Reincarnation Of The Strongest Sword God 2858-2860

 ตอนที่ 2858 การเทเลพอร์ตข้ามทวีป


ป้อมปราการแสงดาว หอคอยอัญเชิญ :


หลังจากใช้คริสตัลเวทย์มนต์ไปมากกว่าแปดหมื่นชิ้นเพื่อซื้อวัสดุที่ต้องการจากเผ่าศักสิทธิ์ ซือเฟิงก็ได้เริ่มจัดเรียง และวาดวงเวทย์ขึ้นในหอคอยอัญเชิญ ….


เดิมทีหอคอยอัญเชิญนั้นถูกใช้ในการอัญเชิญมอนสเตอร์ออกมาต่อสู้ และมันก็จัดเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของป้อมปราการแสงดาว


อย่างไรก็ตามหอคอยอัญเชิญนั้นก็นับเป็นหอคอยเทเลพอร์ตแบบหนึ่งเช่นกัน โดยมันมีวงเวทย์เทเลพอร์ตหลงเหลืออยู่มาจากยุคโบราณ ดังนั้นมันจึงสามารถใช้อัญเชิญมอนสเตอร์จากโลกอื่นออกมาเป็นผู้พิทักษ์ป้อมปราการได้นั่นเอง


แต่โดยปกตินั้นมันก็ไม่สามารถจะใช้เชื่อมต่อเส้นทางการเดินทางทั้งสองทวีปเข้าด้วยกันได้


อย่างไรก็ตามในตอนนี้นั้นสถานการณ์ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป เมื่อซือเฟิงอยู่ใกล้เคียงกับการกลายเป็นสุดยอดปรมาจารย์วงเวทย์แล้ว และเขาก็ยังมีความเชี่ยวชาญในเรื่องวงเวทย์เทเลพอร์ตค่อนข้างมาก ดังนั้นตอนนี้มันจึงมีความเป็นไปได้แล้วที่จะทำได้ ….


ในชีวิตที่แล้วของซือเฟิง มันมีจุดเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อทวีปหลักสองด้านเข้าด้วยกันอยู่ในหลายเมือง ซึ่งพวกมันทั้งหมดล้วนเป็นวงเวทย์เทเลพอร์ตที่ผู้เล่นสร้างขึ้นเอง ไม่ใช่วงเวทย์เทเลพอร์ตที่หลงเหลือมาจากสมัยโบราณ


แต่ถึงกระนั้นผู้เล่นก็จำเป็นจะต้องปฎิบัติตามเงื่อนไขสามข้อก่อน พวกเขาจึงจะสามารถสร้างวงเวทย์เทเลพอร์ตที่ใช้เชื่อมต่อทวีปหลักสองด้านเข้าด้วยกันได้


หนึ่งคือผู้เล่นต้องอยู่ใกล้เคียงกับการกลายเป็นสุดยอดปรมาจารย์วงเวทย์แล้ว และมีความเชี่ยวชาญในเรื่องวงเวทย์เทเลพอร์ตค่อนข้างมาก


สองคือผู้เล่นจำเป็นจะต้องมีแบบแปลนวงเวทย์วงเวทย์เทเลพอร์ตอยู่กับตัว


ส่วนอย่างที่สามคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ซึ่งนั่นก็คือ จุดที่จะทำการติดตั้งและสร้างวงเวทย์เทเลพอร์ตที่ใช้เชื่อมต่อทวีปหลักสองด้านเข้าด้วยกัน


เมื่อปฎิบัติตามเงื่อนไขทั้งสามข้อนี้ได้ผู้เล่นก็จะสามารถสร้างวงเวทย์เทเลพอร์ตที่ใช้เชื่อมต่อทวีปหลักสองด้านเข้าด้วยกันได้ หรือที่หลายคนในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิงเรียกมันในแบบที่ง่ายๆว่า วงเวทย์เทเลพอร์ตข้ามทวีป


แต่อย่างไรก็ตาม ตามข้อที่สามนั้นมันก็มีพื้นที่ในการจะใช้สร้างวงเวทย์เทเลพอร์ตนี้อยู่มากกว่ายี่สิบแห่งเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในทวีปหลักทั้งสองด้าน แถมบางแห่งยังอยู่ในดินแดนต้องห้ามหรือ สถานที่ที่อันตรายมากๆด้วย โดยเมื่อมหาอำนาจต่างๆในชีวิตที่ผ่านมาของเขารู้เรื่องนี้กัน พวกเขาก็ล้วนต่อสู้แย่งชิงพื้นที่แต่ละแห่งกันอย่างบ้าคลั่ง


อย่างไรก็ตามตราบใดที่สามารถจะสร้างวงเวทย์เทเลพอร์ตข้ามทวีปนี้ขึ้นมาได้ ผู้เป็นเจ้าของก็จะไม่ถูกจำกัดจากเงื่อนไขจำนวนคน และเวลาในการเดินทางอีกต่อไป เพราะวงเวทย์ที่ถูกสร้างขึ้นนี้มันสามารถจะใช้ได้อย่างไม่จำกัดใดๆ


และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเลือกจะเขายึดป้อมปราการแสงดาวตั้งแต่แรก ….


ข้อเสียเพียงประการเดียวของการเทเลพอร์ตข้ามทวีปนั่นก็คือมันต้องใช้พลังงานที่มหาศาลมากๆ โดยคริสตัลเวทย์มนต์ทั่วไปไม่สามารถจะให้พลังงานนี้ได้ ขณะที่สิ่งที่มีพลังมากพอจะให้พลังงานแบบนี้ได้นั้นมันก็คือ คริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ โดยการเดินทางหนึ่งครั้งจะต้องใช้คริสตัลเจ็ดลูมินาลี่สิบชิ้น ซึ่งในตอนนั้นนักเล่นแร่แปรธาตุบางส่วนเริ่มจะสังเคราะห์มันขึ้นมาได้แล้ว หากแต่ว่ามันก็ต้องใช้คริสตัลเวทย์มนต์เป็นตัวตั้งต้นในการสังเคราะห์จำนวนมหาศาลเช่นกัน ดังนั้นมหาอำนาจต่างๆในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิงจึงยังคงโดนจำกัดอยู่ในระดับหนึ่งด้วยเงื่อนไขของราคา


แต่ถึงกระนั้นสิ่งๆนี้มันก็ยังจัดว่ามีประโยชน์และทรงพลังมากๆอยู่ดี ….


เพราะท้ายที่สุดแล้วทรัพยากรทั้งสองทวีปนั้นมันมีความแตกต่างกันมากๆ และการทำธุรกรรมระหว่างทั้งสองทวีปนั้นมันก็สามารถสร้างผลกำไรได้อย่างมหาศาล โดยเมื่อเทียบกับการขนส่งทางทะเล และทางอากาศ การขนส่งแบบนี้จะง่ายกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย


นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดของวงเวทย์เทเลพอร์ตข้ามทวีปก็คือ การทำให้กองกำลังหนึ่งที่มีฐานที่มั่นอยู่ในทั้งสองทวีปนั้นสามารถจะเชื่อมต่อฐานอำนาจของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์โดยไร้อุปสรรค


ขณะเดียวกันในระหว่างที่ซือเฟิงกำลังทำการจัดเรียง และวาดวงเวทย์ขึ้นในหอคอยอัญเชิญนั้น เผ่าศักสิทธิ์ก็ได้เรียกประชุมพวกระดับสูงของกิลในสถานที่พักกิลชั่วคราวของพวกเขาในป้อมปราการแสงดาว ….


“ฟิธาเลีย สิ่งที่คุณพูดมามันเป็นความจริงงั้นหรอ ? แบล๊คเฟรมสามารถจะสร้างวงเวทย์เทเลพอร์ตข้ามทวีปได้จริงๆงั้นหรอ ?” อดอล์ฟ ผู้อาวุโสสูงสุดอดไม่ได้ที่จะมองไปยังฟิธาเลียด้วยความไม่อยากจะเชื่อ


นอกเหนือจากข่าวที่ว่าซือเฟิงได้กลายเป็นครึ่งก้าวขั้นห้าแล้ว และเขาก็ได้ฆ่า NPC ขั้นสี่ไปมากกว่าสิบคนพร้อมกัน มันยังมีเรื่องการสร้างวงเวทย์เทเลพอร์ตข้ามทวีปนี่อีก ซึ่งเรื่องพวกนี้นั้นไม่ว่าใครจะได้ยินก็คงจะรู้สึกไม่เชื่อ และไม่สามารถจะยอมรับได้เป็นเวลานานแน่นอน


แต่อย่างไรก็ตามอดอล์ฟรู้ดีว่าฟิธาเลียนั้นไม่ใช่คนที่จะพูดอะไรเกินจริง เพียงแต่ว่าเรื่องนี้มันก็ยังยากที่จะเชื่อมากๆ ดังนั้นเขาจึงได้เลือกจะขอคำยืนยัน ….


“ด้วยบุคลิกและนิสัยของแบล๊คเฟรมนั้น สิ่งที่เขาพูดมันน่าจะเป็นความจริงแน่นอน และเขาก็ไม่จำเป็นจะต้องมาโกหกอะไรฉันเลย ….” ฟิธาเลียครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง และพูดอย่างช้าๆว่า “อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะไม่สามารถสร้างวงเวทย์เทเลพอร์ตข้ามทวีปได้ แต่ด้วยความแข็งแกร่งและศักยภาพที่เขาแสดงออกมา ควบคู่ไปกับการสนับสนุนของป้อมปราการแสงดาว แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะสูญเสียอย่างหนักจนไม่อาจจะอยู่ในทวีปด้านตะวันออกได้ แต่พวกเขาก็จะสามารถเลือกมาพัฒนาในทวีปด้านตะวันตกอย่างช้าๆได้ โดยที่ไม่ต้องการ การสนับสนุนหรือช่วยเหลือจากเราเลย”


“อืม เรื่องนี้ฉันเห็นด้วย …” อดอล์ฟพยักหน้ารับ


มันมีมังกรเงินศักสิทธิ์ขั้นสี่คอยคุ้มกันป้อมปราการแสงดาวอยู่ เว้นแต่ว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญขั้นหกโผล่ออกมา หรือไม่ก็มีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญขั้นห้า ไม่งั้นก็จะไม่มีใครที่จะสามารถเขย่าป้อมปราการแสงดาวได้เลย นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าซือเฟิงมีสิทสูงมากที่จะกลายเป็นผู้เล่นขั้นห้าคนแรกๆของ God domain ในอนาคตอีก


“ในครั้งนี้ที่ฉันเรียกทุกคนมาประชุมที่นี่ก็เพราะฉันต้องการจะเสนอให้เรากระชับความสัมพันธ์กับสภาสิบแปดปีกให้มากยิ่งขึ้น” ฟิธาเลียกล่าวพลางนำเอาสำเนาข้อมูลของทวีปด้านตะวันออกที่เธอรวบรวมมาแจกจ่ายให้ทุกคน “ข้อมูลนี้เป็นข่าวล่าสุดจากทวีปด้านตะวันออก ในตอนนี้สถานการณ์สงครามที่นั่นถูกผลักดันให้เกือบจะเข้าสู่สภาวะหยุดนิ่ง และแม้ว่าช่วงนี้มันจะไม่มีสงครามขนาดใหญ่เกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ แต่กองกำลังผู้รุกรานจากโลกอื่นพวกนี้ก็จะทำให้เกิดแรงเสียดทานอย่างมากในทวีปด้านตะวันออกแน่นอน ซึ่งสภาสิบแปดปีกนั้นก็มีรากฐานและทรัพยากรที่ไม่ธรรมดาอยู่ที่นั่น ดังนั้นพวกเขาน่าจะตกเป็นหนึ่งในเป้าหมายแน่นอน ….”


“ดังนั้นฉันจึงอยากจะขอเสนอให้กิลของเราส่งผู้เล่นขั้นสี่เข้าไปช่วยสนับสนุนสภาสิบแปดปีกในทวีปด้านตะวันออก เพื่อให้กิลของเราสามารถจะริเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือในอนาคตกับสภาสิบแปดปีกได้”


เมื่อฟิธาเลียพูดจบ ทุกคนก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย


ก่อนหน้านี้พวกเขาร่วมมือกับสภาสิบแปดปีกในฐานะแบบเดียวกับมหาอำนาจทั่วไปเท่านั้น และมันก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านี้ แต่หลังจากเหตุการณ์ในวันนี้ สภาสิบแปดปีกจะไม่สามารถถือได้ว่าเป็นมหาอำนาจทั่วไปอีกแล้ว


เพราะสภาสิบแปดปีกไม่เพียงแต่จะมีผู้เล่นครึ่งก้าวขั้นห้าอย่างซือเฟิง แต่กิลยังจะมีวงเวทย์เทเลพอร์ตที่ใช้เดินทางไปมาระหว่างทวีปได้ ซึ่งนี่มันก็จะทำให้ป้อมปราการแสงดาวกลายเป็นศูนย์กลางของทวีปด้านตะวันตกอย่างไม่ต้องสงสัย


และเมื่อตอนนั้นมาถึงป้อมปราการแสงดาวก็จะสามารถให้ประโยชน์มากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ได้มากกว่าสิบเท่าแน่นอน


ซึ่งหากเผ่าศักสิทธิ์ของพวกเขาได้รับส่วนแบ่งจากป้อมปราการแสงดาว มันก็จะช่วยเผ่าศักสิทธิ์ของพวกเขาได้ในหลายด้านมากๆ และด้วยทรัพยากรที่มีอยู่มากมาย และภูมิหลังที่ทรงพลัง เผ่าศักสิทธิ์ของพวกเขาก็จะสามารถพัฒนากลายเป็นซุเปอร์กิลได้อย่างรวดเร็วแน่นอน


“ฉันไม่มีปัญหากับเรื่องนี้ …” อดอล์ฟมองไปยังฟิธาเลีย และครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เขาจะกล่าวว่า “เนื่องจากเราจะเดินทางไปยังทวีปด้านตะวันออกเพื่อช่วยสนับสนุนสภาสิบแปดปีก ดังนั้นฉันจะให้แม๊คอาฟรี่ กับคริมสันวิชติดตามไปช่วยคุณด้วย ฉันเชื่อว่าพวกเขาน่าจะช่วยสภาสิบแปดปีกแก้ไขปัญหาได้มากมายแน่นอน”

“ขอบคุณผู้อาวุโสสูงสุด” ฟิธาเลียกล่าวขอบคุณอย่างเต็มไปด้วยความสุข


แม๊คอาฟรี่ และคริมสันวิชนั้นนับเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังที่สุดของเผ่าศักสิทธิ์อย่างไม่ต้องสงสัย พวกเขาไม่เพียงแต่จะสวมใส่เศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนาน แต่แม้แต่อุปกรณ์กับอาวุธที่อ่อนแอที่สุดของพวกเขาก็ยังอยู่ในระดับอีปิค และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือทั้งสองนั้นมีร่างมานาที่ทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว โดย

เฉพาะคริมสันวิชที่ตอนนี้สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาไปได้ถึงหนึ่งร้อยห้าเปอเซ็นต์แล้ว


อาจกล่าวได้ว่ายกเว้นผู้อาวุโสสูงสุดอดอล์ฟนั้น คริมสันวิชก็จะนับเป็นอันดับหนึ่งของผู้ที่สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาไปได้มากที่สุดแน่นอน


หากไม่ใช่เพราะว่าเธอมีอาวุธเป็นเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานแล้ว เธอก็คิดว่าเธอคงจะไม่สามารถต่อกรกับคริมสันวิชได้แน่นอน


“เอาล่ะเดี๋ยวหลังจากนี้ฉันจะไปแจ้งให้แม๊คอาฟรี่กับคริมสันวิชรู้เรื่องนี้ แล้วเดี๋ยวฉันจะส่งมอบอำนาจการสั่งการให้กับคุณในภายหลัง …” อดอล์ฟกล่าวพลางพยักหน้า


เดิมแม๊คอาฟรี่และคริมสันวิชนั้นจัดว่ามีประโยชน์ทั้งคู่ แต่เมื่อพิจารณาถึงคุณค่าของสภาสิบแปดปีกในอนาคตแล้วมันก็คุ้มค่าแน่นอนที่จะทำแบบนี้


และแล้วไม่นานหลังจากที่การประชุมของเผ่าศักสิทธิ์เสร็จสิ้น ซือเฟิงก็ได้จัดเรียงและวาดวงเวทย์ที่จำเป็นทั้งหมดที่หอคอยอัญเชิญเรียบร้อยแล้ว


“เสร็จสักที !!! ต่อไปก็เหลือแค่การไปตั้งค่าวงเวทย์เทเลพอร์ตให้ที่ทวีปด้านตะวันออกเพื่อให้มันเชื่อมต่อกับทวีปด้านตะวันออกเท่านั้น และทีนี้ทุกอย่างมันก็จะเสร็จสมบูรณ์ !!!”


ซือเฟิงมองไปยังวงเวทย์เทเลพอร์ตที่เขาสร้างขึ้นตรงหน้าด้วยความรู้สึกพึงพอใจมากๆ


และไม่นานหลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้รับคำขอติดต่อสื่อสารเข้ามา ….


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ฉันได้จัดเตรียมทุกสิ่งที่ต้องการเอาไว้แล้ว” ฟิธาเลียมองไปที่ซือเฟิงที่อยู่ในวีดีโอคอล และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเราจะสามารถเดินทางไปด้วยกันได้เลย วงเวทย์เทเลพอร์ตโบราณข้ามทวีปนั้นอยู่ที่บริเวณเมืองคุกโมริ โดยมันจะถึงเวลาคูลดาวน์ใช้งานในอีกสองวัน”


“ด้วยกัน ?” ซือเฟิงได้ถามอย่างประหลาดใจว่า “ผู้บัญชาการฟิธาเลีย คุณมีแผนจะเดินทางไปยังทวีปด้านตะวันออกด้วยงั้นหรอ ?”


เท่าที่เขารู้เผ่าศักสิทธิ์ไม่ได้แสดงความสนใจในทวีปด้านตะวันออกมากนักเลย และกิลก็ทุ่มเทแทบทุกสิ่งทุกอย่างที่มีในการพัฒนาในทวีปด้านตะวันตก นับประสาอะไรกับตอนนี้ที่ทวีปด้านตะวันออกนั้นมีความอันตรายอย่างมาก


ขณะเดียวกันสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการเดินทางไปยังทวีปด้านตะวันออกนั้นไม่ได้มีราคาที่ถูกเลย ….


แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองกิลจะดีมากๆจะดีมากๆ แต่โควต้าการเทเลพอร์ตแต่ละครั้งก็ยังต้องใช้คริสตัลเวทย์มนต์เจ็ดพันถึงแปดพันชิ้น แถมนี่ยังไม่นับรวมเรื่องวัสดุล้ำค่าต่างๆเลย หากความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองไม่ดีนั้นมันก็คงจะได้เลิกคิดเรื่องโควต้าไปเลย


และยิ่งส่งคนไปที่นั่นมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งมีค่าใช้จ่ายมากขึ้นด้วย ….


ฟิธาเลียพยักหน้า และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อืม กิลของเรามีแผนจะเดินทางไปยังทวีปด้านตะวันออกเพื่อรวบรวมข้อมูลต่างๆน่ะ ฉันคงต้องขอรบกวนคุณหน่อยแล้ว หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม”


“ผู้บัญชาการฟิธาเลีย คุณก็สุภาพเกินไป กิลของคุณได้ช่วยสภาสิบแปดปีกไว้ไม่น้อยในทวีปด้านตะวันตก” ซือเฟิงหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของฟิธาเลีย “เมื่อไปถึงทวีปด้านตะวันออก หากผู้บัญชาการฟิธาเลียมีปัญหาอะไร คุณก็สามารถจะติดต่อฉันมาได้โดยตรงเลย”


“เมื่อหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมกล่าวแบบนี้ ฉันก็จะขอไม่เกรงใจล่ะนะ …” ฟิธาเลียอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง


“ตามนั้นเลย …” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า


ไม่ต้องพูดถึงสถานะของเผ่าศักสิทธิ์ในทวีปด้านตะวันตกเลย แค่ฟิธาเลียคนเดียวมันก็มีค่ามากพอสำหรับเขาที่จะสร้างมิตรภาพด้วยแล้ว เพราะท้ายที่สุดแล้วผู้เล่นที่สามารถเติบโตไปจนถึงขั้นหก ขอบเขตพระเจ้าใน God domain ได้นั้นมันหา

ยากมากๆ


หลังจากพูดคุยกับฟิธาเลียเรียบร้อย ซือเฟิงก็ได้เริ่มแบ่งรายได้ของป้อมปราการแสงดาวที่ได้รับมาในช่วงเวลานี้เป็นส่วนๆเพื่อที่จะให้ง่ายต่อการใช้งาน ก่อนที่เขาจะนำคริสตัลเวทย์มนต์ที่เหลืออีกเก้าแสนสามหมื่นชิ้นเดินทางไปพบกลุ่มของฟิธาเลียที่มีสามคนเพื่อรีบเดินทางตรงไปยังวงเวทย์เทเลพอร์ตโบราณข้ามทวีปที่อยู่บริเวณเมืองคุกโมริ


และหลังจากรอจนคูลดาวน์ใช้งานของวงเวทย์เทเลพอร์ตโบราณนี้เสร็จสิ้น ซือเฟิง ฟิธาเลีย แม๊คอาฟรี่ และคริมสันวิชก็ได้รีบเปิดใช้งานมัน ก่อนที่พวกเขาจะกลายเป็นลำแสงสีขาว และหายไปจากบริเวณที่พวกเขาเคยอยู่ทันที


ตอนที่ 2859 กลับสู่ทวีปด้านตะวันออก


ทวีปด้านตะวันออก หุบเขาหมอกเวทย์มนต์ :


“โชคไม่ดีเลยที่พวกเราถูกเทเลพอร์ตมายังดินแดนต้องห้ามสำหรับสิ่งมีชีวิตแบบนี้ ….”


คริมสันวิชมองไปที่สภาพแวดล้อมรอบๆที่เต็มไปด้วยหมอกสีแดงจางๆพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย ….


ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังในทวีปด้านตะวันออกหรือทวีปด้านตะวันตกนั้นก็ล้วนต้องระวังมากๆเมื่อได้ก้าวเท้าเข้ามาในดินแดนต้องห้ามแบบนี้ เพราะพวกเขามีข้อมูลอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเกี่ยวกับสถานที่แบบนี้ แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็รู้ดีว่าสถานที่แบบนี้นั้นมันอันตรายอย่างมาก และมันก็ไม่ใช่สถานที่ที่ผู้เล่นจะก้าวเข้ามาได้อย่างสบายๆเลย แถมเมื่ออยู่ในนี้นั้นพวกเขายังจะไม่สามารถใช้ไอเทมเทเลพอร์ตได้ด้วย โดยพวกเขาจำเป็นที่จะต้องออกจากที่นี่ให้ได้ก่อนจึงจะสามารถใช้ไอเทมเทเลพอร์ตได้


สำหรับมหาอำนาจต่างๆนั้นพวกเขาก็มักจะระมัดระวังกันอย่างมากเมื่อจะส่งผู้เล่นเข้ามาในแผนที่แบบนี้ ….


ซึ่งในหมู่แผนที่ทั้งหมดนั้น หุบขาหมอกเวทย์มนต์เป็นหนึ่งในดินแดนต้องห้ามสำหรับสิ่งมีชีวิตที่มีชื่อเสียงที่สุดในทวีปด้านตะวันออก


เนื่องจากบริเวณนี้นั้นมันถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีแดงแปลกๆตลอดทั้งปี และใครก็ตามที่เข้ามาไม่เง้นแม้แต่พวกขั้นสี่นั้นก็จะถูกปราบปรามอย่างหนัก โดยส่วนใหญ่จะสามารถแสดงพลังการต่อสู้ของตัวเองออกมาได้ไม่ถึงครึ่งเท่านั้น เมื่ออยู่ที่นี่ ….


นอกจากนี้มอนสเตอร์ในหุบเขาหมอกเวทย์มนต์นั้นยังมีค่าความต้านทานเวทย์มนต์ และพลังป้องกันที่สูงมาก แถมในหมู่พวกมันที่นี่มอนสเตอร์ที่มีเลเวลต่ำที่สุดก็ยังมีเลเวลหนึ่งร้อยสามสิบ และที่นี่มันก็มีแม้กระทั่งมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายชั้นยอด ไปจนถึงมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายเลย ซึ่งก่อนหน้านี้มหาอำนาจหลายกลุ่ม เคยส่งทีมผู้เชี่ยวชาญเข้ามาสำรวจที่นี่ แต่ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็ต้องสูญเสียเหล่าผู้เชี่ยวชาญไปเป็นจำนวนมาก ดังนั้นพวกเขาจึงกำหนดให้แผนที่แห่งนี้เป็นแผนที่เตือนภัยสูงสุดสำหรับสมาชิกในกิลของพวกเขาทุกคน


“พวกเรายังนับว่าโชคดีที่ไม่ได้ถูกเทเลพอร์ตไปยังพื้นที่ใจกลางเลย …. โดยตอนนี้พวกเราได้ถูกเทเลพอร์ตมาอยู่ระหว่างรอยต่อของพื้นที่ชั้นในและชั้นนอก ….”

แม๊คอาฟรี่ รองผู้บัญชาการกองกำลังสิงโตเงินมองไปที่แผนที่พลางชี้ไปที่หุบเขาที่เต็มไปด้วยป่าข้างหน้า และพูดว่า “เราต้องวิ่งไปที่ทิศทางนั้น ซึ่งจะใช้เวลามากกว่าสามชั่วโมง และเราก็น่าจะไปถึงบริเวณพื้นที่ชั้นนอกของหุบเขาหมอกเวทย์มนต์ได้”


ในหุบเขาหมอกเวทย์มนต์นั้นไม่เพียงแต่ผู้เล่นจะไม่สามารถใช้ไอเทมเทเลพอร์ต หรือสกิลเทเลพอร์ตใดๆได้เลย แต่แม้แต่ผู้เล่นขั้นสี่ก็จะยังไม่สามารถบินที่นี่ได้ สำหรับอะเม้าท์บินได้ แม้จะสามารถอัญเชิญออกมาได้ แต่พวกมันก็ไม่สามารถจะบินได้เช่นกัน และทำได้แค่เดินเอาเฉกเช่นเดียวกับอะเม้าท์บนบก


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม พวกเราต้องรีบออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด หากพวกเราอยู่นานกว่านี้ พวกเราอาจจะถูกล้อมจากฝูงมอนสเตอร์ได้ และเมื่อเป็นแบบนั้นแล้ว การจะออกไปจากที่นี่ให้ได้นั้นมันจะเป็นเรื่องยากกว่าตอนนี้มาก” ฟิธาเลียมองไปที่ซือเฟิงพลางกล่าวแนะนำ


ในหมอกสีแดงนี้การรับรู้ของผู้เล่นนั้นถูกปราบปรามลงไปอย่างมาก แต่มอนสเตอร์ในหุบเขาหมอกเวทย์มนต์นั้นไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ดังนั้นก่อนที่ผู้เล่นจะทันได้ค้นพบมอนสเตอร์ มอนสเตอร์ก็จะค้นพบผู้เล่นก่อน และด้วยสติปัญญาของมอนสเตอร์ที่มีเลเวลและระดับสูงๆนั้น พวกมันจะไม่โจมตีผู้เล่นตัวเดียวแน่นอน แต่พวกมันจะโจมตีผู้เล่นกันเป็นกลุ่ม


ซึ่งหากไม่ใช่ทีมที่ประกอบไปด้วยผู้เล่นขั้นสี่ราวยี่สิบถึงสามสิบคนจริงๆนั้นที่นี่มันก็จะจัดว่าอันตรายมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพื้นที่ชั้นในของหุบเขาหมอกเวทย์มนต์ ซึ่งเท่าที่เผ่าศักสิทธิ์รู้มานั้นมันมีทั้งมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายชั้นยอด และมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายมากมายอาศัยอยู่บริเวณนั้น


โดยตราบใดที่การต่อสู้เริ่มขึ้นนั้นมันก็มีสิทสูงมากที่ผู้เล่นจะไปดึงดูดมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายขั้นสี่จำนวนมากเข้ามา ซึ่งมอนสเตอร์เหล่านี้นั้นล้วนเป็นอันตรายสำหรับผู้เล่นขั้นสี่มาก เมื่อผู้เล่นขั้นสี่มีจำนวนไม่มากพอ


“อืม ..” ซือเฟิงพยักหน้าตอบรับ


หลังจากเข้ามาที่หุบเขาหมอกเวทย์มนต์นี้ระยะการรับรู้ของเขาก็ถูกจำกัดลงให้เหลือแค่ราวสองพันหลาเท่านั้น และในระยะนี้เขาก็ตรวจพบมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายชั้นยอดสองตัว พร้อมกับมอนสเตอร์ระดับลอร์ดบอสขั้นสูงที่มีเลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบหรือสูงกว่าอีกมากกว่าสามสิบตัว และนี่มันจะทำให้พวกเขาต้องลำบากแน่ถ้าต้องปะทะกับพวกมัน


หลังจากนั้นซือเฟิงและอีกสามคนก็ได้เดินไปตามทางของหุบเขา


เนื่องจากค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของซือเฟิงนั้นได้มาถึงขั้นห้าแล้ว และเขากระทั่งสามารถใช้การสร้างโลกได้แล้ว ดังนั้นตลอดระยะทางที่เดินมามากกว่าหนึ่งชั่วโมงนั้นเขาจึงสามารถพาฟิธาเลียและคนอื่นๆหลบหลีกมอนสเตอร์ตามรายทางได้อย่างง่ายดาย จนมันทำให้ฟิธาเลียและคนอื่นๆเริ่มสงสัยว่านี่หุบเขาบริเวณนี้ได้ถูกเคลียร์โดยกองกำลังของผู้เล่นมาก่อนหน้านี้รึปล่าว ?


อย่างไรก็ตามเมื่อเข้าใกล้ระยะของพื้นที่ชั้นนอกมากขึ้น ความหนาแน่นของมอนสเตอร์มันก็มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และนี่ยังไม่นับรวมกับดักตามรายทางอีก สิ่งนี้มันจึงทำให้ซือเฟิงเริ่มจะเลือกเส้นทางได้ยากขึ้นมาก ….


“หื้ม ? ผู้เล่นงั้นหรอ ?”


ซือเฟิงรู้สึกได้ทันทีว่ามันมีคลื่นของมานาที่รุนแรงแผ่ออกมาจากป่าด้านหน้าที่จะนำไปสู่พื้นที่ชั้นนอก โดยจุดเริ่มต้นของคลื่นมานานั้นมันก็อยู่ห่างออกจากบริเวณที่เขาอยู่ไปเกือบสองพันหลา ซึ่งปรากฎการณ์แบบนี้มันจะเกิดขึ้นได้จากการต่อสู้เท่านั้น


นอกจากนี้คลื่นของมานาที่รุนแรงแบบนี้นั้นซือเฟิงก็ไม่ได้สัมผัสมานานแล้ว พร้อมกันนั้นมันก็มีเสียงคำรามดังสนั่นขึ้น ซึ่งนี่มันทำให้ฟิธาเลีย และอีกสองคนสามารถสัมผัสทุกสิ่งได้อย่างชัดเจนเช่นกัน


หลังจากนั้นไม่นานเสียงนี้ก็เริ่มเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ และท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็ได้สังเกตเห็นมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายชั้นยอด เลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบห้า ที่เป็นมังกรที่มีสี่ปีกโผล่ออกมา โดยเมื่อมันคำรามและพ่นไฟออกมานั้น มันก็ได้เปลี่ยนพื้นที่ในรัศมีห้าร้อยหลาให้กลายเป็นทะเลเพลิงทันที


ซึ่งในขณะที่ป่าทั้งหมดกำลังค่อยๆถูกเผานั้น ซือเฟิงก็สามารถจะมองเห็นร่างสามร่างได้แบบเบลอๆ โดยหนึ่งคนเป็นผู้หญิง และอีกสองคนเป็นผู้ชาย และพวกเขาทั้งหมดก็เป็นผู้เล่นขั้นสี่ ซึ่งซือเฟิงรู้จักสองจากสามคนในนั้น โดยหนึ่งคือรองหัวหน้ากิลลำดับที่สองของไชนิ่งไทเกอร์ ซิคทีนคลาวด์ และสองคือแอสซาซินที่คอยติดตามเธออย่างซอลเลอร์ฟูลไซเร้น


พวกเขาทั้งหมดสามารถรอดชีวิตมาจากการพ่นไฟของมังกรตัวนี้ได้ เพราะพวกเขามี

การ์เดี้ยนไนท์ขั้นสี่คอยแท๊งให้


อย่างไรก็ตามมันก็เห็นได้ชัดว่าการ์เดี้ยนไนท์ขั้นสี่ผู้ที่ทำหน้าที่แท๊งนั้นเหลือ HP ไม่มากนักแล้ว และนี่มันก็ทำให้การ์เดี้ยนไนท์ผู้นี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องดื่มโพชั่นฟื้นฟู HP ของตัวเอง เพราะในทีมของเขานั้นไม่มีฮีลเลอร์อยู่ แต่ถึงกระนั้น เมื่อวัดจากพลังโจมตีของมังกรที่มีสี่ปีกแล้ว เขาก็จะทนได้อีกไม่นานแน่นอน


“แม่งเอ้ย !! นี่พวกเราจะต้องตายกันที่นี่จริงๆงั้นหรอ ?!! ถ้าเป็นแบบนี้เราไม่หนีเข้ามาซะก็ดี !!!”


ซิคทีนคลาวด์มองไปยังมังกรที่มีสีปีกที่มีส่วนสูงมากกว่าหกสิบเมตรที่ลอยอยู่กลางอากาศด้วยความไม่เต็มใจ


“ก็จริง ถ้ารู้แบบนี้เราควรจะต่อสู้กับพวกผู้รุกรานจากโลกอื่นดีกว่า มันจะคุ้มค่ามากกว่าการมาถูกมอนสเตอร์ตัวนี้ฆ่ามาก !!!” แอสซาซิน ซอลเลอร์ฟูลไซเร้น พยักหน้าเห็นด้วยกับซิคทีนคลาวด์


“ใครมันจะไปรู้กันล่ะว่าเราจะมาเจอกับมอนสเตอร์แบบนี้ในรอยต่อระหว่างพื้นที่ชั้นในกับชั้นนอก ?” ซิคทีนคลาวด์กล่าวพลางยิ้มอย่างขมขื่น “ดูเหมือนว่าฟ้าจะต้องการให้เราตายจริงๆ …”


พวกเขาไม่คิดเลยว่าหลังจากพยายามอย่างหนักเพื่อหลบหนีผู้รุกรานจากโลกอื่นจนเข้ามาที่รอยต่อระหว่างพื้นที่ชั้นในกับชั้นนอกได้ พวกเขายังจะต้องมาเจอกับบอสแบบนี้อีก ….


มังกรที่มีสี่ปีกนั้นไม่เพียงแต่จะเป็นมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายชั้นยอดเท่านั้น แต่มันยังเป็นลอร์ดแห่งดินแดนด้วย ซึ่งแม้แต่ทีมผู้เล่นขั้นสี่ยี่สิบคนก็ยังยากที่จะจัดการมอนสเตอร์ตัวนี้ได้ เพราะหุบเขาหมอกเวทย์มนต์นั้นมันทำให้พลังการต่อสู้ของผู้เล่นลดลงไปอย่างมาก


และตราบใดที่ผู้เล่นขั้นสี่แค่ไม่กี่คนแบบพวกเขาเจอมัน บทสรุปของเรื่องนี้ก็คือผู้เล่นขั้นสี่จะถูกสังหารหมู่แน่นอน


เพราะท้ายที่สุดต่อหน้ามังกรแบบนี้นั้น มันมีแค่ตัวเลือกเดียวเท่านั้นคือสู้ให้ชนะ ไม่งั้นก็ตายที่นี่ มันไม่มีตัวเลือกอื่นใดอีกแล้ว


อย่างไรก็ตามก่อนที่พวกเขาทั้งสองจะทันได้พูดอะไรต่อ มังกรตัวนี้ก็เริ่มกระพือปีกของมันสร้างใบดาบลมจำนวนมากให้พุ่งมายังทิศทางของพวกเขาสามคน โดยไม่ได้คิดจะให้พวกเขาได้หยุดพักเลย


เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีจากใบดาบลมแบบนี้นั้น ซิคทีนคลาวด์ก็ได้โบกคทาสีแดงเข้มในมือของเธอเพื่อสร้างบาเรียเปลวไฟขึ้นมาป้องกันพวกเขาทั้งสามทันที


โดยบาเรียเปลวไฟที่สูงกว่าหนึ่งร้อยเมตรนี้ได้ทำการป้องกันใบดาบลมเอาไว้ได้ทั้งหมด ก่อนที่ซิคทีนคลาวด์จะเปลี่ยนมันให้กลายเป็นฟีนิกซ์ไฟ และควบคุมให้มันพุ่งเข้าใส่มังกรที่มีสี่ปีก


คำสาปขั้นสี่ ฟีนิกซ์ไฟ !!!


เมื่ออยู่ในมือของซิคทีนคลาวด์ คำสาปต้องห้ามขั้นสี่นี้นั้นสามารถจะใช้ได้ทั้งรุกและรับ ซึ่งมันก็เกิดจากการควบคุมมานาที่ยอดเยี่ยมของซิคทีนคลาวด์นั่นเอง


อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ฟีนิกซ์ไฟกำลังจะเข้ากลืนกินมังกรที่มีสี่ปีกนั้น มังกรตัวนี้ก็คำรามออกมาทางฟีนิกซ์ไฟ และมันก็ทำให้ฟีนิกซ์ไฟค่อยๆแตกสลายกับหายไปในทันที


“คำสาปถูกทำลายงั้นหรอ ?!”


ซิคทีนคลาวด์จ้องมองไปยังฉากตรงหน้าอย่างเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ และเธอก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉากตรงหน้าที่เกิดขึ้นนี้มันเป็นเรื่องจริง


หากเป็นเพราะพลังของฟีนิกซ์ไฟของเธอมันไม่มากเพียงพอที่จะคุกคามมังกรที่มีสี่ปีกได้ เธอก็ยังพอจะทำใจยอมรับได้ แต่ในฐานะผู้ควบคุมฟีนิกซ์ไฟ เธอสามารถรู้ได้อย่างชัดเจนเลยว่าฟีนิกซ์ไฟที่เป็นเปลวไฟของเธอไม่ได้ถูกทำให้มอดไปตามธรรมชาติ แต่มันเป็นเพราะมานาที่คอยสนับสนุนและเสริมพลังให้กับฟีนิกซ์ไฟนั้นถูกทำลาย ฟีนิกซ์ไฟที่เป็นเปลวไฟของเธอจึงถูกทำให้มอดดับลง


“บอสแบบนี้มันโหดเกินไปหน่อยไหม ?!!”


เมื่อได้เห็นฉากตรงหน้าที่เกิดขึ้นนั้น แม้แต่ซอลเลอร์ฟูลไซเร้นก็ยังรู้สึกสิ้นหวัง


นอกเหนือจากนี้แล้วเผ่ามังกรแบบนี้ยังมีการป้องกันทางกายภาพที่สูงมาก ซึ่งหากพวกเขาใช้เวทย์มนต์โจมตีมันไม่ได้ผล มันก็แทบจะเป็นอมตะเลยต่อหน้าพวกเขา


หลังจากที่มังกรที่มีสี่ปีกตัวนี้ทำลายฟีนิกซ์ไฟของซิคทีนคลาวด์ไปแล้ว มันก็ได้เริ่มกระพือปีกใช้ใบดาบลมโจมตีทั้งสามอีกครั้ง


“ดูเหมือนว่าพวกเราจะต้องตายที่นี่แล้ว ….”


ซิคทีนคลาวด์กล่าวพลางมองไปยังการโจมตีที่เข้ามาอย่างผู้ที่รอความตาย


เดิมทีเธอหวังว่าคำสาปขั้นสี่ ฟีนิกซ์ไฟ ที่เธอใช้นั้นมันจะช่วยสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับมังกรที่มีสี่ปีก และเปิดโอกาสให้เธอกับคนของเธอสามารถหลบหนีไปได้ แต่ตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงเลย คำสาปที่เธอใช้ยังไม่สามารถไปแตะตัวมังกรได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถจะทำอะไรได้เพิ่มเติมอีกแล้ว นอกจากรอความตาย …..


อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ใบดาบลมกำลังจะโจมตีโดนทั้งสามนั้นมันก็ได้มีบาเรียเวทย์มนต์โผล่ขึ้นมาด้านหน้าของทั้งสาม และช่วยป้องกันใบดาบลมไว้ทั้งหมด


“เวทย์บาเรียคริสตัลป้องกันขั้นสี่งั้นหรอ ?”


เมื่อซิคทีนคลาวด์เห็นบาเรียที่ค่อยๆสลายไปตรงหน้าของเธอ เธอก็จำได้ทันทีว่ามันคือเวทย์อะไร


ซอลเลอร์ฟูลไซเร้นได้มองไปยังร่างที่ค่อยๆเดินออกมาจากป่าในระยะไกลพลางกล่าวว่า “รองหัวหน้ากิล มีใครบางคนอยู่ตรงนั้น ….”


เมื่อได้ยินคำพูดของซอลเลอร์ฟูลไซเร้น ซิคทีนคลาวด์ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมอง ….

และเธอก็ได้เห็นผู้เล่นสี่คนเดินออกมาจากบริเวณป่าที่อยู่ห่างออกไปกว่าห้าร้อยหลา โดยผู้เล่นสี่คนนี้เป็นชายสองคน และหญิงสองคน ซึ่งมันก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขาน่าจะเป็นผู้ใช้เวทย์บาเรียขั้นสี่ช่วยพวกเธอเอาไว้ ….


“แบล๊คเฟรม ?”


ซิคทีนคลาวด์มองไปยังหนึ่งในผู้เล่นทั้งสี่ที่สวมเสื้อคลุมสีดำอยู่แล้วก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ


สำหรับแบล๊คเฟรมนั้น เธอเคยเจอเขาแค่ครั้งเดียวในตอนที่ไปพูดคุยกันเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างสภาสิบแปดปีกและไชนิ่งไทเกอร์ โดยหลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้เจอเขา หรือได้ทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับสภาสิบแปดปีกอีกเลย เพราะเธอถูกทางกิลของเธอส่งมาให้พัฒนาในจักรวรรดิกลอรี่


ถ้าซือเฟิงไม่ได้ทำสิ่งที่น่าตกใจหลายอย่างก่อนหน้านี้ และทำให้สภาสิบแปดปีกกลายเป็นกิลดาวรุ่งที่ร้อนแรงที่สุดในทวีปด้านตะวันออก เธอก็คงจะลืมรูปลักษณ์ของซือเฟิงไปนานแล้ว ….


ตอนที่ 2860 สถานการณ์ปัจจุบันในทวีปด้านตะวันออก และการตีฝ่า


นอกเหนือจากค้นพบตัวตนของซือเฟิงแล้ว เมื่อซิคทีนคลาวด์และคนอื่นๆมองไปยังคนที่อยู่ด้านหลังของซือเฟิงอีกสามคนพวกเขาก็ต้องเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ


“ไม่จริงน่า !! ผู้บัญชาการกองกำลังดีไวน์ไฮม์ของเผ่าศักสิทธิ์ ฟิธาเลียก็อยู่กับเขาด้วย นี่เผ่าศักสิทธิ์หันมาสนใจทวีปด้านตะวันออกตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?!!”


“ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่รองผู้บัญชาการของกองกำลังสิงโตเงิน แม๊คอาฟรี่ และคริมสันวิชเองก็ยังมาอยู่ที่นี่ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคริมสันวิชที่เผ่าศักสิทธิ์ให้ความสำคัญกับเธอมากๆในฐานะอัจฉริยะของกิล !!!”


“ทำไมพวกเขาทั้งหมดถึงมาที่นี่กัน ?”


กิลเผ่าศักสิทธิ์นั้นแม้ว่าจะไม่เป็นที่รู้จักมากนักในทวีปด้านตะวันออก แต่พวกเขาก็มีชื่อเสียงอย่างมากในทวีปด้านตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอิทธิพลของพวกเขาที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงเวลานี้ และอยู่ใกล้เคียงกับการจะกลายเป็นซุเปอร์กิลเต็มทีแล้ว


และเมื่อเทียบกับไชนิ่งไทเกอร์ในตอนนี้นั้น เผ่าศักสิทธิ์จัดว่าเหนือกว่ามากเลยทีเดียว


แต่ในเวลานี้ผู้มีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวทั้งสามคนของเผ่าศักสิทธิ์กับมาอยู่ที่นี่ทั้งหมดจริงๆ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่หาได้ยากมากแม้แต่ในทวีปด้านตะวันตก เพราะท้ายที่สุดแล้วทั้งสามคนนี้ล้วนมีพลังมากพอจะบัญชาการทีมของตัวเองด้วยซ้ำ และจากเรื่องนี้เองมันก็เห็นได้ชัดว่าเผ่าศักสิทธิ์จะต้องมีเป้าหมายบางอย่างในทวีปด้านตะวันออกแน่นอน


อย่างไรก็ตามก่อนที่ซิคทีนคลาวด์ และคนอื่นๆจะทันได้หายตกตะลึง ฟิธาเลียกับแม๊คอาฟรี่ก็ได้มาปรากฎตัวขึ้นที่ด้านข้างของมังกรที่มีสี่ปีก โดยฟิธาเลียได้ทำการเหวี่ยงดาบยาวในมือของเธอ และให้เกิดลำแสงดาบที่กลายเป็นฝนดาวตก ตกลงมาจากท้องฟ้าและโดนเข้าใส่มังกรที่มีสี่ปีก


สำหรับแม๊คอาฟรี่เขาก็ได้แทงดาบสงครามของเขาลงพื้น ….


ทันใดนั้นกลุ่มของใบดาบก็โผล่ออกมาจากพื้นและพุ่งเข้าใส่มังกรที่มีสี่ปีก


เมื่อเทียบกับการโจมตีเมื่อครู่ของซิคทีนคลาวด์แล้ว มันเห็นได้ชัดเลยว่าการโจมตีของแม๊คอาฟรี่และฟิธาเลียนั้นทรงพลังกว่ามาก โดยการโจมตีของแม๊คอาฟรี่ และฟิธาเลียนั้นดูเหมือนจะมีพลังอยู่ในขั้นห้าแล้ว ซึ่งเมื่อทั้งสองคนร่วมมือกันนั้น แม้แต่มังกรที่มีสี่ปีกก็ยังสามารถป้องกันการโจมตีได้จากคนเดียวเท่านั้น ขณะที่การโจมตีของอีกคนนั้นก็โดนเข้ากับมันเต็มๆเลย


-31,654,215!


ความเสียหายมากกว่าสามสิบล้านปรากฎขึ้นเหนือหัวของมังกรที่มีสี่ปีก และแม้ว่าความเสียหายนี้จะจัดว่าเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับ HP ของมังกรที่มีสี่ปีก ที่มี HP เกือบสองหมื่นล้าน แต่มันก็ยังสามารถเห็นแถบ HP ของมังกรที่มีสี่ปีกลดลงได้เล็กน้อยอย่างชัดเจน ซึ่งตรงกันข้ามกับการโจมตีของซิคทีนคลาวด์ที่ไม่สามารถจะสร้างความเสียหายให้กับมังกรที่มีสี่ปีกได้เลย


“ทรงพลังมากๆ !!!”


“นี่คือความแข็งแกร่งของพวกผู้เล่นระดับบัญชาการของเผ่าศักสิทธิ์งั้นหรอ ?!!”


ซิคทีนคลาวด์นั้นอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเมื่อได้เห็นพลังของแม๊คอาฟรี่กับฟิธาเลีย


แม้ว่าเธอจะไม่ได้คิดว่าตัวเองเก่งกาจหรือยืนอยู่ในจุดสูงสุดของ God domain แต่เธอก็คิดว่าตัวเธอเองนั้นก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าใครเช่นกัน เพราะท้ายที่สุดแล้วเธอเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ขอบเขตโดเมน แถมเธอยังสวมใส่ไอเทมระดับอีปิคครบเซ็ท แต่เมื่อเทียบกับฟิธาเลีย และแม๊คอาฟรี่แล้ว เธอกับดูอ่อนแอไปเลย


อย่างไรก็ตามก่อนที่ซิคทีนคลาวด์ และคนของเธออีกสองคนจะได้ทันหายตกตะลึงจากพลังของฟิธาเลีย กับแม๊คอาฟรี่ มันก็มีลำแสงดาบลำแสงหนึ่งตัดผ่านอากาศและพุ่งเข้าไปโจมตีโดนบริเวณกรงเล็บของมังกรที่มีสี่ปีกแบบเต็มๆ ซึ่งนี่มันทำให้มังกรตัวนี้กรีดร้องอย่างเจ็บปวดมากๆออกมา และ HP ของมันก็ลดลงไปมากกว่าหนึ่งร้อยล้านในทันที …..


โดยการโจมตีนี้มันทำให้มังกรที่มีสี่ปีกนั้นรีบกระพือปีก และบินหนีออกไปทันที ซึ่ง

คววามเร็วในการบินของมันนั้นก็ดูเหมือนจะเร็วกว่าอะเม้าท์บินได้ทั่วไปขั้นสี่ด้วย …

และฉากนี้มันก็ทำให้ซิคทีนคลาวด์ และคนของเธออีกสองคนต้องหันไปมองที่มาของลำแสงดาบนี้ทันที ซึ่งเมื่อพวกเขาได้เห็นนั้นพวกเขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆอีกครั้ง


เนื่องจากบุคคลที่โจมตีเป็นลำแสงดาบมาเมื่อครู่นี้นั้นมันไม่ใช่ใครอื่นนอกจากซือเฟิง และในตอนนี้พวกเขาก็สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ามานาที่ร่างกายของซือเฟิงแผ่ออกมานั้นมันแข็งแกร่งมากๆจนแทบจะกลั่นตัวเป็นของเหลวได้ ….


“เป็นไปได้ยังไงกัน ?!” ซิคทีนคลาวด์อุทานออกมา ในขณะที่เธอจ้องมองไปยังซือ

เฟิงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ


มังกรที่มีสี่ปีกนั้นเป็นลอร์ดแห่งดินที่มีความแข็งแกร่งมากๆ และมันก็ไม่ได้ผลกระทบจากเอฟเฟคของดินแดนต้องห้ามสำหรับสิ่งมีชีวิตแห่งนี้เลย ซึ่งตรงกันข้ามกับผู้เล่น และพูดกันตามตรงต่อให้ NPC ขั้นห้าบางคนมาเป็นผู้โจมตีมันเมื่อครู่ แต่พวกเขาก็ยังไม่น่าจะสามารถสร้างความเสียหายให้กับมังกรที่มีสี่ปีกได้มากเท่ากับซือเฟิงเลย


ตามข้อมูลที่เธอได้รับมา ซือเฟิงนั้นทรงพลังอย่างมากแน่นอน และเขาก็ยังสามารถจะฆ่า NPC ขั้นสี่ได้อย่างง่ายดาย แต่เขาก็ไม่ควรจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ….


แถมการโจมตีเมื่อครู่ของเขานั้นมันก็ไม่มีความผันผวนของมานาเกิดขึ้นเลย ดังนั้นมันจึงเห็นได้ชัดว่าเขาใช้แค่เทคนิคการต่อสู้ทั่วไปโจมตี ….


สำหรับซือเฟิงตอนนี้เขาก็รู้สึกหมดหนทาง เมื่อได้เห็นมังกรที่มีสี่ปีกบินหนีไป ….


“น่าเสียดาย …”


เมื่อต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์บินได้ในดินแดนต้องห้ามที่ไม่ให้ผู้เล่นบินแบบหุบเขาหมอกเวทย์มนต์นี้ หากมอนสเตอร์บินได้คิดจะหนี เขาก็จะไม่สามารถทำอะไรได้เลย ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงมังกรที่เป็นลอร์ดแห่งดินแดน


ซึ่งหากไม่ได้เตรียมตัวมาอย่างดีจริงๆนั้น มันก็จะแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะฆ่ามอน

สเตอร์บินได้ หรือมังกรแบบนี้ โดยผู้เล่นจะสามารถทำได้อย่างดีที่สุดก็แค่เอาชนะมันเท่านั้น แต่ไม่สามารถฆ่ามันได้ ….


“พวกคุณสามคนไม่เป็นไรใช่ไหม ?” เมื่อเห็นว่ามังกรที่มีสี่ปีกจากไปแล้ว ซือเฟิงก็เดินเข้าไปหาซิคทีนคลาวด์ และอีกสองคน พลางกล่าวถามด้วยความอยากรู้ว่า “ที่นี่มันไม่ใช่ที่ที่ผู้เล่นขั้นสี่ทั่วไปจะเข้ามาได้นะ …. พวกคุณเข้ามาที่นี่ทำไมกัน ?”


พูดกันตามตรงหุบเขาหมอกเวทย์มนต์แห่งนี้มันอันตรายกว่าเทือกเขาที่ถูกทำลายด้วยซ้ำ เทือกเขาที่ถูกทำลายนั้นเป็นเพียงดินแดนต้องห้ามสำหรับมนุษย์ แต่ไม่ใช่ดินแดนต้องห้ามสำหรับสิ่งมีชีวิต และเมื่อผู้เล่นขั้นสี่ทั่วไปก้าวจากพื้นที่ชั้นนอกเข้ามายังรอยต่อของพื้นที่ชั้นในแบบนี้นั้น มันก็จะเป็นการมาหาความตายชัดๆ ….


โดยทั่วไปแล้วการจะเข้ามาในพื้นที่ตรงนี้ได้นั้น ผู้เล่นจะต้องมีทีมผู้เล่นขั้นสี่อย่างน้อยยี่สิบคน


แต่ตอนนี้มันกับมีแค่ซิคทีนคลาวด์ และคนของเธออีกสองคนเท่านั้นที่เข้ามาที่นี่ ซึ่งมันจัดเป็นการรนหาที่ตายชัดๆ


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม คุณเข้าใจผิดแล้ว ถ้าเป็นไปได้เราก็ไม่อยากจะเข้ามาที่นี่เลย” เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง ซิคทีนคลาวด์นั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นออกมา “ที่พวกเราสามคนต้องเข้ามาลึกถึงนี่ก็เพราะพวกเราต้องหลบหนีการตามล่าของผู้รุกรานจากโลกอื่น ไม่งั้นพวกเราสามคนคงจะถูกฆ่าโดยผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่จากโลกอื่นไปแล้ว”


ในฐานะรองหัวหน้ากิลลำดับที่สองของไชนิ่งไทเกอร์ และผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนขั้นสี่ หากเธอไปเล่าว่าเธอถูกผู้เล่นกลุ่มหนึ่งไล่ล่าจนต้องหนีเข้ามาอย่างสิ้นหวังแบบนี้ มันก็คงจะไม่มีใครเชื่อเธอแน่นอน และพูดกันตามตรงด้วยความภาคภูมิใจของเธอ เธอก็คงจะไม่กล้าเล่าเรื่องนี้เช่นกัน


แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ซิคทีนคลาวด์นั้นไม่ได้สนใจความภาคภูมิใจ หรืออะไรแบบนี้แล้ว และตรงกันข้ามเธอกับรู้สึกดีใจมากๆแทน


“ผู้เชี่ยชาญขั้นสี่อย่างพวกคุณสามคนถูกไล่ล่าจนหมดหนทาง นี่สถานการณ์ในทวีปด้านตะวันออกมันเลวร้ายขนาดนี้แล้วงั้นหรอ ?” ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยิน


แม้ว่าจะเวลาจะผ่านไปสิบปีใน God domain แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ก็ยังคงจัดว่ามีน้อยมากๆ และพวกเขาก็ยังคงจัดว่าเป็นตัวตนที่มีค่าของมหาอำนาจต่างๆ รวมทั้งเป็นตัวตนที่ไม่ควรประมาทด้วย ซึ่งหากผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ต้องการจะโฟกัสกับการหนี แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นห้า หรือร่างครึ่งเทพก็ยังยากจะฆ่าพวกเขาได้เลย ….


แต่ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ระดับสูงของไชนิ่งไทเกอร์ทั้งสามคนนี้กับถูกไล่ล่าจนหมดหนทาง ดูเหมือนว่าสถานการณ์ในทวีปด้านตะวันออกมันจะแย่กว่าที่เผ่าศักสิทธิ์ได้สืบทราบมาอย่างมาก


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ดูเหมือนว่าคุณจะพึ่งกลับมาที่ทวีปด้านตะวันออกสินะ ….”

ซิคทีนคลาวด์นั้นไม่ได้แปลกใจที่ซือเฟิงถามออกมาแบบนี้เลย และเธอกล่าวตรงๆว่า “เมื่อไม่กี่วันก่อนนั้น มันมีซุเปอร์กิลเกือบสิบกิลที่มาจากโลกอื่นได้เข้ารุกรานทวีปด้านตะวันออก โดยหนึ่งในพวกเขานั้นมีความแข็งแกร่งเท่ากับห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดเลย และผู้เล่นที่พวกเขาส่งเข้ามารุกรานส่วนใหญ่ก็เป็นขั้นสี่ทั้งหมด แถมพวกเขาก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามอีกหลายคนที่สามารถต่อสู้กับผู้เล่นขั้นสี่ได้ ….”


“เนื่องจากเรื่องนี้เองมันทำให้โครงสร้างอำนาจของทวีปด้านตะวันออกเปลี่ยนไปอีกครั้ง และในขั้นต้นนั้นผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ของมหาอำนาจต่างๆในทวีปหลักของ God domain ก็ยังคงสามารถล่าที่พื้นที่ชั้นนอกของหุบเขาหมอกเวทย์มนต์ได้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อซุเปอร์กิลเหล่านั้นประกาศขอบเขตอำนาจ และมันก็จะจัดว่าเป็นเรื่องโชคดีมากแล้ว หากพวกเราสามารถหลบจากการไล่ล่าของซุเปอร์กิลเหล่านั้นได้ …”


ก่อนหน้านี้แม้ว่ามหาอำนาจต่างๆในทวีปหลักของ God domain จะไม่สามารถต่อกรกับผู้รุกรานที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่จากโลกอื่นได้ แต่พวกเขาก็ยังคงพอจะจัดกำลังคนที่เน้นปริมาณเข้ารับมือได้ อันเนื่องมาจากความแตกต่างกันไม่มากนักของจำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ เพราะท้ายที่สุดแล้ว แม้ในโลกอื่นผู้เล่นจะสามารถทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้แบบง่ายๆไม่ลำบาก แต่มันก็มีน้อยคนมากที่จะทำได้สำเร็จ


แต่อย่างไรก็ตามการมาของซุเปอร์กิลเหล่านี้ได้ทำลายสมดุลทุกอย่างไปโดยสิ้นเชิง ซึ่งนี่มันทำให้มหาอำนาจต่างๆในทวีปหลักของ God domain นั้นทำได้แค่ดิ้นรนอย่างยากลำบากเท่านั้น


ปัจจุบันแผนที่เกือบทั้งหมดที่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ในทวีปด้านด้านตะวันออกนั้นแทบจะกลายเป็นสวนหลังบ้านของผู้รุกรานจากโลกอื่นเหล่านี้ไปแล้ว และหากผู้เล่นของทวีปหลักต้องการจะล่าในแผนที่เหล่านี้ พวกเขาก็จะต้องพบกับความเสี่ยงอย่างมากจากทั้งมอนสเตอร์ และผู้เล่นที่คอยดักซุ่มโจมตี

“เป็นอย่างนี้นี่เอง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกคุณทั้งสามคนถึงต้องหนีมาที่นี่ …” ซือเฟิงกล่าวอย่างเข้าใจ


การจะให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมีความแข็งแกร่งมากพอจะต่อสู้กับผู้เล่นขั้นสี่ได้นั้นมันก็มีอยู่หลายวิธีใน God domain ไม่ว่าจะเป็น เซ็ทมานาขั้นสาม หรือวงเวทย์การต่อสู้ อย่างไรก็ตามพวกมันทั้งหมดก็ล้วนผลิตได้อย่างยากลำบากมากๆ และพวกมันก็จัดเป็นฝันร้ายของผู้เล่นขั้นสี่เลย


เพราะท้ายที่สุดแล้วหากผู้เล่นขั้นสี่ต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับขั้นสี่นั้น พวกเขาก็จะถูกจัดการอย่างรวดเร็วแน่นอน เนื่องจากจำนวนที่เสียเปรียบ และเรื่องนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่กับผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่บางคน


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ถ้าคุณต้องการจะออกจากที่นี่จริงๆ ฉันแนะนำให้คุณซ่อนตัว และรออีกสักพักดีกว่า เพราะตอนนี้พวกผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่จากโลกอื่นน่าจะเฝ้าอยู่บริเวณพื้นที่ชั้นนอกเต็มไปหมด ….” ซิคทีนคลาวด์กล่าวเตือนซือเฟิง “แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับขั้นสี่จะแข็งแกร่งและน่ากลัวมาก แต่พวกเขาจะไม่สามารถทนอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ได้นานนักแน่นอน”


ตอนนี้เธอสามารถบอกได้เลยว่าซือเฟิงนั้นไม่ได้เรียนรู้ถึงสถานการณ์ของทวีปด้านตะวันออกมานานแล้ว ….


แม้ว่าซือเฟิงจะแข็งแกร่งมากๆ และมีผู้เชี่ยวชาญระดับผู้บัญชาการอีกสามคนของเผ่าศักสิทธิ์คอยสนับสนุน แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกลยุทธ์ที่เน้นจำนวนเข้าว่า บางทีพวกเขาก็อาจจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก และมีสิทจะตายได้


ดังนั้นในตอนนี้วิธีที่ฉลาดที่สุดก็คือการรอให้ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจ และค่าสตามิน่าของผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่มีความแข็งแกร่งเท่ากับขั้นสี่หมดลง เพื่อลดจำนวนของพวกเขาลงไป ….


“ขอบคุณมากที่แจ้งให้ทราบ แต่การทำแบบนั้นมันไม่จำเป็นหรอก …”


ซือเฟิงส่ายหัว และหลังจากกล่าวขอบคุณ เขาก็นำฟิธาเลีย แม๊คอาฟรี่ และคริมสันวิชออกเดินทางต่อทันที ….


เมื่อเห็นทีมของซือเฟิงสี่คนเดินออกไปไกลหลายร้อยหลาแล้ว ซอลเลอร์ฟูลไซเร้นที่ยืนอยู่ข้างๆซิคทีนคลาวด์ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังเธอ ….


“เราจะเอายังไงกันดี ?” ซอลเลอร์ฟูลไซเร้นอดไม่ได้ที่จะถาม “รอที่นี่งั้นหรอ ?”


ตอนนี้มังกรที่มีสี่ปีกก็จากไปแล้ว หากพวกเขาซ่อนตัว และพักผ่อนอยู่ที่นี่เพื่อรอเวลา พวกเขาก็น่าจะปลอดภัยแน่นอน


“ไม่ล่ะ !!! ไปกับหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมกันเถอะ !!!” ซิคทีนคลาวด์กัดฟัน และพูดว่า “ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเราสามคนนั้นมันไม่สามารถจะตีฝ่าไปได้แน่นอน แต่อย่างไรก็ตามถ้าเรามีความแข็งแกร่งของหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม กับพวกผู้เชี่ยวชาญของเผ่าศักสิทธิ์อยู่ด้วย มันก็น่าจะพอเป็นไปได้”


เมื่อพูดจบซิคทีนคลาวด์ก็นำคนของเธอวิ่งไปยังทิศทางเดียวกับที่กลุ่มของซือเฟิงหายลับตาไป …

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)