Reincarnation Of The Strongest Sword God 2763-2765

 ตอนที่ 2763 เทพ


มันตายเลยงั้นหรอ ?


ซือเฟิงตกตะลึง เมื่อเห็นโฟร์เบโร่ถูกฆ่าไปในการโจมตีเดียว


ลำแสงสีแดงนั้นไม่เพียงแต่มันจะมีความรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ แต่มันยังมีพลังมากเพียงพอที่จะฆ่าเจ้าชายปีศาจได้ในทันที


แม้ว่าไบเบิ้ลแห่งความมืดนั้นจะเรียกแค่ร่างที่อ่อนแอของโฟร์เบโร่ออกมา ไม่ใช่ร่างที่แข็งแกร่งที่สุดของมัน แต่ร่างที่อ่อนแอนี้มันก็ยังจัดว่าอยู่ในระดับครึ่งก้าวราชันปีศาจอย่างแท้จริง


แม้แต่ราชันปีศาจขั้นห้าที่แท้จริงก็ยังไม่สามารถจะฆ่าครึ่งก้าวราชันปีศาจได้ในการโจมตีเดียวเลย


สำหรับการที่ลำแสงสีแดงนี้มันจะมาจากกับดัก บาเรีย หรือวงเวทย์นั้นมันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้เลย เพราะท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าจะเป็นกับดัก บาเรีย และวงเวทย์ ผู้ใช้นั้นจะต้องมีพลังที่น่ากลัวมากๆจึงจะสามารถตั้งให้มันทำแบบนี้ได้ ไม่งั้นโดยทั่วไปแล้วมันก็จะทำได้แค่กักขังเท่านั้น มันไม่มีทางที่จะมีความสามารถในการจะฆ่าร่างอ่อนแอของครึ่งก้าวราชันปีศาจได้ในการโจมตีเดียวเลย


นี่ไม่ต้องพูดถึงว่าลำแสงนี้ไม่ได้ดูเหมือนมีต้นกำเนิดมาจากกับดัก บาเรีย และวงเวทย์เลย มันดูเหมือนเวทย์โจมตีมากกว่า


ทุกคนก็ตกตะลึงกับสถานการณ์นี้เช่นกัน และอาการตัวสั่น กับขนลุกก็แพร่กระจายไปทั่วร่างของพวกเขาทุกคนทันที


“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?”


“นั่นคือครึ่งก้าวราชันปีศาจนะที่เรากำลังพูดถึง !!!”


เจ้าชายปีศาจที่พวกเขาเชื่อว่าแทบจะเป็นอมตะได้ถูกฆ่าในทันที หากการโจมตีเมื่อครู่มันโดนผู้เล่นขั้นสามอย่างพวกเขา พวกเขาก็คงจะตายลงในเวลาไม่ถึงวินาทีแน่นอน ….

อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ


การที่อีกฝ่ายสามารถฆ่าครึ่งก้าวราชันปีศาจได้ในการโจมตีเดียวแบบนี้ มันก็เท่ากับว่าอีกฝ่ายจะต้องเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวมากๆ และอาจจะน่ากลัวที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเจอแน่นอน


ในขณะเดียวกันมันก็ไม่มีผู้เล่นคนใดที่กล้าจะยั่วยุตัวตนระดับนี้เลย เพราะท้ายที่สุดแล้ว หากพวกเขาถูกฆ่าด้วยฝีมือของตัวตนระดับนี้ มันมีสิทที่จะจบลงเป็นการทำลายล้างวิญญาณ และท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็จะต้องไปเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด


อย่างไรก็ตามก่อนที่ทั้งหมดจะทันได้หายตกตะลึง แรงกดดันทางจิตที่น่ากลัวก็ทวีความรุนแรงขึ้น และพุ่งตรงเข้าใส่พวกเขา


ซึ่งนี่มันทำให้ทุกคนนั้นแทบจะไม่สามารถขยับร่างกายของตัวเองได้เลย แถมมันยังดูเหมือนเวลาจะหยุดนิ่งไปด้วย ในขณะเดียวกันสมองของพวกเขามันก็รู้สึกแสบร้อน และเจ็บปวดมากๆ ตอนนี้พวกเขาไม่รู้แล้วจริงๆว่าพวกเขาควรจะต้องทำอะไร ….


ในขณะที่ทุกคนมีท่าทีแบบนี้นั้น ซือเฟิงก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง อย่างชัดเจน และหัวใจของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นหนาวเน็บทันที เมื่อเขาค้นพบเรื่องนี้


มันจบแล้ว !


ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา เขาเคยเห็นปรากฎการณ์หยุดเวลานี้เพียงครั้งเดียวในวีดีโอของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญขั้นหก ขอบเขตพระเจ้าที่ปะทะกับเทพปีศาจโบราณ


การต่อสู้ในครั้งนั้นทำให้โลกแตกออกเป็นเสี่ยงๆ อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากผู้เชี่ยวชาญขั้นหก ขอบเขตพระเจ้า และผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าจำนวนหนึ่งแล้ว ผู้เล่นคนอื่นๆก็ไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะเมื่อทุกคนฟื้นขึ้นมา การต่อสู้มันก็จบลงไปแล้ว


สำหรับผู้เล่นส่วนใหญ่ในตอนนั้น มันรู้สึกราวกับว่าการต่อสู้ได้เริ่มต้นและจบลงทันที ซึ่งมันทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนกับว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น


อย่างไรก็ตามนี่มันยังไม่ใช่แค่นั้น เพราะเมื่อพวกเขารู้สึกตัว หนึ่งในสิบของอาณาจักรของ God domain (หมายถึงอาณาจักรทั้งหมดใน God domain นับรวมกันนะที่หายไปหนึ่งในสิบ) ก็ได้หายไปอย่างสิ้นเชิง เหลือไว้เพียงแต่พื้นที่รกร้างว่างเปล่าที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆเท่านั้น


ตอนนี้มันดูเหมือนกับว่าฉากนี้กำลังจะฉายซ้ำต่อหน้าของซือเฟิง และนี่มันก็หมายความว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ได้อ่อนไปกว่าเทพปีศาจโบราณในชีวิตที่ผ่านมาของเขาเลย


เมื่อเวลาค่อยๆผ่านไปช้าลงมากขึ้น และความคิดของซือเฟิงกำลังจะหยุดนิ่ง ทันใดนั้นแสงสีแดงเข้มก็ผลิบานออกมาจากกระเป๋าของเขา ซึ่งการปรากฎขึ้นของแสงสีแดงเข้มนี้ มันได้ช่วยขจัดพลังที่ตอนนี้เขาต้องเผชิญอยู่ออกไปทันที


หลังจากนั้นใบดาบหักๆที่ดูซอมซ่อ แต่น่าสะพรึงกลัวก็บินออกมาจากกระเป๋าของซือเฟิง และลอยมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาอย่างเงียบๆ


นี่มัน …. ใบดาบแอช ! ซือเฟิงนั้นตกใจมากๆเมื่อได้เห็นใบดาบนี้


มันมีตำนานต่างๆเล่าขานถึงดาบแอชมากมายใน God domain และตามข่าวลือก็ดูเหมือนว่ามันจะเป็นอาวุธของผู้สังหารเทพ โดยดาบแอชนี้ก็ได้ปรากฎขึ้นในชีวิตก่อนหน้านี้ของซือเฟิงด้วยเช่นกัน แต่ในตอนนั้นเจ้าของอาวุธชิ้นนี้ก็เป็นผู้เล่นลึกลับที่แทบไม่มีใครรู้จักเลย อย่างไรก็ตามเมื่อผู้เล่นลึกลับคนนี้ใช้ดาบแอช เขาก็สามารถจะทำลายเมืองหลักของซุเปอร์กิลลงได้อย่างง่ายดายมากๆ ยิ่งไปปกว่านั้นดาบแอชที่คนๆนี้ใช้มันก็ทรงพลังมากๆ และมันทำลายอาวุธระดับอีปิคทั้งหมดได้แทบจะทันทีที่ถูกนำมาใช้รับมือกับมัน มันมีเพียงแต่เศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานเท่านั้นที่พอจะรับพลังของดาบแอชได้


ด้วยเหตุนี้เอง ทุกคนจึงสงสัยว่าดาบแอชนั้นเป็นอาวุธระดับตำนาน


ดังนั้นซือเฟิงจึงได้เลือกจะเก็บดาบแอชไว้มาคลอด แทนที่จะทิ้งไป เพราะท้ายที่สุดแล้วมันอาจมีสักวันหนึ่งที่เขาจะสามารถสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้


แน่นอนว่ามันก็มีตำนานอีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับดาบแอชเช่นกัน โดยตำนานนี้กล่าวว่าดาบแอชนั้นเป็นเบาะแสของมรดกของผู้สังหารเทพ อย่างไรก็ตาม ตามเอกสารทางประวัติศาสตร์ในห้องสมุดของอาณาจักรและจักรวรรดิต่างๆ มันไม่มีใครเคยพบดาบแอชมาก่อน แต่หลังจากผู้เล่นลึกลับที่ใช้ดาบแอชคนนี้ปรากฎตัว


และทำให้สถานะที่เป็นอยู่เดิมของ God domain เปลี่ยนไป ทุกคนจึงเริ่มหันมาให้ความสนใจกับดาบแอชมากขึ้น


“น่าสนใจจริงๆ ในบรรดาผู้คนที่มาถึงที่นี่ มีคนๆหนึ่งนำสิ่งนั้นมาด้วยสินะ …. ดูเหมือนว่าคุณจะค่อนข้างโชคดีทีเดียว …” ในขณะที่ซือเฟิงกำลังประหลาดใจเรื่องของใบดาบแอชตรงหน้าเขา เสียงที่ฟังดูไม่แยแสก็ดังมาจากส่วนลึกของถ้ำ ซึ่งมันไม่ได้พูดเป็นภาษามนุษย์ แต่มันพูดเป็นภาษาศักสิทธิ์ที่เหล่าทวยเทพใช้กัน


และมันก็คล้ายกับภาษาปีศาจ แม้ว่าซือเฟิงจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับภาษาศักสิทธิ์ แต่สมองของเขาก็ยังคงเข้าใจความหมายที่ถ่ายทอดออกมาโดยคำพูดนี้ และก่อนที่ซือเฟิงจะทันได้ตอบสนองอะไร ชายชราในชุดเสื้อคลุมสีเทาก็ปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าเขา


ร่างกายของชายชราคนนี้นั้นอยู่ในสภาพวิญญาณโปร่งแสง และมันก็ดูไม่เสถียรอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งทำให้ดูเหมือนว่าร่างของชายชราคนนี้จะหายไปเวลาใดก็ได้ อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็ยังคงรู้สึกได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่จากชายชราคนนี้ เพียงแต่ว่าเมื่อซือเฟิงทำการตรวจสอบเขากับไม่รู้อะไรเลย เพราะข้อมูลของชายชราคนนี้ที่ปิดบังไว้อย่างสมบูรณ์


“ท่านผู้อาวุโสที่เคารพ เรามาถึงที่นี่ด้วยความผิดพลาดบางประการ และเราก็ไม่ได้มาที่นี่ด้วยจุดประสงค์ใดๆ ฉันหวังว่าคุณจะยกโทษให้เรา” ซือเฟิงกล่าวขอโทษชายชราตรงหน้า และแสดงท่าทีที่เต็มไปด้วยความเคารพมากๆ


แม้ว่าซือเฟิงจะไม่ทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของชายชรา แต่ความจริงที่ว่าชายชราคนนี้สามารถทำให้เกิดปรากฎการณ์หยุดเวลาได้ มันก็หมายความว่าเขาอยู่ในมาตราฐานขั้นหกอย่างไม่ต้องสงสัย และแม้ว่าตอนนี้ชายชราจะหลงเหลือเพียงแค่วิญญาณ แต่เขาก็ยังไม่ใช่ตัวตนที่ซือเฟิงจะสามารถยั่วยุได้อยู่ดี


“คุณไม่จำเป็นต้องมาโกหกฉันหรอก ฉันรู้ว่าทำไมคุณถึงมาที่นี่ ….” ชายชรากล่าว ขณะที่เขามองไปยังซือเฟิงอย่างเงียบๆ ซึ่งการจ้องมองของเขานั้นมันก็ดูเหมือนว่าจะสามารถมองทะลุได้ถึงวิญญาณของซือเฟิงทั้งหมดเลย “ไม่เพียงแต่คุณจะได้รับแผนที่นั้นมา แต่คุณยังมีแม้กระทั่งใบดาบแอช ซึ่งในกรณีนี้มันก็แปลว่าคุณมีสิทที่จะเข้าไปในสถานที่แห่งนี้และเรียนรู้ถึงความลับของมัน สำหรับเรื่องที่ว่าคุณจะเรียนรู้ได้มากแค่ไหน มันก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองทั้งหมด ฉันเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ และผู้พิทักษ์สถานที่แห่งนี้เท่านั้น ฉันไม่ได้คิดจะมาขัดขวางความก้าวหน้าของคุณหรอก”

ซือเฟิงนั้นรู้สึกโล่งใจ เมื่อได้ยินคำพูดของชายชรา


ไม่ว่าชายชราจะโกหกเขาหรือไม่ ซือเฟิงก็ไม่ได้สนใจแล้ว เพราะท้ายที่สุดต่อให้ชายชราโกหก ซือเฟิงก็ไม่สามารถจะทำอะไรกับชายชราได้อยู่ดี


“ท่านผู้อาวุโสที่เคารพ ฉันขอถามหน่อยว่าแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนของฉัน ?” ซือเฟิงถามอย่างเป็นห่วง


แม้ว่าตัวเขาเองจะไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายใดๆอีกต่อไป แต่นั่นมันก็ไม่สามารถจะพูดแบบเดียวกันได้กับเพื่อนร่วมทีมของเขา และมันก็มีความเป็นไปได้สูงที่ชายชราคนนี้จะลบพวกเขาออกไปอย่างสมบูรณ์เพื่อให้การคงอยู่ของสถานที่แห่งนี้ยังเป็นความลับต่อไป


“ไม่ต้องกังวลหรอก ฉันจะไม่ฆ่าพวกเขา” ชายชราพูดพลางหัวเราะเบาๆ ขณะที่เขามองไปยังเพื่อนร่วมทีมของซือเฟิง “อย่างไรก็ตามพวกเขาเป็นคนที่ได้รับพรจากสวรรค์ ซึ่งพวกเขาจะไม่ตายแน่นอนแม้ว่าพวกเขาจะถูกฆ่า ใช่ไหมล่ะ ? …..”


ซือเฟิงนั้นอดไม่ได้ที่จะมีความกังวลใจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เมื่อเขาได้ยินคำถามของชายชรา


ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกว่าชายชราคนนี้รู้หลายสิ่งหลายอย่างจริงๆ แล้วเขาก็อาจจะเข้าใจถึงตัวตน และการมีอยู่ที่แท้จริงของผู้เล่นด้วย ไม่งั้นเขาคงจะไม่ถามคำถามแบบนี้


นี่เป็นครั้งแรกที่ซือเฟิงได้พบกับ NPC แบบนี้


“เอาล่ะ ฉันคิดว่าฉันควรจะเลิกก่อกวนคุณดีกว่า ….” เนื่องจากซือเฟิงไม่กล้าจะตอบคำถามของเขา ชายชราจึงเลือกจะละทิ้งหัวข้อนี้ไป จากนั้นเขาก็พูดว่า “คุณเป็นผู้ถือใบดาบแอช ซึ่งนั่นมันก็หมายความว่าคุณเป็นผู้ที่ถูกเลือก ดังนั้นคุณจะสามารถเข้าไปในส่วนลึกของถ้ำได้ สำหรับคนอื่นๆ พวกเขาจะถูกเทเลพอร์ตออกจากสถานที่แห่งนี้”


“แน่นอนว่า ในเมื่อคุณเป็นผู้โชคดีที่ถูกเลือก ดังนั้นคุณจะสามารถนำอีกเก้าคนไปพร้อมกับคุณได้”


“อย่างไรก็ตามคุณควรจะคิดให้ดีว่าจะนำใครไปกับคุณบ้าง ความลับของสถานที่แห่งนี้ มันไม่ใช่สิ่งที่แม้แต่คนที่ได้รับพรจากสวรรค์จะสามารถจินตนาการได้ ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียว มันอาจส่งผลให้คุณตายอย่างแท้จริงเลย”


ชายชรานั้นค่อนข้างจะเน้นย้ำมากๆกับคำว่าตายอย่างแท้จริง แต่ซือเฟิงนั้นไม่สามารถจะเดาน้ำเสียงชายชราได้ออกเลยว่านี่เขากำลังเตือนหรือปั่นหัวซือเฟิงเล่นกันแน่


อย่างไรก็ตาม ซือเฟิงก็ไม่ได้สนใจคำพูดของชายชรามากนัก เพราะท้ายที่สุดแล้วเป้าหมายของเขาในการมาเยี่ยมชมเทือกเขาที่ถูกทำลายนั้นก็คือดินแดนลับเอิร์ธฟอล แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันมีอะไรอยู่ในดินแดนลับ แต่จากสิ่งที่เขาได้ยินมา ซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดสามจากห้ากิลที่ผูกขาดดินแดนลับแห่งนี้ไว้ได้ในชีวิตที่ผ่านมาของเขานั้นได้รับผลประโยชน์ไปอย่างมหาศาล ดังนั้นนี่มันก็หมายความว่าดินแดนลับไม่น่าจะเป็นสถานที่ที่อันตรายมาก


“ฉันตัดสินใจจะนำพวกเขาสี่คนไปกับฉัน โอเคไหม ?” ซือเฟิงถามขณะที่เขาชี้ไปที่ไลฟ์เลสธอร์น โซริทารี่ไนน์ หยานย่า และคลีนซิ่งวิสเซิล


“แค่สี่งั้นหรอ ?” หลังจากเหลือบมองไปที่ไลฟ์เลสธอร์นและคนอื่นๆแล้ว ชายชราก็มองไปที่ซือเฟิงด้วยความประหลาดใจ และถามว่า “คุณแน่ใจงั้นหรอว่าคุณต้องการจะนำคนไปแค่นี้ ? ฉันเดาว่าคุณก็น่าจะพอรู้ถึงค่าใช้จ่ายในการเข้าไปในนั้นดี สถานที่แห่งนั้นมันไม่ได้ธรรมดาเลย และระยะเวลาที่คุณจะสามารถอยู่ที่นั่นได้มันก็มีจำกัด

นะ”


“ฉันแน่ใจ” ซือเฟิงพยักหน้า


ในขั้นต้น เขาได้พิจารณาจะนำคนอื่นๆมาด้วย อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าความลับนี้มันจะยิ่งใหญ่กว่าที่เขาคิด ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการจะเสี่ยงเพิ่มเติม


ซึ่งมันทำให้เขาตัดสินใจจะนำกลุ่มของไลฟ์เลสธอร์นไปกับเขาด้วยเพียงสี่คนเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดทั้งสี่นั้นรู้ความลับของเขามานานแล้ว และถือได้ว่าเป็นคนของเขาอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามสมาชิกทีมอาชูร่าคนอื่นๆนั้นยังไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ ….


“โอเค นี่มันก็ถือเป็นการตัดสินใจของคุณล่ะนะ …” ชายชราไม่ได้คิดจะพูดใดๆต่อ ก่อนที่เขาจะโบกมือไปยังทั้งสี่คนที่ซือเฟิงเลือก


ทันใดนั้นนอกเหนือจากไลฟ์เลสธอร์น โซริทารี่ไนน์ หยานย่า และคลีนซิ่งวิสเซิลแล้ว ทุกคนก็ได้กลายเป็นลำแสงและบินออกไปจากเทือกเขาที่ถูกทำลายทันที


ในขณะเดียวกันไลฟ์เลสธอร์นและคนอื่นๆก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ


“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?”


เมื่อไลฟ์เลสธอร์นและคนอื่นๆเห็นสถานการณ์ในปัจจุบันของพวกเขา พวกเขาก็เต็มไปด้วยความงุนงง


เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา มันไม่มีใครยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขาเลย ในความเป็นจริงแม้แต่ซือเฟิงเองก็ยังยืนอยู่ด้านหลังของพวกเขา อย่างไรก็ตามในพริบตาไม่เพียงแต่ซือเฟิงจะมาปรากฎตัวต่อหน้าของพวกเขาเท่านั้น แต่สมาชิกในทีมคนอื่นๆของพวกเขายังหายไปด้วย และตอนนี้ความทรงจำของพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ว่างเปล่าเลย


แถมตอนนี้มันยังมีชายชราที่ดูน่ากลัวยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาด้วย ซึ่งชายชราคนนี้นั้นพวกเขาก็ไม่สามารถจะตรวจสอบข้อมูลใดๆของเขาได้เลย


“เอาล่ะ หยุดจ้องมองกันแบบนั้นเลย มันน่ารำคาญสุดๆ นี่คุณคิดว่าฉันจะไม่รู้สึกตัวรึไง ?” ชายชราตะโกนใส่ไลฟ์เลสธอร์นและคนอื่นๆทันที “ช่วยให้เกียรติกันบ้าง !!! ครั้งนี้ฉันจะปล่อยพวกคุณไป แต่ถ้าครั้งหน้ายังกล้ามาทำแบบนี้อีกพวกคุณตายแน่ !!!”


เมื่อได้ยินคำพูดของชายชรา ไลฟ์เลสธอร์นและคนอื่นๆก็พยักหน้าพลางเลิกใช้สกิลตรวจสอบของพวกเขาใส่ชายชราทันที


“ดี งั้นก็ตามฉันมาได้แล้ว !!!”


ชายชราพยักหน้าเมื่อเห็นไลฟ์เลสธอร์นและคนอื่นๆเชื่อฟังเขาแต่โดยดี จากนั้นเขาก็เริ่มนำทางเข้าไปยังส่วนลึกของถ้ำ


ตอนที่ 2764 ดินแดนของเหล่าเทพที่ร่วงหล่น


นอกเทือกเขาที่ถูกทำลาย บึงกลืนกิน :


มันมีแสงหลายสิบแสงพุ่งลงมาบนผืนป่าที่เต็มไปด้วยบึง และหนองน้ำ ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าอันยีลดิ้งฮาร์ทและคนอื่นๆนั้นถูกส่งออกมาจากเทือกเขาที่ถูกทำลายแล้ว


“เราฟื้นคืนชีพขึ้นมาแล้วงั้นหรอ ?” อันยีลดิ้งฮาร์ทมองไปที่สภาพแวดล้อมของเขาด้วยความสับสน “ทำไมเราถึงฟื้นคืนชีพขึ้นมาที่นี่ ? แล้วหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมล่ะ ?”


บึงกลืนกินนั้นเป็นแผนที่เป็นกลางที่อยู่ติดกับเทือกเขาที่ถูกทำลาย อย่างไรก็ตามแผนที่นี้มันก็มีเลเวลสูงมาก โดยมันมีมอนสเตอร์ที่มีเลเวลตั้งแต่หนึ่งร้อยสามสิบหรือมากกว่าขึ้นไป มันไม่ได้เหมาะสำหรับพวกเขาที่จะใช้เดินทางกลับเลย และตอนขามา พวกเขาก็เดินเข้าสู่เทือกเขาที่ถูกทำลายผ่านแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบเองด้วย


“ฉันไม่คิดว่านี่เป็นการฟื้นคืนชีพจากการตายนะ ….” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวพลางส่ายหัว “มีความเป็นไปได้มากว่าเราน่าจะถูกเคลื่อนย้ายมาที่นี่ด้วยการเทเลพอร์ต และผู้ที่ทำก็น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่เราเจอเมื่อกี้นี้ ….”


แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่มันก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่พวกเขาจะถูกเทเลพอร์ตออกมาจากถ้ำ เพราะท้ายที่สุดแล้วมันไม่มีใครในหมู่พวกเขาที่มีเลเวลลดลงไปเลย


“พี่สาวอิลูซะรี่ นอกเหนือจากแบล๊คเฟรมแล้ว ฝั่งของทีมอาชูร่าก็ดูเหมือนจะหายไปสี่คนด้วย” บลูเกาน์กล่าวอย่างรู้สึกแปลกๆ หลังจากตรวจสอบทั้งทีมแล้ว


เมื่อได้ยินคำพูดของบลูเกาน์ คนอื่นๆก็สังเกตเห็นได้ทันทีว่าไลฟ์เลสธอร์น และสมาชิกทีมอาชูร่าอีกสามคนหายไป ซึ่งเมื่อได้รู้เรื่องนี้ มันก็ทำให้เหล่าสมาชิกทีมอาชูร่าอดไม่ได้ที่จะกังวล


“พวกเขาถูกทิ้งไว้ด้านหลังงั้นหรอ ?” อันยีลดิ้งฮาร์ทพึมพำอย่างไม่รู้ตัว


เมื่อได้ยินคำพูดของอันยีลดิ้งฮาร์ท ทุกคนก็รู้สึกหนาวสั่นและขนลุกขึ้นมาทันที


ก่อนที่พวกเขาจะไม่รู้สึกตัวและมาโผล่ตรงนี้นั้น พวกเขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันทางจิตที่พุ่งเข้าใส่พวกเขาอย่างชัดเจน โดยมันมาจากส่วนลึกของถ้ำ และหากไม่ใช่เพราะพวกเขาหมดสติไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาก็คงจะถูกบังคับให้คุกเข่าตามมาแน่นอน


ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้นกำเนิดของแรงกดดันทางจิตแบบนี้จะต้องเป็นตัวตนที่น่ากลัวมากๆแน่นอน และอาจจะเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเจอ ตั้งแต่พวกเขาเล่น God domain มาเลยก็ได้


พวกเขานั้นแทบจะจินตนาการไม่ออกเลยว่า หากถูกตัวตนระดับนี้กำหนดเป้าหมาย แล้วมันจะเป็นยังไง ….


“ถ้ามันเป็นเรื่องจริง งั้นตอนนี้ก็แย่แล้ว ….” อิลูซะรี่เวิร์ดขมวดคิ้ว เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้


เมื่อเทียบกับตัวตนที่น่ากลัวแบบนี้แล้ว ผู้เล่นขั้นสี่อย่างซือเฟิงก็ไม่ได้ต่างไปจากมดปลวกเลย ในความเป็นจริงตัวตนระดับนี้น่าจะสามารถทำลายวิญญาณของผู้ที่ตกเป็นเป้าหมายได้เลยด้วยซ้ำ เพราะท้ายที่สุดแล้วมันก็ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างมากมายที่เธอไม่รู้จัก และถูกจัดให้อยู่ในระดับที่น่ากลัวมากๆ ….


“มาจัดระเบียบทีมใหม่ แล้วกลับไปดูกันดีกว่า แค่ยืนเฉยๆและไม่ทำอะไรมันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย” อันยีลดิ้งฮาร์ทกล่าวแนะนำ


“ไม่ เราไม่สามารถจะกลับเข้าไปในนั้นได้” อิลูซะรี่เวิร์ดโต้ตอบพลางส่ายหัว “เนื่องจากตัวตนระดับนั้นเลือกจะเก็บพวกเขาไว้ที่นั่น ดังนั้นเรื่องนี้มันจึงน่าจะมีเหตุผล ไม่งั้นทำไมพวกเราถึงได้ออกจากที่นั่นมาอย่างปลอดภัย ขณะที่พวกเขาไม่ละ ? ยิ่งไปกว่านั้นเราไม่มีเวลาจะเข้าไปในเทือกเขาที่ถูกทำลายอีกแล้ว …”


“ทำไมล่ะ ?” อันยีลดิ้งฮาร์ทถามอิลูซะรี่เวิร์ดอย่างประหลาดใจ


แม้ว่าข้อสันนิษฐานของอิลูซะรี่เวิร์ดจะถูกต้อง แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจะทิ้งซือเฟิงและคนอื่นๆโดยไม่ทำอะไรเลยได้ และที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาไม่รู้เลยว่าทั้งสามกิลทำตามแผนของซือเฟิงได้สำเร็จหรือไม่ เพราะหากไม่สำเร็จ มันจะเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นมาในภายหลังแน่นอน


“ฉันพึ่งได้รับข่าวมาว่า ไม่เพียงแต่จำนวน NPC จะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง แต่ตอนนี้สมาชิกของมหาอำนาจต่างๆก็กำลังเผชิญหน้ากับความยากลำบากมากๆในการเก็บเลเวล ซึ่งมันทำให้ไม่นานหลังจากที่เราเริ่มส่งสมาชิกของเราเข้าไปในหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ พวกมหาอำนาจต่างๆก็เริ่มรู้ถึงเรื่องนี้ และเริ่มคาดเดากันว่าที่นี่น่าจะเป็นจุดเก็บเลเวลที่ยอดเยี่ยม เป็นผลให้พวกเขาเริ่มส่งสมาชิกเข้ามาที่เมืองสกายสปริง และเริ่มมีการปะทะกับคนของเราหลายครั้งแล้ว” อิลูซะรี่เวิร์ดอธิบาย “เราต้องรีบกลับไปจัดการสถานการณ์นี้โดยเร็วที่สุด เพราะมันคงเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะปิดล้อมเมืองสกายสปริงด้วยผู้เชี่ยวชาญขั้นสามแค่หยิบมือเดียว”


“พวกเขาเริ่มเคลื่อนไหวแล้วงั้นหรอ ?” อันยีลดิ้งฮาร์ทรู้สึกประหลาดใจกับข้อมูลนี้


ในตอนแรกเขาคิดว่ามหาอำนาจต่างๆจะไม่ให้ความสำคัญกับหอคอยแห่งพันธสัญญาลับมากนัก เพราะท้ายที่สุดแล้วมหาอำนาจต่างๆน่าจะรู้แค่ผิวเผินเท่านั้น ซึ่งนั่นหมายถึงพวกเขารู้เพียงว่ามันเป็นพื้นที่เก็บเลเวลชั้นยอด ดังนั้นเขาจึงไม่คาดคิดเลยว่าสถานการณ์จะมาถึงจุดนี้ได้


อย่างไรก็ตามด้วยการเพิ่มขึ้นอย่างมากของประชากร NPC มันทำให้ความลำบากในการไปเก็บเลเวลตามแผนที่ปกติเพิ่มขึ้นอย่างมาก นี่มันจึงทำให้พื้นที่เก็บเลเวลชั้นยอดมีค่ามากกว่าเดิมนั่นเอง ….


ตอนนี้เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองในการจะให้สมาชิกเก็บเลเวลได้อย่างรวดเร็ว มหาอำนาจหลายกลุ่มเริ่มมุ่งเป้ามาที่หอคอยแห่งพันธสัญญาลับแล้ว


หากมหาอำนาจเหล่านี้เข้าไปในหอคอย และค้นพบมรดก เรื่องราวมันจะยิ่งซับซ้อนและยากลำบากมากขึ้นแน่นอน


“นี่เป็นเหตุผลที่เราต้องรีบกลับไปจัดการกับสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เรื่องแบล๊คเฟรมตอนนี้ฉันไม่รู้ แต่ถ้าเขาจัดการงานของตัวเองเสร็จแล้วผลปรากฎว่า หอคอยกับเมืองถูกยึดไปแล้ว อันนี้ฉันคิดว่ามันน่าจะแย่ยิ่งกว่าแน่นอน ….” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าว จากนั้นเธอก็หยิบม้วนคัมภีร์วาร์ปกลับเมืองออกมา และเทเลพอร์จกลับไปยังสถานที่พักกิลของจักรพรรดิคริมสันในเมืองปีกสีเงินทันที


หลังจากอิลูซะรี่เวิร์ดทำแบบนี้แล้ว สมาชิกของจักรพรรดิคริมสันคนอื่นๆก็ค่อยๆทยอยทำตามเธอทั้งหมด ….


“เราจะทำยังไงกันดี ?” มู่หลิงชาถามอันยีลดิ้งฮาร์ท เมื่อเห็นว่าสมาชิกของจักรพรรดิ

คริมสันจากไปทั้งหมดแล้ว “เราจะกลับด้วยไหม ?”


“ตอนนี้มันก็เป็นสิ่งเดียวที่เราสามารถทำได้นั่นแหละ หวังว่าด้านของหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมจะปลอดภัยกัน ไม่เช่นนั้นเราจะมีเส้นทางที่ยากลำบากมาก รออยู่ด้านหน้าแน่นอน” อันยีลดิ้งฮาร์ทกล่าวถอนหายใจ ขณะที่เขาหยิบม้วนคัมภีร์วาร์ปกลับเมืองออกมา


หลังจากนั้นสมาชิกของอันยีลดิ้งโซลคนอื่นๆก็เริ่มทำตามเขา และก็จากไปทั้งหมดทันที สำหรับสมาชิกของทีมอาชูร่า พวกเขาวางแผนที่จะอยู่ที่นี่ และเก็บเลเวลไปเรื่อยๆ รอรองผู้บัญชาการของพวกเขาติดต่อมา


ในช่วงเวลาที่อิลูซะรี่เวิร์ด และอันยีลดิ้งฮาร์ทได้รีบกลับไปควบคุมสถานการณ์โดยรวมของหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ ซือเฟิงและคนอื่นๆก็ได้มาถึงส่วนที่ลึกที่สุดของถ้ำที่พวกเขาอยู่


“นี่ … นี่ … นี่คือความลับของถ้ำนี้งั้นหรอ ?”


ไลฟ์เลสธอร์นเต็มไปด้วยความตกตะลึง และประหลาดใจมากๆ ขณะที่เขาจ้องมองไปยังโพรงน้ำแข็งตรงหน้าเขา


โพรงน้ำแข็งมีความกว้างกว่าสิบกิโลเมตร และภายในเป็นโลกสีขาวราวกับหิมะ โดยมีรูปแกะสลักน้ำแข็งเป็นรูปครึ่งเอลฟ์ ครึ่งออร์ค และพวกคนแคระ รวมถึงอีกหลายเผ่าพันธุ์ โดยรูปแกะสลักน้ำแข็งพวกนี้มันแผ่ออร่าที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเจ้าชายปีศาจ

ฟอร์เบโร่ออกมาซะอีก


ในขณะเดียวกันรูปปั้นเหล่านี้ก็มีจำนวนเป็นหมื่น ….


ยิ่งไปกว่านั้นรูปแกะสลักน้ำแข็งที่อยู่ลึกเข้าไปใจกลางโพรงน้ำแข็งยังแผ่ออร่าที่แข็งแกร่งออกมามากกว่าบริเวณที่อยู่ต้นๆทางด้วย ซึ่งนี่มันทำให้ไลฟ์เลสธอร์นและคนอื่นๆรู้สึกหวาดกลัวมากๆจนแทบไม่กล้าขยับเข้าใกล้พวกมันเลย


ในขณะนี้นับประสาอะไรกับไลฟ์เลสธอร์น และคนอื่นๆ แม้แต่ซือเฟิงก็ยังประหลาดใจกับกลัวฉากนี้


อย่างไรก็ตามซือเฟิงรู้อย่างชัดเจนดีกว่าไลฟ์เลสธอร์นและคนอื่นๆว่ารูปแกะสลักน้ำแข็งนี่มันคืออะไร


รูปแกะสลักน้ำแข็งน้ำแข็งพวกนี้มันคืออดีตพวกเทพขั้นหกที่แท้จริงทั้งหมด !!! และเขาก็เคยอ่านเรื่องราวของมันบางส่วนมาจากห้องสมุดแล้ว


จากฉากในถ้ำทั้งหมด เขาสามารถบอกได้เลยว่าพวกขั้นหกเหล่านี้ต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงบางอย่าง และสุดท้ายมันก็จบลงที่พวกเขาทั้งหมดถูกแช่แข็งไปชั่วนิรันดร์


มันเกิดบ้าอะไรขึ้นที่นี่กัน ?


ซือเฟิงนั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างมาก ขณะที่เขามองไปยังฉากที่น่าสยดสยองตรงหน้า เหล่าพวกขั้นหกนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยืนอยู่ในจุดสูงสุดของ God domain และกองกำลังขั้นหกจำนวนมากกว่าหนึ่งโหลตรงนี้นั้นก็สามารถจะกวาดผ่านไปทั่วทั้งทวีป และ Dark Abyss ได้อย่างง่ายดาย พวกที่อยู่ในขั้นนี้ล้วนเป็นเหล่าผู้อยู่เหนือทุกสิ่งอย่างแท้จริง และแม้กระทั่งจะรวมผู้เชี่ยวชาญขั้นหกที่เป็นผู้เล่นในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิงมาต่อสู้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจะต่อสู้กับกองกำลังนี้ได้แน่นอน


ทว่าตอนนี้พวกเทพขั้นหกตรงหน้าของเขากับถูกแช่แข็งไว้ชั่วนิรันดร์จริงๆ และดูจากรูปแล้ว มันน่าจะเกิดจากการเคลื่อนไหวเพียงแค่ครั้งเดียวด้วย


ตอนที่ 2765 มรดกผู้สังหารเทพ


หลังจากความเงียบสงัดไปชั่วครู่ในบริเวณโพรงน้ำแข็ง เสียงที่ลึกลับและเต็มไปด้วยอารมณ์ก็ดังเข้ามาที่หูของซือเฟิง


“คุณไม่ควรจะถามหรือพยายามคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต และรวมไปถึงสิ่งที่ทำให้เกิดการตายของเหล่าตัวตันที่ทรงพลัง และทวยเทพพวกนี้ พูดกันตามตรงก็คือคุณไม่ควรจะแส่เข้าไปคิดถึงปัญหาของเรื่องนี้”


“ผลที่ตามมาของการทำแบบนี้ มันไม่ใช่สิ่งที่แม้แต่บุคคลที่ได้รับพรจากสวรรค์เช่นตัวคุณเองจะสามารถทนได้ ผลที่ตามมามันอาจจะทำให้คุณเสียสติได้เลย” ชายชรากล่าวเตือน เมื่อเขาเห็นความอยากรู้อยากเห็นปรากฎขึ้นบนใบหน้าของซือเฟิงและคนอื่นๆ


แม้ว่าเสียงของชายชราจะไม่ได้มีแรงกดดันทางจิต และไม่ได้มีการบีบบังคับใดๆ แต่ความมั่นใจที่แฝงมากับน้ำเสียงของเขา มันก็ทำให้ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น


สำหรับไลฟ์เลสธอร์น โซริทารี่ไนน์ หยานย่า และคลีนซิ่งวิสเซิล แม้ว่าพวกเขาจะหวาดกลัวกับคำเตือนของชายชรา แต่ความอยากรู้อยากเห็นมันก็ยังคงปรากฎอยู่บนใบหน้าของพวกเขาอย่างชัดเจน ซึ่งมันแสดงให้เห็นเลยว่าพวกเขาไม่ได้ปฎิบัติต่อคำเตือนของชายชราอย่างจริงจัง


ท้ายที่สุดแล้วนี่มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเหล่าทวยเทพ


ผู้เล่นที่ยังค่อนข้างใหม่กับ God domain นั้นถือว่าคำว่า “พระเจ้า” และ “เทพ” เป็นคำนามที่ดีที่สุดเท่านั้น และอย่างมากที่สุดเทพนั้นก็หมายถึงมอนสเตอร์ประเภทที่ทรงพลังมากๆสำหรับพวกเขา อย่างไรก็ตามผู้ที่ผจญภัยอยู่ใน God domain อย่างแท้จริง และศึกษาประวัติศาสตร์ของเกมในห้องสมุดของอาณาจักรและจักรวรรดิต่างๆมาจะล้วนตระหนักดีว่าเทพนั้นไม่ได้เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลัง เพราะในขณะเดียวกันพวกเขาก็เป็นตัวแทนของความสุดโต่ง ซึ่งเป็นเส้นทางที่จะนำไปสู่จุดสูงสุดของ God domain


ดังนั้นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเหล่าทวยเทพจึงนับเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่สำหรับผู้เล่น


นี่เป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เล่นขั้นสาม เช่นตัวพวกเขาเอง พวกเขาค่อนข้างตระหนักดีว่าพวกเขาไม่สามารถจะก้าวไปข้างหน้าด้วยตัวเองได้อีกต่อไป และหากพวกเขาต้องการจะก้าวสู่ขั้นต่อไป พวกเขาจำเป็นจะต้องเดินตามรอยเท้าของผู้คนรุ่นก่อนที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้ว ซึ่งการก้าวตามรอยเท้าของเหล่าทวยเทพโบราณ มันก็น่าจะจัดว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย


“มันไม่มีใครในหมู่พวกคุณควรมองลึกลงไปที่เรื่องนี้ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ ….” ซือเฟิงพูดกับไลฟ์เลสธอร์นและคนอื่นๆ


เขารู้ดีว่าเรื่องราวของเหล่าทวยเทพนั้นน่าดึงดูดเพียงใดสำหรับผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม พวกเขาจะไม่ลังเลที่จะพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทวยเทพ แม้ว่าจะมีความเสี่ยงใหญ่หลวงก็ตาม เพราะท้ายที่สุดหนทางที่จะทำให้พวกเขาเข้าสู่ขั้นต่อไปได้ มันยากเกินไป


และโดยปกติผู้เล่นก็จะสามารถปรับปรุงตัวเองได้อย่างมากแล้วจากซากปรักหักพังโบราณที่เหลือรอดมาถึงตอนนี้ของสิ่งมีชีวิตขั้นห้า ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงพวกสิ่งมีชีวิตขั้นหกเลย


อย่างไรก็ตามในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิง การหายตัวไปของผู้เชี่ยวชาญชั้นยอด ผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดหรือเก่งกาจกว่านั้นทั้งในโลกแห่งความเป็นจริง กับโลกแห่งเกม มักจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเทพขั้นหก ดังนั้นใครก็ตามที่พยายามจะเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับเทพขั้นหก ในตอนที่ตัวเองยังเป็นเพียงผู้เล่นขั้นสาม หรือขั้นสี่ จะต้องตายแน่นอน หากพวกเขาโชคร้าย พวกเขาก็อาจหายตัวไปเหมือนเหล่าผู้เชี่ยวชาญในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิง แต่หากพวกเขาโชคดี ไอดีของพวกเขาก็อาจจะแค่ถูกทำลาย และพวกเขาก็จะถูกบังคับให้ต้องไปเริ่มต้นใหม่อีกครั้งเท่านั้น


เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง ไลฟ์เลสธอร์นและคนอื่นๆก็มองมายังซือเฟิงอย่างสงสัย พวกเขาไม่คิดเลยว่าซือเฟิงจะหยุดไม่ให้พวกเขามองลึกลงไปที่เรื่องนี้ต่อ


“ดูเหมือนว่าคุณจะรู้ขีดจำกัดของตัวเองนะเด็กๆ ….” ชายชรากล่าวพลางจ้องมองไปยังซือเฟิงด้วยความชื่นชม “ใช่แล้ว มีเพียงแต่คนที่รู้ถึงขีดจำกัดความแข็งแกร่งและความสามารถของตัวเองเท่านั้นที่จะมีชีวิตยืนยาวได้ และแม้แต่ผู้ที่ได้รับพรจากสวรรค์ก็ไม่มีข้อยกเว้นในเรื่องนี้”


เมื่อได้ยินคำพูดล่าสุดของชายชรา ไลฟ์เลสธอร์นและคนอื่นๆก็ตื่นขึ้นมาจากความโลภทันที


“ขอบคุณ ผู้บัญชาการ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าฉันจะถูกล่อลวงด้วยผลประโยชน์ที่อยู่ตรงหน้าของฉัน ….” ไลฟ์เลสธอร์นกล่าวด้วยความขอบคุณ แต่น้ำเสียงของเขาก็แฝงความกลัวเข้ามาด้วย


God domain นั้นเป็นเกมที่เน้นความสมดุลเสมอ ผลกำไรมหาศาลมักมาพร้อมกับสิ่งที่ต้องแลกเปลี่ยนอย่างมหาศาล หากคนๆหนึ่งพยายามจะแสวงหาโอกาสและผลกำไร โดยยังไม่มีความแข็งแกร่งที่มากเพียงพอ คนๆหนึ่งนี้ก็จะตายแน่นอน ซึ่งมันตรงกับพวกเขาในตอนนี้เลย พวกเขายังไปไม่ถึงขั้นสี่ด้วยซ้ำ แต่พวกเขากับกำลังคิดจะมองหาความลับของขั้นหก นี่มันจัดเป็นการฆ่าตัวตายดีๆนี่เอง


“นี่มันเป็นเรื่องปกติแหละ และท้ายที่สุดแล้วมันก็มีแค่ไม่คนเท่านั้นใน God domain ที่จะสามารถสงบสติอารมณ์ของตัวเองลงได้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเหล่าทวยเทพ” ซือเฟิงกล่าวพลางส่ายหัว ถ้าเขาไม่ได้มีประสบการณ์จากชีวิตที่ผ่านมาของเขา เขาก็คงจะมีปฎิกิริยาที่ไม่แตกต่างไลฟ์เลสธอร์นและคนอื่นๆ และเผลอๆเขาอาจจะบ้าคลั่งมากกว่าด้วย


ในยุคปัจจุบันที่เหล่าทวยเทพถอนตัวออกไปจากโลกที่เป็นทวีปหลักแล้วนั้น แม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็ยังพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาถึงข้อมูลและเบาะแสของเทพขั้นหก ในความเป็นจริงแม้แต่ NPC ขั้นห้าก็ยังจะต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่งเพื่อเรื่องนี้


“เอาล่ะ คุยกันพอแล้ว …” หลังจากเห็นว่าซือเฟิงและคนอื่นๆสงบลงแล้ว ชายชราก็กวักมือเรียกพวกเขาไป และพูดต่อว่า “มาตรงนี้ ต่อจากนี้มันคือช่วงเวลาที่คุณรอคอย และมันก็เป็นช่วงเวลาสุดท้ายด้วย ความมั่งคั่งและสมบัติที่คนๆนั้นทิ้งไว้ให้กับคนแบบคุณ ผู้ที่ได้รับพรจากสวรรค์”


สมบัติที่ถูกทิ้งไว้โดยผู้สังหารเทพงั้นหรอ ? ซือเฟิงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำพูดของชายชรา


ผู้สังหารเทพนั้นเป็นตัวตนในตำนานของ God domain แม้ว่าจะไม่มีใครแน่ใจว่าผู้สังหารเทพได้กลายเป็นเทพหรือไม่ แต่มันก็มั่นใจได้จุดหนึ่งเลยคือจุดกำเนิดแรกเริ่มนั้นเขาเป็นมนุษย์ ในขณะเดียวกันผู้สังหารเทพนั้นก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่แม้แต่เทพยังเกรงกลัว มันมีเทพมากกว่าสิบองค์ที่ถูกผู้สังหารเทพจัดการไป อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลใดก็ไม่ทราบ อยู่ๆผู้สังหารเทพก็ได้หายตัวออกไปจากประวัติศาสตร์ของ God domain อย่างกระทันหัน โดยทิ้งร่องรอย และเบาะแสไว้เพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับตัวตนของเขาเท่านั้น


โดยปกติร่องรอยและเบาะแสพวกนี้จะได้มาจากซากปรักหักพังโบราณ และมันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาบันทึกใดๆที่เกี่ยวข้องกับผู้สังหารเทพ ในห้องสมุดของอาณาจักรและจักรวรรดิต่างๆ มันราวกับว่าตัวตนของผู้สังหารเทพได้ถูกลบล้างออกไปจากประวัติศาสตร์ และคนรุ่นหลังก็ไม่สามารถจะตรวจสอบตัวตน และการดำรงอยู่จริงๆของผู้สังหารเทพได้ แม้ว่าพวกเขาจะต้องการก็ตาม


อย่างไรก็ตามมันก็มีความคิดเห็นเชิงลบมากมายเกี่ยวกับผู้สังหารเทพเช่นกัน บางคนกล่าวว่าผู้สังหารเทพเป็นคนบาปที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ God domain ขณะที่บางคนก็กล่าวว่าผู้สังหารเทพนั้นเป็นผู้ร้ายที่อยู่เบื้องหลังที่ทำให้เกิดสงครามการทำลายล้างครั้งใหญ่ และทำให้ยุคของเทพสิ้นสุดลง


หลังจากนั้นไม่นานชายราก็พากลุ่มของซือเฟิงทั้งห้าคนไปยังใจกลางโพรงน้ำแข็ง ซึ่งมีเหล่าเทพที่ถูกแช่แข็งนับโหลยืนอยู่


เมื่อมาถึงบริเวณนี้ ซือเฟิงและคนอื่นๆก็สังเกตเห็นรอยแยกมิติที่มีขนาดเล็ก และไม่สามารถจะตรวจจับได้จากระยะไกล และหลังจากเคลื่อนที่เข้ามาอยู่ใกล้มันในระยะราวสามสิบหลาแล้วเท่านั้น พวกเขาจึงเริ่มสังเกตเห็นถึงการมีอยู่ของมัน


ภายใต้รอยแยกมิตินี้มันก็มีวงเวทย์ที่ซับซ้อนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้อยู่ มันซับซ้อนมากจนแม้แต่ซือเฟิงก็ยังรู้สึกเวียนหัวจากการมองมันเพียงครั้งเดียว นี่ก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยว่า เขาไม่สามารถแม้แต่จะถอดรหัสวงเวทย์นี้ได้ ….


“นี่คือสมบัติงั้นหรอ ?” โซริทารี่ไนน์ประหลาดใจ เมื่อเขาเห็นรอยแยกมิติขนาดเล็กนี้ ชั่วขณะหนึ่งเขาเริ่มรู้สึกว่าชายชรากำลังหลอกเขา


มันมีสิ่งใดที่พวกเขาจะสามารถทำได้กับรอยแยกมิติขนาดเล็กกัน ?


แม้ว่ารอยแยกมิติขนาดเล็กนี้จะนำไปสู่สถานที่บางแห่งที่พิเศษ แต่มันก็มีขนาดเล็กจนเกิดจนผู้เล่นไม่สามารถจะเข้าไปในรอยแยกมิติได้


“ถูกต้อง นี่คือสมบัติ ….” ชายชรากล่าวพลางหัวเราะเบา “คุณอาจจะคิดว่ารอยแยกมิติขนาดเล็กนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร และไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น แต่ถ้าฉันบอกว่ามันเชื่อมต่อกับอดีตล่ะ ?” โซริทารี่ไนน์ตกตะลึงขึ้นมา ….


การข้ามผ่านไทม์ไลน์นั้นยังคงเป็นไปไม่ได้เลย แม้แต่ในโลกเกมเสมือนจริงอย่าง God domain


“ท่านผู้อาวุโสที่เคารพ ที่คุณบอกกับเรานั่นหมายถึงว่ารอยแยกมิตินี้สามารถพาเราเดินทางไปยังโลกอื่นๆได้ใช่ไหม ?” ไลฟ์เลสธอร์นกล่าวถามโดยคิดว่าชายชราไม่ได้เข้าใจคำที่เขาพูดว่า “เชื่อมต่อกับอดีต” ว่ามันหมายถึงอะไร


ในความเป็นจริงแม้แต่ตัวซือเฟิงเองก็ยังสงสัยในสิ่งที่ชายชราหมายถึง เขาไม่อยากจะเชื่อว่ารอยแยกมิตินี้มันเชื่อมต่อกับอดีตจริงๆ


“ไม่ใช่ มันเชื่อมต่อกับอดีตจริงๆ มันไม่ได้เชื่อมต่อกับพื้นที่อื่นหรือโลกอื่น” ชายชรากล่าวพลางส่ายหัว เขาพอจะเดาสิ่งที่ซือเฟิงและคนอื่นๆคิดอยู่ออกในทันที ก่อนที่เขาจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจว่า “ฉันรู้ว่าพวกคุณไม่เชื่อฉัน และมันก็ไม่มีทางที่คุณจะเชื่อฉัน เพราะการเดินทางข้ามเวลา มันเป็นสิ่งที่แม้แต่เทพโบราณก็ยังไม่สามารถจะบรรลุได้ อย่างไรก็ตามนี่มันเป็นความจริง”


“ยิ่งไปกว่านั้นรอยแยกมิตินี้ยังเชื่อมต่อกับอดีตที่เป็นยุคโบราณของ God domain !!”


คำพูดของชายชรานั้นทำให้ทุกคนตกตะลึง


เชื่อมต่อกับยุคโบราณของ God domain งั้นหรอ ? ซือเฟิงรู้สึกว่าโลกทัศน์ของเขาได้พังทลายลง และเขาก็รู้สึกตกตะลึงเกินกว่าที่จะบรรยายได้ นี่มันคือความลับที่แท้จริงของดินแดนลับเอิร์ธฟอลงั้นหรอ ?


ยุคโบราณของ God domain นั้นเป็นยุคแห่งความอัศจรรย์ อารยธรรมต่างๆนั้นมีความยิ่งใหญ่มากๆ และมันก็ยังคงเชื่อมโยงกับเหล่าเทพอยู่ ซึ่งมันเป็นยุคที่เหล่าเทพได้ท่องไปทั่วทุกที่ และเนื่องจากมันยังไม่เกิดสงครามการทำลายล้างครั้งใหญ่ God domain ยุคนั้นมันจึงอุดมไปด้วยทรัพยากรมีค่าจำนวนมหาศาล ซึ่งยุคปัจจุบันไม่สามารถเทียบกับยุคโบราณของ God domain ได้เลยในเรื่องนี้


“ฉันจะไม่กล่าวอะไรเพิ่มเติมแล้วล่ะ …. เนื่องจากครั้งนี้เป็นครั้งแรกของพวกคุณ ดังนั้นพวกคุณจึงจะได้เข้าไปโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ อย่างไรก็ตามคุณมีเวลาจำกัดที่จะอยู่ภายในนั้น ยิ่งไปกว่านั้นยิ่งคุณแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งส่งผลกระทบต่อยุคโบราณมากเท่านั้น และนี่มันก็จะทำให้โลกยุคโบราณสังเกตเห็นการปรากฎตัวของคุณได้ง่ายขึ้น ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น โลกยุคโบราณก็จะปฎิเสธตัวตนของคุณและขับไล่คุณออกมา เมื่อไปที่นั่น คุณจะสามารถเก็บเกี่ยวได้มากแค่ไหน มันก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง ….” ชายชรากล่าวอย่างช้าๆ “อย่างไรก็ตามฉันต้องเตือนคุณอย่างหนึ่งว่ายุคโบราณนั้นไม่ใช่สวรรค์บบที่คุณคิด !!! และคุณอาจจะตายถาวรได้เลยถ้าคุณไม่ระวัง !!!”


ก่อนที่ซือเฟิงและพรรคพวกของเขาจะทันได้ถามคำถามใดๆเพิ่มเติม ชายชราก็โบกมือเปลี่ยนซือเฟิงและอีกสี่คนให้กลายเป็นริ้วแสงพุ่งเข้าสู่รอยแยกมิติขนาดเล็กนี้ไปทันที

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)