Reincarnation Of The Strongest Sword God 2822-2824
ตอนที่ 2822 จุดสูงสุดของ God domain
“ป้อมปราการเคลื่อนที่ลอยฟ้า ?! นี่มันเป็นไปได้ยังไง ?!”
“นี่มันต้องเป็นเรื่องโกหก !! เรื่องโกหกอย่างแน่นอน !!! ของแบบนี้จะปรากฎขึ้นมาตอนนี้ได้ยังไง ?!”
“มันมีภาพถ่ายยืนยัน ทุกเรื่องเป็นเรื่องจริง !!! แถมจากข้อมูลที่ฉันได้ยินมา ดูเหมือนว่าป้อมปราการเคลื่อนที่ลอยฟ้านี้ก็จะเป็นสวรรค์สำหรับการฝึกฝน แถมมันยังช่วยปรับปรุงความสัมพันธ์ของผู้เล่นกับองค์ประกอบธาตุเวทย์มนต์ และมานาได้อีกมากด้วย”
“ด้วยเจ้านี่สภาสิบแปดปีกจะพุ่งทะยานขึ้นไปอีกขั้นแน่นอน !!!”
เหล่าผู้เล่นในอาณาจักรทวินทาวเวอร์นั้นแทบจะไม่อยากเชื่อเลยว่าข่าวเรื่องนี้ที่ถูกเผยแพร่ลงไปในฟอรั่มทางการของอาณาจักรจะเป็นเรื่องจริง และพวกเขาก็ไม่เข้าใจเลยว่าสภาสิบแปดปีกมีป้อมปราการที่น่าจะเป็นแค่จินตนาการในระยะนี้ของเกมได้อย่างไร …. อย่างไรก็ตามเมื่อทุกคนได้เห็นรูปภาพ และวีดีโอจำนวนมากที่ถูกปล่อยออกมา พวกเขาก็จำเป็นจะต้องยอมรับความจริงของสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า แม้ว่ามันจะน่าเหลือเชื่อมากๆก็ตาม
โดยในวีดีโอนั้นมันแสดงให้เห็นถึงป้อมปราการลอยฟ้าที่สูงหลายร้อยร้อยเมตร และอยู่บริเวณหอคอยแห่งพันธสัญญาลับอย่างชัดเจน
แถมมันก็มีอักษรรูนเวทย์มนต์จำนวนมากอยู่รอบๆป้อมปราการ พร้อมกับมีหมอกสีขาวจางๆปกคลุมโดยรอบด้วย ซึ่งทำให้มันดูเหมือนกับป้อมปราการที่หลุดมาจากเทพนิยายสักเรื่องเลย
“ป้อมปราการเคลื่อนที่ลอยฟ้านั้นมันเจ๋งมากๆ !!! แค่ได้ไปอยู่ในป้อมปราการแล้วดื่มชา พร้อมกับมองลงมายังทิวทัศน์เบื้องล่าง ฉันก็รู้สึกว่าชีวิตนี้มันเพียงพอแล้ว !!!”
“ป้อมปราการเคลื่อนที่ลอยฟ้านี้จะเปิดให้สาธารณชนเข้าชมเมื่อไหร่ ?”
“ฉันได้ยินมาว่าสภาสิบแปดปีกจะเปิดให้แค่เฉพาะสมาชิกกิลของตัวเอง พร้อมกับพันธมิตรเข้าไปเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดแล้วป้อมปราการเคลื่อนที่ลอยฟ้านั้นมันมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก และมันสามารถจะรองรับจำนวนคนได้ราวหนึ่งถึงสองล้านคนเท่านั้น โดยพวกเขาก็ได้เลือกจะใช้มันเข้าประจำการ และปิดกั้นบริเวณหอคอยแห่งพันธสัญญาลับเอาไว้เพื่อไม่ให้ผู้เล่นคนอื่นเข้าใกล้ ซึ่งแค่หอคอยแห่งพันธสัญญาลับ ผู้เล่นที่ไม่ใช่สมาชิกกิลของสภาสิบแปดปีก กับกิลพันธมิตรของสภาสิบแปดปีกก็ยังไม่ได้รับอนุญาติให้เข้าไปได้เลย ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงป้อมปราการเคลื่อนที่ลอยฟ้าแห่งนี้”
“เข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีก !! ฉันจะต้องเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกให้ได้ !!!”
เมื่อได้รับรู้ถึงป้อมปราการเคลื่อนที่ลอยฟ้าที่มีอยู่จริง และผลประโยชน์ของมัน มันก็ทำให้ผู้เล่นอิสระจำนวนมาก และสมาชิกกองกำลังขนาดใหญ่หลายคนอดไม่ได้ที่จะน้ำลายไหลออกมา
ขณะเดียวกันตอนนี้มันก็มีผู้เล่นอิสระจำนวนมากที่เริ่มคิดจะเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกแล้ว
การต่อสู้ในเมืองสกายสปริงนั้นได้พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกไม่อาจจะถูกสั่นคลอนได้ และสภาสิบแปดปีกก็ยังมีผู้เล่นขั้นสี่อยู่ห้าคน ซึ่งมันไม่สิ่งที่มหาอำนาจทั่วไปจะสามารถเทียบได้เลย และเมื่อบวกรวมเข้ากับป้อมปราการเคลื่อนที่ลอยฟ้า และหอคอยแห่งพันธสัญญาลับในปัจจุบัน แม้แต่มหาอำนาจที่แท้จริงบางกลุ่มก็ยังยากจะเทียบกับสภาสิบแปดปีกได้เลยในแง่ของสภาพแวดล้อมการฝึกและเก็บเลเวลของผู้เล่นในกิล
ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง จำนวนผู้เล่นที่ต้องการจะสมัครเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างมหาศาล ขณะที่ภายในกิลสภาสิบแปดปีกนั้น เหล่าสมาชิกส่วนหนึ่งของกิลก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมาที่พวกเขาไม่ได้ตัดสินใจออกจากกิลไปซะก่อน
ที่บริเวณด้านหน้าหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ อันยีลดิ้งฮาร์ท และอิลูซะรี่เวิร์ดได้มาถึงแล้วพร้อมกับผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจำนวนมาก ซึ่งตอนนี้พวกเขาก็ทุกคนก็กำลังมองไปยังป้อมปราการเคลื่อนที่ลอยฟ้าตรงหน้าอย่างตกตะลึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอันยีลดิ้งฮาร์ท และอิลูซะรี่เวิร์ด แม้ว่าทั้งสองจะรู้เรื่องนี้มาก่อนแล้ว แต่พวกเขาก็ยังอดไม่ได้จริงๆที่จะตกตะลึงเมื่อได้มาเห็นของจริงด้วยตาตัวเอง เพราะว่าป้อมปราการนี้นั้นมันน่าทึ่งมากจริงๆ
สำหรับผู้เล่นขั้นสามนั้นอาจจะมองเห็นผลประโยชน์ของป้อมปราการแห่งนี้ได้ไม่ทั้งหมด แต่สำหรับผู้เล่นขั้นสี่อย่างพวกเขานั้น พวกเขาสามารถรู้สึกได้ถึงพลังมานาอันมหาศาลของป้อมปราการที่ปกคลุมพื้นที่ในรัศมีมากกว่าหนึ่งหมื่นหลาได้อย่างชัดเจนเลย และมานาในรัศมีมากกว่าหนึ่งหมื่นหลาทั้งหมดนี้ก็ล้วนพุ่งเข้ามารวมกันที่ป้อมปราการแห่งนี้ทั้งหมด ซึ่งมันทำให้ป้อมปราการนี้ดูน่ากลัวอย่างแทบจะไม่สามารถอธิบายได้เลย
แถมทุกอย่างมันก็ตรงตามชื่อเลยป้อมปราการ “เคลื่อนที่” ป้อมปราการนี้นั้นสามารถจะเคลื่อนที่ได้ ซึ่งทำให้มันแทบจะเป็นอมตะเลยในระยะนี้ของเกม
“เมื่อมีป้อมปราการนี้ บวกกับ หากสภาสิบแปดปีกสามารถรักษาหอคอยแห่งพันธสัญญาลับไว้ได้ กิลก็จะนับว่ากลายเป็นกิลชั้นยอดที่แท้จริงใน God domain แล้ว” อันยีลดิ้งฮาร์ทกล่าวพลางมองไปยังป้อมปราการเคลื่อนที่ลอยฟ้านี้ด้วยความรู้สึกอิจฉา
เขาเป็นอีกคนหนึ่งที่ได้เรียนรู้เรื่องราวของสภาสิบแปดปีกมาตั้งแต่ครั้งที่กิลยังเป็นเพียงกิลเล็กๆ แต่ตอนนี้สภาสิบแปดปีกกับได้เติบโตขึ้นมาจนเป็นกิลขนาดใหญ่ที่แม้แต่อันยีลดิ้งโซลก็ยังทำได้แค่แหงนหน้ามอง
แต่ก็แน่นอนว่าในด้านโลกแห่งความจริง กับมรดกของกิลนั้น สภาสิบแปดปีกก็ยังคงนับว่าด้อยกว่ากิลชั้นยอดส่วนใหญ่อยู่ระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามตราบใดที่พวกเขาสามารถรักษาหอคอยแห่งพันธสัญญาลับไว้ได้ เรื่องพวกนี้ทั้งหมดมันก็มีแนวโน้มที่จะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นมากๆ
“แม้ว่าในครั้งนี้ ฉันจะไม่รู้ว่าเราจะสามารถยืนหยัดรักษาหอคอยแห่งพันธสัญญาลับไว้ได้ไหม แต่ต่อให้ทำไม่ได้ สภาสิบแปดปีกก็จะไม่ได้รับผลกระทบมากนักแน่นอน ด้วยป้อมปราการเคลื่อนที่นี้ สภาสิบแปดปีกจะสามารถเข้าไปยึดครองแผนที่อันตรายที่มีเลเวลหนึ่งร้อยสามสิบหรือมากกว่านั้นได้สบายๆเลย ซึ่งความเร็วในการเก็บเลเวล และผลประโยชน์ทั้งหมดที่แผนที่เหล่านั้นมอบให้ก็จะไม่ได้ด้อยไปกว่าหอคอยแห่งพันธสัญญาลับมากนักเลย เพียงแต่อัตราการเลี้ยงดูผู้เล่นขั้นสามขึ้นมาของพวกเขาก็จะลดลงไปสักหน่อยเท่านั้น” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวพลางพยักหน้าเห็นด้วยกับอันยีลดิ้งฮาร์ท
หากสภาสิบแปดปีกในอดีตเป็นดั่งเสือดุร้ายที่แข็งแกร่ง แต่โดดเดี่ยวซึ่งสามารถต่อกรกับมหาอำนาจต่างๆได้ ตอนนี้ในปัจจุบันสภาสิบแปดปีกก็คือสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ และตราบใดที่กิลยังมีป้อมปราการเคลื่อนที่อยู่ มหาอำนาจส่วนใหญ่ก็จะแทบไม่สามารถเขย่ารากฐานของกิลได้แน่นอน และมันก็จะไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไปสำหรับพวกเขาที่จะกำหนดเป้าหมายมาที่สภาสิบแปดปีก
“เข้าไปข้างในกันเถอะ ….” อันยีลดิ้งฮาร์ทกล่าวในขณะที่เขาตรวจสอบเวลา “อีกไม่กี่ชั่วโมง กองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ก็น่าจะมาถึงแล้ว”
“อืมมม” อิลูวะรี่เวิร์ดพยักหน้า ก่อนที่เธอจะเริ่มจัดกำลังพลผู้เล่นขั้นสามทั้งหมดให้เดินทางเข้าสู่ป้อมปราการเคลื่อนที่นี้อย่างเป็นระเบียบ และเธอก็ได้กล่าวต่ออีกนิดหน่อยว่า “หากสามารถรักษาหอคอยแห่งพันธสัญญาลับไว้ได้ นอกเหนือจากสภาสิบแปดปีกแล้ว สองกิลของเราก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากเช่นกัน ซึ่งในอนาคตกิลทั้งสองของเราอาจจะเทียบกับพวกซุเปอร์กิลได้เลย หากสามารถรักษาหอคอยนี้ไว้ได้จริงๆ”
ในตอนที่ผู้เล่นขั้นสามหลายหมื่นคนของพันธมิตรสามกิลได้หลั่งไหลเข้าสู่ป้อมปราการเคลื่อนที่กัน ที่บริเวณป่าด้านนอกแผนที่หอคอยแห่งพันธสัญญาลับ กองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint นับล้านก็ได้เข้ามากลืนกินทุกสิ่งที่ขวางหน้าไม่เว้นแม้แต่ NPC หรือผู้เล่นเพื่อมาเสริมกำลังให้ตน และตอนนี้กองทัพนี้ก็กำลังเดินทางเข้าใกล้หอคอยแห่งพันธสัญญาลับมากขึ้นเรื่อยๆ
“จักรพรรดิอสูร ตอนนี้สภาสิบแปดปีกได้นำป้อมปราการเคลื่อนที่ออกมาช่วยปกป้องหอคอยแห่งพันธสัญญาลับแล้ว แถมสภาสิบแปดปีกยังระดมกำลังพันธมิตรสามกิลที่เป็นผู้เล่นขั้นสามมากกว่าสี่หมื่นคนเข้ามาไว้ในป้อมปราการเคลื่อนที่ด้วย กองทัพของเราจะสามารถจัดการกับพวกเขาได้แน่นอนใช่ไหม ?” เมื่อได้รู้ถึงข้อมูลของป้อมปราการเคลื่อนที่ ลู่ชิงหลัวก็อดไม่ได้ที่จะถามจักรพรรดิอสูรอย่างกังวล
ในการต่อสู้ในเมืองสกายสปริงนั้นกิลของเขาได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง และมันก็ไม่สามารถจะฟื้นตัวขึ้นมาได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่อย่างไรก็ตามถ้าเขาไม่สามารถจะเข้ายึดครองและควบคุมหอคอยแห่งพันธสัญญาลับได้ ตำแหน่งหัวหน้ากิลสตาร์ลิ้งของเขาก็มีสิทจะได้ถูกแทนที่ด้วยคนอื่นแน่นอน
เนื่องจากเขารู้นิสัยของเหล่าผู้อาวุโส และผู้อาวุโสสูงสุดในกิลของเขาดี เขาจะไม่สามารถยืนหยัดยึดตำแหน่งหัวหน้ากิลของสตาร์ลิ้งไว้ได้นานนักแน่นอน หากเขายังคงแพ้ซ้ำซาก และถึงกระทั่งล้มเหลวในการเข้ายึดครองกับควบคุมหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ และที่ตอนนี้คนเหล่านั้นยังไม่ลงมือใดๆ หรือทำการปลดเขา มันก็เป็นเพราะว่าเขาไม่ได้ตายในการต่อสู้ครั้งก่อน และเขาสามารถไปขอความร่วมมือจากร้อยผีโดดเดี่ยวได้
แม้ว่าป้อมปราการจะไม่ได้มีการป้องกันที่แข็งแกร่งเท่ากับเมืองกิลขนาดใหญ่ แต่มันก็จะไม่มีปัญหาในการจะรับมือกับการโจมตีของมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย ขั้นสี่แน่นอน
“ไม่ต้องกังวล ป้อมปราการเคลื่อนที่นี้อาจจะทำให้มหาอำนาจอื่นๆไร้ทางต่อต้านสภาสิบแปดปีก เพราะมันลอยอยู่บนฟ้า และหากไม่มีการโจมตีทางอากาศที่แข็งแกร่งมากพอก็จะไม่สามารถทำลายมันลงได้เลย แต่นั่นมันไม่ใช่เลยสำหรับฉัน อย่าลืมสิว่าฉันมีมอนสเตอร์ Faux Saint หลายพันตัวที่บินได้ นี่ยังไม่นับรวมพวกที่เดินเท้าที่รอเข้าเสริมกำลังเมื่อป้อมปราการร่วงลงจากฟ้าอีกนับล้าน” จักรพรรดิอสูรกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แม้ว่าป้อมปราการจะสามารถต้านทานการโจมตีของมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายขั้นสี่ได้ แต่มันก็ต้องใช้พลังงานและคริสตัลเวทย์มนต์เป็นจำนวนมาก ซึ่งเมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับการโจมตีของมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายหลายพันตัวพร้อมกัน มันจะทนได้นานสักแค่ไหนกัน ?”
หากพวกเขามีมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย ขั้นสี่ แค่หลายสิบตัวสถานการณ์มันก็อาจจะยากลำบากสำหรับพวกเขา อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขามีมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย ขั้นสี่หลายพันตัว ซึ่งหากทั้งหมดนี้โจมตีพร้อมกัน ต่อให้เป็นป้อมปราการเคลื่อนที่ที่มีวงเวทย์ป้องกันที่แข็งแกร่ง มันก็ไม่น่าจะทนได้นานนักแน่นอน
“ก็จริงของคุณ ด้วยกองทัพมอนสเตอร์จำนวนมากขนาดนี้ แถมในกองทัพยังประกอบไปด้วยมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายอีกหลายพันตัว ใครจะสามารถจัดการกับกองทัพแบบนี้ได้กัน ?” ลู่ชิงหลัวกล่าวพลางเริ่มฟื้นคืนความมั่นใจของตัวเอง ….
ป้อมปราการเคลื่อนที่อาจจะทรงพลังมากๆ แต่มดจำนวนมากก็สามารถจะฆ่าช้างได้เช่นกัน !!!
แถมนอกเหนือจากมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายที่บินได้หลายพันตัวพวกนี้แล้ว กองทัพของพวกเขาก็ยังมีงูปีศาจโบราณขนาดยักษ์ซึ่งเป็นอะเม้าท์บินได้พิเศษของร้อยผีโดดเดี่ยวอีกสามตัวด้วย โดยงูปีศาจโบราณขนาดยักษ์พวกนี้นั้นมันนับว่าเป็นอะเม้าท์บินได้ระดับตำนาน และพลังในการต่อสู้ทางอากาศของมันก็น่ากลัวมากๆด้วย
หลังจากนั้นเมื่อเดินทางต่อมาอีกราวหกชั่วโมง ลู่ชิงหลัวที่อยู่บนหลังของอีกาเพลิงมืดก็ได้มองเห็นป้อมปราการเคลื่อนที่ลอยฟ้าขนาดใหญ่ปรากฎขึ้นที่เส้นขอบฟ้า
“นี่คือป้อมปราการเคลื่อนที่ลอยฟ้างั้นหรอ ?” จักรพรรดิอสูรอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเช่นกัน เมื่อเขาได้เห็นป้อมปราการเคลื่อนที่ลอยฟ้าจริงๆ อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นเขาก็ยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยันและกล่าวว่า “แบล๊คเฟรม คุณนี่มันเป็นคนพิเศษจริงๆ ใครจะไปนึกกันละว่าคุณจะสามารถสร้างของแบบนี้ขึ้นมาได้จริงๆ อย่างไรก็ตามคุณคิดว่าป้อมปราการของคุณจะสามารถต้านทานการโจมตีจากกองทัพของฉันได้งั้นหรอ ?”
เมื่อพูดจบ จักรพรรดิอสูรก็โบกมือเป็นเชิงส่งสัญญาณให้มอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายขั้นสี่หลายพันตัวของเขาบินพุ่งเข้าโจมตีป้อมปราการนี้ทันที …. โดยความเร็วในการบินของมอนสเตอร์พวกนี้นั้นมันก็แย่กว่าอะเม้าท์บินได้แค่เล็กน้อยเท่านั้น ขณะเดียวกันในส่วนของสภาสิบแปดปีก มันก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะยังไม่มีปฎิกิริยาตอบสนองใดๆเลย
ตอนที่ 2823 พลังของป้อมปราการ
เมื่อมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย ขั้นสี่อย่างพวกมอนสเตอร์ Faux Saint หลายพันตัวที่มีความสูงกว่าสิบเมตรบินขึ้นมาบนท้องฟ้านั้น กองกำลังของพวกมันก็บดบังเมฆและดวงอาทิตย์อย่างสมบูรณ์ และหากมองดูจากป้อมปราการนั้น มันก็ดูเหมือนกับกลุ่มความมืดกำลังพุ่งเข้ามาหาพวกเขาเลย
นอกจากนี้กองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint นับล้านที่อยู่บนพื้นดินก็ยังเริ่มเคลื่อนพลเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเมื่อพวกมันก้าวเท้าเดินแต่ละครั้งนั้น พวกมันก็ทำให้พื้นดินโดยรอบบริเวณสั่นสะเทือนเลย โดยภาพพวกนี้นั้นมันก็ทำให้ผู้เล่นที่อยู่ในป้อมปราการรู้สึกประหม่าและหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย
ฉากนี้มันเหมือนกับสัตว์ร้ายขนาดมหึมาที่กำลังเริ่มอ้าปากของตัวเองขึ้นเพื่อพยายามจะกลืนกินป้อมปราการนี้ในคำเดียวเลย
“จักรพรรดิอสูรนี้ไม่สามารถจะมองข้ามได้จริงๆ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นเพียงหุ่นเชิดของวิหารเทพปีศาจ และคธูลู แต่เขากับสามารถสร้างมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายขึ้นมาได้มากมาย ตอนนี้แม้ว่าเราจะไม่เคลื่อนไหว แต่ฉันก็คิดว่าสภาสิบแปดปีกก็คงจะสามารถต้านทานได้ไม่นานนักแน่นอน” ชายวัยกลางคนที่สวมชุดเกราะสีทอง และมีร่างกายใหญ่โตที่สูงห้าเมตรที่นั่งอยู่ที่หลังของงูปีศาจโบราณกล่าวพลางมองไปยังฉากตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม และเขาก็ได้กล่าวต่อว่า “ตอนนี้ดูเหมือนเราจะไม่มีโอกาสได้สอนบทเรียนให้กับสภาสิบแปดปีกแล้วนะ ….”
แม้ว่าชายวัยกลางคนร่างยักษ์ผู้นี้จะพูดน้ำเสียงธรรมดา แต่เสียงของเขามันก็ทุ้ม และทำให้พื้นที่สั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณเลย
ถ้าซือเฟิงได้มาอยู่ที่นี่ เขาจะต้องตกใจแน่นอนที่ได้เห็นชายยักษ์เกราะทองคนนี้ ….
เพราะชายยักษ์เกราะทองคนนี้นั้นเป็นเผ่ายักษ์ที่แท้จริงเลย และเขาก็เป็นเบอเซิกเกอร์ขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยสามสิบสาม ซึ่งเพียงแค่เขายืนอยู่เฉยๆนั้น ออร่าที่เขาแผ่ออกมามันก็ทำให้คนโดยรอบรับรู้ได้ถึงแรงกดดันอย่างมหาศาลแล้ว
“ก็จริง แต่มันก็เป็นเรื่องดีนะ เพราะนี่มันก็ทำให้เราไม่จำเป็นจะต้องเปิดเผยความแข็งแกร่งของกองอัศวินดำของเรา …” จูเฟิงหยิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อย่างไรก็ตามเราก็ยังเหลืออีกเป้าหนึ่งคือเรื่องของไอ้เด็กเวรซี่หยวนนั่น เราน่าจะจำเป็นต้องโจมตีคุกของเมืองสกายสปริงและพาเขาแหกคุก ….”
“ฉันหวังว่าเรื่องนี้มันคงจะทำให้ฉันได้ยืดเส้นยืดสายบ้างนะ …” ชายยักษ์เกราะทองกล่าวด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เขาคิดถึงคุกของเมืองสกายสปริง
อย่างไรก็ตามในระหว่างการสนทนาของจูเฟิงหยิง และชายยักษ์เกราะทองนั้น สาวสวยผมสั้นสีฟ้าก็ไม่กล้าจะพูดอะไรออกมาเลย เพราะเธอรู้สึกอับอายมากๆ
เนื่องจากการปกป้องและช่วยเหลือซี่หยวนนั้นแต่เดิมมันเป็นงานของเธอ แต่เธอกับทำพลาดจทำให้เขาถูกฆ่าและถูกจับขังคุกจนผู้อาวุโสจูเฟิงหยิง และชายยักษ์เกราะทองคนนี้ต้องออกหน้ามาด้วยตัวเอง ดังนั้นหลังจากกลับไปเธอจึงมีสิทจะถูกปลดจากตำแหน่งผู้ฝึกสอนของกิลแน่นอน เพราะท้ายที่สุดซี่หยวนนั้นเป็นทั้งอัจฉริยะ และผู้ที่มีสถานะสูงมากในร้อยผีโดดเดี่ยว
ขณะเดียวกันในเวลานี้อันยีลดิ้งฮาร์ท และอิลูซะรี่เวิร์ดที่ยืนอยู่บนกำแพงของป้อมปราการก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกดดันอย่างหนัก เมื่อได้เห็นเหล่ามอนสเตอร์ที่กำลังเข้ามา
แม้ว่าพวกเขาจะได้รับรายงานข่าวล่าสุดเกี่ยวกับกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint นับล้าน ที่ประกอบไปด้วยมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายขั้นสี่หลายพันตัวมาแล้ว แต่พวกเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวและกดดันอยู่เล็กน้อย เมื่อได้เห็นด้วยตาตัวเองจริงๆ
ไม่ต้องพูดถึงกองทัพนับล้านบนพื้นดินเลย แค่พวกมอนสเตอร์ Faux Saint หลายพันตัวที่บินได้นี้มันก็น่าจะมากพอที่จะใช้ทำลายวงเวทย์ป้องกันของเมือง NPC ขนาดใหญ่ลงได้สบายๆแล้ว
แม้ว่าพลังป้องกันของป้อมปราการเคลื่อนที่จะจัดว่ามีสูงมากในระดับหนึ่ง แต่จะต้านทานการโจมตีนับพันที่เข้ามาพร้อมกันได้นานแค่ไหนนี่มันก็อีกเรื่องหนึ่ง ….
แถมเมื่อวงเวทย์ป้องกันของป้อมปราการถูกทำลายเมื่อไหร่ พวกเขาก็จะแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย เนื่องจากจำนวนของทั้งสองฝ่ายนั้นมันแตกต่างกันมากๆ
“ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม !!! เมื่อมอนสเตอร์เหล่านี้เข้าสู่ระยะการโจมตี ให้โจมตีพวกมันด้วยทุกสิ่งที่มีเลย !!!” อันยีลดิ้งฮาร์ทที่ตะโกนออกคำสั่ง “จำไว้ !!! ไม่ต้องกั๊กอะไรทั้งสิ้น ใช้ทุกสิ่งที่มีไปเลย !!!! ยิ่งเรากำจัดพวกมอนสเตอร์ Faux Saint ที่บินได้ กับตัวอื่นๆที่บินได้ ได้เร็วเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งมีโอกาสชนะมากขึ้นเท่านั้น !!!!”
“รับทราบ !!!”
เหล่าผู้เชี่ยวชาญจากพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกที่เตรียมตัวรออยู่นานแล้วบนกำแพงป้อมปราการพยักหน้ารับคำสั่ง
ในสงครามครั้งนี้ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับเวลาทั้งสิ้น หากพวกเขาสามารถฆ่าพวกมอนสเตอร์บินได้ทั้งหมดของศัตรูลงได้ก่อนที่วงเวทย์จะพัง มันก็จะการันตีโอกาสชนะของพวกเขาได้เลย แต่หากพวกเขาทำไม่ได้ที่นี่มันก็จะกลายเป็นหลุมฝังศพของพวกเขาแน่นอน
ขณะเดียวกันที่ด้านบนสุดของคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการ
“หัวหน้ากิล พวกนั้นมาถึงแล้ว ….” ไฟเออร์แดนซ์มองไปยังกองทัพมอนสเตอร์บินได้ที่เข้ามาใกล้ในระยะไม่ถึงหนึ่งพันหลา และรายงานซือเฟิงด้วยความประหม่าเล็กน้อย “พวกนั้นเข้ามาใกล้เราในระยะไม่ถึงหนึ่งพันหลาแล้ว ให้เริ่มโจมตีเลยไหม ?”
“ยังก่อน รอให้พวกนั้นเข้ามาใกล้อีกนิด …” ซือเฟิงกล่าวพลางส่ายหัว
ป้อมปราการเคลื่อนที่นั้นมันคืออาวุธสงครามทรงพลังอย่างแท้จริง โดยมันมีปืนใหญ่เวทย์เอลฟ์ขนาดใหญ่ยี่สิบหกกระบอก และหอคอยเวทย์มนต์ที่ไว้โจมตีอีกแปดแห่ง พลังการยิงของมันนั้นแข็งแกร่งกว่าเมืองกิลทั่วไปมากๆ
แต่อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นแบบนี้ มันก็ยังมีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่งคือมันใช้ผลาญคริสตัลเวทย์มนต์มากเกินไปในการโจมตีแต่ละระลอก
การยิงปืนใหญ่เวทย์เอลฟ์ขนาดใหญ่หนึ่งนัด หนึ่งกระบอกนั้นมีค่าใช้จ่ายเป็นคริสตัลเวทย์มนต์หกพันชิ้น และมันมีเวลาในการคูลดาวน์หนึ่งนาที
ขณะที่หอคอยเวทย์มนต์ที่ไว้โจมตีนั้นแพงยิ่งกว่า โดยค่าใช้จ่ายในการใช้หอคอย
เวทน์มนต์หนึ่งแห่งโจมตีหนึ่งครั้งนั้นมันก็คิดเป็นคริสตัลเวทย์มนต์สองหมื่นชิ้น และมันมีเวลาในการคูลดาวน์สามนาที
มันสามารถจะกล่าวได้เลยว่าการยิงปืนใหญ่ และยิงโจมตีจากหอคอยเวทย์มนต์ทั้งหมดแต่ละระลอกนั้นคิดเป็นเงินหลายหมื่นไปจนถึงหลายแสนเหรียญทองเลย
แม้ว่าตอนนี้เขาจะร่ำรวย และมีคริสตัลเวทย์มนต์อยู่กับตัวมากกว่าห้าล้านชิ้น แต่เขาก็ไม่สามารถจะใช้มันแบบมั่วๆได้
หลังจากนั้นอีกไม่นานนัก มอนสเตอร์บินได้ทั้งหมดก็ได้มาถึงบริเวณวงเวทย์ป้องกันของป้อมปราการ และพวกมันก็เริ่มใช้ทุกอย่างที่พวกมันมีโจมตีวงเวทย์ป้องกันอย่างบ้าคลั่ง
ซึ่งการโจมตีของพวกมันนั้นก็เริ่มทำให้เกิดรอยร้าวในบาเรียของวงเวทย์ และมันก็ทำให้ทุกคนได้ยินเสียงสั่นสะเทือนอย่างชัดเจนเลย
ขณะเดียวกันที่ด้านนอกป้อมปราการในบริเวณที่เหล่าสมาชิกของร้อยผีโดดเดี่ยวเฝ้าดูอยู่ ….
“การโจมตีนี้มันทรงพลังมากเกินไป หากเป็นเมือง NPC ขนาดใหญ่ทั่วไป มอนสเตอร์พวกนี้ก็จะสามารถพังวงเวทย์ป้องกันได้หลังจากการโจมตีไม่กี่ระลอกแน่นอน” ชายยักษ์เกราะทองกล่าวพลางเดาะลิ้นเล็กน้อย
เมื่อได้ยินคำพูดของชายคนนี้ สมาชิกของร้อยผีโดดเดี่ยวคนอื่นๆก็พยักหน้าเห็นด้วย เพราะท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่ชายยักษ์เกราะทองพูดมานั้นมันไม่ผิดเลย และพวกเขาทั้งหมดก็ล้วนคิดตรงกันว่าป้อมปราการนี้ก็คงจะทนได้อีกไม่นานนักแน่นอน
อย่างไรก็ตามสำหรับผู้เล่นในป้อมปราการนั้นพวกเขาไม่ได้มีท่าทีกังวลใดๆเลย เนื่องจากพวกเขาสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่าการโจมตีแต่ละระลอกของมอนสเตอร์เหล่านี้นั้นสามารถลดค่าความทนทานของบาเรียลงไปได้แค่ 0.01 เปอเซ็นต์เท่านั้น
และเมื่อคำณวนจากตัวเลขนี้นั้น มอนสเตอร์ทั้งหมดนี้จะต้องใช้เวลาราวหนึ่งหมื่นวินาที หรือหนึ่งร้อยหกสิบหกนาทีซึ่งคิดเป็นเกือบสามชั่วโมงในการจะทำให้พลังของวงเวทย์ป้องกันนี้หมดและทำลายมันลง อย่างไรก็ตามวงเวทย์ป้องกันนี้สามารถเติมแหล่งพลังงานให้มันได้โดยใช้เป็นคริสตัลเวทย์มนต์หนึ่งแสนชิ้นทุกสามสิบนาที ….
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือตราบใดที่ฝั่งพวกเขามีคริสตัลเวทย์มนต์มากเพียงพอ ยังไงซะมอนสเตอร์พวกนี้ก็จะไม่สามารถทะลวงวงเวทย์ป้องกันเข้ามาได้แน่นอน ไม่ว่าพวกมันจะโจมตีด้วยวิธีใดก็ตาม
“เอฟเฟคการป้องกันของป้อมปราการนี้มันไม่เลวเลย ….” ซือเฟิงที่เฝ้าตรวจสอบสถานการณ์ทั้งหมดอยู่อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ เขาไม่นึกเลยว่าป้อมปราการเคลื่อนที่จะมีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งแบบนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมในชีวิตที่ผ่านมาของเขา แม้แต่ผู้เล่นขั้นห้าก็ไม่สามารถจะทำอะไรกับป้อมปราการนี้ได้ หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้หันไปออกคำสั่งกับไฟเออร์แดนซ์ว่า “เอาล่ะ เรามาเริ่มทดสอบปืนใหญ่เวทย์เอลฟ์ขนาดใหญ่กันเลย !!!”
ตอนที่ 2824 โลกที่เงียบสงัด
ในห้องโถงชั้นบนสุดของคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการ เมื่อได้ยินคำสั่งของซือเฟิง ไฟเออร์แดนซ์ก็ได้ออกคำสั่งให้ปืนใหญ่เวทย์เอลฟ์ขนาดใหญ่ยี่สิบหกกระบอกยิงพร้อมกัน
หลังจากนั้นปืนใหญ่เวทย์เอลฟ์ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่รอบป้อมปราการก็เริ่มดึงดูดมานาเข้ามารวมกันเรื่อยๆ
ชั่วขณะหนึ่งนั้นบริเวณปืนใหญ่เวทย์เอลฟ์ขนาดใหญ่ทั้งยี่สิบหกกระบอกก็เต็มไปด้วยหมอกมานาหนาแน่นก่อนที่มันจะเริ่มกลั่นตัวเป็นมานาที่เป็นของเหลว และพุ่งลงไปในปากกระบอกปืนใหญ่เวทย์เอลฟ์ทั้งหมด
หลังจากนั้นวงเวทย์ขนาดใหญ่สีแดงเลือดที่ซ้อนทับกันสามชั้นก็เริ่มปรากฎขึ้นบริเวณปากกระบอกปืนใหญ่แต่ละกระบอก ซึ่งออร่าและพลังที่มันแผ่ออกมานั้นก็ทำให้พื้นที่โดยรอบบิดเบี้ยวจนเกิดรอยแยกเชิงพื้นที่ขึ้นมาจำนวนหนึ่งเลย
ทันใดนั้นหลังจากเล็งไปยังกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ที่โจมตีวงเวทย์ป้องกันของพวกเขาอยู่ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ลำแสงสีแดงเข้มยี่สิบหกลำแสงก็ถูกยิงพาดผ่านท้องฟ้าไป โดยลำแสงทั้งหมดนี้ได้เปลี่ยนท้องฟ้าให้กลายเป็นสีแดงเข้มเลย
ซึ่งนี่มันก็ทำให้พวกมอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ทั้งหมดที่โจมตีวงเวทย์ป้องกันของป้อมปราการนั้นพยายามที่จะหลบการโจมตีจากลำแสงนี้ที่เข้ามา แต่อย่างไรก็ตามด้วยความที่พวกมันเข้ามาตรึงกำลังโจมตีกันแบบแออัดเกินไป มอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ส่วนใหญ่จึงถูกลำแสงนี้กลืนกินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อการโจมตีนี้ทั้งหมดเสร็จสิ้น และหายไป ผู้เล่นทั้งหมดก็สามารถมองเห็นสภาพน่าสังเวชของพวกมอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ที่ถูกลำแสงสีแดงเข้มโจมตีไปเต็มๆอย่างชัดเจน โดยส่วนใหญ่ในหมู่พวกมอนสเตอร์เหล่านี้นั้นมีไฟไหม้อยู่ตามร่างกายหลายจุดด้วย
มอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายขั้นสี่ ซึ่งแต่เดิมมี HP ราวเจ็ดพันสามร้อยล้าน ตอนนี้ส่วนใหญ่ล้วนเหลือ HP ต่ำกว่าห้าพันห้าร้อยล้านแล้ว ขณะที่บางตัวเหลือ HP แค่ประมาณสี่พันล้านเท่านั้น
“นี่มันโครตจะน่ากลัวเลย !!!”
อันยีลดิ้งฮาร์ทซึ่งเป็นผู้บัญชาการ การต่อสู้อยู่บนกำแพงป้อมปราการนั้นก็ตกตะลึงกับฉากนี้เช่นกัน
มอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย ขั้นสี่แต่ละตัวนั้นยากที่จะฆ่าให้ได้มากๆ แต่อย่างไรก็ตามภายใต้การโจมตีของปืนใหญ่เวทย์เอลฟ์ขนาดใหญ่ยี่สิบหกกระบอกนั้น มันกับลด HP ของมอนสเตอร์เหล่านี้ลงไปมากกว่าสองพันล้านในทันที และรัศมีของการโจมตีมันก็กว้างมากจนไม่น่าเชื่อ
ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่ามอนสเตอร์ Faux Saint บินได้พวกนี้กระจายกันอยู่นิดหน่อย บางทีปืนใหญ่เวทย์เอลฟ์ขนาดใหญ่ยี่สิบหกกระบอกอาจจะกลืนกินพวกมันไปทั้งหมดเลยก็ได้
ในเวลานี้นับประสาอะไรกับสมาชิกพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกในป้อมปราการ แม้แต่ลู่ชิงหลัวกับจักรพรรดิอสูรก็ยังจ้องมองไปยังสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างตกตะลึงเช่นกัน
“เป็นไปได้ยังไงกัน ?!” ลู่ชิงหลัวมองไปยังมอนสเตอร์ Faux Saint บินได้จำนวนมากที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “การโจมตีแค่ระลอกเดียวทำให้มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายเกือบทั้งหมดเสีย HP ไปมากกว่าหนึ่งในสี่เนี่ยนะ ?! ป้อมปราการมีการโจมตีที่น่ากลัวแบบนี้ได้ยังไง ?!”
เขาเองก็เคยเห็นป้อมปราการมาก่อนหน้านี้จำนวนมาก และเขาก็เคยได้เห็นกองทัพมอนสเตอร์โจมตีป้อมปราการมาแล้วด้วย ไม่ต้องพูดถึงการโจมตีของป้อมปราการที่น่ากลัวเลย ให้บวกกับป้อมปราการนั้นมีมอนสเตอร์เฝ้าอยู่ด้วยอีกมากกว่าหนึ่งแสนตัวเข้าไป แต่กองทัพแบบนี้ของจักรพรรดิอสูรก็สามารถจะหักเอาป้อมปราการได้ง่ายๆในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง
แต่ตอนนี้ป้อมปราการเคลื่อนที่ตรงหน้าของเขานี่มันบ้าอะไรกัน ?!
การโจมตีแค่ระลอกเดียวกับทำให้เหล่ามอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ระดับเทพนิยายเกือบทั้งหมดสูญเสีย HP ไปราวหนึ่งในสี่หรือมากกว่านั้น นี่มันเท่ากับว่าถ้าป้อมปราการนี้โจมตีแบบนี้ได้อีกสามระลอกนั้น มอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ระดับเทพนิยายทั้งหมดของพวกเขาจะต้องถูกกวาดล้างไปเลยแน่นอน
ในเวลานี้ไม่ต้องพูดถึงลู่ชิงหลัวกับจักรพรรดิอสูรเลย แม้แต่เหล่าร้อยผีโดดเดี่ยวที่เฝ้าดูอยู่จากระยะไกลออกไปก็ยังตกตะลึงมากเช่นกัน
ไม่มีใครในหมู่พวกเขาคาดคิดเลยว่าการโจมตีของป้อมปราการเคลื่อนที่เมื่อครู่มันจะรุนแรงมากขนาดนี้
แม้ว่าพวกเขาจะมีวิธีหลบหลีกการโจมตีของปืนใหญ่เวทย์เอลฟ์ขนาดใหญ่ แต่พวกเขาก็ต้องบอกเลยว่า หากพวกเขาเผลอโดนการโจมตีจากปืนใหญ่นี้เข้าไปจริงๆ พวกเขาจะตายในครั้งเดียวแน่นอน และมันก็คงจะมีเพียงแต่งูปีศาจโบราณเท่านั้นที่รอดอยู่ได้
อย่างไรก็ตามแม้ว่าทุกคนจะตกตะลึงกับผลของการโจมตีของป้อมปราการเคลื่อนที่ แต่สำหรับซือเฟิงนั้น เขาไม่ได้ประหลาดใจใดๆเลย เพราะท้ายที่สุดป้อมปราการเคลื่อนที่นี้มันสามารถใช้จัดการกับสิ่งมีชีวิตขั้นห้าได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นสิ่งมีชีวิตขั้นสี่แค่หลายพันตัวจะมาสร้างปัญหาให้กับป้อมปราการได้อย่างไร ? …..
ทั้งนี้ทั้งนั้น แม้ว่าซือเฟิงจะไม่รู้สึกประหลาดใจใดๆกับผลของการโจมตี แต่เขาก็แทบจะกระอักเลือดออกมาจากค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้
การโจมตียิงด้วยปืนใหญ่หนึ่งนัดนั้นมีค่าใช้จ่ายเป็นคริสตัลเวทย์มนต์หกพันชิ้น การใช้ปืนใหญ่ยี่สิบหกกระบอกยิงก็เท่ากับยี่สิบหกนัด ซึ่งคิดค่าใช้จ่ายเป็นคริสตัลเวทย์มนต์หนึ่งแสนห้าหมื่นหกพันชิ้น และหากเปลี่ยนไปเป็นเหรียญทองในปัจจุบันมันก็จะมีราคาหกหมื่นสองพันสี่ร้อยเหรียญทอง
ในระหว่างที่ซือเฟิงกำลังแทบจะอักเลือดกับค่าใช้จ่ายนี้ จักรพรรดิอสูรก็ได้เริ่มออกคำสั่งใหม่
“แยกกันออกไป แล้วโจมตีจากทุกทิศทาง !!! ฉันไม่เชื่อหรอกว่าพวกเขาจะสามารถใช้การโจมตีเมื่อครู่ได้อย่างไร้ขีดจำกัดน่ะ !!!”
อาวุธเชิงกลยุทธ์ที่ทรงพลังและน่ากลัวแบบนี้นั้นส่วนใหญ่มันจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการใช้ที่สูงมาก และมีคูลดาวน์ที่นานในระดับหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงไม่เชื่อว่าสภาสิบแปดปีกจะสามารถใช้มันได้อย่างไร้ขีดจำกัด
เมื่อได้ยินคำสั่งของจักรพรรดิอสูร มอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ทั้งหมดก็เริ่มกระจายตัวกันโจมตีป้อมปราการเคลื่อนที่จากทุกทิศทางเพื่อลดความเป็นไปได้ และลดความเสียหายที่มีสิทจะได้รับจากการโจมตีแบบเมื่อครู่
ซึ่งซือเฟิงที่เฝ้าดูสถานการณ์ทั้งหมดอยู่ในคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการนั้นก็ไม่ได้แปลกใจกับสถานการณ์นี้มากนักเช่นกัน
“มาเริ่มใช้หอคอยเวทย์มนต์กันดีกว่า !!!”
“รับทราบ !!!”
เมื่อไฟเออร์แดนซ์ได้ยินคำสั่งของซือเฟิง เธอก็พยักหน้ารับอย่างตื่นเต้น
หากคิดว่าปืนใหญ่เวทย์เอลฟ์ขนาดใหญ่เป็นการโจมตีระเบิดที่รุนแรง การโจมตีจากหอคอยเวทย์มนต์นั้นมันก็เทียบได้กับการโจมตีจากระเบิดปรมาณูยุคใหม่ ซึ่งมันมีพลังอยู่ในขั้นห้าเลย
ชั่วขณะหนึ่งหอคอยเวทย์มนต์ทั้งแปดแห่งของป้อมปราการก็เริ่มดึงดูดมานาเข้ามาหาตัวมันเองจนทำให้บริเวณหอคอยนั้นเปล่งประกายออกมาราวกับพระอาทิตย์ในยามเที่ยงเลย
หลังจากนั้นหอคอยทั้งแปดก็ได้ยิงลำแสงขนาดใหญ่ไปก่อให้เกิดวงเวทย์ขนาดมหึมาที่ซ้อนทับกันสามชั้นบนท้องฟ้า ซึ่งปกคลุมรัศมีสองพันหลารอบป้อมทั้งหมด
“บ้าแล้ว !! นี่มันบ้าชัดๆ !! สภาสิบแปดปีกมีการโจมตีที่ทรงพลังแบบนี้ได้ยังไง ?!!!”
ลู่ชิงหลัวมองไปที่วงเวทย์ขนาดมหึมาอย่างพูดแทบจะไม่ออก
แม้ว่าเขาจะไม่รู้การโจมตีที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นมันทรงพลังมากแค่ไหน แต่เขาก็พอจะประมาณมันได้จากการที่วงเวทย์นี้ได้ดึงดูดมานาในรัศมีหนึ่งหมื่นหลาทั้งหมดให้เข้าไปหามัน
“หนี !!! ทั้งหมดรีบถอยหนีเร็ว !!!”
เมื่อจักรพรรดิอสูรเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขาก็รีบสั่งให้กองทัพมอนสเตอร์ของเขาถอยทันที เพราะท้ายที่สุดแล้วนี่มันจะไม่ได้โดนแค่พวกมอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายที่บินได้หลายพันตัวแน่นอน แต่มันจะโดนเข้ากับกองทัพนับล้านเบื้องล่างของเขาด้วย …..
เมื่อได้ยินคำสั่งของจักรพรรดิอสูรนั้นกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ทั้งกองทัพก็เริ่มพยายามจะถอยหนี แต่มันก็น่าเสียดายที่วงเวทย์นี้มันปกคลุมรัศมีที่กว้างใหญ่ถึงสองพันหลา ดังนั้นแม้แต่มอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ระดับเทพนิยายก็ยังหนีไปได้ไกลสุดแค่หนึ่งพันหลาเท่านั้น ก่อนที่การโจมตีจากวงเวทย์นี้จะถูกเปิดใช้งาน
ซึ่งเมื่อการโจมตีนี้ถูกเปิดใช้งานพื้นที่ในรัศมีสองพันหลารอบป้อมปราการก็ได้กลายเป็นโลกสีขาวบริสุทธิ์ และในขณะที่โลกทั้งใบก็เงียบสงัด ขณะที่ลำแสงสีขาวค่อยๆแพร่กระจายออกไปหลายหมื่นหลา
“มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?”
“หอคอยแห่งพันธสัญญาลับอยู่บริเวณนั้นนี่นา ?”
“พวกเราสามารถจะมองเห็นมันได้จากเมืองสกายสปริง นี่ลำแสงนี้มันครอบคลุมพื้นที่ขนาดไหนกัน ?”
ผู้เล่นในเมืองสกายสปริงเริ่มพูดคุยกันเมื่อได้เห็นลำแสงสีขาวบริเวณท้องฟ้าที่อยู่ห่างออกไป และตอนนี้พวกเขาก็ล้วนเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นมากๆ เนื่องจากเอาจริงๆแล้วนั้นมันมีกองกำลังแค่ไม่กี่กองกำลังในเมืองเท่านั้นที่รู้ว่ามันมีการต่อสู้ที่น่ากลัวเกิดขึ้นที่บริเวณหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ แต่ในเวลานี้แม้แต่กองกำลังขนาดใหญ่ก็ยังไม่สามารถจะเข้าไปดูใกล้ๆได้ พวกเขาทำได้แค่เฝ้าดูจากระยะไกลเท่านั้น
เมื่อการโจมตีจากลำแสงสีขาวนี้หายไป กองทัพบนพื้นดินของพวกมอนสเตอร์ Faux Saint ที่อยู่ในระยะการโจมตีก็หายไปอย่างสมบูรณ์ และมันก็มีรอยลึกหลายสิบเมตรปรากฎขึ้นบนพื้น
สำหรับพวกมอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ที่ลอยอยู่กลางอากาศ พวกมันก็เริ่มตกลงสู่พื้นทีละตัวๆ
และแม้ว่ามอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ระดับเทพนิยายส่วนใหญ่จะยังมีชีวิตอยู่ แต่พวกมันก็อยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสเลย ซึ่งทำให้พลังการต่อสู้ของมันลดลงไปอย่างมาก ….
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น