Reincarnation Of The Strongest Sword God 2861-2864
ตอนที่ 2861 พบกับซี่หยวนอีกครั้ง
หุบเขาหมอกเวทย์มนต์ พื้นที่ชั้นนอก :
เนื่องจากที่นี่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีแดงตลอดทั้งปี ดังนั้นทั่วทั้งหุบเขานั้นจึงเต็มไปด้วยไอน้ำ และพืชพรรณที่ขึ้นเขียวชอุ่ม โดยพืชพรรณที่นี่นั้นก็ล้วนมีชีวิตแบบเดียวกับสิ่งมีชีวิตทั่วไป
นอกเหนือจากนี้แล้วพวกมันยังเคลื่อนไหวตลอดเวลา ซึ่งมันก็ได้ทำให้หุบเขาที่กว้างใหญ่นี้กลายเป็นเสมือนเขาวงกตเลย
“แม่งเอ้ย !! คนพวกนั้นหนีกันเร็วจริงๆ !!! และตอนนี้เราก็ต้องมาลำบากไล่ล่าพวกเขา ถ้าพวกเขายอมตายกันดีๆ เราก็คงจะไม่ต้องลำบากขนาดนี้ !!!” นักดาบหญิงขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบสามกล่าวด้วยความไม่พอใจอย่างมาก
“แต่นี่มันก็นับเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเรานะ ….” เบอเซิกเกอร์ซึ่งอยู่ในเลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบสามเหมือนกันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าไม่ใช่เพราะผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ของกองกำลังท้องถิ่นเหล่านี้ เราก็คงจะไม่มีโอกาสได้รับคะแนนสะสมของพันธมิตร”
“ใช่แล้ว และตราบใดที่เรารวบรวมคะแนนสะสมได้มากพอ เราก็จะสามารถย้ายไปอยู่ในพื้นที่เจริญรุ่งเรือง (คล้าย Upper Zone เท่าที่แอดอ่านน่าจะเป็นพื้นที่แบบ Upper Zone ของคนในทวีปดวงดาว) ซึ่งจะทำให้เรามีชีวิตยืนยาวได้ !!” นักดาบหญิงขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบสามพยักหน้าด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง “ฉันได้ยินมาว่าในพื้นที่เจริญรุ่งเรืองนั้นมันมีโพชั่นที่จะสามารถช่วยยืดอายุขัยของมนุษย์ออกไปได้ด้วย และตอนนี้โพชั่นแบบนี้ก็สามารถแลกเปลี่ยนได้ผ่านคะแนนสะสมของพันธมิตร …”
“ฉันก็ได้ยินเรื่องนี้มาเช่นกัน ซึ่งโดยปกติโพชั่นเหล่านี้นั้นจะมีไว้ให้พวกนายน้อย และคุณหนูของตระกูลใหญ่ๆใช้เท่านั้น และมันก็ไม่เคยเหลือมาถึงพวกเราเลย” Elementalist ขั้นสี่ที่อยู่ในวัยกลางคน และมีเลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบห้าพยักหน้า ก่อนที่จะพูดว่า “แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันได้เปลี่ยนไป เพื่อที่จะเอาชนะผู้เชี่ยวชาญท้องถิ่นเหล่านี้ พวกพันธมิตรจึงจำเป็นจะต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญอย่างเรา แต่อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญท้องถิ่นพวกนี้นั้นก็พอจะมีความสามารถอยู่บ้าง ดังนั้นการจะล่าค่าหัวพวกเขาให้ได้มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย ….”
ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่เหล่านี้กำลังพูดคุยกันนั้น ทีมของผู้เล่นอีกทีมหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนักก็มองมายังพวกเขาอย่างดูถูก
“ทหารรับจ้างพวกนี้นั้นช่างโลกสวยจริงๆ นี่พวกเขาคิดว่าโพชั่นยืดอายุขัยจะสามารถแลกเปลี่ยนได้ง่ายๆงั้นหรอ ?” สาวผมสั้นขั้นสี่ซึ่งสะพายขวานยักษ์อยู่มองไปยังเหล่าผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่หลายคนที่พูดคุยกันในเรื่องนี้ด้วยความรังเกียจ “มันยากมากๆที่จะแลกมาให้ได้จำนวนหนึ่งแม้แต่กับกิลร้อยผีโดดเดี่ยวของเราก็ตาม แต่พวกเขาที่เป็นแค่ทหารรับจ้างต้องการจะแลกโพชั่นนั้นเนี่ยนะ ?”
“เฟยยี่ คุณจะพูดแบบนั้นมันก็ไม่ถูกนัก หากเราไม่มอบผลประโยชน์บางอย่างให้กับคนเหล่านี้ แล้วคนเหล่านี้จะยอมมาทำงานให้กับเราได้ยังไง ?” นักดาบที่เป็นชายหนุ่ม ซึ่งก็คือซี่หยวนที่ยืนอยู่ข้างๆสาวผมสั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “และการที่พวกเขามีปฎิกิริยาแบบนี้ กับกระตือรือร้นที่จะทำงานให้เรามันก็นับเป็นเรื่องดีนี่นา ส่วนเรื่องพวกเขาจะแลกได้หรือไม่ได้นั้นก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของพวกเขาเองเถอะ ….”
โพชั่นที่สามารถยืดอายุขัยออกไปได้นั้นมันจัดเป็นสิ่งที่มีค่ามากๆในโลกที่พวกเขาอาศัยอยู่ และแม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้ที่มาจากตระกูลที่ยิ่งใหญ่ แต่มันก็ยังคงยากมากสำหรับพวกเขาที่จะได้รับมาสักขวด อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขาทั้งหมดกับจะสามารถแลกเปลี่ยนมันได้ผ่านคะแนนสะสมพันธมิตร ซึ่งแม้มันจะยากไปหน่อย แต่มันก็นับเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ไม่ใช่รึไง ?
ก่อนที่ซี่หยวนจะทันได้พูดอะไรต่อ แรนเจอร์ขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบสี่ก็ได้เดินเข้ามาหาเขา
“หัวหน้าทีม เราพบรอยเท้าของคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งจากการตรวจสอบ เราพบว่ามันน่าจะเป็นร่องรอยของพวกผู้เชี่ยวชาญจากกองกำลังท้องถิ่นที่เรากำลังตามล่าอยู่” แรนเจอร์ขั้นสี่กล่าวรายงาน
“โอเค !! เอาล่ะพวกเราได้เวลาไล่ล่ากันต่อแล้ว !!!” ซี่หยวนกล่าวพลางหัวเราะ “แค่ฆ่าพวกนั้นให้หมดสักครั้ง แล้วมาดูกันดีกว่าว่าไชนิ่งไทเกอร์จะยังกล้าส่งสมาชิกกิลของพวกเขามาล่าที่นี่อีกไหม !!!”
ในปัจจุบันมหาอำนาจท้องถิ่นต่างๆ (พูดถึงพวกมหาอำนาจในทวีปหลักของ God domain อะล่ะ) นั้นกำลังดิ้นรนอย่างหนักเพื่อจะให้ตัวเองรอดพ้นจากการล่มสลาย ซึ่งผู้เล่นขั้นสี่ และยิ่งเป็นระดับผู้เชี่ยวชาญนั้นก็จัดว่าเป็นตัวตน กับกุญแจที่สำคัญมากๆของพวกเขาในเรื่องนี้ เพราะพวกเขาจะสามารถส่งผู้เล่นแบบนี้เข้ามาล่าในดินแดนต้องห้ามเพื่อค้นหาโอกาสสำหรับกิลตัวเองได้ ดังนั้นหากกองกำลังผู้รุกรานอย่างพวกเขาสามารถจำกัดการเข้าถึงแผนที่ และโอกาสแบบนี้ของมหาอำนาจท้องถิ่นได้ พวกเขาก็จะสามารถสร้างความเสียหายให้กับมหาอำนาจท้องถิ่นได้แน่นอน แถมพวกเขาก็ยังมีวิธีที่จะเพิ่มโทษจากการตายให้เป็นสองเท่าด้วย
ซึ่งเรื่องโทษจากการตายนี้นั้นมันนับเป็นเรื่องใหญ่สำหรับมหาอำนาจท้องถิ่น เพราะท้ายที่สุดแล้ว เมื่อโทษจากการตายเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่านั้น เมื่อผู้เล่นตายลงผู้เล่นก็จะดรอปอาวุธและอุปกรณ์ออกมาสองถึงสามชิ้น นี่ยังไม่นับรวมเรื่องเลเวล และอีกหลายด้านที่มหาอำนาจท้องถิ่นยากจะฟื้นฟูขึ้นมาได้ในระยะเวลาอันสั้นอีก
“รับทราบ !!”
แรนเจอร์ขั้นสี่เริ่มติดต่อไปยังคนอื่นๆ และเรียกให้ไปรวมตัวกันที่พิกัดเป้าหมายทันที
อีกด้านหนึ่งบริเวณป่าในพื้นที่ชั้นนอกของหุบเขาหมอกเวทย์มนต์ :
“เราแค่ต้องรีบวิ่งตรงไปยังทิศทางนั้นอีกสี่ถึงห้าชั่วโมง เราก็จะสามารถออกจากหุบเขาหมอกเวทย์มนต์แห่งนี้ได้แล้ว !!!” ซิคทีนคลาวด์ชี้ไปยังทิศทางที่เป็นทางออกด้วยความตื่นเต้น
สภาพแวดล้อมทั้งหมดในหุบเขาหมอกเวทย์มนต์อาจจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยมันก็คือบริเวณทางออก ซึ่งเป็นที่ตั้งของเทือกเขาที่สูงตระหง่าน
และเมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้เทือกเขาแล้วแบบนี้ มันก็แปลว่าพวกเขาเข้าใกล้ทางออกแล้วนั่นเอง ….
เมื่อพวกเขาออกจากที่นี่ไปได้เมื่อไหร่ พวกเขาก็จะสามารถใช้ม้วนคัมภีร์วาร์ปกลับเมือง กลับไปยังเมืองของพวกเขาได้โดยตรง ซึ่งเมื่อเวลานั้นมาถึง พวกผู้รุกรานจากโลกอื่นก็จะไม่สามารถตามล่าพวกเขาได้อีกต่อไป
ซอลเลอร์ฟูลไซเร้น และการ์เดี้ยนไนท์ขั้นสี่นั้นก็มีท่าทีตื่นเต้นมากเช่นเดียวกับซิคทีนคลาวด์
พวกเขาสามคนนั้นถูกคำสาป ซึ่งมันจะทำให้พวกเขาได้รับโทษจากการตายเพิ่มขึ้นสองเท่า แถมนอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว คำสาปนี้เมื่อพวกเขาตายลงนั้น มันยังจะทำให้พวกเขากลับมาฟื้นคืนชีพในที่เดิมที่พวกเขาตายด้วย
ซึ่งนี่มันทำให้พวกเขาทุกคนรู้สึกสิ้นหวังมากๆ อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขาทุกคนได้กลับมามีความหวังอีกครั้งแล้ว
หากพวกเขาเลือกจะหนีออกมาเองสามคนมายังพื้นที่ชั้นนอกของหุบเขาหมอกเวทย์มนต์นั้น นอกจากพวกเขาจะมีสิทต้องเจออันตรายจากการไล่ล่าของผู้เล่นแล้ว พวกเขายังมีสิทต้องเจออันตรายจากฝูงมอนสเตอร์ด้วย ซึ่งตราบใดที่พวกเขาเจอหนึ่งในสองอย่างนี้ พวกเขาก็ยากที่จะหนีไปได้แล้ว ….
แต่ตอนนี้เมื่อพวกเขาติดตามทีมสี่คนของซือเฟิงมานั้น พวกเขากับไม่พบเจออะไรเลย ไม่เว้นแม้แต่ฝูงมอนสเตอร์ โดยนี่มันก็ต้องนับว่าโชคของทีมซือเฟิงนั้นมันท้าทายสวรรค์อย่างมาก
อย่างไรก็ตามเมื่อทีมสี่คนของซือเฟิง บวกกับอีกสามคนของซิคทีนคลาวด์มาถึงบริเวณเชิงเขา วงเวทย์ขนาดใหญ่ก็ก่อตัวขึ้นและปกคลุมรัศมีกว่าพันหลา ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าวงเวทย์นี้นั้นแข็งแกร่งมากๆ และแม้แต่มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายชั้นยอดก็ไม่น่าจะสามารถทำลายมันได้ง่ายๆ
“ไม่ดีแล้ว !! พวกเราถูกหลอก !!!” ซิคทีนคลาวด์มองไปยังวงเวทย์ขนาดใหญ่ที่ก่อตัวขึ้นด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด
เดิมทีเธอคิดว่าผู้รุกรานจากโลกอื่นน่าจะถอยไปแล้ว แต่ตอนนี้มันกลับตรงกันข้ามเลย พวกเขากับยังรออยู่ และรอให้พวกเธอเดินเข้ามาในกับดัก
และตอนนี้เมื่อพวกเขาโดนวงเวทย์ขนาดใหญ่แบบนี้ปิดกั้นเอาไว้ พวกเขาก็จะไม่มีความหวังที่จะหลบหนีได้อีกแล้ว
“พวกคุณทำให้เราต้องรอนานมากๆเลยนะ อย่างไรก็ตามตอนนี้มาดูกันดีกว่าว่าพวกคุณจะสามารถหลบหนีไปได้อีกไหม ?” ชายผู้ที่ดูดุร้าย และมีเลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบห้า กล่าวอย่างล้อเลียน ในขณะที่เขาปรากฎตัวขึ้น ….
ก่อนหน้านี้ แม้ว่าพวกเขาจะสามารถกำจัดผู้เล่นส่วนใหญ่ในทีมของไชนิ่งไทเกอร์ได้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจะจัดการกับสามคนนี้ได้ อันเนื่องมาจากสามคนนี้นั้นเด็ดขาดเกินไป และสามคนนี้ก็เลือกจะหนีทันที โดยไม่ให้เวลาพวกเขาในการกางวงเวทย์เลย
อย่างไรก็ตามเมื่อไม่นานมานี้ อยู่ๆร่องรอยของซิคทีนคลาวด์และอีกสองคนก็กลับมาปรากฎขึ้นอีกครั้ง ดังนั้นในครั้งนี้พวกเขาจะไม่ปล่อยให้ซิคทีนคลาวด์และอีกสองคนหนีไปได้ง่ายๆแน่นอน
ในตอนนี้ซิคทีนคลาวด์ก็ได้มองไปยังซือเฟิงพลางกล่าวขึ้นด้วยความรู้สึกผิดว่า “หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ทั้งหมดนี้มันเป็นความผิดของฉันเอง ถ้าฉันเลือกจะออกไปจากที่นี่ทางอื่น คุณก็คงจะไม่ต้องมาซวยด้วยแบบนี้ …”
มันมีทางเข้าและออกอยู่มากกว่าหนึ่งทางในหุบเขาหมอกเวทย์มนต์ ซึ่งถ้าพวกเขาเลือกทางอื่น มันก็มีสิทสูงที่ผู้เล่นเหล่านี้จะตามพวกเขาไม่เจอ และซือเฟิงก็จะไม่ต้องมาซวยกับพวกเขาไปด้วย ….
“รองหัวหน้ากิลซิคทีนคลาวด์ คุณไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง …” ซือเฟิงส่ายหัวช้าๆ ก่อนจะกล่าวว่า “หลังจากนี้ช่วยหาทางออกที่ใกล้ที่สุดให้ฉันหน่อย สำหรับเรื่องนี้ มันไม่เป็นอะไรหรอก ไม่ช้าก็เร็วยังไงฉันก็จะต้องสะสางปัญหานี้อยู่แล้ว ….”
หลังจากที่ซือเฟิงพูดจบ ชายผู้ที่ดูดุร้ายที่ได้ยินคำพูดของเขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
“หื้ม ?! ปากดีใช้ได้เลยนี่ !!!”
“หัวหน้าทีมซี่หยวน ให้พวกเราจัดการกับผู้เชี่ยวชาญท้องถิ่นพวกนี้เดี๋ยวนี้เลยเถอะ !!! ดูเหมือนว่าผู้เชี่ยวชาญพวกนี้จะหยิ่งผยองเกินไปแล้ว !!!”
เมื่อได้ยินคำพูดของผู้เชี่ยวชาญท้องถิ่นอย่างซือเฟิงนั้น เหล่าผู้เชี่ยวชาญที่เป็นผู้รุกรานจากโลกอื่นก็เต็มไปด้วยความโกรธมากๆ
ในความเห็นของพวกเขาผู้เล่นท้องถิ่นที่ในโลกที่พวกเขาเข้ารุกรานนั้นล้วนเป็นพวกไร้อารยธรรม และอ่อนแอ ซึ่งไม่ควรค่าแก่การจะถูกเรียกว่าเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาด้วยซ้ำ แต่ถึงกระนั้นตอนนี้พวกเขากับโดนผู้เชี่ยวชาญท้องถิ่นคนหนึ่งเมินอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าพวกเขาจะเข้าล้อมกรอบผู้เชี่ยวชาญคนนี้พร้อมกับทีมของเขาเอาไว้ด้วยผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่มากกว่าสามสิบคน และผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่มีพลังเทียบเท่ากับขั้นสี่อีกเกือบหนึ่งร้อยคน ….
“หัวหน้าทีมซี่หยวน คุณจะเอายังไง ? ผู้เชี่ยวชาญท้องถิ่นเหล่านี้นั้นไม่ได้รู้จักความแตกต่างของสวรรค์และโลกเลย โดยเฉพาะชายในคลุมสีดำคนนั้นที่หยิ่งผยองมากๆ คุณจะไปสั่งสอนพวกเขาเอง หรือจะให้พวกเราลงมือให้ ?”
ตอนที่ 2862 ใครคือผู้ถูกล่า และใครคือผู้ล่า
คำพูดของหัวหน้าทีมทหารรับจ้างและหัวหน้าทีมนักผจญภัยที่มีชื่อว่าอินทรีนั้นทำให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ และผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่มีพลังเทียบเท่ากับขั้นสี่ของพวกเขานั้นแทบจะทนรอไม่ไหวแล้วที่จะได้เริ่มการฆ่าเจ็ดคนนี้
ปัจจุบันหากสามารถฆ่าผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ในท้องถิ่นได้นั้นพันธมิตรจะมอบคะแนนสะสมให้สามร้อยแต้มต่อการฆ่าหนึ่งครั้ง แต่หากฆ่าด้วยคำสาป ผู้ฆ่าก็จะได้รับคะแนนสะสมจากพันธมิตรถึงหนึ่งพันแต้มเลย
ซึ่งหนึ่งพันคะแนนของพันธมิตรนี้มันก็มีค่ามากๆแม้สำหรับผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เจริญรุ่งเรือง ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงกับผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ทั่วไปเลย
โดยหากเปลี่ยนคะแนนสะสมของพันธมิตรหนึ่งพันแต้มเป็นรายได้ที่เป็นตัวเงินจริงๆนั้น มันจะมีค่าเท่ากับรายได้สูงสุดของคนทั่วไปที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เจริญรุ่งเรืองสิบปีเลย
ใช่แล้ว !!! พันธมิตรที่พวกเขาสังกัดนั้นต้องการจะถอนรากถอนโคนผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ในท้องถิ่นให้หมดไปอย่างแท้จริง ….
นอกจากนี้นี่มันก็ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของพันธมิตรที่จะพิชิตทวีปหลักของ God domain แห่งนี้ด้วย
อย่างไรก็ตามกุญแจที่สำคัญที่สุดของเรื่องนี้เลยก็คือ คะแนนสะสมของพันธมิตรนั้นสามารถจะแลกเปลี่ยนเป็นเงินตราได้ก็จริง แต่เงินตรานั้นไม่สามารถจะนำมาแลกคะแนนสะสมของพันธมิตรได้ แถมคะแนนสะสมของพันธมิตรยังสามารถจะนำไปใช้แลกเปลี่ยนสิ่งของหรือไอเทมต่างๆที่ไม่สามารถแลกได้ด้วยเงินอีกต่างหาก ….
โดยผู้เชี่ยวชาญท้องถิ่นขั้นสี่เจ็ดคนนี้จะทำให้พวกเขาร่ำรวยอย่างมากแน่นอน และแม้ว่าจะแบ่งแบบเท่าๆกันแล้ว แต่พวกเขาก็จะยังคงเหลือเงินใช้อยู่อย่างมหาศาลอยู่ดี
อย่างไรก็ตามซี่หยวนนั้นไม่ได้ตอบสนองต่อคำพูดของหัวหน้าทีมทหารรับจ้างที่มีชื่อว่า หยิงชุน ตรงกันข้ามเขาได้แต่จ้องมองไปยังชายในเสื้อคลุมสีดำที่แม้ว่าตัวชายผู้นี้จะถูกล้อมรอบด้วยผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ และผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่มีความแข็งแกร่งเท่ากับขั้นสี่จำนวนมาก พร้อมๆกับถูกวงเวทย์ปราบปรามพลังอยู่ แต่ชายผู้นี้ก็ยังคงดูสงบ ในขณะที่ดวงตาของชายผู้นี้นั้นก็ดูเย็นชา และมืดมนมากๆ
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม !! ไม่นึกเลยจริงๆว่าจะได้มาเจอคุณที่นี่ !!!”
ซี่หยวนนั้นเพิกเฉยต่อคนรอบข้างในปัจจุบันของเขาอย่างสิ้นเชิง และตอนนี้สิ่งที่เขาทำก็คือการจ้องมองไปยังซือเฟิง และพูดกับซือเฟิงเท่านั้น อย่างไรก็ตามทุกคนที่อยู่โดยรอบก็สัมผัสได้ถึงความโกรธ และเจตนาฆ่าฟันที่ถูกส่งออกมาผ่านน้ำเสียงของเขาได้อย่างชัดเจน
นับตั้งแต่การต่อสู้ที่เมืองสกายสปริง แม้ว่าเขาจะได้รับการช่วยเหลือออกมา และไม่ได้ถูกขังคุกเป็นเวลามากกว่าสิบวัน แต่ชื่อเสียงของเขาในกิลนั้นก็ได้รับความเสียหายอย่างมาก ….. จากอัจฉริยะสามสามอันดับแรกของกิล ตอนนี้เขากับต้องมาทำภารกิจไล่ฆ่าผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ของไชนิ่งไทเกอร์ และอีกมากมาย ซึ่งมันก็ไม่ได้จัดเป็นงานที่ง่ายเลย ….
เขานั้นเกลียดซือเฟิงลึกลงไปถึงกระดูกดำเลยในเรื่องนี้ แต่อย่างไรก็ตามหลังจากช่องทางเข้าของโลกถูกเปิดขึ้น เขาก็ยังไม่ได้ข่าวใดๆเกี่ยวกับซือเฟิงเลย ดังนั้นเขาจึงยังไม่มีโอกาสที่จะได้กู้ชื่อเสียงของเขากลับคืนมา ….
แต่อย่างไรก็ตามวันนี้ดูเหมือนพระเจ้าจะเข้าข้างเขา เพราะพระเจ้าได้ผลักซือเฟิงให้เข้ามาติดกับของเขาพร้อมกับผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ของไชนิ่งไทเกอร์
อย่างไรก็ตามทัศนคติของซือเฟิงนั้นก็ยังคงไม่แยแสอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าเขาจะสัมผัสได้ถึงความโกรธหรือเจตนาฆ่าฟันผ่านน้ำเสียงของซี่หยวนก็ตาม และเขาก็ได้กล่าวขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “อ้อ มันเป็นคุณนี่เองหัวหน้าทีมซี่หยวนที่เป็นผู้นำทีมนี้ …. ดูเหมือนว่าหลังจากไม่เจอกันสักพัก คุณจะพัฒนาขึ้นไปมากเลยทีเดียวนะ ….”
ในเวลานี้ซี่หยวนนั้นแข็งแกร่งกว่าตอนที่เขาพบในเมืองสกายสปริงอย่างเห็นได้ชัด
ไม่เพียงแต่ซี่หยวนจะมีเลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบห้าแล้ว แต่เขายังมีร่างมานาที่ทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วด้วย และเท่าที่ซือเฟิงดูนั้น ซี่หยวนก็น่าจะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองไปได้ใกล้เคียงกับฟิธาเลียเลย
ซึ่งมันก็เห็นได้ชัดว่าการที่ซี่หยวนได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในอัจฉริยะที่เก่งกาจที่สุดของกิลร้อยผีโดดเดี่ยวนั้นมันเหมาะสมแล้ว ….
“ใช่แล้ว !! ขอบคุณสำหรับคำชมหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม !!!” ซี่หยวนกัดฟัน “งั้นฉันก็อยากจะขอใช้โอกาสที่เราเจอกันในวันนี้เพื่อ ….”
ในระหว่างที่ซี่หยวนกำลังจะเลือกขอต่อสู้กับซือเฟิงนั้น เฟยยี่ เบอเซิกเกอร์หญิงผมสั้นข้างๆเขาก็ได้กระตุกแขนเสื้อเขาไว้ และรีบกระซิบว่า “ซี่หยวน อย่าหาเรื่องน่า !!! ความแข็งแกร่งของเขานั้นมันจัดว่าอยู่ในระดับสัตว์ประหลาดเก่าแก่ที่แท้จริงอย่างสมบูรณ์ และผู้อาวุโสจูเฟิงหยิงก็บอกแล้วนี่ว่าแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่อาจจะต่อกรกับแบล๊คเฟรมได้ แถมเขาก็ยังห้ามเราเป็นศัตรูกับแบล๊คเฟรมในตอนนี้เด็ดขาด !!!”
เนื่องจากซี่หยวนนั้นถูกขังอยู่ในคุกของเมืองสกายสปริง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เห็นการต่อสู้ที่เกิดขึ้นบริเวณหอคอยแห่งพันธสัญญาลับด้วยตาของเขาเอง
ตอนนั้นแค่ซือเฟิงคนเดียว เขาก็สามารถจะจัดการกับมอนสเตอร์ Faux Saint ขั้นสี่ที่บาดเจ็บสาหัสได้หลายร้อยตัวอย่างสบายๆ ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าความแข็งแกร่งของซือเฟิงนั้นค่อนข้างพิเศษมากๆ
แม้ว่าตอนนี้ซือเฟิงจะถูกพลังของวงเวทย์ของพวกเขาปราบปราม แต่เธอก็รู้ดีว่านี่เป็นเพราะเขายอมให้ทำ เนื่องจากเธอเคยเห็นความแข็งแกร่งของโดเมนมานาของซือ
เฟิงมาแล้ว และมันก็แข็งแกร่งกว่าวงเวทย์ของพวกเขาแน่นอน โดยที่มันสามารถจะลดค่าสถานะของมอนสเตอร์ Faux Saint ขั้นสี่ลงไปได้เกือบครึ่งเลย
ในครั้งสุดท้ายที่พวกเขาเจอกับซือเฟิง ที่ผู้อาวุโสจูเฟิงหยิงเลือกจะเจรจาและขอยอมแพ้พลางจ่ายค่าทำควัญให้กับสภาสิบแปดปีกนั้น นอกเหนือจากเขาจะกลัวป้อมปราการเคลื่อนที่ของสภาสิบแปดปีก เขาก็ยังกลัวในตัวของซือเฟิงด้วย ….
ดังนั้นในตอนนี้พวกเขาจึงไม่ควรจะคิดเลยว่าตัวเองนั้นมีข้อได้เปรียบ เมื่อได้มาเผชิญหน้ากับซือเฟิง เพราะท้ายที่สุดถ้าซี่หยวนยังพัฒนาไปได้เร็วขนาดนี้ เฟยยี่ก็เดาไม่ออกเลยว่าตอนนี้ซือเฟิงจะพัฒนาไปได้ไกล และแข็งแกร่งมากขนาดไหนแล้ว ….
หลังจากได้ยินคำเตือนของเฟยยี่ ซี่หยวนก็ค่อยๆสงบลง ….
“ฉันเข้าใจแล้ว !!”
แม้ว่าเขานั้นแทบจะไม่สามารถรอได้เลยที่จะได้ฆ่าซือเฟิงด้วยมือของเขาเอง แต่เขาก็ไม่ใช่คนอย่างที่เขาเคยเป็นอีกต่อไป เพราะเขาไม่สามารถจะเอาแต่ใจได้อีกต่อไป อีกอย่างเฟยยี่ตอนนี้นั้นนอกจากจะมีหน้าที่ติดตามเขาแล้ว กิลยังมอบหน้าที่เพิ่มให้เธอซึ่งก็คือการดูแลเขา ไม่ให้เขาทำอะไรที่ผิดพลาดร้ายแรงอีก
หากเขาฝ่าฝืนคำสั่งของผู้อาวุโสจูเฟิงหยิง ไม่ว่าวันนี้เขาจะฆ่าซือเฟิงได้หรือไม่ก็ตาม แต่เขาก็จะต้องถูกลงโทษอย่างหนักแน่นอน
เมื่อซี่หยวนพูดคุยกับเฟยยี่เรียบร้อยแล้ว สายตาของเขาก็หันไปมองหยิงชุน หัวหน้าทีมทหารรับจ้างและทีมนักผจญภัยอินทรีที่อยู่ห่างจากเขาออกไป
“หัวหน้าหยิงชุน ยกเลิกวงเวทย์นี้และปล่อยพวกเขาไป !!!”
เมื่อซี่หยวนพูดจบนั้น ไม่ว่าจะเป็นตัวหยิงชุนเอง หรือผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่คนอื่นๆในฝั่งของเขานั้นล้วนตกตะลึง และพูดไม่ออก
“นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกัน ?” ซิคทีนคลาวด์เองก็อุทานออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อกับสถานการณ์นี้
เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมจู่ๆซี่หยวนถึงเปลี่ยนใจแบบนี้
เธอสามารถสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าฟัน และความโกรธที่ส่งออกมาผ่านท่าทีและน้ำเสียงของซี่หยวนได้อย่างชัดเจน ซึ่งมันต้องบอกเลยว่าการที่ซี่หยวนยังไม่พุ่งเข้ามาโจมตีพวกเขาจนถึงตอนนี้นั้นมันก็จัดว่าดีมากแล้ว ….
แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันกลับดูตาลปัตรไปหมด และซี่หยวนตั้งใจจะปล่อยพวกเขาไปแบบนี้เลยงั้นหรอ ?
นอกเหนือจากซิคทีนคลาวด์แล้วนั้น ซือเฟิงก็ยังรู้สึกตกตะลึงไปชั่วขณะ เมื่อได้เห็นท่าทีล่าสุดของซี่หยวน ….
“หัวหน้าทีมซี่หยวน คุณหมายความว่ายังไงกัน ?” หยิงชุนถามซี่หยวนอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาพึ่งได้ยินซี่หยวนพูด “เราได้ใช้ทั้งกำลังคนและทรัพยากรจำนวนมากเพื่อไล่ล่าคนพวกนี้ แต่พอตอนนี้เราจับพวกเขาได้แล้ว คุณจะมาให้ปล่อยพวกเขาไปงั้นหรอ ?”
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมาล้อมกรอบ และดักจับผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ของมหาอำนาจท้องถิ่นพวกนี้เอาไว้ได้ โดยหากนับทุกอย่างเป็นตัวเงินแล้ว มันก็นับว่าพวกเขาต้องจ่ายไปอย่างมหาศาลเลยทีเดียวกว่าจะทำได้แบบนี้
แต่ตอนนี้ซี่หยวนกับสั่งให้พวกเขาปล่อยคนเหล่านี้ไปเนี่ยนะ ?! นี่ซี่หยวนบ้าไปแล้วรึไง ?! ….
ซี่หยวนกำหมัดแน่น และพูดยืนยันว่า “ฉันหมายความตามนั้นแหละ ปล่อยพวกเขาไปซะ ….”
ด้านของซิคทีนคลาวด์ และคนของเธออีกสองคนนั้น เมื่อได้พวกเขาได้ยินคำพูดของซี่หยวน พวกเขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา แม้ว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมซี่หยวนถึงได้ทำแบบนี้ แต่ตอนนี้พวกเขาก็ไม่ได้สนใจแล้ว เพราะท้ายที่สุดพวกเขาดูออกได้ง่ายๆเลยว่าซี่หยวนนั้นเป็นหัวหน้าทีมสูงสุดของผู้ไล่ล่าพวกเขา และเมื่อซี่หยวนสั่งแบบนี้ ทุกคนก็จะต้องฟังแน่นอน
อย่างไรก็ตามหลังจากที่พวกซิคทีนคลาวด์ถอนหายใจอย่างโล่งอกได้ไม่นานนั้น พวกเขาก็ต้องหน้าซีดอีกครั้ง เมื่อเห็นท่าทีของหยิงชุน ซึ่งเขาดูเหมือนจะมีเจตนาไม่ฟังคำสั่งของซี่หยวนอย่างชัดเจน
“ขอโทษด้วยหัวหน้าทีมซี่หยวน ฉันไม่สามารถจะเชื่อฟังคำสั่งในครั้งนี้ของคุณได้ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมเป็นยังไง แต่อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับฉันที่จะเลี้ยงดูกลุ่มพี่น้องทั้งหมดของตัวเอง และเมื่อฉันได้ลงทุนไปมากแล้วแบบนี้ หากฉันไม่ได้อะไรตอบแทนเลย ฉันก็คงจะลำบากมากๆ !!!” หยิงชุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม ขณะที่มองไปยังซี่หยวน “ถ้าหัวหน้าทีมซี่หยวนไม่ยินดีจะลงมือก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกเราจะจัดการกันเอง สิ่งที่คุณต้องทำก็แค่หลับตูหลับตา และทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่องนี้ซะ แล้วก็ในเมื่อคนพวกนี้มีความสัมพันธ์กับคุณ ฉันก็จะให้พวกเขาได้อย่างรวดเร็วและไม่เจ็บปวดแล้วกัน ….”
“ฉันสนับสนุนบอส !!! หัวหน้าทีมซี่หยวนไม่ได้เป็นเหมือนกับพวกเรา ดังนั้นหัวหน้าทีมซี่หยวนจึงไม่ได้เข้าใจอะไรเลย !!! ยังไงตอนนี้เราก็จะต้องลงมือฆ่าพวกเขาให้ได้ !!!”
“ฉันเองก็สนับสนุนบอสเช่นกัน !!! ถ้าหัวหน้าทีมซี่หยวนไม่อยากลงมือ สิ่งที่คุณต้องทำก็คือเฝ้าดูจากด้านข้างก็พอ”
เหล่าผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ และผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับขั้นสี่ที่เป็นคนของหยิงชวนนั้นล้วนพยักหน้าเห็นด้วยกับเขาทั้งหมด
พวกเขานั้นต้องพึ่งพาการล่าค่าหัวแบบนี้เพื่อการดำรงชีวิต และในตอนนี้สิ่งที่จะทำให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตที่ดีขึ้นอย่างมากก็ได้มาตกเป็นเหยื่อของพวกเขาแล้ว ดังนั้นการจะให้พวกเขายอมแพ้นั้นมันบ้าชัดๆ ….
ซึ่งเมื่อซี่หยวนได้ยินคำพูดของคนเหล่านี้เขาก็รู้สึกพูดไม่ออก …
“พวกคุณ ….”
ในตอนนี้ซี่หยวนนั้นทั้งรู้สึกโกรธและสุขใจไปพร้อมกัน สำหรับเรื่องที่เขาสุขใจนั่นก็คือ พวกทหารรับจ้างพวกนี้น่าจะพอสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับทีมของซือเฟิง และทีมของไชนิ่งไทเกอร์ได้อย่างรุนแรงแน่นอน หรือบางทีพวกเขาอาจจะฟลุ๊คฆ่าซือเฟิงได้เลย หรือต่อให้ไม่เป็นแบบนั้น และในท้ายที่สุดพวกเขาถูกฆ่าทั้งหมด …. พวกระดับสูงก็จะไม่สามารถโทษเขาเรื่องภารกิจล้มเหลว หรือการปล่อยให้ทหารรับจ้างพวกนี้ถูกฆ่าได้ เนื่องจากทหารรับจ้างพวกนี้ฝืน และไม่ฟังคำสั่งของเขาเอง ….
เฟยยี่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของหยิงชุน และสมาชิกกลุ่มทหารรับจ้าง เธอไม่คิดเลยว่ากลุ่มทหารรับจ้างพวกนี้จะบ้าคลั่งจนปฎิบัติต่อซือเฟิงเหมือนกับผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนาจท้องถิ่นทั่วไป และกะจะฆ่าเอาฆ่าหัวกัน ….
“คุณก็เห็นแล้วนะเฟยยี่ มันไม่ใช่ว่าฉันหาเรื่องอะไรเลย …. ฉันได้ออกคำสั่งไปอย่างชัดเจนแล้ว แต่พวกเขาไม่ฟัง …” ซี่หยวนแกล้งทำเป็นโกรธ ก่อนที่เขาจะพูดต่อว่า “ทหารรับจ้างพวกนี้ไม่ได้เห็นฉันเป็นหัวหน้าทีมเลย และฉันก็พูดมาตลอดอยู่แล้วว่าฉันไม่เหมาะที่จำเป็นผู้นำทหารรับจ้างพวกนี้ …. คุณก็ช่วยรายงานเรื่องนี้กับผู้อาวุโสจูเฟิงหยิงด้วยแล้วกัน ….”
“เอาตามนั้นแหละ ปล่อยพวกนี้ไปแล้วกัน ..!!!” เฟยยี่กล่าวอย่างหมดอารมณ์
ผู้อาวุโสจูเฟิงหยิงได้บอกพวกเขาไว้อย่างง่ายๆและชัดเจนแล้วว่าอย่าเป็นศัตรูกับสภาสิบแปดปีก แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ในเมื่อทหารรับจ้างพวกนี้ไม่คิดจะฟังคำสั่งจากพวกเขา ดังนั้นผู้อาวุโสจูเฟิงหยิง และเหล่าพวกระดับสูงทั้งหมดก็ไม่น่าจะสามารถมาโทษพวกเขาได้ว่าพวกเขาประมาท ….
หลังจากเฟยยี่ และซี่หยวนก็ได้พาคนของพวกเขาทั้งหมดถอนตัวออกไป เพื่อแสดงเจตนาที่จะไม่เข้าร่วมในเรื่องนี้ ….
“ยอดเยี่ยม !!” เมื่อเห็นท่าทีของซี่หยวน และเฟยยี่ หยิงชุนก็ได้ยิ้มออกมา ก่อนที่เขาจะกล่าวว่า “พี่น้อง ลุยกันเลย !!! อย่างไรก็ตามรีบจบงานนี้ให้ไวเพื่อไว้หน้าหัวหน้าทีมซี่หยวนกันหน่อยล่ะ ….”
เมื่อได้ยินคำสั่งนั้นผู้เชี่ยวชาญหลายร้อยคนก็พุ่งเข้าใส่ทีมของซือเฟิง และทีมของไชนิ่งไทเกอร์ทันที
“พวกคุณอย่าตำหนิพวกเราเลยนะ และฉันก็ขอโทษแทนทุกๆคนด้วย เพราะท้ายที่สุดแล้วพวกเราก็ต้องหากินและดำรงชีวิตเหมือนๆกัน อีกทั้งในโลกนี้มันก็ย่อมมีเหยื่อกับผู้ล่าเป็นเรื่องปกติ !!!” หยิงชุนมองไปที่ซือเฟิง และอีกหกคน พลางเลียริมฝีปากเล็กน้อย ขณะที่แผ่เจตนาฆ่าฟันออกมา
“พวกคุณเข้าใจอะไรผิดไปรึปล่าว ?” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“พวกฉันเข้าใจอะไรผิด ?” หยิงชุนมองไปยังซือเฟิงอย่างประหลาดใจเล็กน้อย ในตอนนี้เขารู้สึกว่ามันมีบางอย่างที่ไม่ถูกต้องกับซือเฟิง เพราะแม้ว่าชายคนนี้จะถูกวงเวทย์ระดับปรมาจารย์ปราบปราม และถูกล้อมรอบด้วยผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ กับผู้ที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับขั้นสี่หลายร้อยคน แต่เขาก็ยังดูสงบมากๆ
“ก็พวกคุณเข้าใจผิดเรื่องที่ว่าใครเป็นเหยื่อ และใครเป็นผู้ล่าไง !!!”
เมื่อซือเฟิงพูดจบเขาก็ได้เปิดใช้งานโดเมนมานา และการสร้างโลกของเขาทันที โดยโดเมนมานาพร้อมกับการสร้างโลกของซือเฟิงนี้มันก็เข้าปกคลุมรัศมีสองพันหลาอย่างรวดเร็ว ซึ่งนี่มันก็ทำให้การปราบปรามจากวงเวทย์ระดับปรมาจารย์เดิมนั้นหายไป และมีแนวโน้มที่จะพังทลายด้วย ….
ตอนที่ 2863 ไม่มีชื่อตอน
“การสร้างโลก ?”
“เป็นไปด้ยังไงกัน ?!”
ซิคทีนคลาวด์สามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าผลของวงเวทย์ระดับปรมาจารย์ที่ปราบปรามพวกเขาอยู่ตอนแรกนั้นเริ่มจะหายไปแล้ว พร้อมกันนั้นฝ่ายศัตรูของพวกเขาก็เป็นผู้ที่กลับมาถูกปราบปรามอย่างหนักแทน ซึ่งนี่มันทำให้ปากของเธออ้ากว้างด้วยความตกตะลึง และเธอก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันเป็นเรื่องจริง
แค่เรื่องโดเมนมานานั้น ผู้ที่อยู่ในขั้นสี่ทุกคนก็ยากจะใช้มันได้แล้ว ขณะเดียวกันผู้ที่สามารถใช้มันได้ไปจนถึงระดับผู้เชี่ยวชาญนั้นก็จะถือว่าเป็นผู้ทรงพลังในหมู่ผู้ที่อยู่ในขั้นสี่ด้วยกันเลย
สำหรับการสร้างโลกนั้น มันเป็นสิ่งที่แม้แต่ผู้ที่อยู่ในขั้นห้าก็ยังยากจะทำได้ ….
ซึ่งตราบใดที่การสร้างโลกถูกเปิดใช้งานนั้น มันก็จะปราบปรามศัตรูของผู้ใช้ลงไปมากกว่าการใช้โดเมนมานาอย่างเดียวมากๆ
และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ มานาภายในระยะบริเวณของการสร้างโลกนั้น ผู้ใช้การสร้างโลกจะถือว่าเป็นผู้ปกครองมัน โดยผู้ใช้สามารถจะควบคุมมานาทุกอย่างภายในระยะนี้ได้ดั่งใจคิด รวมทั้งทำให้ศัตรูไม่สามารถระดมมานามาใช้ได้ด้วย
ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ได้มีผู้ที่อยู่ในขั้นห้า หรือผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการสร้างโลก หรือใช้ไอเทมระดับตำนานที่อ่อนแอ พวกเขาก็จะไม่สามารถต่อกรกับผู้ใช้การสร้างโลกได้เลย
แม้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ แต่เมื่ออยู่ในการสร้างโลกนั้น พวกเขาก็จะไม่แตกต่างจากผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม หรือขั้นสองมากนักเลย ยกเว้นแค่เรื่องค่าสถานะพื้นฐาน และร่างกายทางกายภาพที่พวกเขาแข็งแกร่งกว่าเท่านั้น
ในเวลานี้ไม่ต้องพูดถึงซิคทีนคลาวด์ และพรรคพวกคนอื่นๆของซือเฟิงเลย แม้แต่ซี่หยวน และเฟยยี่ที่เฝ้าดูอยู่จากระยะไกลก็ยังจ้องมองมายังฉากนี้ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“การสร้างโลก !!”
“เขาทำได้ยังไงกัน ?!!”
“เขาเป็นแค่ชาวท้องถิ่นเท่านั้น แล้วเขาใช้การสร้างโลกได้ยังไงกัน ?!!”
ซี่หยวนจ้องมองไปยังซือเฟิงที่อยู่ไกลออกไปด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ในโลกของพวกเขานั้น การสร้างโลกแบบนี้มันจะมีก็แต่ผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดเท่านั้นที่จะสามารถใช้มันได้ และในโลกของเขาผู้ที่สามารถใช้มันได้นั้นก็ล้วนเป็นยักษ์ใหญ่ที่น่ากลัวมากๆ
แต่ตอนนี้ซือเฟิงซึ่งมีอายุน้อยกว่าสามสิบปี แถมยังเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในโลกที่มานา และองค์ประกอบธาตุนั้นจัดว่าย่ำแย่มากๆกับสามารถใช้มันได้เนี่ยนะ ?!
“นี่คือพลังที่เขาปกปิดไว้งั้นหรอ ?!” เฟยยี่นั้นก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจกับเรื่องนี้เช่นกัน
ก่อนหน้านี้ในตอนที่ผู้อาวุโสจูเฟิงหยิงได้ออกคำสั่ง และเตือนเธอเรื่องที่ซือเฟิงมีอะไรปกปิดไว้มากมาย โดยเฉพาะเรื่องพลังของเขา เธอนั้นรู้สึกดูถูกความคิดนี้เล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตามเธอก็ต้องปฎิบัติตามคำสั่งของผู้อาวุโสจูเฟิงหยิง และดูแลซี่หยวนให้ดีเพื่อไม่ให้เขาทำผิดพลาดร้ายแรงแบบครั้งที่แล้วอีก ….
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าพลังที่ซือเฟิงปกปิดเอาไว้นั้นมันจะมีมากมายกว่าที่ผู้อาวุโสจูเฟิงหยิงคิดซะอีก
ในระหว่างที่หยิงชุนและคนอื่นๆที่พุ่งเข้าโจมตีซือเฟิงยังไม่สามารถจะตั้งสติได้จากการที่โดนการสร้างโลกเข้าไป ดาบแสงแห่งสองโลกในมือของซือเฟิงก็เปล่งประกายขึ้น ก่อนที่มันจะถูกกวัดแกว่งออกไป
สกิลขั้นสี่ ไลท์นิ่งเอจ !!
ทันใดนั้นลำแสงสายฟ้าที่สวยงามและสดใสจำนวนมากก็โผล่ออกมา และพุ่งเข้าไปโจมตีหยิงชุนและคนอื่นๆที่เป็นเป้าหมายของซือเฟิงอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าหยิงชุนและคนคนอื่นๆจะเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ และผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่มีความแข็งแกร่งเท่ากับขั้นสี่ทั้งหมด แต่ในกรณีที่พวกเขาทั้งหมดไม่สามารถจะระดมมานาโดยรอบมาใช้ได้นั้น พวกเขาก็จะไม่สามารถต่อต้านใดๆผู้ใช้การสร้างโลกได้เลยแน่นอน แม้ว่าพวกเขาจะเปิดใช้งานสกิลหรือเวทย์ช่วยชีวิตโดยอาศัยมานาจากร่างของพวกเขาก็ตาม
ยกเว้นหยิงชุน และ Elementalist ขั้นสี่อีกคนที่สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาไปได้มากกว่าหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว ทุกคนล้วนตายลงไปทั้งหมดภายใต้การโจมตีนี้ของซือเฟิง
เมื่อการโจมตีของซือเฟิงหายไป มันก็ปรากฎอาวุธและอุปกรณ์ของผู้ที่ตายไปดรอป
อยู่จำนวนมาก พร้อมกันนั้นการโจมตีในครั้งนี้ของซือเฟิงมันก็ได้ทำลายสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาไปทั้งหมด และทำให้บริเวณที่โดนการโจมตีของเขานั้นกลายเป็นช่องเขาที่ลึกราวสิบเมตร และยาวหนึ่งกิโลเมตร ….
“นี่มันเป็นไปได้ยังไง ?!!”
หยิงชุนที่เปิดใช้งานสกิลป้องกันขั้นสี่ของตัวเองจนรอดมาได้นั้นก็ได้แต่เฝ้าดูฉากตรงหน้าอย่างตกตะลึง …..
หลังจากช่วงเวลาแห่งความเงียบไปชั่วครู่หนึ่ง หยิงชุน และ Elementalist ขั้นสี่ที่รอดชีวิตมาได้จากการโจมตีเมื่อครู่ของซือเฟิง ก็มองไปที่ซือเฟิงที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากพวกเขานักด้วยความตกใจ และตื่นตระหนกอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้
ในเวลานี้หยิงชุน และ Elementalist ขั้นสี่ผู้นี้ก็ได้เข้าใจแล้วว่าสิ่งที่ซือเฟิงพูดก่อนหน้านี้มันเป็นความจริงทั้งหมด พวกเขานั้นเป็นเหมือนตัวตลกตั้งแต่ต้นจนจบที่คิดว่าซือเฟิง และพรรคพวกของซือเฟิงทั้งหมดเป็นแกะ ทั้งๆที่จริงๆแล้วพวกเขาต่างหากที่เป็นแกะตัวจริง
“การสร้างโลกงั้นหรอ ? … ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมแม้แต่ซี่หยวนก็ยังไม่พูดอะไร และเลือกที่จะปล่อยเขาไป ….” หยิงชุนมองไปยังซือเฟิงด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว “ดูเหมือนว่าครั้งนี้ฉันจะมาชนเข้ากับตอใหญ่จริงๆ ..!!!”
โทษจากการตายที่ทำให้เลเวลลดลงนั้นมันจัดเป็นเรื่องเล็กน้อยมากสำหรับผู้เล่นขั้นสี่อย่างพวกเขา แต่สำหรับอาวุธและอุปกรณ์หรือไอเทมที่จะดรอปออกมาหลังตายนั้นมันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย
“บอส ตอนนี้เราควรจะทำยังไงกันดี ?” Elementalist ชาย ขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบสี่อดไม่ได้ที่จะหันมาถามหยิงชุน “เมื่ออยู่ภายในการสร้างโลกของเขา เราก็จะไม่มีสิทที่จะต่อกรกับเขาได้เลย แถมเราก็ยังไม่สามารถบินได้ด้วยในหุบเขาหมอกเวทย์มนต์แห่งนี้”
เมื่อการสร้างโลกถูกเปิดใช้งานมาแบบนี้ ศัตรูของผู้ใช้จะไม่สามารถหนีไปจากผู้ใช้ได้แน่นอน หากผู้ใช้ไม่ยินยอม เพราะท้ายที่สุดแล้วการปราบปรามภายในนี้มันแข็งแกร่งมากๆ และมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะตีฝ่าไปด้วยพลังของตัวเอง
หยิงชุนกัดฟันเมื่อได้ยินคำถามของ Elementalist ก่อนที่เขาจะมองไปยังซือเฟิงและพูดว่า “เพื่อน… ฉัน และคนของฉันยินดีจะจ่ายค่าชดเชยสำหรับเรื่องนี้เป็นอุปกรณ์ระดับอีปิคชั้นยอดสี่ชิ้น คุณโอเคไหม ?”
เมื่อได้ยินคำพูดล่าสุดของหยิงชุนนั้น ซี่หยวนและคนอื่นๆที่เฝ้ามองจากระยะไกลก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจมากๆ
หยิงชุน หัวหน้าทีมทหารรับจ้างและหัวหน้าทีมนักผจญภัยอินทรี ซึ่งจัดเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ชั้นยอดในโลกของพวกเขาได้ก้มหน้าและยอมรับความพ่ายแพ้ นี่มันไม่น่าเชื่อเลย ….
ในโลก God domain ของพวกเขานั้นหยิงชุนเป็นที่มีนิสัยดื้อรั้น และโหดเหี้ยมมากๆ
ครั้งหนึ่งในการทำสงครามกับกิลที่เป็นศัตรูของเขา แม้ว่าเขาจะถูกฆ่ามากกว่าสิบครั้ง แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ โดยเขาได้สั่งให้คนของเขาไล่ล่าสมาชิกของกิลๆนี้ต่อไปเรื่อยๆ และเมื่อเริ่มมีกิลอื่นๆเข้าฉกฉวยผลประโยชน์กับเรื่องนี้ ในท้ายที่สุดเขาก็สามารถทำให้กิลที่เป็นศัตรูของเขาได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงได้
ซึ่งมันก็เป็นเพราะเรื่องนี้เองที่ทำให้หยิงชุนมีชื่อเสียงมากขึ้น จนทีมทหารรับจ้างและทีมนักผจญภัยอินทรีของเขาได้ขึ้นมาเป็นหนึ่งในกองกำลังอิสระที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก God domain ของพวกเขาเอง และพวกเขาก็ยังเป็นที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งซึ่งก็คือกลุ่มหมาบ้าด้วย
แต่ตอนนี้เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับซือเฟิง หยิงชุนกับเลือกจะก้มหัวและยอมแพ้ทันที ดังนั้นนี่มันจะไม่ทำให้พวกเขาประหลาดใจได้อย่างไร ?
อย่างไรก็ตามซือเฟิงนั้นไม่ได้มีท่าทีสนใจข้อเสนอของหยิงชุนเลย
“หกชิ้น !! อุปกรณ์ระดับอีปิคชั้นยอดหกชิ้น !!!” หยิงชุนกัดฟันแน่น และพูดว่า “แม้ว่าคุณจะฆ่าเราสองคนไป แต่เราสองคนก็จะดรอปไอเทมออกมาแค่คนละสองชิ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตามอุปกรณ์ระดับอีปิคชั้นยอดในปัจจุบันนั้นมันมีอยู่ไม่มากนักใน God domain หากคุณยอมรับการทำธุรกรรมครั้งนี้ คุณก็จะได้รับกำไรอย่างมากเลย …”
ถ้ามันเป็นสถานการณ์ปกติ เขาก็คงจะยอมตายไปแล้ว ….
แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้เขามีสมบัติติดตัวอยู่ และเมื่อเขาตายมันก็มีโอกาสที่จะดรอป ….
ก่อนหน้านี้เขาได้อาศัยสมบัติชิ้นนี้แหละที่ทำให้ตัวเองสามารถทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ของร่างมานาได้ และนี่มันเป็นเพียงความสามารถที่ปลายภูเขาน้ำแข็งของสมบัตินี้เท่านั้น
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าสมบัติชิ้นนี้มันคืออะไรกันแน่ แต่ด้วยความสามารถดังกล่าว มูลค่าของมันจึงจัดว่ามากกว่าเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานซะอีก ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถจะยอมรับโอกาสเสี่ยงที่มันจะดรอป หลังเขาตายได้ ….
อย่างไรก็ตามก่อนที่หยิงชุนจะทันได้พูดอะไรเพิ่มเติม ซือเฟิงก็เริ่มกวัดแกว่ง Abyssal Blade ในมือของเขา
เทคนิคมานา ไลท์ชาโด้ว !!!
“ชายคนนี้บ้าชัดๆ !!!”
เมื่อเห็นแบบนี้นั้นหยิงชุน และ Elementalist ขั้นสี่อีกคนก็ได้รีบเปิดใช้งานสกิลช่วยชีวิตของพวกเขา ก่อนที่พวกเขาจะแยกกันหนี สำหรับเรื่องการเผชิญหน้ากับการโจมตีนี้ของซือเฟิงโดยตรง พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดด้วยซ้ำ ….
เนื่องจากพวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของเงาดาบขนาดใหญ่ที่ซือเฟิงใช้โจมตีมาในครั้งล่าสุดอย่างชัดเจน และพวกเขาก็สามารถบอกได้เลยว่า หากมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายชั้นยอดโดนเข้าไปก็จะต้องบาดเจ็บสาหัสแน่นอน ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงพวกเขาที่อ่อนแอ และมี HP น้อยกว่าเลย ….
หนึ่งการโจมตี … สองการโจมตี … สามการโจมตี …
ขณะที่หยิงชุน และ Elementalist ขั้นสี่ใช้สกิล และเวทย์ พร้อมทั้งไอเทมช่วยชีวิตของพวกเขาออกมาเรื่อยๆนั้น ซือเฟิงก็ยังคงโจมตีใส่พวกเขาเรื่อยๆ และท้ายที่สุดแล้วหลังจากการโจมตีครั้งที่ห้าผ่านไป ทั้งสองก็ไม่เหลืออะไรจะป้องกันตัวเองอีก และทั้งสองก็ได้ถูกซือเฟิงฆ่าไปอย่างรวดเร็ว
ฉากที่เกิดขึ้นนี้มันทำให้ซี่หยวน และเฟยยี่ที่เฝ้าดูอยู่จากระยะไกลนั้นพูดอะไรไม่ออกเป็นเวลานาน
“นี่คือความแข็งแกร่งของการสร้างโลกงั้นหรอ ?”
ซิคทีนคลาวด์มองไปยังหยิงชุน และ Elementalist ขั้นสี่ที่ถูกฆ่าไปอย่างไร้ทางต่อต้านด้วยความรู้สึกตกตะลึง
แม้ว่าพวกของเธอจะไม่เคยสู้กับหยิงชุนมาก่อน แต่เธอก็มั่นใจว่าต่อให้เธอ และคนของเธออีกสองคนเข้ารุมหยิงชุน พวกเขาก็จะยังคงเสียเปรียบแน่นอน อย่างไรก็ตามตอนนี้หยิงชุนกับมาถูกฆ่าโดยซือเฟิงอย่างไร้ทางต่อต้านเลย ….
หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้ตรงเข้ามาเก็บไอเทมที่หยิงชุน และคนอื่นๆดรอปเอาไว้ พร้อมกันนั้นเขาก็ได้มองไปยังซี่หยวน และคนอื่นๆที่เฝ้าดูจากระยะไกลด้วย ซึ่งนี่มันทำให้ซี่หยวน และผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่คนอื่นๆมากกว่าหนึ่งโหลนั้นอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น ขณะที่บางคนนั้นถึงกับต้องถอยกลับไปสองก้าวอย่างไม่รู้ตัวด้วย
สำหรับซี่หยวนใบหน้าของเขาตอนนี้นั้นซีดเผือดมากๆ และเขาก็ไม่กล้าจะขยับตัวเลย ….
หลังจากที่ซือเฟิงมองไปยังซี่หยวน และพวกคนของร้อยผีโดดเดี่ยวแล้ว เขาก็ได้หันกลับมามองซิคทีนคลาวด์ และพรรคพวกของเขา
“ไปกันเถอะ …”
เมื่อพูดจบ ซือเฟิงก็ได้นำซิคทีนคลาวด์ และพรรคพวกของเขาทั้งหมดออกจากหุบเขาหมอกเวทย์มนต์ โดยตรงทันที โดยไม่ได้คิดจะหันกลับไปสนใจซี่หยวน และคนอื่นๆแต่อย่างใด ….
ตอนที่ 2864 เปิดเมืองสภาสิบแปดปีกให้สาธารณชน
“ในที่สุดพวกเขาก็ไปแล้ว …”
เฟยยี่มองไปที่ซือเฟิงและพรรคพวกของเขาที่หายลับตาไป พลางถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ก่อนหน้านี้เธอนั้นคิดว่าซือเฟิงจะลงมือทำบางอย่างกับพวกเขา ซึ่งแม้ว่าพวกเขาจะไม่กลัวการถูกฆ่า แต่หากอาวุธหรืออุปกรณ์ชั้นยอดที่พวกเขาใช้และสวมใส่อยู่ดรอป
ออกไปหลังพวกเขาตาย มันก็ยังจะนับเป็นความสูญเสียที่รุนแรงเช่นกัน
“แบล๊คเฟรม !!” ซี่หยวนมองไปยังทิศทางที่ซือเฟิงหายลับตาไปด้วยดวงตาที่เย็นชา “รอก่อนเถอะ !! ฉันจะต้องจัดการคุณให้ได้ !!!”
ซือเฟิงนั้นจัดว่าแข็งแกร่งและทรงพลังมากๆอย่างไม่ต้องสงสัย แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้เป็นอมตะ ….
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการต่อสู้ในสงครามโลกแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นพวกขั้นสี่ที่ไม่มีใครเทียบได้ หรือแม้แต่ NPC ขั้นห้าก็ไม่สามารถจะหยุดการรุกรานจากกองทัพของโลกของพวกเขาได้ ไม่งั้นประเทศต่างๆจำนวนมากในทวีปหลักของ God domain ก็คงจะไม่ล่มสลายไป ….
ปัจจุบันมันอาจจะดูเหมือนว่าทั้งสองฝ่ายได้มาถึงสภาวะหยุดนิ่งต่อกันแล้ว แต่ความจริงนั้น ที่มันเป็นแบบนี้เพราะพวกเขากำลังสะสมความแข็งแกร่งเพิ่มเติมต่างหาก
และตอนนี้อีกไม่นานพวกเขาก็จะเริ่มทำการโจมตีครั้งใหญ่ครั้งต่อไปแล้ว ….
“ซี่หยวน อย่าทำเรื่องวุ่นวายมากไปกว่านี้เลย แบล๊คเฟรมนั้นแข็งแกร่งกว่าที่เราคิดไว้มาก หากมันส่งผลกระทบต่อแผนของพันธมิตร แม้ว่าคุณจะเป็นหนึ่งในอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดที่กิลเลี้ยงดูขึ้นมา แต่เมื่อถึงเวลานั้น แม้แต่ผู้อาวุโสจูเฟิงหยิงก็จะไม่สามารถปกป้องคุณได้ …” เฟยยี่ส่ายหัว และอดไม่ได้ที่จะกล่าวเตือนเมื่อเธอได้ยินคำพูดของซี่หยวน “สิ่งที่เร่งด่วนที่สุดที่เราต้องทำตอนนี้คือการกลับไปแจ้งข้อมูลของแบล๊คเฟรมให้ผู้อาวุโสรู้ ….”
ในสงครามโลกนั้น แม้ว่าพวกขั้นสี่ที่แข็งแกร่งจนน่ากลัวแบบซือเฟิงจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์โดยรวมได้มากนัก แต่พวกขั้นสี่แบบนี้ก็จะยังคงมีอิทธิพลอยู่บ้างแน่นอนในบางพื้นที่ ….
“ฉันเข้าใจ …” ซี่หยวนพยักหน้า “หลังจากนี้ฉันก็จะกลับไปที่สำนักงานใหญ่หลักเพื่อสมัครเข้าร่วมการทดสอบ …”
“นี่คุณจะสมัครเข้าร่วมการทดสอบตอนนี้เลยงั้นหรอ ? มันเร็วเกินไปหรือปล่าว …” เฟยยี่กล่าวอย่างประหลาดใจ
ในโลก God domain ของพวกเขานั้นมันเหนือกว่าที่นี่มากๆ เพราะมันยังคงมีมรดกมากมายเหลือไว้ และในหมู่มรดกทั้งหมดมันก็มีการทดสอบบางอย่างที่กิลจะสงวนไว้สำหรับอิจฉริยะของกิล ซึ่งหากอัจฉริยะของกิลสามารถทำการทดสอบได้สำเร็จนั้น อัจฉริยะของกิลก็จะเติบโตขึ้นอย่างมาก
แต่อย่างไรก็ตามการเข้ารับการทดสอบนี้มันก็มีความเสี่ยงเช่นกัน เพราะหากล้มเหลว จิตวิญญาณของผู้เข้ารับการทดสอบจะตกอยู่ในสถานะอ่อนเป็นเวลานาน นอกเหนือจากนี้อัจฉริยะของกิลหนึ่งคนยังจะได้รับโอกาสจากกิลเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
“ฉันจำเป็นจะต้องเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเองให้มากขึ้นเพื่อให้ตัวเองไปได้ไกลขึ้นในพันธมิตร และสามารถรับเอาคะแนนสะสมจำนวนมากได้ ซึ่งเมื่อฉันสามารถสะสมคะแนนได้มากเพียงพอแล้ว ฉันก็จะนำมันไปแลกกับโควต้ามรดก”
ซี่หยวนครุ่นคิดเรื่องนี้มาแล้ว ….
หลังจากพันธมิตรพิชิตทวีปด้านตะวันออกไปด้วยส่วนหนึ่งนั้น ทรัพยากรของพันธมิตรก็อุดมสมบูรณ์ขึ้นมากๆ และโควต้ามรดกนั้นก็นับเป็นสิ่งล้ำค่าแน่นอน ดังนั้นนี่จึงนับเป็นโอกาสดีสำหรับเขาที่จะใช้ประโยชน์จากตรงนี้เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองให้ไวที่สุด
ปัญหาเดียวที่เขากังวลในตอนนี้คือเขาจะต้องทำการทดสอบให้สำเร็จเท่านั้น ….
เขานั้นเคยได้ยินเรื่องของการสร้างโลกมาก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้นั้นเขายังไม่รู้อย่างแน่ชัดว่าการสร้างโลกมันน่ากลัวแค่ไหน อย่างไรก็ตาม หลังจากได้ดูการต่อสู้ของซือเฟิง เขาก็ได้เข้าใจถึงความแข็งแกร่งของการสร้างโลกแล้ว และนี่แหละก็คือสาเหตุที่ทำให้เขาตัดสินใจแบบนี้
หุบเขาอาร์กติกแกรนด์ เมืองสภาสิบแปดปีก :
เมื่อวงเวทย์เทเลพอร์ตสว่างขึ้นในห้องเทเลพอร์ตของเมือง ร่างของซือเฟิง และอีกหกคนก็ปรากฎตัวขึ้นในห้องเทเลพอร์ต
“นี่คือเมืองสภาสิบแปดปีกงั้นหรอ ?”
ซิคทีนคลาวด์มองไปที่ห้องเทเลพอร์ตตรงหน้าของเธอ แล้วเธอก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
มานา !!
มานาที่นี่มันหนาแน่นในระดับที่น่ากลัวมากๆ !!!
แม้ว่าเธอจะได้ยินข่าวคราวมาบ้างแล้วว่ามานาในเมืองสภาสิบแปดปีกนั้นไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เมื่อเธอได้มาที่เมืองสภาสิบแปดปีก และได้สัมผัสมันด้วยตัวเองนั้น เธอก็คิดว่ามานาที่มันเหนือกว่าในข่าวลือซะอีก
นอกเหนือจากมานาที่หนาแน่นในระดับที่น่ากลัวมากๆแล้ว เมืองสภาสิบแปดปีกก็ยังมีการจราจรที่พลุกพล่านมากๆด้านนอกห้องเทเลพอร์ต โดยมันก็มีทั้งพ่อค้า NPC ขุนนาง NPC มากมาย รวมไปถึงพวก NPC ขั้นสี่ได้เข้ามาที่เมืองนี้
ถ้าในเวลานี้ เธอไม่ได้เป็นตัวแทนของไชนิ่งไทเกอร์เพื่อเดินทางมาเซ็นสัญญาความร่วมมือเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับสภาสิบแปดปีกที่เมืองสภาสิบแปดปีก เธอก็คงจะไม่รู้เลยว่าเมืองสภาสิบแปดปีกที่ไม่ได้เปิดให้สาธารณชนเข้าชมนั้นทรงพลังมากขนาดนี้
หลังจากที่ฟิธาเลีย แม๊คอาฟรี่ และคริมสันวิช ทั้งสามได้มาถึงเมืองสภาสิบแปดปีก พวกเขาก็ประหลาดใจกับสถานการณ์ของเมืองสภาสิบแปดปีกมากเช่นกัน
เมืองนี้มีแม้กระทั่งหน่วยลาดตระเวนเป็นทหาร NPC ขั้นสี่ ซึ่งมันนับเป็นสิ่งที่หาได้ยากมากๆ แม้แต่ในเมืองกิลขนาดใหญ่ของซุเปอร์กิล
NPC ขั้นสี่ทุกคนนั้นล้วนจัดเป็นตัวตนที่ทรงพลังและล้ำค่ามากๆสำหรับผู้เล่น โดยส่วนใหญ่ถ้าผู้เล่นไม่ให้ NPC แบบนี้เป็นองครักษ์ของเมือง ผู้เล่นก็จะให้ NPC เป็นผู้พิทักษ์ของเมือง
แต่ตอนนี้สภาสิบแปดปีกกับนำ NPC ขั้นสี่มาร่วมในหน่วยลาดตระเวนตามท้องถนนจริงๆ แถมยังไม่ใช่แค่หน่วยหรือสองหน่วยด้วย นี่มันบ้าชัดๆ ….
อย่างไรก็ตามซือเฟิงไม่ได้แปลกใจกับสิ่งนี้เท่าไหร่นัก ….
ปัจจุบันเมืองสภาสิบแปดปีกนั้นเมืองหลักของกิลเพียงแห่งเดียวใน God domain แถมมันก็ยังตั้งอยู่ในพื้นที่เชิงกลยุทธ์อย่างหุบเขาอาร์กติกแกรนด์ ดังนั้นมันจึงจะต้องมี NPC ขั้นสี่เข้ามาล่าที่นี่อยู่แล้ว และเมื่อเป็นแบบนี้นั้นการรับสมัครทหาร NPC ขั้นสี่เข้ามาคอยดูแลเมืองสภาสิบแปดปีก มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย ….
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสภาพแวดล้อมในปัจจุบันของเมืองสภาสิบแปดปีกนั้นเทียบได้กับในยุคโบราณแล้ว มันจึงยิ่งสามารถจะดึงดูด NPC ขั้นสี่จำนวนมากเข้ามาได้ ซึ่งสภาพแวดล้อมแบบนี้มันจะเอื้อต่อ NPC ขั้นสี่ในการฝึกฝนตัวเองให้ไปได้ไกลกว่านี้อย่างมาก
แต่อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็ต้องยอมรับอยู่เรื่องหนึ่งว่า เขาไม่อยู่แค่ระยะหนึ่งเท่านั้น แต่เมืองสภาสิบแปดปีกกับพัฒนาไปได้ไกลอย่างมากจริงๆ ….
ไม่เพียงแต่เรื่องความแข็งแกร่งของหน่วยทหาร NPC ที่ลาดตระเวนอยู่ตามท้องถนนเท่านั้น แต่มันยังรวมถึงความแข็งแกร่งของผู้เล่นบนท้องถนนด้วย พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้เล่นขั้นสามหรือสูงกว่าที่มีเลเวลหนึ่งร้อยสามสิบหกหรือมากกว่าขึ้นไปทั้งหมด และสำหรับผู้เล่นขั้นสี่ที่นี่นั้นก็สามารถจะพบเห็นได้ค่อนข้างมากเช่นกัน
เพียงแค่เดินจากห้องเทเลพอร์ตไปยังสถานที่พักกิลนั้น ซือเฟิงก็สังเกตเห็นผู้เล่นขั้นสี่ตามรายทางมากกว่าสิบคนแล้ว …. ซึ่งมันนับว่ามากกว่าป้อมปราการแสงดาวมากเลยทีเดียว
ต้องรู้ก่อนว่าใครก็ตามที่สามารถเข้าสู่เมืองสภาสิบแปดปีกได้นั้นจะต้องเป็นสมาชิกของสภาสิบแปดปีก หรือไม่ก็สมาชิกของผู้ที่มีความร่วมมือกันกับสภาสิบแปดปีก ไม่งั้นจะไม่ได้รับอนุญาติให้เข้าสู่เมืองสภาสิบแปดปีกเลย
นอกจากนี้มันก็ยังมีสมาชิกของสภาสิบแปดปีกจำนวนมากด้วยที่เดินอยู่ตามท้องถนน
เท่าที่ซือเฟิงสังเกต ตอนนี้เมืองสภาสิบแปดปีกน่าจะมีประชากรมากกว่าห้าแสนคนแล้ว
หากต้องการจะปฎิบัติการใดๆรอบเมืองสภาสิบแปดปีกนั้น ผู้ที่ต้องการจะต้องเป็นผู้เล่นขั้นสามเป็นอย่างน้อย กล่าวอีกนัยหนึ่งคือตอนนี้สภาสิบแปดปีกมีผู้เล่นขั้นสามอยู่อย่างน้อยห้าแสนคนแล้ว ….
ซึ่งจำนวนนี้นั้นมันนับว่าเกินจำนวนที่ซุเปอร์กิลทั่วไปมีแล้วอย่างแน่นอน …. และมันก็จะมีเพียงแต่พวกซุเปอร์กิลชั้นยอดเท่านั้นที่จะมีจำนวนในเรื่องนี้มากกว่าสภาสิบแปดปีก ….
“หัวหน้ากิล นี่คือข้อมูลทั้งหมดในปัจจุบันของกิลสภาสิบแปดปีกของเรา …” เหลียง
จิงกล่าวด้วยรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจ ขณะที่เธอส่งข้อมูลล่าสุดทั้งหมดของกิลให้ซือเฟิง
แม้ว่าซือเฟิงจะหายไประยะหนึ่ง และมันก็มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในทวีปด้านตะวันออก ซึ่งมันก็ทำให้สภาสิบแปดปีกของพวกเขาได้รับผลกระทบอย่างมากเช่นกัน
แต่เนื่องจากเมืองกิลสามเมืองของสภาสิบแปดปีก และป้อมปราการเคลื่อนที่ มันจึงทำให้สภาสิบแปดปีกสามารถจะยันสถานการณ์เอาไว้ได้ และพอหาผลประโยชน์ได้บ้าง …. โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเมืองที่เป็นเมืองหลักอย่างเมืองสภาสิบแปดปีก ซึ่งในสงครามโลกตอนนี้นั้นผู้เล่นทุกคนล้วนต่อสู้แย่งชิงกันเพื่อจะให้ตัวเองได้เข้ามาหลบที่เมืองนี้ เพราะมันนับเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด
ด้วยเหตุนี้มันจึงมีกิลจำนวนมากที่ถูกกวาดล้าง และทีมนักผจญภัยที่ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากสงครามโลกครั้งนี้มาเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกเป็นจำนวนมาก และนี่มันก็ทำให้สมาชิกของสภาสิบแปดปีกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
หากไม่ใช่เพราะข้อจำกัดด้านทรัพยากรของกิลที่มีอยู่ในปัจจุบัน และเงื่อนไขในการจะเข้าร่วมที่โหดมากๆนั้น กิลอาจจะมีผู้เล่นมากกว่าในข้อมูลเหลียงจิงรายงานราวสองเท่าเลย
“ยอดเยี่ยม !!!”
ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจมากๆ หลังจากได้อ่านข้อมูลที่เหลียงจิงส่งมาให้
ปัจจุบันจำนวนผู้เล่นขั้นสามของกิลมีทะลุแปดแสนคนไปแล้ว ….. ซึ่งในหมู่แปดแสนคนนี้ มากกว่าห้าแสนคนได้ทำงานอยู่ในเมืองสภาสิบแปดปีก ขณะที่ส่วนที่เหลือก็ถูกแบ่งออกไปที่เมืองกิลอีกสองเมืองของสภาสิบแปดปีก และป้อมปราการเคลื่อนที่
แต่นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุด ….
จำนวนผู้เล่นขั้นสี่ของกิลตอนนี้คือประเด็นสำคัญที่สุด โดยตอนนี้กิลมีผู้เล่นขั้นสี่ทั้งหมดเจ็ดสิบสามคนแล้ว ซึ่งมากกว่าซุเปอร์กิลทั่วไปอย่างแน่นอน
ในตอนที่ได้อ่านข้อมูลนี้นั้น แม้แต่ตัวซือเฟิงเองก็ยังสงสัยเล็กน้อยว่าเขาได้ยินผิดรึ
ปล่าว
ปัจจุบันซุเปอร์กิลทั่วไปนั้นน่าจะมีผู้เล่นขั้นสี่อยู่มากกว่ายี่สิบคนเท่านั้น ส่วนพวกซุเปอร์กิลชั้นยอดก็น่าจะมีผู้เล่นขั้นสี่อยู่ราวสามสิบคนหรือมากกว่านั้นนิดหน่อย แต่ตอนนี้สภาสิบแปดปีก …..
นอกจากนี้ตามรายงานของเหลียงจิง ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะยังมีผู้เล่นของสภาสิบแปดปีกอีกมากกว่าสี่สิบคนที่อยู่ในดินแดนมรดกขั้นสี่ และจากการประเมินแล้วนั้น มันก็น่าจะมีมากกว่าครึ่งที่ทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้สำเร็จ ซึ่งมันอาจกล่าวได้เลยว่าอีกไม่นานนั้น สภาสิบแปดปีกก็จะมีผู้เล่นขั้นสี่ทะลุหนึ่งร้อยคนแล้ว
และแน่นอนว่ามันก็จะยังไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้วสภาพแวดล้อมในเมืองสภาสิบแปดปีก รวมทั้งแผนที่ที่เมืองสภาสิบแปดปีกตั้งอยู่นั้น มันเอื้อ และช่วยเหลือผู้เล่นขั้นสามในการทำเควสเลื่อนขั้นไปเป็นขั้นสี่อย่างมาก
เหลียงจิงมองไปที่ซือเฟิงที่มีท่าทีประหลาดใจด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เธอจะกล่าวแนะนำว่า “หัวหน้ากิล เนื่องจากการรุกรานจากโลกอื่น ในตอนนี้มันจึงมีองค์กรขนาดใหญ่ต่างๆมากมายถูกกวาดล้าง และถูกทำลายไป ซึ่งนี่มันก็ทำให้มีผู้เล่นขั้นสาม และขั้นสี่ที่ไร้สังกัดเพิ่มขึ้นมาจำนวนมาก จะให้ฉันทยอยดูดซับพวกเขาทั้งหมดเลยไหม ?”
“แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ทรัพยากรของกิลเราได้มาถึงคอขวดแล้ว หากเราต้องการจะพัฒนาไปมากกว่านี้เพิ่มเติมในอีกหลายด้าน เราก็จำเป็นจะต้องเปิดเมืองสภาสิบแปดปีกเพื่อที่จะนำกำไรจากเมืองสภาสิบแปดปีกมาสนับสนุนการพัฒนาทั้งหมดนี้”
ซือเฟิงพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของเหลียงจิง
แม้ว่าสงครามโลกที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อหลายด้านของสภาสิบแปดปีก แต่มันก็มาพร้อมกับโอกาสที่ยิ่งใหญ่ของกิลเช่นกัน เพราะท้ายที่สุดแล้วมันมีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่ระบบได้ระบุมาอย่างชัดเจนนั่นก็คือ ผู้เล่นที่มาจากโลกอื่นในตอนนี้นั้นจะนับเป็นศัตรูของผู้เล่นในทวีปหลักอย่างสิ้นเชิง ซึ่งนี่มันก็ทำให้ผู้เล่นทั้งสองโลกนั้นไม่สามารถจะเพิ่มเพื่อน หรือส่งข้อความหากันได้เลย และทั้งสองฝ่ายก็จะไม่ต้องเจอกับค่าอาชญากรรม หรือชื่อสีแดงใดๆเมื่อฆ่าอีกฝ่าย ในทางตรงกันข้ามหากฆ่ากันได้นั้น ฝ่ายที่สามารถฆ่าได้นั้นก็จะได้รับทั้ง EXP และไอเทมที่มีค่าจำนวนมากด้วย
แถมระบบยังระบุอีกว่าผู้เล่นของทวีปหลักก็จะไม่สามารถไปเข้าร่วมกับกิลของโลกอื่นได้ และผู้เล่นของกิลจากโลกอื่นก็จะไม่สามารถไปเข้าร่วมกับกิลในทวีปหลักได้เช่นกัน ดังนั้นนี่มันจึงนับเป็นโอกาสอันดีมากๆสำหรับสภาสิบแปดปีกที่จะทำในหลายสิ่ง โดยเฉพาะอย่างการดูดซับเหล่าผู้เล่นขั้นสาม และขั้นสี่ที่พึ่งจะกลายเป็นคนไร้สังกัดมาเข้าสู่กิลตัวเอง
“เราจะเปิดเมืองสภาสิบแปดปีกัน ….” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แต่ก่อนหน้านั้นฉันจำเป็นจะต้องทำอะไรบางอย่างก่อน ….”
“หื้ม ?” เหลียงจิงรู้สึกงงงวย
ในปัจจุบันเธอรู้สึกว่าสภาสิบแปดปีกได้ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้แล้ว และการพัฒนาของกิลตอนนี้มันก็มาถึงขีดจำกัดแล้ว หากสภาสิบแปดปีกต้องการจะก้าวหน้า และพัฒนาต่อไปจริงๆ กิลก็จะสามารถเริ่มต้นได้ด้วยการเปิดเมืองสภาสิบแปดปีกให้สาธารณชนเท่านั้น มันไม่น่าจะมีวิธีอื่นอีก
“ไปเตรียมวัสดุทั้งหมดนี้มาให้ฉัน ฉันต้องการมันตอนนี้ …” ซือเฟิงไม่ได้คิดจะอธิบายเพิ่มเติมใดๆกับท่าทีงงงวยของเหลียงจิง ตรงกันข้ามเขากับหยิบรายการวัสดุที่เขาต้องการออกมา และออกคำสั่งกับเหลียงจิงทันที ….
แน่นอนว่ายังไงซะเขาก็จำเป็นจะต้องเปิดเมืองสภาสิบแปดปีกอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามถ้าทำหลังจากที่เขาตั้งค่า และเซ็ทวงเวทย์เทเลพอร์ตข้ามทวีปเรียบร้อยแล้ว มันก็จะดีกว่าแน่นอน ….
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น