Reincarnation Of The Strongest Sword God 2738-2740

 ตอนที่ 2738 พันธมิตรไตรภาคี


“มรดกที่สมบูรณ์ขั้นสามของอาชีพต่างๆ ?”


อิลูซะรี่เวิร์ด อันยีลดิ้งฮาร์ท บลูเกาน์ และมู่หลิงชาอดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังซือ

เฟิงด้วยความตกใจและไม่อยากจะเชื่อ


โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับรุ่นเยาว์หน้าใหม่ของจักรพรรดิคริมสันอย่าง บลูเกาน์ ที่เธอคิดว่าคำพูดของซือเฟิงมันไม่น่าจะเป็นไปได้จริงเลย


ในยุคปัจจุบันของ God domain อาณาจักรและจักรวรรดิต่างๆเริ่มมีการปิดกั้นมรดกขั้นสามแล้ว พวกเขาถือว่ามรดกขั้นสามเป็นสมบัติล้ำค่า และบุคคลภายนอกเช่นผู้เล่นไม่ควรคิดที่จะอ้างถึงหรือได้รับมรดกไปด้วยซ้ำ ตัวเลือกเดียวที่ผู้เล่นมีสำหรับการจะเข้าให้ถึงขั้นสามให้ได้ คือการค้นหามรดกขั้นสามที่สูญหาย และกระจัดกระจายไปซึ่งซ่อนอยู่ในแผนที่เป็นกลางเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย แต่ถึงกระนั้นตอนนี้ซือเฟิงกับบอกพวกเขาว่า พวกเขาสามารถจะรับเอามรดกที่สมบูรณ์ขั้นสามจากหอคอยแห่งพันธสัญญาลับได้ จะให้เธอเชื่อเรื่องนี้ได้ยังไง ?


“สิ่งที่คุณพูดเป็นความจริงรึปล่าว หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ?” อิลูซะรี่เวิร์ดถาม หากหอคอยแห่งพันธสัญญาลับเหมาะสำหรับการใช้ช่วยเพิ่มเลเวลให้กับผู้เล่นให้กับผู้เล่นเท่านั้น มันก็จะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อมหาอำนาจอย่างจักรพรรดิคริมสันมากเกินไป นี่เป็นเพราะว่าขั้นคือทุกสิ่งใน God domain และเลเวลเป็นเพียงเรื่องรองเท่านั้น


อย่างไรก็ตามในขณะนี้มหาอำนาจต่างๆกำลังมีปัญหากับเควสเลื่อนขั้น ขั้นสามอย่างมาก ไม่ต้องพูดถึงเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ที่ยากกว่ามากเลย อันที่จริงความยากของการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสามในตอนนี้นั้นสูงมากจนมหาอำนาจต่างๆเริ่มจะใช้จำนวนผู้เล่นขั้นสามที่พวกเขามีเป็นตัวเปรียบเทียบความแข็งแกร่งระหว่างกันแล้ว


หากสิ่งที่ซือเฟิงพูดเป็นความจริง และหอคอยแห่งพันธสัญญาลับมีมรดกที่สมบูรณ์ขั้นสามอยู่จริงๆ นี่มันก็จัดว่าเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจอย่างไม่น่าเชื่อ !! และหากข่าวเรื่องนี้รั่วไหลออกไป มันก็จะส่งผลให้เกิดความโกลาหลไปทั่ว God domain แน่นอน เพราะท้ายที่สุด แม้จะมีผู้เล่นหลายคนที่มาถึงเลเวลหนึ่งร้อยแล้ว แต่ผู้เล่นที่ทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสามผ่านจริงๆก็ยังคงจัดว่าหายากมากๆ


หากใครสามารถได้รับมรดกที่สมบูรณ์ขั้นสาม การทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสามสำหรับอาชีพที่เป็นของมรดกที่พวกเขาได้รับมามันก็จะง่ายขึ้นมาก นี่คือสาเหตุที่ NPC สามารถเข้าถึงขั้นสามได้ง่ายกว่าผู้เล่นมาก หากความยากของเควสเลื่อนขั้น ขั้นสามของผู้เล่นลดลง จำนวนผู้เล่นที่จะสามารถไปถึงขั้นสามได้ก็จะเพิ่มขึ้นแน่นอน


“พวกคุณสามารถจะไปตรวจสอบเรื่องนี้เป็นการส่วนตัวได้ในภายหลัง” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ “อย่างไรก็ตามพวกคุณต้องตัดสินใจก่อนว่าเราจะร่วมมือกันหรือไม่ ?”


“อันยีลดิ้งโซลยินดีจะร่วมมือกับสภาสิบแปดปีกแน่นอน !!!” อันยีลดิ้งฮาร์ทกล่าวโดยไม่ลังเล


“จักรพรรดิคริมสันเองก็เช่นกัน พวกเราจะไม่ยอมพลาดโอกาสนี้แน่นอน !!!” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวพลางพยักหน้า อย่างไรก็ตามจากนั้นเธอก็พูดต่ออย่างเป็นห่วงว่า “แต่เมื่อมันมีสามกิลของพวกเรา ฉันก็กลัวว่ามันจะเป็นเรื่องยากมากที่จะปิดล้อมเมืองสกายสปริง ไม่ต้องพูดถึงการปกปิดความลับที่แท้จริงของหอคอยแห่งพันธสัญญาลับเลย


การปิดล้อมเมือง NPC นั้นนับเป็นเรื่องที่ท้าทายมากๆ เนื่องจากผู้เล่นสามารถจะเทเลพอร์ตเข้ามายังเมือง NPC ได้อย่างอิสระ และผู้เล่นเช่นตัวพวกเขาเองก็จะไม่มีอำนาจป้องกันสิ่งนี้ อย่างมากที่สุดพวกเขาก็จะสามารถป้องกันไม่ให้ผู้เล่นในเมืองออกจากประตูหลัก และฆ่าใครก็ตามที่ยืนยันจะทำเช่นนั้นได้ อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากประตูหลักแล้ว ผู้เล่นยังมีวิธีการอื่นในการออกจากเมือง NPC อีก ตัวอย่างหนึ่งก็เช่น ม้วนคัมภีร์เทเลพอร์ตแบบกลุ่มขั้นสามที่ซือเฟิงใช้ ปัญหาเรื่องที่สองคือเรื่องหอคอยแห่งพันธสัญญาลับที่มีมรดกที่สมบูรณ์ขั้นสาม หากอันยีลดิ้งโซลและจักรพรรดิคริมสันส่งผู้เล่นจำนวนมากมาเพื่อตามล่าหามรดก สายลับของมหาอำนาจที่อยู่ในกิลทั้งสองของพวกเขาก็จะค้นพบเรื่องนี้อย่างรวดเร็วแน่นอน และในเวลานั้นการปิดล้อมเมืองสกายสปริงก็จะกลายเป็นสิ่งที่ท้าทายมากยิ่งขึ้น ในความเป็นจริงมันอาจกลายเป็น เป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ


“พวกคุณสามารถวางใจเรื่องนี้ได้เลย เนื่องจากพวกคุณตกลงที่จะร่วมมือ สิ่งที่จะตามมาต่อไปมันก็เป็นเรื่องง่าย” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ จากนั้นเขาก็หยิบโทเค่นทองคำออกมาและอธิบายว่า “นี่คือโทเค่นของเมืองสกายสปริง สภาสิบแปดปีกได้เข้ารักษาการณ์และควบคุมเมืองสกายสปริงแล้ว และกิลก็ได้รับสิทในการจัดการเมืองบางส่วนโดยตรงด้วย”


“สิทในการจัดการเมืองบางส่วนโดยตรง ?” ดวงตาของอิลูซะรี่เวิร์ดเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง เมื่อเธอจ้องมองไปยังโทเค่นในมือของซือเฟิง


NPC นั้นจะคอยจัดการเมืองของ NPC ที่อยู่ในอาณาจักรและจักรวรรดิต่างๆ ดังนั้นกิลใดก็ตามที่ได้รับสิทในการจัดการเมืองของ NPC บางส่วนโดยตรง แม้จะเพียงแค่เล็กน้อย แต่กิลๆนั้นก็จะสามารถจัดการเมืองของ NPC ได้อย่างมั่นคงแน่นอน กิลอื่นๆจะไม่มีทางแย่งการควบคุมเมืองไปจากกิลที่มีสิทในการจัดการเมืองได้เลย


กล่าวอีกนัยหนึ่งคือตอนนี้มันเท่ากับว่าสภาสิบแปดปีกสามารถเข้าครอบครองเมืองสกายสปริงได้แล้ว


“นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสิทธิพิเศษที่กิลที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากวิหารเทพสงครามได้มางั้นหรอ ?” อันยีลดิ้งฮาร์ทมองไปยังโทเค่นในมือของซือเฟิงด้วยความอิจฉา เขาต้องยอมรับเลยว่าสิทธิพิเศษนี้มันน่าทึ่งมากจริงๆ


ด้วยสิทธิพิเศษนี้ มันก็จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้นก่อนที่สภาสิบแปดปีกจะเหนือกว่ากิลคู่แข่ง


แม้ว่าเมืองกิลจะมีศักยภาพในการพัฒนาที่ยอดเยี่ยม แต่เมืองของ NPC ก็ยังคงจัดว่ามีอิทธิพลต่อ God domain ในปัจจุบันมากที่สุด การเดินทางไปมาระหว่างเมือง NPC นั้นมันสะดวกสบายอย่างไม่น่าเชื่อ ยิ่งไปกว่านั้นเมืองของ NPC ทุกเมืองล้วนมีร้านค้าและบ้านประมูลที่ขายสินค้าที่จำเป็นสำหรับผู้เล่นอิสระ และแม้แต่มหาอำนาจต่างๆทั้งหมดอยู่ด้วย


การได้เข้าครอบครองเมือง NPC แบบนี้ มันหมายถึงการได้มาซึ่งเหมืองทองคำที่เป็นแหล่งรายได้ที่มั่นคง และในเมืองของ NPC แบบนี้ มันก็แทบไม่จำเป็นจะต้องจัดการเมืองมากเลยเพื่อให้ได้มาซึ่งรายได้จำนวนมาก นี่คือสิ่งที่มหาอำนาจต่างๆนั้นล้วนใฝ่ฝันที่จะมี ….


“ถูกต้อง นี่เป็นสิทธิพิเศษสำหรับกิลที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากวิหารเทพสงคราม” ซือเฟิงกล่าวโดยไม่ได้สนใจที่จะปกปิดความจริง “ด้วยโทเค่นนี้ ฉันสามารถจะออกคำสั่งแบนห้ามใช้สิ่งที่เกี่ยวข้องกับเวทย์มนต์ทุกอย่างในเมืองสกายสปริงเพื่อป้องกันการใช้เครื่องมือเทเลพอร์ตได้ ด้วยวิธีนี้ผู้เล่นจะสามารถทำได้แค่เดินเท่านั้น หากต้องการจะออกจากเมือง”


“นอกจากนี้เพื่อรักษาความลับเรื่องมรดกที่สมบูรณ์ขั้นสามของหอคอยแห่งพันธสัญญาลับไว้ กิลทั้งสามของเราควรพึ่งพาแค่สมาชิกกองกำลังหลักเท่านั้นในการตามล่าหามรดก และพูดกันตามตรงจะเริ่มต้นด้วยผู้เล่นจำนวนมากไหม มันก็ไม่สำคัญ เพราะทีมขั้นสามทั่วไปจะไม่สามารถอยู่รอดได้เลยในชั้นแรกๆที่มีมรดกดรอปอยู่ ไม่ต้องพูดถึงการค้นหามรดกทั้งหมด …. แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับตลอดไป อย่างไรก็ตามในระยะนี้ของเกม ฉันก็ต้องการจะซ่อนมันไว้ให้ได้นานที่สุด”


อิลูซะรี่เวิร์ดและอันยีลดิ้งฮาร์ทพยักหน้าเห็นด้วยกับซือเฟิงในเรื่องนี้ พวกเขาเองก็รู้สึกว่านี่เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้สิ่งต่างๆออกมาดีที่สุดสำหรับกิลทั้งสามของพวกเขา และตราบใดที่กิลของพวกเขาได้รับมรดกที่สมบูรณ์ขั้นสามมาครบแล้ว พวกเขาก็จะได้กลายเป็นผู้นำเหนือกิลอื่นๆอยู่แล้ว แถมท้ายที่สุดยิ่งพวกเขาเก็บความลับเรื่องนี้ได้นานเท่าไหร่ พวกเขาก็จะยิ่งได้รับประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น


“งั้นเราก็มาเซ็นสัญญากันเลย” ซือเฟิงกล่าวขณะที่เขาดึงสัญญาสองฉบับออกมายื่นให้กับกิลทั้งสอง


ในตอนแรกซือเฟิงก็ต้องการจะเชิญให้ศาลาลับมาเข้าร่วมพันธมิตรนี้ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามศาลาลับเป็นกิลที่มุ่งเน้นไปในด้านธุรกิจ และมักจะแยกตัวออกมาจากการต่อสู้ระหว่างกิล ถ้าศาลาลับทำการปิดล้อมเมืองของ NPC ทั้งเมืองอย่างกระทันหัน มันจะสร้างความปั่นป่วนอย่างมาก กล่าวอีกนัยหนึ่งคือมันจะดูค่อนข้างผิดปกติมากๆ


ดังนั้นอันยีลดิ้งโซล และจักรพรรดิคริมสัน จึงเหมาะสมกว่ามากในการจะเลือกเป็นหุ้นส่วนและพันธมิตรในครั้งนี้ เพราะท้ายที่สุดตอนนี้ทั้งสองกิลนั้นก็อยู่ในสถานะที่อ่อนแอลง และการปิดล้อมเมืองของ NPC ทั้งเมืองเพื่อแสวงหาทรัพยากรเพิ่มเติมถือเป็นเรื่องปกติสำหรับพวกเขา และแม้ว่ามหาอำนาจอื่นๆจะพบว่าเป้าหมายของกิลคือหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ แต่มหาอำนาจส่วนใหญ่ก็จะคิดว่าหอคอยนี้แค่ช่วยให้ผู้เล่นเก็บเลเวลได้ไวขึ้นเท่านั้น


สำหรับการจะปิดล้อมเมืองสกายสปริงอย่างถาวร ซือเฟิงไม่เคยคิดจะทำแบบนั้นเลย


สภาสิบแปดปีกนั้นต้องการเงินทุนอย่างมาก แม้ว่าการปิดล้อมเมืองสกายสปริงเพื่อให้กิลมีความได้เปรียบอาจจะดีในระยะสั้น แต่หากทำไปตลอด มันก็จะไม่เกิดประโยชน์อะไรเพิ่มเติม โชคดีที่แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างรายได้จากผู้เล่นและมหาอำนาจต่างๆในขณะที่เมืองสกายสปริงถูกปิดล้อม แต่รายได้ที่เขาจะได้รับจากจักรพรรดิคริมสัน และอันยีลดิ้งโซล มันก็ยังคงจัดว่ามีอยู่มาก


เพราะท้ายที่สุดทั้งจักรพรรดิคริมสัน และอันยีลดิ้งโซล ล้วนมีสถานที่พักกิลอยู่ในเมืองปีกสีเงิน เมื่อเทียบกับการเทเลพอร์ตไปยังเมืองสกายสปริงจากเมือง NPC ของอาณาจักร และจักรวรรดิอื่นๆ ซึ่งจะต้องเสียค่าใช้จ่ายอย่างน้อยสี่เหรียญทอง การเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าหนึ่งเหรียญทองเพียงเล็กน้อยต่อคนในการเทเลพอร์ตจากเมืองปีกสีเงินไปยังเมืองสกายสปริงย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า ในขณะเดียวกันสภาสิบแปดปีกก็ได้จะรับผลกำไรครึ่งหนึ่งจากห้องเทเลพอร์ตของเมืองปีกสีเงิน ….


ในเวลานั้นสภาสิบแปดปีกก็จะมีรายได้อย่างมากจากค่าเทเลพอร์ต และค่าเข้าเมืองของจักรพรรดิคริมสัน กับอันยีลดิ้งโซล เพราะท้ายที่สุดทั้งสองกิลจะส่งผู้เล่นจำนวนมากเข้ามายังหอคอยแห่งพันธสัญญาลับเพื่อเก็บเลเวลแน่นอน และรายได้พวกนี้ก็จะหักล้างการสูญเสียที่สภาสิบแปดปีกได้รับจากการทำการจำกัดไม่ให้ NPC เข้าเมืองลงไปได้


อย่างไรก็ตามการหาเงินจากทั้งสองกิลนั้นไม่ใช่แผนระยะยาว เนื่องจากทั้งสองกิลมีผู้เล่นและเงินที่จำกัด หลังจากนั้นอิลูซะรี่เวิร์ด และอันยีลดิ้งฮาร์ทก็ได้เซ็นสัญญาความร่วมมือระหว่างกิลกับซือเฟิง ในนามของตัวแทนกิลของพวกเขา


เงื่อนไขนั้นง่ายมาก อันยีลดิ้งโซลและจักรพรรดิคริมสันจะช่วยทำการปิดล้อมเมืองสกายสปริงจากภายนอก และนอกเหนือจากสมาชิกกองกำลังหลักของกิลแล้ว สมาชิกคนอื่นๆของกิลทั้งสองยังคงถูกห้ามไม่ให้เข้าสู่หอคอยแห่งพันธสัญญาลับชั้นที่สามสิบหรือสูงกว่านั้นจนกว่าความลับของหอคอยจะถูกสาธารณชนค้นพบ


แล้วก็อันยีลดิ้งโซลกับจักรพรรดิคริมสันก็จะหารครึ่งเรื่องค่าใช้จ่ายที่เป็นคริสตัลเวทย์มนต์ในการใช้เวทย์มนต์ออกคำสั่งแบนการใช้เวทย์มนต์ทุกอย่างในเมืองสกายสปริง


พูดกันตามตรง เงื่อนไขนี้มันทำให้ทั้งสองกิลจัดว่าเสียเปรียบค่อนข้างมากเลยทีเดียว เพราะโดยพื้นฐานแล้วพวกเขาจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมทั้งกำลังคนและทรัพยากร อย่างไรก็ตามอันยีลดิ้งฮาร์ท และอิลูซะรี่เวิร์ดก็ไม่ได้บ่นใดๆในเรื่องนี้ เนื่องจากท้ายที่สุดนั้น ซือเฟิงได้เปิดโอกาสให้ทั้งสองกิลของพวกเขาขึ้นมาอยู่เหนือกว่ามหาอำนาจอื่นๆ ยิ่งไปกว่านั้นหากปราศจากซึ่งพวกเขา สภาสิบแปดปีกก็ยังสามารถจะเป็นพันธมิตรกับมหาอำนาจอื่นๆได้ด้วย ในทางกลับกันกิลทั้งสองของพวกเขามีแต่สภาสิบแปดปีกเท่านั้น

หลังจากทั้งสามเซ็นสัญญากันเรียบร้อย อิลูซะรี่เวิร์ดและคนอื่นๆก็กลับไปที่กิลของตนทันทีเพื่อสรุปเรื่องสัญญาทั้งหมดนี้ให้กับผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆของกิลตนฟัง ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็จะเริ่มเตรียมการที่จำเป็นเพื่อปิดล้อมเมืองสกายสปริง และส่งคนของพวกเขาเข้าไปในหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ


เรื่องนี้นับมีความสำคัญสูงสุดกับทั้งสองกิล ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องระมัดระวังในการกระทำแต่ละอย่างของพวกเขามากๆ นอกจากนี้มันก็ยังต้องใช้เวลาพอสมควรในการจะปิดล้อมเมืองสกายสปริง


ในทำนองเดียวกัน ซือเฟิงก็ได้ออกคำสั่งให้ไฟเออร์แดนซ์ ยู่หลาน และคนอื่นๆเตรียมพร้อมในเรื่องนี้เช่นกัน


หลังจากเห็นว่าไม่มีอะไรเหลือให้เขาทำแล้ว เขาจึงเลือกจะออฟไลน์ไปเพื่อพักผ่อน แม้ว่าการออนไลน์อยู่ในเกมเป็นเวลานานกว่ายี่สิบสี่ชั่วโมงจะไม่ทำให้เขาได้รับอัน

ตรายใดๆ แต่เขาก็ยังจำเป็นที่จะต้องออกกำลังกายทุกวันในโลกแห่งความจริง


สำนักงานใหญ่หลักสภาสิบแปดปีก ห้องรับรองชั้นบนสุด :


เมื่อถึงเวลาที่ซือเฟิงกลับสู่โลกแห่งความจริง ดวงอาทิตย์ด้านนอกก็ส่องสว่างไปทั่วทั้งห้องแล้ว ซึ่งมันก็เป็นเวลาใกล้เที่ยง ….


“หัวหน้ากิล ในที่สุดหัวหน้าก็กลับออกมา” จู่ๆเหลียงจิงก็ติดต่อซือเฟิงเข้ามาด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริง ก่อนที่เธอจะกล่าวต่อว่า “มิสมู่ฉินรอหัวหน้าอยู่ที่ห้องรับรองมาระยะหนึ่งแล้ว เธอบอกว่าเธอมาที่นี่เพื่อส่งมอบทุกสิ่งที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้เธอก็ยังจะมอบเงินทุนอัดฉีดให้สภาสิบแปดปีกสามร้อยล้านเครดิต โดยไม่มีพันธะใดๆด้วย”


สามร้อยล้านเครดิต !!!


ด้วยเงินจำนวนนี้ สภาสิบแปดปีกจะสามารถอยู่รอดได้ระยะหนึ่งเลย แม้ว่าจะไม่ทำการขายเหรียญทองเป็นเครดิตก็ตาม


“เธอมาเร็วจริงๆ ….” ซือเฟิงค่อนข้างประหลาดใจกับเรื่องนี้


เขาคาดเดาว่าเขาน่าจะต้องอีกสองถึงสามวัน เพราะท้ายที่สุดแล้วค่าตอบแทนที่ฟรอสต์ฮีฟเว่นสัญญาไว้กับสภาสิบแปดปีกนั้นมันมีจำนวนมหาศาลมากๆ นอกจากนี้มันยังมีเรื่องของช่องเข้าสู่ Upper Zone อีกสามช่องด้วย และพูดกันตามตรงแค่การรวบรวมสารอาหารเหลวระดับ S ห้าสิบขวดที่เหลือตามที่ตกลงกันไว้ตอนแรก

ฟรอสต์ฮีฟเว่นก็ควรจะต้องใช้ระยะเวลาประมาณหนึ่งในการรวบรวม


“หัวหน้าต้องการจะพบเธอตอนนี้เลยไหม ?” เหลียงจิงถาม


“แน่นอน” ซือเฟิงพยักหน้า “แต่อย่างไรก็ตามให้ฉันทำความสะอาดตัวเองก่อน ฉันจะรีบตรงไปที่นั่นทันทีที่ทำเสร็จ”


ตอนที่ 2739 Upper Zone


สำนักงานใหญ่หลักสภาสิบแปดปีก ห้องรับรอบชั้นบนสุด :


หลังจากซือเฟิงจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบเดินเข้าไปที่ห้องรับรอง ซึ่งเมื่อเข้ามาในห้องเขาก็สังเกตเห็นเด็กผู้หญิงสองคนนั่งอยู่ริมหน้าต่าง และกำลังเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ด้านนอก ในบรรดาเด็กผู้หญิงสองคน คนโตนั้นคือมู่ฉิน ซึ่งซือเฟิงเคยพบเจอมาบ้างแล้ว โดยมู่ฉินนั้นสวมชุดวันพีซสีม่วงฟ้า และเธอก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นเดียวกับแสงแดดในฤดูร้อนที่ให้ความอบอุ่นอย่างไม่อาจบรรยายได้ ออร่าของเธอในโลกแห่งความเป็นจริงนั้นไม่เหมือนกับออร่าที่เคร่งขรึมของเธอใน God domain เลย


ขณะเดียวกันเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่นั่งข้างมู่ฉินนั้นก็สวมเสื้อสเวตเตอร์สีขาวและกางเกงยีนส์ แม้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้จะอายุน้อยกว่า แต่เธอก็ให้ความรู้สึกที่บริสุทธิ์และสงบมากๆ อย่างไรก็ตามเมื่อวัดจากรูปล่างที่เล็กน่ารักของเธอ มันก็ทำให้เธอดูเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่พยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่เท่านั้น


เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่ซือเฟิงเคยพบมาบ้างแล้วใน God domain เธอคือเครุย น้องสาวของมู่ฉิน


“ซือเฟิง ในที่สุดคุณก็ปรากฎตัวออกมาได้สักทีนะ คุณรู้ไหมว่าคุณให้เรารออยู่ที่นี่นานแค่ไหน ?” เครุยกล่าว ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ขณะที่เธอจ้องมองไปยังซือเฟิง


“ไม่ต้องไปฟังเธอ เราไม่ได้รอนานมานักหรอก ….” มู่ฉินกล่าวพลางส่ายหัว “ฉันและน้องสาวของฉันได้ใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานี้ในการพักผ่อนและชื่นชมทิวทัศน์ของเมืองในโลกภายนอกรอคุณมาน่ะ …. และจากสิ่งที่ฉันได้เห็นมาทั้งหมดจนถึงตอนนี้ ฉันต้องบอกเลยว่านี่มันเป็นความรู้สึกที่สนุกสนานมากทีเดียว”


คำพูดของมู่ฉินทำให้ซือเฟิงสับสนเล็กน้อย “ชื่นชมทิวทัศน์ของเมืองในโลกภายนอกงั้นหรอ ?”


“โอ้ ใช่แล้ว ฉันยังไม่ได้บอกคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้ ….” เมื่อสังเกตเห็นความสับสนบนใบหน้าของซือเฟิง มู่ฉินก็ยิ้มบางๆ และพูดว่า “ฉันและน้องสาวของฉันอาศัยอยู่ใน Upper Zone มาโดยตลอด และเราสองคนก็แทบจะไม่ได้ออกจากที่นั่นเลย”


“ฉันเข้าใจล่ะ” ซือเฟิงพยักหน้า อย่างไรก็ตามคำพูดของมู่ฉินมันก็ทำให้เขาสับสนเล็กน้อยจนเขาอดไม่ได้ที่จะถาม “มิสมู่ฉิน มันไม่มีทิวทัศน์แบบนี้ในเมืองของ Upper Zone งั้นหรอ ?”


Upper Zone ทั้งหมดถูกก่อตั้งขึ้นในมหานครชั้นหนึ่ง และตามเหตุผลแล้วทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองควรจะเป็นเรื่องปกติมากๆในมหานครแบบนี้ อันที่จริงทิวทัศน์ของมหานครเหล่านี้น่าจะงดงามมากกว่าทิวทัศน์ที่มองเห็นได้จากสำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีกซะอีก


“คุณจะเข้าใจเอง เมื่อได้เข้าไปที่ Upper Zone” มู่ฉินกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร “Upper Zone นั้นแตกต่างจากสถานที่อื่นๆ แม้ว่าลุงหงจะมอบช่องสามช่องในการเข้าสู่ Upper Zone ให้แก่คุณ แต่คุณก็ยังต้องไปลงทะเบียกับ Upper Zone ก่อนจึงจะสามารถเข้าได้ อย่างไรก็ตามเนื่องด้วย Upper Zone มันเป็นเรื่องใหม่กับคุณ และคุณก็ไม่มีความคุ้นเคยกับมันเลย ดังนั้นลุงหงจึงได้ส่งฉันมาคุ้มกันคุณเพื่อที่คุณจะได้หลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็นได้”


“ใช่แล้ว หากคุณไม่มีผู้ประสบการณ์อย่างเราคอยแนะนำ และเป็นไกด์ให้ คุณจะต้องเผชิญกับปัญหามากมายแน่นอน เมื่อคุณเข้าสู่ Upper Zone” เครุยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “และบางทีคุณอาจถูกไล่ออกจาก Upper Zone ได้เลยด้วยความผิดพลาดเพียงแค่ครั้งเดียว”


มู่ฉินมองไปยังเครุย แต่อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่ได้คิดจะหักล้างคำพูดใดๆของน้องสาวเธอ


เมื่อซือเฟิงได้ยินดังนี้ เขาก็มองไปที่มู่ฉินก่อนจะกล่าวว่า “ฉันคงต้องรบพวกคุณหน่อยแล้ว”


“ไม่มีปัญหา นี่มันไม่ได้เป็นการรบกวนอะไรเลย” มู่ฉินส่ายหัว จากนั้นเธอก็พูดต่อเบาๆว่า “ทางฉันต้องขอบคุณ คุณอย่างมากด้วยซ้ำที่ทำให้ฟรอสต์ฮีฟเว่นได้รับตำแหน่งสำรองของสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่มาได้”


หลังจากพูดจบมู่ฉินก็หยิบกระเป๋าเอกสารสีดำข้างที่นั่งของเธอออกมา


“มันมีสารอาหารเหลวระดับ S ห้าสิบขวดอยู่ในนี้ คุณควรจะจัดเก็บมันให้ดี” มู่ฉินกล่าวหลังเปิดกระเป๋าเอกสาร จากนั้นเธอก็เตือนว่า “อย่างไรก็ตามแม้ว่าสารอาหารเหลวระดับ S จะจัดเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม แต่ก็ควรจะหลีกเลี่ยงการใช้มันมากเกินไปนะ เพราะมันเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่สมบูรณ์”


“มันเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่สมบูรณ์งั้นหรอ ?” ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจกับข้อมูลนี้


สารอาหารเหลวระดับ S เป็นสิ่งที่ผู้คนนับไม่ถ้วนล้วนต่อสู้แย่งชิงกันเพื่อให้ได้มา แะความจริงที่ว่ามันช่วยคงความเยาว์วัยไว้ได้ของผู้ใช้มันไว้ในระดับหนึ่งมันก็จัดเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อมากแล้ว แต่สารอาหารเหลวระดับ S นี้กับเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่สมบูรณ์เนี่ยนะ ?


“ถูกต้อง มันมันยังไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์ ดังนั้นคุณควรจะใช้มันให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้” เครุยกล่าวพลางพยักหน้า จากนั้นเธอก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “ในเมื่อคุณกำลังจะเข้าสู่ Upper Zone มันก็เป็นเรื่องที่คุณควรรู้ว่าสารอาหารเหลวระดับ S นั้นเป็นเพียงผลิตภัณฑ์ที่มีข้อบกพร่อง แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากมันส่งผลอัศจรรย์ประมาณหนึ่งต่อร่างกายมนุษย์ บริษัทกรีนก๊อดจึงได้ตัดสินใจจะขายมันในปริมาณเล็กน้อย อย่างไรก็ตามที่ Upper Zone นั้น เราไม่แนะนำให้คุณดื่มมัน !!!”


มู่ฉินพยักหน้าสนับสนุนคำพูดของเครุย


“จนถึงตอนนี้ เครุยกับฉันได้ดื่มสารอาหารเหลวระดับ S ไปแค่ราวสองถึงสามขวดเท่านั้น เนื่องจากสถานการณ์ที่พิเศษ และลุงหงก็ได้เตือนเรากับสั่งห้ามเราดื่มเพิ่มอย่างเด็ดขาดแล้ว ซึ่งลุงหงก็ไม่ใช่คนที่จะคิดร้ายต่อเรา ดังนั้นคุณควรระมัดระวังเรื่องการใช้สารอาหารเหลวระดับ S ให้ดี” มู่ฉินกล่าวอย่างจริงจัง


เมื่อได้ยินคำพูดยืนยันมาแบบนี้ ซือเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะเพิ่มความระมัดระวังในเรื่องสารอาหารเหลวระดับ S มากขึ้น จากนั้นเขาก็พูดว่า “ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะให้คนของฉันดื่มมันให้น้อยที่สุด”


หากแม้แต่ที่ Upper Zone ก็ยังแนะนำไม่ให้ดื่มสารอาหารเหลวระดับ S มันก็แสดงว่าผลิตภัณฑ์นี้มีปัญหาอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามปัญหาพวกนี้คืออะไร มันก็คงมีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้


โชคดีที่นอกจากตัวเขาเองแล้ว คนอื่นๆในกิลนัั้นก็ไม่ได้บริโภคสารอาหารเหลวระดับ S ในปริมาณมากนัก


“ตอนนี้ในเมื่อทุกเรื่องเรียบร้อยแล้ว ….” เนื่องจากพี่สาวของเธอได้จัดการส่งมอบทุกอย่างให้ซือเฟิงตามข้อตกลงแล้ว เครุยจึงพูดอย่างตื่นเต้นกันว่า “งั้นเราเข้าไปที่ Upper Zone กันเถอะ !!!”


“เราจะไปที่นั่นกันตอนนี้เลยงั้นหรอ ?” ซือเฟิงรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย


Upper Zone ถูกก่อตั้งขึ้นเฉพาะในเขตมหานครชั้นหนึ่งบางเมือง ซึ่งมันต้องใช้เวลาบินไปหลายชั่วโมง แต่ตอนนี้เวลาได้ผ่านไปครึ่งวันแล้ว ….


“แน่นอนสิ เราได้เตรียมเครื่องบินเจ็ทความเร็วเหนือเสียงไว้พร้อมแล้ว” เครุยกล่าวอย่างสบายๆ “หากเราพลาดโอกาสในวันนี้ การนัดหมายครั้งอื่นมันจะเป็นเรื่องที่

ยากมากๆ”


“เครุยพูดถูก แม้ว่าลุงหงจะได้สถานะที่จำเป็นแก่คุณในการเข้าสู่ Upper Zone แล้ว แต่การเข้าสู่ Upper Zone จริงๆมันก็ยังไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากระหว่างเราทั้งหมดมันเรียบร้อยแล้ว เราจึงควรจะรีบดำเนินการในเรื่องนี้ทันที” มู่ฉินกล่าวเชิงเห็นด้วยกับเครุย


“งั้นก็ตกลง แต่ฉันขอไปเตรียมการบางอย่าง และสั่งงานที่นี่ให้เรียบร้อยก่อน แล้วเดี๋ยวฉันจะตามไปพบคุณในภายหลัง ….” ซือเฟิงกล่าวโดยไม่ลังเล


ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ต้องการไปเยี่ยมชม Upper Zone เช่นกัน นี่ยังไม่ต้องพูดถึงสถานการณ์ของอควาโรสและเสวี่ยเหวินโหรวที่ไม่ได้อยู่ในจุดที่ดีมากนัก ซึ่งหากปล่อยไว้นานกว่านี้ ทั้งสองก็อาจจะถึงขั้นโคม่าได้


ยิ่งไปกว่านั้นในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา Upper Zone ก็ยังเป็นสถานที่ที่แม้แต่พวกผู้บริหารระดับสูงของกิลชั้นยอด และซุเปอร์กิลปราถนาที่จะได้อาศัยอยู่ ไม่ต้องพูดถึงหัวหน้ากิลชั้นรองแบบตัวเขาเองเลย Upper Zone เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยแม้แต่จะฝันถึง


การที่มู่ฉินเต็มใจจะพาเขาไปที่ Upper Zone ด้วยตัวเองมันก็นับเป็นผลประโยชน์สำหรับเขา


หลังจากซือเฟิงเตรียมพร้อมทุกอย่าง พลางฝากเรื่องการจัดการกิลไว้ให้กับเหลียง เขาก็ตรงไปที่สนามบินพร้อมกับมู่ฉิน และเครุย


ระหว่างการเดินทาง ซือเฟิงต้องยอมรับเลยว่าบริษัทโบลเดอร์นั้นร่ำรวยและมีอิทธิพลอย่างแท้จริง ด้วยเครื่องบินเจ็ทความเร็วเหนือเสียงส่วนตัวของบริษัท การเดินทางที่ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในเครื่องบินทั่วไป กับเสร็จสิ้นได้ภายในหนึ่งชั่วโมง


ในตอนท้ายของเที่ยวบิน ทั้งสามก็พบว่าตัวเองมาถึงเมืองหยวนเทียน ซึ่งเป็นหนึ่งในมหานครชั้นหนึ่ง สามแห่งภายในประเทศ ที่เป็นที่ตั้งของ Upper Zone


ในขณะที่ทำการเดินทางข้ามเขตเมืองด้วยด้วยรถแม๊คเกรฟชั้นสูง ซือเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงสิ่งที่เขาได้เห็นมาตลอดทาง


ในฐานะมหานครชั้นหนึ่ง ที่นี่มีประชากรอาศัยอยู่มากกว่าหนึ่งร้อยล้านคน และเรื่องแค่เรื่องนี้มันก็ทำให้เมืองหยวนเทียนแซงหน้าเมืองอื่นๆไปอย่างมากในแง่ของความเจริญรุ่งเรือง นอกจากนี้นี่ยังเป็นหนึ่งในเมืองที่ซือเฟิงปราถนาจะนำสภาสิบแปดปีกมาพัฒนาโดยตลอด เนื่องจากที่นี่มีทรัพยากรที่สำคัญมากมายที่แทบจะไม่สามารถพบได้ในเมืองทั่วไป


ในความเป็นจริงกิลชั้นยอดทั้ง และซุเปอร์กิลทั้งหมดที่ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมเกมเสมือนจริงล้วนมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองที่มี Upper Zone ทั้งหมด เนื่องจากบางครั้ง Upper Zone จะปล่อยทรัพยากรบางส่วนออกสู่โลกภายนอก ซึ่งมันก็จะทำให้พวกเขาที่เฝ้ารออยู่สามารถแย่งชิงทรัพยากรจาก Upper Zone ไปได้อย่างรวดเร็ว เป็นผลให้ทรัพยากรหลุดรอดออกมาสู่โลกภายนอกจริงๆน้อยมาก


เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ซือเฟิงก็พบว่าถนนที่สภาสิบแปดปีกต้องเดินมันยังอีกยาวไกลมากทีเดียว ในขณะเดียวกันหลังจากการเดินทางเป็นเวลาราวหนึ่งชั่วโมงหรือมากกว่านิดหน่อย มู่ฉินก็ได้มาจอดรถในพื้นที่กว้างใหญ่ที่ถูกล้อมรอบไปด้วยกำแพงเหล็ก จากนั้นเธอก็ชี้ไปที่ประตูบานใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆและพูดว่า “เราอยู่ที่นี่แหละ …” หลังจากพูดจบมู่ฉินก็เดินออกจากรถ และพาซือเฟิงไปที่ประตูบานใหญ่


“Upper Zone ตั้งอยู่เบื้องหลังกำแพงนี้งั้นหรอ ?” ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจมากๆ ขณะที่เขามองไปยังประตูขนาดใหญ่ที่มีความสูงกว่าห้าสิบเมตรตรงหน้าเขา และกำแพงเหล็กที่เต็มไปด้วยพลังงานที่ล้อมรอบพื้นที่นี้อยู่


ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา เขาแค่เคยได้ยินเรื่องราวของ Upper Zone เท่านั้น แต่เขามีข้อมูลเกี่ยวกับมันไม่มากนัก แต่ตอนนี้เขากับได้มาเห็นมันด้วยตัวเองทั้งหมด ซึ่งมันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ เพราะ Upper Zone ดูเหมือนจะเป็นอาคารขนาดมหึมาที่ทำจากเหล็กทั้งหมด


“เข้าไปข้างในกันเถอะ” เครุยพูดกับซือเฟิง ในขณะที่เธอชี้ไปที่ทางเดินใต้ประตูบานใหญ่ที่มีคนนับโหลต่อแถวกันอยู่ และเธอก็พูดต่อว่า “อย่างไรก็ตามคุณควรต้องระวังให้มาก เมื่อเข้าไป ….”


“มันมีอะไรพิเศษงั้นหรอ ?” ซือเฟิงถามอย่างสับสน


“คุณจะเข้าใจได้ทันที เมื่อคุณได้เข้าไป ….” เครุยกล่าวด้วยรอยยิ้มสดใส และขี้เล่น เมื่อเธอเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสนของซือเฟิง “อย่างไรก็ตามคุณควรจะเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด เพราะเมื่อคุณเข้าไปข้างในแล้ว คุณอาจจะไม่ได้มีโอกาสกลับมาสู่โลกของคุณอีกเลย”


หลังจากพูดจบ เครุยก็เดินไปที่ทางเดินใต้ประตูบานใหญ่ ขณะที่มู่ฉินก็เดินตามเธอไปด้วยท่าทีที่ยังคงนิ่งเงียบตลอดเวลา


อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นครู่หนึ่งมู่ฉินก็สูดหายใจเข้าลึกๆ พลางมองไปที่ซือเฟิง จากนั้นเธอก็พูดอย่างจริงจังว่า “แม้ว่าเรื่องที่เครุยพูดมามันจะถูก แต่ที่ Upper Zone มันก็ยังมีโอกาสที่คุณไม่สามารถจะจินตนาการได้มากมาย และหากคุณประสบความสำเร็จภายในนั้นในระดับหนึ่ง แม้แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ระหว่างประเทศ และบริษัทนานาชาติต่างๆก็ยังจะต้องปฎิบัติกับคุณด้วยความเคารพ”


“อย่างไรก็ตามตอนนี้เวลาใกล้จะหมดแล้ว เรารีบเข้าไปกันเถอะ !!!”


ตอนที่ 2740 เส้นทางจิต


ซือเฟิงนั้นรู้สึกเห็นด้วยอย่างยิ่งกับคำพูดของมู่ฉิน และคำเตือนของเครุย ในความเป็นจริงเขามีความเข้าใจบางส่วนที่ดีกว่ามู่ฉิน และเครุยด้วยซ้ำว่า Upper Zone นั้นพิเศษและแตกต่างอย่างไรเมื่อเทียบกับโลกภายนอก


ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา นอกเหนือจากมหาอำนาจต่างๆของ God domain แล้ว ผู้เชี่ยวชาญคนใดก็ตามที่ประสบความสำเร็จในการไปถึงขั้นห้าได้ล้วนปราถนาที่จะเข้าสู่ Upper Zone ให้ได้ด้วยเหตุผลบางประการ และความปราถนาของพวกเขาก็อาจพูดได้ว่ามันเป็นความบ้าคลั่ง ซึ่งความบ้าคลั่งแบบนี้มันไม่ใช่สิ่งที่มู่ฉินกับเครุยจะเข้าใจได้เลย


ในตอนนั้นผู้คนเหล่านั้นเต็มใจที่จะเสี่ยงชีวิตเพื่อให้ตัวเองได้เข้าสู่ Upper Zone แถมเรื่องที่คนๆหนึ่งจะสามารถยืดอายุขัยของตัวเองออกไปได้ด้วยการอาศัยใน Upper Zone นั้นมันก็เป็นเรื่องที่น่าดึงดูดใจมากๆด้วย ในความเป็นจริงมันเป็นสิ่งที่แม้แต่บริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งก็ยังต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่งเพื่อให้ได้มา อย่างไรก็ตามในตอนนั้นซือเฟิงสามารถบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่าเหล่าผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าพวกนี้ไม่ได้เสี่ยงชีวิตเพื่อจะยืดอายุขัยของพวกเขา แต่มันเหมือนกับว่ามันมีบางอย่างใน Upper Zone ที่สามารถจะดึงดูดผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ได้


โดยในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิงเรื่องนี้เองที่มันทำให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าจำนวนมาก และผู้เชี่ยวชาญขั้นหกบางส่วนของ God domain หายไปอย่างกระทันหัน โดยไม่มีใครทราบชะตากรรมของพวกเขา


หนึ่งในคนที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในบรรดาผู้ที่หายตัวไปก็คือ ไวโอเล็ทคลาวด์


ในฐานะที่เป็นเครอลิคขั้นหก ขอบเขตพระเจ้า ไวโอเล็ทคลาวด์เป็นตัวตนที่แม้แต่ซุเปอร์กิลต่างๆก็ยังปวดหัวมากๆในการจะหาวิธีรับมือ ในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิงเพื่อที่จะเข้าสู่ Upper Zone ไวโอเล็ทคลาวด์ได้เลือกจะทำข้อตกลงที่ค่อนข้างรุน

แรงกับซุเปอร์กิล และหลังจากเธอทำตามข้อตกลงได้สำเร็จ เธอก็ได้เข้าสู่ Upper Zone


อย่างไรก็ตามเธอก็หายตัวไปจาก God domain เลย นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ….


ดังนั้นซือเฟิงจึงไม่ได้มีข้อโต้แย้งกับคำพูดของมู่ฉิน รวมไปถึงคำเตือนของเครุยเลย และตอนนี้ซือเฟิงก็อยากจะรู้มากๆว่าสรุปแล้ว Upper Zone มันคืออะไรกันแน่


เมื่อซือเฟิงมาถึงบริเวณทางเข้าของทางเดินที่มืดมิด มันก็มีคนหลายสิบคนต่อแถวเรียงกันอยู่แล้ว โดยคนเหล่านี้ถูกแบ่งแยกเพศอย่างเท่าเทียมกัน และไม่มีใครที่อายุเกินยี่สิบปี ส่วนคนที่อายุน้อยที่สุดนั้นมีอายุเพียงสิบหกปี ในขณะเดียวกันแม้จะมีสาวงามอย่างมู่ฉิน และเครุยมาถึง แต่คนเหล่านี้ก็ไม่ได้สนใจทั้งสองคนเลย แต่พวกเขากับดูจะสนใจซือเฟิงซึ่งสวมชุดกีฬาสบายๆมากกว่า


“มีผู้มาใหม่อีกคนแล้ว ….”


“ตัดสินจากรูปลักษณ์ของเขา ดูเหมือนเขาจะไม่ได้เตรียมตัวใดๆมาเลย แน่นอนว่าเขาต้องเป็นไอ้เวรอีกหนึ่งคนที่ใช้เส้นสายเพื่อให้ตัวเองได้เข้ามาที่นี่แน่นอน !!!”


“ชู่ … อย่าให้เขาได้ยินคุณพูด เราไม่สามารถจะทำให้คนเช่นนี้ขุ่นเคืองได้”


เมื่อซือเฟิงได้ยินบทสนทนาของเด็กชาย และเด็กหญิงวัยรุ่นด้วยประสาทสัมผัสที่เฉียบคมของเขา เขาก็ค่อนข้างจะเต็มไปด้วยความงุนงง ในขณะเดียวกันเครุยซึ่งยืนอยู่ข้างซือเฟิงก็เกือบจะหัวเราะออกมา เมื่อได้รับรู้ถึงสถานการณ์ของเขา แต่อย่างไรก็ตามเธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างสนุกสนานออกมาอยู่ดี


“คุณไม่จำเป็นจะต้องสนใจพวกเขาหรอก” มู่ฉินกล่าวขณะที่มองไปยังกลุ่มเด็กวัยรุ่น “พวกเขามาที่นี่เพื่อเข้าร่วมการประเมินเพื่อการเข้าสู่ Upper Zone น่ะ”


“การประเมินเพื่อเข้าสู่ Upper Zone ?” ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย


นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ เท่าที่เขารู้วิธีเดียวที่เชื่อถือได้สำหรับบุคคลภายนอกที่ไม่มีเส้นสายในการเข้าสู่ Upper Zone ก็คือ การถูกรับสมัครเข้าบริษัทกรีนก๊อดในฐานะผู้มีความสามารถ


“อืมมม มันไม่เหมือนกับสิ่งที่คุณคิดไว้หรอก Upper Zone นั้นไม่ได้จำกัดไว้แค่เฉพาะสำหรับผู้มีอำนาจเท่านั้น” มู่ฉินอธิบาย “Upper Zone ยังเป็นที่ที่บริษัทกรีน

ก๊อดใช้บ่มเพาะผู้มีความสามารถภายในของตนด้วย โดยเด็กวัยรุ่นเหล่านี้ล้วนเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่ผ่านการทดสอบเบื้องต้นของบริษัทกรีนก๊อดมาแล้ว และตราบใดที่พวกเขาผ่านการประเมินนี้ พวกเขาก็จะได้เข้าสู่ Upper Zone”

“อย่างไรก็ตามการประเมินนี้มีให้กับผู้มีความสามารถที่อายุต่ำกว่ายี่สิบปีเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดผู้มีความสามารถพิเศษในวัยนี้จะยังสามารถนำไปฝึกได้อีกไกล และสามารถเข้าออกโลกภายนอกกับที่นี่ได้แบบไม่น่าห่วง สำหรับเนื้อหาของการประเมินนั้นก็เพียงแค่ผ่านทางนี้เข้าไปและเข้าสู่ Upper Zone”


“ผ่านทางนี้เข้าไปงั้นหรอ ?” ซือเฟิงถามด้วยความสับสน ขณะที่เขาชี้ไปที่อุโมค์ที่มืดมิดข้างหน้า


“ถูกต้อง อุโมงค์ทางนี้มันมีชื่อเล่นที่เรียกกันว่าเส้นทางจิต โดยมันจะทำหน้าที่ทดสอบอารมณ์ และความแข็งแกร่งทางจิตของคนที่เข้าไป และโดยปกติเส้นทางจิตจะปิดอยู่ ดังนั้นมันจึงไม่มีผลกระทบสำคัญอะไรมากนักต่อผู้คน อย่างไรก็ตามเมื่อเส้นทางจิตถูกเปิดใช้แล้ว มันจะเพียงสามถึงห้าคนเท่านั้นที่จะผ่านมันไปได้ทุกปี และมันก็จะมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นในบรรดาผู้ที่เข้าร่วมการทดสอบของบริษัทกรีนก๊อดที่จะผ่านมันไปได้จริงๆ” มู่ฉินกล่าวพลางพยักหน้า “อย่างไรก็ตามตราบใดที่คนๆหนึ่งผ่านการทดสอบ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะได้รับการฝึกอบรมพิเศษจากบริษัทกกรีนก๊อด แต่พวกเขายังจะได้รับรางวัลใหญ่ด้วย”


เครุยพยักหน้าให้กับคำพูดของมู่ฉิน จากนั้นมู่ฉินก็พูดกับซือเฟิงอย่างภาคภูมิใจต่อว่า “ฉันผ่านเส้นทางจิตนี้เมื่อปีที่แล้ว ส่วนน้องสาวของฉันนั้นเก่งกาจกว่าฉันมาก เธอผ่านมันได้ในตอนที่เธออายุสิบห้าปี และตอนนั้นเธอก็ทำให้พวกคนที่อาศัยอยู่ใน Upper Zone ของเมืองหยวนเทียนตกตะลึงมากๆ” ในขณะที่มู่ฉินกำลังให้คำอธิบายเรื่องต่างๆแก่ซือเฟิง ชายหนุ่มคนหนึ่งก็เดินออกมาจากทางเดิน โดยชายคนนี้สวมเสื้อยืดรัดรูปที่เผยให้เห็นกล้ามของเขาอย่างชัดเจน และร่างกายของเขานั้นก็สง่างามกับเต็มไปด้วยพลังเหมือนกับเสือชีต้าห์ อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะยังดูหนุ่ม แต่กลิ่นอายของเขาก็บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเขาผ่านชีวิตมามากมายแล้ว และเห็นได้ชัดเลยว่าเขาไม่ได้อายุน้อยอย่างที่เห็น


เมื่อสังเกตเห็นการมาถึงของชายคนนี้ กลุ่มเด็กวัยรุ่น มู่ฉิน และเครุยก็ตัวเริ่มเกร็ง


“หื้ม ? ผู้มาใหม่อีกคนงั้นหรอ ?” ชายหนุ่มรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ขณะที่จ้องมองไปยังซือเฟิง


“หัวหน้างานลั่ว คุณเข้าใจผิดแล้ว เขามาอยู่ที่นี่เพื่อลงทะเบียน เขาไม่ใช่ผู้มาเข้ารับการประเมิน” มู่ฉินอธิบาย

“โอ้ หงซินหยวนให้ช่องเข้าสู่ Upper Zone แก่เขางั้นหรอ ?” ทันใดนั้นร่องรอยแห่งความเกลียดชังก็ปรากฎขึ้นในดวงตาของชายหนุ่ม ขณะที่เขามองไปยังซือเฟิงเป็นครั้งที่สอง “ช่างเป็นเด็กที่โชคดีจริงๆ อย่างไรก็ตามบริษัทกรีนก๊อดกำลังทำการประเมินอยู่ในตอนนี้ หากคุณต้องการจะเข้าไป คุณจะต้องไปกับเด็กเหล่านี้ ฉันไม่มีเวลามาปิดเส้นทางจิตให้คุณอีกแล้ว”


มู่ฉินขมวดคิ้วเมื่อเธอได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม มันไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับเลยที่ลั่วหานปิง และหงซินหยวน นั้นเป็นคู่แข่งกันใน Upper Zone อย่างไรก็ตามเธอไม่คิดเลยว่าลั่วหานปิงจะใช้โอกาสนี้ตอบโต้หงซินหยวนอย่างเปิดเผย


มันจำเป็นที่จะต้องนัดหมายเพื่อลงทะเบียนกับ Upper Zone และโดยปกติการรอการนัดหมายเพื่อลงทะเบียนหลายเดือนมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่คราวนี้มันต้องขอบคุณคอนเนคชั่นที่หงซินหยวนมีที่ทำให้ซือเฟิงสามารถเข้ามาลงทะเบียนได้อย่างรวดเร็วแบบนี้


อย่างไรก็ตามหากเขาไม่ได้ลงทะเบียนในวันนี้ เขาจะต้องรออีกหลายเดือนกว่าจะมีโอกาสอีกครั้ง


ในขณะเดียวกันผู้ที่ไม่ได้ลงทะเบียนกับ Upper Zone ก็จะไม่สามารถอยู่อาศัยใน Upper Zone ได้


“หัวหน้างานลั่ว เขาเป็นคนที่มีช่องเข้าสู่ Upper Zone มาตั้งแต่แรกแล้วนะ !!! เขามีสิทที่จะเข้าไปยัง Upper Zone ได้อย่างอิสระ !!!” มู่ฉินพูดด้วยน้ำเสียงที่เริ่มไม่พอใจ


“ฉันไม่เคยบอกซะหน่อยว่าฉันจะหยุดไม่ให้เขาเข้าไป ….” ลั่วหานปิงยิ้มเยาะ “เขาเข้าได้ทุกเมื่อที่ต้องการ ถ้าเข้าไม่ได้ตอนนี้ พรุ่งนี้ก็เข้าได้”


ทันทีที่ลั่วหานปิงพูดจบ กลุ่มเด็กวัยรุ่นที่อยู่ใกล้ๆก็พยักหน้าเห็นด้วย


“ใช่แล้ว ทางเดินนี้มันเปิดตลอดเวลา เนื่องจากเขามีช่องและสิทในการจะเข้าสู่ Upper Zone อยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถจะเข้ามาเมื่อใดก็ได้ที่ต้องการไม่ใช่หรอ ?”


“หัวหน้างานลั่วพูดถูก ถ้าเขาเข้าวันนี้ไม่ได้ พรุ่งนี้เขาก็ยังมาได้ ทำไมเขาจะต้องมาแข่งกับผู้มาใหม่แบบเรา …”

เหล่ากลุ่มเด็กวัยรุ่นพวกนี้ดูถูก และเริ่มค่อนแคะซือเฟิงโดยสัญชาตญาณ เพราะท้ายที่สุดแล้วพวกเขานั้นต้องผ่านความยากลำบากมามากมายกว่าจะมาถึงจุดนี้ แถมพวกเขาก็ยังจะต้องผ่านเส้นทางจิตให้ได้เพื่อจะเข้าสู่ Upper Zone พวกเขานั้นแตกต่างจากคนอย่างซือเฟิงอย่าวสิ้นเชิงที่สามารถเข้าไปที่ Upper Zone ได้โดยไม่ต้องทำอะไรเลย


เครุยนั้นอดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังหัวหน้างานลั่วหานปิงผู้นี้ด้วยความไม่พอใจเช่นกัน จากนั้นเธอก็กระซิบบอกกับมู่ฉินว่า “พี่สาว ทำไมเราไม่กลับมากันวันอื่นล่ะ ? ไอ้หมอนี่จะไม่ยอมให้เราเข้าไปวันนี้แน่ ….”


ลั่วหานปิงนั้นเป็นหนึ่งในหัวหน้างานของ Upper Zone ที่มีอำนาจอยู่ใน Upper Zone มากกว่าหงซินหยวนอยู่นิดหน่อย และแม้ว่าพวกเขาจะรายงานเรื่องนี้ยังลุงของพวกเขา แต่พวกเขาก็จะไม่สามารถทำอะไรกับสถานการณ์นี้ได้แน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้วการกระทำของลั่วหานปิงมันก็ไม่ได้ไร้เหตุผลอย่างสิ้นเชิง


“เอาล่ะ ถ้าคุณไม่ต้องการจะเข้าไปก็อย่ามาขวางทาง” ลั่วหานปิงกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “การประเมินผู้มาใหม่ในครั้งนี้มันมีความสำคัญมากๆ และหากเกิดความล่าช้า แม้แต่หงซินหยวนก็จะไม่สามารถรับผลที่ตามมาได้ !!!”


“คุณ ….”


อย่างไรก็ตามในขณะที่มู่ฉินต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง เสียงที่ฟังดูสงบก็ดังมาเข้าหูของทุกคน “หัวหน้างานลั่ว งั้นเราสามารถเข้าไปได้ด้วยการตรงเข้าไปตามทางนี้เลยใช่ไหม ?”


เจ้าของเสียงนี้นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากซือเฟิงที่เงียบมาตลอดเวลาก่อนหน้านี้


“ซือเฟิง ?”


มู่ฉินจ้องมองไปที่ซือเฟิงด้วยความตกตะลึง เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าซือเฟิงคิดจะท้าทายเส้นทางจิตจริงๆ


นับประสาอะไรกับมู่ฉิน แม้แต่ลั่วหานปิงและคนอื่นๆก็ยังประหลาดใจกับเรื่องนี้


“ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้จะค่อนข้างกล้าหาญมากจริงๆนะ” ลั่วหานปิงกล่าวขณะที่เขามองไปยังซือเฟิงและหัวเราะเบาๆ ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อว่า “ก็ตามที่คุณว่านั่นแหละ และคุณก็สามารถจะเข้าไปได้เลย อย่างไรก็ตามคุณไม่ใช่พวกหน้าใหม่ที่มาเข้ารับการประเมิน แม้ว่าคุณจะหมดสติไปข้างใน แต่มันก็จะไม่มีใครสามารถช่วยคุณได้นะ และถ้าคุณอยู่ข้างในนานเกิน มันก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกที่คุณจะต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสักสองถึงสามเดือน”


“อย่าทำให้ตัวเองยุ่งยากเลยซือเฟิง เส้นทางจิตนั้นมันมีขีดจำกัดของมันอยู่ และมันก็จะมีความยากขึ้นหลายเท่าสำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่ายี่สิบปี นี่คือสาเหตุที่บริษัทกรีนก๊อดกำหนดขีดจำกัดอายุของการประเมินไว้ต่ำกว่ายี่สิบปี” มู่ฉินรีบกล่าวอย่างรีบร้อน ไม่ค่อยมีใครรู้เรื่องนี้ แต่บริษัทกรีนก๊อดเคยอนุญาติให้ผู้ที่มีอายุมากกว่ายี่สิบปี แต่อายุต่ำกว่ายี่สิบห้าปีเข้าร่วมการประเมินด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามมันไม่มีใครในกลุ่มอายุนี้ที่ผ่านการประเมินไปได้เลย เป็นผลให้บริษัทกรีนก๊อดนั้นลดการประเมินลงเหลือแค่สำหรับผู้ที่มีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีเท่านั้น


ในขณะเดียวกันลั่วหานปิงนั้นก็รู้ถึงจุดนี้เช่นกัน เขาจึงได้ตัดสินใจที่จะทำแบบนี้ เพราะเขามั่นใจว่าซือเฟิงจะไม่สามารถเข้าสู่ Upper Zone ได้ในวันนี้แน่นอน


“ผ่อนคลายน่า หากไม่ไหวจริงๆฉันจะรีบยอมแพ้ และเดินกลับมา ….” ซือเฟิงกล่าวด้วยความมั่นใจพลางหัวเราะเบาๆ


การได้ทดสอบความแข็งแกร่งทางจิตใจถือเป็นโอกาสที่สามารถเจอได้โดยบังเอิญใน God domain เพราะท้ายที่สุดเควสเลื่อนขั้น ตั้งแต่ขั้นสี่หรือสูงกว่าขึ้นไปมีข้อกำหนดความต้องการที่สูงอย่างไม่น่าเชื่อสำหรับเรื่องความแข็งแกร่งทางจิตใจของผู้เล่น


ในขณะเดียวกันหลังจากที่ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของซือเฟิงมาถึงขั้นสี่แล้ว เขาก็ประสบกับปัญหาคอขวด และไม่สามารถจะก้าวต่อไปได้


เมื่อมีโอกาสเช่นนี้เข้ามา เขาจึงจำเป็นจะต้องลองดู


หลังจากพูดจบซือเฟิงก็เดินตรงเข้าไปในทางเดินที่เปิดเส้นทางจิตไว้ทันที โดยทิ้งให้มู่ฉินและเครุยยังคงยืนตกตะลึงอยู่ด้านหลัง


“เอาล่ะ พวกผู้มาใหม่ก็รีบเข้าไปด้วยเลย !!! จำไว้ว่าพวกคุณมีเวลาแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น !!!”

เมื่อปรับอารมณ์ของตัวเองได้จากท่าทีของซือเฟิง ลั่วหานปิงก็ออกคำสั่งให้พวกผู้มาใหม่เริ่มทยอยเดินเข้าไปเช่นกัน


“พี่สาว เราจะทำยังไงกันดี ?” เครุยรู้สึกพูดไม่ออกอย่างมากจริงๆกับสถานการณ์นี้


เธอไม่เคยคิดเลยว่าซือเฟิงจะกล้าหาญมากขนาดนี้ เมื่อเธอบอกให้ซือเฟิงระวังเรื่องการเข้าสู่ Upper Zone ประเด็นหลักๆคือเธอต้องการจะให้เขาระวังเรื่องเส้นทางจิตนี่แหละ เนื่องจากเขาอายุเกินยี่สิบปีแล้ว เพราะเส้นทางจิตมันอาจจะทำให้เขาบาดเจ็บจนถึงขั้นต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลสองถึงสามเดือนตามที่ลั่วหานปิงกล่าวได้ง่ายๆเลย


“เส้นทางจิตมันอันตรายเกินไปสำหรับฉัน” มู่ฉินกล่าวอย่างกังวล หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว เธอก็พูดว่า “เธอควรรีบตามเขาไป หากดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถทนได้ก็ให้รีบพาเขากลับมาทันที”


“ฮ่าาา …. ช่างเป็นชายผู้ชื่นชอบการพาตัวเองเข้าสู่ปัญหาซะจริง !!! นี่เขาคิดว่าตัวเองอยู่ใน God domain รึไง ?” เครุยบ่นอย่างไม่พอใจ


อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาถึงเรื่องราวทั้งหมดแล้ว เครุยก็คงเลือกที่จะเดินตามซือเฟิงเข้าไป

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)