Reincarnation Of The Strongest Sword God 2552-2555

ตอนที่ 2552 เอฟเฟคเศษชิ้นส่วนดีไวน์อาติแฟค


ขณะที่ซือเฟิงสัมผัสกับต้นอ่อนของต้นไม้แห่งชีวิตที่ลอยอยู่กลางอากาศในลานอันเงียบสงบ มานาในพื้นที่ก็เริ่มเผาไหม้และมารวมตัวกันอย่างมหาศาลรอบๆต้นอ่อน


หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ซือเฟิงก็รู้สึกได้ถึงชีพจรของชีวิตจากต้นอ่อน และออร่าของมันก็ทรงพลังมากพอที่จะทำให้เขามองเห็นได้เลย และพืชโดยรอบก็เริ่มเติบโตด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์ เมื่อพลังงานสีเขียวมาถึงพวกมัน


สำเร็จ !! ซือเฟิงถอนหายใจออกมา ขณะที่เขาเฝ้าดูปฎิกิริยาของต้นอ่อน


หากมานาของลานแห่งนี้ไม่หนาแน่นเพียงพอที่จะรองรับต้นอ่อนของต้นไม้แห่งชีวิต เขาก็จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมแพ้ และรอปลูกต้นอ่อนใหม่ในตอนที่เมืองป่าหินถูกอัพเกรดเป็นเมืองหลักแล้ว อย่างไรก็ตามการอัพเกรดเมืองกิลให้ไปถึงระดับนั้นได้ มันก็ยากอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะกิลผู้ปกครองนั้นไม่เพียงแต่จะต้องมีพลังเพียงพอ แต่ยังต้องใช้เวลาอีกมากในการพัฒนาเมือง


ซือเฟิงปลูกต้นอ่อนไว้ตรงกลางลานอย่างระมัดระวัง


เขาออกแบบลานนี้และจองที่ดินในส่วนนี้ไว้เป็นศูนย์กลางสำหรับต้นไม้แห่งชีวงิตโดยเฉพาะ เพื่อความแม่นยำต้องบอกว่า เขาได้ออกแบบเกาะเล็กๆที่อยู่ใจกลางทะเลสาบในลานด้านใน เพราะไม่เพียงแต่เขาจะสลักวงเวทย์รวบรวมมานาไว้ที่ใต้ทะเลสาบ แต่เขายังฝังหินมานาจำนวนมากไว้ในดินด้วย ซึ่งโดยรวมแล้วทะเลสาบแห่งเดียวนั้นจะต้องใช้หินมานามากกว่าสองร้อยก้อนต่อวันในการรักษามัน มหาอำนาจต่างๆในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิงถือว่าโครงสร้างเหล่านี้เป็นมาตราฐานสำหรับการปลูกต้นไม้แห่งชีวิต


หินมานาที่จำเป็นในการดูแลรักษาต้นไม้แห่งชีวิตเพียงอย่างเดียวนั้นมันก็มากเพียงพอแล้วที่จะทำให้กิลชั้นสูงในปัจจุบันหัวใจวายได้ กิลทั่วไปจะไม่สามารถแตะต้องต้นไม้แห่งชีวิตได้เลย ซึ่งมันก็ต้องบอกเลยว่าส่วนหนึ่งที่เขาสามารถทำได้แบบนี้นั้นก็คือเขาโชคดีที่มีมือแห่งปราชญ์


หลังจากซือเฟิงปลูกต้นอ่อนได้เรียบร้อย อากาศในลานก็ดูเหมือนจะสั่นสะเทือน


บรรยากาศที่เงียบสงบ เย็นสบาย กลายเป็นร้อนแผดเผาชั่วครั้งชั่วคราว และแม้แต่ซือเฟิงก็ยังรู้สึกได้อย่างชัดเจน


หลังจากนั้นประมาณสามวินาที ต้นอ่อนก็ค่อยๆเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วกลายเป็นต้นไม้ใหญ่สีเขียวมรกต และลำต้นของมันก็หนามากซะจนแม้แต่ผู้ชายที่โตเต็มที่สามคนก็ยังไม่น่าจะสามารถโอบรอบมันได้


ซึ่งเมื่อมันเติบโตเต็มที่ ออร่าแห่งชีวิตที่หนาแน่นก็แพร่กระจายไปทั่วลานด้านใน ทำให้ทุกอย่างมีสีเขียวจางๆ ขณะเดียวกันอุณภูมิที่สูงก็เริ่มลดลงจนอบอุ่น และตอนนี้มันก็ทำให้ซือเฟิงรู้สึกราวกับว่าเขายืนอยู่กลางทุ่งนาในวันที่อากาศอบอุ่นและมีแดด


นี่เป็นเอฟเฟคของเศษชิ้นส่วนดีไวน์อาติแฟคงั้นหรอ ? ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจมากๆ ขณะที่เขารู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของลานด้านใน


เพียงแค่ปลูกต้นไม้แห่งชีวิต พลังแห่งชีวิตที่หนาแน่นอย่างไม่น่าเชื่อก็เริ่มเข้าปกคลุมไปทั่วลานด้านใน และเมื่อได้อาบออร่ากับพลังนี้ ซือเฟิงก็สามารถสัมผัสได้เลยว่าสิ่งแปลกปลอมภายในตัวเขาหายไปอย่างรวดเร็ว และจิตใจของเขาก็รู้สึกสดชื่นขึ้นอย่างผิดปกติ


ความรู้สึกนี้ไม่เหมือนกับผู้เล่นที่รู้สึกสงบเมื่อได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความหนาแน่นของมานาสูง ซือเฟิงนั้นรู้สึกบริสุทธิ์และกระปี้กระเปร่า ราวกับว่าความคิดทั้งหมดของเขาได้รู้ถึงเส้นทางที่ชัดเจน และเขาก็รู้ดีว่าต้องทำอย่างไร


หากผู้เล่นสามารถฝึกฝนและเรียนรู้เทคนิคการต่อสู้ได้ที่นี่ พวกเขาก็จะมีช่วงเวลาที่ง่ายขึ้นมากๆ เพราะผู้เล่นจำเป็นจะต้องมีความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับเทคนิคในการฝึกฝน และดำเนินการมันให้ดีขึ้น


น่าเสียดายที่ไม่สามารถให้ใครเข้ามาในลานด้านในนี้ได้ ซือเฟิงคิดอย่างยิ้มอย่างขมขื่น เมื่อนึกถึงต้นไม้แห่งชีวิต


ต้นไม้แห่งชีวิตนั้นได้หยั่งรากลงแล้ว และผู้เล่นทุกคนก็สามารถจะค้นพบต้นไม้แห่งชีวิตได้ด้วยสกิลตรวจสอบทั่วไป หากมีข่าวออกมาว่าเมืองป่าหินเป็นที่ตั้งของต้นไม้แห่งชีวิตที่เป็นเศษชิ้นส่วนระดับดีไวน์อาติแฟค แม้แต่มหาอำนาจ NPC ก็จะไม่ปล่อยให้สภาสิบแปดปีกอยู่อย่างสงบแน่นอน ไม่ต้องพูดถึงเหล่ามหาอำนาจที่เป็นผู้เล่น ทุกคนจะยอมทำทุกวิถีทางเพื่อขโมยมัน

ถึงกระนั้นซือเฟิงก็พอใจกับผลลัพธ์นี้มาก เอฟเฟคโบนัสของต้นไม้แห่งชีวิตไม่ใช่เป้าหมายของเขา แต่เป็นไอเทมที่มันสามารถผลิตได้ต่างหาก


เขาต้องการทั้งน้ำแห่งชีวิตและนิวเคลียสแห่งชีวิตอย่างเร่งด่วน แถมต้นไม้ยังจะผลิตผลไม้แห่งชีวิต ซึ่งนับเป็นเครื่องมือที่ดีมากสำหรับ NPC และผู้เล่น


ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำก็เพียงแค่รอให้ต้นไม้แห่งชีวิตผลิตพวกมันออกมา


เมื่อเรื่องต้นไม้แห่งชีวิตเสร็จสิ้น ซือเฟิงจึงติดต่อเสวี่ยเหวินโหรวเพื่อถามว่า “เสวี่ย

เหวินโหรวการเตรียมการด้านเธอเป็นยังไงบ้าง ?”


“ทุกคนประจำตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว และหลังจากพูดคุยกัน เราได้คิดจะกำหนดค่าเข้าเมืองอยู่ที่ยี่สิบเหรียญเงินต่อคน เพราะผู้เล่นทุกคนที่จะสามารถสำรวจแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยได้นั้นล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้นพวกเขาจึงน่าจะสามารถจ่ายในราคานี้ได้” เสวี่ยเหวินโหรวกล่าว


ตอนนี้แม้จะเก็บที่สิบเหรียญเงินต่อคน แต่จำนวนผู้เล่นของเมืองป่าหินนั้นก็แทบจะเต็มพิกัดแล้ว อย่างไรก็ตามตอนนี้หลังการอัพเกรดให้เมืองป่าหินกลายเป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลางแล้ว ไม่เพียงแต่ความหนาแน่นของมานาภายในกำแพงเมืองจะเพิ่มขึ้น แต่มันยังมีร้านค้าของบริษัทการค้า NPC ด้วย


ดังนั้นเสวี่ยเหวินโหรวและลูกน้องของเธอจึงคิดกันว่า แม้ว่าพวกเขาจะเพิ่มค่าเข้าเมืองเป็นสองเท่า แต่ประชากรผู้เล่นของเมืองป่าหินก็จะยังคงพุ่งสูงขึ้นแน่นอน และเควสที่ร้านค้าของบริษัทการค้า NPC นำเสนอนั้นก็จัดเป็นรายได้หลักส่วนหนึ่งของผู้เล่นทั่วไป ซึ่งมันก็เป็นเหตุผลว่าทำไมผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากจึงยืนยันที่จะรักษาฐานปฎิบัติการของตนไว้ในเมือง NPC


“ยี่สิบเหรียญเงิน ? เธอกับพวกนี่โหดร้ายจริงๆนะ ….” ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อได้ยินค่าเข้าใหม่ ยิ่งไปกว่านั้นจากการแสดงออกของผู้หญิงคนนี้ เธอยังดูเหมือนว่าจะคิดว่าราคานี้ต่ำไปเล็กน้อย ซือเฟิงกล่าวต่อด้วยรอยยิ้มขมขื่น “นั่นอาจดูยุติธรรม แต่เรากำลังพยายามจะพัฒนาสภาสิบแปดปีกให้เร็วที่สุดและเพื่อให้ได้สิ่งนั้น เราจะต้องดึงดูดผู้เชี่ยวชาญเข้ามาที่เมืองให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยปกติผู้เล่นระดับผู้เชี่ยวชาญจะมีทีมส่วนตัวของตัวเอง ซึ่งรวมถึงผู้เล่นที่มีมาตราฐานการต่อสู้ต่ำ หากผู้เล่นเหล่านั้นไม่สามารถอยู่รอดในเมืองป่าหินได้ เพื่อนผู้เชี่ยวชาญของพวกเขาก็จะไปที่อื่น”

เมืองป่าหินนั้นมีขนาดใหญ่กว่าเดิมมากกว่าที่เคยเป็นมามาก และมันก็จะมีพื้นที่ว่างเหลือเฟือให้สำหรับผู้เล่นเจ็ดถึงแปดล้านคนเข้ามาเยี่ยมชม พวกเขาจึงไม่จำเป็นจะต้องจำกัดการเข้าถึงของผู้เชี่ยวชาญอีกต่อไป และยิ่งผู้เล่นในเมืองมีความเจริญรุ่งเรือง และพัฒนาไปมากขึ้นเท่าไหร่ ในทางกลับกัน มันก็จะทำให้ NPC มาเยี่ยมเยียนที่เมืองนี้มากขึ้น โดยเฉพาะเผ่าอื่นๆ


นอกจากนี้เงินก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับกิลอีกต่อไป ตอนนี้สภาสิบแปดปีกสามารถเดินทางไปมาระหว่างทวีปทั้งสองด้านได้แล้ว ดังนั้นแทนที่จะมุ่งเน้นไปที่เงิน พวกเขาควรจะพยายามเพิ่มความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีก เพราะตอนนี้สภาสิบแปดปีกนั้นไม่สามารถสร้างผู้เล่นขั้นสามจำนวนมากขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นจะต้องรับสมัครผู้เชี่ยวชาญมากขึ้น


“ในกรณีนี้ เราควรจะคงไว้ที่สิบเหรียญเงินต่อคนเหมือนเดิมงั้นหรอ ?” เสวี่ยเหวินโหรวถาม หลังจากฟังแล้ว เธอก็เห็นด้วยกับเหตุผลของซือเฟิง


ผู้ที่มาเยี่ยมชมเมืองก่อนหน้านี้นั้นล้วนเป็นสมาชิกของทีมนักผจญภัยที่ทรงพลังต่างๆ หรือไม่ก็มาจากกิลเท่านั้น ผู้เชี่ยวชาญอิสระนั้นจัดเป็นประชากรส่วนน้อยมากในเมืองป่าหิน อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องนี้มากนัก เนื่องจากเมืองป่าหินนั้นสามารถที่จะรองรับผู้เล่นได้จำนวนมาก


ตอนนี้เลเวลเฉลี่ยของผู้เล่นชั้นแนวหน้าได้มาถึงเลเวลหนึ่งร้อยแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่ได้จำเป็นเลยที่จะต้องเพิ่มค่าเข้ามากเกินไป การคงค่าเข้าไว้ในราคาถูกเพื่อรับสมัครผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเข้ามาที่สภาสิบแปดปีกให้มากขึ้นจึงเป็นเรื่องดีกว่า


“ไม่ ลดลงให้เหลือห้าเหรียญเงินเลย …” ซือเฟิงตัดสินใจ


“ห…. ห้า?” เสวี่ยเหวินโหรวพูดติดอ่างอย่างตกตะลึง


เมืองป่าหินตอนนี้นั้นเป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลาง และการที่ยอมตั้งค่าเข้าเมืองเท่าเดิมก็จัดว่าดีมากแล้ว เธอนั้นแทบไม่สามารถจะจินตนาการได้เลยด้วยซ้ำว่าหากตั้งค่าเข้าเมืองเป็นห้าเหรียญเงินต่อคน อะไรมันจะเกิดขึ้นบ้าง


“อืมมม ตั้งไปห้าเหรียญเงินนั่นแหละ …” ซือเฟิงพูดพลางพยักหน้า “ถึงเวลาแล้วที่เราจะทำการเปลี่ยนแปลงบางอย่างภายในสภาสิบแปดปีก”


จากนั้นซือเฟิงก็สั่งให้เสวี่ยเหวินโหรวเปิดเมืองให้สาธารณชนทั่วไปเข้ามา หลังจากปรับค่าเข้าเรียบร้อยแล้ว


ในขณะเดียวกันผู้เล่นอิสระและกิลจำนวนมากที่อยู่นอกเมืองก็เริ่มหมดความอดทนกันแล้ว ในขณะที่พวกเขาทำการคาดเดาเกี่ยวกับการอัพเกรดของเมืองป่าหินไปเรื่อยเปื่อย


“นี่สภาสิบแปดปีกจะให้เรารออยู่ข้างนอกทั้งวันจริงๆงั้นหรอ ?”


“อันนี้ฉันไม่รู้นะ แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่ฉันสามารถบอกได้เลยคือมีคนแบบพวกเราจำนวนมาก และแค่ค่าเข้าเมืองก็น่าจะทำให้สภาสิบแปดปีกได้รับเงินจำนวนมหาศาลแล้ว นี่มันน่าอิจฉาสุดๆ !!!”


“หื้ม ? ดูเหมือนว่าในที่สุดเมืองป่าหินก็จะเปิดแล้ว !!!”




ตอนที่ 2553 เมืองป่าหินที่น่าตกตะลึง


ในพื้นที่ชั้นในของป่าใบไม้ผลิ ตอนนี้ทีมผู้เชี่ยวชาญเลเวลหนึ่งร้อยเจ็ดหรือมากกว่าจำนวนหนึ่งร้อยคน พร้อมกับอาวุธและอุปกรณ์ชั้นยอดครบมือกำลังเดินไปตามเส้นทางที่จะพาพวกเขามุ่งหน้าไปยังเมืองป่าหิน


โดยอะเม้าท์ที่อ่อนแอที่สุดในทีมนี้นั้นก็ยังอยู่ระดับลึกลับขั้นเงิน และในขณะที่ทีมเดินไปตามเส้นทางนี้ ผู้เล่นทุกคนที่พบกับทีมๆนี้ก็จะก้าวเปิดทางให้โดยไม่มีใครกล้าขัดขวางความก้าวหน้าของทีม และแม้แต่สมาชิกของมหาอำนาจต่างๆก็ล้วนทำแบบนี้เช่นกัน


ผู้เล่นทุกคนในเส้นทางไม่เพียงแต่จะหลีกทางให้อันเนื่องมาจากออร่าของทีมผู้เชี่ยวชาญทีมนี้ แต่มันเป็นเพราะสัญลักษณ์กิลที่พวกเขามีที่บริเวณอกด้วย มันคือตราสัญลักษณ์ของจักรพรรดิคริมสัน และแม้แต่มหาอำนาจที่แท้จริงของ God domain ก็ยังไม่สามารถจะยั่วยุกิลโดยไม่ยั้งคิดได้


“จำสิ่งที่เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดบอกเราไว้ให้ดีอิลูซะรี่ เธอจะต้องไม่ทำอะไรที่เกินความจำเป็นในเมืองป่าหิน …” ชายผู้ดุร้ายที่ขี่หมีสงครามที่มีหกกรงเล็บ และนำกองกำลังหลักของจักรพรรดิคริมสันทีมนี้อยู่ กล่าวเตือนอิลูซะรี่เวิร์ดซึ่งเงียบมาตลอดการเดินทาง


แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าอะไรทำให้เธอคิดว่าสภาสิบแปดปีกจะสามารถหยุดการโจมตีของหัวใจปีศาจได้ แต่คำพูดของกิลก็นับเป็นกฎหมายสำหรับผู้เล่นในกิล หากอิลูซะรี่เวิร์ดทำข้อมูลใดๆรั่วไหลไปยังสภาสิบแปดปีก จนทำให้หัวใจปีศาจหรือมหาอำนาจที่ร่วมมือกับหัวใจปีศาจค้นพบ เธอก็จะทำให้กิลของพวกเขาตกอยู่ในตำแหน่งที่น่าอึดอัดมากๆ


“ฉันมีสามัญสำนึกเรื่องนี้อยู่หรอกน่า ฉันจะทำเพียงแค่ดูเท่านั้น คุณไม่จำเป็นจะต้องกังวล” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ


โดยส่วนตัวเธอไม่คิดว่าสภาสิบแปดปีกจะมีโอกาสต่อสู้กับมหาอำนาจต่างๆและหัวใจปีศาจมากนัก


เธอคิดเพียงแค่ว่ากิลจะไม่ยอมถูกทำลายลงง่ายๆแน่นอน และเธอก็แค่อยากจะไปเยี่ยมชมเมืองป่าหินเพื่อตรวจสอบความคิดของเธอ

เมื่อทั้งสองเงียบลง นักดาบหญิงที่มีรูปร่างสูง ผมสั้น และมีหน้าตาที่งดงามก็ขี่อะเม้าท์มาข้างหน้า มาเทียบกับอะเม้าท์ของอิลูซะรี่เวิร์ด และไม่เหมือนกับผู้ชี่ยวชาญคนอื่นๆในทีม เธอไม่ได้มีตราสัญลักษณ์กิลของจักรพรรดิคริมสันอยู่ที่ส่วนใดของร่างกาย


“คุณแน่ใจงั้นหรอว่าจะพาพวกเราไปด้วย รองหัวหน้ากิลอิลูซะรี่ ?” นักดาบหญิงผมสั้นถาม


ถ้าซือเฟิงอยู่เขาจะค่อนข้างแปลกใจกับฉากนี้แน่นอน เพราะนักดาบหญิงผมสั้นคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเกรซฟูลโมนาร์ช จากเขตแสงสุดขีดของดาร์คเดน


“ผ่อนคลายน่า เราแค่จะมาสังเกตการณ์เท่านั้น เราไม่ได้มาดำเนินปฎิบัติการลับบางอย่างสักหน่อย และตอนนี้เขตแสงสุดขีดกับจักรพรรดิคริมสันก็เป็นพันธมิตรกันแล้ว โดยอีกไม่นานพวกคุณก็จะต้องมาพัฒนาตัวเองในทวีปหลัก ดังนั้นที่ดีที่สุดตอนนี้คือคุณควรจะได้ดูสถานการณ์ทั้งหมดด้วยตาตัวเอง ซึ่งป่าใบไม้ผลิก็น่าจะกลายเป็นหนึ่งในสมรภูมิหลักระหว่างผู้เล่นทั่วไปอย่างเรา และผู้เล่นสายความมืด และตอนนี้มันก็มีมหาอำนาจจำนวนไม่น้อยอยู่ในเมืองป่าหิน ซึ่งโอกาสที่ยิ่งใหญ่แบบนี้นั้นไม่ได้เกิดขึ้นทุกวัน” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวด้วยรอยยิ้ม


“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ค่อยเบาใจหน่อย …” เกรซฟูลโมนาร์ชกล่าวพลางพยักหน้า และถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก


ถึงตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าดาร์คเดนนั้นมีความสำคัญมากขนาดไหนใน God domain และหลังจากได้เห็นสถานที่พักกิลของจักรพรรดิคริมสันแล้ว เธอก็ได้รู้แล้วว่ามหาอำนาจที่แท้จริงนั้นหมายถึงอะไร …. คำอธิบายเรื่องมหาอำนาจของเพอเพิ้ลรากษสนั้นเป็นเรื่องไม่ถูกต้องเลย


ต่อหน้ามหาอำนาจที่แท้จริงต่างๆนั้น เขตแสงสุดขีดก็จัดว่าไม่มีอะไรเลย และพวกเขาไม่ได้มีพลังใกล้เคียงกับกิลชั้นสูงด้วยซ้ำ


ต้องบอกว่าเธอโชคดีมากจริงๆที่จักรพรรดิคริมสันต้องการจะเป็นพันธมิตรกับเขตแสงสุดขีด


“โมนาร์ช ฉันบอกเธอแล้วนี่หว่าพี่สาวอิลูซะรี่เป็นคนดีมากๆ และทั้งหมดนี้มันก็ต้องขอบคุณเธอเลยที่ทำให้ฉันพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว และเนื่องจากพี่สาวอิลูซะรี่ตกลงที่จะพาเธอและทีมของเธอมาด้วยกันในการเดินทางครั้งนี้ ทุกคนก็จะได้รับการปรับปรุงความแข็งแกร่งขึ้นอย่างมากแน่นอน และผู้เชี่ยวชาญของเขตอื่นๆก็จะไม่เป็นปัญหาสำหรับเธอเลยเมื่อเธอกลับไปที่ดาร์คเดน” เพอเพิ้ลรากษสกระซิบด้วยรอยยิ้มบอกกับเกรซฟูลโมนาร์ชที่ดูกระวนกระวายใจ แม้จะมั่นใจในตัวอิลูซะรี่เวิร์ดก็ตาม


“การมาเยือนทวีปหลักของเราในครั้งนี้นั้นมันเต็มไปด้วยความประหลาดใจอย่างแน่นอน ฉันไม่เคยคิดเลยว่ากิลของบลูฟอร์สจะทรงพลังมากขนาดนี้ สภาสิบแปดปีกไม่เพียงแค่จะฆ่าโทรเบิ้ลไทม์ได้เท่านั้น แต่ยังบังคับให้หัวใจปีศาจต้องใช้ไพ่เด็ดของตัวเองอีกด้วย” เกรซฟูลโมนาร์ชกระซิบกลับ เธอนั้นไม่ได้รู้แน่ชัดว่าสภาสิบแปดปีกทรงพลังมากขนาดไหน แต่การที่กิลประสบความสำเร็จมากขนาดนี้ มันก็แปลว่าเขตหนึ่งแทบจะไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับอนาคตของตัวเองเลย


“สภาสิบแปดปีกนั้นน่าทึ่งมากจริงๆ แต่ตอนนี้กิลก็เป็นแค่กึ่งมหาอำนาจเท่านั้น กิลยังเทียบกับจักรพรรดิคริมสันไม่ได้ และเนื่องจากเขตแสงสุดขีดกับจักรพรรดิคริมสันได้เป็นพันธมิตรกันแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการพัฒนาของเขตตัวเองหรอก” เพอเพิ้ลรากษสกล่าว เธอรู้ว่าเพื่อนของเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เธอหัวเราะเบาๆและกล่าวต่อว่า “สภาสิบแปดปีกกำลังจะต้องเผชิญหน้ากับผู้เล่นทุกคนจากโลกอื่นขนาดใหญ่ แม้ว่ากิลจะยันไว้ได้ และไม่ถูกทำลายล้าง แต่กิลก็จะได้รับความเสียหายอย่างหนักจนยากจะฟื้นฟูแน่นอน และมันก็อาจจะทำให้การพัฒนาในอนาคตของเขตหนึ่งเจอกับปัญหาได้”


ด้วยภัยคุกคามที่เข้าปกคลุมเมืองป่าหินตอนนี้ สภาสิบแปดปีกจึงไม่น่าจะสามารถช่วยอะไรเขตหนึ่งได้มากนักในอนาคต ในทางตรงกันข้ามเขตแสงสุดขีดที่ได้รับความช่วยเหลือจากจักรพรรดิคริมสันนั้นไม่น่าจะมีปัญหาใดๆเลยในการกลายเป็นเขตที่แข็งแกร่งที่สุดสามอันดับแรกในดาร์คเดน


ขณะที่เกรซฟูลโมนาร์ชและเพอเพิ้ลรากษสยังคกระซิบพูดคุยกันต่อไป ทั้งทีมก็ออกมาจากป่าที่ล้อมรอบเมืองป่าหิน


“เมืองป่าหินอยู่ข้างหน้าแล้ว ระวังตัวเองกันหน่อยล่ะเมื่อเข้าเมือง มหาอำนาจหลายกลุ่มได้ซ่อนกองกำลังของตนไว้ภายใน หากไปทำให้หนึ่งในนั้นขุ่นเคืองโดยไม่ตั้งใจ เราจะมีปัญหาในการจัดการ” อิลูซะรี่เวิร์ดเตือนเหล่าผู้มาจากดาร์คเดน


สำนักงานใหญ่หลักของสภาสิบแปดปีกอยู่ด้านหน้าเรา ? ความอยากรู้อยากเห็นปรา

กฎขึ้นในดวงตาของเกรซฟูลโมนาร์ช ในที่สุด ฉันก็จะได้รู้ว่ากิลที่อยู่เบื้องหลังบลู

ฟอร์สนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน !!!


เธอยังคงไม่ลืมภาพของซือเฟิงที่สามารถป้องกันมือของราชันปีศาจไว้ได้ในดาร์คเดน และนั่นมันก็ทำให้เธอประทับใจกับตกตะลึงมากๆ


ไม่นานหลังจากคำเตือนของอิลูซะรี่เวิร์ด ภาพเงาของเมืองขนาดมหึมาก็ปรากฎขึ้นให้เห็น และมันก็สวยงามมากพอๆกับเมือง NPC ใหญ่ๆในจักรวรรดินักบุญทั้งสิบเลย และความหนาแน่นของมานาที่แผ่ออกมาจากเมืองป่าหินนั้นก็สังเกตเห็นได้ชัดเจนเป็นพิเศษ ซึ่งมันทำให้ทั้งทีมรู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังจ้องมองไปยังภูเขาแห่งคริสตัลเวทย์มนต์ไม่ใช่เมืองกิลธรรมดาๆ ….


นี่คือเมืองกิลของสภาสิบแปดปีกงั้นหรอ ?” เกรซฟูลโมนาร์ชตกตะลึงไปชั่วขณะ เมื่อเธอมองไปยังเมืองกิลที่เต็มไปด้วยมานาข้างหน้า


เธอเคยเห็นเมือง NPC ที่สำคัญและมีขนาดใหญ่มากมายในจักรวรรดินักบุญทั้งสิบ และแม้ว่าเมือง NPC เหล่านี้จะงดงามรวมทั้งยิ่งใหญ่ แต่ตอนนี้เมืองป่าหินกับสามารถเทียบได้เลย เผลอๆอาจเหนือกว่าบางเมืองด้วยซ้ำ และเขตแสงสุดขีดก็ไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่ากระท่อมเล็กๆเลย เมื่อเปรียบเทียบกัน


แม้แต่อิลูซะรี่เวิร์ดก็ยังอ้าปากค้าง เมื่อได้เห็นเมืองป่าหินโฉมใหม่


นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเดินทางมายังเมืองป่าหิน เธอเคยเดินทางเข้ามาที่เมืองหลายครั้งก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้เธอไม่รู้จะอธิบายยังไงต่อเมืองที่เธอได้เห็นตรงหน้าจริงๆ


ไม่เพียงแต่เมืองป่าหินในตอนนี้จะมีขนาดใหญ่และดูยิ่งใหญ่เท่ากับเมือง NPC ที่สำคัญๆ แต่มันยังแผ่มานาที่หนาแน่นซึ่งผู้เล่นสามารถสัมผัสได้จากระยะหลายพันหลาออกมา นี่มันจะเป็นเมืองป่าหินที่เธอรู้จักได้ยังไง ? นี่มันเหมือนเมืองศักสิทธิ์ที่ซ่อนอยู่ในป่าใบไม้ผลิมากกว่า !!!


อิลูซะรี่เวิร์ดยังพบกับผู้เล่นจำนวนมากต่อแถวรออยู่ที่ทางเข้าหลักของเมืองป่าหิน และโดยภาพรวมนั้นมันสามารถมองออกได้อย่างชัดเจนเลยว่า มีผู้เล่นหลายแสนคนต่อแถวรอเข้าเมืองอยู่ และเมื่อเวลาผ่านไปจำนวนมันก็ยิ่งเพิ่มขึ้น และเธอก็ยังเห็นผู้เล่นจำนวนหนึ่งขายลำดับที่ตัวเองต่อแถวด้วย ….

ยิ่งไปกว่านั้นอิลูซะรี่เวิร์ดยังสังเกตเห็น NPC จำนวนมากในแถว แม้กระทั่ง NPC จากเผ่าอื่น ตอนนี้เมืองป่าหินนั้นดูเหมือนเมือง NPC ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับมากกว่าเมืองกิลอย่างมาก


ชายผู้ดุร้ายข้างๆเธอ หันมามองอิลูซะรี่เวิร์ดและถามว่า “นี่เธอพาเรามาผิดที่รึปล่าว อิลูซะรี่ ?”




ตอนที่ 2554 ไพ่ลับของสภาสิบแปดปีก


เมื่อได้ยินคำถามของชายผู้ดุร้ายดังก้องขึ้นมาในอากาศ สมาชิกที่เหลือของจักร

พรรดิคริมสันก็หันไปหาอิลูซะรี่เวิร์ด


เมืองป่าหินตรงหน้าของพวกเขาตอนนี้นั้นมันน่าประทับใจและน่าตกตะลึงมากๆ ซึ่งมันยากที่จะจินตนาการว่าเมืองนี้เป็นเพียงเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลาง


พวกเขานั้นยุ่งอยู่ในจักรวรรดินักบุญทั้งสิบ ดังนั้นพวกเขาจึงได้ยินเพียงแค่เรื่องราวของเมืองป่าหินผ่านหูเท่านั้น นี่เป็นเพียงการมาครั้งแรกของพวกเขาเท่านั้น มีเพียงอิลูซะรี่เวิร์ดที่ชอบท่องไปทั่ว God domain เท่านั้นที่เคยเห็นเมืองนี้มาก่อน


“นี่คือพิกัดของเมืองป่าหิน และตรงหน้าของพวกเราก็ควรจะเป็นเมืองป่าหินนั่นแหละ …” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวพลางยิ้มให้กับชายผู้ดุร้าย “ป้ายด้านบนก็ระบุชัดเจนว่านี่คือเมืองป่าหินที่เรากำลังมองหา มันไม่ควรจะมีข้อผิดพลาดใดๆ”


ในความเป็นจริง แม้หลังจากได้เห็นด้วยตาตัวเองแล้ว เธอก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองมาผิดที่ เมืองตรงหน้าเธอนี้ดูไม่เหมือนกับเมืองป่าหินที่เธอเคยเห็นมาในอดีตเลย มันเกือบจะดูเหมือนเมือง NPC ขนาดใหญ่ที่สำคัญๆด้วยซ้ำ นอกจากนี้มานาที่ลอยออกมาจากเมืองก็มีความหนาแน่นแถมยังมีปริมาณมหาศาลมากๆ ซึ่งนี่มันเทียบได้แม้แต่กับเมืองไททัน ตอนนี้เมืองป่าหินนั้นดูไม่เหมือนเมืองที่ผู้เล่นเป็นเจ้าของเลย


สมาชิกของจักรพรรดิคริมสันพยายามจะทำให้ตัวเองใจเย็นลง ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มสำรวจเมืองตรงหน้าของพวกเขา และมันก็เป็นเช่นเดียวกับที่อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวนี่คือเมืองป่าหินอย่างไม่ต้องสงสัย


สมาชิกของจักรพรรดิคริมสันไม่ใช่ผู้เล่นแค่กลุ่มเดียวที่ตกใจกับรูปลักษณ์ใหม่ของเมืองป่าหิน ผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนาจที่แท้จริงบางคนที่เข้ามาตรวจสอบเมืองที่ได้รับการอัพเกรดนั้นต่างก็ประหลาดใจกับสิ่งที่พวกเขาค้นพบเช่นกัน ไม่เคยมีใครคิดเลยว่าเมืองกิลขนาดใหญ่ขั้นพื้นฐานจะเปลี่ยนไปอย่างมาก เมื่อมันได้รับการอัพเกรดเป็นเมืองกิลขนาดใหญ่ขั้นกลาง


“แบล๊คเฟรมนั้นยอดเยี่ยมมากจริงๆ ด้วยมานาที่หนาแน่นและมีจำนวนมหาศาลในเมือง ผู้เล่นจะยังคงเลือกพักที่นี่แน่นอน แม้ว่าจะมีการรุกรานจากโลกแห่งความมืดก็ตาม และด้วยการเก็บค่าเข้าเมืองเพียงอย่างเดียว สภาสิบแปดปีกก็จะไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องการเงินไประยะหนึ่งเลย” กาแล๊กซี่พาส หัวหน้ากิลพันธมิตรดวงดาวกล่าวแสดงความคิดเห็นอย่างอิจฉา ในขณะที่เขาจ้องมองไปที่เมืองเบื้องหน้าเขาด้วยความหวาดกลัว


กาลครั้งหนึ่งในอาณาจักรสตาร์มูน พันธมิตรดวงดาวนั้นเคยยืนประชันกับสภาสิบแปดปีกในเวทีเดียวกันได้ …. อย่างไรก็ตามตอนนี้ในขณะที่พันธมิตรดวงดาวมีปัญหาเรื่องรายได้ต่อวัน สภาสิบแปดปีกกับอยู่ได้อย่างสบายๆราวกับปลาที่กำลังแหวกว่ายในแม่น้ำใหญ่ ….


ปัจจุบันแหล่งรายได้หลักของกิลนั้นมาจากการเก็บค่าเข้าในเมืองกิลของพวกเขาทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมีเมืองกิลต่างๆเพิ่มขึ้นในแผนที่เป็นกลาง การแข่งขันมันจึงรุนแรงขึ้นมากๆ และเพื่อรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันเรื่องเมืองกิล

เมืองกิลส่วนใหญ่จึงลดค่าเข้าเมืองลงจนเหลือน้อยอย่างน่าเจ็บปวด


ในทางกลับกัน เมืองป่าหินนั้นไม่ได้มีความกังวลแบบนี้เลย ในฐานะเมืองกิลเพียงแห่งเดียวในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อย มันจึงไม่มีการแข่งขันใดๆ และสามารถกำหนดค่าเข้าเมืองได้ตามใจชอบ เพราะท้ายที่สุดผู้เล่นจำนวนมากก็จะยังคงเต็มใจที่จะมาเยี่ยมชมเมือง


“แน่นอนเลยว่าสภาสิบแปดปีกสามารถจะกำหนดค่าเข้าเมืองเท่าไหร่ก็ได้ แต่อย่างไรก็ตามพวกคุณพึ่งมาถึงนั้น พวกคุณอาจจะยังไม่รู้ว่าสภาสิบแปดปีกนั้นบ้าแค่ไหน พวกเขาคิดราคาค่าเข้าเมืองแค่ห้าเหรียญเงินต่อคนเท่านั้น ซึ่งฉันได้ยินมาว่านี่เป็นราคาที่ต่ำสุดที่เมืองขนาดใหญ่ขั้นกลางจะสามารถตั้งได้เลย ขณะที่เมืองกิลอื่นๆที่อยู่ใกล้กับแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยนั้นจะเรียกเก็บค่าเข้าอย่างน้อยสองเหรียญเงินต่อคน แต่เมืองเหล่านั้นก็ไม่มีอะไรจะเทียบกับเมืองป่าหินได้เลย เพื่อของฉันหลายคนกำลังวางแผนที่จะย้ายฐานปฎิบัติการมาที่เมืองป่าหินและฉันแน่ใจว่าไม่ใช่พวกเขาแค่กลุ่มเดียวแน่นอนที่มีความคิดแบบนี้ ฉันสงสัยว่าเราจะเห็นจำนวนผู้เล่นที่นี่เพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อยสิบเท่าเลย” ชิลวอริเออร์ขั้นสาม ซึ่งเป็นผู้เล่นอิสระและอยู่ในแถวด้านหน้าของกาแล๊กซี่พาสกล่าวพลางพยักหน้าเห็นด้วย


“ห้าเหรียญเงิน ?” โฟลวริชชิ่งวิลโลว์ แรนเจอร์หญิงขั้นสามที่อยู่เบื้องหลังของกาแล๊กซี่พาสจ้องมองไปที่ชิลวอริเออร์ด้วยดวงตาที่เบิกกว้างและตกตะลึงกับคำกล่าวของเขา


กิลชั้นสูงอย่างพันธมิตรดวงดาวนั้นไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องลดค่าเข้าเมืองลงอันเนื่องมาจากการแข่งขันที่พวกเขาต้องเผชิญ แต่เมืองป่าหินนั้นไม่เหมือนกัน แม้ว่าจะต้องเสียค่าเข้าเมืองที่ยี่สิบเหรียญเงินต่อคน แต่ผู้เล่นจำนวนมากก็จะยังคงเลือกใช้มันเป็นฐานแน่นอน นี่ไม่ต้องพูดถึงค่าเข้าสิบเหรียญเงินต่อคนเท่าเดิมเลย God domain นั้นมีผู้เล่นมากเกินไป และยังมีผู้เชี่ยวชาญอีกจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งเมืองป่าหินนั้นมีขนาดใหญ่ไม่พอจะรองรับผู้เล่นจำนวนนี้ได้แน่นอน


ด้วยความจุที่จำกัดของเมืองกิล และความจริงที่ว่าสภาสิบแปดปีกไม่ต้องกังวลเรื่องฐานลูกค้า การเพิ่มค่าเข้าจึงควรจะเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดที่สุด แต่สภาสิบแปดปีกกับทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม โฟลวริชชิ่งวิลโลว์ไม่อยากจะเชื่อเลย


แม้แต่สมาชิกของจักรพรรดิคริมสันที่กำลังยืนเข้าแถวอยู่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ เมื่อได้ยินว่าค่าเข้าเมืองนั้นมันถูกมากๆ


การเรียกเก็บเงินยี่สิบเหรียญเงินต่อคนเป็นค่าเข้านั้นก็นับวาเป็นการดูหมิ่นสถานที่พักผ่อนศักสิทธิ์ดังเช่นเมืองป่าหินอย่างมากแล้ว พวกเขาเตรียมพร้อมที่จะจ่ายสามสิบเหรียญเงินต่อคนเพื่อเข้าเมืองด้วยซ้ำ เพราะไม่เพียงแต่เมืองจะมีมานาที่หนาแน่นอย่างไม่น่าเชื่อ แต่มานาที่หนาแน่นนี้ยังจะช่วยให้ผู้เล่นฟื้นตัวจากความเหนื่อยล้าได้อย่างรวดเร็ว แถมผู้เล่นยังจะได้รับผลลัพธ์ที่น่าประหลาดใจด้วย หากพวกเขาฝึกฝนในเมือง และสามสิบเหรียญเงินนั้นก็ยังจะนับว่าเป็นราคาที่ผู้เล่นอย่างพวกเขายอมจ่ายง่ายๆแน่นอนเพื่อผลประโยช์มากขนาดนี้


แล้วด้วยเหตุผลอะไรถึงทำให้สภาสิบแปดปีกลดค่าเข้าเหลือห้าเหรียญเงินต่อคนเท่านั้น ?


“นี่คือไพ่ลับของแบล๊คเฟรมงั้นหรอ ? แน่นอนเลยว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาด” ชายผู้ดุร้ายจากจักรพรรดิคริมสันพึมพำ เมื่อได้ยินบทสนทนาของพันธมิตรดวงดาว


หากสภาสิบแปดปีกกำหนดค่าเข้าเมืองไว้ที่ยี่สิบถึงสามสิบเหรียญเงินต่อคนก็จะไม่มีผู้เล่นสนใจมาใช้ชีวิตในเมืองมากเท่านี้ และแม้ว่าในที่สุดเมืองจะแออัดแน่นอน แต่มันก็จะต้องใช้เวลานานพอสมควร เพราะไม่ใช่ว่าผู้เล่นทุกคนจะสามารถจ่ายในราคาสูงเช่นนี้ได้


ในทางตรงกันข้าม แม้แต่ผู้เล่นเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยทั่วไปก็ยังจะสามารถจ่ายเงินห้าเหรียญเงินต่อคนเพื่อเข้ามาในเมืองป่าหินได้ และคนเหล่านี้ก็จัดเป็นฐานประชากรผู้เล่นส่วนใหญ่ใน God domain ด้วย ซึ่งด้วยค่าเข้าเมืองที่ต่ำแบบนี้ เมืองก็จะเต็มความจุในสองถึงสามวันแน่นอน และแม้จะตั้งราคาไว้ที่ห้าเหรียญเงินต่อคน แต่เมืองก็จะยังคงทำกำไรอย่างน่าทึ่ง


“นี่จะทำให้รองหัวหน้ากิลหัวใจปีศาจอย่างเฟรมมิ่งไลท์ปวดหัวมากแน่นอน สภาสิบแปดปีกจะสามารถสร้างรายได้ ได้มากกว่าหนึ่งถึงสองล้านเหรียญทองในอีกสองหรือสามวันข้างหน้า รวมถึงผลกำไรที่จะได้รับจากธุรกิจในเมืองกิลนั้น มันก็จะทำให้สองล้านเหรียญทองก่อนสามวันแน่นอน และด้วยเงินจำนวนมากขนาดนี้ สภาสิบแปดปีกก็จะสามารถเอาชีวิตรอดจากการโจมตีของโลกแห่งความมืดได้เป็นเวลานานอย่างง่ายดาย” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวด้วยรอยยิ้ม


ถึงแม้จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอันรุ่งโรจน์ของเมือง แต่เธอก็ไม่ได้คิดว่าสภาสิบแปดปีกจะมีโอกาสสูงมากนัก อย่างไรก็ตามหลังจากการค้นพบครั้งนี้ เธอก็ยอมรับว่าสภาสิบแปดปีกนั้นไปไกลเกินกว่าความคาดหมายเธอมากๆ และตอนนี้มันก็จะทำให้หัวใจปีศาจคุกคามสภาสิบแปดปีกได้ยากขึ้นมาก


“สภาสิบแปดปีกนั้นเคลื่อนไหวได้อย่างชาญฉลาด แต่น่าเสียดายที่มันสายเกินไปแล้ว …” ชายผู้ดุร้ายกล่าวพลางส่ายหัว


“คุณหมายถึงอะไร ?” อิลูซะรี่เวิร์ดถามด้วยความประหลาดใจ


“ฉันไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเธอก่อนหน้านี้ แต่เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดได้เก็บข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของหัวใจปีศาจไว้แล้วเพื่อความปลอดภัย ประตูสู่โลกแห่งความมืดนั้นน่าจะถูกเปิดใช้งานในวันพรุ่งนี้เป็นอย่างช้าที่สุด ซึ่งมันก็จะทำให้มหาอำนาจต่างๆของโลกแห่งความมืดรวมทั้งผู้เชี่ยวชาญอิสระหลั่งไหลเข้าสู่ป่าใบไม้ผลิ” ชายผู้ดุร้ายกล่าวอย่างกระซิบกับอิลูซะรี่เวิร์ด “สภาสิบแปดปีกไม่มีเวลามากพอที่จะรวบรวมความมั่งคั่งที่ต้องการแน่นอน”


เมืองป่าหินนั้นเป็นเมืองที่น่าดึงดูดโดยเฉพาะกับผู้เล่นทั่วไป แต่ผู้เล่นทั่วไปนั้นก็ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้สิทธิประโยชน์ของเมืองเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นผู้เล่นทั่วไปยังไม่สามารถเทเลพอร์ตมาที่นี่ได้เหมือนกับผู้เชี่ยวชาญ และโดยทั่วไปแล้ว พวกเขาก็จะเดินทางไปมาด้วยเรือเหาะซึ่งมีราคาถูกกว่ามาก ที่แย่กว่านั้นคือไม่มีเส้นทางการบินใดๆที่มุ่งหน้ามายังเมืองป่าหิน ดังนั้นผู้เล่นจึงจะต้องใช้เวลาที่เหลือในการเดินทางบนอะเม้าท์ของตน และมันก็แตกต่างจากผู้เล่นของกิลขนาดใหญ่ ผู้เล่นทั่วไปนั้นมีแค่อะเม้าท์ระดับทั่วไปเท่านั้น

ในแง่มุมอื่นๆ เช่นการแพร่กระจายข้อมูลสงครามระหว่างสภาสิบแปดปีกกับกองกำลังของโลกแห่งความมืด มันก็ได้เริ่มขึ้นมานานแล้วก่อนที่ผู้เล่นทั่วไปจะเริ่มมาเยี่ยมชม เมืองของอาณาจักรและจักรวรรดิต่างๆ


ในขณะที่เมืองป่าหินใหม่สร้างความประหลาดใจให้กับมหาอำนาจจำนวนมาก ซือ

เฟิงก็ได้เทเลพอร์ตไปยังเมืองไวท์ริเวอร์อย่างลับๆเพื่ออัพเกรดกองอัศวินของเขา


ในขณะที่ผู้เล่นระดับผู้เชี่ยวชาญอาจทำหน้าที่เป็นรากฐานของกิลใน God domain แต่กิลก็ต้องการกองอัศวินที่แข็งแกร่ง หากต้องการตั้งรากฐานในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยหรือมากกว่านั้น


เนื่องจากซือเฟิงขาดเงินทุนที่จำเป็นมาก่อน เขาจึงละเว้นจากการอัพเกรดกองอัศวินของเขาไประยะหนึ่ง


อย่างไรก็ตามเงินไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป ด้วยผลกำไรจากการขายวัสดุของทวีปด้านตะวันตก และค่าเข้าเมืองป่าหิน ตอนนี้มันทำให้ซือเฟิงมีเหรียญทองอยู่ในกระเป๋ามากถึงห้าล้านเหรียญทอง และการประหยัดเงินจำนวนมากแบบนี้ไว้ใช้ทีหลัง มันจะเป็นการสูญเปล่าโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่เมืองป่าหินกลายเป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นกลางแห่งแรกในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อย นี่มันจะทำให้เขาสามารถรับสมัครอัศวินจำนวนมากที่มีอัตราการเติบโตสูงได้อย่างแน่นอน


อาณาจักรสตาร์มูน สมาคมนักผจญภัยเมืองไวท์ริเวอร์ :


ข่าวการอัพเกรดของเมืองป่าหินนั้นได้ไปถึงหูของผู้เล่นจำนวนมากแล้ว และผู้เล่นทุกคนในสมาคมนักผจญภัยก็กำลังคุยกันเรื่องนี้ เมื่อซือเฟิงมาถึง ผู้เล่นอิสระหลายคนแสดงความตั้งใจอย่างกระตือรือร้นที่จะเข้าไปพัฒนาในเมืองหรือใกล้เมือง โดยเฉพาะผู้ที่มีทีมเป็นของตัวเอง


ซือเฟิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะเดินขึ้นไปยังชั้นสองของสมาคมนักผจญภัยของเมืองไวท์ริเวอร์ และเข้าไปใน ห้อง VIP ที่ห้องหนึ่ง


“ท่านลอร์ดผู้ได้รับมรดกระดับทองแดง วันนี้มีอะไรให้ฉันรับใช้ท่าน ?” ผู้อาวุโส

ลอร์เรนถามด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เธอเดินเข้ามาหาเขา


“ฉันต้องการดูสถานะการรับสมัครในปัจจุบัน และการอัพเกรดของกองอัศวินของฉัน” ซือเฟิงบอกเธอด้วยรอยยิ้ม



ตอนที่ 2555 กองอัศวินโฉมใหม่


ลอร์เรนพยักหน้าให้กับคำขอของซือเฟิงและออกไปทันทีเพื่อจัดการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง หลังจากนั้นไม่นานผู้อาวุโสลอร์เรนก็กลับมาพร้อมกับหนังสือเล่มหนามาวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าเขา


“มากมายขนาดนี้เลยงั้นหรอ ?” ซือเฟิงถามพลางเหลือบมองไปที่หนังสือ


ลอร์เรนให้กระดาษแผ่นเดียวกับเขาในระหว่างการมาเยี่ยมเยียนครั้งสุดของเขา ในตอนที่เขาขอดูสถานะการรับสมัครของกองอัศวิน แต่ตอนนี้เธอกับนำหนังสือทั้งเล่มมาให้เขา ….


โดยปกติหากมีผู้สมัครน้อยกว่าสามหมื่นคน ผู้เล่นจะได้รับเพียงแผ่นกระดาษเท่านั้น พวกเขาจะได้รับแผ่นกระดาษอีกหนึ่งแผ่นสำหรับผู้สมัครทุกๆหนึ่งหมื่นคนนอกเหนือจากนั้น และผู้เล่นจะได้รับหนังสือที่สมบูรณ์แบบนี้ เมื่อมี NPC มากกว่าหนึ่งแสนคนมาสมัครเข้าร่วมกองอัศวินเท่านั้น


ซือเฟิงได้ทำการประกาศรับสมัคร NPC จากเมืองต่างๆของ NPC จำนวนมาก แล้วเขาก็ได้ยอมรับหรือไม่ก็ปฎิเสธ NPC ไปเป็นจำนวนมาก ดังนั้นมันจึงไม่ควรจะมี NPC เข้ามาสมัครใหม่จำนวนมากเกินไป และการที่มี NPC สนใจมากกว่าห้าหมื่นคนก็จะนับว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากแล้ว แต่ตอนนี้มันกับมี NPC ใหม่สนใจจะสมัครเข้ากองอัศวินของเขามากกว่าหนึ่งแสนคน ….


“ในตอนแรกท่านลอร์ดผู้ได้รับมรดกระดับทองแดง มันมีคนสนใจไม่มากนักหรอก อย่างไรก็ตามเนื่องจากมีการแข่งขันกันของเผ่าอื่นๆจำนวนมากเพื่อเข้าสู่เมืองป่าหิน ดังนั้นจำนวนผู้สนใจจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก” ลอร์เรนอธิบาย


สิทธิประโยชน์ของฉายาเมืองอิสระนั้นมีผลอย่างรวดเร็วขนาดนี้เลยงั้นหรอ ? คำอธิบายนี้ทำให้ซือเฟิงตกตะลึง


เขาคิดว่าเขาต้องรออีกสองถึงสามวันก่อนที่ฉายาจะมีผล เขาเพิ่งอัพเกรดเมืองป่าหินไปได้ไม่นาน และคิดว่าคงจะต้องรออีกพักหนึ่งจนกว่าฉายาจากระบบนี้จะมีผล อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเขาจะประเมินฉายาใหม่นี้ต่ำเกินไปหน่อย


“มันมีผู้สนใจสมัครเข้ากองอัศวินของท่านทั้งหมด 112,672 คน และในหมู่ทั้งหมดนี้ 83,241 คนเป็นมนุษย์ 27,412 คนเป็นออร์ค 1,836 คน เป็นเอลฟ์ และ 183 คนเป็นยักษ์ หนังสือเล่มนี้บันทึกข้อมูลของผู้สมัครเหล่านี้ไว้ทั้งหมด” ลอร์เรนกล่าวต่อโดยไม่สนใจคำพูดพึมพำของซือเฟิง


“มันมี NPC เกือบสามหมื่นคนจากเผ่าอื่น ? นี่ถ้ามหาอำนาจต่างๆในชีวิตที่ผ่านมาของฉันรู้เรื่องนี้ พวกเขาจะไม่เป็นบ้าไปเลยงั้นหรอ ?” ซือเฟิงไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้นที่เพิ่มขึ้นของเขาได้


การรับสมัคร NPC จากเผ่าอื่นมาเข้ากองอัศวินนั้นมันก็ยากมากสำหรับผู้เล่น เพราะเผ่าอื่นๆนั้นมีประชากรน้อยกว่ามนุษย์ และโดยปกติแล้วมหาอำนาจต่างๆในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิงก็จะรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง หากมี NPC ที่ไม่ใช่มนุษย์หลายพันคนสนใจจะสมัครเข้าร่วมกองอัศวินของพวกเขา


แต่ตอนนี้ซือเฟิงกับมีจำนวน NPC จากเผ่าอื่นที่ไม่ใช่มนุษย์สนใจมาสมัครเข้าร่วมกองอัศวินของเขาเกือบสามหมื่นคน ซึ่งนี่มันนับเป็นจำนวนที่น่ากลัวอย่างมากแน่นอน และแม้แต่ลอร์ดระดับสองดาวก็ยังไม่อาจจะได้รับมากมายขนาดนี้ตลอดทั้งปี


ที่สำคัญที่สุดคือเอลฟ์และยักษ์นั้นก็ได้มาสมัครเป็นจำนวนมาก สถานการณ์นั้นมันเกินความคาดหมายของเขาอย่างสิ้นเชิง


ใน God domain ประชากรออร์คนั้นมีมากเป็นอันดับสองรองจากมนุษย์เท่านั้น และโดยทั่วไปแล้วออร์คก็จะจัดเป็นส่วนใหญ่ของ NPC ที่ไม่ใช่มนุษย์ที่เข้ามาสมัคร


แน่นอนว่ามันไม่ได้ลดความแข็งแกร่งของอัศวินออร์คลงไป ในทางตรงกันข้าม NPC ออร์คนั้นทรงพลังมากทีเดียว พวกเขาเป็นนักรบโดยกำเนิดที่มีประสาทสัมผัสที่เฉียบคมและโครงสร้างที่แข็งแกร่งกว่ามนุษย์มาก และนอกเหนือจากฮีโร่ของมนุษย์ มันก็ไม่มีนักสู้มนุษย์คนไหนที่จะสามารถเทียบกับนักสู้ออร์คในขั้นและเลเวลเดียวกันได้


การวิจัยและความคิดสร้างสรรค์ที่เหนือกว่าของเผ่ามนุษย์ เป็นสาเหตุที่ทำให้ออร์คเทียบกับเผ่ามนุษย์ไม่ติด และถูกบังคับให้อาศัยอยู่ห่างไกลจากดินแดนที่อุดมไปด้วยทรัพยากรของทวีปหลัก


อย่างไรก็ตามหากผู้เล่นสามารถรับสมัครออร์คจำนวนหนึ่งเข้ากองอัศวิน และจัดตั้งเป็นหน่วยระยะประชิดที่ได้รับการฝึกมาอย่างดีได้ มันก็แทบจะไม่มีมหาอำนาจใดสามารถจะหยุดยั้งพวกเขาในการต่อสู้ได้เลย


ซือเฟิงรีบตรวจสอบรายชื่อการรับสมัครทันที ….


เมื่อเขามาถึง เขาได้วางแผนจะรับสมัครอัศวินใหม่ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงเพื่อแทนที่ NPC ที่อ่อนแอของเขา แต่ตอนนี้มันมีการเปลี่ยนแปลงอีกมากมายที่เขาจะสามารถทำได้กับกองอัศวินของเขา


เวลานั้นผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยไม่หยุดพัก ซือเฟิงใช้เวลากว่ายี่สิบชั่วโมงในการเรียกดูรายชื่อการรับสมัคร และเขาก็จดจ่ออยู่กับมันมากซะยิ่งกว่าตอนล่าบอสซะอีก


โชคดีที่ฉันนำเหรียญทองจำนวนมากมาด้วย ไม่งั้น ฉันจะมีเงินไม่พอจ่ายค่าธรรมเนียมการเลิกจ้างด้วยซ้ำ ซือเฟิงเผยรอยยิ้มขมขื่น ขณะที่เขาอ่านรายชื่อเสร็จสิ้น


หากสิ่งต่างๆเป็นไปตามแผนเดิมของเขา เขาจะสามารถแทนที่สมาชิกในกองอัศวินของเขาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ตอนนี้เขาได้มีโอกาสที่จะรับสมัคร NPC ที่ไม่ใช่มนุษย์จำนวนมากมาเข้ากองอัศวินของเขาตลอดไปเป็นจำนวนมากแล้ว ….


เมื่อเขาคัดเลือก อัศวิน NPC ที่ไม่ใช่มนุษย์แล้ว เขาจะไม่สามารถยกเลิกหรือแทนที่ได้ ดังนั้นเขาจึงระมัดระวังอย่างมากในการเลือกอัศวินที่ไม่ใช่มนุษย์


โชดคีที่อัศวิน NPC ที่ไม่ใช่มนุษย์นั้นมีราคาการรับสมัคร และราคาการดูแลที่ถูกกว่า NPC ที่เป็นมนุษย์มาก ซึ่งโดยทั่วไปแล้วก็จะมีราคาถูกกว่าอย่างน้อยสามสิบเปอ

เซ็นต์ และเมื่อพิจารณาแล้ว มันก็ไม่ใช่ธุรกรรมที่ไม่ดีเลย ….


ยิ่งไปกว่านั้น NPC ที่ไม่ใช่มนุษย์ก็มักจะมีความสามารถมาก ในความเป็นจริงมากกว่าครึ่งของ NPC ที่ไม่ใช่มนุษย์ใน God domain นั้นล้วนมีมาตราฐานอัศวินระดับทองแดงหรือสูงกว่าทั้งหมด ซึ่งนี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มหาอำนาจต่างๆในอดีตต้องการ NPC ที่ไม่ใช่มนุษย์


จากออร์ค 27,412 คนที่สนใจจะสมัครเข้าร่วมกองอัศวินของซือเฟิง 15,123 คน เป็นอัศวินระดับทองแดงขั้นสอง อัตราส่วนนี้ไม่เคยมีมาก่อนในหมู่ NPC ของมนุษย์ อย่างไรก็ตามมันค่อนข้างปกติสำหรับออร์ค

แถมมันก็มีออร์คขั้นสามจำนวนมาสนใจมาสมัครเข้ากองอัศวินของเขาเช่นกัน และพวกนี้ทั้งหมดก็ล้วนมีศักยภาพสูงมาก แม้แต่ผู้ที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขาก็ยังมีมาตราฐานที่ระดับเหล็กลึกลับ ในขณะที่มีสี่สิบห้าคนที่อยู่ในระดับลึกลับขั้นเงิน และหนึ่งคนที่อยู่ในระดับไฟน์โกล


ขณะที่ผู้สมัครที่เป็นเอลฟ์และยักษ์นั้นมันก็น่าตกตะลึงอย่างมากเช่นกัน ….


เอลฟ์นั้นเป็นนักเวทย์ตั้งแต่เกิดตามธรรมชาติ และมีโอกาสในการเติบโตสูงกว่าเผ่าส่วนใหญ่มากๆ แม้แต่เอลฟ์ที่อ่อนแอที่สุดก็ยังอยู่ในระดับทองแดง ในขณะที่มีเอลฟ์มากถึงสี่สิบสามคนอยู่ในระดับลึกลับขั้นเงิน และอีกสองคนอยู่ในระดับไฟน์โกล ยิ่งไปกว่านั้นเอลฟ์ทุกคนที่มาสมัครยังเป็นเอลฟ์ขั้นสามทั้งหมด ….


ขณะที่แม้ว่าจะมียักษ์สนใจมาสมัครเข้ากองอัศวินของเขา 183 คน แต่มันก็มีเพียง 13 คนเท่านั้นที่เป็นอัศวินระดับลึกลับขั้นเงิน และหนึ่งคนเป็นอัศวินระดับไฟน์โกล


ซึ่งโดยรวมแล้วมันก็ทำให้มีอัศวินระดับลึกลับขั้นเงินและไฟน์โกลมากกว่าหนึ่งร้อยคนที่ไม่ใช่เผ่ามนุษย์ได้รับการยอมรับให้เข้าร่วมกับกองอัศวินของซือเฟิง ซึ่งนี่มันมีอัศวินระดับสูงมากกว่าผู้สมัครของมนุษย์แปดหมื่นคนซะอีก เมื่อคิดเป็นสัดส่วน


“ท่านลอร์ดผู้ได้รับมรดกระดับทองแดง ท่านตัดสินใจได้แล้วรึยัง ?” ลอร์เรนถามเมื่อเห็นซือเฟิงปิดหนังสือ


“อืมมม ฉันต้องการอัศวินทุกคนที่มีศักยภาพระดับลึกลับขั้นเงินขึ้นไปทั้งหมด และฉันต้องการอัศวินระดับเหล็กลึกลับเหล่านี้ ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง และอัศวินขั้นสามที่เหลือด้วย” ซือเฟิงตอบพลางพยักหน้า


โดยปกติแล้วอัศวิน NPC นั้นจำเป็นต้องมีศักยภาพในการเติบโตที่ระดับเหล็กลึกลับเป็นอย่างน้อยจึงจะสามารถเลื่อนขั้นเป็นขั้นสามได้ และแม้ช่วงต่อไปของ God domain NPC ขั้นสามก็ยังถือว่าเป็นตัวตนที่ทรงพลังมาก เพราะท้ายที่สุดมันจะมีผู้เล่นเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเข้าไปถึงขั้นสี่ได้ และแม้ว่าจะทำได้ แต่กลุ่มของ NPC ขั้นสามที่ได้รับการสนับสนุนจากวงเวทย์ป้องกันของเมืองก็จะไม่ฝช่คู่ต่อสู้ที่ง่ายดาย ซึ่งหากมี NPC ขั้นสามมากพอที่จะสร้างและใช้วงเวทย์การต่อสู้ พวกเขาก็สามารถจะฆ่าผู้เล่นขั้นสี่ได้อย่างง่ายดาย


นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมแม้จะมาถึงขั้นสี่แล้ว แต่ผู้เล่นก็จะสามารถแสดงความหยิ่งผยองของตนได้แค่ในแผนที่ล่าเท่านั้น


“ดีมาก !! มีผู้สมัคร 152 คน ที่มีระดับลึกลับขั้นเงินหรือสูงกว่าขึ้นไป รวมถึงส่วนที่เหลือมีอัศวินขั้นสามทั้งหมด 326 คน และเมื่อคำณวนรวมกับการรับสมัครอัศวินระดับเหล็กลึกลับอีก 1,872 คนแล้ว ทั้งค่าใช้จ่ายในการเลิกจ้างและการรับสมัครของท่านจะอยู่ที่ 554,600 เหรียญทอง” ลอร์เรนใช้เวลาชั่วครู่ก่อนจะกล่าวออกมา หลังจากคำณวนค่าใช้จ่ายทั้งหมด


“กรุณารวมค่าอัพเกรดอัศวินเดิมของฉันอีก 437 คน เข้าไปด้วย …” ซือเฟิงกล่าว และเขาก็พูดต่อว่า “และฉันก็อยากจะอัพเกรดอาวุธกับอุปกรณ์ของอัศวินขั้นสามของฉันทั้งหมดให้เป็นระดับอีปิค มันคิดเป็นจำนวนเท่าไหร่ ?”


“นั่นจะทำให้ราคาสูงขึ้นมาก หากเรารวม 437 คน ที่จะได้รับการอัพเกรดเป็นขั้นสามแล้ว ท่านจะต้องเพิ่มเงินอีก 5,640,000 เหรียญทอง เพื่อให้อัศวินของท่านที่ได้รับการอัพเกรดแล้วทุกคนกลายเป็นขั้นสามอย่างเป็นทางการ และติดตั้งอุปกรณ์กับอาวุธระดับอีปิคให้พวกเขา และเมื่อรวมกับก่อนหน้านี้จำนวนที่ท่านต้องจ่ายก็จะอยู่ที่ 6,198,970 เหรียญทอง” ลอร์เรนตอบพลางมองไปยังซือเฟิงอย่างแปลกๆ


“หื้มมม …” หลังจากคิดเรื่องนี้อยู่ชั่วครู่ ซือเฟิงก็กล่าวออกมาว่า “ลดจำนวนลง

สักเล็กน้อย ฉันต้องการเซ็ทอาวุธกับอุปกรณ์ระดับอีปิค 1,150 ชุด”


“นั่นไม่มีปัญหา งั้นยอดรวมทั้งหมดก็จะเหลืออยู่ที่ 5,158,970 เหรียญทอง และเมื่อท่านดำเนินการชำระเงินแล้ว สินค้าก็จะถูกจัดส่งภายในสามชั่วโมง และอัศวินหน้าใหม่ทั้งหมดก็จะไปถึงคฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองเมืองในเวลาหนึ่งชั่วโมง” ลอร์

เรนกล่าวอย่างใจเย็น


จากนั้นเหรียญทองทั้งหมดที่ซือเฟิงเก็บรวบรวมมาได้ก็หายไปจากกระเป๋าของเขาแทบทั้งหมด และในพริบตาเขาก็กลายเป็นคนจนอีกครั้ง ….


“การดูแลกองอัศวินนั้นมีค่าใช้จ่ายสูงมากๆ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมมหาอำนาจทั้ง

หมดที่มีกองอัศวินเป็นของตัวเองจึงยากจนมากๆ” ซือเฟิงพึมพำด้วยรอยยิ้มขมขื่น เมื่อเห็นว่าเขาเหลือเงินน้อยกว่าสามพันเหรียญทองในกระเป๋าของเขา


ขณะที่ซือเฟิงอัพเกรดกองอัศวินของเขา ที่บริเวณหุบเขาอันห่างไกลในป่าใบไม้ผลิ ….


กลุ่มผู้เล่นนักเวทย์ในชุดเสื้อคลุมสีดำก็ได้เริ่มร่ายเวทย์ หลังจากเขียนวงเวทย์ขนาดมหึมาเสร็จสิ้น โดยวงเวทย์นี้นั้นปกคลุมรัศมีสองร้อยหลา และตรงกลางก็มีชายหนุ่มรูปงามที่ไม่แยแสกับคริสตัลสีดำสนิทที่เขาถืออยู่ในมือซ้ายยืนอยู่ ขณะที่เขาเขียนอักษรรูนศักสิทธิ์ด้วยมือขวาของเขา และด้วยอักษรรูนที่เสร็จสมบูรณ์แต่ละบรรทัดนั้น ชิ้นส่วนของคริสตัลก็ค่อยๆแตกตัวและสลายไป


หลังจากนั้นไม่นานชายหนุ่มก็เขียนอักษรรูนศักสิทธิ์จนเสร็จ และคริสตัลสีดำสนิทในมือของเขาก็สลายหายไป


ทันใดนั้นท้องฟ้าเหนือวงเวทย์ก็แตกออกและประตูขนาดมหึมาก็หล่นลงมาจากรอยแยกมิติ โดยประตูนี้มีความสูงกว่าหนึ่งร้อยเมตร และถูกปกคลุมไปด้วยอักษรรูนโบราณ ที่แผ่ออร่าอันยิ่งใหญ่ออกมาจนทำให้คนที่อยู่ใกล้ๆนั้นอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น


ประตูนั้นได้ค่อยๆตกลงมาถึงตรงกลางของวงเวทย์


“ยอดเยี่ยม !!! เสร็จสมบูรณ์แล้ว !!!” เฟรมมิ่งไลท์อุทานเมื่อเห็นฉากนี้ พร้อมกันนั้นประตูก็เริ่มเปิดออก จากนั้นเขาก็เหลือบไปมองชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ และพูดว่า “ฮาร์ท แจ้งไปยังมหาอำนาจต่างๆ และพวกเขาว่าประตูเปิดแล้ว !! พวกเขาจะคว้าโอกาสนี้ไว้ไหม มันก็ขึ้นอยู่กับพวกเขาแล้ว !!!”


“เข้าใจแล้ว !!!” ฟิวเรียสฮาร์ทตอบด้วยความเคารพก่อนจะนำทีมของเขาออกไป

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)