Reincarnation Of The Strongest Sword God 2893-2895
ตอนที่ 2893 ดินแดนลับของเทพปีศาจที่น่าตกตะลึง
“เข้าสู่ดินแดนลับในเวลาแบบนี้เนี่ยนะ ?!”
โคลท์ชาโด้วจ้องมองไปยังซือเฟิงที่อยู่ในห้องโถงด้วยความไม่เข้าใจอย่างถึงที่สุดว่าซือเฟิงนั้นคิดอะไรอยู่
ในตอนนี้นั้น กองทัพผู้รุกรานจากโลกอื่นเตรียมการจนใกล้จะพร้อมแล้ว และเท่าที่เธอคิด อีกไม่นานพวกเขาก็จะเริ่มหลั่งไหลเข้าสู่ทวีปหลักของ God domain แล้ว และหากซือเฟิงกับพวกเขาทั้งหมดนี้ไม่อยู่ ไม่ต้องพูดถึงกิลสภาสิบแปดปีกหนึ่งกิลเลย ต่อให้มีกิลสภาสิบแปดปีกอีกสิบกิลก็จะไม่สามารถต้านทานการรุกรานจากโลกอื่นได้แน่นอน
เพราะท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาจำเป็นจะต้องจัดกองทัพผสมระหว่างผู้เชี่ยวชาญที่เป็นผู้เล่น และ NPC เข้าด้วยกันเพื่อคอยต้านทานกองทัพผู้รุกราน ซึ่งหากขาดส่วนใดส่วนหนึ่งไปนั้น มันก็จะเป็นเพียงแค่การไปรอความตายแน่นอน
และเท่าที่โคลท์ชาโด้วทำการตรวจสอบมานั้น ตอนนี้มหาอำนาจต่างๆในทวีปด้านตะวันออกก็เริ่มเตรียมการในด้านนี้กันทั้งหมดแล้ว ซึ่งหากสภาสิบแปดปีกไม่ยอมทำตอนนี้ พวกเขาก็อาจจะล้าหลังกลุ่มอื่นๆได้
ดังนั้นทำไมซือเฟิงถึงจะให้พวกเขาเข้าสู่ดินแดนลับในเวลาแบบนี้กัน ?
อย่างไรก็ตามแม้จะคิดแบบนี้แต่โคลท์ชาโด้วก็พูดไม่ออก เพราะท้ายที่สุดแล้วพวกผู้บริหารระดับสูงของสภาสิบแปดปีกคนอื่นๆนั้นไม่มีใครคัดค้านใดๆเลย ดังนั้นเธอซึ่งพึ่งจะเข้ากิลมาใหม่จึงเลือกจะไม่โต้แย้งใดๆ
แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่โคลท์ชาโด้วไม่รู้จริงๆเลยก็คือก่อนเธอจะมาถึง ไฟเออร์แดนซ์ และผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆของสภาสิบแปดปีกได้เตือนซือเฟิงแล้ว แต่ซือเฟิงก็ยังคงยืนยันที่จะทำแบบนี้
เพราะท้ายที่สุดแล้วมันไม่มีใครเข้าใจเรื่องสงครามโลกแบบนี้ดีไปกว่าซือเฟิงอีกแล้ว ซึ่งซือเฟิงรู้ดีว่าจำนวนผู้เชี่ยวชาญนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญมากนักในสงครามนัก เรื่องที่สำคัญจริงๆ และจะทำให้สภาสิบแปดปีกสามารถจัดการสงครามครั้งนี้ได้อย่างแท้จริงคือความแข็งแกร่งของพลังการต่อสู้ !!!
ในสงคราม ผู้เล่นขั้นสามหลายพันคนเทียบไม่ได้กับผู้เล่น ขณะเดียวกันผู้เล่นขั้นสี่หลายร้อยคนก็เทียบไม่ได้กับผู้เล่นขั้นห้า
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสงครามที่มี NPC เข้าร่วมด้วย ซึ่งหากผู้เล่นไม่มีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากพอ แม้ว่าจะมีผู้เล่นขั้นสามหรือขั้นสี่มากขึ้น แต่มันก็จะไม่มีผลอะไรมากนัก
ดังนั้นในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดจริงๆก็คือการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองต่างหาก ไม่งั้นซือเฟิงคงจะไม่ลงทุนเตรียมโพชั่นที่จำเป็นสำหรับสองวัน และดึงดันที่จะเข้าสู่ดินแดนลับของเทพปีศาจแน่นอน ….
หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้นำทางไฟเออร์แดนซ์ โคลท์ชาโด้ว และคนอื่นๆเข้าไปยังดินแดนลับของเทพปีศาจ และเมื่อเรียบร้อยนั้นซือเฟิงก็ได้เดินตามเข้าไปติดๆเช่นกัน
โดยเมื่อทั้งหมดเข้ามาในดินแดนลับของเทพปีศาจนั้น พวกเขาก็รู้สึกมึนงง และดวงตามืดบอดอย่างมาก หลังจากนั้นเมื่อผ่านไปมากกว่าสิบวินาทีพวกเขาก็เริ่มรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าการรับรู้ในด้านต่างๆของพวกเขาเริ่มช้าลง และแย่ลงมาก
“นี่มันอะไรกัน ?!”
โคลท์ชาโด้ว และคนอื่นๆอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกตะลึง เมื่อได้เห็นฉากตรงหน้า
เธอนั้นรู้จักดินแดนลับดี และเคยเข้าสู่ดินแดนลับมามากมาย ดังนั้นเธอจึงเชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นดินแดนลับแบบไหน เธอก็จะสามารถรับมือได้ …. อย่างไรก็ตามพอได้มาเห็นดินแดนลับที่ซือเฟิงพาเข้ามานั้น เธอก็รู้ได้ทันทีเลยว่าความคิดนี้ของเธอมันเป็นเรื่องตลกชัดๆ
ดินแดนลับที่ซือเฟิงพาเข้ามานั้นมันมีลักษณะที่มืดมิดมากๆ และมันก็มีเพียงดวงจันทร์สีเลือดดวงเดียวที่คอยให้แสงสว่างกับพวกเขา สำหรับสภาพแวดล้อมโดยล้อมนั้นมันก็มีต้นไม้จำนวนมากที่มีความสูงตั้งแต่หลายร้อยไปจนถึงหลายพันเมตร ซึ่งหากนำมาเทียบกับผู้เล่นแล้ว ผู้เล่นก็จะดูตัวเล็กเหมือนทารกไปเลย
แต่นี่ยังไม่ใช่ส่วนที่น่าตกตะลึงที่สุด ส่วนที่น่าตกตะลึงที่สุดจริงๆก็คือ เมื่อหลายคนเริ่มตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบๆนั้น พวกเขาก็ได้พบกับรอยเท้าของมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย และเทพนิยายชั้นยอดมากกว่าหนึ่งร้อยตัว ซึ่งมันมากกว่าจำนวนของพวกเขาซะอีก แถมมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย และเทพนิยายชั้นยอดพวกนี้ยังมีเลเวลตั้งแต่หนึ่งร้อยห้าสิบสามหรือมากกว่าขึ้นไปทั้งหมด
(อสูรเลือดปีศาจ), (สิ่งมีชีวิตปีศาจ,ระดับเทพนิยาย,เลเวล 153) HP 350 million
(วิญญาณเลือดปีศาจ) (สิ่งมีชีวิตพลังงานปีศาจ,ระดับเทพนิยายชั้นยอด,เลเวล 160) HP 80,000 ล้าน
นอกเหนือจากนี้แล้วทุกคนก็สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามอนสเตอร์พวกนี้นั้นมีสติปัญญาสูงมาก เพราะพวกมันทำทุกอย่างแบบมีแบบแผนทั้งหมด ไม่ได้ทำตามสัญชาตญาณเลย
“หื้ม ?”
โคลท์ชาโด้วอุทานออกมา และเธอก็เป็นคนแรกที่เริ่มสังเกตเห็นถึงผลประโยชน์ที่ดินแดนลับของเทพปีศาจจะมอบให้ โดยเธอสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่า หากอยู่ฝึกที่นี่นั้น ต่อให้เป็นไอ้บ้าคนหนึ่งก็จะสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาไปได้มากกว่าหนึ่งร้อยสิบห้าเปอเซ็นต์แน่ๆ เพราะสภาพแวดล้อมที่นี่มันเอื้อต่อการฝึกในด้านนี้มากๆ ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงบรรดาผู้เชี่ยวชาญเลย
แต่กระนั้นมันก็มีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง …
“ที่นี่ดูเหมือนจะปราบปรามพลังทางกายภาพของพวกเราเอาไว้ …” โคลท์ชาโด้วกล่าวพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย “หากเราต้องฝึกด้วยการต่อสู้ และฆ่ามอนสเตอร์เหล่านี้ ฉันคิดว่ามันจะต้องยากมากแน่นอน ….”
พลังทางกายภาพนั้นก็มีส่วนสำคัญในการช่วยฝึกแบบนี้ ดังนั้นหากพวกเขาถูกปราบปรามพลังทางกายภาพเอาไว้ การฝึกนี้มันก็จะเป็นไปอย่างยากลำบากแน่นอน
ขณะเดียวกันนั้นไฟเออร์แดนซ์ก็ได้ลองเคลื่อนไหวอยู่สองถึงสามครั้ง และด้วยความเร็วในการเคลื่อนที่ของเธอที่ตอนนี้อยู่ในขั้นสี่ มันจึงทำให้หลายคนในทีมแทบจะไม่สามารถมองตามเธอได้ทันเลย หลังจากนั้นเธอก็กลับมาปรากฎตัวขึ้นบริเวณที่ทั้งทีมอยู่และกล่าวว่า “มันเป็นจริงอย่างที่คุณพูด แต่มันก็อยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้นะ …”
“นี่คุณยอมรับมันได้งั้นหรอ ?”
ไวท์เฟเธอร์ โคลท์ชาโด้ว และคนของเธอทั้งหมดที่พึ่งจะเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกอดไม่ได้ที่จะมองไปยังไฟเออร์แดนซ์อย่างตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูด และได้เห็นสิ่งที่เธอกระทำ
พวกเขาส่วนใหญ่นั้นสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองไปได้หนึ่งร้อยห้าเปอเซ็นต์หรือสูงกว่าทั้งหมดแล้ว แต่กระนั้นร่างกายของพวกเขากับแทบจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ขณะที่ตัวไฟเออร์แดนซ์นั้นกับเคลื่อนไหวได้อย่างสบายๆ และดูเหมือนเธอแทบจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆด้วย
อย่างไรก็ตามไม่ใช่แค่ไฟเออร์แดนซ์ เพราะตอนนี้ผู้บริหารระดับสูงของสภาสิบแปดปีกคนอื่นๆก็เริ่มเคลื่อนไหวกันแล้วเช่นกัน และทุกคนนั้นก็ดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากมายนักเลยจากการปราบปรามของดินแดนลับแห่งนี้
ซึ่งเมื่อได้เห็นดังนี้นั้นโคลท์ชาโด้ว และคนของเธอทั้งหมดก็ตกตะลึงอย่างถึงที่สุด ….
“นี่พวกเขาเป็นสัตว์ประหลาดกันทั้งหมดเลยหรอ ?”
สำหรับเรื่องความสามารถของไฟเออร์แดนซ์ที่เป็นผู้บัญชาการกองกำลังหลักของสภาสิบแปดปีกนั้นพวกเขายังพอจะทำใจยอมรับได้ แต่นี่คนอื่นๆกับทำได้แบบเธอด้วย …. นี่มันบ้าอะไรกัน ?!!
ในตอนนี้นั้นในหมู่พวกเขามีเพียงโคลท์ชาโด้วที่เคยได้เข้าไปฝึกในดินแดนลับพิเศษของไมโทโลจี้เท่านั้นที่ได้รับผลกระทบน้อยมาก อย่างไรก็ตามสภาสิบแปดปีกกับมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่มากกว่าหกสิบคนที่เป็นแบบเดียวกับโคลท์ชาโด้ว แถมสมาชิกจำนวนหนึ่งของสภาสิบแปดปีกอย่างไวโอเล็ตคลาวด์ อควาโรส และเสวี่ยเหวินโหรวนั้นก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆเลยด้วย
โดยในระหว่างนี้นั้นซือเฟิงก็ได้ตามมาถึงแล้ว และเขาก็ได้พึมพำด้วยรอยยิ้มว่า “ดินแดนลับของเทพปีศาจนั้นมันเป็นสถานที่ที่ดีมากจริงๆ มันอุดมไปด้วยมานาและธาตุเวทย์มนต์ที่หนาแน่นมากๆ โดยหากไม่มีความเข้าใจในกฎการทำงานขององค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์มากเพียงพอ คนๆนั้นก็จะถูกปราบปรามอย่างหนักที่นี่ แต่อย่างไรก็ตามหากสามารถปรับตัวกับที่นี่ได้นั้น มันก็จะช่วยได้มากเลยทีเดียวในเรื่องการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาเพิ่มเติม หรือแม้กระทั่งการสร้างมานาขั้นห้า”
เขาต้องยอมรับเลยว่าดินแดนลับ ระดับพระเจ้านั้นมันน่าทึ่งอย่างแท้จริง ด้วยการเข้ามาที่นี่ ผู้เล่นจะได้ฝึกหลายด้านอย่างที่เขาได้กล่าวไปข้างต้นด้วยการต่อสู้กับมอนสเตอร์ และรับรู้ผ่านความรู้สึก แถมเมื่อฆ่ามอนสเตอร์พวกนี้ได้ มันยังจะดรอปไอเทมดีๆอีก ซึ่งไม่ว่าจะมองอย่างไรนี่มันก็สวรรค์ชัดๆ !!! แม้ว่ามันจะมีอันตรายอยู่บ้างก็ตาม ….
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อซือเฟิงปรากฎตัวขึ้นนั้น พวกมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย และเทพนิยายชั้นยอดก็เริ่มมีท่าทีหงุดหงิด และตื่นตัวขึ้นมา
หลังจากนั้นไม่นานวิญญาณเลือดปีศาจที่มีความสูงกว่าสี่สิบเมตรก็ได้หันมามองซือเฟิง ก่อนที่มันจะตะโกน และชี้มายังซือเฟิงเป็นสัญญาณให้มอนสเตอร์ทั้งหมดเริ่มโจมตี
“อึก !!! นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย ?!!!” โคลท์ชาโด้วรู้สึกงุนงง
โดยปกติแล้วถ้าผู้เล่นยังไม่ได้ไปดึงดูดค่าความโกรธของมอนสเตอร์ พวกมันก็จะไม่เข้ามาโจมตีผู้เล่น เว้นแต่ว่าผู้เล่นจะเข้าไปรุกล้ำดินแดน หรือระยะของพวกมัน แต่ตอนนี้มอนสเตอร์ตรงหน้าพวกเขากับกำลังเริ่มโจมตีพวกเขา หลังจากที่ซือเฟิงมาถึง …. ทั้งๆที่ซือเฟิง และพวกเขายังไม่ได้ทำอะไรเลย ….
“ค่อนข้างฉลาดเลยทีเดียวที่วางแผนจะจัดการกับคนอื่น แล้วค่อยมารุมฉันทีเดียว …” ซือเฟิงมองไปยังเหล่ามอนสเตอร์ที่เข้ามาจากทุกทิศทางด้วยรอยยิ้ม “แต่น่าเสียดายที่วิธีนี้มันไร้ประโยชน์ !!!”
เมื่อพูดจบซือเฟิงก็ได้จัดการปลดปล่อยออร่าของเขาทั้งหมดออกมาทันที ซึ่งนี่มันก็ทำให้มอนสเตอร์ทั้งหมดหยุดชะงักไป ….
ในขณะเดียวกันโคลท์ชาโด้ว ไฟเออร์แดนซ์ และคนอื่นๆก็ล้วนเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆขณะที่พวกเขาจ้องมองไปยังซือเฟิงตอนนี้ ….
เพราะในตอนนี้ซือเฟิงนั้นดูเหมือนกับทวยเทพเลย และพวกเขาก็รู้สึกว่าที่นี่นั้นซือเฟิงคือเจ้าผู้ปกครองทั้งหมด โดยหากซือเฟิงต้องการจะทำอะไร ซือเฟิงก็น่าจะสามารถทำทุกอย่างได้ตามที่เขาต้องการแน่นอนที่นี่ ….
สำหรับพวกมอนสเตอร์ที่หยุดชะงักไปนั้น ตอนนี้ค่าสถานะ รวมไปถึงการตอบสนอง และปฎิกิริยาด้านต่างๆของพวกมันก็เริ่มลดลงจนไปหยุดอยู่ที่ห้าสิบเปอเซ็นต์ ซึ่งมันทำให้ตอนนี้กลับกลายเป็นว่ามอนสเตอร์พวกนี้ต่างหากที่ยากจะเคลื่อนไหวได้ เมื่ออยู่ต่อหน้าของซือเฟิง
ตอนที่ 2894 บ้าคลั่ง
“นี่คือพลังที่แท้จริงของอาชีพขั้นห้างั้นหรอ ?!!”
ไม่ว่าจะเป็นไวท์เฟเธอร์ โคลท์ชาโด้ว ไฟเออร์แดนซ์ และคนอื่นๆ พวกเขาล้วนตกตะลึงอย่างมากกับพลังที่ซือเฟิงแสดงออกมาในช่วงเวลานี้
ค่าสถานะของอสูรเลือดปีศาจนั้นมันสูงกว่าผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ในเลเวลเดียวกันอย่างสิ้นเชิง และแม้จะมีเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานติดตัว แต่มันก็ยังคงยากที่จะต่อสู้กับมอนสเตอร์แบบนี้ได้
อย่างไรก็ตามในเวลานี้ภายใต้การสร้างโลกของซือเฟิงนั้น อสูรเลือดปีศาจพวกนี้กับยากที่จะเคลื่อนไหวได้ ซึ่งนี่มันทำให้พวกเขาอดจะจินตนาการไม่ได้เลยว่า หากเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ที่คิดจะต่อกรกับซือเฟิงนั้น ผลมันจะออกมาเป็นยังไง ….
แม้ว่าวีดีโอเกี่ยวกับการต่อสู้ต่างๆของซือเฟิงหลังจากที่เขากลายเป็นขั้นห้าจะถูกเผยแพร่ออกไปสู่สาธารณชนจนทำให้พวกเขาที่ได้ดูคิดว่าได้เข้าใจถึงพลังของขั้นห้าแล้ว แต่พอได้มาเห็นจริงๆนั้นพวกเขาก็ต้องบอกเลยว่ามันน่ากลัวกว่าที่คิดมากๆ
หากให้พูดตรงๆไม่ต้องพูดถึงการที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่จะต่อสู้กับซือเฟิงเลย เพราะเพียงแค่การจะโจมตีซือเฟิงให้โดนมันก็ยากมากแล้ว
ขณะเดียวกันตอนนี้แม้แต่ตัวซือเฟิงก็ยังประหลาดใจกับผลลัพธ์นี้เช่นกัน
เขาไม่คิดเลยว่าหลังจากที่เขาได้สวมใส่อุปกรณ์ระดับตำนานแล้ว พลังของการสร้างโลกของเขามันจะเพิ่มขึ้นมากขนาดนี้ ….
“พวกคุณรีบจัดการกับอสูรเลือดปีศาจซะ !!! เดี๋ยวฉันจะตรึงพวกวิญญาณเลือดปีศาจเอาไว้ให้ !!!” ซือเฟิงตะโกนออกคำสั่ง ก่อนที่เขาจะเปิดใช้งานโดเมนดาบ และควบคุมดาบเวทย์มนต์ให้เข้าโจมตีวิญญาณเลือดปีศาจ
แม้ว่าโดเมนดาบจะเป็นเพียงสกิลมรดกขั้นสี่ แต่ภายใต้การควบคุมของซือเฟิงตอนนี้พลังของดาบเวทย์มนต์แต่ละเล่มนั้นอยู่ใกล้เคียงกับขั้นห้าเลย และมันก็ไม่ใช่อะไรที่มอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย และเทพนิยายชั้นยอดจะสามารถต้านทานได้ง่ายๆ
ทันใดนั้นดาบเวทย์มนต์สี่เล่มของซือเฟิงก็โจมตีโดนเข้าที่วิญญาณเลือดปีศาจสี่ตัวเต็มๆ ซึ่งนี่มันทำให้วิญญาณเลือดปีศาจสี่ตัวนั้นส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด พร้อมกันนั้นความเสียหายมากกว่าสามร้อยล้านก็ปรากฎขึ้นเหนือหัวของพวกมันแต่ละตัว และนี่ก็ทำให้ HP ของพวกมันลดลงในอัตราที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
นอกจากนี้แล้วด้วยการโจมตีนี้ของซือเฟิงมันก็ได้ทำให้พลังการต่อสู้ของวิญญาณเลือดปีศาจลดลงไปด้วยอันเนื่องมาจากอาการบาดเจ็บ
และในตอนนี้แม้แต่อสูรเลือดปีศาจบางส่วนก็ยังอดไม่ได้ที่จะมองไปยังซือเฟิงอย่างหวาดกลัว ซึ่งถ้าไม่ใช่เพราะว่าพวกมันคิดว่าตัวเองยังคงมีข้อได้เปรียบบางอย่างอยู่บ้าง พวกมันก็คงจะหันหลังกลับ และวิ่งหนีไปแล้ว
ขณะเดียวกันเมื่อได้เห็นพลังการโจมตีของซือเฟิงนั้น โคลท์ชาโด้วและคนอื่นๆก็รู้สึกพูดไม่ออกอย่างถึงที่สุด
ด้วยพลังที่น่ากลัวแบบนี้ ซือเฟิงสามารถจะจัดการมอนสเตอร์ทั้งหมดนี้ที่อยู่ตรงหน้าของเขาได้อย่างง่ายดายเลย
หลังจากซือเฟิงเห็นว่าตัวเองทำการดึงดูดค่าความโกรธของวิญญาณเลือดปีศาจได้แล้ว เขาก็ได้ตะโกนขึ้นมาว่า “เริ่มกันได้แล้ว !!!”
เมื่อไฟเออร์แดนซ์ และคนอื่นๆได้ยินคำสั่งของซือเฟิง พวกเขาก็ได้เริ่มกระจายตัว
กันออกไป และเริ่มเข้าปะทะกับอสูรเลือดปีศาจที่เคลื่อนตัวเข้ามาหาพวกเขาอย่างช้าๆ … โดยในตอนนี้นั้นด้วยผลของการสร้างโลกของซือเฟิงที่ช่วยปราบปรามอสูรเลือดปีศาจเอาไว้ มันจึงทำให้ทุกคนสามารถต่อสู้กับมอนสเตอร์เหล่านี้ได้ง่ายขึ้นมากๆ
และทุกคนในตอนนี้นั้นก็รู้ดีว่าพวกเขาจำเป็นจะต้องโฟกัส และตั้งใจเรียนรู้กับโอกาสที่ซือเฟิงสร้างให้อย่างถึงที่สุด เพราะหากพวกเขาไม่ทำตอนนี้มันอาจจะเป็นเรื่อง
ยากมากๆในอนาคต เนื่องจากเมื่อเข้าไปลึกขึ้นในดินแดนลับแบบนี้นั้น มันก็จะมีอันตรายที่เพิ่มขึ้นมากๆ
สำหรับซือเฟิงในตอนนี้เมื่อได้เห็นการเคลื่อนไหวล่าสุดของสมาชิกในกิลของเขา เขาก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
ในตอนนี้สมาชิกของสภาสิบแปดปีกทั้งหมดล้วนกำลังต่อสู้กับอสูรเลือดปีศาจกันอย่างน้อยคนละหนึ่งตัว ขณะเดียวกันในหมู่พวกเขานั้นมันก็มีคนอย่าง ไฟเออร์แดนซ์ไวโอเล็ตคลาวด์ อควาโรส เสวี่ยเหวินโหรว หยานเทียนซิง อี้ลั่วเฟย โคลท์ชาโด้ว และคนอื่นๆอีกนิดหน่อยที่กำลังต่อสู้กับอสูรเลือดปีศาจพร้อมกันสองตัว
หลังจากนั้นเวลาก็ค่อยๆผ่านไปทีละนิด และไม่นานสี่ชั่วโมงก็ได้ผ่านไป ….
แม้ว่า HP ของอสูรเลือดปีศาจที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่แต่ละคนของสภาสิบแปดปีกต่อสู้อยู่จะยังคงเหลืออยู่มากกว่าเก้าสิบเปอเซ็นต์ แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ทั้งหมดในปัจจุบันนั้นก็ได้รับการปรับปรุงไปอย่างมาก
ในตอนแรกที่ต่อสู้กับอสูรเลือดปีศาจนั้น เหล่าผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ของสภาสิบแปดปีกยังคงเคลื่อนไหวอย่างเก้ๆกังๆอยู่ อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขาสามารถที่จะต่อสู้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ และลื่นไหลราวกับสายน้ำแล้ว ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขานั้นมีความเข้าใจต่อกฎการทำงานขององค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ขึ้นอย่างมาก
“นี่คือการทำงานขององค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ที่แท้จริงงั้นหรอ ?!”
ในระหว่างที่ไวท์เฟเธอร์เผชิญหน้ากับอสูรเลือดปีศาจสี่ตัวนั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เพราะเธอไม่คิดเลยว่าดินแดนลับแห่งนี้มันจะช่วยให้เธอพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ โดยในตอนนี้นั้นเธอสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองไปได้มากกว่าหนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์แล้ว
อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่แค่ไวท์เฟเธอร์เท่านั้น ตอนนี้หลายๆคนนั้นก็มีความก้าวหน้าและพัฒนาไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน เพียงแต่ว่าความก้าวหน้าและการพัฒนาของแต่ละคนนั้นมันก็แตกต่างกันออกไป
โดยในส่วนของโคลท์ชาโด้วนั้นเธอสามารถจะปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองไปได้มากกว่าหนึ่งร้อยสิบห้าเปอเซ็นต์แล้ว ขณะที่อควาโรสกับเสวี่ยเหวินโหรวนั้นก็น่ากลัวยิ่งกว่า เพราะตอนนี้พวกเขาสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของพวกเขามาได้ถึงหนึ่งร้อยยี่สิบเปอเซ็นต์แล้ว
ซึ่งในตอนนี้ซือเฟิงก็รู้สึกว่าถ้าอควาโรส และเสวี่ยเหวินโหรวต้องการนั้น พวกเขาก็น่าจะสามารถเลื่อนขั้นไปเป็นขั้นห้าได้ทันที
เนื่องจากในตอนนี้นั้นซือเฟิงสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า เสวี่ยเหวินโหรว และอควาโรสนั้นสามารถควบคุมกับใช้งานองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ได้อย่างสมบูรณ์แบบมากๆ ซึ่งนี่มันก็ทำให้เป็นไปได้เลยที่ทั้งสองจะเริ่มสร้างร่างมานาขั้นห้าได้แล้ว
ขณะเดียวกันรองลงมาจากอควาโรสและเสวี่ยเหวินโหรวนั้น ผู้ที่อยู่ใกล้เคียงกับการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยยี่สิบเปอเซ็นต์นั้นก็คือไฟเออร์แดนซ์ ไวโอเล็ตคลาวด์ หยานเทียนซิง อี้ลั่วเฟย และคนอื่นๆอีกนิดหน่อย ….
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ของสภาสิบแปดปีกกำลังฝึกอยู่กับอสูรเลือดปีศาจอย่างเมามันนั้น NPC จำนวนมากก็ได้เริ่มหลั่งไหลเข้ามาจากโลกอื่น ซึ่งนี่มันก็ทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญในทวีปด้านตะวันออกที่เฝ้าดูสถานการณ์อยู่อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
“มันจบแล้ว !! มันจบแล้ว !!!”
“ทำไมถึงมี NPC ขั้นสี่จำนวนมากขนาดนี้ ?!!”
แอสซาซินขั้นสี่ที่เฝ้ามองอยู่จากระยะไกลอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหมดหวัง เมื่อได้เห็นกองทัพ NPC จากโลกอื่นที่กำลังเดินทางเข้ามา
เนื่องจากกองทัพ NPC เหล่านี้มีสัดส่วน NPC ขั้นสี่ที่สูงมากในกองทัพ โดยคิดเป็นราวหนึ่งต่อหนึ่งร้อย ในขณะเดียวกันกองทัพ NPC ที่เดินทางเข้ามานี้ก็มีจำนวนราวสิบล้านคน และจะมีมากขึ้นในอนาคตด้วย
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือตอนนี้มันมี NPC ขั้นสี่หลั่งไหลเข้าสู่ทวีปด้านตะวันออกมากกว่าหนึ่งแสนคน
ขณะเดียวกันในด้านของทวีปหลักนั้น โดยทั่วไปแล้วอาณาจักรหนึ่งจะมี NPC ขั้นสี่อยู่ราวหนึ่งพันคนเท่านั้น และแม้ว่าจะมีพวก NPC ขั้นสี่ที่ปกปิดตัวตัวอยู่อีก แต่อย่างมากมันก็จะไม่เกินสองถึงสามพันคนแน่นอน สำหรับจักรวรรดิจำนวนก็อาจจะมากกว่าอาณาจักอยู่ประมาณหนึ่ง แต่มันก็ยังคงจัดว่าห่างไกลจากกองทัพ NPC ผู้รุกรานจากโลกอื่นมากๆ
ในสงครามโลกครั้งก่อนนั้น มันมีอาณาจักรในทวีปด้านตะวันออกถูกทำลายไปเกือบยี่สิบอาณาจักร และคราวนี้เมื่อดูจากจำนวนของกองทัพ NPC แล้ว แม้แต่จักรวรรดิก็จะไม่รอดชีวิตไปแน่นอน
เมื่อกองกำลังขนาดใหญ่ต่างๆในทวีปด้านตะวันออกได้รับข่าวนี้ พวกเขาก็รู้สึกสิ้นหวัง และพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
เนื่องจากในตอนนี้นั้นจำนวน และคุณภาพของ NPC ที่มาจากในโลกอื่นนั้นมันสูงและแข็งแกร่งกว่าที่พวกเขาคาดการณ์ไว้มาก และนี่ก็ยังไม่นับรวมกองกำลังของผู้เล่นจากโลกอื่นอีก ซึ่งมันทำให้เป็นไปได้เลยที่กองกำลังขนาดใหญ่ในทวีปด้านตะวันออกจะสามารถต้านทานการรุกรานนี้ได้
และเนื่องจากแรงกดดันทั้งหมดนี้เองกองกำลังขนาดใหญ่ต่างๆในทวีปด้านตะวันออกจึงเริ่มรวบรวมกำลังพลกันอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่มหาอำนาจบางส่วนก็เริ่มติดต่อกับมหาอำนาจในทวีปด้านตะวันตกให้เข้ามาช่วยเหลือ และแน่นอนว่ามหาอำนาจในทวีปด้านตะวันตกนั้นก็เต็มใจที่จะเข้ามาช่วยเหลือ เพราะท้ายที่สุดแล้วพวกเชารู้ดีว่า หากทวีปด้านตะวันออกถูกทำลาย ต่อไปมันก็จะเป็นคิวของพวกเขาแน่นอน
ซึ่งด้วยสถานการณ์ทั้งหมดนี้เอง มันก็ทำให้ทวีปด้านตะวันออกตกอยู่ในความวุ่น
วายมากๆ
อย่างไรก็ตามด้านของซือเฟิงกับคนอื่นๆที่อยู่ในดินแดนลับของเทพปีศาจนั้นก็ไม่ได้รู้อะไรเลย และพวกเขาก็ยังคงต่อสู้กับฝึกกับพวกมอนสเตอร์ภายในนี้อย่างเมามัน
หลังจากใช้เวลามากกว่าสิบชั่วโมงในการฝึกจนสามารถแก้ปัญหาก่อนหน้านี้ที่แต่ละคนต้องเผชิญได้ ซือเฟิงก็ได้ออกคำสั่งให้เริ่มการสังหารมอนสเตอร์เหล่านี้ ….
แต่อย่างไรก็ตามอสูรเลือดปีศาจที่ไฟเออร์แดนซ์กับคนอื่นๆรับมืออยู่นั้นมันก็จัดว่าแข็งแกร่งมากๆ ซึ่งพวกเขาก็ต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งในการจะฆ่ามัน โดยหากจะพูดให้แม่นยำก็คือพวกเขาจะต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งนาทีในการฆ่าพวกมันหนึ่งตัว
ในทางตรงกันข้ามซือเฟิงนั้นรวดเร็วกว่าพวกเขามากๆ โดยซือเฟิงได้ทำการฆ่าวิญญาณเลือดปีศาจสี่ตัวลงไปได้ในเวลาไม่ถึงยี่สิบนาที
เมื่อวิญญาณเลือดปีศาจสี่ตัวตายลง มันก็ทำให้ทั้งทีมนั้นได้รับ EXP จำนวนมหาศาล และมีเลเวลเพิ่มขึ้นหนึ่งเลเวลทันที ขณะที่ตัวซือเฟิงนั้นก็มีเลเวลเพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งร้อยห้าสิบเจ็ด ซึ่งความเร็วในการเก็บเลเวลนี้มันเร็วพอๆกับขี่จรวดเลยทีเดียว
และหลังจากนั้นเมื่อวิญญาณเลือดปีศาจสี่ตัวที่ตายลงดรอปไอเทมออกมา มันก็ทำให้โคลท์ชาโด้วและคนอื่นๆตกตะลึงอย่างถึงที่สุด โดยพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะขยี้ตาด้วยซ้ำ เพราะพวกเขานึกว่าพวกเขาได้เห็นภาพหลอน
ตอนที่ 2895 ดินแดนลับที่เปรียบได้ดั่งสมบัติ
ไอเทมที่วิญญาณเลือดปีศาจสี่ตัวดรอปออกมาหลังจากตายไปนั้นค่อยๆตกลงมาจากท้องฟ้าเหมือนกับเม็ดฝน
ซึ่งเท่าที่พวกเขาประมาณด้วยสายตาคร่าวๆนั้นมันก็มีจำนวนมากกว่าสามร้อยชิ้น แถมในหมู่ไอเทมพวกนี้มันยังมีมากกว่าสามชิ้นที่พวกเขาสามารถบอกได้ด้วยตาเปล่าเลยว่ามันอยู่ในระดับอีปิค และมันก็ดูเหมือนจะมีเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานดรอป
ออกมาสองชิ้นด้วย ….
แม้แต่ซือเฟิงที่เฝ้ามองอยู่ในปัจจุบันก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
แม้เขาจะรู้มานานแล้วว่าอัตราการดรอปของมอนสเตอร์ในดินแดนลับ ระดับพระเจ้านั้นมันสูงกว่าโลกภายนอกมาก แต่พอได้มาเห็นด้วยตาตัวเองจริงๆมันก็ยังอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงอยู่ดี
สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องรู้ก็คือ พวกมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายหรือเหนือกว่าขึ้นไปนั้นเมื่อมีเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบ อัตราการดรอปไอเทมระดับอีปิคของพวกมันก็จะลดลงอย่างมาก ซึ่งนี่มันเป็นสิ่งที่ระบบกำหนดมา เพราะว่ามอนสเตอร์ที่เลเวลนี้นั้นจะ
ดรอปไอเทมระดับอีปิคเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบออกมา และแม้แต่มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายชั้นยอดนั้น หากมันดรอปอาวุธหรืออุปกรณ์ระดับอีปิคที่มีเลเวลมาก
กว่าหนึ่งร้อยห้าร้อยห้าสิบออกมาถึงหนึ่งถึงสองชิ้นนั้นมันก็จะจัดว่าผู้เล่นโชคดีมากแล้ว
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมผู้เล่นที่มีเลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบหรือมากกว่าใน God domain จึงมีอาวุธและอุปกรณ์ระดับอีปิคเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบน้อยมาก และพูดกันตามตรงหลายคนมีอาวุธกับอุปกรณ์ระดับอีปิคที่เลเวลนี้นั้นแค่คนละหนึ่งถึงสองชิ้นด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามตอนนี้ไอเทมระดับอีปิคที่ทุกคนเห็นว่ามันดรอปออกมามากกว่าสามชิ้นนั้น ทุกชิ้นกับเป็นไอเทมระดับอีปิคเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบทั้งหมด !!!
แต่กระนั้นซือเฟิงก็ไม่ได้เร่งรีบที่จะจัดการกับไอเทมที่ดรอปออกมา เนื่องจากเขาได้เลือกจะร่วมมือกับทุกคนในการฆ่าอสูรเลือดปีศาจที่เหลือก่อน ซึ่งมันก็ใช้เวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมงกว่าที่จะสามารถกำจัดอสูรเลือดปีศาจทั้งหมดลงไปได้
แม้ว่าการฆ่าอสูรเลือดปีศาจที่เหลือพวกนี้ทั้งหมดจะไม่ได้ทำให้ทุกคนเลื่อนเลเวลอีกครั้ง แต่พวกมันก็ยังคงมอบ EXP จำนวนมหาศาลให้กับทุกคนเช่นกัน ขณะที่จำนวนไอเทมระดับอีปิคที่พวกมันดรอปนั้นก็จัดว่าไม่เลวเลย
“หัวหน้ากิล ไอเทมระดับอีปิคพวกนี้นั้นล้วนเป็นอาวุธและอุปกรณ์ที่สามารถใช้ได้จนถึงเลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบทั้งหมดเลย แถมมันยังมีบางชิ้นที่เป็นส่วนหนึ่งของเซ็ทอุปกรณ์ระดับอีปิคเลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบด้วย” โคล่ากล่าวอย่างตื่นเต้นพลางหยิบเกราะเบาชิ้นหนึ่งวิ่งมาให้ซือเฟิงดู
ซือเฟิงเหลือบไปมองที่เกราะเบาที่โคล่านำมาให้ดู และก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “เซ็ทอุปกรณ์ระดับอีปิคหัวใจศักสิทธิ์ที่สามารถใช้ได้จนถึงเลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบ แปดชิ้นงั้นหรอ ?!”
เซ็ทอุปกรณ์ระดับอีปิคที่สามารถใช้ได้จนถึงเลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบนั้นมันหายากมากๆใน God domain ซึ่งมันเปรียบได้ดั่งเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานเลย และมันก็นับเป็นเรื่องยากสำหรับหัวหน้ากิลขนาดใหญ่บางคนด้วยซ้ำที่จะรวบรวมเซ็ทแบบนี้ให้ได้ครบ แต่อย่างไรก็ตามตราบใดที่รวบรวมได้ครบ และได้สวมใส่มันนั้น ค่าสถานะพื้นฐานที่มันมอบให้จะไม่ได้ด้อยไปกว่าอุปกรณ์ระดับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานเลย และเซ็ทแบบนี้ก็จะสามารถใช้ได้จนถึงเลเวลสองร้อยโดยไม่ต้องเปลี่ยนด้วยซ้ำ
อาจกล่าวได้ว่าเซ็ทอุปกรณ์ระดับอีปิคที่สามารถใช้ได้จนถึงเลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบนั้นเรียกได้ว่าเป็นชุดสำเร็จการศึกษาขนาดเล็กจาก God domain ก็ว่าได้ !!
ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา กิลของเขานั้นรวบรวมมาได้แค่เซ็ทอุปกรณ์ระดับอีปิคที่สามารถใช้ได้จนถึงเลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบแบบหกชิ้นเท่านั้น กิลของเขาไม่เคยได้สัมผัสกับอะไรที่สูงกว่านั้นเลย แถมเซ็ทที่รวบรวมมาได้มันก็ยังมีเซ็ทเดียวด้วย ซึ่งเซ็ทนี้นั้นก็จะให้ผู้บริหารระดับสูงในอาชีพเดียวกันผลัดเปลี่ยนกันใส่ เมื่อต้องทำภารกิจสำคัญๆ
แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ซือเฟิงไม่คิดเลยจริงๆว่าพวกมอนสเตอร์ในดินแดนลับของเทพปีศาจแห่งนี้จะดรอปเซ็ทอุปกรณ์ระดับอีปิคที่สามารถใช้ได้จนถึงเลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบออกมาด้วย แถมเซ็ทพวกนี้มันยังเป็นเซ็ทแบบแปดชิ้นอีกต่างหาก !!!
และตราบใดที่ผู้เล่นสามารถรวบรวมเซ็ทแบบนี้ที่เหมาะกับอาชีพของตัวเองได้ครบ และได้สวมใส่มันนั้น ผู้เล่นก็จะแทบเป็นอมตะเลยใน God domain ยุคปัจจุบันนี้ แถมเซ็ทแบบนี้หากผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ทั่วไปได้สวมใส่มัน บางทีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่คนนั้นอาจจะมีพลังที่สามารถต่อกรกับผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าได้เลย !!!
หลังจากนั้นไม่นานหยานเทียนซิงก็หยิบเซ็ทอุปกรณ์ระดับที่สามารถใช้ได้จนถึงเลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบขึ้นมาเช่นกัน อย่างไรก็ตามมันไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเซ็ทเกราะเบาแบบของโคล่า แต่มันเป็นเพราะผ้า ขณะที่ไวโอเล็ตคลาวด์ที่อยู่อีกด้านหนึ่งนั้นก็ค่อยๆหยิบขึ้นมาเช่นกัน ….
ซึ่งสิ่งนี้มันทำให้ทุกคนนั้นรู้สึกตกตะลึงมากๆ
เนื่องจากมันมีอาวุธและอุปกรณ์ระดับอีปิคที่สามารถใช้ได้จนถึงเลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบดรอปออกมาทั้งหมดเจ็ดสิบเอ็ดชิ้น และจากในนี้นั้นห้าชิ้นยังเป็นเซ็ทอุปกรณ์ระดับอีปิคที่สามารถใช้ได้จนถึงเลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบด้วย โดยแบ่งเป็นถุงมือจากเซ็ทหัวใจศักสิทธิ์หนึ่งชิ้น รองเท้าผ้า และถุงมือจากเซ็ทของอาชีพหนึ่งอีกสองชิ้น และรองเท้ากับเกราะผ้าจากเซ็ทหัวมังกรอีกสองชิ้น
นอกจากนี้มันยังมีเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานสองชิ้นดรอปออกมาด้วย ซึ่งนั่นก็คือโล่แห่งสายลม และแหวนผี ซึ่งทั้งคู่นั้นนับเป็นเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานที่มีคุณภาพสูงมาก และสิ่งที่สำคัญที่สุดมันก็ยังมีคริสตัลเทพเจ้าดรอปออกมาด้วย ซึ่งนี่มันก็ทำให้โคลท์ชาโด้วและคนอื่นๆตื่นเต้นมากๆ
จนถึงตอนนี้นั้นแม้แต่ซุเปอร์กิลต่างๆก็ยังนับว่ามีเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนาน และคริสตัลเทพเจ้าน้อยมากๆ เพราะไอเทมทั้งสองชิ้นนี้มันหายากมากๆ ดังนั้นการที่พวกเขาได้รับมันมาถึงสองชิ้นในการล่าคราวเดียวมันจึงเป็นเรื่องที่สุดยอดมากจริงๆ
ซือเฟิงมองไปที่เศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานสองชิ้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นว่า “ไวท์เฟเธอร์เอาโล่แห่งสายลมไป ส่วนแหวนผีนั้นฉันจะยกให้ไฟเออร์แดนซ์ เพราะมันเหมาะกับแอสซาซินแบบเธอ แล้วหลังจากนี้เดี๋ยวฉันจะหักคะแนนสะสมกิลเป็นค่าอุปกรณ์สองชิ้นนี้ไปเรื่อยๆเอง พวกคุณไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม ?”
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ฉันพึ่งจะเข้ากิลมาได้ไม่นาน เรื่องนี้ ….” เมื่อไวท์เฟเธอร์ได้ฟัง เธอก็เลือกที่จะพยายามปฎิเสธอย่างรวดเร็ว
มันจะเป็นเรื่องไร้สาระมากๆ หากบอกว่าผู้เล่นแบบเธอนั้นไม่ต้องการโล่แห่งสายลม แต่อย่างไรก็ตามเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานแบบนี้นั้นมันนับเป็นมรดกที่แท้จริงของกิล และกิลส่วนใหญ่ก็มักจะมอบให้กับสมาชิกในกิลที่อยู่ในกิลมานาน และไว้ใจได้เท่านั้น ซึ่งสำหรับเธอนั้นมันไม่ใช่เลย เธอพึ่งจะเข้ากิลสภาสิบแปดปีกมาได้ไม่นาน แถมกิลที่เธอเลือกจะออกมา ก่อนจะมาเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกนั้นก็คือไมโทโลจี้ซึ่งเป็นศัตรูของสภาสิบแปดปีกด้วย อีกทั้งนี่ยังนับเป็นโล่ที่สำคัญและเลอค่ามากๆสำหรับการ์เดี้ยนไนท์ ดังนั้นหากเธอยอมรับมันมาจากซือเฟิง มันจะสร้างความไม่พอใจให้คนในกิลหลายคนแน่นอน
ไฟเออร์แดนซ์มองไปยังไวท์เฟเธอร์ที่ต้องการจะปฎิเสธ และพูดว่า “พี่สาวไวท์เฟเธอร์เก็บมันไว้เถอะ การตัดสินใจของหัวหน้ากิลนั้นมีความสมเหตุสมผลตามธรรมชาติ และนี่มันก็เป็นเพียงโล่ระดับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานเท่านั้น ซึ่งแท๊งเกอร์ขั้นสี่ในทีมของเรานั้นก็มีโล่ที่มีความแข็งเทียบเท่าหรืออยู่ในระดับนี้ทั้งหมดแล้ว และหากคุณไม่ยอมรับมัน มันก็คงจะต้องถูกนำไปเก็บไว้ในคลังกิลให้ฝุ่นจับ ซึ่งไร้ประโยชน์มากๆ โดยแทนที่จะให้เป็นแบบนั้นการมอบให้คุณเพื่อเพิ่มพลังการต่อสู้โดยรวมของทีมมันก็ดูจะเหมาะสมมากกว่า”
เมื่อได้ยินคำพูดของไฟเออร์แดนซ์ สมาชิกของสภาสิบแปดปีกคนอื่นๆก็พยักหน้าเห็นด้วย เพราะท้ายที่สุดในฐานะหนึ่งในแท๊งเกอร์ของทีม หากไวท์เฟเธอร์ไม่มีโล่ที่เป็นเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานนั้น การปฎิบัติงานของพวกเขามันจะลำบากมากแน่นอนในภายหลัง
เมื่อไวท์เฟเธอร์เห็นว่าทุกคนรวมไปถึงโคล่า และเย่หวูเมียนไม่ได้ต่อต้านหรือปฎิเสธใดๆ เธอก็เลือกที่จะพยักหน้ารับมันมาจากซือเฟิง และแม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดตรงๆ แต่ภายในใจของเธอนั้นก็รู้สึกชื่นชม และเริ่มศรัทธาในกิลที่มีชื่อว่าสภาสิบแปดปีกมากขึ้น
หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้ให้ทั้งทีมหยุดพักเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง ก่อนที่เขาจะนำทั้งทีมเดินลึกเข้าไปในดินแดนลับของเทพปีศาจต่อ
ซึ่งพวกเขาก็พบกับมอนสเตอร์จำนวนมากที่เข้ามาปิดล้อมพวกเขาในระหว่างการเดินทาง และนอกเหนือจากนี้แล้วมันก็ยังมีการซุ่มโจมตีเป็นระยะๆจากมอนสเตอร์ และวิธีการต่อสู้ของพวกมอนสเตอร์นั้นมันก็ฉลาดมากขึ้นเรื่อยๆด้วย
และเมื่อตรงเข้าไปลึกขึ้นอีก ทั้งทีมก็เริ่มพบกับกับดักที่ถูกวางไว้ ซึ่งนี่มันก็ทำให้พวกเขาเคลื่อนที่ไปได้ช้ามากๆ
อย่างไรก็ตามมันก็โชคดีที่ซือเฟิงนั้นเป็นผู้เล่นขั้นห้า และจำนวนคนที่ตายในการต่อสู้แต่ละครั้งนั้นมีไม่มากนัก ดังนั้นหลังจากการใช้สกิลและเวทย์ช่วยฟื้นคืนชีพ รวมถึงการสลับหมุนเวียนตำแหน่งกัน มันจึงช่วยให้ทีมที่ประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่แทบทั้งหมดนี้สามารถก้าวไปข้างหน้าได้เรื่อยๆ
มันเป็นเวลาติดต่อกันสี่วันสี่คืนทั้งกลางวันและกลางคื ยกเว้นบางครั้งที่มีการหยุดพักล๊อคเอ้าท์กลับไปพักผ่อนในโลกภายนอก และติดตามข่าวสารต่างๆที่ผู้เล่นทั้งหมดนี้ทำการล่าอย่างบ้าคลั่ง และตรงลึกเข้าไปในดินแดนลับของเทพปีศาจเรื่อยๆ
ซึ่งนี่มันก็ทำให้เลเวลของทุกคนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยตอนนี้นั้นทุกคนล้วนมีเลเวลหนึ่งร้อยหกสิบห้าหรือสูงกว่าทั้งหมด ขณะที่นั้นก็มาถึงเลเวลหนึ่งร้อยหกสิบเจ็ดแล้ว ความเร็วในการเก็บเลเวลแบบนี้นั้นมันเร็วมากๆซะจนทำให้สมาชิกขั้นสี่หลายคนในทีมพูดไม่ออก โดยปกติแล้วหลังจากที่พวกเขามาถึงเลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบแล้วนั้น ความต้องการ EXP ในการจะเพิ่มเลเวลต่อๆไปนั้นมันก็สูงขึ้นมาก และโดยเฉลี่ยแล้วมันจะเป็นเรื่องดีมากหากเก็บเลเวลให้เพิ่มขึ้นได้หนึ่งเลเวลต่อหนึ่งวัน
แต่ตอนนี้หลังจากผ่านไปเพียงสี่วัน พวกเขาแต่ละคนกับมีเลเวลเพิ่มขึ้นมากกว่าสิบเลเวล
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบเรื่องเลเวลกับอุปกรณ์ และอาวุธที่ได้รับมาแล้ว ทุกคนค่อนข้างจะมีความสุขกับอุปกรณ์ และอาวุธที่พวกเขาได้รับมามากกว่า
ตอนนี้สมาชิกในทีมของพวกเขาทั้งหมดได้เปลี่ยนไปสวมใส่อาวุธและอุปกรณ์ระดับอีปิคที่สามารถใช้ได้จนถึงเลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบเป็นอย่างน้อยแล้ว นึ่ยังไม่ต้องพูดถึงเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานอีกทั้งหมดสี่สิบห้าชิ้นที่พวกเขาได้รับมาระหว่างการล่าและเดินทางเลย และแม้แต่ซือเฟิงก็ยังอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ เมื่อเขาได้เห็นผลกำไรจากการเก็บเกี่ยว เขาไม่คิดเลยจริงๆว่าดินแดนลับ ระดับพระเจ้า เลเวลมาก
กว่าหนึ่งร้อยห้าสิบมันจะดีมากขนาดนี้ และตอนนี้ซือเฟิงก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมมหาอำนาจต่างๆในชีวิตที่ผ่านมาของเขาล้วนต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่งเพื่อแย่งชิงสิทเข้าสู่ดินแดนลับแบบนี้ในตอนที่มันถูกค้นพบ ….
แถมนอกเหนือจากไอเทมทั้งหมดที่ได้กล่าวไปข้างต้นนั้น พวกเขายังสามารถรวบรวมเซ็ทอุปกรณ์ระดับอีปิคที่สามารถใช้ได้จนถึงเลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบมาได้แบบครบเซ็ท หกเซ็ทแล้ว
โดยมันแบ่งเป็นเซ็ทอุปกรณ์หัวใจศักสิทธิ์หนึ่งเซ็ท เซ็ทอุปกรณ์เกราะผ้าสามเซ็ท เซ็ทหัวมังกรสองเซ็ท ซึ่งนี่มันก็ทำให้โคลท์ชาโด้วและคนอื่นๆนั้นรู้สึกพูดไม่ออกอย่างถึงที่สุด
ท้ายที่สุดแล้วสำหรับ God domain ในปัจจุบันนั้นแม้แต่เซ็ทอุปกรณ์ระดับอีปิคที่สามารถใช้ได้จนถึงเลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบก็ยังหายากมากแล้ว ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงที่สามารถใช้ได้จนถึงเลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบเลย
สำหรับเซ็ทเหล่านี้ ซือเฟิงได้เลือกจะมอบเซ็ทหัวใจศักสิทธิ์ให้กับเสวี่ยเหวินโหรว ส่วนเซ็ทอุปกรณ์เกราะผ้าสามเซ็ทนั้นซือเฟิงเลือกจะมอบให้ อควาโรส ไวโอเล็ต
คลาวด์ และอี้ลั่วเฟย ขณะที่ไฟเออร์แดนซ์กับหยานเทียนซิงนั้นก็ได้เซ็ทหัวมังกรไป ซึ่งนี่มันก็ทำให้ค่าสถานะของทั้งหกคนนี้ที่ได้รับเซ็ทไปพุ่งสูงขึ้นอีกมาก และส่งผลให้พวกเขามีค่าสถานะเป็นรองแค่ซือเฟิงเท่านั้น โดยเฉพาะเสวี่ยเหวินโหรวที่ตอนนี้ หลังจากสวมเซ็ทที่ซือเฟิงให้ไปนั้น ค่า STR ของเธอมันก็เกือบจะแตะเจ็ดหมื่นแต้มแล้ว ซึ่งมันเหนือกว่าผู้เล่นขั้นห้า เลเวลหนึ่งร้อยหกสิบทั่วไปด้วยซ้ำ
และหลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้แจกจ่ายคริสตัลเทพเจ้าทั้งหมดยี่สิบสี่ชิ้นให้กับเสวี่ยเหวินโหรว อควาโรส และไฟเออร์แดนซ์เพื่อให้พวกเธอนำไปอัพเกรด และซ่อมแซมเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานบางส่วนของพวกเธอให้มันกลายเป็นไอเทมระดับตำนานที่แท้จริง ซึ่งนี่มันก็ทำให้โคลท์ชาโด้วที่ได้เห็นเรื่องนี้นั้นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาสามสาวอย่างมาก
“หัวหน้ากิล ฉันพบซากปรักหักพังโบราณที่นี่ !!!” จู่ๆไฟเออร์แดนซ์ที่ออกไปสำรวจพื้นที่ด้านหน้าก็ตะโกนผ่านแชททีมมา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น