Reincarnation Of The Strongest Sword God 2899-2902

 ตอนที่ 2899 มรดกของเทพโบราณ


ในตอนนี้ทุกคนในห้องล้วนเต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างถึงที่สุด เมื่อซือเฟิงนำดวงตาของเทพโบราณออกมาโชว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโคลท์ชาโด้วที่ตอนนี้เธอมองไปยังซือเฟิงราวกับมองไปยังสิ่งศักสิทธิ์สักอย่าง


เทพโบราณ !


ในฐานะที่เป็นเทพที่นับว่าเก่าแก่ และโบราณที่สุดใน God domain นั้น ก็ต้องบอกเลยว่าพวกเขาคือตัวตนแรกๆที่ไปถึงขอบเขตพระเจ้าได้ และตัวตนระดับขอบเขตพระเจ้าในยุคหลังๆนั้นก็ล้วนไปถึงขอบเขตนี้ได้จากมรดกที่พวกเขาทิ้งไว้ทั้งนั้น


อย่างไรก็ตามหลังจากเข้าสู่ยุคโบราณของ God domain แบบเต็มๆนั้น เหล่าเทพโบราณพวกนี้ก็เริ่มหายไป ส่วนสาเหตุที่ว่าทำไมเทพโบราณพวกนี้หายไปนั้นก็ไม่มีใครรู้ และมันก็ไม่ได้มีการบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ แต่อย่างไรก็ตามจากข้อมูลในห้องสมุดนั้นมันบ่งบอกอย่างชัดเจนเลยว่าเผ่ามนุษย์นั้นเริ่มยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ในยุคโบราณก็เนื่องมาจากมรดกที่เทพโบราณทิ้งเอาไว้ นอกเหนือจากนี้แล้วมันก็มีมนุษย์บางส่วนที่ก้าวไปถึงขอบเขตพระเจ้าได้จากมรดกที่เทพโบราณทิ้งเอาไว้ด้วย


ขณะเดียวกันดวงตาของเทพโบราณตรงหน้าพวกเขานี้มันก็ถือเป็นอีกหนึ่งมรดกของเทพโบราณ


และมรดกของเทพโบราณนี้มันก็สามารถจะทำให้คนๆหนึ่งกลายเป็นพวกขั้นหก ขอบเขตพระเจ้าได้เลย !!!


อีกทั้งเมื่อเทียบกับมรดกของมนุษย์ที่เข้าถึงขอบเขตพระเจ้าได้แล้วนั้น มรดกแบบนี้มันจัดว่ามีประโยชน์กว่ามาก !!!


“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมชายหนุ่มลึกลับนั่นถึงต้องการจะจัดการกับเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงตนนี้ ที่แท้เธอก็มีมรดกของเทพโบราณนี่เอง …. นี่มันไม่ต้องพูดถึงผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าเลย แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นหกก็ยังจะยอมทุ่มทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อสิ่งนี้แน่นอน” ซือเฟิงมองไปที่ดวงตาของเทพโบราณที่อยู่ในมือเขาด้วยอาการตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด


(ดวงตาของเทพโบราณ) (ไอเทมสิ้นเปลือง ระดับดีไวน์อาติแฟค)

มันมีมรดกของเทพโบราณถูกบันทึกไว้ภายใน โดยหากต้องการจะเปิดใช้งานนี้แต่ละครั้งคุณจะต้องมีคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่หนึ่งพันชิ้น ซึ่งคุณสามารถจะใช้มันได้ทั้งหมดเก้าครั้ง และมันจะหายไปหลังจากที่ใช้ครบ (การใช้ในปัจจุบัน 0 ครั้ง)


เมื่อได้อ่านข้อมูลทั้งหมดนั้นซือเฟิงก็แน่ใจได้ทันทีว่านี่มันคือมรดกของเทพโบราณที่แท้จริง และมันก็นับเป็นมรดกที่ทรงพลังที่สุดใน God domain ด้วย เพราะมรดกแบบนี้นั้นมันอยู่เหนือกว่ามรดกของมนุษย์ที่สามารถเข้าถึงขอบเขตพระเจ้าได้ และหากได้เรียนรู้มัน แม้ว่าจะเข้าใจแค่เพียงนิดเดียวก็ตาม แต่มันก็จะทำให้คนๆนั้นมีโอกาสสูงที่จะก้าวไปถึงขั้นหก ขอบเขตพระเจ้าได้แน่นอน


และเขาก็สามารถจะบอกได้เลยว่าดวงตาของเทพโบราณที่อยู่ในมือเขานั้นมีมูลค่ามากกว่าไอเทมระดับตำนานนับสิบชิ้นด้วยซ้ำ ซึ่งนี่มันทำให้ซือเฟิงรู้สึกดีมากๆ เพราะว่ามันเท่ากับว่าการตัดสินใจใช้ขลุ่ยเรียกมังกรของเขานั้นคุ้มค่ามากๆ


แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นซือเฟิงก็ได้เลือกจะระงับความตื่นเต้นของตัวเองในเรื่องนี้ไว้ก่อน และหันไปตรวจสอบไอเทมอีกสามชิ้นที่เขาเก็บมาได้


แม้ว่าไอเทมอีกสามชิ้นที่เหลือจะมีมูลค่าน้อยกว่าดวงตาของเทพโบราณ แต่มันก็ยังคงแผ่ออร่า Divine Might ที่แข็งแกร่งมากๆออกมาจนทำให้ แม้แต่ไฟเออร์แดนซ์ กับคนอื่นๆที่เฝ้าดูอยู่นั้นก็รู้สึกกดดัน ….


“ถ้าเจอกันครั้งหน้า ชายหนุ่มลึกลับนั่นคงเล่นฉันหนักแน่ๆ …” ซือเฟิงที่ทำการตรวจสอบไอเทมทั้งสามชิ้นที่เหลืออดไม่ได้ที่จะพึมพำกับตัวเอง พลางหัวเราะออกมา


เนื่องจากไอเทมอีกสามชิ้นนี้ก็นับว่ามีความพิเศษอย่างมากเช่นกัน โดยสองชิ้นนั้นเป็นวัสดุระดับนักบุญที่แท้จริง และอีกหนึ่งชิ้นนั้นเป็นแหล่งพลังศักสิทธิ์จากเทพโบราณใน God domain


ซึ่งแหล่งพลังศักสิทธิ์จากเทพโบราณใน God domain นั้นมันมีความพิเศษตรงที่มันสามารถจะช่วยเพิ่มศักยภาพ และชนชั้นของสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่ผู้เล่นได้ โดยมันนับเป็นไอเทมที่ช่วยในการปรับปรุงในเรื่องนี้ที่ดีที่สุดเท่าที่ซือเฟิงเคยค้นพบจากการเล่น God domain ในสองชีวิตของเขาเลย


พูดกันตามตรงการเก็บเกี่ยวของซือเฟิงในครั้งนี้นั้นมันมีมูลค่าเท่ากับเขาได้ไปฆ่า พวกมนุษย์ที่เข้าสู่ขั้นหก ขอบเขตพระเจ้าสี่คนเลย ซึ่งมันนับเป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อมากๆ..

และไอเทมทั้งหมดที่เขาฉกฉวยมานี้มันก็จะต้องเป็นสิ่งที่ชายหนุ่มลึกลับคนนั้นอยากได้มากๆแน่นอน ดังนั้นหากเขาได้เจอกับชายหนุ่มลึกลับผู้นี้ในครั้งหน้า มันก็จะเป็นเหมือนที่เขากล่าวไปก่อนหน้านี้แน่นอน ซึ่งก็คือเขาโดนหนักแน่ ….


อย่างไรก็ตามหลังจากช่วงเวลาแห่งความตกตะลึงเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่พักหนึ่ง ไฟเออร์แดนซ์ก็ได้เดินเข้ามารายงานซือเฟิงว่า “หัวหน้ากิล ตามข่าวล่าสุดที่ได้รับมาจากเหลียงจิง ดูเหมือนว่ากองทัพ NPC จากโลกอื่นจะเริ่มเดินทัพเข้ามาในทวีปหลักด้านตะวันออกของ God domain แล้ว โดยกองทัพ NPC นี้นั้นก็แบ่งออกเป็นหกสาย โดยแต่ละสายนั้นมี NPC ขั้นสี่อยู่มากกว่าสามหมื่นคน และมี NPC ขั้นสามอยู่มากกว่าสี่ล้านคน นอกเหนือจากนี้แล้ว NPC เหล่านี้ยังมีเลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบหรือสูงกว่ากันทั้งหมด ซึ่งจากการตรวจสอบโดยหน่วยข่าวกรองของเรานั้นดูเหมือนว่าจะมีกองทัพสายหนึ่งของ NPC พวกนี้ที่เล็งเป้ามาที่อาณาจักรทวินทาวเวอร์ และอาณาจักรสตาร์มูน โดยคาดว่ากองทัพนี้น่าจะใช้เวลาอีกประมาณสามถึงสี่วันก็จะเดินทางถึงอาณาจักรทวินทาวเวอร์”


“ในปัจจุบันนั้นมหาอำนาจต่างๆเริ่มเรียกรวมพลกันที่รอบนอกของอาณาจักรทวินทาวเวอร์แล้ว พร้อมกันนั้นพวกเขาก็ได้ส่งเหล่าผู้เชี่ยวชาญบางส่วนของตัวเองเข้ามาตรวจสอบและดูสถานการณ์ของกองทัพ NPC กองทัพนี้เพื่อเตรียมพร้อมจะรับมือ ขณะเดียวกันในส่วนของกองกำลังต่างๆในอาณาจักรทวินทาวเวอร์นั้น พวกเขาได้รวมพลกันไปเปิดศึกกับกองทัพ NPC นี้มารอบหนึ่งแล้ว และพวกเขาก็ได้รับความพ่ายแพ้กลับมา หลังจากการต่อสู้อันยาวนานหลายวัน”


“นอกเหนือจากนี้แล้ว จากที่เมลานโครอิคสไมล์รายงานมาดูเหมือนว่าสตาร์ลิ้ง และพันธมิตรที่เป็นมหาอำนาจต่างๆของสตาร์ลิ้งนั้นจะเริ่มพยายามดึงดูดผู้คนให้เข้าไปตั้งหลักในจักรวรรดิรัตติกาล และจักรวรรดิมังกรดำกัน ซึ่งนี่ทำให้สถานการณ์ล่าสุดของอาณาจักรทวินทาวเวอร์ และอาณาจักรสตาร์มูนตกอยู่ในความสุ่มเสี่ยงมากอันเนื่องมาจากการขาดกำลังคนอย่างรุนแรง”


เมื่อไฟเออร์แดนซ์รายงานจบ โคลท์ชาโด้วที่ยืนอยู่ข้างๆซือเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเช่นกัน “คนพวกนี้แม่งโง่กันจริงๆ !! แม้ว่าทางเลือกในการรักษาแนวรบของประเทศที่เป็นจักรวรรดิไว้จะนับเป็นตัวเลือกที่ดี แต่พวกเขาก็ไม่ควรจะยอมแพ้ในประเทศที่เป็นอาณาจักรสองแห่งอย่างรวดเร็วขนาดนี้ เพราะมันจะทำให้กองทัพ NPC จากโลกอื่นเข้ายึดประเทศสองแห่งนี้ได้โดยสูญเสียน้อยมากๆ และเมื่อเป็นแบบนั้น กองทัพ NPC พวกนี้ก็จะสามารถบำรุง และฟื้นฟูตัวเองจากทรัพยากรที่ได้มาจากสองอาณาจักรนี้จนแข็งแกร่งกว่าเดิมได้เลย และนี่มันก็จะทำให้กองทัพ NPC พวกนี้กลายเป็นยากจะรับมือยิ่งขึ้นไปอีกแทน …”


NPC นั้นไม่เหมือนกับผู้เล่น เมื่อ NPC ตายมันยากมากๆที่จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ ดังนั้นการเลือกจะยอมแพ้เกือบสิ้นเชิงในการต่อต้านกองทัพ NPC พวกนี้ในอาณาจักร มันจึงเป็นการกระทำที่โง่เขลามากๆ !!!


“ต้องบอกเลยว่าฉันไม่ได้แปลกใจกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่นะ ….” ซือเฟิงกล่าวอย่างสบายๆ “สำหรับพวกผู้เล่นนั้น ปัญหาจริงๆมันไม่ใช่เรื่องการตายแล้วเลเวลลดลง แต่ปัญหาจริงๆมันคือเมื่อตายแล้วมันจะมีอาวุธและอุปกรณ์บางส่วนของพวกเขา

ดรอปออกมา ซึ่งจุดนี้แหละที่มันนับเป็นความสูญเสียมหาศาลสำหรับผู้เล่น โดยเฉพาะสำหรับผู้เล่นบางคนที่มีไอเทมระดับสูง ดังนั้นเมื่อเจอกับการดึงดูดด้วยผลประโยชน์ต่างๆของมหาอำนาจ มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ผู้เล่นหลายคนจะตัดสินใจทิ้งแนวรบของอาณาจักร และไปเตรียมรบที่แนวรบของจักรวรรดิ


“หัวหน้ากิล ในเมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ ฉันคิดว่าเราควรจะนำกองกำลังหลักของกิลเราไปเข้าร่วมการต่อสู้ด้วยนะ …” โคล่ากล่าวแนะนำ “โดยหากกองกำลังหลักของกิลเราสามารถเอาชนะในการต่อสู้บางส่วนได้ ฉันคิดว่ามันน่าจะช่วยหยุดคนบางส่วนในสองอาณาจักรนี้ไม่ให้ถอยไปยังแนวรบของจักรวรรดิได้”


แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดมากนัก แต่โคล่าก็รู้ดีว่า หากผู้เล่นของอาณาจักรสตาร์มูน และอาณาจักรทวินทาวเวอร์ส่วนใหญ่ย้ายไปยังจักรวรรดิโดยรอบนั้น มันก็จะเหมือนกับว่าสองอาณาจักรนี้ได้ขาดแขนไปข้างหนึ่งเลย


ดังนั้นพวกเขาจึงควรจะรีบเร่งดำเนินการส่งกองกำลังหลักของสภาสิบแปดปีกออกไปเข้าร่วมการต่อสู้ให้ไวที่สุด ซึ่งหากพวกเขาเอาชนะการต่อสู้ได้บางส่วน และพิสูจน์ให้เห็นว่าแนวรบของอาณาจักรก็สามารถจะต้านทานกองทัพ NPC จากโลกอื่นได้เช่นกัน มันก็น่าจะมีคนบางส่วนที่ยอมล้มเลิกความคิดในการย้าย และกลับเข้ามาเป็นกำลังในอาณาจักร …. เพราะท้ายที่สุดแล้วสำหรับบางคนนี่เป็นที่ที่พวกเขาอยู่มาตั้งแต่เริ่มต้น และการไปเริ่มต้นใหม่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย


“นั่นไม่จำเป็น …” ซือเฟิงส่ายหัว ก่อนที่เขาจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “การทำแบบนั้นมันนับเป็นการเสียเวลาเปล่า !! เรามีเรื่องใหญ่กว่านั้นให้ต้องทำ !!!”


“เรื่องใหญ่กว่านั้น ?” โคล่ารู้สึกสับสนกับคำพูดของซือเฟิง

“ไฟเออร์แดนซ์ นำทีมแอสซาซินของเธอไปตรวจสอบเส้นทางการบุกเข้าอาณาจักรทวินทาวเวอร์ และอาณาจักรสตาร์มูนของกองทัพ NPC และผู้เล่นจากโลกอื่นทั้งหมด โดยเมื่อได้รับข้อมูลที่ชัดเจนมาแล้วก็ให้มาแจ้งให้ฉันรู้ทันที !!!” ซือเฟิง

กล่าวออกคำสั่ง


เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง โคลท์ชาโด้วก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังเขาอย่างหวาดหวั่น “หัวหน้ากิล นี่คุณคิดจะ … คุณคิดจะทำทั้งหมดเลยงั้นหรอ ?”


ซือเฟิงพยักหน้า และพูดอย่างจริงจังว่า “ใช่แล้ว !! ปล่อยให้สตาร์ลิ้ง กับมหาอำนาจต่างๆพวกนั้นเล่นไป เราไม่ได้มีเวลามากมายที่จะมาเสียให้กับพวกเขา !!!”


สิ่งที่จะตัดสินผลลัพธ์ของสงครามครั้งนี้นั้นไม่ใช่จำนวนกำลังคน แต่มันเป็นจำนวนเหล่าแกนหลักผู้ทรงพลังของแต่ละฝ่ายต่างหาก


ในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิง ใครก็ตามที่เน้นไปที่จำนวนกำลังคน แต่ไม่มีคุณภาพนั้นล้วนแต่ถูกทำลายลงจนย่อยยับกันทั้งหมด !!!


ขณะเดียวกันตอนนี้ผู้เล่นใน God domain ในปัจจุบันนั้นก็ยังไม่มีแนวคิดที่ชัดเจนเกี่ยวกับสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นมากนัก และพวกเขาก็ไม่ได้รู้เลยว่าพลังของคนๆหนึ่งนั้นมันยิ่งใหญ่แค่ไหน !!!


“รับทราบ !” ไฟเออร์แดนซ์พยักหน้ารับคำสั่งอย่างตื่นเต้น ก่อนที่เธอจะจัดการรวมทีมแอสซาซินของเธอ และเริ่มแบ่งงานกันออกไปทำตามคำสั่งของซือเฟิงทันที


สำหรับคนอื่นๆนั้นซือเฟิงได้อนุญาติให้พวกเขาทั้งหมดไปพักได้ เพราะพวกเขาจำเป็นที่จะต้องฟื้นฟูตัวเอง หลังจากที่ดินแดนลับของเทพปีศาจได้ผลาญทั้งค่าสตามิน่า และค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของพวกเขาไปอย่างมาก


หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้เลือกจะพักผ่อนอยู่ที่คฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองเมืองอย่างเงียบๆ


ในการต่อสู้ และพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากชายหนุ่มลึกลับนั้น มันทำให้เขาต้องเปิดใช้งานสกิลบางส่วนที่เมื่อเอฟเฟคของมันหมดลงแล้ว มันจะทำให้เขาตกอยู่ในสถานะอ่อนแอ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นที่จะต้องฟื้นฟูตัวเองอย่างเร็วที่สุดเช่นกัน ซึ่งมันจะมีก็เพียงแต่ห้องลับที่มีมานาหนาแน่นที่สุดในคฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองเมืองเท่านั้นที่จะสามารถช่วยเขาในเรื่องนี้ได้


“สภาพแวดล้อมที่นี่มันน่าจะเพียงพอที่จะให้ฉันฟื้นฟูตัวเองจากสถานะอ่อนแอได้อย่างรวดเร็ว”


เมื่อซือเฟิงมาถึงห้องลับนั้น เขาก็ได้นำคริสตัลวิญญาณออกมา และกินมันเข้าไปทันที


หลังจากนั้นไม่นานตัวของซือเฟิงนั้นก็ค่อยๆเริ่มฟื้นตัวจากสถานะอ่อนแอ และพอเขาฟื้นตัวจากสถานะอ่อนจนเสร็จสมบูรณ์ เขาก็ได้จ่ายคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่หนึ่งพันชิ้นให้กับดวงตาของเทพโบราณเพื่อเปิดใช้งานมันทันที


ซึ่งเมื่อซือเฟิงทำแบบนี้นั้น หมอกสีม่วงที่ดูเหมือนกับมีชีวิตจริงๆก็ได้โผล่ออกมาจากดวงตาของเทพโบราณ ก่อนที่มันจะพุ่งเข้าใส่ซือเฟิง และเข้าไปไปหลอมรวมกับวิญญาณของเขา


ทันใดนั้นซือเฟิงก็รู้สึกปวดหัวอย่างถึงที่สุด แถมเขายังรู้สึกแสบร้อนในสมองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โดยมันราวกับว่าความรู้จำนวนมหาศาลที่ดูเหมือนจะไร้ที่สิ้นสุดที่ถูกอัดฉีดเข้ามาในสมองของเขานั้น มันทำให้สมองของเขาเกิดการเผาไหม้ ….


อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านไปไม่กี่นาที ความรู้สึกนี้มันก็ค่อยๆจางหายไป ….


และเมื่อหมอกสีม่วงหลอมรวมเข้ากับวิญญาณของซือเฟิงได้อย่างสมบูรณ์ มันจึงเป็นอันว่าการเรียนรู้มรดกของเทพโบราณในครั้งนี้ของซือเฟิงนั้นเสร็จสมบูรณ์ ….


ตอนที่ 2900 อาวุธระดับตำนานที่สมบูรณ์


เมื่อหมอกสีม่วงหายไป ซือเฟิงนั้นก็อดไม่ได้ที่จะทรุดตัวนั่งลงกับพื้นด้วยความเหนื่อยอ่อน และหลังจากผ่านไปกว่าสิบนาทีในที่สุดซือเฟิงก็ค่อยๆลุกขึ้นยืน พลางสูดหายใจเข้าลึกๆได้


“มันอันตรายมากๆ !!!” ซือเฟิงมองไปที่ดวงตาของเทพโบราณในมือของเขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม และยินดี “ถ้าวิญญาณของฉันยังไม่ได้อยู่ในระดับขั้นกลางของขั้นห้า ฉันเกรงว่าฉันคงจะไม่สามารถรับมรดกนี้ได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แน่นอน”


มรดกของเทพโบราณนั้นมันมีขนาดใหญ่และซับซ้อนเกินไป ขณะเดียวกันถ้าไม่ใช่เพราะวิญญาณของเขานั้นอยู่ที่ขั้นกลางของขั้นห้าแล้ว เขาก็คงจะไม่สามารถแบกรับมรดกความทรงจำของเทพโบราณชิ้นนี้ได้ทั้งหมดแน่นอน


ซึ่งหากเป็นแบบนั้นจริงๆ การรับ และเรียนรู้มรดกของเทพโบราณชิ้นนี้มันก็จะเท่ากับว่าล้มเหลวไปหนึ่งครั้งเลย


“อย่างไรก็ตาม ฉันไม่คิดเลยจริงๆว่ากุญแจสำคัญในการเลื่อนขั้นไปสู่ขั้นหกนั้นจะเป็นคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ ….” เมื่อซือเฟิงนึกถึงสิ่งที่มรดกของเทพโบราณบอกเขานั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอับอาย


คริสตัลเจ็ดลูมินาลี่นั้นเป็นทรัพยากรที่หายากมากๆ แม้แต่ในโลก God domain ยุคโบราณ ….


แม้ว่าเขาจะรู้มานานแล้วว่าพวกขั้นหก ขอบเขตพระเจ้าในชีวิตที่แล้วของเขานั้นล้วนพยายามรวบรวมคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่กันอย่างบ้าคลั่ง แต่เขาก็ไม่ได้คิดเลยว่านอกเหนือจากการนำมันไปแลกเปลี่ยนเป็นทรัพยากรกับบริษัทกรีนก๊อด และใช้สร้างพื้นที่ส่วนตัวนั้น มันจะมีผลแบบนี้ใน God domain ด้วย


สิ่งนี้ทำให้ซือเฟิงรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่เขาได้ตัดสินใจทำธุรกรรมจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ไปก่อนหน้านี้


เนื่องจากสิ่งที่เขารู้มาจากมรดกของเทพโบราณชิ้นนี้นั้นมันบอกอย่างชัดเจนว่า ผู้เล่นที่ต้องการจะเลื่อนขั้นจากขั้นห้าไปสู่ขั้นหกนั้น นอกเหนือจากจะต้องมีค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจอยู่ที่ขั้นหก และสามารถควบคุมกฎของโลกได้ พวกเขาก็ยังจะต้องการคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่อีกจำนวนมากด้วย


เนื่องจากการสร้างร่างเทพโดยทั่วไปนั้นจำเป็นจะต้องใข้คริสตัลเจ็ดลูมินาลี่อย่างน้อยห้าหมื่นชิ้น !!!


และนี่มันก็จัดเป็นแค่การสร้างร่างเทพทั่วไปเท่านั้น ตามที่มรดกของเทพโบราณชิ้นนี้บอก ดูเหมือนว่าร่างเทพนั้นจะแบ่งออกเป็นสองประเภทคือ ร่างเทพทั่วไป และร่างเทพขั้นสูง


ขณะเดียวกันระดับชนชั้นของเทพนั้นก็จะถูกแบ่งอย่างคร่าวตามร่างเทพนี่แหละ โดยเก้าสิบเก้าเปอเซ็นต์ของผู้เล่นนั้นก็มักจะสร้างได้แค่ร่างเทพทั่วไป และเป็นได้แค่เทพทั่วไป โดยผู้เล่นส่วนใหญ่ก็มักจะทำได้ผ่านการเรียนรู้เศษเสี้ยวมรดกของเทพหลายองค์ด้วย


ในส่วนของเทพขั้นสูง ซึ่งเป็นผู้ที่มีร่างเทพขั้นสูงนั้นหายากอย่างมาก เพราะท้ายที่สุดแล้วการที่จะสร้างร่างแบบนี้ขึ้นมาได้นั้นมันจำเป็นจะต้องมีความเข้าใจในกฎของโลกบางอย่างถึงขั้นสูงสุดเลยทีเดียว และเท่าที่ซือเฟิงได้ยินมานั้น มันมีแต่เทพระดับตำนานอย่างพวกเทพสงครามเท่านั้นที่จะมีร่างแบบนี้


อย่างไรก็ตามเทื่อพูดมาถึงตรงนี้นั้นมันก็จำเป็นที่จะต้องอธิบายในบางส่วนเพิ่มสักหน่อย ซึ่งนั่นก็คือเรื่องของพวกฮีโร่ที่ล้วนแล้วแต่แข็งแกร่งกว่าพวกขั้นห้าโดยทั่วไป และมีพลังมากพอจะต่อกรกับเทพบางส่วน โดยที่พวกฮีโร่สามารถทำแบบนี้ได้นั้น นอกเหนือจากการได้รับพรจากเทพโบราณแล้ว มันก็เป็นเพราะพวกเขามีความเข้าใจในกฎบางอย่างของโลกแบบถึงที่สุดนั่นเอง


และหากผู้เล่นคนหนึ่งต้องการจะสร้างร่างเทพขั้นสูงแบบนี้นั้น มันก็จำเป็นที่จะต้องมีคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่หนึ่งแสนชิ้น แต่อย่างไรก็ตามหากการสร้างร่างเทพขั้นสูงล้มเหลวนั้น ผู้เล่นคนนั้นก็จะต้องสูญเสียคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่หนึ่งแสนชิ้นไปทันที ซึ่งมันไม่ใช่อะไรที่จะสามารถทนรับได้ง่ายๆเลย แม้แต่กับผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดเก่าแก่ของซุเปอร์กิลก็ตาม


ขณะที่ร่างเทพทั่วไปนั้นมันต้องใช้คริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ในการสร้างขึ้นมาน้อยกว่าร่างเทพขั้นสูงถึงครึ่งหนึ่ง นอกเหนือจากนี้แล้วมันยังเป็นการที่ต้องค่อยๆจ่ายไปทีละน้อยในทุกขั้นตอนด้วย ซึ่งหากล้มเหลวมันก็จะเท่ากับว่าผู้เล่นสูญเสียคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ไปแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น และผู้เล่นก็จะรู้ด้วยว่าพวกเขาพลาดในช่วงไหน ….


ในตอนนี้ซือเฟิงก็ได้เริ่มคิดถึงวิธีการที่จะทำให้เขาได้รับคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่จำนวนมาก ….


“สำหรับมหาอำนาจต่างๆส่วนใหญ่ในปัจจุบัน คริสตัลเจ็ดลูมินาลี่นั้นเป็นเพียงไอเทมที่จำเป็นต่อการใช้สร้างพื้นที่ส่วนตัวเท่านั้น ในส่วนของมหาอำนาจบางส่วนเต็มที่พวกเขาก็รู้แค่ว่ามันเป็นสิ่งที่สามารถใช้แลกเปลี่ยนทรัพยากรจากบริษัทกรีนก๊อดได้เท่านั้น ดังนั้นตอนนี้มันจึงไม่น่าจะใช่เรื่องยากเลยที่จะได้รับพวกมันจำนวนมาก” เมื่อซือเฟิงนึกถึงความจำเป็นของคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ เขาก็เริ่มพึมพำและร่างแผนการคร่าวๆสำหรับเรื่องนี้ขึ้นในหัว “ตอนนี้การสร้างร่างเทพทั่วไปเพื่อจะให้ตัวเองเลื่อนขั้นไปสู่ขั้นได้นั้นมันไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับฉัน แต่อย่างไรก็ตามการจะสร้างร่างเทพขั้นสูงขึ้นมาให้ได้นั้นมันก็ยังคงจัดว่ายากมากๆ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องการต้องควบคุมกฎของโลกให้ได้ และการที่ฉันจำเป็นจะต้องมีค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจที่ขั้นหกด้วย


โดยกฎของโลกที่ถูกกล่าวถึงในมรดกของเทพโบราณนั้นซือเฟิงก็รู้อยู่แล้วว่ามันคืออะไร ….


กฎของโลกนั้นแท้จริงแล้วมันก็คือการใช้องค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ และมานาในขั้นสูงนั่นแหละ ซึ่งมันก็คล้ายกับวิธีการใช้เทคนิคมานาที่นักบุญสวรรค์น้ำเงินมอบให้เขา


ซึ่งถ้าผู้เล่นสามารถทำอย่างที่กล่าวมาได้แล้วนั้น ผู้เล่นก็จะได้รับการยกย่องให้เป็นผู้เชี่ยวชาญกฎของโลกในทันที


แม้ว่าในขณะนี้ซือเฟิงจะยังมีค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจไม่ถึงขั้นหก แต่เขาก็อยู่ใกล้เคียงแล้ว ดังนั้นเท่าที่เขาคำณวน เมื่อเขาเก็บรวบรวมคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ที่จำเป็นได้ครบ เขาก็น่าจะมีคุณสมบัติในการจะท้าทายเพื่อเลื่อนขั้นไปเป็นขั้นหกได้


กฎของโลกของนักบุญสวรรค์น้ำเงินนั้นคือกฎแห่งการทำลายล้างทุกสิ่ง โดยมันสามารถจะทำลายได้แม้แต่องค์ประกอบธาตุเวทย์ขั้นพื้นฐานทั้งหมด นี่จึงเป็นเหตุผลที่มันสามารถก้าวข้ามผ่านกาลเวลาอันยาวนานมาได้ ไม่งั้นนักบุญสวรรค์น้ำเงินก็อาจจะต้องติดอยู่ที่ตรงนั้นไปตลอดชีวิต


โดยหลังจากที่เชี่ยวชาญเรื่องกฎของโลก และสามารถควบคุมมันได้แล้วนั้น คนๆหนึ่งก็จะกลายเป็นพวกครึ่งเทพ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมาถึงขั้นตอนนี้นั้นคนส่วนใหญ่ก็มักจะติดอยู่ที่นี่ เพราะการจะสร้างร่างเทพตามกฎของโลกที่พวกเขาเชี่ยวชาญนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย


แต่แน่นอนว่านี่มันก็แค่สำหรับคนอื่นเท่านั้น แต่สำหรับซือเฟิงนั้นความยากในเรื่องนี้มันลดลงไปมาก ….


เนื่องจากในมรดกของเทพโบราณที่ซือเฟิงพึ่งเรียนรู้ไปนั้น มันได้บอกวิธีการสร้างร่างเทพเอาไว้ด้วย และตราบใดที่ซือเฟิงปฎิบัติตามแผนผังกฎขั้นพื้นฐานได้เป็นอย่างน้อย อัตราความสำเร็จในการสร้างร่างเทพของเขาก็จะเพิ่มขึ้นราวสามสิบถึงสี่สิบเปอเซ็นต์เลยทีเดียว


ซึ่งนี่มันเป็นสิ่งที่จะมีแต่เพียงในมรดกของเทพโบราณเท่านั้น มรดกของมนุษย์ หรือเผ่าอื่นๆที่เข้าสู่ขั้นหกได้ทั่วไปจะไม่มี


“ตอนนี้ฉันยังไม่มีวิธีดีๆในการพัฒนาค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของฉันเลย แต่อย่างไรก็ตามฉันสามารถเริ่มต้นได้ด้วยการดูดซับแหล่งพลังศักสิทธิ์ แล้วมาลองดูว่าฉันจะสามารถใช้งาน และควบคุมองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ และมานาในขั้นสูงได้ไหม …”


ซือเฟิงนั้นไม่แน่ใจมากนักถึงอัตราความสำเร็จของเขาในการสร้างร่างเทพขั้นสูง แต่อย่างไรก็ตามเขาก็มีความมั่นใจอย่างมากในการจะใช้งานและควบคุมองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์กับมานาในขั้นสูงให้ได้ เพราะท้ายที่สุดแล้วแหล่งพลังศักสิทธิ์ที่เขาได้รับมานั้นมันเป็นของเทพโบราณ ดังนั้นมันจึงน่าจะช่วยให้เขาเข้าถึงการใช้ และควบคุมองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ กับมานาขั้นสูงได้แน่นอน


อย่างไรก็ตามเมื่อซือเฟิงนำแหล่งพลังศักสิทธิ์ที่เขาได้รับมาออกมาจากกระเป๋านั้น เขาก็เริ่มรู้สึกลังเล


ตามที่มรดกของเทพโบราณบอกนั้น แหล่งพลังศักสิทธิ์ของเทพโบราณที่เขามีนี้มันถือกำเนิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติ ซึ่งมันมีพลังของโลกอยู่ ดังนั้นมันจึงสามารถช่วยในการเรียนรู้กฎของโลกได้เป็นอย่างดี


แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่ทำให้ซือเฟิงรู้สึกลังเลนั่นเป็นเพราะการต่อสู้มันกำลังใกล้เข้ามาแล้ว ดังนั้นเขาจึงจำเป็นที่จะต้องเลือกว่าจะเพิ่มความแข็งแกร่งแบบระยะยาวให้กับตัวเอง หรือเพิ่มความแข็งแกร่งแบบตรงหน้าเพื่อเตรียมทำสงครามก่อน


“ในตอนนี้สงครามมันใกล้เข้ามามากๆแล้ว …. และดูเหมือนว่าฉันจะต้องทำการปรับปรุงความแข็งแกร่งของตัวเองแบบเร็วที่สุดก่อน” ซือเฟิงกล่าวพลางกัดฟันของเขา ก่อนที่เขาจะเลือกให้ดาบแสงแห่งสองโลกได้ดูดซับแหล่งพลังศักสิทธิ์แทน


สำหรับสงครามโลกในทวีปหลักของ God domain นั้นเขาไม่ได้อ่านทุกอย่างออกอย่างสมบูรณ์ เขาเพียงแต่มีแผนการรับมือที่ดีเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดสิ่งที่พวกเขากำลังจะต้องเผชิญนั้นมันไม่ใช่แค่กองทัพผู้เล่นจากโลกอื่น แต่มันยังมีกองทัพ NPC จากโลกอื่นด้วย


โดยในบรรดา NPC จากโลกอื่นนั้น แม้ว่ามันอาจจะไม่มีเทพขั้นหก แต่มันก็จะต้องมี NPC ขั้นห้าอยู่มากมายแน่นอน และสำหรับ NPC ขั้นห้านั้นตราบใดที่พวกเขามีสถานะสูงพอ การจะได้รับอาวุธหรืออุปกรณ์ระดับตำนานมาสักหนึ่งชิ้นมันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย ….


หลังจากที่ดาบแสงแห่งสองโลกได้ดูดซับแหล่งพลังศักสิทธิ์ชิ้นนี้เรียบร้อย รูนศักสิทธิ์บนใบดาบก็เริ่มสว่างขึ้น ก่อนที่มันจะทำการเชื่อมต่อกันเข้ากับบริเวณด้ามจับอย่างสมบูรณ์


ตู้ม !


เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยนั้นดาบแสงแห่งสองโลกก็ระเบิดออร่าที่รุนแรงออกมาจนทำให้แม้แต่ซือเฟิงก็ยังต้องถูกบังคับให้ถอยไปหลายก้าว


“แน่นอนเลยว่ามันแข็งแกร่งมากจริงๆ และสมควรแล้วที่มันได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในสิบอาวุธระดับตำนานที่ทรงพลังที่สุดใน God domain” หลังจากตั้งตัว และได้ตรงเข้ามาตรวจสอบข้อมูลของดาบแสงแห่งสองโลกนั้น ซือเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง


(แสงแห่งสองโลก (ดาบทองทลายโลก)) (ดาบมือเดียว ไอเทมระดับตำนาน)


ความต้องการอุปกรณ์ : ค่า STR 20,000 แต้ม และมีขั้นอย่างน้อยขั้นสาม

พลังโจมตี (คิดเป็น 450 เปอเซ็นต์ของค่า STR)


ความเร็วในการโจมตีเพิ่มขึ้นอีกสี่เปอเซ็นต์ของค่า AGI


ค่าสถานะทั้งหมด (เพิ่มขึ้นตามเลเวลของผู้เล่น)


ไม่สนใจเลเวลของมอนสเตอร์ +100 เมื่อทำการโจมตี และเมื่อโจมตีมันก็จะมีเอฟเฟคเวทย์มนต์แห่งการทำลายล้างของตัวเอง ซึ่งจะทำให้เกิดการยุบตัวลงของพื้นที่ในรัศมี 4*100 หลา และมีโอกาสห้าสิบเปอเซ็นต์ที่จะสร้างความเสียหายได้เพิ่มขึ้นสามเท่า มีโอกาสยี่สิบเปอเซ็นต์ที่จะสร้างความเสียหายได้เพิ่มขึ้นห้าเท่า เมื่อโจมตี …. และมีเอฟเฟคที่จะสร้างความเสียหายได้เพิ่มขึ้นสามร้อยเปอเซ็นต์แก่ศัตรูที่อยู่ในระดับต่ำกว่าขั้นหกทั้งหมด


โดยดาบเล่มนี้จะช่วยให้มีค่า STR เพิ่มขึ้นสองร้อยสี่สิบเปอเซ็นต์ ค่า AGI เพิ่มขึ้นสองร้อยสิบเปอเซ็นต์ ค่า INT เพิ่มขึ้นหนึ่งร้อยแปดสิบเปอเซ็นต์ ค่า Endurance เพิ่มขึ้นหกสิบเปอเซ็นต์ ความเร็วในการโจมตีเพิ่มขึ้นสองร้อยเปอเซ็นต์ และพลังทั้งหมดของสกิลดาบจะเพิ่มขึ้นสองขั้น (สูงสุดที่ขั้นหก) รวมไปถึงสกิลดาบทุกสกิลจะมีเลเวลเพิ่มขึ้นสองเลเวล ขณะที่ผลของการใช้เวทย์มนต์ก็จะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งร้อยห้าสิบเปอเซ็นต์


และด้วยพลังของสกิลพาสซีฟ ดาบแห่งโลกของมัน มันก็จะช่วยปรับปรุงชนชั้นของสิ่งมีชีวิตที่ใช้มันได้


สกิลใช้งานเพิ่มเติม 1 : ทลายขีดจำกัด (ขั้นหก) เพิ่มค่าสถานะของผู้ใช้ขึ้นหนึ่งพันห้าร้อยเปอเซ็นต์ และเพิ่มขั้นได้สูงสุดหนึ่งขั้น (ที่สูงสุดของของขั้นหก) และเพิ่มระยะการโจมตีขึ้นอีกสองพันหลา


คูลดาวน์ : 30 วินาที


สกิลใช้งานเพิ่มเติม 2 : วิญญาณทอง (ขั้นหก) การรับรู้ธาตุเวทย์มนต์ทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นสองร้อยเปอเซ็นต์ และอำนาจของโลกจะเพิ่มขึ้นแบบสุ่มหนึ่งถึงสามขั้น รวมทั้งการควบคุมมานาจะดีขึ้นสามร้อยเปอเซ็นต์ ขณะที่อัตราการผลาญค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจทั้งหมดจะลดลงเก้าสิบเปอเซ็นต์เป็นเวลาสองนาที


คูลดาวน์ : 1 ชั่วโมง

สกิลใช้งานเพิ่มเติม 3 : แสงทลายโลก (ขั้นหก) ใช้ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจ และมานาของผู้เล่นหนึ่งในสิบเพื่อสร้างใบดาบทลายโลกขึ้นมา โดยใบดาบนี้จะมีพลังเพิ่มขึ้นหนึ่งขั้น (สูงสุดที่ขั้นหก)


คูลดาวน์ : 30 นาที


สิ่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยเทพโบราณซึ่งเป็นเทพแห่งแสง โดยมันมีพลังในการจะตัดผ่าน และบดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่าง


ในเวลานี้คุณสมบัติ และค่าสถานะทั้งหมดของแสงแห่งสองโลกนั้นมันอยู่เหนือจินตนาการของซือเฟิงไปมาก ซึ่งนี่มันก็ทำให้ซือเฟิงได้เข้าใจแล้วว่าทำไมผู้ที่มีอาวุธระดับตำนานถึงสามารถจะต่อสู้ข้ามขั้นได้ แม้ว่ามันจะเป็นการต่อสู้กันของขั้นห้ากับขั้นหกก็ตาม


“ถ้าผู้เล่นขั้นสามได้ใช้แสงแห่งสองโลก ฉันคิดว่าผู้เล่นขั้นสามน่าจะฆ่าผู้เล่นขั้นสี่ได้ในไม่กี่การเคลื่อนไหวเลย …” ซือเฟิงพึมพำด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เพราะเท่าที่เขาคำณวน หากผู้เล่นขั้นสี่ไม่มีเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานติดตัวสองถึงสามชิ้นนั้น พวกเขาจะไม่สามารถสู้กับผู้เล่นขั้นสามที่มีอาวุธระดับตำนานได้แน่นอน


หลังจากที่ซือเฟิงทำการติดตั้งแสงแห่งสองโลกแล้ว ค่าสถานะของเขาก็พุ่งทะลุเกินหนึ่งแสนเก้าหมื่นแต้มไป ซึ่งนี่มันทำให้เขามีค่าสถานะแย่กว่าพวกขั้นหกทั่วไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


“ในตอนนี้แม้ว่าฉันจะต้องเผชิญหน้ากับเทพขั้นหกตัวจริง แต่ฉันก็จะมีพลังในการต่อกรด้วยแน่นอน …” ซือเฟิงมองไปที่แสงแห่งสองโลกที่ตอนนี้อยู่ในมือของเขาด้วยความรู้สึกมั่นใจอย่างมาก


และในเวลานี้แม้ว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับชายหนุ่มลึกลับอีกครั้ง แต่เขาก็จะไม่จำเป็นต้องกลัวแล้ว


หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้ลองฝึกใช้ดาบแสงแห่งสองโลกที่สมบูรณ์นี้เพื่อทำความเคยชินกับมัน แต่อย่างไรก็ตามหลังจากฝึกไปได้ราวสี่ถึงห้าชั่วโมง ไฟเออร์แดนซ์ก็ได้ติดต่อเขาเข้ามา


“หัวหน้ากิล ฉันพบสถานที่รวมพลของพวกเขาแล้ว มันอยู่ที่ป่าเงานอกอาณาจักร

ทวินทาวเวอร์”


ตอนที่ 2901 พายุที่อาณาจักรทวินทาวเวอร์


อาณาจักรทวินทาวเวอร์ ป่าเงา :


ทีมสอดแนมที่นำโดยแอสซาซินขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบสี่นั้นค่อยๆเดินอย่างช้าๆผ่านป่าดงดิบ


เนื่องจากป่าทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยเมฆดำตลอดทั้งปี ดังนั้นแม้ว่ามันจะเป็นฤดูร้อนที่มีแสงแดดจัด แต่แสงแดดก็จะยังไม่สามารถทะลุผ่านเมฆดำไปได้ ซึ่งนี่เองทำให้ภายในป่านั้นมืด และทัศวิสัยค่อนข้างย่ำแย่มากๆ และหากผู้เล่นไม่ระวังนั้น พวกเขาก็อาจจะหลงป่าได้เลย


“หัวหน้าเราอยู่ที่นี่ และตรวจสอบมาเป็นเวลานานแล้ว แต่เราไม่พบร่องรอยของกองทัพผู้รุกรานจากโลกอื่นเลย เราควรไปดูแผนที่อื่นๆกันแทนไหม ?” แอสซาซินขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบสองในชุดสีน้ำเงินที่สังเกตสภาพแวดล้อมรอบๆอยู่อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น


ตอนนี้สงครามในอาณาจักรนั้นมันกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ดังนั้นกองกำลังจำนวนมากในอาณาจักรทวินทาวเวอร์จึงได้ส่งทีมสอดแนมมาเพื่อตรวจสอบกำลังพล และข้อมูลของฝ่ายตรงข้าม และในบรรดาจุดประสงค์ทั้งหมดนั้น การตรวจสอบความแข็งแกร่งของกองกำลังของผู้เล่นจากโลกอื่นนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ


แถมกองกำลังจำนวนมากในอาณาจักรทวินทาวเวอร์นั้นก็ได้ออกประกาศรางวัลสำหรับผู้ที่มีข้อมูลพวกนี้ที่มีประโยชน์จริงๆในราคาที่สูงเสียดฟ้าอย่างมาก โดยรางวัลที่ว่านั้นก็คืออาวุธระดับอีปิคที่สามารถใช้ได้จนถึงเลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบ และเงินเป็นเครดิตจำนวนสองแสนเครดิต


ด้วยเหตุนี้เองแม้ว่าผู้เชี่ยวชาญหลายคนของอาณาจักรทวินทาวเวอร์จะย้ายไปที่จักรวรรดิมังกรดำ และจักรวรรดิรัตติกาล แต่มันก็ยังคงมีผู้เชี่ยวชาญจากประเทศอื่นๆจำนวนมากได้ญภัยเข้ามาแสวงหาโชคลาภ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกผู้เชี่ยวชาญจากทีมนักผจญภัย


และกลุ่มนักผจญภัยจิ้งจอกทรายของพวกเขาก็เป็นหนึ่งในนั้น


โดยทีมนักผจญภัยจิ้งจอกทรายของพวกเขานั้นถือว่าค่อนข้างมีชื่อเสียงเลยทีเดียวในจักรวรรดิรัตติกาล แม้ว่าทีมนักผจญภัยของพวกเขาจะไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำให้ผู้คนทั่วทั้งจักรวรรดิรัตติกาลเกรงใจ แต่ในแง่ของกำลังพลนั้น และเลเวลของคนในทีมนั้นทีมนักผจญภัยของพวกเขาก็สามารถจะติดสิบอันดับแรกของจักรวรรดิรัตติกาลได้อย่างง่ายดายเลย


เมื่อแอสซาซินในชุดสีน้ำเงินพูดจบได้ไม่นาน แอสซาซินรุ่นเยาว์ เลเวลหนึ่งร้อยสามสิบหกในทีมที่เคลื่อนที่ผ่านต้นไม้มาก็ได้หยุดลง และยืนอยู่บนกิ่งไม้กิ่งหนึ่ง พลางมองไปยังป่าที่ว่างเปล่าในระยะไกล


ซึ่งท่าทีของแอสซาซินรุ่นเยาว์ผู้นี้นั้นมันก็ทำให้คนในทีมทั้งหมดหยุดชะงักลงในทันที และไม่กล้าที่จะขยับไปไหน


“เบลดฮาร์ท แถวนั้นมีอะไรผิดปกติงั้นหรอ ?” หัวหน้าที่ชื่อ ชางหู อดไม่ได้ที่จะกระซิบถามแอสซาซินรุ่นเยาว์ผู้นี้


ขณะเดียวกันคนอื่นๆในทีมเองก็ล้วนมองไปยังแอสซาซินรุ่นเยาว์ผู้นี้ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น


แม้ว่าแอสซาซินรุ่นเยาว์ที่ชื่อ เบลดฮาร์ท ผู้นี้จะเล่น God domain มาได้ไม่นานนัก แถมเลเวลของเขาก็ยังอยู่ต่ำสุดในทีม แต่ระดับของเทคนิคและสัญชาตญาณของเขานั้นแข็งแกร่งมากๆ โดยหลายครั้งเบลดฮาร์ทสามารถค้นพบสิ่งที่แม้แต่ ชางหู ซึ่งเป็นแอสซาซินขั้นสี่นั้นก็ไม่สามารถจะค้นพบได้


และก็ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้เบลดฮาร์ทได้มาเข้าร่วมทีมสอดแนมในครั้งนี้


“ฉันไม่สามารถบอกได้อย่างแน่นอน แต่ฉันคิดว่ามันมีบางอย่างอยู่บริเวณนั้น …”

เบลดฮาร์ทกล่าวตอบชางหูด้วยความไม่แน่ใจ


“บางอย่างงั้นหรอ ?” เมื่อชางหูได้ยินดังนั้น เขาก็ได้เริ่มทำการตรวจสอบบริเวณที่

เบลดฮาร์ทกล่าวอย่างรอบคอบ


อย่างไรก็ตามแม้ว่าชางหูจะใช้สกิลตรวจสอบขั้นสูงร่วมในการตรวจสอบด้วย แต่เขาก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆเลย ข้างหน้านั้นมันดูเป็นป่าธรรมดาอย่างสิ้นเชิง และมันไม่มีแม้แต่สัญญาณของสิ่งมีชีวิตด้วยซ้ำ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหลังจากนั้นไม่กี่นาที มันก็มีทีมยี่สิบคนปรากฎตัวขึ้นมา โดยทีมๆนี้นั้นก็แข็งแกร่งมากๆ เพราะทั้งทีมประกอบไปด้วยอาชีพขั้นสี่ทั้งหมด และพวกเขาทั้งหมดก็ล้วนมีเลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบห้า หรือสูงกว่า พร้อมกันนั้นอุปกรณ์ที่แย่ที่สุดของพวกเขาก็ยังเป็นระดับดาร์คโกลเลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบด้วย ขณะที่ผู้ที่นำทีมๆนี้มานั้นก็ดูเหมือนจะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด เนื่องจากเขาสวมใส่อุปกรณ์ระดับอีปิคถึงห้าชิ้น


“คนเหล่านี้น่าจะเป็นทีมสอดแนมในแนวหน้าของกองทัพจากโลกอื่น แต่อย่างไรก็ตามทำไมพวกเขาถึงมาปรากฎตัวขึ้นที่นี่กัน ?” แอสซาซินขั้นสามในชุดสีน้ำเงินกล่าวอย่างประหลาดใจ


ในปัจจุบันกองทัพผู้เล่นจากโลกอื่นนั้นได้ส่งผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากเข้ามาก่อกวนและตรวจสอบสถานการณ์ภายในส่วนลึกอาณาจักรทวินทาวเวอร์ ดังนั้นนี่มันจึงเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจมากๆที่พวกเขาได้มาค้นพบทีมยี่สิบคนของผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ที่บริเวณนี้


เนื่องจากทีมแบบนี้นั้นสามารถจะตรงลึกเข้าไปและก่อวินาศกรรมในส่วนลึกของอาณาจักรทวินทาวเวอร์ได้ง่ายๆเลย เพราะท้ายที่สุดทีมแบบนี้นั้นมีทรงพลังมากๆ และกองกำลังทั่วไปในอาณาจักรทวินทาวเวอร์ก็จะไม่สามารถหยุดพวกเขาได้เลย


โดยในปัจจุบันมีการคาดการณ์กันว่า มันจะมีก็แต่เพียงกิลชั้นสูงหรือเหนือกว่าขึ้นไปเท่านั้นที่จะสามารถรับมือกับทีมแบบนี้ได้


ในระหว่างที่ชางหู และคนอื่นๆกำลังสงสัยว่าทำไมทีมๆนี้ถึงมาปรากฎตัวขึ้นที่นี่ ทีมๆนี้ก็ได้หยุดลงบริเวณป่าที่ว่างเปล่า ราวกับว่ากำลังรอบางอยู่


หลังจากนั้นเมื่อเวลาผ่านไปมากกว่าสิบวินาทีมันก็ได้มีช่องว่างขนาดใหญ่ถูกเปิดขึ้นบริเวณป่าที่ว่างเปล่า ซึ่งสิ่งนี้มันทำให้ชางหู และคนอื่นๆตกตะลึงอย่างมาก


“วงเวทย์ ?”


สำหรับเรื่องวงเวทย์นั้นมันแทบจะไม่มีผู้เล่นคนใดใน God domain ที่ไม่รู้จัก แต่อย่างไรก็ตามฉากที่เกิดขึ้นตรงหน้านั้นมันก็ยังทำให้ชางหู และคนอื่นๆรู้สึกตกตะลึงอย่างมาก


เนื่องจากพวกเขาไม่คิดเลยว่าวงเวทย์จะสามารถนำมาใช้ในลักษณะนี้ได้


นอกเหนือจากนี้แล้วเมื่อช่องว่างขนาดใหญ่นี้เปิดขึ้น ชางหูและคนอื่นๆก็ได้สังเกตเห็นผู้เล่นจำนวนมากที่อยู่ภายในนั้น โดยจากการประมาณอย่างคร่าวๆของพวกเขานั้นจำนวนก็น่าจะอยู่ที่หลายแสนคนเลย แถมในหมู่ผู้เล่นเหล่านี้ มันยังมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่จำนวนมากด้วย


“ทำไมถึงมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่มากมายขนาดนี้ ?!”


“มันจบแล้ว คราวนี้อาณาจักรทวินทาวเวอร์จบสิ้นแล้วอย่างแน่นอน !! กองทัพจากโลกอื่นมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่มากเกินไป ไม่ต้องพูดถึงการรวมผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่จากอาณาจักรทวินทาวเวอร์ และอาณาจักรสตาร์มูนเข้าด้วยกันเลย ต่อให้รวมผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่จากจักรวรรดิมังกรดำ และจักรวรรดิรัตติกาลเข้ามาด้วย ฉันคิดว่ามันก็จะยังคงมีจำนวนน้อยกว่าผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ของกองทัพจากโลกอื่นอยู่ดี”


“มหาอำนาจต่างๆในจักรวรรดิมังกรดำ และจักรวรรดิรัตติกาลนั้นประเมินทุกอย่างผิดไปอย่างสิ้นเชิง !!! คราวนี้ทวีปด้านตะวันออกของพวกเราถึงคราวล่มสลายแล้วแน่นอน !!!”


เมื่อมองไปยังกองทัพผู้เล่นจากโลกอื่นที่อยู่ในช่องว่างขนาดใหญ่นั้นชางหู และคนอื่นๆก็รู้สึกสิ้นหวังอย่างมาก


แม้ว่าในทวีปหลักของ God domain จะมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่อยู่จำนวนมาก แต่จำนวนของพวกเขานั้นก็ยังเทียบไม่ได้กับจำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่จากโลกอื่นเลย


ในปัจจุบันอาณาจักรทั่วไปที่มีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่อยู่ราวสามร้อยถึงสี่ร้อยคนนั้นก็จะได้รับการยอมรับแล้วว่าเป็นอาณาจักรที่ทรงพลังมากๆ ขณะที่ในอาณาจักรขาดใหญ่นั้นเต็มที่จำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ที่มีอยู่ในอาณาจักรก็จะไม่เกินหนึ่งพันห้าร้อยคนแน่นอน


แม้ว่าตัวเลขนี้มันจะดูเหมือนมาก แต่มันก็เทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่พวกเขาได้เห็นตรงหน้า เพราะตอนนี้สิ่งที่พวกเขาได้เห็นตรงหน้านั้นมันก็คือกองทัพนี้มีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่อยู่มากกว่าห้าพันคน ซึ่งด้วยจำนวนที่มากขนาดนี้นั้น ไม่ต้องพูดถึงการทำลายอาณาจักรทวินทาวเวอร์ และอาณาจักรสตาร์มูนเลย พวกเขาน่าจะสามารถทำลายจักรวรรดิมังกรดำ และจักรวรรดิรัตติกาลได้อย่างไม่ยากเย็นด้วยซ้ำ


“หัวหน้า ตอนนี้เราจะเอายังไงกันดี ?” แอสซาซินขั้นสามในชุดสีน้ำเงินอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย และกล่าวถามว่า “เมื่อเป็นแบบนี้นั้น แม้แต่จักรวรรดิมังกรดำ และจักรวรรดิรัตติกาลก็จะไม่สามารถป้องกันตัวเองได้แน่นอน ….”


เมื่อได้ยินคำถามของแอสซาซินขั้นสามในชุดสีน้ำเงิน ชางหูก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น และกล่าวว่า “เราก็ทำได้แค่รีบไปแจ้งมหาอำนาจต่างๆในจักรวรรดิมังกรดำ กับจักรวรรดิรัตติกาลเพื่อให้พวกเขารีบรวมรวมผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่จากประเทศรอบข้างทั้งหมดมาให้ได้มากที่สุดเพื่อใช้ต่อต้านกองทัพนี้นั่นแหละ ไม่งั้นพวกเราทั้งหมดก็คงจะถูกกวาดล้างออกไปจากทวีปด้านตะวันออกอย่างแน่นอน”


“แต่มันยากมากๆเลยนะที่จะทำให้มหาอำนาจพวกนั้นฟังคำพูดของเราน่ะ …” แอสซาซินขั้นสามในชุดสีน้ำเงินกล่าวอย่างกังวล “ตอนนี้มหาอำนาจพวกนั้นกำลังพยายามที่จะจัดการกับสภาสิบแปดปีก และพวกเขาก็หวังให้อาณาจักรทวินทาวเวอร์ กับอาณาจักรสตาร์มูนซึ่งเป็นฐานหลักของสภาสิบแปดปีกนั้นถูกกวาดล้างไป ดังนั้นเราจะไปกล่อมพวกเขายังไงให้ยอมส่งกำลังคนมาเพื่อต้านทานที่นี่ ?”


“สิ่งที่คุณพูดมามันก็ถูก …” ชางหูยิ้มอย่างขมขื่น ก่อนที่เขาจะกล่าวว่า “อย่างไรก็ตามเราก็ต้องลองดู เราจะเริ่มด้วยการกระจายข่าวนี้ออกไป ส่วนจะมีใครมากันไหม หรือใครจะเชื่อไหมคงต้องปล่อยให้เป็นไปตามประสงค์ของพระเจ้าแล้วแหละ …”


ตัวชางหูเองนั้นก็ไม่ได้มีความหวังมากมายนักสำหรับเรื่องนี้ แต่อย่างไรก็ตามเขาก็จำเป็นที่จะต้องลองดู เพราะท้ายที่สุดถ้ามีคนมายันกองทัพนี้ไว้ได้ มันก็น่าจะมีเวลาพอที่จะทำให้ผู้เล่นในทวีปหลักก้าวไปถึงขั้นสี่กันได้มากขึ้น


อย่างไรก็ตามในขณะที่ชางหู กับคนอื่นๆกำลังเตรียมตัวจะออกไปจากที่นี่ และกลับไปที่จักรวรรดิรัตติกาลเพื่อกระจายข่าวนี้ออกไป มันก็มีเสียงดังขึ้นในบริเวณท้องฟ้าที่อยู่ไม่ไกลนัก ซึ่งนี่มันก็ทำให้ชางหู และคนอื่นๆอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ต้นตอของเสียง


โดยพวกเขาก็ได้สังเกตเห็นยักษ์เหล็กสีเลือดที่กำลังบินเข้ามาในบริเวณนี้อย่างรวดเร็ว


“สภาสิบแปดปีก ?”


“ทำไมพวกเขาถึงมาที่นี่กัน ? พวกเขาค้นพบกองทัพผู้เล่นจากโลกอื่นกองทัพนี้แล้วงั้นหรอ ?….”

ชางหูนั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจอย่างมาก ในขณะที่เขามองดูเรือเหาะมังกรสีเลือดที่กำลังบินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ


ในปัจจุบันเรือเหาะมังกรสีเลือดนั้นนับเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของสภาสิบแปดปีก และมันก็แทบจะไม่มีผู้คนใดใน God domain ที่ไม่รู้จักเลย และในเวลานี้เมื่อเรือเหาะมังกรสีเลือดเข้ามาที่นี่แบบนี้ มันก็มีความเป็นไปได้เดียวคือสภาสิบแปดปีกน่าจะค้นพบกองทัพผู้เล่นจากโลกอื่นกองทัพนี้แล้ว


และสิ่งที่ตอกย้ำสมมุติฐานนี้เลยก็คือเรือเหาะมังกรสีเลือดลำนี้นั้นได้มาหยุดอยู่ที่บริเวณท้องฟ้าเหนือป่าที่พวกเขาอยู่โดยไม่มีท่าทีที่จะถอยไปเลย


“นี่สภาสิบแปดปีกวางแผนจะโจมตีกองทัพผู้เล่นจากโลกอื่นงั้นหรอ ?” แอสซาซินขั้นสามในชุดสีน้ำเงินกล่าวอย่างตกตะลึงพลางจ้องมองไปยังเรือเหาะมังกรสีเลือดด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ


“ก็มีความเป็นไปได้สูง อย่างไรก็ตามฉันคิดว่าสภาสิบแปดปีกน่าจะประเมินจำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ของกองทัพผู้เล่นจากโลกอื่นต่ำเกินไป ไม่งั้นพวกเขาคงจะไม่ทำแบบนี้ และในตอนนี้เมื่อพวกเขาเริ่มโจมตีเมื่อไหร่ พวกเขาก็จะได้รับความสูญเสียครั้งใหญ่แน่นอน” ชางหูกล่าวพลางมองไปยังซือเฟิงที่เดินออกมาจากที่พักในเรือเหาะมังกรสีเลือดด้วยสีหน้าเป็นกังวล


ชื่อของแบล๊คเฟรมนั้นเป็นที่รู้จักกันดี หลังจากการต่อสู้ที่เมืองหินโบราณ และเขาก็เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปหลักของ God domain อย่างแน่นอน


แต่กระนั้นแม้ว่าแบล๊คเฟรมจะเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นห้า แต่เขาก็จะไม่สามารถเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่พร้อมกันมากกว่าห้าพันคนได้แน่นอน นี่ยังไม่ต้องพูดถึงพวกผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ที่เตรียมการมาอย่างดีเลย ….


อย่างไรก็ตามก่อนที่พวกเขาจะทันได้พูดอะไรต่อนั้น ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่เป็นนักเวทย์หลายร้อยคนก็ได้เริ่มร่ายเวทย์อัญเชิญขนาดใหญ่ ซึ่งวงเวทย์อัญเชิญนี้มันก็มีความซับซ้อนมากๆจนพวกเขาไม่สามารถจะบอกได้ว่ามันอยู่ในระดับไหน


แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเวทย์นี้ถูกร่ายจนเสร็จ ชางหู กับคนอื่นๆก็ต้องตกตะลึงและตัวสั่นอย่างถึงที่สุด เพราะมันได้มีผีงูยักษ์เก้าหัวปรากฎตัวขึ้น


“ขั้นห้า !!?”


“นี่มันเป็นมอนสเตอร์ระดับโดเมนศักสิทธิ์ขั้นห้าแน่นอน !!!”


แม้ว่าชางหู และคนอื่นๆจะไม่รู้ว่ามอนสเตอร์ที่ผู้เล่นจากโลกอื่นอัญเชิญมานั้นอยู่ในประเภทไหน แต่จากออร่าที่มันแผ่ออกมา พวกเขาก็สามารถจะบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่ามอนสเตอร์ขั้นสี่เทียบกับมันไม่ได้แน่นอน และนอกเหนือจากมอนสเตอร์ระดับโดเมนศักสิทธิ์ขั้นห้าแล้ว มันก็ไม่มีความเป็นไปได้อื่นอีก ….


เมื่อเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ระดับนี้นั้น แม้แต่ผู้เล่นขั้นห้าสองถึงสามคนร่วมมือกันก็ยังยากจะฆ่ามันได้เลย


ซึ่งในตอนนี้มันก็ทำให้ชางหู และคนอื่นๆนั้นสิ้นหวังมากยิ่งขึ้นไปอีก


ดูเหมือนว่าช่องว่างระหว่างผู้เล่นจากโลกอื่น และผู้เล่นในทวีปหลักนั้นมันจะยิ่งใหญ่กว่าที่พวกเขาคิดไว้มาก และผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่มากกว่าห้าพันคนนั้นมันก็เป็นเพียงส่วนยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น ….


อย่างไรก็ตามในขณะที่ชางหู และคนอื่นๆกำลังรู้สึกสิ้นหวังนั้น ซือเฟิงที่อยู่บนเรือเหาะมังกรสีเลือดกับมีท่าทีสบายมากๆ และเขาก็ได้ค่อยๆบินขึ้นไปบนท้องฟ้า พลางชักดาบแสงแห่งสองโลกออกมา


“หายไปซะ !!!”


ซือเฟิงตะโกน พลางกวัดแกว่งดาบแสงแห่งสองโลกในมือของเขาทันที


ดาบที่สาม การทำลายล้างศักสิทธิ์ !!!


ตอนที่ 2902 ความเป็นไปได้ของร่างครึ่งเทพ และขั้นหกในอนาคต


ในขณะที่ซือเฟิงเริ่มทำการกวัดแกว่งดาบแสงแห่งสองโลกนั้นท้องฟ้าที่แต่เดิมเคยมืดครึ้มก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นสุกสกาว และมันก็ดูเหมือนกับว่าท้องฟ้าทั้งหมดกำลังจะถล่มลงมา


ตู้ม ! ตู้ม ! ตู้ม !


เสียงนั้นดังก้องไปทั่วทั้งบริเวณ ซึ่งนี่มันทำให้ชางหู และคนอื่นๆที่เฝ้าดูการต่อสู้อยู่จากระยะไกลนั้นรู้สึกพูดไม่ออกอย่างสิ้นเชิง


การโจมตีนี้นั้นมันสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงมากๆซะจน แม้แต่วงเวทย์ป้องกันที่คอยปกป้องกองทัพผู้เล่นจากโลกอื่นก็ยังถูกทำลายลงไปอย่างสิ้นเชิง


และหลังจากนั้นการโจมตีนี้ก็ค่อยๆทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในระยะการโจมตีของมันลงไปทั้งหมด โดยเมื่อผลของการโจมตีหายไปนั้น พื้นที่ที่อยู่ในระยะการโจมตีนี้ที่ปรากฎขึ้นมาแก่สายตาของทุกคนมันก็เหลือแต่เพียงความว่างเปล่า


ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนี้นั้นมันทำให้แม้แต่ชางหู กับคนอื่นๆที่เฝ้าดูอยู่จากระยะไกลก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว และหวาดหวั่น ….


“นี่มันจะไม่แข็งแกร่งเกินไปหน่อยงั้นหรอ ?!!”


ในตอนนี้ชางหู และคนอื่นๆมองไปยังซือเฟิงที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าด้วยความรู้สึกพูดไม่ออกอย่างถึงที่สุด


การโจมตีที่ซือเฟิงใช้โจมตีเมื่อครู่นั้น พวกเขาสามารถจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ามันไม่ใช่สกิล หรือเวทย์ใดๆ แต่มันเป็นเทคนิคการต่อสู้บางอย่าง ซึ่งเทคนิคการต่อสู้นี้ได้ทำลายการป้องกันของกองทัพผู้เล่นจากโลกอื่น และกวาดล้างผู้เล่นจากโลกอื่นที่อยู่ในระยะการโจมตีของมันไปโดยตรงเลย


“ฉันรู้สึกว่าอัศวินกิตติมศักดิ์ขั้นห้าของจักรพรรดิที่ฉันเคยเห็นมาในเมืองหลวงของจักรวรรดิก็ยังไม่ได้แข็งแกร่งมากขนาดนี้เลย !!!” แอสซาซินขั้นสามในชุดสีน้ำเงินกล่าวด้วยความตกตะลึง “นี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของผู้เล่นที่ได้รับการยอมรับว่าแข็งแกร่งที่สุดใน God domain ตอนนี้ ….. งั้นหรอ ?”

สำหรับความแข็งแกร่งของซือเฟิง ทุกคนได้เห็นมันอย่างชัดเจนแล้วจากการต่อสู้ที่เมืองหินโบราณ แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่พวกเขาได้เห็นในปัจจุบันนั้นมันเป็นสิ่งที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง


เท่าที่พวกเขาเห็นนั้นวงเวทย์ป้องกันที่กองทัพผู้เล่นจากโลกอื่นใช้น่าจะอยู่ในขั้นห้า ซึ่งวงเวทย์ระดับนี้นั้น แม้แต่ NPC ขั้นห้าก็ยังไม่สามารถจะทำลายลงได้ในหนึ่งหรือสองการโจมตีแน่นอน


แต่ซือเฟิงในตอนนี้กับทำลายมันลงได้ในการโจมตีเดียว ซึ่งพลังแบบนี้ของเขานั้น แม้แต่ NPC ขั้นห้าบางคนก็ยังไม่มีเลย


ในตอนนี้ซือเฟิงดูเหมือนเหล่าทวยเทพที่ได้ลงมาแสดงพลังให้มนุษย์ตกตะลึงซะมากกว่าด้วยซ้ำ !!!


“แบล๊คเฟรม ?” แอสซาซินรุ่นเยาว์จ้องมองไปยังซือเฟิงที่ลอยอยู่กลางอากาศด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ และชื่นชม “ในอนาคตฉันจะต้องแข็งแกร่งให้ได้เหมือนเขา !!!”


ในเวลานี้ไม่เพียงแต่ชางหู และคนอื่นๆที่อยู่ในระยะไกลเท่านั้นที่ตกตะลึงกับความแข็งแกร่งของซือเฟิง กองทัพผู้เล่นจากโลกอื่นเองก็ตกตะลึงอย่างมากเช่นกัน


“นี่มันไม่จริงใช่ไหม ?! ผู้เล่นในโลกนี้จะแข็งแกร่งมากขนาดนี้ได้อย่างไร ?!!”


“เขาต้องเป็น NPC ที่อยู่ในระดับร่างครึ่งเทพที่ปลอมตัวมาแน่นอน !!! ไม่งั้นเขาจะมีพลังมากขนาดนี้ได้ยังไงกัน ?!”


เมื่อเทียบกับผู้เล่นในทวีปหลักของ God domain แล้ว ผู้เล่นจากโลกอื่นนั้นมีความเข้าใจดีกว่ามากถึงพลังของอาชีพขั้นห้า เพราะท้ายที่สุดในโลกอื่นนั้น ผู้เล่นเหล่านี้ได้เคยโจมตี NPC ขั้นห้า รวมไปถึงมอนสเตอร์ระดับโดเมนศักสิทธิ์ขั้นห้ามาแล้ว แถมบางกองกำลังก็เคยเอาชนะตัวตนระดับนี้มาได้แล้วด้วยซ้ำ


ดังนั้นเมื่อได้มาเห็นถึงพลังของซือเฟิง พวกเขาทั้งหมดจึงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงอย่างถึงที่สุด


อย่างไรก็ตามพวกระดับสูงที่เป็นระดับผู้บัญชาการของกองทัพผู้เล่นจากโลกอื่นนั้นก็ยังคงดูสงบอยู่ แม้ว่าจะได้เห็นถึงพลังของซือเฟิงไปแล้ว


“ที่แท้เขาก็คือเป้าหมายหลักของเราในครั้งนี้นี่เอง …. ไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกร้อยผีโดดเดี่ยวจะระวังชายคนนี้อย่างมาก และพวกนั้นก็ไม่ได้เลือกจะส่งกองกำลังมาเข้าร่วมกับเราในตอนนี้ ….” ชายร่างยักษ์ที่มีความสูงราวสี่เมตรอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา พลางมองไปยังซือเฟิงอย่างชื่นชม


แต่เมื่อชายร่างยักษ์พูดจบนั้น เอลฟ์หญิงที่มีดวงตาสีดำก็กล่าวสวนขึ้นมาด้วยแววตาดูถูกว่า “แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งมากๆ แต่สิ่งที่เขาต้องเผชิญอยู่ตอนนี้คือกองกำลังเทพร่ำไห้ของเรา !!! ซึ่งหากเขาต้องการจะต่อสู้กับเราเพียงลำพัง ฉันกลัวว่าเขาจะยังไม่มีคุณสมบัติ !!!”


เกี่ยวกับสิ่งที่เอลฟ์หญิงพูดมานั้น พวกระดับผู้บัญชาการของกองทัพผู้เล่นจากโลกอื่นหลายคนไม่ได้มีท่าทีต่อต้านใดๆ ตรงกันข้ามมันกับทำให้แววตาของพวกเขาตื่นเต้นมากขึ้นด้วย


มันมีกองทัพอยู่เก้ากองทัพที่บุกเข้ามาในทวีปหลักของ God domain ในครั้งนี้ ซึ่งทั้งหมดล้วนถูกก่อตั้งขึ้นโดยมหาอำนาจต่างๆจากโลกอื่น โดยในหมู่กองทัพเหล่านี้นั้น กองกำลังเทพร่ำไห้ของพวกเขามีความแข็งแกร่งติดอยู่ในสามอันดับแรกในหมู่กองกำลังทั้งหมดของผู้เล่นจากโลกอื่นที่เข้าร่วมสงครามครั้งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย


และสาเหตุที่กองกำลังของพวกเขาถูกเรียกว่ากองกำลังเทพร่ำไห้นั่นมันก็เป็นเพราะกองกำลังของพวกเขาเคยเอาชนะพวกครึ่งเทพโบราณมาได้สำเร็จ ซึ่งตัวตนระดับนี้นั้นก็นับว่าแข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ระดับโดเมนศักสิทธิ์ขั้นห้ามากๆ


โดยมันก็เป็นเพราะผลงานนี้ของพวกเขานี่แหละที่ทำให้พวกเขาได้รับมอบหมายให้เข้าโจมตีสองอาณาจักรของกิลสภาสิบแปดปีกที่มีผู้เล่นขั้นห้าอยู่ในกิล


“เอาล่ะ แม้ว่ามันจะเร็วไปหน่อย แต่ก็ทำการปลุกไฮดร้าขึ้นมาเลยแล้วกัน …” ชายร่างยักษ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะมองไปยังเอลฟ์หญิงข้างๆเขา และพูดว่า “วินไนท์แมร์ นำคนของคุณไปจัดการตามนี้ เราจะต้องสอนให้คนในโลกนี้รู้หน่อยว่าพวกเราทรงพลังมากขนาดไหน !!!”


เพื่อให้กองกำลังทั้งหมดในทวีปหลักของ God domain ได้รู้ถึงความแข็งแกร่ง และพลังของพวกเขา ในครั้งนี้พวกเขาจึงได้นำวงเวทย์อัญเชิญงูโลกไฮดร้าซึ่งเป็นสมบัติ

ของกิลที่พวกเขาเคยใช้ฆ่าพวกครึ่งเทพโบราณได้มาด้วย


แต่อย่างไรก็ตามการจะอัญเชิญงูโลกไฮดร้ามาแต่ละครั้งนั้นมันก็ต้องใช้พวกสายเวทย์มนต์ที่เป็นระดับผู้เชี่ยวชาญถึงเก้าคน และมันยังมีค่าใช้จ่ายอย่างมหาศาลด้วย นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาจะสามารถอัญเชิญมันออกมาได้แค่สี่ครั้งเท่านั้น โดยเมื่อครบสี่ครั้ง ไอเทมอัญเชิญนี้ก็จะหายไป …. แถมมันยังเป็นเรื่องยากมากๆที่จะควบคุมงูโลกไฮดร้าให้ได้หลังจากอัญเชิญออกมาแล้ว โดยมันจะต้องใช้ผู้ที่มีความสามารถในการควบคุมร่างกายที่ยอดเยี่ยมมากๆในการควบคุมมัน ไม่งั้นก็จะไม่สามารถควบคุมร่างขนาดยักษ์ของงูโลกไฮดร้าได้เลย


ไม่นานหลังจากที่ชายร่างยักษ์ได้ออกคำสั่งไป ร่างของงูยักษ์ยาวหลายพันเมตรก็ได้ค่อยๆปรากฎตัวออกมา และเมื่อการอัญเชิญเสร็จสมบูรณ์นั้นเอลฟ์หญิงที่ชื่อวินไนท์แมร์ก็ได้ก้าวไปในร่างของงูยักษ์ตัวนี้


“แบล๊คเฟรม !! ฉันได้ยินมาว่าคุณเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปหลักของ God domain แห่งนี้ !!! แต่น่าเสียดายที่วันนี้คุณจะต้องมาตายอยู่ที่นี่ !!!!” เอลฟ์หญิง วินไนท์แมร์ที่อยู่ในร่างของงูโลกไฮดร้ากล่าวพลางหัวเราะเยาะ


หลังจากนั้นวินไนท์แมร์ก็ได้ควบคุมให้งูโลกไฮดร้าเข้าโจมตีซือเฟิงอย่างรวดเร็วทันที โดยงูโลกไฮดร้านั้นมีทั้งหมดเก้าหัว ซึ่งมันก็สามารถใช้สกิลและเวทย์แยกกันต่างหากได้ นี่มันจึงทำให้วินไนท์แมร์เลือกจะให้งูโลกไฮร้าใช้สกิล และเวทย์ขั้นห้าที่แตกต่างกันทั้งหมดเก้าอย่างเข้าโจมตีซือเฟิง


สิ่งนี้ทำให้ชางหู และคนอื่นๆที่เฝ้าดูอยู่อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น


เนื่องจากพวกเขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่างูยักษ์ตัวนี้มันทรงพลังกว่ามอนสเตอร์ทุกตัวที่พวกเขาเคยรู้จัก และเคยเห็นมาใน God domain อย่างสิ้นเชิง แถมต่อหน้างูยักษ์ตัวนี้ ซือเฟิงนั้นก็ดูเหมือนมดที่พร้อมจะถูกตบให้ตายได้ง่ายๆเลย


นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่ามีการโจมตีที่มีพลังขั้นห้าเก้าอย่างในแบบที่แตกต่างกันกำลังโจมตีมายังซือเฟิงพร้อมกัน โดยแม้แต่ผู้เล่นขั้นห้าหลายคนก็ยังอาจจะถูกทำลายได้ง่ายๆเลยในสถานการณ์แบบนี้


อย่างไรก็ตามซือเฟิงที่ลอยอยู่กลางอากาศนั้นไม่ได้มีท่าทีตกตะลึง หรือประหลาดใจใดๆกับเรื่องนี้ การแสดงออกของเขายังคงเต็มไปด้วยความไม่แยแส ก่อนที่เขาจะทำการกวัดแกว่งดาบแสงแห่งสองโลกของเขาอีกครั้ง


แสงทลายโลก !


ตู้ม !!


ในช่วงเวลาหนึ่งทุกคนในปัจจุบันรู้สึกเหมือนกับว่าโลกทั้งโลกได้หายไป และเมื่อทุกอย่างจบลงนั้นชางหู กับคนอื่นๆที่เฝ้าดูอยู่ก็อ้าปากค้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ


หายไปแล้ว !!!


งูโลกไฮดร้าหายไปแล้ว !!!


และไม่เพียงแต่งูโลกไฮดร้าเท่านั้นที่หายไป แต่ป่าอันกว้างใหญ่เบื้องหน้าของพวกเขาก็ยังหายไปด้วย โดยเหลือไว้เพียงแต่หลุมลึกว่างเปล่าที่มีรัศมีมากกว่าสี่พันหลา


และในขณะนี้นั้นทุกคนในกองกำลังเทพร่ำไห้ต่างก็ตกอยู่ในความเงียบ และพูดอะไรไม่ออกเป็นเวลานาน ไม่เว้นแม้แต่ชายร่างยักษ์


เพราะการโจมตีเมื่อครู่ของซือเฟิงนั้นไม่เพียงแต่จะทำลายงูโลกไฮดร้าลงไปในทันที แต่มันยังทำลายกองทัพของพวกเขาลงไปมากกว่าหนึ่งในสี่ด้วย


“หนี !”


“ทุกคนหนีเร็ว !!”


หลังจากผ่านไปมากกว่าสิบวินาที ชายร่างยักษ์ก็สูดหายใจเข้าลึกๆ และตะโกนด้วยพลังทั้งหมดที่เขามี


เมื่อทุกคนในกองทัพได้ยินคำสั่งของชายร่างยักษ์ พวกเขาก็กลับมามีสติกันอย่างรวดเร็ว และเริ่มหนีกันอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่ชายร่างยักษ์นั้นก็ได้นำม้วนคัมภีร์เทเลพอร์ตขั้นสี่ออกมาใช้เพื่อหนีอย่างไม่ลังเล


ขณะเดียวกันด้านของซือเฟิงนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจเล็กๆกับพลังของเขา


“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมในชีวิตก่อนหน้านี้ของฉัน เหล่าผู้เชี่ยวชาญขั้นหกถึงมักเลือกจะต่อสู้กันในสถานที่ที่ไม่มีผู้คนอย่างสิ้นเชิง ด้วยพลังแบบนี้ หากผู้เชี่ยวชาญขั้นหกสองคนต่อสู้กันนั้น ฉันคิดว่าผลกระทบของการต่อสู้มันอาจจะสามารถทำลายอาณาจักรทั้งอาณาจักรได้อย่างง่ายดายเลย”


สกิลแสงทลายโลกของเขานั้น มันไม่ใช่สกิลที่มีระยะกว้างมากนัก แต่มันกับสามารถจะเปลี่ยนภูมิประเทศของป่าเงาในบริเวณหนึ่งไปได้อย่างสิ้นเชิง นี่คือสิ่งที่ซือเฟิงไม่คาดคิดเลย (ป.ล. สงสัยรายละเอียดของสกิล และเรื่องที่ว่าทำไมซือเฟิงถึงมีสกิลที่มีพลังในขั้นหกก็ไปหาอ่านเอาในตอน 2900)


สำหรับเรื่องการจะจัดการกับกองทัพผู้เล่นจำนวนมหาศาลที่กระจัดกระจายหนีกันอย่างบ้าคลั่งนั้น ซือเฟิงไม่ได้สนใจเลย เพราะมันยากเกินไปที่จะฆ่าผู้เล่นจำนวนมากที่กำลังหลบหนี และในการโจมตีก่อนหน้านี้ของเขา เขาก็ได้จงใจสะบัดมันลงให้โดนกองทัพผู้เล่นจากโลกอื่นแล้ว ซึ่งมันก็ได้ฆ่าผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ของกองทัพผู้เล่นจากโลกอื่นไปราวหกสิบถึงเจ็ดสิบเปอเซ็นต์ทันที โดยนี่มันก็ทำให้เลเวลของเขานั้นพุ่งขึ้นไปเป็นหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสี่ ดังนั้นนี่ก็ไม่ต้องพูดถึงจำนวนของผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ และขั้นสามที่เขาฆ่าไปในการโจมตีเมื่อครู่เลย


และเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีขั้นหกนั้น มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะกลับมาล๊อคอิน เล่น God domain ได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพราะการโจมตีขั้นหกนั้นสามารถจะสร้างความเสียหายให้กับวิญญาณได้อย่างมาก แม้ว่าผู้ใช้จะไม่ได้กำหนดเป้าหมายไปที่วิญญาณก็ตาม และแม้ว่าจะล๊อคอินกลับเข้ามา พร้อมทั้งฟื้นคืนชีพได้ แต่ผู้เล่นก็จะยังคงติดอยู่ในสถานะอ่อนแอไปอีกห้าถึงหกวันด้วย


หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้บินกลับไปที่เรือเหาะมังกรสีเลือด และเดินทางกลับไปยังเมืองสกายสปริง ทิ้งไว้ให้ในบริเวณป่าเงาเหลือเพียงแต่กองทัพผู้เล่นจากโลกอื่นที่พยายามหลบหนี กับชางหู และคนอื่นๆที่ตอนนี้แทบประมวลผลสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เท่านั้น


“ผู้บัญชาการ เราจะเอายังไงกันต่อ ?”


“เราจะเอายังไงกันต่องั้นหรอ ?! เราก็ต้องรีบกระจายข่าวนี้ออกไปให้เร็วที่สุดน่ะสิ !!! ในสงครามโลกครั้งนี้ ฉันคิดว่าเราคงจะพึ่งพาได้เพียงแค่สภาสิบแปดปีกเท่านั้น !!!”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)