Reincarnation Of The Strongest Sword God 2560-2574
ตอนที่ 2560 การรุกรานจากโลกแห่งความมืด และการมาถึงของสภาสิบแปดปีก
ไม่นานหลังจากที่หยวนเทียนซินอ่านข้อความจากลูกน้องของเขา ประตูห้องที่ปิดสนิทของเขาก็ถูกเปิดออก และมันก็มีผู้เล่นกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา ก่อนที่พวกเขาจะตั้งแถวกันและเปิดทางให้ชายครึ่งเอลฟ์ที่ร่างถูกปกคลุมไปด้วยประกายไฟสีฟ้าเดินเข้ามา
เมื่อชายครึ่งเอลฟ์ผู้นี้เดินเข้ามาในห้อง มานาธาตุไฟก็เริ่มไปรวมตัวกันรอบๆเขาราวกับถูกเรียกไป เป็นผลให้อุณภูมิของห้องสูงขึ้นเรื่อยๆ
“ไชน์ ? คุณมาทำอะไรที่นี่กัน ?” หยวนเทียนซินนั้นรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เมื่อได้เห็นชายครึ่งเอลฟ์ที่ชื่อ สกอร์ชชิ่งไชน์เดินเข้ามา
มันมีไม่กี่คนในศาลาลับที่รู้จักชื่อของสกอร์ชชิ่งไชน์ และคนที่รู้ก็มักเป็นสมาชิกรุ่นเก่าของกิลทั้งหมด ในขณะที่การปรากฎตัวในปัจจุบันของเขานั้นดูเหมือนกับว่าเขาอยู่ในวัยสามสิบ แต่จริงๆเขาอายุมากกว่าห้าสิบปีแล้ว ชายคนนี้ถอนตัวจากแนวหน้าของศาลาลับ เมื่อหลายปีก่อน และทำงานอยู่เบื้องหลังเท่านั้น
ก่อนที่สกอร์ชชิ่งไชน์จะถอนตัว เขาได้รับการพิจารณาว่าเป็นหนึ่งในสัตว์ประหลาดที่สมบูรณ์แบบของศาลาลับ และเขายังสามารถต่อกรกับผู้บัญชาการกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของไมโทโลจี้ได้ด้วย อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะไม่ได้ยุ่งกับกิจการของกิลอีกต่อไป แต่เขาก็ยังคงมุ่นเน้นไปที่การปรับปรุงตัวเองอยู่ และแม้แต่หยวนเทียนซินซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสกอร์ชชิ่งไชน์ก็ยังไม่สามารถจะจินตนาการได้ว่าตอนนี้ชายครึ่งเอลฟ์ตรงหน้าเขาทรงพลังมากขนาดไหน
อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของสกอร์ชชิ่งไชน์นั้นไม่ใช่เหตุผลหลักที่ทำให้เขาเป็นดั่งตำนานของศาลาลับ แต่มันเป็นเพราะกองกำลังสกอร์ชซึ่งอยู่ใต้คำสั่งของเขาต่างหาก !!!
กองกำลังสกอร์ชนั้นเป็นหนึ่งในกองกำลังหลักของศาลาลับ และสกอร์ชชิ่งไชน์ก็ได้ทำการฝึกฝนกับดูแลผู้เชี่ยวชาญทุกคนในกองกำลังนี้เป็นการส่วนตัว และแม้ว่ากองกำลังจะมีสมาชิกเพียงสองร้อยคน แต่พวกเขาก็ล้วนเป็นอัจฉริยะที่สกอร์ชชิ่งไชน์คัดมาด้วยตัวเองจากการรับสมัครพวกหน้าใหม่ของศาลาลับทั้งหมด
ในตอนแรกชายคนนี้ก็ได้เล็งเป้ามาที่เพอเพิ้ลเจดเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่เธอชอบดาบมือเดียว และความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ของเขาก็มีจำกัด ดังนั้นในท้ายที่สุดเธอจึงไม่ได้เข้าร่วมกับกองกำลังสกอร์ชของเขา
กองกำลังสกอร์ชนั้นยังถูกมองว่าเป็นกองกำลังลึกลับที่ต่อสู้อยู้อย่างลับๆในแนวหน้าของ God domain ด้วย และสำหรับศาลาลับมันก็มีไว้สำรวจแผนที่ใหม่เท่านั้น และแทบไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจการของกิลเลย อย่างไรก็ตามตอนนี้สกอร์ชชิ่งไชน์และกองกำลังของเขากับเดินทางมาที่เมืองป่าหิน ซึ่งนี่มันก็ทำให้หยวนเทียนซินรู้สึกสับสนเล็กน้อย
“เราได้รับคำสั่งมาจากรองหัวหน้ากิลดอร์น ตอนนี้ประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืดได้เปิดขึ้นแล้ว ดังนั้นเธอจึงส่งฉันมาเพื่อเจรจากับมหาอำนาจต่างๆที่กำหนดเป้าหมายมาที่เมืองป่าหินโดยเฉพาะ” สกอร์ชชิ่งไชน์อธิบายอย่างนุ่มนวล
“รองหัวหน้ากิลดอร์น ส่งคุณมารับผิดชอบสถานการณ์งั้นหรอ ?” เมื่อได้ยินข่าวนี้หยวนเทียนซินก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “ดีจริงๆ เมื่อคุณมาอยู่ที่นี่ ฉันก็แน่ใจว่ามหาอำนาจเหล่านั้นจะแสดงความยับยั้งชั่งใจแน่นอน และในโอกาสนี้สภาสิบแปดปีกก็อาจมีโอกาสป้องกันการโจมตีที่ร่วมมือกันของพวกเขาได้”
หยวนเทียนซินนั้นกังวลว่าดอร์นเจดจะยอมแพ้กับเมืองป่าหินแล้ว แต่ตอนนี้เมื่อสกอร์ชชิ่งไชน์และกองกำลังของเขาได้มาที่นี่ มันก็เท่ากับว่าเมืองมีการป้องกันเพิ่มขึ้นอีกชั้นแล้ว
กองกำลังสกอร์ชชิ่งนั้นไม่ได้อ่อนแอไปกว่ากองกำลังนรกของจักรวรรดิโลกใต้พิภพเลย ในความเป็นจริงในการต่อสู้ขนาดใหญ่ กองกำลังสกอร์ชชิ่งจะทำได้ดีกว่ากองกำลังนรกด้วยซ้ำ เนื่องจากไม่มีสมาชิกคนใดในหมู่พวกเขาที่เป็นมนุษย์
นอกเหนือจากพวกครึ่งเอลฟ์ซึ่งเชี่ยวชาญด้านเวทย์มนต์แล้ว กองกำลังนี้ยังมีสมาชิกเป็ยพวกครึ่งออร์ค ซึ่งเป็นนักสู้ระยะประชิดที่น่าเกรงขามด้วย และพลังการต่อสู้ของพวกเขานั้นก็มากกว่าผู้เล่นที่เป็นมนุษย์ในขั้นและเลเวลเดียวกัน
แน่นอนว่าศาลาลับนั้นได้จ่ายอย่างมหาศาลเพื่อให้แน่ใจว่าสมาชิกทุกคนของกองกำลังสกอร์ชนั้นจะมาถึงขั้นสามโดยเร็วที่สุด
“อย่าพึ่งรีบตื่นเต้นไป การอัพเกรดครั้งล่าสุดของเมืองป่าหินทำให้มหาอำนาจต่างๆที่เล็งเป้ามายังเมืองยิ่งอยากได้มัน และแม้ว่ากองกำลังของฉันจะอยู่ที่นี่ แต่เราก็ไม่สามารถจะรับประกันได้ว่าสภาสิบแปดปีกจะรักษาสิทธิ์ในการปกครองเมืองป่าหินได้ อย่างไรก็ตามหากสภาสิบแปดปีกยินดีที่จะส่งมอบหุ้นบางส่วนให้กับมหาอำนาจเหล่านี้ ฉันเชื่อว่าการเจรจาหลายสิ่งจะไม่เป็นปัญหาแน่นอน” สกอร์ชชิ่งไชน์กล่าวอย่างใจเย็น “อย่ามัวมาเสียเวลากันอีกต่อไปเลย ผู้เล่นของโลกแห่งความมืดกำลังเดินทัพกันเข้ามายังป่าใบไม้ผลิแล้ว เราจำเป็นต้องเตรียมทุกอย่างให้เร็วที่สุด ฉันไม่ได้คุ้นเคยกับแบล๊คเฟรม วานคุณติดต่อเขาให้ที”
“นั่นไม่เป็นปัญหา ฉันจะรีบแจ้งสภาสิบแปดปีกทันที” หยวนเทียนซินกล่าวเห็นด้วยพลางพยักหน้า จากนั้นเขาก็ติดต่อแบล๊คเฟรมผ่านคอนเนคชั่นของสภาสิบแปดปีกที่เขามีทันที
การรวมพลังกันของมหาอำนาจต่างๆไม่ใช่สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุด เพราะกองกำลังจากโลกแห่งความมืดนั้นน่ากังวลมากกว่า แม้แต่ศาลาลับก็ไม่ได้คาดคิดเลยว่าโลกแห่งความมืดจะทรงพลังมากขนาดนี้
กองทัพผู้รุกรานจากโลกแห่งความมืดนั้นประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญมากกว่าห้าล้านคน และมากกว่าสามหมื่นคนเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม แถมกองทัพยังมีอะเม้าท์บินได้อีกมากกว่าห้าสิบตัว และเพื่อให้เรื่องแย่ลง ตัวเลขเหล่านี้ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป
หากกองทัพนี้หลั่งไหลเข้ามาที่ป่าใบไม้ผลิได้เมื่อไหร่ ผลที่ตามมามันจะแทบจินตนาการไม่ออกเลยทีเดียว
“หยวน มีอะไรเกิดขึ้นกับสภาสิบแปดปีกรึปล่าว ?” สกอร์ชชิ่งไชน์ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นเมื่อเขาเห็นสีหน้าตกตะลึงของเพื่อนเก่าแก่ของเขา
“ไม่นานมานี้ แบล๊คเฟรมได้นำทีมไปยังประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืด เขาวางแผนที่จะไปเจรจากับผู้เล่นของโลกแห่งความมืด” หยวนเทียนซินอธิบายอย่างเคร่งขรึม
“เจรจากับผู้เล่นของโลกแห่งความมืด ?” ข่าวนี้สร้างความตกตะลึงให้กับสกอร์ชชิ่งไชน์เช่นกัน เขามองไปที่หยวนเทียนซินและถามว่า “แน่ใจนะว่าแบล๊คเฟรมไม่ได้บ้าไปแล้ว ?”
นี่มันเป็นเรื่องตลกชัดๆ !!!
เมื่อประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืดถูกเปิดขึ้น ผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดนั้นก็เป็นเหมือนกับหมาป่าที่มองเห็นเนื้อสดๆ พวกเขาจะเข้ามาจัดการใครก็ตามที่พวกเขาพบ โดยไม่มีการเจรจาแน่นอน นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้มหาอำนาจต่างๆสั่งให้สมาชิกของพวกเขาอยู่ห่างจากประตูอย่างน้อยหนึ่งหมื่นหลา เพราะเกรงว่าพวกเขาจะสูญเสียคนของตัวเองให้กับหมาป่าที่หิวโหยพวกนี้
อย่างไรก็ตามซือเฟิงกับทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม แทนที่เขาจะรีบเสริมโครงสร้างการป้องกันของเมืองป่าหิน เขากับริเริ่มจะติดต่อกับผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดเป็นการส่วนตัว และเขาก็มุ่งตรงไปยังประตูทันที ซึ่งเขาทำราวกับว่าเอาตัวเองห่อของขวัญส่งให้ผู้เล่นจากโลกแห่งความมืด
แม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็ยังตกตะลึง เมื่อพวกเขาได้รู้เรื่องนี้จากสายลับของพวกเขาในสภาสิบแปดปีก นี่สภาสิบแปดปีกจะทำอะไรกัน ?
สภาสิบแปดปีกกำลังจะยอมแพ้งั้นหรอ …?
ภายในห้องขั้นสูงอีกห้องหนึ่งของโรงแรมอิสระ ….
“อิลูซะรี่ ดูเหมือนว่าสภาสิบแปดปีกจะจบสิ้นแล้วแน่นอน แม้ว่าจะไม่มีการแทรกแซงของมหาอำนาจต่างๆก็ตาม” ชายผู้ดุร้ายจากจักรพรรคริมสันกล่าว ขณะที่เขาอ่านรายงานที่ได้รับจากลูกน้องของเขา เขาส่ายหัวและพูดต่อว่า “เราไม่ต้องรอสองถึงสามวันก่อนที่สงครามจะจบลงแล้ว ทุกอย่างจะจบลงในวันนี้แน่นอน”
“นี่มันบ้าชัดๆ !!! เรากำลังพูดถึงกองทัพผู้เล่นมากกว่าห้าล้านคนจากโลกอื่น เขาทำบ้าอะไรกัน ?!!” อิลูซะรี่เวิร์ดแทบไม่เชื่อสายตาของตัวเอง ขณะที่เธออ่านรายงาน
ในตอนที่ซือเฟิงท้าทายเมืองทั้งเมืองด้วยผู้เล่นแค่หลักร้อยคน เธอก็แอบมองเห็นถึงความเป็นไปได้ที่เขาจะประสบความสำเร็จและอยู่รอดได้ในครั้งนี้ แต่ตอนนี้เขากับพยายามจะขับไล่ผู้รุกรานจากโลกอื่นจำนวนหลายล้านคนโดยตรง นี่มันเป็นการกระทำของคนโง่ชัดๆ !!!
ในขณะที่อิลูซะรี่เวิร์ด และคนอื่นๆกำลังงุนงง และตกตะลึงเมื่อได้รับข่าวความเคลื่อนไหวล่าสุดของซือเฟิง ฟิวเรียสฮาร์ทซึ่งยุ่งอยู่กับการชักชวนผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดก็ได้รับข่าวนี้เช่นกัน
“น่าสนใจจริงๆ !!! ดูเหมือนว่าแบล๊คเฟรมจะชอบการต่อสู้อย่างมาก !!! เขาต้องคิดว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะเหมือนกับที่เมืองปีศาจแน่นอน” ฟิวเรียสฮาร์ทหัวเราะ ขณะที่อ่านรายงาน “หวังว่าเขาจะไม่หันหลังหนี หลังจากได้เห็นกองทัพของผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดนะ ไม่งั้นเรื่องนี้มันจะน่าเบื่อเกินไป ….”
ฟิวเรียสฮาร์ทมองไปยังกองทัพผู้รุกรานจากโลกแห่งความมืดที่ค่อยๆเดินผ่านประตูเทเลพอร์ตเข้าสู่ป่าใบไม้ผลิด้วยรอยยิ้มบางๆ
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกองทัพผู้เล่นสายความมืดหลายล้านคน แม้แต่อาณาจักรหนึ่งก็ยังจะต้องล่มสลาย ไม่ต้องพูดถึงสภาสิบแปดปีกเลย !!!
หลังจากนั้นฟิวเรียสฮาร์ทก็นำทีมของเขาผ่านประตูเทเลพอร์ตไปเช่นกัน ….
เมื่อผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดมาถึงป่าใบไม้ผลิ ความวุ่นวายในกองทัพก็บังเกิดขึ้น
“นี่คือทวีปหลักงั้นหรอ ?”
“อึก !! มันมีแร่และสมุนไพรหายากมากมายอยู่ใกล้ๆนี้ !!!”
“สถานที่แห่งนี้มันเป็นที่ควรค่าแก่การยึดครองสำหรับเรามากๆ !!!”
ผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดนั้นอดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ขณะที่พวกเขามองไปยังทิวทัศน์ที่สวยงามและน่าดื่มด่ำของป่าใบไม้ผลิ ตอนนี้พวกเขาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าอ้างสิทเหนือพื้นที่โดยรอบในทันที
แม้แต่พวกระดับสูงของกิลต่างๆจากโลกแห่งความมืดเองก็คิดเช่นเดียวกัน ป่าใบไม้ผลินั้นมีดีกว่าแผนที่เลเวลหนึ่งร้อยในโลกแห่งความมืดของพวกเขามาก หากพวกเขาสามารถเข้ายึดครองมันได้ การพัฒนาของกิลของพวกเขาก็จะเป็นไปอย่างรวดเร็วและไร้ปัญหาเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามก่อนที่เหล่าผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดจะทันได้เฉลิมฉลอง พวกเขาก็ได้ยินเสียงคำรามดังมาจากระยะไกล และเสียงที่กึกก้องนี้ก็ดังไปทั่วหุบเขาที่ประตูเทเลพอร์ตตั้งอยู่
ทุกคนนั้นมองหาต้นกำเนิดของเสียงทันที
จากนั้นผู้เล่นสายความมืดจากโลกแห่งความมืดก็เห็นเงาร่างขนาดมหึมาห้าลำบินมาหาพวกเขา และเมื่อร่างเหล่านี้เข้ามาใกล้ขึ้น พวกเขาก็เริ่มแยกแยะรูปร่างของมันได้
“เรือเหาะงั้นหรอ ?”
เมื่อมองอย่างใกล้ชิดและได้ตระหนักว่าร่างนี้คืออะไร ทุกคนก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง
เรือเหาะทั้งห้าลำนี้มีขนาดใหญ่เกินไป แม้แต่อะเม้าท์บินได้ที่ใหญ่ที่สุดที่พวกเขาเคยเห็นก็ยังเทียบกับเรือเหาะพวกนี้ไม่ติดเลย ในขณะที่ทั้งห้าลำบินแบบจัดรูปขบวน พวกมันก็แทบจะปกคลุมท้องฟ้าทั้งหมดเลย ….
ตอนที่ 2561 รากฐานของสภาสิบแปดปีก และช่วงเวลาที่บ้าคลั่ง
“ทำไมถึงมีเรือเหาะมากมายมาที่นี่ ?!”
“นี่เราเผลอไปเปิดใช้งานอีเว้นบางอย่างรึปล่าว และ NPC ก็ได้เดินทางมาที่นี่เพื่อจัดการกับเรา ?”
การปรากฎตัวขึ้นอย่างกระทันหันของเรือทั้งห้าลำนั้นทำให้ผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดที่โผล่ออกมาจากประตูเทเลพอร์จขนาดมหึมาตกตะลึง และพวกเขาทั้งหมดก็เริ่มพูดคุยกันเรื่องของเรือเหาะอย่างกระวนกระวาย
เรือเหาะนั้นไม่ใช่เรื่องหรือแนวคิดที่ประหลาดใดๆสำหรับผู้เล่นใน God domain อีกต่อไปแล้ว แต่เพราะเรื่องนี้ และความคุ้นเคยของพวกเขานี่แหละที่ทำให้พวกเขารู้สึกกลัว เพราะพวกเขารู้ดีว่าเรือเหาะนั้นทรงพลังมากขนาดไหน
เรือเหาะนั้นเป็นอาวุธสงครามที่ทรงพลังและเป็นราชันแห่งท้องฟ้าอย่างแท้จริง !!
เรือเหาะนั้นสามารถบดขยี้มนุษย์ได้ราวกับบดขยี้มดอย่างง่ายดาย ผู้เล่นในปัจจุบันซึ่งขาดพลังการต่อสู้ทางอากาศมากๆมองว่าเรือเหาะเป็นเครื่องมือทำลายล้างที่พวกเขาแทบไม่สามารถจะทำอะไรกับมันได้ในปัจจุบัน
เมื่อมีเรือเหาะห้าลำเข้ามาใกล้พวกเขาแบบนี้ เหตุใดเหล่าผู้เล่นสายความมืดจากโลกแห่งความมืดเหล่านี้จึงจะไม่กังวล ?
“เดี๋ยวก่อน !!! มีบางอย่างไม่ถูกต้อง !!! มีผู้เล่นอยู่บนเรือเหาะ !!!” แรนเจอร์ขั้นที่สามที่มีพรสวรรค์ด้านการมองเห็นที่เฉียบคมตะโกน ขณะที่เขาชี้ไปยังเรือเหาะมังกรสีเลือดที่ลอยอยู่เหนือตัวเอง
สายตาของทุกคนนั้นหรี่ลง ขณะที่พวกเขาพยายามมองดูเรือเหาะให้ดีขึ้น และมันก็เป็นเช่นเดียวกับที่แรนเจอร์ขั้นสามได้กล่าวไว้ มันมีผู้เล่นยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือเหาะแต่ละลำจริงๆ แม้ว่าพวกเขาจะยังคงอยู่ไกลเกินกว่าที่จะมองเห็นผู้เล่นเหล่านั้นได้อย่างชัดเจน แต่เครื่องหมายเพชรสีเขียวที่อยู่เหนือหัวของคนเหล่านั้นก็ทำให้พวกเขาไม่สงสัยเลยว่าคนเหล่านั้นเป็นผู้เล่นแน่นอน
“พวกเขาเหล่านั้นเป็นใครกัน ? นี่พวกเขามีเรือเหาะจริงๆ !!!”
“เป็นคนจากซุเปอร์กิลรึปล่าว ?”
ความอยากรู้อยากเห็นของผู้เล่นเบื้องล่างนั้นเพิ่มสูงขึ้นมากว่าใครเป็นผู้นำเรือเหาะเหล่านี้มา
เรือเหาะนั้นยังจัดเป็นอะไรที่ไกลเกินเอื้อมสำหรับผู้เล่นที่อยู่อาศัยในโลกแห่งความมืด เพราะพวกเขายังแทบจะไม่มีอะเม้าท์บินได้กันด้วยซ้ำ แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้เรือเหาะห้าลำที่มีผู้เป็นเจ้าของทั้งหมดกำลังบินเข้ามาหาพวกเขาในตอนนี้ ….
แม้แต่พวกระดับสูงของมหาอำนาจต่างๆจากโลกแห่งความมืดก็ยังตกตะลึงกับเรื่องนี้
“เรือเหาะห้าลำ ?! คนพวกนี้เป็นใครกัน ?!”
“แล้วพวกเขาพยายามจะมาทำอะไรกัน ?!”
เรือเหาะหนึ่งหรือสองลำอาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่ห้าลำนั้นมันมากเกินไป ไม่มีใครอยากจะเผชิญหน้ากับกองกำลังแบบนี้ในการต่อสู้ หากเกิดการต่อสู้จริงๆ ผลลัพธ์จะไม่เป็นที่น่าพึงพอใจสำหรับพวกเขาแน่นอน แม้ว่าในที่สุดพวกเขาจะชนะก็ตาม
ในขณะที่เหล่ามหาอำนาจต่างๆของโลกแห่งความมืดกำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ เรือเหาะทั้งห้าลำก็ค่อยๆแล่นลงมาอย่างช้าๆก่อนจะหยุดลงอยู่เหนือพื้นดินประมาณหนึ่งร้อยหลา จากนั้นร่างๆหนึ่งก็กระโดดลงมาจากดาดฟ้าเรือลำหนึ่งเข้าสู่ใจกลางกองทัพผู้เล่นสายความมืด ซึ่งผู้เล่นสายความมืดทั้งหมดที่อยู่โดยรอบบริเวณก้าวถอยและเคลียร์ทางให้ร่างนี้โดยไม่รู้ตัว
ในขณะที่ร่างนี้ลงสู่พื้น พวกระดับสูงของมหาอำนาจต่างๆจากโลกแห่งความมืดต่างจ้องมองด้วยดวงตาที่เบิกกว้างและตกตะลึงโดยเฉพาะเมจิคแฟลช และฟอเร้สต์ ที่พึ่งจะกลับมาจากการเดินทางไปยังเมืองป่าหิน เพราะบุคคลที่กระโดดลงมาจากหนึ่งในเรือเหาะนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีก แบล๊คเฟรม
“เป็นเขางั้นหรอ ?!”
“เป็นไปไม่ได้ !!!”
เมื่อเมจิคแฟลชและฟอเร้สต์ได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของซือเฟิง พวกเขาก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ตามความคิดของพวกเขาผู้ที่สามารถเป็นเจ้าของเรือเหาะห้าลำแบบนี้ได้นั้นจะต้องเป็นมหาอำนาจที่มีความแข็งแกร่งที่ท้าทายสวรรค์ แต่ตอนนี้สภาสิบแปดปีกซึ่งเป็น
กิลที่กำลังเสี่ยงต่อการถูกทำลายล้างกับเป็นเจ้าของเรือเหาะทั้งห้าลำนี้ จะให้พวกเขาเชื่อเรื่องนี้ได้ยังไงกัน ?
แน่นอนเลยว่ามันคือสภาสิบแปดปีก ความคิดของบลูเรนโบว์ที่ยืนอยู่ด้านหลังเมจิคแฟลชนั้นแตกต่างจากตัวแทนทั้งสอง เธอดูเหมือนจะไม่ได้ประหลาดใจเลยที่ได้เห็นซือเฟิง นี่เป็นเหตุผลที่เขามั่นใจงั้นสินะ ?
ประชากรทั่วไปของโลกแห่งความมืดนั้นมองว่าเรือเหาะอยู่ไกลเกินเอื้อมของผู้เล่น แต่เมื่อดาร์ครัปโซดี้ได้ตรวจสอบภูมิหลังของสภาสิบแปดปีก พวกเขาก็พบว่ากิลมีเรือเหาะอยู่จำนวนหนึ่ง นี่คือสาเหตุที่ซือเฟิงล้มเหลวในการทำให้เธอประหลาดใจ
แน่นอนว่าแม้ว่าเธอจะไม่ได้ประหลาดใจกับเรื่องเรือเหาะ แต่เธอก็ประหลาดใจกับเรื่องของจำนวนของมันอยู่บ้าง เพราะมันมีถึงห้าลำ มากกว่าที่หน่วยข่าวกรองของกิลเธอรายงานมาเล็กน้อย
เมื่อฟิวเรียสฮาร์ทเห็นสิ่งนี้ เขาก็ขมวดคิ้วแน่นเช่นกัน ดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความกลัวและความโกรธขณะมองไปยังซือเฟิง
เป็นไปได้ยังไง ?! สภาสิบแปดปีกมีเรือเหาะมากมายขนาดนี้ได้ยังไงกัน ?! ดวงตาของฟิวเรียสฮาร์ทแดงก่ำขณะที่เขาจ้องมองไปยังเรือเหาะที่ลอยลำอยู่
กิลของเขานั้นมีความกังวลมากอยู่แล้ว เมื่อได้รับรายงานถึงเรือเหาะสามลำที่อยู่ในการครอบครองของสภาสิบแปดปีก แต่ตอนนี้เขากับได้มารู้ว่าสภาสิบแปดปีกมีมากขึ้นอีกสองลำ นี่จะทำให้การจัดการเมืองป่าหินทำได้ยากขึ้นมาก
ในขณะที่มหาอำนาจต่างๆจากโลกแห่งความมืดกำลังตกตะลึงกับตัวของซือเฟิง และรากฐานของสภาสิบแปดปีก มันก็มีชายคนหนึ่งที่ดูไม่แยแสและแข็งแกร่งโผล่ออกมาเผชิญหน้ากับซือเฟิง
ซึ่งทันทีที่ชายคนนี้ก้าวออกมา ผู้เล่นสายความมืดหลายคนก็เปิดทางให้เขา และมองไปยังเขาด้วยความเคารพ
ชายคนนี้นั้นคือ ดอร์นโดมิแน้นซ์ หัวหน้ากิลของเวิร์ลโดมิเนชั่น เขาเป็นดั่งตำนานในโลกแห่งความมืด เพราะไม่เพียงแต่เขาจะพัฒนาเวิร์ลโดมิเนชั่นขึ้นมาลำพังให้กลายเป็นหนึ่งในสามกิลที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกแห่งความมืด แต่เขายังเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งเป็นอันดับต้นๆในโลกแห่งความมืดด้วย
ดอร์นโดมิแน้นซ์นั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้ดาร์ครัปโซดี้ และ เดียตี้โซไซตี้กลัวเวิร์ลโดมิเนชั่นในสงครามการรุกรานครั้งนี้ แถมเขาก็ยังได้รับเลือกให้เป็นประธานในการประชุมสงครามก่อนหน้านี้มาด้วย ….
“คุณคือหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีกแบล๊คเฟรมงั้นสินะ …” ดอร์นโดมิแน้นซ์กล่าวกับซือเฟิง “ฉันคือดอร์นโดมิแน้นซ์ หัวหน้ากิลเวิร์ลโดมิเนชั่น คุณสามารถมองฉันเป็นหนึ่งในผู้นำการรุกรานจากโลกแห่งความมืดก็ได้ ฉันขอทราบเหตุผลที่คุณมาหาเราอย่างกระทันหันได้ไหม หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ?”
“คุณพูดถูก ฉันคือหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม และฉันมาเพื่อแจ้งให้ผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดทราบถึงบางสิ่งบางอย่าง” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า
“หากคุณต้องการเกลี้ยกล่อมให้เราละทิ้งการพิชิตแผนที่นี้ก็ลืมมันไปได้เลย เรื่องนี้ได้รับการตัดสินใจไปแล้วในช่วงที่ประตูถูกเปิดขึ้น” ดอร์นโดมิแน้นซ์กล่าว “ทรัพยากรของป่าใบไม้ผลินั้นมีความสำคัญต่อเราทั้งคู่ ซึ่งคุณก็คงทราบดีอยู่แล้วหัวห้ากิลแบล๊คเฟรม แน่นอนว่าเราไม่ต้องการที่จะต่อต้านสภาสิบแปดปีกโดยเจตนา แต่เราก็จะทำการพึ่งพาพลังของตัวเองเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการเช่นกัน ฉันหวังว่าคุณจะเข้าใจ หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม”
เมื่อดอร์นโดมิแน้นซ์พูดจบ ผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดนับไม่ถ้วนก็พยักหน้าเห็นด้วยกับเขา
เหตุใดผู้เล่นในทวีปหลักจึงควรได้รับประโยชน์จากทรัพยากรในป่าใบไม้ผลิไปเพียงผู้เดียว ?
หากต้องการจะได้รับไปเพียงผู้เดียวจริงๆ พวกเขาก็จะต้องทำมันด้วยพลังของตัวเองเท่านั้น
นี่แบล๊คเฟรมคิดจริงๆหรอว่าเขาจะสามารถขับไล่เหล่าผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดทั้งหมดได้ด้วยเรือเหาะเพียงแค่ห้าลำน่ะ ?! ช่างไร้เดียงสาจริงๆ !!! ฟิวเรียสฮาร์ทหัวเราะเบาๆ ขณะที่เขาเฝ้ามองร่างที่ห่างออกไปของซือเฟิง
เรือเหาะนั้นอาจทรงพลังอย่างน่าอัศจรรย์ แต่ถ้าซือเฟิงคิดว่าเขาจะสามารถหยุดผู้เล่นหลายล้านคนจากโลกแห่งความมืดได้ด้วยเรือเหาะแค่ห้าลำ เขาก็โง่เกินไปแล้ว !!!
ยิ่งไปกว่านั้นกองทัพรุกรานจากโลกแห่งความมืดยังมีอะเม้าท์บินได้อีกมากกว่าห้าสิบตัว ดังนั้นการท้าทายเรือเหาะห้าลำนี้จึงไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย นอกจากนี้มหาอำนาจต่างๆที่เข้าร่วมในครั้งนี้ก็ยังมีไพ่ลับของตัวเองซึ่งน่าจะสามารถใช้ต่อกรกับเรือเหาะได้ด้วย
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ฟิวเรียสฮาร์ทกำลังคิดและหัวเราะเรียบร้อยแล้วนั้น ซือ
เฟิงก็เหลือบไปมองผู้เล่นสายความมืดทั้งหมดโดยรอบของเขาและหัวเราะเบาๆ
“หัวหน้ากิลดอร์น ฉันคิดว่าคุณเข้าใจอะไรผิดไปนะ ฉันไม่เคยมีความตั้งใจจะเจรจาใดๆกับคุณ !!! ฉันมาที่นี่เพื่อบอกกับคุณเพียงเรื่องเดียว !!!” ซือเฟิงกล่าว “นับจากนี้เป็นต้นไป ประตูเทเลพอร์ตนี้จะอยู่ภายใต้การควบคุมของสภาสิบแปดปีก !!!”
ตอนที่ 2562 ท้าทายโลกแห่งความมืด
ความเงียบนั้นเกิดขึ้นไปทั่วบริเวณ เมื่อซือเฟิงกล่าวจบ เมจิคแฟลช และฟอเร้สจ้องมองไปยังนักดาบอย่างพูดไม่ออก พวกเขาไม่ได้คิดเลยว่าชายคนนี้จะเอาจริง ….
นี่มันบ้าชัดๆ !!
พวกเขานั้นคาดเดาว่าซือเฟิงได้ล้อเล่นกับพวกเขาที่โรงแรมอิสระ แต่ตอนนี้ชายคนนี้กับกล่าวย้ำความตั้งใจของเขาโดยมุ่งตรงไปที่ผู้เล่นอิสระ และมหาอำนาจต่างๆจากโลกแห่งความมืด ….
หลังจากนั้นครู่หนึ่งผู้เล่นสายความมืดทุกคนก็ส่งเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานออกมา
“นี่ชายคนนี้กำลังเล่าเรื่องตลกให้เราฟังรึปล่าว ?”
“นี่เขาคิดจริงๆหรอว่าสภาสิบแปดปีกจะสามารถเข้าจัดการประตูเทเลพอร์ตได้นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป …. นี่เขาคิดว่าตัวเองสามารถอ้างสิทความเป็นเจ้าของประตูเทเลพอร์ตนี้ได้โดยแค่กล่าวออกมางั้นหรอ ?”
“ชายคนนี้คิดว่าเขาเป็นใครกัน ?”
ช่วงเวลาหนึ่งผู้เล่นสายความมืดโดยรอบบริเวณนั้นล้วนแสดงความโกรธและเยาะเย้ยซือเฟิงออกมา ความกลัวก่อนหน้านี้ที่พวกเขามีต่อซือเฟิงนั้นได้ระเหยหายไปเหมือนกับหมอกในวันที่อากาศร้อน ในตอนนี้พวกเขาสงสัยด้วยซ้ำว่าซือเฟิงนั้นเต็มรึปล่าวถึงกล้ายั่วยุโลกแห่งความมืดทั้งโลกอย่างกล้าหาญแบบนี้
แบล๊คเฟรมกำลังพยายามจะทำอะไร ? นี่เขาไปโดนอะไรจนเสียสติมางั้นหรอ ? เขาไม่รู้หรอว่าโดยพื้นฐานแล้วคำกล่าวเมื่อครู่ของเขา คือ เขาพึ่งประกาศสงครามกับทุกคนจากโลกแห่งความมืด ? บลูเรนโบว์ขมวดคิ้ว ขณะที่จ้องมองไปยังซือเฟิงที่ยังคงดูสงบ
เมื่อพวกเขาได้ยินรายงานของเมจิคแฟลชกับฟอเร้สต์นั้น พวกเขาคิดว่าเจตนาความต้องการของซือเฟิงนั้นเป็นเรื่องตลก อย่างไรก็ตามตอนนี้ซือเฟิงได้ประกาศต่อหน้าสาธารณชนแล้วว่าแผนการของสภาสิบแปดปีกคือจะเข้าควบคุมประตูเทเลพอร์ตนี้ ตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องตลกที่ไม่ตลกแล้ว
จากที่เธอคิด นักดาบคนนี้นั้นไม่ประเมินตัวเองสูงเกินไป เขาก็ต้องบ้าไปแล้วแน่นอนที่พาตัวเองเข้าไปสู่เส้นทางแห่งการถูกทำลายล้างแบบนี้
แม้แต่ซุเปอร์กิลจำนวนหนึ่งที่ร่วมมือกัน ก็ยังไม่กล้าจะพูดอะไรแบบนี้ต่อหน้ากองทัพของโลกแห่งความมืดเลย ไม่ต้องพูดถึงมหาอำนาจแค่กลุ่มเดียว เพราะท้ายที่สุดใครก็ตามที่ควบคุมประตูเทเลพอร์ตนี้ได้ มันก็เท่ากับว่าจะสามารถควบคุมโลกแห่งความมืดนี้ได้
นี่มันโง่เง่าเกินไป !!!
เขาตายแน่ !!! เขาตายแน่นอน !!! ฟิวเรียสฮาร์ทหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่เขามองไปยังซือเฟิง
ต้องขอบคุณคำประกาศของซือเฟิงจริงๆที่มันจะทำให้ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นมหาอำนาจต่างๆ และผู้เล่นอิสระทั้งหมดของโลกแห่งความมืดจะพุ่งเป้าไปที่การกำจัดสภาสิบแปดปีกแน่นอน แม้ว่าหัวใจปีศาจจะไม่ยั่วยุใดๆก็ตาม พวกเขาจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้จบลงจนกว่าพวกเขาจะลบสภาสิบแปดปีกให้หายออกไปจากป่าใบไม้ผลิได้แน่นอน เพราะหากพวกเขาไม่ทำแบบนี้ พวกเขาอาจจะโดนผู้เล่นจากทวีปหลักดูถูกได้ว่าไร้น้ำยา
เมื่อเสียงหัวเราะโดยรวมของเหล่าผู้เล่นสายความมืดหายไป แต่ละคนก็หันมาจ้องมองซือเฟิงโดยแผ่เจตนาการฆ่าที่รุนแรงออกมา ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามบางคนถึงกับชักอาวุธของพวกเขาออกมา และเตรียมจะสอนบทเรียนให้กับนักดาบผู้หยิ่งผยองนี้
“ช่างน่าเสียดายหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ฉันคิดว่าคุณจะฉลาดกว่านี้และรู้ว่าเมื่อไหร่ควรถอย กับเมื่อไหร่ควรก้าวต่อไป แต่ดูเหมือนส่าดาร์ครัปโซดี้และเดียตี้โซไซตี้จะคิดมากเกินไปสำหรับเรื่องของคุณ” ดอร์นโดมิแน้นซ์กล่าวพลางส่ายหัว จากนั้นเขาก็หันหลังกลับโดยไม่ได้คิดจะพูดอะไรกับซือเฟิงอีกต่อไป
หน่วยเรือเหาะห้าลำนั้นอาจน่าประทับใจ แต่มันก็ไม่ได้น่ากลัวพอที่จะบังคับให้กองทัพผู้รุกรานจากโลกแห่งความมืดต้องถอยกลับ แม้ว่าอาวุธสงครามนี้จะน่ากลัวและมีศักยภาพที่ร้ายแรง แต่อัตราการโจมตีของพวกมันก็ยังต่ำมาก เมื่อพลังการรบของทั้งสองฝ่ายไม่มีความแตกต่างกันมากนัก เรือเหาะห้าลำอาจจะเป็นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์และช่วยพลิกกระแสการต่อสู้ได้ อย่างไรก็ตามเมื่อพลังการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันมากๆ เรือเหาะห้าลำนั้นก็ไม่สามารถจะพลิกกระแสการต่อสู้ได้แน่นอน
และที่ขั้นสามนั้น เหล่าผู้เล่นระดับผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็มีความว่องไวมากพอที่จะหลบหลีกการโจมตีของเรือเหาะได้ ตราบเท่าที่มีระยะห่างระหว่างกันมากเพียงพอ นอกจากนี้กองทัพรุกรานของโลกแห่งความมืดยังมีอะเม้าท์บินได้มากกว่าห้าสิบตัว ซึ่งโดยรวมแล้ว พวกเขาก็ควรจะมีพลังการต่อสู้ทางอากาศมากพอๆกับสภาสิบแปดปีก
เมื่อดอร์นโดมิแน้นซ์ออกไป ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่อยู่รอบๆซือเฟิงก็ยิ้มเยาะ และเริ่มเข้าล้อมกรอบเขา
ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเกือบหนึ่งพันคนนั้นชี้อาวุธของตัวเองมายังซือเฟิง และแผ่เจตนาฆ่าฟันที่ชัดเจนออกมา ซึ่งการกระทำของพวกเขานั้นเมื่อรวมกันมันก็ทรงพลังมากพอจะเปลี่ยนบรรยากาศโดยรอบให้กลายเป็นอึดอัดได้เลย
ขณะเดียวกันผู้เล่นสายความมืดขั้นสองที่เข้ามาที่ป่าใบไม้ผลิเพื่อร่วมสนุกนั้นก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น เมื่อได้เห็นฉากนี้
แม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็ไม่ได้มีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากมายนัก แต่กองทัพของโลกแห่งความมืดกับมีมากมาย
เมื่อเหลือระยะน้อยกว่าห้าสิบหลาระหว่างผู้เชี่ยวชาญสายความมืดกับซือเฟิง มันก็มีร่างหลายร่างที่เริ่มกระโดดลงมาจากเรือเหาะแต่ละลำ
ในพริบตาผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเกือบห้าร้อยคนก็เข้ามาอยู่รอบๆตัวซือเฟิง และทุกคนก็แผ่ออร่าที่รุนแรงยิ่งกว่าผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของโลกแห่งความมืดออกมา
“นี่ …”
เมื่อเห็นกำลังเสริมของซือเฟิง ผู้เล่นสายความมืดจากโลกแห่งความมืดที่กำลังรุกเข้ามาก็หยุดชะงักลง ขณะที่พวกระดับสูงของมหาอำนาจต่างๆที่เฝ้าดูอยู่ต่างก็ประหลาดใจมากเช่นเดียวกัน พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะรวบรวมความแข็งแกร่งมาได้มากขนาดนี้
เมื่อผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเกือบห้าร้อยคนนี้มาเข้าร่วมการต่อสู้ กิลที่แข็งแกร่งที่สุดสามอันดับแรกของโลกแห่งความมืดก็จะไม่สามารถเทียบกับกองกำลังของสภาสิบแปดปีกได้อีกต่อไป แม้ว่าพวกเขาจะทำงานร่วมกันก็ตาม และเมื่อรวมกับเรือเหาะที่ลอยลำอยู่เหนือพวกเขานั้น หากพวกเขาตัดสินใจเริ่มการต่อสู้ด้วยกองกำลังของกิลที่แข็งแกร่งที่สุดของกิลสามอันดับแรกจากโลกแห่งความมืด มันก็จะเป็นการเชื้อเชิญให้สภาสิบแปดปีกเข้ามาฆ่าพวกเขาก็เท่านั้น
“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมคุณถึงกล้าพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้ สภาสิบแปดปีกนั้นน่าเกรงขามจริงๆ …” ดอร์นโดมิแน้นซ์หยุดฝีเท้าลงและมองไปยังผู้เชี่ยวชาญขั้นสามรอบๆซือเฟิง แต่เขาก็ส่ายหัว และพูดต่อว่า “อย่างไรก็ตามฉันกลัวว่านั่นจะยังไม่เพียงพอที่จะเอาชนะโลกแห่งความมืดนะ”
ในขณะที่เขาพูดจบนั้น มันก็มีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจำนวนมากขึ้นอย่างมากเข้าล้อมกรอบซือเฟิง และภายในเวลาไม่ถึงสามสิบวินาที กลุ่มผู้เชี่ยวชาญสายความมืดขั้นสามจำนวนมากกว่าหกพันคนก็ได้เข้าร่วมการล้อมนี้ แม้แต่บลูฟอร์สและพรรคพวกของเขาที่เป็นสมาชิกสภาสิบแปดปีกจากเขตหนึ่งที่เคยเข้าร่วมการต่อสู้มาหลายครั้งก็ยังอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เมื่อได้เห็นฉากนี้
“บลู นายคิดว่าหัวหน้ากิลกำลังพยายามจะทำอะไรกัน ? นี่เราจะไม่ต่อสู้กับทุกคนที่นี่จริงๆใช่ไหม ?” เบสท์รีนคาเนชั่น หัวหน้าทีมลำดับที่สองของเขตหนึ่งถามด้วยความกังวล
เขาเคยเฝ้าดูและต่อสู้ในสงครามมาหลายครั้งที่เกี่ยวข้องกับผู้เล่นนับหมื่นคน แต่เมื่อเทียบกับกองทัพรุกรานจากโลกแห่งความมืดแล้ว กองทัพอื่นๆนั้นไม่น่ากล่าวถึงเลย แม้แต่กองทัพจำนวนนับหมื่นก็จะเป็นได้แค่ของอุ่นเครื่องเท่านั้นสำหรับผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจำนวนมากกว่าหกพันคน หากกองกำลังนี้เข้าสู่ดาร์คเดน พวกเขาจะสามารถกวาดผ่านทุกพื้นที่ได้โดยไร้ปัญหาใดๆ และแม้ว่าทุกเขตจะรวมตัวกัน แต่พวกเขาก็จะไม่รอดแน่นอน
ในขณะเดียวกันสภาสิบแปดปีกมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามอยู่น้อยกว่าห้าร้อยคน และแม้จะมีสัตว์ประหลาดอยู่ในหมู่คนเหล่านี้มากมาย แต่ด้วยจำนวนที่แตกต่างกันเกินไป ยังไงซะพวกเขาก็ไม่มีโอกาสจะชนะแน่นอน
“ฉันไม่รู้ แต่แม้พวกเราจะแพ้ในการต่อสู้ครั้งนี้ มันก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากในอนาคตแน่นอน เพราะมันคงไม่มีใครจะได้รับโอกาสให้เผชิญหน้ากับกองทัพที่น่ากลัวแบบนี้ง่ายๆแน่นอน” บลูฟอร์สตอบด้วยรอยยิ้มขมขื่น เขาต้องยอมรับเลยว่าการกระทำของซือเฟิงในครั้งนี้มันบ้าคลั่งมากๆ อย่างไรก็ตามนี่มันก็ทำให้เลือดของเขาเดือดพล่านด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน
ท้ายที่สุดแล้วในระยะนี้ของเกมใครกันจะกล้าท้าทายกองทัพแบบนี้ ?
แม้แต่มหาอำนาจต่างๆของทวีปหลักก็ยังกลัวกองทัพผู้รุกรานจากโลกแห่งความมืด แต่นั่นไม่ใช่สำหรับสภาสิบแปดปีก หากพวกเขาต้องแพ้และล่มสลายจริงๆ พวกเขาก็จะไปพร้อมกับความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง
แถมนี่ยังเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากจริงๆที่จะได้ต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญขั้นสามพร้อมกันจำนวนมากขนาดนี้ ซึ่งหากใครในหมู่พวกเขารอดไปได้จากตรงนี้ มันก็จะช่วยหนุนการพัฒนาของคนๆนั้นในอนาคตแน่นอน
ทันทีที่บลูฟอร์สกล่าวจบ ซือเฟิงก้าวไปข้างหน้าผ่านวงป้องกันของกองกำลังสภาสิบแปดปีกและไปเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญขั้นสามหลายพันคนจากโลกแห่งความมืดโดยตรง
“ดูเหมือนว่าพวกคุณจะยังไม่เข้าใจกันนะ …” ซือเฟิงกล่าวพลางส่ายหัว ขณะที่มองไปยังผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจากโลกแห่งความมืดรอบตัวเขา และเขาก็พูดต่อย่างใจเย็นว่า “ตั้งแต่เริ่ม ฉันบอกพวกคุณแล้วว่าฉันมาที่นี่เพื่อแจ้งให้พวกคุณทราบเท่านั้น ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อเจรจาใดๆ เนื่องจากพวกคุณต้องต้องการทดสอบความอดทนของฉัน ดังนั้นฉันก็เสียใจที่จะต้องแจ้งให้พวกคุณรู้ว่า พวกคุณเลือกคู่ต่อสู้ผิดแล้ว !!!”
หลังจากล่าวจบ ซือเฟิงก็ดึงโทเค่นออกมาจากกระเป๋าของเขา และเริ่มร่ายเวทย์ โดยมันเป็นเวทย์แบบง่ายๆที่มีเพียงแค่ไม่กี่บรรทัดเท่านั้น และผู้ที่เข้าร่วม God domain ใหม่ๆก็จะสามารถร่ายได้ง่ายๆเลยทีเดียว
ก่อนที่เหล่าผู้เล่นสายความมืดจะทันได้ล้อเลียนซือเฟิงเพราะความโง่เขลาของเขา วงเวทย์หลายวงก็ปรากฎขึ้นอย่างรวดเร็วหลังนักดาบ และภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที พวกมันก็กลายเป็นสปาร์เชี่ยลเกต และเมื่อประตูเสร็จสมบูรณ์ NPC ในชุดเครื่องแบบที่สวยงามก็เดินเข้ามาในป่าใบไม้ผลิบริเวณนี้เหมือนกับกองทัพที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี
โดย NPC เหล่านี้นั้นมีเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบ และอยู่ในขั้นสามทั้งหมด แถมในหมู่ NPC เหล่านี้มันยังมี NPC จากเผ่าอื่นอยู่ด้วยอีกจำนวนหนึ่ง และในพริบตา NPC มากกว่าหนึ่งพันคนก็ได้เข้าร่วมสนามรบ ….
ตอนที่ 2563 ปราบปรามทุกคน กับสภาสิบแปดปีกที่ยิ่งกว่าบ้าคลั่ง
เมื่อ NPC ขั้นสามมากกว่าหนึ่งพันคนปรากฎตัวขึ้นด้านหลังของซือเฟิง ทั้งผู้เล่นสายความมืด สมาชิกสภาสิบแปดปีกและกองกำลังนรกต่างก็ตกตะลึง
ในอาณาจักร และจักรวรรดิต่างๆ NPC ขั้นสามถือเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งมากๆ และพวกเขาก็สามารถจะทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองเมืองเล็กๆได้เลย
แต่ตอนนี้ซือเฟิงกับพึ่งจะอัญเชิญ NPC เหล่านี้มากกว่าหนึ่งพันคนมารวมตัวกัน แถมบางส่วนยังไม่ใช่ NPC เผ่ามนุษย์ด้วย นี่มันไม่น่าเชื่อเลย !!!
นี่เรามี NPC จำนวนมากขนาดนี้แล้วงั้นหรอ ? เมื่อเสวี่ยเหวินโหรวเห็นกองอัศวินของซือเฟิง เธอก็อดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความประหลาดใจมากเช่นกัน
เธอรู้มาระยะหนึ่งแล้วว่าซือเฟิงนั้นได้ลงทุนเหรียญจำนวนมากในการพัฒนากองอัศวินของกิล แต่เธอก็คิดว่ามันก็จะยังคงต้องใช้เวลานานในการสะสมและดูแล NPC ขั้นสามจำนวนมาก
ในระหว่างที่ซือเฟิงไปเยือนทวีปด้านตะวันตก เธอก็รู้สึกว่าพวกเขาจะโชคดีมากแล้ว หากได้รับอัศวินขั้นสามเพิ่มขึ้นมาอีกสองถึงสามร้อยคน แต่นี่ทุกอย่างมันกับไปไกลเกินกว่าความคาดหวังของเธอหลายเท่า
ด้วยอัศวินขั้นสามมากขนาดนี้ การเอาชนะกองทัพผู้เล่นขั้นสามมากกว่าหนึ่งหมื่นคนนั้นก็จะไม่เป็นปัญหาเลยด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงกองทัพผู้เล่นขั้นสามมากกว่าหกพันคนตรงหน้าพวกเขา
เหตุผลนั้นง่ายมาก ค่าสถานะของ NPC ไม่เพียงแต่จะสูงกว่าผู้เล่นในเลเวลและขั้นเดียวกัน แต่พวกเขายังมีสกิลและเวทย์จำนวนมากอีกด้วย แถมอัตราความสำเร็จในการใช้สกิลและเวทย์ของพวกเขานั้นก็ยังอยู่เหนือผู้เล่นมากเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อ God domain ได้รับการอัพเดทระบบมากขึ้น สติปัญญาและมาตราฐานการต่อสู้ของ NPC นั้นมันก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ และที่ขั้นสาม NPC นั้นจะมีความสามารถเทียบเท่ากับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตการปรับแต่งเป็นอย่างน้อยเลย และบางคนอาจปราบปรามผู้เชี่ยวชาญการปรับแต่งหรือเหนือกว่าได้สบายๆเลย
นี่คือสาเหตุที่แม้แต่ผู้เล่นขั้นสามก็จะยังคงถูกโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว เมื่อพวกเขาทำการท้าทาย NPC ขั้นสาม
แน่นอนว่าความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดระหว่างทั้งสองฝ่ายก็คือมาตราฐานอุปกรณ์ของ NPC !!
การได้มาซึ่งอาวุธและอุปกรณ์ชั้นยอดระดับไฟน์โกลหรือสูงกว่านั้น เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย เป็นเรื่องที่ยากมากๆสำหรับผู้เล่น แต่อย่างไรก็ตาม แม้แต่ NPC ขั้นสามที่อ่อนแอที่สุดของ God domain และไม่ได้ถูกผัดโดยผู้เล่น พวกเขาก็ยังจะสวมใส่
เซ็ทอุปกรณ์ระดับดาร์คโกลเป็นอย่างน้อย
ในทางกลับกันอัศวินขั้นสามของสภาสิบแปดปีกส่วนใหญ่นั้นสวมใส่อุปกรณ์ระดับอีปิค และแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม ขอบเขตอนันต์ก็ยังจะต้องหนีจากอัศวินเหล่านี้ นับประสาอะไรกับผู้เชี่ยวชาญขั้นสามขอบเขตการปรับแต่ง
ผู้เล่นสายความมืดขั้นสามมากกว่าหกพันคนรอบๆซือเฟิงเริ่มถอยอย่างไม่รู้ตัว และพวกระดับสูงของมหาอำนาจต่างๆก็ล้วนมองมายังฉากนี้ด้วยความกลัวและประหลาดใจ
ไม่มีใครคิดเลยว่าความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีกจะน่ากลัวมากขนาดนี้ !!!
เมื่อพวกเขาได้รู้มาจากการสืบสวนของพวกเขาว่าสภาสิบแปดปีกนั้นมีอัศวินขั้นสามเกือบหกร้อยคน การที่จะหาวิธีจัดการกับสภาสิบแปดปีกมันก็ทำให้พวกเขาปวดหัวอย่างมากแล้ว และหากพวกเขาต้องการจะยึดเมืองป่าหินให้ได้ พวกเขาก็รู้ดีว่าพวกเขาจำเป็นจะต้องร่วมมือกับมหาอำนาจต่างๆของทวีปหลักและทำงานอย่างหนัก
แต่ตอนนี้ไม่เพียงแต่พวกเขาจะได้รู้ว่าสภาสิบแปดปีกมีเรือเหาะห้าลำ แต่สภาสิบแปดปีกยังมีอัศวินขั้นสามมากกว่าที่พวกเขาได้รับรายงานมาสองเท่า นี่พวกเขาจะต่อสู้กับกองกำลังเช่นนี้ได้ยังไง ?
นี่คือเหตุผลที่เขาไม่ลังเลที่มอบพื้นที่เจ็ดสิบเปอเซ็นต์ของป่าใบไม้ผลิให้พวกเรางั้นหรอ ? ตอนนี้บลูเรนโบว์เริ่มเข้าใจอะไรหลายๆอย่างแล้ว ขณะที่เธอมองไปยังซือเฟิง
เธอนั้นคิดว่าชายคนนี้เป็นบ้าไปแล้วที่เลือกจะยอมแพ้ในพื้นที่ของป่าใบไม้ผลิถึงเจ็ดสิบเปอเซ็นต์ และเลือกจะเพิ่มความรุนแรงในการแข่งขันระหว่างกิลของเขากับโลกแห่งความมืด แต่เมื่อมองดูตอนนี้ มันก็เหมือนว่าเธอจะเข้าใจผิดไปอย่างมาก
ด้วยพลังการต่อสู้ที่มากมายขนาดนี้ มันจะไม่มีมหาอำนาจของโลกแห่งความมืด หรือผู้เล่นอิสระจากโลกแห่งความมืดคนใดกล้าแข่งขันเพื่อแย่งชิงพื้นที่ส่วนสามสิบเปอเซ็นต์ของป่าใบไม้ผลิที่สภาสิบแปดปีกครอบครองอยู่แน่นอน ในทางตรงกันข้ามดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้จะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากกว่ามากในการควบคุมพื้นที่เจ็ดสิบเปอเซ็นต์ของพวกเขา ท้ายที่สุดแล้วอิทธิพลส่วนใหญ่ของทั้งสองกิล
นั้นอยู่ในโลกแห่งความมืด และนอกนั้นพวกเขาก็แทบไม่มีอะไรเลย
หากผู้เล่นของโลกแห่งความมืดกลัวเกินกว่าที่จะเข้าแย่งชิงแหล่งทรัพยากรของสภาสิบแปดปีก มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะหันมาแย่งชิงพื้นที่ของเดียตี้โซไซตี้ และดาร์ครัปโซดี้แทน
“แม่งเอ้ย !! เป็นไปได้ยังไงกัน ?!!” ฟิวเรียสฮาร์ทรู้สึกราวกับว่าเขากำลังจะบ้า เมื่อเขาจ้องมองไปยัง NPC ขั้นสามมากกว่าพันคนที่อยู่ด้านหลังซือเฟิง เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมสภาสิบแปดปีกถึงมี NPC ระดับนี้มากมายขนาดนี้ และทุกคนก็ล้วนสวมใส่อุปกรณ์ชั้นยอดทั้งหมดด้วย ….
เมื่อเจอกับกองกำลังแบบนี้ แม้แต่กองทัพผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่าหนึ่งหมื่นคนก็ยังไม่สามารถจะทำอะไรได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่เข้าร่วมกองทัพรุกรานในครั้งนี้นั้นยังมาจากกิลและทีมนักผจญภัยต่างๆจำนวนมาก ดังนั้นการจะบังคับบัญชาพวกเขาให้ทำตามคำสั่งที่เหมาะสมได้จึงเป็นไปได้ยากมากๆ และแน่นอนว่ามันก็ไม่มีใครอยากทำหน้าที่เป็นปืนใหญ่และตายอย่างไร้จุดหมาย
หากกองทัพผู้รุกรานของโลกแห่งความมืดมีข้อได้เปรียบอย่างแท้จริงเหนือสภาสิบแปดปีก ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเหล่านี้จะไม่ลังเลที่จะลงมือแน่นอน อย่างไรก็ตามตอนนี้สถานการณ์มันได้เปลี่ยนไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และมันจะไม่มีผู้เชี่ยวชาญคนไหนในกองทัพผู้รุกรานของโลกแห่งความมืดที่เต็มใจจะลงมือในสถานการณ์แบบนี้แน่นอน
NPC ขั้นสามจำนวนมากกว่าหนึ่งพันคนที่ยืนรอคำสั่งของซือเฟิงอยู่ ทำให้ผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดนั้นตัวแข็งค้างเป็นหินเลย ตอนนี้พวกเขาล้วนจ้องมองไปยังซือเฟิง และ NPC ของเขาอย่างเงียบงัน ขณะที่ทีมของบลูฟอร์สนั้นก็ล้วนจ้องมองมายังฉากนี้อย่างพูดไม่ออก
แม้แต่กองกำลังนรกก็ยังเต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างมาก
ก่อนมาที่นี่พวกเขาได้ยอมรับกันแล้วว่าความตายกำลังจะมาถึงพวกเขา เพราะท้ายที่สุดกองทัพของโลกแห่งความมืดมีจำนวนมากกว่าพวกเขาอย่างมหาศาล และแม้ว่าพวกเขาจะมีพลังมากกว่าเมื่อวัดกันที่ความแข็งแกร่งรายบุคคล แต่พวกเขาก็จะไม่สามารถฆ่าผู้เล่นทั้งหมดนี้หรือทำให้ผู้เล่นส่วนใหญ่ถอยไปได้ก่อนที่ค่าสตามิน่าแฃละค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของพวกเขาจะหมดลง อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าสถานการณ์จะพัฒนาจนมาถึงแบบนี้ได้ กองทัพของโลกแห่งความมืดจำนวนหลายล้านคนที่เดินทัพเข้ามาในป่าใบไม้ผลิอย่างไม่กลัวเกรงสิ่งใดได้หยุดชะงักลง และไม่มีผู้เล่นคนใดในโลกแห่งความมืดที่กล้าจะก้าวไปข้างหน้าเลย ทุกคนนั้นยืนอยู่นิ่งๆราวกับถูกแช่แข็งอยู่หน้าประตูเทเลพอร์ต
หลังจากความเงียบชั่วขณะ ดอร์นโดมิแน้นซ์ก็โผล่ออกมาจากฝูงชน มาเผชิญหน้ากับซือเฟิงอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามในครั้งนี้ชายคนนี้ไม่ได้ดูถูกซือเฟิงอีกแล้ว และเขาก็เต็มไปด้วยความระมัดระวังตัวอย่างมากขณะจ้องมองไปยังซือเฟิง
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม คุณนี่มันน่าทึ่งมากจริงๆ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมคุณถึงก่อตั้งเมืองป่าหินขึ้นในป่าใบไม้ผลิได้ และยังยืนหยัดครอบครองมันมาได้จนถึงตอนนี้ …” ดอร์นโดมิแน้นซ์กล่าวพลางปรบมือให้กับซือเฟิงด้วยความชื่นชม “เนื่องจากทุกคนที่นี่ได้เห็นการแสดงความแข็งแกร่งของทุกคุณเรียบร้อยแล้ว ฉันในฐานะตัวแทนของกิลและทีมนักผจญภัยราวครึ่งโลกแห่งความมืดจะขอประกาศว่าเราจะไม่เข้าร่วมการต่อสู้ระหว่างสภาสิบแปดปีกกับมหาอำนาจต่างๆ คุณคิดว่าข้อตกลงนี้น่ายอมรับไหม หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ?”
ในขณะที่ดอร์นโดมิแน้นซ์พูดจบ พวกระดับสูงของกิลกับทีมนักผจญภัยต่างๆจากโลกแห่งความมืดก็ล้วนพยักหน้าเห็นด้วย
หากสภาสิบแปดปีกอ่อนแอนั้น พวกเขาก็คงจะเข้าร่วมกับมหาอำนาจต่างๆจัดการกับกิลโดยไม่มีปัญหาใดๆ แต่ตอนนี้พวกเขาได้เห็นแล้วว่ากิลนั้นแข็งแกร่งเพียงใด ต่อให้พวกเขาร่วมมือกับมหาอำนาจต่างๆ การเข้ายึดเมืองป่าหินก็ยังแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย และมันจะทำให้พวกเขาสูญเสียโดยไม่จำเป็นด้วยซ้ำ หากต้องเผชิญหน้ากับสภาสิบแปดปีกในการต่อสู้
“ดอร์นโดมิแน้นซ์ !!! คุณทำได้ยังไงกัน ?!!” ฟิวเรียสฮาร์ทร้องลั่นออกมาด้วยความโกรธ เมื่อเขาเห็นดอร์นโดมิแน้นซ์ยอมจำนนต่อสภาสิบแปดปีก
เพื่อกระตุ้นให้มหาอำนาจต่างๆของโลกแห่งความมืดโจมตีสภาสิบแปดปีก หัวใจปีศาจได้นำเสนอผลประโยชน์มากมายให้กับเวิร์ลโดมิเนชั่น อย่างไรก็ตามตอนนี้สถานการณ์มันกลับตาลปัตร และดอร์นโดมิแน้นซ์ก็ได้ตัดสินใจจะยอมแพ้
และเมื่อเวิร์ลโดมิเนชั่นยอมแพ้ มหาอำนาจอื่นๆของโลกแห่งความมืดนั้นก็จะไม่กำหนดเป้าหมายมาที่สภาสิบแปดปีกเช่นกัน
อย่างไรก็ตามก่อนที่ฟิวเรียสฮาร์ทจะทันได้สาปแช่งดอร์นโดมิแน้นซ์ต่อ ซือเฟิงก็ส่ายหัว
“หัวหน้ากิลดอร์น จะต้องให้ฉันบอกคุณสักกี่ครั้งคุณถึงจะจำใส่หัวของคุณได้ ? ฉันมาที่นี่เพื่อแจ้งให้คุณและพวกของคุณทราบว่านับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปสภาสิบแปดปีกจะทำหน้าที่จัดการประตูเทเลพอร์ตนี้ และในอนาคตกิลของฉันก็จะเรียกเก็บค่าใช้งานสำหรับทุกคนที่ต้องการใช้มันด้วย นี่ฉันยังพูดไม่ชัดเจนพองั้นหรอ ?” ซือเฟิงกล่าว ก่อนที่เขาจะมองไปรอบๆและพูดต่อว่า “ฉันไม่สนหรอกว่าพวกคุณจะร่วมมือกับมหาอำนาจต่างๆโจมตีเมืองป่าหินรึปล่าว …”
ดอร์นโดมิแน้นซ์ที่ตั้งใจจะพูดมากกว่านี้นั้นพูดไม่ออกทันที แม้แต่ฟิวเรียสฮาร์ทที่กำลังจะสาปแช่งดอร์นโดมิแน้นซ์ต่อก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง
นี่ชายคนนี้บ้าไปแล้วงั้นหรอ ? ดอร์นโดมิแน้นซ์ได้ประกาศแล้วว่าผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดนั้นจะไม่กำหนดเป้าหมายไปที่สภาสิบแปดปีก และเมืองป่าหิน แต่เขาก็ยังคงยืนยันที่จะเข้าจัดการประตูเทเลพอร์ตเนี่ยนะ ? นี่เขาต้องการจะเป็นศัตรูกับโลกแห่งความมืดทั้งโลกจริงๆงั้นหรอ ? เมื่อเมจิคแฟลชได้ยินคำตอบของซือเฟิง เขาก็พูดไม่ออกเช่นกัน
นี่เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดที่สภาสิบแปดปีกจะสามารถหวังให้มันเกิดขึ้นได้แล้ว แต่แทนที่จะตกลง ซือเฟิงกับยืนยันในความเป็นเจ้าของประตูเทเลพอร์ต เขามันบ้าชัดๆ !!!
ตอนที่ 2564 บ้า และการเริ่มเคลื่อนไหวของกองอัศวิน
นี่เขาวางแผนจะเริ่มสงครามกับโลกแห่งความมืดทั้งหมดจริงๆงั้นหรอ ? แม้แต่ฟิวเรียสฮาร์ที่ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการทำลายล้างสภาสิบแปดปีกและซือเฟิงก็ยังอดไม่ได้ที่จะสับสนกับการกระทำของนักดาบ เขาสงสัยด้วยซ้ำว่าเขาได้ยินที่นักดาบพูดเมื่อครู่ผิดรึปล่าว ?
แทนที่จะยอมถอยเพื่อผลลัพธ์ที่สงบ แต่ซือเฟิงกับยังคงยืนยันว่าเขาจะต่อสู้เพื่อควบคุมประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืด และแม้ว่าจะรวมกลุ่มกัน แต่มหาอำนาจต่างๆก็ยังไม่กล้าจะทำแบบนี้เลย ในความเป็นจริง การทำอะไรแบบนี้ไม่อยู่ในความคิดของพวกเขาเลยด้วยซ้ำ
ประตูเทเลพอร์ตนั้นเป็นเส้นชีวิตของผู้เล่นจากโลกอื่น และหากมีกิลจากโลกอื่นที่ไม่ใช่โลกของตัวเองเข้าควบคุมประตู ผู้อยู่อาศัยในโลกแห่งความมืดทั้งหมดก็จะต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของกิลๆนั้น ซึ่งเหล่าผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดนั้นจะไม่ยอมให้เกิดผลเช่นนั้นแน่นอน พวกเขาจะต่อสู้กับใครก็ตามที่ขู่ว่าจะควบคุมประตูเทเลพอร์ตแบบตายกันไปข้างหนึ่ง
นี่คือเหตุผลที่ทั้งหัวใจปีศาจและมหาอำนาจต่างๆไม่ได้คิดจะทำแบบนี้ เพราะหากพวกเขาพยายาม ไม่เพียงแต่พวกเขาจะล้มเหลว แต่มันยังจะเป็นการโยนชีวิตของตัวเองทิ้งด้วย หากพยายามจะเข้าควบคุมประตูเทเลพอร์ต
แต่ตอนนี้ซือเฟิงกับไม่ได้นำเรื่องนี้มาเป็นแค่ตัวเลือกเท่านั้น เขาตั้งใจอย่างเต็มที่ที่จะทำมันจริงๆ ….
เมื่อซือเฟิงพูดจบ เหล่าผู้เล่นสายความมืดก็เริ่มปะทุขึ้นด้วยความโกลาหล ….
“นี่แบล๊คเฟรมบ้าไปแล้วงั้นหรอ ? เขาพยายามจะควบคุมเส้นชีวิตของโลกเรา !!”
“เรายอมแพ้ไปมากแล้ว ด้วยการยอมแพ้ในเมืองป่าหิน แต่แบล๊คเฟรมกับต้องการเพิ่มอีก หลังจากเรายอมแล้วแบบนี้ !!! นี่เขาคิดว่าเราจะไม่กล้าโจมตีสภาสิบแปดปีกจริงๆงั้นหรอ ?”
ความกลัวที่มหาอำนาจต่างๆของโลกแห่งความมืด รวมทั้งผู้เล่นอิสระเคยรู้สึกเมื่อครู่นั้นหายไป ตอนนี้มีเพียงความโกรธเท่านั้นที่ฉายอยู่ในดวงตาของพวกเขา และพวกเขาทั้งหมดตอนนี้ก็ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการแสดงให้ซือเฟิงเห็นถึงผลที่ตามมาของการต้องการบางอย่างมากเกินไป ….
ผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดนั้นเริ่มเข้าใกล้หัวหน้ากิลของสภาสิบแปดปีกด้วยผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของพวกเขา ซึ่งก่อนหน้านี้ตัดสินใจจะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ แต่ตอนนี้พวกเขานั้นเปลี่ยนใจแล้ว และอยากจะสอนบทเรียนให้กับนักดาบแทน
เจ็ดพัน… เก้าพัน… หนึ่งหมื่น…
ภายในเวลาไม่ถึงนาที ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่าสองหมื่นคนก็ได้เข้าล้อมซือเฟิง และพวกเขาทุกคนก็ล้วนจ้องมองไปยังซือเฟิงด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ และพวกเขาก็แผ่เจตนาฆ่าฟันที่เข้มข้นออกมาด้วย
“นี่หัวหน้ากิลไม่ได้พูดจริงใช่ไหม ?”อีฟเวนนิ่งโลตัส ถามบลูฟอร์สอย่างเป็นห่วง ขณะที่เธอเฝ้าดูผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจำนวนมากขึ้นมารวมกันรอบๆตัวพวกเขา
ด้วยความแข็งแกร่งของอัศวินขั้นสามของสภาสิบแปดปีกบวกกับเรือเหาะมังกรสีเลือดห้าลำนั้น พวกเขาน่าจะสามารถรับมือกับผู้เชี่ยวชาญขั้นสามได้แบบสบายๆสูงสุดหนึ่งหมื่นคนต่อครั้ง เพราะหากเกินไปกว่านั้นมันจะมีปัจจัยความเสี่ยงหลายสิ่งเพิ่มขึ้นอย่างมาก และหากพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของโลกแห่งความมืดทั้งหมดในคราวเดียว พวกเขาก็จะจบสิ้นแน่นอน เนื่องจากที่นี่พวกเขาไม่ได้รับการปกป้องจากเมืองป่าหิน
ยิ่งไปกว่านั้น NPC ก็ยังจัดว่ามีปัญหาในการฟื้นคืนชีพมากกว่าผู้เล่น และโดยปกติมหาอำนาจต่างๆจะใช้ NPC ของพวกเขาเพื่อเป็นตัวยับยั้งเท่านั้น และหลีกเลี่ยงการส่งเข้าสู่สนามรบ เว้นแต่ว่าจะจำเป็นจริงๆ
“นี่คุณเอาจริงงั้นหรอ ? หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ..” ดอร์นโดมิแน้นซ์ถามหลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆ ตอนนี้ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา แม้ว่าเขาจะสามารถเพิกเฉยต่อเมืองป่าหินได้ แต่เขาไม่สามารถเพิกเฉยต่อคำประกาศของซือเฟิงได้ เนื่องจากมันเกี่ยวข้องกับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของกิลเขา
“แน่นอน !!!” ซือเฟิงตอบอย่างมั่นใจ
ตอนแรกเขาไม่เคยคิดจะเข้าควบคุมประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืดมาก่อนเลย แต่อย่างไรก็ตามเวลาได้เปลี่ยนไป โดยเขาสามารถพัฒนากองอัศวินได้เร็วกว่าที่เขาคิดไว้มาก และตอนนี้มันก็แข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนอย่างเทียบไม่ติด
ซือเฟิงจะไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับสถานการณ์ได้เลย หากประตูเทเลพอร์ตถูกเปิดที่อื่น แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากมันเปิดขึ้นในป่าใบไม้ผลิ ซึ่งเป็นที่ตั้งของกองอัศวินของเขา ดังนั้นเขาจะโง่มาก หากไม่ยอมใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้
เนื่องจากธรรมชาติของโลกแห่งความมืด ทั้งมหาอำนาจและผู้เล่นอิสระจึงมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากๆในการสร้างตัวเองขึ้นในโลกนี้ และแม้แต่ซุเปอร์กิลต่างๆก็ยังแทบจะรับประกันความสำเร็จของตัวเองไม่ได้
แต่ถึงกระนั้นก็เป็นโชคดีที่โลกแห่งความมืดนั้นได้นำเสนอทรัพยากรพิเศษจำนวนมากเป็นการแลกเปลี่ยน และด้วยเหตุนี้มหาอำนาจต่างๆในทวีปหลักในชีวิตที่ผ่านมาของเขาจึงทำทุกอย่างเพื่อจะได้เป็นพันธมิตรกับมหาอำนาจต่างๆของโลกแห่งความมืด อย่างไรก็ตามแม้หลังจากจ่ายไปเป็นจำนวนมหาศาลแล้ว มหาอำนาจเหล่านั้นก็ได้รับทรัพยากรเพียงเล็กน้อยเพื่อใช้ในการผลิตอาวุธและอุปกรณ์
ดังนั้นถ้าเขาปล่อยให้โอกาสแบบนี้ผ่านไป เขาก็คงจะไม่มีสิทได้รับมันอีก
“ดี !! ดูเหมือนว่าคุณจะพยายามทำให้โลกแห่งความมืดทั้งโลกเป็นศัตรูของคุณ หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม !!!”ดอร์นโดมิแน้นซ์พูดด้วยรอยยิ้ม “เนื่องจากเป็นแบบนี้ก็แสดงให้เห็นหน่อยว่าคุณจะใช้การเคลื่อนไหวไหนที่คุณมั่นใจเพื่อหยุดพวกเรา !!”
ดอร์นโดมิแน้นซ์นั้นรู้สึกปวดหัวอย่างมากในตอนแรกที่ต้องยอมแพ้ในเรื่องเมืองป่าหิน เพราะท้ายที่สุดผู้เชี่ยวชาญขั้นสามหลายพันคนนั้นไม่เพียงพอจะต่อกรกับพลังต่อสู้ที่สภาสิบแปดปีกมีในปัจจุบัน เขาต้องการความแข็งแกร่งทั้งหมดของโลกแห่งความมืด
อย่างไรก็ตามโดยปกติแล้วการโน้มน้าวให้มหาอำนาจร่างๆในโลกของเขา รวมไปถึงพวกผู้เล่นอิสระอุทิศตนให้กับภารกิจฆ่าตัวตายนั้นมันเป็นไปไม่ได้ แต่โชคดีที่ซือเฟิงนั้นพึ่งจะเปิดโอกาสให้เขาทำแบบนั้นโดยใช้ชิปอนาคตของโลกแห่งความมืด !!!
นี่มันเป็นเหตุผลที่มากเกินไปที่จะทำให้มวลชนของโลกแห่งความมืดรวมพลังกัน ตอนนี้แม้ว่ากองกำลังของซือเฟิงจะถอยกลับไปยังเมืองป่าหิน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจะหยุดยั้งการรุกรานจากกองทัพของโลกแห่งความมืดได้อีกต่อไป
“ทำไมคุณยังมามัวเสียเวลากับเขาอยู่อีกล่ะ หัวหน้ากิลดอร์น ?!”
“ใช่แล้ว !!! เขามี NPC ขั้นสามอยู่ด้วยมากกว่าหนึ่งพันคนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แม้ว่าเราจะตายและสูญเสียเลเวล แต่เราก็จะสามารถฟื้นคืนชีพได้อย่างรวดเร็ว และเข้าร่วมการต่อสู้ได้อีกครั้ง !! มาดูกันว่าแบล๊คเฟรมจะยังคงแสดงท่าทีหยิ่งผยองได้อยู่ไหม เมื่อเรากำจัด NPC ของเขาไปแล้ว !!!”
ผู้เชี่ยวชาญจากมหาอำนาจต่างๆรวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญอิสระต่างเร่งพุ่งเข้าใส่กลุ่มของซือเฟิง ในขณะที่ดอร์นโดมิแน้นซ์พูดจบ
ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่าสองหมื่นคน และผู้เล่นขั้นสองอีกหลายแสนคนต่างก้าวเท้าไปข้างหน้า และทุกย่างก้าวของพวกเขานั้นมันก็ทำให้ทั่วบริเวณสั่นสะเทือนได้เลย
แม้จะมีประสบการณ์การต่อสู้มากมาย แต่สมาชิกของกองกำลังนรกก็เริ่มเต็มไปด้วยความกังวลใจ เมื่อเฝ้าดูกองทัพขนาดใหญ่นี้กำลังพุ่งเข้ามาหาพวกเขา การต่อสู้ครั้งนี้นั้นมันน่ากลัวกว่าการต่อสู้ครั้งใดที่พวกเขาเคยเข้าร่วมมาเลย
แม้ว่ากองทัพของโลกแห่งความมืดจะยังไม่มีใครใช้ไพ่ลับของตัวเอง แต่กองทัพที่บุกเข้ามานี้มันก็มากพอที่จะสามารถใช้ข่มขู่มหาอำนาจต่างๆของ God domain ในทวีปหลักได้ทุกกลุ่ม
ยิ่งไปกว่านั้นผู้เล่นสายความมืดบางคนยังใช้ม้วนคัมภีร์เวทย์มนต์ป้องกันขั้นสาม เพื่อรับมือกับการโจมตีขั้นสี่ที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งสิ่งนี้ก็จำกัดประสิทธิภาพของเรือเหาะลงไปอย่างมากในการต่อสู้ครั้งนี้
“ฮ่าๆๆ !!! ตาย !! คุณมี NPC ขั้นสามมากกว่าหนึ่งพันคนพร้อมกับเรือเหาะห้าลำแล้วยังไงล่ะ ?! ไม่มีใครสามารถจะต่อกรกองทัพมากขนาดนี้ได้แน่นอนในหุบเขาที่เป็นที่ราบกว้างใหญ่นี้ !!!” ฟิวเรียสฮาร์ทตะโกนอย่างตื่นเต้น ในขณะที่เขาเฝ้าดูผู้เล่นสายความมืดรุมเข้าหาซือเฟิง
ผู้เล่นสายความมืดทุกคนที่เข้าร่วมในกองทัพนี้นั้นล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญ และพวกเขาก็ค่อนข้างคุ้นเคยกับการต่อสู้ขนาดใหญ่มากๆ และรู้วิธีลดความเสียหายจากการโจมตีแบบ AOE ของศัตรูเป็นอย่างดี
ยิ่งไปกว่านั้นกองกำลังของสภาสิบแปดปีกก็ยังไม่ได้มีวงเวทย์ป้องกันซ่อนอยู่ด้านหลัง และเมื่อกองกำลังของสภาสิบแปดปีกกับกองทัพของโลกแห่งความมืดเข้าตะลุมบอนกัน พวกเรือเหาะมังกรสีเลือด และสกิล AOE ทำลายล้างขนาดใหญ่นั้นก็แทบจะไร้ประโยชน์ไปเลย
อย่างไรก็ตามซือเฟิงกับไม่ได้ระดมเรือเหาะของเขาเข้ามา หรือสั่งให้ NPC นักเวทย์ขั้นสามของเขาร่ายเวทย์สกิล AOE ทำลายล้างขนาดใหญ่อย่างที่ทุกคนคาดไว้ เขาเพียงแค่เฝ้าดูผู้เล่นสายความมืดพุ่งเข้ามาหาเขาและคนของเขาอย่างเงียบๆเท่านั้น
“นี่พวกเขาลืมวิธีการโจมตี หรือกลัวจนโง่ไปหมดแล้ว ?”
“พวกเขาจะต้องไม่คิดแน่นอนว่าจะมีการต่อสู้ที่แท้จริงเกิดขึ้น !!! แต่ตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้วที่จะเสียใจ !!!”
ผู้เล่นสายความมืดนั้นเต็มไปด้วยความสับสน เมื่อเห็นกองกำลังของสภาสิบแปดปีกยังคงไม่เคลื่อนไหว แต่นั่นก็ไม่ได้หยุดพวกเขาในการย่นระยะเข้าหากองกำลังของสภาสิบแปดปีกใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
หนึ่งร้อยหลา … ห้าสิบหลา … สามสิบหลา …
“พวกโง่ !!” เมื่อเหลือระยะน้อยกว่าสามสิบหลาระหว่างกัน ซือเฟิงก็ชักดาบออกมา และชี้ดาบของเขาไปยังผู้เล่นสายความมืดด้านหน้าเขา พลางตะโกนว่า “โจมตี !!”
ทันใดนั้นออร์คที่สูงตระหง่านกว่าหนึ่งร้อยตนก็ก้าวออกมา โดยออร์คเหล่านี้นั้นล้วนสวมใส่อาวุธและอุปกรณ์ระดับอีปิคทั้งหมด และพวกเขาก็ได้ทำการระเบิดแนวหน้าของศัตรูในพริบตา พวกออร์คนั้นใช้ทั้งดาบและขวานของพวกเขาตัดผ่านแท๊งเกอร์ขั้นสามของศัตรูด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ
ซึ่งในทันทีที่อาวุธของพวกออร์คกระแทกเข้ากับโล่ของแท๊งเกอร์ขั้นสาม ผู้เล่นทุกคนที่โดนโจมตีก็ปลิวกระเด็นไปราวกับมีก้อนหินขนาดยักษ์กระแทกเข้าใส่พวกเขา ….
จากระยะไกลมันดูเหมือนว่ากองทัพของโลกแห่งความมืดได้ชนเข้ากับกำแพงที่ไม่สามารถจะผ่านไปได้ และไม่เพียงแต่การรุกคืบของกองทัพจะจบลงด้วยการหยุดชะงัก แต่ร่างบางร่างก็ปลิวกระเด็นกลับไปด้านหลังของกองทัพเช่นกัน
อย่างไรก็ตามก่อนที่ผู้เล่นเหล่านี้จะทันได้ปลิวกระเด็นมากระแทกลงกับพื้น วงเวทย์จำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฎขึ้นด้านบน และโจมตีเข้าใส่พวกเขาอีกชุดหนึ่ง โดยเหล่านักเวทย์นั้นแสดงพลังและการควบคุมเวทย์ของพวกเขาออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ และทุกการโจมตีนี้ล้วนทรงพลังเท่ากับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย เลเวลหนึ่งร้อยสิบ
และแม้จะมีเวทย์มนต์ป้องกันมากมาย แต่ผู้เล่นที่ตกเป็นเป้าหมายก็สูญเสีย HP ทั้งหมดไปในเวลาไม่นาน ผู้เล่นขั้นสามมากกว่าหนึ่งพันคนนั้นตายลงไปทันที ในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที โดยไม่เหลืออะไรไว้เลยนอกจากช่องว่างท่ามกลางกองทัพผู้เล่นสายความมืด โดนที่ผู้เล่นสายความมืดซึ่งเป็นชาวโลกแห่งความมืดนั้นไม่ได้มีเวลาจะตอบโต้เลยด้วยซ้ำ ….
ตอนที่ 2565 กองอัศวินที่น่ากลัว และความสิ้นหวังที่แท้จริง
ไม่ถึงสิบวินาทีหลังจากที่การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น ความมั่นใจของผู้เล่นสายความมืดก็เริ่มแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
แท๊งเกอร์ที่อยู่แนวหน้าของพวกเขานั้นล้วนเป็นผู้เล่นขั้นสามที่แท้จริงทั้งหมด และหลายคนนั้นก็เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงในโลกแห่งความมืด ซึ่งพวกเขานั้นมี HP และพลังป้องกันมากซะจนสามารถยืนนิ่งๆอยู่ได้อย่างไม่สะทกสะท้าน ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามคนอื่นๆเข้าโจมตีพวกเขา
แต่ถึงกระนั้นแท๊งเกอร์ขั้นสามที่กำลังพูดถึงกันนี้กับตายไปเร็วเกินกว่าที่ฮีลเลอร์ในแนวหลังจะสามารถช่วยฮีล และฟื้นฟูให้พวกเขาได้ทัน พวกเขาได้ตายลงโดยที่ไม่มีโอกาสจะตอบโต้เลย ….
ครู่หนึ่งทุกคนที่เฝ้าดูต่างสงสัยว่าแท๊งเกอร์เหล่านี้จงใจสวมอุปกรณ์ระดับระดับทองแดงเข้าสู่สนามรบหรือไม่
คู่ต่อสู้ของพวกเขานั้นเป็นเพียง NPC ขั้นสามเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบ และผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดหลายคนก็เคยต่อสู้กับทหาร NPC ขั้นสาม ของเมืองในโลกแห่งความมืดมาก่อน และแม้ว่า NPC ขั้นสามจะมีค่าสถานะพื้นฐานกับมาตราฐานการต่อสู้ที่สูงกว่า แต่ความแตกต่างมันก็ไม่ควรมีมากขนาดนี้
แม้แต่ผู้เล่นของสภาสิบแปดปีกก็ยังอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
อัศวินขั้นสามนั้นได้ฆ่าผู้เล่นขั้นสามมากกว่าหนึ่งพันคน และผู้เล่นขั้นสองอีกหลายพันคนไปในการโจมตีระลอกเดียว ซึ่งกองทัพแบบนี้นั้นจะทำให้ซุเปอร์กิลปวดหัวได้อย่างมากเลย และการจะยุติการต่อสู้ให้ได้ก็ต้องใช้เวลาสักพัก อย่างไรก็ตามผู้เล่นสายความมืดจากโลกแห่งความมืดทั้งขั้นสอง และขั้นสาม เหล่านี้นั้นไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าเด็กทารกเลยต่อหน้าอัศวินขั้นสามของสภาสิบแปดปีก พลังการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายนั้นอยู่ในระดับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
มีเพียงซือเฟิงเท่านั้นที่ไม่ได้ประหลาดใจใดๆกับผลลัพธ์นี้
อัศวินขั้นสามของเขานั้นดูเหมือนจะมีเลเวลมากกว่าผู้เล่นสายความมืดเหล่านี้อยู่แค่สิบเลเวลหรือมากกว่านั้นนิดหน่อย ซึ่งตามเหตุผลแล้ว มันไม่ควรจะมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่าย แม้ว่าอัศวินขั้นสามเหล่านี้จะมีอาวุธและอุปกรณ์ระดับอีปิคเต็มรูปแบบก็ตาม
อย่างไรก็ตามผู้เล่นในปัจจุบันของ God domain นั้นไม่ทราบเลยว่าพลังการต่อสู้ของ NPC คุณภาพสูงนั้นจะมีความแตกต่างขึ้นอย่างมาก เมื่ออยู่ในขั้นสามหรือสูงกว่าขึ้นไป และสิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือการปลดปล่อยมานาออกมาจากร่างมานาของพวกเขา
มันแตกต่างจากผู้เล่น…. NPC นั้นไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากนักในการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาหลังจากที่พวกเขามาถึงขั้นสามแล้ว เพราะพวกเขาสามารถอาศัยความสามารถและศักยภาพในการเติบโตของตัวเองทำได้อย่างรวดเร็ว และตราบใดที่ NPC มีศักยภาพในการเติบโตกับมีความสามารถมากพอ พวกเขาก็จะสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ทันทีด้วยซ้ำ เมื่อมาถึงขั้นสาม ตรงกันข้ามกับผู้เล่นบางคนที่ไม่สามารถจะทำสิ่งนี้ได้สำเร็จ แม้จะใช้เวลาตลอดช่วงชีวิตของตัวเองก็ตาม
เหล่า NPC ที่ซือเฟิงได้รับสมัครเข้ามากองอัศวินของเขานั้นถือเป็นพวกระดับสูงในหมู่ NPC และความสามารถโดยกำเนิดกับศักยภาพในการเติบโตของพวกเขานั้นเหนือกว่าทหารในเมือง NPC มาก ดังนั้นทันทีที่พวกเขามาถึงขั้นสาม พวกเขาจึงสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ทันที โดยไม่จำเป็นต้องรอ หรือฝึกฝน และวิจัยเหมือนกับผู้เล่น
แต่แล้วผู้เล่นในปัจจุบันของ God domain ล่ะ ? ส่วนใหญ่นั้นยังไม่ได้เริ่มกระบวนการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองเลยด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาให้ได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ ดังนั้นมันจึงยังเร็วเกินไปสิบปี หากพวกเขาคิดว่าจะสามารถยืนหยัดต่อสู้กับกองอัศวินของซือเฟิงได้
ยิ่งไปกว่านั้นภายในกองอัศวินของซือเฟิงก็ยังมีทั้งออร์ค เอลฟ์ และยักษ์อีกมากมาย ซึ่งพลังการต่อสู้ของพวกเขานั้นยิ่งใหญ่กว่า NPC ของมนุษย์ในเลเวลและขั้นเดียวกันมาก ตัวอย่างเช่นอัศวินออร์คระดับเหล็กลึกลับนั้นสามารถจะต่อกรกับอัศวินมนุษย์ระดับลึกลับขั้นเงินได้สบายๆเลย
และในหมู่สมาชิกกองอัศวินของซือเฟิงที่ไม่ใช่มนุษย์นั้น แม้แต่ผู้ที่อ่อนแอที่สุดก็ยังมีศักยภาพในการเติบโตที่ระดับเหล็กลึกลับ ….
ไม่มีแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดขั้นสามคนใดที่มีอาวุธและอุปกรณ์ชั้นยอดครบเซ็ทจะสามารถต่อสู้กับ NPC เหล่านี้ได้นานกว่าสองถึงสามวินาที ไม่ต้องพูดถึงผู้เชี่ยวชาญขั้นสามทั่วไปเลย
ก่อนที่ผู้เล่นสายความมืดจากโลกแห่งความมืดจะทันได้หายตกตะลึง กองอัศวินของสภาสิบแปดปีกก็เริ่มเปิดการโจมตีเข้าใส่พวกเขาอีกระลอก และมันก็เป็นเช่นเดียวกับการเก็บเกี่ยวข้าวสาลี เหล่าอัศวินไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวเกินสามการเคลื่อนไหวเลยเพื่อฆ่าผู้เล่นสายความมืดและเก็บเกี่ยวชีวิตของพวกเขา
มันไม่มีเวลาสำหรับการใช้เทคนิคการต่อสู้ที่หรูหราหรือน่าอัศจรรย์ในสนามรบแห่งนี้ มันมีเพียงแค่ความแข็งแกร่งและความหวาดกลัวเท่านั้นที่เข้าปกคลุมไปทั่วในตอนนี้ !!!
หน่วยแรกนั้นประกอบไปด้วยผู้เล่นมากกว่าห้าหมื่นคน แต่มันก็ถูกทำลายลงในเวลาไม่ถึงสองนาที และมากกว่าหกพันคนก็เป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม ในทางตรงกันข้าม สภาสิบแปดปีกไม่ได้สูญเสียอัศวินไปเลยแม้แต่คนเดียว อันที่จริงต้องบอกว่าพวกเขาแทบจะไม่ได้รับความเสียหายเลยด้วยซ้ำ ….
ความเงียบนั้นเข้าปกคลุมไปทั่วสนามรบ ผู้เล่นสายความมืดที่พุ่งเข้าสู่การต่อสู้อย่างกระตือรือร้นก่อนหน้านี้ได้เริ่มถอยห่างไปทีละก้าว ….
“เป็นได้ยังไง ?!” ฟิวเรียสฮาร์ทที่เตรียมจะเข้าร่วมการต่อสู้นั้นอ้าปากค้าง เมื่อได้เห็นทุ่งซากศพ
เขานั้นคิดว่าชัยชนะของกองทัพโลกแห่งความมืดนั้นได้รับการรับรองแน่นอนแล้ว เขาไม่เคยคาดหวังเลยว่าการต่อสู้จะจบลงเช่นนี้
พวกเขากำลังพูดถึงผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่าหกพันคน !!!
กองกำลังที่น่ากลัวแบบนี้นั้นจะสามารถทำลายเมืองกิลทั่วไปได้สบายๆเลย แต่ต่อหน้ากองอัศวินของสภาสิบแปดปีก ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้กับอ่อนแอพอๆกับมอนสเตอร์ทั่วไป
“พวกเขามีพลังในการต่อสู้มากขนาดนี้ได้ยังไง ?”
บลูเรนโบว์และผู้อาวุโสโกลด์ที่เฝ้ามองจากระยะไกลต่างเต็มไปด้วยความตกตะลึง หลังจากได้มองดูกองอัศวินของสภาสิบแปดปีกสังหารหมู่ผู้เล่นสายความมืดระลอกแรกไป
เดิมทีพวกเขานั้นคิดว่าความมั่นใจของซือเฟิงเป็นเรื่องตลก พวกเขาไม่คิดมาก่อนเลยจริงๆว่ากิลของเขาจะแข็งแกร่งขนาดนี้
ในตอนที่สภาสิบแปดปีกเลือกจะไม่ใช้เรือเหาะนั้น พวกเขามองว่าการตัดสินใจแบบนี้มันโง่เขลาชัดๆ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมองไปที่สถานการณ์ตอนนี้ มันไม่เป็นเช่นนั้น ที่สภาสิบแปดปีกตัดสินใจไม่ใช้เรือเหาะนั้นก็เพราะพวกมันไม่จำเป็น ….
NPC ขั้นสามจำนวนมากกว่าหนึ่งพันคนนี้จะถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตขั้นสามได้อย่างไร ? พวกเขาดูเหมือนกับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายขั้นสี่มากกว่า และก็เป็นมอนสเตอร์ที่มีมาตราฐานการต่อสู้ที่สูงลิ่วอย่างไม่น่าเชื่อ
หากโลกแห่งความมืดต้องการจะเอาชนะกองกำลังแบบนี้ พวกเขาก็จะต้องเริ่มทุ่มรากฐานของพวกเขาทั้งหมดเข้าใส่ เพราะตอนนี้มันไม่สำคัญแล้วว่าพวกเขาจะมีผู้เล่นขั้นสามทั้งหมดกี่คน เนื่องจากถ้าส่งออกไปแบบเดิมมันก็จะพบกับความพินาศเช่นเดิมแน่นอน
NPC ขั้นสามเหล่านี้แข็งแกร่งมากขนาดไหนกัน ? ดอร์นโดมิแน้นซ์ขมวดคิ้ว หลังจากได้เห็นการโจมตีระลอกแรกของกองทัพโลกแห่งความมืดถูกทำลายลง เขากัดฟันแน่น ก่อนจะตะโกนว่า “ทุกคนตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะมาปกปิดความแข็งแกร่ง หรือไพ่ของตัวเองไว้แล้ว !!! กิลและทีมนักผจญภัยทั้งหมดใช้ไพ่ของตัวเองเลย เราจะต้องฆ่า NPC เหล่านั้นให้ได้ !!! ถ้าเรายังมัวรีรอ สภาสิบแปดปีกจะเข้ายึดประตูเทเลพอร์ตเอาไว้ได้ !!!”
กิลและทีมนักผจญภัยต่างๆได้รีบดำเนินการทันที ….
กองอัศวินของสภาสิบแปดปีกอาจจะน่ากลัว แต่พวกเขาก็ไม่ใช่จะไม่มีไพ่ที่ใช้ต่อกรด้วยได้ เพียงแต่ว่าพวกเขาต้องการแรงกระตุ้นเท่านั้น ซึ่งการกระทำของสภาสิบแปดปีกก็ได้ทำให้เกิดแรงกระตุ้นอย่างมาก และทำให้พวกเขายอมลงมือใช้ไพ่ของตัวเอง
กิลและทีมนักผจญภัยทีมจำนวนมากได้เริ่มใช้ไพ่ของพวกเขา ….
ม้วนคัมภีร์อัญเชิญขั้นสี่ !!
บาเรียเวทย์มนต์ขั้นสูง !!
องครักษ์ส่วนตัวขั้นสาม !!
ในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที มอนสเตอร์อัญเชิญขั้นสี่มากกว่าห้าสิบตัวก็ปรากฎขึ้น พร้อมกับองครักษ์ส่วนตัวขั้นสามอีกราวสี่พันคน และเมื่อออร่าของทั้งหมดนี้รวมกันนั้น มันก็ทำให้คนที่อยู่ใกล้ๆอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน สมาชิกของมหาอำนาจต่างๆที่เฝ้าดูการต่อสู้จากระยะไกลนั้นก็รู้สึกกลัวมากเช่นกัน เมื่อเห็นฉากนี้
กิลจากโลกแห่งความมืด และทีมนักผจญภัยพึ่งจะเปิดเผยความแข็งแกร่งของพวกเขาออกมาอย่างเต็มที่
น่าทึ่ง !!! นี่มันน่าทึ่งมากจริงๆ !!! ไม่มีใครจะสามารถยืนหยัดต่อกรกับโลกแห่งความมืดได้แน่นอน !!! หัวใจของฟิวเรียสฮาร์ทเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เมื่อเขาได้เห็นฉากตรงหน้า
เขานั้นตกใจมากที่ได้เห็น NPC ขั้นสามมากกว่าหนึ่งพันคนของสภาสิบแปดปีกแข็งแกร่งอย่างน่ากลัว แต่ตอนนี้ NPC ขั้นสามเหล่านี้นั้นไม่มีอะไรเลยเมื่อเทียบกับพลังของโลกแห่งความมืด
“ยอดเยี่ยม !! ทุกคนโจมตี !!” ดอร์นโดมิแน้นซ์ออกคำสั่งอย่างภาคภูมิใจ “ทำลายล้างสภาสิบแปดปีกให้หมด และล้างแค้นให้กับพี่น้องของเราที่ตายไป !!!”
ทันทีที่พวกเขาได้ยินคำสั่ง กิลและทีมนักผจญภัยต่างๆก็ได้ส่งองครักษ์ส่วนตัวขั้นสามของพวกเขา พร้อมกับมอนสเตอร์อัญเชิญขั้นสี่เข้าสู่สนามรบทันที ….
ผู้เล่นของสภาสิบแปดปีกนั้นเริ่มจะตกตะลึงอย่างมาก เมื่อได้เห็นฉากนี้ ตอนนี้กระแสน้ำเริ่มเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
แต่ในขณะที่ผู้ที่มาจากโลกแห่งความมืดคาดว่าจะได้เห็นซือเฟิงตกอยู่ในความสิ้นหวัง ซือเฟิงก็จ้องมองไปยังกองกำลังที่กำลังเคลื่อนเข้ามาด้วยความสงบ ก่อนที่เขาจะดึงแหวนแห่งกอสเปลออกมาจากกระเป๋าของเขา และทำการเปิดใช้งานมัน
“โลกจิ๋ว !!!”
ตอนที่ 2566 แง้มปาก
เมื่อเห็นท่าทีของซือเฟิง บลูเรนโบว์และผู้อาวุโสโกลด์ก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ
“นี่เขายังคิดจะสู้ต่ออีกงั้นหรอ ?” บลูเรนโบว์เต็มไปด้วยความสับสน เมื่อซือเฟิงไม่แสดงเจตนาที่จะถอยกลับ
ความแตกต่างระหว่างพลังการต่อสู้ของพวกเขานั้นชัดเจนสำหรับทุกคนที่เห็น ตอนนี้กอทัพผู้รุกรานจากโลกแห่งความมืดนั้นแข็งแกร่งเกินกว่ากองกำลัง NPC ของสภาสิบแปดปีกแล้ว
อย่างไรก็ตามเมื่อดูจากท่าทีของซือเฟิงที่เลือกจะสู้ต่อ บลูเรนโบว์ก็พยายามที่จะทำความเข้าใจ
ในระหว่างการสืบสวน ดาร์ครัปโซดี้นั้นได้รับข้อมูลของสภาสิบแปดปีกมาจำนวนหนึ่งจากมหาอำนาจต่างๆในทวีปหลักของ God domain และพวกเขาก็ได้รู้ว่ากิลมีไพ่ที่น่าทึ่งมากมาย และแหวนแห่งกอสเปล ซึ่งเป็นเครื่องมือโดเมนก็เป็นหนึ่งในนั้น และเมื่อเปิดใช้งานในสนามรบขนาดใหญ่ มันก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าให้ผลที่น่าอัศจรรย์มากๆ แหวนแห่งกอสเปลนั้นไม่เพียงแต่จะมีสกิล AOE จำนวนมากเท่านั้น แต่มันยังมีพลังอย่างมหาศาลด้วย
อย่างไรก็ตามผลของแหวนนี้ควรจะมีกำจัดมาก เพราะปัจจุบันสภาสิบแปดปีกกำลังเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์อัญเชิญขั้นสี่ และองครักษ์ส่วนตัวขั้นสามซึ่งน่าจะมีค่าความต้านทานสกิลของแหวนสูงพอสมควร
ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีมอนสเตอร์อัญเชิญขั้นสี่มากกว่าห้าสิบตัวที่เข้าร่วมการต่อสู้ แม้ว่าแหวนแห่งกอสเปลจะสามารถปราบปรามพวกมันได้ แต่ NPC ขั้นสามจำนวนมากกว่าหนึ่งพันเล็กน้อยนี้ก็ไม่น่าจะสามารถหยุดมันได้ทั้งหมด แถมมอนสเตอร์เหล่านี้ยังมีกองกำลังองครักษ์ส่วนตัวขั้นสามมากกว่าสามพันคนคอยสนับสนุนด้วย
แม้แต่เกรซฟูลโมนาร์ช และเพอเพิ้ลรากษสที่เฝ้ามองอยู่จากที่ซ่อนในระยะปลอดภัยก็ยังรู้สึกสับสน
“แบล๊คเฟรมกำลังพยายามทำอะไรกัน ?”
“นี่เขากำลังจะเริ่มการต่อสู้ขั้นแตกหักงั้นหรอ ?”
พวกเขาพึ่งจะได้เห็นความแข็งแกร่งของโลกแห่งความมืด และพวกเขาก็ไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยว่าจะได้เห็นสงครามขนาดใหญ่ระหว่างสภาสิบแปดปีกกับโลกอื่น
พวกเขานั้นตกตะลึงอย่างมาก หลังจากที่ได้เห็นพลังต่อสู้ของสภาสิบแปดปีก ไม่มีใครคาดคิดเลยว่ากิลจะมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะยืนหยัดต่อสู้กับกองทัพของผู้เล่นจากโลกอื่นทั้งหมดได้ ยิ่งไปกว่านั้นสภาสิบแปดปีกยังขัดขวางผู้เชี่ยวชาญของโลกแห่งความมืดได้สำเร็จ ความแข็งแกร่งของกิลพวกเขานั้นมันไม่น่าเชื่อเลย
เมื่อพวกเขานึกถึงความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรระหว่างเขตแสงสุดขีดกับเขตหนึ่งของสภาสิบแปดปีก พวกเขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก หากสภาสิบแปดปีกต้องการ ด้วยการใช้กองอัศวินของพวกเขาเพียงอย่างเดียว พวกเขาก็จะสามารถกวาดผ่าน
ดาร์คเดนทั้งหมดได้สบายๆเลย
ในทางตรงกันข้ามฝ่ายตรงข้ามในปัจจุบันของสภาสิบแปดปีกนั้นเป็น NPC ขั้นสาม และมอนสเตอร์ขั้นสี่อย่างแท้จริง แถมด้วยความแตกต่างอย่างมากระหว่างพลังการต่อสู้และจำนวนของทั้งสองฝ่าย การถอยกลับไปที่เมืองป่าหินจึงควรจะเป็นเคลื่อนไหวที่ฉลาดที่สุดของสภาสิบแปดปีก อัศวินขั้นสามทุกคนนั้นเป็นดั่งรากฐานของสภาสิบแปดปีกในตอนนี้ และหากพวกเขาถูกฆ่าไปเป็นจำนวนมากหรือทั้งหมด สภาสิบแปดปีกก็จะตกอยู่ในสถานะพิการเลย
สภาสิบแปดปีกได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของตัวเองแล้ว เมื่อข่าวการสู้รบแพร่กระจายออกไป มหาอำนาจต่างๆที่ต้องการจะเข้ายึดเมืองป่าหินจะเริ่มถอยกลับแน่นอน และผู้เล่นทั้งหมดจากโลกแห่งความมืดก็จะไม่กล้าที่จะประมาทสภาสิบแปดปีกอีก ในความเป็นจริงพวกเขาอาจหลีกเลี่ยงการทำให้สมาชิกกิลของสภาสิบแปดปีกในป่าใบไม้ผลิขุ่นเคืองด้วยซ้ำ
ในขณะที่เกรซฟูลโมนาร์ชและเพอเพิ้ลรากษสกำลังเต็มไปด้วยความสับสน อยู่ๆบางอย่างเหนือหุบเขาก็เปลี่ยนไป
มันค่อยๆมีเงาของโลกหนึ่งเข้ามาแทนที่พื้นที่โดยรอบบริเวณ และภายในเวลาไม่ถึงสามวินาที เงาของโลกนี้ก็ปกคลุมไปทั่วสนามรบ และมันยังโอบล้อมเพอเพิ้ลรากษส กับเกรซฟูลโมนาร์ชที่เฝ้าดูจากระยะไกลได้ด้วยซ้ำ
ซึ่งทันทีที่พวกเขารู้สึกได้ถึงพลังของเงาของโลกนี้ ทั้งเกรซฟูลโมนาร์ช และเพอเพิ้ลรากษสก็รู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกรอบๆนี้ พวกเขารู้สึกราวกับว่าตอนนี้ พวกเขากลายเป็นศัตรูกับสภาพแวดล้อมด้วย เพราะไม่เพียงแต่ร่างกายของพวกเขาจะเริ่มอ่อนแอลง แต่พวกเขายังสูญเสียค่าสถานะพื้นฐานไปบางส่วนด้วย
ขณะเดียวกันพลังนี้ก็ดูเหมือนจะส่งผลต่อองครักษ์ส่วนตัวขั้นสาม และมอนสเตอร์อัญเชิญขั้นสี่ทั้งหมดด้วย เพราะทั้งหมดชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด และออร่าของทั้งหมดก็อ่อนแอลงอย่างมาก
“นี่เขาทำอะไรกัน ?” บลูเรนโบว์อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง เมื่อเธอรู้ว่าองครักษ์ส่วนตัวขั้นสาม และมอนสเตอร์อัญเชิญขั้นสี่ถูกปราบปรามมากแค่ไหน
เธอเคยประสบกับผลกระทบของโดเมนมาก่อน ซึ่งมันมีแนวโน้มที่จะอ่อนแอกว่าบาเรียเวทย์มนต์มากๆ เพราะยิ่งเป้าหมายแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ผลที่โดเมนจะสามารถปราบปรามมันได้ก็จะยิ่งน้อยลงเท่านั้น แต่โดเมนจากเครื่องมือของซือเฟิงกับทำลายทุกสิ่งที่เธอคิดว่ารู้เกี่ยวกับโดเมนก่อนหน้านี้ทั้งหมด
โดยปกติแม้แต่วงเวทย์ขั้นกลางก็ไม่สามารถจะปราบปรามมอนสเตอร์ขั้นสี่ในเลเวลแบบนี้ได้ แต่ภายในโดเมนของซือเฟิง ออร่าของมอนสเตอร์เหล่านี้กับอ่อนแอลงอย่างมาก โดเมนนี้สามารถจะเทียบกับวงเวทย์ขั้นสูงได้เลย และมันก็มีขนาดใหญ่มากจนปกคลุมไปทั่วทั้งหุบเขา เธอไม่เคยได้เห็นโดเมนที่ทรงพลังมากขนาดนี้มาก่อนเลย
อย่างไรก็ตามก่อนที่ใครจะทันได้ตอบสนองได้ ซือเฟิงก็เปิดใช้งานอีกหนึ่งสกิลของแหวนแห่งกอสเปล
“Ring of Brilliance!”
เมื่อเขาพูดจบ แสงไฟก็กระเพื่อมไปทั่วสนามรบทำให้ผู้เล่นสายความมืดทุกคนในพื้นที่ตกตะลึง
“อึก !! นี่มันเป็นการโกงชัดๆ !!” เมจิคแฟลชอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งออกมา เมื่อจ้องมองไปที่กองอัศวินของสภาสิบแปดปีกตอนนี้
ตอนนี้ความรุนแรงของออร่าของอัศวินเหล่านี้นั้นพุ่งสูงขึ้นมาก และตอนนี้พลังที่พวกเขามีและแผ่ออกมา มันก็ทำให้รู้สึกราวกับว่าพวกเขาเป็นกองกำลังมอนสเตอร์ขั้นสี่อย่างแท้จริง และสภาพจิตใจของอัศวินก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาดูไม่เหมือนกับเมื่อครู่ที่ผ่านมา
การพัฒนาอย่างกระทันหันนี้ทำให้เกิดความโกลาหลในหมู่พวกระดับสูงของกิลและทีมนักผจญภัยต่างๆซึ่งเป็นเจ้าของและผู้ควบคุมเหล่ามอนสเตอร์อัญเชิญขั้นสี่ และองครักษ์ส่วนตัวขั้นสาม และตอนนี้พวกเขาก็สั่งให้องครักษ์ส่วนตัว กับมอนสเตอร์อัญเชิญขั้นสี่หยุดการเคลื่อนไหวลงพลางมองไปยังกองอัศวินและจดจ่ออยู่ซึ่งกันและกัน ความเงียบนั้นได้เข้าปกคลุมกองทัพผู้รุกรานจากโลกแห่งความมืด และตอนนี้เจตนาฆ่าฟันหรือความเย้ยหยันของพวกเขาก็ไม่ได้เผยออกมาให้เห็นแล้ว
“คุณต้องการจะสู้ต่อไหม ?” ซือเฟิงถามอย่างใจเย็น หลังจากที่จ้องมองไปที่ผู้เล่นสายความมืดตรงหน้าเขา คราวนี้ไม่มีผู้เล่นสายความมืดคนใดกล้าพูด พวกเขาทำเพียงจ้องมองกลับไปด้วยท่าทางที่โกรธและไม่เต็มใจเท่านั้น
สู้ ?
นี่มันเหมือนกับการฆ่าตัวตายมากกว่า !!!
พวกเขาได้เปิดเผยไพ่ที่พวกเขามีออกมาด้วยความมุ่งมั่นเพื่อจะใช้มันลดช่องว่างระหว่างความแข็งแกร่งของพวกเขากับกองกำลังสภาสิบแปดปีก แต่ตอนนี้ด้วยแหวนแห่งกอสเปล ไม่เพียงแต่ช่องว่างจะไม่ลดลง แต่มันกลับเพิ่มขึ้นแทน ….
เนื่องจากไม่มีใครตอบคำถาม ซือเฟิงจึงหันไปหาดอร์นโดมิแน้นซ์ ซึ่งยังคงเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆอยู่
“หัวหน้ากิลดอร์น เนื่องจากคุณสามารถพูดแทนครึ่งโลกของโลกแห่งความมืดได้ บอกฉันหน่อยได้ไหมว่าคุณต้องการจะสู้ต่อไปไหม ?” ซือเฟิงถามด้วยรอยยิ้ม
สีหน้าของดอร์นโดมิแน้นซ์เปลี่ยนเป็นซีดเผือด เมื่อเขาได้ยินคำถาม และเขาก็สูญเสียคำพูดไปอย่างสิ้นเชิง
หากเขาเลือกจะต่อสู้ต่อไป เขาจะต้องเสียสละตัวเองและกิลของเขาสำหรับเรื่องนี้ แถมเขายังได้ใช้องครักษ์ส่วนตัวขั้นสามทั้งหมดของเวิร์ลโดมิเนชั่นเพื่อผลักดันให้กิลและทีมนักผจญภัยอื่นๆเริ่มเคลื่อนไหว และหากองครักษ์ส่วนตัวขั้นสามคนใดคนหนึ่งของเวิร์ลโดมิเนชั่นตายลง มันก็จะนับเป็นความสูญเสียอย่างมากแล้ว และหากทั้งหมดตายลง เวิร์ลโดมิเนชั่นได้จบสิ้นแน่นอน
อย่างไรก็ตามศักศรีดิ์ของเวิร์ลโดมิเนชั่นในโลกแห่งความมืดจะไม่เหลือเลยแน่นอน หากพวกเขายอมรับความพ่ายแพ้ ….
เมื่อเห็นท่าทีของซือเฟิง บลูเรนโบว์และผู้อาวุโสโกลด์ก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ
“นี่เขายังคิดจะสู้ต่ออีกงั้นหรอ ?” บลูเรนโบว์เต็มไปด้วยความสับสน เมื่อซือเฟิงไม่แสดงเจตนาที่จะถอยกลับ
ความแตกต่างระหว่างพลังการต่อสู้ของพวกเขานั้นชัดเจนสำหรับทุกคนที่เห็น ตอนนี้กอทัพผู้รุกรานจากโลกแห่งความมืดนั้นแข็งแกร่งเกินกว่ากองกำลัง NPC ของสภาสิบแปดปีกแล้ว
อย่างไรก็ตามเมื่อดูจากท่าทีของซือเฟิงที่เลือกจะสู้ต่อ บลูเรนโบว์ก็พยายามที่จะทำความเข้าใจ
ในระหว่างการสืบสวน ดาร์ครัปโซดี้นั้นได้รับข้อมูลของสภาสิบแปดปีกมาจำนวนหนึ่งจากมหาอำนาจต่างๆในทวีปหลักของ God domain และพวกเขาก็ได้รู้ว่ากิลมีไพ่ที่น่าทึ่งมากมาย และแหวนแห่งกอสเปล ซึ่งเป็นเครื่องมือโดเมนก็เป็นหนึ่งในนั้น และเมื่อเปิดใช้งานในสนามรบขนาดใหญ่ มันก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าให้ผลที่น่าอัศจรรย์มากๆ แหวนแห่งกอสเปลนั้นไม่เพียงแต่จะมีสกิล AOE จำนวนมากเท่านั้น แต่มันยังมีพลังอย่างมหาศาลด้วย
อย่างไรก็ตามผลของแหวนนี้ควรจะมีกำจัดมาก เพราะปัจจุบันสภาสิบแปดปีกกำลังเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์อัญเชิญขั้นสี่ และองครักษ์ส่วนตัวขั้นสามซึ่งน่าจะมีค่าความต้านทานสกิลของแหวนสูงพอสมควร
ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีมอนสเตอร์อัญเชิญขั้นสี่มากกว่าห้าสิบตัวที่เข้าร่วมการต่อสู้ แม้ว่าแหวนแห่งกอสเปลจะสามารถปราบปรามพวกมันได้ แต่ NPC ขั้นสามจำนวนมากกว่าหนึ่งพันเล็กน้อยนี้ก็ไม่น่าจะสามารถหยุดมันได้ทั้งหมด แถมมอนสเตอร์เหล่านี้ยังมีกองกำลังองครักษ์ส่วนตัวขั้นสามมากกว่าสามพันคนคอยสนับสนุนด้วย
แม้แต่เกรซฟูลโมนาร์ช และเพอเพิ้ลรากษสที่เฝ้ามองอยู่จากที่ซ่อนในระยะปลอดภัยก็ยังรู้สึกสับสน
“แบล๊คเฟรมกำลังพยายามทำอะไรกัน ?”
“นี่เขากำลังจะเริ่มการต่อสู้ขั้นแตกหักงั้นหรอ ?”
พวกเขาพึ่งจะได้เห็นความแข็งแกร่งของโลกแห่งความมืด และพวกเขาก็ไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยว่าจะได้เห็นสงครามขนาดใหญ่ระหว่างสภาสิบแปดปีกกับโลกอื่น
พวกเขานั้นตกตะลึงอย่างมาก หลังจากที่ได้เห็นพลังต่อสู้ของสภาสิบแปดปีก ไม่มีใครคาดคิดเลยว่ากิลจะมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะยืนหยัดต่อสู้กับกองทัพของผู้เล่นจากโลกอื่นทั้งหมดได้ ยิ่งไปกว่านั้นสภาสิบแปดปีกยังขัดขวางผู้เชี่ยวชาญของโลกแห่งความมืดได้สำเร็จ ความแข็งแกร่งของกิลพวกเขานั้นมันไม่น่าเชื่อเลย
เมื่อพวกเขานึกถึงความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรระหว่างเขตแสงสุดขีดกับเขตหนึ่งของสภาสิบแปดปีก พวกเขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก หากสภาสิบแปดปีกต้องการ ด้วยการใช้กองอัศวินของพวกเขาเพียงอย่างเดียว พวกเขาก็จะสามารถกวาดผ่าน
ดาร์คเดนทั้งหมดได้สบายๆเลย
ในทางตรงกันข้ามฝ่ายตรงข้ามในปัจจุบันของสภาสิบแปดปีกนั้นเป็น NPC ขั้นสาม และมอนสเตอร์ขั้นสี่อย่างแท้จริง แถมด้วยความแตกต่างอย่างมากระหว่างพลังการต่อสู้และจำนวนของทั้งสองฝ่าย การถอยกลับไปที่เมืองป่าหินจึงควรจะเป็นเคลื่อนไหวที่ฉลาดที่สุดของสภาสิบแปดปีก อัศวินขั้นสามทุกคนนั้นเป็นดั่งรากฐานของสภาสิบแปดปีกในตอนนี้ และหากพวกเขาถูกฆ่าไปเป็นจำนวนมากหรือทั้งหมด สภาสิบแปดปีกก็จะตกอยู่ในสถานะพิการเลย
สภาสิบแปดปีกได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของตัวเองแล้ว เมื่อข่าวการสู้รบแพร่กระจายออกไป มหาอำนาจต่างๆที่ต้องการจะเข้ายึดเมืองป่าหินจะเริ่มถอยกลับแน่นอน และผู้เล่นทั้งหมดจากโลกแห่งความมืดก็จะไม่กล้าที่จะประมาทสภาสิบแปดปีกอีก ในความเป็นจริงพวกเขาอาจหลีกเลี่ยงการทำให้สมาชิกกิลของสภาสิบแปดปีกในป่าใบไม้ผลิขุ่นเคืองด้วยซ้ำ
ในขณะที่เกรซฟูลโมนาร์ชและเพอเพิ้ลรากษสกำลังเต็มไปด้วยความสับสน อยู่ๆบางอย่างเหนือหุบเขาก็เปลี่ยนไป
มันค่อยๆมีเงาของโลกหนึ่งเข้ามาแทนที่พื้นที่โดยรอบบริเวณ และภายในเวลาไม่ถึงสามวินาที เงาของโลกนี้ก็ปกคลุมไปทั่วสนามรบ และมันยังโอบล้อมเพอเพิ้ลรากษส กับเกรซฟูลโมนาร์ชที่เฝ้าดูจากระยะไกลได้ด้วยซ้ำ
ซึ่งทันทีที่พวกเขารู้สึกได้ถึงพลังของเงาของโลกนี้ ทั้งเกรซฟูลโมนาร์ช และเพอเพิ้ลรากษสก็รู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกรอบๆนี้ พวกเขารู้สึกราวกับว่าตอนนี้ พวกเขากลายเป็นศัตรูกับสภาพแวดล้อมด้วย เพราะไม่เพียงแต่ร่างกายของพวกเขาจะเริ่มอ่อนแอลง แต่พวกเขายังสูญเสียค่าสถานะพื้นฐานไปบางส่วนด้วย
ขณะเดียวกันพลังนี้ก็ดูเหมือนจะส่งผลต่อองครักษ์ส่วนตัวขั้นสาม และมอนสเตอร์อัญเชิญขั้นสี่ทั้งหมดด้วย เพราะทั้งหมดชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด และออร่าของทั้งหมดก็อ่อนแอลงอย่างมาก
“นี่เขาทำอะไรกัน ?” บลูเรนโบว์อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง เมื่อเธอรู้ว่าองครักษ์ส่วนตัวขั้นสาม และมอนสเตอร์อัญเชิญขั้นสี่ถูกปราบปรามมากแค่ไหน
เธอเคยประสบกับผลกระทบของโดเมนมาก่อน ซึ่งมันมีแนวโน้มที่จะอ่อนแอกว่าบาเรียเวทย์มนต์มากๆ เพราะยิ่งเป้าหมายแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ผลที่โดเมนจะสามารถปราบปรามมันได้ก็จะยิ่งน้อยลงเท่านั้น แต่โดเมนจากเครื่องมือของซือเฟิงกับทำลายทุกสิ่งที่เธอคิดว่ารู้เกี่ยวกับโดเมนก่อนหน้านี้ทั้งหมด
โดยปกติแม้แต่วงเวทย์ขั้นกลางก็ไม่สามารถจะปราบปรามมอนสเตอร์ขั้นสี่ในเลเวลแบบนี้ได้ แต่ภายในโดเมนของซือเฟิง ออร่าของมอนสเตอร์เหล่านี้กับอ่อนแอลงอย่างมาก โดเมนนี้สามารถจะเทียบกับวงเวทย์ขั้นสูงได้เลย และมันก็มีขนาดใหญ่มากจนปกคลุมไปทั่วทั้งหุบเขา เธอไม่เคยได้เห็นโดเมนที่ทรงพลังมากขนาดนี้มาก่อนเลย
อย่างไรก็ตามก่อนที่ใครจะทันได้ตอบสนองได้ ซือเฟิงก็เปิดใช้งานอีกหนึ่งสกิลของแหวนแห่งกอสเปล
“Ring of Brilliance!”
เมื่อเขาพูดจบ แสงไฟก็กระเพื่อมไปทั่วสนามรบทำให้ผู้เล่นสายความมืดทุกคนในพื้นที่ตกตะลึง
“อึก !! นี่มันเป็นการโกงชัดๆ !!” เมจิคแฟลชอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งออกมา เมื่อจ้องมองไปที่กองอัศวินของสภาสิบแปดปีกตอนนี้
ตอนนี้ความรุนแรงของออร่าของอัศวินเหล่านี้นั้นพุ่งสูงขึ้นมาก และตอนนี้พลังที่พวกเขามีและแผ่ออกมา มันก็ทำให้รู้สึกราวกับว่าพวกเขาเป็นกองกำลังมอนสเตอร์ขั้นสี่อย่างแท้จริง และสภาพจิตใจของอัศวินก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาดูไม่เหมือนกับเมื่อครู่ที่ผ่านมา
การพัฒนาอย่างกระทันหันนี้ทำให้เกิดความโกลาหลในหมู่พวกระดับสูงของกิลและทีมนักผจญภัยต่างๆซึ่งเป็นเจ้าของและผู้ควบคุมเหล่ามอนสเตอร์อัญเชิญขั้นสี่ และองครักษ์ส่วนตัวขั้นสาม และตอนนี้พวกเขาก็สั่งให้องครักษ์ส่วนตัว กับมอนสเตอร์อัญเชิญขั้นสี่หยุดการเคลื่อนไหวลงพลางมองไปยังกองอัศวินและจดจ่ออยู่ซึ่งกันและกัน ความเงียบนั้นได้เข้าปกคลุมกองทัพผู้รุกรานจากโลกแห่งความมืด และตอนนี้เจตนาฆ่าฟันหรือความเย้ยหยันของพวกเขาก็ไม่ได้เผยออกมาให้เห็นแล้ว
“คุณต้องการจะสู้ต่อไหม ?” ซือเฟิงถามอย่างใจเย็น หลังจากที่จ้องมองไปที่ผู้เล่นสายความมืดตรงหน้าเขา คราวนี้ไม่มีผู้เล่นสายความมืดคนใดกล้าพูด พวกเขาทำเพียงจ้องมองกลับไปด้วยท่าทางที่โกรธและไม่เต็มใจเท่านั้น
สู้ ?
นี่มันเหมือนกับการฆ่าตัวตายมากกว่า !!!
พวกเขาได้เปิดเผยไพ่ที่พวกเขามีออกมาด้วยความมุ่งมั่นเพื่อจะใช้มันลดช่องว่างระหว่างความแข็งแกร่งของพวกเขากับกองกำลังสภาสิบแปดปีก แต่ตอนนี้ด้วยแหวนแห่งกอสเปล ไม่เพียงแต่ช่องว่างจะไม่ลดลง แต่มันกลับเพิ่มขึ้นแทน ….
เนื่องจากไม่มีใครตอบคำถาม ซือเฟิงจึงหันไปหาดอร์นโดมิแน้นซ์ ซึ่งยังคงเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆอยู่
“หัวหน้ากิลดอร์น เนื่องจากคุณสามารถพูดแทนครึ่งโลกของโลกแห่งความมืดได้ บอกฉันหน่อยได้ไหมว่าคุณต้องการจะสู้ต่อไปไหม ?” ซือเฟิงถามด้วยรอยยิ้ม
สีหน้าของดอร์นโดมิแน้นซ์เปลี่ยนเป็นซีดเผือด เมื่อเขาได้ยินคำถาม และเขาก็สูญเสียคำพูดไปอย่างสิ้นเชิง
หากเขาเลือกจะต่อสู้ต่อไป เขาจะต้องเสียสละตัวเองและกิลของเขาสำหรับเรื่องนี้ แถมเขายังได้ใช้องครักษ์ส่วนตัวขั้นสามทั้งหมดของเวิร์ลโดมิเนชั่นเพื่อผลักดันให้กิลและทีมนักผจญภัยอื่นๆเริ่มเคลื่อนไหว และหากองครักษ์ส่วนตัวขั้นสามคนใดคนหนึ่งของเวิร์ลโดมิเนชั่นตายลง มันก็จะนับเป็นความสูญเสียอย่างมากแล้ว และหากทั้งหมดตายลง เวิร์ลโดมิเนชั่นได้จบสิ้นแน่นอน
อย่างไรก็ตามศักศรีดิ์ของเวิร์ลโดมิเนชั่นในโลกแห่งความมืดจะไม่เหลือเลยแน่นอน หากพวกเขายอมรับความพ่ายแพ้ ….
ตอนที่ 2567 ปราบปรามกองทัพนับล้าน
เมื่อได้ยินคำถามที่ซือเฟิงถามดอร์นโดมิแน้นซ์ ความเงียบก็เข้าปกคลุมไปทั่วสนามรบ และผู้มีอำนาจต่างๆในโลกแห่งความมืดต่างก็หันไปมองหัวหน้ากิลเวิร์ลโดมิเนชั่น ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวแทนของโลกแห่งความมืด
ความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีกนั้นมันเกินความคาดหมายของพวกเขาไปมาก กิลนี้ไม่เพียงแต่จะครอบครองกองอัศวินที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ แต่กิลยังมีเครื่องมือโดเมนที่ใช้ปราบปรามมอนสเตอร์ขั้นสี่ได้อย่างมาก และเมื่อนำทั้งสองนี้มารวมกัน มันก็หมายความว่าจะไม่มีมหาอำนาจใดๆสามารถคุกคามกองอัศวินของสภาสิบแปดปีกได้ในระยะนี้ของเกม
ในช่วงเวลาหนึ่งความเงียบเข้าปกคลุมกองทัพแห่งความมืดที่ประกอบไปด้วยผู้เล่นหลายล้านคนเพราะคำพูดของซือเฟิง สถานการณ์นี้ทำให้เมจิคแฟลชและคนอื่นๆที่กำลังเฝ้าดูการต่อสู้จากระยะไกลนั้นตกตะลึงมากๆ
ความหยิ่งผยอง ?
ความไม่รู้ และไม่สนใจ ?
เมื่อเมจิคแฟลชและคนอื่นๆคิดย้อนกลับไปถึงความคิดเห็นที่พวกเขามีต่อซือเฟิง พวกเขาก็ได้ตระหนักว่าความคิดของพวกเขานั้นมันไร้สาระมากขนาดไหน ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเฉลิมฉลองภายในใจของตัวเอง
นี่เป็นเพราะว่าวันนี้ในที่สุดพวกเขาก็ได้เห็นด้วยตัวเองว่าสัตว์ประหลาดที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร
ก่อนหน้านี้ในความเห็นของพวกเขา การต่อสู้ด้วยตัวคนเดียวกับศัตรูนับพันในเวลาเดียวกันได้ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จที่ควรค่าแก่การถูกจัดว่าเป็นตำนานแล้ว ในความเป็นจริงเก้าสิบเก้าเปอเซ็นต์ของคนที่อ้างว่าสามารถทำแบบนี้ได้นั้นล้วนเป็นเรื่องโม้อย่างไม่ต้องสงสัย และในฐานะผู้เล่นระดับผู้เชี่ยวชาญ เมจิคแฟลชและพรรคพวกของเขานั้นล้วนรู้ดีว่าการต่อสู้กับศัตรูนับพันพร้อมกันนั้นยากเพียงใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสงครามกิลขนาดใหญ่ ฝ่ายศัตรูนั้นย่อมมีผู้เล่นระดับผู้เชี่ยวชาญอยู่มากมายท่ามกลางกองกำลังของพวกเขา และการพยายามต่อสู้กับคนนับพันในสถานการณ์เช่นนี้มันจึงมีความยากลำบากมากๆ
อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่เพียงแต่ความสำเร็จระดับตำนานจะเกิดขึ้นตรงหน้าของพวกเขาเท่านั้น แต่ขนาดของความสำเร็จมันยังมากกว่าที่พวกเขาคิดไว้ถึงพันเท่า !!!
ซือเฟิงได้ปราบปรามกองทัพนับล้านด้วยตัวคนเดียว !!!
เมื่อได้เห็นฉากนี้นั้น เมจิคแฟลชและพรรคพวกของเขาก็สามารถทำนายได้เลยว่าชื่อของแบล๊คเฟรมนั้นจะสั่นคลอนโลกแห่งความมืดทั้งหมดในอนาคตแน่นนอน
“นี่เขายังเป็นมนุษย์จริงๆงั้นหรอ ?” หัวใจของเพอเพิ้ลรากษสเต้นรัวอย่างรวดเร็ว ขณะที่เธอเห็นกองทัพนับล้านยังคงไม่ยอมเคลื่อนไหวต่อหน้าซือเฟิง ในขณะนี้เธอเริ่มสงสัยอย่างจริงจังแล้วว่าซือเฟิงนั้นเป็นมนุษย์รึปล่าว
เขาสามารถที่จะข่มขู่ผู้เชี่ยวชาญหลายล้านคน และ NPC ขั้นสามหลายพันคนได้ !!
แม้ว่าการแสดงก่อนหน้านี้ของซือเฟิงที่เขตแสงสุดขีดจะสร้างความตกตะลึงมาแล้วมากมาย แต่ความสำเร็จนั้นก็ไม่มีอะไรสามารถเทียบได้กับเรื่องนี้เลย
แม้ว่าเธอจะยืนอยู่ห่างออกไปมาก แต่เธอก็ยังคงรู้สึกสั่นสะท้าน เมื่อเห็นกองทัพผู้เล่นหลายล้าน อย่างไรก็ตามตอนนี้ซือเฟิงกับสามารถปิดปากผู้เชี่ยวชาญหลายล้านคนเหล่านี้ได้ด้วยตัวคนเดียว พลังอำนาจและอิทธิพลของเขาตอนนี้มันช่างเหนือมนุษย์อย่างแท้จริง
“ดูเหมือนว่าเขตหนึ่งจะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการพัฒนาของตัวเองอีกต่อไปแล้ว นับจากนี้เป็นต้นไป …” เกรซฟูลโมนาร์ชกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น ขณะที่เธอจ้องมองไปที่บลูฟอร์สซึ่งเป็นหนึ่งในคู่แข่งของเธอในดาร์คเดน
ในตอนแรกเกรซฟูลโมนาร์ชคิดว่าด้วยความช่วยเหลือจากจักรพรรดิคริมสัน เขตแสงสุดขีดจะสามารถขึ้นไปอยู่เหนือเขตหนึ่งได้ในดาร์คเดน อย่างไรก็ตามเมื่อได้เห็นเหตุการณ์ตรงหน้านี้แล้ว เธอก็รู้ได้เลยว่ามันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
สภาสิบแปดปีกกลายเป็นกิลที่สามารถปราบปรามผู้เล่นจากโลกอื่นทั้งโลกได้ด้วยตัวเอง และพวกเขากระทั่งทำให้ผู้เล่นจากโลกอื่นหลายล้านคนไม่กล้าพูดอะไรต่อหน้าพวกเขาเลย เมื่อข่าวเกี่ยวกับความสำเร็จนี้ไปถึงดาร์คเดน ผู้เชี่ยวชาญที่ตัดสินทุกอย่างด้วยความแข็งแกร่งแทบทุกคนจะพยายามอย่างบ้าคลั่งเพื่อให้ได้เข้าร่วมกับเขตหนึ่งของสภาสิบแปดปีกแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นซือเฟิงยังแสดงให้เห็ยถึงความแข็งแกร่งรายบุคคลของสมาชิกกิลของเขาแล้ว ซึ่งเมื่อรวมทั้งสองปัจจัยนี้เข้าด้วยกันเขตหนึ่งก็จะกลายเป็นดินแดนศักสิทธิ์สำหรับผู้เชี่ยวชาญในดาร์คเดนแน่นอน
หลังจากความเงียบเข้าปกคลุมสนามรบเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง ดอร์นโดมิแน้นซ์ก็เดินเข้ามาหาซือเฟิงด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ ตอนนี้ความภาคภูมิใจและจิตวิญญาณการต่อสู้ที่เขามีมาก่อนหน้านี้ มันไม่หลงเหลือให้เห็นแล้ว
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของคุณมันน่าทึ่งมากจริงๆ ฉันคิดว่าคงจะไม่มีใครคิดเลยแน่นอนว่าสภาสิบแปดปีกนั้นจะมีความแข็งแกร่งซ่อนอยู่มากมายขนาดนี้” ดอร์นโดมิแน้นซ์กล่าวหลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อว่า “อย่างไรก็ตามคุณก็ไม่ควรที่จะทุบสะพานของใครคนใดคนหนึ่งนะ ฉันยอมรับว่าสกิลโดเมนที่คุณใช้นั้นทรงพลังมากๆ อย่างไรก็ตามสกิลโดเมนแบบนี้นั้นจะยังคงมีผลตราบใดที่ผู้ใช้มันมีชีวิตอยู่ และเมื่อผู้ใช้ตายลงสกิลโดเมนก็จะหายไป กองทัพจากโลกแห่งความมืดอาจไม่สามารถต่อกรกับกองกำลังของคุณได้ในตอนนี้ แต่เราก็มีผู้เล่นมากมาย และมีกำลังพลมากเกินพอที่จะฆ่าผู้ใช้สกิลโดเมน”
“แน่นอนฉันต้องยอมรับด้วยว่าเราจะต้องสูญเสียมากมายก่อนที่จะประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตามผลลัพธ์สุดท้ายก็จะเป็นเหมือนกับสิ่งที่คุณและฉันไม่อยากเห็นไม่ใช่หรอ หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ? ดังนั้นแทนที่จะต้องมานั่งทนทุกข์ทรมาณกับการทำลายล้างกันและกัน ทำไมเราไม่มาถอยคนละก้าวล่ะ ?”
“คำขอของเรานั้นง่ายมาก ตราบใดที่สภาสิบแปดปีกเลิกคิดจะเข้าควบคุมประตูเทเลพอร์ต สิ่งอื่นๆเราสามารถจะต่อรองกันได้หมด”
เมื่อได้ยินคำพูดของดอร์นโดมิแน้นซ์ ผู้เล่นสายความมืดหลายคนก็เริ่มตระหนักรู้ได้ทันที
“หัวหน้ากิลดอร์นนั้นยอดเยี่ยมที่สุดจริงๆ !!! นี่เราลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไง ?”
เนื่องความตกตะลึงครั้งใหญ่กับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า พวกเขาจึงได้หลงลืมสิ่งง่ายๆที่พวกเขารู้อยู่นานแล้วไป
ใน God domain วงเวทย์และสกิลโดเมนแบบนี้นั้นจำเป็นต้องมีผู้ใช้เพื่อรักษามันไว้ และแม้แต่เครื่องมือโดเมนก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น หากพวกเขาฆ่าผู้เล่นที่ใช้เครื่องมือโดเมนนั้น เครื่องมือก็จะสูญเสียผลลัพธ์ไปตามธรรมชาติ
ในขณะเดียวกันเมื่อกองทัพจากโลกแห่งความมืดไม่จำเป็นต้องทนทุกข์ทรมาณกับผลของสกิลโลกจิ๋วของซือเฟิงอีกต่อไป
อย่างไรก็ตามดอร์นโดมิแน้นซ์ก็พูดได้ถูกต้องเช่นกันที่พวกเขาจะต้องจ่ายในราคามหาศาลเพื่อทำลายสภาสิบแปดปีก และหากต่อสู้ต่อไปกันแบบนี้ นี่มันจะไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ทั้งสองฝ่ายอยากเห็นแน่นอน
ทางออกที่ดีที่สุดคือตอนนี้ทั้งสองฝ่ายต้องถอยคนละก้าว
“ถ้าฉันปฎิเสธล่ะ ?” ซือเฟิงถามด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง ความเงียบก็เข้าปกคลุมไปทั่วสนามรบอีกครั้ง
“บ้า !! ชายคนนี้ต้องเป็นคนบ้าแน่นอน !!!”
“โลกแห่งความมืดได้เลือกจะถอยกลับแล้ว แต่เขายังคงยืนกรานจะควบคุมประตูเทเลพอร์ตเนี่ยนะ ?! นี่เขาไม่กลัวว่าจะต้องสูญเสียทุกอย่างจริงๆงั้นหรอ ?”
ผู้เชี่ยวชาญที่เฝ้าชมอยู่ของมหาอำนาจต่างๆคิดว่าการดื้อแพ่งแบบนี้ของซือเฟิงมันบ้าชัดๆ ก่อนหน้านี้ข้อเสนอของโลกแห่งความมืดที่เลือกจะยอมแพ้ในการเข้าร่วมกับมหาอำนาจต่างๆเพื่อชิงเมืองป่าหินนั้นก็น่าตกใจมากแล้ว พอมาตอนนี้โลกแห่งความมืดก็ยินดีจะถอยอีกก้าว และมอบสิทธิประโยชน์อื่นๆให้กับสภาสิบแปดปีก เพื่อแลกกับการที่ให้สภาสิบแปดปีกยอมแพ้เรื่องประตูเทเลพอร์ต ซึ่งในสายตาของมหาอำนาจต่างๆนี่เป็นโอกาสที่ไม่น่าเชื่อและยากจะได้รับมากๆ แต่กระนั้นซือเฟิงก็ยังคงปฎิเสธมันอย่างไม่ลังเล
พวกเขาไม่สงสัยเลยว่านี่คือขีดจำกัดที่โลกแห่งความมืดจะเสนอให้กับสภาสิบแปดปีกได้แล้ว หลังจากนี้มันจะไม่มีการให้สัมปทานอีกแน่นอน หากซือเฟิงยังคงยืนกรานที่จะเข้าควบคุมประตูเทเลพอร์ต สภาสิบแปดปีกจะเข้าสู่ความขัดแย้งและบาดหมางที่ไม่อาจแก้ไขได้กับโลกแห่งความมืด
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม นี่คุณตั้งใจจะลากสภาสิบแปดปีกลงไปสู่ความตายจริงๆงั้นหรอ ?” ดอร์นโดมิแน้นซ์กล่าวออกมา ขณะที่เขาพยายามจะระงับความโกรธภายในใจของเขาให้มากที่สุด “คุณจะต้องเสียใจแน่นอนถ้ามันเกิดขึ้น !!!”
ความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีกนั้นไปไกลเกินความคาดหมายของดอร์นโดมิแน้นซ์มากๆ และหากทั้งสองฝ่ายต้องทุ่มกำลังเข้า ผลลัพธ์ที่มันจะจบลงคือการทำลายล้างซึ่งกันและกันแน่นอน และมันก็น่าจะเป็นอะไรที่ทั้งสองฝ่ายไม่อยาจกะเห็น โดยเฉพาะกับเวิร์ลโดมิเนชั่นที่ต้องการจะเข้ามาพัฒนาในทวีปหลัก หากพวกเขาได้รับความเสียหายรุนแรง พวกเขาจะหมดสิทในการก้าวหน้าต่อไปในทวีปหลักแน่นอน อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่คิดเลยว่าซือเฟิงจะดื้อรั้นที่จะปฎิเสธข้อเสนอของเขาแม้จะได้รับโอกาสที่ยอดเยี่ยมก็ตาม
“หัวหน้ากิลดอร์น ไม่จำเป็นต้องแสดงความเคารพต่อแบล๊คเฟรมอีกต่อไปแล้ว !!! เนื่องจากเขาไม่รู้เขาต้องรับความปราถนาดีของเรายังไง ดังนั้นเราจึงควรจะสอนบทเรียนให้แก่เขา !!! และที่แย่ที่สุดการพัฒนาในทวีปหลักของเราก็จะช้าลงเท่านั้น !!!”
“ถูกต้อง !! เนื่องจากเขาไม่ยอมรับความปราถนาดีของเรา เราก็ทำได้เพียงอย่างเดียวคือต้องทำลายสภาสิบแปดปีก และสอนบทเรียนให้กับเขา !!! ลงมือกันเลยดีกว่า !!!”
ปัจจุบันผู้เล่นสายความมืดนั้นโกรธแค้นกับคำตอบของซือเฟิงมากๆ พวกเขาได้เสนอสัมปทานจำนวนมากให้กับสภาสิบแปดปีก ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่แม้แต่ซุเปอร์กิลก็ยังไม่คิดฝันที่จะได้รับมา แต่ซือเฟิงก็ยังคงเลือกจะปฎิเสธมัน
สิ่งนี้ทำให้กองทัพผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดเริ่มมีความคิดที่จะใช้ทุกสิ่งที่มีเข้าทำลายสภาสิบแปดปีกและซือเฟิง
“ฉันว่าคุณคิดมากเกินไปนะหัวหน้ากิลดอร์น ในสายตาของฉันเรื่องนี้อย่างมากที่สุดก็คือการสูญเสียเล็กน้อยเท่านั้น …” ซือเฟิงกล่าวพลางส่ายหัว และหัวเราะเบาๆ เมื่อได้ยินคำพูดของดอร์นโดมิแน้นซ์
“ดี !! เนื่องจากคุณดื้อรั้นแบบนี้ คุณก็ทำได้แค่ต้องโทษตัวเองแล้วแหล่ะหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม !!! พี่น้องไม่ต้องอดทนหรือปกปิดอะไรอีกต่อไปแล้ว ลงมือกันได้เลย !!” ดอร์นโดมิแน้นซ์ตะโกน ขณะที่เขาจ้องมองไปยังซือเฟิงด้วยความโกรธ
สูญเสียเล็กน้อย ?
เย่อหยิ่ง !!
ซือเฟิงนั้นเย่อหยิ่งเกินไป !!
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่กองทัพของโลกแห่งความมืดกำลังจะรุกคืบอีกครั้ง ซือเฟิงก็เริ่มเคลื่อนไหว
ซือเฟิงฟันคิลลิงเรย์ไปด้านหน้าด้วยท่าทีสบายๆ
ไลท์นิ่งแสลช !!
สายฟ้าสีน้ำเงินพุ่งผ่านพื้นที่ตรงหน้าของซือเฟิง และหากสังเกตดีๆทุกคนจะเห็นรอยแยกมิติสีดำสนิทเกิดขึ้นตามสายฟ้าไปอย่างใกล้ชิด และโดยที่ดอร์นโดมิแน้นซ์ไม่ทันได้ตั้งตัว สายฟ้านี้ก็พุ่งผ่านตัวเขาไป
เมื่อสายฟ้าหายไปผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจำนวนมากกว่าหนึ่งโหลที่อยู่ในเส้นทางของมันก็สูญเสีย HP ทั้งหมดไปในทันที และแม้แต่มอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย เลเวลหนึ่งร้อยสิบห้าที่สูงสิบแปดเมตรซึ่งยืนอยู่ด้านหลังของดอร์นโดมิแน้นซ์ก็ถูกทำให้ปลิวกระเด็นกลับไปกระแทกกับกลุ่มผู้เล่นสายความมืดด้านหลังเช่นกัน
ช่วงเวลาหนึ่งความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วสนามรบ ….
ตอนที่ 2568 ความพ่ายแพ้ของโลกแห่งความมืด และสภาสิบแปดปีกที่เจริญรุ่งเรือง
หลังจากความเงียบเข้าปกคลุมสนามรบอยู่ชั่วครู่ ความสับสนก็ปะทุขึ้น ในขณะที่ทุกคนจ้องมองไปยังซือเฟิงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?”
“เขาทำให้มอสเตอร์อัญเชิญขั้นสี่ปลิวกระเด็นไปได้ยังไงกัน ?!”
“นี่เขาทำอะไรกัน ?”
ทุกคนในปัจจุบันนั้นได้เห็นการกระทำของซือเฟิงอย่างชัดเจน ในความเป็นจริงพวกเขารู้สึกว่าซือเฟิงเคลื่อนไหวช้ามากด้วย
อย่างไรก็ตามไม่มีใครคาดคิด ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าของพวกเขาเมื่อครู่ได้เลย เพราะสิ่งที่พวกเขาได้เห็นคือ ซือเฟิงได้ทำการฟาดฟันไปข้างหน้าแบบธรรมดาๆและปล่อยสายฟ้าออกมาจากดาบของเขา และเมื่อถึงเวลาที่พวกเขาหายสับสนนั้น พวกเขาก็เห็นมอนสเตอร์อัญเชิญขั้นสี่ที่ยืนห่างจากนักดาบกว่าหกสิบหลาปลิวกระเด็นไปในอากาศแล้ว
“นี่เขาทำให้มอนสเตอร์อัญเชิญขั้นสี่ปลิวกระเด็นไปได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียวงั้นหรอ ?” บลูเรนโบว์ในตอนนี้นั้นมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงและสับสน ขณะที่เธอจ้องมองไปยังซือเฟิง “นี่ค่าสถานะของเขาสูงแค่ไหนกัน ?”
จากการตรวจสอบก่อนหน้านี้ เธอก็ได้รับข้อมูลมาว่าซือเฟิงนั้นมีค่าสถานะสูงอย่างน่ากลัวเช่นกัน และแม้แต่กบฎสายฟ้า ซึ่งเป็นปีศาจระดับเค้าท์ และใช้อาวุธเวทย์มนต์อย่าง Cruel Darkness ก็ยังได้เปรียบซือเฟิงในด้านค่าสถานะแค่เล็กน้อยเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นมันยังเป็นตอนที่ซือเฟิงอยู่ในสถานะปกติด้วย
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ แม้แต่ในตอนนั้นค่าสถานะของซือเฟิงก็มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายในเลเวลเดียวกันแล้ว
อย่างไรก็ตามตอนนี้ ซือเฟิงกับทำให้มอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย เลเวลหนึ่งร้อยสิบห้าปลิวกระเด็นไปได้ด้วยการโจมตีเดียว มันต้องมีบางอย่างผิดปกติกับสถานการณ์นี้แน่นอน
เพราะท้ายที่สุดแล้วการป้องกันการโจมตีจากมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย กับการทำให้มันปลิวไปนั้นเป็นสองเรื่องที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง !!
หากไม่มีช่องว่างขนาดใหญ่ของความแข็งแกร่ง มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะส่งคู่ต่อสู้ของตัวเองให้ปลิวกระเด็นไปได้ แต่ตอนนี้ซือเฟิงนั้นไม่เพียงแต่จะทำให้มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายปลิวกระเด็นไป แต่มอนสเตอร์ที่เขาทำให้ปลิวกระเด็นไปแบบนี้นั้นยังเป็นมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย เลเวลหนึ่งร้อยสิบห้าด้วย ความแข็งแกร่งในปัจจุบันที่เขาแสดงออกนั้นมันแตกต่างจากรายงานอย่างสิ้นเชิง
เป็นไปได้ยังไงกัน ?! ฟิวเรียสฮาร์ทซึ่งเฝ้าดูจากระยะไกลก็ตกตะลึงกับสถานการณ์นี้เช่นกัน เขาเคยเห็นความแข็งแกร่งของซือเฟิงเป็นการส่วนตัวมาก่อน อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะผ่านไปเพียงเล็กน้อยตั้งแต่การพบกันครั้งสุดท้าย ซือเฟิงก็สามารถจะทำให้มอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย เลเวลหนึ่งร้อยสิบห้าปลิวกระเด็นไปได้ด้วยการโจมตีเดียวของเขา
ชั่วขณะหนึ่ง ฟิวเรียสฮาร์ทนั้นรู้สึกสงสัยด้วยซ้ำว่าระบบหลักของ God domain กำลังเล่นตลกกับเขา
ด้วยความแข็งแกร่งที่น่ากลัวขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึง NPC ขั้นสามเลย แม้แต่ NPC ขั้นสี่ก็จะยังมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากในการจัดการกับซือเฟิง และนี่ก็คงไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลย เพราะมันจะมีเพียงแต่คนโง่เท่านั้นที่หวังว่ามอนสเตอร์ระดับเทพิยาย ขั้นสี่จะสามารถเอาชนะเขาได้ ในสถานการณ์ที่ความแตกต่างระหว่างค่าสถานะไม่มีอยู่เลย พวกมันจะไม่ต่างจากมอนสเตอร์ทั่วไปต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนอย่างซือเฟิง และต่อให้มอนสเตอร์พวกนี้มากกว่าห้าสิบตัวเข้ารุมเขา พวกมันก็ยังจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากอยู่ดีในการจะสร้างความเสียหายให้กับเขา
นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าซือเฟิงมีกองกำลังอัศวินขั้นสามคอยซัพพอร์ทเขาอยู่ด้านหลังอีก ….
“เขาแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง ?” เฮลรัช ผู้ซึ่งยืนอยู่ท่ามกลางกองกำลังของสภาสิบแปดปีกก็รู้สึกประหลาดใจมากๆเช่นเดียวกัน เมื่อเขามองไปที่ซือเฟิง ….
นับตั้งแต่ที่จักรวรรดิโลกใต้พิภพตัดสินใจจะร่วมมือกับสภาสิบแปดปีก เฮลรัชก็ติดตามซือเฟิงเกือบทุกวัน ดังนั้นเขาจึงเข้าใจความแข็งแกร่งของซือเฟิงเป็นอย่างดี
ยิ่งไปกว่านั้นซือเฟิงยังใช้เวลาในการล่าในแผนที่น้อยกว่าเฮลรัชมาก ในความเป็นจริงเฮลรัชไม่เคยเห็นชายคนนี้ออกไปล่าเพื่อเก็บเลเวลด้วยซ้ำ เนื่องจากชายคนนี้ผูกติดอยู่กับกิจการกิลทุกประเภท
ในทางตรงกันข้าม เฮลรัชนั้นก็ได้ออกล่าอย่างเมามันทุกวัน และด้วยความช่วยเหลือของเมืองป่าหิน ไม่เพียงแต่เขาจะใกล้มาถึงเลเวลหนึ่งร้อยสิบแล้ว แต่จนถึงตอนนี้เขายังเปลี่ยนอุปกรณ์ของตัวเองไปสองชิ้นแล้ว และเขาก็ยังประสบความสำเร็จอย่างมากในการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของเขา โดยส่วนตัวแล้วเขาคิดว่าช่องว่างในอำนาจการต่อสู้ระหว่างเขากับซือเฟิงควรจะลดลงไปไม่น้อย
อย่างไรก็ตามตรงข้ามกับความเชื่อของเฮลรัช ไม่เพียงแต่ช่องว่างในอำนาจการต่อสู้จะไม่ลดลง แต่มันกลับเติบโตขึ้นด้วย
สำหรับดอร์นโดมิแน้นซ์ซึ่งเดิมวางแผนที่จะเยาะเย้ยซือเฟิง เพราะความหยิ่งและโง่เขลาของเขาก็ตกตะลึงกับการพัฒนาที่ไม่คาดคิดนี้เช่นกัน และเมื่อเขาเห็นสภาพ
ของมอนสเตอร์อัญเชิญขั้นสี่ที่โดนการโจมตีของซือเฟิงเข้าไปนั้น จิตใจของเขาก็หยุดนิ่งไปชั่วขณะ
ดอร์นโดมิแน้นซ์นั้นรู้มาว่าซือเฟิงมีค่าสถานะพื้นฐานที่เทียบเท่ากับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายในเลเวลเดียวกัน และชายคนนี้ก็ถือว่าเป็นสัตว์ประหลาดที่แทบไม่มีใครเทียบได้ใน God domain และแน่นอนว่าตัวตนของนักดาบผู้นี้ก็ไม่ใช่อะไรที่ผู้เชี่ยวชาญทั่วไปหวังจะต่อกรด้วยได้ และแม้แต่ทีมผู้เชี่ยวชาญขั้นสามก็เทียบกับเขาไม่ได้
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในปัจจุบันนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
ซือเฟิงจะเป็นแค่สัตว์ประหลาดที่แท้จริงได้ยังไง ?
ตอนนี้เขาดูจะแข็งแกร่งกว่าอัศวินขั้นสามที่น่ากลัวของสภาสิบแปดปีกด้วยซ้ำ !!!
ในความเป็นจริง การฆ่าอัศวินขั้นสามของสภาสิบแปดปีกหลายร้อยคนจะง่ายกว่าการฆ่าซือเฟิงด้วยซ้ำ !!!
ในขณะนี้มีเพียงแต่ซือเฟิงเท่านั้นที่ไม่รู้สึกทึ่งกับการพัฒนาล่าสุดของเขา
ใน God domain อาวุธนั้นมีบทบาทสำคัญที่สุดในการกำหนดพลังต่อสู้ของผู้เล่น และการอัพเกรด Abyssal Blade ครั้งล่าสุดของเขาที่ทำให้มันกลายเป็นเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานก็ได้ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของซือเฟิงให้มีมากกว่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย เลเวลหนึ่งร้อยสิบห้าในระดับหนึ่งแล้ว และด้วยความช่วยเหลือจากแหวนแห่งกอสเปล ซึ่งทำให้กองทัพจากโลกแห่งความมืด และมอนสเตอร์อัญเชิญขั้นสี่ทั้งหมดอ่อนแอลง มันจึงช่วยเพิ่มขอบเขตความต่างได้อีกอย่างมาก ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่เขาจะทำให้มอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย เลเวลหนึ่งร้อยสิบห้าปลิวกระเด็นไปได้
“หัวหน้ากิลดอร์น คุณยังต้องการจะต่อกันไหม ?” ซือเฟิงถามชายที่ยังคงไม่เคลื่อนไหวตรงหน้าเขา
คราวนี้ซือเฟิงไม่ได้พูดเสียงดังขนาดนั้น อย่างไรก็ตามผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดนั้นก็พบว่าเสียงของเขานั้นเสียดหูและไม่น่าฟังอย่างมาก นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ซือเฟิงถามคำถามนี้ และมันราวกับว่าเขากำลังเยาะเย้ยพวกเขาสำหรับการล้อเลียนเขาก่อนหน้านี้ และพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะหวังว่าพวกเขาจะได้พุ่งไปข้างหน้า และฆ่าซือเฟิงให้ได้ในตอนนี้
อัปยศ !!
นี่มันเป็นความอัปยศอย่างแท้จริง !!
อย่างไรก็ตามแม้จะรู้สึกอับอายอย่างมาก แต่มันก็ไม่มีผู้เล่นสายความมืดคนใดกล้าพูด และพวกเขาก็ทำได้แค่จ้องมองไปยังดอร์นโดมิแน้นซ์ที่ยังคงเงียบอยู่เท่านั้น
ในขณะเดียวกัน หลังจากที่ซือเฟิงถามคำถามซ้ำ การแสดงออกที่มืดมนอย่างไม่อาจอธิบายได้ก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของดอร์นโดมิแน้นซ์
“แบล๊คเฟรม !!” ดอร์นโดมิแน้นซ์กัดฟันของเขา ขณะที่จ้องมองไปยังซือเฟิง อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากเรียกชื่อของซือเฟิงแล้ว เขาก็ไม่คิดจะพูดอะไรอีก
ในสถานการณ์นี้พวกมหาอำนาจต่างๆของโลกแห่งความมืดนั้นล้วนเห็นใจและเข้าใจดอร์นโดมิแน้นซ์อย่างมาก
ก่อนหน้านี้ดอร์นโดมิแน้นซ์ได้จ่ายไปอย่างมหาศาลเพื่อที่จะเพิ่มอิทธิพลของเวิร์ลโดมิเนชั่นในโลกแห่งความมืดผ่านสงครามครั้งนี้ และนั่นมันก็ทำให้มหาอำนาจหลายกลุ่มไม่พอใจอย่างมาก โดยเฉพาะกับดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้
อย่างไรก็ตามในตอนนี้แม้แต่บลูเรนโบว์ กับผู้อาวุโสโกลด์ ซึ่งมาจากดาร์ครีปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้ก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารดอร์นโดมิแน้นซ์
ท้ายที่สุด ซือเฟิงนั้นโหดร้ายเกินไปจริงๆ !!!
การจงใจถามคำถามซ้ำแบบนี้ไม่เพียงแต่ซือเฟิงจะทำให้ดอร์นโดมิแน้นซ์อับอายอย่างมาก แต่มันก็ยังทำให้ดอร์นโดมิแน้นซ์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับความอับอายด้วย
“หัวหน้ากิลดอร์น หากคุณต้องการจะสู้ต่อ ฉันก็ไม่คัดค้านใดๆ เพราะท้ายที่สุดผลลัพธ์สุดท้ายมันก็ยังไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของฉัน” ซือเฟิงพูดพลางยักไหล่อย่างไม่มั่นใจ ขณะเขามองไปยังสีหน้าที่โกรธเกรี้ยวของดอร์นโดมิแน้นซ์
เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง พวกระดับสูงของกิลขนาดใหญ่และทีมนักผจญภัยต่างๆจากโลกแห่งความมืดก็รู้สึกกระวนกระวายใจอย่างมาก และใช้สายตามองไปยังดอร์นโดมิแน้นซ์อย่างสื่อความหมายบางอย่าง
ขณะที่สมาชิกของสภาสิบแปดปีก และผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนาจที่เฝ้าชมอยู่ก็ล้วนตกตะลึงกับฉากนี้มากเช่นกัน
โลกแห่งความมืดที่ครั้งหนึ่งเคยสร้างความหวาดกลัวให้กับมหาอำนาจต่างๆของทวีปหลักในตอนนี้ได้ถูกทำให้อับอายและกลายเป็นเรื่องตลกด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำของซือเฟิง และหากพวกเขาไปเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนี้ มันคงไม่มีใครเชื่อพวกเขาแน่นอน อย่างไรก็ตามนี่มันเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาพวกเขาจริงๆ
แน่นอนว่าผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนาจต่างๆที่เฝ้าชมอยู่นั้นก็อดไม่ได้ที่จะเห็นใจผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดเช่นกัน
การต่อสู้ในปัจจุบันนั้นมันเกี่ยวข้องกับรากฐานของทั้งสองฝ่าย หากกองทัพจากโลกแห่งความมืดประสบความสูญเสียอย่างหนักในตอนนี้ ความพยายามทั้งหมดที่พวกเขาทำมาก็จะไร้ความหมายไปทันที และนี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่พวกเขาจะสามารถยอมรับได้อย่างแน่นอน
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ฉันยอมรับจริงๆว่าคุณทรงพลังมาก !!! โลกแห่งความมืดจะขอยอมแพ้เรื่องประตูเทเลพอร์ตในครั้งนี้ !!! อย่างไรก็ตามอย่าคิดว่าคุณจะได้ทำแบบนี้นานนัก คุณจะไม่สามารถควบคุมประตูเทเลพอร์ตนี้ได้ตลอดไปหรอก !!!” ดอร์นโดมิแน้นซ์กล่าวหลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆ
ทันทีที่ดอร์นโดมิแน้นซ์พูดจบ เขาก็หันหลังกลับ และเดินกลับเข้าประตูเทเลพอร์ตไป เขาไม่ได้ตั้งใจจะอยู่ในป่าใบไม้ผลิอีกต่อไป
เมื่อเห็นสิ่งนี้กองทัพของโลกแห่งความมืดก็เริ่มถอยทัพกลับไปที่โลกแห่งความมืด และไม่มีใครเลือกจะอยู่ในป่าใบไม้ผลิอีกต่อไป มันมีผู้เล่นอิสระเหลือแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ตัดสินใจจะอยู่เบื้องหลังเพื่อรอดูสถานการณ์
“สภาสิบแปดปีกชนะ ทั้งๆแบบนี้เลยงั้นหรอ ?”
เพอเพิ้ลรากษสตกตะลึง เมื่อเธอเห็นว่ากองทัพของโลกแห่งความมืดกำลังถอยกลับ ครู่หนึ่งเธอรู้สึกราวกับว่าเธอกำลังฝัน
สภาสิบแปดปีกเอาชนะผู้เชี่ยวชาญจากโลกอื่นทั้งโลกได้ !!!
ตอนที่ 2569 การรวมตัวที่ไม่ได้อะไร
ป่าใบไม้ผลิ เมืองป่าหิน :
เมื่อข่าวที่ประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืดได้ถูกเปิดขึ้น ได้แพร่กระจายไปทั่วป่าใบไม้ผลิ ความตึงเครียดในเมืองป่าหินนั้นก็เพิ่มสูงขึ้น และผู้เล่นหลายคนที่อาศัยอยู่ในเมืองแต่เดิมก็ตัดสินใจที่จะออกไปจากเมืองและพัฒนาที่อื่น ซึ่งนี่ก็ทำให้เมืองที่เคยคึกคัก เงียบลงไปอย่างมาก
ถนนสายหลักที่เคยแออัดของเมืองป่าหินในตอนนี้นั้นก็มีผู้เล่นน้อยกว่าครึ่งหนึ่งจากเดิม ยิ่งไปกว่านั้นต้องบอกตรงๆว่าสาเหตุที่ยังทำให้มีผู้เล่นจำนวนหนึ่งตัดสินใจอยู่ในเมืองนั่นเป็นเพราะโรงแรมอิสระที่พึ่งจะถูกสร้างขึ้น อย่างไรก็ตามผู้เล่นเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญจากกิลขนาดใหญ่ต่างๆกันเป็นส่วนใหญ่ มันมีผู้เล่นอิสระน้อยมาก
ในเวลานี้กลุ่มผู้เล่นที่สวมเสื้อคลุมสีดำก็ได้เข้ามาล๊อบบี้ชั้นหนึ่งของโรงแรมอิสระ และการปรากฎตัวของผู้เล่นเหล่านี้ก็ทำให้เกิดการพูดคุยกันเสียงดังในหมู่ผู้เล่นคนอื่นๆ
สาเหตุก็คือกลุ่มผู้เล่นที่สวมเสื้อคลุมสีดำนี้ที่มีจำนวนเกือบหนึ่งร้อยคนนั้นได้รับการนำทางมาโดยผู้เชี่ยวชาญของศาลาลับ และที่ยืนอยู่หน้าสุดของผู้เชี่ยวชาญของศาลาลับนั้นก็คือหยวนเทียนซินซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี และชายครึ่งเอลฟ์ที่แผ่ออร่าอันแข็งแกร่งออกมาอย่างมาก
“น่าทึ่งมากๆ !!! คนเหล้านั้นเป็นใครกัน ?! พวกเขากระทั่งได้รับการนำทางจากผู้อาวุโสของศาลาลับ !!!”
“คนเหล่านี้น่าจะเป็นตัวแทนของมหาอำนาจต่างๆแน่นอน ฉันจำได้ว่าศาลาลับนั้นเป็นผู้ถือหุ้นของเมืองป่าหิน และตอนนี้ผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดก็ได้เข้าสู่ป่าใบไม้ผลิแล้ว ดังนั้นอนาคตของเมืองป่าหินจึงตกอยู่ในสถานะสุ่มเสี่ยงมากๆ และผู้ที่มานี้อาจเป็นกำลังเสริมที่ศาลาลับคัดเลือกมา”
“กำลังเสริม ? จุดที่เราจะเรียกว่ากำลังเสริมคืออะไร ? นั่นคือโลกทั้งใบเลยนะที่เรากำลังพูดถึง และมันไม่ใช่สิ่งที่มหาอำนาจแค่ไม่กี่กลุ่มจะต่อกรได้เลย และแม้มหาอำนาจหลายกลุ่มจะทำงานร่วมกัน มันก็ใช่ว่าพวกเขาจะหยุดการรุกรานตากโลกแห่งความมืดได้”
ผู้เชี่ยวชาญจากกิลขนาดใหญ่หลายคนต่างเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ขณะที่พวกเขาพูดคุยกันเรื่องกลุ่มผู้เล่นที่สวมเสื้อคลุมสีดำที่เข้ามาภายใต้การนำทางของผู้เชี่ยวชาญจากศาลาลับ
ปัจจุบันเมืองป่าหินนั้นเป็นดินแดนศักสิทธิ์สำหรับผู้เล่นที่ต้องการจะพัฒนาตัวเอง เพราะท้ายที่สุด เมืองนี้ไม่เพียงแต่จะมีความหนาแน่นของมานาที่สูงอย่างไม่น่าเชื่อ แต่มันยังมีโรงแรมอิสระ ซึ่งช่วยเพิ่มอัตราการฟื้นฟู และทำให้ผู้เล่นสะสมบัฟต่างๆได้เร็วขึ้นอย่างมาก มันมีข่าวลือว่าที่ห้องชั้นบนสุดของโรงแรมอิสระนั้นมันสามารถเร่งการกำจัดพลังแปลกปลอมออกจากร่างกายและเพิ่มประสิทธิภาพการฝึกฝนเทคนิคการต่อสู้ได้ด้วย
ในยุคปัจจุบันที่เทคนิคการต่อสู้นั้นมีอยู่ทั่วไปใน God domain สิ่งที่โรงแรมอิสระสามารถทำได้มันจึงล่อลวงผู้เชี่ยวชาญหลายคนเป็นอย่างมาก หากมีมหาอำนาจใดสามารถพัฒนาผู้เชี่ยวชาญของตัวเองได้โดยใช้ฟังชั่นของโรงแรมอิสระเป็นเวลานาน ความเร็วในการพัฒนาของมหาอำนาจจะพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดอย่างที่ไม่อาจจินตนาการได้แน่นอน
เนื่องจากศาลาลับเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของเมืองป่าหิน ดังนั้นโดยปกติแล้วพวกเขาก็จะไม่ยอมแพ้ทั้งๆที่ยังไม่ได้สู้แน่นอน
อย่างไรก็ตามตอนนี้ประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืดได้เปิดขึ้นแล้ว มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีมหาอำนาจบางส่วนของทวีปหลักเกาะกลุ่มกันเพื่อหาผลประโยชน์จากจุดนี้
“โปรดรอสักครู่ ฉันจะไปเช่าห้องรับรองขั้นสูง …” หยวนเทียนซินซินพูดกับผู้เล่นที่ปิดบังตัวตนด้านหลังของเขา
หลังจากนั้นเขาก็รีบไปที่แผนกต้อนรับ และยื่นบัตรทองให้กับพนักงานต้อนรับ และเมื่อเห็นบัตรนี้นั้น พวกผู้เชี่ยวชาญของกิลขนาดใหญ่ต่างๆก็ล้วนมองมาอย่างอิจฉา
บัตรสมาชิกระดับทองของโรงแรมอิสระ !!!
เนื่องจากฟังชั่นที่น่าทึ่งของโรงแรมอิสระ กิลขนาดใหญ่ต่างๆจึงล้วนต้องการบัตรสมาชิกระดับสูงของโรงแรมอิสระอย่างมาก และยิ่งบัตรสมาชิกมีระดับสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งดี อย่างไรก็ตามการจะได้รับมันมานั้นเป็นเรื่องยากอย่างไม่น่าเชื่อ และแม้กระทั่งตอนนี้กิลขนาดใหญ่ต่างๆก็ได้รับมาแค่บัตรสมาชิกระดับทองแดงเท่านั้น หากต้องการจะยกระดับตัวเองให้ได้รับบัตรสมาชิกระดับเงิน พวกเขาจะต้องสะสมคะแนนจำนวนมากในโรงแรมอิสระ ซึ่งมันจะได้มาจากการขายวัสดุหายากและทำเควสเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นผู้เล่นแต่ละคนยังสามารถขายวัสดุหายากและทำเควสได้เป็นจำนวนจำกัดมากในแต่ละวัน
ในขณะเดียวกันบัตรสมาชิกระดับทองนั้นก็อนุญาติให้ผู้เล่นสามารถเช่าห้องที่ชั้นบนสุดของโรงแรมอิสระได้
ในขณะที่หยวนเทียนซินกำลังจัดการเรื่องขั้นตอนการเช่าอยู่นั้น ผู้เล่นในชุดเสื้อคลุมสีดำด้านหลังของเขาก็เริ่มมองไปรอบๆบริเวณของโรงแรมอิสระ
“นี่คือโรงแรมอิสระของสภาสิบแปดปีกงั้นหรอ ?! มันช่างน่าทึ่งจริงๆ !!!” ชายหนุ่มที่สวมเสื้อคลุมสีดำที่แผ่พลังแห่งความมืดที่หนาแน่นออกมากล่าวพลางถอนหายใจอย่างมีความสุข เมื่อได้สัมผัสถึงความหนาแน่นของมานาภายในโรงแรม และผลของมานา “ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมสภาสิบแปดปีกถึงกล้าจะยั่วยุกิลเราก่อนหน้านี้”
“สภาสิบแปดปีกกล้ายั่วยุกิลเราแล้วยังไงล่ะ ? ในท้ายที่สุดพวกเขาก็ยังจะต้องพ่ายแพ้ให้กับรองหัวหน้ากิลไลท์อยู่ดี …” Elementalist เลเวลหนึ่งร้อยเก้าที่แผ่พลังแห่งความมืดที่หนาแน่นออกมามากพอกัน และยืนอยู่ข้างๆชายหนุ่มที่พูดเมื่อครู่กล่าวอย่างเหยียดหยาม
ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ศาลาลับจะริเริ่มเชิญชวนมหาอำนาจต่างๆที่หัวใจปีศาจร่วมมืออย่างลับๆ แต่ยังขยายคำเชิญไปถึงหัวใจปีศาจด้วย ดังนั้นไม่ว่าใครก็น่าจะสามารถจินตนาการได้ถึงความเลวร้ายของสถานการณ์ในปัจจุบันของสภาสิบแปดปีกได้อย่างง่ายดาย
น่าเสียดายที่แม้ว่าศาลาลับจะก้าวมาข้างหน้าในครั้งนี้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงผลของสงครามครั้งนี้ได้มากนักแน่นอน เนื่องจากตอนนี้มหาอำนาจต่างๆทั้งหมดในปัจจุบันล้วนต้องการเมืองป่าหินมากๆ
ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญสองคนท่ามกลางสมาชิกของหัวใจปีศาจกำลังพูดคุยกันเบาๆ อิลูซะรี่เวิร์ดซึ่งยืนอยู่ท่ามกลางผู้เล่นที่สวมใส่เสื้อคลุมสีดำก็ขมวดคิ้ว
“อิลูซะรี่ ดูเหมือนว่าโอกาสที่สภาสิบแปดปีกจะรอดชีวิตนั้นมีน้อยมากๆ มหาอำนาจจำนวนมากได้มารวมตัวกันเพื่อให้ได้มาซึ่งเมืองป่าหิน ฉันสงสัยว่าแม้แต่ศาลาลับก็คงไม่คิดว่าสถานการณ์จะพัฒนามาถึงจุดนี้” ชายผู้ดุร้ายที่ยืนข้างๆอิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวพลางถอนหายใจ
ศาลาลับได้เชิญมหาอำนาจทั้งหมดที่กำหนดเป้าหมายมาที่เมืองป่าหิน เพื่อมาเข้าร่วมการเจรจา ซึ่งจักรพรรดิคริมสันนั้นได้ประเมินว่าน่าจะมีมหาอำนาจหกถึงเจ็ดกลุ่มเป็นอย่างมากที่สุดที่กำหนดเป้าหมายมาที่เมืองป่าหิน และเข้าร่วมการเจรจาครั้งนี้ อย่างไรก็ตามจำนวนจริงมันกลับกลายเป็นมากกว่าสิบ และแม้แต่ Battle Wolves ซึ่งมีความบาดหมางกับหัวใจปีศาจอย่างไม่อาจแก้ไขได้ก็ยังมาเข้าร่วมในครั้งนี้
หากมหาอำนาจเหล่านี้รวมตัวกัน พวกเขาจะมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามขั้นต่ำที่ราวสี่พันคน และทุกคนนั้นจะมีมาตราฐานการต่อสู้ที่สูงมาก ซึ่งหากพวกเขาทำงานร่วมกันกับกองทัพของโลกแห่งความมืด และโจมตีเมืองป่าหินจากทั้งภายในและภายนอก เมืองป่าหินก็จะไม่มีโอกาสใดๆแน่นอน
แน่นอนว่าชายผู้ดุร้ายก็สามารถจะเข้าใจได้เช่นกันว่าเหตุใดมหาอำนาจต่างๆจึงเต็มใจจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้มาซึ่งเมืองป่าหิน เพราะท้ายที่สุดผลประโยชน์ที่เมืองมอบให้นั้นมันน่าทึ่งมากจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับโรงแรมอิสระ ไม่มีมหาอำนาจใดจะไม่สนใจผลประโยชน์ของโรงแรมอิสระแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นสภาสิบแปดปีกยังริเริ่มที่จะไปพบกองทัพผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดที่ประตูเทเลพอร์ต ซึ่งมันนับเป็นการฆ่าตัวตายอย่างแน่นอน และตอนนี้แม้ว่าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดห้าอันดับแรกจะร่วมมือกัน พวกเขาก็จะไม่สามารถช่วยสภาสิบแปดปีกได้แน่นอน
ในขณะนี้นับประสาอะไรกับอิลูซะรี่เวิร์ดและชายผู้ดุร้ายจากจักรพรรดิคริมสัน แม้แต่หยวนเทียนซินที่เชิญเหล่ามหาอำนาจต่างๆที่กำหนดเป้าหมายมาที่เมืองป่าหินมาเอง ก็ยังอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจกับสถานการณ์นี้
เขาไม่คิดเลยว่าจะมีมหาอำนาจมากกว่าสิบกลุ่มที่พุ่งเป้ามายังเมืองป่าหินในครั้งนี้ นอกเหนือจากหัวใจปีศาจและสตาร์ลิ้งซึ่งมีความเกลียดชังที่ลึกซึ้งต่อสภาสิบแปดปีกแล้ว มันยังมีมหาอำนาจอย่างวังปีศาจ จักรวรรดิชาโด้วเลส Battle Wolves แพนธีออน และผู้แข็งแกร่งอีกจำนวนหนึ่งที่มาตอนนี้ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างไมโทโลจี้ ซึ่งไม่ได้อยู่ท่ามกลางมหาอำนาจที่เขาเชิญมา แต่เขาก็มั่นใจว่าไมโทโลจี้จะต้องดำเนินการอยู่อย่างลับๆแน่นอน เรื่องเมืองป่าหิน …
หากมหาอำนาจเหล่านี้ทำงานร่วมกัน พวกเขาจะสามารถเขย่าทวีปหลักด้านตะวันออกนี้ได้สบายๆเลย ไม่ต้องพูดถึงเมืองป่าหิน ครู่หนึ่งหยวนเทียนซินอดจะคิดไม่ได้ว่าการเจรจานี้จะให้ผลลัพธ์ที่เขาต้องการไหม ….
“ฮ่าๆๆๆ สภาสิบแปดปีกจบสิ้นแล้วแน่นอน !!! โทรเบิ้ลไทม์ที่มาพร้อมกับเฟรมมิ่งไลท์นั้นอดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความสุข ในขณะที่เขาจ้องมองไปยังมหาอำนาจต่างๆรอบตัวเขา และด้วยมีมหาอำนาจต่างๆมารวมกันมากขนาดนี้ แม้แต่กิลอย่างศาลาลับก็จะไม่สามารถหยุดการโจมตีที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ !!!
ก่อนหน้านี้ในตอนที่ซือเฟิงได้จัดการฆ่าโทรเบิ้ลไทม์ต่อหน้าสาธารณะในเมืองปีศาจนั้น ไม่เพียงแต่ความแข็งแกร่งของโทรเบิ้ลไทม์จะลดลงอย่างมาก แต่ชื่อเสียงของเขาในดาร์คเดนก็ยังตกต่ำลงเช่นกัน
เดิมทีโทรเบิ้ลไทม์คิดว่าเขาคงจะไม่ได้มีโอกาสได้แก้แค้นสภาสิบแปดปีก อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดเลยว่าโอกาสของเขาจะมาถึงเร็วมาก
“ทุกคน ห้องรับรองพร้อมแล้ว โปรดตามฉันมา …” หยวนเทียนซินกล่าวกับกลุ่มที่ปิดบังตัวตนด้านหลังของเขา
อย่างไรก็ตามในขณะที่หยวนเทียนซินกำลังจะนำทั้งกลุ่มไปที่ห้องรับรองชั้นบนสุดของโรงแรมอิสระ มันก็มีร่างๆหนึ่งปรากฎขึ้นมาตรงหน้าของเขา และนี่มันก็ทำให้ผู้เล่นคนอื่นๆต่างตกใจกับเรื่องนี้
ไม่มีใครคิดเลยว่าจะมีผู้หญิงคนหนึ่งกล้าปรากฎตัวขึ้นมาขวางเส้นทางของกลุ่มที่ผู้เชี่ยวชาญของศาลาลับนำมา เพราะคนที่ทำแบบนี้จะต้องเหนื่อยกับการมีชีวิตอยู่แน่นอน
อย่างไรก็ตามมันกับมีคนกล้าทำจริงๆ แถมยังเป็นหญิงสาวที่มีตราสัญลักษณ์กิลของของสภาสิบแปดปีกติดอยู่ที่หน้าอก และเลเวลของเธอก็ยังอยู่ที่หนึ่งร้อยเท่านั้น
“มิสเมลานโครอิค คุณมีธุระอะไรกับเรารึปล่าว ?” หยวนเทียนซินถามด้วยความสับสน เขาจำผู้หญิงคนนี้ได้ทันที
ผู้หญิงคนนี้นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเมลานโครอิคสไมล์ ผู้จัดการบริษัทการค้าแสงเทียนของสภาสิบแปดปีก และเธอยังเป็นหนึ่งในผู้จัดการของโรงแรมอิสระด้วย
หยวนเทียนซินนั้นไม่ได้ตั้งใจจะปกปิดความจริงที่ว่าเขาได้เชิญมหาอำนาจต่างๆมาเพื่อเจรจา และในความคิดของเขา สภาสิบแปดปีกก็ไม่ควรมีเหตุผลใดที่จะหยุดเขาจากการทำเช่นนั้น เพราะท้ายที่สุดศาลาลับคือหนึ่งในผู้ถือหุ้นของเมืองป่าหิน และการเจรจากับมหาอำนาจต่างๆแบบนี้ก็จะช่วยลดจำนวนศัตรูที่สภาสิบแปดปีกต้องเผชิญได้
อย่างไรก็ตามตอนนี้เมลานโครอิคสไมล์กับปรากฎตัวขึ้นต่อหน้ากลุ่มของพวกเขา
“มันก็ไม่มีอะไรสำคัญมากหรอก …” เมลานโครอิคสไมล์กล่าวพลางส่ายหัว “ฉันแค่มาถ่ายทอดข้อความของหัวหน้ากิลถึงคนเหล่านี้ก็เท่านั้น …”
“ถ่ายทอดข้อความ ? นี่เขากำลังคิดจะเริ่มมอบส่วนแบ่งหุ้นเมืองป่าหินให้พวกเรา หลังจากรู้ว่าไม่มีโอกาสชนะงั้นหรอ ?” โทรเบิ้ลไทม์กล่าวถามอย่างเยาะเย้ย
เมื่อได้ยินคำถามของโทรเบิ้ลไทม์ ผู้เชี่ยวชาญจากมหาอำนาจต่างๆก็เริ่มหัวเราะเช่นกัน
เมื่อสิ่งต่างๆดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว มันไม่สายเกินไปหน่อยหรอที่จะเสียใจกับการกระทำของตัวเอง และทำแบบนี้ ?
“หัวหน้ากิลของเราได้แจ้งมาว่า หากคุณต้องการจะพัฒนาในเมืองป่าหินด้วยความสงบ และไม่คิดอะไรแปลกๆ สภาสิบแปดปีกก็พร้อมจะต้อนรับพวกคุณอย่างเปิดกว้าง !! อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจการของเมืองป่าหิน คุณก็ควรกลับไปที่ใดก็ตามที่คุณมา แทนที่จะมาก่อปัญหา !!!” เมลานโครอิคสไมล์กล่าวอย่างใจเย็น ขณะที่เธอกวาดสายตามองไปยังผู้เล่นที่อยู่ตรงหน้า
ตอนที่ 2570 ใกล้จะล่มสลายเพราะสงคราม สภาสิบแปดปีกที่บ้าคลั่ง
ในตอนแรกผู้เล่นในล๊อบบี้นั้นได้ให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับกลุ่มลึกลับที่หยวนเทียนซินได้เชิญมา และเมลานโครอิคสไมล์ก็ไม่ได้พยายามทำให้เสียงของเธอเบาลงเลย ดังนั้นหลังจากเธอประกาศไปแล้ว ความเงียบจึงเข้าปกคลุมไปทั่วล๊อบบี้ของโรงแรม ในขณะที่ทุกคนจ้องมองไปยังเธอด้วยความประหลาดใจ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?”
“คนพวกนั้นน่าจะเป็นตัวแทนจากมหาอำนาจต่างๆ แต่เธอยังกล้าจะพูดกับพวกเขาแบบนั้นอีกงั้นหรอ ?”
“มหัศจรรย์ !! มหัศจรรย์มากจริงๆ !! แม้แต่ตอนนี้สภาสิบแปดปีกก็ยังทำตัวหยิ่งผยอง !! ตั้งแต่ฉันเข้าร่วม God domain มา ฉันก็ไม่เคยเห็นกิลที่คิดฆ่าตัวตายแบบนี้มาก่อนเลย !!”
ไม่มีผู้เล่นคนใดที่เป็นคนโง่เขลา และแม้ว่าพวกเขาจะซ่อนตัวตนไว้ภายใต้เสื้อคลุมสีดำ แต่มันก็สามารถบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่าเหล่าคนที่หยวนเทียนซินเชิญมานั้นมาจากมหาอำนาจต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังดูเหมือนจะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับต้นๆของมหาอำนาจต่างๆด้วย เมื่อพิจารณาจากออร่าของพวกเขา
ตอนนี้ประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืดนั้นถูกเปิดใช้งานแล้ว และมันคงใช้เวลาอีกไม่นานก่อนที่ผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดจะเข้ามาท่วมท้นป่าใบไม้ผลิ ซึ่งนี่จะทำให้แผนที่เป็นกลาง เลเวลหนึ่งร้อยนั้นตกอยู่ในอันตรายมากๆเช่นเดียวกับเมืองป่าหิน
แต่ถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ สภาสิบแปดปีกก็ยังคงรักษาความหยิ่งผยองต่อหน้ามหาอำนาจต่างๆ นี่มันบ้ามากๆ !!!
“มิสเมลานโครอิค คุณทำ …” หยวนเทียนซินรู้สึกตกตะลึงจนแทบพูดไม่ออก
เขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นเลย !!!
ถ้าเขาไม่รู้ว่าเมลานโครอิคสไมล์เป็นผู้บริหารระดับสูงของสภาสิบแปดปีกที่ก้าวขึ้นมาถึงตำแหน่งนี้ได้ด้วยความสามารถของเธอ เขาคงจะสงสัยว่าเธอเป็นสายลับไปแล้ว การประกาศของเธอนั้นมันเป็นการท้าทายมหาอำนาจต่างๆชัดๆ และไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่มันจะนำไปสู่การกำจัดสภาสิบแปดปีกออกจากป่าใบไม้ผลิ
“นี่ความตั้งใจของสภาสิบแปดปีกคืออะไรกันแน่ เทียนซิน ?” สกอร์ชชิ่งไชน์ถามจากข้างหยวนเทียนซินด้วยท่าทางเย็นชา
เขาคาดเดาแล้วว่าโอกาสที่แผนของเขาจะประสบความสำเร็จนั้นต่ำมาก เพราะโรงแรมอิสระของเมืองป่าหินนั้นมันน่าดึงดูดใจเกินกว่าที่จะทำให้มหาอำนาจต่างๆยอมแพ้ อย่างไรก็ตามนั่นมันก็เป็นเหตุผลที่ศาลาลับไม่ต้องการให้มหาอำนาจต่างๆเข้ามายุ่งกับเมืองนี้เช่นกัน
แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้คำประกาศของเมลานโครอิคสไมล์ได้ทำลายแผนการของเขาทั้งหมด และปิดโอกาสในความสำเร็จทุกๆอย่างที่เขาคิดไว้
มันคงไม่มีใครแปลกใจถ้าตอนนี้มหาอำนาจต่างๆเลิกทำเป็นเสแสร้งต่อหน้าสภาสิบแปดปีก และเริ่มเคลื่อนไหวในทันที ไม่ต้องพูดถึงการเจรจาเลย ….
ครู่หนึ่งหยวนเทียนซินพูดไม่ออก ….
ป่าใบไม้ผลิในตอนนี้นั้นอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลมมากๆ แม้แต่มหาอำนาจต่างๆเองก็จะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการพัฒนาในพื้นที่ ไม่ต้องพูดถึงสภาสิบแปดปีกเลย ดังนั้นมันจึงไม่มีทางที่สภาสิบแปดปีกจะควบคุมเมืองป่าหินได้อย่างสมบูรณ์อีกแล้ว และมันจะจัดเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากแล้ว ถ้ากิลยังคงสามารถรักษาส่วนหนึ่งของเมืองไว้ได้
หยวนเทียนซินนั้นเคยทำงานกับซือเฟิงมาหลายครั้ง ดังนั้นเขาจึงพอจะรู้จักบุคลิกของนักดาบผู้นี้ในระดับหนึ่ง ชายคนนี้เป็นคนที่เกลียดการถูกบีบบังคับมากที่สุด และหากเขายืนยันว่าซือเฟิงจะต้องมอบส่วนแบ่งหุ้นของเมืองป่าหินมาเพื่อทำให้ตัวเองอยู่รอด การสนทนาระหว่างพวกเขาจะได้จบลงทันทีแน่นอน ดังนั้นหยวนเทียนซินที่รู้เรื่องนี้ดีจึงได้เลือกที่จะไม่ติดต่อกับซือเฟิงก่อนที่จะเจรจากับมหาอำนาจต่างๆ เพราะเขาคิดว่าเขาจะพยายามไปโน้มน้าวซือเฟิงทีหลัง เมื่อการเจรจาได้ข้อสรุปที่น่าพึงพอใจ เนื่องจากในสถานการณ์แบบนี้นั้นซือเฟิงน่าจะรู้ดีว่าสภาสิบแปดปีกจะต้องเสียสละหุ้นของเมืองป่าหินเพื่ออยู่รอด การจะรักษาการควบคุมทั้งหมดไว้มันเป็นไปไม่ได้แล้ว ….
อย่างไรก็ตามหยวนเทียนซินนั้นไม่คิดเลยว่าซือเฟิงจะโหดเหี้ยมมากพอที่จะส่งเมลานโครอิคสไมล์มาเพื่อดูหมิ่นและท้าทายมหาอำนาจต่างๆอย่างโจ่งแจ้ง คราวนี้เขาเป็นบ้าไปแล้วอย่างแน่นอน !!!
“ฮ่าๆๆ !!! นี่มันน่าสนใจจริงๆ !!! สภาสิบแปดปีกช่างเป็นกิลที่น่าประหลาดใจจริงๆ !!! แม้จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังคงแสดงความมั่นใจแบบนี้ออกมา ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมพวกเขาถึงกล้ายั่วยุมหาอำนาจต่างๆมากมายขนาดนี้ !!! ดูเหมือนว่าการมาเยือนเมืองป่าหินของฉันครั้งนี้จะไม่เสียเปล่าแล้ว !!!” ชายสูงอายุที่มีดวงตาสีแดงเข้มที่มีตราสัญลักษณ์ของจักรวรรดิชาโด้วเลสติดอยู่ที่หน้าอก และถือคทาสีแดงอยู่กล่าวพลางหัวเราะ
“ผู้อาวุโสลู่ นี่คุณคิดว่าสภาสิบแปดปีกแค่แสดงความกล้าหาญงั้นหรอ ?” อีวิลฉีหลินจากวังปีศาจที่ถือขวานสงครามที่แผ่ออร่าแปลกๆออกมากล่าวถามชายสูงอายุที่มีดวงตาสีแดงเข้มจากจักรวรรดิชาโด้วเลสที่เขาเรียกว่าผู้อาวุโสลู่ “ตอนนี้สภาสิบแปดปีกกำลังขุดหลุมฝังตัวเองด้วยการยั่วยุเราชัดๆ !!!”
“ฉันคิดว่าคุณยังคงมีความขุ่นเคืองใจที่แพ้แบล๊คเฟรมอยู่นะ ฉีหลิน !!!” ผู้อาวุโสลู่ที่มีดวงตาสีแดงเข้มยิงคำถามกลับพลางหัวเราะเบาๆ เมื่อได้ยินคำถามของอีวิลฉีหลิน
แต่อย่างไรก็ตามแทนที่จะเถียงเรื่องนี้กับผู้อาวุโสลู่ต่อ อีวิลฉีหลินกับยิ้มและพูดว่า “สถานการณ์บนเกาะดราก้อนฮาร์ทนั้นมันก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ตอนนี้เราอยู่ในป่าใบไม้ผลิ ยิ่งไปกว่านี่ยังไม่ใช่การต่อสู้แบบทีมเล็กๆในสนามรบ เรากำลังพูดถึงความขัดแย้งกับโลกอื่นทั้งหมด สภาสิบแปดปีกไม่ได้พยายามจะเอาชนะเรา แต่กับส่งบางคนมาถ่มน้ำลายใส่หน้าเรา ถ้านี่ไม่เรียกโง่เขลา แล้วมันเรียกว่าอะไร ?”
สมาชิกคนอื่นๆของวังปีศาจพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของอีวิลฉีหลิน
เนื่องจากสภาสิบแปดปีก ชื่อเสียงขอวังปีศาจบนเกาะดราก้อนฮาร์ทจึงได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง แต่สถานการณ์นี้มันแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ตอนนี้มีมหาอำนาจมากกว่าสิบกลุ่มมารวมตัวกันที่เมืองป่าหิน และแม้จะไม่รวมผู้เล่นจากโลกแห่งความมืด แต่พวกเขาก็มีผู้เล่นโดยรวมมากพอที่จะยุติการปกครองเมืองป่าหินของสภาสิบแปดปีกได้แน่นอน
แต่แทนที่จะเจรจาเพื่อสันติภาพ สภาสิบแปดปีกกับส่งตัวแทนออกมาตบหน้ามหาอำนาจต่างๆที่รวมกันมาอย่างโจ่งแจ้ง ถ้าพวกเขาไม่ได้โง่ พวกเขาก็ต้องบ้าไปแล้วแน่นอน !!!
หลังจากเงียบไปชั่วครู่ โทรเบิ้ลไทม์ก็ยิ้มออกมา ก่อนจะเดินไปหาเมลานโครอิคสไมล์อย่างไม่ลังเลใดๆ
“หญิงสาวจากสภาสิบแปดปีก เรามาที่นี่เพื่อจะก่อปัญหา คุณจะทำยังไงกับมันล่ะ ?” โทรเบิ้ลไทม์ถามขึ้นโดยเจตนาทำให้แน่ใจว่าผู้เล่นทุกคนในล๊อบบี้จะได้ยินเขา
เมื่อได้ยินคำพูดแกมข่มขู่ของโทรเบิ้ลไทม์ ความโกลาหลก็เข้าปกคลุมไปทั่วล๊อบบี้
“อะไรกัน ? นี่มหาอำนาจต่างๆจะสู้กับสภาสิบแปดปีกจริงๆงั้นหรอ ?”
“สภาสิบแปดปีกเรียกร้องเองนี่ แม้ว่าเราจะอยู่กันในเมืองป่าหิน แต่คุณคิดหรอว่ามหาอำนาจต่างๆจะยอมให้มีคนมาดูถูกพวกเขาโดยเจตนาแบบนี้ ?”
“สภาสิบแปดปีกนั้นจบสิ้นอย่างแท้จริงแล้วแน่นอนในคราวนี้ ตอนนี้พวกเขาไม่เพียงแต่จะต้องรับมือกับการรุกรานจากโลกแห่งความมืดเท่านั้น แต่พวกเขายังต้องเผชิญหน้ากับความโกรธเกรี้ยวของมหาอำนาจต่างๆอีกด้วย ผู้เชี่ยวชาญที่พึ่งจะเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกจะต้องเสียใจอย่างสุดซึ้งกับการตัดสินใจของพวกเขา”
สมาชิกของมหาอำนาจหลายคนต่างเริ่มสนทนากันเอง ขณะที่พวกเขาเฝ้ามองการสนทนาที่ตึงเครียด พวกเขานั้นแทบไม่เชื่อเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะทำแบบนี้ ไม่มีใครคาดคิดว่ากิลจะกล้ายั่วยุมหาอำนาจต่างๆแบบนี้ แม้ว่ากิลจะอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลมมากก็ตาม
ในขณะที่ทุกคนคิดว่าเมลานโครอิคสไมล์จะมีท่าทีตื่นตระหนกนั้น เธอกับยิ้มขึ้นมาแทน และตอบโทรเบิ้ลไทม์ไปว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้น สภาสิบแปดปีกก็จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลบพวกคุณออกไปจากป่าใบไม้ผลิ !!!”
อีกครั้งที่ล๊อบบี้กลับมาเงียบสงัดจนน่ากลัว ….
การตอบสนองของเมลานโครอิคสไมล์นั้นถึงกับทำให้โทรเบิ้ลไทม์ต้องตกตะลึง เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมเธอถึงกล้าทำมากขนาดนี้ ตอนนี้เธอควรจะร้องไห้และขอความเมตตาไม่ใช่รึไงกัน ?
“คราวนี้ดูเหมือนว่าสัญชาตญาณของคุณจะผิดนะอิลูซะรี่ ผู้หญิงคนนี้บ้าพอๆกับหัวหน้ากิลของเธอเลย ตอนนี้เธอได้ผลักดันให้สภาสิบแปดปีกไปอยู่ในจุดที่กู่ไม่กลับแล้ว ….” ชายผู้ดุร้ายจากจักรพรรดิคริมสันกล่าวอย่างเย้ยหยันความกล้าหาญของเมลานโครอิคสไมล์
แรกเริ่มนั้นตัวแทนของมหาอำนาจต่างๆก็ต้องการจะประกาศสงครามกับสภาสิบแปดปีกอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าพวกเขายังไม่พบเหตุผลดีๆก็เท่านั้น แต่ตอนนี้สภาสิบแปดปีกกับให้เหตุผลพวกเขาแล้ว ….
หลังจากนั้นชายผู้ดุร้ายก็มองไปยังอิลูซะรี่เวิร์ด และคิดว่าตัวเองจะได้เห็นรอยยิ้มขมขื่นของเธอ หลังจากที่เธอตัดสินสภาสิบแปดปีกผิดไป แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้เขากับมองเห็นว่าเธอกำลังสนใจอ่านข้อความที่เธอพึ่งได้รับมาอย่างมาก และหลังจากนั้นครู่หนึ่งเธอก็เงยหน้าขึ้น ก่อนที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆและบอกพรรคพวกของเธอว่า “สัญชาตญาณของฉันอาจจะผิด แต่คำประกาศของเธอไม่ได้เป็นเช่นนั้น !!!”
ตอนที่ 2571 ประหลาดใจอีกครั้ง และโรงแรมตกอยู่ในความโกลาหล
คำพูดของอิลูซะรี่เวิร์ดทำให้ชายผู้ดุร้ายจากจักรพรรดิคริมสันสับสน เธอหมายความว่ายังไงที่ว่าสัญชาตญาณของเธอนั้นผิดไป แต่เมลานโครอิคสไมล์นั้นไม่ ?
สถานการณ์ในปัจจุบันนั้นมันชัดเจนสำหรับทุกคนที่เห็น แล้วทำไมอิลูซะรี่เวิร์ดถึงบอกว่าเธอตัดสินสภาสิบแปดปีกผิดไป แล้วการตัดสินใจของเมลานโครอิคสไมล์จะถูกต้องได้อย่างไร ?
สภาสิบแปดปีกกำลังดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด และการไล่มหาอำนาจต่างๆให้ออกไปจากป่าใบไม้ผลิจากตำแหน่งของตัวเองในตอนนี้มันเป็นเรื่องตลกชัดๆ
“พูดตามตรงต้องบอกว่าสัญชาตญาณของฉันถูกต้องเพียงบางส่วนเท่านั้น” อิลูซะรี่เวิร์ดอธิบายพลางหัวเราะเบาๆให้กับท่าทางที่สับสนของชายผู้ดุร้าย “มันจะดีที่สุดถ้าคุณดูมันด้วยตัวเอง ฉันพึ่งได้รับข้อความนี้มาจากเกรซฟูลโมนาร์ช”
“เกรซฟูลโมนาร์ช ? มีบางอย่างไม่คาดคิดเกิดขึ้นที่ประตูเทเลพอร์ตงั้นหรอ ?” ชายผู้ดุร้ายเปิดข้อความที่อิลูซะรี่เวิร์ดส่งมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เกรซฟูลโมนาร์ชและเพอเพิ้ลรากษสนั้นต้องการจะเห็นประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืดและต้องการจะเข้าใจถึงพลังของกองทัพผู้รุกรานจากโลกแห่งความมืดอย่างชัดเจน ดังนั้นพวกเขาจึงปล่อยทั้งสองให้ไปดูที่สถานที่จริงด้วยตัวเอง นอกจากนี้สภาสิบแปดปีกยังส่งผู้เล่นไปที่นั่นแค่ไม่กี่คนเท่านั้น แถมหากส่งทั้งสองไปที่สถานที่จริง พวกเขาก็จะได้รับข่าวอย่างรวดเร็วหากมีอะไรเกิดขึ้น ….
ในความเห็นของเขา สภาสิบแปดปีกจะเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์เท่านั้นในการพยายามเจรจากับกองทัพของโลกแห่งความมืด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพวกเขาได้เห็นประโยชน์ของป่าใบไม้ผลิและเมืองป่าหินแล้ว ไม่ว่ากิลจะพยายามเสนออะไร ผลลัพธ์ก็จะไม่เปลี่ยนแปลงแน่นอน
การรักษาส่วนแบ่งเพียงเล็กน้อยของเมืองป่าหินไว้ให้ได้นั้นคือสิ่งที่ดีที่สุดที่สภาสิบแปดปีกจะหวังได้แล้ว กิลไม่ควรหวังจะได้รับอะไรไปมากกว่านั้น กองทัพผู้รุกรานจากโลกแห่งความมืดนั้นมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่าสามหมื่นคน ซึ่งมันไม่มีอำนาจใดที่จะยืนหยัดต่อต้านกองทัพผู้รุกรานแบบนี้ได้แน่นอน
ในขณะที่ชายผู้ดุร้ายอ่านข้อความจากเกรซฟูลโมนาร์ชอย่างละเอียด ผู้เล่นจำนวนมากก็เริ่มมารวมตัวกันที่โรงแรมอิสระ ซึ่งนี่รวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญอิสระจำนวนมากเช่นกันที่เข้ามาฟังสิ่งที่เมลานโครอิคสไมล์พูด
“นี่เธอได้รับข้อความอะไรมาผิดรึปล่าว ? การทำแบบนี้กับมหาอำนาจต่างๆมีแต่จะทำให้สภาสิบแปดปีกได้รับอันตรายยิ่งขึ้นไปอีกนะ และเมืองป่าหินอาจยืนหยัดอยู่ได้ไม่ถึงสามวันด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงหนึ่งอาทิตย์เลย” กาแล๊กซี่พาสที่พึ่งมาถึงล๊อบบี้อ้าปากค้างด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินคำพูดของเมลานโครอิคสไมล์ที่กล่าวกับตัวแทนของมหาอำนาจต่างๆ
ผู้เล่นทุกคนในเมืองนั้นล้วนให้ความสนใจกับสถานการณ์ปัจจุบันที่สภาสิบแปดปีกและป่าใบไม้ผลิต้องเผชิญอยู่อย่างมาก
แม้ว่าเรื่องที่มหาอำนาจต่างๆพยายามจะเคลื่อนไหวเพื่อจัดการและยึดครองเมืองป่าหินจะมีมานานแล้ว แต่กาแล๊กซี่พาสก็ยังคงมีช่วงเวลาที่ยากลำบากและยากจะเชื่อได้อยู่ดีว่าสภาสิบแปดปีกจะริเริ่มยั่วยุมหาอำนาจต่างๆกลับแบบนี้ …..
เขาเองก็รู้เช่นกันว่าสภาสิบแปดปีกจะไม่มีวันยอมก้มหัวต่อการบีบบังคับใดๆ โดยอาศัยเพียงแค่การเกลี้ยกล่อมเท่านั้น และเขาก็รู้ดีว่ากิลนั้นบ้าคลั่งมากๆและทำตัวไม่ต่างจากพวกที่ติดการพนัน และแม้ว่าการเดิมพันที่ผ่านมาของสภาสิบแปดปีกจะประสบความสำเร็จอย่างน่าอัศจรรย์ แต่คู่ต่อสู้ในปัจจุบันของพวกเขานั้นก็อยู่ในระดับที่แตกต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง หากสภาสิบแปดปีกเคลื่อนไหวต่อต้านมหาอำนาจต่างๆในตอนนี้ กิลมีแต่จะผลักตัวเองให้ไปสู่การล่มสลายเร็วขึ้นเท่านั้น
สภาสิบแปดปีกไม่ใช่กิลแบบที่เคยเป็นมาอีกต่อไป ตอนนี้กิลมีทรัพยากรเกือบเท่า และมีอาณาเขตมากพอๆกับมหาอำนาจต่างๆ หากกิลสามารถรักษาเสถียรภาพในเมืองป่าหิน และพัฒนาต่อไปได้อย่างสันติ กิลก็คงจะใช้เวลานานนักก่อนที่จะกลายเป็นมหาอำนาจที่แท้จริงใน God domain
ในขณะที่กาแล๊กซี่พาสกำลังคิดว่าการกระทำของเมลานโครอิคสไมล์นั้นน่าสับสน เหล่าสมาชิกของหัวใจปีศาจก็เริ่มหัวเราะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสียงหัวเราะของโทรเบิ้ลไทม์ที่ดังก้องไปทั่วล๊อบบี้ และเขาก็มองไปที่เมลานโครอิคสไมล์ราวกับเธอเป็นคนโง่
ความจริงแล้วเขาไม่ได้คาดหวังกับการพัฒนาแบบนี้ด้วยซ้ำ
ตอนแรกเขาคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะพยายามอธิบายว่าเธอเข้าใจข้อความผิด เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าเธอจะเลือกจะเผชิญหน้ากับมหาอำนาจต่างๆโดยตรงโดยไม่เปิดที่ว่างให้การเจรจา
ตอนนี้เมลานโครอิคสไมล์ได้สร้างความขุ่นเคืองให้กับมหาอำนาจต่างๆแล้ว และชื่อเสียงของพวกเขาจะได้รับผลกระทบอย่างมากแน่นอน หากพวกเขาไม่ตอบสนองอย่างเหมาะสม
“หญิงสาวจากสภาสิบแปดปีก คุณนี่ช่างกล้าหาญจริงๆ คุณต้องการจะไล่เราออกจากป่าใบไม้ผลิอย่างแท้จริง แต่แล้วถ้าเราเลือกจะเพิกเฉยต่อคำพูดของสภาสิบแปดปีกล่ะ ? คุณคิดว่าเราจะไม่จำกัดคุณเพียงเพราะสภาสิบแปดปีกเป็นกิลเดียวที่สามารถสร้างเมืองกิลในป่าใบไม้ผลิได้งั้นหรอ ?” โทรเบิ้ลไทม์ถามอย่างเย้ยหยัน พลางมองไปยังเมลานโครอิคสไมล์
เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นนั้น เขาก็ไม่รังเกียจที่จะเติมเชื้อไฟเข้าไปเพื่อให้แน่ใจว่าสภาสิบแปดปีกจะถูกลบออกไปจากป่าใบไม้ผลิแบบเบ็ดเสร็จ
ในท้ายที่สุดมันก็ยังจะต้องจบลงด้วยการต่อสู้สินะ ? หยวนเทียนซินอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นให้กับความกล้าหาญของเมลานโครอิคสไมล์
โดยส่วนตัวแล้วหยวนเทียนซินชื่นชมอนาคตของสภาสิบแปดปีก และความแข็งแก่งของซือเฟิง ยิ่งไปกว่านั้นศาลาลับก็ยังได้รับผลประโยชน์มาไม่น้อยจากการเป็นหุ้นส่วนกับกิล ดังนั้นเขาจึงต้องการจะช่วยสภาสิบแปดปีกทุกทางเท่าที่จะทำได้
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าความพยายามล่าสุดของเขาจะไร้ประโยชน์
ในขณะที่หยวนเทียนซินกำลังจะยอมแพ้และพยายามจะคิดหาวิธีอื่นในการจัดการกับมหาอำนาจต่างๆ เสียงจากผู้เล่นกลุ่มหนึ่งที่ปิดบังตัวตนไว้ใต้เสื้อคลุมสีดำก็ดังขึ้นไปทั่วล๊อบบี้ของโรงแรม
“เดี๋ยวก่อน มิสเมลานโครอิค เราไม่เหมือนกับมหาอำนาจอื่นๆ Battle Wolves อยู่ที่นี่ด้วยความหวังที่จะเป็นพันธมิตรกับสภาสิบแปดปีกเท่านั้น ฉันต้องการจะหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด …”
ทุกคนในล๊อบบี้หันไปมองยังต้นเสียงทันที
มันมีผู้เล่นหลายคนแยกตัวออกมาจากผู้เล่นคนอื่นๆ ก่อนที่พวกเขาจะถอดเสื้อคลุมสีดำออกเพื่อเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา ซึ่งชายวัยกลางคนที่นำกลุ่มผู้เล่นมาเป็นทีมเล็กๆนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากซีเรียส หนึ่งในสี่ราชันหมาป่าผู้ยิ่งใหญ่ของ Battle Wolves
“อึก !! Battle Wolves ก็มาด้วยงั้นหรอ ?!”
“แน่นอนเลยว่าผู้เล่นที่ปิดบังตัวตนไว้ใต้เสื้อคลุมสีดำเหล่านี้ล้วนมีภูมิหลังที่ทรงพลัง แต่นี่ซีเรียสกำลังพยายามจะทำอะไรกัน ? นี่เขาไม่ได้วางแผนที่จะกำหนดเป้าหมายมาที่เมืองป่าหินจริงๆงั้นหรอ ?”
“สภาสิบแปดปีกนี่โชคดีมากจริงๆ หรือกิลอาจมีความสัมพันธ์ลับๆกับ Battle Wolves ดังนั้น Battle Wolves จึงได้ตัดสินใจที่จะยอมแพ้ในการต่อสู้ครั้งนี้ ?”
การกระทำของซีเรียสนั้นทำให้ผู้เล่นในล๊อบบี้ตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดเลยว่า Battle Wolves ซึ่งเป็นซุเปอร์กิลนั้นจะยอมแพ้ในการแข่งขันเรื่องเมืองป่าหิน
Battle Wolves งั้นหรอ ?
แม้แต่หยวนเทียนซินก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับการกระทำของซีเรียส อย่างไรก็ตามเขาก็พอจะเข้าใจเหตุผลเบื้องหลังการกระทำนี้อยู่บ้าง
Battle Wolves และหัวใจปีศาจนั้นมีความบาดหมางและความแค้นที่ไม่สามารถจะแก้ไขกันได้แล้ว และเนื่องจากหัวใจปีศาจเลือกจะเคลื่อนไหวจัดการกับสภาสิบแปดปีก มันจึงเป็นเรื่องปกติที่ Battle Wolves จะต้องเข้ามายุ่ง ซึ่งการที่พวกเขาเลือกจะยืนข้างสภาสิบแปดปีกนี้ก็ต้องบอกเลยว่ามันมีเหตุผล
ในทางกลับกันโทรเบิ้ลไทม์และพรรคพวกของเขาที่เป็นสมาชิกของหัวใจปีศาจก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เมื่อได้ยินคำประกาศของซีเรียส เพราะท้ายที่สุดการกระทำแบบนี้มันบ่งบอกชัดเจนเลยว่าซีเรียสคิดว่า “ศัตรูของศัตรูก็คือมิตรของฉัน”
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่โทรเบิ้ลไทม์ และคนอื่นๆกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ ผู้เล่นอีกคนหนึ่งก็โผล่ออกมาจากฝูงชน
“สวัสดีมิสเมลานโครอิค จักรพรรดิคริมสันมาที่นี่เพื่อเจรจาเป็นพันธมิตรกับสภาสิบแปดปีกเช่นกัน นั่นคือความตั้งใจเดียวของเรา และผู้ที่พูดต่อต้านกิลของคุณเป็นแค่มหาอำนาจบางกลุ่มเท่านั้น พวกเขาไม่ได้มีผลต่อเจตนาของจักรพรรดิคริมสัน” อิลูซะรี่เวิร์ดประกาศ ขณะที่เธอก้าวมาข้างหน้า
ครู่หนึ่งทุกคนในล๊อบบี้นั้นล้วนเงียบลง ….
“เกิดอะไรขึ้น ? นี่จักรพรรดิคริมสันก็ยืนข้างสภาสิบแปดปีกด้วยงั้นหรอ ?”
ไม่เพียงแต่ Battle Wolves จะประกาศความตั้งใจที่จะยืนข้างสภาสิบแปดปีก แต่จักรพรรดิคริมสันเองก็เช่นกัน นี่มันทำให้ดวงตาของทุกคนแทบจะถลนออกจากเบ้า
“นี่จักรพรรดิคริมสันบ้าไปแล้วงั้นหรอ ?” โทรเบิ้ลไทม์จ้องมองไปยังอิลูซะรี่เวิร์ดและผู้ที่ติดตามเธอมาด้วยความสับสน
แม้ว่าเขาจะเข้าใจการตัดสินใจของ Battle Wolves แต่เขาก็ไม่สามารถจะเข้าใจสิ่งที่ผลักดันให้จักรพรรดิคริมสันทำแบบนี้ได้เลย
จักรพรรดิคริมสันนั้นไม่ได้เป็นทั้งเพื่อนและศัตรูกับสภาสิบแปดปีก และก่อนหน้านี้พวกเขาก็ไม่ได้แสดงการสนับสนุนหรือต่อต้านหัวใจปีศาจอย่างเปิดเผย แต่ตอนนี้พวกเขากับทำ สถานการณ์นี้มันทำให้หลายคนสับสนมากๆ
แน่นอนว่าแม้ว่าการที่ทั้งสองกิลยืนข้างสภาสิบแปดปีกมันจะเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด แต่มันก็ยังจะไม่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวม
อย่างไรก็ตามก่อนที่ใครจะทันได้หายตกตะลึงนั้น มันก็มีผู้เล่นอีกหลายกลุ่มที่เปิดเผยตัวตนออกมา และพูดขึ้นในทำนองเดียวกันกับทั้งสองกิล
“จักรวรรดิชาโด้วเลสนั้นปราถนาที่จะเจรจาเป็นพันธมิตรกับสภาสิบแปดปีกเช่นกัน และเรามาที่นี่พร้อมกับกลุ่มนี้ด้วยคำเชิญจากผู้อาวุโสหยวน หญิงสาวจากสภาสิบแปดปีกโปรดอย่าตีความเจตนาของเราผิด” ผู้อาวุโสลู่ที่มีดวงตาสีแดงเข้มจากจักรวรรดิชาโด้วเลสเดินออกมาพูดกับเมลานโครอิคสไมล์
“คุณพูดซะพวกเราดูเป็นตัวร้ายเลยนะผู้อาวุโสลู่ คุณทำให้ดูเหมือนว่าวังปีศาจนั้นมีเหตุผลอื่นในการมาที่นี่” อีวิลฉีหลินรีบกล่าวออกมาในทำนองคล้ายกัน เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของจักรวรรดิชาโด้วเลส ก่อนที่เขาจะกลอกตามองไปยังผู้อาวุโสที่มีดวงตาสีแดงเข้ม
หลังจากตัวแทนจากจักรวรรดิชาโด้วเลส และวังปีศาจประกาศความปราถนาของพวกเขาที่ต้องการจะเจรจาเป็นพันธมิตร และต้องการสันติภาพแล้ว ตัวแทนอื่นๆนอกเหนือจากหัวใจปีศาจ และสตาร์ลิ้ง นั้นก็ทำเช่นเดียวันโดยการยืนยันกับเมลานโครอิคสไมล์ว่าพวกเขาอยู่ที่นี่เพื่อเจรจาเป็นพันธมิตรกับกิลเธอเท่านั้น ไม่มีอย่างอื่นแอบแฝง
สมาชิกของมหาอำนาจ และผู้เล่นอิสระหลายคนในล๊อบบี้ของโรงแรมอิสระต่างก็ตกตะลึง เมื่อได้เห็นฉากนี้
“มันเกิดอะไรขึ้น ?”
“นี่สภาสิบแปดปีกทำอะไรไปกัน ?”
แม้แต่หยวนเทียนซินและโทรเบิ้ลไทม์ก็ยังมองดูฉากนี้ด้วยปากที่อ้ากว้าง พวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเช่นกัน ….
ตอนที่ 2572 สั่นสะเทือนเมืองป่าหิน ความมืดที่หายไป
สถานการณ์นี้เองก็ทำให้เมลานโครอิคสไมล์สับสนเช่นกัน นี่ไม่ต้องพูดถึงหยวนเทียนซินหรือโทรเบิ้ลไทม์เลย
เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ตัวแทนของมหาอำนาจต่างๆเหล่านี้ล้วนเงียบไปทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขากับแผ่ออร่าอันทรงพลังจำนวนมากออกมา และไม่ได้ปิดบังความตั้งใจที่จะเป็นพันธมิตรกับสภาสิบแปดปีก
ตอนนี้พวกเขาแสดงท่าทีที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ….
ก่อนที่โทรเบิ้ลไทม์จะทันได้พูดอะไรกับตัวแทนเหล่านี้ ก็มีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาหยุดเขาจากความตั้งใจใดๆที่เขาจะทำ ซึ่งมือนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากมือของเฟรมมิ่งไลท์ และนี่มันทำให้โทรเบิ้ลไทม์เต็มไปด้วยความสับสนมากๆ
“พวกเราจะกลับ !!” เฟรมมิ่งไลท์กล่าวพลางหันหลังกลับ ก่อนที่เขาจะเหลือบมองครั้งสุดท้ายไปที่เมลานโครอิคสไมล์ และเดินออกจากโรงแรมอิสระไปโดยไม่พูดอะไรอีก เขาไม่ได้พยายามจะเอาคืนมหาอำนาจต่างๆแต่อย่างใด
“นี่เราจะปล่อยให้สภาสิบแปดปีกหลุดจากเบ็นงั้นหรอ ? รองหัวหน้ากิล …” โทรเบิ้ลไทม์กระซิบกับเฟรมมิ่งไลท์
พวกเขานั้นพยายามอย่างมากในการรวมกลุ่มมหาอำนาจมากมาย และเมื่อรวมกับกองทัพของโลกแห่งความมืดแล้ว แม้ว่าเมืองป่าหินจะเป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลางแล้ว แต่มันก็จะไม่ต่างไปจากปลาที่อยู่บนเขียงแน่นอน
มหาอำนาจส่วนใหญ่ที่พวกเขารวบรวมมาอาจล้มเลิกแผนการที่จะโจมตีเมืองป่าหิน แต่พวกเขาก็น่าจะยังสร้างปัญหามากพอที่จะทำให้สภาสิบแปดปีกสูญเสียโชคลาภอย่างมหาศาล และเร่งการล่มสลายของเมืองได้ด้วยพลังของหัวใจปีศาจ สตาร์ลิ้ง และทีมนักผจญภัยที่ไมโทโลจี้ควบคุมอยู่ แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถทำลายเมืองป่าหินลงได้ทันทีเลยก็ตาม ….
“ไอ้โง่ !! นี่นายคิดว่ามหาอำนาจเหล่านั้นจะเปลี่ยนใจโดยไม่มีเหตุผลรึไง ?!” เฟรมมิ่งไลท์คำราม ขณะที่เขาจ้องมองไปยังโทรเบิ้ลไทม์
“พวกเขาค้นพบข้อมูลที่ไม่คาดคิดบางอย่างงั้นหรอ ?”โทรเบิ้ลไทม์เริ่มตระหนักได้ถงหลายสิ่งเมื่อเฟรมมิ่งไลท์บ่นเขา
“มหาอำนาจเหล่านั้นล้วนเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ และมันไม่มีข่าวทั่วไปใดที่จะทำให้พวกเขาเปลี่ยนข้างไปเป็นจำนวนมากขนาดนี้ในเวลาเดียวกันได้แน่นอน มันต้องมีบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นกับโลกแห่งความมืด …” เฟรมมิ่งไลท์กล่าวบ่นและคาดเดา
“มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับโลกแห่งความมืด ? เป็นไปได้ยังไง ?” โทรเบิ้ลไทม์อดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความสงสัยมากขึ้น เมื่อได้ยินการคาดเดาของเฟรมมิ่งไลท์
โลกแห่งความมืดนั้นเป็นที่อยู่ของพวกที่บ้าการต่อสู้ ซึ่งผู้แข็งแกร่งล้วนตกเป็นเหยื่อของผู้อ่อนแอทั้งหมด
โดยหากผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดต้องการจะเข้ามายังป่าใบไม้ผลิ มันก็ไม่ควรจะมีมหาอำนาจใดที่จะสามารถหยุดพวกเขาได้ ไม่เว้นแม้แต่เฟรมมิ่งไลท์ ผู้รับผิดชอบในการเปิดประตูเทเลพอร์ต
“ฉันยังไม่แน่ใจ บางทีฉันอาจจะคิดมากเกินไป …” เฟรมมิ่งไลท์พูดพลางส่ายหัว ในความเป็นจริงเขาก็คิดว่าการคาดเดาของเขามันยากจะเป็นจริงเช่นกัน “เราจำเป็นจะต้องเร่งส่งคนไปตรวจสอบทันที”
“งั้นฉันจะรีบติดต่อผู้อาวุโสฮาร์ททันที !!!” โทรเบิ้ลไทม์กล่าวพลางพยักหน้า
แม้ว่าเฟรมมิ่งไลท์และผู้ติดตามของเขาจะออกจากโรงแรมอิสระไปแล้ว แต่ภายในล๊อบบี้ก็ยังคงเต็มไปด้วยความเงียบ ในขณะที่เหล่าสมาชิกของกิลขนาดใหญ่ต่างๆรวมไปถึงผู้เล่นอิสระที่เฝ้าดูอยู่ต่างก็ยังพูดไม่ออก
ทุกอย่างนั้นเปลี่ยนไปอย่างกระทันหันมากๆ ….
สองวินาทีก่อนหน้านี้ มหาอำนาจต่างๆล้วนเตรียมพร้อมที่จะชักอาวุธเพื่อประกาศสงครามกับสภาสิบแปดปีก แต่ในในช่วงเวลาต่อมา พวกเขากับแสดงเจตจำนงที่จะเป็นพันธมิตรกับกิลแทน ….
ฝูงชนที่เฝ้าชมอยู่ถึงกับเริ่มสงสัยแล้วว่า ผู้เล่นเหล่านี้ใช่ตัวแทนจากมหาอำนาจต่างๆจริงไหม !!!
“มันเกิดอะไรขึ้นกัน ? เทียนซิน ทำไมมหาอำนาจต่างๆจึงมีพฤติกรรมแบบนี้ ?”
สกอร์ชชิ่งไชน์ถามโดยที่เขาไม่สามารถสะกดความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองได้อีกต่อไป
“นี่ …” ในตอนนี้หยวนเทียนซินเองก็รู้สึกสับสน เขาก็อยากรู้เช่นกันว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไป ….
หยวนเทียนซินนั้นพยายามจะหาคำตอบสำหรับคำถามของสกอร์ชชิ่งไชน์ และเขาก็ได้สังเกตเห็นว่าเขาพึ่งได้รับข้อความจากเพอเพิ้ลเจดเมื่อไม่นานมานี้
นี่สภาสิบแปดปีกทำอะไรบางอย่างไปงั้นหรอ ? หยวนเทียนซินเริ่มตระหนักได้ถึงบางอย่าง เมื่อเขาเห็นข้อความ
เมื่อเขาได้ยินมาว่าสภาสิบแปดปีกได้ส่งกองกำลังจำนวนหนึ่งไปที่ประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืดอย่างบ้าคลั่ง เขาก็ได้ส่งเพอเพิ้ลเจดไปเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ และเนื่องจากเธอส่งข้อความมาถึงเขา เขาจึงสามารถคิดได้เพียงอย่างเดียวว่าสภาสิบแปดปีกจะต้องทำอะไรบางย่างไปที่ประตูเทเลพอร์ตแน่นอนจนมันนำมาสู่การพัฒนาที่ไม่คาดคิดนี้ และตัวแทนของมหาอำนาจอื่นๆเองก็คงได้รับข่าวเช่นกันซึ่งมันก็ทำให้ความคิดของพวกเขาเปลี่ยนไปทันที
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าสภาสิบแปดปีกจะทำอะไรไป ผลลัพธ์แบบนี้มันก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ !!! หยวนเทียนซินรู้สึกว่าหลายอย่างมันผิดปกติ เขาจึงรีบเปิดข้อความของเพอเพิ้ลเจดอ่านทันที
เมื่อเขาอ่านข้อความจากเพอเพิ้ลเจดจบ เขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆจนไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังไง
“เทียนซินมันเกิดอะไรขึ้น ? คุณตัดการเชื่อมต่อไปงั้นหรอ ?” สกอร์ชชิ่งไชน์ถาม เมื่อเขาเห็นสีหน้าเรียบเฉยของเพื่อนเขา
แม้ว่าคำถามของสกอร์ชชิ่งไชน์จะทำให้หยวนเทียนซินหายจากอาการนี้ แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พึ่งจะอ้าปากพูดแบบตะกุกตะกักได้ว่า “พวกเขาชนะแล้ว !!! สภาสิบแปดปีกชนะ ..แล้วจริงๆ !!!”
“สภาสิบแปดปีกชนะ ? ชนะอะไร ?” สกอร์ชชิ่งไชน์ถามด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้
“สภาสิบแปดปีกเอาชนะโลกแห่งความมืดได้แล้ว !!!” หลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆหยวนเทียนซินก็อธิบายอย่างชัดเจนว่า “สภาสิบแปดปีกพึ่งเอาชนะโลกแห่งความมืดได้ที่ประตูเทเลพอร์ต !!!”
“ชนะโลกแห่งความมืด ?” พฤติกรรมที่ดูประหลาดของหยวนเทียนซินทำให้สกอร์ชชิ่งไชน์งุนงง เพราะท้ายที่สุดแล้วหยวนเทียนซินนั้นพูดอะไรที่ไม่ค่อยจะปะติดปะต่อกันเลย
นี่เขาเป็นอัลไซเมอร์รึปล่าว ?
ชั่วขณะหนึ่งสกอร์ชชิ่งไชน์คิดว่าอาจถึงเวลาที่เขาต้องแนะนำให้หัวหน้ากิลให้วันพักร้อนกับหยวนเทียนซินสักหน่อย
“โทษทีไชน์ ฉันขอโทษด้วย ฉันตื่นเต้นเกินไป …” หยวนเทียนซินขอโทษ เมื่อเขารู้ว่าสกอร์ชชิ่งไชน์กำลังมองมายังเขาเหมือนคนป่วยทางจิต เขาอธิบายอย่างขำๆว่า “ไม่กี่นาทีที่ผ่านมาสภาสิบแปดปีกได้นำกองกำลังอัศวินขั้นสามขับไล่กองทัพผู้รุกรานจากโลกแห่งความมืดได้แล้ว ดอร์นโดมิแน้นซ์ซึ่งเป็นหัวหน้ากิลของเวิร์ลโดมิเนชั่น และตัวแทนของโลกแห่งความมืดได้ประกาศการล่าถอยต่อหน้าสาธารณะ และสภาสิบแปดปีกได้เข้าควบคุมประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืดไว้ได้อย่างสมบูรณ์ !!!”
“สภาสิบแปดปีกเอาชนะกองทัพของโลกแห่งความมืดได้ ? นี่คุณกำลังล้อเล่นกับฉันงั้นหรอเทียนซิน ?” สกอร์ชชิ่งไชน์ถามหยวนเทียนซินอย่างไม่เชื่อ
เนื่องจากหยวนเทียนซินไม่ได้ควบคุมเสียงของเขา ทุกคนในล๊อบบี้จึงได้ยินเขาอย่างชัดเจน และความโกลาหลก็ปะทุขึ้นในหมู่ผู้เล่นในล๊อบบี้ทั้งหมดทันที โดยบางคนถึงขนาดพูดว่าหยวนเทียนซินนั้นพยายามจะพูดบลัฟอะไรโง่ๆ
ไม่มีมหาอำนาจใดๆใน God domain ที่จะสามารถยืนหยัดต่อสู้กับกองทัพผู้รุกรานจากโลกแห่งความมืดได้
แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะมี NPC ขั้นสามไว้ภายใต้การบังคับบัญชามากมาย แต่จำนวนมันก็อยู่ระหว่างหกร้อยเท่านั้น การพยายามจะหยุดผู้เล่นขั้นสามมากกว่าสามหมื่นคน ด้วย NPC ขั้นสามจำนวนแค่นี้มันเป็นเรื่องตลกชัดๆ และแม้ว่ากิลจะรวบรวมผู้เล่นขั้นสามทุกคนที่ตัวเองมีไปด้วย แต่กิลก็ไม่ควรมีหวังที่จะหยุดกองทัพผู้รุกรานจากโลกแห่งความมืดได้
นอกจากนี้มหาอำนาจต่างๆที่มีถิ่นฐานอยู่ในโลกแห่งความมืดนั้นก็ยังค่อนข้างมีบางอย่างพิเศษด้วย และหากพวกเขาเปิดเผยไพ่ของตัวเองออกมา พวกเขาก็น่าจะสามารถจัดการกับผู้เล่นทุกคนในป่าใบไม้ผลิได้ด้วยซ้ำ และด้วยความแข็งแกร่งแบบนี้ สภาสิบแปดปีกจะสามารถเอาชนะกองทัพผู้รุกรานได้ยังไง ?
“ฉันรู้ว่าคุณคงไม่เชื่อฉัน นี่ เอาไปดูด้วยตาตัวเองเลย … นี่คือวีดีโอการต่อสู้ที่เพอเพิ้ลเจดบันทึกมา” หยวนเทียนซินพูดพลางส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
หยวนเทียนซินเองก็คิดว่าเรื่องนี้มันไม่น่าเชื่ออย่างมากเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามเมื่อหลักฐานทุกอย่างถูกนำมากองตรงหน้าของเขาแล้ว เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับความจริง
หลังจากนั้นสกอร์ชชิ่งไชน์ก็ดูวีดีโอที่หยวนเทียนซินส่งมาให้เขา
เงียบสงัด !!
ตกตะลึง !!
“นี่ … เป็นไปได้ยังไงกัน ?!” สกอร์ชชิ่งไชน์แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง
พวกเขากำลังพูดถึงผู้เล่นระดับผู้เชี่ยวชายหลายล้านคน !!
นอกจากนี้เขายังเห็นมอนสเตอร์อัญเชิญขั้นสี่อีกหลายโหล และองครักษ์ส่วนตัวขั้นสามอีกหลายพันคน !!!
แต่แม้จะมีพลังแบบนี้ กองทัพผู้รุกรานจากโลกแห่งความมืดก็ยังประสบกับความพ่ายแพ้ ….
หลังจากวีดีโอจบลงไม่นาน ผู้เล่นกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาในล๊อบบี้ของโรงแรมอิสระด้วยความเร่งรีบและตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
“ข่าใหญ่ทุกคน !! ข่าวใหญ่มากๆ !! สภาสิบแปดปีกเพิ่งขับไล่กองทัพผู้รุกรานจากโลกแห่งความมืดได่สำเร็จและเข้าควบคุมประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืดได้อย่างสมบูรณ์แล้ว !!!”
ตอนที่ 2573 เมืองป่าหินที่กลับมาได้รับความนิยมอย่างมหาศาล
เมื่อกลุ่มที่พึ่งเข้ามาในโรงแรมอิสระได้ประกาศข่าวชัยชนะของสภาสิบแปดปีกในการขับไล่กองทัพผู้รุกรานจากโลกแห่งความมืดอย่างตื่นเต้น ผู้เล่นที่ตอนแรกรู้สึกสงสัย และไม่เชื่อในคำพูดของหยวนเทียนซินต่างก็แทบพูดไม่ออก
“อะไรกัน ?! มันคือเรื่องจริงงั้นหรอ ?!”
“สภาสิบแปดปีกชนะได้ยังไง !!? เรากำลังพูดถึงกองทัพผู้เล่นระดับผู้เชี่ยวชาญจากโลกอื่นทั้งโลกนะ !!!”
ความจริงที่ว่าศาลาลับถือหุ้นบางส่วนของเมืองป่าหินนั้นมันไม่ใช่ความลับอีกต่อไป ดังนั้นมันจึงมีโอกาสที่หยวนเทียนซินจะโกหกเพื่อเพิ่มชื่อเสียง และช่วยสภาสิบแปดปีก
อย่างไรก็ตามสำหรับกลุ่มผู้เล่นที่พึ่งมาถึงนั้นมันเป็นเรื่องราวที่แตกต่างออกไป สมาชิกทุกคนในกลุ่มนั้นล้วนเป็นผู้เล่นอิสระ และก็มีจำนวนหนึ่งที่เป็นสมาชิกของทีมนักผจญภัยชั้นยอดที่ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆกับสภาสิบแปดปีกในเมืองเลย ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงถือว่าข่าวนี้ค่อนข้างจะเชื่อถือได้
ที่สำคัญที่สุดคือพอได้ยินข่าวนี้นั้น มันก็ทำให้หลายคนหาเหตุผลที่มหาอำนาจต่างๆเปลี่ยนแปลงทัศนคติอย่างกะทันหันเกี่ยวกับสภาสิบแปดปีกได้ทันที
แม้ว่าผู้เล่นหลายคนจะยังคงสงสัยในข่าวนี้โดยคิดว่ามันเป็นเรื่องโกหก หรือพูดเกินจริง แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจะหาเหตุผลอื่นใดนอกจากเรื่องนี้ได้ที่มันเปลี่ยนแปลงทัศนคติของมหาอำนาจต่างๆไปอย่างกะทันหัน และเมื่อคิดมาถึงตรงนี้นั้น ทุกคนในล๊อบบี้ก็เริ่มเชื่อกันทั้งหมด ก่อนที่หลายคนจะมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข
หากปราศจากการแทรกแซงของมหาอำนาจต่างๆ และด้วยการป้องกันกับความได้เปรียบเชิงภูมิประเทศของเมืองป่าหิน แม้แต่ผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดก็ยังจะต้องใช้เวลานานมากในการจะยึดเมืองให้ได้ ในขณะเดียวกันผู้เล่นที่อาศัยอยู่ในเมืองป่าหินแบบพวกเขาเองก็จะสามารถเก็บเร็วได้อย่างปลอดภัยและรวดเร็วกว่าผู้เล่นที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในเมืองป่าหิน
“โชคดีที่เราไม่ได้ทำอะไรผลีผลามไป ฉันไม่คิดเลยว่ารากฐานของสภาสิบแปดปีกจะน่ากลัวขนาดนี้ …. ตอนนี้เฟรมมิ่งไลท์ รองหัวหน้ากิลหัวใจปีศาจคงได้เสียใจกับการกระทำของตัวเองแน่ๆ” ชายผู้ดุร้ายจากจักรพรรดิคริมสันกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น
เหตุผลหลักที่มหาอำนาจต่างๆกลัวหัวใจปีศาจอย่างมากคือกุญแจสำคัญที่เฟรมมิ่งไลท์ครอบครองอยู่ ซึ่งมันทำให้เขาสามารถเปิดประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืดได้ทุกที่ที่เขาต้องการ ถ้าไม่ใช่เพราะชายคนนี้ หัวใจปีศาจก็คงไม่ได้พัฒนาไปอย่างราบรื่นในจักรวรรดินักบุญทั้งสิบแน่นอน
เฟรมมิ่งไลท์นั้นตั้งใจจะใช้ไพ่เด็ดนี้เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของหัวใจปีศาจ และยับยั้งมหาอำนาจต่างๆของจักรวรรดินักบุญทั้งสิบ แต่ตอนนี้แผนการของเขาได้ถูกทำลายลงไปทั้งหมดแล้ว
ในความเป็นจริงไพ่เด็ดของเฟรมมิ่งไลท์นั้นได้ทำให้สภาสิบแปดปีกได้รับผลประโยชน์อย่างมหาศาล ซึ่งนี่มันช่วยเพิ่มทั้งชื่อเสียงและโชคลาภของกิลอย่างมากจริงๆ !!!
มันคงจะใช้เวลาไม่นานนักแน่นอน ก่อนที่ข่าวความพ่ายแพ้ของโลกแห่งความมืดจะแพร่กระจายไปทั่วทั้งทวีปหลัก และเมื่อเป็นเช่นนั้นทุกคนก็จะได้เรียนรู้และรู้จักกับสภาสิบแปดปีก เพราะท้ายที่สุดแม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็ยังไม่สามารถจะบรรลุความสำเร็จแบบนี้ได้เลย แต่สภาสิบแปดปีกกับทำได้สำเร็จ แม้ว่ากิลจะอาศัย NPC ขั้นสามจำนวนมากในการทำเช่นนั้น แต่ NPC เหล่านี้ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของรากฐานความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีก
นอกจากนี้เมื่อประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืดตกอยู่ภายใต้การควบคุมของสภาสิบแปดปีก แม้แต่ผู้เล่นทั่วไปก็จะรู้ได้เลยว่าชัยชนะครั้งนี้จะนำมาสู่ยุคแห่งอำนาจของกิล และมันคงไม่มีใครแปลกใจถ้ากิลจะกลายเป็นมหาอำนาจทันที
และผู้ที่ทำให้สภาสิบแปดปีกได้รับโอกาสนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากรองหัวหน้ากิลหัวใจปีศาจ เฟรมมิ่งไลท์ ….
“ถูกต้อง หากปราศจากความช่วยเหลือจากโลกแห่งความมืด หัวใจปีศาจจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากแน่นอนในการขยายอิทธิพลในจักรวรรดินักบุญทั้งสิบ” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวเห็นด้วยพลางพยักหน้า
หัวใจปีศาจได้จ่ายอย่างมหาศาลเพื่อดำเนินการตามแผนนี้ แต่พวกเขากับต้องกลับบ้านไปแบบไม่ได้อะไรเลย
ประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืดนั้นน่าจะกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนในทวีปหลัก อย่างไรก็ตามตอนนี้สภาสิบแปดปีกได้เข้าควบคุมประตูเทเลพอร์ตไว้ได้แล้ว และกิลก็ได้แสดงความตั้งใจอย่างชัดเจนที่จะเรียกเก็บเงินจากผู้เล่นทุกคนที่ต้องการจะใช้ประตูเทเลพอร์ต ซึ่งสิ่งนี้ก็จะช่วยลดการเข้ามาของผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดลงไปได้อย่างมาก และในทางกลับกัน มันจะลดจำนวนพันธมิตรที่มีศักยภาพของหัวใจปีศาจลงอย่างมาก
เว้นแต่ว่ากิลสายความมืดกิลนี้จะต้องการเผชิญหน้ากับมหาอำนาจต่างๆของจักรวรรดินักบุญทั้งสิบ ไม่งั้นพวกเขาก็จะต้องรักษาโปรไฟล์ของตัวเองให้ต่ำไว้เป็นระยะเวลาพอสมควร
“ครั้งนี้เธอทำได้ดีมากอิลูซะรี่ …. เนื่องจากเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดเกือบจะทำผิดพลาดอย่างร้ายแรง ตอนนี้หัวหน้ากิลจึงยึดอำนาจส่วนใหญ่ในกิลกลับมาได้แล้ว และหัวหน้ากิลก็ส่งข้อความมาสั่งให้คุณเป็นตัวแทนของจักรพรรดิคริมสัน ในการเจรจากับสภาสิบแปดปีก นอกจากนี้มันจะเป็นการดีที่สุดหากคุณสามารถเช่าห้องพักระยะยาวของโรงแรมอิสระได้สักจำนวนหนึ่ง แล้วก็ไม่ต้องกังวลกับเรื่องเงินหรือวัสดุที่จำเป็นเลย” ชายผู้ดุร้ายกล่าวแสดงความยินดีกับเพื่อนของเขา
“คำขอของหัวหน้ากิลนั้นค่อนข้างจะยุ่งยากอย่างมาก …. ตอนนี้สภาสิบแปดปีกเอาชนะโลกแห่งความมืดได้แล้ว ดังนั้นมันจึงจะมีมหาอำนาจจำนวนมากพยายามเช่าห้องพักของโรงแรมอิสระแน่นอน ….” อิลูซะรี่เวิร์ดบ่นพลางยิ้มอย่างไม่มั่นใจ
เมื่อป่าใบไม้ผลิปลอดภัยจากภัยคุกคามของโลกแห่งความมืดแล้ว เมืองป่าหินจึงกลับมาเป็นดินแดนศักสิทธิ์อีกครั้งหนึ่ง และในไม่ช้า มันก็จะกลายเป็นดินแดนศักสิทธิ์สำหรับเหล่ามหาอำนาจต่างๆรวมไปถึงผู้เล่นอิสระในทวีปด้านตะวันออกแน่นอน และเมื่อเป็นแบบนี้การเข้าเมืองให้ได้ก็จะเป็นความท้าทายมากแล้ว นับประสาอะไรกับการเช่าห้องพักในโรงแรมอิสระ ….
ไม่นานหลังจากการประชุมของมหาอำนาจต่างๆที่ล๊อบบี้ชั้นหนึ่งของโรงแรมอิสระได้บทสรุป ข่าวความพ่ายแพ้ของโลกแห่งความมืดก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งทวีปหลัก และเมื่อพวกเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์นี้กัน กิลขนาดใหญ่ต่างๆก็เริ่มเสียใจที่ตัดสินใจละทิ้งเมืองป่าหินออกมา
“อึก !! มันเป็นไปได้ยังไงกัน ?!”
“สภาสิบแปดปีกนั้นยอดเยี่ยมมากจริงๆ !!! แม้แต่ผู้เล่นจากโลกอื่นทั้งหมดก็ยังไม่สามารถจะสู้กับกิลได้ แล้วใครกันจะสามารถยืนหยัดต่อต้านกิลได้ ?”
“เมืองป่าหิน ? ดูเหมือนจะเป็นสถานที่ที่ดีในการพัฒนา”
เมื่อกิลขนาดใหญ่ต่างๆรวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญอิสระจากอาณาจักรและจักรวรรดิต่างๆได้รู้ข่าวเกี่ยวกับชัยชนะของสภาสิบแปดปีก พวกเขาหลายคนก็เริ่มคิดจะย้ายฐานปฎิบัติการไปที่เมืองป่าหิน
นอกเหนือจากข้อเท็จจริงที่ว่าเมืองป่าหินนั้นตั้งอยู่ในแผนที่เป็นกลาง เลเวลหนึ่งร้อยแล้ว ความจริงที่ว่ากองทัพผู้รุกรานจากโลกแห่งความมืดไม่สามารถสั่นคลอนรากฐานของสภาสิบแปดปีกได้ มันก็ทำให้เมืองมีคุณค่าอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะท้ายที่สุดมันจะทำให้ชาวเมืองไม่มีใครต้องกังวลว่าจะสูญเสียฐานปฎิบัติการของตัวเองไปอย่างกะทันหันหรือมีมหาอำนาจอื่นมาเข้ายึดครองซึ่งจะทำให้การลงทุนทั้งหมดของพวกเขาไร้ประโยชน์ ความกังวลนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้เล่นหลายคนเลือกจะพัฒนาตัวเองในเมือง NPC มากกว่าเมืองกิล
อย่างไรก็ตามตอนนี้สภาสิบแปดปีกได้ยืนยันถึงความแข็งแกร่งของตัวเองแล้ว ดังนั้นเสถียรภาพของเมืองป่าหินจึงไม่ใช่เรื่องน่ากังวลแล้ว และอย่างน้อยที่สุด มันก็จะต้องใช้เวลานานมากกว่าที่มหาอำนาจใดๆจะสามารถทำอันตรายกับเมืองได้ และสำหรับผู้เล่น ช่วงเวลานี้มันก็มากเกินพอสำหรับพวกเขาที่จะได้รับสิ่งที่ลงทุนไปในเมืองกลับมา
ในช่วงเวลาหนึ่ง ผู้เล่นจากอาณาจักรและจักรวรรดิต่างๆได้เข้ามารวมตัวกันที่เมืองป่าหิน และจำนวนประชากรที่หลั่งไหลเข้ามาในเมืองนั้นมันก็มากกว่าตอนที่เมืองพึ่งถูกอัพเกรดเป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลางถึงสิบเท่า ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเริ่มมีผู้เล่นจำนวนมากมาสมัครเข้าสภาสิบแปดปีก โดยมีผู้เชี่ยวชาญรวมมากกว่าสองล้านคนมาสมัครเข้าสภาสิบแปดปีกในสาขาต่างๆ และหลายคนในหมู่ผู้เล่นเหล่านี้ก็สามารถจะไปถึงชั้นห้าของหอคอยทดสอบได้ด้วย
ซึ่งนี่มันทำให้เสวี่ยเหวินโหรว อควาโรส และพวกระดับบริหารคนอื่นๆของสภาสิบแปดปีกต่างเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ
ไม่ว่าในอดีต พวกเขาจะจัดการกับสภาสิบแปดปีกได้ดีเพียงใด แต่มันก็ไม่เคยมีผู้เชี่ยวชาญรวมจำนวนมากขนาดนี้มาสมัครเข้าสภาสิบแปดปีกเลย แต่หลังจากการต่อสู้เพียงครั้งเดียวทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ….
“หัวหน้ากิล ประชากรผู้เล่นของเมืองป่าหินทะลุแปดล้านคนแล้ว และฉันเชื่อว่ามันจะยังคงมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแน่นอน เราควรเพิ่มค่าเข้าเมืองสักหน่อย …” อควาโรสถามด้วยความสุข หลังจากได้อ่านรายงานสถิติล่าสุด
สงครามกับโลกแห่งความมืดนั้นได้สิ้นสุดลงไม่ถึงครึ่งวัน แต่จำนวนผู้เล่นของเมืองป่าหินกับเพิ่มขึ้นจากน้อยกว่าสองล้านคนเป็นมากกว่าแปดล้านคน จำนวนผู้เล่นที่มาเยี่ยมชมเมืองนั้นมันเกินความคาดหมายอย่างสิ้นเชิง
“ ไม่ ลืมเรื่องการเพิ่มค่าเข้าไปได้เลย เรายังต้องการให้ผู้เล่นอิสระจำนวนมากเข้ามาปักหลักในเมืองป่าหิน อย่างไรก็ตามเราสามารถจะเพิ่มราคาเช่าห้องพักของโรงแรมอิสระได้ โดยห้องธรรมดาจากเดิมสามสิบเหรียญเงินต่อวัน ให้เพิ่มเป็นหนึ่งเหรียญทองต่อวัน โดยสมาชิกระดับทองแดงจะได้รับส่วนลดสิบเปอเซ็นต์ สมาชิกระดับเงินจะได้รับส่วนลดยี่สิบเปอเซ็นต์ และสมาชิกระดับทองจะได้รับส่วนลดสามสิบเปอ
เซ็นต์” ซือเฟิงตัดสินใจพลางหัวเราะเบาๆ
มันไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ได้มาฟรี เนื่องจากมหาอำนาจต่างๆต้องการจะให้ผู้เชี่ยวชาญของพวกเขาพัฒนาให้เร็วที่สุด ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องสุภาพ เพราะท้ายที่สุดตอนนี้เขาจนอย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว เนื่องมาจากเพื่อทำให้กองอัศวินของเขาแข็งแกร่งขึ้น เขาได้ใช้เงินแทบทั้งหมดที่มีแต่เดิมไปแล้ว ….
“ฉันเข้าใจ” การกำหนดราคาของซือเฟิงนี้ทำให้อควาโรสประหลาดใจ เพราะแม้แต่กับผู้เชี่ยวชาญทั่วไป หนึ่งเหรียญทองต่อวันก็ยังจัดว่าเป็นราคาสูงมาก “อ่าใช่แล้วหัวหน้ากิล ตัวแทนจากดาร์ครัปโซดี้และเดียตี้โซไซตี้ได้ติดต่อฉันมาและบอกว่าพวกเขาต้องการจะพูดคุยกับหัวหน้าเกี่ยวกับข้อเสนอที่หัวหน้าเสนอไปก่อนหน้านี้ พวกเขาถามมาว่าหัวหน้าจะว่างไปคุยกับพวกเขาเมื่อไหร่ ?”
ตอนที่ 2574 หอคอยเทพโบราณ
เมืองป่าหิน ห้องรับรองชั้นบนสุดของโรงแรมอิสระ :
บลูเรนโบว์จากดาร์ครัปโซดี้ และผู้อาวุโสโกลด์จากเดียตี้โซไซตี้กำลังนั่งอยู่บนโซฟา และมันก็มีความเงียบที่น่าอึดอัดเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาในห้องรับรองที่กว้างขวางและหรูหรา ในขณะที่เมจิคแฟลช และ ฟอเร้สต์ที่นั่งอยู่ข้างๆพวกเขาก็รู้สึกว่าจิตใจของตัวเองว้าวุ่นมากๆ
นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายเกินไป !!
พวกเขาคิดว่าการพบกันครั้งก่อนของพวกเขากับซือเฟิงจะเป็นครั้งสุดท้าย และพวกเขาจะไม่ต้องเจอกันอีก พวกเขาคิดว่าความคิดของซือเฟิงที่ต้องการจะเป็นหุ้นส่วนกับกิลของพวกเขานั้นมันไม่มีอะไรมากไปกว่าความคิดที่ได้แค่ปราถนาเท่านั้น
อย่างไรก็ตามไม่ถึงสองวันหลังจากการพบกันครั้งสุดท้าย พวกเขาก็ได้มาออกตามหานักดาบอีกครั้ง
ในขณะเดียวกันซือเฟิงได้เปลี่ยนคำประกาศที่ดูราวกับคนบ้าของเขาให้กลายเป็นความจริง โดยที่เขาสามารถเข้าควบคุมประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืดที่เป็นเส้นชีวิตของโลกแห่งความมืดไว้ได้ หากมหาอำนาจกลุ่มใดในโลกแห่งความมืดหรือผู้เล่นคนใดต้องการจะเคลื่อนไหวต่อ และเร่งการพัฒนา พวกเขาก็จะต้องเดินทางเข้ามายังป่าใบไม้ผลิ
อย่างไรก็ตามการเรียกเก็บค่าใช้ประตูเทเลพอร์ตของสภาสิบแปดปีกนั้นมันเรียกว่าการปล้นกันกลางวันแสกๆชัดๆ กิลเรียกเก็บเงินเป็นคริสตัลแห่งความมืดหนึ่งชิ้น หรือคริสตัลเวทย์มนต์ค่าสถานะที่มีค่าเท่ากันหนึ่งชิ้นต่อคน ….
คริสตัลเวทย์มนต์ค่าสถานะนั้นหายากกว่าคริสตัลเวทย์มนต์ทั่วไปมาก และผู้เล่นสายความมืดก็ต้องการคริสตัลแห่งความมืดเพื่อเติบโต ที่จริงต้องบอกว่าพวกเขาต้องการมันอย่างมาก และแม้แต่มหาอำนาจต่างๆของโลกแห่งความมืดก็ยังแทบมีคริสตัลแห่งความมืดไม่พอใช้ด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงเหล่าผู้เล่นอิสระเลย แต่สภาสิบแปดปีกก็โหดร้ายมากพอที่จะเรียกเก็บคริสตัลแห่งความมืดเป็นค่าใช้ประตูเทเลพอร์ต
ที่แย่กว่านั้นคือพวกเขาไม่สามารถจะทำอะไรได้ และไม่สามารถเอาชนะสภาสิบแปดปีกได้ ….
เพื่อควบคุมประตูเทเลพอร์ตให้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ สภาสิบแปดปีกได้สร้างบาเรียเวทย์มนต์ถาวรขึ้นรอบๆมันเหนือจากนั้นพวกเขาก็ประจำการเรือเหาะมังกรสีเลือดสองลำ หุ่นกลผู้พิทักษ์ระดับทองแดงแปดตัว อัศวินขั้นสามหกร้อยคน และอัศวินขั้นสอง สองพันคนไว้เพื่อเฝ้าประตู ซึ่งการป้องกันที่สภาสิบแปดปีกตั้งขึ้นรอบๆประตูเทเลพอร์ตนั้นมันจัดว่าน่ากลัวมากๆ ….
ต่อให้ส่งกองทัพผู้เชี่ยวชาญขั้นสามสองหมื่นคนมาก็ยังไม่สามารถจะทำอะไรกับการรักษาความปลอดภัยที่สูงแบบนี้ได้ ไม่ต้องพูดถึงการลอบผ่านเลย ….
ทางเลือกเดียวที่ผู้มาจากโลกแห่งความมืดจะสามารถทำได้คือมอบค่าใช้ประตูเทเลพอร์ตให้กับสภาสิบแปดปีกอย่างเชื่อฟัง
หลังจากที่บลูเรนโบว์และคนอื่นๆรออยู่สักพัก ประตูห้องรับรองก็ถูกเปิดขึ้นอย่างกระทันหัน และแบล๊คเฟรม หัวหน้ากิลของสภาสิบแปดปีกก็เดินเข้ามา เขาคือสัตว์ประหลาดที่สามารถขับไล่กองทัพผู้เล่นหลายล้านคนได้
อย่างไรก็ตามซือเฟิงนั้นดูเหมือนเป็นคนที่แตกต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงในตอนนี้
เมื่อเขายืนอยู่หน้าประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืด เขาได้แผ่ออร่าที่น่าทึ่งและทรงพลังมากๆออกมา ซึ่งมันทำให้ทุกคนที่อยู่ต่อหน้าเขาหวาดกลัว แต่ตอนนี้พวกเขากับไม่สามารถตรวจจับออร่าของชายคนนี้ได้เลยราวกับว่าเขาเป็นเพียงผู้เล่นทั่วไป นี่มันคล้ายกับการพบกันครั้งแรกของบลูเรนโบว์และคนอื่นๆกับนักดาบคนนี้เลย เพราะตอนนี้นักดาบคนนี้นั้นดูเหมือนจะไม่มีอันตรายใดๆ
อย่างไรก็ตามแทนที่จะดูถูกใดๆซือเฟิง ตอนนี้พวกเขากับมองไปยังซือเฟิงด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
พวกเขาไม่ได้ให้ความสนใจกับซือเฟิงมากนัก ในระหว่างการเจอกันครั้งสุดท้ายกับชายคนนี้ แต่ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถจะทำแบบนั้นได้ เพราะซือเฟิงตอนนี้นั้นให้ความรู้สึกราวกับเป็นภูเขาใหญ่ที่ใครก็ไม่สามารถก้าวข้ามได้เลย
ในขณะที่บลูเรนโบว์และผู้อาวุโสโกลด์เริ่มยืนขึ้นเพื่อทักทายเขา ซือเฟิงก็แสดงท่าทางให้พวกเขานั่งลง และไม่ต้องมีพิธีการอะไรมากนัก จากนั้นเขาก็เดินมานั่งลงด้านตรงข้าม ก่อนจะยิ้มและถามว่า “ฉันได้ยินมาว่าพวกคุณได้บอกหัวหน้ากิลของพวกคุณถึงข้อเสนอของฉันแล้ว กิลของพวกคุณต้องการจะร่วมมือกับสภาสิบแปดปีกอย่างไร ?”
เมจิคแฟลชและฟอเร้สต์นั้นอดไม่ได้ที่จะกลอกตาเมื่อได้ยินคำถามของซือเฟิง คำประกาศของเขา และข้อเสนอของเขาแทบจะสลักลึกลงไปในกระดูกของหัวหน้ากิลพวกเขาด้วยซ้ำในตอนนี้ และพวกเขาก็จะจดจำมันไปตลอดชีวิต
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ข้อเสนอของคุณนั้นสร้างความพึงพอใจให้กับหัวหน้ากิลของเรามาก และเขาได้ระบุมาว่าตราบใดที่สภาสิบแปดปีกยินดีจะยกเว้นค่าใช้ประตูเทเลพอร์ตให้กับสมาชิกกิลของเราทั้งหมด เราจะช่วยให้บริษัทการค้าแสงเทียนสามารถสร้างตัวเองขึ้นในเมือง NPC สำคัญของโลกแห่งความมืดได้ คุณคิดว่ายังไง ?” บลูเรนโบว์ถาม
แม้ว่าทั้งสองกิลของพวกเขาจะไม่เต็มใจที่จะยอมรับเงื่อนไขของซือเฟิง แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น เพราะหากพวกเขาปฎิเสธไม่ยอมรับเงื่อนไขความต้องการของซือเฟิง กิลของพวกเขาจะยิ่งเสียเปรียบมากขึ้นมากในป่าใบไม้ผลิ เมื่อเวลาผ่านไป ….
“ยกเว้นค่าใช้ประตูเทเลพอร์ตงั้นหรอ ?” หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว ซือเฟิงก็พูดว่า “ได้ แต่ฉันอยากจะตั้งร้านสาขาของบริษัทการค้าแสงเทียนในเมือง NPC ทุกเมืองของโลกแห่งความมืดด้วย แน่นอนว่าสภาสิบแปดปีกจะจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายที่จำเป็นเอง กิลทั้งสองของพวกคุณจำเป็นต้องจัดการเรื่องที่ดินให้เราเท่านั้น”
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม คุณกำลังร้องขอในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ โลกแห่งความมืดนั้นมีขนาดใหญ่กว่าจักรวรรดิโบราณของทวีปหลักด้วยซ้ำ แม้ว่ากิลทั้งสองของเราจะแข็งแกร่งที่สุดสามอันดับแรกในโลกแห่งความมืด แต่เราก็ควบคุมโลกแห่งความมืดจริงๆได้เพียงส่วนเล็กๆเท่านั้น เราไม่มีกำลังคนและทรัพยากรมากพอที่จะรับประกันการตั้งสาขาร้านค้าของบริษัทการค้าแสงเทียนในทุกเมือง NPC ได้” ผู้อาวุโสโกลด์กล่าวพลางส่ายหัวด้วยรอยยิ้มขมขื่น
ดาร์ครัปโซดี้ เดียตี้โซไซตี้ และเวิร์ลโดมิเนชั่น นั้นดูเหมือนจะมีอิทธิพลอย่างมากต่อโลกแห่งความมืด แต่มันไม่สามารถจะพูดได้ว่าพวกเขาควบคุมโลกแห่งความมืดไว้ได้ทั้งหมด ….
ในโลกแห่งความมืด ผู้เล่นนั้นสามารถจะควบคุมเมือง NPC ได้บางส่วน และเมื่อควบคุมได้นั้น มันก็จะเป็นเรื่องยากมากที่ผู้อื่นจะเข้ามายุ่มย่ามในเมืองของพวกเขาได้ และสาเหตุนี้เองมันก็ทำให้กิลสามอันดับแรกที่แข็งแกร่งที่สุดแทบไม่ต้องกังวลว่าจะเจอกับการยั่วยุของกิลหรือผู้เล่นคนอื่นๆ
และหากให้พูดง่ายๆก็คือ แค่การตั้งบริษัทการค้าแสงเทียนขึ้นในเมือง NPC ขนาดใหญ่ที่สำคัญทุกเมืองของโลกแห่งความมืดนั้นก็จัดเป็นเรื่องที่ท้าทายมากแล้ว
ทั้งสองกิลนั้นจะต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้การต่อรองทั้งหมดในแต่ละเมืองเป็นไปได้อย่างดี แต่สำหรับข้อเรียกร้องล่าสุดของซือเฟิงนั้นต่อให้มีเวิร์ลโดมิเนชั่นมาร่วมด้วย มันก็ยังเป็นได้แค่ความฝันเท่านั้น
“อีกอย่างหนึ่ง มีบางอย่างที่เราต้องแจ้งให้คุณทราบหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม” บลูเรนโบว์กล่าว “เนื่องจากการกระทำของคุณที่ประตูเทเลพอร์ต มันจึงทำให้มหาอำนาจที่ทรงพลังต่างๆของโลกแห่งความมืดเกลียดชังสภาสิบแปดปีกอย่างมาก ด้วยเหตุนี้กิลทั้งสองของเราจึงต้องรับความเสี่ยงมากเช่นกันจากการเป็นพันธมิตรกับคุณ ยิ่งไปกว่านั้นหัวใจปีศาจยังได้เดินต่างเข้าสู่โลกแห่งความมืดมาเพื่อแอบชักชวนให้มหาอำนาจต่างๆเข้าร่วมเป็นพันธมิตร พวกเขาวางแผนที่จะท้าทายหอคอยเทพโบราณในโลกแห่งความมืด”
“โดยหอคอยเทพโบราณนี้มันมีความพิเศษมากๆ และมันอยู่มาตั้งแต่ในยุคที่โลกแห่งความมืดพึ่งถูกสร้างขึ้น และมันก็มีข่าวลือว่ามันเชื่อมโยงกับโลกอื่นๆนับพัน ซึ่งมันก็ยังไม่มีใครสามารถเคลียร์การทดสอบของหอคอยได้ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้เล่นแข็งแกร่งขึ้น มหาอำนาจต่างๆก็เริ่มจะสามารถเปิดใช้บางส่วนของมันได้ แม้จะยังไม่ทั้งหมดก็ตาม ซึ่งหากเป็นแบบนั้นมหาอำนาจต่างๆของโลกแห่งความมืดก็อาจมาถึงที่ทวีปหลักได้โดยไม่ต้องใช้ประตูเทเลพอร์ตที่คุณควบคุมอยู่ โดยพวกเขาน่าจะสามารถทำแบบนั้นได้โดยผ่านโลกอื่น”
อควาโรสและเสวี่ยเหวินโหรวซึ่งยืนอยู่ด้านหลังของซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินข่าวนี้ หากสิ่งที่บลูเรนโบว์พูดมาเป็นความจริง นี่มันก็หมายความว่าสิ่งที่พวกเขาพยายามมาเพื่อเข้าควบคุมประตูเทเลพอร์ตจะไร้ประโยชน์งั้นหรอ ?
“หอคอยเทพโบราณ ?” ซือเฟิงค่อนข้างคุ้นเคยชื่อนี้จากชีวิตที่ผ่านมาของเขา
หอคอยเทพโบราณนั้นเชื่อมต่อกับโลกอื่นนับพัน นอกจากนี้หอคอยนี้มันก็ยังเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้โลกแห่งความมืดได้รับการยอมรับว่าเป็นโลกพิเศษใน God domain อย่างไรก็ตามในชีวิตที่ผ่านมาของเขานั้นไม่มีใครสามารถเข้าควบคุมประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืดได้ ดังนั้นมหาอำนาจต่างๆในโลกแห่งความมืดจึงไม่ได้สนใจจะท้าทายหอคอยเทพโบราณ เพราะท้ายที่สุดการจะเปิดใช้มันให้ได้จริงๆนั้นเป็นเรื่องยากมากๆ
แน่นอนว่าผู้ในปัจจุบันก็ไม่มีความหวังที่จะเปิดใช้งานหอคอยเทพโบราณทั้งหมดเช่นกัน แต่การเปิดใช้งานบางส่วนก็น่าจะทำได้
“ใช่แล้ว มหาอำนาจต่างๆของโลกแห่งความมืดได้หันมาสนใจหอคอยเทพโบราณแล้ว และหัวใจปีศาจเองก็มีข้อมูลกับทรัพยากรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย ฉันคิดว่ามันคงจะใช้เวลาอีกไม่นานก่อนที่มหาอำนาจต่างๆจะรวมตัวกันเรียบร้อยและเริ่มท้าทายหอคอยเทพโบราณ” บลูเรนโบว์กล่าวพลางพยักหน้า
คริสตัลแห่งความมืดหนึ่งชิ้นต่อคนเป็นค่าใช้ประตูเทเลพอร์ตนั้นจัดเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก และจะไม่มีใครยอมจ่ายแน่นอน ถ้าไม่จำเป็น ….
“จะเป็นยังไงถ้าฉันช่วยให้พวกคุณสามารถเข้าควบคุมหอคอยเทพโบราณได้ในระยะเวลาอันสั้น ?” ซือเฟิงถาม
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น