Reincarnation Of The Strongest Sword God 2769-2770

 ตอนที่ 2769 เควสระดับเทพนิยายที่อ่อนแอ


ระบบ : คำเตือน ! คำเตือน !


ระบบ : คุณได้เปิดใช้งานเควสโลกระดับเทพนิยายที่อ่อนแอ แบบทางเลือก


เนื้อหาเควส : ช่วยแองเจลิก้า เทเรซ่า ให้กลายเป็นลอร์ดผู้ปกครองเมืองอุกกาบาต


รางวัล : ไอเทม “Unknown” หนึ่งชิ้น คะแนนอำนาจในโลก God domain สองแต้ม


บทลงโทษหากล้มเหลว : Unknown


ระบบ : คุณมีเวลาพิจารณาสามสิบวินาที และระบบจะถือว่าคุณยอมรับเควสตามการตั้งค่าไว้ตั้งแต่ต้น เมื่อเกินเวลาแล้วคุณไม่ตอบสนองใดๆ


เควสโลกระดับเทพนิยายที่อ่อนแอ ?! ซือเฟิงนั้นอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าหูของเขาได้ยินผิดรึปล่าว เมื่อเขาได้ยินเสียงการแจ้งเตือนของระบบจนครบ


เท่าที่เขารู้ เควสเนื้อเรื่องหลักระดับตำนานนั้นเป็นเควสที่ท้าทายที่สุดที่ผู้เล่นสามารถเลือกจะท้าทายได้ อย่างไรก็ตามมันก็มีเควสที่ระดับสูงกว่าเควสเนื้อเรื่องหลักระดับตำนานอยู่ ซึ่งนั่นก็คือเควสระดับเทพนิยาย ซึ่งมันนับเป็นปริศนาลึกลับใน God domain มาโดยตลอด และมันก็มีเพียงแต่ข่าวลือเท่านั้นเกี่ยวกับเควสระดับเทพนิยาย ในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิง มันยังไม่มีใครยืนยันถึงการมีอยู่จริงของมันได้


ถึงกระนั้นตอนนี้เขากับเปิดใช้งานเควสโลกระดับเทพนิยายที่อ่อนแอขึ้นมาได้ ….


ฉันควรจะยอมรับเควสนี้ไหม ? ซือเฟิงลังเล


นี่มันอาจจะเป็นโอกาสเดียวที่เขาจะได้ท้าทายเควสแบบนี้ อย่างไรก็ตามพูดกันตามตรง เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีใครได้เปิดใช้งานเควสระดับนี้ได้ เพียงเพราะว่าบังเอิญได้มาเยือน God domain ในยุคโบราณ และได้พบกับบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์


ยิ่งไปกว่านั้นดูจากรูปการณ์ทั้งหมดแล้ว ดูเหมือนว่าผู้เล่นที่อยู่รอบตัวเขาคนอื่นๆจะไม่ได้รับเควสนี้เหมือนเขา ซึ่งนั่นมันก็หมายความว่าเขาน่าจะเป็นคนเดียวที่ผ่านเงื่อนไขบางอย่างในการเปิดใช้งานเควสระดับนี้


อย่างไรก็ตามเพียงแค่บทลงโทษจากเควสเนื้อเรื่องหลักระดับตำนานนั้นมันก็มากเกินพอแล้วที่จะยุติอาชีพของผู้เล่นทั้งหมดใน God domain สำหรับการล้มเหลวในการทำเควสระดับเทพนิยายที่อ่อนแอนั้น บทลงโทษน่าจะรุนแรงกว่านี้หลายเท่า ซึ่งหากเขายอมรับเควสนี้ และทำไม่สำเร็จ …. อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นรางวัลที่เป็น “คะแนนอำนาจในโลก God domain ที่จะเพิ่มขึ้นสองแต้ม” หลังจากทำเควสสำเร็จ เขาก็รู้สึกโลภไปชั่วขณะ


ใน God domain ปัจจุบัน คนอื่นๆอาจไม่รู้ว่าคะแนนอำนาจในโลก God domain นั้นคืออะไร เนื่องจากมันเป็นเรื่องยากเกินกว่าที่ผู้เล่นปกติจะได้รับมา เพราะท้ายที่สุดผู้เล่นจะต้องทำบางอย่างให้สำเร็จก่อน ซึ่งบางอย่างนี้นั้นมันจะต้องส่งผลต่อ God domain ทั้งหมด ผู้เล่นจึงจะได้รับคะแนนอำนาจในโลก God domain


ผู้เล่นที่ได้รับคะแนนอำนาจในโลก God domain มานั้น แม้จะได้รับมาเพียงแค่แต้มเดียวก็ตาม แต่ผู้เล่นคนนั้นก็จะได้รับความช่วยเหลือที่ไม่อาจจินตนาการได้ในความก้าวหน้าของตัวเองใน God domain ซึ่งทุกอย่างมันก็เป็นไปตามชื่อเลย “คะแนนอำนาจ” ผู้ที่ได้รับมันไปจะกลายเป็นผู้มีสิทธิพิเศษใน God domain


มหาอำนาจต่างๆนั้นเต็มใจที่จะเททุกอย่างที่ตัวเองมีหมดหน้าตัก และเสี่ยงที่จะยอมรับความสูญเสียอย่างมหาศาลที่จะตามมาเพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิพิเศษที่วิหารเทพสงครามจะมอบให้ เพราะท้ายที่สุดการได้รับสิทเหล่านี้มา มันก็หมายความว่ากิลของตนจะขึ้นไปอยู่เหนือกิลอื่นๆอย่างมาก และมันก็จะทำให้ตำแหน่งกิลของตนใน God domain มั่นคงได้


โดยผู้เล่นแต่ละคนก็สามารถจะรับสิทธิพิเศษใน God domain มาได้ด้วยคะแนนอำนาจในโลก God domain การได้รับคะแนนอำนาจในโลก God domain มาเพียงแต้มเดียวนั้น มันก็เทียบเท่ากับการได้เข้าใจ God domain อีกมากขึ้นอย่างมาก และผู้เล่นที่มีคะแนนอำนาจในโลก God domain นี้ ก็จะมีความสัมพันธ์ที่จินตนาการไม่ถึงกับโลกเลย


หากมองแค่พื้นผิว การมีความสัมพันธ์ที่เพิ่มขึ้นกับโลกนั้นอาจดูเหมือนไม่มีประโยชน์ใดๆมากนัก อย่างไรก็ตามมันจะช่วยให้ผู้เล่นเข้าใจองค์ประกอบเวทย์มนต์ต่างๆ รวมไปถึงธาตุของเวทย์มนต์ และหลักการต่างๆทั้งหมดเหล่านี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และสิ่งนี้มันก็มีความสำคัญอย่างมากสำหรับผู้เล่นที่ต้องการจะไปให้ถึงขั้นหก


ในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิง เพื่อประโยชน์ในการจะสร้างผู้เล่นขั้นหกขึ้นมา ซุเปอร์กิลต่างๆนั้นยินดีจะทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อช่วยให้สมาชิกจำนวนหนึ่งของพวกเขาที่ได้รับเลือกให้ได้รับคะแนนอำนาจในโลก God domain อย่างไรก็ตามแม้แต่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังรับเอาคะแนนแบบนี้มาไม่ได้ง่ายๆ และสุดท้ายแล้วพวกเขาก็รวบรวมคะแนนมาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลังจากดิ้นรนอย่างหนักเป็นเวลาสี่ถึงห้าปี


ถึงกระนั้นมันก็ยังเป็นความจริงที่ว่าผู้เล่นทุกคนที่ได้รับคะแนนอำนาจในโลก God domain นั้นล้วนสามารถไปถึงขั้นหกได้


ตอนนี้ซือเฟิงมีโอกาสที่จะได้รับคะแนนอำนาจในโลก God domain ถึงสองแต้ม เพียงแค่ต้องทำเควส เควสเดียวให้เสร็จสิ้น ดังนั้นเขาจะไม่รู้สึกโลภได้อย่างไร ? หากเขาทำเควสนี้สำเร็จ นับประสาอะไรกับขั้นห้า แม้แต่การเลื่อนขั้นเป็นขั้นหกก็จะง่ายขึ้นสำหรับเขามาก


“ผู้บัญชาการ คุณโอเคไหม ?” หยานย่าถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเธอเห็นสังเกตเห็นท่าทีที่แปลกประหลาดของซือเฟิง “คุณใช้ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจมากเกินไป หลังจากใช้เทคนิคการต่อสู้นั่นรึปล่าว ?”


ก่อนหน้านี้นั้นซือเฟิงได้ล้มลงอย่างหมดแรง หลังจากต่อสู้กับโทเดลย่า และแม้ว่าพวกเขาจะหยุดพักไปแล้วเล็กน้อย แต่ปริมาณค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจที่พวกเขาสามารถฟื้นฟูมาได้มันก็ยังจัดว่ามีอยู่จำกัดมากๆ


“ฉันสบายดี …” ซือเฟิงพูดพลางส่ายหัว จากนั้นเขาก็มองไปที่แองเจลิก้า เทเรซ่า ซึ่งตอนนี้นอนแผ่อยู่บนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง และกัดฟันพยายามทนความเจ็บปวดอยู่


ดูเหมือนว่าฉันจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องช่วยเธอ ….


ความจริงแล้วเขาไม่ต้องการจะมีส่วนร่วมในเรื่องนี้เลย เพราะท้ายที่สุดชายชราที่ส่งเขามาที่นี่นั้นได้ย้ำเตือนเขาแล้วว่าอย่าทำอะไรให้เป็นจุดสนใจมากเกินไป ไม่งั้นโลกนี้จะค้นพบตัวตนของเขาอย่างรวดเร็ว และบังคับให้เขากลับไปที่โลกปัจจุบัน ซึ่งหากสิ่งนี้เกิดขึ้น มันจะนับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับเขา

ท้ายที่สุดแล้วสภาพแวดล้อมที่นี่นั้นมันยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง ยิ่งกว่านั้นในยุคโบราณของ God domain แบบนี้ มันยังมีสิ่งที่เหนือกว่ายุคปัจจุบันของ God domain อีกหลายด้าน โดยเฉพาะในด้านมรดก วัสดุ อาวุธ และอุปกรณ์ ที่ที่นี่ก้าวหน้ากว่า God domain ยุคปัจจุบันมาก


ในตอนนี้เขายังคิดไม่ออกว่าเขาจะได้รับทรัพยากรจำนวนมากจากโลกยุคโบราณได้ยังไง ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถจะทำอะไรโดยประมาทได้ นี่คือเหตุผลที่เขาเลือกจะไล่เนเมน คาร์โลที่เป็นปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ออกไปแทนที่จะฆ่ามัน


นี่ยังไม่จำเป็นต้องพูดถึงว่าเขายังต้องการจะหลีกเลี่ยงการช่วย NPC ในยุคนี้ หากเป็นไปได้ เรื่องนี้นั้นเป็นเรื่องจริงอย่างยิ่งโดยเฉพาะกับ NPC อย่าง แองเจลิก้า เทเรซ่า


การที่ได้ก้าวหน้าไปอย่างมั่นคงนั้นนับเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดใน God domain


อย่างไรก็ตามรางวัลของเควสนี้มันก็มีมากเกินไป และแม้ว่ามันจะหมายถึงการเสี่ยงครั้งใหญ่ แต่ซือเฟิงก็ยังอยากจะลองดู


ท้ายที่สุดแล้วในสถานะปัจจุบันของเขา เขาไม่มั่นใจเลยว่าเขาจะสามารถเลื่อนขั้นไปเป็นขั้นห้าได้ หากเขาอาศัยเพียงแค่การใช้คำแนะนำมรดก การสร้างร่างมานาขึ้นใหม่ทั้งหมดมันก็จะเป็นไปได้ยากมากๆ ไม่ต้องพูดถึงการสร้างร่างมานาให้เทียบเคียงกับมอนสเตอร์ขั้นห้าได้


ในที่สุดซือเฟิงก็ได้ตัดสินใจเดินเข้าไปหา แองเจลิก้า เทเรซ่าอย่างช้าๆ ซึ่งการกระทำของเขามันก็ทำให้คนอื่นๆตื่นตัวขึ้นมา


แม้ว่าซือเฟิงจะช่วยพวกเขาขับไล่กองทัพปีศาจออกไป แต่เขาก็ยังจัดว่าเป็นตัวตนที่ทรงพลังที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับพวกเขา ซึ่งพวกเขาก็ต้องระวังไว้ก่อน


เพราะท้ายที่สุดแล้วมันมีคนมากมายที่พร้อมจะแทงคนที่ล้มซ้ำ แม้ว่าคนๆนั้นจะเข้ามาช่วยเหลือคนที่ล้มไปรอบหนึ่งแล้วก็ตาม แองเจลิก้า เทเรซ่า ผู้บัญชาการของพวกเขาก็เป็นตัวอย่างหนึ่ง การที่กองทัพของเธอถูกกองทัพปีศาจโอบล้อมที่นี่ มันก็เกิดจากสายลับในหมู่พวกเขา ในกองทัพพวกเขานี่แหละ !!!


เมื่อเห็นซือเฟิงเดินเข้ามา ยู่หลัวก็กัดฟัน และถามด้วยน้ำเสียงสงบว่า “หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม คุณมีวิธีช่วยผู้บัญชาการหรือไม่ ? ตราบใดที่คุณสามารถช่วยผู้บัญชาการได้ ฉันจะยอมทำทุกอย่างที่คุณต้องการ !! แม้ว่ามันจะหมายถึงการต้องสังเวยตัวเองก็ตาม !!!”


ในความเป็นจริงยู่หลัวไม่ได้คิดว่าซือเฟิงจะมีวิธีช่วยผู้บัญชาการของเธอ แองเจลิก้า เทเรซ่า เพราะท้ายที่สุดแล้ว แม้แต่คูลลิ่งคลาวด์ ซึ่งเป็นทั้งฮีลเลอร์ และปรมาจารย์นักเล่นแร่แปรธาตุขั้นสูงก็ยังไม่สามารถจะทำอะไรกับเรื่องนี้ได้


“ฉันมีวิธีที่จะช่วยเธออย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามฉันไม่ได้ต้องการให้คุณสังเวยตัวเองรึอะไรแบบนั้น …” ซือเฟิงยิ้มบางๆออกมา เมื่อเห็นท่าทีของยู่หลัว “ฉันแค่อยากให้คุณบอกฉันเกี่ยวกับสถานการณ์ทั้งหมดของโลกนี้ หลังจากทุกอย่างที่นี่เรียบร้อย

แล้ว”


แม้ว่ายู่หลัวจะไม่ได้มาขอความช่วยเหลือจากเขาแบบนี้ แต่เขาก็ยังคงจะช่วยแองเจลิก้า เทเรซ่าอยู่ดี เพราะท้ายที่สุดคนที่ตายแล้วจะไม่สามารถกลายเป็นลอร์ดผู้ปกครองเมืองอุกกาบาตได้


“คุณมีวิธีที่จะช่วยผู้บัญชาการจริงๆงั้นหรอ ?! หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม” ยู่หลัวตกตะลึง เมื่อได้ยินคำตอบของซือเฟิง อย่างไรก็ตามหลังจากเธอประมวลผลคำตอบของเขาเรียบร้อยแล้ว เธอก็รีบกล่าวต่ออย่างตื่นเต้นว่า “ไม่มีปัญหา !!! ตราบใดที่มันเป็นสิ่งที่ฉันรู้ ฉันจะบอกคุณทุกอย่างแน่นอน !!!”


ในทางกลับกันคูลลิ่งคลาวด์ที่ยืนอยู่ด้านข้างนั้นก็รู้สึกสับสนมากๆ เมื่อเธอได้ยินคำตอบที่ดูมั่นใจของซือเฟิง เธอนั้นเป็นปรมาจารย์นักเล่นแร่แปรธาตุขั้นสูง และเธอก็พบว่ามันยากที่จะเชื่อมากๆว่าผู้ที่มาจากที่เดียวกับยู่หลัวจะมีวิธีช่วยชีวิตผู้บัญชาการได้


นี่มันไม่ใช่เพราะคูลลิ่งคลาวด์ดูถูกยู่หลัว และซือเฟิง แต่เป็นเพราะความรู้ที่ยู่หลัวได้แสดงออกมาเกี่ยวกับ God domain นั้นมันย่ำแย่มากๆ เธอไม่ได้ครหาในฝีมือการเป็นฮีลเลอร์ของยู่หลัว แต่เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมยู่หลัวที่เป็นฮีลเลอร์ถึงปรุงโพชั่นไม่ได้เลย เพราะจริงๆแล้วผู้ที่ทำหน้าที่เป็นฮีลเลอร์นั้น ต่อให้จะแย่แค่ไหนก็ควรจะปรุงโพชั่นบางอย่างเป็นบ้าง


ดังนั้นคูลลิ่งคลาวด์จึงสรุปได้ว่ายู่หลัว และซือเฟิงนั้นน่าจะมาจากอารยธรรมที่ล้าหลังกว่าของพวกเขา ไม่งั้นพวกเขาก็คงจะไม่ขาดสามัญสำนักปกติแบบนี้ ….


อย่างไรก็ตามซือเฟิงไม่ได้ตอบคำถามของยู่หลัว เขาทำเพียงแค่หยิบคริสตัลโปร่งแสงออกมาจากกระเป๋าและส่งให้เธอ “ให้เธอกินมัน เธอจะค่อยๆฟื้นตัวทันทีที่ทำแบบนี้ …” ซือเฟิงกล่าวโดยไม่คิดจะอธิบายเพิ่มเติม


ยู่หลัวนั้นรู้สึกสับสนมาก เมื่อเธอได้รับคริสตัลโปร่งแสงนี้มาจากซือเฟิง เธอไม่เข้าใจเลยว่าคริสตัลนี้มันจะช่วยผู้บัญชาการแองเจลิก้าได้อย่างไร


อย่างไรก็ตาม เมื่อคูลลิ่งคลาวด์เห็นคริสตัลในมือของยู่หลัว เธอก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ


“คริสตัลแห่งวิญญาณ ?! เป็นไปได้ยังไง ?!”


เมื่อได้ยินคำพูดของคูลลิ่งคลาวด์ ฮีลเลอร์คนอื่นๆก็จ้องมองไปที่ซือเฟิงราวกับกำลังจ้องมองไปยังสัตว์ประหลาด


“พี่สาวคลาวด์ คริสตัลแห่งวิญญาณนี้มันน่าอัศจรรย์ขนาดนั้นเลยหรอ ?” ยู่หลัวถามอย่างงุนงง


เมื่อเธอตระหนักได้ว่าตัวเองสูญเสียความสงบไป คูลลิ่งคลาวด์ก็รีบสงบสติอารมณ์ของตัวเองอย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอก็อธิบายว่า “คริสตัลแห่งวิญญาณนั้นมีค่า และน่าอัศจรรย์มากๆ แถมมันยังหายากมากด้วยใน God domain แห่งนี้ แม้แต่ฝั่งของเมืองศักสิทธิ์นั้นก็สามารถเก็บรวบรวมพวกมันมาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดคริสตัลนี้จะปรากฎขึ้นในสถานที่ที่มีวิญญาณมารวมตัวกันจำนวนมากเท่านั้น เช่น โลกใต้พิภพ คริสตัลนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยรักษาจิตใจกับจิตวิญญาณได้เท่านั้น แต่มันยังจะช่วยให้แข็งแกร่งขึ้นด้วย คริสตัลแห่งวิญญาณนั้นหากถูกขายในตลาด มันจะมีค่ามากกว่าน้ำแห่งชีวิตหลายเท่า”


“มันเป็นของหายากขนาดนั้นเลยงั้นหรอ ?” ยู่หลัวตกใจ เธอไม่คิดเลยว่าซือเฟิงจะลงทุนใช้ของล้ำค่าแบบนี้เพื่อช่วยชีวิตใครสักคน ด้วยเหตุนี้ เธอจึงจะเป็นหนี้บุญคุณเขาอย่างมหาศาลเลยทีเดียว ….


“เอาล่ะ ฉันว่ารีบช่วยเธอก่อนเถอะ …” ซือเฟิงกล่าว เมื่อเขาเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจของทุกคนที่มองมายังเขา ซึ่งนี่มันก็ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว และยิ้ม ….


คริสตัลแห่งวิญญาณนั้นจัดว่ามีค่าอย่างแท้จริงในสถานการณ์ปกติ และเขาจะไม่เต็มใจที่จะใช้มันแน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาต้องพึ่งพาตัวเองในการเก็บรวบรวมวิญญาณมอนสเตอร์มาเพื่อสร้างคริสตัลแห่งวิญญาณ


อย่างไรก็ตามในตอนนี้ทุกอย่างมันแตกต่างออกไป แถมเขายังมีโซลออบ ซึ่งเป็นหนึ่งในสมบัติทั้งเจ็ดที่ช่วยให้เขาสามารถสร้างคริสตัลแห่งวิญญาณได้อย่างง่ายดาย โดยสิ่งที่เขาต้องทำมันก็แค่ฆ่ามอนสเตอร์ระดับลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่หรือสูงกว่าขึ้นไปที่มีเลเวลมากกว่าเขาห้าเลเวลเพื่อรับเอาวิญญาณมอนสเตอร์ที่จำเป็นมา


เมื่อได้ยินคำเตือนของซือเฟิง ยู่หลัวก็หายจากอาการตกใจ และรีบเอาคริสตัลแห่งวิญญาณไปให้แองเจลิก้ากินทันที


หลังจากนั้นไม่นาน ผิวของแองเจลิก้าก็ฟื้นฟูกลับมาดูมีสีเลือดขึ้นอย่างมาก และแม้ว่าเธอจะหมดสติไปหลังจากกินคริสตัลแห่งวิญญาณ แต่ทุกคนก็สามารถบอกได้เลยว่าอาการของเธอไม่ได้อยู่ในขั้นวิกฤตอีกต่อไป และตอนนี้สิ่งที่พวกเขาต้องทำก็คือรอให้แองเจลิก้าตื่นขึ้นมา หลังจากทุกอย่างในตัวเธอถูกฟื้นฟูเรียบร้อยแล้ว


ในขณะเดียวกัน หลังจากที่ได้เห็นว่าแองเจลิก้าได้รับการช่วยเหลือแล้ว คูลลิ่งคลาวด์ ในฐานะหัวหน้ากองอัศวินก็ริเริ่มที่จะเชิญกลุ่มของซือเฟิงเข้าไปพักผ่อนในเมืองอุกกาบาต ซึ่งเป็นเมืองหลักที่พวกเขาอาศัยอยู่


โดยซือเฟิงนั้นก็ไม่ได้ปฎิเสธคำเชิญนี้เช่นกัน เพราะเขาอยากรู้เรื่องราวของโลก God domain ยุคโบราณนี้ให้มากขึ้น


หลังจากนั้นกองทัพมนุษย์ก็เดินเท้าเป็นเวลามากกว่าสิบชั่วโมง ในที่สุดพวกเขาก็ได้มาถึงบริเวณเทือกเขาที่สูงตระหง่านซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองที่น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่าเมืองหลวงของอาณาจักรใน God domain ยุคปัจจุบัน โดยเมืองนี้นั้นมันตั้งอยู่ในหุบเขาของเทือกเขานี้


ตอนที่ 2770 เมืองแห่งความร่ำรวย


เมืองอุกกาบาต : เมืองนั้นไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ชุมนุมในเทือกเขาอุกกาบาตสำหรับมนุษย์ที่อาศัยอยู่ แต่มันยังเป็นสถานที่ทำการค้า และเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับมนุษย์ในเทือกเขาอุกกาบาต


หลังจากกองอัศวินวินช่วยลงทะเบียนให้กับกลุ่มของซือเฟิงในเมืองแล้ว คูลลิ่ง

คลาวด์ก็ได้นำทั้งห้าคนตรงเข้าไปในเมือง


ซึ่งซือเฟิง และสมาชิกในทีมของเขานั้นไม่ใช่ผู้ที่อยู่อาศัยในเมืองอุกกาบาต ดังนั้นพวกเขาจึงต้องจ่ายค่าเข้าเมืองเป็นคริสตัลเวทย์มนต์ห้าชิ้น โดยนี่มันทำให้ไลฟ์เลส

ธอร์น ซือเฟิง และคนอื่นๆรู้สึกตกตะลึงกับราคาที่โหดแบบนี้มากๆ


ค่าเข้าของเมืองอุกกาบาตนั้นมันแพงกว่าค่าเข้าเมืองกิลต่างๆในโลก God domain ยุคปัจจุบันมากกว่าสิบเท่า


ณ จุดนี้ มูลค่าตลาดของคริสตัลเวทย์มนต์นั้นคิดเป็นสี่สิบเหรียญเงินต่อชิ้นแล้ว ซึ่งหากเทียบกันตามราคา คริสตัลเวทย์มนต์ห้าชิ้นมันก็เท่ากับเหรียญทอง สองเหรียญทองเลย


เว้นแต่ว่ามานาของเมืองกิลจะควบแน่นเป็นของเหลว ไม่งั้นมันก็คงจะมีเพียงแต่คนโง่เท่านั้นที่จะยอมจ่ายค่าเข้าเมืองที่โหดแบบนี้


อย่างไรก็ตามเมื่อดูจากพฤติกรรมของผู้เล่น และ NPC ที่นี่ มันก็ดูราวกับว่าพวกเขาคุ้นเคยกับสถานการณ์นี้มานานแล้ว และแม้แต่ยู่หลัวก็ยังยอมจ่ายคริสตัลเวทย์มนต์ห้าชิ้นอย่างไม่ลังเล


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ราคานี้มันเป็นมาตราฐานของที่นี่ ….” โดยธรรมชาติแล้ว เธอสามารถเข้าสิ่งที่ซือเฟิง และคนของเขาคิดได้ทันที ก่อนที่เธอจะยิ้มและกระซิบว่า

“แต่เชื่อเถอะ ราคานี้มันคุ้มค่าแน่นอน !!!”


ในตอนแรกเธอเองก็ตกใจกับราคานี้เช่นกัน


แถมเธอยังไม่ได้เป็นหัวหน้ากิลแบบซือเฟิงด้วย เธอเป็นเพียงหนึ่งในหัวหน้าทีมของทีมนักผจญภัย ดังนั้นคริสตัลเวทย์มนต์ที่เธอมีอยู่ในมือนั้นจึงมีจำนวนอยู่ราวสองร้อยหรือมากกว่านั้น และการจ่ายคริสตัลเวทย์มนต์ห้าชิ้นเพื่อเข้าสู่เมือง มันก็นับเป็นสิ่งที่ฟุ่มเฟือยมากสำหรับเธอ


อย่างไรก็ตาม หลังจากได้เข้าสู่เมืองอุกกาบาต เธอก็สามารถรับรู้ได้อย่างรวดเร็วเลยว่า ราคานี้มันสมเหตุสมผลแน่นอน เมื่อเทียบกับเมือง NPC หลักขนาดใหญ่ใน God domain ยุคปัจจุบัน ที่เมืองอุกกาบาตนี้มันจัดว่าเป็นเมืองศักสิทธิ์เลย


แน่นอนว่าซือเฟิงคริสตัลเวทย์มนต์ห้าชิ้นต่อคนเป็นค่าเข้าเมืองนั้น ไม่ได้นับว่ามากมายอะไรสำหรับซือเฟิง เพียงแต่ว่าเขาประหลาดใจกับราคาที่มันค่อนข้างโหดเท่านั้น


หลังจากนั้นซือเฟิงก็จ่ายค่าเข้าเมืองให้กับตัวเอง และอีกสี่คนอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะตามคูลลิ่งคลาวด์และยู่หลัวผ่านวงเวทย์ของเมือง เข้าไปภายในเมืองอุกกาบาต


นี่คือเมืองหลักของยุคโบราณงั้นหรอ ?


เมื่อซือเฟิงก้าวเท้าเข้ามาในเมืองอุกกาบาต ความรู้สึกสบายก็เข้าห่อหุ้มร่างกายของเขาทันที


ความรู้สึกสบายนี้มันแตกต่างจากความรู้สึกสบายที่เขาได้รับเมื่อเข้าไปในสถานที่ที่มีความหนาแน่นของมานาสูง การเข้ามาในเมืองนี้มันทำให้เขาได้รับรู้โลกได้อย่างชัดเจนขึ้น ในตอนที่เขามาถึงยุคโบราณครั้งแรก เขารู้สึกได้ถึงความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นอย่างมากของเขากับมานา เวทย์มนต์ และธาตุของเวทย์มนต์ทั้งหมด หากเขาได้ฝึกฝนในสภาพแวดล้อมแบบนี้ เขามั่นใจว่าไม่เพียงแต่เขาจะสามารถทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ของร่างมานาได้ แต่ประสิทธิภาพในการเรียนรู้วงเวทย์ สกิล และเวทย์มนต์ของเขาก็จะเพิ่มขึ้นเป็นสองหรือสามเท่าด้วย นี่มันคือสถานที่ที่น่าอัศจรรย์สำหรับการพัฒนาอย่างแท้จริง


อย่างไรก็ตามสภาพแวดล้อมภายในเมืองอุกกาบาตนั้นดีกว่าภายนอกอีกมาก ….


ในความเป็นจริงซือเฟิงมีลางสังหรณ์ที่ว่า ถ้าเขาใช้คำแนะนำมรดกที่นี่ เขาน่าจะสามารถทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ของร่างมานาของเขาได้ภายในไม่กี่วัน ….


“วงเวทย์ป้องกันของเมืองแห่งนี้ มันถูกสร้างโดยมนุษย์ที่เป็นระดับนักบุญ ซึ่งไม่เพียงแต่มันจะมีคุณสมบัติในการป้องกันที่แข็งแกร่ง แต่มันยังจะช่วยปรับปรุงการรับรู้มานาของผู้ที่อยู่อาศัยในเมืองด้วย อย่างไรก็ตามการจะคงมันไว้ก็จำเป็นจะต้องใช้คริสตัลเวทย์มนต์จำนวนมาก ด้วยเหตุนี้ค่าเข้ามันจึงโหดอย่างที่เห็นนั่นแหละ” ยู่หลัวอธิบาย “ที่จริงแล้วตลาดการค้าขนาดใหญ่ของเมืองอุกกาบาต และการไหลเวียนเข้ามามากขึ้นของประชากร มันก็ช่วยลดค่าเข้าเมืองไปมากแล้ว ตอนแรกเมืองเรียกเก็บค่าเข้าเมืองเป็นคริสตัลเวทย์มนต์เจ็ดถึงแปดชิ้นต่อคนด้วยซ้ำ”


“ไม่น่าแปลกใจเลยที่คุณสามารถปรับปรุงการควบคุมมานาของคุณไปได้อย่างมาก” ซือเฟิงกล่าวอย่างตระหนักถึงหลายสิ่ง เมื่อเขามองไปที่ยู่หลัว


ยู่หลัวนั้นได้ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของเธอได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว และการควยคุมมานาของเธอก็มาถึงมาตราฐานของปรมาจารย์นักเวทย์แล้ว หากค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเธอไปถึงขั้นสี่เมื่อไหร่ เธอจะสามารถสร้างโดเมนมานาของตัวเองได้ และเธอก็จะขึ้นไปยืนอยู่ในจุดสูงสุดของเหล่าผู้เล่นขั้นสามแน่นอน


ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนส่วนใหญ่ยังไปไม่ถึงมาตราฐานของปรมาจารย์นักเวทย์เลยในระยะนี้ของเกม และแม้ว่ายู่หลัวจะมีความสามารถมาก แต่เธอก็ยังคงจัดว่าห่างไกล หากต้องถูกนำไปเทียบกับอควาโรส และเสวี่ยเหวินโหรว และพูดกันตามตรงแล้วก่อนซือเฟิงจะมาทั้งสองก็อยู่ครึ่งก้าวก่อนเข้าสู่ขอบเขตปรมาจารย์นักเวทย์แล้ว ดังนั้นยู่หลัวจะแซงหน้าทั้งสองคนได้อย่างไร ?


คำอธิบายเดียวสำหรับเรื่องนี้ที่ทำให้ยู่หลัวขึ้นไปเหนือกว่าในเรื่องนี้ก็คือสภาพแวดล้อมของที่นี่


“อืม ฉันได้ปรับปรุงตัวเองไปอย่างมาก หลังจากมาถึงที่นี่ ….” ยู่หลัวพูด ขณะที่เธอพยักหน้าอย่างมั่นใจ


“ใช่แล้ว ยู่หลัวนั้นปรับปรุงตัวเองไปได้อย่างรวดเร็วมากๆจนตอนนี้เธอติดอันดับหนึ่งในห้าฮีลเลอร์ที่แข็งแกร่งที่สุดของกองอัศวินแล้ว” คูลลิ่งคลาวด์กล่าวพลางพยักหน้า แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีความเห็นที่สูงมากนักในด้านอื่นๆของยู่หลัว แต่เธอก็ยอมรับยู่หลัว และประเมินยู่หลัวไว้สูงอย่างแท้จริง เมื่อพูดถึงหน้าที่ของฮีลเลอร์


“จริงๆแล้วทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณคำสอนของท่านหญิงแองเจลิก้า” ยู่กลัวกล่าวด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชมและขอบคุณ เมื่อเธอพูดถึงแองเจลิก้า เทเรซ่า “แต่น่าเสียดายที่เราไม่สามารถทำเควสในครั้งนี้ให้สำเร็จได้ หากเราทำสำเร็จ ท่านหญิงแองเจลิก้าอาจกลายเป็นลอร์ดผู้ปกครองเมืองอุกกาบาตได้เลย และถ้าเมืองนี้อยู่ภายใต้การปกครองของท่านหญิงแองเจลิก้า เมืองนี้จะต้องเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปอีกมาก และได้รับการอัพเกรดกับจัดระดับให้อยู่ในประเภทเมืองหลักขั้นสูงแน่นอน”


“หื้ม ? นี่เธอพยายามทำเควสแบบไหนกัน ?” ซือเฟิงถามอย่างสงสัย


เควสระดับเทพนิยายที่อ่อนแอของเขาระบุว่าเขาต้องช่วยให้แองเจลิก้า เทเรซ่ากลายเป็นลอร์ดผู้ปกครองเมืองอุกกาบาต และตอนนี้เมื่อเขาได้ยินเบาะแสในการจะทำแบบนี้ได้ มันจึงทำให้เขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นมากๆ


“มันก็ไม่มีอะไรมาก และ ณ จุดนี้ทุกคนในเมืองนี้ก็รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ….” เนื่องจากซือเฟิงแสดงความสนใจในหัวข้อนี้ คูลลิ่งคลาวด์จึงทำการอธิบายอย่างช้าๆว่า “เมืองอุกกาบาตนั้นได้รับการพัฒนามาเรื่อยๆหลายร้อยปีแล้ว ซึ่งนี่มันทำให้จำนวนประชากร และขนาดการดำเนินงานทั้งหมดของเมืองมาถึงคอขวดแล้ว และท่านลอร์ดผู้ปกครองเมืองคนเก่าก็ได้ทำการสละบัลลังก์เมื่อเร็วๆนี้ โดยในฐานะหนึ่งในผู้ท้าชิงตำแห่งลอร์ดผู้ปกครองเมือง ท่านหญิงแองเจลิก้านั้นก็ปราถนาที่จะปรับปรุงเมืองอุกกาบาต”


“ในขณะเดียวกัน มันก็มีอยู่สองวิธีที่จะทำให้เมืองอุกกาบาตพัฒนาต่อไปได้ วิธีแรกคือการขยายเมือง อย่างไรก็ตามวงเวทย์ของเมืองนั้นได้รับการสร้างขึ้นเป็นการส่วนตัวโดยท่านนักบุญ และมันไม่มีใครในเมืองที่จะสามารถแก้ไขกับขยายขนาดของมันได้ และวิธีเดียวที่จะสามารถแก้ไขกับขยายขนาดของวงเวทย์ได้ก็คือการไปที่เมืองศักสิทธิ์และเข้าพบกับท่านนักบุญเท่านั้น อย่างไรก็ตามโอกาสในการที่จะเดินทางไปถึงเมืองศักสิทธิ์ให้ได้มันก็ยากมากๆแล้ว ไม่ต้องพูดถึงการไปขอเข้าพบคนระดับนักบุญเลย”


“ดังนั้นท่านหญิงแองเจลิก้าจึงได้เลือกจะใช้วิธีที่สอง ซึ่งนั่นก็คือการเสริมความแข็งแกร่งให้กับแกนวงเวทย์ของเมือง ซึ่งมันจะเป็นการอัพเกรดวงเวทย์ของเมืองขึ้นไปอีกขั้น เมื่อเร็วๆนี้เราได้รับข่าวมาว่ามีมังกรเด็กขั้นสี่ปรากฎตัวขึ้นที่เนินเขาผีไฟ โดยถ้าเราสามารถล่าและฆ่ามังกรเด็กตัวนี้ได้ และรับเอาตามังกร กับคริสตัลมังกรมาได้ เราก็จะสามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กับแกนวงเวทย์ของเมืองได้ แต่ว่า ….”


เมื่อพูดมาถึงจุดนี้ คูลลิ่งคลาวด์ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา ….


นับประสาอะไรกับการไปล่าและฆ่ามังกรเด็กขั้นสี่ พวกเขาตกเป็นเหยื่อของการซุ่มโจมตีของกองทัพปีศาจไม่นานหลังจากที่ออกจากเมืองอุกกาบาต และสิ่งที่ตามมามันก็เป็นอย่างที่ซือเฟิงได้เห็น

เดินทางไปยังเมืองศักสิทธิ์เพื่อเข้าพบกับคนระดับนักบุญ หรือไม่ก็ฆ่ามังกรเด็กขั้นสี่ให้ได้งั้นหรอ ? ซือเฟิงส่ายหัว และอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นออกมา เมื่อได้ฟังคำพูดของคูลลิ่งคลาวด์ ….


แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเมืองศักสิทธิ์อยู่ที่ไหน เนื่องจากเมือง NPC ของที่นี่ไม่มีวงเวทย์เทเลพอร์ตคอยเชื่อมโยงกัน ดังนั้นการที่พวกเขาจะเดินทางไปยังเมืองศักสิทธิ์ให้ได้จริงๆมันก็ใช้เวลาหลายเดือน และยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าเขาจะทำสำเร็จ และไปถึงเมืองศักสิทธิ์ได้จริงๆ แต่การจะเข้าพบกับคนระดับนักบุญที่เป็นผู้จัดการสร้างวงเวทย์ของเมืองอุกกาบาตมันก็ยังเป็นไปได้ยากอยู่ดี


สำหรับทางเลือกอีกทางหนึ่งในการจะฆ่ามังกรเด็กขั้นสี่นั้นก็เป็นเรื่องที่น่าหัวเราะสุดๆเช่นกัน


มังกรเด็กขั้นสี่นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่เหนือกว่าแม้แต่เจ้าชายปีศาจ และมันเป็นตัวตนที่แทบจะสามารถเทียบกับสิ่งมีชีวิตขั้นห้าได้เลย


เมื่อซือเฟิงอยู่ในดินแดนมรดกขั้นสี่ของเขา แม้ว่าเขาจะไปถึงขั้นสี่ได้แล้ว และได้รับสกิลมรดกขั้นสี่มาแล้ว แต่เขาก็สามารถต่อสู้ได้แค่กับมังกรเด็กขั้นสามเท่านั้นแม้จะได้รับความช่วยเหลือจากสกิลเบอเซิกร์ของเขาแล้วก็ตาม การจะฆ่ามังกรเด็กขั้นสามยังคงเป็นไปไม่ได้สำหรับเขา


แต่ตอนนี้แองเจลิก้า เทเรซ่ากับวางแผนที่จะไปล่าและฆ่ามังกรเด็กขั้นสี่ ในตอนที่ตัวเธอเองยังอยู่แค่ในขั้นสี่เท่านั้น หากให้พูดอย่างชัดเจน การกระทำของเธอนี่มันไม่ต่างจากการฆ่าตัวตายเลย


ยิ่งไปกว่านั้นการฆ่ามังกรเด็กขั้นสี่แบบนี้ก็ยังจำเป็นจะต้องทำให้รวดเร็วที่สุดด้วย เพราะมังกรนั้นไม่ได้มีนิสัยที่ชอบอยู่เป็นหลักแหล่ง และในระยะยาวหากแองเจลิก้า ไม่สามารถจะฆ่ามังกรเด็กขั้นสี่ได้ มันก็จะบินไปที่อื่นแน่นอน และทีนี้มันก็จะเหลืออยู่วิธีเดียวก็คือการต้องไปพบนักบุญผู้สร้างวงเวทย์ของเมืองอุกกาบาตให้ได้


แน่นอนเลยว่านี่มันไม่ใช่เควสที่จะสำเร็จได้ง่ายๆ


อย่างไรก็ตามซือเฟิงไม่ได้รู้สึกแปลกใจเป็นพิเศษกับสถานการณ์นี้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว เมื่อรางวัลมีมากอย่างนั้น เควสมันก็จะต้องไม่ง่ายอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่เขายอมรับเลยคือแองเจลิก้า เทเรซ่านั้นตรงกับตำนานที่ถูกเล่าไว้มากๆที่ว่าเธอเป็นผู้กล้าหาญ และเป็นนักรบที่ยืนหยัดต่อสู้กับมังกร


ซึ่งหากแองเจลิก้าประสบความสำเร็จในการฆ่ามังกรเด็กขั้นสี่ ในตอนที่ตัวเธอเองก็ยังอยู่ในขั้นสี่นั้น ความสำเร็จของเธอมันก็ควรค่าให้จัดอยู่ในระดับตำนานอย่างแท้จริง


สิ่งเดียวที่ซือเฟิงทำได้ในตอนนี้คือการมองหาโอกาสในการปรับปรุงความแข็งแกร่งของเขา และคนของเขา ไม่งั้นเขาจะหมดหนทางอย่างแท้จริงในการจะจัดการกับมังกรเด็กขั้นสี่


ภายใต้การนำของคูลลิ่งคลาวด์ และยูหลัว ซือเฟิงและคนอื่นๆก็ได้มาถึงตลาดการค้าของเมืองอุกกาบาต


เมื่อไลฟ์เลสธอร์นและคนอื่นๆได้เห็นไอเทมที่วางขายอยู่ในตลาด ดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ สกุลเงินพื้นฐานที่ใช้ในตลาดแห่งนี้คือคริสตัลเวทย์มนต์ และมันไม่มีสกุลเงินเหรียญอยู่ที่นี่เลย


อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ต้องยอมรับเลยจริงๆว่ายุคโบราณของ God domain นั้นมันน่าทึ่งมากๆ ที่นี่มัมี NPC ที่ขายอาวุธและอุปกรณ์ระดับอีปิคให้กับผู้เล่นได้ใช้จริงๆ เพียงแต่ว่าราคามันค่อนข้างจะสูงหน่อยก็เท่านั้น โดยอุปกรณ์ระดับอีปิคเลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบนั้นถูกขายในราคาเป็นคริสตัลเวทย์มนต์สองหมื่นชิ้น


ซึ่งหากแปลงมันเป็นเหรียญทองในยุคปัจจุบัน มันจะมีมูลค่าเท่ากับแปดพันเหรียญทอง โดยหากต้องใช้เงินแปดพันเหรียญทองในการซื้ออุปกรณ์ระดับอีปิคเลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบหนึ่งชิ้นนั้น บรรดาซุเปอร์กิลต่างๆจะแย่งชิงกันอย่างบ้าคลั่งแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไป หากราคาเป็นคริสตัลเวทย์มนต์ แถมนอกเหนือจากพวกอุปกรณ์กับอาวุธระดับอีปิคแล้ว มันยังมีอาวุธและเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานปรากฎขึ้นในบ้านประมูลของเมืองอุกกาบาตเป็นครั้งคราว ซึ่งผู้ที่จะมีสิทเข้าประมูลไอเทมระดับนี้นั้นก็จะต้องมีคริสตัลเวทย์มนต์เก็บสะสมไว้อย่างน้อยสามแสนชิ้น เพราะส่วนใหญ่นั้นเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานมักจะถูกประมูลขายไปในราคาเป็นคริสตัลเวทย์มนต์มากกว่าสี่แสนชิ้น


ไม่ว่าจะเป็นไลฟ์เลสธอร์นหรือซือเฟิง พวกเขานั้นก็อดไม่ได้เลยที่จะรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นขอทาน หลังจากเข้าสู่เมืองอุกกาบาตมา แม้ว่าซือเฟิงจะพกคริสตัลเวทย์มนต์ติดตัวมาด้วย แต่มันก็จำนวนแค่ราวห้าหมื่นชิ้นเท่านั้น ซึ่งนี่มันก็ทำให้เขาสามารถซื้ออุปกรณ์ระดับอีปิคได้อย่างมากที่สุดสองชิ้นเท่านั้นที่นี่ ….


แน่นอนว่ามันก็เป็นเรื่องที่ง่ายกว่ามากที่จะได้รับคริสตัลเวทย์มนต์ที่นี่ เนื่องจากที่นี่ใช้คริสตัลเวทย์มนต์เป็นสกุลเงินหลัก ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเควส การออกล่ามอนสเตอร์ หรือการแลกเปลี่ยนไอเทมหรือขายวัสดุให้กับ NPC ก็จะเป็นคริสตัลเวทย์มนต์ทั้งหมด ดังนั้นผู้เล่นในท้องถิ่นจึงคิดว่าราคาไอเทมระดับอีปิค และเศษชิ้นส่วนไอ

เทมระดับตำนานนั้นมันสมเหตุสมผล


หลังจากเดินเล่นด้วยกันอยู่หลายชั่วโมง คูลลิ่งคลาวด์ก็บอกลากลุ่มของซือเฟิง เนื่องจากเธอยังมีเรื่องที่ต้องจัดการในฐานะหัวหน้ากองอัศวินท้องถิ่น สำหรับยู่หลัว เธอก็อยู่กับกลุ่มของซือเฟิงต่อเพื่อทำหน้าที่เป็นไกด์ให้


ภายในโรงแรมชั้นสูงของเมืองอุกกาบาต ….


การเข้าพักในห้องธรรมดาที่นี่นั้นมีค่าใช้จ่ายเป็นคริสตัลเวทย์มนต์ห้าสิบชิ้นต่อวัน ในขณะที่ห้องระดับไฮเอนด์นั้นมีราคาเป็นคริสตัลเวทย์มนต์สองร้อยชิ้นต่อวัน โดยซือเฟิงได้เลือกจะเข้าพักที่ห้องไฮเอนด์อย่างไม่ลังเล


หลังจากนั้นกลุ่มของซือเฟิงห้าคน และยู่หลัวก็ได้เข้ามานั่งอยู่ในห้องไฮเอนด์ของโรงแรม


“เอาล่ะ เริ่มเล่ามาเลย คุณมาถึงที่นี่นานแค่ไหนแล้ว ?” ซือเฟิงถามอย่างจริงจัง ขณะที่เขามองไปยังยู่หลัว “แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับผู้เล่นที่นี่ ?”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)