Reincarnation Of The Strongest Sword God 2575-2580
ตอนที่ 2575 ตัวเลือกที่บ้าคลั่ง
“คุณจะช่วยให้พวกเราสามารถเข้าควบคุมหอคอยเทพโบราณได้งั้นหรอ ?”
คำถามของซือเฟิงนั้นทำให้บลูเรนโบว์และผู้อาวุโสโกลด์ตกตะลึง
“อืมม ตราบใดที่พวกคุณสามารถเข้าควบคุมหอคอยได้ก่อนใคร คุณก็จะสามารถควบคุมวงเวทย์เทเลพอร์ตของหอคอยได้อย่างเต็มที่เป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งนี่ ถูกไหม ?” ซือเฟิงกล่าว
หอคอยเทพโบราณนั้นมีทั้งหมดเจ็ดชั้น และแต่ละชั้นก็จะมีวงเวทย์เทเลพอร์ตจำนวนมากที่จะนำผู้เล่นไปสู่โลกอื่น และบางวงเวทย์นั้นเชื่อมต่อกับดินแดนลับที่อุดมไปด้วยทรัพยากรด้วยซ้ำ และผู้เล่นคนแรกที่สามารถพิชิตการทดสอบของหอคอยได้ก็จะได้กลายเป็นผู้จัดการชั้นนั้นๆที่พวกเขาพิชิตได้ โดยพวกเขาจะได้เป็นผู้จัดการเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน และเมื่อครบ ผู้เล่นคนอื่นก็จะสามารถแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งได้
ถ้าดาร์ครัปโซดี้และเดียตี้โซไซตี้สามารถพิชิตชั้นหนึ่งของหอคอยเทพโบราณได้ พวกเขาก็จะสามารถควบคุมชั้นหนึ่งได้อย่างเต็มที่ในเดือนหน้า และจะไม่มีใครสามารถใช้วงเวทย์เทเลพอร์ตที่นั่นเพื่อไปไหนได้ในช่วงเวลานี้
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม คุณอาจไม่รู้ แต่หอคอยเทพโบราณนั้นไม่เหมือนกับประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืด นอกเหนือจากการที่มันจะปราบปรามผู้เล่นที่ไม่ใช่ผู้เล่นสายความมืดในโลกแห่งความมืดแบบคุณอย่างรุนแรงแล้ว ผู้เล่นยังจะไม่ได้รับอนุญาติให้ใช้เครื่องมือภายในหอคอย และ NPC ก็ไม่สามารถจะเข้าไปภายในหอคอยได้เช่นกัน ผู้เล่นจะต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งและสกิลของตัวเองเพื่อพิชิตการทดสอบเท่านั้น” ผู้อาวุโสโกลด์กล่าว
เขาไม่ได้สงสัยในความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีก แต่หอคอยเทพโบราณนั้นอยู่ในโลกแห่งความมืด ซึ่งผู้เล่นที่ไม่ใช่ผู้เล่นสายความมืดจากโลกแห่งความมืดนั้นก็จะไม่สามารถแสดงความแข็งแกร่งออกมาได้อย่างเต็มที่ รวมถึงมันยังห้ามการใช้เครื่องมือและ NPC ภายในหอคอย ซึ่งนี่มันจะทำให้สภาสิบแปดปีกไม่สามารถทำอะไรได้มากนักแน่นอนในหอคอย ซึ่งถ้ามันง่ายมาก หัวใจปีศาจก็คงไม่ต้องสนใจที่จะรวบรวมมหาอำนาจต่างๆของโลกแห่งความมืดเพื่อพยายามท้าทายหอคอย และพวกเขาก็คงหันมาขอความช่วยเหลือจากพันธมิตรของพวกเขาในทวีปหลักแทน เพราะท้ายที่สุดตามปกติ มหาอำนาจต่างๆในทวีปหลักมีความแข็งแกร่งมากพอจะเหยียบย่ำมหาอำนาจต่างๆในโลกแห่งความมืดได้อย่างสบายๆ
“ถูกต้องการทดสอบของเทพโบราณนั้นไม่เพียงแต่จะมีการจำกัดเวลาอย่างเข้มงวด แต่เรายังจะต้องการผู้เชี่ยวชาญขั้นสามขั้นต่ำสองร้อยคนเพื่อพิชิตมัน เพราะหากมีผู้เล่นไม่เพียงพอ เราจะไม่สามารถจัดการกับฝูงมอนสเตอร์ภายในได้ ไม่ต้องพูดถึงการยึดทั้งชั้นของหอคอยเลย และแม้ว่ากิลของเราจะรวบรวมผู้เชี่ยวชาญขั้นสามได้ครบตามจำนวน แต่การทดสอบในชั้นแรกนั้นมันก็ยากพอๆกับดันเจี้ยนขนาดใหญ่พิเศษ เลเวลหนึ่งร้อย ผู้เชี่ยวชาญของเราจะมีอาวุธ อุปกรณ์ สกิล และเวทย์ไม่ตรงตามข้อกำหนดในการพิชิตมันแน่นอน” บลูเรนโบว์ยืนกรานพลางพยักหน้า
กิลทั้งสองของพวกเขานั้นเคยคิดจะบุกเข้าไปในหอคอยเทพโบราณแล้ว แต่โอกาสจะประสบความสำเร็จนั้นมันมีน้อยเกินไป มันไม่มีมหาอำนาจใดๆในโลกแห่งความมืดจะสามารถพิชิตการทดสอบในชั้นหนึ่งได้แน่นอน
แถมน่าเสียดายที่ดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้ ไม่มีตัวเลือกในการจะร่วมมือกับมหาอำนาจอื่นๆอีกต่อไป หลังจากที่กองทัพผู้รุกรานของโลกแห่งความมืดพ่ายแพ้ หัวใจปีศาจก็ได้เปิดเผยความเป็นพันธมิตรของทั้งสองกิลกับสภาสิบแปดปีก และแยกพวกเขาออกจากส่วนที่เหลือของโลกแห่งความมืดทันที เป็นผลให้ทั้งสองกิลนั้นถูกบังคับให้ต้องกระชับความสัมพันธ์กับสภาสิบแปดปีกให้มากขึ้น เพราะหากพวกเขาไม่ทำแบบนี้ กิลของพวกเขาจะจบสิ้นแน่นอน เมื่อหัวใจปีศาจ และพันธมิตรในโลกแห่งความมืดสามารถพิชิตชั้นหนึ่งของหอคอยเทพโบราณได้
“ผ่อนคลาย นั่นไม่เป็นปัญหา …” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ “อย่างไรก็ตามฉันมีเงื่อนไขเพิ่มเติมที่ต้องการหากเราทำสำเร็จ”
ซือเฟิงนั้นรู้ดีเกี่ยวกับหอคอยเทพโบราณมากกว่าผู้เล่นคนใดใน God domain ตอนนี้ และด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงรู้ว่าทั้งสองกิลนั้นไม่มีโอกาสจะประสบความสำเร็จ แม้ว่าพวกเขาจะทำงานร่วมกันก็ตาม แต่นั่นก็เป็นเรื่องจริงสำหรับดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้ในปัจจุบันเท่านั้น
“คุณมั่นใจในความสำเร็จของเราจริงๆงั้นหรอ ? หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม” บลูเรนโบว์ถาม
เธอรู้ว่าสภาสิบแปดปีกมีผู้เชี่ยวชายขั้นสามที่ค่อนข้างพิเศษอยู่จำนวนหนึ่ง แต่การปราบปรามที่ผู้เล่นจะต้องเผชิญจากโลกแห่งความมืดนั้นก็ไม่ธรรมดาเลย และแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนทั่วไปก็ยังจะสามารถแสดงมาตราฐานการต่อสู้ออกมาได้แค่ขอบเขตอนันต์เท่านั้น
นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้มหาอำนาจต่างๆของทวีปหลักเลือกจะเป็นพันธมิตรกับมหาอำนาจต่างๆของโลกแห่งความมืดแทนที่จะบุกเข้าไป
“แม้ว่าฉันจะไม่สามารถรับประกันความสำเร็จได้แบบหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ แต่ฉันก็มั่นใจเจ็ดสิบถึงแปดสิบเปอเซ็นต์” ซือเฟิงตอบ
“เจ็ดสิบถึงแปดสิบเปอเซ็นต์ ?!” ผู้อาวุโสโกลด์แทบจะพูดติดอ่างด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง หากซือเฟิงไม่ได้เข้าควบคุมประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืด เขาคงคิดว่านักดาบเป็นคนบ้าที่หลบหนีจากโรงพยาบาลจิตเวช
แม้ว่าจะไม่มีการปราบปรามของโลกแห่งความมืด แต่มันก็ไม่สามารถจะรับประกันได้เลยว่ามหาอำนาจต่างๆจะสามารถพิชิตชั้นหนึ่งของหอคอยเทพโบราณได้ และแม้จะมีรากฐานที่ท้าทายสวรรค์ แต่อย่างดีที่สุด สภาสิบแปดปีกก็ควรอัตราความสำเร็จราวสี่สิบเปอเซ็นต์เท่านั้นที่เป็นไปได้ในทางปฎิบัติ มันไม่ควรจะสูงถึงเจ็ดสิบถึงแปดสิบเปอเซ็นต์เลย !!!
“บอกเงื่อนไขเพิ่มเติมของคุณมาหน่อยได้ไหมหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ?” บลูเรนโบว์ถามหลังจากเธอสงบลง
แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าซือเฟิงกำลังพูดความจริงไหม แต่ดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้ก็จะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาลแน่นอน เมื่อแผนของเขาสำเร็จ ดังนั้นพวกเขาจึงยังไม่มีเหตุผลที่จะปฎิเสธ
“ก็เรื่องง่ายๆ ฉันต้องการกำไรแปดสิบเปอเซ็นต์ที่ได้รับจากหอคอยเทพโบราณ และฉันต้องการอำนาจในการจัดการกับสมาชิกกองกำลังหลักของกิลพวกคุณด้วย นอกจากนี้คำสั่งของฉันก็จะต้องมีความสำคัญเหนือหัวหน้ากิลของพวกคุณ ในช่วงเวลาที่อันตรายกำลังจะเกิดขึ้น !!” ซือเฟิงกล่าวหลังจากครุ่นคิด
“นี่ …” ผู้อาวุโสโกลด์อดไม่ได้ที่จะลังเล
หากสภาสิบแปดปีกช่วยให้กิลทั้งสองของพวกเขาควบคุมหอคอยเทพโบราณได้ กิลทั้งสองของพวกเขาไม่ได้คิดจะเอาส่วนแบ่งผลกำไรด้วยซ้ำ และได้รับยี่สิบเปอเซ็นต์นี่มันก็จัดว่าเหนือความคาดหมายไปเยอะแล้ว อย่างไรก็ตามการขอสิทควบคุมกองกำลังหลักของกิลพวกเขานั้นมันบ้าชัดๆ !!!
“มั่นใจได้ ฉันจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมประจำวันของกองกำลังหลักของกิลพวกคุณ พวกเขาแค่ต้องทำตามคำสั่งเมื่อฉันต้องการ …” ซือเฟิงกล่าว “แน่นอนว่าคุณสามารถกลับไปและใช้เวลาพิจารณาข้อเสนอของฉันได้ ฉันไม่รีบร้อนอยู่แล้ว …”
“เราไม่จำเป็นต้องพิจารณาข้อเสนอนี้หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ดาร์ครัปโซดี้จะยอมรับมัน ในทางกลับกันสภาสิบแปดปีกต้องอนุญาติให้สมาชิกของกิลเราเดินทางผ่านประตูเทเลพอร์ตได้อย่างอิสระ และแน่นอนว่าดาร์ครัปโซดี้ก็จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยในการก่อตั้งและสร้างบริษัทการค้าแสงเทียนขึ้นในเมืองต่างๆของโลกแห่งความมืดเช่นกัน” บลูเรนโบว์รีบพูดขึ้นมาทันที
“เรนโบว์ นี่เธอบ้าไปแล้วหรอ ? เรากำลังพูดถึงสิทในการจัดการกองกำลังหลักของกิลคุณเลยนะ !!!” ผู้อาวุโสโกลด์กล่าวถาม ขณะที่มองไปยังอัศวินแห่งความหญิงข้างเขาอย่างตกตะลึง การยอมรับเงื่อนไขนี้มันก็เท่ากับการมอบอำนาจให้ซือเฟิงควบคุมเสี้ยวหนึ่งของกระดูกสันหลังของดาร์ครัปโซดี้เลย และการจะบอกว่าซือเฟิงทำหน้าที่เป็นหัวหน้ากิลบางส่วนก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย
“ฉันยังสติดี หัวหน้ากิลของฉันและตัวฉันค่อนข้าวประทับใจในตัวหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม และพวกเราก็ต้องการจะกระชับความสัมพันธ์กับสภาสิบแปดปีก ยิ่งไปกว่านั้นฉันไม่คิดว่าหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมจะเพ้อฝันถึงกองกำลังหลักของทั้งสองกิลเราหรอก” บลูเรนโบว์กระซิบบอกผู้อาวุโสโกลด์
ความสำนึกเริ่มเกิดขึ้นได้ทันทีกับชายที่มีอายุมากกว่า
สภาสิบแปดปีกนั้นไม่ได้ขาดแคลนกำลังพลอีกต่อไป ในเวลานี้มันมีผู้เชี่ยวชาญมาสมัครเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกมากขึ้นเรื่อยๆ และตอนนี้กิลก็ได้เข้าควบคุมประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืดได้แล้ว ดังนั้นจนกว่าจะมีใครควบคุมหอคอยเทพโบราณได้อย่างแท้จริง ยังไงซะเส้นชีวิตของโลกแห่งความมืดที่สภาสิบแปดปีกควบคุมอยู่ก็จะมั่นคงแน่นอน
ในความเป็นจริง แม้แต่ตัวซือเฟิงเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่นึกเลยว่า
ดาร์ครัปโซดี้จะตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแบบนี้ เพราะท้ายที่สุดสิ่งที่เขาเรียกร้องนั้น พวกระดับสูงและหัวหน้าของกิลอื่นๆมีสิทจะหันหลังและเดินหนีไปเลย
“ได้ ตามนั้น !!! เดียตี้โซไซตี้ก็จะยอมรับเงื่อนไขของคุณเช่นเดียวกัน หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม !!! อย่างไรก็ตามเดียตี้โซไซตี้ต้องการทุกอย่างแบบเดียวกับดาร์ครัปโซดี้เป็นการตอบแทน” ผู้อาวุโสโกลด์กล่าวพลางถอนหายใจ
ตอนนี้มหาอำนาจต่างๆของโลกแห่งความมืดนั้นได้รู้แล้วว่ากิลของพวกเขาทั้งสองเป็นพันธมิตรกับสภาสิบแปดปีก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยึดติดกับสภาสิบแปดปีกไปให้ถึงที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นการได้เป็นพันธมิตรกับสภาสิบแปดปีกก็ยังจะทำให้มั่นใจได้ด้วยว่าทั้งสองกิลของพวกเขาจะสามารถพัฒนาได้เร็วกว่ามหาอำนาจต่างๆในโลกแห่งความมืดในระยะนี้
“นั่นไม่มีปัญหา เมื่อเราเซ็นสัญญากัน สมาชิกกิลของพวกคุณจะสามารถใช้ประตูเทเลพอร์ตได้เท่าที่ต้องการ” ซือเฟิงยอมรับพลางพยักหน้า
“เราทำอะไรกันต่อ เมื่อเซ็นสัญญาแล้ว ?” ผู้อาวุโสโกลด์ถาม
หัวใจปีศาจนั้นอยู่ในช่วงเร่งรีบรวบรวมพันธมิตรเพื่อท้าทายหอคอยเทพโบราณ และเมื่อทีมของพวกเขามีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากพอ พวกเขาก็จะเริ่มท้าทายเลยแน่นอน ดังนั้นดาร์ครัปโซดี้และเดียตี้โซไซตี้จึงมีเวลาเหลือไม่มากนัก
“ง่ายมาก ให้รีบส่งสมาชิกกองกำลังหลักของพวกคุณมาที่เมืองป่าหินทันที สภาสิบแปดปีกจะเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องการเติบโตของพวกเขาเอง” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ
ทุกสิ่งใน God domain นั้นล้วนถูกสร้างขึ้นมาเพื่อถูกเคลียร์และพิชิตอยู่แล้ว โดยเฉพาะกับดันเจี้ยนและหอคอยแบบนี้ ดังนั้นตราบใดที่เขาสามารถทำให้สมาชิกกองกำลังหลักของทั้งสองกิลแข็งแกร่งมากพอได้ การพิชิตชั้นหนึ่งของหอคอยเทพโบราณก็จะไม่มีปัญหาแน่นอน ….
“การเติบโตของพวกเขา ?” ความต้องการของซือเฟิงนั้นทำให้บลูเรนโบว์ตกตะลึง เธอไม่เคยคิดเลยว่าซือเฟิงจะเลือกตัวเลือกนี้ “เราจะไปที่ไหนกัน ?”
“เราจะไปดินแดนลับ เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบ เมืองพิษ !!!” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ตอนที่ 2576 การสำรวจดินแดนลับ
เมื่อซือเฟิงระบุความตั้งใจว่าเขาจะเดินทางไปยังดินแดนลับ เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบ ทั้งบลูเรนโบว์และผู้อาวุโสโกลด์ต่างก็พูดไม่ออก
มหาอำนาจต่างๆนั้นยังไม่เคยเข้าสู่ดันเจี้ยนเลเวลหนึ่งร้อยสิบ ขนาดหนึ่งร้อยคนเลยด้วยซ้ำ ในความเป็นจริงพวกเขายังแทบไม่มีผู้เล่นที่ไปถึงเลเวลหนึ่งร้อยสิบกันเลยด้วยซ้ำ และแม้ว่าดินแดนลับจะไม่เหมือนกับดันเจี้ยน แต่ก็ต้องบอกเลยว่ามันอันตรายกว่ามาก แม้แต่ในดินแดนลับที่ปลอดภัยที่สุด มันก็ยังสามารถเทียบได้กับดันเจี้ยน
ขนาดใหญ่พิเศษแบบทีม โหมดยาก และตอนนี้แม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็ยังไม่กล้าจะเข้าไปสำรวจดินแดนลับเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบด้วย
แต่ตอนนี้ซือเฟิงกับพุดถึงการทำแบบนี้ขึ้นมาอย่างสบายๆราวกับว่าเขากำลังจะไปเยี่ยมชมตลาดท้องถิ่น ….
ครู่หนึ่งบลูเรนโบว์และผู้อาวุโสโกลนั้นสงสัยด้วยซ้ำว่าพวกเขาเล่นเกมเดียวกันกับซือเฟิงรึปล่าว
“อะไร ? มีปัญหาอะไรงั้นหรอ ?” ซือเฟิงถามอย่างสงสัย เมื่อเขาเห็นสีหน้าตกตะลึงของตัวแทนทั้งสองกิล
“ไม่ เอ่อ …. ไม่มีอะไรมากหรอกก็แค่ฉันกังวลน่ะ เรากำลังพูดถึงดินแดนลับ เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบกัน ฉันกลัวว่าด้วยเลเวลและอุปกรณ์ในปัจจุบันของเรา …” ผู้อาวุโสโกลด์กล่าวอย่างเป็นห่วง
การเข้าสู่ดินแดนลับเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบนั้นไม่ใช่ปัญหาเลย เพราะท้ายที่สุดแล้วแม้แต่ผู้เล่นขั้นหนึ่งก็สามารถเข้าไปได้ ปัญหาคือว่าพวกเขาจะสามารถออกจากดินแดนลับทั้งๆที่ยังมีชีวิตได้ไหมต่างหาก
มันไม่เหมือนกับดันเจี้ยน ความยากของดินแดนลับ และจำนวนของมอนสเตอร์ภายในนั้นมันไม่ได้ตายตัว แต่เป็นแบบสุ่ม และหากคนๆหนึ่งโชคดีทีมหนึ่งร้อยคนก็เพียงพอจะอยู่รอดได้ แต่ถ้าไม่โชคดี พวกเขาก็อาจต้องการทีมผู้เล่นตั้งแต่หนึ่งพันถึงห้าพันคนเลย …..
นี่คือสาเหตุที่การสำรวจดินแดนลับนั้นทำได้ยากกว่าการบุกโจมตีดันเจี้ยนแบบทีมในเลเวลเดียวกันมากๆ โดยปกติกิลจะต้องระดมสมาชิกจำนวนมากเพื่อบุกเข้าสู่ดินแดนลับ แต่หลังจากเลเวลหนึ่งร้อยเป็นต้นมา มันก็มีเพียงผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเท่านั้นที่มีโอกาสจะรอดชีวิต ผู้เชี่ยวชาญขั้นสองจะเป็นได้แค่ภาระเท่านั้น กล่าวอีกนัยหนึ่งคือกิลไม่สามารถจะใช้กำลังพลทั้งหมดที่มีได้ พวกเขาทำได้แค่พึ่งพาผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น
นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้กิลขนาดใหญ่ต่างๆรวมไปถึงมหาอำนาจจำนวนมากเลือกจะยังไม่สำรวจดินแดนลับเลเวลหนึ่งร้อยหรือมากกว่า แม้ว่าพวกเขาจะข้ามเกณฑ์เลเวลหนึ่งร้อยกันมาแล้วก็ตาม
“ผ่อนคลายน่า ตามใดที่ทุกคนทำตามคำสั่งของฉันอย่างเคร่งครัด มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาใดๆ” ซือเฟิงพูดอย่างสบายๆ
ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา เมืองพิษนั้นมีชื่อเสียงในเรื่องความอันตรายอย่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่ามหาอำนาจต่างๆในชีวิตที่ผ่านมาของเขาจะส่งทีมผู้เชี่ยวชาญขั้นสามไปหลายพันคน แต่พวกเขาก็ยังล้มเหลวในการบุกโจมตี มหาอำนาจต่างๆได้พิชิตดินแดนลับแห่งนี้ได้ก็หลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญของพวกเขาเริ่มจะมาถึงขั้นสี่กันแล้ว
อย่างไรก็ตามซือเฟิงไม่ได้มีความตั้งใจที่จะเข้ายึดเมืองพิษ เขาต้องการเพียงแค่ชิ้นส่วนของดาบโซโลมอนที่ซ่อนอยู่ภายในเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เขายังมีอาวุธเวทย์มนต์อย่าง Abyssal Blade ที่อยู่ในระดับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนาน และแหวนแห่งกอสเปลอยู่ด้วย ซึ่งแหวนนี้จะมีประโยชน์อย่างมากในเรื่องนี้แน่นอน เพราะเมื่อเขากลายเป็นปรมาจารย์นักเวทย์ขั้นกลางแล้ว เขาก็พบว่าเขาสามารถขยายเอฟเฟคของแหวนแห่งกอสเปลจนมีผลกับมอนสเตอร์ขั้นสี่ได้ ซึ่งนี่มันจะช่วยเพิ่มโอกาสให้เขาในการได้รับชิ้นส่วนดาบอย่างมาก
ตอนนี้เขาขาดแค่เพียงจำนวนคนเท่านั้น ….
โดยทั่วไปแล้วมันจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามอย่างน้อยหนึ่งพันคนจึงจะสามารถรับประกันความปลอดภัยในการบุกโจมตีดินแดนลับเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยได้ในระดับหนึ่ง แต่ถึงแม้จะรวมผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม สามร้อยคนของกองกำลังนรกไปแล้ว เขาก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเพียงแค่ห้าร้อยคนเท่านั้นอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเขา ซึ่งมันก็เสี่ยงมากเกินไปที่จะพาทีมเล็กๆแค่นี้เข้าไปยังดินแดนลับ เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบ อย่างไรก็ตามหากรวมผู้เชี่ยวชาญของดาร์ครัปโซดี้ และ เดียตี้โซไซตี้เข้าไปอีกมากกว่าสองร้อยคนนี้ เขาก็จะมีโอกาสมากขึ้นมากในการได้รับชิ้นส่วนดาบโซโลมอน
อย่างไรก็ตามแม้จะได้รับคำยืนยันจากซือเฟิงแล้ว บลูเรนโบว์กับผู้อาวุโสโกลด์ก็ยังค่อนข้างไม่สบายใจอยู่ดี แต่เนื่องจากพวกเขาได้เซ็นสัญญากับซือเฟิงไปแล้ว พวกเขาจึงไม่สามารถจะกลับคำพูดของพวกเขาได้โดยไม่มีเหตุผลที่ดี
จากนั้นตัวแทนทั้งสองก็ได้ติดต่อกิลของพวกเขาเพื่อให้ทำการรวบรวมผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมาอย่างลับๆ ในขณะเดียวกันซือเฟิงก็ได้เรียกรวมตัวผู้เชี่ยวชาญของสภาสิบแปดปีก และกองกำลังนรก
ในโลกแห่งความมืด ข่าวการเป็นพันธมิตรระหว่างสภาสิบแปดปีก กับดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว และความสับสนวุ่นวายก็เริ่มเกิดขึ้นไปทั่ว เมื่อบรรดาผู้เล่นอิสระของโลกแห่งความมืดได้รู้ว่าสมาชิกของกิลทั้งสองจะสามารถใช้ประตูเทเลพอร์ตได้ฟรี ซึ่งมันก็ทำให้หลายคนเริ่มมาสมัครเข้ากิลทั้งสอง
“ผู้อาวุโสฮาร์ท เวิร์ลโดมิเนชั่นได้ทำตามคำแนะนำของหัวใจปีศาจในการเป็นหัวหอกเข้าโจมตีสภาสิบแปดปีก แต่ถึงกระนั้นตอนนี้ชื่อเสียงของกิลก็ตกต่ำลงอย่างมาก แถมยังกลายเป็นความอัปยศและความน่าอับอายของโลกแห่งความมืด เพื่อให้เรื่องแย่ลง ตอนนี้ดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้ ก็ได้รับความนิยมอย่างไม่น่าเชื่อจากผู้เล่นอิสระ หลังจากได้ร่วมมือกับสภาสิบแปดปีก หากคุณยังไม่สามารถเสนออะไรเป็นชิ้นเป็นอันให้กับเวิร์ลโดมิเนชั่นของเราได้ เราก็คงจะต้องทำแบบเดียวกันกับทั้ง
สองกิล” ดอร์นโดมิแน้นซ์กล่าวกับฟิวเรียสฮาร์ทซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามของเขาในห้องรับรองอย่างเย็นชา
“โปรดมั่นใจได้เลยหัวหน้ากิลดอร์น เราเป็นคนเชิญให้เวิร์ลโดมิเนชั่นมาเข้าร่วมสถานการ์นี้ ดังนั้นเราจะไม่ปล่อยให้กิลของคุณต้องทนทุกข์กับมันแน่นอน แล้วก็ไม่ใช่ว่าคุณต้องการจะแก้แค้นสภาสิบแปดปีกงั้นหรอ ? หัวหน้ากิลดอร์น” ฟิวเรียสฮาร์ทถาม “สภาสิบแปดปีกไม่เพียงแต่จะครอบครองเมืองป่าหินที่เป็นที่นิยม แต่กิลยังควบคุมประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืดอยู่ด้วย อย่างไรก็ตามเนื่องด้วยเรื่องนี้เอง มันทำให้มหาอำนาจต่างๆเริ่มจะรู้สึกไม่พอใจในการพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วของสภาสิบแปดปีกแล้ว”
“ฉันต้องการสิ่งที่เป็นประโยชน์ ไม่ใช่คำสัญญาที่ว่างเปล่า !!!” ดอร์นโดมิแน้นซ์คำรามพลางกลอกตา เขาเข้าใจตรรกะของฟิวเรียสฮาร์ท แต่ปัญหาคือตอนนี้ไม่มีใครสามารถจะทำอะไรกับสภาสิบแปดปีกได้
“เราได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจต่างๆมาอย่างลับๆ นอกจากนี้เรายังได้ยืมอาวุธและอุปกรณ์จำนวนมากมาด้วย หากเวิร์ลโดมิเนชั่นยินดีที่จะเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับเรา เราจะให้คุณยืมเซ็ทอุปกรณ์ระดับไฟน์โกล เลเวลหนึ่งร้อยห้า ห้าสิบเซ็ท และเซ็ทอุปกรณ์ระดับดาร์คโกล เลเวลหนึ่งร้อยห้าอีกสิบเซ็ทเป็นเวลาสิบวันโดยไม่มีค่าใช้จ่าย” ฟิวเรียสฮาร์ทกล่าวพลางยิ้มอย่างใจเย็น “คิดว่ายังไงล่ะ ? แม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็ยังหาอุปกรณ์พวกนี้มาได้อย่างยากลำบาก แต่เวิร์ลโดมิเนชั่นกับสามารถจะยืมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ หากเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับเรา ซึ่งด้วยเซ็ทเหล่านี้กิลของคุณจะสามารถโจมตีดันเจี้ยนเลเวลหนึ่งร้อยได้สบายๆ เพื่อรับเอาอาวุธและอุปกรณ์ชั้นยอดมาเป็นของตัวเอง นอกจากนี้เมื่อเรายึดหอคอยเทพโบราณได้แล้ว เวิร์ดโดมิเนชั่นยังจะได้รับส่วนแบ่งห้าเปอเซ็นต์ของหอคอยด้วย มันนับเป็นข้อเสนอที่ดีกว่าที่ดาร์ครัปโซดี้และเดียตี้โซไซตี้ได้จากสภาสิบแปดปีกอีก คุณไม่คิดงั้นหรอ ?”
“หื้ม ? นี่คุณสามารถรับเอาเซ็ทอุปกรณ์ระดับนี้มาได้มากมายเลยงั้นหรอ ?” ข้อเสนอของฟิวเรียสฮาร์ททำให้ดอร์นโดมิแน้นซ์ประหลาดใจ
เขาไม่นึกเลยว่าหัวใจปีศาจและมหาอำนาจต่างๆในโลกภายนอกจะไม่พอใจสภาสิบแปดปีกมากขนาดนี้จนลงทุนทำแบบนี้
“ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หัวหน้ากิลดอร์น แค่เซ็นสัญญาแล้วเราจะส่งมอบเซ็ทอุปกรณ์ให้ทันที” ฟิวเรียสฮาร์ทกล่าวกระตุ้นพลางหัวเราะเบาๆ
“ดีล !! ฉันยอมรับข้อเสนอของคุณ !!” ดอร์นโดมิแน้นซ์กล่าว
“ดีมาก !!! ฉันจะรีบติดต่อรองหัวหน้ากิลทันที และคุณจะได้รับเซ็ทอุปกรณ์ตามข้อตกลงในครึ่งวัน” ฟิวเรียสฮาร์ทกล่าวโดยไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อยกับท่าทีขงดอร์นโดมิแน้นซ์ เพราะมันจะมีเพียงแต่คนโง่เท่านั้นที่จะปฎิเสธข้อเสนอนี้
หลังจากเซ็นสัญญากันเรียบร้อย ฟิวเรียสฮาร์ทก็ออกจากสถานที่พักกิลของเวิร์ลโดมิเนชั่นกลับไปยังเมืองปีศาจ
“ทุกอย่างเรียบร้อยไหม ?” เฟรมมิ่งไลท์เงยหน้าขึ้นถาม เมื่อเห็นว่าฟิวเรียสฮาร์ทเดินเข้ามาในห้องทำงานของเขา
“เรียบร้อย มหาอำนาจต่างๆของโลกแห่งความมืดได้ตกลงที่จะเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับเรา เราสามารถจะโจมตีหอคอยเทพโบราณได้ทุกเมื่อ …” ฟิวเรียสฮาร์ทรายงาน
“ดี !” เฟรมมิ่งไลท์พยักหน้าอย่างพึงพอใจ เขายิ้มและพูดต่อว่า “สภาสิบแปดปีกจะต้องคิดว่าฉันทำอะไรไม่ถูกแน่นอน เมื่อกิลได้เข้าควบคุมประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืดได้ แต่น่าเสียดายที่สภาสิบแปดปีกไม่รู้เลยว่าการกระทำของตัวเองนั้นได้สร้างความโกรธแค้นและเกลียดชังขึ้นมากขนาดไหน”
สภาสิบแปดปีกนั้นไม่มีภูมิหลังใดๆ แต่ตอนนี้กิลกับนั่งอยู่บนภูเขาแห่งความมั่งคั่งและทรัพยากร ซึ่งมันอาจกล่าวได้ว่ากิลได้ผูกขาดทรัพยากรทั้งหมดของโลกแห่งความมืด ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้ว มหาอำนาจต่างๆจึงจะไม่ยอมปล่อยให้เป็นแบบนี้แน่นอน
ดังนั้นโดยที่ไม่ต้องกระทำการใดๆ ตอนนี้มหาอำนาจต่างๆและบริษัทมากมายจึงเข้ามาหาเขาด้วยตัวเอง โดยประกาศความตั้งใจที่จะจัดหาทรัพยากรทุกประเภทให้เพื่อแลกกับการลากสภาสิบแปดปีกลงมาจากภูเขาแห่งความมั่งคั่งและทรัพยากรนี้
ซึ่งตราบใดที่หัวใจปีศาจยึดหอคอยเทพโบราณได้ กิลก็จะสามารถผลักดันให้สภาสิบแปดปีกเข้าสู่ยุคมืดได้
หากสภาสิบแปดปีกยอมรับความพ่ายแพ้อย่างเชื่อฟังในตอนแรกกิลก็จะสูญเสียแค่ป่าใบไม้ผลิเท่านั้น แต่ตอนนี้กิลจะต้องสูญเสียทุกอย่าง และท้ายที่สุดแล้วจากข้อมูลที่เขาได้รับมา กองอัศวินของสภาสิบแปดปีกนั้นก็ถูกจำกัดให้อยู่ได้แค่ในป่าใบไม้ผลิเท่านั้นด้วย
อีกด้านหนึ่ง ซือเฟิงก็ได้เดินทางมาที่เมืองพิษพร้อมกับสมาชิกกองกำลังหลัก
ของดาร์ครัปโซดี้และเดียตี้โซไซตี้
ในขณะที่ผู้เล่นสายความมืดเหล่านี้ก้าวเข้าสู่ดินแดนลับ ตัวของพวกเขาก็สั่นสะท้าน มันมีหมอกสีดำปกคลุมผืนดินอยู่ และพวกเขาก็รู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังเดินอยู่บนก้อนเมฆ เมื่อพวกเขาก้าวเข้าไปในนั้น แถมพวกเขายังรู้สึกหนาวและหิวอย่างกระทันหัน อีกทั้งประสาทสัมผัสทั้งห้าของพวกเขาและความเร็วในการตอบสนองนั้นมันก็อ่อนแอลงอย่างชัดเจน ที่นี่พวกเขาจะแสดงพลังการต่อสู้ตามปกติที่พวกเขามีได้ไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามหมอกสีดำนี้ไม่ได้เป็นส่วนที่เลวร้ายที่สุด ส่วนที่เลวร้ายที่สุดจริงๆคือเหล่ามอนสเตอร์ที่มีเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยสิบห้าในป่ารอบๆเมืองพิษที่พวกเขากำลังเดินทางผ่าน และแม้แต่ที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกนี้ก็ยังเป็นลอร์ดบอสขั้นสูง ขณะที่ส่วนใหญ่อยู่ในระดับลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่และแกรนลอร์ด โดยพวกนี้นั้นคือวิญญาณเร่ร่อน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นสมาชิกของกองทัพปกป้องเมืองพิษก่อนที่จะถูกหมอกสีดำกลืนกินไป และยิ่งพวกเขาเข้าใกล้มอนสเตอร์เหล่านี้มากเท่าไหร่ พลังสึกกร่อนในพื้นที่ก็ยิ่งส่งผลต่อพวกเขามากเท่านั้น
แน่นอนเลยว่ามันมีมอนสเตอร์มากมายที่นี่ ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเช่นกัน เมื่อเขามองไปยังวิญญาณเร่ร่อนที่อยู่ใกล้ๆ เพราะตอนนี้ดินแดนลับแห่งนี้ไม่เพียงแต่จะมีมอนสเตอร์มากกว่าในชีวิตที่ผ่านมาของเขา แต่พลังแห่งความตายที่นี่มันก็ยังหนาแน่นขึ้นเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามมันก็เพียงพอที่จะยับยั้งเขาจากการสำรวจที่นี่
ซือเฟิงได้หันไปหาโคล่าและคนอื่นๆก่อนจะกล่าวว่า “เริ่มล่อพวกมอนสเตอร์กันได้แล้ว แต่อย่าให้มากเกินไป สักห้าหรือหกร้อยตัวต่อรอบก็เพียงพอแล้ว …”
คำสั่งของซือเฟิงนั้นทำให้สมาชิกของดาร์ครัปโซดี้และเดียตี้โซไซตี้พูดไม่ออก
พวกเขาแน่ใจว่าพวกเขาจะได้ตายแน่นอนด้วยซ้ำ หากต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ที่นี่หนึ่งร้อยตัวพร้อมกัน ไม่ต้องพูดถึงห้าร้อยตัวเลย เพราะท้ายที่สุดในแผนที่นี้มันมีพลังแห่งความตายอยู่หนาแน่นเกินไป และมอนสเตอร์ทั้งหมดที่นี่ก็ล้วนมีเลเวลหนึ่งร้อยสิบห้าหรือสูงกว่า ดังนั้นการพยายามต่อสู้กับพวกมันห้าถึงหกร้อยตัวพร้อมกันจะเป็นการฆ่าตัวตายแน่นอน !!!
“รับทราบ”
อย่างไรก็ตามโคล่า ไฟเออร์แดนซ์และคนอื่นๆก็ไม่ได้สะทกสะท้านใดๆกับคำสั่งของซือเฟิง พวกเขารีบพุ่งเข้าไปในป่าด้านหน้า และเริ่มล่อกับดึงดูดค่าความโกรธของวิญญาณเร่ร่อนกันทันที ….
ตอนที่ 2577 ความแตกต่างของเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบ และความมั่งคั่งที่น่ากลัว
ขณะที่โคล่าและไฟเออร์แดนซ์พุ่งผ่านป่าอันเงียบสงบ พวกเขาก็ทำให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นไปทั่ว
วิญญาณเร่ร่อนกลุ่มเล็กๆรีบบินเข้ามาหาผู้เล่นเหล่านี้อย่างรวดเร็ว และมอนสเตอร์เหล่านี้นั้นก็เคลื่อนที่ได้เร็วมากจนแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญทั่วไปก็ยังไม่มีโอกาสจะหลบหนีได้เลย
อย่างไรก็ตามการถูกล้อมกรอบนั้นแทบจะเรียกได้ว่าไม่มีอยู่จริงเลยสำหรับโคล่าและแท๊งเกอร์คนอื่นๆของสภาสิบแปดปีก เพราะท้ายที่สุดพวกเขาเป็นเหมือนกับรถถังที่ตะลุยผ่านทุกสิ่งเข้าไป และพวกเขาก็จัดการสิ่งใดที่มาขวางทางของพวกเขาด้วยโล่ของตัวเอง ไม่มีวิญญาณเร่ร่อนตัวไหนสามารถจะหยุดการรุกคืบของพวกเขาได้ ในขณะเดียวกันไฟเออร์แดนซ์ และผู้เล่นสายความเร็วคนอื่นๆก็หลบหลีกวิญญาณเร่ร่อนได้อย่างสบายๆ โดยที่ไม่มีตัวไหนสามารถจะจับพวกเขาได้
พลังแห่งความตายที่วิญญาณเร่รอนแผ่ออกมานั้นดูเหมือนจะไม่มีผลใดๆกับโคล่า ไฟเออร์แดนซ์ และเพื่อนร่วมทางของพวกเขาเลย ดูเหมือนว่าจะมีบาเรียที่มองไม่เห็นบางอย่างคอยปกป้องพวกเขาจากพลังสึกกร่อนของพลังแห่งความตาย
ในเวลาไม่นาน โคล่าและคนอื่นๆก็ได้ลากมอนสเตอร์กว่าหกร้อยตัวเข้าหาสมาชิกในทีมที่เหลือ
[วิญญาณเร่ร่อน] (อันเดธ ลอร์ดบอสขั้นสูง)
เลเวล 115
HP 45,000,000/45,000,000
[วิญญาณเร่ร่อนขั้นสูง] (อันเดธ ลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่)
เลเวล 116
HP 120,000,000/120,000,000
[วิญญาณบ้าคลั่ง] (อันเดธ แกรนลอร์ด)
เลเวล 116
HP 400,000,000/400,000,000
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับวิญญาณเร่ร่อนมากกว่าสี่ร้อยตัว วิญญาณเร่ร่อนขั้นสูงมากกว่าหนึ่งร้อยตัว และวิญญาณบ้าคลั่งอีกหกตัว ทุกในทีมก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นสะท้าน
ไม่เหมือนกับมอนสเตอร์ทั่วไป วิญญาณเหล่านี้ล้วนเคยเป็นนักรบที่ทำหน้าที่ปกป้อเมืองพิษมาก่อน และแม้จะตายไปแล้ว พวกเขาก็ยังคงใช้สกิลเหมือนกับตอนที่พวกเขายังมีชีวิตได้อยู่ และเมื่อวิญญาณเร่ร่อนขั้นสูงหลายร้อยตัวรวมตัวกัน พวกนี้ก็สามารถที่จะเปิดใช้งานวงเวทย์การต่อสู้ได้ด้วย และแม้ว่าวงเวทย์นี้จะไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก แต่มันก็ช่วยเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่และความเร็วในการตอบสนองของ
มอนสเตอร์เหล่านี้ได้ และชั้นของมานาจางๆก็ปรากฎขึ้นรอบๆมอนสเตอร์เหล่านี้เช่นกัน ซึ่งมันก็ช่วยเพิ่มพลังป้องกันให้พวกมัน และช่วยเพิ่มพลังของสกิลกับเวทย์ให้พวกมันเช่นกัน
อย่างไรก็ตามทั้งทีมก็ต้องเต็มไปด้วยความประหลาดใจมากขึ้น เมื่อพบว่าวิญญาณเร่ร่อนเหล่านี้ไม่ได้ใช้กลยุทธ์การรวมตัวกันตามแบบมอนสเตอร์ทั่วไป แต่พวกมันกับเลือกจะเคลื่อนไหวในรูปแบบที่เหมาะสมแบบเป็นกองกำลังแทน วิญญาณเร่ร่อนที่มีโล่และอาวุธระยะประชิดนั้นจะเคลื่อนตัวมาด้านหน้าของกลุ่ม ในขณะที่พวกใช้ธนูและคทาก็จะยืนอยู่ในแนวหลัง โดยกองกำลังขนาดเล็กนี้ค่อยๆเคลื่อนที่อย่างเป็นระบบและระเบียบ
“นี่คือดินแดนลับเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบงั้นหรอ ?” บลูเรนโบว์นั้นตกตะลึงมากๆ เมื่อเธอมองไปยังมอนสเตอร์ที่ดาหน้าเข้ามากันเหมือนกองทัพที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี
แม้ว่าเธอจะรู้ว่าดินแดนลับเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยนั้นจะมีความพิเศษ แต่นี่มันก็ทำให้เธออดจะประหลาดใจไม่ได้ เมื่อเธอได้ประสบกับมันด้วยตัวเอง มอนสเตอร์เหล่านี้นั้นจัดเป็นความท้าทายที่ยากมากอยู่แล้ว เนื่องจากค่าสถานะของพวกมันสูงกว่าผู้เล่นในเลเวล และขั้นเดียวกัน แถมพวกมันยังมี HP และพลังป้องกันมากกว่า และตอนนี้พวกมันก็สามารถต่อสู้ได้ในรูปแบบกองทัพ NPC ที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ซึ่งนี่มันก็ช่วยเพิ่มพลังการต่อสู้ของพวกมันขึ้นอย่างมาก
หากทีมของพวกเขาไม่ได้มีข้อได้เปรียบเชิงตัวเลข ทีมของพวกเขาก็ไม่ควรจะมีโอกาสชนะได้เลย
แม้แต่เฮลรัชก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เมื่อได้เห็นกองกำลังที่เข้ามา
โดยปกติเหล่าผู้เชี่ยวชาญของกองกำลังนรกนั้นไม่ได้มีปัญหาใดๆเลยในการต่อสู้กับมอนสเตอร์เหล่านี้แบบตัวต่อตัว แม้แต่วิญญาณบ้าคลั่งที่เป็นมอนสเตอร์ระดับแกรนลอร์ดก็ยังไม่ได้มีปัญหาสำหรับกองกำลังนรกที่จะฆ่ามันลงให้ได้ แต่ตอนนี้มอนสเตอร์เหล่านี้นั้นกับมีวงเวทย์การต่อสู้เป็นของตัวเอง ซึ่งวงเวทย์การต่อสู้เหล่านี้ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางกายภาพของวิญญาณเร่ร่อนเท่านั้น แต่มันยังช่วยลดจุดอ่อนที่พวกมันมีลงไปอย่างมาก และนี่ก็ยังไม่นับรวมข้อได้เปรียบอื่นๆของพวกมันในฐานะมอนสเตอร์อีก ดังนั้นตอนนี้แม้ว่ากองกำลังนรกจะเริ่มการต่อสู้กับมอนสเตอร์เหล่านี้ด้วยอาวุธและอุปกรณ์ชั้นยอดครบมือ พวกเขาก็จะยังคงรับมือกับกองกำลังมอนสเตอร์แบบนี้ได้อย่างยากลำบากอยู่ดี
มีเพียงซือเฟิงเท่านั้นที่ดูเหมือนจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับมอนสเตอร์ที่น่ากลัวเหล่านี้
เพราะท้ายที่สุดเขารู้ดีว่านี่คือพลังการต่อสู้ที่แท้จริงของมอนสเตอร์ใน God domain และมอนสเตอร์ทุกตัวก่อนเลเวลหนึ่งร้อยสิบห้านั้นก็ล้วนเป็นอุปสรรคที่มีไว้เพื่อทำให้ผู้เล่นคุ้นเคยกับเกมเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้เล่นใกล้มาถึงเกณฑ์เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบ มอนสเตอร์จะไม่ได้มีไว้เพื่อรองรับผู้เล่นอีกต่อไป แต่ผู้เล่นจะต้องปรับตัวให้และรับมือกับมอนสเตอร์ใน God domain เหล่านี้เอง มอนสเตอร์จะเริ่มมีพฤติกรรมเหมือนสิ่งมีชีวิตโดยมีลักษณะที่เฉพาะเจาะจงของมันเอง และหากผู้เล่นไม่สามารถใช้ประโยชน์จากลักษณะเฉพาะเหล่านี้ได้ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดก็ยังอาจตกอยู่ในอันตรายได้ในการต่อสู้กับมอนสเตอร์เหล่านี้แบบตัวต่อตัว
นี่คือเหตุผลว่าทำไมดินแดนลับ เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบ และดันเจี้ยนในเลเวลนี้จึงจัดเป็นแหล่งขุมทรัพย์ที่แท้จริงสำหรับผู้เล่นขั้นสาม และมันยังมีมรดกโบราณ รวมถึงหนังสือสกิลและเวทย์แทบทุกประเภทดรอป
เมื่อกองกำลังของอันเดธเข้ามาใกล้ ผู้เล่นของดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้ก็ได้เข้าสู่สถานะเตรียมพร้อมต่อสู้ทันที แม้จะแอบมีกังวลบ้างก็ตาม ในขณะเดียวกันซือเฟิงก็ได้จ่ายคริสตัสเวทย์มนต์ห้าพันชิ้นเพื่อเปิดใช้งานสกิลโลกจิ๋วของแหวนแห่งกอสเปล
หลังจากนั้นผลของโลกจิ๋วก็ทำให้กองกำลังอันเดธนั้นมีค่าสถานะพื้นฐานลดลงอย่างรวดเร็ว แถมความเร็วในการตอบสนองและความแข็งแกร่งของร่างกายของพวกมันก็ลดลงด้วยเช่นกัน
ผู้เล่นสายความมืดในทีมที่ได้เห็นฉากนี้ต่างตกตะลึง พวกเขาเคยได้เห็นพลังของแหวนแห่งกอสเปลมาแล้ว แต่เมื่อได้เห็นตอนนี้ พวกเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะตกใจเหมือนกับครั้งแรกที่ได้เห็น
เมื่อครู่ที่ผ่านมา ความรู้สึกของพวกเขาได้เตือนพวกเขาว่าอันเดธเหล่านี้เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากๆ แต่ตอนนี้อันเดธเหล่านี้กับให้ความรู้สึกว่าจะเอาชนะได้ง่ายมากๆ
พวกเขานั้นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขอบคุณที่ตอนนี้ซือเฟิงยืนอยู่ข้างพวกเขา ไม่ใช่ด้านตรงข้ามของพวกเขา
“เอาล่ะโจมตีได้ !!! รีบจบการต่อสู้นี้ให้ไวที่สุด !!!” ซือเฟิงรีบตะโกนออกคำสั่ง เมื่อเขาตระหนักว่าสมาชิกในทีมส่วนใหญ่ของเขายังเต็มไปด้วยความตกตะลึงและงุนงง
แม้ว่าแหวนแห่งกอสเปลจะเป็นเครื่องมือที่น่าทึ่ง แต่การใช้มันแต่ละครั้งก็มีราคาแพงมากอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะท้ายที่สุดแล้วค่าใช้จ่ายในการใช้โลกจิ๋วเป็นเวลาสิบนาทีนั้นมันมีมูลค่าเป็นคริสตัลเวทย์มนต์ถึงห้าพันชิ้นเลยทีเดียว
เมื่อได้ยินคำสั่งของซือเฟิง ทุกคนก็เริ่มหายจากอาการที่พวกเขาเป็นอยู่ หลังจากนั้นพวกเขาก็ทำการเปิดใช้งานสกิลและเวทย์ที่พวกเขามีโจมตีเข้าใส่กองกำลังอันเดธที่กำลังเข้ามาทันที ตอนนี้พวกเขามีข้อได้เปรียบในเรื่องค่าสถานะพื้นฐานแล้ว ดังนั้นวิธีที่เร็วที่สุดที่จะจัดการกับกองกำลังอันเดธเหล่านี้ก็คือการโจมตีและเผชิญหน้ากับพวกมันตรงๆเลย
ตู้ม … ตู้ม … ตู้ม …
เมื่อการโจมตีระลอกแรกจากสกิลและเวทย์ขั้นสามโดนเข้าที่ตัวเป้าหมายและพื้นที่ใกล้เคียงนั้น มันก็ทำให้ป่าใกล้เคียงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และการโจมตีทั้งหมดนี้มันก็ทำให้ภูมิประเทศรอบบริเวณเปลี่ยนไป
หลังจากผ่านไปสิบนาที กองกำลังอันเดธมากกว่าแปดสิบเปอเซ็ต์ก็ตายลง และวพกที่ยังเหลือรอดอยู่นั้นก็เหลือ HP เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และแม้จะไม่มีผลจากโลกจิ๋วช่วยแล้ว แต่ทีมก็สามารถจะอาศัยความได้เปรียบในด้านจำนวนจัดการกับมอนสเตอร์ที่เหลือได้สบายๆ และในระหว่างการต่อสู้ ทุกคนในทีมก็ได้สัมผัสถึงความรู้สึกในการเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ที่แท้จริงที่ระบบหลักของ God domain ออกแบบไว้
ระบบหลักของ God domain นั้นไม่ได้จำกัดอะไรมอนสเตอร์เหล่านี้ไว้เลยแม้แต่น้อย และพวกมันก็สามารถจะควบคุมพลังแห่งความตายได้ในระดับที่ไม่น่าเชื่อ และหากผู้เล่นไม่ได้เรียนรู้ถึงการปรับใช้มานาของตนเลย พลังสึกกร่อนของพลังแห่งความตายก็จะส่งผลต่อร่างกายของพวกเขาอย่างรวดเร็ว
โดยปกติกระบวนการเรียนรู้แบบนี้มันจะอันตรายมากอย่างไม่น่าเชื่อ และหากผู้เล่นล้มเหลวในการป้องกันพลังนี้พวกเขาก็จะเป็นอัมพาตชั่วคราว และการตายในทันทีมันก็จะไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลย เมื่อเจอกับกรณีนี้ แต่โชคดีที่ทีมของพวกเขามีข้อได้เปรียบด้านจำนวนอย่างมาก และมอนสเตอร์เหล่านี้ก็อยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสแล้ว ดังนั้นมันจึงเป็นภัยคุกคามต่อพวกเขาน้อยมาก และมันก็ง่ายสำหรับพวกเขาที่จะจัดการ
แถมผู้เล่นในทีมทุกคนที่ซือเฟิงนำมานั้นยังเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่มีพรสวรรค์ และมาตราฐานการต่อสู้เหนือกว่าผู้เล่นทั่วไป และแม้ว่าพวกเขาจะได้รับประสบการณ์การต่อสู้แบบนี้เพียงช่วงสั้นๆ แต่มันก็ช่วยให้พวกเขาได้รับความเข้าใจใหม่ๆเกี่ยวกับการควบคุมมานาและร่างมานาของพวกเขาอย่างมาก
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้ทั้งทีมตกตะลึงมากที่สุดก็คือ EXP ที่พวกเขาได้รับจากกองกำลังอันเดธเหล่านี้ ซึ่งมันทำให้แม้แต่เฮลรัช บลูเรนโบว์ และผู้อาวุโสโกลด์ก็ยังตกตะลึง
ขณะเดียวกันผู้เล่นบางคนก็มีเลเวลเพิ่มขึ้นจากหนึ่งร้อยเจ็ดไปเป็นหนึ่งร้อยแปดเลยด้วยซ้ำ ความเร็วในการเก็บเลเวลของพวกเขาที่นี่นั้นเร็วกว่าโลกภายนอกอย่างน้อยสิบเท่าเลย
ยิ่งไปกว่านั้นมอนสเตอร์เหล่านี้ยังได้ดรอปไอเทมไว้มากมาย
มันมีไอเทมจำนวนมากกระจัดกระจายไปทั่วสนามรบ !!
อัตราการดรอปของมอนสเตอร์เหล่านี้นั้นมีมากกว่ามอนสเตอร์ในโลกภายนอกสองเท่าหรือสูงกว่านั้นด้วยซ้ำ โดยเฉพาะกับอาวุธและอุปกรณ์ และแม้แต่อุปกรณ์ที่อ่อนแอที่สุดที่ดรอปก็ยังเป็นระดับเหล็กลึกลับ เลเวลหนึ่งร้อยสิบห้า แถมมันยังมีอุปกรณ์ระดับลึกลับขั้นเงิน เลเวลหนึ่งร้อยสิบห้า หกชิ้นดรอปมาด้วย ….
ในขณะเดียวกันผู้เล่นสายความมืดหลายคนก็มีดวงตาแดงก่ำ เมื่อได้เห็นไอเทมเหล่านี้ ….
สำหรับพวกเขา พวกเขาอาจจะพอละความสนใจจากอุปกรณ์ระดับเหล็กลึกลับ เลเวลหนึ่งร้อยสิบห้าได้ แค่มันทำไม่ได้จริงๆกับอุปกรณ์ระดับลึกลับขั้นเงิน เลเวลหนึ่งร้อยสิบห้า ซึ่งตอนนี้จัดว่าล้ำค่าอย่างไม่น่าเชื่อ …. เพราะท้ายที่สุดแล้วถ้าพวกเขาติดตั้งเจ็มสโตนลดเลเวลลงไปสักหน่อย และทำให้ตัวเองสามารถสวมใส่ได้ มันจะดีกว่าอุปกรณ์ระดับไฟน์โกล เลเวลหนึ่งร้อยสิบอยู่เล็กน้อยด้วยซ้ำ ….
ตอนนี้มหาอำนาจต่างๆยังคงค้นหาอุปกรณ์ระดับสูงเลเวลหนึ่งร้อยห้า และหนึ่งร้อยสิบกันอย่างบ้าคลั่งอยู่เลย เนื่องมาจากอัตราการดรอปที่ต่ำมากของพวกมัน
อย่างไรก็ตามตอนนี้ หลังจากต่อสู้ที่นี่ไม่ถึงสิบห้านาที พวกเขากับได้รับอุปกรณ์ระดับลึกลับขั้นเงิน เลเวลหนึ่งร้อยสิบห้ามาแล้วหกชิ้น หากพวกเขาล่าที่นี่ทั้งวัน กำไรที่พวกเขาทำได้จะมหาศาลแน่นอน ….
ในขณะที่สมาชิกของดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้กำลังมองไปยังสภาสิบแปดปีกอย่างอิจฉาในเรื่องไอเทมที่ดรอปมากมาย ไฟเออร์แดนซ์ผู้ซึ่งรับผิดชอบในการเก็บรวบรวมไอเทมก็วิ่งเข้ามาหาซือเฟิงอย่างตื่นเต้น
“หัวหน้ากิล มันดรอปด้วย !!!”
ตอนที่ 2578 สภาสิบแปดปีกที่น่ากลัว
เมื่อไฟเออร์แดนซ์เดินเข้ามาพร้อมกับหนังสือเก่าๆที่ขาดรุ่งริ่ง ดวงตาของซือเฟิงก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
อะไรกัน ? มันดรอป แบบนี้ด้วยงั้นหรอ ?
มอนสเตอร์ที่อยู่รอบๆเมืองพิษนั้นมีโอกาสที่จะดรอปไอเทมสนับสนุนที่ล้ำค่าอยู่สองชิ้นเมื่อถูกฆ่า และทั้งสองชิ้นนั้นก็มีมูลค่าหลายพันเหรียญทอง อย่างไรก็ตามในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิง มันก็จะไม่มีใครยอมแลกไอเทมสนับสนุนสองชิ้นนี้แน่นอน แม้ว่าจะเสนอไอเทมระดับอีปิค เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยมาแลกเปลี่ยนก็ตาม
หนึ่งในสองไอเทมชิ้นนี้คือโพชั่นโบราณ และอีกชิ้นหนึ่งคือวงเวทย์มานาการต่อสู้
โพชั่นโบราณนั้นจะสามารถช่วยเร่งกระบวนการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของผู้เล่นได้ และช่วยปรับปรุงการควบคุมมานาอย่างถาวร และด้วยโพชั่นโบราณนี้ แม้แต่ผู้เล่นขั้นสามทั่วไปก็จะสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้หนึ่งร้อยเปอ
เซ็นต์ภายในสองเดือน
ในทางกลับกันวงเวทย์มานาการต่อสู้นั้นน่าประหลาดใจยิ่งกว่า โดยปกติวงเวทย์การต่อสู้แบบนี้นั้นจะต้องถูกสลักไว้ในอุปกรณ์ของผู้เล่น ซึ่งหมายความว่า เมื่อผู้เล่นเปลี่ยนอุปกรณ์ พวกเขาก็จะสูญเสียวงเวทย์การต่อสู้ไป อย่างไรก็ตามสำหรับวงเวทย์มานาการต่อสู้ที่พบในเมืองพิษนี้ ผู้เล่นสามารถจะเรียนรู้ได้โดยตรง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องกังวลว่าวงเวทย์จะหายไป เมื่อเปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์ใหม่ ผู้เล่นสามารถจะใช้งานได้ตลอดไป
วงเวทย์มานาการต่อสู้นั้นต้องการผู้เล่นขั้นต่ำสิบสองคนเพื่อเปิดใช้งาน และเมื่อเปิดใช้งานแล้ว ไม่เพียงแต่มันจะเพิ่มความหนาแน่นของมานารอบๆผู้เล่นเท่านั้น แต่มันยังจะช่วยเพิ่มค่าสถานะพื้นฐานของผู้เล่นขึ้นเช่นกัน และสิ่งสำคัญที่สุดคือมันจะสร้างชั้นเกราะมานารอบๆผู้เล่นที่ช่วยเพิ่มค่าความต้านทานเวทย์มนต์ และค่าความต้านทานต่อพลังสึกกร่อนอย่างมาก
ขณะที่หนังสือในมือของไฟเออร์แดนซ์นั้นก็ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากหนังสือวงเวทย์มานาการต่อสู้ ซึ่งมันก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอจะมีความสุขมาก
เนื่องจากวงเวทย์มานาการต่อสู้นั้นคล้ายกับสกิล มันจึงสามารถใช้ได้ในกรณีที่มีการห้ามใช้เครื่องมือ เช่นในดันเจี้ยน หรือแผนที่เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยบางแห่ง ซึ่งในสถานที่แบบนี้นั้นวงเวทย์มานาการต่อสู้ก็จัดเป็นสิ่งล้ำค่าอย่างแท้จริง
ในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิง มหาอำนาจต่างๆได้ใช้เวลามากกว่าสองสัปดาห์ล่าในบริเวณเมืองพิษ แต่พวกเขาก็ไม่ได้รับหนังสือวงเวทย์มานาการต่อสู้มาเลยแม้แต่เล่มเดียว แต่ตอนนี้หลังจากที่เขาพาทีมจัดการกับกองกำลังอันเดธไปเพียงกองกำลังเดียว มันก็ดรอปออกมาแล้ว อัตราการดรอปของมันในตอนนี้ช่างน่าประหลาดใจอย่างแท้จริง
เมื่อเฮลรัชและคนอื่นๆเห็นข้อมูลของวงเวทย์มานาการต่อสู้ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาสภาสิบแปดปีกขึ้นมา
เมื่อมีเซ็ทวงเวทย์มานาการต่อสู้นี้ครบเซ็ทพอที่จะเปิดใช้งาน ความแข็งแกร่งโดยรวมของทีมก็จะขึ้นไปสู่ระดับใหม่ทั้งหมด วงเวทย์มานาการต่อสู้นั้นจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อทีมทำการสำรวจดันเจี้ยนหรือแผนที่บางส่วนที่ห้ามใช้เครื่องมือ และพวกเขามีความแข็งแกร่งของอุปกรณ์ไม่ถึง ซึ่งหนังสือเล่มนี้นั้นมีค่ามากกว่าอาวุธและอุปกรณ์ชั้นยอด เลเวลหนึ่งร้อยสิบห้าอย่างมาก
ตอนนี้เมื่อพวกเขารู้แล้วว่าวิญญาณเร่ร่อนเหล่านี้สามารถจะดรอปไอเทมที่ยอดเยี่ยมอย่างวงเวทย์มานาการต่อสู้ได้ สมาชิกของสภาสิบแปดปีกก็เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ โคล่าและคนอื่นๆนั้นแยกตัวออกจากทีมหลักไปลากพวกวิญญาณเร่ร่อนมาให้มากขึ้นทันที
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้พวกเขาก็รู้แล้วว่าทั้งทีมสามารถจะจัดการกองกำลังอันเดธไม่เกินหกร้อยตัวได้อย่างง่ายดายด้วยความช่วยเหลือจากแหวนแห่งกอสเปล ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจที่จะดึงดูดและลากมอนสเตอร์ให้มากขึ้นเพื่อใช้เอฟเฟคของแหวนแห่ง
กอสเปลให้ได้ประโยชน์สูงสุด
หลังจากนั้นโคล่าและคนอื่นๆก็วิ่งกลับมาพร้อมกับวิญญาณเร่ร่อนเกือบแปดร้อยตัวที่ตามหลังพวกเขามา เมื่อเห็นสิ่งนี้สมาชิกในทีมที่รออยู่จึงมุ่งเน้นไปที่การเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ทันที
หลังจากนั้นทั้งทีมก็ได้ไล่ล่าวิญญาณเร่ร่อนรอบเมืองพิษอย่างบ้าคลั่งต่อไปอีกสามวัน
ซึ่งหลังจากผ่านไปครบสามวัน สมาชิกในทีมทุกคนก็มีเลเวเลเพิ่มขึ้นราวห้าเลเวล ไฟเออร์แดนซ์ โคล่า และสมาชิกคนอื่นๆของสภาสิบแปดปีกนั้นได้มาถึงเลเวลหนึ่งร้อยสิบสี่แล้ว ในขณะที่ซือเฟิงก็ได้มาถึงเลเวลหนึ่งร้อยสิบห้าแล้ว ในขณะเดียวกันสมาชิกของดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้ก็ล้วนมาถึงเลเวลหนึ่งร้อยสิบสองถึงหนึ่งร้อยสิบสามแล้วเช่นกัน โดยหากมหาอำนาจต่างๆได้มาเห็นเลเวลของพวกเขา มหาอำนาจต่างๆจะต้องตกตะลึงแน่นอน
อีกทั้งตอนนี้ผู้เล่นสายความมืดเหล่านี้ทั้งหมดก็หวังจะได้ล่าอยู่ในเมืองพิษตลอดไปด้วยซ้ำ การที่สามารถเก็บเลเวลเพิ่มขึ้นได้ห้าเลเวลในสามวันนั้น พวกเขาไม่เคยเจอหรือได้ยินมาก่อนเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเลเวลของพวกเขา และปกติพวกเขาจะจัดว่าโชคดีมากแล้วหากมีเลเวลเพิ่มขึ้นหนึ่งเลเวลทุกๆห้าวัน ซึ่งมันจะไม่มีใครเชื่อพวกเขาแน่นอน ถ้าพวกเขาไปเล่าเรื่องนี้
ในขณะเดียวกันบลูเรนโบว์ และผู้อาวุโสโกลด์ ก็เข้าใจแล้วว่าทำไมซือเฟิงถึงมีความมั่นใจมากในการช่วยพวกเขาพิชิตหอคอยเทพโบราณ
ความเร็วในการเก็บเลเวลตอนนี้ของพวกเขามันจัดว่าบ้ามากๆ !!!
นอกจากนี้การต่อสู้กับมอนสเตอร์เหล่านี้ยังช่วยให้พวกเขาสามารถปรับปรุงมาตราฐานการต่อสู้ได้อย่างรวดเร็ว
สิ่งที่สมาชิกของดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้ไม่รู้ก็คือ ซือเฟิงได้ใช้คริสตัลเวทย์มนต์ไปเป็นจำนวนมหาศาลในการล่าและเก็บเลเวลสามวันนี้ ตอนแรกเขาพร้อมกับคริสตัลเวทย์มนต์หกแสนชิ้นในกระเป๋า แต่ตอนนี้เขาเหลือไม่ถึงห้าหมื่นชิ้นแล้ว แถมนี่ก็เป็นการที่เขาใช้โลกจิ๋วเท่าที่จำเป็นด้วย ไม่งั้นคริสตัลเวทย์มนต์หกแสนชิ้นจะหมดไปนานแล้วแน่นอน
แน่นอนว่าค่าตอบแทนที่เขาได้รับกลับมาก็น่าทึ่งมากเช่นกัน ….
ในช่วงสามวันที่ผ่านมา เขาได้รับอุปกรณ์ระดับลึกลับขั้นเงิน เลเวลหนึ่งร้อยสิบห้า มามากกว่าเจ็ดร้อยชิ้น และอุปกรณ์ระดับเหล็กลึกลับ เลเวลหนึ่งร้อยสิบห้า มามากกว่าห้าพันชิ้น ซึ่งเขาสามารถจะทำกำไรได้อย่างง่ายดายในการล่าครั้งนี้ผ่านการขายอุปกรณ์เหล่านี้
แถมเขายังได้รับอาวุธและอุปกรณ์ระดับไฟน์โกล เลเวลหนึ่งร้อยสิบห้ามาอีกแปดสิบเจ็ดชิ้น แต่ก็แน่นอนว่าซือเฟิงไม่มีความตั้งใจที่จะขายอาวุธหรืออุปกรณ์ใดๆที่
ดรอปออกมา และเขาก็ได้เริ่มทำการแจกจ่ายมันให้กับสมาชิกของสภาสิบแปดปีกอย่างทั่วถึง หลังจากทำการฝังเจ็มสโตนลดเลเวลแล้ว โดยเน้นไปที่การแจกให้
บลูฟอร์ส และสมาชิกสภาสิบแปดปีกคนอื่นๆจากเขตหนึ่ง ซึ่งนี่มันช่วยเพิ่มค่าสถานะของพวกเขาได้อย่างมหาศาล และตอนนี้ค่าสถานะของพวกเขาก็ขึ้นไปสูงกว่าผู้เชี่ยวชาญของกองกำลังนรกด้วยซ้ำ
แม้แต่ในจักรวรรดิโลกใต้พิภพ สมาชิกของกองกำลังนรกนั้นก็จัดว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในหมู่ผู้เชี่ยวชาญ และทุกคนก็สวมใส่อุปกรณ์ระดับไฟน์โกล เลเวลหนึ่งร้อยห้ากันทั้งหมด หรือบางคนก็สวมกระทั่งอุปกรณ์ระดับดาร์คโกล ซึ่งมาตราฐานอุปกรณ์ของพวกเขานั้นก็จัดว่าอยู่ในอันดับต้นๆของผู้เชี่ยวชาญเลยแม้แต่ในหมู่มหาอำนาจต่างๆ แต่ตอนนี้พวกเขากับมีอุปกรณ์ที่อ่อนแอกว่าบลูฟอร์ส และสมาชิกสภาสิบแปดปีกจากเขตหนึ่งแล้ว ….
แน่นอนว่าซือเฟิงไม่ได้ทำผิดต่อกองกำลังนรก เขาก็แบ่งอุปกรณ์ระดับลึกลับขั้นเงิน เลเวลหนึ่งร้อยสิบห้า บางส่วนให้กับสมาชิกของกองกำลังเช่นกัน เพราะท้ายที่สุดเขามีสัญญากับจักรวรรดิโลกใต้พิภพที่เขาต้องช่วยปรับปรุงอาวุธและอุปกรณ์ของกองกำลังนรกให้ทันสมัยอยู่เสมอ นอกจากนี้สมาชิกกองกำลังนรกก็ยังก็มีมาตราฐานการต่อสู้ที่น่าทึ่งมากๆ และอุปกรณ์ที่ดีกว่าก็จะช่วยให้พวกเขาแสดงพลังในการต่อสู้ได้มากขึ้น
นอกเหนือจากอาวุธและอุปกรณ์แล้ว ซือเฟิงยังได้รับไอเทมมีค่ามาอีกมากมาย ตอนนี้เขามีหนังสือวงเวทย์มานาการต่อสู้ทั้งหมดสี่สิบหกเล่ม โพชั่นโบราณมากกว่าแปดสิบขวด นอกจากนี้เขายังได้รับหนังสือสกิลและเวทย์ขั้นสามมามากกว่าหนึ่งร้อยเล่ม ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วสิ่งเหล่านี้มีค่ามากกว่าอุปกรณ์ทั้งหมดที่ดรอปมาด้วยซ้ำ
ดังนั้นแทนที่จะปล่อยให้ไอเทมเหล่านี้ฝุ่นจับในกระเป๋าของเขา สู้เขาแจกจ่ายให้ทีมของเขาดีกว่า อย่างไรก็ตามเขาก็ได้เลือกสมาชิกของสภาสิบแปดปีกสี่สิบหกคนมาเพื่อเรียนรู้หนังสือวงเวทย์มานาการต่อสู้ และเขาก็ได้เลือกจะมอบโพชั่นโบราณให้สมาชิกของสภาสิบแปดปีกมากกว่าห้าสิบคนที่เข้าสู่ขอบเขตที่แท้จริงแล้ว ก่อนที่เขาจะส่งต่อที่เหลืออีกยี่สิบขวดให้กับกองกำลังนรก บลูเรนโบว์จากดาร์ครัปโซดี้ และผู้อาวุโสโกลด์จากเดียตี้โซไซตี้
“เราได้รับส่วนแบ่งด้วยงั้นหรอ ?” บลูเรนโบว์ถามขณะที่เธอเห็นซือเฟิงส่งโพชั่นมาให้เธอ
โพชั่นโบราณนั้นช่วยปรับปรุงการควบคุมมานาของผู้เล่นอย่างถาวร และช่วยผู้เล่นในเรื่องการปลดลีอคศักยภาพร่างมานา ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ดีว่าโพชั่นนี้มันมีค่ามากแค่ไหน และแม้ว่าอัตราการดรอปในตอนนี้ของพวกมันจะสูงมาก เพราะพวกเขาเป็นผู้เบิกเบิกเมืองพิษ แต่มันก็จะลดลงจนถึงระดับต่ำสุดแน่นอน เมื่อช่วงเวลานี้สิ้นสุดลง
หากมันอยู่ในอำนาจการตัดสินใจของเธอ เธอจะไม่แบ่งปันโพชั่นนี้กับคนภายนอกแน่นอน
“แน่นอน ฉันบอกคุณไปแล้วนี่ว่าจะช่วยให้คุณแข็งแกร่งขึ้น” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า
หากคนเหล่านี้เป็นสมาชิกของกิลอื่น เขาจะไม่ให้ส่วนแบ่งโพชั่นโบราณแก่พวกเขาแน่นอน อย่างไรก็ตามสำหรับกองกำลังนรก เดียตี้โซไซตี้ และดาร์ครัปโซดี้นั้นมันแตกต่างออกไป พวกเขาเป็นพันธมิตรของสภาสิบแปดปีก
มันเป็นเรื่องน่าเสียดายที่อัตราการดรอปโพชั่นโบราณนี้ยังคงต่ำเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถจะแจกจ่ายได้มากเกินไป ถ้าอัตราการดรอปมันสูง เขาจะเลือกแจกจ่ายให้ทั้งทีมด้วยซ้ำ เพราะท้ายที่สุดที่ที่ชิ้นส่วนดาบของโซโลมอนอยู่นั้นมันลึกเข้าไปอีก และมันอันตรายกว่านี้อีกมาก ดังนั้นการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับทั้งทีมจึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
อย่างไรก็ตามเขาก็ได้ตัดสินใจจะมอบมันให้ผู้เล่นบางส่วนของทั้งสามฝ่ายนี้ โดยเฉพาะกับผู้อาวุโสโกลด์ และบลูเรนโบว์ ที่อยู่ในจุดที่จะไปถึงขอบเขตโดเมน ….
ผู้เล่นสายความมืดหลายคนต่างเต็มไปด้วยความตื่นเต้นมากๆ เมื่อได้ยินคำตอบของซือเฟิง
พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะได้รับโพชั่นโบราณแม้แต่ขวดเดียว แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้พอได้รู้ว่าพวกเขามีสิทจะได้รับส่วนแบ่งเล็กๆ มันก็คุ้มค่าที่จะฉลอง
“หัวหน้ากิล ฉันเจอดาบที่ถูกผนึกที่หัวหน้าพูดถึงในเมือง” ไฟเออร์แดนซ์รายงานในแชทของทีมขณะที่ทุกคนพักผ่อน “แต่ …”
“แต่อะไร ?” ซือเฟิงถามอย่างสงสัย
ชิ้นส่วนดาบโซโลมอนนั้นอยู่ในเมืองพิษ เพื่อความแม่นยำก็ต้องบอกว่ามันถูกผนึกไว้ในเมือง และหากผู้เล่นต้องการแค่ชิ้นส่วนดาบ พวกเขาก็จะไม่ต้องถึงขนาดยึดเมืองพิษ พวกเขาจำเป็นแค่ต้องปลดผนึกชิ้นส่วนดาบเท่านั้น และจากชิ้นส่วนดาบโซโลมอนทั้งหมดที่ซือเฟิงยังไม่ได้รับนั้น นี่ก็เป็นที่ที่มาเอาชิ้นส่วนดาบได้ง่ายกว่าที่อื่นๆอย่างมาก เพราะมันเป็นเพียงชิ้นส่วนดาบที่เป็นอาวุธระดับอีปิค เลเวลหนึ่งร้อย
ดาบโซโลมอนนั้นทรงพลังมากๆ แต่การจะเข้าถึงพลังที่แท้จริงของมันให้ได้นั้น คนๆหนึ่งจะต้องทำการรวบรวมชิ้นส่วนดาบทั้งห้าของมันให้ครบและสร้างมันขึ้นมาใหม่ และแม้จะได้รับมาสี่ชิ้นแล้ว แต่มันก็จะเป็นแค่อาวุธระดับอีปิคสี่ชิ้นเท่านั้น บางคนอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาถือชิ้นส่วนดาบโซโลมอนอยู่
“แต่มันมีนักบุญแห่งดาบขั้นห้า กับ NPC ขั้นสี่สองคนคอยปกป้องดาบอยู่ …”
ตอนที่ 2579 นักบุญแห่งดาบคริมสันอาย
เมื่อได้ยินรายงานของไฟเออร์แดนซ์ ซือเฟิงก็เงียบลงเป็นเวลานานมาก นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?
NPC ?
NPC ขั้นห้าหนึ่งคนกับ NPC ขั้นสี่สองคนอยู่ที่นั้น ?
ตามข้อมูลที่เขารู้มาจากชีวิตที่ผ่านมาของเขา เมืองพิษไม่ควรจะมี NPC แบบนี้ มันเป็นเมืองของคนตาย และไม่ควรจะมีสิ่งชีวิตใดอยู่รอดได้ในดินแดนลับแห่งนี้
“พวกเราควรถอยก่อนไหม หัวหน้ากิล ?” ไฟเออร์แดนซ์ถาม
พวกเขาอาจจะไม่มีปัญหาในการจัดการรับมือกับ NPC ขั้นสี่ ด้วยความได้เปรียบเชิงตัวเลข และเอฟเฟคของแหวนแห่งกอสเปล และพวกเขาก็มีสิทจะจัดการ NPC ขั้นสี่ทั้งสองได้ แต่การคิดจะต่อกรกับ NPC ขั้นห้านั้นมันเป็นเรื่องตลกชัดๆ นักบุญแห่งดาบ ขั้นห้านั้นจัดเป็นตัวตนที่เรียกได้ว่าแทบจะอยู่สูงที่สุดใน God domain ปัจจุบันแล้ว และแม้แต่อาณาจักรทั้งอาณาจักรก็ยังไม่กล้าจะยั่วยุตัวตนแบบนี้ และนักบุญแห่งดาบ ขั้นห้าก็จะสามารถฆ่าผู้เล่นขั้นสามได้อย่างง่ายดายเหมือนกับการหั่นผัก
มาตราฐานการต่อสู้ของ NPC ขั้นห้านั้นไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย และพวกเขาก็น่าจะสามารถเทียบกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์ได้เลย ในแง่ของมาตราฐานการต่อสู้
“ไม่ รออยู่บริเวณนั้นแหละ เดี๋ยวพวกเราไปหา …” ซือเฟิงกล่าวพลางส่ายหัว
เขานั้นมั่นใจมากที่สุดว่าเขาสามารถจะรับเอาชิ้นส่วนดาบโซโลมอนจากเมืองพิษได้ เพราะมันเป็นชิ้นส่วนดาบที่อยู่ในที่ที่ง่ายที่สุดตอนนี้ที่เขาสามารถเข้าถึงได้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางจะยอมจากไปโดยไม่ได้ตรวจสอบทุกอย่างให้ดี
ในระยะนี้ของเกมนั้นมีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้จักและมีชิ้นส่วนดาบโซโลมอนไว้ในครอบครอง ซึ่งหากเขาไม่เร่งใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้เพื่อรวบรวมชิ้นส่วนดาบที่เขาสามารถรวบรวมได้ พอคนอื่นได้รับมันไป มันก็จะเป็นเรื่องที่ท้าทายมากๆที่จะรวบรวมมันให้ครบ และมันจะเหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทร เพราะชิ้นส่วนเหล่านี้ไม่มีกลไกตรวจจับใดๆ และหากผู้เล่นคนอื่นได้รับบางชิ้นส่วนไปก่อน เขาก็จะไม่มีทางรู้ได้เลย นอกจากผู้เล่นที่ได้รับชิ้นส่วนไปจะไปโม้ให้คนอื่นรู้
นี่คือสาเหตุที่เขารีบร้อน
การรวบรวมชิ้นส่วนดาบตอนนี้จะค่อนข้างง่าย แต่เมื่อผู้เล่นไปถึงเลเวลที่สูงขึ้น การจะทำให้ได้นั้นมันจะยากขึ้นมาก นี่คือสาเหตุที่ไอเทมระดับตำนานหายากมากในชีวิตที่ผ่านมาของเขา โดยเฉพาะกับอาวุธระดับตำนาน และการรวบรวมชิ้นส่วนที่จำเป็นในเพื่อสร้างไอเทมระดับตำนานที่แท้จริงก็จัดเป็นเรื่องที่ท้าทายมากเกินไป และการพึ่งแค่กำลังคนกับทรัพยากรจำนวนมากนั้นไม่เพียงพอ คนๆหนึ่งจะต้องพึ่งโชคด้วย ….
แน่นอนว่ามันก็มีข้อยกเว้นสำหรับกฎนี้ ผู้เล่นสามารถจะพึ่งพาหนังสือโบราณได้ เพราะเมื่อมีหนังสือโบราณเหล่านี้อยู่ในมือ ผู้เล่นก็จะสามารถค้นหาผ่านฐานข้อมูลของ God domain เพื่อค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้ อย่างไรก็ตามหนังสือโบราณแบบนี้นั้นหายากมากพอๆกับอาวุธระดับตำนาน และคนๆหนึ่งก็จะพึ่งโชคในการค้นหามันเช่นกัน ….
หลังจากผ่านไปประมาณสองชั่วโมง ทั้งทีมที่ประกอบไปด้วยผู้เล่นสายความมืด กองกำลังนรก และสมาชิกสภาสิบแปดปีกก็มาถึงลานกว้างของเมือง ซึ่งในใจกลางพื้นที่นี้นั้นก็มีบ่อน้ำพุที่แห้งไปแล้วอยู่ และหากพวกเขาตรวจสอบอย่างใกล้ชิด พวกเขาก็จะค้นพบชุดของวงเวทย์ที่เปล่งประกายจางๆอยู่ โดยทำหน้าที่ปราบปรามดาบยาวสีเทาหม่นซึ่งใบดาบฝังอยู่ในบ่อน้ำพุไปครึ่งหนึ่ง และแม้จะมีการปราบปรามแบบนี้ แต่ออร่าของดาบก็ยังกำจัดสิ่งมีชีวิตรอบตัวมัน และเปลี่ยนเมืองให้กลายเป็นดินแดนแห่งความตาย และมันก็เห็นได้ชัดว่าออร่าของดาบนั้นน่าจะทรงพลังมากขึ้นกว่านี้แน่นอน หากไม่มีวงเวทย์ปราบปรามมันไว้
ขณะเดียวกันมันก็มี NPC สามคนอยู่รอบๆดาบยาวสีเทาหม่น ขณะเดียวกันผู้ที่เป็นผู้นำของ NPC เหล่านี้ก็ยืนอยู่ด้านหน้าเลย โดยเขาเป็นชายที่มีตาข้างเดียว มีผมสีแดง และสวมหมวกที่มีสีขาวราวกับหิมะ
[เอลโวลต์ (นักบุญแห่งดาบคริมสันอาย)] (มนุษย์ นักบุญแห่งดาบ)
Level ? ? ?
HP??????/??????
อึก !! นักบุญแห่งดาบที่มีฉายา ?! ซือเฟิงรู้สึกมึนงง เมื่อเขามองไปยังชายที่มีตาข้างเดียว
NPC ขั้นห้าที่มีฉายานั้นเป็นเหมือนกับราชันในหมู่ NPC ขั้นห้า และพวกเขาก็รับผิดชอบต่อการแสดงปาฎิหาริย์มามากมายในอดีตของ God domain และในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิง แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนขั้นห้า ก็ยังไม่กล้าจะยั่วยุ NPC ขั้นห้าที่มีฉายา มันมีเพียงฮีโร่ขั้นห้าเท่านั้นที่จะสามารถต่อกรกับตัวตนระดับนี้ได้ แต่แตกต่างจากฮีโร่ NPC ที่มีฉายาไม่ใช้ผู้ได้รับพรจากเหล่าทวยเทพ แต่พวกเขานั้นจะมีมาตราฐานการต่อสู้ที่สูงลิ่ว และพลังการต่อสู้ที่มากมายมหาศาลแทน ด้วยเหตุนี้พูดกันตามตรง ผู้เล่นในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิงจึงเต็มใจจะเผชิญหน้ากับฮีโร่ขั้นห้า มากกว่า NPC ขั้นห้าที่มีฉายา
แต่ตอนนี้ซือเฟิงกับพบตัวตนระดับนี้ในเมืองพิษ ซึ่งเป็นดินแดนลับ เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบ ….
สมาชิกในทีมของซือเฟิงนั้นล้วนอ้าปากค้างทั้งหมด เมื่อพวกเขาได้เห็นเอลโวลต์ แม้แต่ในเมืองหลวงของจักรวรรดิ พวกเขาก็ไม่เคยเห็น NPC ระดับนี้มาก่อน และหากพวกเขากลายเป็นศัตรูกับ NPC ระดับนี้ ชะตากรรมของพวกเขาก็จะจบสิ้นแล้วแน่นอน ซึ่งมันอาจทำให้พวกเขาต้องลบไอดีตัวเองและเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดเลย
ขณะที่ซือเฟิงกำลังลังเลว่าเขาควรจะทำภารกิจส่วนตัวเรื่องชิ้นส่วนดาบโซโลมอนของเขาต่อไหม เอลโวลต์ก็หันมามองที่กำแพงที่ทีมของเขาซ่อนอยู่
“พวกคุณเฝ้าดูมานานพอแล้ว !!! แสดงตัวออกมา !!!” เอลโวลต์กล่าวอย่างใจเย็น
ขณะที่นักบุญแห่งดาบคริมสันอายผู้นี้พูดขึ้น ทุกคนก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน บลูเรนโบว์และผู้อาวุโสโกลด์นั้นต้องต่อสู้กับสัญชาตญาณที่กรีดร้องให้พวกเขาหนีไป
พวกเขานั้นสามารถรับรู้ได้เลยว่าเอลโวต์แข็งแกร่งมากขนาดไหน และหากพวกเขาทำให้ชายคนนี้ไม่พอใจ ความคืบหน้าทั้งหมดที่พวกเขาทำมาใน God domain ก็จะไร้ประโยชน์ไปเลยแน่นอน และเหตุการณ์แบบนี้ก็เคยเกิดขึ้นมาก่อน แถมมาก
กว่าหนึ่งครั้งด้วยในโลกแห่งความมืด ดังนั้นผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดจึงไม่กล้าที่จะยั่วยุ NPC ขั้นห้าโดยไม่ตั้งใจเลย ในความเป็นจริง แม้แต่ NPC ขั้นสี่ ผู้เล่นส่วนใหญ่ก็ยังเลือกจะหลีกเลี่ยงให้มากที่สุดด้วยซ้ำ
“อย่าวิ่งหนี !!!” ซือเฟิงตะโกนผ่านแชททีม
“แต่หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม นั่นคือ NPC ขั้นห้า …” ผู้อาวุโสโกลด์กล่าว
พวกเขาไม่ได้อยู่ในเมือง NPC และ NPC ที่อยู่ในแผนที่ล่านั้นก็ไม่เคยจะสามารถคาดเดาได้เลย และความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจนำไปสู่หายนะที่ไม่อาจบรรยายได้
“ฉันรู้ แต่เขาเจอเราแล้ว เขาจะไม่ปล่อยให้เราหนีไปแน่นอน ถ้าเราพยายามหนี !!” ซือเฟิงกล่าวพลางยิ้มให้กับผู้อาวุโสโกลด์ “ทางเลือกที่ดีที่สุดของเราคือทำตามที่เขาบอก อย่าพยายามยั่วยุ NPC ขั้นห้าที่มีฉายาเลย”
พลังของ NPC ขั้นห้าที่มีฉายานั้นไม่ใช่เรื่องตลก และแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนขั้นห้าก็ยังแทบไม่มีโอกาสจะหนีจากตัวตนระดับนี้ได้ ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงพวกเขาที่เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเลย ดังนั้นทางเลือกในการหนีจึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก
ยิ่งไปกว่านั้นดูแล้วเอลโวลต์ก็ไม่เหมือนกับเทพปีศาจในการล่อลวงของเทพปีศาจที่ซือเฟิงเคยเจอมา ถ้าชายคนนี้เกิดเอาแต่ใจ และไม่สนอะไรขึ้นมา ซือเฟิงก็จะตายก่อนที่เขาจะสามารถเปิดใช้งานสกิลสปาร์เชี่ยลเกตหรือสกิลการเคลื่อนย้ายอวกาศได้
“ฉันเข้าใจ”
เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง ผู้อาวุโสโกลด์ก็ตั้งสติได้และละทิ้งความคิดที่จะหนี และมันก็เป็นดั่งที่ซือเฟิงกล่าว ชายตรงหน้าของพวกเขาคือ NPC ขั้นห้าที่แข็งแกร่ง หากพวกเขาพยายามจะหนี พวกเขาจะไม่รอดแน่นอน ….
ยิ่งไปกว่านั้นหากชายที่เป็นนักบุญแห่งดาบขั้นห้าผู้นี้มองว่าการหนีของพวกเขาเป็นเจตนาจะท้าทายคำพูดของเขา ผลของเรื่องนี้มันก็จะยิ่งแย่ลงไปกันใหญ่แน่นอน ดังนั้นการออกไปตามคำบอกจึงดูจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ภายใต้การนำของซือเฟิง ทั้งทีมก็ได้โผล่ออกมา และเดินเข้าหาเอลโวลต์
“สวัสดีท่านนักบุญแห่งดาบที่เคารพ เรามาที่นี่เพื่อสำรวจดินแดนลับและค้นพบสถานที่แห่งนี้โดยบังเอิญ โปรดยกโทษให้สำหรับการล่วงละเมิดของเราด้วย” ซือเฟิงกล่าวขอโทษเอลโวลต์ซึ่งตอนนี้นั่งอยู่หน้าน้ำพุ
“สำรวจดินแดนลับงั้นหรอ ?” เอลโวลต์ยิ้ม จากนั้นเสียงของ NPC ก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา โดยเขาพูดต่อว่า “คุณมาที่นี่เพื่อดาบเล่มนี้ใช่ไหมล่ะ ? ใครเป็นผู้บัญชาการกองกำลังของคุณ ?!”
เจตนาฆ่าฟัน
นี่คือเจตนาฆ่าฟันของ NPC ขั้นห้าอย่างแท้จริง !!!
เมื่อน้ำเสียงของเอลโวลต์แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา ซือเฟิงและทีมของเขาทั้งหมดก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้น ตอนนี้พวกเขาทุกคนรู้สึกราวกับว่ามีเหล็กหนักอึ้งถ่วงทั้งตัวพวกเขาอยู่ และแม้แต่การจะหายใจก็ยังทำได้อย่างยากลำบาก มันรู้สึกราวกับว่าพวกเขาได้จมดิ่งลงไปในนรกที่เย็นยะเยือก
ในเวลาเดียวกันนั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงการแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นหลายชุด
ระบบ : คำเตือน ! คำเตือน !
ระบบ : คุณได้กระตุ้นให้อีเว้นระดับอีปิค “ความโกรธเกรี้ยวของคริมสัน” ถูกเปิดใช้
งาน !
ระบบ : คุณมีเวลา 30 วินาที ในการตัดสินใจว่าจะฆ่าเอลโวลต์ นักบุญแห่งดาบคริมสันอาย หรือรับโทษถึงตาย
ตอนที่ 2580 ปลดผนึกดาบ และภัยพิบัติที่เกิดขึ้น
ทุกคนในทีมรวมไปถึงซือเฟิงต่างแสดงออกอย่างหวาดกลัว เมื่อพวกเขาเห็นการแจ้งเตือนของระบบ
“มันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง ?! NPC คนนี้มันบ้าชัดๆ !!” เมจิคแฟลชเริ่มรู้สึกสิ้นหวังอย่างมาก
เมื่อใดก็ตามที่ผู้เล่นไปเปิดใช้งานอีเว้นใน God domain รวมไปถึงอีเว้นระดับอีปิค ส่วนใหญ่ระบบจะไม่ส่งคำเตือนล่วงหน้าให้กับพวกเขา อย่างไรก็ตามหากระบบมีการส่งคำเตือนล่วงหน้าให้กับพวกเขา มันอาจหมายถึงสิ่งเดียวเท่านั้น !!
ตายแน่ !!
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังไม่ได้เสี่ยงต่อการตายแบบธรรมดา แต่วิญญาณอมตะของพวกเขาอาจหายไปด้วย ซึ่งมันจะทำให้พวกเขาต้องลบไอดีและเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด ….
แม้แต่เฮลรัชก็ยังรู้สึกว่าครั้งนี้พวกเขาจบสิ้นแล้วแน่นอน ไม่ต้องพูดถึงเมจิคแฟลชและคนอื่นๆจากดาร์ครัปโซดี้กับเดียตี้โซไซตี้เลย และแค่การตายธรรมดานั้นก็จัดว่าเป็นปัญหาอย่างมากแล้วสำหรับสมาชิกของกองกำลังนรก หากทุกคนต้องลบไอดีและเริ่มต้นใหม่กันทั้งหมด พวกระดับสูงของพวกเขาจะเอาพวกเขาตายแน่นอน
“หัวหน้ากิล แยกกันวิ่งหนีเถอะ !!! มันมี NPC ขั้นห้าอยู่เพียงแค่คนเดียว เขาไม่สามารถจะจัดการกับพวกเราได้ทั้งหมดหรอก คนที่โชคดีอาจจะหนีรอดไปได้อย่างปลอดภัย !!!” บลูฟอร์สแนะนำ
พวกเขาเหลือทางเลือกเดียวคือ หนี !!
ไม่ว่าพวกเขาจะเลือกที่จะต่อสู้กับเอลโวลต์หรือยอมรับโทษตาย พวกเขาก็จะพบจุดจบแบบเดียวกัน ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นจะต้องเลือกตัวเลือกที่สาม !!
เมื่อได้ยินคำพูดของบลูฟอร์ส สมาชิกในทีมที่เหลือก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย การเสียสละนั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่มันก็ยังดีกว่าการถูกสังหารหมู่ทั้งทีม เพราะพวกเขาจะไม่มีใครนอกจากตัวเองที่ต้องโทษหากพวกเขาตาย
นี่เรามีแค่ทางเลือกเดียวจริงๆงั้นหรอ ? ในขณะที่ซือเฟิงรู้สึกได้ถึงเจตนาฆ่าฟันของเอลโวลต์ที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เขาก็รู้สึกท้อแท้อย่างมาก
พวกเขาเพียงแค่เข้ามาในดินแดนลับ เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบเท่านั้น แต่ระบบหลักของ God domain กับวางกับดักบ้าๆแบบนี้ไว้แล้วงั้นหรอ ?
NPC มนุษย์นั้นแตกต่างจากเทพปีศาจ พวกเขาจะไม่วางกับดักแห่งความตายไว้สำหรับผู้เล่นโดยไม่มีเหตุผลที่ดีพอ และแม้ว่าพวกเขาจะทำเช่นนั้นจริงๆ พวกเขาก็มักจะให้โอกาสสำหรับผู้เล่นในการเอาชีวิตรอดเช่นกัน
ฉันพลาดเงื่อนงำบางอย่างไปงั้นหรอ ?
แต่ละวินาทีค่อยๆผ่านไป ในขณะที่ซือเฟิงตกอยู่ในห้วงความคิด
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม แผนว่ายังไง ?”
“เรามีเวลาเหลืออีกเพียงสิบวินาทีในการตัดสินใจนะ !!!”
เมื่อเหลือเวลาตัดสินใจเพียงสิบวินาที ผู้อาวุโสโกลด์และบลูเรนโบว์ต่างก็กล่าวกระตุ้นซือเฟิงอย่างเป็นกังวล
การทำอะไรผลีผลามมีแต่จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เลวร้าย โอกาสที่ดีที่สุดคือทั้งทีมเริ่มเคลื่อนไหวหนีพร้อมๆกัน แต่หลังจากผ่านไปกว่ายี่สิบวินาที ซือเฟิงก็ยังคงนิ่ง นี่มันทำให้พวกเขาแทบจะบ้า
เมื่อเหลือเวลาเพียงห้าวินาที สมาชิกของดาร์ครัปโซดี้และเดียตี้โซไซตี้ก็เต็มไปด้วยความกระสับกระส่ายมากขึ้น อย่างไรก็ตามก่อนที่พวกเขาจะเริ่มแยกตัวและหนีพร้อมกัน ซือเฟิงก็เริ่มขยับตัว ซึ่งนี่มันก็สร้างความสับสนและประหลาดใจให้กับทุกคนมากๆ เพราะซือเฟิงขยับตัวค่อยๆเดินเข้าไปหาเอลโวลต์ ….
“ท่านนักบุญแห่งดาบ เราไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้ท่านขุ่นเคือง และเราก็ไม่ได้มาที่นี่ด้วยคำสั่งของใคร นี่มันเป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้น หากท่านปฎิเสธที่จะเชื่อฉัน ฉันก็คงจะต้องขอท้าทายท่านในนามของเทพธิดาแห่งท้องฟ้า !!” ซือเฟิงประกาศ ในขณะที่เขาเดินเข้าหาเอลโวลต์
หลังจากคำประกาศของเขา ความเงียบก็เข้าปกคลุมไปทั่วทั้งลานกว้าง
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม นี่คุณบ้าไปแล้วงั้นหรอ ?!!” บลูเรนโบว์จ้องมองไปยังซือเฟิงด้วยความตกตะลึง เมื่อได้ยินคำประกาศของเขา “เขาเป็นนักบุญแห่งดาบขั้นห้าที่มีฉายานะ !!”
“หัวหน้ากิล ?” บลูฟอร์สก็มองไปยังซือเฟิงด้วยความตกตะลึงอย่างถึงที่สุดเช่นกัน
NPC ขั้นห้านั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ง่ายเลย และตอนนี้ใน God domain NPC ขั้นห้า ก็แทบจะจัดว่าเป็นตัวตนที่ยืนอยู่ในจุดสูงสุด และในฐานะผู้เล่นขั้นสามในปัจจุบันของพวกเขา การหลบหนี NPC ขั้นห้าให้ได้ก็เป็นเรื่องที่ยากมากแล้ว ไม่ต้องพูดถึงการท้าทายเลย
“คุณต้องการที่จะท้าทายฉันงั้นหรอ ?” เอลโวลต์หัวเราะ “ฉันคิดว่าคุณยังไม่มีคุณสมบัติสำหรับการต่อสู้เช่นนั้นนะชายหนุ่ม …”
“แต่แน่นอนว่าฉันเป็นคนค่อนข้างใจกว้าง เนื่องจากคุณต้องการพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้มาตามคำสั่งของใคร ดังนั้นฉันจะให้โอกาสกับคุณ !!!”
เมื่อได้ยินเอลโวลต์เสนออีกทางเลือกหนึ่ง ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ ขณะที่ดวงตาของพวกเขามองไปยังซือเฟิง
“มันเป็นไปได้จริงหรอ ?” บลูเรนโบว์พึมพำอย่างตกตะลึง
ตอนแรกพวกเขานั้นใกล้จะตายแล้ว แต่ด้วยคำพูดเพียงแค่ไม่กี่คำของซือเฟิง เขาได้เปิดเส้นทางในการอยู่รอดให้พวกเขาอีกครั้ง ความกล้าหาญและความสามารถของเขานั้นน่าทึ่งมากจริงๆ
“การแจ้งเตือนของระบบนั้นมันเป็นคำใบ้ ระบบไม่ได้ระบุสักหน่อยว่าเราต้องฆ่าเอลโวลต์เพื่อเอาชนะเขา ดังนั้นแบล๊คเฟรมจึงได้เลือกลองจะท้าทายเขาดู และเราก็ได้รับอีกทางเลือกมาจริงๆ” ผู้อาวุโสโกลด์กล่าว และเขาก็เริ่มตระหนักได้ถึงอะไรหลายๆอย่างเมื่อเขาได้อ่านการแจ้งเตือนของระบบอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะจ้องมองไปยังซือเฟิง และพูดต่อว่า “อย่างไรก็ตามแบล๊คเฟรมนั้นเป็นคนที่น่าเหลือเชื่อมากจริงๆ แม้ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นนี้เขาก็ยังพบกับทางออกที่เหมาะสมสำหรับปัญหานี้ นี่ชายคนนี้ต้องกล้าหาญแค่ไหนถึงคิดว่าตัวเองจะสามารถเอาชนะ NPC ขั้นห้าได้..”
เจตนาฆ่าฟันที่เอลโวลต์แผ่ออกมานั้นไม่ใช่เรื่องน่าหัวเราะ
แม้ในฐานะผู้เชี่ยวชาญชั้นยอด จิตใจของผู้อาวุโสโกลด์ก็ยังรู้สึกมึนงงมากๆ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเจตนาฆ่าฟันนี้ และเขาก็ไม่สามารถคิดอย่างอื่นออกนอกจากต้องหนีเลย และตามเหตุผลแล้ว แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนทั่วไปก็จะมีปฎิกิริยาแบบเขาแน่นอน เพราะท้ายที่สุดความกลัวนั้นเป็นสัญชาตญาณพื้นฐานสำหรับสิ่งมีชีวิตทั้งหมด
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ทุกคนถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา เอลโวล์ก็พูดต่อว่า
“ผู้ปกครองเมืองที่ถูกสาปนั้นเป็นผู้ดูแลเมืองพิษอยู่ และเนื่องจากพวกคุณมาที่นี่เพื่อสำรวจเมืองนี้ ดังนั้นการเผชิญหน้ากับเขาจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งสิ่งที่ฉันต้องการจากพวกคุณนั้นก็เรียบง่าย จงไปฆ่าผู้ปกครองเมืองและปลดปล่อยเขาจากคำสาปซะ พวกคุณจะไม่มีใครสามารถออกจากเมืองนี้ไปได้จนกว่าเควสจะเสร็จสิ้น ทำเควสนี้ให้สำเร็จ หากพวกคุณไม่อยากให้ฉันหั่นพวกคุณเป็นชิ้นๆ …”
….
ระบบ : ยินดีด้วย !! คุณได้ยอมรับเควสระดับตำนานที่อ่อนแอ “จุดเริ่มต้นของจุดจบ”
เนื้อหาเควส : ฆ่าผู้ปกครองเมืองพิษ และหากผู้เล่นทุกคนในดินแดนลับถูกฆ่าแทน วิญญาณของผู้เล่นก็จะดับสูญ
รางวัล : Unknown
เมื่อได้รับรู้ถึงเควสใหม่ที่พวกเขาต้องทำ สีหน้าของทุกคนก็กลับมาสิ้นหวังอีกครั้ง
เควสระดับตำนานที่อ่อนแอ !!!
ยิ่งไปกว่านั้นเควสนี้ยังต้องการให้พวกเขาพิชิตดินแดนลับเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบ !!!
การพิชิตดินแดนลับเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบนั้นพูดง่ายกว่าทำ ซึ่งด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของทีมพวกเขา มันก็ควรจะต้องใช้เวลาราวสองสัปดาห์ในการทำแบบนี้ และมันก็มีแนวโน้มที่จะล้มเหลวเช่นกัน เพราะท้ายที่สุดแล้วนอกเหนือจากความต้องการอาวุธและอุปกรณ์ที่มีเลเวลสูงมากพอแล้ว ผู้เล่นยังต้องการมาตราฐานการต่อสู้ที่สูงเพียงพอด้วย
เพื่อทำให้เรื่องแย่ลง พวกเขาจะไม่สามารถออกจากดินแดนลับแห่งนี้ได้จนกว่าเควสจะเสร็จ ….
อย่างไรก็ตามก่อนที่พวกเขาจะทันได้มีปฎิกิริยาตอบสนองใดๆ เอลโวลต์ก็ได้เริ่มร่ายเวทย์ จากนั้นวงเวทย์สีดำขนาดใหญ่ก็ปรากฎขึ้นบนพื้นหิน และมันก็แผ่พลังแห่งความตายที่หนาแน่นออกมา
ทันใดนั้นชายร่างสูงสองเมตร ในชุดเกราะที่สวยงามก็โผล่ออกมาจากวงเวทย์นี้
….
[คลอเดีย (ผู้ปกครองเมืองพิษ)] (อันเดธ ระดับผู้อาวุโสเทพนิยาย)
เลเวล 120
HP 3,700,000,000/3,700,000,000
….
“นี่คือบอสตัวสุดท้ายของดินแดนลับงั้นหรอ ?” ใบหน้าของเฮลรัชซีดเผือด ขณะที่เขามองไปยังคลอเดีย
คลอเดียนั้นแข็งแกร่งเกินไป ไม่ต้องพูดถึงทีมของพวกเขาเลย แม้แต่ทีมผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบ หนึ่งพันคนก็ยังไม่รู้เลยว่าจะสามารถเอาชนะคลอเดียได้รึปล่าว ….
ในขณะที่ทั้งทีมกำลังตกตะลึงกับข้อมูลและความแข็งแกร่งของคลอเดีย ชายคนนี้ก็เดินมาที่น้ำพุและดึงดาบยาวสีเทาหม่นออกมา
เมื่อคลอเดียดึงดาบยาวออกมา พลังแห่งความตายจากใบดาบก็เริ่มเข้าท่วมท้นพื้นที่โดยรอบ และเมฆสีดำก็พัดเข้าหาทีมของซือเฟิงทันที ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่ะจต้องหลบ เพราะทุกๆที่ที่เมฆนี้พัดผ่าน พื้นดินก็จะแปรเปลี่ยนเป็นสีเทาหม่น หมดสภาพ ราวกับมันกลายเป็นดินแดนแห่งความตายแล้ว
“พวกคุณสามารถเริ่มได้เลย …” เอลโวลต์กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ขณะที่เขามองไปยังซือเฟิงและคนอื่นๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น