Reincarnation Of The Strongest Sword God 2604-2608

 ตอนที่ 2604 ร่างมานาที่ได้รับการปลดล๊อคศักยภาพทั้งหมดแล้ว


ผู้ชมนั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึง เมื่อได้เห็นการโจมตีของโซริทารี่ฟรอสต์ถูกหยุดเอาไว้


“มันไม่พังลงได้ยังไง ? นั่นเป็นเพียงสกิลป้องกันขั้นสองไม่ใช่หรอ ?”


“นี่ตอนโจมตีโซริทารี่ฟรอสต์พลาดอะไรไปรึปล่าว ?”


เหล่าผู้ชมนั้นต่างคุ้นเคยกับเวทย์กำแพงน้ำแข็งเป็นอย่างดี เพราะก่อนที่ผู้เล่นจะเริ่มมาถึงขั้นสามกัน Elementalists ได้ใช้เวทย์นี้เพื่อคอยปกป้องแท๊งเกอร์จากการโจมตีของลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่


อย่างไรก็ตามทั้งโซริทารี่ฟรอสต์ และไซเร้นวอร์นเดอร์นั้นต่างก็เป็นผู้เล่นขั้นสามอย่างแท้จริง แม้ว่าค่าสถานะพื้นฐานของพวกเขาจะเท่ากัน แต่ทั้งคู่ก็มีคุณสมบัติของผู้เล่นขั้นสาม กำแพงน้ำแข็งขั้นสองนั้นอย่างมากที่สุดก็น่าจะหยุดการโจมตีทั่วไปในขั้นสามได้เท่านั้น โดยมันไม่น่าจะหยุดการโจมตีเต็มรูปแบบของผู้เล่นขั้นสามที่ใช้เทคนิคการต่อสู้ได้


“กำแพงน้ำแข็งขั้นสองสามารถจะหยุดการโจมตีเต็มรูปแบบของเบอเซิกเกอร์ขั้นสามที่ใช้เทคนิคการต่อสู้ได้งั้นหรอ ?” เบิร์นนิ่งโอลเองก็สับสนพอๆกับคนอื่นๆ หลังจากที่ได้เห็นกำแพงน้ำแข็งของไซเร้นวอร์นเดอร์ยังคงอยู่ในสภาพเดิม


เขาได้ต่อสู้กับ Elementalists ขั้นสามมาหลายคนแล้ว แต่เมื่อพวกเขาใช้กำแพงน้ำแข็งกับเขา เวทย์นี้นั้นมันแทบจะไม่สามารถหยุดการโจมตีทั่วไปของเขาด้วยซ้ำ และเขาก็ได้ทดสอบมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งเขาก็ไม่เคยล้มเหลวในการทำลายกำแพงน้ำแข็งเลย


ในขณะเดียวกันหยานเซี่ยวเฉียนก็จ้องมองไปยังไซเร้นวอร์นเดอร์อย่างประหลาดใจ


“มานา !!” หยานเซี่ยวเฉียนร้องอุทานออกมา เมื่อเธอรู้สึกได้ถึงมานาที่หนาแน่นที่แผ่ออกมาจากไซเร้นวอร์นเดอร์ “เธอปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาทั้งหมดของตัวเองได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว !!!”


หยานเซี่ยวเฉียนไม่ใช่ผู้เล่นนักเวทย์เพียงคนเดียวที่สังเกตเห็นการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของมานารอบๆไซเร้นวอร์นเดอร์ และคำอธิบายเดียวที่พวกเขาคิดได้ก็คือ Elementalists นั้นได้ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว


“นี่เธอปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วงั้นหรอ ?”


“มหัศจรรย์มากๆ !!! แม้แต่ซุเปอร์กิลก็ยังไม่มีสมาชิกที่สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วเลย !!!”


“ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่นี่ของฉันจะไม่เสียเปล่าแล้วจริงๆ ฉันจะได้ดูผู้เชี่ยวชาญที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วต่อสู้ !!!”


ทุกคนในหมู่ผู้ชมต่างพูดคุยกันเกี่ยวกับไซเร้นวอร์นเดอร์ ตอนนี้ความคิดเห็นของพวกเขาที่มีต่อเธอนั้นได้เปลี่ยนไปทั้งหมด ตอนนี้แทนที่จะมองว่าเธอเป็นเพียงหนึ่งในสมาชิกรุ่นเยาว์ของหอการค้าอาซู พวกเขานั้นเริ่มจะมองว่าเธอเป็นตัวตนทรงพลังที่แท้จริงแล้ว


“ฮ่าๆๆ !!! ดี !!! มันวิเศษมากๆ !!! ตอนนี้เราก็มีโอกาสจะได้รับตำแหน่งหนึ่งในสามอันดับแรกแล้ว !!!” หลงหวู่ชางซึ่งนั่งอยู่ท่ามกลางผู้ชมหัวเราะอย่างสนุกสนาน ขณะที่เขามองไปยังไซเร้นวอร์นเดอร์


หลังจากที่ล้มเหลวในการจะตามตัวและติดต่อมูนซิลค์ ตระกูลหลงก็หมดความหวังที่จะคว้าตำแหน่งสามอันดับแรกไปแล้วในการแข่งขันครั้งนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พวกเขาได้รู้แล้วว่าไซเร้นวอร์นเดอร์นั้นได้ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว ซึ่งมันทำให้การที่พวกเขาจะได้รับตำแหน่งสามอันดับแรกนั้นเป็นเรื่องแน่นอนแล้ว เพราะท้ายที่สุดมันมีความแตกต่างอย่างมากสำหรับผู้เชี่ยวชาญที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว กับผู้เชี่ยวชาญที่ยังไม่สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วนั้นจะมีพลังในการต่อสู้มากกว่าผู้เชี่ยวชาญขั้นสามทั่วไปเกือบครึ่งหนึ่งเลย


ผู้เข้าร่วมทุกคนในการแข่งขันครั้งนี้ที่ไม่รวมโซริทารี่ฟรอสต์นั้น อย่างมากก็มาถึงขอบเขตอนันต์เท่านั้น แม้ว่าไซเร้นวอร์นเดอร์จะพึ่งมาถึงครึ่งก้าวก่อนขอบเขตอนันต์ แต่เธอก็จะสามารถเอาชนะผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์ได้อย่างง่ายดายด้วยข้อได้เปรียบนี้ และไม่เว้นแม้แต่หยานเซี่ยวเฉียนก็จะไม่สามารถเทียบกับเธอได้


“คุณปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วงั้นหรอ ?” ดวงตาของโซริทารี่ฟรอสต์นั้นลุกโชนด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ทันที เมื่อเขามองไปยังไซเร้นวอร์นเดอร์ที่อยู่เบื้องหลังกำแพงน้ำแข็ง “ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมคุณถึงกล้าท้าทายฉัน !! ฉันไม่เคยต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์มาก่อนดังนั้นแสดงให้ฉันเห็นหน่อยว่ามันทรงพลังมากแค่ไหน !!”


เบอเซิกเกอร์ยกดาบใหญ่ของตัวเองขึ้น ก่อนจะกระโจนขึ้นไปในอากาศ โดยเล็งเป้าไปยังพื้นที่หนึ่งที่ไซเร้นวอร์นเดอร์ไม่ได้การป้องกันจากกำแพงน้ำแข็ง


เทคนิคการต่อสู้ขั้นสูง Seven Consecutive Flashes!


ดาบใหญ่แปรเปลี่ยนเป็นลำแสงทั้งหมดเจ็ดลำแสงพุ่งเข้าครอบคลุมพื้นทั้งหมดภายในกำแพงน้ำแข็ง และไม่เปิดพื้นที่ว่างให้กับไซเร้นวอร์นเดอร์ได้หลบเลย


ในการตอบสนองไซเร้นวอร์นเดอร์ได้ใช้สกิลบลิ้งไปปรากฎตัวในระยะห่างออกไปสามสิบหลาทันทีเพื่อหลบการโจมตีของโซริทารี่ฟรอสต์ และหลังจากนั้นเธอก็โบกคทาของเธอเรียกวงเวทย์มากกว่าโหลมาล้อมรอบคู่ต่อสู้ของเธอ ก่อนที่มันจะมีหอกไฟค่อยๆออกมาจากวงเวทย์แต่ละวง ซึ่งหอกไฟแต่ละเล่มนั้นก็ทรงพลังมากเท่ากับแกรนลอร์ดในเลเวลเดียวกันเลย


มันราวกับว่าโซริทารี่ฟรอสต์คาดเดาการเคลื่อนไหวครั้งนี้ไว้อยู่แล้ว เขาได้จับดาบใหญ่ของเขาแน่นและบิดมันไปในอากาศ


สกิลขั้นสาม Berserk Dance!


โซริทารี่ฟรอสต์นั้นหมุนไปในอากาศอย่างรวดเร็ว และดาบใหญ่ของเขาก็ทิ้งส่วนโค้งสีแดงเข้มไว้รอบตัวเขาเมื่อเขาทำแบบนี้ ซึ่งมันช่วยป้องกันการโจมตีจากหอกไฟที่กำลังเข้ามาได้


“เขาใช้สกิล Berserk Dance ได้ด้วยอัตราความสำเร็จมากกว่าเก้าสิบเปอเซ็นต์ แม้จะอยู่ในตำแหน่งแบบนั้น ? นี่เขาเป็นสัตว์ประหลาดรึไงกัน ?” เบิร์นนิ่งโอลนั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึง ขณะที่จ้องมองไปยังการเคลื่อนไหวล่าสุดของโซริทารี่ฟรอสต์

แม้ว่าสกิลขั้นสามจะค่อนข้างทรงพลัง แต่การจะบรรลุความสำเร็จในอัตราการใช้สกิลให้ได้เปอเซ็นต์สูงๆนั้นมันก็เป็นเรื่องยากมาก และแม้ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์ แต่เบิร์นนิ่งโอลก็สามารถใช้งานสกิล Berserk Dance ได้ด้วยอัตราความสำเร็จราวแปดสิบห้าเปอเซ็นต์เท่านั้น ซึ่งนี่มันก็ต้องอยู่ในเงื่อนไขที่เหมาะสมด้วย แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้แม้จะเปิดใช้งานสกิลนี้กลางอากาศ แต่โซริทารี่ฟรอสต์ก็ยังมีอัตราความสำเร็จในการใช้สกิลมากกว่าเก้าสิบเปอเซ็นต์


ในขณะที่โซริทารี่ฟรอสต์กำลังจะร่อนตัวลงบนพื้นด้านล่าง หนามดินก็พุ่งขึ้นมาจากพื้นด้านล่างของเขา


“การโจมตีแบบสองทางงั้นหรอ ? มันอาจจะเป็นประโยชน์หากใช้กับผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดคนอื่น แต่ไม่ใช่กับโซริทารี่ฟรอสต์แน่นอน” แอสซาซินหญิงที่ยืนอยู่บนเวทีใกล้เคียงกล่าวอย่างเย้ยหยัน เมื่อเห็นการโจมตีล่าสุดของไซเร้นวอร์นเดอร์


ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนนั้นสามารถรับรู้ได้ถึงทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวได้ และแม้แต่การซุ่มโจมตีทั้งหมดซึ่งถูกคำณวนเวลามาอย่างสมบูรณ์แบบก็จะไม่มีประโยชน์กับผู้เชี่ยวชาญแบบนี้ เพราะทันทีที่ลงมือ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนก็จะค้นพบมันได้ทันที


เบอเซิกเกอร์นั้นยังคงมีท่าทีสงบ ก่อนที่เขาจะเหวี่ยงดาบทำลายหนามดินโดยรอบ และใช้แรงเหวี่ยงจากการทำลายหนามดินระลอกแรกนี้เพื่อหลบเลี่ยงหนามดินระลอกที่สองที่โจมตีเข้ามา


เมื่อโซริทารี่ฟรอสต์ร่อนตัวกลับลงสู่พื้นได้ เขาก็ได้ใช้สกิล Flame Charge พุ่งเข้าหาไซเร้นวอร์นเดอร์ทันที อย่างไรก็ตามแทนที่จะพุ่งไปเป็นเส้นตรงเพื่อไปหาเป้าหมายของเขา เขาได้ผสมผสานเทคนิคสเต็ปเท้าเข้าไปด้วยในระหว่างการทำแบบนี้ ซึ่งมันทำให้ร่างของเขาแยกออกเป็นหกร่าง และพุ่งเข้าหาไซเร้นวอร์นเดอร์จากทิศที่แตกต่างกันทั้งหมด


สเต็ปเท้าขั้นสูง Mirage Steps!


โดยการใช้สเต็ปเท้าของเขานั้นก็จัดว่าไร้ที่ติเลย และมันทำให้แทบจะไม่สามารถมองหาร่างจริงของเขาได้จากร่างทั้งหมด ซึ่งในเสี้ยววินาที เขาก็มาอยู่ห่างจาก Elementalist ไม่เกินสิบห้าหลา


“มันจบแล้ว !! ร่างมานาของคุณอาจช่วยเพิ่มความเร็วในการร่าย และพลังของเวทย์ขึ้นอย่างมหาศาล แต่คุณไม่สามารถรับรู้ถึงสภาพแวดล้อมรอบตัวทั้งหมดได้ !! ดังนั้นคุณจึงยังไม่สามารถจะใช้ประโยชน์จากมันได้อย่างเต็มที่ !!!” โซริทารี่ฟรอสต์คำราม ขณะที่เขาเคลื่อนที่เขาไปในระยะสิบหลาห่างจากไซเร้นวอร์นเดอร์ จากนั้นเขาก็เหวี่ยงดาบใหญ่ของเขา


สกิลต้องห้ามขั้นสาม Triple Flame Scythe!


การโจมตีเป็นจันทร์เสี้ยวทั้งสามนั้นพุ่งเข้าหาไซเร้นวอร์นเดอร์อย่างรวดเร็วด้วยพลังที่มากกว่าแกรนลอร์ดในเลเวลเดียวกัน


แต่การที่การโจมตีนี้จะโดนเข้าที่ตัวของไซเร้นวอร์นเดอร์ วงเวทย์สีแดงเข้มขนาดมหึมาก็ปรากฎขึ้นใต้เท้าของโซริทารี่ฟรอสต์กับไซเร้นวอร์นเดอร์


ซึ่งเมื่อวงเวทย์เสร็จสิ้น เสาไฟสูงตระหง่านก็ระเบิดออกมา โดยเปลวไฟไม่เพียงแต่จะกลืนกินจันทร์เสี้ยวทั้งสามไป แต่มันยังกลืนกินโซริทารี่ฟรอสต์และไซเร้นวอร์นเดอร์ด้วย


“อะไรกัน ?! การโจมตีแบบสามทางงั้นหรอ ?! จริงๆแล้วเธอซ่อนบัวแดงแห่งไฟไว้ข้างใต้งั้นหรอ ?!” หยานเซี่ยวเฉียนแทบจะไม่สามารถเชื่อสายตาตัวเองได้ ขณะที่เธอจ้องมองไปยังฉากตรงหน้าเธอ


หยานเซี่ยวเฉียนนั้นไม่คิดเลยว่าไซเร้นวอร์นเดอร์จะทำการโจมตีแบบสามทางโดยใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อเพื่อให้โซริทารี่ฟรอสต์หลงเข้ามาในบัวแดงแห่งไฟซึ่งเป็นคำสาปขั้นสาม


หลังจากนั้นสามวินาที ผลของคำสาปทั้งหมดก็หายไป และมันก็เผยให้เห็นศพที่ไหม้เกรียมของโซริทารี่ฟรอสต์บนเวที แม้ว่าไซเร้นวอร์นเดอร์จะไม่ได้รอดจากการโจมตีของตัวเธอเองมาโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เธอก็ยังมี HP เหลืออยู่หนึ่งในสามอันเนื่องมาจากการที่เธอใช้โล่ไฟไปก่อนหน้านี้


“ฉันอาจจะยังไม่สามารถบัรู้ถึงสภาพแวดล้อมรอบตัวทั้งหมดได้ แต่เมื่อพูดถึงเรื่องของพลังและเทคนิค ฉันแข็งแกร่งกว่าคุณมากๆ !!!” ไซเร้นวอร์นเดอร์กล่าวกับศพของเบอเซิกเกอร์


หลังจากนั้นเสียงระฆังก็ดังขึ้นเหนือเวทีซึ่งแสดงให้เห็นถึงสัญญาณว่าการแข่งขันได้สิ้นสุดลง ในขณะเดียวกันระบบก็ประกาศชื่อผู้ชนะซึ่งก็คือไซเร้นวอร์นเดอร์ และผลลัพธ์นี้มันก็ทำให้เหล่าผู้ชมนั้นพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ….


ตอนที่ 2605 ขอบเขตจิตวิญญาณปรากฎขึ้นอีกครั้ง


“โซริทารี่ฟรอสต์แพ้ ?”


“นี่มันเรื่องตลกใช่ไหม ? เขาเป็นคู่แข่งกับไวน์ไฟเตอร์ได้เลยนะ !!!”


“ผู้เล่นจะแข็งแกร่งขึ้นได้มากขนาดนี้เลยหรอ ถ้าปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว ?!!”


ชัยชนะของไซเร้นวอร์นเดอร์นั้นทำให้ทุกคนตกตะลึงมากจริงๆ และในบรรดาผู้มาเข้าชมนั้นมันก็มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมน กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์อยู่จำนวนหนึ่งด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้มีปัญหาในการที่จะสังเกตและทำความเข้าใจการต่อสู้ระหว่างโซริทารี่ฟรอสต์กับไซเร้นวอร์นเดอร์เลย


พวกเขามั่นใจว่าไซเร้นวอร์นเดอร์นั้นยังไม่ได้เข้าถึงขอบเขตอนันต์แน่นอน และมันก็มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างเธอกับโซริทารี่ฟรอสต์ในเรื่องนี้


แม้ว่าความเร็วในการร่าย และพลังเวทย์ของเธอนั้นจะดีขึ้นอย่างมาก ซึ่งก็ต้องขอบคุณการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของเธอ แต่โซริทารี่ฟรอสต์ก็ควรจะสามารถลดช่องว่างนี้ได้โดยอาศัยมาตราฐานการต่อสู้ที่เหนือกว่าของเขา และเมื่อพูดถึงว่าค่าสถานะพื้นฐานของทั้งสองฝ่ายเท่ากัน ในความเป็นจริง แม้จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของ Elementalist แต่โซริทารี่ฟรอสต์ก็ควรจะสามารถหลบหลีกการโจมตีทั้งหมดของเธอ และกำหนดเป้าหมายไปที่จุดอ่อนของไซเร้นวอร์นเดอร์ได้ ในช่วงครึ่งแรกของการแข่งขัน ….


อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุดโซริทารี่ฟรอสต์ก็ยังคงแพ้ ซึ่งพวกเขาควรจะคิดยังไงกับเรื่องนี้ ?


“นี่พี่สาวรอง ชนะ … แล้วงั้นหรอ ?” เบิร์นนิ่งโอลเองก็ตกตะลึงมากๆพอกับเหล่าผู้ชม


เขาคิดว่าแม้ว่าไซเร้นวอร์นเดอร์จะไม่สามารถเทียบกับโซริทารี่ฟรอสต์ได้ แต่นอกเหนือจากโซริทารี่ฟรอสต์นั้น มันก็ไม่ควรมีใครในหมู่รุ่นเยาว์ของหอการค้าอาซูที่จะเหนือกว่าพี่สาวรองของเขา และด้วยการมีเธอที่นี่ ตระกูลหลงก็จะสามารถรักษาสิทในการปกครองหอการค้าอาซูไว้ได้แน่นอน เขาคิดอย่างนั้น ….


เขาไม่ได้คาดหวังเลยว่าไซเร้นวอร์นเดอร์จะทรงพลังขนาดที่สามารถเอนะโซริทารี่

ฟรอสต์ได้จริงๆ ….


ซึ่งเมื่อเป็นแบบนี้นั้นตระกูลผู้ถือหุ้นหลักอื่นๆของหอการค้าอาซูก็จะหมดข้ออ้างในการคุกคามตำแหน่งของตระกูลหลงแล้ว และแม้แต่บริษัทซีอุสก็จะไม่สามารถกดดันตระกูลหลงได้มากเช่นเดิมด้วย


“ยอดเยี่ยม !! ทำได้ดีมากๆ !!” หลงหวู่ชางนั้นรู้สึกดีใจมากจริงๆที่เห็นไซเร้นวอร์น

เดอร์สามารถเอาชนะโซริทารี่ฟรอสต์ได้ และเขาก็ไม่คิดเลยจริงๆว่าไซเร้นวอร์นเดอร์จะสามารถใช้กลยุทธ์ที่ซับซ้อนอย่างการโจมตีสามทางกับผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ได้สำเร็จ เพราะแม้แต่หลงเซี่ยงหลง พี่คนที่สามของเขาก็ยังไม่น่าจะทำแบบนี้ได้เลย


เดิมทีหลงหวู่ชางนั้นคาดเดาว่าไซเร้นวอร์นเดอร์จะแพ้การแข่งขันนี้ เขาไม่เคยคาดหวังเลยว่าเขาจะได้รับความประหลาดใจที่น่ายินดีแบบนี้ และด้วยชัยชนะครั้งนี้ของไซเร้นวอร์นเดอร์ มันก็ทำให้เธอกลายเป็นสมาชิกรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดของหอการค้าอาซู !!!


แม้ว่าตระกูลหลงจะสูญเสียการสนับสนุนจากบริษัทซีอุสไป แต่ความสำเร็จนี้ก็จะทำให้แน่ใจได้เลยว่าตระกูลจะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับตำแหน่งของตัวเองในหอการค้าอาซู และพูดกันตรงๆตอนนี้ฐานะของตระกูลแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ !!!


“เธอสามารถที่จะระบุสภาพแวดล้อมและพฤติกรรมของคู่ต่อสู้ได้ยังไงกัน ?!” หยานเซี่ยวเฉียนพึมพำพลางจ้องมองไปยังไซเร้นวอร์นเดอร์


ในฐานะผู้เล่นนักเวทย์ หยานเซี่ยวเฉียนนั้นรู้ดีว่าไซเร้นวอร์นเดอร์ไม่ได้อาศัยโชคในการเอาชนะการแข่งขัน เธอนั้นวางแผนทุกอย่างไว้ก่อนที่การแข่งขันจะเริ่มแล้ว แม้ว่าโดยทั่วไปผู้เล่นนักเวทย์จะสามารถทำนายทิศทางการโจมตีของศัตรูในการต่อสู้ไว้ได้ล่วงหน้า แต่เธอก็ไม่เคยเห็นใครประเมินคู่ต่อสู้ได้ทะลุปรุโปร่งขนาดนี้ และการเคลื่อนไหวครั้งสุดท้ายของไซเร้นวอร์นเดอร์นั้นมันก็เปิดหูเปิดตาให้กับเธออย่างแท้จริง มันชัดเจนเลยว่าไซเร้นวอร์นเดอร์ได้คำณวนทุกอย่างไว้แล้ว รวมทั้งค่าความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อตัวเธอเองและศัตรูด้วย นี่มันเหมือนกับว่าการต่อสู้นี้อยู่ในกำมือของเธอตั้งแต่แรกแล้วเลย ….


สำหรับหยายเซี่ยวเฉียนในตอนนี้นั้น ไซเร้นวอร์นเดอร์ดูเหมือนกับเป็นคนละคนเลย คู่แข่งของเธอไม่ได้แสดงความสามารถแบบนี้มาแม้แต่นิดเดียวในระหว่างการแข่งขันเล่นแร่แปรธาตุ


ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้นั้น ซินฟูลเฟรมก็จ้องมองไปยังไซเร้นวอร์นเดอร์ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น


“มีอะไรผิดปกติงั้นหรอ ผู้อาวุโสเฟรม ?” ผู้อาวุโสของกิลซึ่งอยู่ในขั้นสาม และทำหน้าที่เป็นรองผู้ตัดสินในการแข่งขันครั้งนี้ถาม เมื่อเขาเห็นความตื่นเต้นของซินฟูลเฟรม


ซินฟูลเฟรมนั้นดูเบื่อหน่ายมากๆในตอนที่เขาได้รับคำสั่งให้เป็นผู้จัดการแข่งขันครั้งนี้ และเขาก็บ่นออกมาด้วยซ้ำว่านี่มันเป็นความรับผิดชอบที่น่ารำคาญมากๆ แต่ตอนนี้เขากับดูตื่นเต้นสนใจรุ่นเยาว์อย่างไซเร้นวอร์นเดอร์มากๆ นี่มันไม่น่าเชื่อเลย


ซินฟูลเฟรมนั้นไม่ได้สะทกสะท้านอะไรด้วยซ้ำ เมื่อได้รู้ว่าโซริทารี่ฟรอสต์มาถึงขอบเขตโดเมนแล้ว ในทางกลับกัน ไซเร้นวอร์นเดอร์นั้นยังไปไม่ถึงจุดนั้นด้วยซ้ำ แม้ว่าเธอจะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว แต่เธอก็ไม่ควรจะมีความน่าประทับใจมากพอที่จะดึงดูดความสนใจของซินฟูลเฟรมได้


แม้ว่าการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานานั้นจะเป็นความพยายามที่ยากลำบากสำหรับผู้เชี่ยวชาญขั้นสามทั่วไป แต่มันก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นสำหรับผู้เชี่ยวชาญแบบซินฟูลเฟรมที่จะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้ครบหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ จริงๆแล้วซินฟูลเฟรมก็เกือบจะทำสำเร็จแล้วด้วยซ้ำ เขาน่าจะต้องการเวลาอีกไม่เกินสองสัปดาห์เท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่ควรจะประทับใจในเรื่องนี้ของไซเร้นวอร์นเดอร์


“ขอบเขตจิตวิญญาณ !!! เธอมาถึงขอบเขตจิตวิญญาณแล้ว !!! และเธอก็ก้าวหน้าไปมากๆ !!!” ซินฟูลเฟรมประกาศ “ดูเหมือนว่าเหล่ารุ่นเยาว์จะเต็มไปด้วยอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมจริงๆ !!!”


“ขอบเขตจิตวิญญาณ ?” ผู้อาวุโสขั้นสามนั้นรู้สึกสับสน เขาไม่รู้ว่าซินฟูลเฟรมพูดถึงเรื่องอะไร อย่างไรก็ตามก่อนที่ผู้อาวุโสผู้นี้จะทันได้ถาม ซินฟูลเฟรมก็กระโดดขึ้นไปบนเวทีและเดินเข้าหาไซเร้นวอร์นเดอร์แล้ว


“การแข่งขันจบลงไปแล้วไม่ใช่หรอ ? ผู้อาวุโสเฟรมกำลังพยายามจะทำอะไร ?”

“การแข่งขันมีปัญหาอะไรรึปล่าว ?”


ผู้ชมนั้นเต็มไปด้วยความสับสนมากขึ้น เมื่อได้เห็นซินฟูลเฟรมขึ้นมาบนเวที โดยปกติระบบจะตัดสินผลการแข่งขัน และการตัดสินของมันก็แม่นยำกว่าผู้เล่นมาก หากทั้งสองฝ่ายตายลงแทบจะพร้อมกัน ระบบก็จะคำณวนว่าใครตายทีหลังโดยคิดไปยันเวลาเป็นมิลลิวินาทีด้วยซ้ำ ซึ่งมันไม่มีผู้เล่นคนใดจะสามารถทำแบบเดียวกันได้เลย


นี่คือเหตุผลที่ผู้เล่นใช้ระบบหลักของ God domain ในการตัดสินการแข่งขันทั้งหมดใน God domain ยกเว้นกรณีพิเศษ


อย่างไรก็ตามผลการแข่งขันของโซริทารี่ฟรอสต์และไซเร้นวอร์นเดอร์นั้นก็ชัดเจน และมันก็ไม่มีโอกาสจะโกงได้ เนื่องจากผู้เล่นไม่ได้รับอนุญาติให้ใช้สกิลเบอเซิกร์หรือเครื่องมือบนเวที แถมผู้เล่นก็ไม่ได้รับอนุญาติให้ใช้สกิลหรือเวทย์เพิ่มเติมจากพวกอาวุธหรืออุปกรณ์ของพวกเขาด้วย ดังนั้นมันจึงไม่ควรมีข้อโต้แย้งใดๆเกี่ยวกับผลลัพธ์นี้


อย่างไรก็ตามเหล่าผู้ชมเองก็อดไม่ได้ที่จะแอบกังขาเช่นกัน เพราะบางทีคนอย่างซินฟูลเฟรมอาจจะเห็นอะไรมากกว่าที่พวกเขาเห็นก็ได้


“ซินฟูลเฟรมไม่ได้ตั้งใจจะปฎิเสธผลการแข่งขันใช่ไหม ?” สถานการณ์นี้เริ่มทำให้หลงหวู่ชางหงุดหงิด “นี่เรากำลังพูดถึงการตัดสินจากระบบนะ !!!”


การแสดงของไซเร้นวอร์นเดอร์นั้นมันเกี่ยวข้องกับแง่มุมที่น่าประหลาดใจมากมาย หากซินฟูลเฟรมได้เห็นความผิดปกติบางอย่าง การเฉลิมฉลองของเขาก็คงต้องจบลงเร็วกว่าเวลาอันสมควร


“เธอโกงจริงๆงั้นหรอ ?”


ในทางตรงกันข้าม ต้วนฮันซานนั้นรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นซินฟูลเฟรมเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ เขาเคยคิดว่าความหวังของเขาที่จะได้ทำลายตระกูลหลงนั้นสูญสิ้นไปแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่เป็นเช่นนั้น


ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันด้วยเสียงกระซิบแผ่วเบา ซินฟูลเฟรมก็หันหนีไปจากไซเร้นวอร์นเดอร์ และพูดกับผู้ชม


“ทุกคนได้เห็นผลการแข่งขันด้วยตาของตัวเองแล้ว ดังนั้นฉันก็เชื่อว่าทุกคนคงจะรู้ดีว่าโซริทารี่ฟรอสต์นั้นทรงพลังมากขนาดไหน และก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนเพียงคนเดียวในการแข่งขันครั้งนี้” ซินฟูลเฟรมกล่าว “แต่ตอนนี้ไซเร้นวอร์นเดอร์ได้เอาชนะเขาได้แล้ว ดังนั้นฉันก็มั่นใจว่าทุกคนจะตระหนักดีว่าใครคือที่หนึ่ง ดังนั้นฉันจึงมีข้อเสนอแนะ แทนที่จะมามัวเสียเวลาไปกับการแข่งขันรอบคัดเลือกที่เหลือ ทำไมเราไม่ทำอะไรๆให้มันมีความหมายกว่านี้ ?”


“ก็จริง มันไม่สมเหตุสมผลแล้วที่จะดำเนินการแข่งขันรอบคัดเลือกต่อไป …”


“เข้าสู่อีเว้นท์หลักเลยก็ไม่ใช่ความคิดที่แย่นะ …”


“แม้ว่าจะน่าเสียดายเล็กน้อยเพราะการแข่งรอบคัดเลือกมันจบเร็วไป แต่มันก็ควรจะสิ้นสุดลงแล้วจริงๆนั่นแหละ …” ผู้เล่นหลายคนที่เป็นผู้ชมพยักหน้าเห็นด้วยกับข้อเสนอของซินฟูลเฟรม


เนื่องจากไซเร้นวอร์นเดอร์ได้พิสูจน์ตัวเองว่าแข็งแกร่งกว่าโซริทารี่ฟรอสต์แล้ว ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้ว แปดอันดับแรกมันจึงได้รับการตัดสินไปแล้ว


ดังนั้นการจะทำการแข่งขันในรอบคัดเลือกต่อไป มันจึงดูจะไร้จุดหมายมากๆ การได้ดูการแข่งขันของผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดต่อสู้กันจึงจะน่าสนใจกว่ามาก


“เนื่องจากไซเร้นวอร์นเดอร์เป็นผู้ชนะได้อันดับหนึ่งอย่างไม่มีปัญหาในการแข่งขันครั้งนี้ ดังนั้นก็ตามกฎของการแข่งขันฉันจะต่อสู้กับเธอหลังจากนี้ ผู้ชมจะมีปัญหาอะไรกับเรื่องนี้ไหม ?” ซินฟูลเฟรมถามผู้ชม เมื่อเห็นว่าผู้ชมเห็นด้วยกับคำแนะนำแรกของเขา


ตอนที่ 2606 มันมีคนอีกมากมายที่แข็งแกร่งกว่าฉัน


คำถามของซินฟูลเฟรมนั้นได้ทำให้เหล่าผู้ชมเต็มไปด้วยความตกตะลึง


“อะไรกัน ? นี่ซินฟูลเฟรมกระตือรือร้นที่จะต่อสู้กับไซเร้นวอร์นเดอร์มากขนาดนี้เลยงั้นหรอ ?”


“เขาดูไม่ค่อยสนใจอะไรเลยด้วยซ้ำ ในตอนที่คิดว่าตัวเขาเองจะได้สู้กับโซริทารี่ฟรอสต์ แต่ตอนนี้มันดูเหมือนกับว่าเขาตั้งตารอคอยที่จะได้ต่อสู้กับไซเร้นวอร์นเดอร์มากๆ ….. นี่เธอต้องแข็งแกร่งแค่ไหนกันถึงได้รับปฎิกิริยาเช่นนี้จากเขา ?”


“ซินฟูลเฟรมตั้งใจที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับร่างมานาของเขาด้วยการต่อสู้กับไซเร้นวอร์นเดอร์งั้นหรอ ?”


ข้อเสนอแนะของชายคนนี้นั้นทำให้ทุกคนประหลาดใจ แม้ว่าพลังการต่อสู้ของไซเร้นวอร์นเดอร์จะน่าประหลาดใจ แต่มาตราฐานการต่อสู้ของเธอนั้นก็ยังอ่อนแอกว่าโซริทารี่ฟรอสต์อย่างมาก นี่ไม่ต้องพูดถึงซินฟูลเฟรมเลย ข้อได้เปรียบเพียงอย่างเดียวของเธอนั้นคือเธอมีร่างมานาที่ได้รับการปลดล๊อคศักยภาพแล้วหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์


โดยข้อได้เปรียบนี้ของเธอก็เป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ทุกคนคิดว่ามันทำให้ซินฟูลเฟรมมีปฎิกิริยาแบบนี้


แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่ามีผู้เชี่ยวชาญกี่คนของมหาอำนาจต่างๆที่สามารถปลดล๊อคศักยภาพของร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว ถ้ามหาอำนาจต่างๆมีน่ะนะ …. เพราะผู้เชี่ยวชาญขั้นสามส่วนใหญ่ของมหาอำนาจต่างๆนั้นยังไม่ได้เริ่มปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองด้วยซ้ำ แน่นอนว่าคนๆหนึ่งก็อาจจะมีความก้าวหน้าขึ้นมาบ้าง หากได้ต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญที่สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว


“นี่ซินฟูลเฟรมกำลังคิดอะไรอยู่กัน ?! เขาถึงกับท้าทายรุ่นเยาว์ด้วยตัวเองเลยงั้นหรอ ?!” ต้วนฮันซานทำได้แค่มองไปยังการกระทำของซินฟูลเฟรมด้วยความโกรธและไม่พอใจเท่านั้น


ชัยชนะของไซเร้นวอร์นเดอร์เหนือโซริทารี่ฟรอสต์นั้น ได้ช่วยเพิ่มพูนชื่อเสียงให้กับตระกูลหลงอย่างมากแล้ว และผลลัพธ์ที่ได้ในทางปฎิบัติก็คือมันจะทำให้ตระกูลหลงยังคงสามารถรักษาสิทในการปกครองหอการค้าอาซูได้ในระยะยาว และด้วยการที่ซินฟูลเฟรมออกปากเชิงท้าทายไซเร้นวอร์นเดอร์ด้วยตัวเองแบบนี้ มันก็จะยิ่งเพิ่มชื่อเสียงของตระกูลหลงขึ้นไปอีก ซึ่งสิ่งจะผลักดันให้เหล่าผู้อาวุโส และผู้อาวุโสสูงสุดของหอการค้าอาซูที่ยังคงเป็นกลางอยู่หันไปเข้าข้างตระกูลหลงแน่นอน


ในขณะเดียวกัน เมื่อได้เห็นฉากนี้ หยานเซี่ยวเฉียนก็จ้องมองมาจากเวทีใกล้ๆด้วยความตกตะลึงเช่นกัน


“สิ่งต่างๆกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง ?”


เมื่อพูดถึงมาตราฐานการต่อสู้ หยานเซี่ยวเฉียนนั้นมีความสามารถมากกว่าไซเร้นวอร์นเดอร์เสมอ และหลังจากได้ฝึกกับไวโอเล็ตซอร์ด เธอก็มั่นใจว่าเธอเติบโตขึ้นมาก และเหนือกว่าไซเร้นวอร์นเดอร์ไปไกลแล้ว


อย่างไรก็ตามปรากฎว่าเธอประเมินความสามารถของตัวเองสูงเกินไปมาก ไม่เพียงแต่ไซเร้นวอร์นเดอร์จะแข็งแกร่งกว่าเธอมากเท่านั้น แต่หนึ่งในตัวตนระดับตำนานของหอการค้าอาซูยังทำการท้าทาย Elementalist ด้วยตัวเองเลย ….


“นี่มันไม่ได้การแล้ว !!! ฉันจะต้องหยุดเขา !!! ไม่งั้นตระกูลหลงจะเป็นสิ่งที่ไม่มีใครหยุดได้แน่นอนในหอการค้าอาซู !!!” ต้วนฮันซานรีบติดต่อไปบอกรองผู้ตัดสินให้เข้าขัดขวางทันที


ซึ่งในขณะที่รองผู้ตัดสินที่ทำงานภายใต้ตระกูลต้วนกำลังจะเข้ามายุ่งเรื่องนี้ เหล่าผู้ชมก็ส่งเสียงโห่ร้องออกมา


“ฉันสนับสนุนคุณเต็มที่ซินฟูลเฟรม !!! ไม่ต้องเสียเวลาและเริ่มได้เลย !!!”


“การจะได้เห็นผู้เชี่ยวชาญที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ต่อสู้กับซินฟูลเฟรมนั้นมันจะยอดเยี่ยมมากแน่นอน !!! และมันน่าสนใจยิ่งกว่าการได้ดูโซริทารี่ฟรอสต์ต่อสู้กับซินฟูลเฟรมซะอีก !!”


“นี่คือสิ่งที่เหนือกว่าคำว่า “สุดยอด” ด้วยซ้ำ การต่อสู้ครั้งนี้จะถูกบันทึกลงไปในประวัติศาสตร์ของ God domain ในฐานะการต่อสู้แบบคลาสสิกแน่นอน เพราะเราจะได้เห็นพวกเขาต่อสู้กันด้วยเทคนิคและมาตราฐานการต่อสู้เพียวๆเลย !!!”


หลังจากที่เหล่าผู้ชมตกตะลึงกับข้อเสนอของซินฟูลเฟรมไปชั่วขณะ สมาชิกของมหาอำนาจต่างๆหลายกลุ่มที่มาเข้าชมการแข่งขันครั้งนี้ต่างก็ส่งเสียงสนับสนุนการตัดสินใจของเขาอย่างแรงกล้า และหลายคนนั้นถึงกับตะโกนเรียกร้องให้ซินฟูลเฟรมเริ่มการแข่งขันกับไซเร้นวอร์นเดอร์ทันที


“ดี !! ในเมื่อผู้ชมเห็นชอบแล้วแบบนี้ ผู้อาวุโสของเราหลายๆคนจะว่ายังไงล่ะ ?” ซินฟูลเฟรมถามโดยหันไปมองเหล่าผู้อาวุโส และผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลต่างๆที่เป็นผู้ถือหุ้น ซึ่งหลายคนนั้นพยายามจะหยุดเขา


เมื่อได้ยินคำถามของซินฟูลเฟรม เหล่าผู้ชมต่างก็จ้องมองไปยังพวกผู้อาวุโสและผู้อาวุโสสูงสุดของหอการค้าอาซูอย่างไม่วางตา ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขาต้องเงียบลง แม้จะไม่เต็มใจก็ตาม เพราะถ้าพวกเขากล้าปฎิเสธซินฟูลเฟรม พวกเขาก็จะต้องตอบคำถามกับทุกคนที่เฝ้าดูอยู่


“แม่งเอ้ย !!! ซินฟูลเฟรมบ้าไปแล้ว !!!” ต้วนฮันซานนั้นหน้าซีดเมื่อได้ยินคำถามที่ไม่ไยดีของซินฟูลเฟรม


“ลืมมันไปเถอะ ปล่อยให้พวกเขาต่อสู้กัน …” ชายชราผมขาวในชุดเสื้อคลุมสีดำกล่าวขณะที่เดินเข้ามาหาต้วนฮันซาน “นี่มันอาจไม่ใช่เรื่องเลวร้ายไปซะทั้งหมด เราคงต้องเดิมพันแล้ว ซินฟูลเฟรมอาจจะยกฐานะของเด็กหญิงนั่นได้ แต่อย่างไรก็ตามมันก็จะมีข้อแตกต่างอยู่ดีถ้าเขาฆ่าเธอได้ในทันที เพราะมันจะทำให้ชื่อเสียงที่ตระกูลหลงพึ่งได้รับมาถูกลืมไปแน่นอน”


เมื่อคิดว่าคำพูดของชายชราผมขาวผู้นี้นั้นถูกต้อง เหล่าผู้อาวุโสหลายคนจึงหยุดความพยายามในการจะคัดค้านทันที


“เนื่องจากผู้อาวุโสเฟรมกล่าวเองแบบนี้ และผู้ชมก็ต้องการด้วย ดังนั้นฉันก็จะทำให้ทุกเรื่องมันง่าย” ต้วนฮันซานกล่าวหลังจากสงสติอารมณ์ได้ จากนั้นเขาก็จ้องมองไปยังซินฟูลเฟรมและพูดว่า “อย่างไรก็ตาม ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ต้องพูดคุยกับไซเร้นวอร์น

เดอร์ก่อน เธอพึ่งจะแข่งขันจบมาไม่นาน และฉันกลัวว่าการต่อสู้กับคนระดับผู้อาวุโสเฟรมทันที มันจะทำให้เธอ ….”


ซินฟูลเฟรมพยักหน้าตอบรับ เป้าหมายของเขานั้นง่ายมาก เขาต้องการจะต่อสู้กับไซเร้นวอร์นเดอร์ บางสิ่งนั้นจะสามารถได้รับผ่านทางประสบการณ์โดยตรงเท่านั้น และเขาก็ต้องการจะเผชิญหน้ากับเด็กหญิงคนนี้ในตอนที่เธออยู่ในจุดสูงสุด

อย่างไรก็ตามก่อนที่ซินฟูลเฟรมจะทันได้พูดขึ้น เสียงที่คมชัดก็ดังขึ้นขัดจังหวะของเขา


“ฉันไม่เป็นไร ฉันไม่มีปัญหาที่จะต่อสู้กับผู้อาวุโสเฟรมทันทีเพื่อทดสอบขอบเขตการพัฒนาของฉัน …” ไซเร้นวอร์นเดอร์กล่าว


หลงหวู่ชางที่เฝ้ามองจากที่นั่งของผู้ชมนั้นเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ เมื่อได้ยินคำพูดของไซเร้นวอร์นเดอร์


“ทำไมเธอทำแบบนั้นกัน ?! ต้วนฮันซานนั้นกำลังยั่วยุให้เธอไปตกหลุมพรางอย่างเห็นได้ชัด !!!” หลงหวู่ชางกล่างอย่างวิตกกังวล “ไม่ได้การแล้ว !!! ฉันจะต้องเตือนเธอ !!!”


เธอควรจะไปฟื้นฟูค่าสตามิน่าและค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของตัวเองให้กลับคืนสู่จุดสูงสุดซะก่อน เพราะท้ายที่สุดแล้วในการต่อสู้กันระหว่างผู้เชี่ยวชาญระดับนี้นั้นทั้งสองอย่างเป็นสิ่งจำเป็นมากๆ และมันจะถูกผลาญไปในเวลาอันรวดเร็วมากๆ ซึ่งถ้าเธอไม่ทำแบบนั้น มันก็มีสิทสูงมากที่เธอจะพ่ายแพ้ให้กับซินฟูลเฟรมในเวลาอันรวดเร็ว


ซึ่งหากสิ่งนั้นเกิดขึ้น ชื่อเสียงที่ไซเร้นวอร์นเดอร์พึ่งจะสร้างขึ้นมาให้ตระกูลจากชัยชนะครั้งล่าสุดของเธอนั้นก็จะหายไปทันที


อย่างไรก็ตามหลงหวู่ชางนั้นก็ไม่สามารถจะติดต่อไซเร้นวอร์นเดอร์ได้ทัน ก่อนที่ซินฟูลเฟรมจะเอ่ยปากพูดบางอย่างขึ้น


“แม้ว่าช่วงเวลาที่คุณใช้ในการต่อสู้กับโซริทารี่ฟรอสต์จะสั้น แต่คุณก็ใช้ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจไปมากพอสมควร ฉันจึงจะขอบอกว่า ฉันอยากจะต่อสู้กับคุณตอนที่คุณอยู่ในจุดสูงสุด ฉันไม่ต้องการต่อสู้เพียงเพื่อชัยชนะ และฉันจะไม่ต่อสู้กับคุณในสภาพแบบนี้ คุณควรไปใช้เวลาพักผ่อนให้เพียงพอก่อน …” ซินฟูลเฟรมกล่าวอย่างใจเย็น


“โปรดมั่นใจได้เลยผู้อาวุโสเฟรม จริงๆแล้วในตอนที่ต่อสู้กับโซริทารี่ฟรอสต์นั้น ฉันก็ไม่ได้ใช้ความพยายามมากนักเลย ดังนั้นฉันจึงไม่ต้องการจะพักผ่อน” ไซเร้นวอร์น

เดอร์ตอบอย่างชัดเจน


ในขณะเดียวกันโซริทารี่ฟรอสต์ที่พึ่งจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาที่ด้านล่างของเวทีนั้นก็แทบจะเป็นลมด้วยความโกรธ เมื่อได้ยินคำพูดของไซเร้นวอร์นเดอร์


ช่างหยิ่งผยองอย่างแท้จริง !!!


ไซเร้นวอร์นเดอร์นั้นอวดดีเกินไปแล้ว !!!


แม้แต่ผู้ชมที่เฝ้าชมอยู่ก็ยังไม่ค่อยพอใจกับความคิดของไซเร้นวอร์นเดอร์เท่าไหร่นัก แม้ว่าการต่อสู้ของเธอกับโซริทารี่ฟรอสต์จะใช้เวลาไม่นาน แต่มันก็จัดเป็นการต่อสู้ที่เร้าใจ อย่างไรก็ตามตอนนี้เธอกับมาบอกว่าเธอไม่ได้ใช้ความพยายามมากนักเลยในการเอาชนะโซริทารี่ฟรอสต์


“แม้ว่ามันจะเป็นการดีที่มั่นใจ แต่วอร์นเดอร์ ฉันไม่อยากได้ยินคำแก้ตัวใดๆนะ หากคุณพ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว …” ต้วนฮันซานกล่าวเตือนเธอเบาๆ


“คุณกังวลมากเกินไปแล้วผู้อาวุโสฮันซาน แพ้ก็คือแพ้นั่นแหละ ฉันจะไม่พูดแก้ตัวใดๆ นอกจากนี้ฉันเองก็ยังไม่ได้รับการฝึกที่มากพอด้วยซ้ำ มันมีหลายคนในกิลที่แข็งแกร่งกว่าฉัน แม้ว่าเราจะอายุเท่ากันก็ตาม ดังนั้นความพ่ายแพ้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสำหรับฉัน” ไซเร้นวอร์นเดอร์กล่าว


เมื่อได้ยินคำพูดของเธอทั้งสนามประลองก็เงียบลงไปทันที ….


“ไซเร้นวอร์นเดอร์นั้นก็จัดว่าแข็งแกร่งมากแล้ว แต่เธอกับบอกว่าสภาสิบแปดปีกยังมีสมาชิกอายุเท่ากันจำนวนหนึ่งที่แข็งแกร่งกว่าเธออีกงั้นหรอ ?!”


“โม้ !!! เธอต้องโม้แน่นอน !!! แม้แต่ในซุเปอร์กิลต่างๆก็ยังมีผู้เล่นจำนวนไม่มากนักเลยที่จะแข็งแกร่งเท่ากับโซริทารี่ฟรอสต์ ไม่ต้องพูดถึงไซเร้นวอร์นเดอร์ที่แข็งแกร่งกว่าเลย !!!”


“ใช่แล้ว !!! สภาสิบแปดปีกอาจมีชื่อเสียงอย่างมากในทวีปด้านตะวันออก แต่กิลก็ไม่น่าจะเลี้ยงดูผู้เชี่ยวชาญได้ดีเท่ากับซุเปอร์กิล !!!”


เหล่าตระกูลผู้ถือหุ้นหลักของหอการค้าอาซูต่างปฎิเสธที่จะเชื่อคำพูดของไซเร้นวอร์นเดอร์ และหลายคนก็ล้วนมองไปยังเธออย่างดูถูก


“เนื่องจากเป็นกรณีแบบนี้ ฉันจึงมีข้อเสนอแนะ ในเมื่อค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของไซเร้นวอร์นเดอร์ยังไม่ได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่ ดังนั้นทำไมเราไม่ส่งหนึ่งในรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์ของสภาสิบแปดปีกมาแทนล่ะ ? ฉันแน่ใจว่าผู้อาวุโสเฟรมจะยังคงได้รับประโยชน์ และก็ไม่ใช่ว่าไซเร้นวอร์นเดอร์บอกกับปากของเธอเองหรอว่ากิลของเธอมีรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งกว่าเธออีกจำนวนหนึ่ง ?” ต้วนฮันซานกล่าวแนะนำอย่างเย้ยหยัน ขณะที่มองไปยังไซเร้นวอร์นเดอร์


ตอนที่ 2607 รุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์ของสภาสิบแปดปีก


เมื่อต้วนฮันซานพูดจบ ทั้งสนามประลองก็เงียบลงอีกครั้ง มันไม่มีใครคิดฝันมาก่อนเลยว่าเขาจะแนะนำอะไรแบบนี้


“ร้ายกาจมาก !! ช่างร้ายกาจจริงๆ !!! ตอนนี้มันก็จะยากแล้วที่ไซเร้นวอร์นเดอร์จะถอยหลังกลับในตอนนี้ !!!”


“มันเป็นความผิดของเธอเองที่โม้มากเกินไป เธอไม่น่าไปให้โอกาสคนอย่างต้วนฮันซานเลยจริงๆ …”


“ฉันสงสัยจังว่าเธอจะยังคงยึดติดในสิ่งที่เธอพูดไหม ? แต่ที่แน่ๆตอนนี้สภาสิบแปดปีกคงตื่นตระหนกน่าดู …”


เหล่าตระกูลผู้ถือหุ้นหลักของหอการค้าอาซูล้วนมองไปยังไซเร้นวอร์นเดอร์ด้วยอารมณ์ที่แตกต่างกันออกไป


พวกเขานั้นยอมรับว่าไซเร้นวอร์นเดอร์แข็งแกร่งมากจริงๆ แต่การโม้มากเกินไปมันก็เป็นสิ่งที่น่ารำคาญ สำหรับเหล่าสมาชิกรุ่นเยาว์ของหอการค้าอาซูนั้นพวกเขาก็ล้วนเต็มไปด้วยความโกรธและไม่พอใจมากเช่นกัน เพราะท้ายที่สุดแล้วคำพูดของไซเร้นวอร์นเดอร์นั้นมันไม่ต่างจากการดูถูกพวกเขาเลย และตอนนี้พวกเขาก็ต้องการจะให้เธอได้รับผลของการโม้โอ้อวดมากเกินไปแบบนี้


ในขณะเดียวกันความตื่นเต้นก็เข้าปกคลุมไปทั่วในหมู่ผู้ชม พวกเขาแทบจะรอไม่ไหวแล้วที่จะได้ดูว่าไซเร้นวอร์นเดอร์นั้นจะพาตัวเองออกไปจากสถานการณ์นี้ได้อย่างไร


“นี่มันน่าสนใจจริงๆ สภาสิบแปดปีกคือกิลที่เดินทางมาถึงด้วยเรือเหาะใช่ไหม ? ฉันสงสัยจังว่าสภาสิบแปดปีกจะแข็งแกร่งอย่างที่ไซเร้นวอร์นเดอร์กล่าวอ้างไหม ? ซึ่งถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่ไซเร้นวอร์นเดอร์กล่าว การแข่งขันที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้น มันก็จะน่าสนใจมากทีเดียว !!!”


“ฉันคิดว่ามันก็เป็นแค่การโม้โอ้อวดเท่านั้นแหละ และเดี๋ยวไซเร้นวอร์นเดอร์ก็คงจะงอแงและกลับคำพูดของเธอ …”


“ฉันสงสัยจังว่าเราจะได้เห็นการแข่งขันระหว่างซินฟูลเฟรมกับสภาสิบแปดปีกไหม ? ซินฟูลเฟรมนั้นเป็นตัวตนระดับตำนานในหอการค้าอาซู และความจริงที่ว่าเขาเต็มใจจะเผชิญหน้าพร้อมทั้งท้าทายรุ่นเยาว์ที่กำลังมาแรงในหอการค้าอาซูมันก็จัดว่าน่าทึ่งมากแล้ว อย่างไรก็ตามสำหรับคนนอกมันก็เป็นเรื่องที่แตกต่างออกไป ฉันหวังว่าเขาคงจะไม่ปฎิเสธใดๆนะ …”


ตอนนี้ความอยากรู้อยากเห็นของผู้ชมนั้นล้วนเพิ่มขึ้นจนทะลุขีดสุดไปแล้ว ในขณะที่พวกเขามองไปยังซินฟูลเฟรม


ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าซินฟูลเฟรมจะปฎิเสธ เขาก็หันไปหาไซเร้นวอร์นเดอร์ และถามอย่างจริงจังว่า “นี่คุณกำลังพูดความจริงใช่ไหม ?”


เหล่าผู้ชมนั้นหันไปจ้องมองไซเร้นวอร์นเดอร์ นี่มันเป็นโอกาสเดียวของเธอแล้วที่จะถอนคำพูด หากเธออ้างว่ามันเป็นเพียงเรื่องตลก เธอก็จะสามารถหลีกหนีความลำบากใจไปได้เล็กน้อย แต่ถ้าเธอยังคงยืนกราน ทุกอย่างที่เธอทำมาอาจจะพังทลายลงไปจนไม่เหลือเลยก็ได้


“อืม มันเป็นเรื่องจริง หากผู้อาวุโสเฟรมไม่รังเกียจ คุณก็สามารถลองที่จะท้าทายหนึ่งในนั้นได้ …” ไซเร้นวอร์นเดอร์กล่าวพลางพยักหน้า


ทุกคนนั้นอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวออกมา เมื่อได้ยินคำพูดของไซเร้นวอร์นเดอร์ ซินฟูลเฟรมได้ให้โอกาสเธอที่จะช่วยเหลือตัวเองแล้ว แต่เธอก็ยังคงเลือกจะยึดติดกับคำพูดของตัวเองเพื่อยกระดับชื่อเสียงของสภาสิบแปดปีก


“ฮ่าๆๆ !!! เซี่ยวเฉียน ไซเร้นวอร์นเดอรนั้นต้องบ้าไปแล้วจริงๆ !!! นี่เธอคิดว่าสภาสิบแปดปีกเป็นพระเจ้ารึไง ? เธอคิดว่าแค่รุ่นเยาว์ที่มีความสามารถพิเศษเพียงแค่เล็กน้อยก็จะสามารถต่อสู้กับผู้อาวุโสเฟรมได้รึไง ?” แอสซาซินหญิงขั้นสามกล่าวพลางหัวเราะ


อย่างไรก็ตามหยานเซี่ยวเฉียนซึ่งยืนอยู่ในเวทีใกล้ๆกับแอสซาซินหญิงนั้นไม่ได้ตอบสนองใดๆต่อคำพูดของแอสซาซินหญิง เธอนั้นรู้ดีว่าสภาสิบแปดปีกมีสัตว์ประหลาดที่สามารถต่อสู้กับซินฟูลเฟรมได้


โดยเฉพาะกับหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีกอย่างแบล๊คเฟรม เขาเป็นตัวตนที่แม้แต่อดอล์ฟ ผู้อาวุโสของเผ่าศักสิทธิ์ก็ยังต้องปฎิบัติต่อเขาด้วยความเคารพ และหากแบล๊คเฟรมต้องการจะปกป้องชื่อเสียงของสภาสิบแปดปีก เขาก็อาจจะลงมาต่อสู้กับซินฟูลเฟรมเองเลยก็ได้


ในขณะที่คำตอบของไซเร้นวอร์นเดอร์ทำให้เหล่าผู้ชมประหลาดใจ แต่ดวงตาของซินฟูลเฟรมกับเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้นออกมา จากนั้นเขาก็หันไปจ้องมองยังที่นั่งบริเวณที่สมาชิกสภาสิบแปดปีกนั่งอยู่ “ฉันขอทราบได้ไหมว่าจะให้ใครเข้ามาแทนไซเร้นวอร์นเดอร์ ?”


แม้ว่าซินฟูลเฟรมจะไม่ได้กล่าคำถามของเขาดังมากนัก แต่ทุกคำมันก็แฝงไปด้วยความมุ่งมั่นและพลังอย่างเห็นได้ชัด และมันก็เห็นได้ชัดว่าเขาเอาจริง แถมน้ำเสียงของเขายังเต็มไปด้วยความคาดหวังด้วย


“อะไรกัน ?! นี่พวกเขาจะสู้กันจริงๆงั้นหรอ ?!”


“นี่มันน่าสนใจมากๆ !! สภาสิบแปดปีกจะส่งใครออกมากัน ?”


“ฉันได้ยินมาว่าหัวหน้ากิลของสภาสิบแปดปีกนั้นทรงพลังมากๆ และแม้ว่าเขาจะอายุยังน้อย แต่เขาก็ติดหนึ่งในสามสิบอันดับแรกของรายชื่อผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดที่ถูกจัดโดยศาลาลับ หากได้เห็นทั้งสองคนต่อสู้กันก็คงดี ….”


ตอนนี้เหล่าผู้ชมที่เฝ้าดูอยู่ทั้งหมดก็ล้วนเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นมากๆที่จะชมการแข่งขันที่กำลังจะมาถึง


และมหาอำนาจต่างๆนั้นก็ไม่ใช่แค่พวกเดียวที่กำลังเต็มไปด้วยความสนใจว่าสภาสิบแปดปีกจะส่งใครมาเผชิญหน้ากับซินฟูลเฟรม ต้วนฮันซานนั้นก็สนใจมากพอๆกัน


ในความคิดของต้วนฮันซาน คนเดียวที่สภาสิบแปดปีกจะสามารถส่งมาได้ก็คือแบล๊คเฟรม


ในระหว่างการแข่งขันเล่นแร่แปรธาตุครั้งก่อน แบล๊คเฟรมนั้นได้ทำให้ทุกคนตกตะลึงอย่างมากด้วยตัวตนของเขาในฐานะราชันดาบขั้นสาม และแม้แต่หลงเซี่ยงหลงของตระกูลหลงก็ยังถูกบังคับให้ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ และเนื่องจากเขามาถึงขั้นสามเร็วกว่าใคร เขาจึงน่าจะทรงพลังมากอย่างไม่น่าเชื่อ


ขณะเดียวกันแบล๊คเฟรมนั้นก็ไม่ควรจะแก่กว่าไซเร้นวอร์นเดอร์มากนัก อย่างไรก็ตามโดยปกติแล้วในฐานะหัวหน้ากิลของสภาสิบแปดปีก เขาก็คงจะไม่ยอมเคลื่อนไหวด้วยตัวเองง่ายๆ แต่มันก็เป็นไปได้ที่เขาอาจจะยอมรับคำท้าทายของซินฟูลเฟรมเพื่อปกป้องชื่อเสียงของกิล เพราะท้ายที่สุดเขาน่าจะเป็นคนเดียวในกิลที่สามารถต่อกรกับซินฟูลเฟรมได้


ในช่วงเวลาที่ตระกูลต้วนและตระกูลหลงกำลังสงสัยว่าแบล๊คเฟรมจะเคลื่อนไหวไหม ซือเฟิงก็ได้หันไปหาร่างที่นั่งอยู่ข้างๆเขา


“ไวโอเล็ตไปสู้กับเขาหน่อย …”


“เข้าใจแล้ว !!!”


หลังจากการพูดคุยกันสั้นๆ ผู้หญิงที่นั่งข้างๆซือเฟิงก็กระโดดลงจากที่นั่งผู้ชมไปสู่เวทีประลอง


โดยเธอนั้นแผ่ออร่าศักสิทธิ์อันเป็นเอกลักษณ์ของเครอลิคออกมา


“นี่สภาสิบแปดปีกดูถูกซินฟูลเฟรมเกินไปไหม ? นี่พวกเขาส่งเครอลิคออกมาต่อสู้กับซินฟูลเฟรมจริงๆงั้นหรอ ?”


ทุกคนนั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึง เมื่อเห็นไวโอเล็ตคลาวด์กระโดดลงมาสู่เวทีประลอง พวกเขาไม่คิดเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะเคลื่อนไหวแบบนี้


แม้แต่ตระกูลผู้ถือหุ้นต่างๆของหอการค้าอาซูก็ยังอดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความตกตะลึง


สภาสิบแปดปีกต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ !!!


แม้ว่าอาชีพเครอลิคจะสามารถต่อสู้ได้เช่นกัน แต่การต่อสู้มันก็ไม่ใช่ทางถนัดของเครอลิค เพราะพวกเขานั้นล้วนจะมุ่งเน้นไปที่การซัพพอร์ท และการส่งเครอลิคออกมาสู้กับซินฟูลเฟรมซึ่งเป็นสมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุดของหอการค้าอาซูนั้นมันก็ไม่ต่างจากการเยาะเย้ยหอการค้าอาซูเลย


แม้ว่าไวโอเล็ตคลาวด์จะปกปิดตัวตนและข้อมูลของเธอไว้ภายใต้เสื้อคลุมสีดำ แต่ทุกคนก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเธอดูเด็กกว่าไซเร้นวอร์นเดอร์ด้วยซ้ำ ….


สภาสิบแปดปีกไม่เพียงแต่จะเลือกส่งเครอลิคมาเผชิญหน้ากับซินฟูลเฟรม แต่เครอ

ลิคคนนี้ยังเป็นแค่เด็กสาวที่อายุน้อยมากด้วย นี่มันเป็นการดูถูกกันอย่างโจ่งแจ้งเลย


“สภาสิบแปดปีกนั้นจบสิ้นแน่นอนในตอนนี้ แม้ว่าเรื่องที่ไซเร้นวอร์นเดอร์พูดมาจะเป็นเรื่องจริง แต่พวกเขาจำเป็นต้องส่งเด็กสาวที่อายุน้อยขนาดนี้ออกมาต่อสู้ด้วยงั้นหรอ ? ผู้อาวุโสเฟรมจะต้องโกรธมากแน่ๆ” แอสซาซินหญิงขั้นสามกล่าว ตอนนี้เธอแทบไม่อยากจะเห็นเลยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป


ซินฟูลเฟรมนั้นเป็นพวกที่จริงจังในเรื่องการต่อสู้มากๆ และเพื่อพัฒนาตัวเองในด้านนี้ เขาจึงผลักดันตัวเองอย่างหนักจนหลายคนคิดว่าเขาเป็นบ้า


ดังนั้นมันจึงจะสามารถจินตนาการได้อย่างง่ายดายเลยว่า ซินฟูลเฟรมจะโกรธมากแค่ไหนที่สภาสิบแปดปีกเยาะเย้ย และดูถูกเขาแบบนี้ และซินฟูลเฟรมก็จะระบายความโกรธของตัวเองลงที่ไวโอเล็ตคลาวด์อย่างเต็มที่แน่นอน


เมื่อเห็นว่าเป็นดังนี้ ซินฟูลเฟรมก็ได้เลือกจะปลดปล่อยออร่าของเขาทั้งหมดออกมา ซึ่งออร่าที่เขาปลดปล่อยออกมานั้นมันก็คล้ายกับคลื่นสึนามิที่ทรงพลัง และดูเหมือนมันจะกลืนกินทุกสิ่งที่ขวางทางได้ และแม้แต่โซริทารี่ฟรอสต์ที่ยืนอยู่ด้านล่างของเวทีนั้นก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึดอัด เมื่อสัมผัสได้ถึงออร่านี้


“นี่คือผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของกิลเรางั้นหรอ ?” โซริทารี่ฟรอสต์อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นออกมา เมื่อสัมผัสได้ถึงออร่าของซินฟูลเฟรม


โซริทารี่ฟรอสต์นั้นคาดเดาว่า เขาน่าจะสามารถต่อสู้ได้ดีพอตัว แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเอาชนะซินฟูลเฟรมได้ เพราะนี่มันเป็นการแข่งขันที่วัดกันด้านมาตราฐานและเทคนิคการต่อสู้ โดยที่ค่าสถานะพื้นฐานของทั้งสองฝ่ายจะถูกปรับให้เท่ากัน อย่างไรก็ตามเมื่อมองไปยังซินฟูลเฟรมตอนนี้ เขาก็รู้สึกได้เลยว่าเขาคิดผิดไปมาก เขาจะโชคดีมากแล้ว ถ้าเขารอดชีวิตได้จากการเคลื่อนไหวสักจำนวนหนึ่งของซินฟูลเฟรมได้ …. ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นๆเลย


อย่างไรก็ตามแม้จะสัมผัสได้ถึงออร่าของซินฟูลเฟรม แต่ไวโอเล็ตคลาวด์ก็ยังเดินเข้าไปที่กลางเวทีอย่างสบายๆก่อนจะหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของซินฟูลเฟรม

“เราจะเริ่มกันเลยไหม ?” ไวโอเล็ตคลาวด์ถามอย่างสบายๆ


ตอนที่ 2608 การต่อสู้ระหว่างสัตว์ประหลาด


สนามประลองทั้งหมดนั้นเงียบลงไปชั่วขณะ เมื่อได้ยินคำพูดของไวโอเล็ตคลาวด์ และทุกคนก็จ้องมองไปยังเด็กสาวเครอลิคด้วยความประหลาดใจ “นี่เธอเบื่อกับการมีชีวิตอยู่แล้วงั้นหรอ ?”


ซินฟูลเฟรมนั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างชัดเจนจากการกระทำของสภาสิบแปดปีก ซึ่งมันสังเกตเห็นได้ชัดเลยจากท่าทีของเขา และถ้าไม่ใช่เพราะเขารับหน้าที่เป็นผู้จัดการแข่งขันนี้ ทุกคนก็มั่นใจว่าเขาคงจะพุ่งเข้าใส่ไวโอเล็ทคลาวด์และฆ่าเธอไปนานแล้ว


แม้ว่านี่จะเป็นเพียงการแข่งขันต่อสู้ และไม่มีโทษใดๆจากการตาย แต่ซินฟูลเฟรมก็ยังคงจะสามารถฆ่าคู่ต่อสู้ของเขาได้ด้วยทุกวิธีที่เขาต้องการ ในขณะเดียวกันมันก็มีหลายวิธีที่เขาสามารถจะใช้เพื่อทำให้สภาสิบแปดปีกอับอายได้


แบล๊คเฟรมกำลังพยายามจะทำอะไรกัน ?! นั่นคือซินฟูลเฟรมเลยนะ !! เราจะสูญเสียการสนับสนุนของเหล่าผู้อาวุโสและผู้อาวุโสสูงสุดที่วางตัวเป็นกลางไปแน่นอน หากไปทำให้ซินฟูลเฟรมโกรธ !!! และถ้าไม่มีพวกเขา เรื่องของวอร์นเดอร์จะไปเจรจากับบริษัทซีอุสได้ยังไง ?! หลงหวู่ชางรู้สึกกระวนกระวายใจ ขณะที่เขามองไปยังซือเฟิงซึ่งยังคงนั่งอยู่อย่างสงบในที่นั่งของตัวเอง


การที่ไซเร้นวอร์นเดอร์พัฒนามาได้ถึงขนาดนี้นั้นมันทำให้หลงหวู่ชางประหลาดใจมากๆ อย่งไรก็ตามหากพวกเขาต้องการจะเปลี่ยนความคิดของบริษัทซีอุส พวกเขาก็จะไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน หากพวกเขาไม่ได้รับการสนับสนุนจากเหล่าผู้อาวุโสและผู้อาวุโสสูงสุดที่วางตัวเป็นกลางของหอการค้าอาซู ในขณะเดียวกันซินฟูลเฟรมก็อาจกล่าวได้ว่าเป็นตัวแทนของผู้อาวุโสและผู้อาวุโสสูงสุดที่วางตัวเป็นกลาง


ด้วยการส่งเครอลิคไปต่อสู้กับซินฟูลเฟรม สภาสิบแปดปีกไม่เพียงแต่จะต้องพ่ายแพ้อย่างน่าอัปยศด้วยมือของซินฟูลเฟรมเท่านั้น แต่พวกเขายังจะไปทำให้ชายคนนี้ขุ่นเคืองด้วย ซึ่งนี่มันจัดว่าโง่เขลามากๆ !!!


ในขณะนี้นับประสาอะไรกับหลงหวู่ชาง แม้แต่สมาชิกของตระกูลผู้ถือหุ้นของหอการค้าอาซูหลายคนก็ยังพูดไม่ออกกับสถานการณ์นี้


แม้ว่ามันจะดูน่าอับอายนิดหน่อย แต่แบล๊คเฟรมก็สามารถจะก้าวขึ้นมาต่อสู้ได้ด้วยตัวเองอย่างชัดเจน และในกรณีนี้นั้นซินฟูลเฟรมก็จะได้สนุกไปกับการต่อสู้ โดยเมื่อการต่อสู้จบลง เขาก็จะเลือกที่จะสนับสนุนไซเร้นวอร์นเดอร์ไม่มากก็น้อยแน่นอน อย่างไรก็ตามตอนนี้สภาสิบแปดปีกกับทำตัวหยิ่งผยองด้วยการส่งเครอลิครุ่นเยาว์ออกไป กิลจะต้องเหนื่อยกับการใช้ชีวิตแล้วแน่นอน ….


ในขณะที่ทุกคนกำลังอธิษฐานให้กับไวโอเล็ตคลาวด์อย่างเงียบๆ ซินฟูลเฟรมก็ได้เดินเข้าใกล้เครอลิครุ่นเยาว์


“คุณโจมตีมาก่อนได้เลย !!! ฉันจะให้โอกาสคุณเพียงแค่ครั้งเดียว !!! ให้ฉันดูหน่อยว่าคุณแข็งแกร่งอย่างที่วอร์นเดอร์พูดไหม !!! ถ้่าคุณแค่เสแสร้งหรือไม่ได้เป็นอย่างที่วอร์นเดอร์พูด ฉันจะให้คุณได้ลิ้มรสกับนรก !!!” ซินฟูลเฟรมพูดอย่างเย็นชา ขณะที่เขามองไปยังไวโอเล็ตคลาวด์


“ฉันโจมตีก่อนได้งั้นหรอ ?” ไวโอเล็ตคลาวด์ถามอย่างประหลาดใจ


“ถูกต้อง !! หากการแสดงของคุณไม่เป็นไปตามที่ฉันคาดหวัง ฉันจะทำให้คุณเสียใจอย่างถึงที่สุดเลยที่มายืนอยู่บนเวทีนี้ !!!” ซินฟูลเฟรมกล่าวยืนยันพลางพยักหน้า


“งั้นฉันก็จะโจมตีจริงๆแล้วนะ …” ไวโอเล็ตคลาวด์กล่าวแบบไม่แน่ใจเพื่อขอคำยืนยันอีกครั้ง


“หยุดพูดได้แล้วน่า !!! ฉันบอกให้คุณโจมตีมาก่อนก็ทำเถอะ !!! นี่เป็นเพียงโอกาสเดียวของคุณ ….”


หลังจากที่ไวโอเล็ตคลาวด์ขอคำยืนยันซ้ำๆ ซินฟูลเฟรมก็แทบจะหมดความอดทนกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามก่อนที่ซินฟูลเฟรมจะทันได้พูดจบดี ไวโอเล็ตคลาวด์ก็หยิบคทาของเธอออกมาและเริ่มร่ายเวทย์


และแทบจะทันทีโดยมีไวโอเล็ตคลาวด์เป็นศูนย์กลาง วงเวทย์สีเงินขนาดใหญ่กว่าปกติราวสองเท่าก็ปรากฎขึ้นบนเวทีและดึงดูดมานาจำนวนมหาศาลเข้าไปหา และหลังจากปรากฎการณ์นี้ดำเนินต่อไปเป็นเวลาสามวินาที มานาโดยรอบภายในสถานที่จัดงานก็เบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด


อย่างไรก็ตามก่อนที่ใครจะทันได้ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ ดาบเงายี่สิบสองเล่มก็ปรากฎขึ้นรอบๆไวโอเล็ตคลาวด์และหมุนรอบตัวเธอ ซึ่งมันทำให้เธอดูเหมือนเทพธิดาแห่งความมืดที่จุติลงมา แถมเครอลิคยังแผ่ออร่าที่น่ากลัวที่เทียบได้กับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายในเลเวลเดียวกันออกมาด้วย และทุกคนที่สัมผัสได้ถึงออร่านี้นั้นก็มีค่าสถานะพื้นฐานลดลงอย่างรวดเร็ว


“นี่เธอเป็นมอนสเตอร์รึไงกัน ?!”


“นี่มันเป็นสกิลโดเมนประเภทไหนกัน ?! นอกเหนือจากค่าสถานะพื้นฐานแล้ว ฉันยังรู้สึกได้ว่าร่างกายทางกายภาพของฉันนั้นถูกปราบปรามอย่างหนัก !! ซึ่งมันราวกับว่าพื้นที่ทั้งหมดนี้ปฎิเสธถึงการมีอยู่ของฉัน !!!”


ทุกคนล้วนตกตะลึงกับสถานการณ์นี้


ท้ายที่สุดแล้วไวโอเล็ตคลาวด์นั้นไม่ได้ดูเหมือนเครอลิคศักสิทธิ์แล้วในตอนนี้ แต่เธอเป็นเหมือนกับศูนย์รวมแห่งความมืดมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้นทุกคนยังสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่าพื้นที่ภายในเวทีทั้งหมดนั้นมีศูนย์กลางอยู่รอบตัวเธอ ซึ่งมันก็ราวกับว่าเธอสามารถตัดสินชีวิตและความตายของทุกสิ่งภายในสถานที่นี้ได้ด้วยการใช้แค่ความคิด


ก่อนที่ทุกคนจะสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์นี้อย่างถูกต้อง ไวโอเล็ตคลาวด์ ก็มองไปที่ซินฟูลเฟรมซึ่งยืนอยู่ห่างออกไปสี่สิบหลา และกล่าวว่า “ฉันจะเริ่มแล้วนะ …”


หลังจากพูดจบ เธอก็โบกคทาของเธอเบาๆสั่งให้ดาบเงาทั้งยี่สิบสองเล่มแปรเปลี่ยนเป็นหลุมดำพุ่งเข้าหาซินฟูลเฟรม


เทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดง Spatial Smash!


ในช่วงเวลาต่อมาทุกสิ่งที่หลุมดำเคลื่อนผ่านก็แปรเปลี่ยนเหลือแต่เพียงความว่างเปล่าทั้งหมด พลังทำลายล้างของหลุมดำนั้นเป็นสิ่งที่แม้แต่มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายในเลเวลเดียวกันก็ยังไม่สามารถจะรับได้เลย


เทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดง ?! เป็นไปได้ยังไง ?! เมื่อต้วนฮันซานเห็นฉากนี้เขาก็อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง

มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะแสดงพลังในมาตราฐานของขั้นสี่ออกมาได้ โดยอาศัยแค่เวทย์ขั้นสามทั่วไป ดังนั้นคำอธิบายเดียวสำหรับตอนนี้ก็คือไวโอเล็ตคลาวด์ได้ใช้เทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดง แทนที่จะเป็นเทคนิคการต่อสู้ขั้นสูง เพราะมันมีเพียงแต่เทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดงเท่านั้นที่จะทำให้ผู้เล่นสามารถแสดงพลังก้าวข้ามขั้นได้


อย่างไรก็ตามการจะเรียนรู้เทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดงให้ได้นั้นมันก็ยากเกินไป ในความเป็นจริงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนส่วนใหญ่นั้นยังไม่สามารถจะเรียนรู้และใช้เทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดงได้ด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามตอนนี้เด็กสาวที่อายุน้อยมากที่อยู่แค่ในขอบเขตอนันต์เท่านั้นกับสามารถใช้เทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดงได้ นี่มันเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อมากๆ


ในขณะนี้โซริทารี่ฟรอสต์เองก็ประหลาดใจกับฉากนี้เช่นกัน


เทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดง !!


จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่สามารถเรียนรู้และใช้เทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดงได้เยแม้แต่เทคนิคเดียว แต่เด็กสาวตัวเล็กๆคนนี้ที่อายุน้อยกว่าเขามากกับสามารถใช้มันได้ ยิ่งไปกว่านั้นไวโอเล็ตคลาวด์ยังใช้เทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดงของเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตอนนี้ทางเลือกเดียวของซินฟูลเฟรมคือรับการโจมตีของเธอโดยตรง มันไม่มีทางที่เขาจะหลบการโจมตีของเธอได้


“ยอดเยี่ยม !!!”


ซินฟูลเฟรมอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา เมื่อเห็นหลุมดำกำลังใกล้เข้ามา และตอนนี้มันก็เป็นครั้งแรกที่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ และในช่วงเวลาต่อมาท่าทีของเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ก่อนที่เขาจะชักดาบยาวสองเล่มที่เขาสะพายอยู่ที่หลังออกจากฝักมารวมกันเข้าเป็นดาบใหญ่อย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็เหวี่ยงดาบใหญ่นี้ไปยังพื้นที่ว่างตรงหน้าของเขา


สกิลต้องห้ามขั้นสาม Space Tearing Blade!


เทคนิคการต่อสู้ขั้นสูง Quadruple Phantoms!


ในช่วงเวลาต่อมา มานาในจำนวนที่น่ากลัวก็พุ่งออกมาจากดาบใหญ่ และในขณะที่ซินฟูลเฟรมเหวี่ยงดาบใหญ่นั้นร่างของเขาก็แยกออกเป็นสี่ร่าง และการโจมตีของเขาก็พุ่งเข้าใส่พื้นที่ตรงหน้าเขา


ตู้ม !!


เมื่อการโจมตีของทั้งสองปะทะกัน มันก็เกิดแรงสั่นสะเทือนที่ทรงพลังจนสั่นสะเทือนไปทั่วสนามประลอง และผลของคลื่นกระแทกจากการปะทะกันของทั้งสองนี้ก็ทำให้ผู้เล่นที่ยืนอยู่ด้านหลังของเวทีนั้นต้องถูกบังคับให้ถอยไปหลายก้าวเลย หลังจากนั้นหลุมอุกกาบาติที่มีรัศมีกว้างสามสิบหลาก็ปรากฎขึ้นบนเวทีที่ถูกปูพื้นด้วยแร่มานา


แต่สิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนมากที่สุดเลยก็คือ ซินฟูลเฟรม และไวโอเล็ตคลาวด์นั้นไม่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกันเลย


“อึก !! นี่เธอเป็นใครกัน ?! เธอสามารถจะหยุดการโจมตีเต็มกำลังจากผู้อาวุโสเฟรมได้ !!!”


“วอร์นเดอร์พูดความจริงงั้นหรอ ?!”


สมาชิกของตระกูลผู้ถือหุ้นหลายรายของหอการค้าอาซูต่างเต็มไปด้วยความตกตะลึง เมื่อเห็นว่าไวโอเล็ทคลาวด์ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ การต่อสู้ครั้งนี้มันไม่เหมือนการแข่งขันระหว่างผู้เล่นอีกต่อไป มันเหมือนกับการต่อสู้ระหว่างสัตว์ประหลาดยักษ์สองตัวมากกว่า ทุกการกระทำของพวกเขานั้นแทบจะทำให้เกิดรอยแยกมิติ และเปลี่ยนภูมิประเทศโดยรอบของพวกเขาไปเลย


เป็นไปไม่ได้ ?! นี่สภาสิบแปดปีกเป็นกิลแบบไหนกัน ?!


เมื่อต้วนฮันซานเห็นไวโอเล็ทคลาวด์ใช้ดาบเงายี่สิบสองเล่มเข้าโจมตีซินฟูลเฟรมอย่างต่อเนื่อง และบังคับให้เขาต้องป้องกันตลอดเวลา ความตกตะลึงมันก็เริ่มเข้าปกคลุมเต็มไปหมดในหัวใจเขา


ก่อนหน้านี้ต้วนฮันซานนั้นมองว่าสภาสิบแปดปีกเป็นเพียงแค่กิลที่ต้องการได้รับการสนับสนุนจากหอการค้าอาซู อย่างไรก็ตามพอเขาได้มาเห็นไซเร้นวอร์นเดอร์ กับไวโอเล็ตคลาวด์ เขาก็เริ่มรู้สึกว่าเขาคิดผิด รุ่นเยาว์ที่เก่งกาจขนาดนี้นั้นหาได้ยากมากๆ แม้แต่ในซุเปอร์กิล

นี่เป็นเรื่องจริงอย่างยิ่งโดยเฉพาะกับไวโอเล็ทคลาวด์ ด้วยการใช้ดาบเงายี่สิบสองเล่มโจมตีซินฟูลเฟรมเรื่อยๆ เธอก็สามารถที่จะรักษาระยะห่างระหว่างเธอกับซินฟูลเฟรมไว้ได้สี่สิบหลาตลอดเวลา ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่แม้แต่ต้วนฮันซานยังทำไม่ได้ แต่เด็กสาวคนหนึ่งที่มีอายุน้อยมากจากสภาสิบแปดปีกกับสามารถทำได้


อย่างไรก็ตามเมื่อการต่อสู้บนเวทีทวีความเข้มข้นขึ้น ความตึงเครียดและความกดดันระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะกับไวโอเล็ทคลาวด์ เธอเริ่มควบคุมดาบเงายี่สิบสองเล่มช้าลงไปมาก


“ช่างน่าเสียดาย ความเข้าใจในขอบเขตจิตวิญญาณของคุณนั้นเหนือกว่าฉันอย่างชัดเจน และคุณก็ได้ให้แรงบันดาลใจมากมายกับฉัน แต่น่าเสียดายที่การรับรู้ทางจิตของคุณยังอ่อนแอเกินไป คุณไม่สามารถจะใช้ประโยชน์จากความเข้าใจที่เหนือกว่าเพื่อเพิ่มพลังในการต่อสู้ของคุณให้เหมาะสมได้ นอกจากนี้คุณยังไม่สามารถลดปริมาณการผลาญค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของตัวเองได้ ซึ่งในอัตรานี้คุณจะยืนหยัดอยู่ได้อีกไม่เกินสิบวินาทีก่อนที่ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของคุณจะหมดลง” ซินฟูลเฟรมแสดงความเห็น ขณะที่เขาป้องกันการโจมตีที่เข้ามาอย่างไม่หยุดยั้งของไวโอเล็ตคลาวด์ “และนี่มันก็ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ฉันอยากเห็นเช่นกัน !!! เดิมทีฉันตั้งใจจะเก็บไพ่ใบนี้ไว้ใช้กับการแข่งขันกับสองคนนั้น แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันจะให้คุณได้ลองมันก่อน !!!”


หลังจากพูดจบ ซินฟูลเฟรมก็เปลี่ยนสเต็ปเท้าของเขา และทันใดนั้นร่างของเขาก็แยกออกเป็นสิบสองร่าง


เทคนิคสเต็ปเท้าระดับทองแดง Shadowprey!


ในช่วงเวลาต่อมาร่างแยกทั้งสิบสองร่างของซินฟูลเฟรมก็ทำการช่วยกันป้องกันการโจมตีของไวโอเล็ตคลาวด์ไว้ได้ทั้งหมด และเธอก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้เลย ในขณะที่เขากำลังขยับเข้าหาเธอเรื่อยๆ


อย่างไรก็ตามเมื่อซินฟูลเฟรมขยับเข้าใกล้ไวโอเล็ตคลาวด์มากขึ้นเรื่อยๆ ดาบเงารอบตัวของเธอก็หายไป ซึ่งจากมุมมองของผู้ชมนั้นมันก็ดูเหมือนกับว่าเธอเลือกจะยอมแพ้ และรอการมาถึงของซินฟูลเฟรมอย่างเงียบๆ


“เกิดอะไรขึ้น ? เธอยอมแพ้แล้วงั้นหรอ ?”


“นั่นก็สมเหตุสมผลนะ ใครจะไปหยุดการโจมตีนั่นได้ ความจริงที่ว่าเธอมาได้ถึงขนาดนี้นั้นมันก็จะทำให้เธอติดอันดับหนึ่งในรุ่นเยาว์ที่เก่งกาจที่สุดใน God domain ได้แน่นอน”


เมื่อกลุ่มผู้ชมเห็นไวโอเล็ตคลาวด์ละทิ้งการต่อสู้ของเธอ ไม่มีใครนั้นล้อเลียนหรือเลือกจะตำหนิที่เธอทำแบบนั้นเลย มันเป็นเรื่องปกติมากที่ไวโอเล็ตคลาวด์จะประสบกับความพ่ายแพ้ เพราะท้ายที่สุดแม้แต่ในหมู่นักเล่นเกมเสมือนจริงรุ่นเก่า มันก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถจะเอาชนะซินฟูลเฟรมได้


เมื่อซินฟูลเฟรมอยู่ห่างจากไวโอเล็ตคลาวด์ราวสิบห้าหลา เครอลิคก็ถอนหายใจ และกระแทกคทาของเธอลงกับพื้น


“ทุกอย่างเป็นอย่างที่หัวหน้ากิลพูดจริงๆ ฉันไม่สามารถเทียบกับคุณได้เลยในแง่ของมาตราฐานการต่อสู้ และฉันก็ยังไม่สามารถจะกลบช่องว่างนั้นได้ แม้จะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของฉันได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วก็ตาม และดูเหมือนว่าตอนนี้ฉันจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทุ่มเทหมดทุกอย่างที่มีเช่นกัน นี่คือไพ่ลับของฉันที่แม้แต่หัวหน้ากิลของฉันก็ยังไม่รู้ !!!”


ทันใดนั้นร่างกายของไวโอเล็ตคลาวด์ก็เริ่มแผ่มานาที่หนาแน่นออกมามากกว่าเดิมอย่างมาก และตอนนี้มันก็สามารถเห็นได้ชัดเลยว่าความหนาแน่นของมานาเธอนี้เหนือกว่าไซเร้นวอร์นเดอร์หลายเท่า ในขณะเดียวกันเอฟเฟคการปราบปรามจากโดเมนของเครอลิคก็ยิ่งน่ากลัวขึ้นไปอีก และมันก็ทรงพลังมากซะจนลดร่างแยกของซินฟูลเฟรมจากสิบสองร่างไปเหลือแปดร่าง


เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันนี้ทำให้ทุกคนที่เฝ้าดูอยู่ต่างพูดไม่ออก


“นี่เธอยังปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของเธอได้ไม่ครบหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์งั้นหรอ ? ทำไมความหนาแน่นของมานาจากร่างเธอถึงยังคงเพิ่มขึ้นกัน ?”


“เป็นไปได้ไหมว่าก่อนหน้านี้เธอไม่ได้ใช้ร่างมานาในการต่อสู้น่ะ ?”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)