Reincarnation Of The Strongest Sword God 2810-2812
ตอนที่ 2810 กระจกแห่งโลก
สำหรับไอเทมที่ซาบริจด์ดรอปนั้น ซือเฟิงได้คิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆนาๆ เขาคิดกระทั่งว่าซาบริจด์มีสิทจะดรอปไอเทมระดับตำนานที่เสียหายแบบดาบแสงแห่งสองโลกด้วยซ้ำ เพราะท้ายที่สุด เขาได้ฆ่า NPC ขั้นสี่ที่แข็งแกร่ง ซึ่งมีจำนวนอยู่ไม่มากนักในเมืองดราก้อนฮาร์ท
อีกทั้งถ้าซาบริจด์ไม่ริเริ่มจะยั่วยุเขาก่อน และยังคงยืนอยู่ในเมืองอยู่ เขาก็คงจะไม่มีโอกาสฆ่าซาบริจด์เลย
เนื่องจากวงเวทย์ของเมืองดราก้อนฮาร์ทนั้นสามารถจะบัฟและช่วยเพิ่มค่าสถานะต่างๆให้กับ NPC ของเมืองได้ เว้นแต่ว่าซาบริจด์จะเมิดกฎของเมืองดราก้อนฮาร์ท ซึ่งหากเขากล้าที่จะต่อสู้กับซาบริจด์ในเมืองดราก้อนฮาร์ทจริงๆ NPC คนอื่นๆก็จะเข้ามาช่วยซาบริจด์อย่างแน่นอน และเขาก็คงจะไม่สามารถฆ่าซาบริจด์ได้
และสาเหตุนั้นมันก็ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากพวก NPC ขั้นห้าระดับสูงของเมืองนั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเชร่า เวเรีย ผู้บัญชาการกองอัศวินดาวศักสิทธิ์ ที่มันจะเป็นเรื่องง่ายเลยสำหรับเธอที่จะฆ่าเขาในการเคลื่อนไหวเดียว
ในเวลานี้ซือเฟิงก็ได้มองไปที่กระจกคริสตัลในมือของเขา และเริ่มคาดเดาถึงตัวตนจริงๆของซาบริจด์
เพราะท้ายที่สุดไอเทมที่อยู่ตรงหน้าเขานั้น มันไม่ใช่ของที่ NPC ขั้นสี่ควรจะได้รับมาเลย
ซือเฟิงเหลือบมองไปที่กระจกคริสตัล กับคริสตัลสีดำ และเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “กระจกแห่งโลกที่คนๆหนึ่งจะได้รับมาหลังจากครอบครองทั้งจักรวรรดิได้อย่างสมบูรณ์แล้วในชีวิตก่อนหน้านี้ของฉันกับมาอยู่ในมือของ NPC ขั้นสี่ตอนนี้ ถ้าฉันไปบอกเหล่ามหาอำนาจต่างๆในชีวิตที่แล้วของฉัน มันก็คงจะไม่มีใครเชื่อเรื่องนี้แน่นอน”
กระจกแห่งโลก !!
หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่ากระจกแห่งห้วงอวกาศ มันจัดเป็นสมบัติโบราณอย่างแท้จริง มันไม่ใช่สิ่งของที่พวกเทพในยุคปัจจุบันจะสร้างได้
เพราะสิ่งนี้ทั้งหมดนั้นล้วนถูกสร้างขึ้นมาโดยฝีมือของเทพโบราณ และแม้แต่การจะสร้างเลียนแบบมันก็ยังแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
สิ่งนี้นั้นมันนับเป็นมรดกของจักรวรรดิอย่างแท้จริง !!
หากผู้เล่นไม่สามารถจะควบคุมจักรวรรดิๆหนึ่งได้อย่างสมบูรณ์ มันก็ไม่ควรจะมีทางเลยที่ผู้เล่นจะได้รับไอเทมชิ้นนี้มา
แน่นอนว่ากระจกแห่งโลกที่ซาบริจด์ได้มานั้นมันก็ยังไม่สมบูรณ์ เพราะกระจกแห่งโลกนั้นมันเป็นชุดกระจกสิบสองด้านสิบสองชิ้น บวกกับแกนควบคุมของมัน มันจึงจะกลายเป็นกระจกแห่งโลกที่สมบูรณ์ โดยมันมีความสามารถในการจะปิดผนึกโลกท้องฟ้าและโลก รวมทั้งเคลื่อนย้าย ถ่านโอนจักรวาลด้วย
ซึ่งการปิดผนึกท้องฟ้าและโลกนั้น มันไม่ได้เหมือนกับการทำจากเวทย์ หรือสกิลทั่วไป เพราะพื้นที่ท้องฟ้าและโลกที่ถูกปิดผนึกจากกระจกแห่งโลกนั้น พูดกันตามตรงคือมันจะกลายเป็นโลกใบเล็กอีกใบหนึ่งเลย
โดยในโลกใบเล็กนี้ แม้แต่พวกขั้นห้าก็ยังยากที่จะทำลายมัน และตราบใดที่ถูกจับเข้าสู่โลกใบเล็กนี้ความแข็งแกร่งของคนๆหนึ่งก็จะลดลงอย่างมากด้วย ซึ่งจะลดลงไปเหลือราวสิบเปอเซ็นต์จากเดิม
ยิ่งไปกว่านั้นผลของมันยังครอบคลุมระยะที่กว้างมากๆ และมันจะไม่มีปัญหาในการจะปิดผนึกแผนที่ขนาดใหญ่เลย
ตราบใดที่กองกำลังหนึ่งมีกระจกแห่งโลกแบบนี้ แม้แต่พวกขั้นหกก็ยังยากจะหลุดรอดออกมาได้เลย เพราะท้ายที่สุดแล้วภายในกระจกแห่งโลกนั้นมันลดพลังการต่อสู้ของผู้ที่อยู่ภายในที่เป็นศัตรูลงไปมาก ไม่เว้นแม้แต่พวกขั้นหก
และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ซุเปอร์กิลบางแห่งที่มีผู้เชี่ยวชาญขั้นหกหลายคน พ่ายแพ้ให้แก่กิลชั้นสูงที่มีผู้เชี่ยวชาญขั้นหกเพียงคนเดียวด้วย ….
สำหรับในตอนนี้ แม้ว่ามันจะไม่สมบูรณ์ แต่มันก็ยังคงสามารถใช้ได้ในระดับหนึ่ง และหากซือเฟิงติดตั้งมันลงไปในเมืองกิล เมืองใดเมืองหนึ่งของสภาสิบแปดปีก เมืองนั้นก็จะมีศักยภาพมากพอที่จะกลายเป็นเมืองหลวงขั้นสูงหรือเหนือกว่านั้นได้เลยด้วยซ้ำ
ซึ่งในเมื่อซาบริจด์ดรอปของแบบนี้ออกมา มันจะไม่ทำให้ซือเฟิงตกตะลึง และประหลาดใจได้อย่างไร ?
“แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าจริงๆแล้วซาบริจด์เป็นใครกันแน่ แต่ตอนนี้ในเมื่อกระจกแห่งโลกตกมาอยู่ในมือของฉันแล้ว ดังนั้นฉันก็สามารถจะเปลี่ยนแผนการพัฒนาบางอย่างได้เล็กน้อย” ซือเฟิงมองไปที่กระจกแห่งโลกในมือด้วยความคิดมากมายที่ผุดขึ้นมา
กระจกแห่งโลกที่ไม่สมบูรณ์นี้ มันยังคงมีผลที่น่าทึ่งอยู่ และแม้ว่าซือเฟิงจะไม่สามารถใช้มันสร้างเมืองหลวงขั้นสูงหรือเหนือกว่านั้นได้ แต่พลังของมันก็น่าจะเพียงพอให้เขาใช้สร้างเมืองหลักกิล
ซึ่งถ้าสภาสิบแปดปีกมีเมืองกิลที่เป็นเมืองหลักในระยะนี้ของเกม มันก็จะน่าทึ่งมากๆ
นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าเมื่อเมืองกิลกลายเป็นเมืองหลักนั้น มันจะเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่มาก โดยที่มันจะสามารถรองรับผู้เล่นหลายสิบล้านคนได้อย่างง่ายดาย และในแง่ของพื้นที่มันมีขนาดใหญ่กว่าเมืองขนาดใหญ่ขั้นสูงถึงสามเท่า ขณะที่ในแง่ของการป้องกัน มันก็ไม่มีปัญหาเลยที่จะป้องกันจากพวกขั้นสี่
ส่วนประเด็นที่สำคัญที่สุดของเมืองหลักก็คือ เมื่อกิลมีมันนั้น หากพวกเขาไม่ได้นำเมืองไปตั้งอยู่ในดินแดนลับหรือดินแดนต้องห้ามที่มีเลเวลสูงมากจริงๆ พวกเขาก็จะไม่จำเป็นต้องกังวลในเรื่องการป้องกันการรุกรานจากพวกมอนสเตอร์เลย
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ซือเฟิงกำลังคิดว่า เขาจะใช้กระจกแห่งโลกกับเมืองกิลเมืองใดดี มันก็ได้มีคนติดต่อเขาเข้ามา
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ซุเปอร์กิลของเราทั้งสองได้รวบรวมคนที่คุณต้องทั้งหมดมาไว้พร้อมที่เมืองดราก้อนฮาร์ทแล้ว” หมิงเทียนจางชุ่ยกล่าวอย่างกังวลเล็กๆ “คุณจะมารับพวกเขาเมื่อไหร่ ?”
“นี่ทำกันได้เร็วขนาดนั้นเลยหรอ ?” ซือเฟิงมองไปที่เวลาที่พึ่งจะผ่านไปเพียงครึ่งวันด้วยความรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ด้วยความที่เมืองดราก้อนฮาร์ทนั้นยังคงถูกปิดกั้นเส้นทางการเดินทางส่วนใหญ่อยู่ โดยเฉพาะกับการเทเลพอร์ต ดังนั้นมันจึงไม่ได้ง่ายเลยที่จะเดินทางเข้ามาที่เมือง และยิ่งเป็นการเดินทางเข้ามาของผู้เล่นจำนวนมากด้วยแล้ว ….
ดังนั้นซือเฟิงจึงได้เลือกจะให้เวลาซุเปอร์กิลทั้งสองถึงครึ่งเดือน อย่างไรก็ตามพวกเขากับทำทุกอย่างเสร็จในครึ่งวัน ….
“แน่นอน” หมิงเทียนจางชุ่ยหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ “หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมอย่าลมืสิว่าซุเปอร์กิลทั้งสองของเรานั้นมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาในทะเล ดังนั้นพวกเราจึงมีวิธีพิเศษของตัวเองเช่นกันในเรื่องนี้”
“โอเค งั้นฉันจะไปรับพวกเขาทันที”
ซือเฟิงพยักหน้า ก่อนที่เขาจะรีบเดินออกจากร้านค้าพ่อค้าเร่ไปเพื่อรับคนของทั้ง
สองกิลโดยตรง
ซึ่งทั้งผู้อาวุโสหวู่และหมิงเทียนจางชุ่ยนั้นก็เข้าใจความคิดหลายสิ่งของซือเฟิงดี ดังนั้นพวกเขาจึงได้นัดสถานที่ส่งมอบคนเหล่านี้ที่บริเวณหุบเขา นอกเมืองดราก้อนฮาร์ท เพื่อเป็นการช่วยซือเฟิงปกปิดความตั้งใจของเขาไปอีกทางหนึ่ง
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม เรานำคนทั้งหมดมาให้คุณครบตามจำนวนแล้ว นับตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่งานของคุณเสร็จ คนเหล่านี้จะปฎิบัติตามคำสั่งทุกอย่างของคุณอย่างไม่มีข้อแม้ และทุกสิ่งที่พวกเขาก็จะถูกเก็บเป็นความลับ” หมิงเทียนชุ่ยกล่าวพลางชี้ไปยังคนนับหมื่น และพูดด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้ทั้งสองกิลของเราได้เติมเต็มสัญญาในส่วนนี้แล้ว คุณจะให้ทั้งสองกิลของเราเข้าไปปฎิบัติการในหอคอยโลกได้เมื่อไหร่ ?”
ในปัจจุบันนั้นสิ่งที่พวกเขากังวลที่สุดคือเรื่องการเข้ายึดครองป้อมปราการของวอร์
บลัดนชั้นใต้ดินชั้นที่สี่นี่แหละ เพราะยิ่งพวกเขายึดครองมันได้เร็วเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งทำให้พวกเขาได้รับประโยชน์มากขึ้น และตั้งมั่นที่นั่นได้ดีขึ้นมากเท่านั้น ไม่งั้นพวกเขาก็คงจะไม่ยอมใช้จ่ายเงินจำนวนมากเพื่อนำเอาคนเหล่านี้มารวมตัวกันที่นี่ให้ซือ
เฟิงอย่างรวดเร็วหรอก ….
เมื่อซือเฟิงเห็นท่าทีกระตือรือร้นของหมิงเทียนจางชุ่ย เขาก็ยิ้มและพูดว่า “คุณสามารถเริ่มเข้าไปจัดการสิ่งที่คุณต้องการในหอคอยโลกได้เลย ฉันได้แจ้งกับยู่หลัวเรื่องนี้ไปแล้ว ด้วยฐานะอัศวินกิตติมศักดิ์แห่งกองอัศวินดาวศักสิทธิ์ หากพวกมือลับกล้าจะดำเนินการใดๆต่อพวกคุณ พวกเขาไม่รอดแน่ ดังนั้นเริ่มจัดการสิ่งที่คุณต้องการได้เลย”
“ขอบคุณ หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม” เมื่อได้ยินคำรับรองจากซือเฟิง หมิงเทียนจางชุ่ยก็มีดวงตาที่สว่างวาบขึ้น “งั้นฉันก็มีเรื่องด่วนที่จะต้องไปจัดการแล้ว ฉันขอตัวก่อน”
ซือเฟิงเพียงพยักหน้ารับเท่านั้น เขาไม่ได้กล่าวอะไรต่อ เขารู้ดีว่าเรื่องด่วนที่ว่าที่หมิงเทียนจางชุ่ยรวมทั้งคนของสิบสามบัลลังก์จะไปจัดการก็คือเรื่องการเข้าสู่หอคอยโลก
หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้นำคนที่เหลือ ซึ่งเป็นพวกคนที่เขาร้องขอเดินทางไปยังเกาะร้างแห่งหนึ่งที่อยู่บริเวณเกาะดราก้อนฮาร์ท โดยเกาะนี้นั้นซือเฟิงได้ตั้งด่าน รวมทั้งวงเวทย์ไว้โดยรอบทั้งหมดเพื่อปิดผนึกมัน ซึ่งเมื่อเข้าไปด้านในเกาะแล้ว ผู้เล่นที่อยู่ภายในก็จะไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอกได้เลย พูดกันตามตรงผู้ที่อยู่ภายในนั้นไม่สามารถแม้แต่จะออฟไลน์ได้ด้วยซ้ำ หากพวกเขาต้องการจะออฟไลน์ พวกเขาก็จะต้องเดินทางออกจากเกาะนี้มาก่อนเท่านั้น
สามวันต่อมา บนเกาะร้างบริเวณเกาะดราก้อนฮาร์ท
โซริทารี่ไนน์ได้บินเข้ามาหาซือเฟิงที่กำลังทำการวาดวงเวทย์หลักอยู่บริเวณป้อมปราการเคลื่อนที่ที่มีขนาดเท่ากับภูเขา “ผู้บัญชาการ ฉันได้พึ่งได้รับข่าวใหม่มาจากเมืองดราก้อนฮาร์ทว่า พวกมิราเคิลกับสตาร์ลิ้งนั้นพร้อมจะเคลื่อนไหวแล้ว เราจะเริ่มกันเลยไหม ?”
หลังจากซือเฟิงวาดวงเวทย์หลักวงสุดท้ายเรียบร้อย เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ….
“พวกเขานี่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจริงๆนะ …” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะ “โอเค ด้านของฉันเองก็เรียบร้อยแล้ว เราจะเริ่มกันเลยตอนนี้แหละ ไปบอกให้ไลฟ์เลสธอร์นเตรียมการให้พร้อม พวกเราจะเดินทางกลับไปยังอาณาจักรทวินทาวเวอร์เดี๋ยวนี้ !!!”
“รับทราบ !!” โซริทารี่ไนน์พยักหน้าด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ตอนที่ 2811 ความเปลี่ยนแปลงของเมืองสกายสปริง
อาณาจักรทวินทาวเวอร์ เมืองสกายสปริง :
เมื่อแสงสว่างวาบหายไป ร่างสามร่างก็ปรากฎขึ้นในห้องเทเลพอร์ต ซึ่งร่างทั้งสามร่างนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก ซือเฟิง ไลฟ์เลสธอร์น และโซริทารี่ไนน์
ซึ่งเมื่อทั้งสามคนปรากฎตัวขึ้นมาในห้องเทเลพอร์ตนั้น มันก็เห็นได้ชัดเลยว่าห้องเทเลพอร์ตของเมืองสกายสปริงในเวลานี้นั้นดูมีชีวิตชีวากว่าก่อนหน้านี้มากๆ และมันก็ยังเต็มไปด้วยผู้เล่นจำนวนมหาศาล
โดยผู้เล่นเหล่านี้ส่วนใหญ่นั้นเป็นผู้เล่นขั้นสามที่มีตราสัญลักษณ์ของกิลขนาดใหญ่หลายกิลติดอยู่ที่หน้าอก และพวกเขาแต่ละคนก็แผ่ออร่าที่อยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญทั่วไปเป็นอย่างน้อยออกมา
“ทำไมถึงมีผู้เล่นขั้นสามจากกิลขนาดใหญ่มากมายมาที่นี่ ?” โซริทารี่ไนน์มองไปรอบๆ และกล่าวพลางเดาะลิ้น “เผลอๆจำนวนผู้เล่นขั้นสามของเมืองดราก้อนฮาร์ทยังมีน้อยกว่าที่นี่ซะอีกนะ !!!”
อีกทั้งเท่าที่โซริทารี่ไนน์สังเกตนั้นมันมีผู้เล่นขั้นสามมากกว่าห้าร้อยคนเลยในห้องเทเลพอร์ตที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวดเร็งดั่งสายน้ำหรือสูงกว่า
ท้ายที่สุดแล้วนี่มันเป็นเพียงห้องเทเลพอร์ตในเมืองเล็กๆเท่านั้น แต่มันกับมีผู้เล่นระดับนี้มาอยู่ที่นี่มากมาย ….
“พวกคุณน่าจะพึ่งเคยมาที่เมืองสกายสปริง ของอาณาจักรทวินทาวเวอร์สินะถึงดูไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร แล้วก็วันนี้ก็อาจจะเป็นวันสำคัญในประวัติศาสตร์ของ God domain” ยักษ์ขั้นสามที่พึ่งจะออกมาจากวงเวทย์เทเลพอร์ตกล่าวด้วยรอยยิ้ม
โดยยักษ์ขั้นสามผู้นี้นั้นมีเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบสอง และสวมใส่อุปกรณ์เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบ ระดับไฟน์โกลครบเซ็ท แถมเขายังใช้ขวานต่อสู้เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบ ระดับดาร์คโกลด้วย ซึ่งถือเป็นอาวุธชั้นยอดระดับต้นๆในระยะนี้ของเกมเลย
อย่างไรก็ตามมันไม่มีตราสัญลักษณ์ของกิลอยู่บนร่างกายของเขาเลย ดังนั้นมันจึงเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญอิสระ ซึ่งสำหรับผู้เชี่ยวชาญอิสระนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมีอาวุธและอุปกรณ์แบบนี้ แถมเพื่อนอีกมากกว่าหนึ่งโหลด้านหลังของเขาก็ยังสวมใส่และใช้อาวุธกับอุปกรณ์ที่คล้ายๆกันด้วย แต่ถึงกระนั้นสิ่งหนึ่งที่คนเหล่านี้เหมือนกันก็คือ พวกเขามีสัญลักษณ์สิงโตขาวอยู่บนผ้าคลุม ซึ่งมันแสดงให้เห็นชัดเจนว่าพวกเขามาจากทีมนักผจญภัยเดียวกัน
“หื้ม ? ขนาดนั้นเลยงั้นหรอ ?” โซริทารี่ไนน์อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเมื่อได้ยินคำพูดของยักษ์ขั้นสาม ก่อนที่เขาจะถามต่อว่า “พี่ชาย มันก็เป็นอย่างที่พี่ชายว่านั่นแหละ พวกเราพึ่งจะเคยมาที่เมืองนี้จริงๆ ว่าแต่วันนี้มันอาจจะเกิดอะไรขึ้นกัน ? พี่ชายถึงบอกว่ามันอาจจะเป็นวันสำคัญในประวัติศาสตร์ของ God domain ….”
“ทีมนักผจญภัยสิงโตขาวของเราก็พึ่งจะได้ยินข่าวมาเช่นกัน เมื่อไม่นานมานี้ ฉันได้ยินมาว่าพวกระดับสูงมากกว่าหนึ่งโหลของสภาสิบแปดปีก อันยีลดิ้งโซล และ
จักรพรรดิคริมสันนั้นได้ถูกกองกำลังผู้เล่นนับหมื่นปิดล้อมในป่า และท้ายที่สุดพวกเขาได้ถูกจับโดย NPC ขั้นสี่จากมือลับที่สตาร์ลิ้งเชิญมา โดยตอนนี้พวกเขาก็ถูกคุมขังอยู่ในสถานที่พักกิลของสตาร์ลิ้ง” ยักษ์ขั้นสามส่ายหัว พลางถอนหายใจ “ตอนนี้สตาร์ลิ้งได้ประกาศความต้องการที่จะเข้าควบคุมหอคอยแห่งพันธสัญญาลับแทนทั้งพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีก แถมพวกเขายังเริ่มระดมพลพันธมิตรสี่กลุ่มของพวกเขาเพื่อบังคับให้สภาสิบแปดปีกยกเลิกการปิดล้อมเมืองสกายสปริง ไม่งั้นพวกเขาจะใช้พวกระดับสูงมากกว่าหนึ่งโหลของสภาสิบแปดปีก อันยีลดิ้งโซล และจักร
พรรดิคริมสันสังเวยภายใต้ธงของพวกเขา”
“ฉันได้ยินมาว่าในบรรดาพวกที่ถูกจับไปในครั้งนี้นั้น นอกเหนือจากพวกผู้เชี่ยวชาญที่เป็นที่รู้จักกันดีของสภาสิบแปดปีกอย่างชาโด้วซอร์ด และ Alluring Summer มันยังมีมู่หลิงชา และบลูเกาน์ อัจฉริยะรุ่นเยาว์ของอันยีลดิ้งโซลและจักรพรรดิคริมสันด้วย ซึ่งตอนนี้อิลูซะรี่เวิร์ดรองหัวหน้ากิลจักรพรรดิคริมสันกำลังเป็นตัวแทนไปเจรจากับฝั่งสตาร์ลิ้งอยู่ แต่อย่างไรก็ตามก็ดูเหมือนมันจะไม่ให้ผลอะไรมากนัก เพราะสตาร์ลิ้งไม่ยอมประณีประณอมใดๆ พวกเขาต้องการทุกอย่างตามข้อเรียกร้อง และพวกเขาก็กล่าวว่าถ้าทั้งสามกิลไม่ยอมให้ตามนี้ พวกเขาจะให้ NPC ขั้นสี่ใช้วิธีพิเศษฆ่าพวกที่ถูกจับเพื่อให้ได้รับโทษจากการตายหนักขึ้น และเผลอๆวิธีพิเศษที่ใช้ฆ่านี้อาจถึงขั้นทำให้วิญญาณอมตะบางส่วนเสียหายด้วย”
ซือเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อเขาได้ยินเรื่องนี้ เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าเหตุการณ์นี้มันจะเกี่ยวข้องกับ NPC ขั้นสี่จากมือลับด้วย
“สตาร์ลิ้งนี่ช่างกล้าหาญจริงๆ พวกเขากล้าที่จะขู่และทำแบบนี้ในดินแดนของสภาสิบแปดปีกเอง !!!” ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“ฉันไม่คิดแบบนั้นนะ เพราะท้ายที่สุดแล้วสตาร์ลิ้งนั้นไม่ใช่กิลๆเดิมที่พวกเราหลายคนเคยรู้จักอีกต่อไป มันมีข่าวลือว่ากิลนั้นมีผู้เล่นขั้นสี่ถึงสามคนแล้ว และฉันยังได้ยินมาว่าพวกเขาได้รับการสนับสนุนจากพลังลึกลับบางกลุ่มอีก แถมตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่ได้รับการสนับสนุนจากกองกำลัง NPC เพิ่มอีก ดังนั้นในแง่ของอิทธิพลของกิลในทวีปด้านตะวันออกนั้น พวกเขาไม่น่าจะด้อยไปกว่าห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด” ยักษ์ขั้นสามกล่าวพลางถอนหายใจ “และตอนนี้มันก็กำลังจะมีการเปิดการเจรจากันขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายระหว่างสตาร์ลิ้ง กับพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีก ซึ่งมันทำให้ทีมนักผจญภัยสิงโตขาวของเราที่พอจะมีชื่อเสียงอยู่บ้างในอาณาจักรทวินทาวเวอร์ได้รับเชิญให้มาเข้าร่วมด้วย ….”
“แถมฉันก็ยังได้ยินมาด้วยว่าผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดของทั้งสามกิลจะมาเข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้แน่นอน ซึ่งหากการเจรจาครั้งนี้ไม่สามารถจบลงด้วยดีได้ มันก็จะกลายเป็นสงครามการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ God domain แน่นอน !!!”
“เป็นอย่างนี้เองสินะ ….” ซือเฟิงพยักหน้าอย่างเข้าใจในสิ่งที่ยักษ์ขั้นสามอธิบาย
ซือเฟิงนั้นพอจะคาดเดาสิ่งที่สตาร์ลิ้งต้องการออกแทบทั้งหมด
หนึ่งคือสตาร์ลิ้งนั้นตั้งใจจะใช้การเคลื่อนไหวนี้เพื่อจำกัดพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีก
สองคือสตาร์ลิ้งต้องการจะใช้สภาสิบแปดปีก อันยีลดิ้งโซล และจักรพรรดิคริมสัน ทั้งสามกิลนี้เป็นก้อนหินเพื่อปูทางไปสู่การกลายเป็นห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด และนั่นก็คือเหตุผลหลักด้วยที่สตาร์ลิ้งจงใจเชิญให้หลายฝ่าย นอกเหนือจากจักรพรรดิ
คริมสัน อันยีลดิ้งโซล สภาสิบแปดปีก และตัวเอง มาเข้าร่วมการเจรจาครั้งนี้
“พวกคุณทั้งสามคนก็ระวังตัวหน่อยแล้วกัน ตอนนี้เมืองสกายสปริงนั้นเต็มไปด้วยความวุ่นวายมากจริงๆ และหากพวกคุณคิดจะมาที่นี่เพื่อเข้าไปในหอคอยแห่งพันธสัญญาลับละก็เลิกคิดไปได้เลย เพราะตอนนี้มหาอำนาจต่างๆล้วนจับตาดูเมืองสกายสปริง และหอคอยแห่งพันธสัญญาลับอย่างใกล้ชิด หากพวกคุณถูกคิดว่าเป็นสมาชิกของสภาสิบแปดปีก จักรพรรดิคริมสัน หรืออันยีลดิ้งโซล พวกคุณอาจจะถูกฆ่าหรือถูกจับกุมได้” ยักษ์ขั้นสามกล่าวเตือนกลุ่มสามคนของซือเฟิง
“ขอบคุณที่เตือนพวกเรา” ซือเฟิงกล่าวขอบคุณ
หลังจากซือเฟิงพูดจบ เขาก็ออกจากห้องเทเลพอร์ตไปพร้อมกับไลฟ์เลสธอร์น และโซริทารี่ไนน์
และหลังจากที่กลุ่มของซือเฟิงจากไป ชายหนุ่มคนหนึ่งจากทีมนักผจญภัยสิงโตขาวก็เดินเข้าไปถามยักษ์ขั้นสาม ซึ่งเป็นหัวหน้าของพวกเขาด้วยความงงงวย “หัวหน้า ทำไมจู่ๆคุณถึงเริ่มพูดคุยกับคนแปลกหน้าพวกนั้น ?”
“มันไม่มีอะไรหรอก ฉันก็แค่รู้สึกว่าสามคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาน่ะ และจนถึงตอนนี้ทีมนักผจญภัยสิงโตขาวของเราก็ยังไม่สามารถจะผสานรวมกันได้อย่างกลมเกลียว ดังนั้นมันจึงจะดีกว่าที่จะสร้างเพื่อน และเส้นทางไว้หลายเส้น แถมต่อไปในอนาคต เมื่อเราแข็งแกร่งขึ้น เราก็น่าจะมีประโยชน์สำหรับคนเหล่านั้น หรือคนเหล่านั้นก็อาจจะมีประโยชน์กับเราด้วย” ยักษ์ขั้นสามกล่าวพลางมองไปยังทิศทางที่กลุ่มของซือเฟิงหายไปด้วยรอยยิ้ม “อีกอย่างนักดาบในชุดเสื้อคลุมสีดำที่เป็นผู้นำกลุ่มนั่น ฉันคุ้นๆเขามากเลย แต่นึกไม่ออกว่าเขาเป็นใครกัน ….”
ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างเข้าใจให้กับท่าที และการกระทำของยักษ์ขั้นสามที่เป็นหัวหน้าของเขา ….
ที่ด้านนอกห้องเทเลพอร์ต ….
“ผู้บัญชาการ ตอนนี้เราจะไปไหนกัน ?” ไลฟ์เลสธอร์นมองไปที่ซือเฟิง ซึ่งดูเหมือนจะไม่มีแผนที่จะกลับไปที่สถานที่พักกิลของสภาสิบแปดปีกด้วยแววตาประหลาดใจ
“สตาร์ลิ้งได้เชิญผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากมาเข้าร่วมการเจรจาครั้งนี้ แถมยังวางแผนที่จะใช้พวกระดับสูงของสภาสิบแปดปีกเพื่อสังเวยภายใต้ธงของพวกเขา ดังนั้นจะไม่ให้ฉันไปแสดงความยินดีกับพวกเขาสักหน่อยได้อย่างไร ?” ซือเฟิงกล่าวพลางมองไปยังไลฟ์เลสธอร์นอย่างสบายๆ
หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้นำโซริทารี่ไนน์ และไลฟ์เลสธอร์น ตรงไปยังสถานที่พักกิลของสตาร์ลิ้งที่ดูโอ่อ่า และหรูหราที่ตั้งอยู่ที่ถนนสายหลักใจกลางเมือง
ตอนที่ 2812 ลม และเมฆที่พัดผ่าน
ถนนหลักของเมืองสกายสปริง สถานที่พักกิลสตาร์ลิ้ง :
ตอนนี้เนื่องจากการมีอยู่ของหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ ถนนสายหลักที่แต่เดิมรกร้างมากๆจึงเต็มไปด้วยผู้คนแออัด และในเวลานี้เอง มันก็มีผู้เล่นขั้นสามจำนวนมากได้มารวมตัวกันที่อาคารห้าชั้นซึ่งมีขนาดเท่ากับสนามกีฬาสองสนาม ซึ่งนี่มันก็คือสถานที่พักกิลของสตาร์ลิ้งนั่นเอง
ก่อนที่ซือเฟิง และกลุ่มของเขาจะทันได้เดินไปถึงหน้าประตูของสถานที่พักกิลสตาร์ลิ้ง พวกเขาก็สังเกตเห็นทีมผู้เล่นหลายร้อยคนที่กำลังเดินไปในทิศทางเดียวกันกับพวกเขาอย่างช้าๆเช่นกัน
โดยทุกคนในทีมๆนี้นั้นเป็นผู้เล่นขั้นสาม และมีเลเวลกันที่อย่างน้อยหนึ่งร้อยยี่สิบห้า ขณะที่อุปกรณ์ที่อ่อนแอที่สุดที่พวกเขาสวมใส่นั้นก็ยังเป็นอุปกรณ์ระดับดาร์คโกล เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบ และในหมู่พวกเขามันก็มีผู้เล่นบางส่วนที่สวมใส่อุปกรณ์และอาวุธระดับอีปิคอยู่สองถึงสามชิ้นด้วย ขณะที่ผู้ที่ดูเด่นชัดและเปล่งประกายที่สุดนั้นก็ดูเหมือนจะเป็นคนสองคนที่นำทีมๆนี้มา
ใช่แล้ว คนสองคนที่นำทีมๆนี้ !!
ไม่เพียงแต่พวกเขาจะสวมใส่อาวุธและอุปกรณ์ระดับอีปิคอยู่หกชิ้น แต่พวกเขายังเป็นผู้เล่นขั้นสี่ด้วย โดยคนหนึ่งเป็นจักรพรรดิสงครามเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบเก้า ขณะที่อีกคนหนึ่งเป็นจักรพรรดิดาบเลเวลหนึ่งร้อยสามสิบ ซึ่งตั้งแต่อาวุธ อุปกรณ์ ไปจนถึงเลเวล และขั้นของทั้งสองคนนี้นั้นมันทำให้ผู้ที่เฝ้าดูอยู่โดยรอบตื่นเต้นมากๆ
“อึก !! คนเหล่านี้เป็นใครกัน ?! ทำไมฉันไม่เคยเห็นตราสัญลักษณ์ของกิลที่ติดอยู่ที่หน้าอกของพวกเขาเลย ?!”
“คุณไม่รู้มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก เพราะท้ายที่สุดแล้วกิลๆนี้พึ่งจะโผล่ขึ้นมาเมื่อไม่นานมานี้ พวกเขามีชื่อว่าร้อยผีโดดเดี่ยว พวกเขาเป็นกิลที่ลึกลับมากๆ ฉันได้ยินมาว่าพวกเขาได้รับการสนับสนุนจากพลังลึกลับบางกลุ่ม แถมมาตราฐานในการคัดเลือกสมาชิกเข้ากิลของพวกเขาก็ยังสูงมาก โดยแม้แต่คนที่อ่อนแอที่สุดในกิลของพวกเขาก็ยังอยู่ในขอบเขตครึ่งก้าวก่อนปรับแต่ง และทุกคนก็ล้วนเป็นผู้เล่นขั้นสามทั้งหมด ….”
“โอ้ ใช่แล้ว !!! ฉันนึกออกแล้ว เป็นกิลลึกลับกิลนั้นเอง …. ขณะที่ชายและหญิงที่นำทีมๆนี้ของกิลนี้มานั้นน่าทึ่งยิ่งกว่า ก่อนที่พวกเขาจะได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่ พวกเขาได้ทำการท้าทายสัตว์ประหลาดเก่าแก่ของมหาอำนาจต่างๆอย่างลับๆ และในการต่อสู้สิบเก้าครั้ง พวกเขาไม่แพ้เลย ฉันไม่คิดเลยว่า หลังจากพวกเขาหายไปสักพัก พวกเขาจะกลายเป็นขั้นสี่แล้ว !!!”
“ในเมื่อก่อนที่พวกเขาจะกลายเป็นขั้นสี่ พวกเขายังแข็งแกร่งขนาดนั้น ตอนนี้ในเมื่อพวกเขากลายเป็นขั้นสี่แล้ว พวกเขาไม่แทบเป็นอมตะเลยหรอ ?”
ตอนนี้เหล่าผู้คนล้วนพูดคุยกันอย่างเคารพและชื่นชม เมื่อมองไปยังทีมๆนี้ของร้อยผีโดดเดี่ยว และพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมสตาร์ลิ้งด้วย
เนื่องจากกิลร้อยผีโดดเดี่ยวนั้นมีแนวทางการดำเนินงานที่แปลกแยกมาโดยตลอด และพวกเขาก็ไม่เคยรับงานใดๆจากมหาอำนาจต่างๆเลย กระนั้นตอนนี้สตาร์ลิ้งกับเชิญพวกเขามาร่วมการเจรจาครั้งนี้ได้ นี่มันจึงจัดว่าน่าทึ่งมากๆ !!!
“ร้อยผีโดดเดี่ยวงั้นหรอ ?” ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อได้ยินที่เหล่าผู้เล่นพูดคุยกัน
สำหรับกิลร้อยผีโดดเดี่ยวนั้น เขาเคยได้ยินชื่อของกิลๆนี้มาบ้างในชีวิตที่ผ่านมาของเขา กิลนี้ค่อนข้างจะลึกลับ และในตอนนั้นกิลปรากฎขึ้นสามปีหลังจากเกิดการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรก โดยกิลก็ได้สร้างความตื่นตระหนกไปทั่ว God domain ทั้งหมด
เนื่องจากกิลมีผู้เล่นขั้นสี่มากกว่าสามสิบคนอยู่ในกิล ซึ่งในช่วงเวลานั้น แม้แต่ซุเปอร์กิลก็ยังมีผู้เล่นขั้นสี่ไม่มากขนาดนี้เลย โดยซุเปอร์กิลจะมีผู้เล่นขั้นสี่แค่ราวสิบห้าถึงยี่สิบห้าคนเท่านั้นในตอนนั้น และจำนวนผู้เล่นขั้นสี่ของกิลๆนี้ก็ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และอยู่เหนือกว่าซุเปอร์กิลหลายแห่งในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
โดยผู้เล่นขั้นสี่ทุกคนนั้นก็ได้ทำการท้าทายผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนาจต่างๆมากมาย และกวาดผ่านไปทั่ว God domain ราวกับสายลม
แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นพักหนึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไมกิลถึงได้เงียบลงไป ก่อนที่กิลจะมาปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งในตอนที่กิลมีผู้เล่นขั้นห้าแล้ว และพวกเขาก็ได้เริ่มท้าทายห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดทันที ….
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะพูดว่ามันเป็นการท้าทาย แต่เหล่าผู้เล่นของกิลร้อยผีโดดเดี่ยวนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรอื่นเลยนอกจากต่อสู้และฆ่าผู้เชี่ยวชาญของห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด พวกเขาไม่แม้แต่จะสนใจไอเทมที่ดรอปไว้ หรือปล้นพื้นที่ทรัพยากรด้วยซ้ำ ซึ่งนี่มันทำให้ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดปวดหัวมากๆ
เพราะท้ายที่สุดแล้วกิลนี้มันลึกลับมากๆ และการที่พวกเขาทำแบบนี้ มันก็ทำให้ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดไม่สามารถกำหนดเป้าหมายไปยังพวกเขาอย่างชัดเจนได้ อีกทั้งจากการประเมินของห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดในตอนนั้น พวกเขาน่าจะมีผู้เล่นขั้นสี่ และขั้นห้าใกล้เคียงกับห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดเลย
แต่ซือเฟิงก็พอจะเข้าใจเรื่องนี้ได้ ปัจจุบันเนื่องจากการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรกมันเกิดขึ้นเร็วกว่าในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิงมาก ดังนั้นร้อยผีโดดเดี่ยวจึงปรากฎตัวขึ้นเร็วกว่าที่เขาคิดไว้เกือบสองปีเลยทีเดียว
“พวกเขาเป็นกิลจากทวีปดวงดาวรึปล่าว ?”
ถ้าเขาไม่เคยเข้าสู่โลกยุคโบราณของ God domain มาก่อน เขาก็คงจะนึกไม่ออกเลยจริงๆว่ากิลลึกลับแบบนี้อยู่ๆก็ปรากฎขึ้นมาราวกับปรากฎขึ้นมาจากอากาศได้อย่างไร แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้เนื่องจากเขาเคยเข้าสู่ยุคโบราณของ God domain มาแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้ในหลายสิ่ง และเขาก็รู้ดีว่า มันไม่ได้มีแค่ผู้เล่นบนโลกเท่านั้นที่เล่น God domain มันยังมีผู้เล่นในทวีปดวงดาวอีก หรืออาจจะมีมากกว่านี้ที่เขาไม่รู้ก็ได้ ….
และท้ายที่สุดใน God domain นี้มันก็มีความไม่แน่นอนอยู่มากมาย ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ผู้เล่นบางคนที่อยู่ในโลกอื่น หรือยุคอื่น จะพบจุดตัด และเดินทางมาบรรจบกันในยุคปัจจุบันได้
ตอนนี้ซือเฟิงนั้นสงสัยว่าสถานที่ที่ไลฟ์เลสธอร์นและสมาชิกคนอื่นๆของทีมอาชูร่าได้เข้าไปนั้น อาจจะเป็นสถานที่ที่ร้อยผีโดดเดี่ยวอยู่ อย่างไรก็ตามมันน่าเสียดายที่พวกเขาถูกบังคับให้กลับออกมาก่อนที่จะทันได้ทำความเข้าใจอะไรมากนัก
นอกจากนี้หากมันเป็นอย่างที่ซือเฟิงคิดจริงๆ มันก็จะอธิบายได้ด้วยว่าทำไมผู้เล่นเหล่านี้ถึงให้กลิ่นอายเหมือนกับผู้เล่นยุคโบราณของ God domain แต่อ่อนแอกว่า
และอีกเรื่องหนึ่งก็คือซือเฟิงนั้นไม่ได้คิดเลยว่าสตาร์ลิ้งจะมีความสัมพันธ์อันดีกับร้อยผีโดดเดี่ยว เรื่องนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นเลยในชีวิตที่ผ่านมาของเขา
“ตอนนี้เมื่อมีกองกำลังแบบนี้อยู่ข้างสตาร์ลิ้ง พันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกก็คงยากจะจัดการกับสตาร์ลิ้งได้แล้ว …”
“ไม่ต้องพูดถึงผู้เล่นขั้นสี่จากร้อยผีโดดเดี่ยวหรือกองกำลังอื่นๆเลย แค่ผู้เล่นขั้นสี่จากมิราเคิลกับสตาร์ลิ้ง มันก็ทำให้พันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกไม่สามารถจะเคลื่อนไหวได้อย่างง่ายๆแล้ว”
“ฉันเดาไม่ออกเลยแหะว่าพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกจะเข้ามาที่นี่ไหม เห็นได้ชัดว่านี่มันเป็นกับดักที่สตาร์ลิ้งวางไว้เพื่อจะนำไปสู่สงครามชัดๆ”
“ฉันคิดว่าพวกเขาไม่น่าจะมานะ เพราะท้ายที่สุดแล้วตอนนี้สตาร์ลิ้งถือไพ่เหนือกว่ามากๆ เนื่องจากด้วยการกดดันของ NPC จากมือลับ มันก็ทำให้ทหาร NPC ส่วนใหญ่ของเมืองสกายสปริงไม่กล้าจะทำอะไร ซึ่งมันทำให้สภาสิบแปดปีกและพันธมิตร
สามกิลนั้นต้องพึ่งแต่ตัวเองเท่านั้น”
ทุกคนที่เฝ้าดูอยู่นั้นต่างพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ และพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเห็นใจพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีก เพราะท้ายที่สุดแล้วจนถึงตอนนี้จากข่าวที่ออกมานั้น มันแสดงให้เห็นได้ชัดเจนแล้วว่ามีมหาอำนาจ กิลขนาดใหญ่ และทีมนักผจญภัยชื่อดังมากกว่ายี่สิบกลุ่มที่เลือกจะยืนข้างสตาร์ลิ้ง และเนื่องจากเหตุการณ์นี้เอง มันก็ทำให้ทุกคนคิดว่าพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกคงจะหวาดกลัวจนไม่กล้าโผล่หน้ามาแน่นอน
แต่อย่างไรก็ตามหากพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกไม่โผล่หน้ามา หนทางที่จะกลายเป็นยักษ์ใหญ่ที่แท้จริงใน God domain ของพวกเขาทั้งสามกิลก็จะมาถึงทางตันแน่นอน เรียกได้ว่าตอนนี้สตาร์ลิ้งนั้นบีบให้พันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกจริงๆ
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ทุกคนกำลังพูดถึงเรื่องนี้กันอยู่นั้น มันก็มีผู้เล่นมากกว่าหนึ่งโหลอีกกลุ่มหนึ่งปรากฎขึ้นบนถนน ซึ่งการปรากฎตัวของผู้เล่นกลุ่มนี้นั้น มันก็ทำให้ทุกคนประหลาดใจมากๆ
เพราะคนเหล่านี้นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากแกนหลักของพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีก โดยทั้งกลุ่มถูกนำมาโดยผู้เล่นขั้นสี่สามคน ซึ่งก็คือไฟเออร์แดนซ์ อันยีลดิ้งฮาร์ท และอิลูซะรี่เวิร์ด และนอกเหนือจากสามคนนี้แล้ว มันก็ยังมีผู้เล่นขั้นสี่อีกหนึ่งคนในกลุ่มเช่นกัน ซึ่งออร่าที่ผู้เล่นขั้นสี่คนนี้แผ่ออกมา มันก็ทำให้คนโดยรอบหลายคนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึดอัด หายใจไม่ออก
“ไม่จริงน่า !!! มีอีกคนจากสภาสิบแปดปีกที่ได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่แล้วงั้นหรอ ?!”
“คนๆนั้นดูเหมือนจะเป็นไวโอเล็ตคลาวด์นะ !! เธอดูเปลี่ยนไปจนแทบจะจำไม่ได้เลยแหะ !!!”
ทุกคนนั้นอดไม่ได้ที่จะมองไปยังผู้เล่นขั้นสี่อีกหนึ่งคน ซึ่งก็คือไวโอเล็ตคลาวด์ ที่มากับกลุ่มพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกด้วยความรู้สึกทึ่ง
เนื่องจากตอนนี้นั้นไวโอเล็ตคลาวด์สวมเสื้อตลุมที่เป็นสีของท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาว และเธอก็ได้มัดผมด้วยริบบิ้นบางอย่างที่สวยงาม พร้อมกับสวมใส่หมวกเกราะเบา ซึ่งมันทำให้ตัวเธอในตอนนี้นั้นดูเหมือนกับเทพธิดาที่ฉลาดและบริสุทธิ์มากกว่านักบวชศักสิทธิ์อย่างมาก
แถมเธอก็ยังมีเลเวลถึงหนึ่งร้อยสามสิบเอ็ด ซึ่งจัดเป็นเลเวลของผู้เล่นขั้นสี่ที่สูงที่สุดที่พวกเขาเคยเห็นเลย
ขณะเดียวกันฝั่งของสตาร์ลิ้งนั้นก็ดูเหมือนจะเดาเรื่องนี้ไว้อยู่แล้ว ดังนั้นลู่ชิงหลัวจึงได้จัดการเรียกผู้เล่นขั้นสี่ทั้งหมดของตัวเอง และจากมิราเคิลมาต้อนรับ โดยฝั่งของ
สตาร์ลิ้งและมิราเคิลนั้นมีผู้เล่นขั้นสี่รวมทั้งหมดห้าคน ซึ่งหนึ่งในก็คือสัตว์ประหลาดเก่าแก่ของมิราเคิลที่มีเลเวลหนึ่งร้อยสามสิบ และมีออร่าที่น่ากลัวไม่ได้หยิ่งผย่อนไปกว่าไวโอเล็ตคลาวด์เลย
อิลูซะรี่เวิร์ดมองไปยังลู่ชิงหลัวที่ยืนอยู่หน้าประตูสถานที่พักกิลของสตาร์ลิ้งและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ลู่ชิงหลัว พวกเรามาที่นี่แล้ว ปล่อยคนของพวกเราได้แล้ว !!!”
“ตามที่คาดไว้ พวกคุณนี่มีความกล้ากันมากจริงๆที่กล้ามาพบฉันในวันนี้ แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ….” ลู่ชิงหลัวกล่าวพลางหัวเราะอย่างเย้ยหยัน จากนั้นเขาก็กล่าวต่อว่า “หากเราปล่อยคนที่เราจับได้ไปง่ายๆ มหาอำนาจอื่นๆจะหัวเราะ และนินทาเราเอาได้ …”
“ทำไมเราไม่มาแข่งขันต่อสู้กันที่นี่สักหน่อยละ ? ถ้าฝั่งพวกคุณชนะ เอาคนของพวกคุณกลับไปได้เลย แต่ถ้าพวกคุณแพ้ พวกคุณจะต้องอยู่ที่นี่ทั้งหมด ฉันสงสัยจังว่าพันธมิตรสามกิลของพวกคุณกล้าไหม ?”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น