Reincarnation Of The Strongest Sword God 2662-2663
ตอนที่ 2662 สั่นสะเทือนทั่วทั้งทวีปกับตัวตนทรงพลังที่กลับมา
เมื่อร่างที่สูงหกเมตรของไอรอนทูชเริ่มจะสลายตัวกลายเป็นอนุภาคแสง ทุกคนที่ยืนอยู่ในบริเวณนี้ทั้งหมดก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง
แม้จะดูดซับ Faux Saint Devourer ที่แข็งแกร่งเข้าไป แต่ไอรอนทูชก็ยังตายลงทั้งๆแบบนั้น
จนถึงตอนนี้ไม่มีมหาอำนาจแม้แต่กลุ่มเดียวหรือผู้เล่นแม้แต่คนเดียวที่สามารถฆ่ามอนสเตอร์ Faux Saint ที่เป็นระดับแกรนลอร์ดอย่าง Faux Saint Destroyer ได้ แต่ซือเฟิงกับประสบความสำเร็จในการฆ่า Faux Saint Devourer ยิ่งไปกว่านั้น เขายังทำสำเร็จในขณะที่มือแห่งนักบุญพยายามจะปกป้องมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายด้วย
ในขณะที่ร่างของไอรอนทูชหายไป วิญญาณของเขาก็กระเพื่อมและกระจายออกไปจากบริเวณซากศพกินรัศมีหลายพันหลา และทุกคนที่ได้สัมผัสกับวิญญาณที่กระเพื่อมนี้ล้วนตัวสั่นโดยไม่ได้ตั้งใจ
ชั่วครู่ต่อมา หมอกสีขาวหลายสายที่ออกมาจากศพของไอรอนทูช ก็ได้พุ่งตรงไปยังร่างของซือเฟิง และก่อนที่เขาจะทันได้ตอบสนองได้ หมอกนี้ก็รวมเข้ากับวิญญาณของเขาแล้ว
“แบล๊คเฟรม คุณจะต้องเสียใจกับการกระทำของตัวเองในวันนี้ !!! ตอนนี้คุณได้ฆ่า Faux Saint Devourer ไปแล้ว และตราประทับวิญญาณของมันก็ได้ไปรวมเข้ากับคุณ !!! อีกไม่นานมอนสเตอร์ Faux Saint ตัวอื่นๆจะมาตามหาคุณแน่นอน !!! และพวกมันก็จะกำจัดทั้งคุณ และเมืองปีกสีเงินออกไปจากจักรวรรดิออร์คแน่นอน !!!” เธ้าซั่นอายกล่าวอย่างเย้ยหยันขณะที่เขามองไปยังซือเฟิง
พวกระดับสูงของเขานั้นสั่งให้เขาปกป้อง Faux Saint Devourer เพราะการที่ Faux Saint Devourer จะเกิดขึ้นมาสักตัวมันมีโอกาสน้อยมาก และมันก็หาได้ยากมากๆ ซึ่งอัตราการเกิดของ Faux Saint Devourer จาก Faux Saint Destroyers นั้นมันไม่ถึงหนึ่งในหมื่นด้วยซ้ำ ในขณะเดียวกัน Faux Saint Devourer มันก็จัดว่ามีประโยชน์อย่างมากทั้งกับมอนสเตอร์ Faux Saint และมือแห่งนักบุญ
อย่างไรก็ตามตอนนี้ซือเฟิงไม่เพียงแต่จะเพิกเฉยต่อมือแห่งนักบุญอย่างสิ้นเชิง แต่เขายังจัดการฆ่า Faux Saint Devourer ต่อหน้าต่อหน้าทุกคนด้วย การกระทำของเขานั้นมันจัดว่าเป็นการดูถูกมือแห่งนักบุญอย่างแท้จริง และจริงๆนี่ก็เป็นครั้งแรกเลยที่เธ้าซั่นอายได้รับความอัปยศอดสูแบบนี้ นับตั้งแต่เข้าสู่ God domain มา
เนื่องจากตอนนี้ภารกิจของเขาล้มเหลวไปแล้ว ดังนั้นเธ้าซั่นอายจึงต้องการให้ซือเฟิงตระหนักว่าการกระทำของเขามันโง่เขลาขนาดไหน และเขาก็จะต้องเสียใจกับเรื่องนี้ไปตลอดชีวิต
สมาชิกของมือแห่งนักบุญคนอื่นๆเองก็เริ่มมองไปยังซือเฟิงอย่างเย้ยหยันเช่นกัน
มอนสเตอร์ Faux Saint นั้นไม่เหมือนกับมอนสเตอร์ทั่วไป มันมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดต่อกันและกันมากๆ ยิ่งไปกว่านั้นความแน่นแฟ้นของความสัมพันธ์นี้มันก็ยังสอดคล้องกับความแข็งแกร่งของมอนสเตอร์ Faux Saint ด้วย
และเมื่อ Faux Saint Devourer ที่มีสถานะเทียบเท่ากับราชาในหมู่มอนสเตอร์ Faux Saint ถูกฆ่าไปโดยฝีมือของซือเฟิงตัวหนึ่ง มันก็เท่ากับว่าซือเฟิงได้กลายเป็นศัตรู
ของมอนสเตอร์ Faux Saint ทั้งหมดแล้ว
เว้นแต่ว่าซือเฟิงจะสามารถลบตราประทับวิญญาณของมอนสเตอร์ Faux Saint Devourer ออกไปได้ ไม่งั้นมอนสเตอร์ Faux Saint ทั้งหมดที่อยู่ในรัศมีหนึ่งแสนหลาจะสามารถตรวจจับการปรากฎตัวของเขาได้และจะพยายามฆ่าเขาตราบใดที่เขามีตราประทับวิญญาณอยู่ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือถ้าซือเฟิงไม่สามารถลบตราประทับวิญญาณออกไปได้ มอนสเตอร์พวกนี้ก็จะกำหนดเป้าหมายมาที่เขาจนกว่าเขาจะลบไอดีของตัวเองและเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง !!!
ใบหน้าของเพอเพิ้ลอายและคนอื่นๆมืดมนลงเล็กน้อย เมื่อพวกเขามองไปที่เธ้าซั่นอาย พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าการที่ทำการฆ่า Faux Saint Devourer จะต้องจ่ายด้วยราคาแบบนี้
….
“ฮ่าๆๆๆ ตอนนี้แบล๊คเฟรมจะต้องตกตะลึงมากๆแน่นอน !!! ถ้าสิ่งที่เธ้าซั่นอายพูดเป็นความจริง งั้นตอนนี้แบล๊คเฟรมและเมืองปีกสีเงินก็จะถึงจุดจบแล้วแน่นอน !!!”
มหาอำนาจต่างๆที่เฝ้าชมอยู่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างสนุกสนานออกมา เมื่อได้ยินคำพูดของเธ้าซั่นอาย
พลังการกลายร่างเป็นมังกรของซือเฟิงนั้นน่าตกตะลึง และอาจเรียกได้ว่าไม่มีใครเทียบได้ และพวกเขาก็สามารถบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่า หลังจากเรื่องนี้สภาสิบแปดปีกจะกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามคำพูดของเธ้าซั่นอายช่วยขจัดความกังวลทั้งหมดของพวกเขาออกไป
โครงสร้างการป้องกันในปัจจุบันของเมืองปีกสีเงินนั้นมันจัดว่าแข็งแกร่งมากๆ เพราะท้ายที่สุดมันไม่ได้มีเพียง NPC ขั้นสี่ที่คอยปกป้องเมือง แต่มันยังได้รับการปกป้องจากผู้เล่นสัตว์ประหลาดอย่างซือเฟิงด้วย
อย่างไรก็ตามเมื่อถูกปิดล้อมโดยกองทัพนับล้าน หรืออาจจะเป็นสิบๆล้านของมอนสเตอร์ Faux Saint แม้แต่เมืองหลักขนาดใหญ่ของ NPC ก็จะล่มสลายลงอย่างรวดเร็วแน่นอน ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงเมืองปีกสีเงินเลย
….
ในระหว่างที่ทุกคนคิดกำลังคิดว่า ซือเฟิงจะเปิดเผยท่าทีเสียใจหรือความกลัวออกมานั้น นักดาบผู้นี้กับยิ้มบางๆออกมาแทน และท่าทีของเขาก็ยังดูสงบมากๆ
“คุณอยากเห็นฉันเสียใจงั้นหรอ ? คุณจะต้องออกจากที่นี่ทั้งๆที่ยังมีชีวิตให้ได้ก่อนนะถึงจะทำแบบนั้นได้ !!!”
หลังจากพูดจบ ซือเฟิงก็ค่อยๆเดินเข้าไปหาเธ้าซั่นอายและทีมของเขา และแต่ละก้าวที่เขาก้าวไปนั้นมันทำให้พื้นแตก ซึ่งในขณะนี้มันให้ความรู้สึกเหมือนโลกทั้งโลกกำลังโกรธเกรี้ยวเลย
เมื่อได้เห็นท่าทีแบบนี้ของซือเฟิง เธ้าซั่นอายและสมาชิกคนอื่นๆของมือแห่งนักบุญก็หน้าซีดลงอย่างมาก
“แบล๊คเฟรม …. คุณไม่ควรทำอะไรที่มันไปไกลเกินไปนะ !!!”
“พวกเราเป็นสมาชิกหนึ่งในกองกำลังหลักของมือแห่งนักบุญ !!! ถ้าคุณฆ่าเรา มือแห่งนักบุญจะไม่ยกโทษให้กับสภาสิบแปดปีกแน่นอน !!!”
“ถูกต้อง !! หากคุณต้องการจะรักษาชีวิตและสถานะของของเมืองปีกสีเงินไว้ ทางเลือกเดียวของคุณคือการทำงานร่วมกับมือแห่งนักบุญ !! ไม่งั้นทั้งคุณและสภาสิบแปดปีกจะถูกมอนสเตอร์ Faux Saint กลืนกินทั้งหมด !!”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับมังกรดำที่มีความสูงสี่สิบเมตร และมีออร่าที่ทรงพลังอย่างน่ากลัวมากๆ บรรดาผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดของมือแห่งนักบุญไม่เว้นแม้แต่เธ้าซั่นอาย ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนก็หวาดกลัวจนไม่สามารถจะทำอะไรได้ และจิตใจของพวกเขามันก็ว่างเปล่าไปทั้งหมด ทำให้พวกเขาไม่สามารถควบคุมร่างกายทางกายภาพของตัวเองให้ตอบสนองอย่างเหมาะสมได้เลย ซึ่งนี่มันก็หมายความว่าพวกเขาไม่สามารจะหลบหนีได้ แม้ว่าพวกเขาจะต้องการก็ตาม
ฉากนี้สร้างความสับสนและตกตะลึงให้กับมหาอำนาจต่างๆอย่างมาก ชั่วครู่หนึ่งพวกเขาล้วนสงสัยว่าบรรดาผู้เล่นที่พวกเขาเฝ้าดูผ่านกระจกเวทย์มนต์นั้นจริงๆแล้วเป็นสมาชิกหนึ่งในกองกำลังหลักของมือแห่งนักบุญจริงรึปล่าว เพราะปกติแล้วสมาชิกระดับนี้ของมือแห่งนักบุญจะไม่แสดงความเคารพใดๆเลยแม้แต่กับมหาอำนาจต่างๆ
ก่อนที่สมาชิกของมหาอำนาจต่างๆจะทันได้หายสงสัย ซือเฟิงก็ได้มาถึงตรงหน้าของเธ้าซั่นอายและค่อยๆยกกรงเล็บขนาดใหญ่ของเขาขึ้นมา
“พวกคุณไม่จำเป็นจะต้องมากังวลกับเรื่องนี้ !!!”
หลังจากที่ซือเฟิงพูดจบ เขาก็ส่งกรงเล็บเข้าโจมตีเธ้าซั่นอายและทีมของเขาทันที
ดาบที่หนึ่ง ไลท์ชาโด้ว !!!
ในช่วงเวลาต่อมาเงาของกรงเล็บมังกรขนาดมหึมาก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้า โดยมันมีขนาดใหญ่โตและทรงพลังมากซะจนเธ้าซั่นอายกับคนอื่นๆนั้นไม่สามารถจะหลบหรือป้องกันตัวเองได้เลย และในพริบตาเธ้าซั่นอาย และทีมของเขาทั้งหมดก็ถูกฆ่าทันที
ความเงียบสงัด !!
การทำลายล้าง !!
ความตาย !!
ครู่หนึ่งเวลาในป่าทะเลทรายนั้นดูเหมือนจะหยุดนิ่ง และแม้แต่สมาชิกของมหาอำนาจต่างๆที่กำลังเฝ้าดูผ่านกระจกเวทย์มนต์จากเมืองปีกสีเงินก็ยังเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ และพวกเขาก็แทบจะไม่เชื่อสายตาของพวกเขาเลย
“พวกเขาถูกฆ่าทั้งๆอย่างนั้นเลยงั้นหรอ ?”
“นี่คือผู้เชี่ยวชาญที่มือแห่งนักบุญลงทุนอย่างมหาศาลเพื่อเลี้ยงดูขึ้นมา !!! ด้วยเรื่องนี้มือแห่งนักบุญจะไม่ปล่อยให้สภาสิบแปดปีกหลุดไปจากเบ็ดแน่นอน !!!”
“นี่เขาคือ แบล๊คเฟรมจริงๆงั้นหรอ ?”
ทีมผู้เชี่ยวชาญที่มาจากกองกำลังหลักของมือแห่งนักบุญนั้นแตกต่างจากผู้เล่นทั่วไป พวกเขาได้อาศัยวิธีการพิเศษเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าสถานะพื้นฐานอันน่าอัศจรรย์ ดังนั้นบทลงโทษที่พวกเขาจะได้รับจากการตายมันจึงสูงกว่าผู้เล่นทั่วไป
ซึ่งด้วยการฆ่าทีมของเธ้าซั่นอายนั้น มันก็เท่ากับว่าซือเฟิงได้ทำให้หนึ่งในกองกำลังหลักครึ่งหนึ่งของมือแห่งนักบุญพิการ ดังนั้นมันคงจะเป็นเรื่องแปลกมาก หากมือแห่งนักบุญไม่พยายามจะล้างแค้นสภาสิบแปดปีก
แม้ว่าชะตากรรมของสภาสิบแปดปีกจะแขวนอยู่บนเส้นด้ายแล้วจากการที่ต้องรับมือกับกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint แต่ซือเฟิงก็ยังเลือกที่จะเดินหน้าต่อและไปไกลกว่านั้นด้วยการฆ่าเธ้าซั่นอาย และทีมของเขา แทนที่จะพยายามซ่อมแซมความสัมพันธ์กับมือแห่งนักบุญ พวกเขานั้นไม่เข้าใจการกระทำของซือเฟิงเลยจริงๆ เพราะโดยธรรมชาติแล้ว สิ่งที่ซือเฟิงกระทำทั้งหมดในวันนี้ มันผลักสภาสิบแปดปีกให้ไปสู่เส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับได้
อย่างไรก็ตามตอนนี้ แม้หลังจากฆ่าเธ้าซั่นอายและทีมของเขาไปแล้ว ซือเฟิงก็ยังคงดูสงบนิ่งมากๆ และเขาก็ทำตัวปกติเหมือนกับว่า เขาพึ่งฆ่าแค่ฝูงมดปลวกไป โดยหลังจากให้คำแนะนำแก่เพอเพิ้ลอาย รวมทั้งมอบอาวุธและอุปกรณ์ที่สมาชิกของมือแห่งนักบุญดรอปออกมาให้กองทัพลาดตระเวนเรียบร้อย เขาก็ไดบินเข้าไปยังเมืองปีกสีเงิน
ไม่นานหลังจากที่ซือเฟิงออกจากสนามรบ ข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์ในป่าทะเลทรายนั้นมันก็แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วราวกับไฟป่า
การกลับมาอันน่าตกตะลึงของแบล๊คเฟรมที่เมืองปีกสีเงิน !!!
Faux Saint Devourer มอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายถูกฆ่า !!!
แบล๊คเฟรมได้ทำลายล้างทีมของหนึ่งในกองกำลังหลักของมือแห่งนักบุญด้วยตัวเอง !!!
ข้อมูลที่น่าตกใจนี้เริ่มแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วในประเทศต่างๆทั่วทวีปด้านตะวันออก
ตอนที่ 2663 เขากลับมาแล้ว
ป่าใบไม้ผลิ เมืองป่าหิน โรงแรมอิสระ :
ภายในห้องประชุมที่สวยงาม มันมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามหลายสิบคนที่แผ่ออร่าอันทรงพลังนั่งอยู่รอบๆโต๊ะกลม อย่างไรก็ตามแม้จะมีคนจำนวนมาก แต่ห้องนี้ก็เงียบสงัดมากๆ
หากสังเกตอย่างรอบคอบก็จะได้พบว่ามีผู้เล่นจำนวนหนึ่งในหมู่คนเหล่านี้ที่แผ่ออร่าเลือดที่รุนแรงออกมา และร่างกายของพวกเขานั้นล้วนถูกปกคลุมไปด้วยพลังแห่งความมืดที่หนาแน่นมากๆ ผู้เล่นสายความมืดทั่วไปจะไม่สามารถเทียบกับคนเหล่านี้ได้ในสองแง่มุมนี้ คนเหล่านี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากพวกระดับสูงของดาร์ครัปโซดี้ และผู้บัญชาการทีมนักผจญภัยชั้นยอดจำนวนหนึ่งจากโลกแห่งความมืด
นอกเหนือจากผู้เชี่ยวชาญจากโลกแห่งความมืดเหล่านี้แล้ว ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามคนอื่นที่นั่งอยู่รอบๆโต๊ะก็ล้วนมีต้นกำเนิดที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน ในหมู่พวกเขานั้นมีตั้งแต่พวกระดับสูงของกิลชั้นยอดอย่างอันยีลดิ้งโซล หัวหน้ากิลชั้นสูงบางกิล รวมไปถึงผู้บัญชาการ และรองผู้บัญชาการของทีมนักผจญภัยชั้นยอดบางทีม
ในขณะเดียวกันตัวตนระดับ VIP เหล่านี้ทุกคนล้วนกำลังมองไปยังผู้หญิงที่ติดตราสัญลักษณ์ของปรมาจารย์ช่างตีเหล็กขั้นสูงอยู่ที่หน้าอก และแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่ได้แผ่ออร่าที่ทรงพลังออกมา แต่ทุกคนก็ยังปฎิบัติกับเธอในฐานะประธานของการประชุมครั้งนี้
อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน ผู้หญิงคนนี้นั้นดูซีดเซียวและเหน็ดเหนื่อยอย่างสุดจะพรรณนา
“ฉันหวังว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ในปัจจุบันจะสามารถเพิ่มการสนับสนุนของคุณเพื่อช่วยสภาสิบแปดปีกต่อต้านสตาร์ลิ้ง และมหาอำนาจต่างๆได้ และแน่นอนว่าสภาสิบแปดปีกจะให้ค่าตอบแทนกับทุกคนอย่างเหมาะสม นอกเหนือจากหัวข้อนี้แล้ว ยังมีใครต้องการเพิ่มอะไรอีกไหม ?” เมลานโครอิคสไมล์ถาม ขณะที่เธอกวาดสายตามองไปยังผู้เล่นทุกคนที่อยู่ที่นี่
นับตั้งแต่ที่ซือเฟิงและแกนหลักบางส่วนของสภาสิบแปดปีกออกเดินทางไปยังทวีปด้านตะวันตก สตาร์ลิ้งและมหาอำนาจต่างๆก็คอยตามรังควานเมืองป่าหินอยู่ตลอดเวลา ซึ่งมันมีทั้งการปราบปรามทางเศรษฐกิจ การปล้นไอเทม รวมไปถึงการซุ่มโจมตีที่แทบจะเกิดขึ้นทุกเวลา และเพื่อทำให้เรื่องแย่ลง เนื่องจากจำนวนผู้เล่นขั้นสามที่มหาอำนาจต่างๆครอบครองนั้นมีมากขึ้น มันจึงทำให้พื้นที่ที่กองอัศวินสามารถจะปกป้องได้นั้นลดลงเช่นกัน
นอกจากซือเฟิงแล้ว รองหัวหน้ากิลทั้งสองของสภาสิบแปดปีกก็ยังไม่สามารถเข้าถึงได้เช่นกัน เป็นผลให้เมลานโครอิคสไมล์ต้องแบกรับภาระในการนำสภาสิบแปดปีกชั่วคราว
อย่างไรก็ตามด้วยปัจจัยที่ไม่เสถียรรอบเมืองป่าหินที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มันจึงทำให้จำนวนผู้เล่นที่กล้าจะเข้ามาที่เมืองป่าหินลดน้อยลง ซึ่งสิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของเมืองมากๆ และ ณ จุดนี้รายได้ต่อวันของเมืองยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของรายได้ที่เมืองสามารถทำได้ในตอนที่เมืองเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดเลย ในขณะเดียวกันเพื่อรักษาความปลอดภัยของเมืองปีกสีเงิน เมืองสภาสิบแปดปีก และเมืองป่าหิน กิลจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเพิ่มมาตราการรักษาความปลอดภัยเพื่อดำเนินการเรื่องนี้ ซึ่งมันก็ทำให้ค่าใช้จ่ายรายวันของกิลเพิ่มขึ้นอย่างมาก
“เราเองก็กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาบางอย่างในโลกแห่งความมืดเช่นกัน เมื่อเร็วๆนี้เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของผู้เล่นขั้นสามในโลกแห่งความมืด มันจึงทำให้มหาอำนาจในโลกแห่งความมืดหลายกลุ่มได้ร่วมมือกัน และเปิดการโจมตีเข้าใส่ประตูเทเลพอร์ตหลายครั้งแล้ว แม้ว่าในขณะนี้เราจะยังสามารถหยุดการโจมตีพวกนี้ได้ แต่ฉันคิดว่าเราคงจะทำแบบนี้ต่อไปได้อีกไม่นานนัก” บลูเรนโบว์จาดาร์ครัปโซดี้กล่าวกับเมลานโครอิคสไมล์อย่างหมดหนทาง “นอกจากนี้เวิร์ลโดมิเนชั่นเองก็กำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเมื่อพิจารณาจากข้อมูลที่เรารวบรวมมา เราเชื่อว่าเวิร์ลโดมิเนชั่นน่าจะกำลังเตรียมการสำหรับปฎิบัติการขนาดใหญ่ในไม่ช้า ดังนั้นเราจึงหวังว่าสภาสิบแปดปีกจะสามารถให้ทรัพยากรของโรงแรมอิสระแก่เราได้มากขึ้นเพื่อที่ว่าเราจะสามารถขยายฐานอำนาจในโลกแห่งความมืดของตัวเองได้มากขึ้น และสามารถยืนหยัดยึดประตูเทเลพอร์ตไว้ได้อย่างมั่นคง”
เมื่อได้ยินคำพูดของบลูเรนโบว์ เหลียงจิงที่นั่งอยู่ข้างเมลานโครอิคสไมล์ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เมืองป่าหินสามารถรักษารายได้ในปัจจุบันไว้ได้คือโรงแรมอิสระ และเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยของเมืองป่าหิน พวกเขาจึงได้รับความช่วยเหลือจากมหาอำนาจต่างๆ รวมไปถึงบรรดาทีมนักผจญภัยชั้นยอดเพื่อแลกกับห้องพักในโรงแรมอิสระ
จนถึงตอนนี้พวกเขาได้ทำการแจกจ่ายห้องพักไปจำนวนหนึ่งแล้ว หากพวกเขาให้มากกว่านี้ ไม่เพียงแต่สภาสิบแปดปีกจะมีห้องพักไว้สำหรับแจกจ่ายน้อยลงเท่านั้น แต่รายได้ของโรงแรมอิสระยังอาจจะลดลงอย่างมากเช่นกัน ซึ่งอาจถึงจุดที่งบประมาณของสภาสิบแปดปีกกลายเป็นอะไรที่ไม่มั่นคงได้
อย่างไรก็ตามประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืดเองก็มอบรายได้ส่วนหนึ่งให้กับสภาสิบแปดปีกด้วย นี่เป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของคริสตัลเวทย์มนต์ และมันก็เป็นสิ่งที่สภาสิบแปดปีกไม่สามารถจะสูญเสียไปได้ในทำนองเดียวกัน
“ฉันเข้าใจ ฉันจะพิจารณาเรื่องนี้และให้คำตอบโดยเร็วที่สุด …” เมลานโครอิคสไมล์กล่าวขณะที่เธอนวดขมับของตัวเอง “หากไม่มีอะไรอื่นแล้ว ฉันจะขอปิดการประชุมในวันนี้ …”
หลังจากที่เมลานโครอิคสไมล์พูดจบ ทุกคนก็ลุกจากที่นั่งทันที และในตอนนี้เอง มู่หลิงชาจากอันยีลดิ้งโซลก็ได้เดินเข้ามาหาเมลานโครอิคสไมล์
“มิสเมลานโครอิค ไม่ต้องลังเลที่จะเอ่ยปากขอนะ หากคุณประสบปัญหาเรื่องเงินทุน อันยีลดิ้งโซลและสภาสิบแปดปีกนั้นเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้นกันมานาน แม้ว่าเราจะไม่สามารถจัดหากำลังคนเพิ่มเติมให้ได้ แต่เรายังจะสามารถจัดสรรเงินบางส่วนเพื่อช่วยสภาสิบแปดปีกได้ …” มู่หลิงชาพูดเบาๆ ขณะที่เธอมองไปที่เมลานโครอิคสไมล์ที่แสดงสีหน้ากังวล
“ขอบคุณ” เมลานโครอิคสไมล์กล่าว “ในความเป็นจริงเราไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงินทุนหรอก ปัญหาสำคัญสำหรับเราจริงๆคือมหาอำนาจต่างๆที่กำหนดเป้าหมายมายังเมืองป่าหิน และมันก็ยังมีเรื่องการจัดการเรื่องของเราในอาณาจักรสตาร์มูนและจักรวรรดิมังกรดำอีก หากหัวหน้ากิลและแกนหลักที่ติดตามหัวห้ากิลไปอยู่ที่นี่ พวกมหาอำนาจนั่นก็คงจะอดทน และไม่ยินยอมร่วมมือกับสตาร์ลิ้งเพื่อเล่นงานสมาชิกสภาสิบแปดปีก ซึ่งตอนนี้มันส่งผลให้สมาชิกสภาสิบแปดปีกพัฒนาตัวเองในอาณาจักรสตาร์มูนและจักรวรรดิมังกรดำยากขึ้นเรื่อยๆแล้ว …”
ปัจจุบันเรื่องการระดมทุนนั้นยังคงเป็นเพียงแค่ปัญหาเล็กน้อยสำหรับสภาสิบแปดปีก เรื่องเร่งด่วนจริงๆตอนนี้คือการที่กิลขาดผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม หากไม่ใช่เพราะว่าตอนนี้อันยีลดิ้งโซลได้ส่งผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจำนวนมากเข้ามาช่วยรักษาความปลอดภัยเมืองป่าหิน เมืองป่าหินจะต้องตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชกว่านี้แน่นอน
“โอ้ใช่ รองหัวหน้ากิลมู่ แล้วยังไม่มีข่าวเกี่ยวกับดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน และปรมาจารย์ฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนอีกงั้นหรอ ?” เมลานโครอิคสไมล์ถาม
สภาสิบแปดปีกเคยร่วมมือกับฟีนิกซ์เรนของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนมาแล้วหลายครั้งก่อนหน้านี้ และทั้งสองฝ่ายก็ถือได้ว่าเป็นพันธมิตรกันอย่างแน่นอน แถมเมลาน
โครอิคสไมล์กับฟีนิกซ์เรนก็ยังเป็นเพื่อนที่ค่อนข้างสนิทกัน เนื่องจากทั้งสองคนนั้นได้ติดต่อกันบ่อยครั้งจากความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างทั้งสองกิลของพวกเขา
ในตอนแรกที่มหาอำนาจต่างๆเริ่มตั้งเป้ามาที่เมืองป่าหินนั้น เมลานโครอิคสไมล์ได้ติดต่อไปยังฟีนิกซ์เรนเพื่อขอความช่วยเหลือให้ช่วยแก้ไขปัญหาบางอย่างที่สภาสิบแปดปีกเจอในจักรวรรดิมังกรดำ อย่างไรก็ตามไม่ว่าเธอจะพยายามติดต่อฟีนิกซ์เรนอย่างไร เธอก็ไม่สามารถจะติดต่อได้เลย ซึ่งมันราวกับว่าฟีนิกซ์เรนได้หายออกไปจาก God domain ซะเฉยๆ อันที่จริงแม้แต่สมาชิกส่วนใหญ่ของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนก็ยังไม่รู้ที่อยู่ของฟีนิกซ์เรนด้วยซ้ำ
“เราได้ส่งคนจำนวนมากไปตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว มันนับเป็นเรื่องแปลกอย่างแท้จริง ไม่ต้องพูดถึงฟีนิกซ์เรนและลูกน้องของเธอ แม้แต่คู่หลง จักรพรรดิเก้ามังกร และพวกระดับสูงอื่นๆอีกมากมายของกิลก็ได้หายไปทั้งหมด ปัจจุบันดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนนั้นอาศัยบรรดาผู้อาวุโสสูงสุดบางส่วนเท่านั้นในการดำเนินการ และจากข้อมูลที่เราได้รับมา แม้แต่ผู้อาวุโสสูงสุดเหล่านี้ก็ยังไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น” มู่หลิงชากล่าว
“ ..!!” เมลานโครอิคสไมล์ตกตะลึงและพูดไม่ออก เมื่อได้ยินคำพูดของมู่หลิงชา
พวกระดับสูงของกิลชั้นยอดได้หายไปในชั่วข้ามคืนโดยไม่มีข่าวคราวใดๆเลย ใครจะกล้าเชื่อเรื่องนี้ ?
“อย่างไรก็ตามฉันยังได้ยินมาว่าไมโทโลจี้ได้เชิญให้ดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนไปเข้าร่วมการพูดคุยเรื่องพันธมิตร Faux Saint ในจักรวรรดิมังกรไฟ เมื่อการพูดคุยนี้สิ้นสุดลง เราน่าจะได้รับข่าวคราวบางอย่างเกี่ยวกับปรมาจารย์ฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนบ้าง …” มู่หลิงชากล่าว
“พูดคุยเรื่องพันธมิตร ?” ใบหน้าของเมลานโครอิคสไมล์ยิ่งซีดเซียวมากขึ้น เมื่อเธอได้ยินข่าวนี้ “ดูเหมือนว่าคราวนี้เราจะมีปัญหามากมายจริงๆ”
มองผิวเผินการพูดคุยเรื่องพันธมิตรครั้งนี้ของไมโทโลจี้จะเน้นไปที่ปัญหาเรื่องมอนสเตอร์ Faux Saint แต่อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงแล้ว ไมโทโลจี้เพียงแค่พยายามจะผูกมัดมหาอำนาจต่างๆไว้เพื่อเข้ายึดเมืองป่าหินก็เท่านั้น
และหากมหาอำนาจต่างๆตกลงกันแล้วว่าจะแบ่งผลกำไรเมืองป่าหินกันยังไงในระหว่างการพูดคุยกันครั้งนี้ ขั้นตอนต่อไปที่จะเกิดขึ้น มันก็คือการโจมตีเมืองป่าหิน
แม้ว่าโครงสร้างการป้องกันในปัจจุบันของเมืองป่าหินจะสามารถป้องกันการโจมตีร่วมขอมหาอำนาจต่างๆได้ แต่มันก็จะทำลายเศรษฐกิจของเมืองลงอย่างย่อยยับแน่นอน
เมลานโครอิคสไมล์นั้นไม่ใช่คนเดียวที่ปวดหัวกับเรื่องนี้ มู่หลิงชาเองก็ไม่ได้มีช่วงเวลาที่ดีเช่นกัน เพราะท้ายที่สุดการพูดคุยเรื่องพันธมิตรของไมโทโลจี้ในครั้งนี้จะไม่ได้กำหนดเป้าหมายมาที่สภาสิบแปดปีกเท่านั้น แต่มันยังจะรวมไปถึงอันยีลดิ้งโซลด้วย โดยนี่มันก็จะทำให้อันยีลดิ้งโซลตกอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลมมากขึ้น แต่เธอกับไม่สามารถจะทำอะไรได้เลย
ซึ่งนี่เป็นเพราะมันมีมหาอำนาจต่างๆมากถึงสิบห้ากลุ่มเข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้ และสามจากทั้งหมดก็เป็นซุเปอร์กิล โดยมันอาจกล่าวได้ว่าที่เป็นการประชุมพูดคุยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในทวีปด้านตะวันออกอย่างไม่ต้องสงสัย และหากมหาอำนาจทั้งหมดนี้ทำงานร่วมกัน พวกเขาจะมีพลังที่น่ากลัวมากแน่นอน
ขณะที่เมลานโครอิคสไมล์และมู่หลิงชากำลังรู้สึกหมดหนทาง เหลียงจิงที่นั่งอยู่ข้างๆเมลานโครอิคสไมล์ก็ได้เผยรอยยิ้มที่หาได้ยากของเธอออกมา เมื่อเธอได้อ่านข้อความบางอย่าง
“ไม่ !! ตอนนี้มันจะไม่ใช่พวกเราที่เดือดร้อนแล้ว แต่เป็นพวกเขา !!!” เหลียงจิงอุทานออกมาอย่างตื่นเต้น
“เกิดอะไรขึ้นกัน ?”
ทั้งเมลานโครอิคสไมล์และมู่หลิงชาต่างรู้สึกประหลาดใจกับปฎิกิริยาที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันของเหลียงจิง พวกเขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงมีท่าทีแบบนี้
“เขากลับมาแล้ว !!”
“เขา ?”
“หัวหน้ากิล !! หัวหน้ากิลกลับมาแล้ว !!!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น