Reincarnation Of The Strongest Sword God 2741-2743

 ตอนที่ 2741 จิตใจที่แข็งแกร่ง


ภายในทางเดินที่มืดมิด ซือเฟิงได้เดินตรงเข้ามาเป็นเวลาห้านาทีแล้ว ก่อนที่เขาจะมาถึงห้องโถงที่สว่างไสว ….


โดยห้องโถงนี้มีขนาดเท่ากับสนามบาสเก็ตบอลและไม่มีการตกแต่งใดๆ ห้องโถงนี้มีแสงที่เรืองแสงออกมาจากผนังห้องซึ่งมันช่วยส่องสว่างไปทั่วห้อง เมื่อเดินเข้ามาในห้องโถงนี้ ซือเฟิงก็รู้สึกราวกับว่าเขาพึ่งเดินเข้ามาในพื้นที่สีขาว


นี่คือเส้นทางจิตที่พวกเขาพูดถึงงั้นหรอ ?


ซือเฟิงรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย เมื่อเขาเห็นบันไดที่ทอดลงไปที่ปลายอีกด้านของห้องโถง


เหตุผลที่ทำให้เขาประหลาดใจคือเขามีความรู้สึกคุ้นเคยกับบันไดนี้มากๆ ซึ่งนี่มันทำให้เขาแปลกใจ แต่เขาก็จำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน


บันไดทำด้วยหินสีขาวเหมือนหยกทั้งหมด ทำให้รู้สึกถึงความศักสิทธิ์และความสะดวกสบายที่คล้ายกับแสงแดดในฤดูหนาว และสายลมในฤดูร้อน ยิ่งไปกว่านั้นความรู้สึกมันก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งเขาเข้าใกล้บันไดมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งมีความต้องการจะพุ่งเข้าหามันมากขึ้น


ขณะที่ซือเฟิงก้าวเท้าลงไปที่บันไดสีขาวนี้ ความรู้สึกสบายที่ไม่อาจจะพรรณนาได้ก็ได้แผ่ไปทั่วร่างกายของเขา ครู่หนึ่งเขารู้สึกราวกับว่าเขาได้เกิดใหม่


อย่างไรก็ตามในทันทีหลังจากนั้น เขาก็รู้สึกราวกับว่ามีคนเอาค้อนมาทุบเข้าที่สมองของเขา ความคิดของเขากลายเป็นตื้อไปชั่วขณะ และเขาก็รู้สึกราวกับว่าวิญญาณของเขากำลังจะหลุดออกจากร่างเขา ซือเฟิงเริ่มเดินโซซัดโซเซ ขณะที่เขาเริ่มสูญเสียการควบคุมร่างกายไปชั่วขณะ ….


ดังนั้น นี่ก็คือเส้นทางจิตงั้นสินะ ? หลังจากกลับเข้ามาในห้องโถง ซือเฟิงก็จ้องมองไปที่บันไดสีขาวด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ความแข็งแกร่งของการทำร้ายจิตใจของที่นี่มันน่ากลัวยิ่งกว่ารูปปั้นศักสิทธิ์ของเมืองไลท์ฟอร์จซะอีก ไม่น่าแปลกใจเลยที่บริษัทกรีนก๊อดจะจำกัดอายุไว้ต่ำกว่ายี่สิบปี !!!


หากดีไวน์วิลจากรูปปั้นศักสิทธิ์ของเมืองไลท์ฟอร์จเปรียบได้กับพายุที่โจมตีทั้งร่างกายของคนๆหนึ่ง งั้นการทำร้ายจิตใจของบันไดสีขาวนี้ก็เหมือนกับค้อนที่ทุบกระหน่ำลงมาอย่างแม่นยำและไร้ความปราณีที่ส่วนลึกที่สุดของสมอง


พลังการทำร้ายจิตใจของบันไดสีขาวนี้มันสูงกว่าดีไวน์วิลอย่างมาก


ในช่วงเวลาที่ซือเฟิงกำลังประหลาดใจกับเรื่องนี้ เหล่าผู้มาใหม่ของบริษัทกรีนก๊อดก็ได้ทยอยเดินเข้ามาในห้องโถงทีละคน


“คนๆนั้นยังคงอยู่ที่นี่ตามที่คาดไว้ ….”


“แน่นอนสิ เขาคิดว่าเส้นทางจิตมันจะผ่านไปได้ง่ายๆรึไง ? ถ้ามันผ่านกันง่ายขนาดนั้นคงไม่มีเพียงแค่สามถึงห้าคนจากผู้สมัครนับพันๆหรอกที่ได้รับสิทให้ผ่านเข้าไปอยู่ใน Upper Zone แต่ละปี”


“ฉันสงสัยจังว่า ฉันจะไปได้ไกลแค่ไหน ?”


เมื่อเหล่าผู้มาใหม่เห็นซือเฟิงยังคงยืนเฉยอยู่ต่อหน้าเส้นทางจิต พวกเขาก็ไม่ได้พบว่าปฎิกิริยาของซือเฟิงนั้นน่าแปลกใจเลย


เมื่อพวกเขาก้าวเท้าลงไปบนบันไดสีขาวครั้งแรก พวกเขาก็ตกใจกับพลังของมันมากเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นต้องบอกเลยว่ามันเป็นครั้งแรกที่หลายคนได้เผชิญหน้ากับการทำร้ายจิตใจที่น่ากลัวมากๆ และมันก็เจ็บมากๆ แต่ผู้ที่โดนกลับไม่สามารถจะกรีดร้องออกมาได้


ถ้าเป็นไปได้พวกเขาก็ไม่อยากจะสัมผัสกับความรู้สึกแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สอง


“อย่างไรก็ตามพวกหน้าใหม่บางคนในครั้งนี้อาจจะผ่านมันไปได้นะ ….” หญิงสาววัยสิบเก้าปีในชุดขาวกล่าว เมื่อมองไปที่บันไดสีขาวเธอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างหมดหนทาง และพูดต่อว่า “ถ้าเทียบกันแล้ว นี่มันเป็นโอกาสสุดท้ายของฉันแล้ว ถ้าฉันไม่สามารถผ่านมันไปได้ในตอนนี้ ฉันจะสามารถอาศัยอยู่ได้แค่ในเมืองเท่านั้น”


“คุณกำลังพูดถึงเรื่องการลงทะเบียนพิเศษใช่ไหม ?” เด็กสาวผมยาวในวัยใกล้เคียงกันพูด ขณะที่เธอมองไปยังเด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดปีที่มีผมสั้นใกล้ๆ “ช่างเป็นคนที่น่ากลัวมากๆ !!! บริษัทพึ่งจะคัดเลือกเขาเข้ามาแค่ไม่กี่เดือน แต่เขาก็สามารถมาเข้าร่วมการประเมินได้แล้ว เหล่าผู้บริหารของบริษัทนั้นประเมินเขาไว้สูงมาก นี่มันทำให้ฉันสงสัยจริงๆว่าหัวของเขาทำจากหินรึไง ? เขาไม่ได้แสดงปฎิกิริยาใดๆต่อการทำร้ายจิตใจเลย ….”


“จะมีใครซะอีกล่ะ ?” หญิงสาวในชุดขาวกล่าวตอบโต้ เมื่อเธอมองไปที่เด็กหนุ่มผมสั้นร่างผอมด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉา “ถ้าฉันมีพรสวรรค์ได้สักครึ่งหนึ่งของเขา ฉันก็คงจะผ่านเส้นทางจิตนี้ไปได้ง่ายๆเลย”


“คนแบบเขาจะได้กลายเป็นสมาชิกภายในของบริษัทแน่นอน และหน้าตาเขาก็ดีเหมือนกันนะ ….” เด็กสาวผมยาวเลียริมฝีปากของเธอ ขณะที่พูดเรื่องนี้ “ฉันได้ยินมาว่าเขายังไม่มีแฟน หากเราฉวยโอกาสนี้ไว้ เราก็อาจจะมีโอกาสเข้าสู่ Upper Zone ได้เช่นกัน”


ขณะที่ผู้หญิงสองคนนี้กำลังกระซิบพูดคุยกัน เด็กหนุ่มผู้ที่ตกเป็นหัวข้อการพูดคุยก็เริ่มก้าวลงไปที่บันไดสีขาว


ช่วงเวลาต่อมาเด็กหนุ่มผู้นี้ก็ค่อยๆก้าวลงบันไดไปทีละก้าวด้วยความเร็วที่สม่ำเสมอ และตั้งแต่ต้นเขาก็ไม่ได้แสดงอาการตอบสนองต่อการทำร้ายจิตใจของเส้นทางจิตเลย และพูดกันตามตรงมันเหมือนกับว่าการทำร้ายจิตใจของเส้นทางจิตนั้นไม่มีจริงสำหรับเขาด้วยซ้ำ


ท่าทีของเด็กหนุ่มผู้นี้ทำให้พวกเขาที่เฝ้าดูอยู่ในห้องโถงอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจอย่างมาก


“ไม่มีทางน่า !! เขาไม่ได้แสดงปฎิกิริยาใดๆเลย !!!”


“นี่สมองของเขาทำจากเหล็กรึไงกัน ?!”


เมื่อเห็นเด็กหนุ่มผู้นี้ยังคงไม่สะทกสะท้านใดๆ แม้จะเดินลงมาเกินหนึ่งร้อยเมตรแล้ว เหล่าผู้มาใหม่ที่อยู่ในห้องโถง และซือเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ ด้วยความสามารถขนาดนี้ มาตราฐานค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขาก็น่าจะอยู่ในขั้นสี่แล้วใน God domain


ซือเฟิงนั้นเข้าใจอย่างชัดเจนถึงการทำร้ายจิตใจของบันไดสีขาว และคนปกติทั่วไปจะไม่มีใครสามารถทนมันได้แน่นอน


อย่างไรก็ตามเด็กหนุ่มผู้นี้กับไม่มีปฎิกิริยาใดๆต่อการทำร้ายจิตใจนี้เลย ซึ่งมันแสดงให้เห็นได้ชัดว่านี่ยังอยู่ในขอบเขตความอดทนของจิตใจเด็กหนุ่มผู้นี้


แม้แต่ไวโอเล็ตคลาวด์ก็ยังไม่ได้มีความแข็งแกร่งทางจิตที่น่ากลัวขนาดนี้เลย ….


“ฮี่ๆ ตกใจใช่ไหม ?” เครุยที่พึ่งจะมาถึงห้องโถงหัวเราะคิกคัก เมื่อเห็นเด็กหนุ่มผมสั้นค่อยๆเดินก้าวไปเรื่อยๆ “ฉันบอกแล้วว่าให้ระวัง เส้นทางจิตนี้มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คุณคิด สำหรับเด็กหนุ่มคนนั้นที่คุณมองดูเขาอยู่ เขามีชื่อว่าหยานหวู่หมิง เขาเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่น่ากลัวที่บริษัทกรีนก๊อดได้ค้นหามานาน และบริษัทก็ถือว่าตัวเขานั้นเป็นคนที่มีพรสวรรค์สูงที่สุดในช่วงสองถึงสามทศวรรษที่ผ่านมา และแม้แต่ฉันกับพี่สาวของฉันก็ยังเทียบกับเขาไม่ได้เลย”


“หยานหวู่หมิง ?” ซือเฟิงเริ่มนึกถึงบางสิ่งบางอย่าง “เขาคือหยานหวู่หมิงงั้นหรอ ?”


“ถูกต้อง เขาคือหยานหวู่หมิง มันมีอะไรงั้นหรอ ?” เครุยรู้สึกสับสน ขณะที่เธอมองไปยังสีหน้าประหลาดใจของซือเฟิง


ฉันเข้าใจหล่ะ … นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขาสูงมากนี่เอง ซือเฟิงคิดพลางหัวเราะเบาๆ


ทุกคนใน God domain ในชีวิตที่ผ่านมาของเขาล้วนรู้จักฉายาของหยานหวู่หมิง


Invincible Swallow!


เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในสายอาชีพนักเวทย์ที่สามารถร่ายเวทย์ได้อย่างง่ายดายเหมือนกับพูดปกติ เขานับเป็นเจ้าแห่งเวทย์มนต์อย่างแท้จริง และในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิง ใน God domain นั้น เขาก็ได้ต่อสู้ PvP กับผู้เล่นคนอื่นๆมานับไม่ถ้วน และเขาก็ไม่เคยพ่ายแพ้เลย แม้แต่สัตว์ประหลาดเก่าแก่ที่แท้จริงของซุเปอร์กิลบางกิลก็ยังทนต่อการโจมตีของเขาได้ไม่เกินสามการเคลื่อนไหวด้วยซ้ำ


เมื่อ Invincible Swallow อยู่ในจุดสูงสุดของเขา มันมีเพียงผู้เชี่ยวชาญขั้นหก ขอบเขตพระเจ้าที่อยู่เหนือกว่าเขาหนึ่งขั้นเท่านั้นที่มีโอกาสจะต่อต้านเขาได้ เพียงแต่ว่าจำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นหกในเกมตอนนั้นสามารถนับได้ด้วยมือเดียวเลย ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาทั้งหมดยังเข้าใจยากอย่างไม่น่าเชื่อ และการจะค้นหาพวกเขาสักคนให้เจอก็ยากมากๆแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการไปขอดวลกับพวกเขาเลย


ในขณะเดียวกัน เมื่อ Invincible Swallow ไปถึงขั้นหก เขาก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย และไม่มีใครรู้ถึงสาเหตุการหายตัวไปของเขาเช่นกัน


การหายตัวไปของ Invincible Swallow ในตอนนั้นมันทำให้เกิดความปั่นป่วนอย่างมาก มันมีข่าวลือว่าแม้แต่บริษัทกรีนก๊อดก็ยังค้นหาเขาอย่างบ้าคลั่ง อย่างไรก็ตามมันก็ไม่มีใครเจอตัวเขาเลย


เรื่องนี้มันชักจะน่าสนใจแล้ว


ซือเฟิงไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะได้พบกับ Invincible Swallow ที่เป็นตัวตนระดับตำนานตอนนั้น ในวันนี้


“นี่คุณไม่ได้คิดจะท้าทายเส้นทางจิตจริงๆใช่ไหม ?” เครุยตกตะลึง เมื่อเธอเห็นว่าอารมณ์ของซือเฟิงเริ่มสดใสขึ้น พูดกันตามตรงเธอเริ่มสงสัยว่าหลายเรื่องที่เขาเผชิญมาในวันนี้มันทำให้ซือเฟิงบ้าไปแล้วรึปล่าว ?


“ท้าทาย ?” ซือเฟิงส่ายหัว “ฉันไม่ได้วางแผนที่จะท้าทายมัน ฉันแค่วางแผนที่จะเข้าไปที่ Upper Zone”


“มันแตกต่างจากที่ฉันพูดตรงไหน ?” เครุยรู้สึกงงงวยเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง


ถ้าซือเฟิงไม่สามารถผ่านเส้นทางจิตในวันนี้ไปได้ เขาก็ไม่ควรคิดว่าจะเข้าสู่ Upper Zone ได้ด้วยซ้ำ


“แน่นอนสิว่ามันแตกต่าง เพราะว่ามันหมายความว่าฉันไม่ได้คิดจะแบกรับการทำร้ายจิตใจนี้อีกต่อไป” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ


“???” เครุยเริ่มสับสนมากขึ้น


นี่การทำร้ายจิตมันสามารถจะหลีกเลี่ยงได้ง่ายๆเพียงเพราะว่าต้องการงั้นหรอ ?

อย่างไรก็ตามซือเฟิงไม่ได้คิดจะอธิบายใดๆเพิ่มเติม เขาได้รีบก้าวลงไปที่บันไดสีขาวทันที


ก่อนหน้านี้เขาเลือกจะใช้วิธีเดียวกับตอนที่เขาดูดซับดีไวน์วิลเพื่อเพิ่มค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขา อย่างไรก็ตามเมื่อต้องเผชิญหน้ากับบันไดสีขาวนี้ มันทำให้เขามีความคิดใหม่ๆขึ้นมา


และนั่นคือวิธีเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมจิตใจของเขา


เนื่องจากพลังการทำร้ายจิตใจของบันไดสีขาวนี้มันมีสูงมาก เขาจึงรวบโฟกัสทั้งหมดไปไว้ที่จุดเดียวแทนที่จะเป็นทั้งร่างกาย เขาจะเปลี่ยนความคิดของเขาให้กลายเป็นเหล็กกล้า และปกป้องเฉพาะส่วนที่ลึกที่สุดของสมองเขาเท่านั้น


ช่วงเวลาต่อมาที่ซือเฟิงก้าวลงสู่บันไดสีขาวขั้นแรก เขาก็หยุดลงชั่วคราว อย่างไรก็ตามมันไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ เพราะการแสดงออกของเขาไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย มันไม่มีความผิดปกติใดๆกับร่างกายเขาเช่นกัน เขายืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ


สำเร็จ !!! ดวงตาของซือเฟิงเบิกกว้างด้วยความยินดี อย่างไรก็ตามสถานะนี้มันก็ทำให้ฉันไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ทั้งหมด ดูเหมือนว่าฉันจะต้องโฟกัสส่วนเล็กๆไว้ควบคุมร่างกาย พร้อมกับใช้สมาธิในการป้องกันการทำร้ายจิตใจนี้ไปด้วย หลัง

จากนั้นซือเฟิงก็เริ่มก้าวไปข้างหน้าอีกขั้น


Clang!


เขารู้สึกว่าความรู้สึกเหมือนถูกค้อนทุบจางๆพุ่งเข้ามาในจิตใจของเขา อย่างไรก็ตามนี่มันก็น้อยลงมากจนเขาแทบไม่รู้สึกใดๆเลย และร่างกายของเขาก็ไม่ได้มีท่าทีใดๆแม้แต่น้อย


มันได้ผล แต่การปรับตัวให้เข้ากับสถานะนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ ….


ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นออกมา เมื่อเขารู้สึกได้ถึงความหนักอึ้งของร่างกาย


นี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่เขาลองแบ่งจิตใจส่วนหนึ่งของเขาไปควบคุมร่างกายด้วย มันทำให้ตอนนี้เขารู้สึกว่าเขากำลังวนเวียนอยู่ระหว่างความรู้สึกตัว และไม่รู้สึกตัว ร่างกายของเขามันยังคงรู้สึกงุ่มง่ามอย่างไม่น่าเชื่อ


อย่างไรก็ตามหลังจากลองทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ซือเฟิงก็เริ่มเข้าใจสถานะนี้ได้ดีขึ้น


ในขณะเดียวกันจากมุมมองของคนที่เฝ้าดูอยู่ภายนอก ซือเฟิงตอนนี้ดูเหมือนกับว่าเขากำลังลงบันไดธรรมดา เขาไม่ได้แสดงปฎิกิริยาใดดๆต่อการทำร้ายจิตใจของบันไดสีขาวเลย ยิ่งไปกว่านั้นความเร็วของเขาก็ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป และภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ซือเฟิงก็แซงหยานหวู่หมิงได้ หลังจากนั้นระยะห่างระหว่างทั้งสองก็เริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วย


เป็นไปได้ยังไงกัน ?!


ดวงตาของเครุยแทบจะถลนออกจากเบ้า เมื่อเธอเห็นว่าซือเฟิงกำลังวิ่งลงบันได นี่เขามีภูมิคุ้มกันต่อการทำร้ายจิตใจเหมือนหยานหวู่หมิงงั้นหรอ ?


สำหรับผู้มาใหม่คนอื่นๆในห้อง พวกเขาก็ตกตะลึงกับสถานการณ์นี้มากเช่นกัน และก็แทบไม่มีใครอยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง


ในท้ายที่สุดซือเฟิงก็ใช้เวลาน้อยกว่าสิบห้านาทีในการเดินผ่านเส้นทางจิต และเมื่อเขาไปถึงเป้าหมาย เสียงระฆังที่ไพเพราะก็ดังขึ้นไปทั่ว Upper Zone


ตอนที่ 2742 อำนาจเกรด 1


Upper Zone ด้านนอกเส้นทางจิต :


เมื่อได้ยินเสียงระฆังที่ไพเราะดังขึ้นทั้งลั่วหานปิง และมู่ฉินต่างก็มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ


ผ่านไปไม่ถึงยี่สิบนาที แต่มันกับมีใครคนใดคนหนึ่งผ่านการประเมินแล้วงั้นหรอ ? มู่ฉินนั้นอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจมากจริงๆเมื่อได้ยินเสียงระฆังนี้


เส้นทางจิตนั้นมันเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างไม่น่าเชื่อใน Upper Zone เมื่อใดก็ตามที่มีคนผ่านเส้นทางจิตที่ถูกเปิดใช้งานได้สำเร็จ มันก็จะมีเสียงระฆังดังขึ้นเพื่อแจ้งให้ทุกคนใน Upper Zone ทราบถึงความสำเร็จนี้


เสียงระฆังที่ดังขึ้นนี้มันได้พิสูจน์แล้วว่ามีคนเคลียร์เส้นทางจิตได้แล้ว อย่างไรก็ตามความเร็วที่เคลียร์ได้นั้นมันก็ไม่น่าเชื่อเลย


โดยปกติผู้คนจะใช้เวลามากกว่าสามสิบนาทีกว่าที่จะผ่าน และเคลียร์เส้นทางจิตได้ เพราะท้ายที่สุดแล้วพูดกันตามตรงแม้แต่ความยาวของบันไดลงมามันก็ยังจัดว่าไม่ธรรมดา แม้แต่คนที่เดินตามปกติก็ยังจะต้องใช้เวลาสามสิบนาทีในการลงมา นี่ไม่ต้องพูดถึงทุกขั้นของบันไดที่ผู้เข้าสู่เส้นทางจิตทุกคนก้าวลงไปจะต้องเผชิญกับการทำร้ายจิตใจอย่างรุนแรง ….


ดี ! ดีมาก !! ดูเหมือนว่าพวกระดับสูงจะคิดถูกเกี่ยวกับเด็กคนนั้น !!! เขาเป็นสัตว์ประหลาดจริงๆ !!! ลั่วหานปิงยิ้มด้วยความพึงพอใจ ราคาที่ฉันต้องจ่ายเพื่อให้ตัวเองได้มาเป็นหัวหน้างานการประเมินในครั้งนี้มันคุ้มค่าจริงๆ !!!


ในฐานะหัวหน้างานการประเมิน ยิ่งผู้มาใหม่ที่เขาทำหน้าที่เป็นหัวหน้างานการประเมินมีศักยภาพที่ยอดเยี่ยมมากเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งได้รับการประเมินจากพวกระดับสูงที่อยู่สูงกว่าเขาดีขึ้นเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นในฐานะที่เขามาเป็นหัวหน้างานการประเมิน เขาก็จะมีช่วงเวลาที่ง่ายกว่าคนอื่นๆมากในการรับสมัครผู้มาใหม่ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม และหากเขาสามารถรับสมัครอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้อย่างหยานหวู่หมิงให้มาอยู่ฝั่งตัวเองได้ สถานะของเขาใน Upper Zone ของเมืองหยวนเทียนก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมากแน่นอน


ในขณะเดียวกัน มู่ฉินซึ่งรับรู้เรื่องนี้ในทำนองเดียวกันก็เผยให้เห็นการแสดงออกที่บิดเบี้ยวบนใบหน้าของเธอ


ถ้าลั่วหานปิงสามารถรับสมัครสัตว์ประหลาดอย่างหยานหวู่หมิงไปอยู่ฝั่งตัวเองได้ สถานะของเขาใน Upper Zone ก็จะขึ้นไปเหนือกว่าหงซินหยวนอย่างมากแน่นอน


หลังจากนั้นไม่กี่นาทีต่อมา มันก็มีเสียงระฆังของเส้นทางจิตดังขึ้นอีกครั้ง


มีอีกคนผ่านงั้นหรอ ? มู่ฉินตกตะลึงเมื่อได้ยินเสียงระฆัง ในขณะเดียวกันใบหน้าของเธอก็มืดมนลงไปอีก


เสียงระฆังนี้มันจะดังขึ้นเพียงแค่ไม่กี่ครั้งในแต่ละปี แต่ถึงกระนั้นระฆังกับดังขึ้นสองครั้งแล้วในวันนี้ นี่มันไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ


สำหรับลั่วหานปิง ตอนนี้เขามีความสุขกับสถานการณ์นี้มากๆ


“ฮ่าๆๆ !!! ผู้มาใหม่ในครั้งนี้มันช่างน่าทึ่งกันจริงๆ !!!” ลั่วหานปิงหัวเราะออกมาด้วยความพึงพอใจ จากนั้นเขาก็มองไปที่มู่ฉิน และพูดว่า “มู่ฉิน คุณก็เป็นหนึ่งในอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงใน Upper Zone ของเมืองหยวนเทียน อนาคตคุณจะไปได้ไม่ไกลนะ ถ้าคุณยังคงติดตามหงซินหยวนต่อไป ดังนั้นทำไมไม่เข้าร่วมกับฉันล่ะ ? คุณอาจจะเพิ่มความแข็งแกร่งทางจิตไปได้อีกมากในอีกหนึ่งถึงสองปีข้างหน้า และในเวลานั้นอำนาจของคุณใน Upper Zone ก็จะถูกยกระดับเป็นเกรด 1 ด้วย”


“ขอบคุณสำหรับข้อเสนอของคุณ หัวหน้างานลั่ว แต่ฉันก็รู้สึกว่าตัวเองไปได้ดีแล้วกับการติดตามลุงหง และฉันก็เชื่อว่าอีกไม่นาน ฉันคงจะได้รับอำนาจเกรด 1 มา” มู่ฉินปฎิเสธข้อเสนอของลั่วหานปิงอย่างไม่ลังเล


ลั่วหานปิงไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่นักกับการปฎิเสธของมู่ฉิน เขาพูดอย่างเมินเฉยว่า

“เมื่ออยู่ข้างหลังก็มักจะอยู่ข้างหลังตลอดไป ฉันหวังว่าคุณจะไม่เสียใจกับการตัดสินใจครั้งนี้นะ ….”


สิ่งที่ Upper Zone ให้ความสำคัญมากที่สุดคือความแข็งแกร่งทางจิตใจ ในความเป็นจริงต้องบอกว่าความแจ็งแกร่งทางจิตใจจะกำหนดสถานะของผู้ที่อยู่อาศัยใน Upper Zone ยิ่งมีความแข็งแกร่งทางจิตใจมากเท่าไหร่ คนๆหนึ่งก็จะยิ่งมีอำนาจมากขึ้นเท่านั้นใน Upper Zone และยิ่งมีอำนาจมากเท่าไหร่ การจะได้รับทรัพยากรที่ตัวเองต้องการมา มันก็จะยิ่งทำได้ง่ายขึ้นเท่านั้น


อย่างไรก็ตามการจะพัฒนาความแข็งแกร่งทางจิตใจของคนๆหนึ่ง มันก็เป็นเรื่องที่ยากอย่างไม่น่าเชื่อ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อมีอายุมากขึ้น การพัฒนาในเรื่องนี้ก็จะยิ่งช้าลง และเป็นไปอย่างยากลำบากมากขึ้น


ยกตัวอย่างเช่น มู่ฉิน ที่เธอได้รับการพิจารณามีความแข็งแกร่งทางจิต เกรดสูง อย่างไรก็ตามเนื่องจากเธอไม่ได้เป็นสมาชิกภายในของบริษัทกรีนก๊อด เธอจึงได้รับเพียงอำนาจเกรด 2 เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าสมาชิกภายในที่อยู่ในมาตราฐานเดียวกันกับเธอหนึ่งขั้น


และในตอนนั้นคนอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทกรีนก๊อดที่ได้ผ่านเส้นทางจิตได้ก็ได้รับแค่อำนาจเกรด 3 เท่านั้นด้วย


น่าเสียดายที่แม้ว่าจะผ่านเวลามาประมาณหนึ่งแล้ว แต่ความแข็งแกร่งทางจิตใจ

ของมู่ฉินก็ยังไม่ได้ดีขึ้นมากนัก เป็นผลให้เธอยังเป็นเพียงผู้มีอำนาจเกรด 2 เท่านั้น


แต่ถ้ามู่ฉินสามารถปรับปรุงตัวเอง และเข้าถึงสถานะของผู้มีอำนาจเกรด 1 สถานะของเธอใน Upper Zone ก็จะได้รับการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพอย่างมาก


มันมีคนน้อยกว่าสองร้อยคนที่มีอำนาจเกรด 1 ใน Upper Zone ของเมืองหยวนเทียน และแม้แต่ลั่วหานปิงซึ่งเป็นหัวหน้างานก็ยังเป็นเพียงผู้มีอำนาจขั้นสูง ซึ่งอยู่เหนือกว่าผู้มีอำนาจเกรด 1 เพียงขั้นเดียวเท่านั้น


หลังจากได้พูดคุยเรื่องนี้กันไปกับมู่ฉิน ลั่วหานปิงก็ได้เลือกจะเงียบและไม่พูดอะไรอีก


ในความคิดของลั่วหานปิง มู่ฉินนั้นเป็นดั่งไม้ที่ตายซาก ด้วยทรัพยากรที่ตอนนี้เหลือน้อยแล้วของหงซินหยวน การจะยกระดับความแข็งแกร่งทางจิตใจของมู่ฉินให้เพิ่มขึ้นนั้นมันก็ยากมากๆ


ทำไมยังไม่กลับมากันอีก ? มีอะไรเกิดขึ้นกับเครุยรึปล่าว ? มู่ฉินมองเวลาอย่างประหม่า


แม้ว่าเครุยจะไม่ได้มีภูมิคุ้มกันต่อการทำร้ายจิตใจที่แข็งแกร่ง แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของเธอ เธอก็ไม่น่าจะมีปัญหาในเรื่องรับมือกับการทำร้ายจิตใจอีกต่อไป ความเจ็บปวดที่เกิดจากการทำรายจิตใจ มันน่าจะอยู่ในขอบเขตที่เธอสามารถยอมรับได้


“มันเกือบชั่วโมงแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่ออกมา พวกเขาน่าจะเจออุบัติเหตุแน่นอน”

ลั่วหานปิงกล่าว ขณะที่เขาเหลือบมองไปที่นาฬิกาของเขา ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อว่า “ฉันเตือนเขาแล้วว่าเขาจะได้เข้าโรงพยาบาลแน่ๆถ้าไม่ระวัง เด็กๆในปัจจุบันนี่ช่างไม่รู้ถึงวิธีการรับฟังคำแนะนำจริงๆ แล้วก็โชคร้ายที่พวกเขาน่าจะต้องอยู่ที่ไปอีกพักหนึ่งเลย”


มันมีอะไรเกิดขึ้นจริงๆงั้นหรอ ? ใบหน้าของมู่ฉินเปลี่ยนเป็นซีดเผือด


การจะเปิดและปิดใช้งานเส้นทางจิตนั้นทำได้ยากมากๆ แม้แต่คนที่มีสิทธิพิเศษก็ยังจะต้องใช้เวลาสองถึงสามชั่วโมงในการปิดมัน


ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเครุยและซือเฟิงภายในนั้นจริงๆ พวกเขาก็จะต้องอยู่ในนั้นจนกว่าเครื่องจะถูกปิด และเมื่อคำณวนจากเวลาที่นานขนาดนั้น พวกเขาก็จะโชคดีมากแล้ว หากต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาลราวหนึ่งเดือน แต่หากอาการของพวกเขาย่ำแย่ บางทีมันอาจจะส่งผลกระทบถึงอนาคตของพวกเขาได้เลย


ในระหว่างที่ความตื่นตระหนกกำลังเข้าท่วมท้นจิตใจของมู่ฉิน นาฬิกาควอนตัมบนข้อมือของเธอก็ดังขึ้นเพื่อแจ้งให้เธอทราบว่ามีคนโทรเข้ามา ในขณะเดียวกันผู้โทรเข้ามาก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเครุย


“เครุย สถานการณ์ด้านเธอเป็นยังไงบ้าง ?” มู่ฉินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธ เมื่อได้เห็นใบหน้าของเครุยบนหน้าจอ “ทำไมเธอยังไม่ออกมา ?”


“พี่สาว !!! ช่างเรื่องนั้นก่อน ตอนนี้มันมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นที่เส้นทางจิต !!!” เครุยกล่าวอย่างตื่นเต้น


“เหตุการณ์สำคัญ ? เหตุการณ์อะไรกัน ? เธอกำลังพูดถึงสองคนที่ผ่านเส้นทางจิตไปได้ก่อนหน้านี้งั้นหรอ ?” มู่ฉินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดกับคำพูดของเครุย เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าน้องสาวของเธอจะยังมีอารมณ์มาสนใจเรื่องแบบนี้ด้วย


“ใช่แล้ว ซือเฟิงผ่านเส้นทางจิตได้จริงๆ !!!” เครุยกล่าวด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น “ทุกคนในห้องโถงนั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ !!! และนี่มันก็ทำให้ฉันต้องเร่งเข้ามาในพื้นที่บริเวณที่สามารถติดต่อสื่อสารได้ ซึ่งมันทำให้ฉันเหนื่อยแทบตายเลย ….”


“ซือเฟิง …. ผ่านเส้นทางจิต ?” จู่มู่ฉินก็รู้สึกว่าสมองของเธอประมวลผลอะไรไม่ออกขึ้นมาชั่วขณะ


ซือเฟิงนั้นมีอายุมากกว่ายี่สิบปีอย่างไม่ต้องสงสัย และในประวัติศาสตร์ของ Upper Zone ของเมืองหยวนเทียน มันก็ไม่มีใครที่มีอายุเกินยี่สิบปี แต่ต่ำกว่ายี่สิบห้าปี สามารถเคลียร์และผ่านเส้นทางจิตได้เลย


“ฮี่ๆ ฉันคิดไว้แล้วว่าพี่จะต้องไม่เชื่อฉัน งั้นก็ลองดูด้วยตาพี่เองเลย เขาอยู่ที่นี่กับฉัน ….” เครุยกล่าวขณะที่เธอปรับมุมกล้องให้ไปจับภาพซือเฟิง โดยในภาพนั้นซือเฟิงก็ยังคงมีท่าทีสบายๆอยู่ ส่วนหยานหวู่หมิงก็จ้องมองมายังเขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ “บ๊ายบาย เราขอเข้าสู่ Upper Zone ไปก่อนนะ ฮี่ๆ”


หลังจากเครุยพูดจบ เธอก็ตัดสายไปทันที และปล่อยให้พี่สาวของเธอยังคงยืนตกตะลึงอยู่


เป็นไปไม่ได้ !! ลั่วหานปิงตกตะลึงเมื่อเขาได้ยินการพูดคุยกันของมู่ฉินกับเครุย เด็กคนนั้นอายุมากกว่ายี่สิบแล้วนะ !! เขาผ่านเส้นทางจิตไปได้ยังไงกัน ?!!


ไม่นานหลังจากที่ลั่วหานปิงกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องนี้อยู่ การแจ้งเตือนก็ปรากฎขึ้นบนนาฬิกาควอนตัมของเขา


วินาทีต่อมา นาฬินาควอนตัมของเขาก็ฉายตารางโฮโลแกรมข้อมูลของผู้ที่ผ่านเส้นทางจิตในครั้งนี้


1st – ซือเฟิง


เวลาที่ใช้ในการเคลียร์ : 13 นาที 41 วินาที


อายุ : ต่ำกว่า 25 ปี


สังกัด : ไม่ใช่สมาชิก


ความแข็งแกร่งทางจิต : เกรดพิเศษ


อำนาจใน Upper Zone : เกรด 1


2nd – หยานหวู่หมิง


เวลาที่ใช้ในการเคลียร์ : 18 นาที 33 วินาที


อายุ : ต่ำกว่า 20 ปี


สังกัด : สมาชิกภายใน


ความแข็งแกร่งทางจิต : เกรดสูง


อำนาจใน Upper Zone : เกรด 1


เกรดพิเศษ ?!


มู่ฉินเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ เมื่อได้เห็นข้อมูลนี้


แม้ว่าการแสดงของซือเฟิงใน God domain มันจะน่าประหลาดใจมาก แต่เธอก็ไม่เคยคิดเลยว่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขามันจะน่าประหลาดใจมากเช่นกัน


เกรดพิเศษ !


นี่คือความแข็งแกร่งทางจิตใจที่เธอได้พยามอย่างยิ่งเพื่อจะบรรลุให้ได้ อย่างไรก็ตามไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน เธอก็ยังคงห่างไกลจากการเข้าให้ถึงมาตราฐานนี้ และในบางช่วง เธอกระทั่งท้อและหมดหวังในการจะพัฒนาตัวเองด้วยซ้ำ


แม่งเอ้ย !!! นี่มันเป็นไปได้ยังไง ?!! ใบหน้าของลั่วหานปิงเปลี่ยนเป็นซีดเผือด เหมือนเขาเห็นผลลัพธ์ของการประเมินครั้งนี้ เขาได้ทำให้สัตว์ประหลาดที่น่ากลัวขุ่นเคืองโดยไม่ได้ตั้งใจ ยิ่งไปกว่านั้นซือเฟิงยังมีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับหงซินหยวนด้วย


ในขณะเดียวกันภายในส่วนด้านในสุดของเส้นทางจิต ซือเฟิงและคนอื่นๆก็กำลังยืนอยู่บนแพลตฟอร์มที่ค่อยๆเลื่อนลงไปที่พื้น


“แรงโน้มถ่วงที่นี่มันเพิ่มขึ้นงั้นหรอ ?”


ซือเฟิงค้นพบว่า เมื่อเขาเข้าไปในอุโมงค์ลึกลงไป แรงโน้มถ่วงที่ร่างกายของเขาต้องเผชิญ มันก็ทวีความรุนแรงขึ้นมากๆ และภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที หลังจากที่เขามายืนอยู่บนแพลตฟอร์มนี้ เขาก็พบว่าแรงโน้มถ่วงมันเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมสองเท่าแล้ว


หลังจากนั้นเมื่อแพลตฟอร์มค่อยๆเลื่อนออกมาจากอุโมงค์ ซือเฟิงก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ


อย่างไรก็ตามที่เขาตกตะลึงนั้นมันไม่ใช่แค่เพราะว่าที่นี่มีแรงโน้มถ่วงมากกว่าโลกภายนอกถึงสามเท่า ….


แต่มันเป็นเพราะมันมีภูเขาลอยอยู่เหนืออุโมงค์ และรัศมีของภูเขานี้มันก็เกินกว่าสิบกิโลเมตร โดยมันก็มีบันไดเลื่อนหลายตัวที่จะนำไปสู่ภูเขานี้


มันมีอาคารสูงจำนวนมากตั้งตระหง่านอยู่บนภูเขาที่ลอยอยู่ ขณะเดียวกันมันก็มีเมฆและหมอกปกคลุมยอดเขา ซึ่งทำให้ไม่มีใครที่อยู่บริเวณเดียวกับซือเฟิงสามารถมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน โดยรวมแล้วภูเขานี้มันดูเหมือนสวรรค์บนโลกมากๆ


“ตกตะลึงใช่ไหมล่ะ ?!” สีหน้าตกตะลึงบนใบหน้าของซือเฟิงทำให้เครุยพึงพอใจ “ใครก็ตามที่ได้มาเยือน Upper Zone เป็นครั้งแรก คงไม่คิดหรอกว่า Upper Zone จะอยู่ใต้ดิน และมีพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ”


“ก็ใช่แหละ นี่มันน่าเหลือเชื่อมากจริงๆ” ซือเฟิงกล่าวยอมรับตรงๆ เขาไม่เคยได้เห็นพื้นที่ของ Upper Zone จริงๆมาก่อนจนมาถึงวันนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมหลายคนถึงดิ้นรนกันอย่างหนักเพื่อจะให้ตัวเองได้เข้ามาอยู่ที่นี่ Upper Zone นั้นมันพิเศษมากจริงๆ และแค่สูดอากาศที่นี่เข้าไปมันก็ทำให้เขารู้สึกสดชื่นแล้ว หากเขาสามารถอยู่ที่นี่ได้ในระยะยาว การมีชีวิตที่ยืนยาวมันก็จะไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป


เมื่อเครุยเห็นว่าแฟลตฟอร์มหยุดลงแล้ว เธอก็เปิดประตูและเดินออกไปทันที


อย่างไรก็ตามเมื่อเธอเห็นว่าซือเฟิงยังคงมีท่าทีตกตะลึง และยืนอยู่ที่เดิม เธอก็กระตุ้นเขาอย่างตื่นเต้นว่า “เร็วเถอะ !!! คุณมีอำนาจเกรด 1 แล้ว !!! ไปที่สำนักงานทะเบียนและตรวจสอบกัน มันอาจจะมีรางวัลดีๆรอคุณอยู่ !!!”


ตอนที่ 2743 Upper Zone ที่น่าอัศจรรย์


ตอนนี้ซือเฟิงนั้นอยากรู้อยากเห็นมากๆเกี่ยวกับเรื่องของ Upper Zone ดังนั้นเมื่อได้ยินคำพูดของเครุย เขาจึงเริ่มจะเดินตามเธอไปติดๆทันที


“เดี๋ยวก่อน !!”


เจ้าของเสียงนี้นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเด็กหนุ่มผมสั้นที่ชื่อหยานหวู่หมิง


“คุณต้องการอะไร ?” ซือเฟิงถามด้วยความงงงวย


ซือเฟิงนั้นค่อนข้างอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับตัวตน และนิสัยจริงๆของหยานหวู่หมิงเช่นกัน ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา หยานหวู่หมิงนั้นเป็นดั่งสิ่งมีชีวิตที่สูงส่งและยิ่งใหญ่ใน God domain และพูดกันง่ายๆเขาก็เหมือนกับเทพสงครามที่สามารถมองข้ามทุกชีวิตได้ แต่ถึงกระนั้นตอนนี้เขาก็ยังเป็นเพียงเด็กหนุ่ม เด็กที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่รุนแรง ขณะที่เขามองไปยังซือเฟิง


“คุณชื่ออะไร ?” หยานหวู่หมิงถาม


“ซือเฟิง” ซือเฟิงตอบอย่างห้วนๆ


“ซือเฟิง ? ฉันจะจำไว้ !!” หยานหวู่หมิงทวนชื่อของซือเฟิงซ้ำๆในใจหลายครั้ง จากนั้นเขาก็มองไปที่ซือเฟิง และพูดอย่างจริงจังว่า “แม้ว่าฉันจะแพ้คุณในการแข่งขันด้านความแข็งแกร่งทางจิตใจในวันนี้ แต่ฉันก็จะพยายามไปถึงเกรดพิเศษให้ได้อย่างรวดเร็ว และในเวลานั้นฉันจะกลับมาท้าทายคุณอีกครั้ง !!!”


“ท้าทายฉัน ?” ซือเฟิงหัวเราะเบาๆ จากนั้นเขาก็ส่ายหัว และพูดว่า “ฉันกลัวว่า ฉันจะไม่มีเวลาทำแบบนั้นน่ะสิ ฉันเป็นคนที่ค่อนข้างจะมีงานยุ่งน่ะ ….”


ซือเฟิงไม่ได้โกหกเด็กหนุ่ม เขาไม่เพียงแต่จะต้องแก้ปัญหาที่เสวี่ยเหวินโหรวและอควาโรสกำลังเผชิญอยู่เท่านั้น แต่เขายังต้องเข้าร่วมกิจกรรมและจัดการกิลในเรื่องต่างๆด้วย นี่ยังไม่นับรวมเรื่องราวอีกมากที่เขาต้องทำให้เสร็จ


ก่อนหน้านี้เขายังไม่มีความแข็งแกร่งมากพอ อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาได้มาถึงขั้นสี่แล้ว และมันก็มีหลายเรื่องที่เขาสามารถจะทำให้เสร็จได้

ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาจะมาสนใจกับคำท้าทายของหยานหวู่หมิง


“นั่นมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณ !!!” หยานหวู่หมิงกล่าวอย่างไม่สนใจความคิดของซือเฟิง ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่ดังและทรงพลังว่า “หนึ่งในเป้าหมายของฉันคือการเป็นที่หนึ่งใน Upper Zone ของเมืองหยวนเทียน และคุณคืออุปสรรคแรกของฉัน หลังจากเอาชนะคุณได้ มันก็จะแปลว่าฉันสามารถเข้าใกล้เป้าหมายของตัวเองไปได้อีกก้าวหนึ่ง !!!”


“ดูเหมือนว่าคุณจะชอบความท้าทายนะ” ซือเฟิงไม่ได้รู้สึกแปลกใจมากนักกับคำประกาศของหยานหวู่หมิง หลังจากครุ่นคิดเรื่องนี้แล้ว เขาก็พูดว่า “เอาอย่างนี้ไหม …. ฉันจะให้โอกาสคุณสักครั้งที่จะท้าทายฉัน ตราบใดที่คุณสามารถปฎิบัติตามเงื่อนไขของฉันได้ คุณก็สามารถจะมาท้าทายฉันได้ทุกเวลา คุณคิดว่าไง ?”


“พูดมา” หยานหวู่หมิงกล่าวอย่างมั่นใจ


“คุณเล่น God domain รึปล่าว ?” ซือเฟิงถาม


“ฉันเล่นมันมาระยะหนึ่งแล้ว ….” ตอนนี้หยานหวู่หมิงก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังซือ

เฟิงอย่างประหลาดใจและถามว่า “คุณต้องการให้ฉันเอาชนะคุณใน God domain งั้นหรอ ?”


เมื่อได้ยินคำพูดของหยานหวู่หมิง เครุยที่ยืนอยู่ใกล้ๆก็อดไม่ได้ที่จะแอบมองเด็กหนุ่มคนนี้


“คุณจะมั่นใจในตัวเองมากเกินไปหน่อยมั้ง …. คุณรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร ? คุณต้องการจะเอาชนะเขาใน God domain งั้นหรอ ?” เครุยกล่าวเย้ยหยันหยานหวู่หมิง


“ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร ฉันก็จะเอาชนะเขาให้ได้ !!!”


หยานหวู่หมิงโต้ตอบอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย แม้ว่าเขาจะเริ่มสงสัยถึงตัวตนของซือเฟิงขึ้นมาบ้าง แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ถือว่าเรื่องพวกนี้มันเล็กน้อยมากๆ และเขาต้องทำตามเป้าหมายของเขา ซึ่งนั่นก็คือการเอาชนะซือเฟิงให้ได้


“ ไม่ คุณเข้าใจผิดแล้ว ….” ซือเฟิงหัวเราะเบาๆ “ฉันไม่ต้องการให้คุณเอาชนะฉันใน God domain แต่ฉันต้องการให้คุณเอาชนะเพื่อนของฉัน ….”

“ได้เลย !!!” หยานหวู่หมิงพยักหน้า “บอกชื่อคนๆนั้นมา เมื่อฉันไปถึงขั้นสาม ฉันจะสามารถเอาชนะเพื่อของคุณได้ในเวลาไม่นานแน่นอน !!! และเมื่อตอนนั้นมาถึง ฉันก็จะรีบมาท้าทายคุณเลย !!!”


“ชื่อของเธอใน God domain คือไวโอเล็ตคลาวด์” ซือเฟิงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อเห็นว่าหยานหวู่หมิงเห็นด้วยกับข้อเสนอของเขา “คุณสามารถจะไปที่เมืองปีกสีเงินเพื่อตามหาเธอได้ ตราบเท่าที่คุณเอาชนะเธอได้ ฉันก็จะยอมรับคำท้าทายของคุณ”


เนื่องจากผู้มีพรสวรรค์อย่างหยานหวู่หมิงได้มาเคาะประตูหน้าบ้านของเขาแบบนี้แล้ว ดังนั้นซือเฟิงจึงไม่คิดจะปล่อยให้โอกาสหลุดรอยไป หากเขาสามารถผูก Invincible Swallow เข้าสู่สภาสิบแปดปีกได้ มันก็จะคล้ายการเพิ่มปีกให้กับเสือ ความแข็งแกร่งโดยรวมของกิลเขาจะพุ่งทะยานขึ้นแน่นอน


“ไม่มีปัญหา !! เดี๋ยวฉันไปถึงขั้นสามเมื่อไหร่ ฉันจะรีบไปตามหาเธอเลย !!!” หยานหวู่หมิงตอบโดยไม่ลังเล ในขณะที่การแสดงของเขาก็ยังเต็มไปด้วยความมั่นใจเช่นเดิม


อย่างไรก็ตามหลังจากได้ยินข้อเสนอของซือเฟิง เครุยก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังหยานหวู่หมิงด้วยสายตาที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย


ตอนนี้มันมีความรู้สึกสงสารปรากฎขึ้นในใจของเธอ ฉันหวังว่าคุณจะไม่สิ้นหวังมากเกินไปนะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับไวโอเล็ตคลาวด์ เครุยอดไม่ได้ที่จะอธิษฐานเรื่องนี้อย่างเงียบๆเพื่อหยานหวู่หมิง


เครุยได้เห็นไวโอเล็ตคลาวด์ต่อสู้มาแล้ว แม้แต่สัตว์ประหลาดเก่าแก่ของซุเปอร์กิลก็ยังไม่สามารถจะเอาชนะเธอได้ ในความเป็นจริง แม้แต่เดมอนเร็คก็ยังทำได้แค่เสมอกับเธอเท่านั้น


ในเวลานี้มันมีเพียงไม่กี่คนที่จะสามารถเอาชนะไวโอเล็ตคลาวด์ได้


“ไปกันเถอะ”


ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและหัวเราะเบาๆ เมื่อเขาเห็นเครุยอธิษฐานให้หยานหวู่

หมิงในเรื่องนี้ จากนั้นเขาก็เดินไปยังถนนที่ห่างไกล

เมื่อซือเฟิงบอกว่าเขาต้องการจะไปลงทะเบียนในตอนนี้ทันที ใบหน้าของเครุยก็เปล่งประกายขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น จากนั้นเธอก็ลากซือเฟิงไปยังอาคารที่สูงที่สุดซึ่งตั้งอยู่ที่เชิงเขา ขณะที่หยานหวู่หมิงนั้นยังคงรออยู่ที่เดิมเพื่อให้ใครบางคนมานำทางเขาไป


ในขณะที่ซือเฟิงเดินไปตามถนนบนภูเขาที่ลอยอยู่ เขาก็รู้สึกว่าจิตใจและร่างกายของเขาได้รับการเติมเต็มมากๆ ตอนนี้เขาเริ่มปรับตัวให้เข้ากับแรงโน้มถ่วงที่มากกว่าในโลกภายนอกสามเท่าได้แล้ว


“นี่คือ Upper Zone ที่แท้จริงงั้นหรอ ?”


ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความตกตะลึงอีกครั้ง


คนทั่วไปนั้นจะประสบกับความยากลำบากมากๆ แม้กระทั่งเรื่องของการเคลื่อนไหว เมื่อพวกเขามาอยู่ภายใต้แรงโน้มถ่วงที่มากกว่าในโลกภายนอกสามเท่า สำหรับซือเฟิงเขาสามารถหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ได้ก็เพราะสมรรถภาพทางกายที่น่าอัศจรรย์ของเขา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงรู้สึกลำบากอยู่เล็กน้อยในสภาพแวดล้อมแบบนี้


อย่างไรก็ตามหลังจากก้าวขึ้นมาบนภูเขา ความรู้สึกลำบากเล็กน้อยนี่ก็หายไป มันราวกับว่ามีแหล่งพลังงานพิเศษคอยเข้ามาช่วยเสริมพลังให้กับร่างกายของเขาตลอดเวลา แถมพลังงานนี้มันก็ยังช่วยให้เขาหายเหนื่อยล้า และช่วยสร้างกับเติมเต็มร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง


ระบบการฝึกที่ยากลำบากที่เขาเจอมาในโลกภายนอกนั้นกลายเป็นเรื่องตลกไปเลยเมื่อเทียบกับใน Upper Zone


หากผู้ที่อยู่อาศัยใน Upper Zone ต้องเผชิญกับสิ่งเหล่านี้เป็นกิจวัตรจนชิน และไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆเลย พวกเขาก็ไม่น่าจะมีปัญหาใดๆที่จะมีชีวิตยืนยาวมากกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบปี


“ตอนนี้คุณเข้าใจอย่างชัดเจนหรือยังว่า Upper Zone นั้นแตกต่างจากโลกที่คุณรู้จัก ?” เครุยถามด้วยรอยยิ้ม “ทุกคนที่อาศัยอยู่ที่นี่มีการเติบโตทางร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้นในทุกวินาที แม้จะไม่ต้องฝึกอย่างหนักก็ตาม …. และแม้จะไม่ได้รับการฝึกฝนใดๆ แต่สมรรถภาพทางกายของคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ก็จะสามารถขึ้นไปเทียบกับปรมาจารย์เหิงเหลียนได้อย่างรวดเร็ว”

“ตามข่าวลือที่ว่ากันในโลกภายนอกนั้นอายุขัยของคนที่อาศัยอยู่ใน Upper Zone นี่เฉลี่ยอยู่ที่หนึ่งร้อยห้าสิบปีแล้ว แต่ในความเป็นจริงนั่นเป็นเพียงอายุขัยของคนที่อาศัยอยู่ในชั้นพื้นฐานของ Upper Zoneเท่านั้น คุณลองสังเกตดูดีๆ จะเห็นไหล่เขา และยอดเขาด้วย นั่นคือชั้นกลาง และชั้นบนสุด ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นมีสมรรถภาพทางกายและอายุขัยที่น่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง อายุขัยเฉลี่ยของผู้คนในชั้นกลางนั้นอยู่ที่หนึ่งร้อยแปดสิบปี ขณะที่ในชั้นบนสุดนั้นอยู่ที่สองร้อยปี ซึ่งสิ่งนี้มันเกิดขีดจำกัดของมนุษย์ทั่วไป ไปไกลมากทีเดียว”


“ในสมัยโบราณสองร้อยปีนั้นมันก็มากเพียงพอแล้วสำหรับการเปลี่ยนแปลงราชวงศ์หนึ่ง ในทางกลับกันผู้ที่อยู่อาศัยใน Upper Zone นั้นจะนับว่าเริ่มแก่จริงๆก็หลังจากอายุหนึ่งร้อยยี่สิบปีหรือมากกว่านั้นแล้วเท่านั้น”


เมื่อพูดถึงจุดนี้เครุยก็จ้องมองไปยังยอดเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปราถนา


“บ้านของ Upper Zone ยังมีการแบ่งชนชั้นกันอีกงั้นหรอ ?” ซือเฟิงถามอย่างประหลาดใจ


“แน่นอน ภูเขานี้มันมีพื้นที่ค่อนข้างมาก และแม้จะมีความมั่งคั่งและฐานะของบริษัทโบลเดอร์ เราก็ยังอยู่กันได้แค่ในชั้นพื้นฐานเท่านั้น ชั้นกลางมันไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะไปอยู่ก็ได้โดยมีเพียงแค่สถานะและความมั่งคั่ง” เครุยบ่นอย่างหงุดหงิด “ถ้าคุณต้องการจะขึ้นไปอยู่ชั้นกลาง อำนาจของคุณใน Upper Zone จะต้องเพิ่มขึ้นไปถึงระดับหนึ่งก่อน ตัวอย่างเช่นตัวคุณนั้นมีอำนาจเกรด 1 อยู่แล้ว ซึ่งมีอำนาจเกรด 1 นั้น นับว่ามีอำนาจมากที่สุดในชั้นพื้นฐานแล้ว หากคุณสามารถยกระดับอำนาจของตัวเองขึ้นไปกลายเป็นผู้มีอำนาจขั้นสูงได้ คุณก็จะสามารถขึ้นไปอยู่ที่ชั้นกลางได้”


“ระดับอำนาจที่คุณพูดถึงนี้มันหมายถึงอะไรบ้าง ?” ซือเฟิงถามด้วยความสับสน


เขาเริ่มจะเข้าใจจุดประสงค์ของระดับอำนาจคร่าวๆใน Upper Zone แล้ว อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงไม่ทราบรายละเอียดที่แน่นอน


“โอ้ใช่แล้ว ฉันยังไม่ได้บอกรายละเอียดที่แน่นอนกับคุณนี่นา ….” หลังจากหยุดพักไปเล็กน้อย เครุยก็กล่าวต่อว่า “เงินและสถานะนั้นเป็นสิ่งสำคัญน้อยที่สุดใน Upper Zone สิ่งสำคัญที่สุดคือความแข็งแกร่งทางจิตใจและระดับอำนาจของคุณ”


“อำนาจในชั้นพื้นฐานนั้นแบ่งออกเป็นสามระดับ และยิ่งคุณมีระดับอำนาจสูงเท่าไหร่ ไอเทมที่คุณจะสามารถซื้อและแลกเปลี่ยนได้จากบริษัทกรีนก๊อดก็จะยิ่งดีขึ้น คุณสามารถพูดได้ว่า Upper Zone นั้นเป็นตลาดการค้าของบริษัทกรีนก๊อด โดยผู้มีอำนาจเกรด 3 นั้นอยู่ต่ำที่สุด และสินค้าที่คุณจะสามารถซื้อได้ในระดับอำนาจเกรด 3 นี้มันก็จะจัดว่ามีคุณภาพต่ำที่สุดในหมู่สินค้าของ Upper Zone อย่างไรก็ตามมันก็จะยังดีกว่าคนที่ไม่ได้รับระดับอำนาจหลายเท่า เพราะอย่างน้อยที่สุดผู้มีอำนาจเกรด 3 ก็มีสิทจะซื้อที่อยู่อาศัยพื้นฐานในชั้นฐานได้ ผู้มีอำนาจระดับนี้หรือสูงกว่าขึ้นไปจะไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าเช่าบ้านเป็นราคามหาศาล”


“หลังจากกลายเป็นผู้มีอำนาจเกรด 2 แล้ว คุณก็จะสามารถซื้อไอเทมที่ปกติไม่มีในโลกภายนอกได้ ตัวอย่างเช่นโพชั่นแห่งชีวิต ที่จะปรากฎในระหว่างงานประมูลของบริษัทกรีนก๊อดเท่านั้น และในฐานะผู้มีอำนาจเกรด 2 คุณก็จะสามารถซื้อวิลล่าส่วนตัวที่ชั้นฐาน และมีพื้นที่ส่วนตัวอิสระสำหรับตัวเองได้”


“ขณะที่หลังจากกลายเป็นผู้มีอำนาจเกรด 1 นั้นสิ่งต่างๆก็จะเริ่มน่าทึ่งมากขึ้น ไม่เพียงแต่มันจะมีสินค้าให้ซื้อมากขึ้นเท่านั้น แต่คุณยังจะสามารถเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อเก็บสะสมของบริษัทกรีนก๊อดที่จะจัดขึ้นทุกๆสามเดือนได้ และตราบใดที่คุณอยู่ในสามอันดับแรกของการแข่งขัน คุณก็จะได้รับอนุญาติให้เข้าสู่ชั้นกลางได้เป็นเวลาสามเดือน”


“คุณก็ได้เข้าใจถึงประโยชน์ของการได้เข้ามาที่ Upper Zone ชั้นพื้นฐานแล้ว ขณะที่ฉันต้องบอกคุณเลยว่าข้อดีของชั้นกลางนั้นมันเกินที่จะจินตนาการมากๆ ใครก็ตามที่ได้เข้าไปชมชั้นกลางสักครั้งหนึ่งก็จะไม่อยากกลับออกมา เช่นเดียวกับตัวคุณในปัจจุบันที่หลังจากได้ลิ้มรสและรู้ถึงประโยชน์ของชั้นพื้นฐานแล้ว คุณก็จะไม่อยากกลับไปอยู่ในโลกภายนอกอีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นคุณยังจะสามารถซื้อไอเทมที่เหนือจินตนาการอย่างมากได้ในชั้นกลาง ตามข่าวลือดูเหมือนว่าเราจะสามารถซื้อน้ำแห่งชีวิตจากบริษัทกรีนก๊อดได้ที่นั่น”


“น้ำแห่งชีวิตนั้นให้ผลที่ดีกว่าโพชั่นแห่งชีวิตมากๆ มันสามารถจะซ่อมแซมความเสียหายใดๆก็ตามที่เกิดขึ้นกับร่างกายได้อย่างสมบูรณ์แบบ และมันยังจะช่วยเพิ่มอายุขัยของคนๆนั้นที่ใช้มันด้วย”


เมื่อพูดถึงตรงนี้เครุยก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว และถอนหายใจออกมา


สำหรับผู้ที่อยู่อาศัยในชั้นพื้นฐานของ Upper Zone ความปราถนาของพวกเขาที่จะเข้าไปยังชั้นกลางให้ได้นั้น มันก็เป็นเช่นเดียวกับที่ผู้ที่อยู่ในโลกภายนอกปราถนาจะเข้ามาอาศัยใน Upper Zone อย่างไรก็ตามนับประสาอะไรกับการขึ้นไปสู่ชั้นกลาง แค่การจะได้รับอำนาจเกรด 1 มา มันก็เป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว


น้ำแห่งชีวิต ? ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะตกใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีอะไรที่มันทรงพลังไปกว่าโพชั่นแห่งชีวิตอีก ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นสิ่งที่สามารถใช้รักษาอาการบาดเจ็บทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์แบบ หากเขาได้รับมันมา การจะรักษาอาการบาดเจ็บทางจิตของเสวี่ยเหวินโหรวกับอควาโรสก็น่าจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป


“ฉันจะเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อเก็บคะแนนสะสมได้อย่างไร ?” ซือเฟิงถามเครุย


ตอนแรกเขาคาดเดาไว้ว่า Upper Zone น่าจะมีวิธีรักษาอควาโรส และเสวี่ยเหวินโหรว ได้ แต่เขาก็ยังไม่มั่นใจนัก อย่างไรก็ตามตอนนี้เขารู้แล้วว่าเรื่องนี้มันจะทำได้ง่ายมาก หากเขาได้รับน้ำแห่งชีวิตมา


“คุณต้องการจะเข้าไปมีส่วนร่วมงั้นหรอ ?” เครุยตกตะลึงกับคำถามของซือเฟิง “คุณรู้ไหมว่าคนแบบไหนกันที่เข้าร่วมการแข่งขันนี้ ?”


“แบบไหน ?” ซือเฟิงถามอย่างสงสัย


“เกือบทุกคนนั้นล้วนเป็นทายาทของบริษัทยักษ์ใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังถือว่าเป็นคนที่เก่งที่สุดในรุ่นเดียวกับพวกเขา (เจเนอเรชั่นเดียวกันอะละ ถ้าเป็นคำอังกฤษพิมไว้เผื่อบางคนไม่เข้าใจ)” เครุยกล่าวอย่างช้าๆ “คุณไม่สามารถแม้แต่จะจินตนาการได้ถึงทรัพยากรที่พวกเขามีอยู่ภายใต้การครอบครองของพวกเขา ปัจจุบันคุณไม่มีคะแนนการค้าถึงหนึ่งล้านแต้มเพื่อจะซื้อบ้านทั่วไปในชั้นพื้นฐานได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงคะแนนสะสมจากบริษัทกรีนก๊อดเลย”


“ผู้มีอำนาจเกรด 1 จะสามารถแลกเปลี่ยนคะแนนการค้าได้หนึ่งพันแต้มต่อวัน โดยมันจะมีราคาเป็นเงินหนึ่งหมื่นเครดิตต่อแต้ม นอกจากนี้คุณก็สามารถจะหางานทำใน Upper Zone และทำงานให้เสร็จเพื่อจะหาคะแนนการค้าเพิ่มเติม ให้ได้มากกว่าอัตราการแลกเปลี่ยนต่อวันด้วย”


“คุณรู้ไหมว่าการจะได้รับคะแนนสะสมจากบริษัทกรีนก๊อดนั้นมันยากแค่ไหน ? นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถซื้อได้ด้วยเงินเลย คุณต้องแลกเปลี่ยนทรัพยากรที่หายาก หรือไม่ก็ช่วยบริษัทกรีนก๊อดค้นหาผู้มีความสามารถพิเศษเพื่อรับเอาคะแนนเหล่านี้ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับคุณ”


ซือเฟิงนั้นรู้สึกปวดหัวมากๆเมื่อได้ยินคำอธิบายของเครุย เขาไม่นึกเลยว่ามันจะมีความยากในการแข่งขันสูงขนาดนี้


สำหรับสภาสิบแปดปีกในปัจจุบัน การจะได้รับทรัพยากรที่หายากในโลกแห่งความเป็นจริงมานั้นมันเป็นเพียงความฝัน สำหรับการช่วยบริษัทกรีนก๊อดค้นหาผู้มีความสามารถพิเศษ มันก็จะยิ่งทำได้ยากขึ้นมากๆ “อย่าพึ่งท้อใจ ไม่ใช่ว่ามันก็จะไม่มีวิธีเลยซะทีเดียว” เครุยกล่าวหลังจากครุ่นคิด ก่อนที่เธอจะกล่าวต่อว่า “เมื่อเร็วๆนี้บริษัทกรีนก๊อดได้ทำการรับซื้อคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ของ God domain จำนวนมาก ยิ่งไปกว่านั้นเรทการรับซื้อคริสตัลเจ็ดลูมินาหนึ่งชิ้นยังสูงมากด้วย โดยมันมีราคาเป็นคะแนนการค้าหนึ่งพันแต้ม และคะแนนสะสมสิบแต้ม อย่างไรก็ตามสำหรับการแข่งขันสำหรับสภาสิบแปดปีกในปัจจุบัน การเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อเก็บคะแนนสะสมนั้นเป็นได้แค่ความฝัน”


“การแข่งขันในปัจจุบันนั้นเกิดขึ้นมาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว โดยผู้เข้าร่วมที่มีที่มีคะแนนสะสมเป็นอันดับสุดท้ายนั้นมีคะแนนที่หนึ่งหมื่นหกพันแต้ม ขณะที่อันดับหนึ่งมีคะแนนที่หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นแต้ม แม้ว่าคุณจะขายสภาสิบแปดปีกทั้งหมด แต่คุณก็ยังจะมีคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ไม่มากเพียงพอที่จะใช้เพื่อให้ตัวเองติดอันดับหนึ่งในสามแน่นอน”


ไม่น่าแปลกใจเลยที่บริษัทหลายแห่งได้ตัดสินใจเข้าสู่ God domain ที่แท้พวกเขาก็ทำเพื่อคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่นี่เองสินะ …. เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ซือเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะเฉลิมฉลองอยู่ภายในใจให้กับการค้นพบนี้


สำหรับบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆ เงินนั้นไม่ใช่ปัญหา อย่างไรก็ตามแม้จะมีเงินแต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะใช้เข้าสู่ Upper Zone ชั้นกลางได้ ทรัพยากรหายากต่างๆเป็นสิ่งจำเป็น ในขณะเดียวกันคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ใน God domain นั้นก็หาได้ง่ายกว่าทรัพยากรหายากต่างๆในโลกแห่งความจริงที่บริษัทกรีนก๊อดต้องการอย่างไม่ต้องสงสัยเลย


เมื่อเห็นว่าซือเฟิงยังคงมีท่าทีไม่ยอมแพ้ เครุยก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว ก่อนที่เธอจะชี้ไปอาคารหนึ่งร้อยชั้นที่อยู่ใกล้ๆ และกล่าวว่า “หากคุณต้องการจะเข้าร่วม คุณก็สามารถจะไปลงทะเบียนได้ที่นั่น เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ลงทะเบียนจะบอกคุณเองว่า คุณจะสามารถรับคะแนนสะสมมาได้อย่างไร”


ซือเฟิงพยักหน้าตอบสนองคำพูดของเครุย ตอนนี้เขาได้เริ่มร่างแผนการต่างๆขึ้นในใจแล้ว


หากเป็นไอเทมอื่นๆใน God domain เขาก็จะมีปัญหาแน่นอนในการจะปฎิบัติตามข้อกำหนดของบริษัทกรีนก๊อด อย่างไรก็ตามสำหรับคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่นั้นมันเป็นเรื่องราวที่แตกต่างออกไป แม้ว่าการจะได้รับคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่จะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขา แต่มันก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่มีวิธีซะทีเดียว ….


หลังจากนั้นซือเฟิงก็เดินตามเครุยเข้าไปในอาคารสำนักงานของบริษัทกรีนก๊อดในชั้นพื้นฐาน อาคารสำนักงานของบริษัทกรีนก๊อดนั้นมีคนอยู่น้อยมากๆ และแม้ว่าเขาจะมาถึงพื้นที่ลงทะเบียนชั้นสองแล้ว แต่ซือเฟิงก็พบว่ามีคนอื่นๆนอกจากเขาอยู่เพียงสองคนเท่านั้น โดยหนึ่งในนั้นคือหญิงสาวสวยอายุประมาณยี่สิบหกปี และอีกคนหนึ่งก็คือหงซินหยวน จากวิธีที่หงซินหยวนใช้ในการพูดคุยกับหญิงสาวผู้นี้อย่างอ่อนน้อม มันก็เห็นได้ชัดว่าเธอมีตำแหน่งสูงกว่าหงซินหยวนแน่นอน เพราะท้ายที่สุดแม้แต่สายตาของหงซินหยวนก็ยังเต็มไปด้วยความเคารพขณะที่เขามองไปยังหญิงสาวคนนี้


“เครุย ในที่สุดเธอก็มาถึงสักที” หงซินหยวนถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเขาเห็นเครุยและซือเฟิงเดินเข้ามาในพื้นที่ลงทะเบียน จากนั้นเขาก็ถามอย่างประหลาดใจว่า “แล้วมู่ฉินอยู่ที่ไหน ? ไม่ได้มาด้วยกันงั้นหรอ ?”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)