการณ์แล้ว เขาคงวางแผนจะเช่าห้องประมูลห้องหนึ่งเพื่อจัดงานประมูลตามที่ประกาศนั่นแหละ”
“ยอดเยี่ยม !!!” ไลอ้อนฮาร์ทกล่าวพลางมองไปยังคริมสันบีโลว์ด้วยความพึงพอใจ “ บีโลว์ คุณ และเชเซอร์ไปติดตามเขาไว้อย่างลับๆสักพัก แล้วเดี๋ยวอีกครู่หนึ่งฉันจะตามไปพบกับจักรพรรดิดาบขั้นสี่ผู้นี้ ระหว่างนี้ก็ให้ลองพยายามหาดูเพิ่มเติมด้วยว่าเขามาจากไหน เขาไม่น่าจะอยู่ๆก็โผล่ออกมาจากอากาศได้แน่นอน”
ในความเป็นจริงเขายังคงเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับจักรพรรดิดาบขั้นสี่ผู้นี้
จากการตรวจสอบของทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ในเมืองอุกกาบาต และเมืองใกล้เคียงรอบๆ …. ในตอนนี้นั้นผู้เล่นขั้นสี่นั้นจัดว่าหายากมากๆใน God domain ทั้งหมด และแม้แต่ทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ของพวกเขาเองก็ยังมีผู้เล่นขั้นสี่อยู่แค่สองคนเท่านั้น ขณะที่ในเมืองอื่นๆส่วนใหญ่นอกจากเมืองอุกกาบาตก็จะมีผู้เล่นขั้นสี่อยู่แค่สองถึงสามคนเท่านั้น
“รับทราบ !!” คริมสันบีโลว์ และวินด์เชเซอร์กล่าวด้วยความเคารพ
เมืองอุกกาบาต บ้านประมูล :
ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางการค้าที่ใหญ่ที่สุดของเมืองอุกกาบาต บ้านประมูลนั้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นสถานที่ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของเมือง และเมื่อเทียบกับา้นประมูลในเมืองหลวงของอาณาจักรแล้ว บ้านประมูลที่นี่นั้นมีขนาดใหญ่กว่ามาก นอกจากนี้ที่นี่มันยังมีทั้งเหล่าผู้ซื้อ และผู้ขายจำนวนมาก แถมมันยังมีแม้กระทั่งแร่มานาที่หายากมากๆในโลกยุคปัจจุบันของ God domain วางขายที่นี่เป็นชุดๆด้วย และมันก็มีราคาถูกมากๆ ….
โดยแร่มานานี้ถูกขายเป็นชุด ซึ่งชุดหนึ่งนั้นมีสองร้อยชิ้น และมันมีราคาเป็นคริสตัลเวทย์มนต์เพียงสี่สิบเก้าชิ้นเท่านั้น !!!
ถ้ามันมีราคานี้ในโลกภายนอก ผู้คนจะแย่งกันซื้ออย่างบ้าคลั่งแน่นอน เนื่องจากแร่มานานี้มันเป็นแร่ที่หายากมากๆ และโอกาสที่มันจะปรากฎขึ้นก็ไม่สูงมากนัก ซึ่งในทวีปหลักของ God domain นั้นมันถูกขายในราคาสามสิบเหรียญเงินต่อชิ้นเลย และมันก็หายากมากด้วย ….
“น่าเสียดายที่ฉันไม่สามารถเดินทางไปมาระหว่างสองโลกได้ ไม่เช่นนั้นฉันจะสามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาลแน่นอน และสภาสิบแปดปีกก็จะไม่ขาดแคลนทั้งเงินทุนและทรัพยากรอีกต่อไปในอนาคต” ซือเฟิงคิดและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา เมื่อเขาได้ตรวจสอบไอเทมที่ถูกวางขายในบ้านประมูล
ชายชรานั่นบอกว่าเขาจะสามารถเข้ามาที่นี่ได้แค่ครั้งละสิบคนเท่านั้น และผู้ที่เข้ามาเป็นครั้งแรกนั้นก็จะไม่จำเป็นจะต้องจ่ายใดๆ แต่อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่คิดจะเข้ามาเป็นครั้งที่สอง สาม หรือสี่นั้นล้วนต้องจ่ายทั้งหมด ….
ถ้าราคาที่ต้องจ่ายมันไม่แรงมากนัก เขาก็พอจะรับได้ อย่างไรก็ตามถ้าราคาที่ต้องจ่ายมันแรง ธุรกรรมที่เขาจะสามารถทำได้ระหว่างสองโลกมันก็จะถูกจำกัดลงไปมากๆ
และแม้จะไม่ต้องคิดเรื่องพวกนี้ ซือเฟิงก็ยังไม่สามารถพาคนอื่นมาที่โลกยุคโบราณของ God domain ด้วยได้ง่ายๆอยู่ดี เพราะท้ายที่สุดหากข้อมูลนี้รั่วไหลออกไป มันจะทำให้เกิดความสงครามขนาดใหหญ่ในโลกยุคปัจจุบันของ God domain แน่นอน และด้วยความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีกในตอนนี้ พวกเขาจะไม่มีสิทได้รับแม้เศษเสี้ยวของผลประโยชน์ในเรื่องนี้เลย และเผลอๆพวกเขาอาจจะโดนทำลายล้างเลยด้วยซ้ำ หากไม่ยอมบอกข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้
อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็ไม่ได้เสียเวลามาคิดเรื่องอะไรพวกนี้มากนัก เขาได้เลือกจะใช้คริสตัลเวทย์มนต์ห้าร้อยชิ้นเพื่อเช่าห้องประมูลขนาดเล็กทันที ซึ่งห้องนี้นั้นมันก็มีความจุอยู่ที่ราวสองร้อยคน โดยมันก็ควรจะเพียงพอที่จะใช้ต้อนรับเหล่าผู้มีอำนาจของเมืองอุกกาบาตทั้งหมด
หลังจากซือเฟิงจัดการทุกอย่างเรียบร้อย และรอให้พวกผู้มีอำนาจของเมืองอุกกาบาตมารวมตัวกัน ชายวัยกลางคนซึ่งดูแข็งแกร่งและสวมชุดเกราะสีแดงเลือดก็ปรากฎตัวขึ้น และเดินเข้ามา ….
เมื่อชายคนนี้ปรากฎตัว ทั่วทั้งห้องประมูลก็เงียบไปชั่วขณะ ทุกคนไม่เว้นแม้แต่ NPC ล้วนจ้องมองไปยังชายคนนี้ด้วยความเคารพและหวาดกลัว
“อึก !! เฟียรี่ไลอ้อน !! นี่เขาแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้แล้วงั้นหรอ ?!”
“เขาดูหล่อเหลามากๆ !! เขาดูดียิ่งกว่าในโปสเตอร์ของทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ซะอีก แต่ว่าทำไมผู้มีอิทธิพลสูงแบบเขาถึงมาที่นี่กัน ?”
“เขามาเพราะเรื่องงานประมูลรึปล่าว ?”
ทุกคนนั้นอดไม่ได้ที่จะพูดคุยเกี่ยวกับการปรากฎตัวของไลอ้อนฮาร์ท เพราะท้ายที่สุดแล้วพวกเขาไม่นึกเลยว่าคนอย่างไลอ้อนฮาร์ทจะมาปรากฎตัวขึ้นที่นี่เป็นการส่วนตัว
“ผู้บัญชาการของทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ ! เขามาที่นี่ด้วยตัวเองเลยงั้นหรอ ?!”
แม้แต่ยู่หลัวซึ่งพึ่งจะมาถึงห้องประมูลก็ยังอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง เมื่อได้เห็นไลอ้อนฮาร์ท ….
ไลอ้อนฮาร์ทนั้นก็เปรียบเสมือนกับตัวตนระดับตำนานของเมืองๆนี้ เขาเริ่มต้นจากศูนย์ในโลกที่โหดร้ายแบบนี้ และเอาชนะกิลขนาดใหญ่ต่างๆมาได้หลายกิลจนทีมนักผจญภัยของเขานั้นกลายเป็นกองกำลังของผู้เล่นที่แข็งแกร่งติดสามอันดับแรกของเมืองอุกกาบาต ความสำเร็จที่เขาทำได้นั้นมันเหนือซะยิ่งกว่าทีมนักผจญภัยฮีฟเว่นเบลดของเธอซะอีก
เนื่องจากในทวีปดวงดาวนั้นมีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นมากๆ ดังนั้นทรัพยากรที่จับจ่ายใช้สอยกันในทวีปดวงดาวนั้นจึงจัดว่าอยู่ในระดับที่ตึงมือมากๆ โดยประชากรทั่วไปนั้นไม่สามารถจะเทียบกับกิลใหญ่ๆได้เลยในเรื่องนี้ อันเนื่องมาจากกิลใหญ่ๆนั้นได้รับการสนับสนุนจากผู้มีอิทธิพลของทวีปดวงดาวและได้รับทรัพยากรมาจำนวนมาก ….
ซึ่งด้วยความแตกต่างกันแบบนี้ มันจึงทำให้ประชากรทั่วไปนั้นไม่สามารถจะเทียบกับกิลใหญ่ต่างๆได้เลย นี่ยังไม่นับรวมเรื่องพื้นที่ และสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยที่พวกกิลใหญ่ๆอยู่ ซึ่งมันดีกว่าพื้นที่ และสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยของประชากรทั่วไปมากอีก ….
โดยมันสามารถจะกล่าวได้ตรงๆเลยว่าในทวีปดวงดาวนั้น กิลใหญ่ๆพวกนี้จะสามารถเอาชนะผู้เล่นที่ไม่มีภูมิหลังได้อย่างง่ายดายเลย
ขณะเดียวกันไลอ้อนฮาร์ทนั้นก็เป็นเพียงประชากรทั่วไปของทวีปดวงดาวเช่นกัน อย่างไรก็ตามเขาก็พาตัวเขาเองและทีมนักผจญภัยของเขาก้าวมาถึงจุดนี้ได้ เขาจึงสมควรจะได้รับการยอมรับว่าเป็นตัวตนระดับตำนานของเมือง
หลังจากนั้นชายผู้นี้พร้อมกับผู้ติดตามของเขาก็ได้เดินเข้าไปหาซือเฟิงอย่างรวดเร็ว ….
“คุณคือคนที่ขายคริสตัลแห่งวิญญาณใช่ไหม ?” ไลอ้อนฮาร์ทกล่าวขณะที่มองไปยังซือเฟิง ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อออกมาตรงๆว่า “ฉันเป็นผู้บัญชาการของทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ ฉันคิดว่าคุณคงจะเคยได้ยินเรื่องของฉันมาบ้างแล้ว”
“แน่นอน ว่าแต่คุณมีธุระอะไรกับฉัน ?” ซือเฟิงกล่าวถามอย่างสบายๆ
เขาได้รู้ข้อมูลของไลอ้อนฮาร์ทมาจากยู่หลานแล้ว ชายคนนี้นั้นมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวมากจริงๆ ไม่เพียงแต่เขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนเท่านั้น แต่เขายังอยู่ในขั้นกลางของขอบเขตโดเมนแล้วด้วย ซึ่งคนแบบเขานี้ก็จัดว่าหาได้ยากมากๆ แม้แต่ในโลก God domain ยุคปัจจุบัน นี่ยังไม่นับรวมเรื่องความสามารถในด้านเวทย์มนต์ของเขาอีก เขาเป็นปรมาจารย์นักเวทย์ขั้นสูงเท่ากับซือเฟิง และอยู่ห่างอีกเพียงครึ่งก้าวก็จะกลายเป็นสุดยอดปรมาจารย์เช่นกัน ….
แถมนอกเหนือจากนี้เขายังมีอาชีพลับจากมรดกโบราณพิเศษเป็นอัศวินเลือดด้วย ซึ่งอาชีพของเขานี้จัดว่ามีพลังป้องกันที่แทบจะแข็งแกร่งที่สุดหมู่อาชีพสายป้องกันทั้งหมด โดยนี่มันก็ทำให้เขาได้รับการยอมรับในฐานะสัตว์ประหลาดที่แท้จริงเลย
และมันก็เป็นเพราะพลังป้องกันที่น่ากลัวแบบนี้ของเขานี่แหละที่มันทำให้ทีมนักผจญภัยสกายแฟร์สามารถโจมตีและฆ่ามอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายได้มากมาย ไม่เว้นแม้แต่พวกมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบด้วย …. และนี่มันก็ทำให้ผู้คนบางส่วนถึงกับตั้งฉายาให้เขาเพิ่มอีกอย่างว่ากำแพงเหล็กแห่งเมืองอุกกาบาต ….
“นี่มันไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสำหรับการพูดคุย เราไปหาที่เงียบๆแล้วนั่งคุยกันดีกว่าไหม ?” ไลอ้อนฮาร์ทกล่าว พลางมองไปยังซือเฟิงอย่างพินิจพิเคราะห์ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้พบความพิเศษใดๆเลยในตัวซือเฟิง ดังนั้นเขาจึงเลือกจะปฎิบัติกับซือเฟิงแบบผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ทั่วไป ….
“โอเค ….” ซือเฟิงพยักหน้า ก่อนที่เขาจะมองไปยังพื้นที่ว่างเปล่าที่อยู่ไม่ไกลจากไลอ้อนฮาร์ทและกล่าวว่า “แล้วสองคนนั่นจะไปด้วยไหม ?”
ตอนที่ 2775 ธุรกรรมที่มีมูลค่ามหาศาล
“สองคน ?”
ยู่หลัวมองไปยังซือเฟิงที่มองไปยังพื้นที่ว่างเปล่าอย่างแปลกๆ
เนื่องจากมันไม่มีใครอยู่บริเวณที่ซือเฟิงมองไปเลย และสำหรับตัวเธอเอง แม้ว่าเธอจะขยายขอบเขตการรับรู้ของตัวเองในขอบเขตอนันต์ให้ไปถึงขีดสุดแล้ว แต่เธอก็ยังไม่สามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจ และการผันผวนใดๆของอากาศที่เป็นสัญญาณว่ามีสิ่งมีชีวิตอยู่บริเวณที่ซือเฟิงมองเลย
ผู้เชี่ยวชาญที่เข้าสู่ขอบเขตอนันต์ได้นั้นจะสามารถรับรู้ถึงความผันผวนของอากาศได้ ซึ่งพูดง่ายๆก็คือต่อให้สิ่งมีชีวิตนั้นใช้สกิลซ่อนตัว แต่พวกเขาก็จะยังคงมีการขยับ และหายใจอยู่ ไม่ว่าจะเป็นแบบช้า หรือเร็วก็ตาม ซึ่งมันทำให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์สามารถสัมผัสได้ทันที แม้ว่าจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าก็ตาม
แม้แต่แอสซาซินที่เป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นยอด มันก็ยังเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเข้าใกล้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์ได้ในระยะยี่สิบถึงสามสิบหลาโดยไม่ถูกตรวจพบ โดยทั่วไปแล้วพวกเขาจะสามารถเข้ามาได้ในระยะสามสิบหลาห่างจากผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์เท่านั้นเต็มที่ ผู้เชี่ยวชาญระดับนี้จึงจะไม่รู้ตัว สำหรับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมน พวกเขาจะสามารถเข้าใกล้ในระยะยี่สิบหลาได้โดยที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์ไม่รู้ตัว แต่มันก็แค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น
แต่ตอนนี้มันดูเหมือนว่าซือเฟิงกำลังมองหาคนสองคนที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึงยี่สิบหลา ซึ่งในระยะนี้นั้น แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนก็ไม่น่าจะสามารถปกปิดตัวตนของตัวเองเอาไว้ได้
ไลอ้อนฮาร์ทหรี่ตามองซือเฟิงด้วยความระมัดระวังอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นชื่นชม
“ยอดเยี่ยม ! ตามที่คาดไว้จากผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ที่สามารถเดินทางไปมาระหว่างเมืองหลักได้”
ในครั้งนี้เขาได้พาวินเชเซอร์ และคริมสันบีโลว์มาด้วยเพื่อลองทดสอบซือเฟิง คริมสันบีโลว์ นั้นอยู่ในอันดับสองในทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ในเรื่องการปกปิดตัวตนและซ่อนตัว โดยคริมสันบีโลว์นั้นได้ใช้โดเมนที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองในการช่วยปกปิดและซ่อนตัวตน แถมคริมสันบีโลว์ก็ยังสามารถปกปิดและซ่อนออร่าแห่งชีวิตได้ด้วยโพชั่นพิเศษ
ไม่ต้องพูดถึงผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่สามารถควบคุมโดเมนได้เลย แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ที่มีโดเมนของตัวเองก็ยังยากจะตรวจพบคริมสันบีโลว์ได้ ในระยะที่ใกล้กว่ายี่สิบหลา
แน่นอนว่าคริมสันบีโลว์ก็มีขีดจำกัดของตัวเอง โดยเธอจะสามารถเข้าใกล้เป้าหมายได้มากที่สุดราวสิบเจ็ดไม่ก็สิบหกหลา ซึ่งมันจัดว่าใกล้มากๆ และความสามารถนี้ของเธอ มันก็ทำให้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ก็ยังอิจฉา
สำหรับวินเชเซอร์ เขาทรงพลังมากยิ่งกว่าคริมสันบีโลว์อีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขาทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่เสร็จเรียบร้อย และได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่แล้ว การเข้าสู่สถานะ Stealth ของเขา มันไม่ได้เป็นเพียงการล่องหนหรือการปกปิดออร่าแห่งชีวิตอีกต่อไป แต่จริงๆแล้วมันเป็นการที่เขาได้เข้าสู่พื้นที่เงา ซึ่งพื้นที่เงานี้มันจะไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อสภาพแวดล้อมและทุกอย่างโดยรวมเลย ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้ว เขาจึงเป็นคนที่ไม่สามารถตรวจพบได้ เมื่อเข้าสู่สถานะนี้ ….
สำหรับระยะนั้นเขาก็สามารถขยับระยะเข้าใกล้ได้มากกว่าคริมสันบีโลว์อยู่นิดหน่อยเช่นกัน ซึ่งมันทำให้เขาอันตรายมากๆ ….
แต่ตอนนี้ซือเฟิงกับกำลังเรียกหาทั้งสองคนนั้นโดยตรง กล่าวอีกนัยหนึ่งคือซือเฟิงนั้นได้ค้นพบตัวตนของคริมสันบีโลว์ และวินเชเซอร์แล้วแน่นอน
“บีโลว์ เชเซอร์ คุณสองคนออกมาได้แล้ว …” ไลอ้อนฮาร์ทมองไปยังพื้นที่ว่างที่ซือเฟิงมองและพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่จำเป็นต้องปกปิดตัวตนและซ่อนอีกต่อไปแล้ว”
เมื่อไลอ้อนฮาร์ทกล่าวจบ มันก็มีร่างสองร่างค่อยๆปรากฎขึ้นบริเวณพื้นที่ว่างที่ซือเฟิงมองไปตั้งแต่แรก ซึ่งร่างสองร่างนั้นก็คือวินเชเซอร์ และคริมสันบีโลว์นั่นเอง โดยในเวลานี้ทั้งสองล้วนจ้องมองไปยังซือเฟิงด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความสับสนและประหลาดใจ
“ผู้บัญชาการ ก่อนหน้านี้ฉันได้ทำอะไรที่มันผิดธรรมชาติบ้างรึปล่าว ?” คริมสันบีโลว์อดไม่ได้ที่จะกระซิบถามไลอ้อนฮาร์ท
เธอนั้นพยายามรักษาระยะและทำทุกอย่างให้เป็นธรรมชาติที่สุด แต่กระนั้นซือเฟิงก็ยังคงค้นพบเธอ ซึ่งนี่มันทำให้เธอประหลาดใจมากๆ เพราะท้ายที่สุดแล้วนี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่ผู้เล่นขั้นสี่นอกเหนือจากผู้บัญชาการค้นพบเธอในระยะนี้
“ไม่เลย คนๆนี้นั้นดูเหมือนจะเก่งกว่าที่เราคิดไว้มาก” ไลท์อ้อนฮาร์ทกล่าวพลางส่ายหัวเล็กน้อยด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะกระซิบกับคริมสันบีโลว์ว่า “ตั้งแต่นี้ไปคุณไม่ควรจะทำอะไรผลีผลามกับเขานะ”
ไม่เพียงแต่ชายตรงหน้าของเขาจะค้นพบคริมสันบีโลว์ ชายคนนี้ยังค้นพบวินเชเซอร์ด้วย ซึ่งแค่เรื่องนี้มันก็สามารถบอกได้แล้วว่าเขาไม่ธรรมดา และแน่นอนว่าถ้าเลือกได้ไลอ้อนฮาร์ทก็ขอให้ทางเลือกในการเป็นศัตรูกันระหว่างพวกเขา เป็นทางเลือกสุดท้าย
คริมสันบีโลว์ และวินด์เชเซอร์พยักหน้าอย่างเงียบๆ
การสนทนาระหว่างทั้งสามคนนั้นเป็นไปเพียงช่วงสั้นๆสองถึงสามวินาที และในสายตาคนนอกพวกเขาก็เห็นแค่ว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ ก่อนที่พวกเขาจะเห็นวินเชเซอร์ และคริมสันบีโลว์ปรากฎตัวออกมา และเดินผ่านไปอย่างช้าๆ
ในขณะที่ยู่หลัวซึ่งตอนนี้มายืนอยู่ข้างๆซือเฟิงแล้วก็มองไปที่ทั้งสองคนที่กำลังเดินใกล้เข้ามาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“มันมีสองคนจริงๆ !!!”
เรื่องนี้ได้ทำลายโลกทัศน์ของเธอในเรื่องที่เธอคิดว่ารู้เกี่ยวกับการปกปิดและซ่อนตัวตนลงไปอย่างสิ้นเชิง
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับยู่หลัวแล้ว ซือเฟิงนั้นมองไปที่ทั้งสองคนที่โผล่ออกมาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความระมัดระวังมากขึ้นเล็กน้อย นี่เป็นเพราะความแข็งแกร่งของสองคนนี้มันจัดว่าน่าทึ่งมากจริงๆ
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาสามารถทะลุขีดจำกัดร่างมานาของเขาได้แล้ว และการรับรู้ของเขามันก็พัฒนาขึ้นมาก เขาก็คิดว่าเขาอาจจะตรวจไม่พบทั้งสองคนนี้ก็ได้
และหากทั้งสองคนนี้ไม่ได้มาดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งวินเชเซอร์ เขาก็จะมีปัญหาในการจะรับมือกับเรื่องนี้แน่นอน
“เราไปที่ห้องรับรองเพื่อคุยกันต่อดีกว่า” ไลอ้อนฮาร์ทกล่าวแนะนำซือเฟิง
“โอเค” ซือเฟิงไม่ได้คัดค้านข้อเสนอนี้
เป้าหมายเดิมของเขาในการมายังโลกยุคโบราณของ God domain ก็คือการให้ได้มาซึ่งทรัพยากรจำนวนมาก ในขณะเดียวกันวิธีที่ดีที่สุดในการจะทำแบบนี้นั่นก็คือการร่วมมือกับผู้มีอำนาจท้องถิ่น เพราะท้ายที่สุดด้วยวิธีนี้เขาจะสามารถรวบรวมทรัพยากรได้เร็วกว่าทำด้วยตัวเองมาก ในความเป็นจริงต้องบอกเลยว่าเขาจะสามารถเข้าถึงไอเทมที่ปกติไม่ปรากฎในตลาดได้ด้วย
การที่ไลอ้อนฮาร์ทได้ริเริ่มจะมาตามหาตัวเขาเองนั้นมันก็นับเป็นข่าวดีสำหรับซือเฟิง
ไลอ้อนฮาร์ทได้พาซือเฟิงและยู่หลัวไปยังห้องรับรองชั้นบนสุดที่เขาได้จองไว้
“ผู้บัญชาการไลอ้อนฮาร์ท พูดสิ่งที่คุณต้องการมาตรงๆได้เลย มันจะได้ไม่เป็นการเสียเวลาระหว่างเราทั้งสองฝ่าย” ซือเฟิงกล่าวขณะที่เขานั่งลงบนโซฟาตรงข้ามไลอ้อนฮาร์ท
“คุณนี่ช่างเป็นคนตรงไปตรงมาจริงๆแบล๊คเฟรม ….” ไลอ้อนฮาร์ทยิ้ม เมื่อเขาได้ยินคำพูดของซือเฟิง “ฉันเองก็คิดแบบเดียวกันกับคุณ งั้นในกรณีนี้ ฉันจะขอกล่าวตรงๆเลยแล้วกัน สกายแฟร์ต้องการจะซื้อคริสตัลแห่งวิญญาณ และน้ำแห่งชีวิตทั้งหมดที่คุณจะขาย”
“ดูเหมือนว่าคุณจะมีความทะเยอทะยานมากทีเดียว ผู้บัญชาการไลอ้อนฮาร์ท นี่คุณวางแผนที่จะผูกขาดเมืองอุกกาบาตเลยสินะ ?” ซือเฟิงไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับคำพูดของไลอ้อนฮาร์ท เขากล่าวต่ออย่างใจเย็นว่า “แน่นอนว่าเราสามารถทำข้อตกลงกันได้ในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามฉันมีไอเทมทั้งสองอย่างนี้จำนวนมาก ฉันกลัวว่าทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ของคุณจะไม่สามารถรับซื้อมันไปได้ทั้งหมด”
ทันทีที่ซือเฟิงพูดจบ วินเชเซอร์ที่ยืนอยู่ด้านหลังของซือเฟฟิงก็หัวเราะ
“ไร้สาระน่า !! มันไม่มีอะไรในเมืองอุกกาบาตที่ทีมนักผจญภัยของเราไม่สามารถรับซื้อได้ทั้งหมด !!!” วินเชเซอร์กล่าว ก่อนที่เขาจะมองไปยังซือเฟิง และพูดต่อว่า “แน่นอนว่านั่นอยู่ภายใต้เงื่อนไขของราคาที่ยุติธรรม”
เมื่อได้ยินการยั่วยุของวินเชเซอร์ ซือเฟิงก็ส่ายหัวและยิ้ม “ความจริงแม้ฉันจะขายพวกมันในราคาเป็นคริสตัลเวทย์มนต์หนึ่งแสนห้าหมื่นชิ้นต่อคริสตัลวิญญาณหนึ่งชิ้น พวกคุณก็ไม่สามารถจะรับซื้อมันได้ทั้งหมดแล้ว ไม่ต้องพูดถึงน้ำแห่งชีวิตเลย”
เขามีคริสตัลแห่งวิญญาณอยู่ทั้งหมดสี่สิบสามชิ้น หากเขาขายมันในราคาเป็นคริสตัลเวทย์มนต์หนึ่งแสนห้าหมื่นชิ้นต่อชิ้น ผลรวมทั้งหมดมันก็จะคิดเปป็นคริสตัลเวทย์มนต์ 6.45 ล้านชิ้น แม้ว่าโลกโบราณของ God domain จะอุดมไปด้วยทรัพยากร แต่กองกำลังของผู้เล่นก็ยังคงมีขอบเขตปฎิบัติที่จำกัดมากๆอยู่ในเมืองๆเดียว ดังนั้นพวกเขาจะไม่สามารถจ่ายมันทั้งหมดได้แน่นอน
เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง วินเชเซอร์ซึ่งตอนแรกวางแผนจะยั่วยุและเย้ยหยันซือเฟิงต่อก็เงียบลงไป มันไม่มีทางที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่อย่างซือเฟิงจะไม่รู้เกี่ยวกับสถานะของทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ และความมั่งคั่งที่พวกเขามีในเมืองอุกกาบาต ซึ่งการที่ซือเฟิงพูดแบบนี้ออกมา มันก็หมายความว่าเขามีความมั่นใจว่าไอเทมทั้งสองอย่างที่เขาจะขายนั้นมีเยอะกว่าความมั่งคั่งของทีมนักผจญภัยสกายแฟร์มาก นี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่ว่าเขาอาจจะมีผู้สนับสนุนที่ทรงพลังอยู่เบื้องหลังอีก
ในขณะเดียวกัน หลังจากได้ยินคำตอบของซือเฟิงทั้งยู่หลัว และคริมสันบีโลว์ก็อ้าปากค้าง พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าซือเฟิงจะร่ำรวยขนาดนี้
พวกเขาได้ตรวจสอบข้อมูลของคริสตัลแห่งวิญญาณมาแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ดีว่ามันมีค่าและหาได้ยากมากๆ แต่ตอนนี้ซือเฟิงกับพึ่งประกาศว่าสกายแฟร์จะไม่สามารถซื้อคริสตัลแห่งวิญญาณทั้งหมดที่เขามีได้ ซึ่งมันได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าซือเฟิงมีคริสตัลแห่งวิญญาณจำนวนมากอยู่ในมือ
นี่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่คนเดียวมีคริสตัลแห่งวิญญาณมากมายขนาดนี้ได้ยังไงกัน ?
“คุณนี่ช่างเป็นคนที่พิเศษจริงๆแบล๊คเฟรม” ไลอ้อนฮาร์ทยิ้มขึ้นมาทันที และยิ่งไปกว่านั้นนี่มันยังเป็นรอยยิ้มที่จริงใจมาก “ฉันขอโทษคุณแทนคนของฉันด้วย ในขณะเดียวกันฉันก็หวังว่าทีมนักผจญภัยสกายแฟร์จะสามารถสร้างความร่วมมือระยะยาวกับคุณได้ คุณคิดว่าไง ?”
“ฉันยอมรับว่าทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ของเรานั้นไม่สามารถจะนำคริสตัลเวทย์มนต์มาได้มากพอจะซื้อคริสตัลแห่งวิญญาณทั้งหมดของคุณ อย่างไรก็ตามทีมนักผจญภัยของเราก็จัดเป็นกองกำลังผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดสามอันดับแรกของเมืองอุกกาบาต แม้ว่ารายได้ต่อวัน รวมทั้งกับที่เราเก็บสะสมมามันจะไม่ทำให้เราสามารถซื้อคริสตัลแห่งวิญญาณและน้ำแห่งชีวิตทั้งหมดที่คุณมีในครั้งเดียว แต่ฉันก็มั่นใจว่าเราน่าจะซื้อทั้งหมดได้ในสิบสองครั้งหรือมากกว่านั้นนิดหน่อย”
“นอกจากนี้ฉันขอรับรองเลยว่า ไม่เพียงแต่เราจะซื้อคริสตัลแห่งวิญญาณแต่ละชิ้นในราคาเป็นคริสตัลเวทย์มนต์สองแสนชิ้น แต่เรายังจะรับประกันการทำธุรกรรมเป็นคริสตัลเวทย์มนต์สามล้านชิ้นต่อสัปดาห์ในทุกสัปดาห์ด้วย คุณคิดยังไงกับเรื่องนี้แบล๊คเฟรม ?”
ยู่หลัวอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง เมื่อได้ยินคำพูดของไลอ้อนฮาร์ท แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่คิดมาก่อนเลยว่าทีมนักผจญภัยสกายแฟร์จะมีความมั่งคั่งที่น่ากลัวแบบนี้ และแม้แต่มหาอำนาจต่างๆในโลกยุคปัจจุบันของ God domain ก็ยังดูจะห่างไกลจากทีมนักผจญภัยสกายแฟร์มากๆ เมื่อพูดถึงการเก็บรวบรวมคริสตัลเวทย์มนต์
ยิ่งไปกว่านั้นไลอ้อนฮาร์ทยังเพิ่มราคาคริสตัลแห่งวิญญาณเป็นคริสตัลเวทย์มนต์สองแสนชิ้นต่อชิ้นด้วย สกายแฟร์น่าจะเป็นผู้มีอำนาจกลุ่มเดียวในเมืองอุกกาบาตที่สามารถจะเสนอราคาแบบนี้ได้
ท้ายที่สุดแล้วที่นี่นั้น เศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานนั้นมีราคาเป็นคริสตัลเวทย์มนต์แค่ห้าแสนชิ้นเท่านั้น ในขณะที่อาวุธที่เป็นเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานจะมีมูลค่าเป็นคริสตัลเวทย์มนต์ปประมาณหนึ่งล้านชิ้น และจากคำสัญญาของไลอ้อนฮาร์ทที่จะทำธุรกรรมเป็นคริสตัลเวทย์มนต์สามชิ้นทุกสัปดาห์ มันก็หมายความว่าสกายแฟร์จะทำการแลกเปลี่ยนอาวุธที่เป็นเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานสามชิ้นทุกสัปดาห์ !!
“ผู้บัญชาการ ?” ในเวลานี้แม้แต่วินเชเซอร์ก็ยังตกตะลึงกับข้อเสนอของไลอ้อนฮาร์ท
ทีมนักผจญภัยสกายแฟร์นั้นปฎิบัติการอยู่แค่ในพื้นที่รอบๆและใกล้เคียงเมืองอุกกาบาตเท่านั้น และแม้ว่ามันจะมีทรัพยากรมากมายอยู่ในพื้นที่เหล่านี้ แต่ท้ายที่สุดแล้ว หากจะให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ไลอ้อนฮาร์ทเสนอซือเฟิงจริงๆ ทีมนักผจญภัยของพวกเขาก็จะต้องรัดเข็มขัดและประเมินค่าใช้จ่ายรายสัปดาห์อย่างเคร่งครัดเลย
“โอเค ฉันยินดีจะยอมรับเงื่อนไขและข้อตกลงทั้งหมดนี้” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า หลังจากครุ่นคิดแล้ว เขาก็คิดว่าราคานี้มันน่าจะเป็นราคาที่ดีที่สุดที่เขาจะสามารถทำได้จากคริสตัลแห่งวิญญาณแล้ว และแม้ว่าการเอามันไปประมูลอาจจะทำให้เขาได้ราคามากกว่านี้ แต่มันก็จะมากกว่านี้ไม่มากนักแน่นอน “อย่างไรก็ตามก่อนหน้าจะเซ็นสัญญากันแบบเป็นทางการ ฉันจะขอทดสอบคุณหน่อยผู้บัญชาการไลอ้อนฮาร์ท เราสามารถจะยืนยันความมั่นคงในการทำธุรกรรมของเราได้โดยใช้ความสามารถของคุณเป็นเกณฑ์ คุณคิดว่าไง ?”
“ทดสอบผู้บัญชาการของเรา ?” คำพูดของซือเฟิงทำให้วินเชเซอร์โกรธ
สำหรับคริมสันบีโลว์ ใบหน้าของเธอเองก็บิดเบี้ยวด้วยความไม่พอใจเช่นกัน แม้แต่ซุเปอร์กิลก็ยังไม่กล้าจะทดสอบคุณสมบัติของผู้บัญชาการของพวกเขาเพื่อจะร่วมมือกันเลย แต่ตอนนี้คนนอกที่พวกเขาไม่ได้รู้ต้นกำเนิดใดๆอย่างซือเฟิงกับคิดจะทำแบบนี้จริงๆ เห็นได้ชัดว่าในสายตาของซือเฟิงเขาไม่ได้มองทีมนักผจญภัยสกายแฟร์สูงมากนัก ….
อย่างไรก็ตามก่อนที่วินเชเซอร์ หรือคริมสันบีโลว์จะทันได้พูดอะไร ไลอ้อนฮาร์ทก็ยื่นมือส่งสัญญาณให้พวกเขาห้ามพูดอะไร ก่อนที่เขาจะมองไปยังซือเฟิงด้วยแววตาที่มุ่งมั่นและกล่าวว่า “คุณต้องการจะทดสอบยังไง แบล๊คเฟรม ?”
“ง่ายมาก แค่คุณรอดจากการโจมตีหนึ่งครั้งของฉันให้ได้ คุณก็จะผ่านการทดสอบ” ซือเฟิงกล่าวอย่างเด็ดขาด
ตอนที่ 2776 การดวลกันระหว่างดาบกับโล่
“รอดจากการโจมตีหนึ่งครั้งของคุณ ?”
ไลอ้อนฮาร์ทตกตะลึงไปชั่วขณะ เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง
แม้แต่วินเชเซอร์ และคริมสันบีโลว์เองก็ตกอยู่ในความงุนงงเป็นเวลานาน ตอนนี้พวกเขารู้สึกว่าซือเฟิงเพียงแค่ต้องการจะเล่นสนุกกับทีมนักผจญภัยสกายแฟร์
ตอนนี้เมื่อมองไปที่ซือเฟิง วินเชเซอร์ก็ได้กล่าวว่า “คุณแน่ใจหรอที่จะทำการทดสอบแบบนี้ ? นี่คุณรู้ไหมว่าผู้บัญชาการของเรามีอีกฉายาหนึ่งในเมืองอุกกาบาตว่ายังไง ?”
ในตอนแรกวินเชเซอร์คิดว่าซือเฟิงจะทำการทดสอบในแบบที่ยากมากๆ เพื่อให้เงื่อนไขและข้อตกลงทั้งหมดเป็นโมฆะ กระนั้นการทดสอบของซือเฟิงกับเป็นแค่การให้ไลอ้อนฮาร์ทรอดจากการโจมตีหนึ่งครั้งของเขาให้ได้
การทดสอบนี้มันเรียบง่ายและง่ายมากๆ
นับประสาอะไรกับผู้เล่นขั้นสี่ แม้แต่มอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายที่มีเลเวลสูงๆก็ยังไม่สามารถจะฆ่าไลอ้อนฮาร์ทได้ในการโจมตีเดียว และทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ก็ได้ใช้พลังป้องกันที่น่ากลัวของไลอ้อนฮาร์ทนี่แหละเป็นแกนหลักให้พวกเขาพัฒนามาได้จนถึงระดับปัจจุบัน
มันจะจัดเป็นเรื่องตลก และบ้าชัดๆที่จะบอกว่าผู้เล่นขั้นสี่สามารถจะฆ่าไลอ้อนฮาร์ทได้ในการโจมตีเดียว
ครู่หนึ่งวินเชเซอร์เริ่มสงสัยแล้วว่า ซือเฟิงนั้นคิดว่าฉายาที่ไลอ้อนฮาร์ทได้รับมาเป็นเรื่องที่มันดูเว่อเกินความจริงรึปล่าว ? ….
“แน่นอน ฉันแน่ใจ” ซือเฟิงพยักหน้าอย่างจริงจัง เมื่อมาถึงตรงนี้ แม้แต่ยู่หลัวก็ยังอดไม่ได้ที่จะมองไปยังซือเฟิงแบบแปลกๆ เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมซือเฟิงถึงเลือกตั้งบททดสอบที่ดูไร้ความหมายแบบนี้
เธอรู้ว่าซือเฟิงนั้นแข็งแกร่งมากๆ และเขาก็แสดงให้เห็นมาแล้วในตอนที่เขาทำให้พวกหัวหน้าปีศาจมากกว่าสิบตัวปลิวกระเด็นไปในการโจมตีเดียว อย่างไรก็ตามไลอ้อนฮาร์ทนั้นก็ไม่ใช่คนที่จะสามารถรับมือด้วยได้ง่ายๆเช่นกัน ชื่อเสียงที่เขาสั่งสมมาจนถึงทุกวันนี้นั้น มันล้วนเกิดจากความสามารถและการต่อสู้ที่ผ่านมาของเขาทั้งหมด ….
วินเชเซอร์และคริมสันบีโลว์หันไปมองไลอ้อนฮาร์ท แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าไลอ้อนฮาร์ทคิดยังไงกับเรื่องนี้ แต่การทดสอบของซือเฟิงมันก็จัดว่าไม่ได้เป็นปัญหาใดเลยสำหรับพวกเขา หากให้เปรียบเทียบ มันก็เหมือนกับบัตรผ่านฟรีมากกว่า
ในขณะเดียวกันตราบใดที่ทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงในการเป็นพันธมิตรกันในระยะยาว ทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ก็จะสามารถเข้าควบคุมเมืองอุกกาบาตได้อย่างสมบูรณ์ ในความเป็นจริงมันก็จะใช้เวลาไม่นานด้วย ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มตั้งสาขาของพวกเขาในเมือง NPC อื่นๆได้
และแม้ว่ากองกำลังของผู้เล่นในเมืองอื่นๆจะต่อต้านการเข้าไปของสกายแฟร์ แต่พวกเขาก็จะมีปัญหาในการจะทำแบบนั้นแน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้วสิ่งสำคัญอย่างแท้จริงในการต่อสู้ระหว่างกองกำลังก็คือผู้เล่นขั้นสี่ เรื่องที่ว่าผู้เล่นขั้นสี่สามารถจัดการผู้เล่นขั้นสามจำนวนมากได้ด้วยตัวคนเดียวนั่นก็เรื่องหนึ่ง แต่อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญก็คือผู้เล่นขั้นสี่นั้นสามารถจะทำหลายสิ่งที่ผู้เล่นขั้นสามทำไม่ได้
นี่คือความแตกต่างของขั้น และชนชั้นสิ่งมีชีวิต
“ไม่มีปัญหา ฉันยอมรับเงื่อนไขการทดสอบของคุณ” ไลอ้อนฮาร์ทกล่าว หลังจากครุ่นคิด และสังเกตซือเฟิงสักพักแล้ว เขาก็แน่ใจว่าซือเฟิงไม่ได้ล้อเล่น “อย่างไรก็ตามเราจะทดสอบกันที่นี่งั้นหรอ ?”
ในความคิดของไลอ้อนฮาร์ท ซือเฟิงอาจจะไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของอาชีพอัศวินเลือดของเขา ในฐานะที่มันเป็นหนึ่งในมรดกโบราณพิเศษหายากอย่างไม่น่าเชื่อใน God domain มันได้นำเสนอกิลที่เหนือกว่ามรดกขั้นสูงสุดทั่วไปมาก นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้เขาได้สวมใส่เศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานอยู่สามชิ้น ซึ่งก็คือ Bulwark of Holy Blood เกราะเวทย์วอย และแหวนกำแพงลม
แม้ว่าเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานสองชิ้นของเขาจะเป็นโล่ และเกราะ แต่มันก็ทำให้เขาสามารถป้องกันการโจมตีเต็มกำลังของมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายได้แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายมี HP ที่สูง และพลังป้องกันที่เหนือกว่าเขา เขาก็จะสามารถโซโล่กับมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายได้แล้ว หากมีพลังเพียงพอ แถมตอนนี้เขาก็ยังมีแหวนกำแพงลมที่ทำให้ความสามารถในการป้องกันของเขาสูงขึ้นไปอีก
“ที่นี่คงจะไม่ได้หรอก เราจะต้องเช่าห้องต่อสู้ขั้นสูง” ซือเฟิงกล่าวพลางส่ายหัว
“ในกรณีนี้ งั้นไปที่โรงแรมสกายแฟร์ของเราดีกว่า เรามีห้องต่อสู้พิเศษอยู่ ที่นั่นมันน่าจะทำให้เราสามารถแสดงความแข็งแกร่งของเราออกมาได้อย่างเต็มที่” ไลอ้อน
ฮาร์ทกล่าวแนะนำ
ห้องต่อสู้พิเศษ ? ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจ เมื่อได้ยินคำพูดของไลอ้อนฮาร์ท เขาไม่เคยคิดเลยว่าห้องต่อสู้พิเศษจะมีอยู่แล้วใน God domain ยุคโบราณ ห้องต่อสู้พิเศษนั้นมีความเหนือกว่าห้องต่อสู้ขั้นสูงมากๆ และมันก็เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้ฝึกสกิลและเวทย์ อย่างไรก็ตามห้องต่อสู้พิเศษนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผู้เล่นจะได้รับมาในระยะนี้ของเกม
“งั้นเราก็ไปที่โรงแรมสกายแฟร์กัน !!!”
ซือเฟิงตอบตกลง หลังจากนั้นเขาและยู่หลัวก็เดินตามกลุ่มของไลอ้อนฮาร์ทไปที่โรงแรมสกายแฟร์ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านประมูลไปเพียงหนึ่งช่วงตึก
ทันทีที่ทั้งกลุ่มเดินเข้าไปในโรงแรมสกายแฟร์ ยู่หลัวนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย โรงแรมสกายแฟร์นั้นไม่ใช่สถานที่ที่ใครๆก็จะสามารถเข้ามาพักผ่อนได้ นอกจากสมาชิกของทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ และสมาชิกที่เป็นพันธมิตรที่ได้รับส่วนลดห้าสิบเปอเซ็นต์ คนอื่นๆที่มาเข้าพักที่นี่จะถูกเรียกเก็บเต็มราคา โดยห้องธรรมดาที่สุดของที่นี่ก็มีราคาเป็นคริสตัลเวทย์มนต์สี่ร้อยชิ้นต่อวันแล้ว
แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามขอบเขตอนันต์แบบตัวเธอเองก็ยังไม่กล้าจะเข้ามาพักที่นี่ หากไม่ได้มีเหตุจำเป็น ในตอนที่เธอจำเป็นต้องตรวจสอบทฤษฎีและเทคนิคบางอย่างเท่านั้นเธอจึงจะเข้ามาพักที่นี่
สำหรับซือเฟิง เขารู้สึกราวกับว่าเขาพึ่งจะเดินเข้ามาในสนามฝึกอันศักสิทธิ์ ความหนาแน่นของมานาที่นี่นั้นมันน่าทึ่งมากจริงๆ มันหนาแน่นกว่าแม้กระทั่งโรงแรมอิสระของเมืองป่าหิน ในความเป็นจริงตอนนี้เขาสามารถรับรู้ได้ถึงธาตุเวทย์เพิ่มขึ้นอีกยี่สิบเปอเซ็นต์เลย หากเทียบกับโรงแรมเดิมที่เขาเคยพักอยู่
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขามั่นใจว่าจะสามารถทำธุรกรรมเป็นคริสตัลเวทย์มนต์ได้สามล้านชิ้นต่อสัปดาห์ ในเวลานี้ซือเฟิงเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมไลอ้อนฮาร์ทถึงมั่นใจในความสามารถของทีมนักผจญภัยสกายแฟร์มากนัก
ในขณะเดียวกันการมาถึงของซือเฟิง และยู่หลัว มันก็ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นในหมู่ผู้บริหารของโรงแรมสกายแฟร์
“ฉันได้ยินมาว่าผู้ชายที่ชื่อแบล๊คเฟรมนั่นต้องการจะทดสอบผู้บัญชาการของเรา”
“อะไรนะ ?! ผู้ชายคนนี้ต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ นี่เขาคิดว่าผู้บัญชาการเป็นคนที่เขาจะสามารถทดสอบได้งั้นหรอ ? ต่อให้ผู้บัญชาการยืนอยู่เฉยๆ และไม่ทำอะไร เขาก็จะไม่สามารถทำให้ผู้บัญชาการาดเจ็บได้แม้แต่น้อยแน่นอน !!!”
“มันไม่ใช่การ PvP ต่อสู้แบบทั่วไป เขาแค่ต้องการให้ผู้บัญชาการรอดจากการโจมตีหนึ่งครั้งของเขาให้ได้เท่านั้น”
“ดูเหมือนว่าคนๆนี้น่าจะพยายามแสดงความแข็งแกร่งให้กับทีมนักผจญภัยของเราเห็น และเขาก็คงกังวลว่าเขาจะไม่สามารถเอาชนะผู้บัญชาการของเราได้ เขาจึงได้ตั้งกฎแบบนี้ขึ้นมา เพราะท้ายที่สุด แม้ว่าเขาจะไม่สามารถทำให้ผู้บัญชาการบาดเจ็บได้ แต่เขาก็ยังจะสามารถรักษาชื่อเสียงของตัวเองไว้ได้”
เมื่อผู้บริหารของโรงแรมสกกายแฟร์หลายสิบคนเห็นซือเฟิง พวกเขาก็ต่างจับกลุ่มพูดคุยกันเบาๆทันที พวกเขารู้สึกว่าที่ซือเฟิงต้องการจะทำแบบนี้นั่นเป็นเพราะเขาต้องการจะแสดงความสามารถของตัวเองออกมาให้ตัวเองได้รับความเคารพ แต่เขาก็ยังกังวลว่าตัวเองจะดูโง่เกินไป ….
อย่างไรก็ตามในความคิดของพวกเขา การกระทำของซือเฟิงมันก็จัดว่าไร้จุดหมายมากๆ เพราะท้ายที่สุดในตอนที่ไลอ้อนฮาร์ทดวลกับผู้เล่นคนอื่นๆ เขาแทบจะไม่เคยต้องใช้ความแข็งแกร่งเต็มที่เพื่อให้ได้รับชัยชนะมาเลย
แม้แต่วินเชเซอร์ที่มาถึงขั้นสี่แล้วก็แทบจะทำอะไรกับไลอ้อนฮาร์ทไม่ได้ และแม้ว่าในท้ายที่สุดวินเชเซอร์จะได้รับชัยชนะในการต่อสู้กับไลอ้อนฮาร์ท แต่สิ่งที่เขาทำเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะนั่นก็คือการลากการต่อสู้ออกไป และดักโจมตีลด HP ไลอ้อนฮาร์ทไปเรื่อยๆจนเวลาหมดลง สำหรับการจะทำให้ HP ของไลอ้อนฮาร์ทหมดไปนั้น มันเป็นไปไม่ได้เลย ….
หลังจากนั้นไม่นานเหล่าผู้บริหารทั้งหมดของโรงแรมก็ได้เข้ามานั่งกันจนเต็มความจุผู้ชมของห้องต่อสู้พิเศษ ผู้บริหารบางคนถึงกับละทิ้งงานของตัวเองมาเพื่อดูการทดสอบในครั้งนี้เลย เพราะท้ายที่สุดไลอ้อนฮาร์ทนั้นไม่เคยได้ต่อสู้เลย นับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เขาต่อสู้กับวินเชเซอร์ในตอนที่พึ่งจะเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นขั้นสี่ และในตอนนี้ไลอ้อนฮาร์ทไม่เพียงแต่จะได้รับสกิลมรดกขั้นสี่สกิลใหม่มา แต่เขายังได้รับแหวนกำแพงลมที่เป็นเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานที่เน้นการป้องกันมาด้วย
ณ จุดนี้ มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย หากจะบอกว่าความแข็งแกร่งของผู้บัญชาการของพวกเขานั้นเกินจินตนาการของพวกเขาไปแล้ว
ในขณะที่เหล่าผู้บริหารของสกายแฟร์กำลังรอให้การดวลเริ่มขึ้น ซือเฟิงและไลอ้อนฮาร์ทก็ได้มายืนอยู่ตรงกลางห้องที่เป็นสนามประลองแล้ว และ ณ จุดนี้นักสู้ทั้งสองก็ได้ปรับเงื่อนไขทั้งหมดเรียบร้อย และเตรียมพร้อมจะเริ่มกันได้ทุกเมื่อแล้ว
“ฉันพร้อมแล้ว คุณสามารถเริ่มได้ทุกเมื่อที่ต้องการเลย” ไลอ้อนฮาร์ทพูด ในขณะที่เขายกโล่ และดาบยาวของเขาขึ้น จากนั้นอักษรรูนสีแดงเข้มที่ถูกสลักไว้ที่โล่และดาบยาวก็เริ่มรวบรวมมานาโดยรอบเข้ามาหาเขา ….
ในตอนนี้ไลอ้อนฮาร์ทก็ได้หยุดปกปิดข้อมูลของตัวเอง และโชว์ให้ทุกคนได้เห็นว่าเขามี HP สิบหกล้านหกแสนซึ่งถือว่าสูงมากๆแม้แต่ในหมู่อาชีพสายป้องกันขั้นสี่ก็ตาม
ไลอ้อนฮาร์ท์นั้นจงใจจะทำแบบนี้ เพราะว่าเขาอยากให้ซือเฟิงรู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา
เขามี HP สิบหกล้านหกแสน ?! เป็นไปได้ยังไงกัน ?! ยู่หลัวอ้าปากค้าง เมื่อเธอได้เห็น HP ของไลอ้อนฮาร์ท
ในฐานะที่เป็นผู้เล่นอาชีพสายป้องกัน ไลอ้อนฮาร์ทก็มีพลังป้องกันที่สูงอย่างไม่น่าเชื่ออยู่แล้ว และนี่ก็ยังไม่นับรวม HP ที่เขาพึ่งแสดงออกมา และสกิลของเขาอีก เขามันสัตว์ประหลาดเดินได้ชัดๆ
เมื่อได้เห็นดังนี้ ยู่หลัวก็คิดแล้วว่ามันไม่มีทางที่ซือเฟิงจะสามารถฆ่าไลอ้อนฮาร์ทได้ในการโจมตีครั้งเดียวแน่นอน แม้ว่าฝ่ายหลังจะไม่ได้ทำการป้องกันใดๆเลยก็ตาม และมันก็จะเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากแล้ว ถ้าซือเฟิงสามารถลด HP ของไลอ้อน
ฮาร์ทลงไปได้สักหนึ่งในสามในการโจมตีเดียว
“น่าทึ่งจริงๆ !! อาชีพสายป้องกันขั้นสี่นั้นส่วนใหญ่จะมี HP อยู่แค่เก้าล้านเท่านั้นโดยเฉลี่ย แต่คุณกับมีมากกว่านั้นเกือบสองเท่า” ซือเฟิงกล่าวด้วยความชื่นชม
“มันก็ไม่ได้มีอะไรหรอก มันเป็นเพราะมรดกของฉันนั่นแหละ …”
ไลอ้อนฮาร์ทนั้นไม่ได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษกับคำชื่นชมของซือเฟิง ในทางตรงกันข้าม เขาต้องการจะใช้โอกาสนี้ทำให้ซือเฟิงตระหนักถึงศักยภาพของทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ เพราะท้ายที่สุดแล้วสกายแฟร์แพ้ซือเฟิงมาแล้วก่อนหน้านี้ ในตอนที่เขารู้ถึงการมีอยู่ของคริมสันบีโลว์ และวินด์เชเซอร์
“เมื่อคุณพร้อมแล้ว งั้นฉันก็จะเริ่มเลย !!!” ซือเฟิงนั้นเข้าใจดีว่าไลอ้อนฮาร์ทกำลังคิดอะไรอยู่ แต่น่าเสียดายที่ไลอ้อนฮาร์ทไม่ได้ตระหนักถึงเป้าหมายของซือเฟิงเลย
“เข้ามา !!!” ไลอ้อนฮาร์ทกล่าวพลางยกโล่ของเขาขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
หลังจากนั้นไม่เพียงแต่ออร่าของไลอ้อนฮาร์ทจะพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก แต่มันยังมีบาเรียสีแดงเลือดจางๆปรากฎขึ้นรอบตัวเขาด้วย
“อึก !!! ผู้บัญชาการกำลังเอาจริง !!! เขาได้เลือกจะใช้ความสามารถทุกอย่างที่เขามี รวมไปถึงร่างมานาของเขาทันทีเลย ….” รองผู้บัญชาการของสกายแฟร์คนหนึ่ง ที่เป็นชิลวอริเออร์ เลเวลหนึ่งร้อยสามสิบสองกล่าวด้วยความประหลาดใจ
เกราะเลือด !
นี่คือสกิลมรดกขั้นสี่ที่ไลอ้อนฮาร์ทได้รับมา หลังจากที่เขาสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์
แม้ว่าบาเรียนี้จะดูบอบบางมาก แต่มันก็สามารถจะดูดซับความเสียหายได้มากถึงห้าล้าน ยิ่งไปกว่านั้นบาเรียยังจะสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ทุกๆสี่สิบวินาที กล่าวอีกนัยหนึ่งคือถ้าล้มเหลวที่จะสร้างความเสียหายให้ไลอ้อนฮาร์ทได้ห้าล้านภายในสี่สิบวินาที มันก็จะไม่มีใครสามารถฆ่าเขาได้จนกว่าสกิลนี้จะหมดผลไปเองเลย ในตอนที่ดวลกับวินเชเซอร์ เมื่อไลอ้อนฮาร์ทใช้สกิลนี้ วินเชเซอร์ก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามก่อนที่สมาชิกของสกายแฟร์จะทันได้ชื่นชมกับความแข็งแกร่งของผู้บัญชาการของพวกเขา พวกเขาก็ได้เห็นซือเฟิงชัก Abyssal Blade ออกจากฝัก หลังจากนั้นทุกคนก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามานาในห้องนั้นสั่นสะท้าน และถูกแช่แข็งไปชั่วขณะ !!
ก่อนที่ใครจะทันได้ตอบสนองต่อการพัฒนาที่ไม่คาดคิดนี้ ซือเฟิงก็ได้ยก Abyssal Blade ของเขาขึ้นด้วยมือทั้งสองข้าง และมองไปที่ไลอ้อนฮาร์ท จากนั้นมานาภายในห้องต่อสู้พิเศษก็เริ่มเดือดขึ้น ปรากฎการณ์นี้มันทำให้ทุกคนตัวสั่นอย่างไม่ตั้งใจ หลังจากนั้นทุกคนก็รู้สึกได้ถึงคลื่นความร้อนที่เข้าแผดเผาร่างกายของพวกเขา
“นี่ … มันเป็นไปได้ยังไงกัน ?!” เมื่อวินเชเซอร์สัมผัสได้ถึงมานาที่อยู่รอบตัวเขา เขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง
เพราะท้ายที่สุดห้องต่อสู้พิเศษนั้นมันมีขนาดใหญ่มาก และมันก็มีพื้นที่ที่มีรัศมีหนึ่งพันหลา ซึ่งมากพอจะให้ผู้เล่นขั้นสี่ได้ต่อสู้กันอย่างเต็มที่
แต่ถึงกระนั้นซือเฟิงก็ทำให้มานาในห้องต่อสู้พิเศษทั้งหมดเดือดได้โดยเพียงแค่เริ่มขยับตัว
เขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย !!
ในเวลานี้ไลอ้อนฮาร์ทก็จ้องมองซือเฟิงในแบบที่เปลี่ยนไปเช่นกัน หากแค่การขยับตัวของซือเฟิงยังทำให้เกิดปรากฎการณ์แบบนี้ได้ ความแข็งแกร่งของซือเฟิงก็จะต้องมากกว่าที่เขาคิดไว้ในตอนแรกมาก
อย่างไรก็ตามก่อนที่ไลอ้อนฮาร์ทจะทันได้ดำเนินการใดๆเพิ่มเติม การไหลของเวลาในห้องต่อสู้พิเศษก็ดูเหมือนจะช้าลง และสิ่งเดียวที่ดูจะสามารถเคลื่อนที่ได้เป็นปกติก็คือ ดาบของซือเฟิง
ดาบที่สอง โฮลี่ดีวอร์ !!
เมื่อซือเฟิงสะบัดดาบของเขาเข้าใส่ไลอ้อนฮาร์ท มันก็บังเกิดแรงกดดันที่เข้าปกคลุมไปทั่วห้อง
หลังจากนั้นพื้นที่ภายในห้องบางส่วนก็ลุกเป็นไฟ ราวกับว่ามันไม่สามารถจะทนต่อแรงกดดันที่น่ากลัวและรุนแรงของเปลวไฟที่เกิดนี้ได้ และเปลวไฟนี้ มันก็ดูเหมือนจะสามารถเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างได้เลย
ไม่ดีแล้ว !!
กำแพงเลือดศักสิทธิ์ !!!
Four Saints’ Descent !!!
เมื่อได้เห็นเปลวไฟที่ดูน่ากลัวนี้กำลังพุ่งเข้ามา ไลอ้อนฮาร์ทก็ได้รีบเปิดใช้งานสกิลป้องกันของเขาอย่างกำแพงเลือดศักสิทธิ์ ก่อนที่เขาจะกระแทกโล่ของเขาลงบนพื้น และเปิดใช้งานสกิลมรดกป้องกันขั้นสี่ที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาทันที
ช่วงเวลาต่อมา วงเวทย์ขนาดใหญ่ที่ซ้อนทับกันสองชั้นก็ปรากฎขึ้นตรงหน้า Bulwark of Holy Blood หลังจากนั้นมันก็ตามมาด้วยโล่ของไลอ้อนฮาร์ทที่เริ่มกลายเป็นสีแดงเลือดและค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นจนมีความสูงราวสิบเมตร ซึ่งทำให้มันดูเหมือนกับกำแพงเหล็กเลย แถมอักษรรูนสีแดงยังค่อยๆเข้าปกคลุมไปทั่วตัวของไลอ้อน
ฮาร์ทด้วย ….
และในเวลาที่ไลอ้อนฮาร์ทเปิดใช้งานสกิล Four Saints’ Descent เปลวไฟขนาดยักษ์ก็ได้เข้ามากลืนกินเขาแล้ว
ตู้ม !!
พร้อมกับที่มีเสียงระเบิดอย่างรุนแรงดังขึ้น สนามประลองภายในห้องต่อสู้พิเศษก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นความว่างเปล่าอันมืดมิด
ตอนที่ 2777
อ่านด้วยสำคัญ เดี๋ยวจะงง **** ขอปรับแก้นิดหน่อยนะ * ซือเฟิงขายน้ำวิญญาณ (Soul water) ไม่ใช่น้ำแหน่งชีวิต (Water of life) แอดเบลออ่านแล้วแปลผิดขออภัย
ตอนที่ 2777 สร้างความตกตะลึงให้กับสกายแฟร์
ความว่างเปล่าอันมืดมิดได้เข้าล้อมรอบสนามรบ ไม่ต้องพูดถึงผู้เล่นขั้นสามเลย แม้แต่ผู้เล่นขั้นสี่ก็ยังไม่น่าจะสามารถอยู่รอดในพื้นที่แบบนี้ได้
ในขณะเดียวกันเหล่าผู้บริหารของโรงแรมสกายแฟร์ที่นั่งอยู่บนที่นั่งของผู้ชมก็ล้วนตกตะลึงเมื่อได้เห็นฉากนี้
“การโจมตีสะบัดดาบเพียงแค่ครั้งเดียวมีพลังมากขนาดนี้ได้ยังไง ?!”
“แม้แต่ NPC ขั้นสี่ก็ยังไม่สามารถจะแสดงพลังแบบนี้ออกมาได้เลย นี่เขาเป็นแค่ผู้เล่นขั้นสี่จริงๆงั้นหรอ ?!”
“เขามีพลังที่น่ากลัวมากๆ แต่เรากับหาข้อมูลเกี่ยวกับตัวเขาไม่ได้เลย นี่เขาเป็นใครกัน ?!”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง พวกผู้บริหารของโรงแรมสกายแฟร์ก็เริ่มพูดคุยกันอย่างดุเดือด ในขณะที่พวกเขาจ้องมองไปยังพื้นที่ตรงหน้า ในเวลานี้พวกเขาไม่ได้ประเมินซือเฟิงต่ำอีกต่อไปแล้ว โดยตอนนี้ดวงตาของพวกเขาก็มีเพียงแต่ความตกตะลึงและความกลัวเท่านั้น ขณะที่มองไปยังซือเฟิง
ด้วยพลังในการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวแบบนี้ ซือเฟิงจึงไม่ใช่ผู้ที่จะใช้กลยุทธ์เน้นจำนวนมากเข้าว่า เข้ากดดันได้เลย และมันก็มีเพียง NPC ขั้นสี่ที่ทรงพลังเท่านั้นที่จะสามารถต่อกรกับเขาได้
เขาแข็งแกร่งขนาดนี้เลยงั้นหรอ ?!
ดวงตาของยู่หลัวเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อ ในขณะที่เธอมองไปยังพื้นที่ที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆและดูพินาศตรงหน้า แม้แต่การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของแองเจลิก้า เทเรซ่าก็ยังไม่สามารถจะเทียบกับการโจมตีของซือเฟิงได้เลย นี่คือสิ่งที่เธอสามารถบอกได้
แองเจลิก้า เทเรซ่านั้นเป็นตัวตนที่แทบจะยืนอยู่ในจุดสูงสุดของสี่ และเป็นหนึ่งในห้าตัวตนที่ทรงพลังที่สุดในเมืองอุกกาบาต นอจากนี้ในฐานะ NPC ไอเทมและค่าสถานะพื้นฐานที่เธอมีนั้นมันเหนือกว่าผู้เล่นมากๆ
กระนั้นซือเฟิงกับสามารถใช้การโจมตีที่แข็งแกร่งและรุนแรงกว่าของแองเจลินก้า เทเรซ่าได้
“ผู้บัญชาการ !!”
“ผู้บัญชาการไม่ได้ตายจากการโจมตีนี้ใช่ไหม ? ….” หลังจากนั้นไม่นานวินเชเซอร์ และคนอื่นๆก็หายจากอาการตกตะลึง และพวกเขาก็ได้พยายามค้นหาร่างของไลอ้อนฮาร์ทอย่างเร่งรีบในความว่างเปล่าอันมืดมิด จากการโจมตีของผู้เล่นที่พวกเขาเคยเห็นมาทั้งหมดก่อนหน้านี้ การโจมตีของซือเฟิงนั้นจัดว่าทรงพลังที่สุด และแม้แต่ NPC ขั้นสี่ส่วนใหญ่ก็ยังจะทำแบบเขาไม่ได้แน่นอน ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าไลอ้อนฮาร์ทมีพลังป้องกันที่จัดว่าท้าทายสวรรค์ แต่พวกเขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าไลอ้อนฮาร์ทจะสามารถเอาชีวิตรอดจากการโจมตีของซือเฟิงได้รึปล่าว
หลังจากทุกคนค้นหามาระยะหนึ่ง พื้นที่ที่แตกออกเป็นเสี่ยงก็ค่อยๆฟื้นฟูตัวเองขึ้นมา และมันก็ปรากฎร่างสองร่างนั้นยืนอยู่บริเวณพื้นที่ที่ฟื้นฟูตัวเองขึ้นมา โดยร่างหนึ่งในสองร่างนี้นั้นดูน่าสังเวชมากๆ
“ยอดเยี่ยม !! ผู้บัญชาการยังมีชีวิตอยู่ !!!”
“ฉันกะแล้วว่าผู้บัญชาการจะต้องสามารถต้านทานมันได้ !! เพราะคือกำแพงเหล็กแห่งเมืองอุกกาบาต !!! มันไม่มีทางที่เขาจะถูกผู้เล่นคนหนึ่งฆ่าในการโจมตีเดียวหรอก !!!”
เมื่อสมาชิกของสกายแฟร์เห็นร่างของไลอ้อนฮาร์ท พวกเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามสำหรับไลอ้อนฮาร์ท เขาไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือดีใจแต่อย่างใด แต่ตอนนี้หัวใจของเขากับเต้นแรงด้วยความกลัวและโล่งอกมากกว่า
นี่มันเกือบไปแล้วจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะแหวนกำแพงลม ฉันคงถูกฆ่าในการโจมตีเดียวแน่ๆ ไลอ้อนฮาร์ทยิ้มอย่างขมขื่น ขณะที่มองไปยัง HP ที่ยังเหลืออยู่ของตัวเอง
ปัจจุบันเขามี HP เหลือน้อยกว่าหกล้าน ซึ่งแม้ว่ามันจะดูเหมือนมาก แต่เขาก็สามารถรักษา HP ไว้ได้เท่านี้ เพราะสกิลพาสซีฟของแหวนกำแพงลม
สกิลพาสซีฟของแหวนกำแพงลม Wind’s Protection นั้นมันช่วยลดความเสียหายทั้งหมดที่เขาได้รับลงสามสิบห้าเปอเซ็นต์ และแม้ว่าเขาจะได้รับการโจมตีขั้นห้า แต่ความเสียหายทั้งหมดก็ยังจะลดลงสามสิบห้าเปอเซ็นต์เต็มจำนวน ซึ่ง Wind’s Protection นั้นเป็นสกิลพาสซีฟเพียงสกิลเดียวของแหวนกำแพงลม
แหวนกำแพงลมนั้นค่อนข้างจะแตกต่างจากอุปกรณ์อื่นๆที่มีสกิลพาสซีฟลดค่าความเสียหาย แม้ว่ามันจะมีสกิลบางส่วนทั้งพาสซีฟและไม่พาสซีฟที่ช่วยลดความเสียหายได้มากกว่า Wind’s Protection แต่ขีดจำกัดที่จะทนได้ของมันก็อยู่แค่การโจมตีขั้นสี่เท่านั้น โดยผลของมันก็จะลดลงอย่างมากเมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีขั้นห้า
อย่างไรก็ตามนั่นไม่ใช่สำหรับ Wind’s Protection ซึ่งมันได้ระบุไว้ชัดเจนเลยว่า มันสามารถจะช่วยลดค่าความเสียหายที่ได้รับจากการโจมตีได้สามสิบห้าเปอเซ็นต์ แม้ว่าการโจมตีนั้นจะอยู่ในขั้นห้าก็ตาม
อีกด้านหนึ่ง หลังจากซือเฟิงได้ใช้โฮลี่ดีวอร์ไปใบหน้าของเขาก็ซีดลงอย่างมาก
มันยากเกินไปที่จะใช้การเคลื่อนไหวแบบนี้งั้นหรอ ?
เมื่อซือเฟิงรู้สึกว่าค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจมากกว่าครึ่งของเขาหาย เขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
เขาได้ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาระดับอีปิคของเขาได้หนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์แล้ว แต่เขาก็ยังคงมีปัญหาในการจะรวบรวมและกลั่นมานาที่จำเป็นต่อการใช้โฮลี่วอร์แบบสมบูรณ์ ชั่วขณะหนึ่งมันทำให้ซือเฟิงอดที่จะจินตนาการไม่ได้เลยว่า เขาจะแสดงพลังออกมาได้มากแค่ไหน หากเขาสามารถใช้ดาบที่สาม การทำลายล้างศักสิทธิ์ได้
ขั้นห้า ?
ขั้นหก ?
เอาเถอะ ไม่ว่าจะเป็นยังไงตอนนี้ผลลัพธ์มันก็ออกมาดีแล้วล่ะนะ …. ฉันามารถที่จะใช้โฮลี่ดีวอร์แบบสมบูรณ์จริงๆได้แล้ว ตอนนี้ฉันน่าจะสามารถรับมือได้แม้กระทั่งครึ่งก้าวราชันปีศาจ ขณะที่ซือเฟิงเก็บ Abyssal Blade เข้าฝัก เขาก็รู้สึกพึงพอใจกับการโจมตีเมื่อครู่ของเขามากๆ
แม้ว่าการใช้โฮลี่ดีวอร์แบบสมบูรณ์จริงๆมันจะยังคงเป็นภาระต่อค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขาอย่างมาก แต่ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาเมื่อครู่มันก็จัดว่าดีกว่าเดิมมาก เพราะท้ายที่สุดแล้ว เมื่อครู่เขาสามารถแสดงพลังในการโจมตีของขั้นห้าออกมาได้เลย หากเขาสามารถแก้ปัญหาและลดค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของตัวเองลงได้ในตอนที่ใช้มัน โฮลี่ดีวอร์ก็จะกลายเป็นอีกหนึ่งการโจมตีที่น่ากลัวของเขาได้เลย
ในขณะที่ซือเฟิงกำลังอิ่มเอมใจไปกับผลลัพธ์ที่เขาได้มา ไลอ้อนฮาร์ทก็ได้เดินเข้ามาหาเขา
“แบล๊คเฟรม การเคลื่อนไหวเมื่อครู่ของคุณมันช่างน่ากลัวจริงๆ ถ้าเมื่อเร็วๆนี้ฉันไม่ได้รับการปรับปรุงบางอย่างมาก ฉันคงจะตายในการโจมตีเดียวของคุณจริงๆ” ไลอ้อนฮาร์ทกล่าวด้วยรอยยิ้มจริงใจ
ในตอนนี้ไลอ้อนฮาร์ทไม่ได้มองข้าม ดูถูก หรือครหาใดๆซือเฟิงอีกแล้ว ตอนนี้มันเหลือแต่เพียงความเคารพเท่านั้นที่อยู่ในดวงตาของเขา ขณะที่เขาจ้องมองไปยังซือเฟิง โดยผู้ที่สามารถใช้การเคลื่อนไหวโจมตีแบบนี้ได้ มันได้แสดงเห็นอย่างชัดเจนว่าเขาได้ขึ้นไปยืนอยู่แทบจะในจุดสูดของผู้เล่นในระยะนี้ของเกมแล้ว ซึ่งใน God domain แค่จุดนี้มันก็มากเพียงพอแล้วที่จะทำให้ซือเฟิงคู่ควรแก่การได้รับความเคารพ เพราะท้ายที่สุดความแข็งแกร่งนั้นมันคือทุกสิ่งของโลกนี้ นอกจากนี้สิ่งหนึ่งที่แน่นอนเลยคือกว่าซือเฟิงจะมาถึงตรงนี้ได้เขาก็คงจะต้องผ่านประสบการณ์และความยากลำบากมานับไม่ถ้วน
“คุณก็ถ่อมตัวเกินไป ผู้บัญชาการไลอ้อนฮาร์ท ความจริงที่ว่าคุณสามารถรอดจากการโจมตีเมื่อครู่ของฉันได้มันเป็นเพราะความสามารถของตัวคุณเองนั่นแหละ ไม่ใช่โชค ….” เมื่อมองไปที่ไลอ้อนฮาร์ท ซือเฟิงก็กล่าวเสริมต่อว่า “ตอนนี้การทดสอบของเราเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว ตามข้อตกลงก่อนหน้านี้ฉันจะจัดหาคริสตัลแห่งวิญญาณ และน้ำวิญญาณ ให้เฉพาะทีมนักผจญภัยสายแฟร์ในด้านของเมืองอุกกาบาต”
“ขอบคุณมาก สำหรับเรื่องของคริสตัลเวทย์มนต์ โปรดมั่นใจได้เลย ทีมนักผจญภัยสกายแฟร์จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน คุณแบล๊คเฟรม” ไลอ้อนฮาร์ทอดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุข เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง
ด้วยการที่ซือเฟิงยินดีที่จะเป็นพันธมิตรกับทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ในระยะยาว มันจะทำให้ทีมนักผจญภัยสกายแฟร์สามารถควบคุมเมืองอุกกาบาตได้อย่างสมบูรณ์แน่นอน
“ต่อไปเรามาพูดถึงรายละเอียดเฉพาะสำหรับการทำธุรกรรมของเราดีกว่า” ซือเฟิงพูดเข้าตรงประเด็น “อย่างที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้ ตราบใดที่คุณสามารถเอาชีวิตจากการโจมตีหนึ่งครั้งของฉันได้ ฉันก็จะตกลงที่จะเป็นพันธมิตรกับคุณ ผู้บัญชาการไลอ้อนฮาร์ท อย่างไรก็ตามหลังจากที่เราเริ่มความร่วมมือระหว่างกันแล้ว ฉันก็ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ”
“แน่นอนว่า ฉันไม่ได้คิดจะขอให้คุณช่วยฟรีๆ เพื่อเป็นค่าตอบแทน ฉันจะขายคริสตัลแห่งวิญญาณให้ในราคาเป็นคริสตัลเวทย์มนต์หนึ่งแสนห้าหมื่นชิ้นต่อชิ้นในระยะยาว คุณคิดว่าไง ?”
“คริสตัลเวทย์มนต์หนึ่งแสนห้าหมื่นชิ้นต่อคริสตัลแห่งวิญญาณหนึ่งชิ้น ?” ไลอ้อนฮาร์ทรู้สึกถูกล่อลวงเล็กน้อย “คุณต้องการความช่วยเหลือแบบไหนกัน ?”
ก่อนหน้านี้ในตอนที่เขาเสนอจะซื้อคริสตัลแห่งวิญญาณหนึ่งชิ้นในราคาเป็นคริสตัลเวทย์มนต์สองแสนชิ้นนั้นมันเป็นอะไรที่เกินกว่าที่สกายแฟร์จะรับได้เล็กน้อย อย่างไรก็ตามคริสตัลแห่งวิญญาณนั้นก็มีความสำคัญมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสกายแฟร์เริ่มขยายสาขาเข้าไปยังเมืองอื่นๆ ดังนั้นเขาจึงได้แต่ต้องกัดฟันยอมรับราคานี้
การที่ราคาของคริสตัลแห่งวิญญาณลดลงเหลือเป็นคริสตัลเวทย์มนต์หนึ่งแสนห้าหมื่นชิ้นต่อชิ้น มันจะช่วยลดภาระของสกายแฟร์ลงไปได้มาก
“ช่วยฉันฆ่าบอสตัวหนึ่ง …” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เหตุผลหลักที่ซือเฟิงต้องการจะทดสอบไลอ้อนฮาร์ทนั้นมันไม่ใช่แค่เพื่อทดสอบพลังและร่างมานาของเขา แต่เขายังต้องการจะดูว่าไลอ้อนฮาร์ทสามารถจะทนทานต่อการโจมตีของมังกรเด็กขั้นสี่ได้หรือไม่ เพราะท้ายที่สุดถ้าเขาไม่มีแท๊งเกอร์ที่มีความสามารถมากพอจะแท๊งมังกรเด็กขั้นสี่ การจะฆ่ามันให้ได้ก็เป็นไปไม่ได้เลย
แต่ตอนนี้เนื่องจากไลอ้อนฮาร์ทมีคุณสมบัติตรงตามที่เขาต้องการ และเมื่อรวมเข้ากับสกิล Heavenly Dragon’s Breath การฆ่ามังกรเด็กขั้นสี่มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป
“ฆ่าบอสงั้นหรอ ?” ไลอ้อนฮาร์ทรู้สึกงงงวยเล็กน้อย เขาไม่นึกเลยซือเฟิงจะต้องการความช่วยเหลือในเรื่องที่เรียบง่ายแบบนี้ “บอสตัวนี้แข็งแกร่งมากเลยงั้นหรอ ?”
“มันแข็งแกร่งมากๆ” ซือเฟิงกล่าวโดยไม่คิดจะปิดบังความจริง “มันคือมังกรเด็กขั้นสี่ !!”
“มังกรเด็กขั้นสี่ ?” ไลอ้อนฮาร์ทอ้าปากค้าง เมื่อเขาได้ยินคำพูดของซือเฟิง หลังจากนั้นเขาก็เริ่มตระหนักได้ถึงบางสิ่งทันที ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากถามว่า “คุณหมายถึงมังกรตัวเดียวกันกับที่ท่านหญิงแองเจลิก้าพยายามจะไปฆ่าใช่ไหม ?”
“ใช่แล้ว ตัวนั้นแหละ …” ซือเฟิงพยักหน้า “อันที่จริงเรื่องนี้มันจะเป็นประโยชน์ต่อคุณเช่นกัน ผู้บัญชาการไลอ้อนฮาร์ท เพราะท้ายที่สุดหากเราฆ่ามันได้สำเร็จ เมืองอุกกาบาตก็จะถูกอัพเกรด ซึ่งเมื่อเป็นแบบนั้นมันก็จะดึงดูดผู้เล่นและทรัพยากรเข้ามาในเมืองมากขึ้น และในเวลานั้นสกายแฟร์ก็จะสามารถเติบโตไปพร้อมๆกับเมืองได้อย่างแข็งแกร่ง”
ไลอ้อนฮาร์ทพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของซือเฟิง
ในความเป็นจริงเขาเองก็ปราถนาแบบที่ซือเฟิงพูดมาทั้งหมดนั่นแหละ อย่างไรก็ตามด้วยความที่การท้าทายมังกรเด็กขั้นสี่นั้นมันยากมากๆ เขาจึงได้ตัดสินใจที่จะให้สกายแฟร์ยกเลิกการเดินทางไปพร้อมกับแองเจลิก้า เทเรซ่า
อย่างไรก็ตามตอนนี้สกายแฟร์มีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ของตัวเองแล้วสองคน แม้ว่าทีมนักผจญภัยจะยังมีสถานะที่ไม่เสถียรมากนักในเมืองอุกกาบาต แต่พวกเขาตอนนี้ก็จัดว่าเหนือกว่ากลุ่มอื่นๆมากๆ ซึ่งหากพวกเขาต้องสูญเสียอย่างหนักในระหว่างการฆ่ามังกรเด็กขั้นสี่นี้ พวกเขาก็จะสูญเสียข้อได้เปรียบของตัวเองไป
“คุณคิดยังไง ผู้บัญชาการไลอ้อนฮาร์ท ?” ซือเฟิงกล่าวถาม ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้มีความหวังมากนักในการจะฆ่ามังกรเด็กขั้นสี่ เพราะท้ายที่สุดแล้วมังกรเด็กขั้นสี่นั้นสามารถจะเทียบเท่ากับสิ่งมีชีวิตขั้นห้าทั่วไปได้เลย และแม้ว่าเขาจะสามารถใช้โฮลี่ดีวอร์แบบสมบูรณ์ได้แล้วในตอนนี้ แต่มันก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างใดๆเลย เนื่องจากเขาไม่สามารถใช้เทคนิคนี้ได้เรื่อยๆ
อย่างไรก็ตามทุกอย่างจะเปลี่ยนไป หากมีไลอ้อนฮาร์ทอยู่
ความจริงที่ว่าไลอ้อนฮาร์ทสามารถรอดชีวิตจกการโจมตีขั้นห้าได้ มันก็หมายความว่าเขาจะสามารถป้องกันการโจมตีจากมังกรเด็กขั้นสี่ได้แน่นอน
“โอเค” หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ไลอ้อนฮาร์ทก็กัดฟัน และยอมรับคำขอของซือเฟิง อย่างไรก็ตามฉันต้องบอกคุณก่อน เนื่องจากสกายแฟร์พึ่งจะชิงความได้เปรียบส่วนใหญ่เหนือกองกำลังอื่นๆมาได้ ดังนั้นเราจึงไม่สามารถจะลงทุนเต็มที่เพื่อช่วยเหลือคุณในเรื่องนี้ได้ และเราก็จะสามารถส่งทีมที่ดีที่สุดของเราไปได้แค่หนึ่งร้อยคนเท่านั้นในเรื่องนี้”
เมื่อเห็นท่าทีของไลอ้อนฮาร์ท ซือเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “นั่นมันก็มากเกินพอแล้ว ตราบใดที่สกายแฟร์สามารถส่งผู้เล่นขั้นสี่มากับทีมหนึ่งร้อยคนได้ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว ….”
“ว่าแต่ปฎิบัติการฆ่าบอสนี้จะเริ่มเมื่อไหร่ ?” ไลอ้อนฮาร์ทถาม
การโจมตีมังกรเด็กขั้นสี่นั้นนับเป็นงานใหญ่ ดังนั้นการเตรียมกำลังคนกับสิ่งของที่จำเป็นในเรื่องนี้ มันจึงต้องใช้เวลามาก
“ฉันไม่ได้เร่งรีบใดๆ มันน่าจะต้องใช้เวลาอีกหลายวันเลยทีเดียวก่อนที่เราจะออกเดินทางไปกัน ….” ซือเฟิงกล่าวพลางส่ายหัว “ฉันจะแจ้งให้คุณทราบเมื่อถึงเวลา ผู้บัญชาการไลอ้อนฮาร์ท”
การท้าทายและโจมตีมังกรเด็กขั้นสี่ด้วยผู้เล่นขั้นสี่เพียงสามคน มันจะเป็นการฆ่าตัวตาย และพูดกันตามตรงมันก็ไม่สำคัญเลยว่าพวกเขาจะมีผู้เล่นขั้นสามสนับสนุนมากแค่ไหน แต่โชคดีที่โลกยุคโบราณของ God domain นั้นไม่ได้ต้องการให้ผู้เล่นไปค้นหาดินแดนมรดกเพื่อท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ ดังนั้นตราบใดที่เขาให้ไลฟ์เลสธอร์นและคนอื่นๆไปท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ และรอจนพวกเขาบางคนทำเควสได้เสร็จสิ้น เขาก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จขึ้นมาก
“โอเค งั้นฉันจะได้เตรียมการในด้านของฉันได้อย่างไม่ต้องเร่งรีบ” ไลอ้อนฮาร์ทถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง
หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้เซ็นสัญญาทำธุรกรรมและเป็นพันธมิตรกับไลอ้อนฮาร์ท โดยมีเนื้อหาว่าสกายแฟร์จะจัดซื้อคริสตัลแห่งวิญญาณในราคาเป็นคริสตัลเวทย์มนต์หน่งแสนห้าหมื่นชิ้นต่อชิ้น และจัดซื้อน้ำวิญญาณในราคาเป็นคริสตัลเวทย์มนต์สามหมื่นชิ้นต่อหยด และสำหรับการทำธุรกรรมครั้งแรก สกายแฟร์จะจัดซื้อน้ำวิญญาณห้าสิบหยด พร้อมกับคริสตัลแห่งวิญญาณยี่สิบชิ้นจากซือเฟิง ซึ่งรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้วคิดเป็นคริสตัลเวทย์มนต์สี่ล้านห้าแสนชิ้น และเมื่อพูดถึงในด้านคริสตัลเวทย์มนต์ สกายแฟร์นั้นร่ำรวยกว่ามหาอำนาจส่วนใหญ่ในโลกยุคปัจจุบันของ God domain ซะอีก
เมื่อการทำธุรกรรมเสร็จสิ้น ซือเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความสุข
เพราะท้ายที่สุดตอนนี้มันเท่ากับว่าเขามีคริสตัลเวทย์มนต์แปดล้านชิ้นที่ไว้สำหรับสร้างป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กแล้ว ตอนนี้สิ่งที่เหลือที่เขาต้องทำมันก็แค่รวบรวมแร่มานาให้ได้สองล้านชิ้น กับหินมานาสามหมื่นก้อน นอกจากนี้เขาก็ยังมีโอกาสในการจะโจมตีและฆ่ามังกรเด็กขั้นสี่ด้วย
หลังจากนั้นซือเฟิงก็เดินออกจากโรงแรมสกายแฟร์ไปด้วยรอยยิ้ม
ตอนนี้ฉันมีคริสตัลเวทย์มนต์มากพอแล้ว มันถึงเวลาที่จะให้ไลฟ์เลสธอร์นและคนอื่นๆไปทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่สักที ….
ตอนที่ 2778 ร่างมานาที่เสร็จไปครึ่งหนึ่ง
เมืองอุกกาบาต โรงแรมซิลเวอร์ :
หลังจากซือเฟิงได้รับคริสตัลเวทย์มนต์สี่ล้านห้าแสนชิ้นมาจากสกายแฟร์แล้ว เขาก็ได้กลับไปที่โรงแรมซิลเวอร์พร้อมกับยู่หลัว สำหรับงานประมูลเล็กๆที่เขาวางแผนจะจัดขึ้นในตอนแรกนั้น ไลอ้อนฮาร์ทได้ออกมาช่วยประกาศต่อสาธารณชนแล้วว่าสกายแฟร์จะผูกขาดไอเทมทั้งสองอย่างนี้ไว้ทั้งหมด และนี่มันก็ทำให้ความวุ่นวายของเรื่องนี้จบลงอย่างรวดเร็ว
ไม่มีผู้มีอำนาจกลุ่มใดในเมืองอุกกาบาตที่กล้าแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการผูกขาดของสกายแฟร์ เพราะท้ายที่สุดแล้วสกายแฟร์เป็นกองกำลังเดียวที่มีผู้เล่นขั้นสี่สองคน ….
ก่อนหน้านี้ผู้มีอำนาจกลุ่มอื่นๆนั้นยังคงกล้าที่จะยืนหยัดต่อสู้กับสกายแฟร์ เพราะว่าไลอ้อนฮาร์ทนั้นไม่สามารถจะฆ่านักสู้ขั้นสี่คนอื่นๆด้วยตัวเองได้ง่ายๆ อย่างไรก็ตามตอนนี้วินเชเซอร์ของสกายแฟร์ก็ได้กลายเป็นแอสซาซินที่มีอาชีพลับเป็นไนท์วอร์คเกอร์ขั้นสี่แล้ว ดังนั้นมันจึงจะเป็นเรื่องง่ายเลยสำหรับสกายแฟร์ที่จะฆ่านักสู้ขั้นสี่คนใดคนหนึ่งที่พวกเขาเล็งเป้า นี่มันจึงทำให้แม้แต่กองกำลังของผู้เล่นสองจากสามอันดับแรกที่เหลือก็ยังตัดสินใจจะทนต่อสถานการณ์นี้
นี่ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าคริสตัลแห่งวิญญาณนั้นสามารถจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับวิญญาณของผู้ใช้มันได้เล็กน้อยด้วย ซึ่งความช่วยเหลือนี้มันจะช่วยผู้เล่นได้มากอย่างแท้จริง เมื่อพวกเขาไปทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ และแม้ว่าทีมนักผจญภัยสกายแฟร์จะได้รับคริสตัลแห่งวิญญาณไปแค่ห้าชิ้นตามจำนวนที่ซือเฟิงจะตั้งใจนำออกมาประมูลแบบเดิม แต่มันก็ยังจะทำให้พวกเขามีผู้เล่นขั้นสี่เพิ่มขึ้นมาจากสองเป็นสามคนแน่นอน
ในขณะเดียวกัน เมื่อซือเฟิงกลับมาถึงห้องของเขา เขาก็ได้นำคริสตัลเวทย์มนต์เจ็ดหมื่นห้าพันชิ้นออกมาแจกจ่ายให้กับไลฟ์เลสธอร์น โซริทารี่ไนน์ หยานย่า คลีนซิ่งวิสเซิล และยู่หลัว
“โอ้ใช่แล้ว แล้วก็พวกคุณจะได้รับน้ำวิญญาณไปคนละหนึ่งหยดเช่นกัน ….” ซือเฟิงกล่าว ขณะที่เขาหยิบน้ำวิญญาณห้าหยดออกมาแจกจ่าย “เมื่อพวกคุณรวบรวมเศษชิ้นส่วนมรดกเสร็จสิ้นแล้วให้รีบดื่มมันทันที แม้ว่ามันจะไม่ได้ให้ผลเท่ากับคริสตัลแห่งวิญญาณ แต่มันก็ยังสามารถจะช่วยทำให้จิตใจของพวกคุณปลอดโปร่ง มีสมาธิ ซึ่งจะช่วยให้พวกคุณมีช่วงเวลาที่ง่ายขึ้นในการเรียนรู้สกิลมรดก”
ไลฟ์เลสธอร์น และสมาชิกทีมอาชูร่าคนอื่นๆพยักหน้าตอบสนอง ก่อนจะรับน้ำวิญญาณมาทันที
อย่างไรก็ตามยู่หลัวนั้นรู้สึกลังเล เธอไม่รู้ว่าเธอควรจะรับน้ำวิญญาณซึ่งมีราคาเป็นคริสตัลเวทย์มนต์สามหมื่นชิ้นต่อหยดมาดีรึปล่าว
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม น้ำวิญญาณนั้นมีค่ามากเกินไป แค่คุณยอมจ่ายให้ฉันได้ทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ ฉันก็เป็นหนี้บุญคุณ คุณมากแล้ว ฉันไม่สามารถจะรับน้ำวิญญาณมาเพิ่มได้จริงๆ” ยู่หลัวกล่าวปฎิเสธน้ำวิญญาณจากซือเฟิง หลังจากที่เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ฮีฟเว่นเบลดนั้นได้ร่วมมือกับสภาสิบแปดปีกมาครั้งเดียวเท่านั้น และทั้งสองฝ่ายก็ไม่สามารถจะถือว่าเป็นพันธมิตรกันได้เลย หากเธอรับน้ำวิญญาณมา เธอจะเป็นหนี้บุญคุณซือเฟิงอีกมาก และตัวเธอเองก็จะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการจะอธิบายให้ซีเว่ยฟัง เมื่อเธอกลับไป
อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็ตอบสนองต่อคำปฎิเสธของยู่หลัวด้วยการส่ายหัว และกล่าวว่า “มิสยู่หลัว คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้ให้น้ำวิญญาณนี้กับคุณฟรีๆ ฉันต้องการให้คุณช่วยฉันในเรื่องบางอย่างในอนาคต เพราะหากคุณไปถึงขั้นสี่ได้ มันจะมีโอกาสสูงมากขึ้นที่เราจะประสบความสำเร็จในเรื่องนี้”
“ช่วยคุณในเรื่องบางอย่าง ?” ยู่หลัวรู้สึกงุนงงเล็กน้อย
“ถูกต้อง ฉันวางแผนที่จะโจมตีมังกรเด็กขั้นสี่ อย่างไรก็ตามผู้เล่นขั้นสามจะไม่มีประโยชน์มากนักต่อหน้ามังกรเด็กขั้นสี่ มันมีเพียงผู้เล่นขั้นสี่เท่านั้นที่จะสามารถช่วยฉันได้มากในเรื่องนี้ ขณะเดียวกันนอกเหนือจากเรื่องนี้ตัวคุณเองก็ได้มาถึงขอบเขตอนันต์ และการควบคุมมานาของคุณก็จัดว่ายอดเยี่ยมมาก ซึ่งคุณเหลืออีกเพียงก้าวเดียวก็จะก้าวเข้าสู่มาตราฐานขั้นสี่ได้ ซึ่งด้วยความช่วยเหลือจากน้ำวิญญาณ มันจะทำให้คุณมีโอกาสมากขึ้นอีกมากในการจะทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้สำเร็จ” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า “ดังนั้นน้ำวิญญาณหยดนี้คือสิ่งที่ฉันเลือกจะลงทุนในตัวคุณ ฉันไม่ได้ให้คุณฟรีๆ ไม่ต้องคิดมากเกินไป”
การโจมตีมังกรเด็กขั้นสี่ที่กำลังจะมาถึงนี้ มันไม่ใช่สิ่งที่ผู้เล่นขั้นสามจะสามารถทำอะไรได้มากนัก และมันมีเพียงแค่ผู้เล่นขั้นสี่เท่านั้นที่จะจัดว่ามีประโยชน์ในเรื่องนี้จริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฮีลเลอร์ขั้นสี่ที่จะมีประโยชน์มากๆ เนื่องจากซือเฟิงไม่แน่ใจว่าหยานย่าจะสามารถทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้สำเร็จ ดังนั้นเขาจึงได้เลือกจะทำแบบนี้ และนี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่เขามีน้ำวิญญาณอยู่มากกว่าสองพันหยด ซึ่งเขาสามารถจะยอมรับความเสี่ยงในการลงทุนเล็กน้อยแบบนี้ได้สบายๆ
“ฉันเข้าใจแล้ว ถ้าครั้งนี้ฉันไม่สามารถทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ และกลายเป็นขั้นสี่ได้สำเร็จ ฉันจะหาทางตอบแทนคุณสำหรับน้ำวิญญาณหยดนี้ในภายหลัง” ยู่หลัวกล่าว เมื่อเธอได้ยินคำพูดล่าสุดของซือเฟิง มันก็ทำให้เธอรู้สึกเบาใจลงมาก
ความจริงแล้วมันคงจะเป็นการโกหก ถ้าเธอบอกว่าเธอไม่ต้องการน้ำวิญญาณ
ท้ายที่สุดเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่นั้นมันไม่ได้ง่ายเหมือนกับการไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ บรรดาผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดของเมืองอุกกาบาตได้แสดงให้เธอเห็นถึงเรื่องนี้มาแล้ว และในบรรดาผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดที่เลือกจะท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ มันก็มีน้อยกว่าสิบเปอเซ็นต์ที่สามารถทำได้สำเร็จ อย่างไรก็ตามหากเธอมีน้ำวิญญาณแบบนี้ มันก็น่าจะช่วยเธอในเรื่องนี้ได้มากทีเดียว
ยู่หลัวนั้นรับน้ำวิญญาณมาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
นั่นเป็นเพราะน้ำวิญญาณนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความหวัง แต่มันยังเป็นภาระอีกด้วย หากเธอทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้สำเร็จ เธอก็จะสามารถตอบแทนบุญคุณทั้งหมดที่เธอเป็นหนี้ได้ทันที เพราะท้ายที่สุดเครอลิคขั้นสี่นั้นนับว่าหายากอย่าวไม่น่าเชื่อใน God domain ยุคโบราณ ไม่ต้องพูดถึงยุคปัจจุบันเลย
“พวกคุณไปกันได้แล้ว ตอนนี้พวกคุณจะได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่ไหม มันก็ขึ้นอยู่กับตัวพวกคุณเองแล้ว” ซือเฟิงกล่าว หลังจากยู่หลัวยอมรับน้ำวิญญาณจากเขาไป ก่อนที่เขาจะกล่าวกับทุกคนว่า “จำไว้ว่าให้ประเมินความแข็งแกร่งของตัวเองให้ดี และยอมรับความแข็งแกร่งของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้สกิลที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ให้เรียนรู้สกิลที่คิดว่าตัวเองเชี่ยวชาญที่สุด”
เขาไม่สงสัยในความสามารถของทั้งห้าคนในเรื่องการรวบรวมเศษชิ้นส่วนมรดกให้ครบตามจำนวน สิ่งที่เขากังวลคือเรื่องความสามารถในการเรียนรู้สกิลมรดกขั้นสี่ให้ได้ในระยะเวลาที่กำหนด
หลังจากนั้นภายใต้การนำของยู่หลัว ไลฟ์เลสธอร์นและคนอื่นๆก็ได้ออกเดินทางไปพบกับผู้ฝึกสอนขั้นสี่ของเมืองอุกกาบาต
ตอนนี้มีเพียงแต่ซือเฟิงเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในห้องของโรงแรม
หวังว่าพวกเขาสักสองถึงสามคนจะสามารถทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้สำเร็จนะ …. เพราะหากเป็นแบบนี้ เราจะมีช่วงเวลาที่ง่ายขึ้นมากในการจะจัดการกับมังกรเด็กขั้นสี่ ซือเฟิงภาวนาในใจ ขณะที่เขามองไปยังกลุ่มห้าคนที่เดินหายไป หลังจากนั้นซือ
เฟิงก็ได้เลือกจะออกไปล่าเพื่อทำความคุ้นเคยกับร่างมานาที่ปลดล๊อคใหม่ของเขา เพราะหากเขาไม่คุ้นเคยกับมัน การโจมตีมังกรเด็กขั้นสี่อาจจะล้มเหลวได้
การลองโจมตีไลอ้อนฮาร์ทนั้นไม่ได้นับเป็นการต่อสู้ ตอนนี้เขาจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำความคุ้นเคยกับร่างมานาระดับอีปิคของเขาที่ปลดล๊อคศักยภาพได้หนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์แล้ว ซึ่งนี่เป็นเพราะทุกๆเปอเซ็นต์หลังทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ของร่างมานานั้นล้วนนำไปสู่การปรับปรุงที่ละเอียดอ่อน โดยเขาจำเป็นที่จะต้องรู้ทุกเรื่องทั้งหมดของร่างมานาของเขาหลังจากการปรับปรุงนี้ ….
และนอกเหนือจากจะต้องรู้ทุกเรื่องทั้งหมดของร่างมานาของเขาหลังจากการปรับปรุงแล้ว ซือเฟิงก็ยังจำเป็นจะต้องทำความคุ้นเคย และเรียนรู้กับมันด้วยเพื่อที่เขาจะได้สามารถแสดงพลังและศักยภาพที่ได้รับการพัฒนาของเขาออกมาได้อย่างเต็มที่
ในตอนนี้ร่างมานาของเขามันถือว่าเสร็จไปแล้วครึ่งหนึ่งเท่านั้น ตอนนี้เขาจะต้องทำการตรวจสอบ และวิเคราะห์ร่างมานาของเขาอย่างละเอียดเพื่อที่จะใช้มันให้เกิดประโยชน์ได้สูงสุด
หลังจากนั้นซือเฟิงก็ดื่มน้ำวิญญาณเข้าไปหนึ่งหยดเพื่อฟื้นฟูค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจบางส่วนที่เขาเสียไปในตอนใช้ โฮลี่ดีวอร์ จากนั้นเขาก็สวมเสื้อคลุมสีดำของเขา และออกไปจากเมืองอุกกาบาตอย่างเงียบๆ
หลังจากเช็คแผนที่จากระบบแล้ว ซือเฟิงก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อมุ่งหน้าไปยังภูเขาไฟต้านเวทย์มนต์ ซึ่งเป็นแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยสามสิบห้าที่ตั้งอยู่ห่างจากเมืองอุกกาบาตพอสมควร และตั้งแต่เริ่มออกเดินทางจนไปถึง มันก็ไม่มีใครในเมืองอุกกาบาตที่รู้ถึงการหายตัวไปจากเมืองของเขาเลย ….
ตอนที่ 2779 การปรับปรุงที่น่าอัศจรรย์
ตามที่ซือเฟิงเข้าใจ มันมีผู้เล่นและ NPC เพียงไม่กี่คนจากเมืองอุกกาบาต และเมืองใกล้เคียงอื่นๆที่เต็มใจจะมาล่าและสำรวจที่ภูเขาไฟต้านเวทย์มนต์ ซึ่งมันมีหลายปัจจัยที่เกี่ยวกับเรื่องนี้
ปัจจัยแรก สภาพแวดล้อมมานาที่นี่มันเบาบางมากๆ ซึ่งมันทำให้ผู้เล่น และ NPC ไม่สามารถจะแสดงพลังของสกิลและเวทย์ของพวกเขาออกมาได้อย่างเต็มที่ โดยนี่มันทำให้ผู้เล่นและ NPC เสียเปรียบมอนสเตอร์ที่นี่อย่างมาก
ปัจจัยที่สองคือมานาที่เบาบางที่มีอยู่เพียงเล็กน้อยในภูเขาไฟต้านเวทย์มนต์นั้นมันเป็นอะไรที่สับสน วุ่นวาย และโกลาหลมากๆ ซึ่งทำให้แทบไม่สามารถจะควบคุมได้เลย ดังนั้นการต่อสู้ที่นี่จึงจะไม่ได้ช่วยผู้เล่นหรือ NPC ในการปรับปรุงการควบคุมมานา
ปัจจัยที่สาม และเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือ มอนสเตอร์ที่อาศัยอยู่ในภูเขาไฟต้านเวทย์มนต์นั้นประกอบไปด้วยพวกที่เป็นสิ่งมีชีวิตสายธาตุไฟเท่านั้น ซึ่งพวกนี้จะมีพลังการต่อสู้ที่สูงกว่ามอนสเตอร์ทั่วไปมาก นอกจากนี้พวกมันยังอาศัยกันอยู่เป็นจำนวนมากในพื้นที่แห่งนี้ และแม้แต่ทีมผู้เล่นขั้นสามหนึ่งพันคนก็ยังจะมีปัญหาในการเอาชีวิตรอดในแผนที่นี้ ไม่ต้องพูดถึงการล่าและเก็บเลเวลเลย
อย่างไรก็ตามซือเฟิงนั้นไม่เหมือนผู้เล่นคนอื่นๆ เขาถือว่าแผนที่เป็นกลางแบบนี้นั้นเป็นพื้นที่เก็บเลเวลที่สมบูรณ์สำหรับเขา
สถานที่แห่งนี้มันน่าทึ่งจริงๆ มันมีทั้งลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่ และแกรนลอร์ดอยู่มากมาย ขณะที่ซือเฟิงที่ลอยอยู่บนอากาศมองไปยังมอนสเตอร์ที่เดินไปเดินมา เขาก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นเล็กน้อย เมื่อเป็นแบบนี้ฉันก็จะไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะมีคริสตัลแห่งวิญญาณไม่เพียงพอขายเลย
(เบเฮโมทภูเขาไฟ) (สัตว์อสูรปีศาจ,แกรนลอร์ด)
เลเวล 139
HP 3,600,000,000/ 3,600,000,000
(ลอร์ดสงครามนรก) (สิ่งมีชีวิตสายธาตุ ลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่)
เลเวล 137
HP 1,320,000,000/1,320,000,000
[หัวหน้านรก] (สิ่งมีชีวิตสายธาตุ แกรนลอร์ด)
เลเวล 138
HP 3,100,000,000/3,100,000,000
ซือเฟิงต้องยอมรับเลยว่าภูเขาไฟต้านเวทย์มนต์นั้นเป็นแผนที่ที่น่าทึ่งอย่างแท้จริง แผนที่นี้มันเต็มไปด้วยมอนสเตอร์ระดับลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่หรือสูงกว่า ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันยังเคลื่อนที่กันเป็นกลุ่ม กลุ่มละหนึ่งร้อยตัวหรือมากกว่านั้น และแต่ละกลุ่มก็เคลื่อนที่อยู่ใกล้ชิดกันมากๆ หากต่อสู้กับกลุ่มๆหนึ่ง มันก็มีสิทที่จะไปเป็นการดึงดูดอีกกลุ่มเข้ามาด้วย
อย่างไรก็ตามแม้ว่าแผนที่นี้จะมีความยากสูง แต่มันก็จัดเป็นพื้นที่ที่สมบูรณ์แบบในการล่าและเก็บเลเวลของพวกขั้นสี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกขั้นที่มีโดเมนมานา
ซือเฟิงได้พุ่งเข้าใส่เบเฮโมทภูเขาไฟ มอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเห็นอย่างไม่ลังเล
ช่วงเวลาต่อมา เมื่อซือเฟิงเข้าไปในระยะสามร้อยหลาห่างจากเบเฮโมทภูเขาไฟ แกรนลอร์ดตัวนี้ก็สังเกตเห็นการปรากฎตัวของเขาทันที โดยสัตว์อสูรปีศาจตัวนี้ที่มีความสูงสามสิบเมตร และมีเกล็ดปกคลุมไปด้วยเปลวไฟ ได้ส่งเสียงคำรามของมันออกมาทันที ซึ่งเสียงคำรามนี้ก็ได้ไปดึงดูดให้มอนสเตอร์โดยรอบเข้ามาทันที ซึ่งมันมีสัตว์อสูรภูเขาไฟมากกว่าสามพันตัวได้มาบรรจบกันในพื้นที่เดียวกับที่เบเฮโมทภูเขาไฟอยู่ โดยสัตว์อสูรภูเขาไฟพวกนี้ล้วนเป็นลอร์ดบอส เลเวลหนึ่งร้อยสามสิบห้าหรือสูงกว่า ขณะที่บางตัวเป็นลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่ด้วย
แม้แต่ทีมหนึ่งพันคนที่ประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญขั้นสามก็ยังจะต้องประสบกับสถานการณ์ลำบากเมื่อต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ที่มีเลเวลสูงขนาดนี้จำนวนมากแบบนี้ แถมมอนสเตอร์เหล่านี้ไม่เพียงแต่จะเคลื่อนไหวกันอย่างเป็นระเบียบ แต่มานาจางๆที่พวกมันแผ่ออกมายังแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าที่นี่คือบ้านของมัน และมันมีความเป็นต่ออยู่ โดยเมื่อมันใช้สกิลและเวทย์ธาตุไฟ มันจะมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นสองเท่า
และทันใดนั้นการโจมตีด้วยสกิลและเวทย์ไฟจำนวนหลายพันครั้งก็พุ่งผ่านอากาศเข้ามาหาซือเฟิง
แม้ว่าการโจมตีของพวกมันจะไม่ได้ประสานกันอย่างสมบูรณ์ แต่มันก็มีบางส่วนที่มีพลังอยู่ในขั้นสี่ด้วย และเมื่อบวกกับการที่มันมีจำนวนมากขนาดนี้ แม้แต่พวกขั้นสี่โดยทั่วไปก็ยังจะมีปัญหาในการรับมือกับมัน ….
“เข้ามา !!”
อย่างไรก็ตามเมื่อซือเฟิงเห็นการโจมตีหลายพันครั้งกำลังใกล้เข้ามา เขาไม่เพียงแต่จะไม่แสดงสัญญาณของความกลัวเลยแม้แต่น้อย แต่เขายังแสดงความตื่นเต้นออกมาอีกด้วย
ช่วงเวลาต่อมาซือเฟิงก็ได้เริ่มเหวี่ยงมือของเขา และจัดการกับพลังของร่างมานา ทันใดนั้นโดยมีซือเฟิงเป็นศูนย์กลางระลอกคลื่นก็แพร่กระจายออกไปรอบๆ ในขณะเดียวกันมันก็บังเกิดพายุขึ้นซึ่งทำให้พื้นที่โดยรอบสั่นสะเทือน
ตู้ม ! ตู้ม ! ตู้ม !
ชั่วขณะหนึ่ง มันมีเสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง และมันก็เปลี่ยนท้องฟ้าให้กลายเป็นทะเลเพลิงเมื่อพายุได้ทำลายการโจมตีนับพันครั้ง หลังจากนั้นพวกสัตว์อสูรภูเขาไฟที่ถูกล้อมรอบด้วยพายุก็ทรุดตัวลงกับพื้นทีละตัว ทีละตัว มีเพียงแต่ลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่ที่เป็นสัตว์อสูรภูเขาไฟเท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่ได้ ซึ่งมันก็นับเป็นสิ่งที่พวกมันสามารถทำได้มากที่สุดแล้ว เพราะตอนนี้แค่พวกมันพยายามจะขยับร่างกายก็ยังทำได้ยากมาก สำหรับเบเฮโมทภูเขาไฟที่เป็นหัวหน้าของสัตว์อสูรภูเขาไฟทั้งหมดก็ไม่ได้ดูดีไปกว่าสัตว์อสูรภูเขาไฟที่เป็นลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่มากนัก
นี่โดเมนมานาของฉันได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นไปจนถึงระดับนี้เลยงั้นหรอ ? ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เมื่อเขาได้เห็นฉากตรงหน้าเขา ปัจจุบันโดเมนมานาของเขาดูเหมือนจะปราบปรามได้แม้กระทั่งแกรนลอร์ด และแม้เบเฮโมทภูเขาไฟจะเป็นเป็นบอสที่เน้นด้านความแข็งแกร่ง แต่มันก็หลงเหลือความสามารถในการเคลื่อนที่อยู่แค่ราวครึ่งหนึ่งเท่านั้น หากเขานำโดเมนมานานี้ไปใช้กับบอสสายความเร็วผลการปราบปรามที่ได้มันจะน่าประหลาดใจยิ่งกว่านี้แน่นอน
หลังจากช่วงเวลาแห่งความสุขที่ได้รับรู้ถึงพลังของโดเมนมานาของตัวเองที่ปรับปรุงไปอย่างมาก ซือเฟิงก็ได้หยุดอะไรเรื่อยเปื่อย และเปิดใช้งานโดเมนดาบของเขาทันทีเพื่อเริ่มการสังหารหมู่มอนสเตอร์ทั้งหมดด้วยดาบเวทย์มนต์เจ็ดเล่มที่เขาเรียกออกมา
การโจมตีทั้งหมดของเขานั้นสร้างความเสียหายเป็นหลักสิบล้านต่อครั้ง โดยการโจมตีที่ติดคริติคอลจะสร้างความเสียหายมากกว่าหนึ่งร้อยล้าน และในกรณีของพวกสัตว์อสูรภูเขาไฟที่เป็นลอร์ดบอสที่มี HP เพียงหลายร้อยล้าน พวกมันก็จะตายลงหลังจากเผชิญหน้ากับการโจมตีของซือเฟิงแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น
ในท้ายที่สุดซือเฟิงก็ใช้เวลาน้อยกว่าครึ่งชั่วโมงในการสังหารหมู่มอนสเตอร์มากกว่าสามพันตัวโดยรอบของเขา และแม้แต่เบเฮโมทภูเขาไฟก็ยังไม่สามารถจะหลบหนีเขาไปได้
เนื่องจากซือเฟิงได้ต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่มีเลเวลสูงมากขนาดนี้ ดังนั้นแถบค่า EXP ของเขาจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากที่การต่อสู้สิ้นสุดลง และแน่นอนว่าเมื่อเขามาถึงขั้นสี่แล้วมอนสเตอร์ที่อยู่ในระดับลอร์ดบอสหรือต่ำกว่านั้นมันก็จะมอบ EXP ให้เขาน้อยลง มีเพียงแค่เฉพาะลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่และแกรนลอร์ดเท่านั้นที่มอบ EXP ให้เขาตามปกติ
นี่อาจถือเป็นข้อเสียอย่างหนึ่งของการเลื่อนขั้นมาเป็นขั้นสี่
แต่ถึงกระนั้นค่า EXP ของซือเฟิงก็ยังมาหยุดอยู่ที่สามสิบสี่เปอเซ็นต์ ในเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบเจ็ดได้ ซึ่งความเร็วในการเก็บเลเวลของเขามันน่าอัศจรรย์มากๆ และในอัตรานี้ เขาจะมีเลเวลเพิ่มขึ้นสองเลเวลแน่นอนเมื่อสิ้นสุดวัน
อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจใดๆกับสถานการณ์นี้
ใน God domain หลังจากที่คนๆหนึ่งมาถึงขั้นสี่แล้ว การเก็บเลเวลจะกลายเป็นเรื่องที่ง่ายมาก เพราะสิ่งที่ต้องทำก็คือการค้นหาสถานที่ที่มีมอนสเตอร์จำนวนมากเท่านั้น
ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา ผู้เล่นขั้นสี่จะบ่นเกี่ยวกับเรื่องที่ไม่มีพื้นที่ให้ล่าใน God domain อยู่บ่อยครั้ง และงานในการค้นหามอนสเตอร์นั้นก็สร้างความยากลำบากให้กับผู้เล่นขั้นสี่มากกว่าการฆ่าพวกมันอย่างมาก และสิ่งที่ยากยิ่งกว่าคือการรวบรวมไอเทมที่ดรอปจากมอนสเตอร์ ผู้เล่นขั้นสี่ใช้เวลารวบรวมไอเทมที่ดรอปจากมอนสเตอร์นานกว่าเวลาที่ใช้ในการฆ่ามันซะอีก
แน่นอนเลยว่าขั้นตอนการรวบรวมไอเทมที่ดรอปนั้นน่าเบื่อมาก …. ซือเฟิงรู้สึกปวดหัว เมื่อเขาเห็นไอเทมทั้งหมดที่ดรอปกระจายกันอยู่ในรัศมีหนึ่งพันหลา
ในตอนนี้ในที่สุดเขาก็ได้เข้าใจถึงความทุกข์ของผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ในชีวิตที่ผ่านมาของตัวเอง
อย่างไรก็ตามการจะเพิกเฉยต่อไอเทมทั้งหมดที่ดรอปนี้มันก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเช่นกัน เพราะมอนสเตอร์เหล่านี้นั้นดรอปไอเทมที่ยอดเยี่ยมมากๆ ในบรรดาไอเทมที่ดรอปทั้งหมดมันมีทั้งคริสตัลเวทย์มนต์ที่มาจากธาตุไฟ และแร่หายากต่างๆมากมาย
โดยคริสตัลเวทย์มนต์ธาตุไฟพวกนี้มันสามารถนำไปใช้ผลิตอาวุธและอุปกรณ์ชั้นยอดของธาตุนั้นๆได้ อย่างไรก็ตามมันก็หายากอย่างมากใน God domain ยุคปัจจุบัน
ซือเฟิงนั้นลงเอยด้วยการใช้เวลาสองชั่วโมงในการเก็บรวบรวมไอเทมทั้งหมดที่กระจัดกระจายไปทั่วสนามรบ อย่างไรก็ตามเขาก็ต้องยอมรับเลยว่านี่มันนับเป็นการเก็บเกี่ยวอย่างมหาศาลอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าเขาจะไม่นับรวมพวกไอเทมระดับทองแดง เลเวลหนึ่งร้อยสามสิบ แต่เขาก็ยังคงได้รับไอเทมระดับเหล็กลึกลับ ลึกลับขั้นเงิน แลไฟน์โกลมาเป็นจำนวนมาก แถมเขาก็ยังได้รับคริสตัลเวทย์มนต์แบบปกติมาอีกมากกว่าสี่พันชิ้น และคริสตัลเวทย์มนต์ธาตุไฟมาอีกมากกว่าสามร้อยชิ้น
หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้ทำการฆ่ามอนสเตอร์อีกหลายกลุ่มในภูเขาไฟต้านเวทย์มนต์ และเลเวลของเขาก็ได้เพิ่มจากหนึ่งร้อยยี่สิบเจ็ดไปเป็นหนึ่งร้อยยี่สิบแปด ขณะที่จำนวนคริสตัลเวทย์มนต์ที่เขารวบรวมมาได้นั้นมันก็มีมากกว่าสามหมื่นชิ้น สำหรับคริสตัลเวทย์มนต์ธาตุไฟเขารวบรวมมาได้มากกว่าหนึ่งพันห้าร้อยชิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเร็วในการเก็บเลเวลและทำเงิน เขาล้วนเหนือกว่ามาตราฐานของผู้เล่นขั้นสี่ทั่วไปมาก
หลังจากนั้นเมื่อเห็นท้องฟ้ามืดลง ซือเฟิงก็ได้เลือกจะพักหลบในถ้ำที่ปลอดภัยที่เขาหาไว้ล่วงหน้าแล้ว ก่อนที่เขาจะเรียกอินเตอร์เฟซระบบของเขาออกมา
แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอสำหรับวันนี้แล้ว …. ด้วยการล่าที่นี่อีกไม่กี่วัน ฉันก็จะมีเลเวล
มากกว่าเลเวลเฉลี่ยของผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดที่นี่ และในตอนนั้นฉันก็ไม่น่าจะเสียเปรียบมากนัก เมื่อเริ่มโจมตีมังกรเด็กขั้นสี่ ซือเฟิงรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก เมื่อเห็นว่าความตอนนี้เขาได้มาถึงเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบแปด และมี EXP สิบเก้าเปอเซ็นต์แล้ว
นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาสามารถผลิตคริสตัลแห่งวิญญาณได้เพิ่มอีกถึงเจ็ดชิ้นในการล่าวันนี้
ซึ่งนี่มันมากกว่าจำนวนที่เขาจะผลิตได้ใน God domain ยุคปัจจุบันต่อวันอย่างมาก
หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้เลือกจะออกจากเกมไปเพื่อพักผ่อน เพราะท้ายที่สุดเขาใช้เวลาออนไลน์มามากกว่ายี่สิบสี่ชั่วโมงแล้ว และแม้ว่าตอนนี้เขาจะใช้ห้องเกมเคบินเฟียเลสอยู่ แต่การออนไลน์เป็นเวลานานก็ยังคงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก
เมื่อซือเฟิงออฟไลน์ และพยายามจะปีนออกมาจากห้องเกมเคบิน มันก็ได้มีเสียงแจ้งเตือนโทรเข้าดังขึ้นมาที่ห้องเกมเคบินของเขา
ซึ่งผู้ที่โทรเข้ามานี้นั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเหลียงจิง ผู้บริหารสำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีก
“หัวหน้ากิลในที่สุดหัวหน้าก็รับสายสักที !!!” เหลียงจิงกล่าวด้วยความโกรธ “ฉันได้นำรองหัวหน้ากิลทั้งสองมาที่เมืองหยวนเทียนตามคำขอของคุณแล้ว จะให้ฉันทำอะไรต่อ ?”
“เธอมาถึงแล้วงั้นหรอ ?” ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เหลียงจิงจัดการทุกอย่างที่เขาสั่งได้อย่างรวดเร็วมากๆ ก่อนที่เขาจะหัวเราะและพูดว่า “โอเค งั้นพาพวกเขามาที่ทางเข้าของ Upper Zone ทันที ฉันจะไปรอที่นั่น”
“ทางเข้า Upper Zone ?” เหลียงจิงอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นเมื่อไดยินคำพูดของซือเฟิง “โอเค ! เราจะไปถึงที่นั่นภายในสามชั่วโมง”
ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เมื่อได้เห็นสีหน้าตื่นเต้นของเหลียงจิง อย่างไรก็ตามเขาก็เข้าใจอารมณ์ของเธอดี เพราะท้ายที่สุดแล้ว Upper Zone นั้นเป็นสถานที่ที่ผู้คนนับไม่ถ้วนล้วนใฝ่ฝันจะได้เข้ามา แต่อย่างไรก็ตามนี่มันก็มีปัญหาอยู่เล็กน้อย ฉันแลกคะแนนการค้ามาได้แค่หนึ่งร้อยแต้มเท่านั้นเมื่อวานนี้ แม้ว่าฉันจะใช้คะแนนทั้งหมดที่ฉันมีแล้วก็ตาม ถ้าพวกเธอสองคนมาอยู่กับฉันด้วย ฉันจะไม่สามารถจ่ายแม้แต่ค่าอาหารของฉันและพวกเธอได้ ดูเหมือนว่าฉันจำเป็นจะต้องไปขายคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ห้าพันชิ้นในตอนนี้เลย ตอนนี้แค่คิดเรื่องค่าอาหารมันก็ทำให้ซือเฟิงปวดหัวมากแล้ว
โชคดีที่เขาได้รับคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ห้าพันชิ้นมาจากไมโทโลจี้จากการขายข้อมูลเรื่องเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ ไม่งั้นเขาคงจะได้เริ่มขอทานแน่นอน
หลังจากนั้นซือเฟิงก็จัดการตัวเอง และรีบมุ่งหน้าไปที่หอคอยกรีนก๊อดทันที
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น