Reincarnation Of The Strongest Sword God 2599-2603

 ตอนที่ 2599 ขั้นสี่ที่แท้จริง


โคล่าและคนอื่นๆเริ่มเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ เมื่อปีศาจหมาป่าจำนวนมากเริ่มพุ่งมาทางพวกเขา โดยมอนสเตอร์ส่วนใหญ่ที่พุ่งเข้ามานั้นเป็นลอร์ดบอสขั้นสูง แต่อย่างไรก็ตามด้วยเลเวลที่สูงมากของมัน ทำให้ค่าสถานะของมันสามารถเทียบได้กับลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่ เลเวลหนึ่งร้อยสิบห้าได้เลย กล่าวอีกนัยหนึ่งคือพวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่ในเลเวลเดียวกันมากกว่าหนึ่งพันตัวพร้อมกัน และมอนสเตอร์ทุกตัวนี้ล้วนมีมาตราฐานการต่อสู้อยู่ที่ชั้นสามของหอคอยทดสอบ


ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีปีศาจหมาป่าน้ำแข็งสามหัวจำนวนหนึ่งพุ่งมาทางพวกเขาเช่นกัน และที่น่าประหลาดใจเลยคือมอนสเตอร์ทั้งหมดนี้นั้นเคลื่อนไหวราวกับคลื่นสึนามิที่จะสามารถกวาดผ่านทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางทางได้


เมื่อปีศาจหมาป่าเหล่านี้เริ่มเข้ามาใกล้ สมาชิกของสภาสิบแปดปีกก็เริ่มเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ ในขณะที่ฝูงมอนสเตอร์เริ่มแยกออกเป็นสองกลุ่มและล้อมกรอบทั้งทีมของสภาสิบแปดปีกเอาไว้


ซึ่งเมื่อเสร็จสิ้นการล้อมกรอบปีศาจหมาป่าก็ได้เปิดเส้นทางให้แกรนลอร์ดที่เป็นพรรคพวกของพวกมันเข้ามาด้านหน้า


“นี่มอนสเตอร์พวกนี้ฉลาดแค่ไหนกัน ?!” ดวงตาของโคล่าแทบจะถลนออกจากเบ้า เมื่อเขาได้เห็นฉากนี้


ปีศาจหมาป่าเหล่านี้เคลื่อนไหวเหมือนกับกองทัพที่ได้รับการฝึกมาอย่างดีมากกว่าฝูงมอนสเตอร์ และมันก็ดูเหมือนว่ากองทัพนี้จะได้รับการฝึกฝนมาเพื่อกำหนดเป้าหมายไปที่ผู้เล่น


ก่อนที่โคล่าและคนอื่นๆจะตอบสนองได้ทัน ปีศาจหมาป่าน้ำแข็งสามหัวตัวหนึ่งก็พุ่งเข้ามาแล้ว และมันก็พุ่งเข้ามาพร้อมกับปีศาจหมาป่าน้ำแข็งอีกนับร้อยที่ทำหน้าที่เป็นโล่กำบังให้มัน


โคล่านั้นตอบสนองทันทีด้วยการพุ่งไปข้างหน้า และใช้ Justice Roar ใส่ปีศาจหมาป่าน้ำแข็งสามหัว


อย่างไรก็ตามในระหว่างที่แสงที่มองไม่เห็ปรากฎขึ้น และโคล่ากำลังเตรียมจะโจมตีนั้น ดวงตาของแกรนลอร์ดตัวนี้ก็ฉายแววขี้เล่นออกมา ซึ่งนี่มันทำให้การ์เดี้ยนไนท์สับสนมากๆ


จากนั้นปีศาจหมาป่าน้ำแข็งสองตัวก็ปรากฎขึ้นจากด้านหลังของแกรนลอร์ด พร้อมกับกระแทกหัวของมันเข้าใส่โคล่า


Peng!


ปีศาจหมาป่าน้ำแข็งสองตัวนั้นใช้หัวโจมตีเข้าที่บริเวณเกราะของโคล่าทันที และมันก็บังคับให้โคล่าต้องถอยกลับไปหลายก้าว ซึ่งก่อนที่โคล่าจะทันได้ตั้งตัวได้ กรงเล็บของปีศาจหมาป่าน้ำแข็งสามหัวก็กำลังพุ่งตรงมายังเขาอย่างรวดเร็วแล้ว


“อย่าคิดว่าจะฆ่าฉันง่ายขนาดนั้นนะเว้ย !!!” โคล่าคำราม พลางตอบโต้ด้วยการยกโล่ขึ้นป้องกันการโจมตีอย่างรวดเร็ว


อย่างไรก็ตามในทันทีที่เขายกโล่ขึ้น เขาก็ต้องตกตะลึง


คราวนี้ปีศาจหมาป่าน้ำแข็งอีกสามตัวปรากฎตัวขึ้นที่ด้านข้างของแกรนลอร์ด …..


การซุ่มโจมตีจากสองด้าน !!!


แม้ว่าความจริงแล้วพวกสิ่งมีชีวิตปีศาจไม่ควรจะมีสติปัญญามากนัก แต่ปีศาจหมาป่าเหล่านี้กับรู้วิธีการทำงานร่วมกันเพ่อเปิดการโจมตีที่ซับซ้อน ยิ่งไปกว่านั้นการประสานงานทั้งหมดของพวกมันก็ยังสมบูรณ์แบบ พวกมันใช้กลยุทธ์นี้ด้วยจังหวะและเวลาที่ไร้ที่ติ และแม้แต่ผู้เล่นบางคนก็ยังไม่สามารถจะทำได้ขนาดนี้เลย ซึ่งมันราวกับว่าปีศาจหมาป่าพวกนี้ได้ฝึกฝนมาอย่างดีเพื่อจัดการกับเขาโดยเฉพาะ


ระหว่งที่โคล่ากำลังคิดว่าเขาคงตายแน่นอนแล้วครั้งนี้ กำแพงน้ำแข็งก็ปรากฎขึ้นรอบตัวเขา


ตู้ม !!


กำแพงนั่นสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เมื่อปีศาจหมาป่าน้ำแข็งสามหัว และปีศาจหมาป่าน้ำแข็งสามตัวเข้าปะทะกับมัน แต่มันก็ยังคงมั่นคง

ซึ่งฉากนี้นั้นทำให้อควาโรสและคนอื่นๆตกตะลึงอย่างมาก และพวกเขาก็รีบมองไปยังผู้ที่สร้างกำแพงน้ำแข็งทันที


มันไม่มีใครสามารถจะตอบสนองต่อการโจมตีของปีศาจหมาป่าเหล่านี้ได้ทันเวลาเพื่อช่วยโคล่า แต่ตอนนี้มันกับมีกำแพงน้ำแข็งปรากฎขึ้นรอบๆแท๊งเกอร์ ก่อนที่การโจมตีของมอนสเตอร์ทั้งสี่จะโดนเข้ากับเขาเต็มๆ และกำแพงน้ำแข็งนี้ก็เป็นเพียงเวทย์ขั้นสองเท่านั้น แต่มันกับสามารถหยุดยั้งการโจมตีของปีศาจหมาป่าน้ำแข็งสามหัวที่เป็นแกรนลอร์ดได้ นี่มันไม่น่าเชื่อเลย !!!


ทั้งทีมจับจ้องไปยังแวร์ซาย ชายชราด้านหลังของซือเฟิงทันที


อย่างไรก็ตามพวกเขาประหลาดใจที่มันไม่มีวงเวทย์รอบ NPC เลย แถม NPC ก็ไม่ได้ถือคทาอยู่ด้วย แต่เขากับสามารถสร้างกำแพงน้ำแข็งขึ้นมาได้


เมื่อผู้เล่นทำการร่ายเวทย์ พวกเขาก็จำเป็นจะต้องสร้างวงเวทย์ที่จำเป็นก่อน และแม้แต่วงเวทย์การเคลื่อนย้ายทันทีก็ยังต้องใช้เวลาในการสร้างและร่าย และแม้ว่าวงเวทย์ง่ายๆบางอย่างจะปรากขึ้นทันที แต่มันก็ยังคงต้องใช้เวลาในการจะประกอบทุกอย่างเข้าด้วยกันให้เสร็จอยู่ดี


อย่างไรก็ตามแวร์ซายกับร่ายเวทย์กำแพงน้ำแข็งขั้นสองขึ้นมาได้โดยไม่มีวงเวทย์ และมันก็ราวกับว่าเวทย์มนต์นั้นเกิดมาจากรูปร่างความคิดของเขา ยิ่งไปกว่านั้นกำแพงน้ำแข็งของเขายังทรงพลังอย่างน่าอัศจรรย์


ปีศาจหมาป่าน้ำแข็งสามหัวนั้นจ้องมองไปที่แวร์ซายด้วยความโกรธแค้น ก่อนที่หัวทั้งสามของแกรนลอร์ดจะเริ่มอ้าปากออก และทันใดนั้นวงเวทย์ขนาดใหญ่ที่ซ้อนทับกันสองวงก็เริ่มก่อตัวขึ้นใต้เท้าของมอนสเตอร์


หลังจากนั้นชั่วครู่ปีศาจหมาป่าน้ำแข็งสามหัวก็พ่นพายุที่น่ากลัวคล้ายกับพายุเฮอริเคนที่พร้อมจะกลืนกินทุกคนในพื้นที่ออกมา ซึ่งมันไม่มีใครเลยที่มีเวลาจะหลบการโจมตี


ในการตอบสนองแวร์ซายยกมือข้างที่ว่างและเรียกกำแพงหินออกมา แยกการโจมตีของปีศาจหมาป่าน้ำแข็งสามหัวออกไป


ซึ่งการโจมตีนี้แม้จะสั่นสะเทือนกำแพงหินอย่างรุนแรง แต่มันก็ไม่สามารถจะทำอะไรกับกำแพงหินได้เลยก่อนที่มันจะหมดพลังและหายไปเอง


นี่ทำให้โคล่าและคนอื่นๆนั้นพูดไม่ออกเลยทีเดียว ….


การโจมตีเมื่อครู่นั้นเป็นคำสาปขั้นสามอย่างไม่ต้องสงสัย รวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่าปีศาจหมาป่าน้ำแข็งสามหัวเป็นแกรนลอร์ด เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบสี่แล้ว การโจมตีนี้มันจะเทียบได้กับการโจมตีแบบเต็มรูปแบบจากมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบเลย แต่แวร์ซายกับป้องกันมันได้อย่างง่ายดาย


ในขณะเดียวกัน NPC ขั้นสี่ ก็ได้เรียกหนามหินออกมาใต้เท้าของปีศาจหมาป่าน้ำแข็งสามหัวอีกสองตัวที่กำลังเตรียมซุ่มโจมตีจากระยะไกล และนี่มันก็ได้ทำลายสมาธิของแกรนลอร์ดตตัวอื่นๆไปทันที


นี่ NPC ขั้นสี่แข็งแกร่งมากขนาดนี้เลยงั้นหรอ ? อควาโรสรู้สึกงุนงงอย่างถึงที่สุด ขณะที่เธอเฝ้าดูฉากตรงหน้า


เธอนั้นคิดว่าซือเฟิงประเมินค่าแวร์ซาย ซึ่งเป็นเพียงองครักษ์ส่วนตัวระดับลึกลับขั้นเงิน เลเวลหนึ่งร้อยสิบสองสูงเกินไป เขาอาจจะเป็น NPC ขั้นสี่ แต่การต่อสู้กับกองทัพปีศาจหมาป่าแบบนี้ก็น่าจะยังทำให้เขามีปัญหาอยู่บ้าง


แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากได้เห็นการแสดงของแวร์ซาย เธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมซือเฟิงถึงประเมิน NPC ขั้นสี่ผู้นี้ไว้สูงมาก


แวร์ซายนั้นได้ร่ายเวทย์ไปสามครั้ง และสามารถขัดขวางการโจมตีของแกรนลอร์ดทั้งสามตัวได้ทันที กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเขาสามารถจะร่ายเวทย์ได้สามสกิลพร้อมกัน ยิ่งไปกว่านั้นสกิลเวทย์ทั้งสามของเขายังทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่ามันจะอยู่ในขั้นที่ต่ำมาก แวร์ซายนั้นอยู่ในระดับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับ NPC ขั้นสี่ที่เธอเคยพบมาก่อน


“ทุกคนระวังตัวให้มากขึ้น !!! แม้ว่าเราจะมีการป้องกันจากแวร์ซาย แต่ก็อย่าลืมว่าปีศาจหมาป่าพวกนี้นั้นมีความพิเศษมากๆ !!! พวกมันไม่เพียงแต่จะฉลาด และเจ้าเล่ห์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่พวกมันยังรู้วิธีการใช้ประโยชน์จากโอกาสทุกประเภทด้วย จำไว้ให้ระวังตัวเองไว้ตลอดเวลา …” ซือเฟิงเตือนพลางหัวเราะเบาๆ เมื่อเขาเห็นเพื่อนร่วมทีมของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

NPC ใดๆที่สามารถจะเข้าถึงขั้นสี่ได้นั้นจัดเป็นมังกรในหมู่มนุษย์ และบุคคลเหล่านี้จะสามารถปกป้องเมืองทั่วไปทั้งเมืองได้โดยปราศจากความช่วยเหลือ ดังนั้นพวกเขาจะอ่อนแอได้ยังไง ?


ยิ่งไปกว่านั้นมนุษย์ในขั้นสี่ยังแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับมอนสเตอร์ในขั้นเดียวกัน


มนุษย์จำเป็นต้องอาศัยเทคนิคและการควบคุมมานาเพื่อทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ให้สำเร็จ แต่มอนสเตอร์นั้นจะสามารถไปถึงขั้นนี้ได้ตราบใดที่สายเลือดของพวกมันทรงพลังมากเพียงพอ ดังนั้นแม้ว่า NPC มนุษย์ขั้นสี่จะมีเลเวลต่ำกว่ามอนสเตอร์ขั้นสี่เล็กน้อย แต่พวกเขาก็จะสามารถใช้เทคนิคที่เหนือกว่าเพื่อเติมเต็มช่องว่างได้ นอกจากนี้ศักยภาพในการเติบโตขององครักษ์ระดับลึกลับขั้นเงินที่เป็น NPC ขั้นสี่นั้นก็ไม่ได้จัดว่าแย่หรือขาดเลย


คำเตือนของซือเฟิงนั้นทำให้ทุกคนหายตากอาการตกตะลึงทันที และจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ก็เริ่มลุกโชนขึ้นในดวงตาของพวกเขา


แม้ว่าปีศาจหมาป่าทั้งหมดตรงหน้าของพวกเขาจะมีความพิเศษ และอันตรายมากๆ ดังที่เห็นได้จากาการที่พวกโจมตีโคล่า แต่นี่มันก็จัดว่าเป็นสนามฝึกซ้อมที่ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงที่หาได้ยากมากในหมู่ผู้เชี่ยวชาญแบบพวกเขา


หลังจากนั้นสมาชิกในทีมทั้งสิบเอ็ดคนก็เริ่มพุ่งเข้าโจมตีปีศาจหมาป่าน้ำแข็งที่พวกเขาเล็งเป้าไว้ โดยคอยระวังปีศาจหมาป่าน้ำแข็งรอบๆด้วยเช่นกัน


สำหรับซือเฟิง เขาเองก็เลือกจะพุ่งเข้าใส่ปีศาจหมาป่าน้ำแข็งสามหัว สองตัวที่อยู่ในระยะไกลทันที โดยเขาพยายามจะผสมผสานเทคนิคการต่อสู้เข้าไปในทุกการเคลื่อนไหวของเขา


ตอนนี้เขาต้องอาศัยโอกาสนี้ฝึกให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นให้มากที่สุด แล้วเขาก็จะกลับไปท้าทายอัศวินในเสื้อคลุมสีดำที่บันไดขั้นเก้าสิบของชั้นสอง เพื่อที่จะทำให้ตัวเองมุ่งหน้าไปยังชั้นสามให้ได้ !!!


ขณะเดียวกันในระหว่างที่ซือเฟิงต่อสู้กับปีศาจหมาป่าน้ำแข็งสามหัวสองตัวนั้น มันก็มีพวกปีศาจหมาป่าน้ำแข็งนับร้อยคอยดักโจมตีเขาอยู่เรื่อยๆเช่นกัน และหากจะเปิดใช้งานสกิลป้องกันมันก็คงไม่ทัน ซึ่งมันก็ทำให้ซือเฟิงนั้นจำเป็นต้องพึ่งพาเทคนิคการต่อสู้เป็นหลักเพื่อป้องกันตัวเอง

เมื่อการต่อสู้ดำเนินต่อไป ซือเฟิงก็เริ่มคุ้นเคยกับการผสมผสานเทคนิคการต่อสู้ขั้นพื้นฐานเข้าไปในทุกการเคลื่อนไหวมากขึ้น


โดยหลังจากนั้นไม่นานซือเฟิงซือเฟิงก็เริ่มคุ้นเคยกับการผสมผสานแบบนี้มากขึ้น และเขาก็เริ่มต่อสู้กับพวกปีศาจหมาป่าน้ำแข็งสามหัว กับปีศาจหมาป่าน้ำแข็งนับร้อยได้ง่ายขึ้นมาก ซึ่งจริงๆแล้วก็ต้องพูดว่าเขาเริ่มได้เปรียบแล้วด้วยซ้ำ


ขณะเดียวกันอควาโรสและคนอื่นๆก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน แรกเริ่มนั้นพวกเขาจำเป็นต้องอาศัยความช่วยเหลือจากแวร์ซายบ้างในการต่อสู้ แต่ตอนนี้นั้น เมื่อพวกเขาปรับตัวได้และการเคลื่อนไหวของพวกเขาทั้งหมดเริ่มคล้ายกับเทคนิคการต่อสู้ พวกเขาก็เริ่มจะสามารถสู้ด้วยตัวเองได้แล้ว


ซึ่งทั้งทีมก็ยังคงฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาห้าวันติดต่อกัน และในช่วงเวลานั้นพวกเขาก็เดินทางไปมาระหว่างบริเวณถ้ำปีศาจหมาป่ากับหอคอยพิเศษ ซึ่งไม่เพียงแต่สมาชิกในทีมทั้งหมดจะมาถึงขอบเขตที่แท้จริงขั้นสูงกันหมด แต่ไวโอเล็ทคลาวด์ อควาโรส และไฟเออร์แดนซ์ ยังได้สร้างเทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดงของตัวเองขึ้นมาได้แล้ว


แถมทุกคนต่างก็เก็บเลเวลได้อย่างรวดเร็วมากๆ


แม้ว่าปีศาจหมาป่าในบริเวณถ้ำปีศาจหมาป่าจะไม่ได้ดรอปไอเทมใดๆ แต่พวกมันก็ให้ EXP จำนวนมาก นอกจากนี้ซือเฟิงยังได้ส่งองครักษ์ส่วนตัวบางส่วนไปเพื่อเคลียร์ถ้ำปีศาจหมาป่าด้วยในระหว่างที่ทุกคนฝึกฝน เป็นผลให้สมาชิกในทีมทั้งหมดมีเลเวลเพิ่มขึ้นสองเลเวลในช่วงห้าวันที่ผ่านมา ขณะที่ตัวซือเฟิงนั้นเขาโดนคำสาปของเทพปีศาจทำให้เลเวลลดไปหนึ่งเลเวล ดังนั้นเขาจึงมีเลเวลเพิ่มขึ้นมาเพียงเลเวลเดียว เขาจึงมีเลเวลอยู่ที่หนึ่งร้อยสิบแปดเท่านั้น


แน่นอนเลยว่าพลังการต่อสู้ของฉันเพิ่มขึ้นมากหลังจากผสานรวมเทคนิคการต่อสู้ขั้นพื้นฐานเข้าไปในทุกการเคลื่อนไหวได้ ซึ่งโดยรวมแล้วพลังทั้งการรุกและรับของฉันดีขึ้นมากจริงๆ ถ้าฉันสามารถทำแบบเดียวกันกับเทคนิคการต่อสู้ขั้นสูงได้ ฉันน่าจะสามารถต่อสู้ข้ามขั้นได้สบายๆเลย ซือเฟิงคิดในขณะที่เขาต่อสู้ปีศาจหมาป่าน้ำแข็งสามหัวหลายตัวพร้อมกัน


หลังจากผ่านไปห้าวันของการฝึกฝนอย่างบ้าคลั่ง ในที่สุดเขาก็สามารถผสานเทคนิคการต่อสู้ขั้นพื้นฐานเข้ากับทุกการเคลื่อนไหวของเขาได้ และตอนนี้มันก็ทำให้เขามั่นใจว่าเขาจะสามารถผ่านบันไดขั้นที่เก้าสิบของชั้นสองของหอคอยพิเศษได้แน่นอน


แต่อย่างไรก็ตามสำหรับความคิดในการที่จะใช้เทคนิคการต่อสู้ขั้นสูงผสมผสานเข้ากับทุกการเคลื่อนไหวนั้น มันยังคงไกลเกินตัวสำหรับซือเฟิง เพราะท้ายที่สุดการใช้เทคนิคการต่อสู้ขั้นสูงมันจำเป็นต้องใช้ค่าสตามิน่าและค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจสูงกว่าเทคนิคการต่อสู้ขั้นพื้นฐานมาก ….


“หัวหน้ากิล มันเกือบจะถึงเวลาแล้ว ถ้าเราไม่รีบไปยังทวีปด้านตะวันตกตอนนี้ วอร์นเดอร์จะไปไม่ทันเข้าร่วมการแข่งขันระหว่างตระกูล” อควาโรสกล่าวเตือน เมื่อเธอเห็นว่าซือเฟิงยังคงหมกมุ่นอยู่กับการต่อสู้


“อย่างนั้นหรอ ?” ตอนนี้ซือเฟิงรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปเร็วเกินไป “เอาล่ะงั้นเตรียมตัวกลับ และเดินทางไปยังทวีปด้านตะวันตกกัน !!!”



ตอนที่ 2600 ความน่ากลัวขนาดมหึมาปรากฎขึ้นในทวีปด้านตะวันตก


เนินเขาฟรอสต์ เมืองอาซู :


ในฐานะเมืองกิลในแผนที่เป็นกลางเลเวลเก้าสิบ เมืองอาซูนั้นมีบทบาทในการเปลี่ยนผ่านของผู้เล่นหลายคนในจักรวรรดิวินเทอร์ ในขณะที่พวกเขาเตรียมตัวจะเดินทางไปยังแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยหรือมากกว่านั้น รวมถึงความจริงที่ว่ากิลผู้ปกครองเมืองนั้นก็คือหอการค้าอาซูซึ่งเป็นในหอการค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเกมเสมือนจริง ดังนั้นเมืองนี้จึงได้ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการค้าที่สำคัญและใหญ่ที่สุดของจักรวรรดิด้วย โดยผู้เล่นและผู้มีอำนาจจำนวนมากได้เดินทางมายังเมืองอาซูเพื่อทำธุรกิจ และเมืองนี้มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมมากกว่าห้าล้านคนต่อวันเลย


และในตอนนี้นั้นมันก็มีผู้เล่นต่อแถวยาวอยู่บริเวณประตูเมืองเพื่อรอเข้าสู่เมือง โดยในบางครั้งนั้นมันก็จะมีอะเม้าท์บินได้บินผ่านพวกเขาไป ซึ่งมันทำให้ผู้เล่นทั่วไปในแถวนั้นอิจฉามากๆ


“หอการค้าอาซูนี่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ ฉันไม่เคยเห็นอะเม้าท์บินได้ในเมืองกิลอื่นๆเลย แต่ตอนนี้มันกับมีหลายตัวบินผ่านไป ในขณะที่ฉันเข้าแถว !!!” เบอร์เซิกเกอณื เลเวลหนึ่งร้อยสามที่เป็นผู้เล่นอิสระอุทานออกมา ขณะที่เขาเฝ้าดูแร้งสองหัวบินผ่านไป


“โดยปกติมันก็จะมีอะเม้าท์บินได้ไม่มากนักหรอกที่บินผ่านไปผ่านมาในเมืองอาซูแต่ละวัน แต่ดูเหมือนว่าในวันนี้มันจะมีมากกว่าปกติ เพราะฉันได้ยินมาว่าหอการค้าอาซูนั้นเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันของพวกรุ่นเยาว์ของตัวเอง และหอการค้าได้เชิญมหาอำนาจหลายกลุ่มให้มาเข้าชม ดังนั้นฉันจึงเดาว่าอะเม้าท์บินได้เหล่านี้คงเป็นของพวกมหาอำนาจที่ได้รับเชิญมา” ชายหนุ่มที่เป็น Elementalist เลเวลหนึ่งร้อยแปดที่เห็นตราสัญลักษณ์กิลของผู้ที่ขี่อะเม้าท์บินได้อธิบาย


“การแข่งขันของพวกรุ่นเยาว์ของหอการค้าอาซูงั้นหรอ ?” คำพูดของชายหนุ่มทำให้เบอเซิกเกอร์สับสน “มันยอดเยี่ยมขนาดนั้นเลยหรอ ? มันไม่ใช่แค่การแข่งขัน PvP ระหว่างผู้เล่นหลายคนเท่านั้นหรอ ? และมันก็ไม่น่าจะมีผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดเข้าร่วมมากมายขนาดนั้นนิ ดังนั้นทำไมถึงมีมหาอำนาจต่างๆสนใจและมาตามคำเชิญมากมายขนาดนี้ ?”


“ฉันเดาว่านายคงไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับหอการค้าอาซูสินะ พวกเขานั้นเป็นกิลที่มีประสบการณ์สูงในโลกเกมเสมือนจริง แถมพวกเขายังเป็นหนึ่งในหอการค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเกมเสมือนจริงด้วย โดยตระกูลผู้ถือหุ้นหลักของพวกเขามีชีวิตที่เกี่ยวข้องกับเกมเสมือนจริงทั้งหมด โดยเหล่าผู้เชี่ยวชาญของพวกเขานั้นจะแตกต่างจากผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนาจต่างๆตรงที่ผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนาจต่างๆจะเริ่มฝึกกันในช่วงอายุสิบห้าถึงสิบหกปี แต่พวกรุ่นเยาว์ของหอการค้าอาซูนั้นได้เริ่มฝึกมาตั้งแต่เด็กเลย พวกเขาทั้งหมดนั้นแข็งแกร่งอย่างน่าอัศจรรย์และแข็งแกร่งกว่าผู้เชี่ยวชาญทั่วไปของมหาอำนาจต่างๆมาก พวกเขาบางคนนั้นแข็งแกร่งกว่าผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดของมหาอำนาจต่างๆด้วยซ้ำ …” ชายหนุ่ม เลเวลหนึ่งร้อยแปดที่เป็น Elementalist กลอกตา พลางอธิบาย “ยิ่งไปกว่านั้นการแข่งขันที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้จะเน้นไปที่มาตราฐานและเทคนิคการต่อสู้เป็นหลัก ซึ่งผู้เล่นทั่วไปก็จะสามารถเรียนรู้ได้มากมายเพียงแค่ดูการการต่อสู้ ดังนั้นมหาอำนาจต่างๆที่เป็นพันธมิตรของหอการค้าอาซูจึงล้วนจะต้องสนใจอยู่แล้ว และฉันก็พนันเลยว่า พวกเขาจะนำรุ่นเยาว์ที่มีความสามารถของพวกเขามาดูการต่อสู้ด้วยเช่นกัน …”


“แถมฉันก็ได้ยินมาว่าการแข่งขันในปีนี้นั้นไม่ธรรมดาเลย สมาชิกรุ่นเยาว์ของหอาการค้าอาซูนั้นพึ่งจะได้รับการฝึกฝนจากไวโอเล็ตซอร์ดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา และไวโอเล็ตซอร์ดก็ได้ประกาศออกมาว่ามีรุ่นเยาว์ของหอการค้าอาซูคนหนึ่งที่สามารถจะต่อสู้กับไวน์ไฟเตอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในรองผู้บัญชาการกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาได้จนถึงสภาวะหยุดนิ่ง ซึ่งนี่มันทำให้พวกระดับสูงของไวโอเล็ตซอร์ดต่างเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ” นักดาบ เลเวลหนึ่งร้อยสิบ ขั้นสาม ที่มีตราสัญลักษณ์กิลคล้ายกับของ Elementalist หนุ่มกล่าวเสริม


“สู้กับไวน์ไฟเตอร์จนถึงสภาวะหยุดนิ่ง ? นี่คุณคิดว่าคุณจะหลอกฉันได้ง่ายๆหรอ ? ไวน์ไฟเตอร์นั้นเป็นผู้เล่นหนึ่งในสามสิบอันดับแรกที่มีรายชื่ออยู่ในรายชื่อผู้เชี่ยวชาญระดับพระเจ้านะ !!!” เบอเซิกเกอร์ที่เป็นผู้เล่นอิสระกล่าวอย่างไม่เชื่อ “ไวน์ไฟเตอร์นั้นมีชื่อเสียงมานานกว่าทศวรรษและเป็นสัตว์ประหลาดที่ได้รับการยอมรับจากสาธารณชน ฉันเคยได้ยินมาว่าไวน์ไฟเตอร์สามารถจะยืนหยัดต่อกรกับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายเลเวลหนึ่งร้อยาสิบได้ด้วยตัวเอง แล้วรุ่นเยาว์ของอาซูจะต่อสู้กับเขาจนไปถึงสภาวะหยุดนิ่งได้ยังไงกัน ?”


ผู้เล่นที่เป็นเบอเซิกเกอร์เกือบทุกคนในทวีปด้านตะวันตกนั้นรู้จักไวน์ไฟเตอร์ และสำหรับเบอเซิกเกอร์หลายคนเขาก็เป็นทั้งเป้าหมายและไอดอล และโดยธรรมชาติแล้วสำหรับเบอเซิกเกอร์ เลเวลหนึ่งร้อยสามผู้นี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นเช่นกัน


“นี่เป็นข้อมูลภายใน เพื่อนของฉันซึ่งเป็นหนึ่งในแกนหลักของไวโอเล็ตซอร์ดบอกมา” นักดาบ เลเวลหนึ่งร้อยสิบกล่าวแย้ง “ฉันเองก็หวังว่าจะได้เข้าชมการแข่งขันด้วย ใครจะรู้ ? มันอาจจะทำให้ฉันรู้ว่าฉันจะปรับปรุงความแข็งแกร่งของตัวเองได้ยังไง ….”


การดวลกันตัวต่อตัวระหว่างผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดนั้นเป็นเรื่องที่หาได้ยากมากๆ และถึงแม้มันจะเกิดขึ้น แต่มหาอำนาจต่างๆก็จะยังคงปิดบังเรื่องนี้ไว้เป็นความลับแบบหนาแน่นมากๆ ผู้เล่นทั่วไปจะได้เห็นผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ต่อสู้กันก็ต่อเมื่อมหาอำนาจต่างๆทำสงครามกันเองเท่านั้น อย่างไรก็ตามในสงครามขนาดใหญ่ การจะเฝ้าดูวิธีการต่อสู้ของใครคนใดคนหนึ่ง มันก็เป็นไปได้ยากมากๆ ….


แถมโดยทั่วไปแล้วผู้เชี่ยวชาญระดับนี้จะอาศัยค่าสถานะที่สูงอย่างไม่น่าเชื่อในการเอาชนะศัตรูของพวกเขาทันที พวกเขาจะไม่ค่อยใช้เทคนิคการต่อสู้ที่ซับซ้อนในการต่อสู้ และเมื่อผู้เชี่ยวชาญระดับนี้เจอกันในสนามรบ พวกเขาก็แทบจะไม่สู้แบบตัวต่อตัวกันเลย


พูดง่ายๆก็คือโอกาสในการจะได้ดูผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ต่อสู้กันแบบตัวต่อตัว โดยใช้เทคนิคการต่อสู้และมาตราฐานการต่อสู้เข้าห้ำหั่นกันนั้น มันหาได้ยากมากๆ และผู้เล่นหลายคนก็จะเต็มใจที่จะใช้จ่ายเงินมหาศาลเพื่อให้ได้เข้าชมการต่อสู้แบบนี้


ในขณะที่ผู้เล่นหลายคนกำลังพูดคุยกันเอง เสียงร้องที่แหลมคมก็ดังก้องไปในอากาศทั่วบริเวณ


ทุกคนนั้นได้หันไปหาต้นตอของเสียงนี้ และพวกเขาก็พบกับอินทรียักษ์ที่มีปีกยาวกว่ายี่สิบเมตร โดยอินทรีตัวนี้นั้นกลายเป็นเหมือนหมอกสีดำที่เข้าปกคลุมเมืองอาซู เมื่อมันเข้าใกล้เมือง


“อึก !! นั่นคืออินทรีไฟเนเธอร์ของไวโอเล็ตซอร์ดนี่นา !!! ไวโอเล็ตซอร์ดก็มาเข้าร่วมการแข่งขันด้วยงั้นหรอ ?!!”


“ช่างเป็นออร่าที่ทรงพลังมากๆ อินทรีตัวนี้แข็งแกร่งเกือบจะเท่ากับแกรนลอร์ดเลย !!!”


“เกือบ ? ฉันได้ยินมาว่าอินทรีไฟเนเธอร์นั้นสามารถจะโค่นแกรนลอร์ดในเลเวลเดียวกันได้ และมันก็มีอะเม้าท์บินได้น้อยมากในระยะนี้ของเกมที่ทรงพลังเท่ามัน”


สายตาของทุกคนนั้นเต็มไปด้วยความกลัว เมื่อพวกเขาพูดถึงอินทรีไฟเนเธอร์


อะเม้าท์บินได้ที่สามารถเทียบเคียงกับแกรนลอร์ดในเลเวลเดียวกันได้นั้น มันมีประโยชน์อย่างไม่น่าเชื่อ และตราบใดที่ผู้เล่นสามารถทำค่าความเสียหายได้มากพอ เมื่อพวกเขาประสานงานกับอะเม้าท์บินได้แบบนี้ การฆ่าแกรนลอร์ดด้วยทีมเล็กๆก็จะเป็นไปได้สูงมาก นอกจากนี้อินทรีไฟเนเธอร์ยังเร็วมากพอที่จะช่วยให้ผู้เล่นประหยัดเวลาในการเดินทางไปได้มาก


ขณะที่ทุกคนกำลังพูดถึงมัน อินทรีไฟเธอร์ก็กลายเป็นร่างเบลอและบินเข้าไปในสถานที่พักของหอการค้าอาซูในเมือง


เมื่ออะเม้าท์บินได้ขนาดใหญ่แล่นลงจอด ผู้เล่นมากกว่าสิบคนก็กระโดดลงจากหลังของมัน โดยพวกเขาทั้งหมดนั้นล้วนมีเลเวลหนึ่งร้อยสิบเอ็ด ยกเว้นชาบชราผมขาวที่ยังคงนั่งอยู่บนอะเม้าท์นั้น เขามีเลเวลหนึ่งร้อยสิบสอง


“ไวโอเล็ตซอร์ดได้สอนทุกสิ่งที่พวกคุณจำเป็นต้องรู้แล้ว ฉันหวังว่าพวกคุณจะไม่ทำให้ชื่อเสียงของกิลต้องเสื่อมเสีย และหากพวกคุณล้มเหลว ก็อย่ามาบอกเลยนะว่าฉันสอนพวกคุณ และพวกคุณก็จะไม่ได้รับโอกาสเป็นครั้งที่สองในการฝึกกับไวโอเล็ตซอร์ดด้วยเช่นกัน !!!” ชายชราผมขาวเตือนเหล่าผู้เล่นตรงหน้าเขาอย่างไม่แยแส


“ไม่ต้องห่วงผู้ฝึกสอนทอร์เร้น เราจะแสดงให้พวกตระกูลหลงเห็นว่าพวกเขาโง่เขลาขนาดไหนที่ปฎิเสธการฝึกจากคุณ !!!” เด็กหนุ่มที่มีดวงตาสีเงินและมีผมสีฟ้าที่สะพายดาบใหญ่อยู่กล่าวด้วยความเคารพ


“ดี !! ฉันจะรออยู่ในเมืองไฟศักสิทธิ์ อย่าทำให้ฉันหรือผู้อาวุโสของพวกคุณผิดหวังล่ะ !!” ชายชราผมขาวพยักหน้า และสายตาของเขาก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นขณะที่เขามองไปยังเด็กหนุ่มที่มีดวงตาสีเงินและมีผมสีฟ้า


ขณะเดียวกันเมื่อกล่าวจบชายชราผมขาวก็ออกจากเมืองไปด้วยอินทรีไฟเนเธอร์ ในขณะเดียวกันกลุ่มผู้เล่นของเด็กหนุ่มที่มีดวงตาสีเงินและผมสีฟ้านี้ก็ดึงดูดความสนใจของเหล่าสมาชิกของหอการค้าอาซู และพวกระดับสูงทันที


“ลุงห้า พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัดในระหว่างการฝึก โดบเฉพาะกับโซริทารี่ฟรอสต์ ฉันยังแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะสู้กับไวน์ไฟเตอร์ไปจนถึงสภาวะหยุดนิ่งได้ แถมฉันก็ยังได้ยินมาว่าพวกเขามีมุมมองที่ดีต่อหยานเซี่ยวเฉียน และเธอก็ก้าวหน้าไปอย่างมากในการฝึกของเธอ พวกเขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ง่ายดายแน่นอน” เบิร์นนิ่งโอลกล่าวเตือนด้วยความประหลาดใจ ขณะที่เขามองไปยังกลุ่มผู้เล่นที่โดดเด่นในลานของสถานที่พัก


เบิร์นนิ่งโอลนั้นคิดว่าเขาจะมีโอกาสได้รับตำแหน่งหนึ่งในสามอันดับแรกในการแข่งขันที่กำลังจะมาถึง แต่หลังจากได้เห็นผู้เชี่ยวชาญจากตระกูลอื่นๆกลับมาหลังจากฝึกกับไวโอเล็ตซอร์ด ความมั่นใจของเขาก็เริ่มสั่นคลอน


“หวังว่ามูนซิลค์จะพัฒนามากขึ้นเช่นกัน ไม่งั้นตระกูลของเราคงจะต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อให้ติดสามอันดับแรกในการแข่งขันนี้” หลงหวู่ชางกล่าวเห็นด้วยพลางขมวดคิ้ว


ตระกูลหลงนั้นไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ที่หนึ่งในการแข่งขันครั้งนี้ เพราะช่องว่างระหว่างความแข็งแกร่งของสมาชิกรุ่นเยาว์ของพวกเขากับตระกูลอื่นๆที่ได้ไปฝึกกับไวโอเล็ตซอร์ดนั้นมันแตกต่างกันมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งโซริทารี่ฟรอสต์นั้นอยู่ในระดับที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง และนี่ยังไม่นับรวมอีกหลายๆคนที่ไปถึงขอบเขตอนันต์แล้ว


ดังนั้นมูนซิลค์ ซึ่งเป็นรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลหลง จึงเป็นความหวังสุดท้ายของตระกูล


ขณะเดียวกันกับที่กลุ่มของโซริทารี่ฟรอสต์กำลังจะออกจากลาน ฝูงชนในบริเวณนั้นทั้งหมดก็ได้ยินเสียงดังสนั่นเหนือท้องฟ้า


“เสียงอะไรกัน ?”


“มีอีเว้นพิเศษบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้นในเมืองอาซูงั้นหรอ ?”


ทุกคนต่างสงสัยเมื่อได้ยินเสียงนี้ และหลายคนต่างก็ละจากกิจกรรมของพวกเขาเพื่อออกมามองหาต้นตอของเสียง


อย่างไรก็ตามเมื่อทุกคนเห็นต้นตอของเสียงนั้น พวกเขาต่างก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง โดยเรือเหาะที่มีขนาดใหญ่และยาวหลายร้อยเมตรกำลังตรงมายังเมืองในขณะที่พวกเขาเฝ้าดูอยู่


“มันเกิดอะไรขึ้น ?! นั่นคือเรือเหาะใช่ไหม ?!”



ตอนที่ 2601 การมาถึงของสภาสิบแปดปีก และเริ่มการแข่งขัน


การมาถึงของเรือเหาะนั้นทำให้ผู้เล่นทั่วทั้งเมืองอาซูตกใจ และผู้มีอำนาจหลายคนที่มาเข้าร่วมชมการแข่งขันของหอการค้าอาซูก็ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ


นอกเหนือจากความหายากของเรือเหาะใน God domain แล้ว ขนาดมหึมาของมันก็เป็นสิ่งที่น่าตกใจมากๆ อะเม้าท์บินได้ซึ่งผู้เล่นส่วนใหญ่คิดว่ามีขนาดมหมึมานั้นดูเล็กไปเลยเมื่อเทียบกับเรือเหาะ


“มหาอำนาจใดกันที่เป็นเจ้าของเรือเหาะ ? แล้วโผล่มาแบบนี้มันจะไม่ดูยิ่งใหญ่เกินไปหน่อยหรอ ?”


“มันมีซุเปอร์กิลมาดูการแข่งขันครั้งนี้งั้นหรอ ?”


ผู้เล่นในเมืองอาซูได้พูดคุยกันอย่างดุเดือด ขณะที่พวกเขาเฝ้ามองเรือเหาะที่ใกล้เข้ามา ขณะดียวกันพวกสมาชิกระดับสูงของมหาอำนาจต่างๆที่มาเข้าชมการแข่งขันของหอการค้าอาซูต่างก็ตกตะลึงมากเป็นพิเศษ ทุกคนล้วนอยากรู้ว่าใครเป็นเจ้าของเรือเหาะ


พลังการต่อสู้ทางอากาศของอะเม้าท์บินได้นั้นไม่มีอะไรเลย เมื่อเทียบกับเรือเหาะ เรือเหาะนั้นแข็งแกร่งกว่าอะเม้าท์บินได้อย่างมากในทุกแง่มุม


เรือเหาะนั้นสามารถจะยกระดับสถานะของกิลทั่วไปใน God domain ได้ทันที และมันก็อาจทำให้กองกำลังหลักของกิลพัฒนาได้เร็วพอๆกับกองกำลังหลักของกิลชั้นสูง


ในขณะที่ทุกคนพูดคุยเกี่ยวกับการมาถึงของเรือเหาะ เรือเหาะก็ลอยไปหยุดอยู่เหนือลานในสถานที่พักของหอการค้าอาซูก่อนที่มันจะลงจอด ซึ่งเมื่อมันลงจอด ทุกคนต่างก็มองไปยังเรือเหาะด้วยความอยากรู้อยากเห็นมากๆ


ขณะเดียวกันผู้เล่นที่สวมเสื้อคลุมสีดำและปกปิดตัวตนไว้หลายคนก็ลงมาจากเรือเหาะ อย่างไรก็ตามมันก็มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ได้ใส่เสื้อคลุมสีดำปกปิดตัวตนเอาไว้ แต่เธอก็ได้สวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มที่หรูหรา และกลายเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจทันทีที่เธอเข้ามาในลาน


ผู้เล่นนั้นไม่เพียงแต่จะเต็มไปด้วยความประหลาดใจจากออร่าที่ทรงพลังของเธอ แต่พวกเขายังประหลาดใจมากๆที่เธอมาถึงเลเวลหนึ่งร้อยสิบสามแล้ว จริงๆแล้วต้องบอกเลยว่าเธอเป็นผู้เล่นที่มีเลเวลสูงที่สุดเท่าที่พวกเขาหลายคนเคยเห็นมา


ผู้อาวุโสผมขาวจากไวโอเล็ตซอร์ดนั้นได้มาถึงเลเวลหนึ่งร้อยสิบสองแล้ว แต่ผู้หญิงคนนี้กับมีเลเวลมากกว่าเขาหนึ่งเลเวล ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าเธอเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ไม่ธรรมดา


“ไซเร้นวอร์นเดอร์ ? เธอมาจากตระหูลหลงไม่ใช่หรอ ?” แรนเจอร์ขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยสิบที่มาชมการแข่งขันเต็มไปด้วยความสงสัยมากๆ เมื่อเขาได้เห็นข้อมูลเธอ

“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ตระกูลหลงมีความสัมพันธ์กับมหาอำนาจที่น่าตกตะลึงแบบนี้ ?”


“เมื่อคิดว่านอกเหนือจากบริษัทซีอุสแล้ว ตระกูลหลงยังได้รับการสนับสนุนจากบางอย่างที่ทรงพลังมากขนาดนี้ มันก็ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมตระกูลหลงถึงไม่กลัวบริษัทซีอุส”


เหล่าผู้มีอำนาจที่มาเข้าชมการแข่งขันต่างเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เมื่อได้เห็นไซเร้นวอร์นเดอร์ พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าตระกูลหลงจะมีรากฐานที่ทรงพลังแบบนี้


ในช่วงเวลาหนึ่ง พวกระดับสูงของมหาอำนาจต่างๆได้เริ่มพิจารณาทุกสิ่งเกี่ยวกับตระกูลหลงใหม่อีกครั้ง ….


“ช่างอลังการจริงๆ พวกเขาเลือกจะมาพร้อมกับเรือเหาะ !!!” หลงหวู่ชางที่เฝ้าดูจากภายในสถานที่พักของหอการค้าอาซูกล่าวพลางเดาะลิ้นของเขา ขณะที่สมาชิกสภาสิบแปดปีกค่อยๆโผล่ออกมาจากเรือเหาะมังกรสีเลือด


เรือเหาะมังกรสีเลือดนั้นเป็นสัญลักษณ์ของสภาสิบแปดปีกในด้านตะวันออก เช่นเดียวกับอินทรีไฟเนเธอร์ของไวโอเล็ตซอร์ดในทวีปด้านตะวันตก แต่เนื่องจากข้อมูลระหว่างทวีปหลักสองด้านถูกจำกัดมากๆ ดังนั้นมันจึงมีมหาอำนาจในทวีปด้านตะวันตกแค่ไม่กี่กลุ่มเท่านั้นที่รู้เกี่ยวกับเรือเหาะ


“นี่ไม่ดีรึไงลุงห้า ? อย่างน้อยโมเมนตั้มของเราก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าฝ่ายอื่นนะ ..” เบิร์นนิ่งโอลกล่าวด้วยรอยยิ้ม


ไวโอเล็ตซอร์ดนั้นมีชื่อเสียงมากเกินไป ความจริงที่ว่าซุเปอร์กิลได้พากลุ่มของโซริทารี่ฟรอสต์มายังเมืองอาซูด้วยอินทรีไฟเนเธอร์นั้นมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เหล่าผู้อาวุโส และผู้อาวุโสสูงสุดหลายคนเริ่มเปลี่ยนฝ่าย และหันไปเข้าข้างฝั่งของไวโอเล็ตซอร์ด


“มันไม่ได้สำคัญหรอกนะว่าพวกเขาจะแสดงพลังในตอนนี้ออกมาได้มากแค่ไหน เพราะท้ายที่สุดแล้วการกระทำในการแข่งขันมันสำคัญกว่าอะไรแบบนี้ !!!” หลงหวู่

ชางกล่าวเชิงปฎิเสธอย่างดูถูกเหยียดหยาม


สภาสิบแปดปีกอาจมีอิทธิพลอย่างมากในทวีปด้านตะวันออก แต่มันไม่สามารถจะพูดแบบเดียวกันได้ในทวีปด้านตะวันตก ในขณะเดียวกันพื้นที่หลักในการพัฒนาของหอการค้าอาซูนั้นตั้งอยู่ในทวีปด้านตะวันตก ซึ่งเป็นถิ่นของบริษัทซีอุส ดังนั้นสภาสิบแปดปีกจะไม่สามารถทำอะไรเพื่อช่วยหอการค้าอาซูได้แน่นอน


“เฉียนน้อย ในที่สุดคู่ต่อสู้ของเธอก็มาถึงแล้วนะ …” แอสซาซินหญิงขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยสิบเอ็ดกล่าวพลางมองไปยังหยานเซี่ยวเฉียน “ดูแล้ว เธอเติบโตขึ้นมากทีเดียวนะ ระวังเธอไว้ด้วยล่ะ …”


“หื้ม ?” หยานเซี่ยวเฉียนกลอกตา ก่อนที่เธอจะพูดอย่างใจเย็น “เทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุของเธออาจจะแข็งแกร่งกว่าฉัน แต่ในด้านเทคนิคการต่อสู้เธอสู้ฉันไม่ได้แน่นอน !!! นักสู้คนเดียวในตระกูลหลงที่อยู่ในสายตาฉัน คือ มูนซิลค์ ถ้าเธอไม่ได้แข็งแกร่งขึ้นนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ได้อันดับสองในการแข่งขันไป การแข่งขันครั้งนี้มันจะเป็นเรื่องง่ายแน่นอน !!!”


ความคิดเห็นของหยานเซี่ยวเฉียนนั้นหนักแน่นและไม่ได้มีความหยิ่งผยองใดๆ เธอพูดราวกับว่ามันเป็นเพียงเรื่องปกติ


แอสซาซินหญิงขั้นสามไม่ได้พยายามจะโต้เถียงกับเพื่อนของเธอ สิ่งที่หยานเซี่ยวเฉียนพูดนั้นเป็นความจริง มาตราฐานการต่อสู้ของพวกเขานั้นดีขึ้นอย่างมากในระหว่างการฝึกกับไวโอเล็ตซอร์ด และเธอก็ต้องยอมรับเลยว่าซุเปอร์กิลนั้นได้สอนหลายสิ่งที่น่าประทับใจให้ หอการค้าอาซูนั้นเทียบกับไวโอเล็ตซอร์ดไม่ได้เลยเมื่อพูดถึงการดูแลผู้เชี่ยวชาญ


ระหว่างการฝึกกับไวโอเล็ตซอร์ด หยานเซี่ยวเฉียนนั้นเติบโตขึ้นอย่างมาก และสัตว์ประหลาดเก่าแก่ของของไวโอเล็ตซอร์ดหลายคนก็ได้ยกย่องในความสามารถของเธอ ตอนนี้เธออยู่ห่างจากขอบเขตโดเมนเพียงครึ่งก้าวเท่านั้น และสัตว์ประหลาดเก่าแก่หลายคนของไวโอเล็ตซอร์ดก็มั่นใจว่าเธอจะสามารถไปถึงขอบเขตนี้ได้ในไม่ช้า


ในทางกลับกัน ในขณะที่ไซเร้นวอร์นเดอร์ เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุที่น่าทึ่งและมีความสามารถในการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา แต่เธอก็ยังไม่เคยมาถึงขอบเขตอนันต์มาก่อนเลยด้วยซ้ำในการแข่งขันครั้งก่อน และแม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะมีความสามารถมากพอที่จะทำให้ไซเร้นวอร์นเดอร์เข้าสู่ขอบเขตอนันต์ได้ แต่มันก็จะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร เพราะแม้แต่ระหว่างผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์ด้วยกันนั้น มันก็มีความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันอย่างมาก


ในขณะที่หยานเซี่ยวเฉียนและแอสซาซินหญิงกำลังพูดคุยกัน ชายวัยกลางคนที่มีออร่าเย็นชาและผิวสีซีดก็เดินเข้ามา ซึ่งชายคนนี้คือต้วนฮันซาน ซึ่งเป็นสมาชิกรุ่นที่สองที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลต้วน


“เซี่ยวเฉียน ฉันคิดว่าครั้งนี้เธอจะต้องผิดหวังแล้วแหล่ะ ฉันพึ่งได้รับข่าวมาว่ามูนซิลค์จะไม่เข้าร่วมการแข่งขันด้วยเหตุผลบางประการ ไม่มีใครสามารถติดต่อกับเธอได้ และทั้งตระกูลหลงก็กำลังตื่นตระหนักกับเรื่องนี้” ต้วนฮันซานพูดแทรกขึ้นมา


“มูนซิลค์ยังไม่มา ? นี่ไม่ได้หมายความว่าตระกูลหลงจบสิ้นแล้วงั้นหรอ ?” แอสซาซินหญิงถาม


มูนซิลค์นั้นเป็นความหวังสุดท้ายของตระกูลหลงในการคว้าตำแหน่งหนึ่งในสามอันดับแรกในการแข่งขันครั้งนี้ และหากเธอประสบความสำเร็จในการแข่งขันนี้ ตระกูลหลงก็จะสามารถรักษาฐานอำนาจและชื่อเสียงในระยะยาวไว้ได้ อย่างไรก็ตามตอนี้ถ้ามูนซิลค์ไม่ได้เข้าร่วม อนาคตของตระกูลหลงก็จบสิ้นแน่นอน


ปัจจุบันตระกูลหลงอาจจะมีสิทปกครองหอการค้าอาซู แต่เหล่ารุ่นเยาว์นั้นจะเป็นผู้กำหนดอนาคตของหอการค้า และหากรุ่นเยาว์ของตระกูลแข็งแกร่งไม่พอจะทำหน้าที่นี้ แล้วใครกันจะไว้วางใจให้ตระกูลของพวกเขาบริหารหอการค้าอาซู


และในไม่ช้าบริษัทซีอุส พร้อมกับตระกูลต่างๆที่ถือหุ้นอยู่ในหอการค้าอาซูก็จะใช้เรื่องนี้กดดันตระกูลหลงให้ยอมสละสิทการปกครองหอการค้าอาซู ….


“นั่นคือเหตุผลที่ทุกคนจะต้องทำผลงานให้ดี เราไม่สามารถอนุญาติให้สมาชิกคนใดคนหนึ่งของตระกูลหลงเข้ามาติดสามอันดับแรกได้ นี่ไม่ใช่แค่ความต้องการของตระกูล แต่เป็นความต้องการของบริษัทซีอุสด้วย และตราบใดที่มันประสบความสำเร็จ ทุกคนก็จะมีโอกาสได้ฝึกกับไวโอเล็ตซอร์ดอีกครั้ง” ต้วนฮันซานกล่าวอย่างจริงจัง


“สามอันดับแรก ? นี่ก็หมายความว่าจะเหลือแค่เบิร์นนิ่งโอลสินะที่เป็นภัยคุกคามของพวกเรา …” แอสซาซินหญิงกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม


หลังจากที่ตระกูลผู้ถือหุ้นหลักห้าอันดับแรกของหอการค้าอาซูได้ส่งรุ่นเยาว์ของตัวเองไปฝึกฝนกับไวโอเล็ตซอร์ดนั้น เหล่ารุ่นเยาว์ของพวกเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างมากแบบไม่ต้องสงสัย ซึ่งหากตระกูลหลงเหลือเพียงแค่เบิร์นนิ่งโอลคนเดียวให้ต้องระวัง กลุ่มของพวกเขาก็จะมีโอกาสสูงมากที่จะได้สามอันดับแรกในการแข่งขันนี้


ซึ่งเมื่อทำสำเร็จแล้วทุกคนก็จะได้กลับไปฝึกกับไวโอเล็ตซอร์ดอีกครั้ง นี่มันเป็นโอกาสที่หายากอย่างไม่น่าเชื่อ


การฝึกฝนกับไวโอเล็ตซอร์ดนั้น ซุเปอร์กิลต้องจ่ายค่าใช้จ่ายในด้านต่างๆให้พวกเขาเป็นจำนวนมาก ซึ่งถ้าไม่ใช่เพราะคำขอจากบริษัทซีอุส ไวโอเล็ตซอร์ดจะไม่ยอมทำแบบนี้แน่นอน


“ใกล้จะถึงเวลาแล้ว ไปที่สนามประลองกัน …” ต้วนฮันซานกล่าวหลังจากดูเวลา จากนั้นเขาก็พาแอสซาซินหญิงและหยานเซี่ยวเฉียนไปยังสนามประลองใจกลางเมืองอาซู



ตอนที่ 2602 การต่อสู้ในสนามประลอง และการตัดสินใจของไซเร้นวอร์นเดอร์


เมืองอาซู สนามประลอง :


เนื่องจากหอการค้าอาซูนั้นเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันประจำปีระหว่างตระกูลนี้ ผู้เล่นหลายคนในเมืองอาซูจึงได้มารวมตัวกันที่สนามประลองเพื่อหวังที่จะเข้าชมการต่อสู้ อย่างไรก็ตามหอการค้าอาซูนั้นก็ได้ประจำการผู้เชี่ยวชาญหลายพันคนไว้รอบอาคารเพื่อคอยป้องกันไม่ให้ผู้เล่นที่ไม่ได้รับเชิญสามารถเข้าสู่สนามประลองได้ และเมื่อเป็นดังนี้ผู้เล่นทั่วไปก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มอิจฉาผู้ที่ได้รับเชิญ


แม้ว่าสนามประลองของเมืองอาซูจะมีขนาดเล็กกว่าเมืองป่าหินมาก แต่การตกแต่งภายในของมันนั้นก็ค่อนข้างจะหรูหรามากพอๆกัน ซึ่งแม้แต่ซือเฟิงก็ยังรู้สึกประทับใจเล็กน้อย เมื่อได้เดินเข้ามาในอาคาร


บริเวณล๊อบบี้หลักนั้นถูกปูด้วยแร่มานา และในทีที่เขาก้าวไปข้างใน เขาก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามานาภายในนั้นหนาแน่นกว่ามานาภายนอกมาก ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีช่างฝีมือที่ได้แกะสลักภาพทุกประเภทไว้ที่ผนังล๊อบบี้


ภาพสลักเหล่านี้อาจดูไม่พิเศษสำหรับผู้เล่นทั่วไป แต่สำหรับผู้เล่นที่เรียนรู้เทคนิคการต่อสู้มามากจะรู้ดีว่ามันพิเศษ


ทุกภาพสลักนั้นล้วนแสดงเทคนิคการต่อสู้ที่แตกต่างกัน !!!


แน่นอนว่าเทคนิคการ่อสู้เหล่านี้นั้นไม่สมบูรณ์ และการจะเรียนรู้เทคนิคการต่อสู้จากภาพที่ถูกแกะสลักเหล่านี้จะยากกว่าการเรียนรู้จากมรดกที่สมบูรณ์หลายเท่า ซึ่งมันต้องเป็นอัจฉริยะที่แท้จริงเท่านั้นที่จะเรียนรู้จากภาพแกะสลักแบบนี้ได้


จากสิ่งที่ซือเฟิงสามารถบอกได้ คือ ใครก็ตามที่สามารถเรียนรู้เทคนิคที่ไม่สมบูรณ์จากภาพสลักนี้ได้จะได้รับพลังต่อสู้ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก เพราะเทนิคที่ไม่สมบูรณ์เหล่านี้ล้วนเป็นเทคนิคการต่อสู้ขั้นสูง หรือไม่ก็สูงกว่านั้น


หลังจากเดินตาม NPC มา ในที่สุดกลุ่มของซือเฟิงก็มาถึงสนามประลองที่ใหญ่ที่สุดของหอการค้าอาซู ซึ่งสนามประลองนี้สามารถจะรองรับผู้ชมมากกว่าหนึ่งหมื่นคนได้อย่างง่ายดาย และเวทีประลองในสนามประลองแห่งนี้ทุกแห่งที่นี่นั้นล้วนถูกปูพื้นด้วยแร่มานา ซึ่งมันจะทำให้ผู้เล่นสามารถแสดงพลังการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดาออกมาได้ และมันก็จะทำให้การต่อสู้ของพวกเขาน่าสนใจขึ้นมาก


เมื่อกลุ่มของซือเฟิงมาถึงบริเวณที่นั่ง ที่นั่งส่วนใหญ่ก็เต็มไปแล้ว ผู้ชมส่วนใหญ่นั้นล้วนเป็นพวกหน้าใหม่ที่มีความสามารถจากมหาอำนาจต่างๆ หรือไม่ก็สมาชิกแกนหลักของหอการค้าอาซู พวกเขานั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นมากๆ ในขณะที่เฝ้าดูรุ่นเยาว์ของหอการค้าอาซูเข้าใกล้เวทีประลองทีละคนๆ


“เรารู้อยู่แล้วล่ะว่าใครจะเป็นที่หนึ่ง แต่ฉันสงสัยจังว่าใครจะได้อันดับสองกัน ?”


“ฉันคิดว่าคงเป็นเบิร์นนิ่งโอลจากตระกูลหลง เขาแข็งแกร่ง และคงจะมีโอกาส

สูงมากๆ แถมเขาก็ได้รับการยอมรับให้เป็นรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นอันดับสามของหอการค้าอาซูด้วย และฉันยังได้ยินมาว่าเมื่อไม่นานมานี้นั้นเขาได้ฝึกเทคนิคสเต็ปเท้าขั้นสูงจนสำเร็จ ซึ่งมันควรจะทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นอีกมาก”


“ก่อนหน้านี้มันอาจจะเป็นเบิร์นนิ่งโอล แต่เวลาได้เปลี่ยนไปแล้ว มันมีข่าวลือว่ามีสมาชิกจำนวนนับไม่น้อยจากตระกูลอื่นได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตอนันต์แล้ว ดังนั้นเบิร์นนิ่งโอลจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการแย่งชิงสามอันดับแรกแน่นอน”


ผู้ชมต่างคาดเดากันว่าใครจะคว้าอันดับสองในการแข่งขันครั้งนี้ ทุกคนต่างคิดกันมาว่ามีผู้เข้าแข่งขันหกคนที่จะสามารถแย่งชิงตำแหน่งนี้ได้ โดยทุกคนนั้นได้มาถึงขอบเขตอนันต์แล้ว อย่างไรก็ตามมันก็ไม่มีใครมั่นใจว่ามันจะเป็นใครกันแน่ที่ได้อันดับสองไป เพราะท้ายที่สุดแล้วหลายครั้งผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ก็ต้องการบันดาลใจเพียงแวบเดียวหรือชั่วขณะเท่านั้นในก้าวขึ้นไปเหนือกว่าคู่ต่อสู้ของตัวเอง ดังนั้นมันจึงต้องบอกเลยว่าทั้งหกคนนี้นั้นมีสิททั้งหมด ….


ในขณะที่ผู้ชมกำลังพูดคุยกัน ชายวัยกลางคนในชุดหนังสีเทาอ่อนพร้อมกับดาบยาวสองเล่มที่เขาสะพายไว้ด้านหลังก็เดินขึ้นมาใจกลางเวที ซึ่งชายคนนี้นั้นไม่ได้ดูแก่มากเลย และอย่างมากเขาก็คงมีอายุราวสี่สิบปีเท่านั้น และออร่าของเขาก็ไม่ได้ดูน่ากลัว ตรงกันข้ามออร่าของเขากับดูสงบราวกับผิวน้ำในทะเลสาบ อย่างไรก็ตามเมื่อเขาปรากฎตัวขึ้นมานั้น ทั้งหมดก็เงียบลงทันที


“อึก !!! เขาเป็นประธานในการแข่งขันครั้งนี้งั้นหรอ ?!!”


“การที่ยอมจ่ายเป็นคะแนนสะสมเพื่อให้ได้เข้ามาดูการแข่งขันนี้ ดูเหมือนจะคุ้มค่ามากจริงๆ !!!”


เมื่อฝูงชนเห็นชายวัยกลางคน ดวงตาของพวกเขาก็เปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น


ชายคนนี้นั้นคือซินฟูลเฟรม ซึ่งเป็นสมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุดของหอการค้าอาซู และมันมีข่าวลือว่าเขาสามารถจะต่อสู้กับแอสซาซินอันดับหนึ่งของจักรวรรดิโลกใต้พิภพ และผู้บัญชาการกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของไมโทโลจี้ได้จนผลักดันไปสู่สภาวะหยุดนิ่งได้ แถมเขายังได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในสิบอันดับแรกในรายชื่อผู้เชี่ยวชาญระดับพระเจ้าด้วย


ซินฟูลเฟรมนั้นแทบจะไม่ปรากฎตัวในที่สาธารณะเลย และโดยทั่วไปเขาจะเน้นการฝึกฝนไปสำหรับการแข่งขันรีแมตซ์ระหว่างเขากับแอสซาซินอันดับหนึ่งของจักรวรรดิโลกใต้พิภพ และผู้บัญชาการกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของไมโทโลจี้ เมื่อตัวตนระดับตำนานเช่นนี้ปรากตัวต่อหน้าพวกเขา มันจะไม่ให้ฝูงชนตื่นเต้นได้อย่างไร ?


นอกจากนี้ในระหว่างการแข่งขันประจำปีของหอการค้าอาซู ผู้ชนะอันดับหนึ่งยังจะได้รับสิทในการต่อสู้กับเจ้าภาพ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าผู้ชมจะได้รับชมการต่อสู้ของซินฟูลเฟรมซึ่งมันหาดูยากอย่างไม่น่าเชื่อ


“ฉันจะพูดตรงๆเข้าประเด็นหลักเลยแล้วกัน ในระหว่างการแข่งขันที่ผ่านมา เราได้เลือกสมาชิกหกคนจากเฟสแรกเพื่อมาเข้าร่วมอีเว้นท์หลักแล้ว อย่างไรก็ตามหอการค้าอาซูพัฒนาขึ้นมากในช่วงนี้ ดังนั้นมันจึงมีสมาชิกของเราเจ็ดคนที่ได้มาถึงขอบเขตอนันต์แล้ว นี่ยังไม่นับรวมอื่นๆ !! และเราจะเลือกทั้งหมดแปดคนเพื่อเข้าร่วมในอีเว้นท์หลักซึ่งมากกว่าหกคนตามปกติ” ซินฟูลเฟรมประกาศพลางมองไปยังเด็กๆตรงหน้าเขา “อย่างไรก็ตามสมาชิกทุกคนของเราสามารถจะท้าทายคู่ต่อสู้ได้แค่สองคนเท่านั้นจากสามตามปกติ ดังนั้นขอให้เลือกอย่างชาญฉลาด”


เมื่อซินฟูลเฟรมกล่าวเปิดงานเรียบร้อย เวทีกลางก็แบ่งออกเป็นเวทีเล็กๆแปดเวที โดยแต่ละเวทีนั้นมีรัศมีหกสิบหลา ซึ่งมันก็มีพื้นที่มากพอที่จะทำให้ผู้เล่นขั้นสามสามารถแสดงพลังของพวกเขาออกมาได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้มันยังใช้กฎเดียวกันหมดคือค่าสถานะของผู้เล่นทุกคนจะถูกทำให้เท่ากัน โดยสิ่งนี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่านักสู้ทั้งหมดจะพึ่งพามาตราฐานการต่อสู้ของตนในการเอาชนะคู่ต่อสู้


เมื่อเวทีทั้งแปดถูกจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว โซริทารี่ฟรอสต์และผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์คนอื่นๆหรือสูงกว่าก็ก้าวแยกกันไปเลือกคนละเวที อย่างไรก็ตามสมาชิกจากตระกูลต่างๆล้วนลังเลที่จะเข้าใกล้เวทีที่แปด


โซริทารี่ฟรอส์และอีกหกคนนั้นล้วนมีมาตราฐานการต่อสู้ที่สูงมากอย่างไม่น่าเชื่อ ขณะที่สมาชิกที่เหลือนั้นพึ่งจะมาถึงขอบเขตรวดเร็วดั่งสายน้ำเท่านั้น ดังนั้นการท้าทายทั้งเจ็ดคนนี้จึงจะให้ผลลัพธ์กับพวกเขาเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือพ่ายแพ้ !! ซึ่งมันจะไม่มีใครโง่พอยอมท้าทายพวกเขาให้เสียโอกาสที่มีแค่สองครั้งไปแน่นอน


อย่างไรก็ตาม หากพวกเขาก้าวขึ้นสู่เวทีที่แปด พวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้มากมาย และแม้ว่าพวกเขาจะสามารถคว้าชัยชนะติดต่อกันได้ แต่การต่อสู้ทุกครั้งก็จะเผาผลาญค่าสตามิน่ากับค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของพวกเขาไปมากขึ้น ซึ่งมันก็จะทำให้พวกเขานั้นหมดโอกาสจะได้อันดับดีๆ


“ทำไมยังไม่มีใครขึ้นไปในเวทีที่แปด ?” ซินฟูลเฟรมกล่าวถามและเรียกร้อง “นอกเหนือจากรางวัลตามปกติที่ถูกเตรียมไว้ให้สำหรับผู้ชนะสามอันดับแรกแล้ว บริษัทซี

อุสยังได้สัญญาว่าจะส่งนักสู้ที่ได้แปดอันดับแรกไปฝึกยังดินแดนเวทย์มนต์ลับของไวโอเล็ตซอร์ดด้วย คุณทุกคนควรคว้าโอกาสนี้ไว้นะ !!!”


เมื่อได้ยินดังนี้ ความตื่นเต้นก็เริ่มปรากฎขึ้นในดวงตาของทุกคน


ดินแดนเวทย์มนต์ลับที่ไวโอเล็ตซอร์ดครอบครองอยู่นั้นภายในมันมีสนามฝึกที่อยู่รอดมาตั้งแต่สมัยโบราณด้วย และแม้ว่าการฝึกที่นี่จะไม่ได้ให้ผลมากเท่ากับพวกที่ได้ไปฝึกกับไวโอเล็ตซอร์ดก่อนหน้านี้ แต่มันก็จะสามารถช่วยผู้เล่นปรับปรุงได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งหากพวกเขาได้ใช้เลาส่วนใหญ่อยู่ในดินแดนเวทย์มนต์ลับนี้ พวกเขาก็น่าจะทะลุเข้าไปถึงขอบเขตอนันต์ได้แน่นอน ซึ่งมันก็จะทำให้พวกเขามีสิทกลายเป็นผู้อาวุโสได้เลย


ทันใดนั้นผู้เล่นทุกคนต่างก็เร่งรีบขึ้นไปยังเวทีที่แปดอย่างบ้าคลั่ง


พี่สาวรองจะถอยงั้นหรอ ? เบิร์นนิ่งโอลมองไปยังไซเร้นวอร์นเดอร์ที่ยังคงเงียบอยู่หลังจากได้ยินประกาศด้วยความสงสัย


อย่างไรก็ตามในขณะที่ทุกคนกำลังต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงเวทีสุดท้าย ไซเร้นวอร์นเดอร์ก็เดินไปยังเวทีแรกที่มีโซริทารี่ฟรอสต์รออยู่ ….



ตอนที่ 2603 ประเมินตัวเองสูงเกินไป


“นั่นคือเวทีของโซริทารี่ฟรอสต์ไม่ใช่หรอ ? ทำไมไซเร้นวอร์นเดอร์ถึงไปที่นั่น ?”


“เธอกำลังจะท้าทายโซริทารี่ฟรอสต์งั้นหรอ ?”


“ท้าทายโซริทารี่ฟรอสต์ ? เธอบ้าไปแล้วงั้นหรอ ?”


ผู้เล่นที่แข่งกันแย่งชิงเวทีที่แปดคนนั้นล้วนหยุดกันลงชั่วคราว เมื่อเห็นไซเร้นวอร์นเดอร์เดินเข้าใกล้เวทีแรก พวกต่างอยากรู้อยากเห็นว่าเธอกำลังวางแผนจะทำอะไร


“พี่สาวรอง ?” แม้แต่เบิร์นิ่งโอลก็ยังคงสับสน ในขณะที่เขาเฝ้าดูฉากนี้


แม้ว่าไซเร้นวอร์นเดอร์จะต้องการรักษาตำแหน่งของเธอไว้ในแปดอันดับแรก แต่เธอก็ไม่ควรจะเริ่มต้นด้วยโซริทารี่ฟรอสต์เลย


โซริทารี่ฟรอสต์นั้นแข็งแกร่งกว่ารุ่นเยาว์คนอื่นๆของหอการค้าอาซูมาโดยตลอด และตอนนี้ หลังจากที่เขาได้ไปฝึกกับไวโอเล็ตซอร์ดแล้ว เขาก็อยู่ในระดับที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง


ดังนั้นใครก็ตามที่กล้าท้าทายโซริทารี่ฟรอสต์ในตอนนี้จะเท่ากับยอมเสียโอกาสของตัวเองไปหนึ่งครั้งฟรีๆเลย


หยานเซี่ยวเฉียนเองก็รู้สึกประหลาดใจมากพอๆกัน เมื่อเธอมองดูไซเร้นวอร์นเดอร์จากเวทีที่สอง ….


เธอนั้นอาจไม่แปลกใจที่ได้เห็นมูนซิลค์จากตระกูลหลงท้าทายโซริทารี่ฟรอสต์ เพราะท้ายที่สุดมูนซิลค์จะมีโอกาสชนะแน่นอน แต่ทำไมไซเร้นวอร์นเดอร์ถึงได้เลือกจะท้าทายสัตว์ประหลาดคนนี้กัน ?


การแข่งขันในครั้งนี้นั้นมันไม่เหมือนกับการแข่งขันเล่นแร่แปรธาตุครั้งก่อน คราวนี้พวกเขาไม่ได้ต่อสู้กับมอนสเตอร์ และเลเวลกับอุปกรณ์และอาวุธที่เหนือกว่านั้นไม่สามารถจะช่วยไซเร้นวอร์นเดอร์ที่นี่ได้ เพราะในเวทีทั้งแปดนี้ค่าสถานะพื้นฐานของทุกคนจะเหมือนกัน ผู้เล่นจะต้องพึ่งพามาตราฐานและเทคนิคการต่อสู้เป็นหลักเพื่อให้ได้ชัยชนะ ซึ่งไซเร้นวอร์นเดอร์นั้นไม่สามารถจะเทียบได้กับโซริทารี่ฟรอสต์เลยในแง่มุมเหล่านี้


ในขณะเดียวกันเหล่าผู้ชมต่างก็เต็มไปด้วยความตกใจเมื่อมองไปยังไซเร้นวอร์นเดอร์ตอนนี้ โดยเฉพาะกับเหล่าผู้อาวุโสและผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลหลงที่นั่งอย่างมองไปยังไซเร้นวอร์นเดอร์อย่างใจจดใจจ่อ


พวกเขาไม่มากก็น้อยได้ละทิ้งความหวังในการจะคว้าหนึ่งในสามอันดับแรกแล้ว พวกเขาหวังเพียงว่าเบิร์นนิ่งโอลจะสามารถรั้งอันดับสี่ไว้ได้ และไซเร้นวอร์นเดอร์จะสามารถก้าวเข้าสู่แปดอันดับแรกได้ เพราะมันจะทำให้พวกเขาสามารถหลีกเลี่ยงความอับอายได้ในระดับหนึ่ง หากตัวแทนของพวกเขาสองคนติดอยู่ในแปดอันดับแรก และสำหรับเรื่องการที่ตระกูลหลงจะได้รับสิทปกครองหอการค้าอาซูต่อไปไหม มันก็ขึ้นอยู่กับว่าไซเร้นวอร์นเดอร์จะยอมกลับมาที่หอการค้าอาซูและไปฝึกกับไวโอเล็ตซอร์ดไหม ซึ่งตราบเท่าที่เธอยอมทำนั้น บริษัทซีอุสก็จะหยุดการแทรกแซงกิจการภายในของหอการค้าอาซู และทั้งตระกูลก็จะปลอดภัย


แต่ถึงกระนั้นเด็กสาวผู้นี้กับทำตัวโง่เขลา และเลือกจะท้าทายโซริทารี่ฟรอสต์เพื่อให้ตัวเองเสียโอกาสครั้งแรกไป !!!


“เด็กสาวคนนี้นั้นค่อนข้างจะกล้าหาญจริงๆ …” ซินฟูลเฟรมพึมพำอย่างชื่นชม ขณะที่เห็นไซเร้นวอร์นเดอร์ก้าวขึ้นสู่เวทีแรก


ในทางกลับกันโซริทารี่ฟรอสต์กับไม่ได้มองว่าไซเร้นวอร์นเดอร์กล้าหาญใดๆ ตรงกันข้ามเขากับมองมายังเธออย่างดูถูกด้วยซ้ำ


“เมื่อคิดว่าคุณกล้าที่จะท้าทายฉันโดยตรงแบบนี้ มันก็แสดงว่าคุณคงจะพัฒนาไปพอสมควรในตอนที่อยู่ในสภาสิบแปดปีก” โซริทารี่ฟรอสต์กล่าวอย่างเย็นชา


การคัดเลือกผู้จะเข้ารอบแปดคนนั้นพึ่งเริ่มขึ้น แต่ไซเร้นวอร์นเดอร์กับเลือกที่จะท้าทายเขาทันทีในตอนนี้ ซึ่งนี่มันก็หมายความว่าเธอคิดว่าตัวเองมีพลังมากพอและคิดว่าเขาเป็นคู่ต่อสู้ที่ง่าย และโดยพื้นฐานแล้วมันก็สามารถบอกได้เลยว่าเธอพยายามจะทำให้เขาอับอาย ทั้งๆที่พวกเขาควรจะไปเจอกันในอีเว้นท์หลักมากกว่า


“อืมมม ฉันได้พัฒนาไปพอสมควรตอนที่อยู่ในสภาสิบแปดปีก ดังนั้นฉันจึงต้องการจะทดสอบขีดจำกัดของฉันกับคุณ …” ไซเร้นวอร์นเดอร์กล่าวตอบอย่างตรงไปตรงมาพลางพยักหน้า


“คุณเลือกมาอย่างดี และจริงจังแล้วสินะ …” โซริทารี่ฟรอสต์กล่าว ตอนนี้ความโกรธของเขาลดลงเล็กน้อย เมื่อเขาตระหนักว่าไซเร้นวอร์นเดอร์ได้พิจารณามาอย่างดีแล้วที่เลือกเขาเป็นคู่ต่อสู้ หลังจากนั้นการแสดงออกของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง ก่อนที่เขาจะดึงดาบใหญ่สีเงินออกจากฝักที่เขาสะพายอยู่ด้านหลัง “ในกรณีนี้แสดงให้ฉันเห็นหน่อยว่าคุณเติบโตในกิลเล็กๆของคุณไปมากแค่ไหน !!!”


“ขอบคุณ” ไซเร้นวอร์นเดอร์กล่าวออกมา เมื่อเห็นว่าโซริทารี่ฟรอสต์จะเอาจริงกับเธอ


“คุณไม่จำเป็นต้องขอบคุณฉัน ฉันสิต้องขอบคุณ คุณมากกว่าที่พิจารณามาอย่างดีแล้ว และเลือกจะท้าทายฉัน ฉันหวังว่าคุณจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง ในระหว่างการฝึกที่ไวโอเล็ตซอร์ด มีเพียงแต่หยานเซี่ยวเฉียนเท่านั้นที่สามารถทนต่อการเคลื่อนไหวของฉันได้จำนวนหนึ่ง ขณะที่พวกรุ่นเยาว์ที่เหลือนั้นน่าเบื่อเกินไป และไม่ควรค่าให้ฉันต้องเอาจริงเลย” โซริทารี่ฟรอสต์กล่าว


เมื่อโซริทารี่ฟรอสต์กล่าวจบ ซินฟูลเฟรมก็เดินขึ้นมาถึงที่กลางเวที


“เนื่องจากพวกคุณทั้งสองตกลงกันแล้ว งั้นฉันก็ขอประกาศเริ่มต้นการแข่งขันเลยแล้วกัน !!!” ซินฟูลเฟรมกล่าว หลังจากมองไปยังเด็กทั้งสองแล้ว


เสียงคำรามแห่งความตื่นเต้นดังก้องไปทั่ว เมื่อได้ยินซินฟูลเฟรมประกาศเริ่มต้นการแข่งขัน พวกเขาไม่คิดเลยว่าโซริทารี่ฟรอสต์นั้นจะให้ความสำคัญกับการท้าทายของไซเร้นวอร์นเดอร์อย่างจริงจัง ซึ่งนี่มันทำให้พวกเขานั้นอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น


“ตอนแรกฉันก็คิดว่าจะต้องรอถึงอีเว้นท์หลักกว่าจะได้ดูโซริทารี่ฟรอสต์ต่อสู้อย่างจริงจัง และเบิร์นนิ่งโอลก็น่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขา แต่ตอนนี้ต้องขอบคุณไซเร้นวอร์นเดอร์จริงๆที่กำลังจะทำให้ฉันได้ชมโซริทารี่ฟรอสต์ต่อสู้อย่างจริงจัง”


“ฉันสงสัยจังว่าไซเร้นวอร์นเดอร์จะยืนหยัดอยู่ได้สักกี่นาที …”


“นาที ? คุณไม่ให้ประเมินเธอสูงเกินไปหน่อยหรอ ? ฉันคิดว่าแม้แต่เบิร์นนิ่งโอลก็ไม่น่าจะทนต่อการโจมตีของโซริทารี่ฟรอสต์ได้เกินสิบการเคลื่อนไหวนะ …”

สมาชิกของมหาอำนาจต่างๆหลายคนล้วนเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับโซริทารี่ฟรอสต์มามากมาย พวกเขาหลายคนนั้นกระทั่งได้ดูโซริทารี่ฟรอสต์ต่อสู้กับไวน์ไฟเตอร์ผู้โด่งดังจนถึงสภาวะหยุดนิ่งมาแล้ว


ไวน์ไฟเตอร์นั้นจัดเป็นตำนานในหมู่เบอเซิกเกอร์ และการจะได้เห็นคนๆหนึ่งต่อสุ้กับไวน์ไฟเตอร์จนถึงสภาวะหยุดนิ่งได้นั้นก็หาได้ยากมาก อย่างไรก็ตามโซริทารี่ฟรอสต์กับทำได้ ซึ่งนี่มันทำให้พวกเขายอมรับถึงความแข็งแกร่งของโซริทารี่ฟรอสต์อย่างมาก ….


เมื่อซินฟูลเฟรมประกาศเริ่มการแข่งในเวทีแรก โซริทารี่ฟรอสต์และไซเร้นวอร์นเดอร์ก็ได้เดินไปยังตำแหน่งที่กำหนดและเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้


“ฉันได้ยินมาว่าหยานเซี่ยวเฉียนเคยคิดว่าคุณเป็นคู่แข่ง ดังนั้นในกรณีนี้ฉันจะใช้การเคลื่อนไหวเดิมที่เคยใช้เอาชนะเธอกับคุณ ฉันหวังว่าคุณจะพร้อมรับนะ !!!” โซริทารี่ฟรอสต์กล่าวขณะที่เขายืนอยู่ห่างจากไซเร้นวอร์นเดอร์ไปสี่สิบหลา


ทันใดนั้นชายหนุ่มก็แยกร่างของตัวเองออกเป็นสี่ร่าง ซึ่งทั้งสี่ร่างนั้นดูเหมือนกันมากๆ และก็ล้วนแผ่ออร่าที่คล้ายกันออกมาทั้งหมดจนทำให้แทบไม่สามารถมองหาร่างจริงในหมู่ร่างเหล่านี้ได้เลย จากนั้นร่างทั้งหมดนี้ก็แยกตัวออกและเริ่มล้อมกรอบไซเร้นวอร์นเดอร์


“นี่ล้อกันเล่นรึไง ? โซริทารี่ฟรอสต์จะใช้ Four Absolute Phantoms อย่างรวดเร็วเลยงั้นหรอ ?” แอสซาซินหญิงขั้นสาม ซึ่งยืนอยู่ในหนึ่งในเจ็ดเวทีเต็มไปด้วยความตกตะลึง เมื่อเธอเห็นโซริทารี่ฟรอสต์ปฎิบัติต่อไซเร้นวอร์นเดอร์ในฐานะคู่ต่อสู้ที่แท้จริง


หยานเซี่ยวเฉียนซึ่งยืนอยู่ในเวทีที่สองนั้นก็มีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกลัวเช่นกัน เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของโซริทารี่ฟรอสต์


Four Absolute Phantoms ของโซริทารี่ฟรอสต์นั้นนับเป็นเรื่องที่ท้าทายที่จะรับมือมากๆ เพราะร่างทั้งสี่นี้มันไม่ได้เป็นแค่ร่างปลอม และคู่ต่อสู้ของโซริทารี่ฟรอสต์จะสามารถสร้างความเสียหายให้กับเขาได้ด้วยการโจมตีทั้งสี่พร้อมกันในครั้งเดียว แต่อย่างไรก็ตามนั่นไม่ใช่แง่มุมที่น่ากลัวที่สุดของเรื่องนี้ แง่มุมที่น่ากลัวที่สุดของเรื่องนี้ก็คือ โซริทารี่ฟรอสต์นั้นสามารถจะควบคุมร่างทั้งสี่ของเขาได้อย่างแม่นยำราวกับควบคุมร่างตัวเอง

การใช้ร่างแยกในการต่อสู้นั้นเป็นเรื่องยากมากใน God domain และการควบคุมสองร่างพร้อมกันมันก็จะทำให้พลังของผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดลดลงด้วยซ้ำ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมทั่วไปก็จะนับว่าโชคดีมากแล้วถ้าพวกเขาสามารถควบคุมร่างสามร่างได้โดยไม่เสียพลังการต่อสู้ไปบางส่วน อย่างไรก็ตามโซริทารี่ฟรอสต์กับสามารถควบคุมร่างทั้งสี่ได้โดยที่พลังการต่อสู้ของเขาไม่ได้รับผลกระทบใดๆเลย


แน่นอนการจะโจมตีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนโดยไม่ใช้สกิลหรือเวทย์นั้นก็เป็นเรื่องยากมาก ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนนั้นจะสามารถรับรู้การเคลื่อนไหวทั้งหมดในบริเวณใกล้เคียงได้โดยอาศัยความรู้สึกที่เฉียบแหลม ซึ่งมันจะทำให้พวกเขาสามารถหลบหลีกล่วงหน้าและเปิดการตอบโต้ได้


โดยการต่อสู้กับ Four Absolute Phantoms ของโซริทารี่ฟรอสต์พร้อมกันมันก็จะท้าทายมากพอๆกับการเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนสี่คนพร้อมกัน ซึ่งสำหรับผู้เชี่ยวชาญชั้นยอด มันก็จัดเป็นฝันร้ายอย่างแน่นอน


ซึ่งสำหรับผู้เล่นสายโจมตีระยะไกลนั้นการอนุญาติให้ผู้เล่นระยะประชิดโดยเฉพาะผู้เล่นขอบเขตโดเมนเข้าใกล้ มันก็ถือว่าจบเกมไปแล้ว ….


“นี่มันน่าทึ่งมากจริงๆ !!”


ไซเร้นวอร์นเดอร์อุทานออกมาอย่างชื่นชม เมื่อได้เห็นการควบคุมที่สมบูรณ์แบบของโซริทารี่ฟรอสต์


“เผชิญหน้ากับ Four Absolute Phantoms ของฉันซะ !!!”


คำชื่นชมของไซเร้นวอร์นเดอร์นั้นไม่ได้ทำให้ร่างทั้งสี่ของโซริทารี่ฟรอสต์ช้าลงแต่อย่างใด และร่างทั้งสี่นั้นก็เข้าลอมคู่ต่อสู้ของตัวเองอย่างรวดเร็ว


ขณะที่ร่างทั้งสี่ของโซริทารี่ฟรอสต์เข้ามาใกล้นั้น ไซเร้นวอร์นเดอร์ก็เริ่มโบกคทาของเธอ


ทันใดนั้นกำแพงน้ำแข็งก็โผล่ขึ้นมาล้อมรอบตัวเธอทั้งสี่ด้านเพื่อคอยป้องกันเธอ


“กำแพงน้ำแข็ง ? นี่เธอคิดว่าสกิลป้องกันขั้นต่ำแบบนั้นจะสามารถหยุดการโจมตีของโซริทารี่ฟรอสต์ได้จริงๆงั้นหรอ ?” แอสซาซินหญิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

กำแพงน้ำแข็งนั้นสามารถอัพขึ้นไปได้ถึงจุดสูงสุดของขั้นสองเท่านั้น และว่ากันตรงๆมันก็ไม่ได้อยู่ในจุดที่แข็งแกร่งพอจะรับการโจมตีจากผู้เล่นขั้นสามได้ด้วยซ้ำ เวทย์นี้ของไซเร้นวอร์นเดอร์นั้นมันไม่เพียงพอจะซื้อเวลาให้กับเธอได้ด้วยซ้ำ


“น่าเบื่อ !!”


การตัดสินใจเคลื่อนไหวครั้งแรกของไซเร้นวอร์นเดอร์นั้นทำให้โซริทารี่ฟรอสต์ผิดหวังเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้หยุดการโจมตีของเขาลง เพียงแต่ว่าเขาได้เลือกจะยกเลิก Four Absolute Phantoms ของเขา ก่อนที่เขาจะทำให้ดาบใหญ่ของเขาแยกออกเป็นดาบสามเล่มที่เหมือนกันและใช้โจมตีไปบรรจบยังจุดเดียวกันที่กำแพงน้ำแข็ง


เทคนิคการต่อสู้ Triple Heavy Slash !


ตู้ม !!


เมื่อดาบใหญ่ปะทะเข้ากับกำแพงน้ำแข็ง เสียงก็ดังกึกก้องไปทั่วเวที


“เป็นไปได้ยังไง ?”


โซริทารี่ฟรอสต์ตกตะลึง เมื่อเห็นว่าการโจมตีของเขาล้มเหลวในการจะสร้างความเสียหายใดๆให้กับกำแพงน้ำแข็ง ยิ่งกว่านั้นแรงถีบกลับมันยังทำให้แขนทั้งสองข้างของเขาชา มันราวกับว่าเขาพึ่งจะชนเข้ากับกำแพงที่ไม่สามารถผ่านไปได้ ….

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)