Reincarnation Of The Strongest Sword God 2653-2661

 ตอนที่ 2653 ขับไล่ Faux Saints


เมื่อได้ยินเสียงนี้ ทีมผู้เล่นสองร้อยคนก็รีบหันไปหามองหาต้นตอของเสียงทันที


โดยสิ่งที่พวกเขาเห็นเข้ามาอยู่ในสายตาของพวกเขานั้นก็คือนักดาบที่สวมชุดเสื้อคลุมสีดำ และถือดาบสองเล่มอยู่ในมือ ซึ่งกำลังเข้ามาใกล้ตำแหน่งของพวกเขาอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่เหนือกว่าแอสซาซินขั้นสาม


“เร็วมาก !!”


โซลิดวินด์ นักดาบหญิงเองก็รู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน เมื่อเห็นร่างที่รวดเร็วนี้ เธอไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะมาเจอผู้เล่นระดับผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆในทะเลทรายแห่งนี้


อย่างไรก็ตามก่อนที่ใครจะทันได้ตอบสนองกับสถานการณ์นี้ได้ นักดาบคนนี้ก็ได้มาถึงตรงหน้าของหนึ่งในสอง Faux Saint Destroyers แล้ว


เมื่อสังเกตเห็นซือเฟิงปรากฎตัวต่อหน้ามัน Faux Saint Destroyers ก็รีบยกดาบใหญ่ของมันขึ้น และฟันลงมาที่ซือเฟิงทันที โดยในระหว่างที่มันทำแบบนี้ ดาบใหญ่นั้นมันก็แยกออกเป็นสามดาบและพุ่งเข้าใส่ซือเฟิงอย่างรวดเร็วจากทิศทางที่แตกต่างกัน โดยการโจมตีแต่ละครั้งของสามดาบนี้มันก็ทำให้เกิดรอยแยกเชิงมิติในระหว่างที่มันพุ่งเข้ามาด้วย


“ระวังด้วย !!! คุณจะต้องไม่รับการโจมตีนั่นตรงๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น !!!” โซลิดวินด์เตือนอย่างรีบร้อน เมื่อเธอเห็นลำแสงดาบทั้งหมดกำลังโจมตีเข้าใส่ซือเฟิง


Faux Saint Destroyers นั้นเป็นแกรนลอร์ดที่แท้จริง ซึ่งสกิลและเวทย์ที่มันสามารถใช้ได้นั้นก็ล้วนแสดงพลังที่มาตราฐานของขั้นสี่ออกมาได้ทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้นการโจมตีของมันโดยปกติยังแทบจะไม่สามารถถูกหยุดยั้งได้ และเมื่อมันเริ่มโจมตีแล้ว มันก็จะโจมตีเข้าใส่เป้าหมายที่มันล๊อคเป้าไว้แล้วครั้งแล้วครั้งเล่า และตราบเท่าที่ผู้เล่นเปิดเผยช่องโหว่ในการป้องกันของตัวเองออกมา Faux Saint Destroyers ก็จะใช้การโจมตีที่ทรงพลังที่สุดโจมตีไปที่ช่องโหว่นั่นทันที


ในขณะเดียวกัน การโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของ Faux Saint Destroyers นั้นเป็นสิ่งที่แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดขั้นสามก็ยังหลบหลีกได้ยาก ซึ่งการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดนี้ก็สามารถจะฆ่าแท๊งเกอร์ขั้นสามได้สบายๆเลย

อย่างไรก็ตามเมื่อซือเฟิงเข้าปะทะกับ Faux Saint Destroyers เขาก็ไม่ได้แสดงเจตนาใดๆที่จะหลบหลีก แต่เขากับนำดาบยาวสีดำสนิทออกมาใช้แทนดาบเล่มหนึ่งของเขา และริเริ่มที่จะรับมือกับการโจมตีที่เข้ามาตรงๆ


“นี่เขาไม่ได้ยินคำเตือนของรองผู้บัญชาการวินด์งั้นหรอ ?”


ชิลวอริเออร์ขั้นสามซึ่งกำลังทำหน้าที่ตรึง Faux Saint Destroyers อีกตัวอยู่เต็มไปด้วยความตกตะลึง เมื่อได้เห็นการกระทำของซือเฟิง


ในสถานการณ์นี้ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามคนอื่นๆในทีมของเขาก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว และถอยหายใจออกมา


แม้แต่ผู้บัญชาการของพวกเขาซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของทีมนักผจญภัยของพวกเขาก็ยังไม่กล้าจะรับการโจมตีแบบนี้ตรงๆ โดยเขาได้เลือกที่จะหลบมันก่อนที่จะทำการโต้ตอบกลับ เพราะท้ายที่สุดแล้วตราบใดที่ผู้เล่นคนหนึ่งปะทะเข้ากับการโจมตีแบบนี้ตรงๆ พวกเขาจะถูกบังคับให้ต้องถอยกลับไปหลายก้าว และได้รับค่าความเสียหายอย่างมากโดยที่ไม่สามารถจะตอบโต้ใดๆได้เลย ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น แม้แต่ฮีลเลอร์สองถึงสามคน มันก็ไม่เพียงพอที่จะยื้อชีวิตผู้ที่โดนได้แน่นอน


แม้ว่าทุกคนจะอยากเข้าไปช่วยซือเฟิง แต่การโจมตีของ Faux Saint Destroyers นั้นมันก็รวดเร็วเกินไป มันจึงไม่มีใครสามารถจะช่วยซือเฟิงได้ทัน


“แม่งเอ้ย !!” โซลิดวินด์กัดฟันของเธอ เมื่อได้เห็นฉากนี้


พวกเขานั้นเพิ่งจะได้รับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม ซึ่งในขณะที่การมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเข้ามาเพิ่มหนึ่งคนจะไม่ช่วยเปลี่ยนแปลงใดๆมากนัก แต่มันก็สามารถจะช่วยให้พลังต่อสู้ของทั้งทีมเพิ่มขึ้น และทำให้พวกเขาสามารถอยู่รอดได้นานขึ้น ซึ่งด้วยความช่วยเหลือของนักดาบผู้นี้ พวกเขาอาจจะสามารถตรึงกำลังไว้ได้จนกว่าผู้บัญชาการของทีมนักผจญภัยของพวกเขาจะนำทีมของตัวเองมาถึงได้


อย่างไรก็ตามตอนนี้ ….


ตู้ม !!!


เสียงของโลหะกระทบกันนั้นดังกึกก้องไปทั่ว ในเวลาเดียวกันคลื่นกระแทกที่น่ากลัวก็แผ่ออกไปโดยรอบบริเวณ ซึ่งมันก็ทำให้โดยรอบนั้นเกิดพายุทรายเล็กๆขึ้นรอบศูนย์กลางของมัน


อย่างไรก็ตามตรงกันข้ามกับความคาดหวังของทุกคน พวกเขาไม่ได้เห็นร่างของนักดาบปลิวกระเด็นออกมาจากพายุทราย แต่สถานการณ์ภายในพายุทรายกลับสงบลงอย่างน่าประหลาด หลังจากการปะทะกันครั้งแรก


เมื่อพายุทรายจางหายไป สิ่งที่เข้ามาสู่สายตาของทุกคนคือ ฉากที่ซือเฟิงยังคงยืนอยู่กับที่อย่างสงบ ขณะที่ดาบของเขาเข้าปะทะกับดาบใหญ่ของ Faux Saint Destroyer ซึ่งในขณะนี้ ไม่เพียงแต่ซือเฟิงจะไม่ได้รับอันตราย แต่เขายังคงยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมของเขาอย่างสงบ


“เขาป้องกันมันได้ ?! เป็นไปได้ยังไง ?!”


ดวงตาของทุกคนแทบจะถลนออกจากเบ้า เมื่อพวกเขาเห็นซือเฟิงยังคงอยู่ดีและไม่ได้รับอันตรายใดๆ


การโจมตีเมื่อครู่ที่ Faux Saint Destroyer เพิ่งใช้ไปนั้น มันมีพลังอยู่ในมาตราฐานของขั้นสี่อย่างแท้จริง และแม้แต่แท๊งเกอร์ขั้นสามก็ยังถูกบังคับให้ต้องถอยไปหลายก้าว เมื่อรับการโจมตีนี้ด้วยโล่ของพวกเขา อย่างไรก็ตามตอนนี้ ดาบใหญ่ของ Faux Saint Destroyer กับล้มเหลวในการจะทำอะไรแบบนี้กับซือเฟิง เมื่อซือเฟิงใช้ดาบของเขาตั้งรับการโจมตี และมันก็เหมือนกับว่าดาบใหญ่ของมันได้ชนเข้ากับกำแพงที่ไม่สามารถผ่านไปได้


สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของเรื่องนี้คือซือเฟิงใช้เพียงมือเดียวกับดาบเล่มเดียวในการหยุดการโจมตีของ Faux Saint Destroyer


“นี่ค่า STR ของเขาสูงแค่ไหนกัน ?!” หลังจากได้เห็นฉากที่น่าอัศจรรย์นี้ โซลิดวินด์ก็เริ่มมีความสนใจในตัวของซือเฟิงมากขึ้น


แม้แต่ผู้บัญชาการของเธอที่สวมใส่อุปกรณ์ระดับดาร์คโกลครบเซ็ท และใช้อาวุธระดับอีปิคก็ยังไม่กล้าจะรับการโจมตีจาก Faux Saint Destroyer โดยตรง แต่ซือ

เฟิงกับทำมันได้แบบสบายๆ นี่มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเลย


อย่างไรก็ตามก่อนที่ใครจะสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์นี้ได้ ซือเฟิงก็ได้ทำการเหวี่ยง Abyssal Blade ของเขาอีกครั้ง และส่งการโจมตีแบบจันทร์เสี้ยวเข้าใส่ Faux Saint Destroyer ตรงหน้าเขา ซึ่ง Faux Saint Destroyer นั้นก็ล้มเหลวในการที่จะป้องกันตัวเอง และเมื่อมันโดนการโจมตีของซือเฟิงมันก็ถูกบังคับให้ต้องถอยกลับไปห้าก้าว และในเวลาเดียวกันค่าความเสียหายมากกว่าสามแสนก็ปรากฎขึ้นเหนือหัวของมัน โดยความเสียหายที่ซือเฟิงทำได้จากการโจมตีนั้น มันสูงกว่าโซลิดวินด์และคนอื่นๆถึงห้าเท่า


ขณะเดียวกันซือเฟิงก็ใช้การโจมตีแบบเดิมโจมตีเข้าใส่ Faux Saint Destroyer ทันที ซึ่งในครั้งนี้นั้น แม้ว่า Faux Saint Destroyer จะยกดาบใหญ่ของมันเข้าป้องกันตัวเองไว้ทัน แต่มันก็ยังคงปลิวกระเด็นไปห้าหลาอยู่ดี


ในตอนที่ Faux Saint Destroyer กลับมาตั้งตัวได้อีกครั้ง ความเงียบเข้าก็เข้าปกคลุมไปทั่วทั้งสนามรบ ขณะเดียวกันทีมของผู้เล่นสองร้อยคนที่เฝ้าดูอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างให้กับฉากนี้


แข็งแกร่ง !!


ซือเฟิงนั้นแข็งแกร่งเกินไป !!


แค่ Faux Saint Destroyer สองตัวเพียงอย่างเดียวนั้นมันก็มีความสามารถมากพอที่จะทำลายล้างทีมสองร้อยคนของพวกเขาได้แล้ว แต่ซือเฟิงกับปราบปรามทั้งสองได้ด้วยการโจมตีเพียงสองครั้ง พลังของเขามันน่ากลัวอย่างยิ่ง


“ปล่อย Faux Saint Destroyer สองตัวนี้ไว้ให้ฉัน !!! ส่วนพวกคุณที่เหลือรีบไปจัดการพวก Faux Saint Saboteurs ให้ได้เร็วที่สุด” ซือเฟิงตะโกน เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังจ้องมองมายังเขาด้วยความตกตะลึง


“เข้าใจแล้ว !!”


เมื่อได้ยินคำเตือนของซือเฟิง ทุกคนก็หายจากอาการตกตะลึง และรีบหันกลับโจมตี Faux Saint Saboteurs อย่างไม่ลังเล


ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เนื่องจากซือเฟิงได้ทำการตรึง Faux Saint Destroyers สองตัวไว้ให้ ทั้งทีมของพวกเขาจึงสามารถจะจัดการ Faux Saint Saboteurs ไปได้มากกว่าเจ็ดสิบเปอเซ็นต์แล้ว และหลังจากเห็นว่ากระแสการต่อสู้เริ่มเปลี่ยนไป มอนสเตอร์ทั้งสองชนิดนี้นั้นก็เลือกจะถอยหนีออกจากสนามรบอย่างไม่ลังเล


“พวกมันหนีงั้นหรอ ? มอนสเตอร์พวกนี้มันอะไรกัน ?” ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเห็นมอนสเตอร์ Faux Saint ที่เหลือหนีไป


เขาเคยเห็นมอนสเตอร์ละทิ้งการต่อสู้มาก่อน อย่างไรก็ตามมอนสเตอร์โดยทั่วไปจะทำแบบนั้นก็ต่อเมื่อ HP ของพวกมันลดลงถึงระดับวิกฤตเท่านั้น ในทางกลับกันมอนสเตอร์ Faux Saint พวกนี้กับเลือกจะหนีทั้งๆที่ยังมี HP เยอะมาก โดยเฉพาะกับ Faux Saint Destroyers สองตัวที่ยังมี HP แทบเต็มด้วยซ้ำ


“เราไม่รู้เหมือนกันว่ามอนสเตอร์ Faux Saint เหล่านี้คืออะไรกันแน่ แต่สิ่งหนึ่งที่เรารู้เลยก็คือพวกมันมาจากฝั่งอาณาจักรสตาร์มูน ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันทุกตัวยังมีสติปัญญาสูงมาก ซึ่งตราบใดที่พวกมันเห็นว่าไม่มีโอกาสชนะ พวกมันก็จะพากันถอยหนีทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวก Faux Saint Destroyers นั่น แม้กระทั่งตอนนี้เราก็ยังไม่เคยได้ยินข่าวว่ามีทีมไหนฆ่ามันได้เลย” โซลิดวินด์อธิบาย เมื่อเธอเห็นความสับสนบนใบหน้าของซือเฟิง


“พวกมันมาจากอาณาจักรสตาร์มูน ?” คำพูดของโซลิดวินด์ทำให้ซือเฟิงประหลาดใจ เขาถามอย่างสงสัยว่า “รองผู้บัญชาการวินด์ นี่ตอนนี้เราอยู่ใกล้กับอาณาจักรสตาร์มูนใช่ไหม ?”


เท่าที่เขารู้ มันไม่มีแผนที่ใดใกล้กับอาณาจักรสตาร์มูนที่ห้ามการเทเลพอร์ตทุกรูปแบบ และห้ามการใช้อะเม้าท์บินได้


“อืมมม เมื่อเราข้ามพื้นที่ทะเลทรายนี้ซึ่งอยู่ในจักรวรรดิออร์คไป เราก็จะไปถึงชายแดนที่ล่มสลายของอาณาจักรสตาร์มูน” โซลิดวินด์กล่าวขณะที่เธอมองไปยังซือเฟิงอย่างแปลกประหลาด เพราะท้ายที่สุดเรื่องนี้มันเป็นความรู้โดยทั่วไปอยู่แล้ว


“จักรวรรดิออร์ค ? ชายแดนที่ล่มสลายของอาณาจักรสตาร์มูน ?” ซือเฟิงเริ่มสับสนมากขึ้นกับคำพูดของโซลิดวินด์ “มันไม่ได้มีแค่อาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นที่ล่มสลายงั้นหรอ ?”


ตอนที่ 2654 สภาสิบแปดปีกที่คร่ำครึ


เมื่อได้ยินคำถามของซือเฟิง โซลิดวินด์และคนอื่นๆก็มองมายังซือเฟิงแบบแปลกๆ


“นี่ฉันเข้าใจอะไรผิดไปในบางสิ่งรึปล่าว ?” ซือเฟิงถามด้วยความงงงวย เมื่อเห็นปฎิกิริยาของคนเหล่านี้


ข้อมูลที่อควาโรสรายงานเขามานั้นมันไม่น่าจะใช่เรื่องเท็จ นอกจากนี้ต้วนฮันซานก็ยังได้กล่าวถึงการล่มสลายของอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นเองด้วย แม้ว่าอควาโรสจะได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้องมา แต่มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ตัวตนอย่างหอการค้าอาซูจะได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้องมาเช่นกัน


“คุณไม่ได้เข้าใจอะไรผิดหรอก …” โซลิดวินด์กล่าวพลางส่ายหัว “เพียงแต่ว่าการล่มสลายของอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นนั้นมันเกิดขึ้นไปเมื่อเก้าวันก่อน ….”


“เก้าวันก่อน ?!”


ซือเฟิงตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดของโซลิดวินด์ ชั่วครู่หนึ่ง เขาสงสัยว่าเธอพยายามหลอกล่อเขาด้วยซ้ำ


ตามข้อมูลที่สภาสิบแดปีกได้รับมานั้น อาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นได้ล่มสลายไปเมื่อหนึ่งวันก่อน แม้ว่าข้อมูลจะมีข้อผิดพลาด แต่ช่องว่างของเวลาก็ไม่ควรมากขนาดนี้


“อาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นนั้นล่มสลายไปเมื่อเก้าวันก่อนจริงๆ และเหตุการณ์ดังกล่าวก็ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว God domain ทั้งหมดในเวลานั้น ซึ่งมันทำให้ผู้เล่นและมหาอำนาจต่างๆที่อยู่ในอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นนั้นอยู่ในสภาพน่าสังเวชมากๆ” ชิลวอริเออร์ขั้นสามที่ยืนอยู่ข้างโซลิดวินด์กล่าวอธิบายยืนยันอีกเสียง พลางพยักหน้า “หลังจากเหตุการณ์นั้น ผู้เล่นและมหาอำนาจต่างๆหลายกลุ่มของอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นก็ได้รวมตัวกันปล้นทรัพยากรจากประเทศใกล้เคียง สถานการณ์นั้นมันรุนแรงมากๆจนทำให้เกิดสงครามขนาดใหญ่สองครั้งที่เกี่ยวข้องกับผู้เล่นหลายล้านคน ผลที่ตามมาคือมันทำให้กิลจำนวนมากล่มสลายไป โดยในหมู่กิลเหล่านี้มีกิลชั้นรองอยู่จำนวนหนึ่งด้วยซ้ำ นี่มันทำให้มหาอำนาจต่างๆในประเทศใกล้เคียงต่างพากันตื่นตระหนกมากๆ”


“ใช่แล้ว และสามวันที่ผ่านมามอนสเตอร์ที่โผล่ขึ้นมาในอาณาจักกรเพอเพิ้ลธอร์นก็เริ่มบุกเข้าสู่อาณาจักรสตาร์มูน ซึ่งก็โชคดีที่อาณาจักรสตาร์มูนนั้นไม่ได้ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์น NPC ขั้นสาม หรือสูงกว่าขึ้นไปทั้งหมดของพวกเขายังคงอยู่ในสถานะพร้อมต่อสู้ แต่ถึงกระนั้นอาณาจักรสตาร์มูนก็ยังสูญเสียดินแดนไปเกือบครึ่งหนึ่งในเวลาครึ่งวัน ซึ่งพื้นที่ที่อาณาจักรสูญเสียไป มันก็ได้กลายเป็นรังของมอนสเตอร์ Faux Saint เหล่านี้ !!!” โซลิดวินด์อธิบาย เมื่อเธอเห็นความสงสัยบนใบหน้าของซือเฟิง


แม้จะได้ยินคำอธิบายที่จริงใจของโซลิดวินด์ แต่ซือเฟิงก็ยังคงไม่มั่นใจว่านี่เป็นเรื่องจริง


อย่างไรก็ตามมันไม่มีเหตุผลเลยที่โซลิดวินด์จะโกหกคนแปลกหน้าแบบเขา ยิ่งไปกว่านั้นการแดงออกของทุกคนก็ดูเป็นธรรมชาติมากๆ มันไม่ได้ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังแกล้งทำเลย


แถมถ้าคนเหล่านี้คิดจะล้อเล่นหรือหลอกล่อเขาเขาก็น่าจะรู้สึกได้นานแล้ว ….


เพราะท้ายที่สุดแล้วในหมู่พวกเขานั้นยังไม่มีใครมาถึงขอบเขตอนันต์ด้วยซ้ำ และการจะหลีกเลี่ยงการรับรู้ของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนแบบตัวเขาเองให้ได้นั้น มันจะเป็นเรื่องยากมากๆ หลังจากไปถึงขอบเขตอนันต์แล้วเท่านั้น ผู้เล่นจึงจะสามารถควบคุมท่าทีของร่างกายได้ เมื่อพวกเขาโกหก


ถ้าโซลิดวินด์และคนอื่นๆกำลังโกหกอย่างแท้จริง นั่นมันก็จะต้องหมายความว่าทีมของพวกเขาทั้งสองร้อยคนนี้ล้วนประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์ทั้งหมด ซึ่งแม้แต่ซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดห้าอันดับก็ยังไม่น่าจะมีจำนวนผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์มากขนาดนี้ได้ในระยะนี้ของเกม


นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกัน ? ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากขึ้น เมื่อเขาทำการประมวลผลเหตุการณ์ทั้งหมดในสมอง เขาใช้เวลาอยู่ในเขาวงกตเชิงพื้นที่เพียงเจ็ดหรือแปดชั่วโมงเท่านั้น แต่ตอนนี้ความจริงคือเขาเสียเวลาไปเก้าวันโดยไม่รู้ตัวแล้วงั้นหรอ ?


ทันทีที่ซือเฟิงได้รับข่าวการล่มสลายของอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์น เขาก็รีบตัดสินใจกลับมายังทวีปด้านตะวันออกโดยไม่ลังเล และเขาก็ไม่ได้ล๊อคเอ้าท์ออกจากเกมกลางคันด้วยซ้ำ นอกจากนี้เขายังไม่ได้หลับหรือพักใดๆเลยด้วยซ้ำ แต่เวลามันกับผ่านไปเก้าวันแล้วเนี่ยนะ ?!


เจ็ดหรือแปดชั่วโมงกลายเป็นเก้าวันไปได้ยังไง ?! ทันใดนั้นซือเฟิงก็นึกถึงความเป็นไปได้ และใบหน้าของเขาก็มืดมนลงทันทีเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ นี่ฉันเข้าไปสู่พื้นที่แห่งความโกลาหลของเวลางั้นหรอ ?


โดยปกติคนเรานั้นจะสามารถใช้เวลาอยู่ใน God domain ได้สี่สิบแปดชั่วโมง ซึ่งมันจะเท่ากับในโลกจริงหนึ่งวัน อย่างไรก็ตามมันก็มีสถานที่พิเศษบางแห่งใน God domain ที่เวลาจะไหลไปเร็วกว่าปกติมาก และการอยู่ในนั่นเพียงครึ่งวันก็หมายถึงเวลาผ่านไปทั้งเดือนในโลกภายนอก ยิ่งไปกว่านั้นตลอดทั้งเดือนนี้ ผู้เล่นก็จะไม่สามารถถูกปลุกหรือขัดจังหวะได้ เพราะพวกเขาจะมีสิทเข้าสู่สภาวะโคม่า หรือสมองได้รับความเสียหายได้ หากพวกเขาไม่ได้ตื่นขึ้นมาเอง


โชคดีที่เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นแทบจะไม่เคยเกิดขึ้นเลยใน God domain ในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิง เขาก็เคยได้ยินเพียงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์นี้เท่านั้น


เขาไม่เคยคิดเลยว่าในชีวิตนี้เขาจะได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง ในความเป็นจริงมันก็มีความเป็นไปได้ด้วยที่อควาโรสและคนอื่นๆจะตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันเช่นกัน


“โอ้ใช่แล้ว รองผู้บัญชาการวินด์ แล้วคุณรู้ไหมว่ามหาอำนาจต่างๆของอาณาจักรสตาร์มูนรับมือกับพวกมอนสเตอร์ Faux Saint อย่างไร ?” ซือเฟิงถาม หลังจากที่เขาเริ่มจะเข้าใจทุกอย่างแล้ว


อะไรที่มันจบไปแล้วก็คือจบไปแล้ว เวลาที่เขาเสียไปนั้นเขาไม่มีทางจะได้มันกลับคืนมา แต่โชคดีที่อาณาจักรสตาร์มูนนั้นถูกยึดครองไปเพียงบางส่วนเท่านั้น ซึ่งด้วยสถานะของสภาสิบแปดปีกในฐานะกิลอันดับหนึ่งของอาณาจักรสตาร์มูน และการสนับสนุนของเมืองป่าหิน สภาสิบแปดปีกก็ไม่น่าจะมีปัญหาในเรื่องนี้มากนัก เพราะท้ายที่สุดแล้วนอกเหนือจากแกนหลักทของสภาสิบแปดปีกบางส่วนที่ซือเฟิงพาเดินทางไปยังทวีปด้านตะวันตกนั้น พวกแกนหลักส่วนใหญ่ของกิลก็ยังอยู่ในอาณาจักรสตาร์มูนเช่น เมลานโครอิคสไมล์ ยู่หลาน และคนอื่นๆอีกมาก


อย่างไรก็ตามเมื่อเขาขาดการติดต่อจากโลกภายนอกไปนาน ในตอนนี้เขาจึงจำเป็นต้องรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอาณาจักรสตาร์มูนให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุด


“สถานการณ์ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากนัก …” โซลิดวินด์กล่าวตอบ “แต่เดิมมอนสเตอร์ Faux Saint เหล่านี้นั้นส่งผลกระทบต่ออาณาจักรสตาร์มูนมาก อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางอย่างกองกำลังหลักบางส่วนของสภาสิบแปดปีก กิลอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรสตาร์มูนกลับไม่ปรากฎตัวออกมา แม้ว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นก็ตาม …. แต่โชคดีที่พันธมิตรบางกลุ่มของสภาสิบแปดปีกที่ปฎิบัติการในเมืองป่าหินออกมาช่วยต่อสู้กับพวกมอนสเตอร์ Faux Saint เหล่านี้ มันจึงทำให้สภาสิบแปดปีกยังพอจะรักษาสถานการณ์ในอาณาจักรสตาร์มูนไว้ได้ ถึงแม้ว่ามันจะไม่มั่นคงนักก็ตาม ….”


“อย่างไรก็ตามเนื่องจากการเฉยเมยแบบนี้ของสภาสิบแปดปีก มหาอำนาจกลุ่มหนึ่งที่เรียกตัวเองว่ามือแห่งนักบุญก็ได้ปรากฎตัวขึ้นมาในอาณาจักรสตาร์มูน ซึ่งมือแห่งนักบุญนั้นได้ทำการเข้าปล้นทรัพยากรมากมายในพื้นที่ที่ถูกยึดครองจากมอนสเตอร์ Faux Saint จนทำให้ตัวเองพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว แถมพวกเขายังสร้างเมืองกิลขึ้นอีกมาย และพวกเขาก็ยังสามารถเข้ายึดครองหนึ่งในป้อมปราการของจักรวรรดิออร์คได้ พูดง่ายๆก็คือมือแห่งนักบุญนั้นได้สร้างเขตปลอดภัยขนาดใหญ่ที่ผู้เล่นสามารถพัฒนาได้อย่างปลอดภัย ในขณะเดียวกันมือแห่งนักบุญก็กำลังเข้ากลืนกินดินแดนของกิลชั้นรอง และชั้นสามของอาณาจักรสตาร์มูนมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนี่มันกระตุ้นให้เกิดสงครามไปทั่วอาณาจักร”


“ยิ่งไปกว่านั้นมหาอำนาจต่างๆ และรวมไปถึงแบล๊ควอเตอร์ก็ยังมีท่าทีกลัวมือแห่งนักบุญอย่างมาก ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้มือแห่งนักบุญก็ได้เข้ายึดหนึ่งในเมืองหลักของกิลพันธมิตรดวงดาวไปแล้ว ตอนนี้อิทธิพลของมือแห่งนักบุญในอาณาจักรสตาร์มูนเริ่มจะมีมากกว่าสภาสิบแปดปีกแล้ว ฉันคิดว่ามันคงอีกไม่นานแน่นอนก่อนที่พวกเขาจะเริ่มเคลื่อนไหวจัดการกับสภาสิบแปดปีกในอาณาจักรสตาร์มูน และท้ายที่สุดแล้ว สภาสิบแปดปีกก็น่าจะถูกกลืนหายไปในเปลวไฟแห่งคราม”


หลังจากโซลิดวินด์กล่าวจบ ทุกคนในปัจจุบันก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างหดหู่


พวกเขาทั้งหมดนั้นเป็นผู้เล่นของอาณาจักรสตาร์มูน และพวกเขาก็พัฒนาตัวเองอยู่ที่นี่มาเป็นหลักนับตั้งแต่เข้าสู่ God domain และในตอนนี้แม้ว่ามอนสเตอร์ Faux Saint จะคุกคามการดำรงอยู่ของอาณาจักรสตาร์มูน แต่มหาอำนาจต่างๆของอาณาจักรนั้นกับไม่เลือกจะรวมตัวกันเพื่อต่อกรกับภัยคุกคามนี้ เพื่อทำให้เรื่องแย่ลง พวกเขาบางกลุ่มกับเริ่มต่อสู้กันเองด้วยซ้ำ และเมื่อเป็นแบบนี้ อาณาจักรสตาร์มูนจะสามารถจัดการกับมอนสเตอร์ Faux Saint ที่แข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆทุกวันได้ยังไง ?


มอนสเตอร์ Faux Saint ในปัจจุบันนั้นแข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ Faux Saint ตัวแรกๆที่เข้าโจมตีอาณาจักรสตาร์มูนไปแล้ว


ในตอนแรกมอนสเตอร์ Faux Saint เหล่านี้ เป็นเพียงลอร์ดบอส เลเวลหนึ่งร้อย ซึ่งผู้เชี่ยวชาญขั้นสามแค่คนเดียว หรือแม้แต่ทีมผู้เชี่ยวชาญขั้นสองก็จะสามารถฆ่าพวกมันได้อย่างง่ายดายแล้ว อย่างไรก็ตามตอนนี้มอนสเตอร์ Faux Saint กับเติบโตขึ้นจนถึงจุดที่ว่า แม้แต่พวกที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกมันก็ยังเป็นลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่


ทุกคนต่างคาดเดากันไว้แล้วว่าอีกไม่นาน มอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายจะปรากฎตัวขึ้นแน่ และเมื่อตอนนั้นมาถึง อาณาจักรสตาร์มูนก็คงจะถึงจุดจบแน่นอน


มือแห่งนักบุญ ? เรื่องนี้มันน่าสนใจจริงๆ


แม้จะนึกถึงความทรงจำในชีวิตที่ผ่านมาของเขา แต่ซือเฟิงก็ไม่สามารถนึกถึงมหาอำนาจใดๆที่มีชื่อว่า มือแห่งนักบุญ ออกเลย อย่างไรก็ตามเมื่อคิดว่ามือแห่งนักบุญสามารถพุ่งขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วในอาณาจักรสตาร์มูน หลังจากการล่มสลายของอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นเพียงไม่นาน และกิลกระทั่งสามารถสร้างเขตปลอดภัยขนาดใหญ่ กับเข้ายึดหนึ่งในป้อมปราการของจักรวรรดิออรฺคได้ มันก็เห็นได้ชัดเลยว่ากิลมีรากฐานที่ไม่ธรรมดาเลย ….


“เพื่อน เรากำลังจะพาขบวนสินค้านี้ไปที่เมืองปีกสีเงิน คุณสนใจจะมากับเราไหม ?ปัจจุบันเมืองปีกสีเงินนั้นมีองครักษ์ส่วนตัวขั้นสี่ และหุ่นกลผู้พิทักษ์ที่ทรงพลังมากมายคอยปกป้อง ซึ่งมันถือได้ว่าเป็นหนึ่งในพื้นที่ปลอดภัยเพียงไม่กี่แห่งของจักรวรรดิออร์ค รวมถึงมันยังเป็นศูนย์กลางการค้าของจักรวรรดิออร์ค ผู้บัญชาการของเรานั้นค่อนข้างจะมีอิทธิพลในเมืองปีกสีเงิน หากคุณต้องการจะหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ คุณจะทำได้ง่ายขึ้นเมื่อไปที่นั่น …” ชิลวอริเออร์ขั้นสามกล่าวแนะนำ ขณะที่เขามองไปยังซือเฟิง


“เมื่อเป็นแบบนี้ ฉันก็คงต้องขอรบกวนด้วย …” ซือเฟิงกล่าวและขอบคุณชิลวอริเออร์สำหรับคำเชิญ


ปัจจุบันเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาอยู่ที่ไหน นอกจากนี้เขาก็ยังไม่รู้ทางที่จะกลับไปยังอาณาจักรสตาร์มูน ดังนั้นมันจึงจะดีกว่ามากถ้าเขาจะเดินทางไปที่เมืองปีกสีเงินพร้อมกับคนเหล่านี้ แล้วค่อยคิดหาหนทางต่อไป


เมื่อชิลวอริเออร์ได้ยินซือเฟิงยอมรับคำเชิญของเขา เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นเขาก็ถามอย่างสงสัยว่า “โอ้ใช่แล้ว แล้วจะให้เราเรียกคุณว่าอะไรดีล่ะ ?”


ตอนที่ 2655 การเกิดของมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย


เมื่อได้ยินคำพูดของชิลวอริเออร์ขั้นสาม โซลิดวินด์ก็หันไปหาซือเฟิงด้วยสีหน้าลำบากใจ ก่อนหน้านี้เธอมุ่งเน้นไปที่การต่อสู้ ดังนั้นเธอจึงลืมที่จะขอชื่อของซือเฟิง ในความเป็นจริงเธอลืมที่จะขอบคุณซือเฟิงสำหรับความช่วยเหลือของเขา แต่โชคดีที่ชิลวอริเออร์อย่าง เครซบลูนั้นได้ริเริ่มที่จะถาม ไม่งั้นทีมนักผจญภัยของพวกเขาคงจะดูเหมือนพวกเนรคุณอย่างมาก


“แบล๊คเฟรม” ซือเฟิงตอบอย่างใจเย็น


“แบล๊คเฟรม ?” เครซบลูหัวเราะโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อได้ยินชื่อของซือเฟิง “เพื่อน ชื่อของคุณมันน่าทึ่งเกินไป เป็นไปได้มากเลยนะว่าไม่มีใครในอาณาจักรสตาร์มูนที่กล้าแสดงความไม่เคารพต่อชื่อนี้”


สมาชิกในทีมที่เหลือพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเครซบลู


ในช่วงนี้เวลานี้ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีก


ไม่ต้องพูดถึงพันธมิตรดวงดาวที่เป็นกิลชั้นสูงแห่งอาณาจักรสตาร์มูนเลย แม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็ยังต้องแสดงความเคารพต่อสภาสิบแปดปีกในตอนนี้ ผู้เล่นทุกคนในอาณาจักรสตาร์มูนล้วนรู้ถึงตัวตนของแบล๊คเฟรม


อย่างไรก็ตามไม่ว่าพวกเขาจะมองอย่างไร ร่างของซือเฟิงที่กำลังสวมเสื้อคลุมอยู่ตอนนี้ก็ไม่ได้ดูเหมือนแบล๊คเฟรมที่เป็นตัวตนระดับตำนานของอาณาจักรสตาร์มูนเลย และพวกเขาก็ไม่คิดเช่นกันว่าหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีกจะมาที่สถานที่ที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์ Faux Saint แบบนี้


“เอาล่ะในเมื่อเขาไม่ต้องการจะเปิดเผยชื่อของเขา ดังนั้นเราจึงไม่จำเป็นจะต้องสอดรู้สอดเห็นในเรื่องนี้” โซลิดวินด์กระซิบผ่านแชททีม ขณะที่สมาชิกในทีมของเธอกำลังเริ่มจะล้อเลียนซือเฟิง


เมื่อได้รับคำเตือนของโซลิดวินด์ทุกคนก็พยักหน้าทันที และตกลงกันที่จะทำแบบนั้น เพราะท้ายที่สุดมันต้องขอบคุณซือเฟิงเลยที่ทำให้พวกเขารอดชีวิตมาได้ และเนื่องจากซือเฟิงต้องการจะปกปิดตัวตนของตัวเอง ดังนั้นพวกเขาจึงควรทำตามมารยาทและไม่ควรเจาะลึกเรื่องนี้

“เรายังไม่ได้ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณเลยพี่แบล๊คเฟรม ในอนาคตหากคุณพบปัญหาใดๆในจักรวรรดิออร์คหรืออาณาจักรสตาร์มูน โปรดอย่าลังเลที่จะติดต่อเรามา ทีมนักผจญภัยบลัดแพ็คของเราอาจเทียบไม่ได้กับกิลใหญ่ๆ แต่เราก็มีความสามารถมากพอที่จะจัดการปัญหาเล็กๆน้อยๆได้แน่นอน” โซลิดวินด์กล่าวด้วยความขอบคุณ ขณะที่เธอเดินเข้าหาซือเฟิง


“ถูกต้อง เราอาจจะไม่ใช่ทีมนักผจญภัยชั้นยอดที่มีชื่อเสียง แต่เราก็ยังคงเป็นหนึ่งในทีมนักผจญภัยที่แข็งแกร่งที่สุดยี่สิบอันดับแรกที่ปฎิบัติการในจักรวรรดิออรฺค หากคุณไปเจอผู้เล่นสายความมืดที่ไม่รู้อะไรเลยบางกลุ่ม แค่คุณเอ่ยชื่อ”บลัดแพ็ค” นั้น ผู้เล่นพวกนั้นก็จะยอมแสดงความเคารพและถอยไปแน่นอน” เครซบลูกล่าวอย่างมั่นใจ


“ได้เลย” ซือเฟิงพยักหน้า ในขณะเดียวกันรอยยิ้มที่ขมขื่นก็เกิดขึ้นภายใต้เสื้อคลุมสีดำ เมื่อเขาเห็นว่าโซลิดวินด์และทีมของเธอไม่เชื่อเขา


“รีบกลับไปที่รถม้าแล้วเดินทางกันต่อดีกว่า เมื่อกลางคืนมาถึง ไม่เพียงแต่มอนสเตอร์ Faux Saint พวกนั้นจะมีการเคลื่อนไหวมากขึ้น แต่สมาชิกของมือแห่งนักบุญยังจะซุ่มโจมตีผู้เล่นที่ปฎิบัติการรอบเมืองปีกสีเงินด้วย ซึ่งด้วยกำลังคนเพียงเล็กน้อยที่เรามีตอนนี้ เราจะไม่สามารถปกป้องสินค้าทั้งหมดของเราได้แน่นอน” โซลิดวินด์กล่าวขณะที่เธอชี้ไปที่ขบวนสินค้า


เมื่อได้ยินคำเตือนของโซลิดวินด์ ทุกคนก็ไม่กล้าจะลังเลใดๆ พวกเขารีบจัดแจงทุกอย่างและเดินทางต่ออย่างรวดเร็วทันที


“รองผู้บัญชาการวินด์ เนื่องจากมอนสเตอร์ Faux Saint เหล่านี้จะเคลื่อนไหวกันมากขึ้นในเวลากลางคืน แล้วสมาชิกของมือแห่งนักบุญไม่กลัวจะถูกพวกโจมตีหรอถึงกล้าซุ่มโจมตีผู้เล่นที่ปฎิบัติการรอบเมืองปีกสีเงินในเวลากลางคืน ?” ซือเฟิงถามอย่างสงสัย หลังจากเขาขึ้นมาบนรถม้า


เนื่องจากมือแห่งนักบุญพยายามจะขยายอิทธิพลของตัวเองในอาณาจักรสตาร์มูน ดังนั้นการต้องปะทะกับสภาสิบแปดปีกจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่แปลกใจเลยที่ได้ยินว่ามือแห่งนักบุญกำหนดเป้าหมายมาที่ผู้เล่นที่ปฎิบัติการรอบเมืองปีกสีเงินในดินแดนของสภาสิบแปดปีก อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของพวกมอนสเตอร์ Faux Saint ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กเช่นกัน การที่มือแห่งนักบุญเข้ามาปฎิบัติการซุ่มโจมตีผู้เล่นรอบเมืองปีกสีเงินในเวลาที่มอนสเตอร์ Faux Saint เคลื่อนไหวมากขึ้น มันก็ดูจะเป็นเรื่องที่โง่เขลามากๆ

“เราเองก็คิดว่าสถานการณ์นี้มันน่าแปลกเช่นกัน อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่ามือแห่งนักบุญจะพัฒนาเครื่องมือพิเศษขึ้นมาได้ ซึ่งเมื่อผู้เล่นสวมใส่เครื่องมือพิเศษนี้ ตราบใดที่พวกเขาไม่โจมตีมอสเตอร์ Faux Saint มอนสเตอร์ Faux Saint เหล่านั้นก็จะไม่โจมตีพวกเขาเช่นกัน ซึ่งด้วยเครื่องมือนี้ สมาชิกของมือแห่งนักบุญจึงสามารถจะประสานการเคลื่อนไหวของพวกเขากับมอนสเตอร์ Faux Saint เพื่อกำหนดเป้าหมายมาที่เมืองปีกสีเงินได้ และเมื่อเร็วๆนี้การโจมตีของพวกเขาก็แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งดูจากรูปลักษณ์แล้ว มือแห่งนักบุญน่าจะต้องการเข้ายึดเมืองปีกสีเงินให้ได้เร็วที่สุด” โซลิดวินด์กล่าว “อย่างไรก็ตามสำหรับผู้เล่นอิสระแบบตัวเราเอง ไม่อยากเห็นเมืองปีกสีเงินล่มสลายลง”


“ขณะเดียวกันไม่ไกลจากตรงนี้ มันก็มีเมืองกิลที่ถูกยึดไปโดยมือแห่งนักบุญ ซึ่งมันจะเปิดให้แค่สมาชิกของมือแห่งนักบุญเข้าไปเท่านั้น ในขณะเดียวกันเมืองปีกสีเงินก็จัดเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจของจักรวรรดิออร์คในปัจจุบัน ซึ่งถ้ามือแห่งนักบุญยึดมันไปได้ พวกเราก็จะไม่มีที่ไปเลย ด้วยเหตุนี้ทีมนักผจญภัยจำนวนมาก และแม้แต่กิลของอาณาจักรสตาร์มูนบางส่วนก็กำลังทำงานร่วมกันเพื่อช่วยเหลือสภาสิบแปดปีกในการป้องกันการโจมตีของมือแห่งนักบุญ และปกป้องเส้นทางการค้าที่จะมุ่งหน้าไปยังเมืองปีกสีเงิน แต่เนื่องจากมอนสเตอร์ Faux Saint นั้นมีความแข็งแกร่งมากขึ้น เมื่อไม่นานมานี้ ฝ่ายของเราจึงเริ่มเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และฉันก็ไม่รู้ว่าเราจะอดทนแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน ….”


นอกเหนือจากโซลิดวินด์แล้ว ผู้เล่นคนอื่นๆอีกหลายคนก็เกลียดมือแห่งนักบุญมาก และพวกเขาต้องการแก้แค้น


ขณะนี้มหาอำนาจต่างๆในอาณาจักรสตาร์มูนกำลังดิ้นรนเพื่อจัดการกับมอนสเตอร์ Faux Saint แต่มือแห่งนักบุญกับเลือกจะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ ซึ่งมันทำให้ผู้เล่นอิสระเช่นตัวพวกเขาเองนั้นเอาตัวรอดยากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามแม้ว่าพวกเขาจะเกลียดชังมือแห่งนักบุญมากๆ แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีพลังมากพอจะทำอะไรกับกิลได้เลย ในความเป็นจริงแม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็ยังไม่กล้าที่จะต่อต้านมือแห่งนักบุญ และทำเพียงแค่เฝ้าดูจากข้างสนามเท่านั้น


จากการสนทนากับโซลิดวินด์และคนอื่นๆ มันทำให้ซือเฟิงค่อยๆเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของอาณาจักรสตาร์มูน


แม้ว่าอาณาจักรสตาร์มูนจะสูญเสียดินแดนไปเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว แต่เมืองหลักของ NPC ส่วนใหญ่ก็ยังไม่ได้ล่มสลายไป แต่ถึงกระนั้นสถานการณ์ก็ไม่ได้ดูดีเลยสำหรับอาณาจักรสตาร์มูน


นี่เป็นเพราะมอนสเตอร์ Faux Saint นั้นมีความแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ ในทางกลับกัน มันกับมีผู้เล่นจำนวนมากอพยพออกจากอาณาจักรไป ณ จุดนี้ เมืองไวท์ริเวอร์ซึ่งเดิมมีผู้เล่นมากกว่าสิบล้านคน ตอนนี้มีประชากรผู้เล่นน้อยกว่าสี่ล้านคนแล้ว ขณะเดียวกันเมือง NPC อื่นๆที่ยังเหลือรอดในอาณาจักรก็มีสภาพที่ย่ำแย่กว่านี้มาก


ในขณะเดียวกันเนื่องด้วยจำนวนผู้เล่นที่ลดลงอย่างมากนี้ มันก็ทำให้เศรษฐกิจของอาณาจักรสตาร์มูนหดตัวตามไปด้วย ซึ่งมันก็ทำให้มหาอำนาจหลายกลุ่มที่เข้ามาทำการค้าต้องออกจากอาณาจักรสตาร์มูนไปเพื่อหาที่ที่ดีกว่า


ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากการจากไปของผู้เล่นจำนวนมากแบบนี้ รวมไปถึงมหาอำนาจบางกลุ่มของอาณาจักรสตาร์มูน มันทำให้กองกำลังสายความมืดต่างๆเริ่มลุกขึ้นมา ซึ่งพลังของกองกำลังสายความมืดได้พัฒนาไปถึงจุดที่ว่า ถ้าผู้เล่นทั่วไปออกจากการคุ้มครองของเมืองกิลหรือ NPC พวกเขาอาจจะตายได้ทันที


โดยรวมแล้วสถานการณ์ในอาณาจักรสตาร์มูนสามารถสรุปได้ด้วยคำเดียวว่า โกลาหล !!!


ที่สำคัญที่สุดคือเมื่อมอนสเตอร์ Faux Saint แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนก็เริ่มจะมองเห็นวันที่เมืองหลักของ NPC ในอาณาจักรสตาร์มูนจะล่มสลายลงได้แล้ว และเมื่อเวลานั้นมาถึง อาณาจักรก็จะล่มสลายแน่นอน โดยมันก็จะมีเพียงแค่ผู้ที่เข้าร่วมกับมือแห่งนักบุญเท่านั้นที่จะสามารถหลีกเลี่ยงการถูกมอนสเตอร์ Faux Saint พวกนี้กลืนกินได้


ในขณะที่ขบวนสินค้ากำลังเดินทางไปอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ก่อนที่ซือเฟิงจะทันได้รู้ตัวนั้น พวกเขาก็มาถึงป่าทะเลทรายใกล้กับเมืองปีกสีเงินแล้ว


ปัจจุบันมันมีขบวนสินค้าอย่างน้อยยี่สิบขบวนที่กำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองปีกสีเงินภายใต้การคุ้มกันของผู้เล่น ซึ่งจากภาพที่เห็นในปัจจุบันนั้น แม้แต่ผู้เล่นทั่วไปก็สามารถจะรู้ได้เลยว่าเมืองปีกสีเงินรุ่งเรืองมากแค่ไหน


ยิ่งไปกว่านั้นนอกเหนือจากทีมนักผจญภัยที่คอยคุ้มกันแล้ว มันยังมีกองทัพผสมหนึ่งหมื่นคนซึ่งเป็นของกิลขนาดใหญ่ต่างๆคอยตรวจตราในบริเวณใกล้กับเมืองปีกสีเงินด้วย


“ในที่สุดเราก็ปลอดภัยแล้ว” โซลิดวินด์ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เมื่อได้เห็นกองทัพผสมของกิล


ท้องฟ้านั้นมืดลงแล้ว และมอนสเตอร์ Faux Saint ที่พวกเขาจะต้องเผชิญในเวลานี้นั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าหัวเราะเลย นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องการคุกคามจากผู้เชี่ยวชาญของมือแห่งนักบุญอีก ขบวนสินค้าของพวกเขาจะต้องถูกทำลายล้างแน่นอน หากเผชิญกับการซุ่มโจมตี


“กองทัพลาดตระเวนในวันนี้ค่อนข้างจะน่าทึ่งจริงๆ รองหัวหน้ากิลพันธมิตรดวงดาวอย่างเพอเพิ้ลอายมาเป็นผู้นำมันด้วยตัวเองเลย ด้วยเหตุนี้แม้ว่าสมาชิกของมือแห่งนักบุญจะโจมตีพร้อมกับมอนสเตอร์ Faux Saint เราก็ไม่มีอะไรต้องกลัว” เครซบลู

กล่าวด้วยดวงตาที่เปล่งประกายไปด้วยความตื่นเต้น ขณะที่เขาจ้องมองไปยังหญิงสาวในชุดเสื้อคลุมสีแดงที่นำกองทัพลาดตระเวนอยู่


ขณะเดียวกันสมาชิกของบลัดแพ็คตนอื่นๆก็พยักหน้าเห็นด้วยกับเครซบลู เมื่อพวกเขามองเห็นเพอเพิ้ลอาย


ทุกวันนี้แม้ว่าอาณาจักรสตาร์มูนจะให้กำเนิดผู้เชี่ยวชาญใหม่ๆขึ้นมามากมาย แต่ผู้ที่มีความสามารถในการจะเข้าสู่รายชื่อจัดอันดับผู้เชี่ยวชาญระดับพระเจ้าของ God domain ก็ยังมีจำนวนน้อยมาก เพราะท้ายที่สุดมันแล้วมันมีผู้เล่นทั่ว God domain ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นความยากในการจะเข้าสู่รายชื่อจัดอันดับผู้เชี่ยวชาญระดับพระเจ้าจึงยากกว่าเมื่อก่อนมาก ในขณะเดียวกันในบรรดาผู้เชี่ยวชาญของอาณาจักรสตาร์มูน เพอเพิ้ลอายเป็นคนที่ติดหนึ่งในสามร้อยอันดับแรกมานานแล้ว และตามข่าวลือ เธอก็พึ่งจะได้รับสายเลือดที่ทรงพลังมา ซึ่งมันทำให้พลังการต่อสู้ของเธอนั้นเทียบได้กับผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดทั่วไปแล้ว


เหนือสิ่งอื่นใดเมื่อไม่นานมานี้ เพอเพิ้ลอายก็พึ่งจะประสบความสำเร็จในการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของเธอได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ และ ณ จุดนี้ทุกคนในอาณาจักรสตาร์มูนต่างก็คาดเดากันไปแล้วว่าเธอนั้นเหนือกว่าอควาโรสของสภาสิบแปดปีกแล้ว และอาจจะเกือบเทียบได้กับแบล๊คเฟรมเลย


ด้วยมีผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งขนาดนี้คอยปกป้อง มันจะไม่ให้พวกเขามั่นใจได้อย่างไร ?


ในขณะที่สมาชิกของบลัดแพ็คกำลังพูดคุยกันถึงเรื่องเพอเพิ้ลอายเบาๆ ความวุ่นวายก็ปะทุขึ้นในระยะไกล หลังจากนั้นไม่นานเสียงคำรามที่อึกทึกก็ดังขึ้นมาจากทิศทางเดียวกัน


“วิ่ง !! วิ่งเร็ว !! พวกมอนสเตอร์ Faux Saint มาแล้ว !!”


เมื่อได้ยินเสียงใครบางคนตะโกนบอกขึ้น ทุกคนในบริเวณใกล้เคียงนั้นก็ล้วนหันไปมองที่ต้นตอของเสียงคำราม ซึ่งสิ่งที่เข้ามาอยู่ในระยะสายตาของพวกเขาคือกลุ่มเมฆฝุ่นขนาดใหญ่ ในขณะเดียวกันภายในเมฆฝุ่น พวกเขาก็สามารถที่จะมองเห็นร่างของมอนสเตอร์ Faux Saint ที่มีความสูงหกเมตรได้อย่างง่ายดาย ซึ่งหากนับรวมๆแล้วมันก็มีจำนวนหลายพันตัวเลย


“ทุกคนรีบหนีเข้าไปที่เมืองปีกสีเงิน !!! กองทัพลาดตระเวนของเราจะรั้งท้ายให้ !!!” เพอเพิ้ลอายตะโกน เมื่อเธอเห็นกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint กำลังใกล้เข้ามา


กองทัพลาดตระเวนนั้นได้เปลี่ยนรูปแบบของตัวเองไปเป็นรูปแบบตั้งรับทันที และดูจากปฎิกิริยาที่ใจเย็นของผู้เล่นในกองทัพนี้ แม้ว่าจะเห็นกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ใกล้เข้ามา มันก็เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาทุกคนล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์


อย่างไรก็ตามเมื่อกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint เข้ามาในระยะห้าร้อยหลา สีหน้าของสมาชิกทุกคนในกองทัพลาดตระเวนก็เปลี่ยนไป


“ไม่ดีแล้ว !!! ในกองทัพนี้มันมีมอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายมาด้วย !!!”


ในบรรดามอนสเตอร์ Faux Saint ทั้งหมดที่พวกเขารู้จักนั้น แม้แต่ Faux Saint Destroyers ก็มีความสูงเพียงเจ็ดเมตรเท่านั้น อย่างไรก็ตามตอนนี้ทุกคนก็ต้องเต็มไปด้วยความตกตะลึง เมื่อเห็นร่างที่สูงสิบสองเมตรวิ่งอยู่ท่ามกลางกองทัพมอนสเตอร์ และแรงกดดันที่รุนแรงที่แผ่ออกมาจาก มอนสเตอร์ Faux Saint ที่มีความสูงสิบสองเมตรนั้นมันก็ทรงพลังมากจนทำให้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสอง เลเวลหนึ่งร้อยสิบสองก็ยังตัวสั่น


แค่ Faux Saint Destroyers ที่เป็นมอนสเตอร์ระดับแกรนลอร์ดนั้น มันก็ยากจะรับมือมากแล้วสำหรับผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม ในความเป็นจริง แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดบางส่วนก็ยังตายลง เมื่อต้องต่อสู้กับ Faux Saint Destroyers ดังนั้นมันจึงแทบไม่มีใครจินตนาการออกเลยว่า มอนสเตอร์ Faux Saint พวกนี้จะน่ากลัวแค่ไหน หากมันขึ้นไปสู่ระดับเทพนิยาย


นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่า นอกเหนือจาก Faux Saint ระดับเทพนิยายแล้ว กองทัพนี้ยังประกอบไปด้วย Faux Saint Destroyers หลายร้อยตัว และ Faux Saint Saboteurs หลายพันตัว


“เป็นไปได้ยังไง ?! มอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายปรากฎตัวขึ้นอย่างรวดเร็วขนาดนี้ได้ยังไง ?!” โซลิดวินด์ตกตะลึง เมื่อเธอได้เห็นมอนสเตอร์ Faux Saint ขนาดมหึมา


“พวกเราจบสิ้นแล้ว !!! คราวนี้พวกเราจบสิ้นแล้วจริงๆแน่นอน !!!” เครซบลูเองก็ตกอยู่ในความสิ้นหวังเช่นกัน เมื่อได้เห็นสถานการณ์เช่นนี้


แค่เผชิญหน้ากับกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ที่ประกอบไปด้วยแกรนลอร์ดมากมาย มันก็ยังจัดว่าตึงมือมากแล้ว สำหรับผู้เล่นอย่างพวกเขาในตอนนี้ แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้มันกลับมีมอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายปรากฎตัวขึ้นแล้ว ดังนั้นมันจะเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่เมืองปีกสีเงินจะถูกทำลาย ….


เพราะท้ายที่สุดในตอนนี้มันยังไม่มีใครสามารถจะฆ่า Faux Saint Destroyer ได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยว่าการจะฆ่า Faux Saint Devourer ซึ่งเป็นมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายเป็นไปไม่ได้แน่นอนในตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้น มอนสเตอร์ Faux Saint เหล่านี้ก็จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป และต่อหน้ามอนสเตอร์ตัวนี้ ผู้เล่นในปัจจุบันก็หมดหนทางที่จะหยุดมันได้


อย่างไรก็ตามก่อนที่ใครจะทันได้ตอบสนองกับเรื่องนี้ได้ กองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ภายใต้การนำของ Faux Saint Devourer ก็เข้าปะทะกับกองทัพลาดตระเวนแล้ว


เมื่อต้องเจอกับ Faux Saint Devourer ที่เป็นมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย แม้แต่พลังป้องกันของแท๊งเกอร์ขั้นสามก็ดูไม่ต่างจากเศษกระดาษเลย และด้วยการแทงหอกโจมตีไปในแนวนอน Faux Saint Devourer ก็สามารถจะทำให้แท๊งเกอร์ขั้นสามจำนวนมากปลิวกระเด็นไปได้ รวมทั้งทำให้ HP ของพวกเขาลดลงอย่างรวดเร็ว


ขณะเดียวกัน แม้ว่า เพอเพิ้ลอายซึ่งเป็น Elementalist ขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยสิบสี่ จะเปิดใช้งานคำสาปขั้นสามโจมตีเข้าใส่ Faux Saint Devourer แต่มันก็สามารถจะรับมือได้อย่างไม่ยากเย็นนักเลย แถมตอนนี้เนื่องด้วยการโจมตีนี้ของเพอเพิ้ลอาย มันจึงทำให้ Faux Saint Devourer พุ่งเข้ามาหาโจมตีโต้ตอบเธออย่างรวดเร็ว ถ้าไม่ใช่เพราะปฎิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วของเธอที่ทำให้เธอเปิดใช้งานสกิลช่วยชีวิตได้ทัน เธอน่าจะถูกฆ่าในทันที


“พี่แบล๊คเฟรม รีบไปกันเถอะ !!! กองทัพลาดตระเวนจะหยุดพวกมันไว้ได้ไม่นานนักแน่นอน !!!” เครซบลูกล่าวอย่างกระวนกระวาย เมื่อเห็นว่าซือเฟิงลงจากรถม้าไป


หากแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถสูงอย่างเพอเพิ้ลอายยังเสียเปรียบ Faux Saint Devourer กองทัพ Faux Saint ก็จะใช้เวลาไม่นานแน่นอนในการฝ่าแนวป้องกันของกองทัพลาดตระเวนเข้ามา


ตอนที่ 2656 มอนสเตอร์ที่น่ากลัว


เมืองปีกสีเงิน บาร์บลูโรส :


ในฐานะที่เป็นหนึ่งในบาร์ชั้นสูงไม่กี่แห่งในเมืองปีกสีเงิน ไม่เพียงแต่มันจะเป็นสถานที่แลกเปลี่ยนข้อมูลกันของผู้เชี่ยวชาญ แต่มันยังจัดเป็นสถานที่ศักสิทธิ์สำหรับทีมนักผจญภัยที่มีชื่อเสียงต่างๆที่จะมาเพื่อเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยวของพวกเขา ดังนั้นโดยทั่วไปแล้วบาร์บลูโรสจึงเต็มไปด้วยผู้เล่นทุกวัน


อย่างไรก็ตามในขณะนี้มันมีคนเพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้นที่จับจองพื้นที่อยู่บนชั้นสามของบาร์


และในบรรดาคนเหล่านี้นั้น แม้แต่ผู้ที่มีเลเวลต่ำสุดก็ยังมีเลเวลหนึ่งร้อยสิบสี่ และผู้เล่นที่มีเลเวลสูงที่สุดก็มีเลเวลหนึ่งร้อยสิบห้า โดยผู้เล่นเหล่านี้ก็ยังสวมใส่อุปกรณ์ที่ยอดเยี่ยมมากๆด้วย และที่อ่อนแอที่สุดในหมู่อุปกรณ์ของพวกเขานั้นมันก็ยังอยู่ในระดับดาร์คโกล เลเวลหนึ่งร้อยสิบ สำหรับอุปกรณ์ระดับอีปิคเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยที่สามารถทำให้ผู้เชี่ยวชาญในปัจจุบันน้ำลายไหลด้วยความอยากได้ ได้นั้น คนเหล่านี้มีกันอย่างน้อยคนละสองชิ้น ขณะที่ผู้ที่มีมากที่สุดในหมู่พวกเขามีถึงสี่ชิ้น


อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับเลเวล อาวุธ และอุปกรณ์ของพวกเขาแล้ว ตัวตนของคนเหล่านี้นั้นคือสิ่งที่น่าประหลาดใจอย่างแท้จริง ผู้เล่นเหล่านี้นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญชั้นยอด และผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดของจักรพรรดิคริมสัน ซึ่งเป็น

กิลที่เกือบทุกคนในประเทศโดยรอบล้วนรู้จักดี ในขณะเดียวกันผู้ที่เป็นหัวหน้าของผู้เล่นทีมนี้ก็คือ อิลูซะรี่เวิร์ด หนึ่งในรองหัวหน้ากิลของจักรพรรดิคริมสัน


“แน่นอนเลยว่ามันเป็นเช่นเดียวกับที่สายลับของเราในมือแห่งนักบุญรายงานมา Faux Saint Devourer ซึ่งเป็นมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายที่พึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนของพวกนั้นในการโจมตีเมืองปีกสีเงิน” ชายที่มีท่าทางดุร้ายกล่าวขึ้น ขณะที่เขามองภาพบนกระจกเวทย์มนต์ที่อยู่กลางโต๊ะของห้อง ก่อนที่ชายคนนั้นจะถอนหายใจออกมา และกล่าวต่อว่า “อีกไม่นาน พวก Faux Saint Devourer ก็จะปรากฎตัวออกมามากขึ้น และด้วยเหตุนี้เมืองปีกสีเงินจะล่มสลายในอีกไม่กี่วันแน่นอน ซึ่งในเวลานั้นมันก็จะไร้ประโยชน์แล้ว แม้ว่าแบล๊คเฟรม และแกนหลักที่ติดตามเขาไปจะปรากฎตัวขึ้นก็ตาม”


เมื่อได้ยินคำพูดของชายคนนี้ สมาชิกคนอื่นๆของจักรพรรดิคริมสันก็เงียบลง

Faux Saint Destroyers ที่เป็มอนสเตอร์ระดับแกรนลอร์ดมันก็จัดว่าแข็งแกร่งมากแล้ว แต่ตอนี้มันกับมีมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายอย่าง Faux Saint Devourer ปรากฎตัวขึ้นอีก และความแข็งแกร่งกับมาตราฐานการต่อสู้ที่ Faux Saint Devourer ได้แสดงออกมาจนถึงตอนนี้มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอด และผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดอย่างพวกเขาขนลุก มันเป็นไปได้มากว่าแม้ทีมของพวกเขาจะร่วมมือกับกองทัพของกิลขนาดใหญ่อื่นๆโจมตีมัน แต่ทุกคนก็ยังจะต้องจบลงด้วยความตายทั้งหมด ในขณะเดียวกัน เมื่อจำนวนของ Faux Saint Devourer เพิ่มขึ้นเป็นยี่สิบถึงสามสิบตัว พวกมันก็น่าจะสามารถทำลายเมืองกิลได้


“แล้วหัวหน้ากิลตอบสนองต่อเรื่องนี้อย่างไร ?” อิลูซะรี่เวิร์ดถามชายที่มีท่าทางดุร้าย เมื่อเธอเห็น Faux Saint Devourer ที่กำลังอาละวาดอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้ผ่านกระจกเวทย์มนต์ เธอก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเช่นกัน


“หัวหน้ากิลสั่งให้เราถอนตัวโดยสมบูรณ์ เขาบอกว่าเราไม่จำเป็นจะต้องร่วมมือกับสภาสิบแปดปีกเพื่อต่อสู้กับมอนสเตอร์เหล่านี้จนตายกันไปข้าง …” ชายที่มีท่าทางดุร้ายตอบ


“ถอนตัวโดยสมบูรณ์ ?” อิลูซะรี่เวิร์ดรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับคำตอบที่เธอได้รับ


ก่อนหน้านี้หัวหน้ากิลของพวกเขาได้ส่งผู้เชี่ยวชาญของจักรพรรดิคริมสันมาเป็นการส่วนตัวเพื่อช่วยปกป้องเมืองปีกสีเงิน ซึ่งสิ่งนี้บ่งชี้ว่าเขาสนับสนุนการเป็นหุ้นส่วนระหว่างจักรพรรดิคริมสันกับสภาสิบแปดปีกอย่างมาก อย่างไรก็ตามในตอนนี้ก่อนที่ผู้เชี่ยวชาญของจักรพรรดิคริมสันจะได้เริ่มต่อสู้ เขากับสั่งให้ถอนตัวแล้ว อิลูซะรี่เวิร์ดนั้นไม่อยากจะเชื่อในสถานการณ์นี้เลย


“ถูกต้องหัวหน้ากิลสั่งมาอย่างนั้นจริงๆ God domain ในปัจจุบันนั้นไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป และแค่ในจักรวรรดิรัตติกาลเพียงอย่างเดียวก็มีเรื่องมากมายที่ต้องจัดการแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ที่การพัฒนาของสตาร์ลิ้งกำลังดีขึ้นอย่างรวดเร็ว และในตอนนี้สตาร์ลิ้งก็ได้เริ่มเล็งเป้ามาที่เมืองกิลของเราบางส่วนแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นสถานการณ์ที่นี่มันก็ดูสิ้นหวังอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นมันจะเป็นการดีกว่าหากเราถอนตัวกลับไปป้องกันสิ่งที่ป้องกันได้ ไม่ใช่มามัวแต่อยู่ในอะไรที่สิ้นหวังแบบนี้ อันยีลดิ้งโซลเองก็น่าจะทำเช่นเดียวกัน” ชายที่มีท่าทางดุร้ายกล่าวตอบ


“แล้วมีข้อมูลใหม่เกี่ยวกับแบล๊คเฟรม และแกนหลักของสภาสิบแปดปีกที่ติดตามเขาไปบ้างไหม ?”

“ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลใหม่เพิ่มเติม ฉันได้ยินมาว่าพวกระดับสูงและแกนหลักของสภาสิบแปดปีกที่เหลือยังคงพยายามติดต่อกับแบล๊คเฟรม และคนอื่นๆที่ติดตามเขาไป แต่ห้องเกมเคบินของพวกเขาทั้งหมดก็ยังคงถูกปิดกั้น ซึ่งหากพวกเขาตัดระบบห้องเกมเคบินไปเลย มันก็มีโอกาสสูงมากที่แบล๊คเฟรมและคนอื่นๆจะเข้าสู่อาการโคม่า ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาทำได้คือรอเท่านั้น” ชายที่มีท่าทางดุร้ายกล่าวพลางส่ายหัว “อย่างไรก็ตามในสถานการณ์ปัจจุบัน มันไม่น่าจะมีโอกาสที่สภาสิบแปดปีกจะสามารถกู้สถานการณ์กลับมาได้แล้ว นอกเหนือจากการคุกคามของสตาร์ลิ้งและโลกแห่งความมืดแล้ว สภาสิบแปดปีกก็จะต้องเจอกับปัญหาหนักมากในการจะปกป้องสำนักงานใหญ่หลักของตัวเองในอาณาจักรสตาร์มูน แม้ว่าแบล๊คเฟรมกับคนอื่นๆที่ติดตามเขาไปจะกลับมา แต่สถานการณ์ก็คงไม่เปลี่ยนแปลงใดๆ ความแตกต่างระหว่างกำลังรบของทั้งสองฝ่ายมันมีมากเกินไป นอกจากนี้มือแห่งนักบุญก็กำลังเล็งตำแหน่งของสภาสิบแปดปีกในอาณาจักรสตาร์มูนด้วย”


“ต้นกำเนิดของมือแห่งนักบุญนั้นลึกลับและไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง แม้แต่ซวนหวู่ ชิชา ผู้ยิ่งใหญ่แห่งแบล๊ควอเตอร์ก็ยังหวาดกลัวพวกเขา ไม่งั้นด้วยบุคลิกของเธอ เธอจะไม่ยอมแพ้ในจักรวรรดิออร์คแน่นอน”


“ฉันเข้าใจ อย่างไรก็ตามในอัตราการเกิดของ Faux Saint Devourers ตอนนี้นั้น ตราบเท่าที่เราร่วมมือกับกิลขนาดใหญ่อื่นๆป้องกันเมือง เราก็น่าจะสามารถยื้อเวลาออกไปได้อีกราวสองสัปดาห์หรือมากกว่านั้นนิดหน่อย …. การถอนตัวอย่างรวดเร็วเลย ฉันว่ามันคง …” แม้ว่าอิลูซะรี่เวิร์ดจะเข้าใจในสิ่งที่ชายที่มีท่าทางดุร้ายพยายามจะสื่อ แต่เธอก็ยังไม่อยากจะยอมแพ้ในเรื่องนี้


“สองสัปดาห์ ?” ชายที่มีท่าทางดุร้ายยิ้มอย่างขมขื่นออกมา เมื่อได้ยินคำพูดของอิลูซะรี่เวิร์ด “ถ้าเราสามารถทนอีกสองสัปดาห์ได้ หัวหน้ากิลคงไม่สั่งให้เราถอนตัวอย่างสมบูรณ์ทันที”


“คุณหมายถึงอะไร ?” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวถามอย่างสงสัย


แม้ว่ามอนสเตอร์ที่มีมาตราฐานการต่อสู้ในขั้นสี่จะทรงพลังอย่างมากในระยะนี้ของเกม แต่เมื่อมันเข้าโจมตีสถานที่ที่เต็มไปด้วยโครงสร้างการป้องกันที่หนาแน่นของเมืองปีกสีเงินนั้น มันก็ควรจะต้องใช้เวลานานพอดูในการจะยึดเมืองให้ได้ ต่อให้มันมีจำนวนยี่สิบถึงสามสิบตัวก็ตาม


“ตามข้อมูลที่เรารวบรวมมาได้จากมือแห่งนักบุญ เมื่อมอนสเตอร์ Faux Saint ไปถึงระดับเทพนิยาย ไม่เพียงแต่ค่าสถานะพื้นฐาน และพลังการต่อสู้ของพวกมันจะได้รับการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ แต่สติปัญญาของพวกมันยังจะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน …” ชายที่มีท่าทางดุร้ายกล่าวด้วยสีหน้ามืดมน ขณะที่เขามองไปยัง Faux Saint Devourer ผ่านกระจกเวทย์มนต์


“มันไม่ใช่เรื่องปกติหรอที่เมื่อเป็นแบบนี้ พวกมันจะได้รับการอัพเกรดสติปัญญาให้เพิ่มขึ้น ?” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวถามชายที่มีท่าทางดุร้ายด้วยแววตาสงสัย


“มันจะไม่เป็นปัญหาใดๆเลย หากมอนสเตอร์พวกนี้ได้รับการอัพเกรดสติปัญญาให้เพิ่มขึ้นแบบปกติ อย่างไรก็ตามจากข้อมูลของมือแห่งนักบุญ มอนสเตอร์ Faux Saint เหล่านี้จะได้รับความสามารถในการเรียนรู้ที่สูงมากมา เมื่อพวกมันไปถึงระดับเทพนิยาย และเพียงไม่กี่นาทีหลังจากที่พวกมันมาถึงระดับเทพนิยาย พวกมันก็สามารถจะเลียนแบบเทคนิคการต่อสู้ที่ผู้เล่นใช้ได้ พวกมันจัดเป็นมอนสเตอร์ที่น่ากลัวอย่างแท้จริงเลยล่ะ !!!” ชายที่มีท่าทางดุร้ายอธิบาย


“เป็นไปได้ยังไงกัน ? นี่ไม่ได้หมายความว่านอกเหนือจาก NPC แล้ว มันก็จะไม่มีใครสามารถปราบปราม Faux Saint Devourers เหล่านี้ได้เลยงั้นหรอ ?” อิลูซะรี่เวิร์ดอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก และแวบหนึ่งเธอคิดว่าชายที่มีท่าทางดุร้ายกำลังล้อเล่นกับเธอด้วยซ้ำ


การเรียนรู้เทคนิคการต่อสู้นั้นพูดง่ายกว่าทำ และแม้จะได้รับคำแนะนำจากไอเทมมรดกบางอย่างที่สมบูรณ์ แต่ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดก็ยังต้องใช้เวลาหลายสิบชั่วโมงในการเรียนรู้เทคนิคการต่อสู้ แต่ถ้าหากไม่มีคำแนะนำใดๆ ผู้เล่นก็จะไม่สามารถเรียนรู้เทคนิคการต่อสู้ได้ด้วยซ้ำ แม้ว่าจะผ่านไปหนึ่งถึงสองเดือน ดังนั้นมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายทั่วไปจะสามารถเรียนรู้เทคนิคการต่อสู้ได้ในเวลาไม่กี่นาทีได้ยังไง ?


“ฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อข้อมูลนี้เหมือนกัน …” ชายที่มีท่าทางดุร้ายกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น จากนั้นเขาก็ส่งบันทึกวีดีโอบางอย่างไปให้อิลูซะรี่เวิร์ด “ลองดูด้วยตัวคุณเองเถอะ …”


เมื่ออิลูซะรี่เวิร์ดรับวีดีโอมาจากชายที่มีท่าทางดุร้าย และเปิดดูมัน เธอก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ เพราะท้ายที่สุดแล้ว Faux Saint Devourers ในบันทึกวีดีโอนี้นั้น ได้ใช้เทคนิคสเต็ปเท้าขั้นพื้นฐานฆ่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์ได้อย่างรวดเร็ว และเมื่อผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์ตายลง ศพของเขาก็ได้กลายเป็นมอนสเตอร์ Faux Saint ทันที ….


“เป็นไปได้ยังไงกัน ?”


ขนของอิลูซะรี่เวิร์ดนั้นลุกไปทั่วร่าง เมื่อเธอดูวีดีโอนี้จนจบ


ปฎิกิริยาของเธอนั้นเป็นเพราะเธอจำผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์ที่ต่อสู้กับ Faux Saint Devourers ในวีดีโอได้ เขาคือฮันเดรดอาร์ม ผู้บัญชาการของทีมนักผจญภัยคริมสันวูล์ฟ ซึ่งเป็นทีมนักผจญภัยชั้นยอดในจักรวรรดิมังกรดำ ซึ่งฮันเดรดอาร์มนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ห่างจากขอบเขตโดเมนเพียงครึ่งก้าวเท่านั้น


อย่างไรก็ตามแม้ว่าฮันเดรดอาร์มจะมีมาตราฐานการต่อสู้ที่สูงเช่นนี้ แต่ Faux Saint Devourers ก็ยังฆ่าเขาได้อย่างรวดเร็วเมื่อมันต้องการ ยิ่งไปกว่านั้น Faux Saint Devourers ยังใช้เสต็ปเท้าเดียวกับที่ฮันเดรดอาร์มใช้ต่อสู้กับมันฆ่าเขาด้วย


“ก็ตามที่เห็นนั่นแหละ Faux Saint Devourers เรียนรู้เทคนิคสเต็ปเท้าที่ฮันเดรดอาร์มใช้ ได้อย่างรวดเร็ว แถมมันยังมีสติปัญญาที่สูงมาก มันหลอกล่อให้ฮันเดรดอาร์ทใช้ทุกอย่างที่เขามีออกมาจนหมดก่อนเพื่อให้มันได้เรียนรู้ พอมันเรียนรู้เรียบร้อย มันก็จัดการฆ่าเขาทันที ซึ่งสถานการณ์นั้นมันก็คล้ายคลึงกับเพอเพิ้ลอายในตอนนี้เลย” ชายที่มีท่าทางดุร้ายกล่าวพลางถอนหายใจออกมา ขณะที่เขามองดูเพอเพิ้ลอายปะทะกับ Faux Saint Devourers ผ่านกระจกเวทย์มนต์


“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมหัวหน้ากิลถึงต้องการให้เราล่าถอยทันที ใครจะสามารถต่อกรกับมอนสเตอร์พวกนี้ได้กัน ?” อิลูซะรี่เวิร์ดพึมพำอย่างตกตะลึงกับเรื่องสติปัญญาของ Faux Saint Devourers


ด้วยความแข็งแกร่งและสติปัญญาแบบนี้ Faux Saint Devourers นั้นไม่ใช่สิ่งที่ผู้เล่นในปัจจุบันจะสามารถรับมือได้เลย มันมีเพียงแต่ NPC เท่านั้นที่สามารถจะฆ่ามอน

สเตอร์ตัวนี้ได้


ระหว่างที่อิลูซะรี่เวิร์ดกำลังจะสั่งให้ทีมของจักรพรรดคริมสันถอยออกจากเมืองปีกสีเงิน รูปแบบการเคลื่อนไหวของ Faux Saint Devourers ก็เปลี่ยน มันได้ไปปรากฎตัวขึ้นด้านหลังของเพอเพิ้ลอายอย่างรวดเร็ว และในพริบตามันก็ทำการแทงหอกเข้าใส่เพอเพิ้ลอายโดยทำให้หอกกลายเป็นภาพติดตามากกว่ายี่สิบเล่ม

การเคลื่อนไหวนี้ของ Faux Saint Devourers นั้นก็เป็นสิ่งที่อิลูซะรี่เวิร์ดคุ้นเคยเช่นกัน มันเป็นหนึ่งในเครื่องหมายการค้าของฮันเดรดอาร์ม เทคนิคการต่อสู้ขั้นสูง ฟอลเลนลีฟ ซึ่งเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวนี้ถูกใช้ออกมา อิลูซะรี่เวิร์ดก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา


เมื่อฮันเดรดอาร์มใช้เทคนิคนี้ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนก็ยังไม่สามารถจะหยุดมันได้ทั้งหมด แต่ตอนนี้ Faux Saint Devourers กับเป็นผู้ใช้มัน และใช้มันออกมาอย่างสมบูรณ์แบบกว่า ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงสภาพของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวดเร็วดั่งสายน้ำอย่างเพอเพิ้ลอายเลย


อย่างไรก็ตามในขณะที่อิลูซะรี่เวิร์ดกำลังจะหันหลังกลับ ไม่ดูกระจกเวทย์มนต์อีกต่อไป ลำแสงหนึ่งก็ปรากฎขึ้นในกระจก


ในช่วงเวลาต่อมากำแพงสีดำสนิทก็ปรากฎขึ้นระหว่างเพอเพิ้ลอาย และภาพของหอกมากกว่ายี่สิบเล่มก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เมื่อปะทะเข้ากับกำแพงสีดำสนิท


ตอนที่ 2657 ปะทะกับ Faux Saint Devourer


“มันถูกป้องกันได้ ?”


“เป็นไปได้ยังไง ? นั่นคือเทคนิคการต่อสู้ขั้นสูงที่มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายใช้เลยนะ !!!”


สมาชิกของจักรพรรดิคริมสันที่นั่งอยู่บนชั้นสามของบาร์บลูโรส อดไม่ได้ที่จะขี้ตาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นกำแพงสีดำสนิทปรากฎขึ้นให้เห็นในกระจกเวทย์มนต์ ครู่หนึ่งพวกเขาทั้งหมดคิดว่าตัวเองเห็นภาพหลอน


ในแง่ของค่าสถานะพื้นฐาน Faux Saint Devourer นั้นมีสูงกว่าค่าเฉลี่ยมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายทั่วไปในเลเวลเดียวกันมาก และเมื่อรวมเข้ากับเทคนิคการต่อสู้ที่เป็นเครื่องหมายการค้าของฮันเดรดอาร์มอย่างฟอลเลนลีฟ พลังการโจมตีของ Faux Saint Devourer น่าจะมากพอที่จะทำให้ มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายปลิวกระเด็นไปได้เลยด้วยซ้ำ


อย่างไรก็ตามเมื่อกำแพงสีดำสนิทนี้ปรากฎขึ้น การโจมตีที่ว่านี้มันก็ไร้ผลไปทันที


ผู้เล่นที่ยืนอยู่ในสนามรบต่างตกตะลึงกับฉากนี้


“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?”


“กำแพงสีดำสนิทนี่คือเวทย์ป้องกันใช่ไหม ? มันจะไม่น่าทึ่งเกินไปหน่อยงั้นหรอ ? …”


ทุกคนนั้นตกตะลึงและสับสนมากๆ เมื่อเห็นกำแพงสีดำสนิทปรากฎขึ้นในสนามรบอย่างกระทันหัน


ไม่เพียงแต่กำแพงสีดำสนิทนี้จะช่วยป้องกันการโจมตีของ Faux Saint Devourer ได้ แต่มันยังแบ่งสนามรบทั้งหมดออกเป็นครึ่งหนึ่ง และทำให้กองทัพมอนสเตอร์ส่วนใหญ่ต้องหยุดการโจมตี ตอนนี้มอนสเตอร์ Faux Saint ทำได้เพียงแค่ยืนนิ่งและมองไปยังกำแพงสีดำสนิทเบื้องหน้าพวกเขา


“นี่มันคือรอยแยก … เชิงพื้นที่ !!!” อิลูซะรี่เวิร์ดอุทานออกมา เมื่อเอเห็นกำแพงสีดำสนิทจางหายไปจากการดำรงอยู่


“รอยแยกเชิงพื้นที่ ? เป็นไปได้ยังไงกัน ? แม้แต่การโจมตีที่ทรงพลังที่สุดที่ฉันเคยเห็นก็ยังทำให้เกิดรอยแยกเชิงพื้นที่ยืดออกไปแค่หลายสิบหลาเท่านั้น แต่กำแพงนี้มันมีความยาวกว่าหนึ่งร้อยหลา และสูงกว่าห้าสิบเมตร ใครจะมีความแข็งแกร่งแบบนี้กัน ?” ชายที่มีท่าทางดุร้ายกล่าวปฎิเสธเรื่องนี้โดยสัญชาตญาณ เขารู้สึกว่าการคาดเดาของอิลูซะรี่เวิร์ดนั้นไร้สาระ


ทุกคนในชั้นสามของบาร์นี้นั้นคุ้นเคยกับรอยแยกเชิงพื้นที่ดี เพราะท้ายที่สุดพวกเขามักจะต้องเจอกับรอยแยกเชิงพื้นที่เมื่อปะทะกับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายขั้นสี่


รอยแยกเชิงพื้นที่นั้นเป็นผลพลอยได้จากการโจมตีที่มีพลังมากเกินไปเกินกว่าพื้นที่โดยรอบจะทานทนได้ ดังนั้นมันจึงทำให้เกิดรอยแยกเชิงพื้นที่ขึ้นนั่นเอง และรอยแยกเชิงพื้นที่นั้นก็จะไม่มีความเสถียรเลย ….


อย่างไรก็ตามกำแพงสีดำสนิทที่ปรากฎขึ้นนี้มันมีความเสถียรมากๆ จนมันดูเหมือนกับกำแพงเหล็กที่ตกลงมาจากท้องฟ้าเพื่อช่วยป้องกันการโจมตีของ Faux Saint Devourer


“ฉันเดาว่าคุณพูดถูกนะ แม้แต่คนๆนั้นก็ไม่น่าจะสามารถทำแบบนี้ได้ …” อิลูซะรี่เวิร์ดพูดพลางหัวเราะให้กับตัวเอง และหลังจากครุ่นคิดเพิ่มอีกชั่วครู่ เธอก็เห็นด้วยกับชายที่มีท่าทางดุร้าย


“ว่าแต่ใครเป็นผู้ที่ช่วยเพอเพิ้ลอายกัน ?” ชายที่มีท่าทางดุร้ายกล่าวพลางมองไปยังฉากในกระจกเวทย์มนต์อย่างจริงจัง “การที่สามารถทำได้ขนาดนี้ และป้องกันการโจมตีของ Faux Saint Devourer ได้ด้วยนั้นมันช่างน่าทึ่งจริงๆ ฉันคิดว่ามันคงมีเพียงไม่กี่คนหรอกในเมืองปีกสีเงินหรอกที่ทำได้ นี่สัตว์ประหลาดเก่าแก่ที่เป็นหนึ่งในพันธมิตรของสภาสิบแปดปีกเริ่มเคลื่อนไหวรึยังไงกัน ?”


ชายที่มีท่าทางดุร้ายพยายามมองหาต้นกำเนิดของกำแพงสีดำสนิทนี้ และเขาก็ได้พบกับชายที่สวมเสื้อคลุมสีดำ และถือดาสีดำสนิทอยู่ และแม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นข้อมูลใดๆของชายคนนี้ แต่สัญชาตญาณของเขาก็บอกเขาอย่างชัดเจนเลยว่าชายคนนี้นั้นมีความแข็งแกร่งอย่างน่าอัศจรรย์และอยู่ในขอบเขตโดเมน


ก่อนที่กำแพงสีดำสนิทจะหายไปอย่างสมบูรณ์ ชายที่สวมเสื้อคลุมสีดำก็ได้หายไปจากตำแหน่งเดิมของเขา และมาปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าของ Faux Saint Devourer และหยุดการโจมตีจากหอกของ Faux Saint Devourer ได้อีกครั้ง ซึ่งนี่มันทำให้เพอเพิ้ลอายนั้นมีเวลามากพอจะเว้นระยะห่างออกจาก Faux Saint Devourer


“อึก !!! ผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน ?!! เขากระทั่งสามารถป้องกันการโจมตีของ Faux Saint Devourer เอาไว้ได้ด้วย !!!” เครซบลูอุทานออกมาด้วยดวงตาที่แทบจะถลนออกจากเบ้า เมื่อเห็นซือเฟิงช่วยชีวิตเพอเพิ้ลอายได้สำเร็จ


ในขณะนี้นอกเหนือจากเครซบลูแล้ว แม้แต่โซลิดวินด์ก็ไม่สามารถจะซ่อนความตกตะลึงภายในจิตใจของเธอได้เช่นกัน ก่อนหน้านี้การที่เธอได้เห็นซือเฟิงสามารถตรึง Faux Saint Destroyers สองตัวไว้ได้ด้วยตัวเองมันก็ทำให้เธอตกตะลึงมากแล้ว แต่ตอนนี้ชายคนนี้กับสามารถตรึง Faux Saint Devourer ไว้ได้อีก ความสามารถของเพอเพิ้ลอายนั้นเทียบกับชายคนนี้ไม่ได้เลย


“มหัศจรรย์มาก !!! เขาสามารถจะตามความเร็วของ Faux Saint Devourer ได้ทันจริงๆ !!! ด้วยเรื่องนี้เขาไม่น่าจะมีปัญหาในการจัดการกับ Faux Saint Devourer !!!” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวด้วยดวงตาที่เปล่งประกายไปด้วยความตื่นเต้น เมื่อเธอเห็นชายที่สวมเสื้อคลุมสีดำสามารถป้องกันการโจมตีของ Faux Saint Devourer ได้ “ถ้าเมืองปีกสีเงินได้รับการคุ้มครองจากผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ เราก็น่าจะสามารถรักษาเมืองปีกสีเงินไว้ได้ระยะหนึ่ง และหยุดแผนของมือแห่งนักบุญ เพื่อขอความช่วยเหลือจากประเทศข้างเคียงได้ ด้วยวิธีนี้ความเร็วในการพัฒนาของมือแห่งนักบุญก็จะช้าลง และสภาสิบแปดปีกก็จะมีพื้นที่ให้หายใจ และหากสภาสิบแปดปีกสามารถยึดครองอาณาจักรสตาร์มูนต่อไปได้ เราก็จะมีช่วงเวลาที่ง่ายขึ้นในการต่อต้านสตาร์ลิ้งในจักรวรรดิรัตติกาล”


“สิ่งนี้มันก็แค่ช่วยชะลอทุกอย่างออกไปเท่านั้นแหละ สุดท้าย Faux Saint Devourer ก็จะแข็งแกร่งขึ้นไปกว่านี้เรื่อยๆอยู่ดีเมื่อเวลาผ่านไป และความเร็วในการเติบโตของมันนั้นก็ไม่ใช่เรื่องตลกเลย นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเลยเรื่องที่ว่ามือแห่งนักบุญได้แจ้งให้มหาอำนาจต่างๆทราบแล้วว่า ใครก็ตามที่ช่วยเหลือสภาสิบแปดปีกจะถือว่าเป็นศัตรูของมือแห่งนักบุญ” ชายที่มีท่าทางดุร้ายกล่าวพลางส่ายหัว “มือแห่งนักบุญนั้นได้ทำการวิจัยจนได้รับข้อมูลมาอย่างมหาศาลเกี่ยวกับพวกมอนสเตอร์ Faux Saint และในอนาคต เราก็จะต้องการความช่วยเหลือจากมือแห่งนักบุญแน่นอนเพื่อกำจัดภัยคุกคามของมอนสเตอร์ Faux Saint ซึ่งนี่ก็เป็นสาเหตุหลักที่หัวหน้ากิลออกคำสั่งให้เราถอนตัวโดยสมบูรณ์ทันที การปรากฎตัวของผู้เชี่ยวชาญคนนี้มันไม่ได้ช่วยเปลี่ยนแปลงอะไรเลย ในความเป็นจริงมือแห่งนักบุญอาจจะค้นหามหาอำนาจที่อยู่เบื้องหลังผู้เชี่ยวชาญคนนี้ และส่งคำเตือนให้เขาหยุดไปเลยก็ได้”


….


นอกเหนือจากสมาชิกของจักรพรรดิคริมสันแล้ว สมาชิกของมหาอำนาจอื่นๆเองก็ล้วนมองไปยังสถานการณ์นี้อย่างไม่แยแส และคิดแบบเดียวกัน


“สภาสิบแปดปีกนั้นโชคดีจริงๆ กิลยังคงได้รับความช่วยเหลือจากสัตว์ประหลาดเก่าแก่ แม้ว่าสถานการณ์จะเป็นแบบนี้”


“ฉันพนันได้เลยว่าสัตว์ประหลาดเก่าแก่คนนี้ยังไม่ได้อัพเดทข่าวสาร ไม่งั้นเขาคงไม่เข้าไปช่วยสภาสิบแปดปีกแบบนี้ …”


แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าสัตว์ประหลาดเก่าแก่จากมหาอำนาจกลุ่มไหนที่เข้ามาช่วยสภาสิบแปดปีกในตอนนี้ แต่พวกเขาก็รู้ดีว่านี่จะเป็นครั้งเดียวที่สัตว์ประหลาดเก่าแก่คนนี้ได้กระทำการแบบนี้ หลังจากนี้มือแห่งนักบุญจะส่งคำเตือนไปยังมหาอำนาจที่สนับสนุนสัตว์ประหลาดเก่าแก่คนนี้แน่นอน และเมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น มหาอำนาจกลุ่มนี้ก็จะหยุดให้ความช่วยเหลือสภาสิบแปดปีกอย่างแน่นอนเลยทีเดียว


ไม่เพียงแต่ในยุคปัจจุบันของ God domain มันจะเต็มไปด้วยความโกลาหล แต่มันยังเป็นยุคของมอนสเตอร์อย่าง Faux Saint ด้วย


มอนสเตอร์ Faux Saint นั้นสร้างความปวดหัวให้กับหลายคนมากๆ แม้กระทั่งกับซุเปอร์กิล และการหยุดการแพร่กระจายของมอนสเตอร์ Faux Saint เหล่านี้มันก็เป็นไปไม่ได้เลย


ในอนาคตกิลใดก็ตามที่ต้องการจะพัฒนาไปอย่างปลอดภัยใน God domain ไม่ว่าจะเป็นกิลขนาดเล็กไปจนถึงซุเปอร์กิล จะต้องเป็นพันธมิตรและมีการแลกเปลี่ยนกับมือแห่งนักบุญ เพราะท้ายที่สุดแล้วจนถึงตอนนี้มันก็ยังไม่มีมหาอำนาจกลุ่มใดสามารถพัฒนาเครื่องมือที่สามารถป้องกันมอนสเตอร์ Faux Saint ไม่ให้โจมตีผู้เล่นได้ ขณะที่มือแห่งนักบุญนั้นมีเครื่องมือแบบนี้แล้ว ….


ตอนนี้มือแห่งนักบุญได้มุ่งมั่นที่จะทำลายสภาสิบแปดปีกให้ได้แล้ว ดังนั้นแม้แต่ศาลาลับก็จะไม่สามารถหยุดยั้งเรื่องนี้ได้ เหตุการณ์มันจะเป็นเช่นเดียวกับที่ศาลาลับไม่สามารถหยุดยั้งไม่ให้มือแห่งนักบุญเข้ายึดเมืองกิลของพันธมิตรดวงดาวได้


ในขณะเดียวกัน เมื่อเวลาผ่านไปกำลังเสริมนั้นก็หลั่งไหลออกมาจากเมืองปีกสีเงินอย่างต่อเนื่อง และในที่สุดกองทัพลาดตระเวนก็กลับมาอยู่ในสถานะเหนือกว่ากองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ในความเป็นจริงตอนนี้ Faux Saint Saboteurs หลายพันตัวได้ตายลงแล้ว ซึ่งนี่มันทำให้ Faux Saint Devourer เริ่มกังวลเช่นกัน


ในช่วงเวลาต่อมา Faux Saint Devourer ก็เปล่งเสียงคำรามที่ดังกึกก้องไปทั่วสนามรบออกมา


หลังจากนั้นกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ก็เริ่มกระจายตัวและหนีกันทันที สำหรับ Faux Saint Devourer นั้นมันก็หันไปรอบๆก่อนจะวิ่งหนีเช่นกัน


“แน่นอนเลยว่ามันกำลังจะหนี …”


“เมืองปีกสีเงินอาจรอดไปได้ในครั้งนี้ แต่มาดูกันว่าเมืองจะรอดไปได้ยังไงจากการโจมตีในครั้งหน้า …”


มหาอำนาจต่างๆที่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองปีกสีเงินนั้นต่างไม่แปลกใจเลยที่ได้เห็นกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ถอยกลับ เพราะท้ายที่สุดแล้วด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ หากพวกมันไม่ถอย มันจะเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่พวกมันจะถูกฆ่าทั้งหมด และแม้แต่ Faux Saint Devourer ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้มอนสเตอร์ Faux Saint น่ากลัวอย่างแท้จริงคือความสามารถในการเติบโตที่แข็งแกร่งขึ้นในแต่ละการต่อสู้ที่พวกมันเคยผ่านมา แม้ว่าเมืองปีกสีเงินจะป้องกันการโจมตีในวันนี้ไว้ได้ แต่มันก็ไม่ใช่ว่าครั้งหน้าเมืองจะทำแบบนี้อีกได้


“หนี ?” ซือเฟิงยิ้มเยาะ เมื่อเขาเห็น Faux Saint Devourer หนีไป “นี่คิดว่าจะสามารถหนีไปได้งั้นหรอ ?”


หลังจากนั้นซือเฟิงก็หยิบแหวนแห่งกอสเปลออกมาจากกระเป๋าของเขา และเปิดใช้งานโลกจิ๋วทันที


ตอนที่ 2658 พลังของค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจขั้นสี่


เมื่อซือเฟิงเปิดใช้งานโลกจิ๋ว ท้องฟ้าเหนือป่าทะเลทรายก็มืดลงจนราวกับว่าเวลายามค่ำคืนมาถึงแล้ว


ในทันทีทุกคนในสนามรบรู้สึกราวกับว่าการรับรู้สภาพแวดล้อมของพวกเขานั้นหายไป ซึ่งมันราวกับว่าพวกเขาจมดิ่งลงไปในความว่างเปล่าสีดำสนิทโดยที่ไม่มีอะไรอยู่ในนั้น นอกจากผู้เล่นแล้ว แม้แต่มอนสเตอร์ Faux Saint ก็ยังต้องหยุดลง พลางหันซ่ายทีขวาทีอย่างไร้จุดหมาย ขณะที่ดวงตาของพวกมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว


หลังจากนั้นไม่นานแสงสีสันสดใสก็โปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า โดยแสงนี้ให้ความรู้สึกศักสิทธิ์และยิ่งใหญ่มากๆ


ผู้เล่นที่เฝ้าชมจากระยะไกลนั้นได้มองเห็นบาเรียสายรุ้งขนาดมหึมาล้อมรอบป่าทะเลทรายทั้งหมดนอกเมืองปีกสีเงิน โดยบาเรียนี้ได้ทำการแยกป่าออกจากโลกภายนอกอย่างชัดเจน และทำให้ป่านี้ดูเหมือนกับภาพลวงตาเลย


ในขณะเดียวกันภายใต้บาเรียที่มีสีสันเหล่านี้ เหล่ามอนสเตอร์ Faux Saint ก็เริ่มกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และเสียงกรีดร้องของพวกมันก็ดังก้องไปทั่วป่า ในเวลาเดียวกันออร่าที่รุนแรงที่พวกมันแผ่ออกมานั้นก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว และแม้แต่ค่าสถานะพื้นฐานกับความเร็วในการตอบสนองของมันก็ยังลดลงอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งตอนนี้มันราวกับว่ามอนสเตอร์ Faux Saint ที่ทุกคนล้วนหวาดกลัวนั้นได้กลายเป็นมอนสเตอร์ทั่วไป ไปแล้ว ….


เมื่อได้เห็นฉากนี้ทุกคนในสนามรบต่างก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง


“นี่มันไม่แข็งแกร่งเกินไปหน่อยงั้นหรอ ?! ผู้ชายคนนี้สามารถจะสร้างดีบัฟให้กับมอนสเตอร์ Faux Saint หลายพันตัวเพื่อปราบปรามมันได้ในทันที !!! ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่ ?!”


ทีมนักผจญภัยต่างๆที่ทำหน้าที่คุ้มกันขบวนสินค้า และกองทัพลาดตระเวนที่ต่อสู้กับมอนสเตอร์กับ Faux Saint อยู่ล้วนจ้องมองไปยังซือเฟิงอย่างประหลาดใจ


พวกเขาเคยเห็นวงเวทย์ที่ถูกใช้ปราบปรามมอนสเตอร์มามากมาย แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยจริงๆที่พวกเขาได้เห็นวงเวทย์ที่สร้างความปั่นป่วนมากขนาดนี้ และมีเอฟเฟคมหาศาลขนาดนี้


Faux Saint Destroyers ตัวไหนก็แล้วแต่แบบสุ่มมันก็มากเกินพอแล้วที่จะทำให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามปวดหัวมากๆในการจะจัดการกับมัน


อย่างไรก็ตามตอนนี้ Faux Saint Destroyers หลายร้อยตัวกับถูกปราบปรามอย่างรุนแรงจนมันแข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ระดับลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามทั่วไปก็ยังสามารถจะรับมือกับแกรนลอร์ดเหล่านี้ได้ สำหรับ Faux Saint Devourer ที่เคยดูยิ่งใหญ่ ตอนนี้มันก็ไม่ได้ต่างจากมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายโดยทั่วไปเลย และในสถานะปัจจุบันของมัน แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดขั้นสามในปัจจุบันก็จะสามารถต้านทานมันได้ช่วงระยะเวลาหนึ่งเลย


แม้แต่วงเวทย์ระดับปรมาจารย์ก็ไม่น่าจะสามารถให้ผลแบบนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นวงเวทย์ที่ซือเฟิงใช้มันยังครอบคลุมพื้นที่ป่าทะเลทรายทั้งหมด


ในตอนนี้แม้แต่ตัวซือเฟิงเองก็ยังรู้สึกประหลาดใจกับผลลัพธ์ของโลกจิ๋ว เขาไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขามาถึงที่มาตราฐานขั้นสี่ นอกเหนือจากความสามารถในการแสดงพลังของเทคนิคการต่อสู้ขั้นสูงออกมาในทุกการเคลื่อนไหวแล้ว ความสามารถในการควบคุมวงเวทย์ของเขายังจะดีขึ้นจนน่ากลัวเช่นกัน


ขณะนี้เอฟเฟคการปราบปรามของโลกจิ๋งสามารถเทียบได้กับเอฟเฟคของวงเวทย์ระดับปรมาจารย์ขั้นสูงเลย


แม้จะแปลกใจ แต่ซือเฟิงก็ไม่ได้หยุดลงชั่วคราว หลังจากเปิดใช้งานโลกจิ๋งแล้ว เขาก็พุ่งเข้าใส่ Faux Saint Devourer ทันที


ภายใต้การปราบปรามของโลกจิ๋ว ความเร็วของ Faux Saint Devourer นั้นลดลงอย่างมาก และในเวลาเพียงสองวินาที ซือเฟิงก็สามารถป้องกันและใช้ Abyssal Blade โจมตีโต้ตอบมันกลับไปได้


ซึ่งเส้นโค้งรูปจันทร์เสี้ยวจากการโจมตีของ Abyssal Blade ปรากฎขึ้น และมันก็ตัดผ่านไหล่ของ Faux Saint Devourer ไปทันที โดยที่ Faux Saint Devourer นั้นไม่ทันที่จะตอบสนองต่อการโจมตีนี้ได้ทันเวลา มันจึงถูกทำให้ปลิวกระเด็นเข้าไปชนกับต้นไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปหลายหลา และค่าความเสียหายมากกว่าหกแสนก็ปรากฎขึ้นเหนือหัวของมัน ตอนนี้ความแตกต่างระหว่างกำลังรบของทั้งสองฝ่ายนั้นมันชัดเจนสำหรับทุกคนที่เห็น


“วงเวทย์นั่นมันคืออะไรกัน ? นี่ Faux Saint Devourer ไม่มีความแข็งแกร่งมากพอจะโต้ตอบกลับจริงๆงั้นหรอ ?”


บรรดามหาอำนาจต่างๆที่เฝ้าชมการต่อสู้จากเมืองปีกสีเงินต่างก็ตกตะลึง เมื่อได้เห็น Faux Saint Devourer เสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง ในความเป็นจริง ความเร็วในการตอบสนองของ Faux Saint Devourer นั้นไม่สามารถจะติดตามการเคลื่อนไหวของนักดาบได้ทันเลย


แม้ว่าพวกเขาจะชมอยู่ผ่านกระจกเวทย์มนต์ แต่พวกเขาก็สามารถบอกได้เลยว่าค่าสถานะพื้นฐานของ Faux Saint Devourer นั้นลดลงอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามค่าสถานะพื้นฐานของ Faux Saint Devourer ก็น่าจะมีเทียบเท่ากับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายในเลเวลเดียวกัน ซึ่งเมื่อบวกกับความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการต่อสู้ พลังการต่อสู้โดยรวมของมันจึงน่าจะเทียบเท่ากับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนได้เลย เพราะท้ายที่สุดแล้วค่าสถานะพื้นฐานของมอนสเตอร์ขั้นสี่นั้นไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย


อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงการต่อสู้เลย ตอนนี้ Faux Saint Devourer แทบไม่สามารถจะป้องกันตัวเองจากการโจมตีของซือเฟิงได้ด้วยซ้ำ และ HP ของมันก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง มันไม่สามารถจะติดตามการเคลื่อนไหวของซือเฟิงได้ทันเลย


หลังจากได้เห็นสิ่งนี้ ทุกคนก็สามารถจะจินตนการถึงผลลัพธ์ที่รอ Faux Saint Devourer ตัวนี้อยู่ได้อย่างชัดเจน


ตาย !!


แม้ว่าการที่ซือเฟิงจะฆ่า Faux Saint Devourer ด้วยตัวเองจะเป็นไปไม่ได้ อันเนื่องมาจากมันมี HP ที่สูงมาก แต่ตราบใดที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเข้าร่วมการโจมตี ในท้ายที่สุด Faux Saint Devourer ก็จะตายลงแน่นอน


จนถึงวันนี้ นับประสาอะไรกับการฆ่า Faux Saint Devourer ที่เป็นมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย มหาอำนาจต่างๆยังไม่เคยฆ่า Faux Saint Destroyer ที่อยู่ในระดับแกรนลอร์ดได้เลยด้วยซ้ำ


อย่างไรก็ตามตอนนี้ ซือเฟิงกับสามารถทำปาฎิหาริย์นี้ให้เกิดขึ้นได้สำเร็จ โดยอาศัยวงเวทย์แค่วงเดียว นี่มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเลย


หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาไม่ถึงสิบนาทีหลังจากที่ซือเฟิงเปิดใช้งานโลกจิ๋ว บรรดา Faux Saint Saboteurs ทั้งหมดในสนามรบต่างก็ตายลงไปภายใต้เงื้อมือของกองทัพลาดตระเวนแล้ว ในขณะที่ HP ของ Faux Saint Destroyers ส่วนใหญ่ก็ลดลงเหลือน้อยกว่าครึ่ง สำหรับ Faux Saint Devourer ที่มีซือเฟิง เพอเพิ้ลอาย และผู้เชี่ยวชาญขั้นสามอีกหลายสิบคนโจมตีมันอยู่นั้น ตอนนี้ HP ของมันลดลงต่ำกว่าเจ็ดสิบเปอเซ็นต์แล้ว


ผู้เล่นในปัจจุบันนั้นอดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เมื่อได้เห็นฉากนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสมาชิกของทีมนักผจญภัยต่างๆ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ในที่สุดสถิติไร้พ่ายของมอนสเตอร์ Faux Saint จะต้องจบลงที่นี่


ก่อนหน้านี้มหาอำนาจต่างๆรวมไปถึงผู้เล่นนั้นล้วนหวาดกลัวมอนสเตอร์ Faux Saint อย่างมาก และแค่ Faux Saint Destroyers ที่เป็นมอนสเตอร์ระดับแกรนลอร์ดนั้นก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับผู้เล่นโดยทั่วไปที่จะฆ่ามัน ไม่ต้องพูดถึง Faux Saint Devourer ที่เป็นมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายเลย


อย่างไรก็ตามตอนนี้การจะฆ่าแกรนลอร์ด และมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายเหล่านี้จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป ซึ่งตอนนี้ไม่เพียงแต่มันจะช่วยเพิ่มความหวังในการอยู่รอดของอาณาจักรสตาร์มูนเท่านั้น แต่การเข้ายึดดินแดนที่เสียไปของอาณาจักรกลับคืนมาก็ยังพอมีความเป็นไปได้ด้วย และเมื่อตอนนั้นมาถึง ผู้เล่นก็จะสามารถพัฒนาต่อไปได้ในอาณาจักรสตาร์มูน และจักรวรรดิออร์คเช่นเดิม


“ฉันไม่รู้ว่าคนๆนั้นเป็นใคร แต่หลังจากการต่อสู้ในครั้งนี้ มันมีแนวโน้มสูงมากว่าสถานการณ์ในอาณาจักรสตาร์มูนจะเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวด้วยรอยยิ้มมุมปาก เมื่อเธอเห็นซือเฟิงกำลังทำการปราบปราม Faux Saint Devourer ผ่านกระจกเวทย์มนต์


ก่อนหน้านี้มอนสเตอร์ Faux Saint ที่มีสถิติไร้พ่ายนั้นเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้มหาอำนาจต่างๆ รวมไปถึงผู้เล่มากมายต่างหวาดกลัวมือแห่งนักบุญ และในตอนนี้แม้ว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จในการฆ่ามอนสเตอร์ Faux Saint เพียงเล็กน้อยในอาณาจักรสตาร์มูน แต่หากข่าวความสำเร็จในครั้งนี้แพร่กระจายออกไป มือแห่งนักบุญก็จะไม่สามารถแสดงความหยิ่งผยผองและเอาแต่ใจออกมาได้มากเท่าเมื่อก่อนแน่นอน


อย่างไรก็ตามในระหว่างที่มหาอำนาจต่างๆที่ซ่อนอยู่ภายในเมืองปีกสีเงินกำลังคิดว่ากองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint นั้นกำลังจะประสบกับความพ่ายแพ้ หอกสายฟ้าที่เต็มไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้างหลายโหลก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้า และโจมตีเข้าใส่ซือเฟิงกับคนอื่นๆที่กำลังโจมตี Faux Saint Devourer อยู่ ซึ่งความเร็วและพลังของหอกสายฟ้านี้ก็น่ากลัวมากๆจนมันทำให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่ายี่สิบคนกลายเป็นไอทันที


พร้อมกับการโจมตีของหอกสายฟ้านี้ที่เข้ามา ทันใดนั้นบาเรียเวทย์มนต์สองชั้นก็ปรากฎขึ้นรอบๆ Faux Saint Devourer ที่บาดเจ็บสาหัส และทำการปกป้องมันเอาไว้ ซึ่งแม้แต่คำสาปขั้นสามของเพอเพิ้ลอายก็ยังไม่สามารถจะโจมตีทะลุบาเรียนี้ไปได้


ก่อนที่ใครจะทันได้ตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่พัฒนาไปอย่างฉับพลันนี้ได้ มันก็มีร่างมากกว่าหนึ่งร้อยร่างที่โผล่ออกมาอย่างรวดเร็วจากป่าโดยรอบ และร่างเหล่านี้ก็ได้เข้าไปยืนอยู่ข้าง Faux Saint Devourer ทันที ซึ่งมันก็ชัดเจนว่าพวกเขานั้นยืนอยู่คนละฝั่งกับซือเฟิงและคนอื่นๆ โดยร่างเหล่านี้นั้นล้วนแผ่ออร่าที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับแกรนลอร์ดในเลเวลเดียวกันออกมา


“พวกคุณเป็นใคร ? แล้วนี่พยายามจะทำอะไร ?”


หลังจากเพอเพิ้ลอายเห็นเพื่อนของเธอถูกฆ่า และ Faux Saint Devourer ได้รับการปกป้องจากบาเรียเวทย์มนต์สองชั้น ความโกรธที่ไม่อาจจะอธิบายได้ก็ปรากฎขึ้นในจิตใจของเธอ ตอนนี้เธอจ้องมองไปยังผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่าหนึ่งร้อยคนในชุดเสื้อคลุมสีดำที่ปรากฎตัวขึ้นมาอย่างกระทันหันด้วยความโกรธ


หากไม่ใช่เพราะผู้มาใหม่เหล่านี้มีออร่าที่เทียบเท่ากับแกรนลอร์ดในเลเวลเดียวกัน เธอคงจะเลือกที่จะโจมตีพวกเขาไปแล้ว อย่างไรก็ตามสัญชาตญาณของเธอบอกเธอว่าเธอไม่ควรทำแบบนั้นเลย เพราะท้ายที่สุดตราบใดที่เธอลงมือ เพื่อนของเธออีกกนับสิบจะตายลงทันทีแน่นอน

ในเวลาเดียวกันชายร่างสูง หัวล้าน ที่มีดวงตาสีทองก็เดินออกมาจากกลุ่ม และเมื่อชายหัวล้านมองไปที่เพอเพิ้ลอาย เขาก็ยิ้มและกล่าวว่า “ผู้บัญชาการเพอเพิ้ล ไม่ได้เจอกันนานนะ คุณยังจำฉันได้ไหม ?”


เมื่อได้เห็นการปรากฎตัวของชายหัวล้านคนนี้ บรรยากาศก็ตึงเครียดขึ้นมาก และการแสดงออกของเพอเพิ้ลอายก็ดูรุนแรงขึ้น


“เธ้าซั่นอาย !! ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ ?!” เพอเพิ้ลอายกล่าวขณะที่ใบหน้าของเธอมืดมนลง และเธอก็มองไปยังชายหัวล้านคนนี้อย่างหวาดกลัว “นี่มือแห่งนักบุญกำลังพยายามจะทำอะไร ?!”


สาเหตุที่เธอกลัวชายหัวล้านที่ชื่อเธ้าซั่นอายนี้นั่นก็เป็นเพราะ เขาเป็นหนึ่งในผู้บัญชาการของสามกองกำลังหลักของมือแห่งนักบุญ แถมเขายังเป็นสัตว์ประหลาดที่เป็นผู้รับผิดชอบในการนำกองกำลังเข้ายึดเมืองกิลของพันธมิตรดวงดาว ค่าสถานะพื้นฐานของเธ้าซั่นอายนั้นเทียบได้กับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายทั่วไปเลย เขาได้ฆ่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนที่ศาลาลับส่งมาเพื่อช่วยเหลือพันธมิตรดวงดาวลงไปในทันที


“ฉันยังจำเป็นต้องพูดอีกงั้นหรอ ? มันก็เป็นเพราะคนของคุณไปไกลเกินไป นั่นคือเหตุผลที่เราต้องออกมาหยุดคุณ …” เธ้าซั่นอายกล่าว


“คุณหมายความว่าไง ?” เพอเพิ้ลอายถาม


“มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่มอนสเตอร์ Faux Saint จะเข้ายึดครองทวีปด้านตะวันออก เพราะท้ายที่สุดพวกมันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และผู้เล่นอย่างพวกเราก็จะไม่สามารถหยุดมันได้เลย ดังนั้นทางเลือกเดียวของพวกเราคืออยู่ร่วมกับพวกมัน แต่ตอนนี้คุณกับคิดจะฆ่า Faux Saint Devourer ที่พึ่งโผล่ออกมา ซึ่งมันเป็นเหมือนกับราชันของมอนสเตอร์ Faux Saint นี่มันรังแต่จะสร้างความโกรธให้กับมอนสเตอร์ Faux Saint Devourer เพิ่มขึ้นเท่านั้น และมอนสเตอร์ Faux Saint เหล่านี้อาจจะเพิ่มจำนวนการโจมตีมากขึ้นด้วยในระหว่างวันนะ …” เธ้าซั่นอายกล่าว “ดังนั้นเรามาเพื่อหยุดไม่ให้คุณทำอะไรโง่ๆ !!! และซ้ำเติมสถานการณ์ปัจจุบัน !!!”


คำพูดของเธ้าซั่นอาย ทำให้สมาชิกในทีมนักผจญภัยหลายคนหยุดลงชั่วคราว


มอนสเตอร์ Faux Saint หลายพันตัวที่นี่เป็นเพียงมอนสเตอร์ Faux Saint กลุ่มเล็กๆจากจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนในอาณาจักรสตาร์มูน ยิ่งไปกว่านั้น มันก็เป็นเช่นเดียวกับที่เธ้าซั่นอายได้กล่าวมา มอนสเตอร์ Faux Saint เหล่านี้ค่อนข้างจะเจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างไม่น่าเชื่อ ตราบใดที่ผู้เล่นฆ่าพรรคพวกของพวกมันไปเป็นจำนวนมาก มันก็จะจัดกองกำลังใหญ่กว่ามาตามล่าผู้เล่นต่อทันที และแม้ว่าผู้เล่นอาจจะสามารถป้องกันการโจมตีหลายครั้งจากกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ได้ แต่ท้ายที่สุดแล้ว กองทัพมอนสเตอร์พวกนี้ก็จะจัดกองทัพมาใหญ่ขึ้นเรื่อยๆเพื่อจัดการกับผู้เล่นลงให้ได้อยู่ดี ผลลัพธ์ในท้ายที่สุดมันจะเหมือนเดิม หากผู้เล่นไปสร้างความโกรธเคืองให้กับพวกมัน


ถ้าพวกเขาฆ่า Faux Saint Devourer ซึ่งเป็นเหมือนกับราชาในหมู่มอนสเตอร์ Faux Saint ที่นี่ มันก็ไม่มีใครสามารถบอกได้เลยว่ามอนสเตอร์ Faux Saint ตัวอื่นๆจะทำอะไรต่อไป และมันก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่พวกมันทั้งหมดจะเพิ่มการเคลื่อนไหวของตัวเองมากขึ้นทั้งในกลางวันและกลางคืน จนทำให้เหล่าผู้เล่นต้องเจอกับปัญหามากขึ้น นี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่พวกมันจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วมากๆ เมื่อเวลาผ่านไป


ในสถานการณ์เช่นนี้ แม้แต่เพอเพิ้ลอายก็ไม่รู้ว่าควรจะต้องทำอะไรต่อเช่นกัน


ในขณะที่เพอเพิ้ลอายและหลายคนกำลังไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงกับสถานการณ์นี้ดี เสียงที่สงบก็ดังเข้าหูของทุกคน


“ถ้าฉันอยากจะฆ่ามันไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่ล่ะ ?”


ตอนที่ 2659 แบล๊คเฟรม


เมื่อทุกคนได้ยินเสียงที่สงบ พวกเขาก็มองไปยังต้นกำเนิดของเสียงด้วยความประหลาดใจ


ซึ่งคนที่พูดคำเหล่านี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากชายในชุดเสื้อคลุมสีดำที่เป็นผู้ปราบปราม Faux Saint Devourer ชายผู้ที่พลิกกระแสของการต่อสู้ครั้งนี้


“นี่เขาจะต่อต้านมือแห่งนักบุญจริงๆงั้นหรอ ?”


สมาชิกของมหาอำนาจต่างๆที่เฝ้าชมกันอยู่จากเมืองปีกสีเงินนั้นต่างก็ประหลาดใจกับการพัฒนานี้ พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่านักดาบจะกล้ายั่วยุสมาชิกของมือแห่งนักบุญ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังพูดคำยั่วยุเหล่านี้ต่อหน้าเธ้าซั่นอาย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้บัญชาการกองกำลังหลักของมือแห่งนักบุญด้วย


นักดาบคนนี้กล้าหาญมากเกินไปจริงๆ !!!


ในขณะนี้แม้แต่อิลูซะรี่เวิร์ด และสมาชิกจักรพรรดิคริมสันคนอื่นๆที่นั่งอยู่ในบาร์บลูโรสก็ยังรู้สึกประหลาดใจกับสถานการณ์นี้ แม้ว่าสมาชิกของมือแห่งนักบุญจะมีจำนวนคนมากกว่าหนึ่งร้อยคนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งไม่มีอะไรเทียบได้กับกองทัพลาดตระเวนของเมืองปีกสีเงินเลย แต่สมาชิกมือแห่งนักบุญเหล่านี้ก็ล้วนมีความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา


ในความเป็นจริงเธ้าซั่นอายนั้นได้อาศัยผู้เล่นมากกว่าหนึ่งร้อยคนทีมนี้เพื่อโจมตีและเข้ายึดสถานที่พักกิลของพันธมิตรดวงดาวที่ได้รับการป้องกันอย่างหนาแน่น และพวกเขายังได้ฆ่าผู้เชี่ยวชาญที่ศาลาลับส่งมาช่วยพันธมิตรดวงดาวไปมากกว่าหกร้อยคน


ขณะเดียวกันที่เมืองปีกสีเงินแห่งนี้ ใครก็สามารถจะบอกได้เลยว่า เว้นแต่พวกแกนหลักของสภาสิบแปดปีกจะลงมือ ไม่งั้นจะไม่มีใครหยุดเธ้าซั่นอายและคนของเขาได้แน่นอน


แต่ว่าทำไมฉันรู้สึกคุ้นเคยกับอะไรแบบนี้จัง ? เมื่ออิลูซะรี่เวิร์ดเห็นความขัดแย้งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงบนกระจกเวทย์มนต์ เธอก็รู้สึกเหมือนอาการเดจาวู ….


….

ที่บริเวณป่าทะเลทราย เพอเพิ้ลอายอดไม่ได้ที่จะจ้องมองมายังซือเฟิงอย่างกังวล เมื่อเห็นเขาทำการท้าทายเธ้าซั่นอาย คนอื่นอาจไม่รู้ว่าเธ้าซั่นอายและทีมของเขาทรงพลังมากขนาดไหน แต่เธอรู้ เพราะท้ายที่สุดเธอเคยเห็นพวกเขาทั้งหมดเคลื่อนไหว และโจมตีร่วมกันมาก่อน


มันอาจจะดีถ้าพวกเขาอยู่ห่างจากตัวเมืองปีกสีเงินไม่เกินสามถึงสี่ร้อยหลา เนื่องจากองครักษ์ส่วนตัวขั้นสี่ของเมืองปีกสีเงินจะสามารถเคลื่อนไหวในระยะนั้นได้ และที่ตรงนั้นแม้แต่เธ้าซั่นอายกับทีมของเขาก็จะไม่กล้ายุ่งกับองครักษ์ส่วนตัวขั้นสี่แน่นอน


อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่เพียงแค่พวกเขาจะอยู่ห่างจากเมืองปีกสีเงินค่อนข้างมาก แต่ปัจจุบันกองทัพลาดตระเวนส่วนใหญ่ก็กระจัดกระจายไปทั่วสนามรบด้วย มันมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่าสามสิบคนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่อยู่ฝ่ายเพอเพิ้ลอาย แม้ว่าพลังในการต่อสู้ของซือเฟิงจะสามารถปราบปราม Faux Saint Devourer ได้ แต่เธอและคนของเธอนั้นไม่สามารถจะเทียบกับเธ้าซั่นอายได้เลย


สมาชิกในทีมของเธ้าซั่นอายนั้นไม่สามารถถูกมองว่าเป็นมนุษย์ได้อีกต่อไป พวกนี้มันดูเหมือนกับกลุ่มสัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์มากกว่า ไม่งั้นพวกนี้คงจะไม่กล้าโจมตีสถานที่พักกิลของพันธมิตรดวงดาวที่ได้รับการคุ้มกันโดยองครักษ์ส่วนตัวขั้นสามนับร้อยคน พร้อมกับกองทัพผู้เชี่ยวชาญอีกหนึ่งหมื่นด้วยผู้เล่นมากกว่าหนึ่งร้อยคนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และด้วยความแข็งแกร่งที่น่ากลัวนี้เอง มันถึงทำให้เธ้า

ซั่นอายกับทีมของเขากล้าจะปฎิบัติการใกล้กับเมืองปีกสีเงิน


ในขณะที่เพอเพิ้ลอายกำลังรู้สึกวิตกกับเรื่องนี้ เธ้าซั่นอายก็ได้หันไปหาซือเฟิง


“ฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร แต่ฉันขอแนะนำว่าอย่ามองหาปัญหาดีกว่า ความแข็งแกร่งและความสามารถของคุณนั้นจัดว่าน่าทึ่งมากๆ และฉันแน่ใจว่ามันจะมีมหาอำนาจมากมายที่กลัวคุณแน่นอน อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดนั้นมันไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้ามือแห่งนักบุญ …” เธ้าซั่นอายกล่าวอย่างเย็นชา “เนื่องจากคุณต้องการจะทำลายสมดุลในปัจจุบันของ God domain ดังนั้นฉันจึงจะต้องสอนบทเรียนให้คุณสักเล็กน้อย”


ทันทีที่เธ้าซั่นอายกล่าวจบ ร่างทั้งห้าก็ปรากฎขึ้นจากด้านหลังของเขา พร้อมกับเปิดใช้งานสกิลหลอมรวมขั้นสาม พายุพิโรธทันที


ทันใดนั้นร่างของทั้งห้าคนก็มีร่างแยกแบ่งออกมาคนละหกร่าง และเข้าล้อมรอบซือเฟิงไว้ทันที จากนั้นร่างทั้งสามสิบร่างก็เข้าโจมตีซือเฟิงแบบประสานงานกันอย่างไร้ที่ติ โดยทุกๆการโจมตีของร่างทั้งหมดนั้นล้วนมีพลังที่มาตราฐานของขั้นสี่ และด้วยการโจมตีทั้งหมดสามสิบครั้งจากทุกทิศทาง นับประสาอะไรกับการหลบ ซือเฟิงจะไม่สามารถป้องกันตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ด้วยซ้ำ


ฉากนี้สร้างความตกตะลึงให้กับผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนาจต่างๆอย่างมาก


….


“นี่มือแห่งนักบุญมีสกิลหลอมรวมขั้นสามที่ต้องใช้ด้วยกันห้าคนจริงๆงั้นหรอ ?” อิลูซะรี่เวิร์ดขมวดคิ้ว เมื่อเธอมองดูผู้เล่นทั้งห้าโจมตีเข้าใส่ซือเฟิง


สกิลและเวทย์ขั้นสามนั้นเดิมมันก็หายากมากๆแล้ว และแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของมหาอำนาจต่างๆก็ยังแทบจะไม่มีสกิลหรือเวทย์ขั้นสามเลย นับประสาอะไรกับสกิลหลอมรวมขั้นสามที่แม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็ยังใฝ่ฝันจะได้รับ


เพราะท้ายที่สุดแม้แต่สกิลหลอมรวมขั้นสามที่อ่อนแอที่สุด มันก็ยังทำให้ผู้เล่นสามารถแสดงพลังในมาตราฐานของขั้นสี่ออกมาได้ และสกิลหลอมรวมขั้นสามที่แข็งแกร่งหน่อยก็จะสามารถใช้ขับไล่มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายได้เลย และส่วนใหญ่ในบรรดาผู้ที่มีมัน พวกเขามักจะเก็บมันไว้ใช้เป็นไพ่ลับในการจัดการกับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย


อน่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้ มันยังไม่มีข่าวเลยว่ามีมหาอำนาจกลุ่มใดที่ได้รับสกิลหลอมรวมขั้นสามแบบที่ต้องใช้ห้าคนมา และที่พวกเขาส่วนใหญ่เคยได้ยินที่แข็งแกร่งที่สุด มันก็ใช้ผู้เล่นแค่สามคนเท่านั้น


ต่อหน้าสกิลหลอมรวมขั้นสามแบบที่ต้องใช้ห้าคนนี้ แม้แต่ Faux Saint Devourer ก็ยังจะต้องบาดเจ็บหนักแน่นอน หากโดนโจมตีเข้าไป


“สกิลหลอมรวมขั้นสามที่ต้องใช้กันห้าคน ?! แน่นอนเลยว่ารากฐานของมือแห่งนักบุญนั้นไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง !!! ตอนนี้ชายคนนั้นคงจะรู้สึกโง่มากแน่นอน !!!”


เมื่อสมาชิกหลายคนของมหาอำนาจเห็นฉากนี้ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังซือเฟิงอย่างหัวเราะเยาะเย้ย ในขณะที่บางคนถอนหายใจด้วยความผิดหวัง แม้ว่านักดาบจะมีความแข็งแกร่งอย่างน่าอัศจรรย์แบบที่เธ้าซั่นอายพูด แต่เขาก็ไม่มีอะไรเลยจริงๆ เมื่อมาอยู่ต่อหน้ามือแห่งนักบุญ


….


การโจมตีทั้งหมดสามสิบการโจมตีที่สามารถทำให้เกิดรอยแยกเชิงพื้นที่ได้ ได้พุ่งเข้าใส่ซือเฟิงอย่างรวดเร็ว และมันก็มีพลังที่น่ากลัวมากๆจนทำให้เพอเพิ้ลอายและพวกของเธอที่ยืนอยู่ห่างออกไปสามสิบหลารู้สึกตัวแข็งค้าง


อย่างไรก็ตามในขณะที่การโจมตีที่น่ากลัวนี้กำลังจะกลืนกินซือเฟิง เขาก็ยก Abyssal Blade ของเขาขึ้นเหนือหัวด้วยมือทั้งสองข้าง ก่อนที่จะเหวี่ยงอาวุธเวทย์มนต์โจมตีโต้ตอบทันที


ดาบที่หนึ่ง ไลท์ชาโด้ว !!!


ทันใดนั้นเงาของดาบขนาดยักษ์ก็ปรากฎขึ้นในอากาศ อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับครั้งก่อนที่ซือเฟิงใช้ไลท์ชาโด้วแล้ว ครั้งนี้มันดูแข็งแกร่งกว่ามาก ยิ่งไปกว่านั้นการปรากฎขึ้นของเงาดาบขนาดยักษ์นี้ก็ทำให้พื้นที่โดยรอบหนักอึ้ง และแม้แต่การโจมตีที่เข้าใกล้ซือเฟิงก็ชะลอตัวลงอย่างมาก


ในขณะนี้มันราวกับว่ามีเพียงแต่ไลท์ชาโด้วของซือเฟิงเท่านั้นที่เคลื่อนไหว ในขณะที่อย่างอื่นหยุดยิ่งไปทั้งหมด


ตู้ม !!


การโจมตีทั้งสิ้นสามสิบการโจมตีที่สามารถทำให้ Faux Saint Devourer บาดเจ็บหนักได้นั้นก็ได้แตกสลายกลายเป็นอนุภาคแสงจำนวนนับไม่ถ้วนทันที และพื้นที่โดยรอบนั้นก็ได้พังทลายลงจากแรงที่น่ากลัวของผลกระทบในการปะทะกัน


หลังจากนั้นร่างห้าร่างก็ปลิวกระเด็นออกไปราวกับลูกปืนใหญ่ และไปชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปสามสิบหลา และแม้ว่าต้นไม้นี้จะมีลำต้นขนาดใหญ่ ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางสี่เมตร แต่ร่างทั้งห้านี้ก็พึ่งจะหยุดลง หลังจากปลิวกระเด็นไปกระแทกต้นไม้แบบนี้จนพังทลายไปหลายต้น โดยเมื่อร่างทั้งห้าตั้งตัวและยืนขึ้นได้ มันก็เห็นได้ชัดเลยว่า HP ของพวกเขาลดลงไปจนเหลือสามสิบเปอเซ็นต์แล้ว ….


“นี้ …”


เมื่อเห็นสมาชิกทั้งห้าของมือแห่งนักบุญที่ได้รับบาดเจ็บหนัก ปากของเพอเพิ้ลอายก็อ้ากว้างด้วยความตกใจ


ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงแค่ครั้งเดียว ซือเฟิงไม่เพียงแต่จะทำลายสกิลหลอมรวมขั้นสามของชายทั้งห้าได้ แต่เขายังทำให้สมาชิกของมือแห่งนักบุญทั้งห้าคนได้รับบาดเจ็บหนักด้วย ซึ่งซือเฟิงทำทุกอย่างแบบง่ายมากๆ จนมันดูเหมือนว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญที่มีค่าสถานะเทียบเท่ากับแกรนลอร์ดในเลเวลเดียวกันเลย


“คุณเป็นใครกัน ?” เมื่อเธ้าซั่นอายเห็นว่าซือเฟิงรอดชีวิตจากการโจมตีตรงหน้าโดยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ แถมยังทำให้คนของเขาห้าคนบาดเจ็บหนักด้วย ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจและสับสน


เธ้าซั่นอายนั้นรู้ดีอยู่แล้วว่าพายุพิโรธทรงพลังมากขนาดไหน และสกิลหลอมรวมขั้นสามที่ต้องใช้คนถึงห้าคนในการใช้มันนี้ก็สามารถจะใช้ป้องกันได้แม้แต่มอนสเตอร์ระดับ ผู้อาวุโสเทพนิยาย อย่างไรก็ตามตอนนี้ ซือเฟิงได้ทำลายสกิลหลอมรวมนี้ของพวกเขา และทำให้ทั้งห้าคนบาดเจ็บหนักได้ด้วยการเคลื่อนไหวเดียว นี่มันไม่น่าเชื่อเลย


ในตอนนี้นับประสาอะไรกับเธ้าซั่นอาย แม้แต่คนอื่นๆที่เฝ้าดูการต่อสู้อยู่ก็ยังอยากจะรู้ถึงตัวตนของซือเฟิง


“ฉันเป็นใคร ?” ซือเฟิงหันไปจ้องมองเธ้าซั่นอายอย่างใจเย็น “คุณกล้าจะมาปฎิบัติการแบบนี้ใกล้กับเมืองปีกสีเงิน แต่ยังถามว่าฉันเป็นใคร ? คุณไม่คิดว่าคำถามคุณมันงี่เง่าไปหน่อยหรอ …”


เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง ความเงียบก็เข้าปกคลุมสมาชิกของมหาอำนาจต่างๆ ขณะที่พวกเขาจ้องมองไปยังร่างของชายในเสื้อคลุมสีดำด้วยความไม่อยากจะเชื่อ


“แบล๊คเฟรม ?”


ตอนที่ 2660 ชื่อที่เป็นตำนาน


เมื่อซือเฟิงถอดเสื้อคลุมสีดำของเขาออก ความเงียบสงัดอย่างถึงที่สุดก็เข้าปกคลุมไปทั่วสนามรบ และถ้าไม่ใช่เพราะว่าชายเสื้อคลุมของเขาปลิวไสวไปตามสายลม ผู้คนในบริเวณนี้ก็คงจะคิดว่าเวลาถูกหยุดลงแล้วจริงๆ


“เขาคือ …. แบล๊คเฟรมตัวจริงงั้นหรอ ?!”


ดวงตาของเครซบลูแทบจะถลนออกจากเบ้า ในขณะที่เขาจ้องมองไปที่ร่างของซือเฟิง และอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นกับการค้นพบนี้


แบล๊คเฟรม !!


นี่เป็นชื่อที่มหาอำนาจทั่วทวีปด้านตะวันออกของ God domain ล้วนรู้จัก !!!


แบล๊คเฟรมนั้นเป็นตัวตนที่มีชีวิตที่สร้างปปาฎิหาริย์เอาไว้มากมายในการต่อสู้ และแม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็ยังมีปัญหาในการจะรับมือกับเขา ในใจของผู้เล่นอิสระ เขาคล้ายกับตัวตนระดับตำนานที่ยังมีลมหายใจเลย


แม้ว่าแบล๊คเฟรมจะหายตัวออกไปจากทวีปด้านตะวันออกในระยะหนึ่งแล้ว แต่เพียงแค่ศักศรีดิ์และชื่อเสียงของเขามันก็มากเพียงพอแล้วที่จะทำให้สภาสิบแปดปีกพัฒนาต่อไปได้ในทวีปด้านตะวันออกโดยที่ไม่ต้องกังวลใดๆ และแม้แต่มหาอำนาจที่ค่อนข้างจะเอาแต่ใจอย่างมือแห่งนักบุญ ก็ยังไม่กล้าจะยุ่งกับสภาสิบแปดปีก และทำเพียงแค่เฝ้าดูอย่างเงียบๆเท่านั้นขณะที่พวกมอนสเตอร์ Faux Saint ค่อยๆละลายกองกำลังของสภาสิบแปดปีก มือแห่งนักบุญนั้นไม่กล้ากำหนดเป้าหมายโดยตรงมาที่

เมืองกิล หรือเมืองใดเมืองหนึ่งที่อยู่ภายใต้การปกครองของสภาสิบแปดปีกเลย


ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากชื่อของแบล๊คเฟรม มันก็ทำให้ไม่มีมหาอำนาจใดนอกจากสตาร์ลิ้ง และอีกแค่ไม่กี่กลุ่มที่กล้าขัดขวางสภาสิบแปดปีกในเชิงเศรษฐกิจ


“เขากลับมาแล้ว … ในที่สุดเขาก็กลับมา …”


เพอเพิ้ลอายนั้นไม่สามารถจะปกปิดความตื่นเต้นของตัวเองเอาไว้ได้ เมื่อเธอได้เห็นใบหน้าของซือเฟิง ในขณะเดียวกันความขมขื่นที่ไม่อาจจะพรรณนาได้ก็เข้าแทรกซึมจิตใจของเธอเต็มไปหมด

แม้ว่าช่องว่างระหว่างพันธมิตรดวงดาวกับสภาสิบแปดปีกจะกว้างขึ้นตลอดเวลา แต่เพอเพิ้ลอายก็ไม่เคยยอมแพ้ในการปรับปรุงตัวเอง เธอยังคงหวังว่าเธอจะเหนือกว่าอควาโรสและเสวี่ยเหวินโหรวได้ในสักวันหนึ่ง และพัฒนาพันธมิตรดวงดาวให้กลายเป็นกึ่งมหาอำนาจได้เช่นกัน


อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับมือแห่งนักบุญแล้ว พลังของเธอมันก็ชัดเจนว่าไม่มีอะไรเลย และในตอนท้ายเธอก็ทำได้แค่มองดูสำนักงานใหญ่หลักของพันธมิตรดวงดาวในอาณาจักรสตาร์มูนล่มสลายลงเท่านั้น ในความเป็นจริง เธอแทบไม่สามารถหยุดการโจมตีของมอนสเตอร์ Faux Saint ได้ด้วยซ้ำ


ในขณะเดียวกัน หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง สมาชิกของมหาอำนาจต่างๆรวมทั้งสมาชิกของมือแห่งนักบุญที่เฝ้าดูอยู่ต่างก็หัวเราะออกมา


“แบล๊คเฟรม ? หัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีก ?”


“เขากลับมาตอนนี้แล้วยังไงล่ะ ?”


“เขาได้หายไปจากทวีปด้านตะวันออกนานมากแล้ว นี่เขาคิดว่าทวีปด้านตะวันออกยังเหมือนเมื่อก่อนจริงๆหรอ ?”


พวกเขานั้นประหลาดใจมากกับการปรากฎตัวของซือเฟิง อย่างไรก็ตามนั่นก็คือหมดแล้ว และมันไม่มีอะไรอีก เพราะท้ายที่สุดซือเฟิงได้หายตัวไปจากทวีปด้านตะวันออกนานเกินไป เขาไม่ได้รู้เลยว่าสถานการณ์ของทวีปด้านตะวันออกในปัจจุบันนั้นเป็นยังไง


“คุณคือแบล๊คเฟรม หัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีกสินะ …. ไม่น่าแปลกใจเลยที่คุณสามารถจะทำลายสกิลหลอมรวมขั้นสามของทั้งห้าคนนั่นได้ ….” เธ้าซั่นอายกล่าวด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เขาปรบมือ ก่อนที่ไม่กี่อึดใจต่อมาเขาจะกล่าวขึ้นอย่างเยาะเย้ยว่า “แต่คุณกลับมาแล้วยังไงล่ะ ? ตอนนี้กองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ได้ให้กำเนิดมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย Faux Saint Devourer ออกมาแล้ว แถมมอนสเตอร์ระดับนี้มันยังจะมีมากขึ้นในอนาคต ไม่มีใครสามารถหยุดกองทัพของมอนสเตอร์ Faux Saint ได้แน่นอน แล้วคุณคิดว่าคุณจะสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆได้เพราะว่าคุณกลับมางั้นหรอ ?”


เขานั้นคุ้นเคยกับชื่อของแบล๊คเฟรมดี นี่คือสัตว์ประหลาดที่หัวหน้ากิลของเขาเตือนให้เขาระวังเมื่อได้พบ


ถ้าเป็นไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เขาก็คงจะกลัวซือเฟิงอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงกลัวเลย เขาไม่ได้คิดว่าซือเฟิงเป็นภัยคุกคามด้วยซ้ำ


“บอส เราจะมาเสียเวลาพูดกับเขาทำไม ? เนื่องจากไอ้สัตว์ประหลาดเก่าแก่นี่เป็นแบล๊คเฟรมตัวจริง ดังนั้นเราก็ควรจะรีบสอนให้เขารู้หน่อยว่า เขาล้าสมัยไปแล้ว !!! และนี่มันไม่ใช่ยุคของเขาอีกต่อไป !!!” ไอรอนทูช ซึ่งเดิมเป็นหัวหน้าชิลวอริเออร์ ของกิลอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นอย่างซินเรียมกล่าวขึ้น พลางยิ้มเยาะอย่างขี้เล่น ….


เขานั้นต้องการจะทำลายกิลที่รู้จักกันในชื่อสภาสิบแปดปีกมาโดยตลอด แต่น่าเสียดายที่ตอนนั้นซินเรียมไม่สามารถจะแข่งขันกับสภาสิบแปดปีกได้เลย อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาได้เข้าร่วมมือแห่งนักบุญแล้ว และกิลๆนี้ก็ทำให้เขาคิดว่าสภาสิบแปดปีกไม่ใช่ภัยคุกคามอีกต่อไป และกิลๆนี้ก็ควรจะกลายเป็นอีกหนึ่งก้าวสำหรับมือแห่งนักบุญในการเข้าครอบครองทวีปด้านตะวันออกทั้งหมด


“ฉันก็คิดงั้นนะ …” เธ้าซั่นอายพยักหน้าตอบรับคำพูดของไอรอนทูช จากนั้นเขาก็มองไปที่ซือเฟิงและพูดอย่างใจเย็นว่า “เนื่องจากคุณเป็นหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีก ดังนั้นวันนี้ฉันจะขอแสดงพลังที่แท้จริงของมือแห่งนักบุญให้คุณเห็นสักหน่อย !!!”


หลังจากพูดจบเธ้าซั่นอายก็มองไปที่ไอรอนทูชที่อยู่ข้างๆเขา


เมื่อเห็นท่าทีเชิงออกคำสั่งของเธ้าซั่นอาย ไอรอนทูชก็ได้รีบเดินไปที่ด้านหลังของ Faux Saint Devourer ที่อยู่ภายในบาเรียเวทย์มนต์สองชั้นอย่างตื่นเต้น


“นั่นเขากำลังพยายามทำอะไร ?” ท่าทางตื่นเต้นบนใบหน้าของไอรอนทูชทำให้เพอเพิ้ลอายรู้ได้ในทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ


“มันก็ไม่มีอะไรมาก เขาก็แค่จะแสดงให้เห็นว่าพลังของยุคใหม่เป็นยังไง !!” เธ้าซั่น

อายกล่าวพลางยิ้มเยาะ ขณะที่เขามองไปยังเพอเพิ้ลอาย


เมื่อเธ้าซั่นอายกล่าวจบ ไอรอนทูชก็หยิบคริสตัลสีเงินขาว ออกมาจากกระเป๋าของเขา และเริ่มร่ายเวทย์

ทันใดนั้น Faux Saint Devourer ก็ส่งเสียงคำรามออกมา ก่อนที่ร่างของมันจะระเบิดออกเป็นอนุภาคแสงสีเงินขาวจำนวนนับไม่ถ้วน จากนั้นอนุภาคเหล่านี้ก็ได้ไปรวมเข้ากับร่างกายของไอรอนทูช


ในช่วงเวลาต่อมา ไอรอนทูชก็ได้กลายร่างเป็นยักษ์สูงหกเมตรที่อยู่ในชุดเกราะสีเงิน โดยออร่าที่เขาแผ่ออกมานั้น มันแข็งแกร่งกว่า Faux Saint Devourer ซะอีก


“นี่ … เป็นไปได้ยังไงกัน ?”


ทุกคนในปัจจุบันนั้นรู้สึกตกตะลึงกับฉากนี้ พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าผู้เล่นจะสามารถได้รับความแข็งแกร่งของมอนสเตอร์ Faux Saint ได้ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเห็นได้ชัดจากสายตาเลยว่ายักษ์นี้คือไอรอนทูชแน่ๆ และตอนนี้ออร่าของไอรอนทูชก็แข็งแกร่งกว่า Faux Saint Devourer มาๆ


ก่อนหน้านี้แม้ว่า Faux Saint Devourer จะมีความสามารถในการเรียนรู้ที่น่าทึ่ง แต่มาตราฐานการต่อสู้ของมันก็ไม่ได้สูงขึ้นมากนัก และมันก็ไม่สามารถจะแสดงความแข็งแกร่งออกมาได้อย่างเต็มที่


อย่างไรก็ตามตอนนี้ไอรอนทูชกับได้รับความแข็งแกร่งแบบนี้มาควบคุมแล้ว ดังนั้นพลังการต่อสู้ที่เขาสามารถจะแสดงออกมาได้นั้น มันก็จะเกินกว่า Faux Saint Devourer แน่นอน


“มหัศจรรย์มากๆ !!! สุดยอดจริงๆ !!! นี่คือความแข็งแกร่งของมอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายงั้นสินะ ?!!” ไอรอนทูชนั้นเต็มไปด้วยความสุข เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงพลังงานที่เขาได้รับมาในปัจจุบัน


ในตอนนี้สมาชิกของมือแห่งนักบุญคนอื่นๆก็อดไม่ได้ที่จะอิจฉาไอรอนทูช


ต่อหน้าความแข็งแกร่งแบบนี้นั้น ผู้เล่นจัดว่าไร้ค่าไปเลย !!!


หากพวกเขามีความแข็งแกร่งแบบนี้เช่นกัน พวกเขาจะสามารถทำลายกองทัพทั้งหมดของผู้เล่นได้ด้วยตัวเอง และพวกเขาก็จะไม่ต้องกลัว NPC ขั้นสี่เลยด้วยซ้ำ !!!


….

ในขณะเดียวกันสมาชิกของมหาอำนาจต่างๆที่เฝ้าชมอยู่ต่างก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ เมื่อเห็นไอรอนทูชกลายร่าง พวกเขาไม่คิดเลยว่ามือแห่งนักบุญจะซ่อนไพ่แบบนี้ไว้ตลอดเวลา


“นี่มันไม่ดีแล้ว !!! แม้ว่าไอรอนทูชจะอยู่ในขอบเขตรวดเร็วดั่งสายน้ำเท่านั้น แต่ด้วยความแข็งแกร่งของ Faux Saint Devourer ที่เขาได้รับมา ไม่ต้องพูดถึงแบล๊คเฟรมแค่คนเดียวเลย แม้แต่องครักษ์ส่วนตัวขั้นสี่ที่ทำหน้าที่ปกป้องเมืองป่าหินก็อาจจะยังไม่สามารถเทียบกับเขาได้ด้วยซ้ำ !!!” ใบหน้าของอิลูซะรี่เวิร์ดมืดมนลง เมื่อเธอได้เห็นร่างล่าสุดของไอรอนทูชผ่านกระจกเวทย์มนต์


เดิมทีการปรากฎตัวของซือเฟิงน่าจะเป็นเรื่องน่ายินดี เพราะด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขามีอยู่ มันจะสามารถช่วยสถานการณ์ในปัจจุบันได้อย่างมาก


อย่างไรก็ตามอิลูซะรี่เวิร์ดไม่เคยคิดเลยว่ามือแห่งนักบุญจะมีไพ่แบบนี้อยู่ด้วย


ความแข็งแกร่งที่ไอรอนทูชมีในตอนนี้ มันไม่ใช่สิ่งที่ผู้เล่นในปัจจุบันนั้นมีความหวังจะเทียบได้ และถ้าซือเฟิงถูกฆ่าในตอนนี้ การตายของเขาจะส่งผลกระทบใหญ่หลวงมากๆแบบที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนต่อทั้งสภาสิบแปดปีกและอาณาจักรสตาร์มูน


….


ในขณะเดียวกันหลังจากไอรอนทูชได้สัมผัสกับพลังที่เขาพึ่งได้รับเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ เขาก็ขยับไปปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าของซือเฟิงทันที ซึ่งความเร็วของเขานั้นก็เร็วมากซะจน แม้แต่เพอเพิ้ลอายก็ไม่สามารถจะตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของเขาได้ทันเวลา


“แบล๊คเฟรมคุณคือตัวระดับตำนานงั้นสินะ ? คุณทรงพลังมากงั้นสินะ ? คุณคิดจะหยุดมือแห่งนักบุญงั้นสินะ ? ฉันสงสัยจังว่าคุณจะทำยังไงกับสถานการณ์ตอนี้ !!!?” ไอรอนทูชกล่าวอย่างเยาะเย้ย ขณะที่เขามองลงไปยังซือเฟิง


เมื่อเห็นไอรอนทูชมาปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าของซือเฟิงอย่างกระทันหัน การแสดงออกของสมาชิกกองทัพลาดตระเวนทั้งหมดก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว และแม้แต่เพอเพิ้ลอายก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก


ไอรอนทูชนั้นเร็วเกินไป !!!

เมื่อเธอรู้สึกได้ถึงการปรากฎตัวของไอรอนทูช ไอรอนทูชก็ได้มาปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าของซือเฟิงแล้ว เธอนั้นไม่กล้าที่จะจินตนาการเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น หากไอรอนทูชคิดจะเคลื่อนไหวโจมตีจริงๆ


อย่างไรก็ตามแม้ว่าไอรอนทูชจะปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าของเขาโดยไม่มีการเตือนใดๆ แต่ซือเฟิงก็ยังคงดูสงบมากๆ


“การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของคุณมันค่อนข้างจะน่าทึ่งมากๆ !!!” ซือเฟิงกล่าวขณะที่เขามองไปยังเธ้าซั่นอาย “อย่างไรก็ตามคุณคิดว่าคุณเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถกลายร่างได้งั้นหรอ ?”


“คุณหมายความว่ายังไง ?” เธ้าซั่นอายเริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อเขาได้เห็นความสงบของซือเฟิง


อย่างไรก็ตามก่อนที่เธ้าซั่นอายจะทันได้พูดอะไรมากไปกว่านี้ ซือเฟิงก็ได้นำ Abyssal Blade ออกมา และเริ่มร่ายเวทย์


วิญญาณมังกรดำ !!!


ตอนที่ 2661 อัพเกรดวิญญาณมังกรดำ


“มหัศจรรย์มาก !! นี่คือรากฐานที่แท้จริงของมือแห่งนักบุญงั้นหรอ ?!”


“แม้หลังจากได้มาเห็นจุดนี้แล้ว แบล๊คเฟรมก็ยังกล้าที่จะต่อสู้ แน่นอนเขานั้นกล้าหาญจริงๆ แต่น่าเสียดายที่ God domain ในปัจจุบันไม่ได้เป็นอย่างที่เคยเป็นมาก่อนอีกต่อไป ไม่งั้นด้วยพลังการต่อสู้ในปัจจุบันของเขา เขาอาจจะพลิกทั้งหมดได้จริงๆ”


“ช่างโง่เขลานัก !!! เขายังคงเป็นคนที่ดื้อรั้นจริงๆ !!! นี่เขาคิดหรอว่าทุกอย่างจะยังคงเหมือนเดิมจริงๆ !!!”


….


เมื่อสมาชิกของมหาอำนาจต่างๆเห็นท่าทีที่ยังคิดจะสู้ต่อของซือเฟิง บ้างก็หัวเราะเยาะ บ้างก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความผิดหวัง และบ้างก็มีท่าทีรำคาญ


ความแข็งแกร่งของซือเฟิงที่เขาแสดงออกมาในการต่อสู้ก่อนหน้านี้นั้นมันน่าเหลือเชื่อมาก และการจะเรียกเขาว่าสัตว์ประหลาดมันก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริง


แต่น่าเสียดายที่ต่อหน้าสัตว์ประหลาดที่แท้จริง ความแข็งแกร่งของซือเฟิงนั้นก็จัดว่าไม่มีอะไรเลย และเต็มที่เขาก็จะสามารถทำได้แค่ซื้อเวลาให้ได้นานที่สุดเท่านั้น ซึ่งหากเขาเลือกจะถอยเมื่อมีโอกาส และไม่ไปยั่วยุเธ้าซั่นอายจากมือแห่งนักบุญ เขาก็คงจะไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้


ในขณะที่สมาชิกของมหาอำนาจต่างๆกำลังพูดคุยกัน Abyssal Blade ในมือของซือเฟิงก็แปรเปลี่ยนเป็นเมฆสีดำสนิทและเข้าปกคลุมเขาไปอย่างสมบูรณ์ ก่อนที่มันจะขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว


เมื่อเมฆสีดำนี้ขยายตัวจนปกคลุมรัศมีหกสิบหลา เสียงคำรามของมังกรก็ดังก้องไปทั่วสนามรบ ซึ่งมันได้ทำให้วิญญาณของทุกคนสั่นสะท้าน


ก่อนที่ใครจะทันได้ตอบสนองต่อเสียงคำรามนี้ กรงเล็บสีดำขนาดมหึมาก็โผล่ออกมาจากเมฆสีดำข้างไอรอนทูชทันที ซึ่งในขณะที่เป็นแบบนี้นั้น กรงเล็บก็ได้ทำให้เกิดรอยแยกเชิงพื้นที่ในบริเวณที่มันผ่านทั้งหมด ซึ่งมันก็ชัดเจนเลยว่าพื้นที่โดยรอบนั้นไม่สามารถจะทนต่อพลังการโจมตีของกรงเล็บนี้ได้

ไม่นานหลังจากที่กรงเล็บขนาดมหึมาปรากฎขึ้น เสียงคำรามที่ดังขึ้นอีกครั้งของมังกรก็ได้ช่วยกระจายเมฆสีดำออกไป และเมื่อเมฆจางลง ร่างของมังกรดำที่สูงสี่สิบเมตรก็ปราฎขึ้นมาในสายตาของทุกคน และแม้ว่ามังกรดำตจะยังคงยืนอยู่อย่างเงียบๆ แต่ทุกคนก็รู้สึกได้ถึงความกลัวที่ไม่อาจอธิบายได้ที่ได้เข้าเกาะกุมจิตใจของเขา ขณะที่พวกเขาจ้องมองไปยังมังกรดำ


“มังกร ?!”


“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?!”


ทุกคนตกตะลึงมากจริงๆ เมื่อได้เห็นมังกรดำ


มังกรนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ผู้เล่นทุกคนใน God domain รู้จัก เนื่องจากตัวตนของมันนั้นมีความหมายเหมือนกับ “การทำลายล้าง” ใน God domain โดยผู้เล่นนั้นสามารถจะค้นหาเรื่องราวที่มังกรตัวหนึ่งทำลายอาณาจักรหรือจักรวรรดิต่างๆในชั่วข้ามคืนได้จากห้องสมุดของเมือง NPC ทั่วไป


อย่างไรก็ตามตอนนี้มันกับมีมังกรปรากฎตัวขึ้นต่อหน้าของพวกเขาจริงๆ มันจึงเป็นเรื่องปกติที่ผู้เล่นทุกคนโดยรอบบริเวณจะมีท่าทีแบบนี้


เมื่อเธ้าซั่นอายและสมาชิกของมือแห่งนักบุญคนอื่นๆเห็นมังกรดำ ใบหน้าของพวกเขาก็ซีดลงอย่างมาก แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่ามังกรดำเบื้องหน้าของพวกเขานั้นเป็นตัวตนที่แท้จริงไหม แต่แรงกดดันที่มันแผ่ออกมาก็ไม่ใช่เรื่องน่าหัวเราะเลย คะแนนชนชั้นสิ่งมีชีวิตของมังกรดำนั้นก้าวกระโดดและเหนือกว่าพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย


สายพันธุ์โบราณ ?


สัตว์ร้าย ?


เมื่อเทียบกับมังกรดำตัวนี้ ชนชั้นสิ่งมีชีวิตของสิ่งมีชีวิตในบริเวณนี้ล้วนดูไร้ค่าไปเลย


“ก่อนหน้านี้คุณถามฉันซะเยอะแยะเลยสินะ งั้นฉันขอถามกลับแบบง่ายๆอย่างเดียวแล้วกันว่าคุณจะทำยังไงกับสถานการณ์นี้ ?” ซือเฟิงถามอย่างใจเย็น ในขณะที่เขามองจ้องมองไปที่ไอรอนทูชที่ยังคงยืนตกตะลึงอยู่ข้างๆกรงเล็บของเขา


หลังจากค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขามาถึงมาตราฐานขั้นสี่แล้ว เขาไม่เพียงแต่จะควบคุมสกิลและเวทย์ของเขาได้ดีขึ้นเท่านั้น แต่เมื่อเขาอยู่ในร่างมังกร มันยังดูสมจริงขึ้นมากด้วย ตอนนี้คะแนนชนชั้นสิ่งมีชีวิตของเขานั้นเพิ่มขึ้นไปอยู่ใกล้กับราชันมังกรดำที่แท้จริงมากขึ้น และ ณ จุดนี้ แม้ว่าร่างราชันมังกรดำของเขาจะอยู่ในขั้นสาม แต่ค่าสถานะพื้นฐานของเขาก็เทียบมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย สายพันธุ์โบราณในเลเวลเดียวกันเลย


เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง ตอนนี้ความกลัวก็เข้าปกคลุมในจิตใจของไอรอนทูชอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


เป็นไปได้ยังไงกัน ?! ไม่ใช่ว่าพวกเขาบอกว่าการกลายร่างเป็นมังกรดำของแบล๊คเฟรมจะผลักดันให้เขาไปถึงมาตราฐานของมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายทั่วไปเท่านั้นไม่ใช่หรอ ? เขาแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไงกัน ?! ไอรอนทูชรู้สึกสับสน เมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาตรงหน้าเขา


มือแห่งนักบุญนั้นรู้มานานแล้วถึงความสามารถในการกลายร่างเป็นมังกรของซือเฟิง อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นในแง่ของค่าสถานะพื้นฐาน ชนชั้นสิ่งมีชีวิต มังกรที่ซือเฟิงได้กลายร่างมาเป็นในตอนนี้มันอยู่ในระดับที่แตกต่างไปจากรายงานอย่างสิ้นเชิง


ในตอนนี้นับประสาอะไรกับไอรอนทูช และสมาชิกคนอื่นๆของมือแห่งนักบุญ แม้แต่อิลูซะรี่เวิร์ดก็ยังตกตะลึงกับสถานการณ์นี้


จักรพรรดิคริมสันได้รวบรวมข้อมูลมามากมายเกี่ยวกับการต่อสู้ของสภาสิบแปดปีกกับเมืองปีศาจ และโดยปกติแล้วในข้อมูลนั้นก็กล่าวถึงรูปแบบมังกรที่ซือเฟิงใช้ด้วย อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับมังกรดำตอนนั้นที่โจมตีเมืองปีศาจกับมังกรดำตอนนี้นั้น มันดูเหมือนสองสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง


แม้ว่าเธอจะมองดูมังกรดำผ่านกระจกเวทย์มนต์ แต่เธอก็สามารถสัมผัสได้ถึงออร่าแห่งความตาย และการทำลายล้างที่หลั่งออกมาอย่างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังรู้สึกได้แบบบางๆว่ามานาโดยรอบสนามรบนั้นกำลังถูกดึงดูดเข้าหามังกรดำ ซึ่งมันทำให้เธอไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่านี่เป็นเพียงมังกรดำขั้นสาม


ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงกับออร่า และชนชนชั้นสิ่งมีชีวิตของมังกรดำ มังกรดำก็ได้ยกกรงเล็บของตัวเองขึ้น


Peng!


หลังจากนั้นสถานที่บริเวณที่ไอรอนทูชยืนอยู่ และพื้นที่รอบๆก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นพื้นที่ว่างเปล่าสีดำสนิท ซึ่งสมาชิกของมือแห่งนักบุญหลายสิบคนที่ยืนอยู่ในพื้นที่บริเวณนี้ก็หายไปจากสายตาอย่างรวดเร็ว สำหรับไอรอนทูชในปัจจุบันที่มีร่างสูงหกเมตรนั้น ตอนนี้เขานอนแผ่หราอยู่ในปล่องภูเขาไฟซึ่งอยู่ห่างจากตำแหน่งเดิมของเขาประมาณสามสิบหลา และมันก็เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ามีรอยแตกกระจายไปทั่วเกราะสีเงินของเขาบริเวณที่ทำหน้าที่หุ้มแขน ขณะที่ HP ของไอรอนทูชก็ลดลงไปมากกว่าสองล้าน


ความเงียบสงัด ….


ในตอนนี้มันเหมือนกับว่าเวลาได้หยุดลงไป ….


….


“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?” ชายที่มีท่าทางดุร้ายจากจักรพรรดิคริมสันพึมพำและอ้าปากค้าง


ในฐานะผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนที่มีค่าสถานะพื้นฐาน และร่างกายเทียบได้กับแกรนลอร์ดในเลเวลเดียวกัน มันก็แทบไม่มีสิ่งใดใน God domain ที่จะสามารถหลบสายตาเขาได้


อย่างไรก็ตามเขาแทบมองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้เลย นอกเหนือจากลำแสงสีดำที่แสดงออกมาผ่านกระจกเวทย์มนต์แล้ว มันก็ตามมาด้วยเสียงดังของการปะทะกันเท่านั้น และประสาทสัมผัสของเขาก็ยังไม่ได้รับข้อมูลอื่นๆเลย


….


นี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขางั้นหรอ ?! เพอเพิ้ลอายซึ่งยืนอยู่ห่างจากซือเฟิงในระยะทางสั้นๆเต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงอย่างไม่อาจจะอธิบายได้ เมื่อเธอได้เห็นฉากล่าสุดที่เกิดขึ้นตรงหน้าของเธอ


เมื่อเทียบกับสมาชิกของมหาอำนาจต่างๆที่กำลังชมการต่อสู้ผ่านกระจกเวทย์มนต์นั้น เธอผู้ซึ่งอยู่ใกล้ซือเฟิงเข้าใจได้ดีกว่าอย่างชัดเจนเลยว่าพลังโจมตีของซือเฟิงนั้นมันมีมากแค่ไหน

ผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาด ?


มอนสเตอร์ขั้นสี่ ?


สิ่งเหล่านี้จัดว่าไม่มีอะไรเมื่ออยู่ต่อหน้าอำนาจที่เหนือกว่าอย่างเทียบไม่ติดแบบนี้


ในขณะเดียวกันเมื่อเห็นฉากนี้ หน้าของเธ้าซั่นอายและสมาชิกมือแห่งนักบุญคนอื่นๆซีดลงอย่างมาก


นี่ซือเฟิงยังเป็นมนุษย์อยู่รึปล่าว ?


แม้ว่าไอรอนทูชจะแข็งแกร่งกว่า Faux Saint Devourer แต่ซือเฟิงก็สามารถจะปราบปรามเบอเซิกเกอร์ผู้นี้ได้อย่างง่ายดาย แบบเดียวกับที่เขาทำกับ Faux Saint Devourer


สำหรับไอรอนทูชที่พึ่งจะตั้งตัวและยืนขึ้นได้ในปล่องภูเขาไฟนั้น ตอนนี้เขาก็ไม่สามารถทำอะไรอื่นได้ นอกจากมองมายังซือเฟิงที่อยู่ในร่างมังกรดำอย่างหวาดกลัว


เกือบไปแล้ว !!!


เขาเกือบไปแล้ว !!!


หากไม่ใช่เพราะเขามีปฎิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วมากๆและสามารถป้องกันตัวเองได้ทันเวลา ผลที่ตามมาของการโจมตีด้วยกรงเล็บนั้นจะเกินกว่าเขาจะรับไหวแน่นอน


“ดูเหมือนว่าปฎิกิริยาของคุณจะค่อนข้างเร็วนะ คุณสามารถป้องกันการโจมตีของฉันได้ด้วย …” ซือเฟิงพูดอย่างใจเย็นขณะที่เขามองลงไปยังไอรอนทูช “อย่างไรก็ตามคุณจะสามารถป้องกันการโจมตีของฉันได้สักกี่ครั้งกัน ?”


แม้ว่าซือเฟิงจะทำการโจมตีเมื่อครู่นี้แบบลวกๆ แต่มันก็ยังมีพลังของเทคนิคการต่อสู้ขั้นสูงแฝงอยู่ หากไอรอนทูชไม่สามารถยกแขนและอาวุธของเขาขึ้นได้ทันเวลา เขาจะต้องเจอกับผลลัพธ์ที่ยิ่งกว่านี้แน่นอน


อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ซือเฟิงกำลังจะโจมตีต่อ เธ้าซั่นอายก็ก้าวมาข้างหน้า


“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟราม ฉันยอมรับว่าคุณนั้นทรงพลังมากๆ แต่คุณก็ไม่ควรจะบังคับให้เราจนมุมหนักแบบนี้นะ เป้าหมายของมือแห่งนักบุญคือการรักษาเสถียรภาพใน God domain เท่านั้น” เธ้าซั่นอายกล่าวอย่างเย็นชา “ถ้าคุณฆ่าไอรอนทูชตอนนี้ และทำลายสมดุล ทั้งมอนสเตอร์ Faux Saint และมือแห่งนักบุญจะไม่ปล่อยให้สภาสิบแปดปีกหลุดออกไปจากเบ็ดแน่นอน และในเวลานั้นเมืองปีกสีเงินกับเมืองสภาสิบแปดปีกก็จะต้องเผชิญหน้ากับกองทัพแห่งความโกรธเกรี้ยวจำนวนนับสิบล้าน !!”


มันเป็นเรื่องยากอย่างไม่น่าเชื่อกว่ามอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายจะเกิดขึ้นมาได้ ดังนั้นทั้งมอนสเตอร์ Faux Saint และมือแห่งนักบุญจึงให้ความสำคัญกับมอนสเตอร์ Faux Saint Devourer ที่เป็นมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายมาก และตอนนี้ไอรอนทูชก็ได้รวมร่างเข้ากับ Faux Saint Devourer แล้วเป็นกการชั่วคราว ซึ่งการฆ่าไอรอนทูชนั้นมันก็จะเทียบเท่ากับการฆ่า Faux Saint Devourer ไปด้วย ซึ่งนี่มันไม่ใช่สิ่งที่มอนสเตอร์ Faux Saint และมือแห่งนักบุญจะทนได้


….


เมื่อเห็นเธ้าซั่นอายพยายามข่มขู่ซือเฟิง มหาอำนาจที่ได้เห็นฉากนี้ก็ล้วนเต็มไปด้วยความประหลาดใจมากๆ นี่เป็นครั้งแรกเลยนับตั้งแต่ที่มือแห่งนักบุญปรากฎตัวขึ้นมาที่พวกเขาเห็นมือแห่งนักบุญทำแบบนี้ โดยปกติกิลจะทำลายทุกอย่างที่ขวางทาง และไม่เคยสนใจจะเจรจาต่อรองหรือข่มขู่ด้วยซ้ำ


“ดูเหมือนว่า เธ้าซั่นอายจะถูกต้อนจนมุมแล้วจริงๆในครั้งนี้ ฉันสงสัยจังว่าแบล๊คเฟรมจะทำอะไรต่อ ?”


“เขาจะทำอะไรได้นอกจากต้องปล่อยคนเหล่านี้ไป ไม่ต้องพูดถึงสภาสิบแปดปีกเพียงกิลเดียวเลย แม้มหาอำนาจต่างๆในประเทศข้างเคียงหลายแห่งจะทำงานร่วมกัน พวกเขาก็จะไม่สามารถปกป้องตัวเองจากมือแห่งนักบุญ และมอนสเตอร์ Faux Saint หลายสิบล้านตนได้แน่นอน”


….


อย่างไรก็ตาม ในขณะที่สมาชิกของมหาอำนาจต่างๆที่เฝ้าชมอยู่กำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซือเฟิงก็เหลือบไปมองเธ้าซั่นอาย และพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบมากๆว่า “แล้วไง ?”


หลังจากพูดจบ ซือเฟิงก็ได้ใช้สกิลลมหายใจมังกรใส่ไอรอนทูช ซึ่งมันทำให้ไอรอนทูชได้รับบาดเจ็บสาหัสไปเลย และในสถานะนี้ไอรอนทูชก็ไม่สามารถจะสู้ต่อไปได้อีกแล้ว


หลังจากนั้นซือเฟิงก็ตรงเข้าไปทุบตีไอรอนทูชจน HP ของเขาลดลงเรื่อยๆไม่หหยุด ในขณะที่ตัวไอรอนทูชนั้นก็กรีดร้องออกมาอย่างน่าสังเวช


“คุณ !!!”


ใบหน้าของเธ้าซั่นอายแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความเกรี้ยวกราด เมื่อเขาเห็นการกระทำของซือเฟิง


“นี่เขาบ้าไปแล้วงั้นหรอ ?”


“นี่เขาไม่กลัวการตอบโต้ของมอนสเตอร์ Faux Saint กับมือแห่งนักบุญงั้นหรอ ?”


“คราวนี้สภาสิบแปดปีกจบสิ้นแล้ว !!! จบสิ้นอย่างแท้จริงแล้วแน่นอน !!!”


เมื่อสมาชิกของมหาอำนาจต่างๆที่ชมอยู่ได้เห็นฉากนี้ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าซือเฟิงจะเลือกเพิกเฉยต่อภาพรวมและทำการฆ่าไอรอนทูช


ภายในเวลาไม่ถึงหกนาทีนับตั้งแต่ที่ซือเฟิงเริ่มการโจมตี HP ของไอรอนทูชซึ่งแต่เดิมยังคงมีอยู่หลายร้อนล้านก็ลดลงไปจนเหลือศูนย์อย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะตายลง และร่างของเขาก็ล้มลงกับพื้น สำหรับเธ้าซั่นอายและสมาชิกคนอื่นๆ พวกเขาทำได้แค่เฝ้าดูด้วยสีหน้าตกตะลึงเท่านั้น ไม่มีใครกล้าจะขยับตัวทำอะไรแม้แต่นิเดียว ….

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)