Reincarnation Of The Strongest Sword God 2813-2821

 ตอนที่ 2813 เปิดเผยความแข็งแกร่ง


แม้ว่าลู่ชิงหลัวจะไม่ได้พูดดังมากนัก แต่เสียงของเขามันก็ดังก้องสะท้อนเข้าไปในใจของเหล่าผู้ชมที่เฝ้าดูอยู่ทั้งหมดอย่างชัดเจน ซึ่งมันก็ทำให้ทุกคนนั้นอดไม่ได้ที่จะมองไปยังไฟเออร์แดนซ์และคนอื่นๆ


“การแข่งขันต่อสู้ ? นี่มันน่าสนใจจริงๆ !!”


“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกจะกล้ายอมรับคำท้านี้รึปล่าว แต่ถ้าพวกเขาไม่ยอมรับ พวกเขาก็จะต้องอับอายต่อหน้าสาธารณชนตรงนี้ทั้งหมดแน่นอน”


แม้ว่าพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกจะปฎิบัติต่อผู้ที่กล้าหาเรื่องพวกเขามาอย่างรุนแรงตลอด แต่ตอนนี้สตาร์ลิ้งนั้นก็มั่นใจมากเช่นกัน และเมื่อดูจากผู้เล่นขั้นสี่ทั้งหมดของทั้งสองฝ่าย มันก็จะเห็นได้ชัดเลยว่าฝั่งของสตาร์ลิ้งนั้นได้เปรียบกว่ามาก


โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ที่กองกำลังของทั้งสองฝ่ายนั้นได้ต่อสู้กันอย่างหนักมาหลายครั้ง และต่างฝ่ายต่างก็ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง หากแต่ว่าข้อแตกต่างระหว่างทั้งสองฝ่ายก็คือสตาร์ลิ้งนั้นมีสายพานการสนับสนุนมากกว่าพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีก และด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ที่พันธมิตรสามกิลสภาสิบแปดปีกเริ่มสนับสนุนด้านต่างๆให้กับสมาชิกของพวกเขาได้น้อยลง ดังนั้นสมาชิกของพวกเขาจึงมีขวัญกำลังใจตกต่ำลงตามไปด้วย และหากพวกเขาไม่กล้ายอมรับคำท้า หรือยอมรับแล้วมาแพ้อีก พันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกคงแทบจะจบสิ้นทันทีแน่นอน


ในขณะเดียวกันเมื่อเห็นสถานการณ์ออกมาเป็นแบบนี้นั้น หลายคนก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมในแผนและความคิดของลู่ชิงหลัว


ในตอนแรกนั้นตามแผนของลู่ชิงหลัว เขาแค่ต้องการจะกดดันให้พันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกยกเลิกการปิดล้อมเมืองสกายสปริงเท่านั้น อย่างไรก็ตามตอนนี้เมื่อมีการท้าทายแข่งขันต่อสู้กันเกิดขึ้นนั้น หากฝั่งของลู่ชิงหลัวเอาชนะได้ เรื่องการปิดล้อมเมืองสกายสปริงก็จะกลายเป็นปัญหารองไปเลย และมันก็จะทำให้พวกเขามีโอกาสได้รับประโยชน์ในหลายสิ่งมากขึ้นกว่าเดิมด้วย


อย่างไรก็ตามในระหว่างที่หลายคนกำลังพูดคุยกันอย่างเงียบๆนั้น ไฟเออร์แดนซ์ก็มองไปยังผู้เล่นขั้นสี่คนอื่นๆของพันธมิตรสามกิลก่อนที่จะพยักหน้าให้กัน


“ตกลง !!” ไฟเออร์แดนซ์กล่าวตอบ พลางมองไปยังลู่ชิงหลัวโดยตรง “ว่าแต่หัวหน้ากิลชิงหลัวต้องการจะแข่งขันต่อสู้แบบไหน ?”


แผนเดิมของพวกเขาคือการบุกเข้าไปในสถานที่พักกิลของสตาร์ลิ้ง อย่างไรก็ตามตอนนี้สตาร์ลิ้งกับมีผู้เล่นขั้นสี่เข้ามาเพิ่มเติมในฝ่ายของพวกเขา ซึ่งหนึ่งในนั้นที่ว่าเป็นสัตว์ประหลาดเก่าแก่ของมิราเคิลอย่างมิราเคิลดราก้อนนั่นเอง ดังนั้นนี่มันก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแผนนี้จะมีความเสี่ยงมากขึ้นอย่างมาก นี่ยังไม่ต้องพูดถึงการที่พวกเขามีสิทที่จะต้องไปเผชิญหน้ากับพวก NPC จากมือลับอีก


ซึ่งหากพวกเขาต้องต่อสู้กับNPC จากมือลับ และผู้เล่นขั้นสี่ห้าคนพร้อมกัน มันก็มีสิทที่ทุกอย่างจะจบลงแบบพินาศสำหรับพวกเขา เพราะท้ายที่สุดแล้วพวกขั้นสี่ของอีกฝ่ายนั้นก็มีอาวุธและอุปกรณ์ที่แข็งแกร่งมากพอๆกับพวกเขา ขณะที่บางคนเหนือกว่าด้วยซ้ำ ….


“ก็ง่ายมาก เราจะส่งผู้เล่นหนึ่งคนออกมาเป็นตัวแทนต่อสู้กันเพื่อตัดสินเรื่องนี้ !!!” ลู่ชิงหลัวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ผู้บัญชาการไฟเออร์แดนซ์ว่าอย่างไรล่ะ ?”


“โอเค เอาตามนั้น” ไฟเออร์แดนซ์พยักหน้าตอบโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ


“เอาล่ะ งั้นเราก็มาเริ่มกันเลย” จากนั้นลู่ชิงหลัวก็เหลือบไปมองมิราเคิลดราก้อนที่อยู่ข้างๆและกล่าวว่า “ทางฉันขอส่งมิราเคิลดราก้อนไป”


เมื่อได้ยินคำพูดของลู่ชิงหลัว มิราเคิลดราก้อนก็ได้ก้าวออกมา ก่อนที่เขาจะมองไปยังไฟเออร์แดนซ์และคนอื่นๆ ซึ่งมันเห็นได้ชัดว่าได้เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ครั้งนี้มาแล้ว


“พี่สาวไฟเออร์แดนซ์ ส่งฉันไปเถอะ !!!” ไวโอเล็ตคลาวด์ขอออกไปสู้ “ฉันพึ่งจะได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่ และฉันก็ยังไม่เคยต่อสู้กับผู้เล่นขั้นสี่คนอื่นๆเลย ดังนั้นฉันจึงอยากจะขอใช้โอกาสนี้ทดสอบพลังของฉันหน่อย !!!”


เมื่อได้ยินคำพูดของไวโอเล็ตคลาวด์ ไฟเออร์แดนซ์และอีกสองคนก็มองหน้ากันอย่างลังเล เพราะท้ายที่สุดการที่ลู่ชิงหลัวส่งมิราเคิลดราก้อนเป็นตัวแทนออกมาโดยไม่ลังเลนั้น มันก็เห็นได้ชัดเลยว่าเขามั่นใจในตัวมิราเคิลดราก้อนมาก ไม่งั้นเขาก็คงจะส่งผู้เล่นขั้นสี่คนอื่นออกมาแทนแล้ว


แต่แน่นอนว่ามันก็อาจจะเป็นเพราะว่าผู้เล่นขั้นสี่คนอื่นๆนั้นได้เปิดเผยความแข็งแกร่งส่วนใหญ่ของตัวเองออกมานานแล้วในการปะทะกันในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่มิราเคิล

ดราก้อนนั้นเป็นผู้เล่นที่พึ่งจะได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่ ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขาไม่มีข้อมูลใดๆของคนๆนี้ในตอนนี้เลย และพวกเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าจะเอาชนะคนๆนี้ได้อย่างไร


“ก็ได้ … แต่เธอต้องระวังตัวหน่อยล่ะ ….” หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดไฟเออร์แดนซ์ก็พยักหน้าเห็นด้วย


โอกาสนี้มันก็เป็นโอกาสดีตามที่ไวโอเล็ตคลาวด์พูดจริงๆที่เธอจะได้ทดสอบพลังของเธอ และแต่เดิมนั้นมาตราฐานการต่อสู้ของวโอเล็ตคลาวด์ก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าไฟเออร์แดนซ์เลย แถมตอนนี้เธอยังได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่แล้ว ดังนั้นไฟเออร์แดนซ์จึงได้เลือกจะวางใจในความแข็งแกร่งของเธอ


เมื่อได้เห็นดังนี้ อันยีลดิ้งฮาร์ท และอิลูซะรี่เวิร์ดก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวเตือนไวโอเล็ตคลาวด์ในหลายสิ่งเพิ่มเติมเกี่ยวกับมิราเคิลดราก้อน โดยพวกเขาทั้งสองได้ย้ำเรื่องหนึ่งไว้อย่างชัดเจน คือ ไวโอเล็ตคลาวด์นั้นไม่ควรจะปล่อยให้มิราเคิลดราก้อนเข้าใกล้ตัวเธอได้ ไม่งั้นแล้วมันจะกลายเป็นหายนะสำหรับอาชีพสายเวทย์มนต์แบบเธอแน่นอน


หลังจากนั้นไวโอเล็ตคลาวด์ก็ได้ก้าวออกมาข้างหน้าเพื่อเผชิญหน้ากับมิราเคิลดราก้อนที่อยู่ห่างออกไปราวสองร้อยหลา


“ครั้งที่แล้วฉันแพ้ให้กับเสวี่ยเหวินโหรว รองหัวหน้ากิลของคุณ เพราะค่าสถานะพื้นฐานที่ด้อยกว่าของฉัน แต่ครั้งนี้คุณจะไม่โชคดีเหมือนเสวี่ยเหวินโหรวแน่นอน !!!” มิราเคิลดราก้อนกล่าวด้วยดวงตาที่เย็นชา หลังจากนั้นระลอกคลื่นมานาก็ค่อยๆแผ่ออกมาจากร่างของเขา ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อว่า “ในครั้งนี้ฉันจะเอาจริง และทุ่มทุกอย่างที่มีเพื่อจัดการคุณ !!!”


ในตอนนี้นั้นเหล่าผู้ชมที่เฝ้าดูอยู่โดยรอบก็เริ่มรู้สึกหนักอึ้งทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่เว้นแม้แต่ผู้เล่นขั้นสามที่ตอนนี้ก็ยังเริ่มจะเคลื่อนไหวได้อย่างยากลำบากมากๆ


“โดเมนมานางั้นหรอ ?” เมื่อไฟเออร์แดนซ์รู้สึกได้ถึงโดเมนมานาที่แผ่ออกมาจากร่างของมิราเคิลดราก้อน เธอก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว


นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้เห็นโดเมนมานาที่น่ากลัวขนาดนี้ แม้ว่าโดเมนมานานี้จะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อค่าสถานะของผู้เล่น แต่มันก็ได้สร้างสภาวะที่มีแรงโน้มถ่วงสูงขึ้นมาภายในระยะของโดเมนมานา และแม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้เล่นขั้นสี่ แต่เมื่อพวกเขามาอยู่ในโดเมนมานานี้ ความเร็วของพวกเขาอาจจะลดลงถึงครึ่งหนึ่ง นี่ไม่ต้องพูดถึงผู้เล่นสายอาชีพเวทย์มนต์แบบไวโอเล็ตคลาวด์เลย ….


อย่างไรก็ตามก่อนที่ไฟเออร์แดนซ์และคนอื่นๆจะทันได้หายประหลาดใจกับโดเมนมานานี้ของมิราเคิลดราก้อน ทันใดนั้นมิราเคิลก็ชักดาบสีเงินของเขาออกมาจากฝักที่เขาสะพายหลังอยู่ ซึ่งนี่มันก็ทำให้ออร่าของเขาพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่มันจะมีระลอกคลื่นมานาอีกหนึ่งระลอกแผ่ออกมาจากตัวเขา ….


โดยระลอกคลื่นมานานี้มันทำให้ผู้เล่นบางส่วนเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามานาโดยรอบเหมือนจะถูกแช่แข็งไปส่วนหนึ่ง แตกต่างจากโดเมนมานาก่อนหน้านี้ที่ทำให้เกิดสภาวะแรงโน้มถ่วงสูง ….


“เป็นไปได้ยังไง ?!” เมื่อได้เห็นดังนี้นั้น อันยีลดิ้งฮาร์ทก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังมิราเคิลดราก้อนด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “โดเมนคู่งั้นหรอ ?!”


มันจัดเป็นเรื่องยากมากแล้วกว่าที่ผู้เล่นขั้นสี่จะมีโดเมนมานาเป็นของตัวเอง และผู้เล่นขั้นสี่คนใดก็ตามที่มีโดเมนมานาเป็นของตัวเองนั้นก็ยากที่จะจัดการมากๆ


แต่ตอนนี้มิราเคิลดราก้อนกับมีโดเมนคู่ นี่มันทำให้เขารู้สึกว่าสิ่งที่เขาเคยรู้มาทั้งหมดนั้นพังทลายลงไปในพริบตาเลย ….


ขณะเดียวกันเมื่อได้เห็นท่าทีของไฟเออร์แดนซ์ และอีกสองคนที่เหลือ ลู่ชิงหลัว และคนอื่นๆที่ยืนอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าสถานที่พักกิลสตาร์ลิ้งก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ


“ผู้บัญชาการไฟเออร์แดนซ์ เตรียมตัวแพ้ได้เลย มิราเคิลดราก้อนนั้นเป็นผู้ที่สามารถใช้โดเมนคู่ได้ แถมหนึ่งในโดเมนของเขามันยังเป็นการแช่แข็งมานาส่วนหนึ่งในพื้นที่ของโดเมนด้วย ซึ่งนี่มันนับเป็นฝันร้ายของผู้เล่นสายเวทย์มนต์เลย” ลู่ชิงหลัวกล่าวพลางมองไปยังไฟเออร์แดนซ์ และอีกสองคนด้วยรอยยิ้มบางๆ “และก็แน่นอนว่าต่อให้คุณส่งคนอื่นเข้ามาแทนที่ แต่มันก็จะไม่มีใครเอาชนะมิราเคิลดราก้อนในการต่อสู้แบบตัวต่อตัวในโดเมนคู่ของเขาได้แน่นอน”


เมื่อเหล่าผู้ชมได้ยินคำพูดของลู่ชิงหลัว พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น และตกตะลึงไปพร้อมกัน ไม่มีใครคิดมาก่อนเลยว่าจะมีผู้เล่นขั้นสี่ที่มีโดเมนคู่อยู่จริงๆ


“เขาสมควรจะได้รับฉายานักดาบบ้าคลั่งจริงๆ …!!!”


“ในโดเมนคู่แบบนี้ แม้แต่จักรพรรดิดาบแบล๊คเฟรมก็ยังยากที่จะเอาชนะมิราเคิลดราก้อนได้แน่นอน !!!”


“ฉันว่ามันก็ยังไม่แน่หรอกนะ แบล๊คเฟรมคือผู้เล่นที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นคนที่สามารถเลื่อนขั้นไปเป็นขั้นสี่ได้คนแรก ดังนั้นนับตั้งแต่ตอนนั้น เขาก็จะมีเวลาพัฒนาตัวเองมากกว่าผู้เล่นขั้นสี่คนอื่นมากๆ คุณจะมาด่วนสรุปๆทั้งที่พวกเขายังไม่ต่อสู้กันได้ยังไง ?”


ทุกคนในปัจจุบันนั้นอดไม่ได้ที่จะพูดคุยกันอย่างประหลาดใจถึงความสามารถที่มิราเคิลดราก้อนได้แสดงออกมา เพราะท้ายที่สุดแล้วโดเมนคู่นั้น มันย่อมจะแข็งแกร่งกว่าโดเมนมานาเดี่ยวที่ซือเฟิงเคยแสดงออกมาแน่นอน อย่างไรก็ตามหลายคนก็ยังมีความเห็นตรงกันว่า ไม่ควรรีบสรุปว่าใครแข็งแกร่งกว่ากัน ในเมื่อมิราเคิลดรา

ก้อนกับซือเฟิงยังไม่ได้ต่อสู้กัน


“ผู้บัญชาการ ให้เราเข้าไปจัดการไหม ?” ไลฟ์เลสธอร์นที่ยืนอยู่ด้านข้างของซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะกระซิบถามซือเฟิง “โดเมนคู่นี่มันไม่ธรรมดาเลย หากคุณปล่อยให้ไวโอเล็ตคลาวด์เผชิญหน้ากับเรื่องนี้ตามลำพัง ฉันกลัวว่า ….”


“ไม่ต้อง ! เราแค่เข้าไปดูเฉยๆก็พอ !!” ซือเฟิงยิ้มพลางส่ายหัว “ตอนนี้ถ้าเรายื่นมือเข้าไปยุ่ง สาธารณชนจะมองว่าเราขี้ขลาดเอาได้”


“แต่โดเมนคู่นั้น โดยเฉพาะโดเมนที่มันแช่แข็งมานาได้ มันทำให้พวกนักเวทย์ไม่สามารถจะใช้สกิลบลิ้งหรืออะไรที่เกี่ยวข้องกับการเทเลพอร์ตได้เลย ขณะที่มิราเคิลดราก้อนนั้นมีทั้งความแข็งแกร่งและความเร็วที่สูงมาก มันจึงมีสิทสูงเลยนะที่ไวโอเล็ตคลาวด์จะแพ้ …” ไลฟ์เลสธอร์นกล่าวแย้ง เขาไม่ค่อยเห็นด้วยกับการตัดสินในครั้งนี้ของซือเฟิงเท่าไหร่


“ไม่ต้องกังวลขนาดนั้นน่า โดเมนมานานั้นไม่จำเป็นที่จะต้องแข็งแกร่งมากแค่เพราะมันมีเยอะกว่าหนึ่งนะ และตอนนี้ความแข็งแกร่งของไวโอเล็ตคลาวด์ก็ไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้วด้วย …” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม


เมื่อซือเฟิงกล่าวจบนั้น ไวโอเล็ตคลาวด์ก็เริ่มแผ่ระลอกคลื่นมานาของตัวเองออกมาทันที …


“โดนเมนคู่ของคุณนั้นน่าทึ่งมากๆ … แต่โดเมนเดี่ยว มันก็ไม่ได้จะแพ้โดเมนคู่เสมอไปนะ !!!” หลังจากพูดจบไวโอเล็ตคลาวด์ก็โบกคทาของตัวเอง และเพียงแค่การเคลื่อนไหวเดียวในครั้งนี้ เธอก็ได้ทำลายโดเมนคู่ของมิราเคิลดราก้อนไปทันที ก่อนที่โดเมนของเธอจะแผ่เข้าไปปกคลุมอยู่ในระยะสามสิบถึงสี่สิบหรารอบๆมิราเคิลแทน


ความแข็งแกร่งของโดเมนของทั้งสองฝ่ายได้รับการตัดสินแล้ว !!!


ตอนที่ 2814 พลังของแอสโตรแมนเซอร์


“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?!”


“ทำไมโดเมนคู่ถึงแพ้โดเมนเดี่ยว ?!”


เหล่าผู้ชมที่เฝ้าดูอยู่ โดยเฉพาะพวกที่อยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญล้วนเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ เมื่อได้เห็นฉากตรงหน้า และพวกเขาก็ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมโดเมนคู่ถึงได้แพ้ให้กับโดเมนเดี่ยว


ท้ายที่สุดแล้วหลายคนในหมู่พวกเขานั้นสามารถมองออกได้อย่างชัดเจนเลยว่าโดเมนมานาที่ไวโอเล็ตคลาวด์แผ่ออกมานั้น มันไม่ได้แข็งแกร่งหรืออ่อนแอไปกว่าโดเมนคู่ของมิราเคิลดราก้อนเลย มันเรียกได้ว่าอยู่ในระดับที่เทียบเท่ากันด้วยซ้ำ แต่กระนั้นโดเมนเดี่ยวของไวโอเล็ตคลาวด์กับเอาชนะโดเมนคู่ของมิราเคิลดราก้อนได้


แถมตอนนี้มันยังเข้าครอบงำเหนือโดเมนคู่ของมิราเคิลดราก้อนไปทั้งหมดแล้ว !!!


“นี่มันน่าสนใจจริงๆ ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการควบคุมองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ รวมทั้งมานาของสาวน้อยคนนั้นเหนือกว่ามิราเคิลดราก้อนมากๆ แม้ว่ามิราเคิล

ดราก้อนจะสามารถใช้โดเมนคู่ที่น่าทึ่งได้ และมันก็อาจจะดูแข็งแกร่งกว่านิดหน่อยด้วยในแง่ของพลัง แต่มันก็แตกต่างกับโดเมนของสาวน้อยคนนั้นมากเมื่อพูดถึงเรื่องความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการควบคุมองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์และมานา” ชายหนุ่มรูปหล่อที่มีตราสัญลักษณ์ของร้อยผีโดดเดี่ยวพูดขึ้น และอดไม่ได้ที่จะมองไปยังไวโอเล็ตคลาวด์ด้วยความประหลาดใจ “ฉันไม่คิดเลยว่าจะมีอัจฉริยะแบบนี้อยู่ในสภาสิบแปดปีกด้วย”


“เหอะ ! พวกคนที่นี่นั้นคิดว่าเมื่อได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่ และได้รับพลังกับค่าสถานะมามันก็เพียงพอแล้ว แต่พวกเขาไม่ได้รู้เลยว่าสำหรับขั้นสี่นั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่พลัง ค่าสถานะ หรือเทคนิคการต่อสู้ หากแต่ว่ามันเป็นของความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการควบคุมองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ รวมทั้งมานาต่างหากที่สำคัญกว่า” สาวสวยผมสั้นสีฟ้ากล่าวเสริมด้วยความดูถูก “แล้วคนอย่างมิราเคิลดราก้อนจะมาสู้กับนักเวทย์ระดับนี้ได้ยังไงกัน ? เมื่อพูดถึงในแง่ของการการควบคุมองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ และมานา ….”


ชายหนุ่มรูปหล่อพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของสาวสวย ก่อนที่เขาจะมองไปยังไวโอเล็ตคลาวด์ด้วยใบหน้าหลงใหลพลางกล่าวว่า “ว่าแต่อัจฉริยะสาวสวยแบบนี้มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมกับเราได้เลยนะ เราชวนเธอมาเข้าร่วมกับเรา และให้เธอมาเป็นผู้ติดตามฉันดีไหม ….”


“ซี่หยวน คุณนี่มันเหมือนเดิมจริงๆ !!!” สาวสวยผมสั้นสีฟ้ากล่าวอย่างเอือมระอา ก่อนที่เธอจะเตือนสติชายหนุ่มรูปหล่อที่ชื่อ ซี่หยวน ว่า “อย่าลืมจุดประสงค์ของเราในการมาที่ทวีปหลักของ God domain ในครั้งนี้ !!! อย่ามาเล่นใหญ่และเยอะเหมือนเมื่อก่อน !!!”


“รู้น่า และฉันก็มั่นใจแน่นอนว่าไม่มีใครในทวีปหลักของ God domain ที่จะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ให้ฉันได้ ครั้งนี้พันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกจะต้องแพ้แน่นอน แม้ว่าแบล๊คเฟรมจะปรากฎตัวออกมาก็ตาม และถ้าสาวน้อยคนนี้ต้องการจะรักษาสภาสิบแปดปีกไว้ เธอก็จะต้องมาขอร้องกับฉัน ซึ่งฉันก็จะใช้โอกาสนี้แหละ …” ซี่หยวนกล่าวพลางหัวเราะ


สาวสวยผมสั้นสีฟ้าไม่ได้แย้งคำพูดใดๆของซี่หยวน เพราะท้ายที่สุดแล้วทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับพวกเขาจริงๆ ….


อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ทั้งสองคนนี้กำลังพูดคุยกัน ตอนนี้มิราเคิลดราก้อนที่ลอยอยู่กลางอากาศแล้วก็เริ่มเคลื่อนไหว แม้ว่าเขาจะอยู่ภายใต้การปราบปรามของโดเมนมานาของไวโอเล็ตคลาวด์ก็ตาม โดยเขาได้พุ่งเข้าใส่ไวโอเล็ตคลาวด์มาในระยะห้าสิบหลา ก่อนที่เขาจะเริ่มกวัดแกว่งดาบของเขา


เทคนิคการต่อสู้ Nine Extremes Slash!


สกิลขั้นสี่ magic light shattered!


ด้วยการผสานเทคนิคการต่อสู้เข้ากับสกิลขั้นสี่แบบนี้ มันก็ทำให้เกิดลำแสงดาบเก้าลำแสงที่ทรงพลังพุ่งเข้าใส่ไวโอเล็ตคลาวด์จากทุกทิศทาง และเห็นได้ชัดว่าแม้จะตกอยู่ภายใต้โดเมนของไวโอเล็ตคลาวด์ แต่มิราเคิลดราก้อนก็ยังสามารถจะควบคุมวิถีการโจมตีลำแสงทั้งหมดได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งมันทำให้ไม่ง่ายเลยสำหรับไวโอเล็ต

คลาวด์ที่จะรับมือได้


เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีอย่างกระทันนี้ ไวโอเล็ตคลาวด์ก็ได้ใช้สกิลบลิ้งเพื่อหลบหลีกการโจมตี และไปปรากฎตัวขึ้นห่างจากตำแหน่งเดิมของเธอราวสามสิบหลา


ตู้ม !


เมื่อไวโอเล็ตคลาวด์หลบหลีกออกไปแล้ว การโจมตีนี้ของมิราเคิลดราก้อนจึงปะทะเข้ากับพื้นที่ว่างเปล่า หากแต่ว่าทุกคนก็ยังสามารถจะมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าการโจมตีนี้มันสามารถสร้างความเสียหายได้อย่างน่ากลัวมากๆในรัศมียี่สิบหลา โดยการโจมตีนี้ของมิราเคิลดราก้อนมันน่าจะมีพลังเทียบเท่ากับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายชั้นยอดเลย


อย่างไรก็ตามก่อนที่ไวโอเล็ตคลาวด์จะทันได้พักหายใจ มิราเคิลดราก้อนก็มาปรากฎตัวขึ้นใกล้ๆเธอ และเริ่มระดมโจมตีเธอต่ออย่างบ้าคลั่ง โดยลำแสงดาบจากการโจมตีนั้นปรากฎขึ้นรอบๆตัวของไวโอเล็ตคลาวด์ราวกับมิราเคิลดราก้อนนั้นอยู่รอบตัวเธอตลอดเวลาเลย


ซึ่งฉากนี้มันทำให้ทุกคนตกตะลึงมากๆ ….


“มิราเคิลดราก้อนไม่ได้ออมมือใดๆเลย” ไซเร้นมาร์ชที่ยืนอยู่บริเวณประตูของสถานที่พักกิลสตาร์ลิ้งกล่าวพลางหัวเราะ “เดี๋ยวมันก็คงจะจบลงแล้ว …”


มิราเคิลดราก้อนนั้นเป็นนักดาบเวทย์มนต์ ซึ่งมันเป็นการผสมผสานกันของอาชีพสายเวทย์มนต์และดาบที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งไม่เพียงแต่เขาจะเก่งในการต่อสู้ระยะใกล้เท่านั้น แต่เขายังเก่งในการต่อสู้ระยะไกลด้วย แม้ว่าไวโอเล็ตคลาวด์จะทรงพลังมากพอจะทำลายโดเมนคู่ของมิราเคิลดราก้อนได้ แต่มันก็ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ใดๆไปมากนัก เพราะท้ายที่สุดแล้วมิราเคิลดราก้อนก็ยังคงมีข้อได้เปรียบอย่างมากในหลายๆด้าน เมื่อทำการโจมตี ….


“แม้ว่าคุณจะมีสกิลและเวทย์ในการเทเลพอร์ตกับบลิ้งที่หลากหลาย แต่ท้ายที่สุดมันก็จะต้องหมดลง และท้ายที่สุดคุณก็จะต้องตายภายใต้น้ำมือของฉัน !!!” มิราเคิลดราก้อนกล่าวพลางมองไปยังไวโอเล็ตคลาวด์ที่กำลังทำการหลบหลีก และป้องกันการโจมตีของเขาอยู่เรื่อยๆ


ในสายตาของทุกคน เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับผู้เล่นนักเวทย์แบบนี้ในตอนที่ถูกทำลายโดเมนของตัวเองไปแล้วเขาก็คงจะต้องเสียเปรียบเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตามทุกคนคิดผิด เพราะท้ายที่สุดเขาคือนักดาบเวทย์มนต์ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการโจมตีระยะไกลหรือใกล้ เขาก็ล้วนถนัดทั้งหมด


ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำก็เพียงแค่ระดมโจมตีไปจนกว่าสกิลและเวทย์เทเลพอร์ตกับ

บลิ้งของไวโอเล็ตคลาวด์จะหมดลงเท่านั้น เมื่อสกิลและเวทย์แบบนี้ของเธอหมดลงเมื่อไหร่ เธอจะตายแน่นอน


“ขอบคุณสำหรับคำเตือน” ไวโอเล็ตคลาวด์ยิ้มเล็กน้อยให้กับคำพูดของมิราเคิลดราก้อน “แล้วถ้าเกิดตัวฉันมีหลายคนละ ?”


เมื่อพูดมาถึงตรงนี้นั้นไวโอเล็ทคลาวด์ก็โบกคทาของเธอทันที และทันใดนั้นร่างของเธอจำนวนมากก็แยกออกมาลอยอยู่เต็มท้องฟ้า จนทำให้หลายคนที่เฝ้าดูอยู่นั้นแยกแทบไม่ออกเลยว่าอันไหนคือร่างจริงและปลอมของเธอ


“สกิลแยกร่างงั้นหรอ ?” มิราเคิลดราก้อนผงะไปเล็กน้อย เมื่อเห็นฉากนี้ อย่างไรก็ตามทันใดนั้นเขาก็ส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ !! ร่างพวกนี้ทั้งหมดล้วนมีออร่าที่คลุมเครือ ดังนั้นพวกมันจึงน่าจะเป็นร่างปลอม ร่างจริงของคุณนั้นมีเพียงร่างเดียวเท่านั้น !!!”


“เตรียมดูได้เลยว่าฉันจะทำลายมุขนี้ของคุณยังไง !!!”


เมื่อพูดจบนั้นมิราเคิลดราก้อนก็เริ่มทำการโจมตีแบบกระจายตัวออกไปเพื่อไล่จัดการกับร่างแยกของไวโอเล็ตคลาวด์ และท้ายที่สุดแล้วหลังจากโจมตีมาระยะหนึ่ง มิรา

เคิลดราก้อนก็ได้เปลี่ยนท้องฟ้าทั่วบริเวณรัศมีสามร้อยหลาให้กลายเป็นพื้นที่มืดโดยสิ้นเชิง พลังของนักดาบเวทย์มนต์ขั้นสี่นั้นจัดว่าอยู่ในระดับที่น่ากลัวมากอย่างไม่ต้องสงสัย ….


อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ทุกคนไม่เว้นแม้แต่มิราเคิลดราก้อนนั้นคิดว่าทุกอย่างมันน่าจะจบลงแล้ว ไวโอเล็ตคลาวด์ก็ได้ก้าวออกมาจากพื้นที่มืดนี้ โดยที่เห็นได้ชัดเลยว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรเลย พูดกันตามตรงแม้แต่ชายเสื้อของเธอก็ยังไม่มีร่องรอยอะไรเลยด้วยซ้ำ….


“นี่คุณหลบหลีกการโจมตีเมื่อครู่ได้ทั้งหมดเลยงั้นหรอ ?” มิราเคิลดราก้อนกล่าวอย่างตกตะลึง เขาไม่อยากจะเชื่อเลย แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ต้องยอมรับความจริง เพราะจากที่ดูมันเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าการโจมตีเมื่อครู่ของเขานั้น ไม่โดนแม้แต่ชายเสื้อของไวโอเล็ทคลาวด์ด้วยซ้ำ

“สุดยอด !!! ความเร็วในการโจมตีเมื่อครู่ของคุณมันจัดว่าน่ากลัวมากๆจนทำให้ฉันไม่มีเวลาร่ายเวทย์เลย โชคดีที่โดเมนของฉันช่วยปราบปรามพลังของคุณบางส่วนเอาไว้ และช่วยให้พลังสกิลของฉันรุนแรงขึ้น ไม่งั้นนี่มันก็คงจะต้องเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากมากๆสำหรับฉัน” ไวโอเล็ตคลาวด์กล่าวด้วยรอยยิ้ม


ตราบใดที่โดเมนของเธอยังคงอยู่ เมื่อไวโอเล็ตคลาวด์ใช้สกิลแยกร่างนั้น ร่างแยกของเธอก็จะเป็นทั้งของจริงและปลอมในเวลาเดียวกัน เพราะเธอสามารถที่จะสลับตัวไปมากับทุกร่างได้โดยที่ไม่มีคูลดาวน์ใดๆ เพียงแต่มันจะเปลืองค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจ และมานามากหน่อยก็เท่านั้น


“สาวน้อย คุณนี่ช่างหยิ่งผยองเหมือนกับหัวหน้ากิลของคุณจริงๆ เพียงแค่คุณหลบการโจมตีเมื่อครู่ของฉันได้ มันก็ไม่ใช่ว่าคุณจะสามารถหลบได้ตลอดไปสักหน่อย !!!” มิราเคิลดราก้อนกล่าวพลางเตรียมจะเริ่มเหวี่ยงดาบอีกครั้ง


อย่างไรก็ตามก่อนที่มิราเคิลจะทันได้เริ่มเหวี่ยงดาบของตัวเอง เขาก็สังเกตเห็นว่าพื้นที่มืดด้านหลังของไวโอเล็ตคลาวด์นั้นมีใบดาบเวทย์มนต์ปรากฎออกมามากกว่าหกร้อยเล่ม


“มิราเคิลดราก้อน นี่คุณคิดว่าที่ฉันจะไม่ทำอะไรเลยระหว่างที่หลบการโจมตีของคุณรึไง ?” ไวโอเล็ตคลาวด์กล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ ก่อนที่เธอจะกล่าวต่อว่า “เพื่อที่จะจัดการกับคุณ ฉันต้องใช้เวลาเตรียมการนานมาก แล้วก็ตอนนี้มาดูกันดีกว่าว่าคุณจะหลบหลีกและเอาตัวรอดจากใบดาบเวทย์มนต์มากกว่าหกร้อยเล่มนี้ยังไง !!!”


เมื่อไวโอเล็ตคลาวด์กล่าวจบ เธอก็ควบคุมใบดาบเวทย์มนต์ทั้งหมดให้พุ่งเข้าโจมตีใส่มิราเคิลดราก้อนอย่างรวดเร็ว


สำหรับมิราเคิลดราก้อน เมื่อเขาเห็นว่าตัวเองไม่สามารถจะหลบการโจมตีที่กำลังจะเข้ามาได้ เขาก็ได้เลือกจะเปิดใช้งานสกิลเบอเซิกร์ของตัวเอง ซึ่งมันก็ทำให้ค่าสถานะของเขาพุ่งสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเร็วในการโจมตีของเขาที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเลย


หลังจากนั้นมิราเคิลดราก้อนก็ได้พยายามจะป้องกันใบดาบเวทย์มนต์เล่มแล้ว เล่มเล่าที่พุ่งเข้ามาโจมตีเขา


ตู้ม ! ตู้ม ! ตู้ม !

อย่างไรก็ตามแม้ว่ามิราเคิลดราก้อนจะเหนือกว่าไวโอเล็ตคลาวด์มากในแง่ของค่าสถานะพื้นฐาน และความเร็วในการโจมตี แต่ด้วยความที่ว่าใบดาบเวทย์มนต์นี้มันมีมากเกินไป ดังนั้นหลังจากเวลาผ่านไปราวสิบวินาที การโจมตีของไวโอเล็ตคลาวด์ก็เริ่มทะลุเข้าสู่ร่างของมิราเคิลดราก้อนโดยตรงจนทำให้เขาบาดเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ


และท้ายที่สุดแล้วในอีกไม่กี่วินาทีต่อมา ใบดาบเวทย์มนต์ของไวโอเล็ทคลาวด์ก็ได้กลืนกิน HP ทั้งหมดของมิราเคิลดราก้อนไป


หลังจากนั้นร่างของมิราเคิลดราก้อนที่มีดวงตาที่เบิกโพลงด้วยความไม่อยากจะเชื่อค้างไว้อยู่ก็พุ่งลงมากระแทกกับพื้นจนทำให้เกิดหลุมลึกขนาดใหญ่


ในขณะเดียวกันที่ยังลอยอยู่บนท้องฟ้าตอนนี้ก็เหลือเพียงแต่ใบดาบเวทย์มนต์ของไวโอเล็ทคลาวด์ และไวโอเล็ทคลาวด์เท่านั้น โดยที่ตอนนี้นั้นเหล่าผู้ชมที่เฝ้าชมอยู่ก็ได้แต่จ้องมองไปยังเธอด้วยความหวาดกลัว


“หัวหน้ากิลลู่ชิงหลัว ปล่อยคนของเรามาได้แล้ว !!!”


ตอนที่ 2815 คุณกล้ามาก


เมื่อได้เห็นฉากตรงหน้านั้น ลู่ชิงหลัวก็มีใบหน้าที่มืดมนลง


เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่ามิราเคิลดราก้อนจะพ่ายแพ้ แถมยังพ่ายแพ้ในสภาพที่น่าสังเวชมากๆด้วย


ตอนนี้สภาสิบแปดปีกไม่เพียงแต่จะดูดีขึ้นมาในเวลานี้ แต่มันยังทำให้โมเมนตัมฝั่งพวกเขาลดลงไปด้วย และพูดกันตามตรงตอนนี้เขาก็ไม่รู้เลยว่าจะต้องทำยังไงกับไวโอเล็ตคลาวด์


ในความเป็นจริงไม่ใช่แค่ลู่ชิงหลัวเท่านั้นที่มีท่าทีแบบนี้ พวกกองกำลังอื่นๆที่มาเฝ้าดูเรื่องนี้เองก็เช่นกัน


ความน่ากลัวของมิราเคิลดราก้อนนั้นมันชัดเจนสำหรับทุกคน แต่ความน่ากลัวที่ไวโอเล็ตคลาวด์แสดงออกมานั้นมันกับมากกว่า และดูจากพลังของเธอแล้ว เธอน่าจะสามารถต่อสู้กับผู้เล่นขั้นสี่สองถึงสามคนพร้อมกันได้สบายๆเลยด้วยซ้ำ


“นี่คือความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีกงั้นหรอ ?”


“สุดยอดเลย !! นี่มันน่าทึ่งมากๆ !!! คราวนี้แม้แต่สตาร์ลิ้งและพันธมิตรของพวกเขาก็ยังจะต้องก้มหน้ายอมรับเรื่องนี้ !!!”


ในเวลานี้ความแข็งแกร่งที่ไวโอเล็ตคลาวด์แสดงออกมานั้นมันเห็นได้ชัดว่าเหนือกว่าที่คาดมากๆ กล่าวอีกนัยหนึ่งแม้ว่าจำนวนผู้เล่นขั้นสี่ฝั่งสภาสิบแปดปีกจะน้อยกว่าฝั่ง

สตาร์ลิ้งสี่ต่อห้า แต่ในสถานการณ์แบบนี้สภาสิบแปดปีกนั้นไม่ได้เสียเปรียบเลย จริงๆอาจกล่าวได้ว่าได้เปรียบเลยด้วยซ้ำ


“สุดยอด สุดยอดมากๆ !!!” เมื่อมองไปยังไวโอเล็ตคลาวด์ที่ลอยอยู่กลางอากาศ อันยีลดิ้งฮาร์ทก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวสรรเสิญออกมา “ตอนนี้ผู้เล่นขั้นสี่ฝั่งสตาร์ลิ้งก็ได้ลดลงไปหนึ่งคนแล้ว แม้ว่าลู่ชิงหลัวจะกลับคำ แต่เราก็จะมีโอกาสช่วยคนของเราได้มากขึ้นแน่นอน !!!”


อิลูซะรี่เวิร์ดที่อยู่ข้างๆพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของอันยีลดิ้งฮาร์ท ….


การต่อสู้ในครั้งนี้นั้นมันมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับพวกเขา หากลู่ชิงหลัวกลับคำ หรือจัดการเรื่องราวทั้งหมดได้ไม่ดี เขาจะถูกสาธารณชนเย้ยหยันแน่นอน เพราะท้ายที่สุดความทะเยอทะยานของลู่ชิงหลัวนั้นยิ่งใหญ่เกินไป และเขาก็ตั้งใจอย่างเต็มที่ที่จะใช้โอกาสนี้เพื่อก้าวกระโดดขึ้นไปมีอิทธิใกล้เคียงหรือเทียบเท่ากับห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ตอนนี้แผนการของเขากับถูกทำลายอย่างยับเยินโดยฝีมือของไวโอเล็ตคลาวด์


พูดกันตามตรง ตอนนี้ถ้าไม่ได้อยู่ต่อหน้าสาธารณชน บางทีลู่ชิงหลัวอาจจะกระอักเลือดออกมาแล้วก็ได้


อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ทุกคนคิดว่าลู่ชิงหลัวนั้นน่าจะแสดงความบ้าคลั่งออกมา แต่ลู่ชิงหลัวกับไม่ทำ และตรงกันข้ามเขากับหัวเราะออกมาแทน


“โอเค !! ยอดเยี่ยม !! ตามที่คาดหวังไว้จากหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดของสภาสิบแปดปีก ความแข็งแกร่งของเธอนั้นยอดเยี่ยมมากจริงๆ !!!” ลู่ชิงหลัวมองไปที่ไวโอเล็ตคลาวด์ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม และเขาก็กล่าวต่อว่า “เอาล่ะ ปล่อยคนของพวกเขาไป …”


“หัวหน้ากิล ?” ซอร์ดเดมอน ซึ่งตอนนี้มาถึงขั้นสี่แล้วเช่นกันผงะไปชั่วขณะ เมื่อได้ยินคำสั่งของลู่ชิงหลัว “ถ้าเราปล่อยพวกเขาไป พวกเขาอาจจะกลับมาก่อปัญหาให้กับเรามากขึ้นนะ !!!”


“ไม่เป็นไรน่า …” ลู่ชิงหลัวเหลือบไปมองซอร์ดเดมอนครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะกล่าวยืนยันคำเดิมว่า “ปล่อยคนของพวกเขาไป ….”


ครู่หนึ่ง มู่หลิงชา ชาโด้วซอร์ด Alluring Summer และคนอื่นๆก็ได้รับการปล่อยตัวออกมาทีละคน และตั้งแต่ต้นจนจบสตาร์ลิ้งกับพันธมิตรของพวกเขานั้นก็ไม่ได้ขัดขวางใดๆเลย พวกเขาทำแค่เฝ้าดูอย่างเงียบๆเท่านั้น


“นี่มันง่ายแบบนี้เลยงั้นหรอ ?” เมื่อมองไปที่มู่หลิงชาและคนอื่นๆที่ถูกปล่อยตัว เหล่าผู้ชมที่เฝ้าชมอยู่ก็ล้วนเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ


ไม่มีใครทำใจเชื่อลงว่าลู่ชิงหลัวจะยอมปฎิบัติตามข้อตกลงง่ายๆแบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกสมาชิกของพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีก ….


อย่างไรก็ตามในเวลาเดียวกันกับที่ชาโด้วซอร์ดและคนอื่นๆถูกปล่อยตัวนั้น ….


“หนี !! พี่สาวไฟเออร์แดนซ์หนีเร็ว !!! นี่มันเป็นกับดัก !!!” ชาโด้วซอร์ดรีบตะโกนออกมา ขณะที่เขาถูกปล่อยตัวเป็นอิสระ


แต่อย่างไรก็ตามชาโด้วซอร์ดนั้นยังพูดไม่ทันจบประโยคเมื่อครู่ด้วยซ้ำ วงเวทย์ขนาดใหญ่ที่ซ้อนทับกันสามชั้นก็ปรากฎขึ้นมาและเข้าปกคลุมบริเวณสถานที่พักกิลของสตาร์ลิ้งทั้งหมด ซึ่งวงเวทย์นี้มันมีรัศมีมากกว่าสองพันหลา โดยผู้เล่นที่อยู่ภายในวงเวทย์นี้ยกเว้นเหล่าสมาชิกของสตาร์ลิ้ง และพันธมิตรของพวกเขานั้นล้วนถูกปราบปรามอย่างรุนแรง


แม้แต่เหล่าผู้เล่นขั้นสี่ของพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกก็ยังถูกปราบปรามจากวงเวทย์นี้จนค่าสถานะพื้นฐานลดลงไปสามสิบเปอเซ็นต์ทุกคน


“หนี ? นี่คุณคิดว่าเมื่อคุณมาอยู่ที่นี่ในวันนี้แล้ว คุณยังจะสามารถหนีได้อีกหรอ ?” ลู่ชิงหลัวมองไปยังสมาชิกทั้งหมดของพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกพลางหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “ฉันปล่อยคนของพวกคุณ และปฎิบัติตามข้อตกลงที่พูดไปก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นอย่ามาหาว่าฉันไม่ทำล่ะ แต่ว่าวันนี้พวกคุณทั้งหมดจะสามารถออกไปจากที่นี่ได้ไหมมันก็อีกเรื่องหนึ่ง และฉันก็ต้องขอเตือนคุณสักหน่อยว่าวงเวทย์นี้มันแข็งแกร่งมากๆ ซึ่งแม้แต่มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายชั้นยอดก็ยังยากจะทำลายมันได้ ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงพวกผู้เล่นขั้นสี่เลย !!!”


ในระหว่างที่ลู่ชิงหลัวยังพูดไม่ทันจบ มันก็มี NPC สามคนบินออกมาจากสถานที่พักกิลของสตาร์ลิ้ง และในทันใดนั้นโดเมนของไวโอเล็ตคลาวด์ก็ถูกทำลาย โดยมันก็ได้มีโดเมนที่รุนแรงกว่าเข้ามาแทนที่


เมื่อเห็นตัวตนของ NPC ทั้งสามคนที่ปรากฎตัวขึ้นชัดๆ ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนี้ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง


(วิคเตอร์ พาโรม (ผู้อาวุโสแห่งมือลับ)) (จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 4 เลเวล 160)

HP 180,000,000,/180,000,000


(ซาวิล แคลร์ (รองผู้บัญชาการกองอัศวินมือลับ))(อัศวินนภาขั้น 4 เลเวล 162)

HP 330,000,000/330,000,000


(คาบาร่า เม็ตซ์(ผู้บัญชาการกองอัศวินมือลับ))(Elemental hunter ขั้น 4 เลเวล 162)

HP 270,000,000/270,000,000


“NPC ขั้นสี่สามคน ! เป็นไปได้อย่างไร ?!”


สมาชิกของกองกำลังต่างๆ รวมไปถึงเหล่าผู้ชมที่มาเฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งหมดต่างจ้องมองไปยัง NPC เหล่านี้ และไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่มันเป็นเรื่องจริง


แม้ว่าพวกเขาจะเคยได้ยินมาบ้างว่ามือลับ กองกำลัง NPC อันดับหนึ่งแห่งเกาะดราก้อนฮาร์ท ส่ง NPC ขั้นสี่มาช่วยสตาร์ลิ้งจัดการกับสภาสิบแปดปีก แต่พวกเขาก็คิดว่าน่าจะมี NPC ขั้นสี่ถูกส่งมาจากมือลับเพียงคนเดียว พวกเขาไม่คิดมาก่อนเลยว่ามันจะมีถึงสามคน ด้วยพลังการต่อสู้ระดับนี้ พวกเขาแทบจะสามารถทำลายเมืองสกายสปริงทั้งเมืองได้เลย !!!


คาบาร่า เม็ตซ์ซึ่งมีอายุราวห้าสิบปี และถือคันธนูคริสตัลโบราณมองไปยังลู่ชิงหลัวและพยักหน้า “หัวหน้ากิลลู่ชิงหลัว ครั้งนี้คุณทำงานได้ดีมาก แล้วก็ต่อไปตามข้อตกลงของเรา ฉันจะช่วยคุณเข้าควบคุมหอคอยแห่งพันธสัญญาลับเอง !!”


“ขอบคุณ ผู้บัญชาการเม็ตซ์ !!” ดวงตาของลู่ชิงหลัวสว่างขึ้น เมื่อเขาได้ยินคำพูดของคาบาร่าเม็ตซ์


เป้าหมายของเขาในครั้งนี้คือไฟเออร์แดนซ์ และผู้เล่นขั้นสี่ทั้งหมดของพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีก โดยที่เขาจงใจจะท้าแข่งต่อสู้ในตอนแรก และส่งมิราเคิลดราก้อนออกไปนั้น มันก็เป็นไปเพื่อถ่วงเวลาให้วงเวทย์นี้ถูกเปิดใช้งานเสร็จสิ้นเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดแล้วในระหว่างที่เปิดใช้งานวงเวทย์ที่ทรงพลังแบบนี้นั้น มันจะเกิดความผันผวนของมานาขึ้นอย่างมาก และมันก็จะมีแต่การต่อสู้กันระหว่างผู้เล่นขั้นสี่เท่านั้นที่จะช่วยกลบเกลื่อนมันไปได้


ดังนั้นพูดกันตามตรงเลยคือ เขาไม่ได้สนใจตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่ามิราเคิลดราก้อนจะชนะหรือแพ้


“ลู่ชิงหลัวนั้นโหดเหี้ยมอย่างแท้จริง !! นี่เขาวางแผนจะจัดการกับผู้เล่นขั้นสี่ของพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกในคราวเดียวเลยสินะ !!!”


“ดูเหมือนว่าคราวนี้พันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกจะจบสิ้นลงแล้วแน่นอน !!! NPC ขั้นสี่สามคนนี้มีพลังมากพอจะอาละวาดได้ทั่วอาณาจักรทวินทาวเวอร์ด้วยซ้ำ !!!”


อย่างไรก็ตามเหล่าผู้ชมก็ค่อนข้างเข้าใจในแผนการของลู่ชิงหลัว เพราะท้ายที่สุดแล้ว หากเขาสามารถฆ่าผู้เล่นขั้นสี่ทั้งหมดของพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกลงได้ที่นี่ พันธมิตรสามกิลก็จะจบสิ้นแน่นอน และพันธมิตรสามกิลก็จะไม่อาจฟื้นฟูความแข็งแกร่งขึ้นมาต่อต้านสตาร์ลิ้งหรือพันธมิตรของสตาร์ลิ้งได้อีก


เมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ไฟเออร์แดนซ์ ไวโอเล็ตคลาวด์ อิลูซะรี่เวิร์ด และอันยีลดิ้งฮาร์ทก็มีสีหน้ามืดมนลง


“เป็นไปได้ยังไง ?!” เมื่อมองไปที่ NPC ขั้นสี่สามคนที่มีเลเวลหนึ่งร้อยหกสิบหรือสูงกว่าขึ้นไปทั้งหมด อันยีลดิ้งฮาร์ทก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหมดหวัง “ลู่ชิงหลัวเชิญ NPC ขั้นสี่จำนวนมากมาได้ยังไง ?!”


ตามข่าวที่พวกเขาได้รับมานั้น มือลับน่าจะส่ง NPC ขั้นสี่มาช่วยสตาร์ลิ้งแค่คนเดียวเท่านั้น ดังนั้นพวกเขา ผู้เล่นขั้นสี่ของพันธมิตรสามกิลจึงได้วางแผนกัน และเลือกจะเดินทางมาที่นี่ทั้งหมด เพราะพวกเขาเชื่อว่าพวกเขาจะสามารถตรึง NPC ขั้นสี่หนึ่งคนเอาไว้ได้ ในขณะที่ปล่อยให้คนอื่นๆที่เหลือจัดการผู้เล่นขั้นสี่ของสตาร์ลิ้งและ

พันธมิตรของสตาร์ลิ้ง


แต่ตอนนี้มันกับมี NPC ขั้นสี่จากมือลับปรากฎตัวขึ้นถึงสามคน แถมตอนนี้พวกเขายังถูกปราบปรามอย่างรุนแรงจากวงเวทย์ของสตาร์ลิ้งอีก ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงการต่อสู้กับ NPC ขั้นสี่เลย แม้แต่การต่อสู้กับผู้เล่นขั้นสี่ด้วยกัน พวกเขาก็ยังทำได้ยากมากๆ


อย่างไรก็ตามในระหว่างที่สมาชิกพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกทั้งหมดกำลังรู้สึกสิ้นหวังและไม่รู้ว่าจะจัดการกับ NPC ขั้นสี่ทั้งสามอย่างไร คาบาร่า เม็ตซ์ก็กวาดตามองมายังพวกเขาก่อนที่จะออกคำสั่งว่า “จับสมาชิกของสภาสิบแปดปีกทั้งหมดมาให้ฉัน !!! สำหรับคนอื่นๆให้ฆ่าได้ทันทีภายใต้ผลของวงเวทย์วิญญาณนี้ ฉันต้องการจะทำให้แบล๊คเฟรมรู้ว่า มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับคนที่กล้ามายั่วยุมือลับของเรา !!!”


“วางใจได้เลยผู้บัญชาการ !!! มันจะไม่มีสมาชิกของสภาสิบแปดปีกคนไหนที่หนีไปได้แน่นอน !!!” วิคเตอร์ พาโรม ผู้อาวุโสแห่งมือลับกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เมื่อได้ยินคำสั่งของคาบาร่า เม็ตซ์ ทุกคนก็รู้สึกตกตะลึงกันมากๆ


“นี่ NPC เหล่านี้มาเพื่อจัดการกับสภาสิบแปดปีกงั้นหรอ ?!”


“อึก !! นี่สภาสิบแปดปีกไปทำอะไรกัน ?! กองกำลัง NPC ถึงต้องการชีวิตของพวกเขาแบบนี้ ?!”


ในเวลานี้นับประสาอะไรกับเหล่าผู้ชม และสมาชิกของพันธมิตรสามกิล แม้แต่อัน

ยีลดิ้งฮาร์ท และอิลูซะรี่เวิร์ดก็ยังเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ พวกเขาไม่เข้าใจเลยจริงๆว่านี่ซือเฟิงไปทำอะไรกัน เขาถึงทำให้กองกำลัง NPC ที่แข็งแกร่งส่ง NPC ขั้นสี่สามคนออกมาแก้แค้นเขาแบบนี้


อย่างไรก็ตาม NPC ทั้งสามไม่ได้ให้โอกาสพวกเขาทั้งหมดได้คิดใดๆมากนัก เพราะ NPC ทั้งสามได้พุ่งเข้ามาใส่พวกเขาทันที โดยเป้าหมายหลักของ NPC ทั้งสามนั้นก็อยู่ที่ไฟเออร์แดนซ์ และไวโอเล็ตคลาวด์เป็นหลัก


“สภาสิบแปดปีก !! ครั้งนี้พวกคุณทำตัวเอง !!!” ลู่ชิงหลัวมองไปที่ NPC ทั้งสามที่เริ่มเคลื่อนไหว และเขาก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำกับหัวเราะอย่างบ้าคลั่งภายในใจ “ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ !!!”


ในตอนแรกเขารู้สึกปวดหัวมากๆในการจะหาวิธีจัดการกับพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีก แต่เขาก็ไม่ได้คาดคิดเลยว่าแบล๊คเฟรมจะไปยั่วยุมือลับ กองกำลัง NPC ที่แข็งแกร่งที่สุดบนเกาะดราก้อนฮาร์ทจนมือลับมาขอความร่วมมือ และส่งความช่วยเหลือมาให้เขาจัดการกับสภาสิบแปดปีก


ตอนนี้เมื่อ NPC ขั้นสี่ทั้งสามคนของมือลับเริ่มเคลื่อนไหว สภาสิบแปดปีกก็ไม่มีโอกาสอีกต่อไป และสิ่งที่เขาต้องทำหลังจากนี้ก็เพียงแค่ยึดทุกอย่างของสภาสิบแปดปีกมาเป็นของตัวเอง หลังจากที่สภาสิบแปดปีกถูกทำลาย


เมื่อเห็นคาบาร่า เม็ตซ์ นำ NPC อีกสองคนพุ่งเข้ามา ไฟเออร์แดนซ์ และผู้เล่นขั้นสี่คนอื่นๆทั้งหมดก็ได้เตรียมตัวจะต่อสู้จนตายกันไปข้างหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายกำลังจะเข้าปะทะกันนั้น ลำแสงดาบก็พุ่งผ่านไฟเออร์แดนซ์ และผู้เล่นขั้นสี่คนอื่นๆของพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกไปปะทะเข้ากับคาบาร่า เม็ตซ์อย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า


อย่างไรก็ตามคาบาร่า เม็ตซ์นั้นก็ไม่ใช่ NPC ขั้นสี่ทั่วไป ดังนั้นเขาจึงมีปฎิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วมากๆ โดยเขาได้รีบใช้ธนูคริสตัลโบราณในมือของเขาป้องกันการโจมตีที่เข้ามานี้โดยตรง


ตู้ม !!


เสียงระเบิดที่รุนแรงของการปะทะกันดังลั่นไปทั่วบริเวณ และมันก็ทำให้พื้นที่ในรัศมีหลายสิบหลาแตกออกเป็นเสี่ยงๆ


คาบาร่า เม็ตซ์ได้ถูกทำให้ปลิวกระเด็นไปหลายร้อยหลา และความเสียหายนับล้านก็ปรากฎขึ้นบนหัวของเขา


“มือลับ พวกคุณนี่กล้ามาก !!! ฉันไม่ได้รบกวนพวกคุณในเมืองดราก้อนฮาร์ทเลย แต่พวกคุณกับกล้าที่จะเข้ามาในดินแดนสภาสิบแปดปีกของฉัน !!!! ดูเหมือนว่าพวกคุณก็จะเป็นเหมือนซาบริจด์สินะที่ไม่ชอบใช้ชีวิตกันแบบยืนยาวน่ะ !!!!”


ในระหว่างที่ทุกคนยังไม่ทันได้ตอบสนองใดๆ เสียงที่เย็นชาก็ดังขึ้นมาจากระยะไกล และมันก็ทำให้ทุกคนในปัจจุบันอดไม่ได้ที่จะหันไปมองรอบๆด้วยความสงสัยว่าลำแสงดาบเมื่อครู่ที่ทำให้คาบาร่า เม็ตซ์ปลิวกระเด็นไปนั้นมันเป็นของใคร


ท่ามกลางฝูงชน มันมีชายคนหนึ่งที่สวมเสื้อคลุมสีดำ และแผ่ออร่าที่น่ากลัวราวกับภูติผีออกมา โดยตัวชายคนนี้ก็ได้ถือดาบสีทองที่แผ่ออร่าสีแดงเลือดออกมาเอาไว้ในมือ


“แบล๊คเฟรม ?!”


ตอนที่ 2816 อยู่ที่นี่กันไปทั้งหมดนั่นแหละ


เมื่อเห็นชายในเสื้อคลุมสีดำปรากฎตัว ทุกคนในปัจจุบันก็แทบไม่อยากจะเชื่อว่านี่มันเป็นความจริง


การโจมตีเพียงครั้งเดียวของเขานั้นได้ทำให้ NPC ขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยหกสิบสองปลิวกระเด็นไปได้ แม้ว่าตัวคาบ่าร่า เม็ตซ์จะไม่ใช่ NPC สายอาชีพที่เน้นความแข็งแกร่ง แต่เขาก็ยังคงเป็นแรนเจอร์ขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยหกสิบสอง โดยพลังของเขาในปัจจุบันนั้นมันก็มากพอที่จะทำให้ผู้เล่นส่วนใหญ่ในปัจจุบันรู้สึกหมดหวัง เขาไม่ใช่ตัวตนที่ผู้เล่นส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะสามารถต่อกรได้เลย


แต่ซือเฟิงกับทำให้คาบาร่า เม็ตซ์ปลิวกระเด็นไปได้ในการโจมตีเดียว เขาช่างน่ากลัวมากๆ !!!


“เขาคือแบล๊คเฟรมงั้นหรอ ?”


ยักษ์ขั้นสาม ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมของทีมนักผจญภัยสิงโตขาวอดไม่ได้ที่จะมองไปยังซือเฟิงที่อยู่ไกลออกไปพลางเดาะลิ้นของเขา ขณะเดียวกันคนอื่นๆในทีมนักผจญภัยสิงโตขาวก็ตกตะลึงเช่นกัน พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าชายที่หัวหน้าของพวกเขาทักทายในห้องเทเลพอร์ตนั้นจะเป็นชายผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ แถมเขายังเป็นคนที่มีอิทธิพลค่อนข้างมากใน God domain ด้วย


“หัวหน้ากิล ?”


ไฟเออร์แดนซ์และคนอื่นๆนั้นก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจมากเช่นกัน ขณะที่พวกเขามองไปยังซือเฟิงที่กำลังเดินเข้ามาใกล้กลุ่มของพวกเขาทีละก้าวๆ พวกเขาไม่ได้คิดเลยว่าซือเฟิงจะกลับมาแล้วจริงๆ


“แบล๊คเฟรม คุณทำให้เราต้องรอนานไปหน่อยนะ !!!” เมื่อมองไปที่ซือเฟิงที่อยู่ตรงหน้าของเขา อันยีลดิ้งฮาร์ทก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา


นับตั้งแต่ที่พวกเขาเจอกันครั้งสุดท้ายที่เทือกเขาที่ถูกทำลายเวลามันก็ผ่านไปไม่นานนัก แต่อย่างไรก็ตามสำหรับพวกเขาหนึ่งวันนั้นนานเหมือนกับหนึ่งปี และแรงกดดันที่พวกเขาได้รับนั้นมันก็เพิ่มขึ้นทุกวัน


อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยังประสบกับความโชคดีในเรื่องนี้อยู่บ้าง เพราะเมื่อพวกเขานำทีมผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดของตัวเองออกไปสำรวจแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยสามสิบ พวกเขาก็ได้พบกับดินแดนมรดกขั้นสี่ ซึ่งมันทำให้พวกเขาสามารถเลื่อนขั้นไปเป็นขั้นสี่ได้อย่างรวดเร็ว มันจึงช่วยลดแรงกดดันที่พวกเขาต้องเผชิญในอาณาจักรทวินทาวเวอร์ลงไประดับหนึ่ง โดยเรื่องนี้มันก็เกิดขึ้นควบคู่ไปกับการที่พวกเขาค้นพบมรดกที่สมบูรณ์ขั้นสามในหอคอยแห่งพันธสัญญาลับมากขึ้นเรื่อยๆ มันจึงส่งผลให้กิลของพวกเขามีผู้เล่นขั้นสามมากขึ้นเรื่อยๆตามลำดับเช่นกัน


ซึ่งนั่นมันก็คือทั้งหมดที่ทำให้พวกเขาอยู่รอดมาถึงวันนี้ได้


และในเวลานี้ซือเฟิงที่เป็นจักรพรรดิดาบขั้นสี่ก็ได้กลับมาแล้ว มันจึงจะทำให้พวกเขามีความมั่นใจเพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อยอย่างไม่ต้องสงสัย


ขณะเดียวกันอิลูซะรี่เวิร์ดก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังซือเฟิงอย่างโล่งอกเช่นกัน พวกเขารอช่วงเวลาที่ซือเฟิงจะกลับมา มานานมากแล้ว ….


ส่วนในฝั่งของสตาร์ลิ้งนั้น พวกเขาก็มีท่าทีกระสับกระส่ายกันอยู่พักหนึ่ง เพราะพวกเขาไม่ได้คิดเลยว่าซือเฟิงจะปรากฎตัวขึ้นมาอย่างฉับพลันและรุนแรงแบบนี้


“แบล๊คเฟรม ในที่สุดคุณก็โผล่ออกมา !!!” ลู่ชิงหลัวมองไปที่ซือเฟิงที่อยู่ในระยะไกล และก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ฉันรอคุณมานานแล้ว !!! และวันนี้แหละฉันจะทำให้คุณได้เห็นสภาสิบแปดปีกที่คุณสร้างขึ้นมาถูกทำลายลงไปต่อหน้าต่อตาของคุณ !!!”


แม้ว่าเขาจะรู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยจากการปรากฎตัวของซือเฟิง เนื่องจากเขาไม่ได้คิดเลยว่าซือเฟิงจะสามารถเดินทางออกมาจากเกาะดราก้อนฮาร์ทที่ถูกปิดผนึก และมาถึงที่นี่ได้เร็วขนาดนี้ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เพราะท้ายที่สุดตอนนี้ต่อให้ซือเฟิงปรากฎตัวออกมา มันก็จะไม่ได้เปลี่ยนแปลงผลลัพธ์อะไรไปมากนักแน่นอน


เมื่อลู่ชิงหลัวกล่าวจบ ซอร์ดเดมอน วินด์เดมอน และผู้เล่นขั้นสี่คนอื่นๆของฝั่งสตาร์

ลิ้งก็ได้รีบพยายามจะตรงเข้าไปล้อมเหล่าสมาชิกสภาสิบแปดปีก อย่างไรก็ตามทันใดนั้นผู้เล่นสองคนที่ด้านข้างของซือเฟิงก็ตรงเข้ามาขวางทางพวกเขาเอาไว้ซะก่อน


“หากพวกคุณต้องการจะผ่านทางนี้ไป พวกคุณก็จะต้องเอาชนะเราสองคนให้ได้ซะก่อน !!!” “ ไลฟ์เลสธอร์นกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ในขณะนี้นั้นไลฟ์เลสธอร์น และโซริทารี่ไนน์ก็ไม่ได้ปกปิดออร่าแห่งชีวิตของพวกเขาอีกต่อไป ซึ่งมันก็ทำให้ทุกคนรู้อย่างชัดเจนเลยว่าพวกเขาทั้งสองอยู่ในขั้นสี่แล้ว โดยเรื่องนี้มันก็ทำให้ผู้เล่นขั้นสี่ฝั่งของสตาร์ลิ้งผงะไปเช่นกัน


“ผู้เล่นขั้นสี่อีกสองคน ?!”


“นี่สภาสิบแปดปีกมีผู้เล่นขั้นสี่กี่คนกัน ?!”


เหล่าผู้ชมที่เฝ้าชมอยู่อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา เมื่อได้รู้ถึงระดับขั้นที่แท้จริงของไลฟ์เลสธอร์น และโซริทารี่ไนน์


ผู้เล่นขั้นสี่นั้นหายากมากๆใน God domain ตอนนี้ และซุเปอร์กิลบางกิลก็ยังไม่มีผู้เล่นขั้นสี่แม้แต่คนเดียวเลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้พวกเขากับได้เห็นว่าสภาสิบแปดปีกนั้นมีผู้เล่นขั้นสี่อยู่ถึงห้าคน ซึ่งแม้แต่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังไม่น่าจะเทียบกับสภาสิบแปดปีกได้เลย ในแง่ของจำนวนผู้เล่นขั้นสี่ในระยะนี้ของเกม


“พวกคุณสภาสิบแปดปีกนี่ช่างน่าทึ่งจริงๆที่สามารถเลี้ยงดูผู้เล่นขั้นสี่ขึ้นมาได้มากมาย” ลู่ชิงหลัวหันไปมองที่ไลฟ์เลสธอร์น และโซริทารี่ไนน์ด้วยแววตาประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นเขาก็หันมามองซือเฟิงอย่างเย้ยหยันและกล่าวว่า “แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้พวกคุณทุกคนนั้นติดอยู่ในวงเวทย์วิญญาณระดับปรมาจารย์ แม้ว่าพวกคุณจะมีผู้เล่นขั้นสี่มากขึ้น แต่พวกคุณก็ยังถูกปราบปรามในเรื่องค่าสถานะอยู่ดี และภายใต้สถานการณ์แบบนี้นั้น พวกคุณไม่มีโอกาสจะชนะแน่นอน !!!”


เมื่อสมาชิกของสตาร์ลิ้ง และพันธมิตรของพวกเขาได้ยินคำพูดของลู่ชิงหลัว พวกเขาก็ฟื้นคืนสติกลับมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่พวกเขาจะพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของลู่ชิงหลัว


“รีบไปจัดการพวกนั้นเร็ว !!!” ไซเร้นมาร์ชซึ่งเป็นเนโครแมนเซอร์ขั้นสี่ได้รีบสั่งให้เหล่าอันเดธขั้นสี่ของเธอทำการโจมตีต่อทันที “วันนี้เราจะต้องไม่ปล่อยให้แบล๊คเฟรมและคนอื่นๆหนีออกไปจากที่นี่ได้ !!!”


หลังจากนั้นเหล่าอันเดธของไซเร้นมาร์ชก็พยักหน้ารับคำสั่ง ก่อนที่พวกมันจะตรงเข้าไปร่วมกับซอร์ดเดมอน และวินด์เดมอน รวมทั้งคนอื่นๆเพื่อจัดการกับไลฟ์เลส

ธอร์น และโซริทารี่ไนน์


เมื่อได้เห็นฉากนี้นั้น เหล่าผู้ชมที่เฝ้าดูอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา เพราะท้ายที่สุดแล้ว แม้ว่าผู้เล่นขั้นสี่คนอื่นๆของฝั่งสตาร์ลิ้งจะไม่ได้โดดเด่นเท่าฝั่งของสภาสิบแปดปีก แต่พวกเขาก็ยังมีข้อได้เปรียบในเรื่องที่พวกเขามีวงเวทย์คอยช่วยปราบปรามผู้เล่นขั้นสี่ของสภาสิบแปดปีก แถมพวกเขายังมี NPC ขั้นสี่อีกสามคนคอยสนับสนุน ดังนั้นในสถานการณ์แบบนี้ ผู้เล่นขั้นสี่ของสภาสิบแปดปีกจึงจะไม่มีโอกาสชนะเลย


อย่างไรก็ตามก่อนที่ทุกคนจะทันได้คิดหรือพูดอะไรต่อ ซือเฟิงก็ได้แกว่งดาบของเขาขึ้นไปบนฟ้า


แสงทลายโลก !!


การโจมตีของซือเฟิงได้ตัดผ่านวงเวทย์วิญญาณระดับปรมาจารย์ และทำให้มันหายไปอย่างสมบูรณ์ในเวลาอันรวดเร็ว


“วงเวทย์วิญญาณระดับปรมาจารย์ ?” ซือเฟิงหันไปมองลู่ชิงหลัวและถามอย่างเฉยเมยว่า “ใช่อันที่พึ่งพังไปนี่รึปล่าว ?”


เมื่อซือเฟิงกล่าวจบ มันก็บังเกิดความเงียบขึ้นในหมู่ผู้ที่ได้เห็นฉากนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งลู่ชิงหลัวที่เขาทำได้แค่จ้องมองไปยังสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยความไม่อยากจะเชื่อ


“เป็นไปได้ยังไงกัน ?!”


“นี่มันคือวงเวทย์วิญญาณระดับปรมาจารย์นะ !! แม้แต่มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายชั้นยอดก็ยังยากที่จะทำลายมันได้ แล้วเขาทำลายมันในการโจมตีเดียวได้ยังไง ?”


ลู่ชิงหลัวนั้นรู้สึกราวกับว่าตอนนี้เขากำลังฝันอยู่ หรือไม่งั้นก็ตอนนี้พระเจ้าจะต้องล้อเล่นอะไรสักอย่างกับเขาแน่นอน


“หัวหน้ากิล นี่หัวหน้ามีพลังที่ขั้นสูงสุดของขั้นสี่แล้วงั้นหรอ ?!”


ในเวลานี้ไม่ต้องพูดถึงลู่ชิงหลัว และสมาชิกคนอื่นๆของสตาร์ลิ้งรวมไปถึงพันธมิตรของพวกเขาเลย แม้แต่ไฟเออร์แดนซ์กับคนอื่นๆ รวมทั้งสมาชิกพันธมิตรสามกกิลของสภาสิบแปดปีกก็ตกตะลึงมากเช่นกัน

วงเวทย์วิญญาณระดับปรมาจารย์ที่สามารถจะใช้ปราบปรามและกักขังมอนสเตอร์ระดับตำนานชั้นยอดได้กับถูกซือเฟิงทำลายลงได้ในการโจมตีเดียว ใครจะกล้าเชื่อเรื่องนี้กัน ?


“นี่มันไม่ดีแล้ว !!! วงเวทย์วิญญาณระดับปรมาจารย์ได้ถูกทำลายลงไปแล้ว !!! แม้ว่า NPC ขั้นสี่ทั้งสามคนจะเข้ามาช่วยจับพวกเขาด้วย แต่มันก็จะไม่ง่ายแน่นอน !!!!” ไซเร้นมาร์ชตอบสนองอย่างกระทันหัน และพูดอย่างกระวนกระวายว่า “หัวหน้ากิลชิงหลัว เราต้องรีบหาทางรับมือกับเรื่องนี้โดยเร็ว !!!”


ท้ายที่สุดแล้วเมื่อปราศจากการปราบปรามของวงเวทย์วิญญาณระดับปรมาจารย์นั้น พวกผู้เล่นขั้นสี่ของสภาสิบแปดปีกก็จะไม่ได้เสียเปรียบพวกเขาอีกต่อไปแล้ว ว่ากันตามตรง ผู้เล่นขั้นสี่บางคนของสภาสิบแปดปีกจะกลับมาได้เปรียบพวกเขาด้วยซ้ำ และแม้ว่า NPC ขั้นสี่จะเข้ามาช่วยในเรื่องนี้ แต่มันก็ยังไม่ง่ายที่จะจัดการอยู่ดี ซึ่งหากพวกเขาไม่สามารถจะจัดการกับผู้เล่นขั้นสี่ของสภาสิบแปดปีกได้ มันก็จะเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขามากๆที่จะทำลายพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกลงให้ได้อย่างราบคาบ ….


สำหรับสมาชิกพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกนั้นก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา เมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ตอนนี้เมื่อปราศจากวงเวทย์นี้ พวกเขาก็จะสามารถตัดสินใจทำอะไรหลายสิ่งได้สะดวกขึ้นมากๆ


แต่อย่างไรก็ตามก่อนที่ลู่ชิงหลัวและไซเร้นมาร์ชจะทันได้พูดอะไรต่อ ซือเฟิงก็ได้บินขึ้นไปอยู่เหนือสถานที่พักกิลของสตาร์ลิ้ง พลางมองลงไปยังสมาชิกของสตาร์ลิ้ง และพันธมิตรของพวกเขาทั้งหมด


สิ่งนี้มันทำให้ทุกคนรู้สึกงงงวย พวกเขาไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมซือเฟิงถึงไม่หนีทันที แต่กับเลือกจะทำแบบนี้แทน


“หนี ?” ซือเฟิงมองไปที่ไซเร้นมาร์ชและหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “นี่พวกคุณคิดว่ามีแต่พวกคุณงั้นหรอที่สามารถรับสมัคร NPC ขั้นสี่ได้ ?! วันนี้จะไม่มีใครในหมู่พวกคุณออกไปจากที่นี่ได้ทั้งนั้น !!!!”


เมื่อซือเฟิงกล่าวจบ เขาก็หยิบม้วนคัมภีร์อัญเชิญองครักษ์ส่วนตัวสองม้วนออกมาจากกระเป๋าของเขา พลางเริ่มร่ายเวทย์ และเปิดใช้งานมันทันที ….


ตอนที่ 2817 กลับลำ


เมื่อซือเฟิงร่ายเวทย์และเปิดใช้งานมันเรียบร้อย วงเวทย์อัญเชิญสองวงก็ปรากฎขึ้นกลางอากาศ และในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที ร่างสองร่างก็ปรากฎขึ้นกลางอากาศ


ซึ่งเมื่อทั้งสองร่างนี้ปรากฎตัวออกมา ผู้เล่นทุกคนที่อยู่ในบริเวณนี้ทั้งหมดก็รับรู้ได้ถึงออร่า และแรงกดดันที่น่ากลัวที่พวกเขาแทบไม่เคยรู้สึกได้จากที่ไหนมาก่อน


“องครักษ์ส่วนตัวขั้นสี่สองคน ?!”


“เขามีองครักษ์ส่วนตัวขั้นสี่สองได้ยังไงกัน ?!”


เมื่อได้เห็นข้อมูลของร่างที่ปรากฎขึ้นมากลางอากาศทั้งสองร่างนั้น เหล่าผู้เล่นทั้งหมดที่อยู่บริเวณนี้ก็แทบจะหยุดหายใจ


เนื่องจากองครักษ์ส่วนตัวนั้นจะก้าวไปถึงขั้นสี่ได้ยากกว่าผู้เล่นมากๆ แม้ว่าองครักษ์ส่วนตัวคนนั้นจะอยู่ในระดับลึกลับขั้นเงิน แต่อัตราความสำเร็จในการจะเลื่อนขั้นไปเป็นขั้นสี่ก็ยังคงจะน้อยกว่ายี่สิบห้าเปอเซ็นต์อยู่ดี และหากองครักษ์ส่วนตัวคนหนึ่งทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ล้มเหลว องครักษ์ส่วนตัวคนนั้นก็จะต้องรอหนึ่งเดือนก่อนที่จะสามารถท้าทายใหม่ได้อีกครั้ง และอัตราความสำเร็จในการทำเควสก็จะไม่ได้เพิ่มขึ้นเลยแม้แต่น้อย


แต่ตอนนี้ซือเฟิงกับมี และได้อัญเชิญองครักษ์ส่วนตัวขั้นสี่ออกมาสองคนจริงๆ


ซึ่งองครักษ์ส่วนตัวสองคนที่ซือเฟิงอัญเชิญออกมานี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากแอนนา และไคท์


ก่อนหน้านี้มันเป็นเพราะว่าทั้งสองคนนั้นยุ่งอยู่กับการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ของตัวเอง ดังนั้นเพื่อให้พวกเขารู้สึกสบายใจ และสามารถทุ่มเทเวลาทั้งหมดไปกับการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ให้สำเร็จได้ ซือเฟิงจึงไม่ได้ทำการอัญเชิญทั้งสองมาเลย เพราะท้ายที่สุดซือเฟิงเองก็เข้าใจดีว่าองครักษ์ส่วนตัวนั้นจะก้าวขึ้นไปถึงขั้นสี่ได้ยากกว่าผู้เล่นมาก


โชคดีที่ศักยภาพในการเติบโตของทั้งสองนั้นสูงมาก และตอนนี้เมื่อพวกเขาได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่แล้ว เลเวลของพวกเขาก็พุ่งขึ้นไปสูงกว่าซือเฟิงมากเช่นกัน โดยตอนนี้ไคท์มีเลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบหก ขณะที่แอนนามีเลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบเก้า ซึ่งเลเวลของพวกเขาทั้งสองคนนั้นไม่ได้แย่ไปกว่า NPC ขั้นสี่ สามคนของมือลับมากนักเลย


และเนื่องจากทั้งสองฝ่ายเป็นขั้นสี่เหมือนกัน ดังนั้นตราบใดที่ทั้งสองฝ่ายมีเลเวลแตกต่างกันราวสิบเลเวลหรือมากกว่านิดหน่อย ค่าสถานะของทั้งสองฝ่ายจึงจะไม่ได้แตกต่างกันมากนักเลย ซึ่งหากจะวัดความแข็งแกร่งจริงๆของทั้งสองฝ่ายก็จะต้องดูกันที่ความรู้ และความเข้าใจในการควบคุมองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ และมานา รวมไปถึงสกิลและเวทย์ขั้นสี่ที่มีเป็นหลัก


ซึ่งด้วยการปรากฎตัวของไคท์และแอนนานี้ แม้แต่คนโง่ก็สามารถจะบอกได้เลยว่าตอนนี้สถานการณ์ของสงครามมันได้เปลี่ยนไปแล้ว


ตอนนี้เมื่อสตาร์ลิ้ง และพันธมิตรของพวกเขาไม่มีวงเวทย์วิญญาณระดับปรมาจารย์ที่คอยช่วยปราบปรามพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกอีกต่อไป พวกเขาก็เริ่มจะกลับมาเสียเปรียบแล้ว และพวกเขาก็จะสามารถพึ่งพาได้เพียงแค่ NPC ขั้นสี่จากมือลับในการต่อกรกับพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกเท่านั้น


แต่ตอนนี้ไคท์และแอนนาซึ่งเป็นองครักษ์ส่วนตัวขั้นสี่ของซือเฟิงก็ได้ถูกอัญเชิญออกมาแล้ว นี่ยังไม่นับรวมพวก NPC ขั้นสี่ของเมืองสกายสปริงที่จะเข้ามาช่วยพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกในไม่ช้าแน่นอนอีก มันจึงเท่ากับว่าตอนนี้สตาร์ลิ้ง และพันธมิตรของพวกเขาไม่มีข้อได้เปรียบใดๆเลย


และเมื่อบวกปัจจัยทั้งหมดนี้เข้าด้วยกันนั้น มันก็มากพอแล้วที่จะทำให้สตาร์ลิ้ง และพันธมิตรของพวกเขาสิ้นหวังได้ แถมถ้าหากพวกเขารอต่อไปจนเมืองสกายสปริงทั้งเมืองถูกปิดผนึก มันก็จะเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะหนีออกจากเมืองได้ นอกจากจะใช้ห้องเทเลพอร์ต ซึ่งหากสถานการณ์นี้เกิดขึ้นมันก็จะนับว่าอันตรายมากๆสำหรับพวกเขา


ในเวลานี้ลู่ชิงหลัวเองก็รู้สึกอับอายเช่นกัน เขาไม่ได้คิดเลยว่าซือเฟิงจะทำให้สถานการณ์พลิกกลับตาลปัตรแบบนี้จนทำให้พวกเขามาตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังแทน


“หัวหน้ากิลชิงหลัว เราจะเอายังไงกันต่อ ? หากเราเคลื่อนไหวตอนนี้ มันจะเป็นฝ่ายของเราเท่านั้นเลยนะที่ถูกฆ่า ….” ไซเร้นมาร์ชมองไปยังลู่ชิงหลัวพลางถามด้วยน้ำเสียงต่ำ

ครั้งนี้แผนการทั้งหมดนั้นได้ถูกคิดขึ้นและดำเนินการโดยลู่ชิงหลัว และพวกเขาก็เพียงแค่เข้ามาช่วยเท่านั้น ลู่ชิงหลัวได้ให้สัญญาซ้ำแล้วซ้ำแล้วซ้ำเล่าวว่า เขาจะสามารถเอาชนะสภาสิบแปดปีกได้แน่นอนในครั้งนี้ และหลังจากนั้นเขาก็จะแบ่งสภาสิบแปดปีกกับพันํมิตรสามกิล และหอคอยแห่งพันธสัญญาลับให้กับมหาอำนาจที่ส่งความช่วยเหลือมาให้เขาจัดการเรื่องนี้


แต่ตอนนี้มิราเคิลของพวกเขานั้นยังไม่ทันได้รับอะไรเลยด้วยซ้ำ พวกเขาก็สูญเสียมิราเคิลดราก้อนไปด้วยน้ำมือของผู้เชี่ยวชาญของสภาสิบแปดปีกแล้ว และตอนนี้ไซเร้นมาร์ชเองก็มีสิทที่จะต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกันกับมิราเคิลดราก้อนสูงมาก


“ฉันรู้น่า …” ลู่ชิงหลัวกล่าวพลางถอนหายใจออกมา “เดิมทีฉันคิดว่าวิธีการเหล่านี้ มันก็น่าจะเพียงพอแล้วที่จะใช้เอาชนะสภาสิบแปดปีก อย่างไรก็ตามท้ายที่สุด ฉันก็ยังคงต้องไปขอความช่วยเหลือจากพวกเขาสินะ”


“อย่าบอกนะว่าคุณกำลังพูดถึงพวกกิลร้อยผีโดดเดี่ยว ?” เมื่อได้ยินคำพูดของลู่ชิงหลัว ไซเร้นมาร์ชก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองทีมของร้อยผีโดดเดี่ยวที่อยู่ไม่ไกลจากพวกเขานัก


เธอไม่คิดเลยว่าลู่ชิงหลัวจะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมากพอกับร้อยผีโดดเดี่ยวจนเอ่ยปากขอให้พวกเขาลงมือได้


“ใช่ พวกเขานั่นแหละ …” ลู่ชิงหลัวพยักหน้า จากนั้นเขาก็มองไปยังชายหนุ่มรูปหล่อที่เป็นผู้นำทีมของร้อยผีโดดเดี่ยว และพูดด้วยเสียงอันดังว่า “พี่ซี่หยวน ฉันขอรบกวนให้พวกคุณเคลื่อนไหวจัดการเรื่องนี้ให้หน่อย สตาร์ลิ้งยินดีจะยอมรับเงื่อนไขทั้งหมดที่คุณต้องการ !!!”


“ยอดเยี่ยม !! เรารอคำนี้จากคุณมานานแล้ว หัวหน้ากิลชิงหลัว !!!” ซี่หยวนกล่าวอย่างมีความสุข เมื่อได้ยินคำพูดล่าสุดของลู่ชิงหลัว “เนื่องจากหัวหน้ากิลชิงหลัวกล่าวมาแบบนี้ ทางเราก็จะจัดการทุกอย่างให้เอง !!!”


“ขอบคุณมากพี่ซี่หยวน !!!” ลู่ชิงหลัวกล่าวพลางถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก


เพราะในเวลานี้นั้นเขาถูกซือเฟิงผลักดันให้จมลงไปสู่ความสิ้นหวังจริงๆ เนื่องจากท้ายที่สุดแล้วนี่มันไม่ใช่ภายนอกเมือง ทุกอย่างมันเกิดขึ้นในเมืองสกายสปริง และที่นี่ก็นับเป็นดินแดนของสภาสิบแปดปีกด้วย ไม่ว่าพวกเขาจะตายลงจากการต่อสู้ในเมืองสกายสปริง หรือถูกซือเฟิงกับคนอื่นๆจับ ในตอนสุดท้ายพวกเขาก็จะถูกจับขังคุกในเมืองสกายสปริงตั้งแต่สองถึงสามวัน ไปจนถึงมากกว่าสิบวัน


ซึ่งนี่มันคือสิ่งเขาทนไม่ได้อย่างแน่นอน !!!


แต่ตอนนี้ในเมื่อร้อยผีโดดเดี่ยวยินดีจะเข้าแทรกแซง ทุกอย่างมันก็จะง่ายขึ้นมากสำหรับเขา


เพราะเขารู้ดีว่าดีว่าวิธีการ และพลังลึกลับที่อยู่เบื้องหลังกิลๆนี้นั้นไม่ธรรมดาเลย และพวกเขาก็เหนือกว่ามหาอำนาจส่วนใหญ่ในทวีปหลักของ God domain ตอนนี้ด้วย


สำหรับเหล่าผู้ชมที่เฝ้าชมอยู่นั้น เมื่อพวกเขาเห็นลู่ชิงหลัวหันไปขอร้องชายหนุ่มรูปหล่อ กับทีมของชายหนุ่มรูปหล่อ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ และพวกเขาก็ยิ่งประหลาดใจเพิ่มขึ้นไปอีก เมื่อได้เห็นว่าสีหน้ากดดันของลู่ชิงหลัวนั้นดูผ่อนคลายลงมาก หลังจากที่ชายหนุ่มรูปหล่อพยักหน้ายอมรับจะช่วยเขา


“พวกเขาเป็นใครกัน ? พวกเขาถึงกับทำให้ลู่ชิงหลัวต้องขอร้องพวกเขาได้ ?”


“นี่คุณไปอยู่ไหนมาเนี่ย ?! นั่นก็พวกกิลร้อยผีโดดเดี่ยวไง พวกเขาเป็นกิลที่ลึกลับ และทรงพลังมากๆ ซึ่งแม้แต่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังต้องเกรงใจพวกเขา เพราะพวกเขาได้เอาชนะผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดหรือเก่งกาจกว่านั้นของห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดมาแล้วจำนวนมาก ฉันไม่ได้คาดหวังเลยว่าสตาร์ลิ้งจะขอความร่วมมือกับร้อยผีโดดเดี่ยวได้ด้วย !!!”


มันมีผู้เล่นจำนวนมากที่เฝ้าดูอยู่ไม่เข้าใจถึงตัวตนของร้อยผีโดดเดี่ยว อย่างไรก็ตาม เมื่อคนที่เข้าใจได้อธิบายให้พวกเขาฟัง ผู้เล่นทั้งหมดโดยรอบบริเวณก็เริ่มเข้าใจถึงตัวตน และพลังที่ค่อนข้างพิเศษของร้อยผีโดดเดี่ยว


อย่างไรก็ตามอีกด้านหนึ่ง ใบหน้าของอันยีลดิ้งฮาร์ทและอิลูซะรี่เวิร์ดนั้นมืดมนลงทันที เมื่อได้เห็นฉากนี้


“แม่งเอ้ย !!! ร้อยผีโดดเดี่ยวไปทำงานร่วมกับสตาร์ลิ้งตั้งแต่ตอนไหนกัน ?!” อันยีลดิ้งฮาร์ทอดไม่ได้ที่จะมองไปยังชายหนุ่มรูปหล่อที่ชื่อซี่หยวนนี้อย่างไม่ค่อยพอใจ


สำหรับอิลูซะรี่เวิร์ดแม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดอะไร แต่เธอก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของอันยีลดิ้งฮาร์ท ซึ่งพูดกันตามตรงนั้น พวกเขาได้รับคำเตือนมาจากกิลของพวกเขาอย่างชัดเจนแล้วด้วยว่าห้ามยั่วยุร้อยผีโดดเดี่ยวเด็ดขาด


หลังจากที่ซี่หยวนตบปากรับคำขอความช่วยเหลือของลู่ชิงหลัวแล้ว เขาก็ได้หันไปมองซือเฟิงที่อยู่ไกลออกไป และพูดด้วยเสียงอันดังว่า “หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม คนเหล่านี้นั้นเป็นพันธมิตรและมีส่วนเกี่ยวข้องกับร้อยผีโดดเดี่ยวของเรา คุณช่วยเห็นแก่หน้าของร้อยผีโดดเดี่ยวเราสักครั้ง และปล่อยพวกเขาไปหน่อยได้ไหมในวันนี้ ? หากคุณยอม ฉันซี่หยวนขอสัญญาเลยว่าถ้าสภาสิบแปดปีกมีเรื่อง หรือปัญหาในอนาคต ฉันจะเข้าไปช่วยเหลือทันที”


ตอนนี้เมื่อได้ยินคำพูดของซี่หยวนนั้น ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองซือเฟิงที่ลอยอยู่กลางอากาศ หากซือเฟิงยอมทำตามคำพูดของซี่หยวนในวันนี้ เขาก็จะพลาดโอกาสที่จะสร้างความเสียหายครั้งใหญ่ให้กับสตาร์ลิ้ง และพันธมิตรของพวกเขา แต่หากซือเฟิงไม่ยอมทำตาม เขาก็จะต้องกลายเป็นศัตรูของร้อยผีโดดเดี่ยวที่แม้แต่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังเกรงใจและหวาดกลัว


“เห็นแก่หน้า ? เข้าช่วยเหลือทันที ?” ซือเฟิงมองไปที่ซี่หยวน และอดไม่ได้ที่จะยิ้ม “ก่อนหน้านี้ในตอนที่สตาร์ลิ้งและพันธมิตรของพวกเขาผลักดันให้พันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกไปถึงทางตัน ทำไมตอนนั้นคุณไม่ลุกขึ้นยืนมาแบบนี้บ้างล่ะ ? แต่พอไอ้พวกโง่นี้มันตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง พวกคุณกับลุกขึ้นยืนมาขอให้ฉันปล่อยพวกโง่นี้ไป …. พวกคุณคิดว่าไอ้หน้าของพวกคุณเนี่ยมันมีค่ามากนักหรอ ? แล้วพวกคุณจะทำยังไงถ้าฉันไม่เห็นแก่หน้าพวกคุณ ?!”


ตอนที่ 2818 พวกคุณประเมินตัวเองสูงเกินไป


เมื่อซือเฟิงที่ลอยอยู่กลางอากาศพูดจบ เหล่าผู้เล่นทั้งหมดก็เงียบลงไปทันที ….


ไม่มีใครคิดเลยว่าซือเฟิงจะไม่ไว้หน้าร้อยผีโดดเดี่ยวเลย และจากการกระทำของเขาตอนนี้มันอาจกล่าวได้เลยด้วยซ้ำว่าเขาไม่สนใจร้อยผีโดดเดี่ยวแม้แต่นิดเดียว


ในเวลานี้ใบหน้าของชายหนุ่มรูปหล่อผู้เป็นตัวแทนของร้อยผีโดดเดี่ยวอย่างซี่หยวนก็บิดเบี้ยวอย่างมาก พร้อมกันนั้นดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความเย็นชาอย่างถึงที่สุด


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ข้อเสนอของฉันมันดีมากแล้วสำหรับเราทั้งคู่ หากเราเข้าแทรกแซง หลายสิ่งที่พวกคุณได้เปรียบตอนนี้มันก็จะลดลงนะ …” ซี่หยวนกล่าวอย่างเย็นชา “และถ้าคุณยังคงยืนกรานจะทำตามที่คุณต้องการ ฉันก็จะถือว่าสภาสิบแปดปีกนั้นเป็นศัตรูของร้อยผีโดดเดี่ยวด้วย !!!”


เมื่อพูดจบ ซี่หยวนก็ไม่ได้เลือกจะปกปิดข้อมูลใดๆของตัวเองอีกต่อไป และเขาก็ได้ทำการปลดปล่อยออร่าของตัวเองออกมา ซึ่งออร่าที่น่ากลัวที่เขาปลดปล่อยออกมานี้ มันแทบจะไม่ด้อยไปกว่า NPC ขั้นสี่ทั้งสามคนเลย และเมื่อบวกกับอาวุธกับอุปกรณ์ของเขานั้น มันก็ทำให้ทุกคนที่ได้เห็นรู้สึกตกตะลึงมากๆ


เนื่องจากอาวุธและอุปกรณ์ที่ซี่หยวนเปิดเผยออกมานั้นมันอยู่ในระดับอีปิคหรือเหนือกว่าทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งดาบของซี่หยวนที่ฝังเจ็มสโตนไว้หกเม็ด ซึ่งมันมีออร่าที่เหนือกว่าอาวุธระดับอีปิคขึ้นไปอีก


สำหรับสาวสวยผมสั้นสีฟ้า อาวุธของเธออย่างขวานยักษ์ และอุปกรณ์ที่เธอเปิดเผย

ออกมานั้นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าซี่หยวนมากนักเลย


“อาวุธและอุปกรณ์ของทั้งสองคนนั้นอยู่ในระดับที่ยอดเยี่ยมมากๆ !!!”


“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดถึงเกรงใจและเกรงกลัวร้อยผีโดดเดี่ยว การที่พวกเขามีอาวุธและอุปกรณ์แบบนี้ มันก็ชัดเจนเลยว่า กิลอย่างสตาร์ลิ้งนั้นเทียบกับพวกเขาไม่ได้เลย”


เหล่าผู้ชมทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะมองไปยังอาวุธกับอุปกรณ์ของซี่หยวน และสาวสวยผมสั้นสีฟ้านี้ด้วยความหวาดกลัว

ทุกคนที่นี่นั้นล้วนเคยเห็นอาวุธและอุปกรณ์ระดับอีปิค แต่ทุกคนที่นี่ส่วนใหญ่ไม่เคยเห็นผู้ที่สวมใส่อาวุธและอุปกรณ์ระดับอีปิคหรือเหนือกว่าครบเซ็ทแบบนี้ แถมทั้งสองคนยังมาจากกิลเดียวกันอีก นี่มันแสดงให้เห็นถึงความทรงพลังของร้อยผีโดดเดี่ยวเลย


ในเวลานี้หากสภาสิบแปดปีกเลือกจะเป็นศัตรูกับสองคนนี้ มันก็จะไม่ใช่เรื่องที่ชาญฉลาดเลย ไม่ต้องพูดถึงกับร้อยผีโดดเดี่ยวทั้งกิล


“ศัตรู ?” ซือเฟิงมองไปยังซี่หยวนและอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “พวกคุณประเมินตัวเองกันสูงเกินไปแล้ว !!! เนื่องจากพวกคุณต้องการที่จะยืนข้างกับลู่ชิงหลัว งั้นก็ตายไปพร้อมกับพวกเขาซะ !!!”


เมื่อพูดจบ ซือเฟิงก็สะบัดดาบแสงแห่งสองโลกไปทางซี่หยวน


เทคนิคมานา ไลท์ชาโด้ว !!!


ทันใดนั้นเงาดาบขนาดใหญ่ที่มีความสูงมากกว่าหนึ่งร้อยเมตรก็ปรากฎขึ้นในอากาศ และมันก็พุ่งตกลงมาใส่ซี่หยวนอย่างรวดเร็ว โดยมันได้ทำลายทุกสิ่งในระยะที่มันเคลื่อนผ่าน และทำให้เกิดรอยแยกมิติด้วย สำหรับตัวซี่หยวน เขารู้สึกตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ และแค่จะขยับร่างกายของตัวเอง เขาก็ยังทำได้ยากมากๆ


“เขากล้าจะทำได้ยังไงกัน ?!”


ไม่ไกลออกไป ลู่ชิงหลัวและพวกระดับสูงคนอื่นๆอีกหลายคนในฝั่งของเขานั้นล้วนเต็มไปด้วยความตกตะลึงกับเรื่องนี้


พวกเขาไม่คิดเลยว่าซือเฟิงจะไม่ไว้หน้าร้อยผีโดดเดี่ยวแม้แต่นิดเดียว แถมยังลงมือทันทีโดยไม่สนใจใดๆอีก


“บ้าเอ้ย !!!”


เมื่อซี่หยวนมองไปที่เงาดาบใหญ่ที่กำลังพุ่งตกลงมาใส่เขาอย่างรวดเร็ว เขาก็รู้สึกตกตะลึงเช่นกัน เขาไม่คิดเลยว่าซือเฟิงจะเริ่มโจมตีโดยที่ไม่พูดอะไรต่อสักคำ แถมการโจมตีที่เป็นเงาดาบขนาดใหญ่ของซือเฟิงนี้ มันก็ทรงพลังมากกว่าการโจมตีที่เขาใช้โจมตี NPC ขั้นสี่ก่อนหน้านี้มากๆ

ซี่หยวนนั้นได้หยิบคริสตัลปิดผนึกเวทย์มนต์บางอย่างออกมาโดยสัญชาตญาณ และเขาก็จัดการบี้มันให้แหลกละเอียดอย่างไม่ลังเล


ทันใดนั้นบาเรียสองชั้นก็เข้ามาปกคลุมบริเวณที่ซี่หยวน และสาวสวยผมสั้นสีฟ้ายืนอยู่เพื่อปกป้องทั้งสอง ….


ตู้ม !


การโจมตีนี้ของซือเฟิงนั้นได้เกือบจะทำลายบาเรียสองชั้นนี้ไปทันที แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นแบบนี้นั้นแต่ซี่หยวน และสาวสวยผมสั้นสีฟ้าก็ยังคงไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่พวกเขาได้เห็น


เมื่อสักครู่สิ่งที่พวกเขาใช้มันคือคำสาปป้องกันขั้นสี่ และแม้แต่ NPC ขั้นสี่ก็ยังยากจะทำลายมันได้เลย อย่างไรก็ตามเมื่อครู่นั้นบาเรียนี้ได้เกือบจะถูกทำลายลงภายใต้การโจมตีเพียงครั้งเดียวของซือเฟิง


กล่าวอีกนัยหนึ่งคือตอนนี้ถ้าบาเรียนี้โดนการโจมตีแบบเมื่อครู่เข้ามาอีกครั้ง มันจะถูกทำลายลงไปทันทีแน่นอน


“รีบถอยกันเถอะ !!!” ซี่หยวนมองไปที่สภาพบาเรีย ก่อนที่เขาจะออกคำสั่งให้ถอย และหลังจากนั้นเขาก็กล่าวต่อว่า “การโจมตีที่เขาใช้มันแข็งแกร่งเกินไป !! ฉันคิดว่ามันคงจะมีแต่พวกผู้อาวุโสของเราเท่านั้นแหละที่จะรับมือกับเขาได้ !!! เราไม่สามารถจะยืนหยัดต่อต้านเขาได้เกินสามการเคลื่อนไหวแน่นอน !!!”


เมื่อซี่หยวนพูดจบ สาวสวยผมสั้นสีฟ้า พร้อมกับสมาชิกของร้อยผีโดดเดี่ยวคนอื่นๆก็เริ่มแยกกันหนี และพยายามจะรีบออกจากเมืองสกายสปริงให้เร็วที่สุด โดยไม่กล้าที่จะรั้งรอใดๆเลย


“ดูเหมือนว่าคุณนี่ก็จะมีลูกเล่นของตัวเองอยู่บ้างนะ …” ซือเฟิงเหลือบไปมองบาเรีย จากนั้นเขาก็หันไปมองที่ซี่หยวนที่หลบหนี และพูดอย่างเฉยเมยว่า “แต่ในเมื่อคุณกล้าจะเข้ามาแทรกแซงเรื่องของสภาสิบแปดปีกในดินแดนสภาสิบแปดปีก ดังนั้นวันนี้ยังไงซะ ฉันก็จำเป็นที่จะต้องสอนบทเรียนให้กับคุณ !!!”


เมื่อซือเฟิงกล่าวจบ เขาก็หายตัวไปและมาปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าของซี่หยวนทันที


“คุณ …”


ซี่หยวนมองไปที่ซือเฟิงที่ปรากฎตัวขึ้นอย่างกระทันหันด้วยความไม่อยากจะเชื่อ


เนื่องจากซือเฟิงนั้นมีความเร็วที่น่ากลัวมากๆ โดยความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขาในอากาศนั้นแทบจะไม่ด้อยไปกว่าอะเม้าท์บินได้เลย


อย่างไรก็ตามก่อนที่ซี่หยวนจะทันได้ตอบสนองอะไรนั้น ดาบแสงแห่งสองโลกในมือของซือเฟิงก็ถูกใช้ตวัดเข้าใส่เขาแล้ว


“แบล๊คเฟรม !!!” ซี่หยวนนั้นไม่กล้าที่จะประมาท เขาได้รีบเปิดใช้งานสกิลเบอเซิกร์ของเขาทันที ซึ่งมันก็ได้ทำให้ค่าสถานะของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก และตอนนี้แม้ว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายในเลเวลเดียวกัน เขาก็กล้าจะสู้ด้วยแบบโซโล่แล้ว “อย่ามากดดันให้คนๆหนึ่งจนตรอกมากนัก !!!”


ในการที่จะรับการโจมตีที่เข้ามาของซือเฟิงนั้น ซี่หยวนได้ใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดที่เขามีเพื่อตวัดดาบเข้าปะทะกับดาบของซือเฟิง ….


ตู้ม !


ท้องฟ้านั้นแทบจะถูกแบ่งออกเป็นสองซีกจากการปะทะกันของซี่หยวนและซือเฟิง แต่หลังจากนั้นผลลัพธ์ทุกสิ่งมันก็ออกมาอย่างชัดเจน เพราะการโจมตีของซือเฟิงได้ทะลวงผ่านการป้องกันของซี่หยวนไปได้ และโดนเข้าที่ร่างของเขาเต็มๆ ซึ่งมันทำให้ร่างของซี่หยวนนั้นปลิวกระเด็นลงมากระแทกกับพื้นราวกับอุกกาบาต ในขณะที่ HP ของเขานั้นก็หมดลงไปในทันที ….


“ซี่หยวน ?” ในเวลานี้สาวสวยผมสั้นสีฟ้านั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ


ซี่หยวนนั้นเป็นรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดสามอันดับแรกของร้อยผีโดดเดี่ยว แต่กระนั้นเขากับไม่สามารถจะป้องกันการโจมตีเมื่อครู่ของซือเฟิงได้ แถมยังถูกซือเฟิงฆ่าในการโจมตีเดียว ดังนั้นนี่มันจะไม่ทำให้เธอตกตะลึงได้อย่างไร ?


แถมเธอก็ไม่คิดเลยว่าซือเฟิงจะฆ่าซี่หยวนโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ นี่เขาไม่กลัวว่าร้อยผีโดดเดี่ยวจะกลับมาล้างแค้นรึไง ?


“หนี !!”


ในเวลานี้ไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดขึ้น แต่ช่วงเวลานี้ทุกคนที่อยู่ฝั่งสตาร์ลิ้งนั้นล้วนเข้าใจถึงคำๆนี้อย่างชัดเจน และทันใดนั้นคนนับหมื่นที่อยู่ฝั่งสตาร์ลิ้งก็ต่างพากันหนีอย่างบ้าคลั่ง โดยที่พวกเขาล้วนใช้ทุกอย่างที่พวกเขามีเพื่อทำให้แน่ใจว่าตัวเองจะสามารถหนีไปได้


แม้แต่คาบาร่า เม็ตซ์ ที่ไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ หลังจากถูกซือเฟิงทำให้ปลิวกระเด็นกลับไปก็ยังมีสีหน้าที่มืดมน


“รีบถอยกันเถอะ !!” คาบาร่า เม็ตซ์ออกคำสั่ง ตอนนี้เขาเข้าใจดีว่าทุกอย่างมันจบลงแล้ว พวกเขาสามคนไม่สามารถจะทำอะไรกับซือเฟิงได้อีกต่อไป


หลังจากคาบาร่า เม็ตซ์พูดจบ เขาก็นำคนของเขาอีกสองคนพยายามบินออกจากเมืองโดยไม่ได้รั้งรอใดๆ


“อยากจะหนีงั้นหรอ ?! มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก !!!” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชา ก่อนที่เขาจะหันไปมองไคท์ และแอนนาพลางออกคำสั่งว่า “ฆ่าทุกคนที่เป็นศัตรูให้หมด อย่าให้เหลือ !!!”


“รับทราบ !!”


ไคท์และแอนนาที่ยังไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆพยักหน้าด้วยความเคารพเมื่อได้ยินคำสั่งของซือเฟิง ก่อนที่พวกเขาจะแยกย้ายกันออกไปเริ่มงานตามคำสั่ง


แอนนานั้นได้ทำการไล่ตามคาบาร่า เม็ตซ์ และ NPC ของมือลับอีกสองคนไป ขณะที่ไคท์ก็ได้มาปรากฎตัวขึ้นข้างไลฟ์เลสธอร์น กับโซริทารี่ไนน์ และร่วมมือกับทั้งสองคนจัดการฆ่าผู้เล่นขั้นสี่คนอื่นๆไปอย่างรวดเร็ว


“มีแค่คนเดียว ? …. แต่กับคิดจะมาไล่ตามและขวางพวกเราสามคน ช่างรนหาที่ตายจริงๆ !!!” คาบาร่า เม็ตซ์กล่าวพลางมองไปยังแอนนาด้วยความโกรธเกรี้ยว


แม้ว่าแอนนาจะเป็นขั้นสี่เหมือนกันกับพวกเขา แต่เธอก็มีเลเวลเพียงหนึ่งร้อยสี่สิบเก้าเท่านั้น ขณะที่พวกเขาทุกคนล้วนมีเลเวลหนึ่งร้อยหกสิบหรือสูงกว่านิดหน่อยทั้งหมด แถมพวกเขายังมีกันสามคนด้วย การที่แอนนากล้ามาไล่ตามและขวางพวกเขาแบบนี้ มันแปลว่าแอนนานั้นไม่ได้เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลย


อย่างไรก็ตามก่อนที่คาบาร่า เม็ตซ์จะทันได้ทำอะไร แอนนาก็ได้ทำการแผ่โดเมนของเธอออกมา


และในชั่วพริบตา เมืองสกายสปริงทั้งเมืองก็ได้ถูกปกคลุมไปด้วยโดเมนของแอนนา โดยพื้นที่ภายในโดเมนทั้งหมดนั้นก็เหลือเพียงแต่สีดำและขาว และภายใต้โดเมนนี้นั้น พวกผู้เล่นขั้นสามหรือต่ำกว่าของสตาร์ลิ้งกับพันธมิตรของพวกเขาก็ไม่สามารถจะเคลื่อนไหวใดๆได้เลย สำหรับคาบาร่า เม็ตซ์ และ NPC ของมือลับอีกสองคน พวกเขาก็ได้ถูกโดเมนของแอนนาปราบปรามอย่างหนัก และแค่จะใช้มานาของตัวเอง พวกเขาก็ยังทำแทบไม่ได้เลย


ทันใดนั้นก่อนที่คาบาร่า เม็ตซ์ และอีกสองคน จะทันได้ตอบสนอง มันก็มีโซ่สีดำจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามาหาพวกเขาจากทุกทิศทาง และมันก็มีดาบแสงศักสิทธิ์จำนวนมากก็ปรากฎขึ้นเหนือหัวพวกเขาเช่นกัน ก่อนที่มันจะพุ่งตกลงมาใส่พวกเขาอย่างรวดเร็ว


แม้ว่าฝั่งของคาบาร่า เม็ตซ์จะมีสามคน แต่ตอนนี้มันก็เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาเสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง และเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังอันน่ากลัวของแอนนา มันก็จะเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่พวกเขาจะตายลง


“หัวหน้ากิลชิงหลัว คุณก็ตามไปกับคนอื่นๆด้วย !!!” ซือเฟิงมาปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าของลู่ชิงหลัว และรีบใช้ดาบแสงแห่งสองโลกแทงใส่ลู่ชิงหลัว โดยไม่เปิดโอกาสให้เขาได้เตรียมตัวใดๆ


“แม่งเอ้ย !!! ไอ้เลวแบล๊คเฟรม !!! ฉันและร้อยผีโดดเดี่ยวจะไม่ปล่อยคุณไปแน่นอน !!!” ลู่ชิงหลัวมองไปที่ซือเฟิงที่ปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าของเขา พลางกัดฟันและบดขยี้แหวนคริสตัลในมือของเขาจนแหลกละเอียด


หลังจากนั้นลู่ชิงลัวก็ได้กลายเป็นลำแสงและหายเข้าไปในพื้นที่มืดที่มันเกิดขึ้นจากแหวนคริสตัลของเขา โดยดาบของซือเฟิงก็ได้ถูกต่อต้านจากพื้นที่มืดนี้อย่างสมบูรณ์ แต่ถึงกระนั้นการใช้ไอเทมชิ้นนี้เพื่อเอาตัวรอดและหนีเข้าไปในพื้นที่มืดชั่วระยะเวลาหนึ่ง มันก็ทำให้ลู่ชิงหลัวรู้สึกไม่สบายตัวเช่นกัน อันเนื่องมาจากภายในพื้นที่มืดนั้นมันมีมานาที่เบาบางมากๆ

และหลังจากนั้นภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที พื้นที่มืดนี้ก็หายไปพร้อมกับลู่ชิงหลัวอย่างสมบูรณ์


“หนีเร็วจริงๆ !!”


ซือเฟิงมองไปที่ลู่ชิงหลัวที่หายตัวไปอย่างไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลย เพราะท้ายที่สุดลู่ชิงหลัวนั้นเป็นหัวหน้ากิลสตาร์ลิ้ง ถ้าเขาไม่ได้มีไอเทมช่วยหนีในสถานการณ์ฉุกเฉินติดตัว นั่นต่างหากจึงจะเป็นเรื่องแปลกมาก


โดยในตอนนี้นั้นเป้าหมายส่วนใหญ่ของซือเฟิงก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีแล้ว ผู้เล่นขั้นสามของสตาร์ลิ้งและพันธมิตรของพวกเขานับหมื่นถูกจับ หรือไม่ก็ถูกฆ่า สำหรับพวกผู้เล่นขั้นสี่ของพวกเขานั้น ในเวลาไม่ถึงสิบนาที ภายใต้การร่วมมือของแอนนา ไคท์ และผู้เล่นขั้นสี่ของพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีก และทหาร NPC ของเมืองที่มาถึงแล้ว ทุกคนล้วนถูกฆ่าไปทั้งหมด และเมื่อพวกเขาฟื้นขึ้นมา พวกเขาก็จะถูกกวาดต้อนไปขังคุกของเมืองกันทั้งหมด ซึ่งพวกเขาก็จะต้องถูกจับขังเป็นเวลาหลายวันแน่นอน


เมื่อได้เห็นฉากตรงหน้านี้ เหล่าผู้ชม มหาอำนาจต่างๆที่มาเฝ้าดู รวมถึงมหาอำนาจต่างๆที่แต่เดิมคิดจะไปร่วมมือกับสตาร์ลิ้งก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง และหวาดกลัวมากๆ


ไม่มีใครคิดเลยว่าสงครามครั้งใหญ่ครั้งแรกแบบเป็นทางการเพื่อแย่งชิงหอคอยแห่งพันธสัญญาลับมันจะจบลงแบบนี้ ความแข็งแกร่งที่สภาสิบแปดปีกปกปิดเอาไว้นั้นมันเหนือกว่าจินตนาการของทุกคน ณ ที่นี้มากๆ และมันไม่ใช่สิ่งที่มหาอำนาจแค่ไม่กี่กลุ่มจะสามารถรับมือได้ง่ายๆเลย


หลังจากนั้นข่าวเรื่องนี้ก็ได้แพร่กระจายออกไปทั่วอาณาจักรทวินทาวเวอร์ และประเทศใกล้เคียงทั้งหมดอย่างรวดเร็ว โดยในชั่วขณะหนึ่งข่าวนี้มันก็ทำให้ผู้เล่นในประเทศต่างๆล้วนตกตะลึง และพูดไม่ออกอย่างมาก


ตอนที่ 2819 ความเปลี่ยนแปลงของอาณาจักรทวินทาวเวอร์


จักรวรรดิมังกรไฟ เมืองชายแแดน :


ในเวลานี้ทีมผู้เล่นขั้นสามจำนวนสามพันคนกำลังพักผ่อนอยู่ที่บาร์ของทั้งสองฝั่งถน และในเมืองนี้นั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่น หรือ NPC คนอื่นๆ พวกเขาต่างก็กลัวทีมๆนี้มาก


เนื่องจากเลเวลโดยเฉลี่ยของทีมๆนี้คือ เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบห้าหรือสูงกว่าทั้งหมด ซึ่งมันเป็นเลเวลที่มากกว่าเลเวลโดยเฉลี่ยของผู้เล่นขั้นสามทั่วไปหนึ่งถึงสองเลเวลเลย ขณะเดียวกันผู้นำของทีมๆนี้ก็คือหญิงสาวผมยาวที่สวมใส่เสื้อผ้าสีขาว


เหล่าผู้เล่นที่เดินผ่านไปมาบริเวณนี้ เมื่อพวกเขาได้เห็นหญิงสาวคนนี้ พวกเขาก็ทั้งตกตะลึงและหวาดกลัว


เพราะผู้หญิงคนนี้นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก โคลท์ชาโด้ว ผู้เล่นที่พึ่งจะได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่ของไมโทโลจี้ และปัจจุบันเธอก็มีตำแหน่งเป็นหนึ่งในรองหัวหน้ากิลที่ทรงอิทธิพลที่สุดของไมโทโลจี้ โดยในปัจจุบันโคลท์ชาโด้วนั้นมีเลเวลหนึ่งร้อยสามสิบสาม ซึ่งมากกว่าเลเวลเฉลี่ยของผู้เล่นขั้นสามทั่วไปมากกว่าสิบเลเวลเลย ซึ่งในตอนนี้โคลท์ชาโด้วก็สามารถทำให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามตัวสั่นได้ แม้ว่าเธอจะอยู่ห่างออกไปหลายร้อยหลาก็ตาม


“รองหัวหน้ากิลโคลท์ชาโด้ว มันมีข่าวส่งมาจากอาณาจักรทวินทาวเวอร์” ไวท์เฟเธอร์ การ์เดี้ยนไนท์หญิงขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยสามสิบได้เดินเข้ามารายงาน ก่อนที่เธอจะพูดต่อว่า “สตาร์ลิ้งและพันธมิตรของพวกเขาพ่ายแพ้ โดยทั้งหมดได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงมากๆ เนื่องจากการปรากฎตัวขึ้นมาอย่างกระทันของแบล๊คเฟรม นอกเหนือจากหัวหน้ากิลลู่ชิงหลัวของสตาร์ลิ้งแล้ว มันก็ไม่มีผู้เล่นคนใดจากสตาร์ลิ้งและพันธมิตรของพวกเขาหลบหนีไปได้เลย ตอนนี้ผู้เล่นขั้นสามของพวกเขาเกือบสองหมื่นคนถูกจับขังคุกในเมืองสกายสปริงทั้งหมด และแต่ละคนก็จะถูกจับขังสิบวันหรือมากกว่านั้นกว่าจะได้ออกมา”


“ในที่สุดเขาก็ปรากฎตัวออกมา” โคลท์ชาโด้วซึ่งกำลังนั่งพักผ่อนอยู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “แม้ว่าแบล๊คเฟรมจะสร้างความเสียหายได้อย่างรุนแรงมากๆต่อสตาร์ลิ้งและพันธมิตรของพวกเขาในครั้งนี้ แต่เขาก็ได้ปล่อยให้ลู่ชิงหลัว ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญของเรื่องนี้หนีไปได้ หลังจากนี้สภาสิบแปดปีกจะต้องเจอกับปัญหาที่ยากลำบากแน่นอน เพราะท้ายที่สุดผู้สนับสนุนลู่ชิงหลัวนั้นไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่ายๆเลย และเขาก็ต้องการจะเข้าครอบครองหอคอยแห่งพันธสัญญาลับให้ได้ด้วย”


“ตามรายงานจากข่าววงในที่เราได้รับมา ดูเหมือนว่าในครั้งนี้แบล๊คเฟรมจะได้ทำการฆ่าซี่หยวน หนึ่งในสามรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดของร้อยผีโดดเดี่ยวไปด้วย” ไวท์เฟเธอร์กล่าวรายงานเพิ่มเติม “พร้อมกันนั้นทั้งทีมของร้อยผีโดดเดี่ยวส่วนใหญ่ก็ถูกฆ่าภายใต้คำสั่งของซือเฟิงด้วย มีแค่ไม่ถึงสิบคนพร้อมกับรองผู้บัญชาการเฟยเย่เท่านั้นที่หนีออกมาได้”


เมื่อโคลท์ชาโด้วได้ยินเรื่องล่าสุดที่ไวท์เฟเธอร์รายงาน ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “นี่แบล๊คเฟรมบ้ารึปล่าว ? เขาฆ่าซี่หยวนคนนั้นจริงๆงั้นหรอ ? นี่เขาไม่รู้หรอว่าตัวตนของซี่หยวนนั้นไม่ธรรมดาเลย ? แม้แต่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างพวกเราก็ยังต้องให้ความเกรงใจกับเขา นี่แบล๊คเฟรมกล้าทำไปได้ยังไง ?”


ซี่หยวนนั้นเป็น รุ่นเยาว์อัจฉริยะที่กิลร้อยผีโดดเดี่ยวได้ทุ่มเทแทบทุกสิ่งที่มีเพื่อฝึก และเลี้ยงดูเขาขึ้นมา และเขาก็ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสมบัติล้ำค่าของกิลร้อยผีโดดเดี่ยวเลย ซึ่งแม้แต่เฟยเย่ อัจฉริยะขั้นสี่ก็ยังต้องมาติดตามเขา ดังนั้นนี่ก็น่าจะพอบอกถึงสถานะและตัวตนของซี่หยวนได้


ร้อยผีโดดเดี่ยวนั้นเป็นกิลที่แม้แต่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างพวกเขาก็ยังไม่กล้าจะยั่วยุในตอนนี้ เพราะกิลๆนี้นั้นจัดเป็นกลุ่มคนที่พิเศษเกินกว่าที่จะวัดได้ด้วยสามัญสำนึกในปัจจุบัน ดังนั้นพวกเขาจึงต้องพยายามกันอย่างดีที่สุดที่จะไม่เป็นศัตรูกับกิลๆนี้ นี่คือสิ่งที่โอดินได้เตือนพวกเขามาอย่างชัดเจน โดยตอนนี้นั้นไมโทโลจี้ของพวกเขาก็ได้พยายามจะหลีกเลี่ยงที่จะมีปัญหากับร้อยผีโดดเดี่ยวให้ได้มากที่สุด


แต่ซือเฟิงกับกล้ากระทำการที่เรียกได้ว่าเด็ดขาดและโหดเหี้ยมมากๆ เขาไม่เพียงแต่จะฆ่าซี่หยวน แต่เขายังทำลายทีมของร้อยผีโดดเดี่ยวที่เดินทางไปพร้อมกับซี่หยวนลงแทบทั้งหมด นี่ถ้าพวกระดับสูงของร้อยผีโดดเดี่ยวรู้เรื่องนี้ พวกเขาได้ควันออกหูกันแน่ๆ ….


“คราวหน้าเราจะเข้าไปร่วมวงในเรื่องนี้ด้วยไหม ?” ไวท์เฟเธอร์อดไม่ได้ที่จะถาม


ไมโทโลจี้ของพวกเขาเองก็ต้องการที่จะทำลายสภาสิบแปดปีกอย่างมากเช่นกัน และตอนนี้เมื่อซือเฟิงได้สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับสตาร์ลิ้ง และพันธมิตรของพวกเขา สตาร์ลิ้งกับพันธมิตรของพวกเขาก็จะไม่ยอมรามือจากเรื่องนี้แน่นอนจนกว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายไป ….


เพราะท้ายที่สุดแล้วพวกเขาทั้งหมดได้สูญเสียผู้เล่นขั้นสามไปเป็นจำนวนมาก และหากพวกเขาไม่สามารถเข้าควบคุมหอคอยแห่งพันธสัญญาลับได้ พวกเขาก็จะต้องใช้เวลานานมากๆในการจะฟื้นฟูความเสียหายในเรื่องนี้


นอกจากนี้จากการกระทำของซือเฟิงนั้น ร้อยผีโดดเดี่ยวก็น่าจะเข้ามาร่วมวงมาจัดการกับสภาสิบแปดปีกด้วยแน่นอน


ซึ่งเมื่อเวลานั้นมาถึง การต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝ่ายนี้จะรุนแรงมากๆ ดังนั้นมันจึงจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาที่จะเคลื่อนไหว เพราะท้ายที่สุดแล้วเค้กชิ้นใหญ่อย่างสภาสิบแปดปีกนั้น แม้แต่ห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างพวกเขาก็ยังอยากจะได้ส่วนแบ่งมา


“ไม่ มันยังไม่ถึงเวลา …” โคลท์ชาโด้วกล่าวพลางส่ายหัว “เราพึ่งจะทำเควสระดับตำนานที่อ่อนแอเสร็จไป และพึ่งจะได้รับมรดกร่างมานาที่ค่อนข้างพิเศษมา …. ดังนั้นก่อนอื่นให้คนของเราไปดูดซับและเรียนรู้มรดกนี้เพื่อพัฒนาร่างมานาของตัวเองก่อน เราควรจะก้าวขึ้นไปอีกขั้นให้ได้ซะก่อน เพราะว่าในแง่ของร่างมานา และด้านพวกนี้ทั้งหมด แบล๊คเฟรมอาจจะไปไกลมากแล้วจนพวกเราตอนนี้นั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”


“ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะรีบไปจัดการตามคำสั่งทันที และหลังจากนั้นฉันก็จะให้พวกเขาไปที่ถ้ำเทพปีศาจเพื่อฝึกฝนและเตรียมตัว” ไวท์เฟเธอร์กล่าวพลางพยักหน้า


“เรายังไม่จำเป็นจะต้องเข้าไปที่ถ้ำเทพปีศาจหรอก ตอนนี้แค่เรียนรู้และดูดซับมรดกนี้ไปก่อน สำหรับการฝึกฝนและเตรียมตัวนั้นเราสามารถจะฝึกได้ทุกที่อยู่แล้ว” โคลท์ชาโด้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม เมื่อเธอได้รับรายงานล่าสุดมาจากลูกน้องอีกคนของเธอ “ตรงกันข้ามตอนนี้พวกเราจะออกเดินทางไปที่หอคอยแห่งพันธสัญญาลับทันที บางทีเราอาจจะใช้โอกาสนี้เรียนรู้ถึงความแข็งแกร่งของกิลร้อยผีโดดเดี่ยวได้”


“ร้อยผีโดดเดี่ยวจะเคลื่อนไหวเร็วๆนี้งั้นหรอ ?” ไวท์เฟเธอร์ที่ได้ฟังคำสั่งของโคลท์ชาโด้วอดไม่ได้ที่จะถามอย่างประหลาดใจ


ในปัจจุบันความแข็งแกร่งที่สภาสิบแปดปีกแสดงออกมานั้นมันจัดว่าน่ากลัวมากๆ นับประสาอะไรกับผู้เล่นขั้นสี่ห้าคน แค่องครักษ์ส่วนตัวขั้นสี่ของพวกเขาสองคนมันก็จัดว่าน่ากลัวมากๆแล้ว พวกเขาไม่ใช่อะไรที่กองกำลังผู้เล่นจะสามารถรับมือได้ง่ายๆเลย และแม้แต่ไมโทโลจี้ของพวกเขาก็ยังจะต้องจ่ายในราคาแพงมากแน่นอน หากต้องการจะเอาชนะสภาสิบแปดปีกในตอนนี้


ขณะเดียวกัน การเข้าไปปะทะกับสภาสิบแปดปีกแบบตัวต่อตัวนั้น โอกาสที่จะเอาชนะได้ก็จะยิ่งน้อยลงไปอีก


ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการมากเลยว่าทำไมร้อยผีโดดเดี่ยวถึงได้ตัดสินใจที่จะตอบโต้สภาสิบแปดปีกอย่างรวดเร็วแบบนี้


“นั่นไม่ใช่ทั้งหมด …” โคลท์ชาโด้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม และดวงตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง “เดี๋ยวคุณจะรู้เอง เมื่อคุณไปถึง ถ้าครั้งนี้สภาสิบแปดปีกยังคงไม่ยอมแพ้เรื่องหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ พวกเขาก็มีสิทที่จะพินาศได้เลย !!!”


หลังจากได้ฟังคำพูดของโคลท์ชาโด้ว ไวท์เฟเธอร์ก็ได้ไปจัดการรวบรวมพวกระดับสูงจำนวนหนึ่งมาเพื่อออกเดินทางไปยังหอคอยแห่งพันธสัญญาลับพร้อมกับโคลท์ชาโด้ว


อาณาจักรทวินทาวเวอร์ เมืองสกายสปริง :


“หัวหน้ากิล เราได้เก็บรวบรวมไอเทมที่ดรอปทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว” ไฟเออร์แดนซ์เดินไปหาซือเฟิงที่กำลังนั่งพักผ่อนอยู่ด้วยความตื่นเต้น “ในสงครามครั้งนี้เราได้รับอาวุธและอุปกรณ์มาเกือบสองหมื่นชิ้น โดยแบ่งเป็นอาวุธและอุปกรณ์ระดับไฟน์โกล เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยสิบ มากกว่าหกพันชิ้น และก็มีอาวุธกับอุปกรณ์ระดับดาร์คโกล เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยสิบ มากกว่าสองพันชิ้น ขณะที่ที่เหลือล้วนเป็นอาวุธกับอุปกรณ์ระดับลึกลับขั้นเงิน เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยสิบทั้งหมด ซึ่งนี่มันเพียงพอที่จะเข้ามาเติมเต็มช่องว่างบางส่วนที่กิลของเราเสียไปก่อนหน้านี้ได้ในระดับหนึ่ง”


ปัจจุบันการดำเนินงานของสภาสิบแปดปีกส่วนใหญ่อยู่ในมือของเธอ ยู่หลาน และเมลานโครอิคสไมล์ โดยสภาสิบแปดปีกได้มุ่งเน้นการสนับสนุนด้านอาวุธและอุปกรณ์มาที่อาณาจักรทวินทาวเวอร์เป็นหลัก ซึ่งนี่มันได้ผลาญอาวุธและอุปกรณ์ที่สภาสิบแปดปีกได้เก็บรวบรวมไว้มานานไปเป็นจำนวนมาก


ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้เข้าใจเลยว่าอาวุธและอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับเลเวลเฉลี่ยของผู้เล่นในปัจจุบันนั้นสำคัญต่อกิลมากแค่ไหน อย่างไรก็ตามหลังจากต้องปะทะกับมหาอำนาจต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง เธอก็ได้เข้าใจแล้ว และเธอก็ได้เข้าใจแล้วด้วยว่ารากฐานที่แข็งแกร่ง และภูมิหลังของกิลนั้นมีไว้เพื่ออะไร ….


ก่อนหน้านี้เธอนั้นตัดสินความแข็งแกร่งของแต่ละกิลผ่านจำนวนผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น แต่เมื่อเธอได้มาเจอกับการต่อสู้ในสงครามล้างผลาญแบบจริงจัง เธอก็ได้เข้าใจแล้วว่าปริมาณ และคุณภาพของอาวุธกับอุปกรณ์นั้นก็มีความสำคัญมากเช่นกัน


หากพวกเขามีอาวุธและอุปกรณ์ไม่มากเพียงพอที่จะใช้จ่ายในสงครามล้างผลาญแบบนี้ สมาชิกกิลของพวกเขาก็คงจะยอมแพ้ และทยอยถอนตัวออกจากกิลไปทีละคนๆแน่นอน ซึ่งการที่พวกเขายืนหยัดมาได้ถึงขนาดนี้นั้น โดยที่อาวุธและอุปกรณ์ในคลังกิลของพวกเขายังไม่หมดไป ส่วนหนึ่งมันก็ต้องขอบคุณบริษัทการค้าแสงเทียนด้วยที่พยายามให้การสนับสนุนพวกเขาอย่างถึงที่สุด


“มอบอาวุธกับอุปกรณ์ครึ่งหนึ่งที่เราได้รับมาให้อิลูซะรี่เวิร์ดกับอันยีลดิ้งฮาร์ทไปด้วย” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันคิดว่า “ฉันคิดว่าตอนนี้พวกเขาเองก็คงไม่ได้มีช่วงเวลาที่ดีนัก และอาวุธกับอุปกรณ์ครึ่งหนึ่งที่เรามอบให้นั้นก็จะน่าจะช่วยให้พวกเขาจัดการตัวเองจนผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้”


เขานั้นสามารถพูดได้ว่าตัวเองเข้าใจสงครามแบบนี้เป็นอย่างดี ดังนั้นเขาจึงเข้าใจสภาพของกิลชั้นยอดทั้งสองดี พวกเขาอาจพอทนรับกับสถานการณ์ที่อาวุธกับอุปกรณ์ชั้นยอดของตัวเองแทบหมดไปได้ แต่สำหรับกิลชั้นยอดทั้งสองนั้นไม่ เพราะท้ายที่สุดแล้วหากสมาชิกของกิลชั้นยอดทั้งสองได้เห็นภาพที่อาวุธและอุปกรณ์ชั้นยอดในคลังกิลของพวกเขาแทบหมด พวกเขาก็มีสิทสูงมากที่จะหมดในศรัทธาในกิลตัวเองและถอนตัวออกไป


อย่างไรก็ตามไฟเออร์แดนซ์ยังไม่ทันได้ไปปฎิบัติตามคำสั่งของซือเฟิง อิลูซะรี่เวิร์ดก็ได้เดินเข้ามาหาเขาด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมมากๆ


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม มันมีบางสิ่งเกิดขึ้นที่เมืองป่าทะเลทรายที่อยู่ไม่ไกลจากหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ !!!” อิลูซะรี่เวิร์ดนั้นสูญเสียความสงบที่เธอมักจะเคยมีไปอย่างสิ้นเชิง ก่อนที่เธอจะรีบกล่าวต่อกับซือเฟิงอย่างกังวลว่า “ตามข่าวที่เราได้รับมา ตอนนี้มันมีพวกมอนสเตอร์ Faux Saint จำนวนมากปรากฎตัวขึ้นอย่างกระทันหันบริเวณนั้น โดยจากการประมาณแล้วพวกมอนสเตอร์ Faux Saint ที่ปรากฎตัวขึ้นนั้นก็มีจำนวนมากกว่าหนึ่งล้านตัว โดยส่วนใหญ่ก็เป็นพวกมอนสเตอร์ Faux Saint ระดับลอร์ดบอสหรือสูงกว่า อย่างไรก็ตามกองทัพนี้มันถูกนำมาโดยมอนสเตอร์ Faux Saint Devourer ขั้นสี่ที่มีเลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบหรือมากกว่าประมาณพันตัวด้วย และตอนนี้พวกมันก็กำลังหลั่งไหลเข้าสู่บริเวณหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ”


“Faux Saint Devourer ประมาณพันตัว ?!”


เมื่ออิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวจบ ไฟเออร์แดนซ์ที่ยังคงยืนอยู่ข้างๆซือเฟิง และได้ยินเรื่องนี้ด้วยก็อดไม่ได้ที่จะผงะ


แม้ว่าผู้เล่นจะกลายเป็นขั้นสี่แล้ว แต่มันก็ยังคงเป็นเรื่องยากมากๆที่จะเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายที่มีเลเวลมากกว่าตัวเองพร้อมกันสามถึงสี่ตัว ขณะเดียวกันพูดกันตามตรงแล้วมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายที่มีเลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบหรือมากกว่าประมาณพันตัวนี้ มันมากพอจะใช้ทำลายเมืองกิลทั่วไปได้สองถึงสามเมืองเลย นี่ไม่ต้องพูดถึงมอนสเตอร์ที่อ่อนแอลงมาที่มีจำนวนมากกว่านั้นอีกมาก


“ประมาณหนึ่งพันงั้นหรอ ?” ซือเฟิงเองก็รู้สึกประหลาดใจกับเรื่องนี้เช่นกัน


เขาไม่เคยเห็นกองทัพมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายที่มีเลเวลหนึ่งร้อยสี่สิบหรือสูงกว่าจำนวนมากขนาดนี้มาก่อนเลยเช่นกัน ….


“ใช่แล้วประมาณหนึ่งพัน …” อิลูซะรี่เวิร์ดพยักหน้ายืนยันด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว “วัดจากความเร็วในการเคลื่อนที่ของกองทัพพวกมัน พวกมันน่าจะใช้เวลามากกว่าสิบชั่วโมงนิดหน่อยในการจะเดินทางไปให้ถึงหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ เราควรจะสั่งอพยพคนของเราออกจากหอคอยเลยไหม ?”


หากมีเมืองคอยช่วยเป็นแนวป้องกันมันก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่นี่พวกเขาไม่มีเมืองอยู่เลยบริเวณหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ ดังนั้นทางเลือกเดียวของพวกเขาคือต้องหนีอย่างแน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้ว การถูกมอนสเตอร์ Faux Saint พวกนี้ฆ่า ผู้เล่นจะได้รับโทษจากการตายหนักกว่าปกติมากๆ


“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมลู่ชิงหลัวถึงพูดอย่างมั่นใจมาก ก่อนที่เขาจะหนีไป …. ดูเหมือนว่านี่จะเป็นทางเลือกสุดท้ายของเขาแล้วสินะ …” ซือเฟิงรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อยกับเรื่องนี้ และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ดูเหมือนว่าคราวนี้เขากำลังต่อสู้เพื่อชีวิตของเขาเอง”

การที่กองทัพมอนสเตอร์นับล้านเข้ามาเคลื่อนไหวในอาณาจักรแบบนี้ พวกกองทัพมอนสเตอร์นั้นก็จะต้องแข่งขันกับเวลา เพราะท้ายที่สุดแล้วนี่ไม่ใช่แผนที่เป็นกลาง พวก NPC ของอาณาจักรจะส่งกองทัพเข้ามาช่วยผู้เล่นกำจัดกองทัพมอนสเตอร์แน่นอน ซึ่งหากพวก NPC ของอาณาจักรส่งกองทัพเข้ามาช่วยทัน ทุกอย่างมันก็จะจบสิ้นเลยสำหรับกองทัพมอนสเตอร์


การที่ลู่ชิงหลัวทำแบบนี้ และจัดการระดมทัพแบบนี้มาได้ มันก็ชัดเจนว่าเขามีความสัมพันธ์กับมือแห่งนักบุญเป็นอย่างดีแน่นอน และอีกอย่างหนึ่งที่มันชัดเจนเลยก็คือความแค้นที่ลู่ชิงหลัวและมือแห่งนักบุญมีต่อซือเฟิงกับสภาสิบแปดปีกนั้นมันมากมายมหาศาลมากๆ พวกเขาจึงได้ลงทุนเสี่ยงทำแบบนี้กัน


ไฟเออร์แดนซ์เองก็กล่าวถามย้ำอย่างกังวลว่า “หัวหน้ากิล เราจะสั่งให้คนของเราถอยออกจากหอคอยแห่งพันธสัญญาลับไหม ?”


“ไม่ !! ออกคำสั่งให้พวกเขารวมพลกันภายในหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ แล้วเตรียมตัว !!!” ซือเฟิงส่ายหัวพร้อมกับความบ้าคลั่งที่ปรากฎขึ้นมาในดวงตาของเขา “เนื่องจากพวกเขาเลือกจะต่อสู้แบบสิ้นหวังแล้ว งั้นเราก็จะสนุกกับพวกเขาสักหน่อย !!!”


เมื่อไฟเออร์แดนซ์ และอิลูซะรี่เวิร์ดได้ยินคำสั่งของซือเฟิง พวกเธอก็อดคิดไม่ได้จริงๆว่าซือเฟิงบ้าไปแล้ว นี่เขาคิดจะเผชิญหน้ากับกองทัพมอนสเตอร์จำนวนนับล้านแบบนี้ โดยปราศจากการป้องกันของเมืองคอยช่วยจริงๆงั้นหรอ ?


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ….” แต่ทันใดนั้นอิลูซะรี่เวิร์ดก็นึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ และดวงตาของเธอก็ปรากฎร่องรอยแห่งความตกตะลึงออกมา “คุณสร้างมันเสร็จแล้วงั้นหรอ ?”


“ใช่แล้ว ….” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า “อย่างไรก็ตามมันยังเหลือการทดสอบขั้นสุดท้ายนิดหน่อย แล้วก็ฉันขอรบกวนให้คุณกับอันยีลดิ้งฮาร์ทไปเรียกรวมพลทุกคนเข้าไปที่หอคอยแห่งพันธสัญญาลับให้เร็วที่สุดด้วย เดี๋ยวฉันจะไปรอที่นั่น !!!”


เมื่อพูดจบซือเฟิงก็อัญเชิญอินทรีสายฟ้าออกมา ก่อนที่เขาจะรีบกระโดดขึ้นหลังมันและบินตรงไปยังหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ


ตอนที่ 2820 ค้นพบป้อมปราการเหล็ก


เมืองป่าทะเลทราย สันเขาปิงหยู :


ในฐานะแผนที่เลเวลเจ็ดสิบ สันเขาปิงหยูนั้นถูกปกคลุมไปด้วยลมและหิมะตลอดทั้งปี โดยที่ที่นี่ก็มีชื่อเสียงในการผลิตแร่ไครโอไลท์


โดยแร่ไครโอไลท์นี้เป็นหนึ่งในแร่ไม่กี่ชนิดใน God domain ที่สามารถใช้สร้างเครื่องมือเล่นแร่แปรธาตุที่เป็นที่ต้องการอย่างมากใน God domain ได้ อย่างไรก็ตามแร่นี้มันก็หายากมากๆ และปรากฎขึ้นแบบสุ่มเท่านั้น ซึ่งในตลาดมันก็มีราคาถึงยี่สิบเหรียญเงินต่อชิ้น ด้วยเหตุผลนี้เองมันทำให้ผู้เล่นหน้าใหม่จำนวนมากเลือกจะเข้ามาเก็บเลเวลที่นี่ เพราะหากพวกเขาโชคดีมากพอ พวกเขาก็จะได้รับแร่ไครโอไลท์เป็นของแถมจากการล่าที่นี่ด้วย ซึ่งพวกเขาจะสามารถนำมันไปขายในบ้านประมูลของเมือง NPC ได้


อย่างไรก็ตามตอนนี้บริเวณสันเขาปิงหยูนั้นไม่มีผู้เล่น หรือ NPC ที่เก็บเลเวลอยู่ที่นี่เลย สันเขาปิงหยูทั้งหมดนั้นได้ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นดินแดนแห่งความตายที่ไร้มนุษย์โดยสมบูรณ์ด้วยฝีมือของกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint


ขณะเดียวกันบนท้องฟ้าเหนือสันเขาปิงหยู มันก็มีอีกาเพลิงมืดที่มีขนาดลำตัวยาวกว่ายี่สิบเมตรบินตรงมาจากระยะไกล โดยมันได้บินตรงมาลอยอยู่บริเวณงูปีศาจโบราณที่มีขนาดลำตัวยาวเกือบสองร้อยเมตร


ตัวตนของงูปีศาจโบราณนั้นดูเหมือนราชันแห่งท้องฟ้าที่อยู่เหนือสิ่งมีชีวิตทั้งหมดอย่างชัดเจน อีกาเพลิงมืดที่ดูตัวใหญ่นั้นก็ดูไม่ต่างจากเด็กทารกเลย เมื่ออยู่ต่อหน้างูปีศาจโบราณ ขณะเดียวกันดวงตาของอีกาเพลิงมืดก็บ่งบอกถึงความหวาดกลัวต่องูปีศาจโบราณอย่างชัดเจน หากว่าไม่ได้มีผู้ที่ควบคุมงูปีศาจโบราณที่นั่งอยู่บนหลังของมัน อีกาเพลิงมืดก็คงจะไม่กล้าเข้าใกล้งูปีศาจโบราณเลย


ขณะที่บนตัวงูปีศาจโบราณนั้นนั้นก็มีผู้เล่นสามร้อยคนนั่งอยู่ โดยแต่ละคนล้วนมีเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบหกหรือสูงกว่าทั้งหมด ส่วนผู้ที่นั่งอยู่แถวหน้าบนหลังของงูปีศาจโบราณห้าคนนั้นก็แผ่ออร่าที่แข็งแกร่งไม่ได้น้อยไปกว่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยายชั้นยอดออกมาเลย


ซึ่งก็แน่นอนว่าทั้งห้าคนนี้เป็นผู้เล่นขั้นสี่กันทั้งหมด

ถ้าซือเฟิงมาอยู่ที่นี่ เขาจะรู้ได้ในทันทีว่าหนึ่งในห้าผู้เล่นขั้นสี่พวกนี้นั้นคือสาวสวยผมสั้นสีฟ้าที่แข็งแกร่งมากๆที่ได้ติดตามซี่หยวนไปยังเมืองสกายสปริง อย่างไรก็ตามตอนนี้ดวงตาของสาวสวยผมสั้นสีฟ้าก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวมากๆ ขณะที่มองไปยังชายชราที่สวมชุดเกราะสีดำที่ยืนอยู่หน้าสุดบนหลังงูปีศาจโบราณ


“ผู้อาวุโสจูเฟิงหยิง ขอโทษจริงๆที่ปล่อยให้คุณต้องรอนาน …” ผู้ที่นั่งอยู่บนหลังอีกาเพลิงมืด ซึ่งมีรูนสีแดงเลือดอยู่บริเวณรอบคอ และรูม่านตาเป็นสีทองเข้มที่ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากลู่ชิงหลัวกล่าวทักทายชราชราในชุดเกราะสีดำ “เมื่อผู้อาวุโสจูเฟิงหยิงนำกองอัศวินดำมาเองในครั้งนี้ ดูเหมือนว่ายังไงซะสภาสิบแปดปีกก็จะต้องถูกทำลาย และหายไปจาก God domain แน่นอน”


สำหรับกิลร้อยผีโดดเดี่ยวนั้น มหาอำนาจส่วนใหญ่รู้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเกี่ยวกับกิลๆนี้ อย่างไรก็ตามสำหรับลู่ชิงหลัวเขารู้ถึงความน่ากลัวของกิลร้อยผีโดดเดี่ยวเป็นอย่างดี


กองอัศวินดำนั้นเป็นกองกำลังหลักของกิลร้อยผีโดดเดี่ยว โดยพวกเขานั้นแข็งแกร่งกว่ากองกำลังหลักของห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดด้วยซ้ำ เพราะคนในกองกำลังนี้นั้นไม่สามารถถูกเรียกได้ว่าเป็นมนุษย์อีกต่อไป พวกเขาทั้งหมดล้วนมีสายเลือดพิเศษ และพวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นสัตว์ประหลาดที่แท้จริง มาตราฐานการต่อสู้ ความคมชัดของประสาทสัมผัสทั้งห้า ความเร็วในการตอบสนอง พลังดิบ และอื่นๆอีกมากมายนั้นมันหาที่เปรียบไม่ได้เลย แม้แต่ในหมู่ผู้เล่นขั้นสี่


สำหรับอุปกรณ์ที่พวกเขาสวมใส่นั้นมันก็เป็นเซ็ทมานาขั้นสาม ซึ่งมันทำให้แท๊งเกอร์ขั้นสามสามารถจะแท๊งกับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายแบบโซโล่ในเลเวลเดียวกันได้สบายๆเลย


แต่มันก็แน่นอนว่าเซ็ทมานาขั้นสามนั้นไม่ใช่ว่าจะสามารถสวมใส่ได้ทุกคน อันเนื่องมาจากความต้องการค่า STR เพื่อสวมใส่ที่มันสูงมาก และแม้จะเป็นเบอเซิกเกอร์ขั้นสามที่เน้นอัพค่า STR ก็ยังสวมใส่ไม่ได้เลย ซึ่งโดยส่วนใหญ่อย่างน้อยผู้ที่ต้องการจะสวมใส่มันจะต้องเป็นผู้เล่นขั้นสี่ก่อน


มันมีเพียงแค่เฉพาะสัตว์ประหลาดเหล่านี้ที่ถูกสร้างขึ้นโดยร้อยผีโดดเดี่ยวเท่านั้นที่สามารถจะสวมใส่เซ็ทมานาขั้นสามนี้ได้ตั้งแต่อยู่ในขั้นสาม


นอกจากนี้เซ็ทมานานี้มันยังมีข้อบกพร่องตรงที่มันเป็นอุปกรณ์สิ้นเปลืองที่ใช้แล้วหมดไป ไม่สามารถซ่อมแซมได้ แถมมันก็ยังมีค่าความทนทานน้อยกว่าเซ็ทอุปกรณ์ทั่วไปด้วย ดังนั้นแม้แต่ร้อยผีโดดเดี่ยวก็ยังไม่กล้าที่จะใช้มันแบบมั่วๆ


แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขากับส่งผู้เล่นสามร้อยคนนี้ที่สวมใส่เซ็ทมานาขั้นสามมาพร้อมทุกคนเพื่อจัดการกับสภาสิบแปดปีก


“ก็ในเมื่อสภาสิบแปดปีกไม่เห็นร้อยผีโดดเดี่ยวอยู่ในสายตา ดังนั้นฉันในฐานะผู้อาวุโสของกิลจึงได้ถูกส่งมาเพื่อสอนบทเรียนครั้งใหญ่ให้กับสภาสิบแปดปีกนั่นแหละ” จูเฟิงหยิงกล่าวอย่างสบายๆ ขณะที่เขามองไปยังลู่ชิงหลัว ก่อนที่เขาจะมองผ่านหลังของลู่ชิงหลัวไปด้วยความสนใจ และกล่าวถามว่า “หัวหน้ากิลชิงหลัว คุณจะไม่แนะนำคนด้านหลังให้ฉันรู้จักหน่อยงั้นหรอ ?”


ถ้าตอนนี้ลู่ชิงหลัวเป็นเหมือนปีศาจชายลึกลับ ชายที่อยู่ด้านหลังของลู่ชิงหลัวนั้นก็เป็นปีศาจที่แท้จริงเลย เพราะแม้ว่าเขาจะไม่ได้แผ่ออร่าออกมานัก แต่เขาก็ให้ความรู้สึกว่าเป็นภัยคุกคามอย่างชัดเจน


“โอ้ใช่แล้ว เกือบลืมไปเลย …” ลู่ชิงหลัวยิ้ม และพูดว่า “นี่คือหัวหน้ากิลที่แท้จริงของมือแห่งนักบุญ จักรพรรดิอสูร”


เมื่อลู่ชิงหลัวพูดจบ จูเฟิงหยิงก็มีท่าทีประหลาดใจเล็กน้อย ….


“ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่ามือแห่งนักบุญนั้นจะอยู่ภายใต้การควบคุมของวิหารเทพปีศาจ” จูเฟิงหยิงกล่าวพลางมองไปยังกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ด้านล่าง “งั้นมอน

สเตอร์พวกนี้ก็เป็นสัตว์ปีศาจ และปีศาจที่ปลอมตัวมางั้นหรอ ?”


“คุณเข้าใจผิดแล้วผู้อาวุโสจูเฟิงหยิง นี่มันไม่ใช่การปลอมตัว แต่มันเป็นการวิวัฒนาการ !!!” จักรพรรดิอสูรมองไปที่จูเฟิงหยิงและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้คุณก็ได้เห็นพลังของกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint แล้ว หากคุณมีความต้องการใดๆให้ฉันช่วยในอนาคต สามารถติดต่อฉันมาได้ผ่านชิงหลัวเลย”


“ณ จุดนี้ร้อยผีโดดเดี่ยวของเราก็มีวิธีการของตัวเองเช่นกัน และส่วนใหญ่พวกเราชอบทำงานคนเดียว ดังนั้นฉันขอรับไว้แต่ความหวังดีแล้วกัน อย่างไรก็ตามจักรพรรดิอสูร คุณดูเหมือนจะมีความเกลียดชังต่อสภาสิบแปดปีกอย่างมากเลยนะ คุณกระทั่งยอมนำกองทัพล้านแบบนี้เข้ามาเสี่ยงโจมตีสภาสิบแปดปีกในอาณาจักรทวินทาวเวอร์” จูเฟิงหยิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แต่อย่างไรก็ตามด้วยกองทัพขนาดใหญ่แบบนี้ แม้แต่กองทัพ NPC ของอาณาจักรก็คงยากจะรับมือด้วยแน่นอน เพียงแต่ว่ามันก็มีสิทที่กองทัพของคุณจะต้องสูญเสียอย่างหนักด้วยนี่นา ….”


“ผู้อาวุโสจูเฟิงหยิง คุณเข้าใจผิดแล้ว แม้ว่าฉันจะเกลียดสภาสิบแปดปีกมากๆ แต่อีกใจหนึ่งฉันก็ต้องขอบคุณแบล๊คเฟรมด้วยที่ทำให้ฉันต้องออกหน้ามาช่วยเหลือชิงหลัว แถมเขายังทำให้ฉันได้มารู้จักกับคุณอีก ดังนั้นฉันจึงไม่ได้คิดอะไรมากมายนักกับเรื่องนี้ จัดการแบล๊คเฟรมมันก็เหมือนของแถมเท่านั้นแหละ …” จักรพรรดิอสูรกล่าวด้วยแววตาที่ไม่ได้สนใจกองทัพของอาณาจักรทวินทาวเวอร์เลย


“แล้วพวกผู้เล่นขั้นสี่ของแบล๊คเฟรมล่ะ ? คุณจะจัดการกับพวกเขายังไง ?” จูเฟิงหยิงถามกลับ


“ฉันต้องการแค่ร่างกายของพวกเขาเท่านั้นแหละ” จักรพรรดิอสูรกล่าวด้วยรอยยิ้ม


ในช่วงเวลาสั้นๆ เมื่อทั้งสองฝ่ายพูดคุยและบรรลุข้อตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดต่างก็พากองกำลังของพวกเขาเดินทางไปยังหอคอยแห่งพันธสัญญาลับทันที


เมื่อกองกำลังของทั้งสองออกเดินทาง มันก็มีมังกรบินที่มีผู้เล่นจำนวนหนึ่งนั่งอยู่บนหลังมันสะกดรอยตามไปติดๆ โดยผู้เล่นจำนวนหนึ่งนี้ก็ได้ใช้กระจกเวทย์มนต์ในการส่อง และตรวจดูสถานการณ์ทั้งหมด


“สุดยอดเลย !!! ไม่คาดคิดเลยว่าจักรพรรดิอสูรนั้นจะเป็นหัวหน้ากิลที่แท้จริงของมือแห่งนักบุญ !!! และด้วยการร่วมมือกันของจักรพรรดิอสูรกับร้อยผีโดดเดี่ยวนี้ คราวนี้สภาสิบแปดปีกจะต้องถูกทำลายแน่นอน !!!” โคลท์ชาโด้วที่เฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ตั้งแต่แรกอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ


“แล้วยังงี้เราจะยังคงไปที่หอคอยแห่งพันธสัญญาลับกันอยู่ไหม ?” ไวท์เฟเธอร์กล่าวถาม


“ไม่แล้วหล่ะ ด้วยกองทัพที่ใหญ่ขนาดนี้ที่เดินทางไปยังหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ เมื่อทุกอย่างจบลง เรามีสิทจะได้รับผลกระทบไปด้วย ….” โคลท์ชาโด้วกล่าวพลางส่ายหัว “ท้ายที่สุดแล้วตอนนี้ความพ่ายแพ้ของสภาสิบแปดปีกเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน และเมื่อได้เห็นกองทัพของจักรพรรดิอสูรกับความแข็งแกร่งของร้อยผีโดดเดี่ยวแบบนี้แล้ว เราควรจะกลับไปเตรียมตัวเพื่อให้พร้อมสำหรับการต่อสู้ในอนาคตที่จะมาถึงดีกว่า”


เมื่อพูดจบ โคลท์ชาโด้วก็ได้หยิบม้วนคัมภีร์วาร์ปกลับเมืองแบบกลุ่มออกมา และใช้มันเดินทางกลับไปยังจักรวรรดิมังกรไฟทันที โดยไม่ได้คิดจะอยู่ดูอะไรต่อ


ผลลัพธ์ของการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นมันชัดเจนแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่ได้มีเหตุผลที่จะต้องอยู่ดูต่อเลย สู้กลับไปเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของตัวเองขึ้นมันยังจะมีประโยชน์ซะกว่า


ขณะเดียวกันที่ด้านหน้าหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ สมาชิกของพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกที่ได้เข้าไปล่าและเก็บเกี่ยวในหอคอยแห่งพันธสัญญาลับก็ได้รวมพลเสร็จสิ้น และเดินออกมาจากหอคอยแล้ว


โดยฟลายอิ้งชาโด้ว ผู้ซึ่งเป็นคนรับผิดชอบในการค้นหามรดกที่สมบูรณ์ขั้นสามของสภาสิบแปดปีกในหอคอยแห่งพันธสัญญาลับได้เข้ามารายงานกับซือเฟิงว่า “หัวหน้ากิล ตอนนี้ทุกคนมารวมตัวกันพร้อมแล้ว และพวกเขาก็พร้อมจะรับคำสั่งตลอดเวลา”


“เอาล่ะ ให้พวกเขาทั้งหมดเตรียมตัว โดยเฉพาะผู้ที่เป็นนักเวทย์ขั้นสูงหรือสูงกว่าแล้ว ให้มารวมตัวกันเป็นกลุ่มเดียว” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า


“รับทราบ !!” ฟลายอิ้งชาโด้วพยักหน้ารับคำสั่ง ก่อนที่เขาจะรีบจัดแบ่งทีมย่อยๆออกไปตามคำสั่งของซือเฟิงทันที


ในขณะที่ทำตามคำสั่งของซือเฟิงนั้น สมาชิกพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมซือเฟิงซึ่งเป็นผู้เรียกรวมพวกเขาถึงได้บินห่างออกไปหลายพันหลาเพื่อร่ายเวทย์


อย่างไรก็ตามหลังจากซือเฟิงร่ายเวทย์มาเป็นเวลาราวสามสิบวินาทีหรือมากกว่านั้นนิดหน่อย วงเวทย์ที่ปกคลุมท้องฟ้าในระยะหลายพันหลาก็ปรากฎขึ้น และนี่มันก็นับเป็นวงเวทย์ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ทุกคนเคยเห็นแน่นอน


อย่างไรก็ตามก่อนที่ทุกคนจะทันได้หายตกตะลึงเรื่องวงเวทย์นี้ มันก็มีป้อมปราการเหล็กที่มีความสูงเท่ากับภูเขาค่อยๆโผล่ออกมาจากวงเวทย์ ….


ตอนที่ 2821 ป้อมปราการเคลื่อนที่ที่น่าตกตะลึง


ในระหว่างที่ป้อมปราการเหล็กนี้ค่อยๆโผล่ออกมาจากวงเวทย์ มันก็ได้ทำให้ผู้ชมทั้งหมดที่เฝ้าดูอยู่นั้นเงียบลงไปทันที


เมื่อป้อมปราการนี้โผล่ออกมาจากวงเวทย์ทั้งหมด ทุกคนก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนถึงความใหญ่โตของมัน เพราะมันมีขนาดที่ปกคลุมไปทั่วพื้นที่หลายพันหลาเลย และมันก็มีความสูงหลายร้อยเมตร โดยตอนนี้มันได้ลอยอยู่เหนือพื้นราวสิบเมตร และมันก็ได้ดึงดูดมานาจำนวนมากให้เข้ามาหามัน ซึ่งมานาที่มันดึงดูดนี้ก็มาจากพื้นที่โดยรอบในระยะหลายหมื่นหลาเลย


และตอนนี้ผู้ที่ยืนอยู่ใกล้กับมันในระยะหลายร้อยหลานั้นก็สัมผัสได้ถึงพลังของมานาที่รุนแรงมากๆ


ขณะเดียวกันดวงตาของทุกคนก็แทบจะถลนออกจากเบ้าเมื่อได้เห็นฉากนี้ แม้แต่ฟลายอิ้งชาโด้ว ซึ่งเคยติดตามซือเฟิงไปเห็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ต่างๆมามากมายก็ยังต้องใช้เวลานานกว่าที่จะหายจากอาการตกตะลึง


“เมืองลอยฟ้า ?”


“ไม่ ! นี่มันคือป้อมปราการ !! แถมมันยังเป็นป้อมปราการเคลื่อนที่ลอยฟ้าด้วย !!!”


“ป้อมปราการเคลื่อนที่ลอยฟ้า ?! นี่ฉันต้องฝันไปแน่ๆ !!!”


หลังจากเงียบไปชั่วครู่หนึ่ง เหล่าผู้ชมก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความตกตะลึงอย่างถึงขีดสุด และตอนนี้พวกเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อมองไปยังป้อมปราการเคลื่อนที่ลอยฟ้านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมาชิกของจักรพรรดิคริมสัน และอันยีลดิ้งโซลที่มองไปยังป้อมปราการเคลื่อนที่ลอยฟ้านี้สลับกับมองสมาชิกของสภาสิบแปดปีกด้วยความอิจฉา


God domain ในตอนนี้นั้นเปรียบเสมือนกับโลกแห่งความจริงใบที่สองไปแล้ว และมันก็ได้กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของทุกคน ซึ่งมันมีสิ่งต่างๆมากมายที่ผู้เล่นไม่สามารถจะสัมผัสได้ในโลกแห่งความจริง แต่สามารถสัมผัสได้ใน God domain ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีแผนที่ที่ไม่รู้จัก และทิวทัศน์อีกมากมายที่รอให้พวกเขาไปสำรวจ และค้นพบใน God domain แห่งนี้

ซึ่งในโลกแบบนี้นั้นทุกคนต่างก็มีความฝันเป็นของตัวเอง


โดยหนึ่งในความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของใครหลายคนมันก็คงไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากการได้บินไปในท้องฟ้าอย่างอิสระ เพียงแต่ว่าอะเม้าท์บินได้ใน God domain นั้นมันหายากเกินไป ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญทั่วไปจะมีสิทได้รับมาเลย และแม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็ยังมีอะเม้าท์บินได้จำนวนไม่มากนักเช่นกัน


แต่ตอนนี้ในตอนที่มหาอำนาจต่างๆยังมีอะเม้าท์บินได้กันไม่มากนัก สภาสิบแปดปีกกับมีป้อมปราการเคลื่อนที่ลอยฟ้าแล้ว สิ่งนี้มันจะไม่ทำให้ทุกคนอิจฉาได้อย่างไร ?


ซือเฟิงมองไปที่เหล่าผู้เล่นทั้งหมดที่อยู่ในอาการตกตะลึงพลางยิ้มและกล่าวว่า “เอาล่ะ ฉันได้เปิดสิทให้พวกคุณเข้าไปภายในนั้นได้แล้ว พวกคุณสามารถเข้าไปได้เลย ส่วนพวกทีมนักเวทย์ขั้นสูงหรือสูงกว่านั้นอยู่กับฉันก่อน”


พูดกันตามตรง ตัวเขาเองนั้นก็โหยหายป้อมปราการเคลื่อนที่มานานแล้ว


ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา เขาทำได้แค่มองไปยังป้อมปราการเคลื่อนที่ที่ถูกนำเข้าประจำการในแผนที่เป็นกลางเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบเท่านั้น โดยป้อมพวกนี้นั้นไม่ได้เปิดให้คนทั่วไปได้เข้าชมเลย แม้ว่ามันจะเป็นป้อมปราการเคลื่อนที่แบบเปิดก็ตาม แต่มันก็มีไว้สำหรับเจ้าของและผู้เป็นพันธมิตรของเจ้าของเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆนั้นหมดสิทจะเข้าไป ….


แต่ในชีวิตนี้ สภาสิบแปดปีกที่เขาสร้างขึ้นได้มีป้อมปราการเคลื่อนที่เป็นของตัวเองแล้ว


เมื่อซือเฟิงพูดจบ ทุกคนก็ไม่ได้เก็บอาการใดๆของพวกเขาอีกต่อไป ทุกคนล้วนรีบกระโดดเข้าไปยังป้อมปราการเคลื่อนที่นี้ทันที และเมื่อได้เข้ามาในป้อมปราการแล้ว ทุกคนก็ต้องเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆอีกครั้ง


เนื่องจากเมื่อพวกเขาเข้ามาภายในป้อมปราการนี้แล้ว มันเหมือนกับว่าพวกเขาได้หลุดเข้ามาอีกโลกหนึ่งเลย


ไม่ต้องพูดถึงเรื่องความหนาแน่นของมานาภายในเลย ตอนนี้แม้แต่คนที่มีความรู้สึกช้าต่อองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ก็ยังมีความรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของพวกเขากับสิ่งทั้งหมดนี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก ภายในป้อมนี้มันมีสภาพแวดล้อมที่เหนือกว่าเมืองกิลทั่วไปด้วยซ้ำ


และจุดที่สำคัญที่สุดก็คือ พลังงานแปลกปลอมที่แทรกซึมเข้ามาในร่างกายของพวกเขา เวลาที่พวกเขาล่าในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยหรือมากกว่านั้นสลายตัวไปอย่างรวดเร็วมากๆ เมื่อพวกเขาเข้ามาในป้อมปราการนี้ โดยหากให้เทียบผลของการอยู่ในป้อมปราการนี้หนึ่งชั่วโมงจะเทียบเท่ากับการเข้าไปพักในเมือง NPC หนึ่งวันเลย ขณะเดียวกันป้อมปราการนี้มันก็ให้ผลในด้านต่างๆดีกว่าเมืองขนาดใหญ่ของกิลราวสองถึงสามเท่าเลย


“อึก !! ฉันรู้สึกว่าหากได้พักผ่อนและฝึกที่นี่นั้น ผลลัพธ์ที่ได้มันจะดีกว่าที่ห้องต่อสู้ของเมืองป่าหินราวสองเท่าเลย !!!”


“แค่นั้นยังร้อยไป หากฝึกควบคุมองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ที่นี่ ผลลัพธ์ที่ได้ออกมามันจะต้องน่าทึ่งมากๆแน่นอน !!!”


หลังจากได้เข้าสู่ป้อมปราการเคลื่อนที่ลอยฟ้านี้ ทุกคนก็เริ่มจะเข้าใจถึงผลประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับจากการเข้าพักที่นี่อย่างรวดเร็ว และนี่มันก็ทำให้ทุกคนอดคิดไม่ได้ว่าพวกเขาอยากจะมีสิทมาพักผ่อนและฝึกที่นี่ไปตลอดชีวิต


เมื่อรู้ว่าใน God domain นั้น การพักผ่อนก็มีความสำคัญเช่นกัน ดังนั้นผู้เล่นใน God domain ส่วนใหญ่จึงมักจะใช้เวลามากกว่าหนึ่งในสามที่พวกเขามีไปเพื่อการพักผ่อน ซึ่งนี่มันก็ทำให้เหล่าผู้เล่นให้ความสำคัญกับสถานที่พักผ่อนมากๆ และแม้แต่ผู้ที่บ้าการต่อสู้ก็ยังจะต้องพักผ่อนอย่างน้อยหนึ่งในห้าของเวลาหนึ่งวันที่พวกเขามี โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่มีเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบหรือสูงกว่าขึ้นไป ซึ่งมักจะออกล่าและเก็บเลเวลในแผนที่ที่อันตรายมากๆ เนื่องจากพลังงานแปลกปลอมในแผนที่ที่อันตรายนั้นจะซึมซับเข้ามาสู่ร่างกายและกัดกร่อนร่างกายไปเรื่อยๆ โดยถ้าผู้เล่นไม่ยอมพักผ่อน หลังเจออะไรแบบนี้มา พวกเขาก็จะต้องตาย ….


ซึ่งสถานที่พักผ่อนที่ดีที่สามารถช่วยให้ผู้เล่นฟื้นฟูร่างกาย และได้รับบัฟต่างๆมาอย่างรวดเร็วนั้นล้วนจัดว่ามีประโยชน์มากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบรรดาผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดที่พวกเขาทุกคนมักจะยอมจ่ายในราคาสูงเลยเพื่อให้ได้เข้าไปพักในสถานที่แบบนี้ แต่อย่างไรก็ตามสำหรับผู้เชี่ยวชาญทั่วไปนั้น พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนแบกค่าใช้จ่ายนี้ไม่ไหว


หลังจากจัดการเซ็ททุกอย่างภายนอกเรียบร้อยแล้ว ซือเฟิงก็ได้นำทีมนักเวทย์ขั้นสูง หรือสูงกว่ามุ่งหน้าไปยังคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการเคลื่อนที่


ซือเฟิงมองไปที่ทีมนักเวทย์ขั้นสูง หรือสูงกว่าที่มีจำนวนมากกว่าหนึ่งพันคน และพูดอย่างช้าๆว่า “ตอนนี้วงเวทย์ทั้งหมดได้ทำงานอย่างเต็มที่แล้ว สิ่งที่พวกคุณต้องทำคือจัดเวรผลัดเปลี่ยนกันทีมละสามร้อยคนเข้ามาดูแลรักษาวงเวทย์ พวกคุณไม่มีปัญหากับเรื่องนี้ใช่ไหม ?”


ส่วนใหญ่ของป้อมปราการเคลื่อนที่แบบนี้นั้นประกอบไปด้วยคริสตัลเวทย์มนต์ และการปฎิบัติการทุกอย่างของป้อมก็ยังต้องอาศัยวงเวทย์ และเวทย์มนต์เป็นหลักด้วย


ดังนั้นการปฎิบัติงานและดำเนินงานในแต่ละวันของป้อมมันจึงต้องใช้กำลังคน พร้อมกับคริสตัลเวทย์มนต์จำนวนมาก


โดยค่าใช้ในแต่ละวันของป้อมปรากรนั้นจะคิดเป็นคริสตัลเวทย์มนต์ห้าหมื่นชิ้น แต่หากเปิดใช้งานวงเวทย์ป้องกันและโจมตีทั้งหมดของป้อมปราการ ค่าใช้จ่ายก็จะเพิ่มเป็นสองเท่า


มันอาจกล่าวได้เลยว่าหากซือเฟิงไม่ได้มีความมั่งคั่งมากมาย เขาก็คงจะไม่กล้าสร้างเจ้านี่แน่นอน และตอนนี้หลังจากใช้ทุกอย่างที่มีไปในการสร้างป้อมปราการเคลื่อนที่นี้ เขาก็เหลือคริสตัลเวทย์มนต์อยู่ราวห้าล้านแปดแสนชิ้นเท่านั้น และหากเขาไม่ได้รู้ว่าเขามีโอกาสจะได้รับคริสตัลเวทย์มนต์มากมายจากโลกยุคโบราณ เขาก็คงจะไม่กล้าใช้งานป้อมปราการนี้แบบเต็มที่เช่นกัน เพราะท้ายที่สุดแล้วค่าใช้จ่ายในการปฎิบัติงานและดำเนินงานของมันนั้นมากเกินกว่าที่กิลชั้นสูงทั่วไปจะแบกไหวเลยด้วยซ้ำ


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมวางใจได้เลย เราขอสัญญาว่าจะปฎิบัติงานตามคำสั่งของคุณให้ดีที่สุด แบบไม่มีขาดตกบกพร่อง” ตัวแทนทีมนักเวทย์ได้กล่าวพลางพยักหน้า ในขณะที่คนอื่นๆในทีมก็พยักหน้าพร้อมกับเขาเช่นกัน


แม้ว่างานที่ซือเฟิงมอบให้จะน่าเบื่อ แต่ผลประโยชน์ในการที่ได้พักผ่อนอยู่ที่นี่มันก็ชัดเจนจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพวกนักเวทย์ขั้นสูง หรือสูงกว่าอย่างพวกเขา สภาพแวดล้อมของที่นี่มันเหมาะแก่การฝึกของพวกเขามากกว่าในโลกภายนอกมากๆ


หลังจากนั้นภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ข่าวของป้อมปราการเคลื่อนที่ก็แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในหมู่มหาอำนาจต่างๆ และสำหรับในอาณาจักรทวินทาวเวอร์นั้น เรื่องนี้ก็ได้ถูกโพสลงไปในฟอรั่มทางการเลยด้วยซ้ำ


ป้อมปราการเคลื่อนที่ลอยฟ้าปรากฎขึ้นบริเวณหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ !!!


ชั่วครู่หนึ่ง เรื่องนี้มันทำให้ผู้เล่นในอาณาจักรทวินทาวเวอร์ทั้งหมดตกอยู่ในความโกลาหลไปเลย ….

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)