Reincarnation Of The Strongest Sword God 2886-2887
ตอนที่ 2886 ปรมาจารย์ทางจิต
เมื่อซือเฟิงประกาศกร้าว และค่อยๆเดินเข้าไปใกล้จตุรัสเล็กๆที่เต็มไปด้วยผู้คน ฟางฉีหานที่อยู่ไม่ไกลนั้นก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงมากๆ ….
เธอไม่คาดคิดเลยว่าซือเฟิงจะกล้าทำแบบนี้จริงๆ !!!
ผู้เชี่ยวชาญมากกว่าสิบคนที่อยู่ในระดับครึ่งก้าวสุดยอดปรมาจารย์หรือเหนือกว่า กองกำลังแบบนี้นั้นมันไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถต่อกรได้เลย และแม้แต่ตัวเธอตอนนี้ก็ยังรู้สึกหวาดกลัวมาก
ด้วยผู้เชี่ยวชาญระดับครึ่งก้าวสุดยอดปรมาจารย์หรือเหนือกว่าจำนวนมากขนาดนี้นั้น แม้แต่สุดยอดปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งจนน่ากลัวราวกับสัตว์ประหลาดก็ยังยากจะรับมือได้เลย
“บ้า ! นี่มันบ้าชัดๆ !!”
ฟางฉีหานกัดฟันและเลือกจะเดินตามซือเฟิงไป
ในฐานะลูกสาวคโตของตระกูลฟาง แม้แต่ผู้มีอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่ในชั้นกลางของ Upper Zone ก็ยังจะต้องไว้หน้าเธอ และไม่กล้าทำอะไรที่มากเกินไป ไม่งั้นพวกเขาก็จะต้องเผชิญหน้ากับความโกรธของตระกูลฟาง
อย่างไรก็ตามก่อนที่ฟางฉีหานจะทันได้เดินตามซือเฟิงไปทัน มันก็มีคนมากกว่าหนึ่งโหลแยกตัวออกมาจากฝูงชนและค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามาหาซือเฟิง โดยคนเหล่านี้นั้นปกปิดออร่าตัวเองได้อย่างเป็นธรรมชาติมากๆจนผู้คนทั่วไปนั้นไม่สามารถจะสังเกตเห็นถึงการเคลื่อนไหวของพวกเขาได้เลย
“เด็กน้อย ! ในเมื่อคุณอยากจะตายมากนัก !! ฉันก็จะทำให้คุณสมหวังเอง !!!” ผู้อาวุโสฉีกล่าวพลางมองไปยังซือเฟิงด้วยแววตาเย็นชา “ทุกคน ไปจัดการเขา !!!”
หากซือเฟิงอยู่ในบริเวณที่มีผู้คนเบาบางนั้น พวกเขาก็อาจจะลงมือได้ยาก เพราะในบริเวณที่มีผู้คนเบาบางนั้น พวกเขาก็จะปกปิดออร่าของตัวเองไม่ให้คนอื่นสังเกตเห็นได้ยาก อย่างไรก็ตามในสถานที่ที่เต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากแบบนี้ พวกเขาก็สามารถที่จะปกปิดออร่าของตัวเอง และทำให้ผู้คนไม่สังเกตเห็นพวกเขาได้ง่ายมากๆ โดยกว่าผู้คนจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็จะออกไปจากบริเวณนี้แล้ว ….
หลังจากนั้นระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายก็เริ่มลดลงไปเรื่อยๆ
สามสิบเมตร … ยี่สิบเมตร … สิบเมตร …
เมื่อระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายเหลือน้อยกว่าสามเมตร สุดยอดปรมาจารย์กำลังภายในหนึ่งคน สุดยอดปรมาจารย์เหิงเหลียนหนึ่งคน และครึ่งก้าวสุดยอดปรมาจารย์สี่คนก็พุ่งเข้าใส่ซือเฟิงอย่างรวดเร็ว โดยความเร็วของพวกเขานั้นก็เร็วมากซะจนคนทั่วไปมองไม่เห็นแม้แต่ภาพติดตาด้วยซ้ำ
เมื่อได้ระยะนั้น พวกเขาก็ได้ใช้ทั้งหมัด ฝ่ามือ และกรงเล็บ โจมตีเข้าใส่ซือเฟิง โดยทุกการโจมตีของพวกเขานั้นล้วนเล็งไปยังจุดสำคัญของซือเฟิงทั้งหมด ซึ่งการประสานงานกันของพวกเขาในการโจมตีนั้นมันก็ไร้ที่ติมากๆ
เมื่อได้เห็นฉากนี้นั้นใบหน้าของฟางฉีหานก็มืดมนลงไป ….
หากเป็นตัวเธอนั้น เธอจะสามารถป้องกันการโจมตีที่เข้ามาพร้อมกันแบบนี้ได้แค่สองถึงสามการโจมตีเท่านั้น ในขณะที่ส่วนที่เหลือมันก็จะโจมตีโดนเธอทั้งหมดแน่นอน
สถานการณ์มันอาจจะดีขึ้นกว่านี้เล็กน้อยหากซือเฟิงเป็นสุดยอดปรมาจารย์หยินหยาง แต่อย่างไรก็ตามซือเฟิงนั้นเป็นเพียงแค่สุดยอดปรมาจารย์กำลังภายในเท่านั้น ดังนั้นหากเขาถูกกการโจมตีพวกนี้เข้าไป เขาจะตายแน่นอน ….
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่การโจมตีทั้งหกนี้กำลังจะเข้าถึงตัวซือเฟิงนั้น ทั่วทั้งร่างของซือเฟิงก็สั่นสะท้านก่อนที่ร่างของเขาจะกลายเป็นเหมือนดั่งสายน้ำที่ลื่นไหล และเขาก็ได้ทำการหลบการโจมตีทั้งหมดที่เข้ามาได้อย่างง่ายดาย
โดยสิ่งนี้มันก็ทำให้ทั้งหกคนที่พุ่งเข้ามาโจมตีซือเฟิงนั้นตกตะลึงมากๆ แต่อย่างไรก็ตามในระหว่างที่พวกเขากำลังเตรียมจะโจมตีระลอกที่สองนั้น ซือเฟิงก็ได้ใช้ทั้งหมัด ฝ่ามือ ศอก และเท้าของเขาชิงโจมตีแบบรวดเร็วเข้าใส่คนทั้งหกก่อน ซึ่งนี่มันก็ทำให้คนทั้งหกนั้นล้มลงไปทันทีก่อนที่จะทันได้ตอบสนองใดๆ ….
“นี่ … มัน …. เป็นไปไม่ได้ !!!”
ฟางฉีหานที่ได้เห็นฉากนี้นั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึง และไม่อยากจะเชื่อ โดยชั่วครู่หนึ่งนั้นเธอคิดว่าตัวเองเห็นภาพหลอนด้วยซ้ำ
สุดยอดปรมาจารย์ที่แท้จริงสองคน และครึ่งก้าวสุดยอดปรมาจารย์สี่คนได้ประสานงานกันเข้าโจมตีซือเฟิง แต่ท้ายที่สุดแล้วมันกับเป็นพวกเขาทั้งหกคนนี้ที่ถูกซือเฟิงจัดการไปแทน ….
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้นั้นไม่เพียงแต่จะสร้างความตกตะลึงอย่างถึงที่สุดให้กับฟางฉีเท่านั้น แต่มันยังสร้างความตกตะลึงอย่างถึงที่สุดให้กับผู้อาวุโสฉี และคนอื่นๆที่ยังไม่ได้เข้าโจมตีซือเฟิงเช่นกัน
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสุดยอดปรมาจารย์เหิงเหลียนสักคนนั้น แม้ว่าพวกเขาจะร่วมมือกัน แต่พวกเขาก็จะไม่สามารถจัดการสุดยอดปรมาจารย์เหิงเหลียนได้ในการโจมตีเดียวแน่นอน นี่ไม่ต้องพูดถึงในสถานการณ์ที่ว่าสุดยอดปรมาจารย์เหิงเหลียนได้ร่วมมือกันกับสุดยอดปรมาจารย์กำลังภายใน และผู้ที่อยู่ในระดับครึ่งก้าวสุดยอดปรมาจารย์อีกสี่คนโจมตีพวกเขาเลย แต่ตอนนี้ซือเฟิงกับสามารถจัดการกับสุดยอดปรมาจารย์เหิงเหลียน และสุดยอดปรมาจารย์กำลังภายใน รวมไปถึงผู้ที่อยู่ในระดับครึ่งก้าวสุดยอดปรมาจารย์สี่คนได้ในการโจมตีเดียวจริงๆ ….
และสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ …. มันก็ทำให้พวกที่ยังไม่ได้เข้าโจมตีซือเฟิงนั้นอดไม่ได้ที่จะมองไปยังผู้อาวุโสฉีอย่างเฝ้ารอ
ผู้อาวุโสฉีซึ่งเป็นหัวหน้าทีม และเป็นผู้นำทีมมาในครั้งนี้นั้นแข็งแกร่งมากๆ หากวัดกันในด้านความแข็งแกร่งอย่างเดียว เขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าอาจารย์ของหวังซวนหมิงด้วยซ้ำ ซึ่งหากผู้อาวุโสฉีไม่สามารถจะทำอะไรกับซือเฟิงได้ พวกเขาก็คงจะไม่ต้องเคลื่อนไหวเพิ่มเติมอีกแล้ว เพราะท้ายที่สุดสถานการณ์นี้มันจะกลายเป็นว่าซือเฟิงนั้นเป็นคนคุมทุกอย่างแบบเบ็ดเสร็จ โดยที่พวกเขาไม่สามารถจะต่อต้านใดๆได้เลย ….
เมื่อเห็นซือเฟิงเดินเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆนั้น ผู้อาวุโสฉีก็ได้กัดฟัน และเดินขึ้นไปเผชิญหน้ากับซือเฟิง
แม้ว่าเขาจะมองไม่ออกจริงๆว่าซือเฟิงใข้วิธีใดในการจัดการกับคนของเขาทั้งหกคนเมื่อครู่ แต่เขาก็มั่นใจว่าเขาน่าจะสามารถรับมือกับวิธีที่ซือเฟิงใช้ได้ เพราะท้ายที่สุดตอนนี้ในด้านความสามารถทางจิต เขาอยู่ห่างจากการกลายเป็นปรมาจารย์ทางจิตเพียงครึ่งก้าวเท่านั้น ซึ่งนี่ทำให้ในด้านจิต และประสาทสัมผัสทั้งหกของเขานั้นมันแข็งแกร่งกว่าสุดยอดปรมาจารย์ทั่วไปอย่างมาก
ดังนั้นมันจึงไม่มีประโยชน์เลยที่จะมาใช้แผนการ หรือเล่ห์เหลี่ยมใดๆกับเขา !!!
ซึ่งเมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสฉีเริ่มจะเคลื่อนไหวนั้น คนที่เหลืออีกเจ็ดคนก็เริ่มติดตามเขาไปเช่นกัน โดยพวกเขาทั้งแปดคนนั้นก็ได้พุ่งเข้าใส่ซือเฟิงจากแปดทิศทาง ….
แต่อย่างไรก็ตามซือเฟิงนั้นก็ยังคงมีท่าทีที่ไม่สนใจใดๆ และเขาก็ยังคงเดินเข้าหาผู้อาวุโสฉีกับคนอื่นๆอย่างสบายๆ
“หยิ่งผยองอย่างแท้จริง !!! เด็กน้อย คุณคิดว่าคุณจะใช้ทริคแบบที่คุณใช้กับพวกเขาจัดการฉันได้งั้นหรอ ?!!” ผู้อาวุโสฉีพึมพำด้วยแววตาเย็นชา ก่อนที่เขาจะเร่งฝีเท้าเข้าประชิดตัวซือเฟิงให้เร็วขึ้นเพื่อไม่ให้ซือเฟิงได้มีเวลาเตรียมตัวมากนัก
เมื่อพวกเขาทั้งแปดร่วมมือ และประสานงานกันโจมตีแบบนี้นั้น มันจะมีก็แต่ปรมาจารย์ทางจิตเท่านั้นที่จะสามารถรับมือกับพวกเขาได้ เพราะปรมาจารย์ทางจิตนั้นสามารถรับรู้ถึงอันตราย และควบคุมร่างกายได้ในระดับที่น่ากลัวมากๆ
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่พวกเขาอยู่ห่างจากซือเฟิงไม่ถึงหกเมตรนั้น ซือเฟิงก็ได้หายไปจากสายตาของพวกเขา ….
“?!!”
ผู้อาวุโสฉีจ้องมองไปยังทิศทางที่ซือเฟิงหายไปด้วยความตกตะลึง
เนื่องจากตอนนี้ซือเฟิงได้หายตัวไปจากระยะการมองเห็น และระยะการรับรู้ของพวกเขาทั้งหมดอย่างสมบูรณ์
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่กี่วินาที ผู้อาวุโสฉีก็มองเห็นร่างๆหนึ่งที่พุ่งตัดผ่านเขากับคนอื่นๆไปอย่างรวดเร็ว
“ซือเฟิง ?!”
แต่ก่อนที่ผู้อาวุโสฉีจะทันได้ตอบสนองอะไรได้นั้น เขาก็รู้สึกเจ็บที่บริเวณหลังของเขา ก่อนที่ความรู้สึกชาจะตามมา และดวงตาของเขาก็ค่อยๆมืดลงไป ในขณะที่ร่างของเขาก็ทรุดลงกับพื้น
เมื่อมองไปยังร่างของซือเฟิงที่ได้ทำการจัดการคนอื่นๆแบบที่เขาโดน ก่อนที่ซือเฟิงจะหายตัวไปท่ามกลางฝูงชนนั้น ดวงตาของเขาที่กำลังจะมืดลงก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ปรมาจารย์ …. ทางจิต !!!”
นอกเหนือจากปรมาจารย์ทางจิต เขาก็ไม่สามารถจะคิดถึงความเป็นไปได้อื่นๆอีกแล้ว เพราะมันจะมีก็แต่เพียงปรมาจารย์ทางจิตเท่านั้นที่จะสามารถทำแบบที่ซือเฟิงทำเมื่อครู่ได้ ….
ตอนที่ 2887 ความเป็นไปได้ของชายที่ชื่อซือเฟิง
ในตอนนี้ท่ามกลางฝูงชนที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวานั้น เมื่อผู้อาวุโสฉีและคนอื่นๆทรุดลงไปกับพื้น ผู้คนจำนวนมากก็เริ่มสังเกตเห็นถึงตัวตนของพวกเขา และนี่มันก็ทำให้ผู้คนจำนวนมากเริ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้
แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับตัวซือเฟิงนั้น เขาค่อยๆเดินออกมาจากฝูงชนอย่างสบายๆโดยที่มันไม่มีใครสังเกตเห็นถึงตัวตนของเขาเลย ซึ่งมันราวกับว่าเขาเป็นเพียงแค่ต้นไม้ หรือเศษหิน ดิน ทราย รอบๆเท่านั้น ….
“ปรมาจารย์ทางจิต ?!”
ฟางฉีหานจ้องมองไปยังซือเฟิง สลับกับผู้อาวุโสฉีและคนอื่นๆที่นอนกองอยู่บนพื้นด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงถึงอย่างถึงที่สุดเหมือนกับโลกตรงหน้าเธอกำลังจะถล่มลงมาเลย
ผู้เชี่ยวชาญระดับสุดยอดปรมาจารย์แปดคน และระดับครึ่งก้าวสุดยอดปรมาจารย์หกคนนั้นจัดเป็นทีมที่แข็งแกร่ง และน่ากลัวมากๆ ซึ่งมันก็คงจะมีแต่ปรมาจารย์ทางจิตเท่านั้นที่จะรับมือกับทีมแบบนี้ได้ ….
แต่แล้วตัวตนของปรมาจารบ์ทางจิตนั้นคืออะไร ? และมันน่ากลัวแค่ไหน ?
ปรมาจารย์ทางจิตนั้นคือตัวตนที่ทรงอิทธิพลอย่างแท้จริงใน Upper Zone โดยพวกเขาส่วนใหญ่นั้นอาศัยอยู่ในชั้นกลางของ Upper Zone ด้วย และมหาอำนาจต่างๆในชั้นพื้นฐานนั้นก็ล้วนต้องการจะได้รับความโปรดปรานจากตัวตนระดับนี้อย่างมาก
ขณะเดียวกันกว่าที่เหล่าปรมาจารย์ทางจิตเหล่านี้จะไปถึงระดับปรมาจารย์ทางจิตได้นั้น พวกเขาก็ล้วนมีอายุมากกว่าสามสิบปีกันแล้ว แต่ตอนนี้ซือเฟิงอายุเท่าไหร่กัน ?
ตามข้อมูลเกี่ยวกับตัวของซือเฟิงที่เธอได้รับมาเมื่อไม่นานมานี้นั้น ระดับความสามารถทางจิตของเขายังคงอยู่ในเกรดพิเศษอยู่เลย และมันก็ยังคงอยู่ห่างไกลจากการกลายเป็นปรมาจารย์ทางจิตอย่างมาก แต่ตอนนี้ ….
เมื่อซือเฟิงเดินเข้ามาถึงตรงหน้าของฟางฉีหาน ฟางฉีหานก็กลับมาสติอีกครั้ง และตอนนี้มองไปยังซือเฟิงตรงห้าของเธอ พลางวิเคราะห์และตรวจสอบอย่างระมัดระวังมากๆราวกับว่าเธอพึ่งได้พบซือเฟิงเป็นครั้งแรก
“คุณ … ก้าวไปถึงระดับปรมาจารย์ทางจิตแล้วงั้นหรอ ?!!” ฟางฉีหานมองไปยังซือเฟิง และอดไม่ได้ที่จะถาม
แม้ว่าดูจากสิ่งที่เขาทำมาเมื่อครู่ทั้งหมด มันจะเป็นเรื่องแน่นอนแล้วว่าซือเฟิงกลายเป็นปรมาจารย์ทางจิตแล้ว แต่ฟางฉีหานก็ยังอดไม่ได้ที่จะต้องถามย้ำอยู่ดี ปรมาจารย์ทางจิตที่อายุน้อยกว่ายี่สิบห้าปีเนี่ยนะ ?!!
หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป มันจะสร้างความตกตะลึงและฮือฮาไปทั่ว Upper Zone แน่นอน และเมื่อถึงเวลาบางทีพวกผู้บริหารระดับสูงของบริษัทกรีนก๊อดก็อาจมาสนใจในตัวของซือเฟิงด้วย
ซึ่งพวกผู้บริหารระดับสูงของบริษัทกรีนก๊อดนั้น แม้แต่ปรมาจารย์ทางจิตก็ยังต้องพยายามอย่างหนักกว่าจะสร้างมิตรภาพกับพวกเขาคนใดคนหนึ่งได้ และสำหรับตัวตนอย่างผู้จัดการชั้นสูงสุดของ Upper Zone นั้นก็แทบจะนับว่าเป็นผู้ยืนอยู่ในจุดสูงสุดของ Upper Zone เลย
“อืม ฉันก้าวสู่ระดับปรมาจารย์ทางจิตได้เมื่อไม่นานมานี้ ….”
ซือเฟิงพยักหน้าและตอบคำถามของฟางฉีหานอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่ได้ปิดบังใดๆ ก่อนที่เขาจะหันไปมองผู้อาวุโสฉีและคนอื่นๆที่นอนกองอยู่กับพื้นที่แววตาที่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน
ในตอนที่เขารู้ตัวว่าตัวเองทะลวงเข้ามาสู่ขอบเขตปรมาจารย์ทางจิตได้นั้น เขารู้สึกว่าร่างกายทางกายภาพ และประสาทสัมผัสทั้งหมดของเขานั้นมันดีขึ้นอย่างมาก และความเฉียบคมของเขามันก็เพิ่มขึ้นในหลายๆด้าน
อย่างไรก็ตามซือเฟิงได้เข้าใจถึงพลังที่น่ากลัวของปรมาจารย์ทางจิตอย่างแท้จริงก็ตอนที่เขาได้มาต่อสู้กับผู้อาวุโสฉี และคนอื่นๆ
แม้ว่าโดยรวมแล้วหากวัดกันด้านความแข็งแกร่งอย่างเดียว มันจะไม่ได้แข็งแกร่งกว่าสุดยอดปรมาจารย์ทั่วไปมากนัก แต่การควบคุมเพื่อใช้ความแข็งแกร่งของตัวเองออกมานั้น ปรมาจารย์ทางจิตจัดว่าเหนือกว่าสุดยอดปรมาจารย์ทั่วไปมาก
ซึ่งการควบคุมเพื่อใช้ความแข็งแกร่งของตัวเองออกมาที่ว่านี้มันก็สะท้อนให้เห็นหลายด้าน โดยเฉพาะด้านการปรับตัวของกล้ามเนื้อ และรายละเอียดในการเคลื่อนไหวของตัวเอง นอกเหนือจากนี้มันก็ยังช่วยปรับปรุงการประมวลผล ควบคุม และสั่งการของสมองด้วย
ในช่วงเวลาแห่งการต่อสู้นั้นดวงตาของเขาเห็นภาพช้าลงราวสิบเท่าด้วยซ้ำ ซึ่งนี่มันหมายความว่าสำหรับการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วที่ทุกคนมองไม่เห็นหรือเป็นภาพเบลอนั้น เขาก็สามารถจะเห็นมันได้อย่างชัดเจนเลย
ซึ่งเมื่อมาถึงขั้นนี้นั้น มันก็ทำให้เขาสามารถใช้เทคนิค Void Steps จาก God domain เพื่อหลีกเลี่ยง และหลบระยะการมองเห็นกับระยะการรับรู้ของศัตรูในโลกแห่งความจริงได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมมหาอำนาจต่างๆใน Upper Zone ชั้นพื้นฐานถึงกลัวปรมาจารย์ทางจิตมาก
โชคดีที่เขาระวังตัวเองอย่างมากในเรื่องนี้ เพราะท้ายที่สุดหากเขาประมาทเพียงเล็กน้อย มันจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมาแน่นอน เนื่องจากหากปรมาจารย์ทางจิตต้องการจะฆ่าสุดยอดปรมาจารย์ทั่วไปสักคน ปรมาจารย์ทางจิตนั้นจะสามารถทำได้ง่ายๆเลย
สำหรับฟางฉีหานในตอนนี้นั้น เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต้องเผชิญหน้ากับซือเฟิงยังไง ไม่ต้องพูดถึงการพูดคุยเจรจาเลย
ในตอนแรกฟางฉีหานต้องการจะได้รับทรัพยากรส่วนหนึ่งของเมืองสภาสิบแปดปีกโดยแลกกับการปกป้องซือเฟิง ซึ่งเรื่องนี้มันก็จะช่วยให้สถานะของเธอในไมโทโลจี้สูงขึ้น และมันก็จะทำให้เก้าอี้รองหัวหน้ากิลลำดับที่หนึ่งของเธอในไมโทโลจี้มั่นคง
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกอย่างมันจะกลายเป็นเรื่องตลกไปแล้ว ….
เพราะมันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ปรมาจารย์ทางจิตคนหนึ่งจะกลัวอีกคนหนึ่ง แม้ว่าในระดับของปรมาจารย์ทางจิตมันจะมีช่องว่างระหว่างกันอยู่ก็ตาม แถมซือเฟิงนั้นยังกลายเป็นปรมาจารย์ทางจิตตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งตราบใดที่บริษัทกรีนก๊อดได้ยินข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาก็จะต้องแสดงความสนใจในตัวของซือเฟิงมากแน่นอน และท้ายที่สุดแล้วหากซือเฟิงเลือกทางของตัวเองดีๆ ต่อให้เป็นอาจารย์ของหวังซวนมิง หรือปรมาจารย์ทางจิตขั้นสูงก็จะไม่มีทางที่จะมีสถานะเทียบเท่ากับซือเฟิงแน่นอน
ซึ่งหากมันเป็นไปตามนี้ ตราบใดที่อาจารย์ของหวังซวนหมิงไม่ได้โง่ ยังไงเขาก็จะต้องล้มเลิกความคิดในการจะแก้แค้นซือเฟิงแน่นอน ในทางตรงกันข้ามๆเผลอๆเขาอาจจะยินดีจะเชื่อม และซ่อมแซมความสัมพันธ์กับซือเฟิงใหม่ด้วยซ้ำ เพราะท้ายที่สุดพรสวรรค์ของซือเฟิงนั้นมันจัดว่าน่ากลัวมากๆ และในอนาคตเขาก็จะกลายเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของ Upper Zone แน่นอน
ขณะเดียวกันตอนนี้ซือเฟิงก็ได้มองไปยังฟางฉีหาน และถามว่า “ปัญหาทุกอย่างได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นมาคุยเรื่องของเราต่อดีกว่า … วันนี้ที่มิสฟางมา มิสฟางมีอะไรจะคุยกับฉันกัน ?”
เมื่อฟางฉีหานได้ยินคำพูดของซือเฟิง เธอก็หายจากอาการตกตะลึง และกลับมามีสติอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะกล่าวต่อซือเฟิงด้วยความเคารพว่า “ปรมาจารย์ซือเฟิง คุณก็พูดไป ด้วยสถานะของคุณในตอนนี้นั้น ปัญหามันจะไม่ใช่แค่ได้รับการแก้ไข แต่คุณยังจะได้รับประโยชน์เพิ่มเติมมาอีกมหาศาลแน่นอน”
“อย่างนั้นหรอ ?”
ซือเฟิงมองไปยังท่าทีที่เต็มไปด้วยความเคารพของฟางฉีหานและรู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย เพราะก่อนหน้านี้การพบกันแต่ละครั้งของพวกเขาก่อนหน้านี้นั้น ผู้หญิงคนนี้จะค่อนข้างหยิ่งผยองและถือตัวมากๆ
“ปรมาจารย์ซือเฟิงจริงๆแล้วเรื่องที่ฉันมาพูดคุยกับคุณมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนักหรอก ….” ฟางฉีหานกล่าวพลางมองไปยังซือเฟิงด้วยรอยยิ้มบางๆ “ฉันแค่ต้องการจะมาขอร่วมมือกับสภาสิบแปดปีกเป็นการส่วนตัว”
“ร่วมมือเป็นการส่วนตัว ?” ซือเฟิงไม่ได้แปลกใจกับเรื่องนี้มากนัก และเขาก็พูดออกมาอย่างเฉยเมยว่า “มิสฟางมีแผนจะร่วมมือกับสภาสิบแปดปีกยังไง ?”
เมื่อได้ยินคำถามของซือเฟิง ฟางฉีหานก็สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่เธอจะกล่าวออกมาอย่างจริงจังว่า “ฉันสามารถจะบริจาคเงินหนึ่งแสนล้านเครดิตให้กับสภาสิบแปดปีกเป็นการส่วนตัวเพื่อช่วยสภาสิบแปดปีกปรับปรุงอุปกรณ์และสถานที่ที่จำเป็นในการพัฒนาของตัวเองได้ ในขณะเดียวกันฉันก็จะมอบช่องเข้าสู่ Upper Zone อีกสิบช่องให้กับสภาสิบแปดปีก พร้อมกับโพชั่นต่างๆที่จำเป็นอีกมากกว่าหนึ่งพันขวดด้วย นอกเหนือจากนี้ใน God domain ฉันก็ยินดีจะนำคนของฉันทั้งหมด ซึ่งรวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดหรือเก่งกาจกว่านั้นเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกด้วย และฉันก็ยินดีจะมอบที่ดินในเมือง NPC ขนาดใหญ่ทั้งในทวีปด้านตะวันออก และตะวันตกราวสามร้อยผืนของไมโทโลจี้ที่อยู่ภายใต้ชื่อของฉันให้กับสภาสิบแปดปีก !!!”
เมื่อซือเฟิงได้ยินดังนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาว่า “เงื่อนไขของคุณคืออะไร ?”
ไม่ต้องพูดถึงเงินทุนเป็นเครดิตที่จำเป็นสำหรับการขยายตัวในปัจจุบันของสภาสิบแปดปีกเลย แค่โพชั่นต่างๆที่จำเป็นมากกว่าหนึ่งพันขวด และฟางฉีหานกับคนของเธอทั้งหมด พร้อมกับที่ดินในเมือง NPC ขนาดใหญ่ทั้งในทวีปด้านตะวันออก และตะวันตกของไมโทโลจี้ภายใต้ชื่อของฟางฉีหานนั้น หากสภาสิบแปดปีกได้รับทั้งหมดนี้มา ความแข็งแกร่งของกิลก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมากแน่นอน และกิลก็จะขึ้นไปอยู่เหนือกว่าซุเปอร์กิลทั่วไปเลยด้วยซ้ำ
หากซือเฟิงบอกว่าข้อเสนอนี้มันไม่ได้ยั่วยวนเขาเลย เขาก็คงจะโกหกแน่นอน ….
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ดินในเมือง NPC ขนาดใหญ่ทั้งในทวีปด้านตะวันออก และตะวันตกที่มันเป็นสิ่งที่สภาสิบแปดปีกต้องการอย่างมากในปัจจุบัน เพราะตราบใดที่มีที่ดินพวกนี้ วงเวทย์เทเลพอร์ตที่เชื่อมระหว่างสองทวีปของสภาสิบแปดปีกนั้นก็จะสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ และมันก็จะเป็นเรื่องง่ายขึ้นมากสำหรับสภาสิบแปดปีกที่จะตั้งหลักในทวีปด้านตะวันตก
เมื่อได้ยินคำถามของซือเฟิง ฟางฉีหานก็ได้มองสบตากับซือเฟิง ก่อนที่เธอจะยิ้มและกล่าวออกมาว่า “มันง่ายมาก !! ช่วยมาเป็นผู้สนับสนุนของฉันที !!!”
“???”
เมื่อได้ยินคำพูดของฟางฉีหาน ซือเฟิงก็รู้สึกสับสนมากๆ และตอนนี้มันก็ต้องบอกเลยว่าเขาไม่เข้าใจมากๆว่ามันเกิดอะไรขึ้น ?ตอนที่ 2887 ความเป็นไปได้ของชายที่ชื่อซือเฟิง
ในตอนนี้ท่ามกลางฝูงชนที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวานั้น เมื่อผู้อาวุโสฉีและคนอื่นๆทรุดลงไปกับพื้น ผู้คนจำนวนมากก็เริ่มสังเกตเห็นถึงตัวตนของพวกเขา และนี่มันก็ทำให้ผู้คนจำนวนมากเริ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้
แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับตัวซือเฟิงนั้น เขาค่อยๆเดินออกมาจากฝูงชนอย่างสบายๆโดยที่มันไม่มีใครสังเกตเห็นถึงตัวตนของเขาเลย ซึ่งมันราวกับว่าเขาเป็นเพียงแค่ต้นไม้ หรือเศษหิน ดิน ทราย รอบๆเท่านั้น ….
“ปรมาจารย์ทางจิต ?!”
ฟางฉีหานจ้องมองไปยังซือเฟิง สลับกับผู้อาวุโสฉีและคนอื่นๆที่นอนกองอยู่บนพื้นด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงถึงอย่างถึงที่สุดเหมือนกับโลกตรงหน้าเธอกำลังจะถล่มลงมาเลย
ผู้เชี่ยวชาญระดับสุดยอดปรมาจารย์แปดคน และระดับครึ่งก้าวสุดยอดปรมาจารย์หกคนนั้นจัดเป็นทีมที่แข็งแกร่ง และน่ากลัวมากๆ ซึ่งมันก็คงจะมีแต่ปรมาจารย์ทางจิตเท่านั้นที่จะรับมือกับทีมแบบนี้ได้ ….
แต่แล้วตัวตนของปรมาจารบ์ทางจิตนั้นคืออะไร ? และมันน่ากลัวแค่ไหน ?
ปรมาจารย์ทางจิตนั้นคือตัวตนที่ทรงอิทธิพลอย่างแท้จริงใน Upper Zone โดยพวกเขาส่วนใหญ่นั้นอาศัยอยู่ในชั้นกลางของ Upper Zone ด้วย และมหาอำนาจต่างๆในชั้นพื้นฐานนั้นก็ล้วนต้องการจะได้รับความโปรดปรานจากตัวตนระดับนี้อย่างมาก
ขณะเดียวกันกว่าที่เหล่าปรมาจารย์ทางจิตเหล่านี้จะไปถึงระดับปรมาจารย์ทางจิตได้นั้น พวกเขาก็ล้วนมีอายุมากกว่าสามสิบปีกันแล้ว แต่ตอนนี้ซือเฟิงอายุเท่าไหร่กัน ?
ตามข้อมูลเกี่ยวกับตัวของซือเฟิงที่เธอได้รับมาเมื่อไม่นานมานี้นั้น ระดับความสามารถทางจิตของเขายังคงอยู่ในเกรดพิเศษอยู่เลย และมันก็ยังคงอยู่ห่างไกลจากการกลายเป็นปรมาจารย์ทางจิตอย่างมาก แต่ตอนนี้ ….
เมื่อซือเฟิงเดินเข้ามาถึงตรงหน้าของฟางฉีหาน ฟางฉีหานก็กลับมาสติอีกครั้ง และตอนนี้มองไปยังซือเฟิงตรงห้าของเธอ พลางวิเคราะห์และตรวจสอบอย่างระมัดระวังมากๆราวกับว่าเธอพึ่งได้พบซือเฟิงเป็นครั้งแรก
“คุณ … ก้าวไปถึงระดับปรมาจารย์ทางจิตแล้วงั้นหรอ ?!!” ฟางฉีหานมองไปยังซือเฟิง และอดไม่ได้ที่จะถาม
แม้ว่าดูจากสิ่งที่เขาทำมาเมื่อครู่ทั้งหมด มันจะเป็นเรื่องแน่นอนแล้วว่าซือเฟิงกลายเป็นปรมาจารย์ทางจิตแล้ว แต่ฟางฉีหานก็ยังอดไม่ได้ที่จะต้องถามย้ำอยู่ดี ปรมาจารย์ทางจิตที่อายุน้อยกว่ายี่สิบห้าปีเนี่ยนะ ?!!
หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป มันจะสร้างความตกตะลึงและฮือฮาไปทั่ว Upper Zone แน่นอน และเมื่อถึงเวลาบางทีพวกผู้บริหารระดับสูงของบริษัทกรีนก๊อดก็อาจมาสนใจในตัวของซือเฟิงด้วย
ซึ่งพวกผู้บริหารระดับสูงของบริษัทกรีนก๊อดนั้น แม้แต่ปรมาจารย์ทางจิตก็ยังต้องพยายามอย่างหนักกว่าจะสร้างมิตรภาพกับพวกเขาคนใดคนหนึ่งได้ และสำหรับตัวตนอย่างผู้จัดการชั้นสูงสุดของ Upper Zone นั้นก็แทบจะนับว่าเป็นผู้ยืนอยู่ในจุดสูงสุดของ Upper Zone เลย
“อืม ฉันก้าวสู่ระดับปรมาจารย์ทางจิตได้เมื่อไม่นานมานี้ ….”
ซือเฟิงพยักหน้าและตอบคำถามของฟางฉีหานอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่ได้ปิดบังใดๆ ก่อนที่เขาจะหันไปมองผู้อาวุโสฉีและคนอื่นๆที่นอนกองอยู่กับพื้นที่แววตาที่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน
ในตอนที่เขารู้ตัวว่าตัวเองทะลวงเข้ามาสู่ขอบเขตปรมาจารย์ทางจิตได้นั้น เขารู้สึกว่าร่างกายทางกายภาพ และประสาทสัมผัสทั้งหมดของเขานั้นมันดีขึ้นอย่างมาก และความเฉียบคมของเขามันก็เพิ่มขึ้นในหลายๆด้าน
อย่างไรก็ตามซือเฟิงได้เข้าใจถึงพลังที่น่ากลัวของปรมาจารย์ทางจิตอย่างแท้จริงก็ตอนที่เขาได้มาต่อสู้กับผู้อาวุโสฉี และคนอื่นๆ
แม้ว่าโดยรวมแล้วหากวัดกันด้านความแข็งแกร่งอย่างเดียว มันจะไม่ได้แข็งแกร่งกว่าสุดยอดปรมาจารย์ทั่วไปมากนัก แต่การควบคุมเพื่อใช้ความแข็งแกร่งของตัวเองออกมานั้น ปรมาจารย์ทางจิตจัดว่าเหนือกว่าสุดยอดปรมาจารย์ทั่วไปมาก
ซึ่งการควบคุมเพื่อใช้ความแข็งแกร่งของตัวเองออกมาที่ว่านี้มันก็สะท้อนให้เห็นหลายด้าน โดยเฉพาะด้านการปรับตัวของกล้ามเนื้อ และรายละเอียดในการเคลื่อนไหวของตัวเอง นอกเหนือจากนี้มันก็ยังช่วยปรับปรุงการประมวลผล ควบคุม และสั่งการของสมองด้วย
ในช่วงเวลาแห่งการต่อสู้นั้นดวงตาของเขาเห็นภาพช้าลงราวสิบเท่าด้วยซ้ำ ซึ่งนี่มันหมายความว่าสำหรับการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วที่ทุกคนมองไม่เห็นหรือเป็นภาพเบลอนั้น เขาก็สามารถจะเห็นมันได้อย่างชัดเจนเลย
ซึ่งเมื่อมาถึงขั้นนี้นั้น มันก็ทำให้เขาสามารถใช้เทคนิค Void Steps จาก God domain เพื่อหลีกเลี่ยง และหลบระยะการมองเห็นกับระยะการรับรู้ของศัตรูในโลกแห่งความจริงได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมมหาอำนาจต่างๆใน Upper Zone ชั้นพื้นฐานถึงกลัวปรมาจารย์ทางจิตมาก
โชคดีที่เขาระวังตัวเองอย่างมากในเรื่องนี้ เพราะท้ายที่สุดหากเขาประมาทเพียงเล็กน้อย มันจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมาแน่นอน เนื่องจากหากปรมาจารย์ทางจิตต้องการจะฆ่าสุดยอดปรมาจารย์ทั่วไปสักคน ปรมาจารย์ทางจิตนั้นจะสามารถทำได้ง่ายๆเลย
สำหรับฟางฉีหานในตอนนี้นั้น เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต้องเผชิญหน้ากับซือเฟิงยังไง ไม่ต้องพูดถึงการพูดคุยเจรจาเลย
ในตอนแรกฟางฉีหานต้องการจะได้รับทรัพยากรส่วนหนึ่งของเมืองสภาสิบแปดปีกโดยแลกกับการปกป้องซือเฟิง ซึ่งเรื่องนี้มันก็จะช่วยให้สถานะของเธอในไมโทโลจี้สูงขึ้น และมันก็จะทำให้เก้าอี้รองหัวหน้ากิลลำดับที่หนึ่งของเธอในไมโทโลจี้มั่นคง
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกอย่างมันจะกลายเป็นเรื่องตลกไปแล้ว ….
เพราะมันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ปรมาจารย์ทางจิตคนหนึ่งจะกลัวอีกคนหนึ่ง แม้ว่าในระดับของปรมาจารย์ทางจิตมันจะมีช่องว่างระหว่างกันอยู่ก็ตาม แถมซือเฟิงนั้นยังกลายเป็นปรมาจารย์ทางจิตตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งตราบใดที่บริษัทกรีนก๊อดได้ยินข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาก็จะต้องแสดงความสนใจในตัวของซือเฟิงมากแน่นอน และท้ายที่สุดแล้วหากซือเฟิงเลือกทางของตัวเองดีๆ ต่อให้เป็นอาจารย์ของหวังซวนมิง หรือปรมาจารย์ทางจิตขั้นสูงก็จะไม่มีทางที่จะมีสถานะเทียบเท่ากับซือเฟิงแน่นอน
ซึ่งหากมันเป็นไปตามนี้ ตราบใดที่อาจารย์ของหวังซวนหมิงไม่ได้โง่ ยังไงเขาก็จะต้องล้มเลิกความคิดในการจะแก้แค้นซือเฟิงแน่นอน ในทางตรงกันข้ามๆเผลอๆเขาอาจจะยินดีจะเชื่อม และซ่อมแซมความสัมพันธ์กับซือเฟิงใหม่ด้วยซ้ำ เพราะท้ายที่สุดพรสวรรค์ของซือเฟิงนั้นมันจัดว่าน่ากลัวมากๆ และในอนาคตเขาก็จะกลายเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของ Upper Zone แน่นอน
ขณะเดียวกันตอนนี้ซือเฟิงก็ได้มองไปยังฟางฉีหาน และถามว่า “ปัญหาทุกอย่างได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นมาคุยเรื่องของเราต่อดีกว่า … วันนี้ที่มิสฟางมา มิสฟางมีอะไรจะคุยกับฉันกัน ?”
เมื่อฟางฉีหานได้ยินคำพูดของซือเฟิง เธอก็หายจากอาการตกตะลึง และกลับมามีสติอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะกล่าวต่อซือเฟิงด้วยความเคารพว่า “ปรมาจารย์ซือเฟิง คุณก็พูดไป ด้วยสถานะของคุณในตอนนี้นั้น ปัญหามันจะไม่ใช่แค่ได้รับการแก้ไข แต่คุณยังจะได้รับประโยชน์เพิ่มเติมมาอีกมหาศาลแน่นอน”
“อย่างนั้นหรอ ?”
ซือเฟิงมองไปยังท่าทีที่เต็มไปด้วยความเคารพของฟางฉีหานและรู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย เพราะก่อนหน้านี้การพบกันแต่ละครั้งของพวกเขาก่อนหน้านี้นั้น ผู้หญิงคนนี้จะค่อนข้างหยิ่งผยองและถือตัวมากๆ
“ปรมาจารย์ซือเฟิงจริงๆแล้วเรื่องที่ฉันมาพูดคุยกับคุณมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนักหรอก ….” ฟางฉีหานกล่าวพลางมองไปยังซือเฟิงด้วยรอยยิ้มบางๆ “ฉันแค่ต้องการจะมาขอร่วมมือกับสภาสิบแปดปีกเป็นการส่วนตัว”
“ร่วมมือเป็นการส่วนตัว ?” ซือเฟิงไม่ได้แปลกใจกับเรื่องนี้มากนัก และเขาก็พูดออกมาอย่างเฉยเมยว่า “มิสฟางมีแผนจะร่วมมือกับสภาสิบแปดปีกยังไง ?”
เมื่อได้ยินคำถามของซือเฟิง ฟางฉีหานก็สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่เธอจะกล่าวออกมาอย่างจริงจังว่า “ฉันสามารถจะบริจาคเงินหนึ่งแสนล้านเครดิตให้กับสภาสิบแปดปีกเป็นการส่วนตัวเพื่อช่วยสภาสิบแปดปีกปรับปรุงอุปกรณ์และสถานที่ที่จำเป็นในการพัฒนาของตัวเองได้ ในขณะเดียวกันฉันก็จะมอบช่องเข้าสู่ Upper Zone อีกสิบช่องให้กับสภาสิบแปดปีก พร้อมกับโพชั่นต่างๆที่จำเป็นอีกมากกว่าหนึ่งพันขวดด้วย นอกเหนือจากนี้ใน God domain ฉันก็ยินดีจะนำคนของฉันทั้งหมด ซึ่งรวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดหรือเก่งกาจกว่านั้นเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกด้วย และฉันก็ยินดีจะมอบที่ดินในเมือง NPC ขนาดใหญ่ทั้งในทวีปด้านตะวันออก และตะวันตกราวสามร้อยผืนของไมโทโลจี้ที่อยู่ภายใต้ชื่อของฉันให้กับสภาสิบแปดปีก !!!”
เมื่อซือเฟิงได้ยินดังนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาว่า “เงื่อนไขของคุณคืออะไร ?”
ไม่ต้องพูดถึงเงินทุนเป็นเครดิตที่จำเป็นสำหรับการขยายตัวในปัจจุบันของสภาสิบแปดปีกเลย แค่โพชั่นต่างๆที่จำเป็นมากกว่าหนึ่งพันขวด และฟางฉีหานกับคนของเธอทั้งหมด พร้อมกับที่ดินในเมือง NPC ขนาดใหญ่ทั้งในทวีปด้านตะวันออก และตะวันตกของไมโทโลจี้ภายใต้ชื่อของฟางฉีหานนั้น หากสภาสิบแปดปีกได้รับทั้งหมดนี้มา ความแข็งแกร่งของกิลก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมากแน่นอน และกิลก็จะขึ้นไปอยู่เหนือกว่าซุเปอร์กิลทั่วไปเลยด้วยซ้ำ
หากซือเฟิงบอกว่าข้อเสนอนี้มันไม่ได้ยั่วยวนเขาเลย เขาก็คงจะโกหกแน่นอน ….
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ดินในเมือง NPC ขนาดใหญ่ทั้งในทวีปด้านตะวันออก และตะวันตกที่มันเป็นสิ่งที่สภาสิบแปดปีกต้องการอย่างมากในปัจจุบัน เพราะตราบใดที่มีที่ดินพวกนี้ วงเวทย์เทเลพอร์ตที่เชื่อมระหว่างสองทวีปของสภาสิบแปดปีกนั้นก็จะสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ และมันก็จะเป็นเรื่องง่ายขึ้นมากสำหรับสภาสิบแปดปีกที่จะตั้งหลักในทวีปด้านตะวันตก
เมื่อได้ยินคำถามของซือเฟิง ฟางฉีหานก็ได้มองสบตากับซือเฟิง ก่อนที่เธอจะยิ้มและกล่าวออกมาว่า “มันง่ายมาก !! ช่วยมาเป็นผู้สนับสนุนของฉันที !!!”
“???”
เมื่อได้ยินคำพูดของฟางฉีหาน ซือเฟิงก็รู้สึกสับสนมากๆ และตอนนี้มันก็ต้องบอกเลยว่าเขาไม่เข้าใจมากๆว่ามันเกิดอะไรขึ้น ?
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น